The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 16
หมอรุทธ์ขึ้นเวทีเล็กๆ แล้วเคาะแก้วเรียกความสนใจของแขกในงาน
“สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นผมขอกราบขอบพระคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้ความสนใจปาร์ตี้เล็กๆ ในครั้งนี้นะครับ”
ระหว่างที่พูดหมอรุทธ์หันไปสะดุดสายตากับกรรัมภาที่ยืนอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ตรงมุมค็อกเทล หมอรุทธ์ยังคงหาจังหวะสบตากับกรรัมภาตลอด
“และผมหวังว่าทุกท่านจะมีความสุขกับการจับจ่ายความงามที่คุณเลือกสรรได้เอง น้องๆ ทั้งหมด จับได้ สัมผัสได้ ถามข้อมูลได้ แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลแบบ เจาะรายละเอียดหัวจรดปลายเท้า สอบถามที่พรีเซ็นเตอร์ของคลินิกผมได้เลย น้องออนซ์ครับ”
แขกปรบมือ น้องออนซ์เดินขึ้นมายืนเคียงหมอรุทธ์ ลาภเห็นสายตาหมอรุทธ์ที่จ้องแต่กรรัมภา ชักสีหน้ากังวลๆขึ้นมา
“และนี่คือ ต้นแบบความงามโดยสมบูรณ์แห่งยุคสมัยที่คุณ ก็เป็นได้ ขอให้สนุกกับงานครับ”
หมอรุทธ์ชูแก้วดื่ม
“ระริกระรี้ไปแล้วยัยแก้ม อย่าลืมภารกิจด้วยนะ เราต้องหาสาเหตุว่าทำไมแกถึงเห็นคุณใบหม่อนอยู่ในบ้านหมอรุทธ์ เขาสองคนเกี่ยวข้องกันยังไง” กรรณาต่อว่ากรรัมภา
“และหมอรุทร์เกี่ยวข้องกับการตายของคุณใบหม่อนหรือไม่เข้าใจมั้ย” เนตรศิตางศุ์พูดต่อ
“ชั้นรู้น่ะ ชั้นไม่นอกใจปาร์คจุนจีสุดที่รักของชั้นแน่ ไปๆ” เนตรศิตางศุ์กับกรรณาถอยออกไป พอดีกับหมอรุทธ์เดินมาถึง
“คุณแก้มก็สวยมากเลยครับ”
“บ้า”
กรรัมภาบิดเขินไปมา หมอรุทธ์จ้องตากรรัมภา ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ลาภมองอยู่ตลอด
กรรณากับเนตรศิตางศุ์เดินแยกออกมาที่อีกด้านของบ้าน
“ถ้ายัยแก้มทำเสียแผนนะ ชั้นจะโยนรองเท้าแบรนด์เนมของมันไปทิ้งให้หมดเลย คอยดู”
“เชื่อใจยัยแก้มบ้างเถอะกรรณ...ไป ไปทำในส่วนของเราดีกว่า” เนตรศิตางศุ์ถอดแว่น มองไปรอบๆ เห็นภาพวิญญาณเด็กเล็กเดินตามแขกสาวกลางคนถึงสาวใหญ่แทบทุกคน
“ทำไมพวกผู้หญิงในงานแทบทุกคนมีวิญญาณเด็กๆ เดินตามล่ะ”
“ก็น่าจะเกิดการผิดพลาดหรือไม่ก็ไม่ป้องกัน ทำนองนี้”
“ไม่เข้าใจแปลว่าอะไร”
“เออช่างเถอะ เจอใบหม่อนหรือยังล่ะ”
เนตรศิตางศุ์พยายามมองหาใบหม่อน แต่ไม่เจอ
“ไม่เห็นคุณใบหม่อนเลยหรือจะอยู่ในบ้าน” แล้วอยู่ๆ แองเจโล่ มาริโอ้ก็โผล่มาในสายตา “ว้าย”
“ตกใจอะไรกันจ๊ะ เด็กต่ำกว่า18...หลบไป”
สองแฝดแหวกเนตรศิตางศุ์ออก แล้วเข้าไปประชิดตัวกรรณา
“ชั้น 20 กว่าแล้วย่ะ คนบ้า” เนตรศิตางศุ์บ่นอุบ
“น้องสาวทำศัลยกรรมส่วนไหนจ๊ะ”
“แจ่มขนาดนี้คงไม่ต้องทำล่ะมั้ง หรือถ้าอยากทำพี่จะสปอนเซอร์ให้เอาไหม”
