เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 15
ค่ำนั้น...เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เข้มรีบไปรับสาย
“ฮัลโหล...”
พอได้ยินว่าใครโทรมา เข้มรีบหันมาบอกทิว
“ขวัญตาโทรมาครับนาย”
ทิวรีบมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหล...ขวัญตา ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“พี่ทิว...ขวัญตาโทรมาลา ที่ไม่ได้ลาด้วยตัวเอง เพราะขวัญตาไม่กล้าสู้หน้าพี่ทิวอีกแล้ว”
“เธอจะไปไหน กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้ รู้มั้ยว่ามันอันตราย ถ้าไอ้เทพจับเธอได้”
“ก็ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นผลจากการเลือกทางเดินของขวัญตาเอง พี่ทิวเป็นคนดีไม่สมควรต้องมาแบกรับภาระแบบนี้”
“เธอไม่ใช่ภาระ”
“แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พี่ทิวควรจะได้รับ ไม่ต้องห่วงขวัญตานะ ขวัญตามีพ่อกำนันรออยู่ ขวัญตาจะกลับไปอยู่บ้าน พ่อกำนันจะดูแลขวัญตาเอง ลาก่อนจ้ะ”
ขวัญตารีบวางสาย ทิวตกใจ
“ขวัญตา เดี๋ยวก่อน ขวัญตา”
ทิววางสายลงช้าๆ หันไปบอกกับเข้ม
“ขวัญตากลับไปอยู่บ้าน”
เข้มโล่งใจ
“หมดห่วงไป...กำนันแกคงไม่ปล่อยให้ขวัญตาเป็นอันตรายหรอกครับนาย”
“ก็หวังไว้อย่างนั้น”
ทิวรู้สึกเป็นห่วงขวัญตาอยู่ดี
หญิงมานศรีเดินเสียใจออกมา เสกสรรค์วิ่งตาม พยายามเรียก
“คุณหญิง...คุณหญิงครับ เดี๋ยวก่อน”
แต่หญิงมานศรีไม่ฟัง เดินหนีไป เสียใจมาก เสกสรรค์วิ่งตาม
หม่อมสรัสวดีและชายคำรณฤทธีนั่งนิ่งอยู่ในร้าน ชายคำรณฤทธีมองแม่อย่างเสียใจ และพยายามค้นหาความจริงจากแววตาของแม่
“เพราะอะไรครับ”
หม่อมสรัสวดีนิ่ง...ไม่ตอบ พยายามมั่นคง
“มีอะไรที่หม่อมแม่ปิดบังชายครับ”
“ไม่มี...”
“มีครับ...ชายรู้ ว่าหม่อมแม่รักพวกเรา หม่อมแม่ต้องมีเหตุผล ทำไมถึงยังยัดเยียดให้หญิงแต่งงานกับคุณเทพ ฆาตกรคนนั้น”
หม่อมสรัสวดีน้ำตาร่วงพรู ชายคำรณฤทธีลุกขึ้นไปกอดประโลมแม่
“หม่อมแม่ครับ บอกชายเถอะครับ”
“แม่เป็นคนสร้างปัญหา แม่จะขอแก้ไขมันเอง”
“เราเหลือกันแค่สามคน หม่อมแม่พูดเองไม่ใช่เหรอครับ...ชายจะไม่ปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องต่อสู้เพียงลำพัง”
หม่อมสรัสวดีสงสารลูก แต่ก็ยังไม่ปริปาก
“เชื่อแม่เถอะ นี่คือทางออกที่ดีที่สุดของเรา”
หม่อมสรัสวดีลุกหนีไป ชายคำรณฤทธีกลุ้มใจ ไม่เข้าใจแม่ สงสารหญิงมานศรีจับใจ
หญิงมานศรีวิ่งหนีมา ร้องไห้ เสกสรรค์เดินเข้ามาหา
“คุณหญิง...”
“ไปซะเถอะค่ะเสก อย่ามาอยู่ใกล้หญิง”
“คุณหญิงก็รู้ ว่าไล่ผมไปไม่สำเร็จหรอก”
“ทำไมล่ะเสก หญิงมีอะไรดีนักหนา ไม่เห็นเหรอ ว่าตอนนี้หญิงตกอยู่ในสภาพไหน ตกต่ำจนต้องถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อเงิน”
“ผมช่วยคุณหญิงได้”
“ไม่มีใครช่วยหญิงได้”
“ผมนี่ไง!”
หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามา ขัดจังหวะ
“หญิง...กลับ!”
“หญิงไม่กลับ! หม่อมแม่บังคับหญิงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
หม่อมสรัสวดีจำใจตบหน้าลูกสาว
“อย่ามาขึ้นเสียง”
หญิงมานศรีกับเสกสรรค์ตกใจ หม่อมสรัสวดีเองก็เจ็บปวด แต่ทำเชิด ไม่แคร์
“หน้าที่ของลูก คือกตัญญูต่อพ่อแม่ นี่เป็นวิธีหนึ่งที่เธอจะแสดงให้ฉันเห็นว่าเธอได้ทำหน้าที่ของตัวเองดีแล้วหรือยัง”
หญิงมานศรีเสียใจ อึดอัดใจ
“หม่อมแม่...”
เสกสรรค์ไม่พอใจ
“หม่อมไม่มีสิทธิ์บังคับใจคุณหญิงเรื่องนี้!”
“นี่เป็นเรื่องในครอบครัว คนนอกอย่างเธอไม่เกี่ยว”
หม่อมสรัสวดีรีบลากตัวหญิงมานศรีออกไป เสกสรรค์มองตามอย่างเจ็บปวด พยายามคิดหาทางช่วยหญิงมานศรีให้ได้
เช้าวันใหม่...ธีรพลมาบอกข่าวหญิงมานศรีจะแต่งงาน ทิวตกใจมาก
“คุณหญิงต้องแต่งงานกับไอ้เทพงั้นเหรอ”
ธีรพลพยักหน้ายืนยันก่อนจะเสริมอย่างหนักใจ
“ตอนนี้หม่อมสรัสวดียืนกรานว่าจะต้องมีการแต่งงานเกิดขึ้น ไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น แม้กระทั่งเสียงของลูกตัวเอง”
ทิวเครียดไม่พอใจ
หม่อมสรัสวดีมาบอกกับท่านชายพหล เรื่องการแต่งงานของหญิงมานศรี ท่านชายพหลต่อว่าหม่อมสรัสวดีอย่างรุนแรง
“ฉันไม่เชื่อว่าหญิงมานศรี จะยอมแต่งงานกับนายเทพ โดยที่เธอไม่ได้บังคับใจ”
หม่อมสรัสวดีนั่งไม่พอใจอยู่ พยายามจะเก็บอารมณ์รักษามารยาท
“ลูกหญิงเต็มใจค่ะ”
“ไปพาหญิงมานศรีมาพบฉัน”
“ลูกหญิงไม่ว่าง ต้องเตรียมงาน”
ท่านชายพหลมองอย่างไม่พอใจ
“สรัสวดี”
รัชนีกร เป็นห่วงสามมีจึงต่อว่าหม่อมสรัสวดี
“ท่านชายเพิ่งจะผ่าตัดบายพาสมา ไม่ทันไร เธอก็เอาเรื่องยุ่งมากวนใจท่านอีกแล้ว”
หม่อมสรัสวดีลืมตัวหันไปแหวใส่รัชนีกร
“เรื่องมันยุ่งก็เพราะใครล่ะคะ”
“ฉันยอมรับผิดที่ชวนเธอเข้าบ่อน...แต่ถ้าเธอรู้จักหยุด ไม่ยอมให้ผีพนันเข้าสิงจนไม่มีสติจนเอาวังไปจำนอง มันจะยุ่งจนแก้ปมไม่หลุดอย่างนี้มั้ย”
“มันอาจจะเคยเป็นปม...แต่ตอนนี้ ดิฉันได้แก้ไขจนปมมันคลายออกหมดแล้วไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง”
หม่อมสรัสวดีลุกขึ้น
“ดิฉันมาแจ้งข่าวให้ทราบเท่านี้ อีกไม่กี่วันจะให้ลูกหญิงนำการ์ดมาเรียนเชิญด้วยตัวเอง...สวัสดีค่ะ”
หม่อมสรัสวดียกมือไหว้ท่านชายพหลและรัชนีกร แล้วรีบออกไป ท่านชายพหลรู้สึกเครียด รัชนีกรเข้าประคอง
“ท่านชายคะ”
“ไปเอาโทรศัพท์มาให้ฉัน”
ท่านชายพหลสั่งเสียงเข้ม
ธีรพลพูดกับทิว ที่ยืนเครียด เสียใจ
“ผมทำได้แค่เพียงนำข่าวมาบอกคุณ ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว”
“มาบอกผมทำไม เขาอยากจะแต่งกันก็แต่งไปซี่”
“หญิงมานศรีไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณเทพ คุณก็รู้”
ทิวฝืนใจพูด
“ผมไม่รู้”
“ไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าหญิงมานศรีคิดยังไงกับคุณ”
ทิวอึ้งไป
“ผมรู้ และก็รู้ด้วยว่าคุณสองคน...คิดยังไงต่อกัน”
“คิดไง”
“ทำไมต้องให้คนอื่นมาบอก ถ้าคุณไม่รู้ใจตัวเอง มันก็คงพอให้อภัยได้ แต่ถ้าคุณรู้แต่กลับปฏิเสธ...พูดได้คำเดียวว่า...น่าเสียดายและน่าเสียใจ”
ทิวจะเดินหนี ธีรพลรีบพูด
“ในขณะที่มีคนอยากจะได้รับโอกาสนั้น แต่กลับไม่มีความหวัง คุณเดินหนีแบบนี้ นอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้ว คุณได้ทำร้ายผมกับเสกสรรค์ด้วย”
ทิวชะงักหันมา
“คุณกับเสกสรรค์ไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิ เราสองคนรักหญิงมานศรีมากนะ...แต่มานศรีรักคุณ”
ทิวอึ้ง
“คุณสองคน...เหมือนกันมากเหลือเกินรู้มั้ย...ปากแข็ง ทิฐิ และ...หัวใจของตัวเองมาทีหลังความสุขของคนอื่นเสมอ”
ทิวจะเถียง
“ไม่...”
ธีรพลขัดขึ้น
“อย่าเถียงผม...ผมเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เป็นจิตแพทย์นะคุณทิว”
ทิวอึ้ง...คิดถึงหญิงมานศรี หัวใจสั่นไหว แต่ทิวยังฟอร์มเดินหนี
“ผมรู้ว่าหญิงมานศรีอยู่ที่ไหน...”
ทิวชะงัก หันมามองธีรพล
“ไม่ได้อยากรู้”
“งั้นถือว่าผมอยากบอกก็แล้วกัน”
“ไม่ฟัง”
ทิวเดินหนี ธีรพลถอนใจตะโกนตามหลัง
“ไปไหนมาไหนระวังตัวหน่อยนะคุณทิว มีอะไรก็โทรไปที่เบอร์ที่ให้ไว้นะ”
ทิวโบกมือให้ธีรพลโดยไม่หันมามอง ธีรพลหนักใจกับความดื้อรั้นของเขา
หญิงมานศรีนั่งซึมอยู่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ พิไลพรเดินเข้ามาหา
“พรคิดแล้วว่าคุณหญิง...ต้องหลบทุกคนมาอยู่ที่นี่”
“ที่ๆที่หญิงชอบมาพักผ่อนกับท่านพ่อและพี่ชาย ท่านพ่อมักจะใช้เวลานี้สอนหญิงและพี่ชายในทุกๆเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย จนถึงเรื่องการมองโลกและใช้ชีวิต...ทำไมท่านพ่อถึงได้อายุสั้นนัก...หญิงคิดถึงท่านพ่อเหลือเกิน พร”
หญิงมานศรีเหม่อลอย คิดถึงความหลัง
ในอดีต...ท่านชายอมรเทพเดินเล่นกับหญิงมานศรีที่เดินหน้ามุ่ย
“ไม่รู้ว่าลูกหญิงของพ่ออารมณ์ดีมาจากไหนกันน้า”
“ท่านพ่อล้อหญิง”
“ล้ออะไร พ่อเห็นหญิงยิ้ม”
“ท่านพ่ออ่ะ หญิงกำลังหน้าบึ้งนะคะ”
“ปากกับใจหญิงไม่ตรงกัน ทำไมพ่อจะไม่รู้ใจลูกว่า...กำลังดีใจที่จะได้ไปเรียนต่ออังกฤษกับพี่ชาย”
หญิงมานศรีอึ้ง
“แต่ที่หน้าบึ้งเพราะอยากเลื่อนเวลาออกไปอีกเทอม ลูกหญิงยังไม่อยากอยู่ห่างพ่อห่างแม่”
“ได้มั้ยล่ะคะ”
“ไม่ได้จ๊ะ ทุกอย่างกำหนดไว้แล้ว ถ้ามัวแต่ทำอะไรตามใจเรื่อยเปื่อยผัดวันประกันพรุ่ง...พ่อจะบอกอะไรให้นะ คนแบบนี้ ไปไม่รอด”
“ท่านพ่อ...”