“พวกพี่นั่นแหละควรจะไปเปลี่ยนหน้ามากกว่านะ”
“เปลี่ยนทำไม”
“หน้าเราเป๊ะอยู่แล้ว”
“เปลี่ยนจากหน้าหม้อให้ดูเป็นคนขึ้น”
กรรณาเดินไปกับเนตรศิตางศุ์ คู่แฝดยืนมึน พอดีหมอวรวรรธเดินเข้ามาขวางตรงหน้า
“หมอตาหนู มาได้ยังไง” เนตรศิตางศุ์ถามอย่างตกใจ
“คุณเนตร ถ้าคุณไม่ยอมปรับความเข้าใจกับผม ผมก็จะตามคุณไปทุกที่แบบนี้แหละ” เนตรศิตางศุ์หันเดินหนีหมอวรวรรธไปเลย
“เดี๋ยว คุณเนตร”
หมอวรวรรธตามไป เหลือแต่กรรณา
“อ้าว ยัยเนตร อย่าทิ้งชั้น แล้วชั้นจะอยู่กับใคร”
“อยู่กับพี่ไง มา มาเคลียร์กันก่อนเลย เรื่องเมื่อกี้นี้”
“โอ๊ย”
กรรณาสุดเซ็ง เดินหนี สองแฝดที่ตามล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วอยู่ๆ ก๊องวิ่งเข้ามา
“พี่กรรณ ทำไม ก๊องแค่เข้าห้องน้ำแป๊บนึง รอกันไม่ได้ใช่มั้ย อยากจะเข้างานมากถึงกับทิ้งน้อง”
“ก๊อง แก...เอ๊ย ที่รักขา” กรรณารีบเข้าไปควงก๊อง
“ที่รักมาพอดีเลย คิดถึงใจจะขาดแล้ว”
“ที่รัก อะไร” กรรณาขยิบตา
“ตัวเองมาก็ดีแล้ว สองคนนี้มายุ่มย่ามกับเค้ามาก ตัวเองเคลียร์ทีซิ อ่ะ”
กรรณาดันก๊อง แล้วตัวเองก็เดินหนีไป
“มีปัญหาอะไรกับแฟนผมเหรอ ถอยไปดีกว่า ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
แองเจโล่กับมาริโอ้เดินเข้ามาประชิดก๊อง ก๊องต้องเงยหน้ามองเห็นว่าก๊องตัวกะเปี๊ยกมากเมื่อเทียบกับคู่แฝดนี้
ก๊องทำหน้าจ๋อยๆ
เนตรศิตางศุ์เดินหนีหมอวรวรรธมาอีกมุมหนึ่ง หมอวรวรรธวิ่งตามมาขวาง
“ถ้าไม่หยุดตามเนตรอีก เนตรจะโทรหาพี่ณัฐเดี๋ยวนี้”
“โธ่ คุณเนตรครับ ขอผมอธิบายตัวเองหน่อยสิครับ”
“ไม่” เนตรศิตางศุ์เดินหนี หมอวรวรรธเดินตาม พูดอธิบาย
“ผมกับพิช เราจบกันไปนานแล้ว แต่ตอนนี้คุณพ่อของพิชป่วยหนัก ท่านเป็นอาจารย์หมอของผม...คุณคงไม่อยากเห็นผมเป็นคนเนรคุณหรอกนะ”
เนตรศิตางศุ์หันกลับมา
“หยุดพูด เนตรบอกว่าไม่อยากฟัง”
“ผมต้องรับโทรศัพท์ของพิชเพราะผมกลัวว่า มันอาจจะเป็นข่าวร้ายของอาจารย์” เนตรศิตางศุ์มีท่าทีอ่อนลง
“ผมไม่เคยดีใจเวลารับโทรศัพท์พีช ไม่เหมือนตอนผมรับสายจากคุณ...” ทันใดมือถือหมอวรวรรธดัง หมอวรวรรธหลบมาดูเบอร์
“ให้มันได้ยังงี้สิ”
เนตรศิตางศุ์รู้ว่าเป็นสุพิชชา รับไม่ได้ งอนอีก ผลักหมอวรวรรธแล้วสะบัดหน้าเดินหนี หมอวรวรรธรีบวิ่งตาม
“เดี๋ยวๆ นี่ไง” หมอวรวรรธกดตัดสาย
“เห็นมั้ย ว่าผมไม่รับสาย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคุณ”
อยู่ๆ เสียงสุพิชชาดังมา
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์พีชคะ” สุพิชชาในชุดสวยเข้ามาในงาน
“ไม่เห็นบอกพีชเลยว่าตาหนูจะมางานนี้ จะได้มาพร้อมกัน”
“พีช ทำไมพีชมา...”