“รักพ่อ ก็จงอย่าลืมหน้าที่ พ่อให้ลูกไปพบความก้าวหน้านะ ไม่ใช่เหวลึกอันตราย”
หญิงมานศรีซาบซึ้งกับความรักของพ่อ
“ค่ะ ท่านพ่อ”
หญิงมานศรีกอดท่านชายอมรเทพ ด้วยความรักและเคารพอย่างที่สุด
หญิงมานศรีน้ำตาซึม
“ท่านพ่อสอนให้หญิงรู้จักหน้าที่...ทำในสิ่งที่ควรจะทำ”
“คุณหญิง...”
“แต่หน้าที่ของความเป็นลูกกตัญญู จำเป็นต้องทำอย่างที่ท่านแม่ต้องการ อย่างนั้นเหรอพร ถ้าหญิงยืนยันที่จะไม่ยอมล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น”
“พร...เอ่อ...” พิไลพรตอบไม่ถูก หนักใจ “จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พรก็ขอให้เป็นสิ่งที่ไม่ทำให้ใครต้องเสียใจ”
“มันต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเสียใจเสมอ...ท่านแม่หรือจะเป็นหญิง”
พิไลพรเห็นใจมาก หญิงมานศรีนั่งน้ำตาซึม คิดไม่ตก
ท่านชายพหลเรียกชายคำรณฤทธีมาพบที่วัง แล้วต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“จะปล่อยให้น้องช้ำใจทุกข์ใจ เพราะถูกแม่บังคับแบบนี้เหรอ ชาย”
ชายคำรณฤทธีอึ้ง เสียใจ
“ชาย...”
“แต่ลุงไม่มีทางยอม”
รัชนีกรแย้ง
“แล้วท่านชายจะทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อหม่อมสรัสวดียืนกรานออกอย่างนั้นว่า หญิงมานศรีกับคุณเทพรักกัน”
“ฉันรู้ว่าไม่ใช่ ทุกคนรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร ความเห็นแก่ตัวของสรัสวดีกำลังจะทำให้กฤตยาแปดเปื้อนและเสื่อมเสีย เพราะให้ลูกสาว แต่งงานกับเจ้าหนี้เพื่อขัดดอก”
รัชนีกรขัดขึ้น
“แต่จะว่าไปเรื่องนี้ เป็นเรื่องของครอบครัวเขา เราเป็นคนนอกนะคะ จะยื่นมือเข้าไปยุ่งมากก็ไม่ได้ แม่ลูกก็ต้องคุยกันเอง”
ท่านชายพหลฉุนกกึก
“ให้ลูกคุยกับแม่พรรค์นั้นเหรอ แม่ที่เห็นแก่ตัว ลูกตัวเองยังไม่รัก แม่แบบนั้นน่ะเหรอ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมอมรเทพถึงได้ฝากฝังให้ฉันดูแลหลานนักหนา เพราะสันดานกาของแม่อย่างสรัสวดีนี่เอง”
ในอดีต...อมรเทพยืนเครียดอยู่ ท่านชายพหลเดินเข้ามา
“มีเรื่องอะไร อมรเทพ จู่ๆก็มาหาพี่กลางดึก”
“ผม...ทะเลาะกับสรัสวดีมาครับ...แรงมาก”
“ทำไมถึงพูดจากันดีๆไม่ได้ เป็นผัวเมียกัน อยู่กันจนลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวมันเรื่องร้ายแรงมากนักหรือไง”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ...ที่เราอยู่กินกันมาได้จน...ลูกๆโตได้ขนาดนี้”
“ทำไม...พี่ก็เห็นเธอกับสรัสวดีรักกันดี”
“ทุกคนเห็นอย่างนั้น แต่ข้างในของเราสองคนลึกๆ ต่างรู้ดี ว่ามันไม่เหมือนเดิม”
ท่านชายพหลแปลกใจ ที่อมรเทพพูดเรื่องลึกๆของครอบครัวที่ตัวเองไม่เคยได้ยินจากปากของอมรเทพมาก่อน จึงลงนั่งฟัง
“ผมไม่เคยเข้าถึงหัวใจของเธอ ว่าเธอมีความรักให้ผมบ้างมั้ย นอกจากรักที่ฐานะและความเป็นกฤตยาของผม”
“เธอมองสรัสวดีในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า เขาอาจจะเกิดมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์และ...ขอโทษเถอะนะ ปากกัดตีนถีบ แต่ฉันก็เห็นว่า สรัสวดีรักดี รักเรียนจนได้ทำงานที่ดีและอยู่ในสังคมที่ดี...จนได้มาเจอเธอ”
“ผมเคยคิดอย่างนั้น แต่เวลาสิบๆปีที่ผ่านมา...ทำให้ผมเห็นว่า สรัสวดีไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง ไม่เคยมีใครเติมหัวใจสรัสวดีให้เต็มได้”
ท่านชายพหลถอนใจ สงสารน้องชาย
“ผมสงสารลูก และถ้าวันหนึ่ง ไม่มีผม สรัสวดีจะเป็นทั้งแม่และพ่อให้กับลูกได้หรือเปล่า”
“อย่าพูดแบบนั้นนะ อมรเทพ พี่ไม่ชอบ”
“ผมก็ไม่ชอบ แต่ผมก็ต้องยอมรับ ว่าผมไม่มีทางได้อยู่ดูแลลูกจนชั่วฟ้าดินสลาย...และถ้าวันนั้นมาถึง ผมขอร้องท่านพี่ ช่วยดูแลหลานให้ผมด้วย”
ท่านชายพหลอึ้งพูดไม่ออก เมื่อเห็นอมรเทพรู้สึกจริงจังและซีเรียสมาก
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
คำรณฤทธีอึ้ง เสียใจที่แม่ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง ท่านชายพหลไม่พอใจมาก แต่เห็นหลานชายแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“ชาย...เป็นหนี้นายเทพนั่นอยู่เท่าไหร่”
“ทำไมเหรอครับท่านลุง”
“ลุงจะช่วย”
“ท่านลุง!”
รัชนีกรไม่พอใจ
“ท่านชาย!”
ท่านชายพหลมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือครอบครัวของน้องชาย โดยไม่สนใจสายตาและความไม่พอใจของภรรยา
รัชนีกรแอบคุยโทรศัพท์กับนพดล
“เรื่องมันยังไงกัน...นพดล พี่ไม่ยอมนะที่ท่านชายจะต้องเสียเงินมากมายมหาศาล ไปใช้หนี้แทนคนอื่น เงินนั่นก็เป็นของพี่เหมือนกัน”
“ผมก็ไม่ทราบเรื่องเลยครับพี่รัชนีกร ว่าน้องเมียผมไปตกลงอะไรกับหม่อมสรัสวดีไว้ยังไง”
“เธอต้องไปบอกให้น้องเมียเธอรับรู้ ว่าทางนี้เขากำลังจะทำอะไร แต่ที่แน่ๆพี่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
รัชนีกรวางสายอย่างอารมณ์เสีย...นพดลหนักใจ
อรอนงค์ตกใจ เมื่อเทพบอกให้รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงมานศรี
“จะแต่งงานกับคุณหญิงมานศรีโสภาคย์!”
เทพยิ้มแย้มพลางพยักหน้า
“ครับ พี่อร...ผมมาบอกข่าวดี พี่ทั้งสองจะได้เตรียมตัวได้ทัน”
“ชนะใจ หรือได้มาด้วยวิธีการอื่น”
เทพไม่พอใจ
“ทั้งๆที่ผมเป็นน้องชายแท้ๆของพี่นะพี่อร แต่พี่ไม่เคยเข้าข้างผมเลย”
นพดลเดินเข้ามาพอดี
“มีแต่พี่นพดลที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอด”
นพดลแปลกใจ
“ทำไมคุณหญิงมานศรีที่รักศักดิ์ศรีตัวเองขนาดนั้น ถึงยอมแต่งงานกับเทพ”
“เพราะเธอรักผมไงครับ”
นพดลยิ้มให้
“เทพนี่เก่งนะ ในเวลาไม่นานก็ชนะใจคุณหญิงได้แล้ว”
“เห็นมั้ย พี่นพดลไม่เคยทำให้ผมเสียกำลังใจ”
“แต่ทำไม...ทางท่านลุงของคุณหญิง ถึงได้พยายามเหลือเกิน ที่จะช่วยเหลือเรื่องเงินมาใช้หนี้ให้กับเทพ”
เทพอึ้ง
“อะไรนะครับ”
“หม่อมรัชนีกรพี่สาวพี่เพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้นี่เอง”
อรอนงค์ไม่พอใจ
“จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าเพราะเทพไม่ได้ไปบังคับให้เค้าแต่งงานด้วย เพื่อแลกกับหนี้สินมหาศาล อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ พี่รู้ทุกเรื่อง”
นพดลปรามภรรยา
“น้องกำลังจะมีความสุข สมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจ ทำไมคุณถึงไม่สนับสนุนน้อง”
“อย่าพูดเลยคุณนพดล คุณ...ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง”
“ทำไมผมจะไม่รู้ ผมรู้”
อรอนงค์กับเทพอึ้ง หันมองนพดล คิดว่ารู้เรื่องแบ็คกราวด์ของเทพ
“รู้ว่าจริงๆแล้วคุณหญิงมานศรีแต่งงานกับนายเทพเพราะต้องการกอบกู้ฐานะของตัวเอง แต่มันจะแปลกอะไร เทพทำให้คุณหญิงรักได้ไม่ยากอยู่แล้ว คุณก็ให้กำลังใจน้องหน่อยซี่”
เทพไม่พอใจนพดล แต่เก็บเอาไว้
“พี่นพดลพูดถูก อีกหน่อย คุณหญิงจะต้องรักผมอย่างจริงใจ”
“ฝันไปเถอะ หลอกตัวเองชัดๆ”
อรอนงค์เดินหนี อย่างไม่พอใจ เทพไม่พอใจพี่สาวตัวเอง นพดลเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจเทพ
“สู้ๆไอ้น้อง พี่เอาใจช่วย”
เทพค่อยๆปัดมือนพดลออกจากไหล่...แล้วเดินออกไป
เทพตามอรอนงค์เข้ามา
“พี่อร...”
อรอนงค์ พูดเบาๆไม่อยากให้นพดลได้ยิน
“เทพ! ปล่อยคุณหญิงไปซะ”
“ทำไมผมต้องเชื่อพี่”
“พี่ไม่ได้อยากให้เทพเชื่อพี่ แต่อยากให้เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมันมีจริง”
เทพหัวเราะเยาะอย่างไม่ใส่ใจ
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
“อย่าได้ประมาท ว่าตัวเองจะมีชีวิตอย่างสุขสบายแบบนี้ได้ตลอดไป อย่าได้สร้างกรรมใหม่อีกเลย เท่าที่ผ่านมา ก็ตกนรกชดใช้ไม่รู้ว่าจะนานกี่กัปกี่กัลป์”
“พี่อร!”