“หมอรุทธ์เชิญสิคะ คนวงการแพทย์เหมือนกัน คุณพ่อท่านเคยชวนหมอรุทธ์ให้ไปออกตรวจที่โรงพยาบาลค่ะ” สุพิชชามองเนตรศิตางศุ์
“สวัสดีค่ะคุณเนตร เอ่อ คุยอะไรกันอยู่หรือเปล่าคะ งั้นตามสบายเถอะค่ะ ไม่กวนแล้ว” สุพิชชาทำทีเดินออกไป แต่แล้วก็แสร้งทรุดฮวบ หน้ามืด
“โอ๊ย”
หมอวรวรรธรีบเข้าไปประคอง
“พีช”
“ช่วงนี้เฝ้าไข้คุณพ่อมาก แย่จังเลย”
หมอวรวรรธพยุงประคองสุพิชชาไปนั่ง แล้วดูแลพัดวีให้ หมอวรวรรธหันกลับมาอีกทีเนตรศิตางศุ์ก็หายไปแล้ว
คนขับรถรับจ้างกำลังก้มๆ เงยๆ ดูเครื่องยนต์ของรถอยู่ข้างทาง
“นี่พ่อคุณ เห็นก้มๆ เงยๆ ตั้งแต่ฟ้าสว่างยันฟ้ามืด จะอีกนานมั้ย ถ้าซ่อมไม่ได้ จะได้โทรเรียกรถคันอื่นมาแทน”
ป้าอรวรรณถามอย่างหงุดหงิด
“ใกล้เสร็จแล้วครับ” เจ้าของรถมองออกไป แล้วเปลี่ยนทันที
“ฮ้า เสร็จแล้วครับ”
“หือ...” อยู่ๆ มีรถอีกคันแล่นมาจอดขวางหน้ารถรับจ้างไว้
“ฮะ อย่าบอกนะว่า แกเป็นโจร ทำเป็นรถเสีย ถ่วงเวลาให้พรรคพวกตามมาสมทบ แกห้ามทำอะไรคุณหนูของชั้นเด็ดขาด”
“ป้าออ”
ติณห์ลงจากรถมา
“ผมเองครับ”
“คุณ”
“คุณติณห์”
ติณห์พูดกับคนขับรถรับจ้าง
“ขอบคุณมากครับ ช่วยเอากระเป๋ากลับไปที่รีสอร์ทด้วยครับ”
คนขับรถรับคำ แล้วขับออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“รอก่อน จะเอาของไปไหน กลับมา”
ญาณินจะตามรถ แต่ติณห์ตามมาจะจับตัวไว้
“คุณนิน คุยกับผมก่อน”
ญาณินผวาหลบ ก่อนจะถูกจับ
“อย่า”
“อย่ามาเข้าใกล้คุณหนู ถอยออกไป” ป้าอรวรรณปกป้องญาณิน
“คิดจะทำอะไรคุณหนู แค่นี้ยังเหยียบย้ำซ้ำเติมกันไม่สาแก่ใจอีกเหรอ เมื่อไหร่จะเลิกจองเวรจองกรรมต่อกันซะที”
“คุณนิน ป้าออครับ ผมปกติแล้ว ไม่ได้ถูกเสน่ห์ของเพนนีแล้ว”
“โกหก”
ณัฐเดชลงรถตามมาอีกคน
“ ผมยืนยันได้ครับว่าไอ้ติณห์พูดจริง ไอ้ติณห์แกล้งทำเป็นว่า ยังถูกเสน่ห์ไม่หาย เพื่อหลอกพวกเสี่ยปิงให้ตายใจ จะได้เอาโฉนดที่ดินคืนมา”
“นี่ ผมได้คืนมาแล้ว และผมได้เห็นกับตาด้วยว่าพวกริเวอร์มูนรีสอร์ทคิดร้ายกับผมแค่ไหน”
“พ่อณัฐ...นี่” ป้าอรวรรณทำท่าจะโวย
“เย้ ไชโย คุณติณห์หายแล้ว”
กุมาริกาบอกอย่างดีใจแล้วแว่บมายืนจังก้าตรงหน้า ป้าอรวรรณเห็นกุมาริกาเต็มๆจังๆ ช็อก อ้าปากค้าง ตัวแข็ง แล้วเป็นลม ล้มทั้งยืน ณัฐเดชต้องรีบมารับเอาไว้
“เรื่องของหนุ่มสาว คนสูงอายุอย่าไปยุ่งดีกว่า”
ญาณินสับสน เดินหนี
“คุณนิน”
ญาณินเดินแยกออกมา ติณห์ตามมา
“คุณนิน คุณ...” ญาณินยกมือห้าม โดยไม่หันหน้ากลับมา
“คุณนิน คุณ...มีอารมณ์ แล้วใช่มั้ย” ญาณินหันขวับ ถลึงตาใส้
“เอ่อ ผมจะหมายถึง คุณกำลัง โกรธผมแล้วใช่มั้ย”
“ชั้น ชั้นไม่รู้”
“อ้าว”
“ชั้นไม่ได้โกรธ แต่ชั้น...” ญาณินหันกลับมา น้ำตาไหล
“ชั้นคิดว่า ชั้นดีใจ”
“ดีใจ”
“ใช่ ชั้นดีใจที่นายกลับมาเป็นนายคนเดิมแล้ว”
ติณห์อมยิ้มที่ญาณินดีใจทั้งน้ำตา เดินเข้ามาหาแล้วค่อยๆ กอดอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม ญาณินกอดตอบ ปล่อยน้ำตาไหลออกมา
“คุณทำเพื่อผมขนาดนี้ ผมคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตต่อไปของผมจะอยู่โดยไม่มีคุณได้ยังไง อยู่ที่นี่กับผมนะ ผมสัญญาจะดูแล ทะนุถนอม ไม่ทำให้คุณเจ็บอีก ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิตของผม ให้เหมือนกับที่คุณทำเพื่อผมญาณิน”
ทั้งสองกอดกัน ญาณินผละออกมองหน้าติณห์
“อย่าไปพูดแบบเมื่อกี้ให้ใครได้ยินนะ เดี๋ยวเค้าหาว่าชั้นทำเสน่ห์ใส่คุณ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
ส่วนที่งานเลี้ยงบ้านหมอรุทธ์ กรรัมภาชวนหมอรุทธ์เดินเข้ามาในตัวบ้าน
“คุณแก้ม ชวนผมเข้ามา มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
“ก็ ข้างนอกเสียงดัง แก้มไม่มีสมาธิฟังคุณหมออธิบายเรื่องทำหน้า เรามาคุยกัน สองต่อสอง ในบ้านดีกว่า สงบดี”
“ที่ไหนก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา ขอแค่...” หมอรุทธ์เข้าใกล้ ประชิด สบตากรรัมภา “คุณแก้มยอมให้ผมเนรมิตใบหน้าให้ก็พอ”
“คุณหมออ้ะ” กรรัมภาจะเบี่ยงหลบ แต่หมอรุทธ์จับตัวไว้
“คุณแก้มครับ ผมบอกคุณหรือยังว่าคุณสวยมาก”
“หลายครั้งแล้วค่ะ แต่ เอ ถ้าสวยแล้วทำไมยังอยากให้แก้มทำหน้าอีกล่ะคะ”
“พระเจ้าให้พรสวรรค์ผมมาเพื่อทำให้คุณสวย สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ คุณแก้มจะเป็นผลงานที่วิเศษสุดๆ ของผม ยิ่งกว่าน้องออนซ์ ยิ่งกว่า...” หมอรุทธ์นิ่งไป
“ยิ่งกว่าใครคะ”
หมอรุทธ์ยิ้มกลบเกลื่อน
“ยิ่งกว่าใครๆ ที่ผมเคยเนรมิตมา”
“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้คุณหมอจะพูดถึงชื่อใครนะคะ”
“เอ่อ...”