เทพปราดเข้าไป จับไหล่พี่สาวบีบอย่างแรง
“เอาสิ อยากจะกำจัดพี่ เหมือนกำจัดผู้มีพระคุณคนอื่นๆของตัวเองในอดีตก็เอาเลย แล้วจะได้ชื่อว่าเป็นคนเลวสมบูรณ์แบบ ฆ่านาย ทำร้ายพี่”
เทพทำอะไรไม่ได้ ผลักออกไปอย่างแรง จนอรอนงค์เซ
“หยุดเถอะเทพ ยิ่งเทพอยากได้อยากมีอยากเป็นไม่รู้จักพอมากเท่าไหร่ สิ่งที่ เทพจะได้มาคือความสูญเสียเท่านั้น”
“ผมไม่หยุดและก็ไม่มีใครมาหยุดผมได้...ไม่มี”
เทพเดินออกไป อรอนงค์เจ็บปวดที่เทพกู่ไม่กลับ
“มีสิ มันต้องมีคนที่จะหยุดเธอได้”
หญิงมานศรีที่เดินคุยอยู่กับพิไลพรหันมาบอก...
“พร...พรกลับไปก่อนเถอะนะ หญิงอยากอยู่ที่ต่ออีกสักพัก หญิงยังไม่อยากกลับบ้าน”
“แต่...”
“นะ...”
“ค่ะ”
พิไลพรเดินออกไป ปล่อยหญิงมานศรีอยู่ตามลำพัง หญิงมานศรีวุ่นวายใจมาก ออกเดินแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเจอทิวเข้ามาหา
“นายทิว!”
หญิงมานศรีเดินหนี
“ทำไมนายถึงไม่เข้าใจสักทีนะ ว่าฉันรับความช่วยเหลือจากนายไม่ได้”
“ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจสักทีนะ ว่าผมอยากช่วย”
“ทำไมต้องช่วย”
“จะไม่ให้ช่วยผู้หญิงที่ผม...”
ทิวชะงัก จะบอกรักแต่ไม่กล้า สบตานิ่ง
“นายมีเหตุผลอะไรที่อยากจะช่วยฉันนัก ทั้งๆที่นายเกลียดฉัน ชิงชังฉัน ฉันไม่ได้มีค่ามีความหมายอะไรกับนายแม้สักนิด”
“เพื่อมนุษยธรรม”
“หึ...มนุษยธรรมเหรอ...งั้นฉันก็จะไม่รับ เพราะฉันก็ไม่อยากผิดมนุษยธรรมทำให้ครอบครัวใครต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน”
หญิงมานศรีเดินหนี ทิวตะโกนบอกตามหลัง
“ก็เรื่องของคุณ”
หญิงมานศรีชะงัก
“แต่เมื่อผมตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะช่วย ผมก็จะช่วย”
หญิงมานศรีหันกลับมาจะปฏิเสธ ทิวก็เดินหนี ไม่สนใจฟัง
“ไม่ต้องมาช่วยฉันได้ยินไหม ไม่ต้องมาช่วย”
ทิวไม่สนใจ เดินหนี หญิงมานศรีร้องไห้ด้วยความอัดอั้น และทุกข์ใจ
บุญปลูกถือถาดอาหารมายืนรอหน้าประตูห้อง เธอกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจ มองอาหารในถาด กลืนน้ำลายเอื้อก ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง ไม่ยอมไขกุญแจเข้าไป ผ่องทิพย์เข้ามาประกบ
“ทำไมยังไม่เอาเข้าไป”
“คือ...เอ่อ...แน่ใจเหรอคะคุณนาย บุญปลูกว่า...”
ผ่องทิพย์ขัดอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าแกจะว่าอะไร...จำไว้ แกต้องทำตามที่ฉันสั่ง พี่พวงถามหรือขอให้ทำอะไร แกไม่ต้องสะเออะพูด”
“แต่...”
“รู้ใช่มั้ยว่าแกจะเจอกับอะไร”
บุญปลูกกลัว
“ค่ะ...”
“เข้าไป เดี๋ยวนี้!”
บุญปลูกเงอะงะ ผ่องทิพย์แย่งกุญแจมาจากบุญปลูก ไขกุญแจเอง แล้วเปิดประตูผลักบุญปลูกเข้าไป
“เข้าไป!”
ผ่องทิพย์ปิดประตู ยิ้มเหี้ยม
บุญปลูกยืนตัวแข็งทื่อ มองไปข้างหน้า ตกใจเมื่อเห็นสภาของพวงทองที่ถูกล่ามอยู่กับเตียง นั่งบนพื้น ในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น หมดอาลัยตายอยาก สภาพทรุดโทรม ผ่ายผอมมาก
“คุณ...พวงทอง”
บุญปลูกแทบจะทนดูไม่ได้ สงสารแกมสมเพชเวทนา พวงทองค่อยๆหันมามองบุญปลูก ประหลาดใจ เสียงแหบแห้ง
“กลิ่น...หาย...ไปไหน...ไม่เห็น...หลายวันแล้ว”
“บุญปลูกไม่ทราบค่ะ”
พวงทองถลาเข้ามาหาแต่ไม่ถึง บุญปลูกสะดุ้งเฮือก
“กลิ่นไปไหน”
“บุญปลูกไม่ทราบค่ะ คุณพวงทอง ทานข้าวนะคะ นี่นะคะ บุญปลูกจะวางไว้ตรงนี้นะคะ”
บุญปลูกรีบวางถาดอาหารลง...พวงทองค่อยๆลงนั่ง น้ำตาซึม พูดกับตัวเอง
“ฉันรู้...ว่ากลิ่นไปไหนและคงไม่มีใครเห็นกลิ่นอีกต่อไปแล้ว”
“คะ”
พวงทองหันมามองบุญปลูกตาขวาง
“เพราะคนเลว...คนนั้น”
“เอ่อ...”บุญปลูกพูดไม่ออก สงสารพวงทอง แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งผ่องทิพย์ “คุณพวงทอง รีบๆทานข้าวเถอะค่ะ”
“ฉันไม่กิน...”
บุญปลูกพยายามตะล่อม
“ไม่กินเดี๋ยวก็ตายหรอกค่ะ”
“ฉันไม่ได้อยากอยู่...ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว”
“แต่พี่น้องของคุณพวงทองล่ะคะ”
พวงทองอึ้ง
“จริงสิ...ทิว...ผ่อง...”
“ใช่ค่ะ คุณพวงทองเป็นอะไรไป คุณทิวกับคุณผ่องต้องเสียใจแน่ๆเลยค่ะ ทานเถอะนะคะ นายใหญ่อารมณ์ดีเมื่อไหร่...เดี๋ยวคุณพวงทองก็ได้ออกไปนะคะ”
พวงทองมองถาดอาหาร
“ฉันไม่อยากกินอะไร...ที่มาจากเงินบาปของคนบาป”
“บาปบุญอย่าเพิ่งคิดเลยค่ะ คุณพวงทองต้องมีชีวิตรอดออกไปนะคะ อีกไม่นานก็จะสบายแล้ว ไม่ต้องทน...อยู่ในสภาพแบบนี้อีก นะคะ”
บุญปลูกจะออกไป แต่ก็ชะงัก หันมามองพวงทอง อย่างสงสาร พวงทองมองที่ถาดอาหาร
“ฉันต้องรอดชีวิตออกไป...”
พวงทองค่อยๆคลานมาที่ถาดอาหาร บุญปลูกมองอย่างกดดัน ความกลัวตายกำลังต่อสู้กับมโนธรรมในใจ...ผ่องทิพย์ยืนแอบฟังเหตุการณ์อยู่ที่หน้าประตูห้องเตรียมตัวสะใจ
“กินเข้าไปเร็วๆสิ กินเข้าไป”
พวงทองค่อยๆตักข้าวจะเอาเข้าปาก บุญปลูกทนไม่ได้ ตัดสินใจปัดจานข้าวออกจากมือของพวงทอง หล่นลงพื้นเสียงดัง เพล้ง พวงทองตกใจ มองหน้าบุญปลูกที่ปากคอสั่น...ผ่องทิพย์หัวเราะอย่างสะใจ คิดว่าเสียงจานแตก คือสัญญาณความทรมานของพวงทองที่กำลังใกล้ตาย
“ฮ่ะๆๆๆๆ...ขอโทษนะพี่พวง...แต่ไม่มีใครทนใช้ผัวคนเดียวกับคนอื่นหรอกเรื่องผัวไม่มีคำว่าพี่น้อง”
ผ่องทิพย์หัวเราะสะใจออกไป...บุญปลูกรีบเอาเท้าเขี่ยจานข้าวและถาดอาหารออกไปให้ห่างตัวพวงทอง
“บุญปลูก...ทำไม...”
บุญปลูกเข้ามากระซิบพวงทอง
“คุณพวงทองขา บุญปลูกขอโทษ...อย่ากินนะคะมันมียาพิษ”
พวงทองตกใจ
“อะไรนะ...”
บุญปลูกกราบปะหลกๆ
“บุญปลูกขอโทษ บุญปลูกไม่อยากทำ แต่คุณนายบังคับบุญปลูก บุญปลูกกลัวใจคุณนาย...”
“ผ่องคิดจะฆ่าฉันเหรอ”
“ค่ะ บุญปลูกว่าคุณนายบ้าไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ทำไม่ดีมาพอแล้ว แต่ถ้าถึงขนาดวางยาพิษคุณพวงทอง...บุญปลูก...ไม่ไหวจริงๆค่ะ”
พวงทองเครียด และเสียใจที่ผ่องทิพย์กลายเป็นคนใจอำมหิตได้ถึงขนาดนี้
“แค่ผู้ชายเลวๆคนเดียว ทำให้คิดฆ่าได้แม้แต่พี่แท้ๆของตัวเอง...อุ๊ย ขอโทษค่ะ บุญปลูกไม่ได้ตั้งใจด่านายใหญ่นะคะ”
พวงทองสะเทือนใจมาก ร้องไห้ออกมาเพราะเสียใจน้อยใจ
“ผ่อง...ทำไมเป็นไปได้ถึงขนาดนี้”
บุญปลูกเศร้าสะเทือนใจกับภาพของพวงทองที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
บุญปลูกกถูกผ่องทิพย์ตบจนถลาไป
“โอ๊ย!”
“อีขี้ข้าเลี้ยงไม่เชื่อง อีทรยศ”
ผ่องทิพย์เข้าไปซ้ำอีก
“โอ๊ย...คุณนายขา บุญปลูกเจ็บค่ะ”
“ทำไมแกไม่ทำ หา!”
“ให้ฆ่าคนทั้งคน บุญปลูกทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“แกไม่ทำ ฉันทำเอง”
ผ่องทิพย์ยิ้มเหี้ยม จะเดินออกไป บุญปลูกเข้าไปกอดขาผ่องทิพย์เอาไว้
“คุณนายขา อย่านะคะ อย่าทำเลยนะคะ ยังไงคุณพวงทองก็เป็นพี่แท้ๆ ใจคอจะหยาบช้าอำมหิตไปถึงไหนคะ ตายแล้วจะตกนรกขุมที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ชาติหน้าอาจจะเกิดเป็นหมา”
ผ่องทิพย์ถีบบุญปลูกกระเด็น
“ไม่ต้องมาแช่ง...ต่อไปนี้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก”
ผ่องทิพย์เดินออกไป บุญปลูกนั่งร้องไห้
“คุณนาย บุญปลูกเตือนแล้วนะ จะไม่ยุ่งแล้วนะ กรรมใครกรรมมัน รับกันไปเองก็แล้วกัน”
หญิงมานศรีเดินเข้ามาในวังกฤตยา อย่างหมดอาลัยตายอยาก หม่อมสรัสวดีเดินเข้ามาหา
“ไปไหนมา เพิ่งกลับเอาป่านนี้ คุณเทพเขามารอหญิงอยู่นานแล้วนะ”
หญิงมานศรีหมางเมิน
“มารอทำไมคะ”
เทพเข้ามา
“ลืมไปแล้วเหรอครับว่าวันนี้ ผมจะพาคุณหญิงไปดูชุดแต่งงาน”
หญิงมานศรีจ้องหน้าเทพเขม็ง
“ชุดแต่งงาน...ภูมิใจมากเลยใช่มั้ยคะที่จะได้แต่งงาน”
“ที่สุดครับ”
“ทั้งๆที่หญิงเกลียดคุณเทพ ยิ่งกว่าเกลียดสัตว์เลื้อยคลานชั้นต่ำงั้นเหรอคะ”
เทพอึ้ง ไม่พอใจ หม่อมสรัสวดีเริ่มหายใจไม่สะดวก
“หญิง...ลูกไม่ควรทำให้คุณเทพไม่พอใจ”
“ทำไมคะ ถ้าคุณเทพไม่พอใจแล้วจะทำอะไรหญิง ฆ่าหญิงให้ตายเลยหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นวิธีที่ถนัดอยู่แล้ว หรือเปล่าคะ”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง
“หญิง”
“ถ้าอย่างนั้น...ฆ่าเลยสิคะ ไม่ว่าวันนี้หรือวันข้างหน้า หญิงก็จะเกลียดคุณเทพ ยิ่งตอนนี้หญิงยิ่งขยะแขยง ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากแม้แต่หายใจใช้อากาศเดียวกัน”
หม่อมสรัสวดีตวาด
“แม่บอกให้หยุด!”
“ไม่เป็นไรครับหม่อม...ผมเข้าใจดี...ผู้หญิงด่า แปลว่าผู้หญิงรัก คุณหญิงรักผมแต่ทำปากแข็ง เพื่อทดสอบความจริงใจและความอดทนของผม ผมรู้”
หญิงมานศรีโกรธเกลียดจนพูดไม่ออก
“คุณมัน...”
เทพยิ้มให้
“ครับ ผมมีความอดทน ผมจริงใจ เพราะผมรักคุณหญิงมาก ด่าไปเถอะครับยิ่งด่าผมมากเท่าไหร่ เกลียดผมมากแค่ไหน ยิ่งเป็นเครื่องร้อยรัดให้ผม...อยากแต่งงานกับคุณหญิงมากขึ้น”
หญิงมานศรีเดินหนี เทพเข้าไปรั้งเอาไว้
“ไปกับผม”
หม่อมสรัสวดีจะเข้าไปห้าม แต่ถูกสายตาอันคมกริบของเทพหยุดเอาไว้ หม่อมสรัสวดีชะงัก ไม่กล้าหญิงมานศรีหันมามองแม่อย่างอ้อนวอน ขอความช่วยเหลือ หม่อมสรัสวดีแสร้งทำเป็นเมิน...
“ไปกับคุณเทพ อย่าทำให้เรื่องวุ่นวายเลย หญิง”
หม่อมสรัสวดีเดินหนี ทั้งน้ำตา โดยที่หญิงมานศรีไม่เห็น หญิงมานศรีมองตามแม่อย่างปวดร้าว
“หม่อมแม่...”
“ไปเถอะครับคนดี ไปช่วยกันเลือก สร้างงานแต่งงานของเราให้งดงาม ยิ่งใหญ่สมเกียรติ ให้คนทั้งประเทศอิจฉาในความรักของเรา”
เทพบีบแขนดึงตัวหญิงสาวออกไป หญิงมานศรีมองหน้าเทพอย่างเกลียดชัง แต่สู้แรงไม่ไหว จำเป็นต้องตามไป
โดยที่เทพไม่สนใจสายตาของเธอแม้แต่น้อย
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
หม่อมสรัสวดีลงนั่งร้องไห้อย่างปวดร้าวใจ ชายคำรณฤทธีเข้ามาเงียบๆ
“หม่อมแม่ครับ”
สรัสวดีรีบปาดน้ำตา
“ว่าไงชาย”
“ท่านลุงจะช่วยเรา...ใช้หนี้ให้คุณเทพ”
หม่อมสรัสวดีตะลึง
“อะไรนะ...ท่านลุงน่ะเหรอ”
รัชนีกรทุ่มเถียงกับท่านชายพหล
“แต่ดิฉันไม่ยอมให้ท่านชายเอาเงินของครอบครัว ไปชดใช้ให้กับความไม่รู้จัก พอของหม่อมสรัสวดี”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อสรัสวดี แต่ฉันทำเพื่อหลานของฉัน”
“แล้วดิฉันที่เป็นชายาของท่านล่ะคะ รวมถึงตัวท่านเองด้วย ต้องกลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัว เพราะคนอื่น”
“คนอื่นก็เป็นกฤตยาเหมือนกัน ทำไมเธอถึงได้เห็นแก่ตัว ไม่ยอมช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก”
“ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบกันเอง”
“เธอ!”
“ดิฉันยอมรับว่าดิฉันเห็นแก่ตัว และจะไม่ยอมให้ท่านชายทำแบบนั้น ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะคิดถึงความเป็นอยู่ของเราก่อนคนอื่น ถึงแม้จะเป็นพี่น้องแท้ๆกันก็ตาม”
“ฉันไม่รู้จักเธออีกแล้ว รัชนีกร”
“อย่ามาโยนความผิดให้ดิฉันนะคะ”
“ใช่! เธอไม่ผิด แต่เธอก็ทำไม่ถูก ฉันไม่ยอมให้กฤตยาต้องขายตัวขายศักดิ์ศรีใช้หนี้! เธอไม่เห็นด้วย ก็แปลว่าเธอมันไม่มีศักดิ์ศรี”
“ดิฉันยอมไม่มีศักดิ์ศรีดีกว่าต้องอดตาย”
“รัชนีกร!”
“ก็เอาสิ ถ้าท่านชายทำอย่างนั้น ดิฉันก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป”
“เชิญ!”
รัชนีกรอึ้ง ไม่คิดว่าท่านชายพหลจะไล่ ท่านชายพหลมองรัชนีกรอย่างผิดหวัง เดินเข้าข้างในไป
“ท่านชาย...”
รัชนีกรเสียใจ คว้ากระเป๋าถือ เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ค่ำนั้น ทิวคุยโทรศัพท์อย่างผิดหวัง
“ได้ ฉันเข้าใจ ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เอาไว้แกตัดสินใจใหม่ก็ได้ ขอบใจมากที่ยอมรับฟัง”
ทิววางสาย เข้มเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างครับนาย”
“ไม่มีใครยอมซื้อหุ้นของฉันเลย”
ทิวเครียด
เทพคุยโทรศัพท์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ฮ่ะๆๆๆๆ ขอบคุณมากนะครับ พี่มาโนชที่ช่วยกระจายข่าว ไม่ให้ใครรับซื้อหุ้นของนายทิว ก็...เด็กเอาแต่ใจก็แบบนี้ล่ะครับ ไม่พอใจขึ้นมาก็ตีรวน ไว้ผมจะเจรจากับเขาเอง...ขอบคุณนะครับ”
เทพวางสายหัวเราะอย่างสะใจ
“ไม่มีใครช่วยคุณหญิงได้หรอกครับ...ที่รักของผม”
เทพจูบแก้วเครื่องดื่ม เต้นคนเดียว จินตนาการว่ากำลังโอบหญิงมานศรีเต้นรำด้วย ท่ามกลางเพลงบรรเลงโรแมนติก หากแต่กระแทกกระทั้นอารมณ์อยู่ในที
หญิงมานศรียืนมองชุดแต่งงานที่แผ่หลาอยู่บนเตียงนอนด้วยความเจ็บปวดใจ
“ท่านพ่อขา...หญิงจะทำยังไงดี ท่านพ่อช่วยหญิงด้วย”
ในอดีต...หญิงมานศรีร้องไห้กอดท่านชายอมรเทพ ขณะที่กำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก โดยมีกระเป๋าเดินทางใบโตอยู่ข้างๆ
“ท่านพ่อขา...หญิงไปแล้วคงคิดถึงท่านพ่อมากแน่ๆ”
“ไม่เอานะ อย่าร้องไห้...เก็บน้ำตาไว้ไหลตอนที่พ่อตายดีกว่า”
“ท่านพ่อ”
“พ่อล้อเล่น ฟังพ่อนะลูกหญิง...ลูกหญิงต้องเข้มแข็ง พ่อให้ลูกหญิงไปเจอโลกภายนอก โลกที่เราควบคุมไม่ได้ แต่มันจะสอนให้ลูกควบคุมตัวเองเพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้น”
“หญิงจะควบคุมตัวเองได้ยังไง ถ้าไม่มีท่านพ่อคอยสอน”
“ก็จำคำที่พ่อสอนลูกหญิงอยู่เสมอเอาไว้...จำได้หรือเปล่า”
“จำได้สิคะ...หญิงต้องมีสิตเอยู่เสมอ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นมากแค่ไหนก็ตาม เพราะจะทำให้หญิงมองเห็นทางออกได้ในที่สุด”
“เก่งมากลูกพ่อ เพราะลูกจำและปฏิบัติตามที่พ่อสอนได้เสมอ พ่อจึงไม่ห่วงอะไรเลยที่หญิงต้องไปอยู่ห่างพ่อตั้งครึ่งโลกขนาดนี้”
“ค่ะ หญิงจะไม่ทำให้ท่านพ่อต้องผิดหวัง หญิงจะเอาปริญญากลับมาให้ท่านพ่อได้ภาคภูมิใจ”
หญิงมานศรีสวมกอดพ่อด้วยความรักและศรัทธา
หญิงมานศรีนิ่งอึ้ง ทวนคำที่พ่อเคยสอน
“หญิงต้องมีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นแค่ไหน หญิงจะต้องพบทางออก”
หญิงสาวยืนจ้องชุดแต่งงาน พยายามระงับอารมณ์ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านของตัวเอง
พวงทิพย์น้ำตาซึมมองผ่องทิพย์ที่ยกถาดอาหารมาให้ ผ่องทิพย์มองพวงทองอย่างใจเย็น
“ทานข้าวเถอะนะพี่พวง”
“ผ่อง...อยากให้พี่ตายนักใช่มั้ย”
“ใช่...จะได้ไปให้พ้นๆทางฉันสักที”
“ที่คุณเทพขังพี่ไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอย่างนี้ ยังไม่พ้นทางผ่องอีกเหรอ”
“ยัง...จนกว่าพี่จะตายๆไปนั่นแหละ ฉันถึงจะสบายใจ”
“สบายใจแน่เหรอผ่อง”
“มาก”
“ผ่องอยากเป็นภรรยาหมายเลขหนึ่ง ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรฆ่าคุณพ่อคุณแม่ และลุงมิตรเหรอ”
ผ่องทิพย์อึ้ง
“อะไรนะ!”
“เชื่อพี่เถอะ คุณเทพ...ไม่ใช่คนดีอย่างที่เราคิด”
ผ่องทิพย์เลือกที่จะไม่เชื่อ
“ไม่ต้องมาหลอกฉัน ฉันไม่โง่หลงเชื่อพี่หรอก อยากให้ฉันปล่อยคุณเทพไป จะได้เป็นผัวพี่คนเดียวใช่มั้ย”
“ผ่อง...ฟังพี่บ้างเถอะนะ”
ผ่องทิพย์ตวาดลั่น
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว”
พวงทองสะดุ้ง ตกใจกับความกราดเกรี้ยว ผ่องทิพย์หันมองพวงทองอย่างเกลียดชัง คับแค้นใจ ตักข้าวตักกับขึ้นมา
“กินซะเถอะพี่พวง”
“ถ้าพี่ตาย ผ่องจะสบายใจและมีความสุขใช่มั้ย”
“ใช่!”