อยู่ๆ ก๊องวิ่งเข้ามา พอเห็นหมอรุทธ์กับกรรัมภาใกล้ชิดกันก็แทบเบรคไม่ทัน
“เฮ้ย!”
กรรัมภารีบผละออกจากหมอรุทธ์ทันที
“ก๊อง”
“เอ่อ พี่แก้ม คุณหมอ ผมโทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจมาขัดจังหวะ พอดีว่าคู่แฝดยักษ์นั่นจะรุมตื้บผม ผมต้องหาที่ซ่อน เชิญตามสบายเลยครับ” ก๊องจะเข้าไปหลบด้านใน ลาภเข้ามาขวางก๊องไว้
“ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่นซ่อนหานะครับ”
“ผมไม่ได้เล่นครับ ผมจะโดนตื้บจริงๆ”
ลาภจะลากก๊องออกไปให้ได้ กรรัมภาจะเข้าไปห้าม
“เดี๋ยวค่ะ”
หมอรุทธ์จับมือกรรัมภาไว้ ไม่ให้ไป
“อย่าไปสนใจเลยครับคุณแก้ม เราเข้าไปด้านในเถอะครับ ผมมีอะไรเด็ดๆ อยากจะโชว์ให้คุณเห็น”
“แต่นั่น...”
หมอรุทธ์ลากกรัมภาเข้าไปด้านในบ้าน แองเจโล่กับมาริโอ้วิ่งเข้ามาเจอก๊อง
“นั่น...อยู่นั่น”
“จับได้แกโดนแน่ไอ้ก๊อง”
“โอย มาแว้ว ช่วยด้วย”
ก๊องวิ่งหลุดไป มีคู่แฝดวิ่งตาม ลาภหันมามองตามหมอรุทธ์ไปด้วยแววตาเป็นกังวล
อีกด้านหนึ่งกรรณากำลังมองหาเนตรศิตางศุ์อยู่
“ยัยเนตร หายหัวไปไหนเนี่ย แล้ววันนี้จะได้เรื่องมั้ยเนี่ย ชั้นล่ะเบื่อจริงๆ เพื่อนแต่ละคนมีปัญหากับผู้ชายทั้งนั้นยกเว้นชั้น” กรรณาบ่นแล้วหน้าหม่นเศร้าไป จังหวะนั้นลูกข่างเดินพุ่งเข้ามาหา
“นี่ เธอๆ ยัยเพื่อนตัวแสบของเธอ อยู่ไหน”
“ใครคะ”
“ก็นังเด็กเนตรน่ะสิ หลบหน้าเจ๊อยู่ใช่มั้ย หนอย อีตอนมาฝึกงาน เจ๊ก็อุตส่าห์มีเมตตาสอนงาน แต่พอจะเลิกฝึก กลับหายหัวไปดื้อๆ ไม่บอกไม่กล่าว แล้วนี่ก็ไม่คิดจะมากราบขอขมาลาโทษแม่บังเกิดเกล้าคนนี้เลย ฝากไปบอกเพื่อนเธอด้วยนะ ว่าหลบให้ได้ตลอดแต่ถ้าเจ๊เจอหน้าเมื่อไหร่ มีตบ”
ระหว่างที่ลูกข่างบ่น อยู่ๆ กรรณาก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆ แว่วมา
“เสียงร้องไห้มาจากไหน” กรรณาเดินตามหาเสียง
“นี่ เจ๊ยังพูดไม่จบ เดินหนีได้ยังไงไม่มีมารยาท” ลูกข่างเดินตาม กรรณาจึงหันมาตวาด
“เงียบๆ” ลูกข่างตกใจ อึ้ง หุบปากสนิท แต่กรรณาไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว กรรณาพยายามฟังแต่ไม่มีเสียงอะไรอีก
“ปัดโธ่ เลยไม่รู้เลยว่าเสียงมาจากทางไหน”
“เสียงอะไรอ่ะ”
ก๊องวิ่งเข้ามา
“พี่กรรณๆ” ก๊องหอบเหนื่อย
“โหย พี่นะพี่ หาเรื่องเกือบตายมาให้ผมจนได้ ไปบอกเขาว่าผมเป็นแฟนพี่ แล้วงี้ ผมก็อดเหล่สาวๆ ในงานสิ”
“ก๊อง แกเห็นยัยเนตรกับยัยแก้มมั้ย”
“พี่เนตรไม่เห็น แต่พี่แก้ม โน่น เข้าไปบ้านสองต่อสองกับคุณหมอหน้าเด้งแล้ว”
กรรณาอึ้ง เป็นห่วงกรรัมภา
“ยัยแก้ม” กรรณาเดินผละแยกไปทันที
“อ้าว อยู่ๆ จะไปก็ไป”
ก๊องหันมาอีกที เจอลูกข่างยืนยิ้มเผล่รออยู่แล้ว
“เทพบุตรของเจ๊” ลูกข่างกระพริบตาปริบๆๆ
“โอ้ว ไม่ๆ หนีเสือปะจรเข้ชัดๆ”
ก๊องหนีไม่ทัน ถูกลูกข่างคล้องแขนเอาไว้ ดิ้นไม่หลุด
หมอรุทธ์จูงมือกรรัมภาเข้ามาในห้องทำงานพิเศษที่มีอุปกรณ์แพทย์ครบครันทุกอย่าง สามารถทำศัลยกรรมที่นี่ได้เลยและมีตู้ปลาประดับอยู่ด้วยเช่นเดิม กรรัมภาตะลึงกับห้องๆ นี้
“คุณหมอ มีห้องทำงานอยู่ในบ้านเลยเหรอคะเนี่ย”