“งั้นพี่ก็จะกิน”
พวงทองมองผ่องทิพย์อย่างเจ็บปวด อ้าปากรอกิน แต่ผ่องทิพย์กลับชะงักและมือสั่นซะเอง
“ป้อนพี่สิผ่อง หรือจะให้พี่กินเองก็ได้...วางช้อนลง”
ผ่องทิพย์วางช้อนลงทันที พวงทองมองข้าวในช้อน น้ำตาซึม
“แต่จำไว้อย่างหนึ่งนะผ่อง...คุณพ่อ คุณแม่ พี่และทิวรักผ่องกันทุกคน แม้แต่บุญปลูก...แต่ผ่องมองไม่เห็นความรักของเราเอง เพราะมัวแต่ไปถามหาจากคนที่ไม่มีให้...ถ้าผ่องมีความสุขกับสิ่งที่เลือกแล้วจริงๆ พี่ก็จะยอมกินข้าว”
พวงทองค่อยๆจับช้อน...ค่อยๆยกขึ้น ผ่องทิพย์สับสนระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก พวงทองกำลังจะเอาข้าวเข้าปาก ผ่องทิพย์พ่ายแพ้ต่อจิตสำนึกที่ยังหลงเหลือ ปัดช้อนทิ้งไปทันที
“ไม่ต้องกินนะ”
“ทำไมล่ะผ่อง...”
“ทำไมต้องเป็นพี่ด้วย ถ้าเป็นคนอื่น ฉันจะฆ่าให้ตายโดยไม่ต้องลังเลเลย...ทำไม...ทำไม...อยู่ในนี้ไปให้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องออกมา พี่จะต้องถูกขังลืม”
ผ่องทิพย์วิ่งร้องไห้ออกไป พวงทองมองตามอย่างสลดใจร้องไห้อย่างหนัก
ผ่องทิพย์วิ่งร้องไห้อย่างคับแค้นใจออกมา กรี๊ดลั่นเพื่อระบายอารมณ์ที่ขัดใจ
“อ๊าย!”
ขวัญตาเดินเข้ามาหน้าคฤหาสน์อย่างเคียดแค้น
“แกทำให้ฉันอยู่อย่างทรมานเหมือนตกนรก แต่ฉันจะลากแกให้ลงนรกมาอยู่กับฉันด้วย นังผ่อง”
ขวัญตาเดินฉับๆเข้าไปข้างใน
ผ่องทิพย์หายใจหอบถี่อย่างด้วยความแค้นใจ หันเดินจะเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นอาจารย์เมฆก็ปราดเข้ามา
“หายหน้าไปนานเลยนะ คุณนาย”
“อาจารย์เมฆ”
ขวัญตาเดินเข้ามา เห็นเข้าพอดี
“นังนั่นมันคุยกับใคร”
หม่อมสรัสวดี และชายคำรณฤทธีนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่มีใครแตะอาหาร และไม่มีการพูดคุยกัน พิไลพรและแม่แล่มยืนมองอย่างหนักใจ สบตากัน เห็นใจและสงสารนาย
“ลูกหญิงล่ะแม่แล่ม...จะไม่ทานข้าวร่วมโต๊ะกับฉันอีกวันแล้วใช่มั้ย”
แม่แล่มพูดไม่ออก ก้มหน้านิ่ง
“เดี๋ยวพรไปตามให้ดีกว่านะคะ”
พิไลพรจะออกไปพอดี หญิงมานศรีเข้ามา
“หญิงมาแล้วจ๊ะ ไม่ต้องไปตามหรอก”
ทุกคนยิ้มดีใจ หญิงมานศรีสบตายิ้มให้ชายคำรณฤทธี แต่หมางเมินกับแม่ หม่อมสรัสวดีหน้าเสีย แต่อดทน เพราะเข้าใจที่ลูกต้องโกรธ เปรยขึ้นลอยๆ
“ท่านลุงจะช่วยเรา ลูกหญิงรู้หรือยัง”
“จริงเหรอคะ”
หญิงมานศรีมองหน้าพี่ชาย
“จริงค่ะ ท่านลุงรักพวกเรามาก จะไม่ยอมให้หญิงต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจ”
หม่อมสรัสวดีกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เหมือนถูกลูกด่าว่าไม่รักลูก เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แม่แล่ม ตักข้าวให้ลูกหญิงด้วย ชายก็เหมือนกัน อาหารเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวจะไม่อร่อย ต้องทานร้อนๆรู้มั้ย”
หม่อมสรัสวดีพูดจบก็ตักข้าวทาน กลืนอย่างฝืดคอ พยายามทำตัวปกติ ในขณะที่ชายคำรณฤทธีและหญิงมานศรีกล้ำกลืนทานข้าวและทนกับบรรยากาศอันเขม็งเกรียว ขณะเดียวกันนั้นเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ทุกคนสะดุ้ง พิไลพรรีบไปรับโทรศัพท์
“พรรับเองจ๊ะแม่”
หญิงมานศรีกับ ชายคำรณฤทธีทานข้าวกันต่อไป หม่อมสรัสวดีพูดต่อไป โดยไม่สบตาลูกสักคน ชวนคุยดูแลทุกข์สุขเป็นปกติอย่างที่แม่ทำกัน แต่ลูกๆ ไม่ยอมมองหน้าแม่สักคน
“แม่แล่ม พรุ่งนี้ทำฉู่ฉี่ปลานะ ของโปรดลูกหญิง ไม่ได้ทานนานแล้ว ส่วนชายอยากทานอะไรก็บอกแม่แล่มนะ ช่วงนี้ผอมไปนะทั้งสองคน เดี๋ยวแม่ต้องหาอาหารเสริมให้ทานแล้วล่ะ”
พิไลพรตกใจรีบวางสาย เดินเข้ามาหน้าตาตื่น รายงาน
“ท่านชายพหลโทรมาให้เรียนว่า...หม่อมรัชนีกรประสบอุบัติเหตุรถคว่ำอาการโคม่าค่ะ”
ทุกคนตกใจไปตามๆ กัน
ค่ำนั้น...ผ่องทิพย์ลากอาจารย์เมฆมาคุยในที่ลับ เป็นส่วนตัวอยู่มุมหนึ่งของคฤหาสน์ ขวัญตาตามมาเงียบๆ อยู่ในระยะที่ได้ยินการพูดคุย
“มาหาฉันทำไมที่นี่”
“ก็เอ็งหายไปนาน”
“แล้วไง”
ขวัญตาตาวาว กระหายอยากรู้เรื่องลับของผ่องทิพย์มากขึ้น
“ก็...คิดถึงไง”
ผ่องทิพย์ไม่พอใจ
“นี่...ถ้ายังอยากจะให้ฉันเรียกแกว่าอาจารย์อยู่ ก็อย่ามาทำรุ่มร่าม ฉันมีผัวแล้ว”
“ถ้าไม่ได้ข้า ผัวคงจะทิ้งเอ็งไปแล้ว ทั้งยาเสน่ห์จันทรา...ที่กินเข้าไปแล้วช่วยปลุกอารมณ์สวาทของเอ็งกับผัวให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง แล็วก็ยังให้ข้าช่วยลงนะเนื้อทอง ให้ผัวรักผัวหลงเอ็งไปทั้งตัว ถือว่าข้าก็มีบุญคุณมากโขอยู่”
“ฉันจ่ายเงินแลกเปลี่ยน อีกอย่าง ของๆแกก็ไม่ได้ช่วยให้รักผัวหลงฉันเลย ยาเสน่ห์จันทรานั่น ฉันเอาไปลองกับนังขวัญตาเพื่อกำจัดมันไปให้พ้นทาง”
ขวัญตาอึ้ง ยิ่งโกรธแค้น มองที่ท้องของตัวเอง...
“ที่แท้...ก็เป็นฝีมือของแก อีผ่องทิพย์”
ขวัญตาคิดแค้นผ่องทิพย์มาก จนทนแทบไม่ไหวมองอย่างเกลียดชัง ผ่องทิพย์หงุดหงิด
“ลงนะเนื้อทองเหรอ ได้ผลแค่ครั้งเดียว ตอนนี้ผัวฉันมันไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนไม่ต้องมาทำเป็นทวงบุญคุณ จะเอาเงินเพิ่มหรือไง ไม่มีทาง ไปให้พ้นเลย”
อาจารย์เมฆโมโห
“เฮ้ย! อย่าได้บังอาจลบหลู่ข้า”
ผ่องทิพย์จะเดินหนี...อาจารย์เมฆคว้าตัวเอาไว้ ผ่องทิพย์ไม่พอใจ หันไปตบเปรี้ยง
“เอามือโสโครกของแกออกไป แค่หมอผีกะโหลกกะลา ไปเลยนะ ไม่ต้องมาให้เห็นอีก หรือจะให้ฉันไปโพนทะนาให้พวกลูกค้าของแกเลิกนับถือแก หา”
อาจารย์เมฆจะเข้าไปทำร้ายผ่องทิพย์ ลูกน้องของเทพผ่านเข้ามาพอดี ผ่องทิพย์ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย! โจรขึ้นบ้าน”
อาจารย์เมฆตกใจ รีบวิ่งหนีไป ลูกน้องของเทพวิ่งเข้ามา ขวัญตารีบหลบหนีไปอีกทาง
“ไหน มันอยู่ไหนครับ คุณนาย”
“ทางโน้น ตามมันไปเร็ว”
ลูกน้องของเทพวิ่งไปตามทางที่อาจารย์เมฆหนีไป ผ่องทิพย์ยิ้มสะใจ
ท่านชายพหล ลงนั่งอย่างกังวลใจในห้องรับแขก หญิงมานศรีและชายคำรณฤทธีลงนั่งข้างๆ ให้กำลังใจท่านชายพหล
“ท่านลุงทำพระทัยเย็นๆนะคะ...”
“ตอนนี้ท่านป้าพ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะครับ”
ท่านชายพหลถอนใจ
“ไม่น่าเลย รัชนีกร...เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ขับรถทั้งๆที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ”
“หญิงขอประทานอภัยนะคะท่านลุง...มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“ลุงกับป้าทะเลาะกันเรื่อง...” ท่านชายพหลอึ้ง ไม่พูด “ช่างเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย ตกลงชายกับหญิงจะตามลุงไปที่โรงพยาบาลอีกมั้ย”
“หญิงจะไปค่ะ ท่านลุงเองก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก หญิงจะได้ช่วยดูแลทั้งท่านลุงกับท่านป้าด้วย พี่ชายกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหม่อมแม่เถอะนะคะ”
“ก็ได้ค่ะ...ผมกราบลานะครับท่านลุง”
ชายคำรณไหว้ท่านชายพหลแล้วลุกเดินออกไป หญิงมานศรีมีเรื่องที่อยากจะซักถามท่านชายพหลจึงได้อาสาอยู่ต่อ โดยที่ท่านชายไม่รู้ ได้แต่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเป็นห่วงรัชนีกร
หญิงมานศรีเดินตามทานชายพหลมา เธอตัดสินใจถามขึ้น
“ท่านลุงคะ”
“ว่าไงหลาน”
“ท่านลุงกับท่านป้าทะเลาะกัน เรื่องที่จะมาช่วยพวกเราหรือเปล่าคะ”
ท่านชายพหลอึ้ง ไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่อง
“เรารีบไปกันเถอะ ลุงเป็นห่วงรัชนีกร”
“แสดงว่าใช่ ใช่มั้ยคะ” หญิงมานศรีเดินไปคาดคั้นไป “ไม่อย่างนั้น ท่านลุงจะไม่เลี่ยงที่จะตอบหญิงแบบนี้”
“หญิง...ไม่ต้องคิดมาก การช่วยเหลือครอบครัวหลานเป็นหน้าที่ของลุง”
“แต่ท่านป้า...”