“สำหรับคนพิเศษเท่านั้นครับ เครื่องมือทุกชิ้น นำเข้าจากเกาหลีนะครับ คุณแก้มสบายใจได้” หมอรุทธ์เห็นกรรัมภาเดินดูอย่างทึ่งๆ “คุณแก้ม...อยากจะประเดิมด้วยอะไรดีครับ”
“เอ่อ แก้มว่า ครั้งแรก แก้มขอลองซอฟท์ๆ ก่อนดีกว่าค่ะ”
“งั้นก็โบท็อกซ์แล้วกันนะครับ เชิญที่เตียงเลยครับ”
ระหว่างที่หมอรุทธ์ตื่นเต้นตระเตรียมอุปกรณ์ กรรัมภาตัดสินใจถอดถุงมือเอื้อมมือไปแตะที่เตียงแล้วเธอก็เห็นภาพวาโยนอนอยู่บนเตียงนี้, ภาพหมอรุทธ์ที่ใส่ผ้าคาดปากกำลังถือมีดผ่าตัด, ภาพมีดผ่าตัดถูกทิ้งในถาด มีดนั้นเปื้อนเลือด, ภาพหมอรุทธ์ถอดผ้าคาดปากออก แล้วยิ้มยินดีที่ดูเหมือนโรคจิตๆ
กรรัมภาลืมตาโพลง ผงะเล็กน้อย
“คุณแก้ม เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ เปล่าค่ะ”
“แน่ะๆ อย่าบอกนะครับว่า พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว หน้ามืด แค่จะฉีดโบท็อกเองนะครับ”
“อ๋อ ค่ะ แก้มกลัวขึ้นมากะทันหันอ่ะค่ะ”
หมอรุทธ์เข้าปลอบ ประคองกรรัมภาขึ้นนอนบนเตียง
“ไม่ต้องกลัวนะครับ นอนให้สบาย คุณแก้มจะรู้สึกเหมือนกับหลับไป รับรองว่าจะไม่ทันรู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว”
กรรัมภานอนบนเตียงแล้วลังเล ชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจถามออกมา
“หมอรุทธ์มีห้องทำงานแบบฟูลออฟชัน ในบ้านแบบนี้ เอาไว้ทำให้สาวๆ โดยเฉพาะสินะคะ แก้มเป็นคนที่เท่าไหร่ล่ะ”
“ให้ผมตอบตรงๆ เลยมั้ยครับ”
“ค่ะ”
“ผมไม่เคยพาใครมาที่นี่ครับ”
“แล้วคุณใบหม่อนล่ะคะ” หมอรุทธ์ผงะ อึ้ง
“ก็หมอรุทธ์เป็นคนทำหน้าให้คุณใบหม่อน นางเอกละครชื่อดังคนนั้นนี่นา ใช่ที่นี่ บนเตียงนี้หรือเปล่าเอ่ย”
หมอรุทธ์อึ้งไป ชั่งใจ ก่อนจะตอบ
“คุณใบหม่อนไม่เคยมาที่บ้านผมจะให้ผมเริ่มได้หรือยังครับ”
“เอ่อ งั้นแก้มไม่...” กรรัมภาจะลุกขึ้นแต่หมอรุทธ์กดกรรัมภาไว้ไม่ให้ลุก
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมไม่ให้ถอนตัวหรอกครับ นอนลงนะ ก็แค่ฉีดโบท็อกเอง ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
กรรัมภาอึ้งๆ ที่ถูกหมอรุทธ์กดตัวเอาไว้ หมอรุทธ์หยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา หน้าตาจริงจัง
อีกมุมหนึ่งของบ้าน หมอวรวรรธให้สุพิชชานั่งพัก
“พีชไม่น่ามาเลย หมอรุทธ์เขาเข้าใจอยู่แล้วว่าพีชต้องอยู่ดูแลคุณพ่อ”
“แหม ก็หมอรุทธ์เชิญมา พีชก็อยากมาสักนิดนึง ไม่ให้น่าเกลียด ขอบใจตาหนูมากนะ พีชโอเคแล้ว พีชว่าพีชจะกลับบ้านเลย ฝากตาหนูบอกลาหมอรุทธ์แทนทีนะคะ พีชขอตัวกลับก่อน”
สุพิชชาลุกยืน แล้วหน้ามืดเซใส่หมอวรวรรธอีก
“พีช แล้วยังงี้จะขับรถกลับบ้านยังไงไหวเนี่ย”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ พีชต้องกลับไปดูแลพ่อ”
“ไม่ได้ๆ เอ่อ เอางี้ เดี๋ยวผมขับไปส่ง แต่พีชนั่งรอผมตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
“เดี๋ยวค่ะตาหนู เดี๋ยว”
หมอวรวรรธผละออกไป สุพิชชาหายป่วยทันที กระฟัดกระเฟียดที่หมอวรวรรธห่วงใยเนตร ไม่ยอมแพ้
เนตรศิตางศุ์เดินมาสำรวจด้านหลังบ้านแต่ก็ไม่พบใบหม่อน