“ไม่ต้องสนใจ”
ท่านชายพหลถอนใจอย่างหนักใจ หญิงมานศรีเห็นท่านชายเครียดมาก ท่านชายเดินออกไปหญิงมานศรีรู้สึกสับสน และไม่สบายใจที่จะรับความช่วยเหลือจากท่านชายพหล
อาจารย์เมฆหลบหนีเข้ามุมได้ หายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกน้องของเทพวิ่งตามหาผ่านไป แต่แล้วอาจารย์เมฆก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาจะเดินต่อ
“เฮ้ย!”
ขวัญตายืนอยู่
“อาจารย์คะ...หนูมีเรื่องจะให้ช่วย...”
“ถอยไป”
อาจารย์เมฆจะหนีต่อ
“ถ้าไม่ช่วย ฉันจะตะโกนให้พวกมันได้ยิน ว่าอาจารย์อยู่ตรงนี้”
อาจารย์เมฆชะงัก ขวัญตายิ้มเย็น
ทิวเดินไปมาอยู่ในบ้านอย่างว้าวุ่นใจ เข้มง่วงนอนเดินเข้ามา
“นายดึกมากแล้ว...พักผ่อนเถอะครับ”
“ฉันยังไม่ง่วง แกไปนอนก่อนไป”
ทิวตัดสินใจอะไรบางอย่าง...หันไปสั่งเข้ม”
“ต่อสายหมอธีให้ฉันหน่อย”
“ครับนาย”
เข้มเข้าบ้านไป ทิวคิดจะคุยกับหมอธีเรื่องหาทางช่วยหญิงมานศรี
วันใหม่...ธีรพลเข้ามาคุยกับทิวที่มุมหนึ่งรับตาคน
“ผมจะพยายามช่วยหาคนมาซื้อหุ้นของคุณ”
“จะไม่ได้ ต้องพยายาม เดี๋ยวนี้ตอนนี้”
“โอเค แต่คุณบอกผมเมื่อกี้ว่าหญิงมานศรี...ไม่ยอมรับความช่วยเหลือของคุณ แล้วทำไมคุณถึง...”
“หมออย่าถามเซ้าซี้ได้มั้ย หรือหมอไม่อยากจะช่วยคุณหญิง”
“ถ้าผมมีเงินมากที่จะช่วยมานศรีได้ ผมไม่รีรอแน่”
“ลืมไป...ว่าหมอก็หลงรักมานศรี”
ธีรพลอึ้ง แต่ก็ย้ำ
“ในฐานะเพื่อนผู้ปรารถนาดีเท่านั้น เสียดายที่ผมมันก็แค่ข้าราชการธรรมดาๆ ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย”
“ไม่น่าเชื่อ ฐานะคุณชายอย่างหมอน่ะเหรอ”
“เรามีแต่เพียงฐานะทางสังคมที่เป็นสิ่งย้ำเตือนให้เรายิ่งต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรี ด้วยการไม่คอรัปชั่น ไม่โกงกิน...ผมจึงยังเป็นแค่ข้าราชการธรรมดา”
ทิวอึ้ง
“ผมขอโทษ...ที่มองหมอผิดไป”
“คุณเป็นคนดีนะ แต่เสียอย่างเดียว ชอบตัดสินคนเร็วไปหน่อย อ้อ มีข้อเสียอีกข้อสิ...มุทะลุ ชอบใช้อารมณ์ ปากกับใจไม่ตรงกัน”
ทิวตัดบทเปลี่ยนเรื่อง
“พอเหอะหมอ ผมรู้ตัว...จะไปได้หรือยัง”
“ไม่แปลกใจเลย ทำไมหญิงมานศรีถึงได้รักคุณ”
ทิวชะงัก
“เอ๊ะ หมอ!”
ธีรพลยิ้มให้แล้วเดินไป ทิวเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ธีรพลหันมา
“มีอะไรอีกล่ะ”
“ถ้ามันสำเร็จ...กรุณาอย่าบอกคุณหญิง ว่าเป็นเงินจากผม”
“แล้วจะให้บอกว่าจากใคร”
“จากหมูจากแมวที่ไหนก็ได้”
ทิวเดินออกไป ธีรพลมองตามอย่างเหนื่อยหน่าย
เสกสรรค์เดินอย่างอาจหาญเข้ามาในวังวังกฤตยา เทพ หญิงมานศรี และหม่อมสรัสวดีเดินออกมาด้วยกำลังจะไปแจกการ์ด เทพชวนคุยอย่างร่าเริง
“คนแรกที่เราจะต้องนำการ์ดไปเรียนเชิญคือท่านรัฐมนตรี...”
เทพชะงักเมื่อเห็นเสกสรรค์ เทพยิ้ม แต่ข้างในไม่พอใจ
“กระทรวงอื่นที่ไม่ใช่คุณพ่อของคุณเสกสรรค์ เพราะผมไม่คิดจะเชิญ”
หญิงมานศรี หม่อมสรัสวดีอึดอัดที่เห็นเสกสรรค์ กลัวเขาได้รับอันตราย
“เสก...”
หม่อมสรัสวดีพูดเสียงเข้มใส่
“มาที่นี่อีกทำไม เสกสรรค์”
เสกสรรค์เข้ามาคว้ามือหญิงมานศรีออกไป
“มากับผม”
หญิงมานศรีตกใจ
“จะพาหญิงไปไหน เดี๋ยวก่อนเสก”
เทพตวาด
“คุณเสกสรรค์”
เสกสรรค์ชะงัก หันมา
“คุณไม่เกี่ยว”
เทพไม่ยอม เข้าไปดึงตัวหม่อมสรัสวดีเอาไว้ ต่อยหน้าเสกสรรค์เปรี้ยง ทุกคนตกใจ เสกสรรค์ลุกขึ้น มองหน้าเทพอย่างท้าทาย
“จะต้องไม่มีงานแต่งงาน ระหว่างหญิงมานศรีกับคุณ”
เทพหัวเราะลั่น
“ฮ่ะๆๆๆ”
หม่อมสรัสวีไม่สบายใจ
“เสกสรรค์ ถ้ายังเห็นหัวฉันอยู่บ้าง กลับไปซะ”
“ผมจะไม่กลับไป ถ้าไม่มีคุณหญิงไปกับผม”
“มาชิงตัวว่าที่เจ้าสาวผมไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ กล้าหาญชาญชัยไปหรือเปล่าครับ คิดว่าผมจะไม่ปกป้องคุณหญิงบ้างเลยหรือไง ถามสั้นๆ...ไม่กลัวบ้างหรือไง”
หญิงมานศรีและหม่อมสรัสวดีกลัวแทน เสกสรรค์มองหน้าเทพ
“กลัวแล้วจะมาเหรอ ผมจะพาหญิงมานศรีไปเซ็นชื่อรับโอนที่ดินมรดกของผม...ซึ่งมันมีมูลค่ามากกว่าที่เป็นหนี้คุณ คุณหญิงจะต้องเป็นอิสระ”
เทพโกรธมาก
“แต่วันนี้...คุณหญิงไม่ว่างนะครับ คุณเสกสรรค์ กลับไปก่อนไป”
“ไม่กลับ...คุณหญิง ไปกับผม”
เทพโมโห
“บอกให้กลับไป”
หญิงมานศรี รีบยับยั้งเสกสรรค์เอาไว้ แสร้งทำเป็นโกรธ
“หญิงบอกให้เสกกลับไป ออกไปเดี๋ยวนี้”
หญิงมานศรีผลักเสกสรรค์ออกไป เทพจะตาม หม่อมสรัสวดีรั้งไว้
“ไม่ต้องกลัวว่าลูกหญิงจะไปกับเสกสรรค์หรอก ยังไงลูกหญิงก็จะได้แต่งงานกับคุณ”
เทพหันมองหม่อมสรัสวดี ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“นั่นสินะ...เพราะไม่งั้น...” เทพหัวเราะลั่น สะใจ “ฮ่ะๆๆๆ”
หม่อมสรัสวดีมองเทพอย่างเคียดแค้น
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
หญิงมานศรีผลักตัวเสกสรรค์ออกมา จากท่าทีที่ขุ่นเคือง กลายเป็นเตือนด้วยความร้อนใจ
“เสก หญิงขอร้องเถอะนะ เสกกลับไปก่อน”
“แต่คุณหญิงต้องสัญญาว่า...จะรับความช่วยเหลือจากผม”
หญิงมานศรีอึ้ง
“เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่มั้ย ถ้าคุณหญิงยังเห็นผมเป็นเพื่อน รับมันไว้เถอะ”
“เสก...”
“นะครับ”
หญิงมานศรียิ้มอย่างซึ้งใจ แต่ก็อดสูใจ
“หญิงกำลังรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับโสเภณี ที่จะเป็นอิสระได้ด้วยเงินไถ่ตัว”
“อย่าพูดจาดูถูกตัวเองแบบนั้น ผมช่วยด้วยความจริงใจ เพราะคุณหญิงมีค่าเกินกว่าจะลดตัวลงมาเกลือกกลัวกับผู้ชายเลวๆอย่างนั้น”
“ขอบคุณมากนะเสก หญิงจะรับความช่วยเหลือของเสก แต่เสกกลับไปก่อนเถอะนะ”
“แล้วผมจะรีบติดต่อมาอีกนะครับ”
หญิงมานศรียิ้มรับ...มองดูเสกสรรค์ที่เดินออกไปอย่างเป็นห่วง เทพแอบอยู่มุมหนึ่งมองมาด้วยสายตาเจ็บแค้นเสกสรรค์
ทิวเดินลัดเลาะมาตามถนนหน้าวังกฤตยา เข้มตามมา ระวังหลังให้
“นาย จะมาทำไมเนี่ย”
“เงียบได้มั้ย ไม่ต้องถาม ตามมาเฉยๆ”
“อย่าบอกนะ ว่าแค่มาเห็นหลังคาบ้าน เอ๊ย...หลังคาวังก็ยังดี”
“เออ!”
แข้มยิ้มล้อๆ
“ฮั่นแน่”
ทิวแก้เขิน
“ฉันหมายถึง เออ...เงียบได้หรือยัง”
ทิวมองเข้มดุ เข้มจ๋อย ทิวเดินต่อไป เข้มเดินตามไป ขำเจ้านาย
เสกสรรค์ขับรถออกมาหน้าประตูวังกฤตยา ทิวกับเข้ม เห็น รีบหลบ ทำเป็นคนเดินผ่านมาเฉยๆ เอาหมวกปิดหน้าหรือพรางตัว ทิวมองเห็นเสกสรรค์เป็นคนขับรถ
“ตื้อไม่เลิกจริงๆ”
เข้มกระซิบ
“เหมือนนายนั่นแหละ”
ทิวเซ็งแต่แล้วทิวก็ตกใจเมื่อเห็นลูกน้องล้วน ขี่มอเตอร์ไซค์มาจากมุมหนึ่งใกล้ๆประตูวัง บิดตามรถของเสกสรรค์ไป
“ไอ้เข้ม นั่นมันลูกน้องไอ้ล้วน”
เข้มตกใจ
“คุณเสกสรรค์ ซวยแล้วครับนาย”
ทิวมองอย่างเป็นห่วงเสกสรรค์
เสกสรรค์ขับรถมา มอเตอร์ไซค์ลูกน้องล้วนประกบข้าง แซงขึ้นไป ทำเป็นล้มขวางรถ เสกสรรค์เบรกเอี๊ยด ตกใจ เปิดประตูลงไป ดูอาการลูกน้องล้วนที่แกล้งหมอบเจ็บอยู่ ลูกน้องล้วนอีกคัน ขี่มอเตอร์ไซค์ ถือไม้หน้าสาม ควงมา จะวิ่งผ่าน แล้วหมายจะตีหัวเสกสรรค์ด้วยไม้ ทันใดนั้น ทิวปรากฏตัวถีบมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำ เสกสรรค์ตกใจ ลูกน้องล้วนที่แกล้งสลบ หันมา ต่อยเสกสรรค์ ล้มคว่ำ จะเข้าไปซ้ำ ทิวเข้าไปช่วยเสกสรรค์ ลูกน้องล้วนอีกคนที่มอเตอร์ไซค์คว่ำ ลุกขึ้นมา จะหยิบไม้ แต่ถูกเข้มเช้ามาชิงไปก่อน แล้วหวดลูกน้องล้วน ล้มลงไป สลบเหมือด ทิวจัดการลูกน้องล้วนจนล้ม เหมือนจะพ่ายแพ้ แต่แล้วลูกน้องล้วนก็หยิบปืนขึ้นมาจะยิงทิว เสกสรรค์เห็น พุ่งเข้าไปผลักทิว
“หลบ!”