“คุณใบหม่อนคะ คุณใบหม่อนอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ”
เนตรศิตางศุ์หันไปเห็นหมอวรวรรธตามมา เนตรศิตางศุ์รีบหาที่หลบมุมเพราะไม่อยากคุยด้วย เมื่อหมอวรวรรธเดินมาถึงบริเวณนั้นก็ได้แต่มองหาเนตรศิตางศุ์แต่หาไม่เจอ อยู่ๆ สุพิชชาตามหมอวรวรรธมา
“ตาหนู”
“พีช คุณตามผมมาทำไม”
“พีชอยากกลับบ้านแล้ว ตาหนูขับรถไปส่งพีชทีนะ”
“รอก่อนได้มั้ยพีช ผมอุตส่าห์ตามมาถึงพัทยาเพื่อเคลียร์ปัญหากับคุณเนตร นี่ผมยังไม่ได้คุยเลย”
“แต่พีชจะกลับเดี๋ยวนี้” สุพิชชาบอกเสียงดัง หมอวรวรรธอึ้ง งง
“พีชมีแรงขนาดนี้ พีชน่าจะขับรถกลับเองไหวแล้วมั้ง”
“ทำไมคะ ยัยเด็กคนนั้นมันมีดีอะไร ทำไมตาหนูต้องห่วงใย ใส่ใจมันมากขนาดนั้นด้วย...แล้วพีชล่ะ ทำไมคุณไม่แคร์พีชบ้าง”
“พีช ผมก็แคร์คุณนะ แต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น”
“ไม่ใช่ พีชกับคุณไม่ใช่เพื่อนกัน พีชรักคุณและพีชรู้ว่าคุณก็ไม่เคยลืมพีช เรายังรักกัน รักกันมาตลอด”
“พีช ผู้หญิงที่ผมรัก มีแค่คนเดียวคือคุณเนตร”
เนตรศิตางศุ์อึ้งที่ได้ยินจะๆ คาหู
“ไม่จริง คุณจะทิ้งพีชไม่ได้ ตอนนี้พีชไม่มีใครแล้ว คุณพ่อก็ป่วยหนัก โรงพยาบาลก็ไม่มีคนดูแล แล้วพีชตัวคนเดียว จะทนรับปัญหาทั้งหมดคนเดียวได้ยังไง”
“คุณเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน เป็นธรรมดาที่พวกผู้ใหญ่จะยังไม่เชื่อฝีมือ แต่ความมุ่งมั่นของคุณจะทำให้พวกเขาเห็น เชื่อผมสิ ผมขอตัว ผมขอตัวนะพิช” หมอวรวรรธจะไป
“พีชไม่ให้คุณไป”
สุพิชชาตามกอดรั้งหมอวรวรรธเอาไว้
“พีช อย่าทำอย่างนี้ปล่อยผม”
หมอวรวรรธพยายามแกะสุพิชชาออก จนกระทั่งสุพิชชาเสียหลัก ถอยไปชนจุดที่เนตรศิตางศุ์หลบอยู่ จนเนตรศิตางศุ์ต้องเผยตัวออกมา เนตรศิตางศุ์ยืนอึกอักๆ ยิ้มเฝื่อนๆ เหมือนเด็กถูกจับผิดได้
“เนตร เอ่อ เนตรไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ”
แล้วอยู่ๆ เนตรศิตางศุ์ก็รับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างวูบๆ ผ่านสายตาไป เนตรศิตางศุ์หันไปมองพบวาโยยืนอยู่มุมหนึ่งของตัวบ้าน
“คุณใบหม่อน...” เนตรศิตางศุ์อึ้ง
วาโยขยับปากเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แล้วก็ลอยผ่านไปอีกทางนึงโดยสายตายังมองเนตรศิตางศุ์อยู่ เหมือนเชื้อเชิญให้ตามมา เนตรศิตางศุ์ไม่อยากพลาดโอกาสรีบตามวาโยไปทันที โดยไม่สนใจหมอวรวรรธเลย
“เดี๋ยวคุณเนตร”
หมอวรวรรธรีบตามเนตรศิตางศุ์ไป สุพิชชายิ่งแค้น
วาโยลอยวืบๆ โดยมีเนตรศิตางศุ์กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา เนตรศิตางศุ์คอยตามไม่ให้คลาดสายตาพลางคอยระวังว่าจะมีใครมาเห็นหรือไม่ เนตรศิตางศุ์ตามมาถึงทางเดินแห่งหนึ่ง วาโยยืนอยู่ปลายสุดทางเดินนั้นก่อนจะจางหายไป เนตรศิตางศุ์เข้าไปดูพบว่าที่สุดทางเดินนั้นมีประตูเล็กๆ สำหรับลงห้องใต้ดินอยู่ที่พื้น
“ประตู...” เนตรศิตางศุ์ลังเล กลัวๆ กล้า
“ไม่ๆ เราต้องไม่กลัว เราต้องช่วยคุณใบหม่อนให้ได้”