เสกสรรค์และทิวล้มลงไปด้วยกัน รอดพ้นจากกระสุน เสกสรรค์หันมาหาทิว
“เราหายกันแล้วนะ”
ทิวแสยะยิ้ม พยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เข้มเขวี้ยงไม้หน้าสามไปโดนมือของลูกน้องล้วน ปืนร่วง
“หนีก่อนนาย”
ทิว เข้มและเสกสรรค์พากันวิ่งหนีไปทันที ลูกน้องล้วนวิ่งไปหยิบปืน แต่มีรถอีกคันวิ่งมา ลูกน้องล้วนรีบลากเพื่อนหลบไป รถคันนั้นที่วิ่งมาเป็นรถของเทพ ที่มีหญิงมานศรีนั่งมากับเทพด้านหลัง หญิงมานศรีที่นั่งในรถ เห็นรถของเสกสรรค์จอดคาถนน ประตูเปิดอยู่ หญิงสาวมองอย่างตกใจ
“รถเสกนี่...จอดรถก่อนค่ะ”
เทพ ตะโกนสั่งคนขับรถ
“ขับต่อไป”
หญิงมานศรีชะงัก
“คุณเทพ!”
“อย่าลืมสิครับ ว่าเราเสียเวลามามากพอแล้ว ให้ผู้ใหญ่รอนาน คงไม่เหมาะ” เทพสั่งคนขับต่อ “ขับไปเร็วๆ ฉันรีบ”
หญิงมานศรีมองเทพอย่างแค้นใจ และเป็นห่วงเสกสรรค์ หันมองไปข้างหลัง
“เสก...”
เทพโกรธและไม่พอใจที่หญิงมานศรีแสดงอาการเป็นห่วงเสกสรรค์ เทพกระชากมือหญิงสาวเข้ามาเกาะกุม
“อยู่กับผม ไม่ควรคิดถึงใคร”
รถของเทพแล่นไป ห่างรถของเสกสรรค์ไปเรื่อยๆ
ทิวกับเสกสรรค์หลบมาคุยกันที่มุมหนึ่งลับตาคน โดยมีเข้มคอยระวัง ดูความปลอดภัยอยู่
“ขอบใจ”
เสกสรรค์ยิ้มๆ
“จะได้ไม่ติดหนี้บุญคุณต่อกันอีกไง”
ทิวเซ็ง
“จะกลับไปเอารถอีกหรือเปล่า”
“ผมจะให้คนของผมมาเอา”
“ทีหลังก็อย่าเปรี้ยว บุ่มบ่ามแสดงตัวขวางไอ้เทพออกนอกหน้า ไม่งั้นไม่แก่ตายแน่”
“มันเลวกว่าที่ผมคิด”
“คุณคิดไม่ถึงหรอก ว่ามันจะเลวได้อีกแค่ไหน ทางที่ดี อย่าไปแหย่หนวดมันดีกว่า”
“แล้วจะให้ผมทนดูคุณหญิงมานศรีตกเป็นของมันเฉยๆอยู่แบบนี้เหมือนคุณหรือไง ทั้งๆที่หญิงรักคุณ คุณมันเลวหรือเป็นคนดีกันแน่”
“คุณหญิงไม่ได้รักผม เธอบอกคุณเพื่อให้คุณตัดใจจากเธอ”
เสกสรรค์อึ้ง ทิวเปลี่ยนเรื่อง
“นี่ไม่ใชเวลาจะมาเล่นเกมทายใจยัยคุณหญิงว่ารักใครกันแน่...เราต้องหาทางช่วยเธอ”
เสกสรรค์แปลกใจ
“เรา”
“ใช่...ผม หมอธี กำลังหาทางช่วยคุณหญิง”
“คุณคิดว่า...นายเทพมันจะยอมรับเงินหรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจ ถึงตอนนี้ ไม่มีใครเดาใจของมันได้ ว่ามันคิดอะไรอยู่”
ทิวและเสกสรรค์หน้าเครียดทันที
เทพนั่งดูล้วนตบหน้าลูกน้องด้วยความไม่พอใจ
“แค่นี้ พวกเอ็งยังทำไม่ได้ อะไรวะ งานกระจอกแท้ๆ”
“นายทิวมันเข้ามาช่วยเอาไว้ซะก่อนพี่”
ล้วนอึ้ง
“อะไรนะ! ไอ้ทิวเหรอ”
ล้วนหันมามองเจ้านาย เทพได้ยินชื่อทิวแล้วแค้นใจปาแก้วออกไป ล้วนและลูกน้องหลบกันเป็นแถว ทุกคนกลัวโดนเจ้านายซ้อม เทพลุกขึ้น คราวนี้ไม่ระบายอารมณ์กับลูกน้อง เดินหน้าเครียดออกไป ล้วนและลูกน้อง ตกใจ แปลกใจ
พิไลพรกำลังคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งในวังกฤตยา
“คุณหญิง...เพิ่งจะกลับมาจากข้างนอกค่ะคุณเสก...ค่ะ คุณเทพกลับไปนานแล้วค่ะ ค่ะ พรจะไปตามคุณหญิงให้นะคะ”
หญิงมานศรีเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“เสกเหรอพร...ขอหญิงคุยหน่อย”
พิไลพรส่งโทรศัพท์ให้ แล้วปลีกตัวไป
“เสก...”
พิไลพรชะงัก ถอยหลังกรูด มาที่หญิงมานศรี เทพเดินเข้ามากระชากหูโทรศัพท์ออกจากมือของหญิงสาว แล้วกรอกเสียงลงไป
“คุณหญิงไม่ว่างแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์”
หญิงมานศรีกับพิไลพรยืนกุมมือกัน หญิงมานศรีมองเทพอย่างไม่พอใจ
“เสียมารยาท”
“แล้วที่แอบเปิดท้ายครัวให้แฟนเก่าเข้ามาตีลับหลังว่าที่เจ้าบ่าวล่ะคุณหญิง”
“ถ้าคุณยังไม่หยุดหยาบคายกับฉัน ฉันจะ...”
เทพถลึงตาใส่ข่มขู่
“จะอะไร!”
พิไลพรเข้าขวางเอาไว้ ป้องกันหญิงมานศรี
“อย่าเข้าใกล้คุณหญิงนะ”
เทพผลักพิไลพรออกไป
“ถอยไป!”
พิไลพรกระเด็น
“ว้าย!”
“พร!”
หญิงมานศรีเข้าไปดูพิไลพร แล้วพูดใส่เทพอย่างเดือดดาล
“ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ และถ้าคุณยังจะบังคับฉัน ฉันจะ...”
หญิงสาววิ่งไปที่โต๊ะ ซึ่งวางมีดปอกผลไม้เอาไว้ จ่อที่คอของตัวเองทันที พิไลพรตกใจ
“คุณหญิง ไม่นะคะ”
เทพหน้าตื่นตกใจ
“คุณหญิง”
หญิงมานศรี แววตาแน่วแน่
“ฉันทำแน่!”
เทพอึ้ง พิไลพรร้องห้ามเสียงลั่น หม่อมสรัสวดี ชายคำรณฤทธี แม่แล่มวิ่งกันออกมา เห็นหญิงมานศรีจ่อมีดที่คอตัวเอง ทุกคนพากันตกใจ
“ลูกหญิง /น้องหญิง”
หญิงมานศรีเก็บกด และคับแค้นใจ มองเทพอย่างท้าทาย เทพหน้าเครียด
ทิวรอธีรพลอยู่มุมหนึ่งตาคน ครู่หนึ่ง ธีรพลเดินเข้ามา
“ผมติดต่อหาคนที่จะซื้อหุ้นคุณได้แล้วนะ”
ทิวดีใจ
“ใครครับ”
“ญาติหม่อมแม่ผมเอง”
“ขอบคุณมาก”
“อีกเรื่องที่ผมจะบอก...ตอนนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาล และกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติม อีกไม่กี่วันคงได้เรื่อง”
ทิวหนักใจ
“อีกกี่วันล่ะ!”
“งั้นคุณก็ต้องไปถามตำรวจเจ้าของคดีเอาเอง ผมไม่ทราบ”
“ผมขอโทษ แล้ว...ญาติหม่อมแม่ของคุณพร้อมเรื่องเงินเมื่อไหร่”
“เขาขอเวลาหนึ่งอาทิตย์”
“วันแต่งงานของไอ้เทพกับคุณหญิง” ทิวบอกอย่างเครียดๆ
หม่อมสรัสวดีร้องไห้เสียใจ พยายามห้ามหญิงมานศรี
“หญิง อย่าลูก อย่าคิดสั้น”
คำรณฤทธีเข้าห้ามอีกคน
“น้องหญิง วางมีดลงค่ะ เชื่อพี่ชายนะ อย่าทำแบบนี้”
“หญิงทำแน่ค่ะ ถ้าผู้ชายคนนี้ยังแสดงสัญชาติญาณดิบๆเลวๆใส่หญิงอีกหญิงจะไม่ทน ขอหญิงตายดีกว่าจะต้องอยู่อย่างอัปยศ”
หญิงมานศรีเงื้อมีด ทุกคนร้องกรี๊ด หลับตา เทพตัดสินใจ
“ผมขอโทษ!”
หญิงมานศรีชะงักมีด เทพมองหญิงสาวด้วยสายตาแสดงความเสียใจ
“เพราะอะไรผมถึงได้ทำแบบนั้นรู้มั้ย เพราะผมรักคุณหญิงมาก รักอย่างจริงใจ”
“ฉันไม่เชื่อ คุณมันโรคจิต ไม่เคยรักใคร นอกจากตัวเอง ไม่เคยทำให้คุณรักได้หัวใจคุณมันด้านชา มีแต่ความโลภและกิเลสเกาะกิน”
“ไม่จริง ผมรักคุณหญิง...”
เทพค่อยๆเดินเข้าไปหา หญิงมานศรีถอย ทุกคนลุ้น
“อย่าเข้ามา”
“ฆ่าผมเถอะครับ ให้ผมตายดีกว่า ให้หงส์ที่แสนสวยและน่าทนุถนอม หงส์ที่ผมรักและปรารถนาจะได้เคียงคู่มาตลอดเวลาต้องเจ็บปวด...เพราะผม”
หญิงมานศรีและทุกคนอึ้ง เทพก้าวเข้าไปหาอีก
“ผมจะไม่ป้องกันตัวเอง แทงมาที่หัวใจของผม ผมยอมตายด้วยน้ำมือคุณหญิง คนที่ผมรัก...มากที่สุด”
เทพยืนให้หญิงสาวแทงที่หัวใจ...เขาค่อยๆหลับตาลง เตรียมพร้อม
“ถ้าผมตาย คุณหญิงก็จะเป็นอิสระ...ฆ่าผมเลยสิครับ ฆ่าเลย...”