เนตรศิตางศุ์สูดลมหายใจแล้วค่อยๆ เปิดประตูแล้วก้าวลงไป แล้วประตูนั้นก็ปิดเองทันที หมอวรวรรธวิ่งตามผ่านมาแต่ไม่เห็นเนตรศิตางศุ์จึงวิ่งตามหาเนตรศิตางศุ์ไปทางอื่น
เนตรศิตางศุ์ค่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดมาในความมืด มองแทบไม่เห็นอะไรเลยมีเพียงแสงสะท้อนวิบวับเรืองรองวูบไหวไปมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ทำไม มันเย็นอย่างนี้ ยังกับอยู่ในน้ำอย่างนั้นแหละ”
เนตรศิตางศุ์ค่อยๆ ก้าวไปช้าๆ พยายามข่มใจให้สู้ แต่พอมีแสงอะไรวูบไหวผ่านข้างๆ ตัวไป เนตรศิตางศุ์ก็หลับตาปี๋ เท้าหยุด ไม่กล้าก้าวเดินต่อและพยายามตั้งสติ
“ไม่ เราต้องไม่กลัว เราต้องทำได้”
เนตรศิตางศุ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ทันทีที่ลืมตาอยู่ๆ ภาพวาโยก็วูบเข้ามาตรงหน้าเนตรศิตางศุ์ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว้าย!”
เนตรศิตางศุ์เหยียบพลาด สะดุดของที่อยู่บนพื้นจนล้มลงกองกับพื้น เนตรศิตางศุ์ฟุบกับพื้น โอดโอย แล้วเธอก็
ควานหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมากดเปิดไฟฉายส่องดูไปทั่วบริเวณอื่นๆ สุดปลายในห้องนั้นมีแสงวูบวาบไปมา เนตรศิตางศุ์พยายามมองแต่ยังมองไม่ชัดว่าคืออะไร มีบางสิ่งเคลื่อนที่ไปมาภายในแสงวูบวาบนั้น ตรงกลางของห้อง มีโต๊ะใหญ่ กว้าง เสมือนโต๊ะทดลองอะไรสักอย่าง
“นี่มัน ห้องอะไรกันเนี่ย...” แต่แล้วก็มีร่างของวาโยวูบผ่านหลังเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์รีบหันตาม แต่ไม่เห็นวาโยแล้ว
“คุณใบหม่อน นั่นคุณใช่มั้ยคะ คุณใบหม่อน...”
ไม่มีเสียงตอบ เนตรศิตางศุ์เอาไฟฉายส่องจะเข้าไปดู แต่อยู่ๆ วาโยวูบผ่านไปอีกด้าน เนตรศิตางศุ์รีบหันตาม ค่อยๆ ส่องไฟกราดไปรอบๆ ท่ามกลางแสงไฟที่กราดส่องจากซ้ายไปขวาเนตรศิตางศุ์เห็นร่างผู้หญิงในชุดดำยืนร้องไห้อยู่ แสงไฟที่ส่องผ่านไปแล้วต้องส่องกลับมาอีกทีแล้วก็พบว่าหญิงสาวนั้นหายไป
“อ้าว วันนี้มาแปลก ใส่ชุดดำ”
เนตรศิตางศุ์แปลกใจแต่พอหันกลับมาอีกด้านก็ต้องผงะ เพราะที่มุมนึงของห้องท่ามกลางเงาสะท้อนของน้ำในตู้ปลาร่างวาโยยืนก้มหน้าร้องไห้อยู่ สะอื้นๆๆ เนตรศิตางศุ์ผงะ กลัวๆ กล้าๆ ไม่รู้ว่ามาดีหรือไม่ดี
“คุณใบหม่อน ถ้าเป็นคุณก็อย่าเล่นกันแบบนี้สิคะ เนตรกลัว”
ไม่มีเสียงตอบจากหญิงคนนั้น เนตรศิตางศุ์กลัวๆ กล้าๆ อยู่ๆ วาโยก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องเนตรศิตางศุ์
อ่านต่อหน้า 2
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 16 (ต่อ)
เนตรศิตางศุ์พยายามรวบรวมความกล้า
“คุณใบหม่อน ใช่คุณหรือเปล่า” วาโยส่ายหน้า
“ไม่ใช่คุณใบหม่อนเหรอ แต่หน้าคุณเหมือนกับคุณใบหม่อนมาก”
“ชั้นถูกฆาตกรรม ช่วยชั้นด้วย”
“ชั้นไม่ได้ยินที่คุณพูดหรอกค่ะ ชั้นมองเห็นเพียงอย่างเดียว คุณก็รู้หรือว่า คุณจะไม่ใช่คุณใบหม่อนจริงๆ”
“เธอต้องช่วยชั้นด้วย ไม่อย่างนั้นจะต้องมีผู้หญิงกลายเป็นเหยื่อแบบเดียวกับชั้น อย่าให้เขาทำกับใครอีก เธอต้องไปห้ามเขาให้ได้”
“ชั้นไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ”