หญิงมานศรีร้องไห้ ฆ่าคนไม่ได้ ร้องไห้หนัก ตัดสินใจไม่ถูก เทพค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปปลดมีดจากมือ หญิงมานศรียอมปล่อยมีด ทุกคนโล่งอก เทพค่อยๆโอบหญิงมานศรีเข้ามากอดปลอบประโลม
“ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ ผมจะไม่ทำร้ายคุณหญิงอีกทั้งร่างกายและจิตใจ ผมขอโทษ...เงียบซะนะคนดี”
หญิงมานศรีร้องไห้ซบอยู่ที่อกของเทพ จิกเนื้อของเขาด้วยความแค้น เทพสะกดความเจ็บปวด หากแต่พอใจ เพราะนี่คือ...ชัยชนะ
ค่ำนั้น ขวัญตาก้าวเข้ามาในคฤหาสถ์ มองเข้าไปในบ้าน สายตาวาวโรจน์ มองน้ำมันเสน่ห์จันทราในมือ
ก่อนหน้านั้น ขวัญเข้าไปคุยกับอาจารย์เมฆในกระท่อมหลังหนึ่ง
“ฉันคือผู้หญิงที่อีผ่อง มันใช้ลองยาปลุกเซ็กส์ของอาจารย์!”
อาจารย์เมฆนั่งนิ่ง
“ฉันได้ยินที่นังผ่องกับอาจารย์คุยกันหมดแล้ว ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
“แล้วเอ็งจะเอายังไง”
“ไม่อยากเอาคืนนังนั่นหรือไง...โดนไม่ใช่น้อยเลยนี่ แถวบ้านฉันเรียกว่า...ถูกด่าซะอายหมาเลย ฮ่ะๆๆๆ”
อาจารย์เมฆโมโห
“เฮ้ย!”
“ฉันรู้ว่าอาจารย์ก็แค้นมัน...ฉันยินดีให้ความร่วมมือ บวกกับสร้อยทองอีกเส้น”
ขวัญตาถอดสร้อยทองที่คอให้ อาจารย์เมฆตาวาว
“เราจะเอาคืนนั่งนั่นยังไงดี”
“มันทำอะไรไว้กับฉันล่ะ...ฉันก็อยากให้มันเจอแบบนั้นแหละ”
อาจารย์เมฆตาวาวขึ้นมาทันที หัวเราะอย่างชอบใจ
บุญปลูกกำลังตากเสื้อผ้าของผ่องทิพย์ และตากชุดชั้นในเมื่อตากเสร็จก็เดินออกไป ขวัญตาแอบเข้ามา ดึงเอาชุดชั้นในของผ่องทิพย์ไป
ไม่นานนัก...ขวัญตายื่นชุดชั้นในของผ่องทิพย์ให้ อาจารย์เมฆรับมา ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะโยนลงไปในหม้อดิน และดึงเส้นผมของตัวเองออกมา ใส่ลงไปในหม้อ หัวเราะอย่างพึงพอใจ ขวัญตายิ้มอย่างสะใจ
และกลับเข้าไปที่คฤหาสถ์ โดยพยายามไม่ให้ใครเห็น
ชายคำรณฤทธีเดินมามุมหนึ่งวังกฤตยา หม่อมสรัสวดีที่รออยู่ถามด้วยความเป็นห่วง
“หญิงล่ะ ชาย หญิงเป็นยังไงบ้าง”
“น้องหญิงยังไม่อยากพบ หรือคุยกับใครครับหม่อมแม่”
หม่อมสรัสวดีปล่อยโฮ สงสารลูกสาวจับใจ แม่แล่มเข้ามากอดปลอบใจ
“หม่อมคะ ทำใจดีๆไว้นะคะ คุณหญิงไม่ใช่คนคิดสั้น เธออาจจะแค่ขู่นายเทพ”
“แม่แล่ม...แม่แล่มก็เลี้ยงลูกหญิงมา ลูกหญิงเป็นคนยังไง หัวใจฉันจะขาดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
พิไลพรแอบเช็ดน้ำตา หม่อมสรัสวดีร้องไห้พราก
“ฉันจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเลย ถ้าลูกหญิงเป็นอะไรไป ฮือๆๆๆ”
ชายคำรณฤทธีสลดใจ เครียดจัด เดินลิ่วออกไป
“ชายจะไปไหนลูก”
“เดี๋ยวชายก็กลับมาครับ หม่อมแม่”
ชายคำรณฤทธีเดินออกไป หม่อมสรัสวดีทรุด จะเป็นลม แม่แล่มและพิไลพรรีบมาช่วยดูแล
“พร หม่อมเป็นลม มาช่วนแม่เร็ว”
ชายคำรณฤทธีเดินออกมานั่งพยายามจะสงบอารมณ์ แต่เก็บมันไว้ต่อไปไม่ไหว ชายหนุ่มน้ำตาซึม ร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ กับชะตากรรมของกฤตยา ที่ไม่มีทางออก
ผ่องทิพย์ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ในขณะที่ตัวเองอยู่ในชุดนอน หวีผมอยู่หน้ากระจก
“ใครน่ะ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ผ่องทิพย์สงสัย
“ฉันถามว่าใคร”
เสียงเคาะประตูยังดังต่อ
“หรือว่าจะเป็นคุณเทพ”
ผ่องทิพย์ปลดเสื้อให้เลื่อนหลุดจากไหล่ เพิ่มความเซ็กซี่ รีบวิ่งไปเปิดประตู พอประตูเปิดออก ผ่องทิพย์ก็ต้องยิ้มค้าง เพราะ...เจอขวัญตา
“นังขวัญตา”
“ใช่ ฉันเอง อีผ่อง”
ขวัญตาผลักผ่องทิพย์เข้าไปในห้อง ตบเปรี้ยงกระเด็นไปอยู่ที่พื้น ขวัญตาล็อกห้อง
“แกจะทำอะไร ช่วย...”
ผ่องทิพย์จะร้อง แต่ไม่ทันได้ร้อง เจอขวัญตาตบเข้าให้อีกไม่ยั้ง จนป้องกันตัวไม่ทัน
“โอ๊ย!”
นภดลคุยกับอรอนงค์อยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน
“ผมได้รู้มาว่า...คุณเปรม ญาติของหม่อมเพียงพิศ แม่ของชายธีรพลกำลังจะซื้อหุ้นทัดเทพของนายทิว”
อรอนงค์แปลกใจ
“อะไรนะ”
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก...นายทิวกำลังดิ้นรนหาเงินมาช่วยใช้หนี้ให้กฤตยา”
อรอนงค์ดีใจ
“ทิว...”
“แต่ผม...ได้ใช้กำลังภายในทำให้คุณเปรมเปลี่ยนใจแล้ว”
อรอนงค์ตกใจ
“คุณนพดล! ทำแบบนี้ทำไม”
“เพราะผมอยากให้เทพเขาสมหวังไง”
“คุณรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป”
อรอนงค์หน้าซีด
ขวัญตาขึ้นคร่อมผ่องทิพย์ที่หมดแรงเพราะถูกตบ แล้วงัดปากกรอกยาเสน่ห์จันทราเข้าไป ผ่องทิพย์ร้องลั่น
“อ๊าย ไม่ แกเอาอะไรให้ฉันกิน ไม่”
“ก็อย่างเดียวกับที่แกให้ฉันกับไอ้วิวัฒน์กินนั่นแหละ นังตัวดี”
“อ๊าย...ไม่ อย่า!”
ผ่องทิพย์กลืนเข้าไปบางส่วน ก่อนจะปัดขวดตกแตก แล้วผลักขวัญตาออกไป ผ่องทิพย์พยายามล้วงคออ๊วก แต่ไม่ออก ขวัญตาหัวเราะอย่างสะใจ จิกผมผ่องทิพย์ขึ้นมา
“แกจะต้องร้อนรุ่มเหมือนที่ฉันเคยรู้สึก แกจะต้องออกไปหาทางดับให้ไฟสวาทในตัวแกดับลง...พร้อมๆกับอนาคตเมียหมายเลขหนึ่งของแกที่ไม่มีวันจะเป็นจริง นังผ่อง ฮ่ะๆๆๆ”
ขวัญตาหัวเราะสะใจออกไป ผ่องทิพย์พยายามจะอ๊วกให้ได้ ล้วงคอ ร้องไห้อย่างทรมาน
นพดลเดินหนีอรอนงค์ ทุ่มเถียงกัน
“ผมก็ทำในสิ่งที่คนเป็นพี่ควรทำ คือสนับสนุนให้น้องชายมีความสุข คุณเป็นพี่ประสาอะไร เหมือนที่เทพพูดไว้ไม่มีผิด เกลียดชังอะไรน้องนักหนา”
“ฉันไม่ได้เกลียดเทพ เพราะฉันรักน้อง ฉันจึงต้องขัดขวางต่างหาก”
“คุณอร คุณพูดจาไม่รู้เรื่องเลย เป็นอะไรของคุณ”
อรอนงค์อยากจะพูด แต่เปลี่ยนใจ ไม่อยากให้สามีรู้เรื่องไม่ดีของเทพ
“ฉันจะช่วย ทิวเอง”
นภดลไม่เข้าใจ
“อะไรนะ!”
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันจะช่วยทิว...แต่ฉันไม่ซื้อหุ้นทัดเทพมาเป็นของตัวเองหรอกนะ ฉันจะให้เงินเขา”
“แต่ก็เป็นเงินผมเหมือนกัน ผมไม่ยอม”
“งั้นถือซะว่า...เป็นเงินเลี้ยงดูของฉันหลังจากที่เราหย่ากัน”
“คุณอร พูดอะไรออกมา นี่คุณถึงกับขู่จะหย่ากับผมเพราะเรื่องนายทิวเลยเหรอ”
อรอนงค์จ้องหน้าสามี
“ฉันไม่ได้ขู่ ฉันทำจริงๆ เลือกเอา จะช่วยฉันหรือจะหย่ากับฉัน”
“คุณอร!”
นพดลตกใจ อรอนงค์มองสามีอย่างไม่หวั่นไหว
ผ่องทิพย์เหงื่อแตก ร้อนรุ่ม ร้อนเร่า วิ่งออกมา บุญปลูกเข้ามาขวาง
“คุณนาย เป็นอะไรคะ จะไปไหน”
“ถอยไป ฉันจะ...จะ...ไปฆ่ามัน...นังขวัญตา”
บุญปลูกงงๆ
“นังขวัญตา ไหนคะ ไม่เห็นมี”
“ถอยไป...โอย...”
“อย่าออกไปกลางค่ำกลางคืนด้วยชุดนี้เลยนะคะ ล่อเสือล่อตะเข้ชัดๆ”
“บอกให้ถอย นังขวัญตา แก อยู่ที่ไหน ออกมา”
ผ่องทิพย์เดินออกไป หายไปในความมืด
“โอย เอาไงดีเนี่ย...ห้ามก็ไม่ฟัง ไม่ยุ่งก็ได้โว๊ย โอ๊ย”
บุญปลูกหายเข้าไปในบ้าน
พวงทองนั่งร้องไห้ กับโชคชะตาที่พบเจอ...พวงทองนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์ที่เทพเข้ามาข่มขืนเธอและเหตุการณ์ต่างๆที่เทพทำร้าย พวงทองปลงชีวิต
“ฉันน่าจะตายไปซะ ฉันไม่ควรมีชีวิตอยู่ เพื่อรองรับความทุกข์ จากคนใจร้ายอีกแล้ว”
ทันใดนั้น เสียงประตูเปิดออกแสงส่องเข้ามา พวงทองมองด้วยความแปลกใจ ร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพวงทองเพ่งมองด้วยความแปลกใจ
“ขวัญตา!”
ทิวต่อยประตูอย่างโมโห ธีรพลหน้าเสีย
“ผมขอโทษผมไม่คิดว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลง ญาติของผม...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
เข้มพยายามเตือนสติ
“นายใจเย็นๆ”
“มานศรี...”
ทิวคิดถึงหญิงมานศรี แล้ววิ่งออกไป ธีรพลตะโกนห้าม
“คุณทิวจะไปไหน อันตรายนะ อย่าไป”
เข้มส่ายหน้า
“ห้ามอะไรห้ามได้ ห้ามคนมีความรักที่ช่วยคนรักไม่ได้เนี่ย ห้ามยากครับ”
“ตามคุณทิวไปกันเดี๋ยวนี้ เร็ว”
ธีรพลและเข้มพากันวิ่งออกไปเร็วรี่
โปรดติดตามตอนต่อไป