วาโยชี้ไปยังแสงวูบวาบที่อยู่ด้านหลัง เนตรศิตางศุ์พยายามเพ่งมองเต็มที่ว่าคืออะไร แต่แล้วอยู่ๆ ไฟก็สว่างพรึ่บ เรียงไปเป็นแถว ร่างวาโยหายไป เนตรศิตางศุ์ที่ช็อกอยู่ ทรุดลงไป ตาค้างพร่าไปชั่วขณะ
“ใคร ชั้นถามว่าใคร”
เนตรศิตางศุ์หันไปทางที่ไฟถูกเปิด ตาเนตรศิตางศุ์ค่อยๆ ปรับสภาพได้ ภาพเบลอๆ ของคนๆ นึงเดินเข้ามาหา ค่อยๆ ชัดขึ้นๆ หมอวรวรรธคือคนที่เปิดไฟและกำลังเดินเข้ามาแต่ตาไม่ได้มองเนตรศิตางศุ์ กลับมองผ่านเนตรศิตางศุ์ไปด้านในสุดของห้องอย่างตะลึง เนตรศิตางศุ์รีบหันกลับไปมองคิดว่าหมอวรวรรธเห็นวาโยแต่กลับไม่ใช่ สิ่งที่เธอเห็นกลับกลายเป็นตู้ปลาขนาดใหญ่ประมาณคอนเทนเนอร์ขนสินค้าได้
ตู้ปลาขนาดอควาเรี่ยมย่อมๆ ถูกสร้างฝังอยู่ในผนังปูนด้านในสุดของห้อง สิ่งนี้นี่เองที่เป็นแหล่งที่มาของแสงวูบวาบ
“แม่เจ้าโว้ย นี่มันอควาเรี่ยมย่อมๆ เราดีๆ นี่เอง หมอรุทธ์เลี้ยงปลาทะเลขนาดนี้เลยเหรอ บะเร่อเฮิ่ม”
“หมอรุทธ์เลี้ยงปลาทะเล” เนตรศิตางศุ์ทวนคำหมอวรวรรธ
“เออ ใช่ เราเริ่มใกล้ผู้ต้องสงสัยเข้าไปแค่ปลายจมูกแล้ว”
“เมื่อกี้ เธอคนนั้นชี้ไปที่ตู้ปลานี่นา”
“ใคร เธอคนไหน” หมอวรวรรธถามอย่างแปลกใจ
เนตรศิตางศุ์ไม่ตอบ วิ่งไปทางตู้ปลา
เนตรศิตางศุ์เดินเข้ามาดูตู้ปลาใใกล้ๆ หมอวรวรรธตามเข้ามา ภายในตู้ปลาเลี้ยงสัตว์ทะเลแปลกๆ หลายชนิด เช่น งูทะเล ปลาน้ำลึก ปลาหิน หอยเต้าปูน เป็นต้น
“แล้วเธอให้ดูอะไร” เนตรศิตางศุ์บอกแล้วพยายามมองตู้ปลานั้น
“สัตว์ทะเลหายากทั้งนั้นเลย งูทะเล ปลาหิน สัตว์มีอันตรายทั้งนั้นเลย”
“แล้วนั่นอะไรคะ เหมือนจะเป็นหอย”
“หอยเต้าปูน” แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นหอยเต้าปูนลายแผนที่ ลายผ้า หรือลายอะไร รู้แต่ว่ามันมีพิษรุนแรงมากถึงขนาดทำให้คนตายได้ ตรงปากมันที่ยื่นออกมาเป็นงวงจะมีเข็มพิษซ่อนอยู่ โดนแทงเมื่อไหร่ ม่องเท่งเมื่อนั้น...”
ทั้งคู่สบตากันอย่างฉุกใจ แล้วทันใด อยู่ๆ หนังสือเล่มหนึ่งก็หล่นลงมาเองจากชั้นหนังสือ โดยไม่มีแม้ลม...ตุ้บเนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธแปลกใจ
“ลมก็ไม่มี หนังสือหล่นมาเองได้ยังไง”
เนตรศิตางศุ์ไปหยิบมาดู อ่านหน้าปก
“รวมสัตว์มีพิษในทะเล”
เนตรศิตางศุ์มองหน้ากับหมอวรวรรธ แล้วรีบเปิดดู ด้านในหนังสือมีลายมือยุกยิกจดบันทึกไว้ต่างๆ มองหาเบาะแสไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ๆ ก็มีมือซีดเผือดมาจับข้อมือเนตรไว้
“ว้าย!”
เนตรศิตางศุ์ตกใจ ทิ้งหนังสือหล่นพื้น มือนั้นก็หายไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณเนตร”
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไร เนตรอยากกลับขึ้นไปแล้ว พาเนตรกลับไปที”
“ครับๆ” หมอวรวรรธก้มเก็บหนังสือจะเอาไปคืนที่ แต่แล้วก็พบว่ามีรูปถ่ายใบหนึ่งปลิ้นออกมาจากในหนังสือ หมอวรวรรธหยิบรูปนั้นขึ้นมา
“คุณเนตรครับ ดูนี่...”
หมอวรวรรธยื่นให้เนตรศิตางศุ์ดู เป็นรูปหมอรุทธ์ยืนอยู่ข้างเจดีย์บรรจุอัฐิและเห็นป้ายไม้เก่าแก่เขียนชื่อวัดเอาไว้อย่างขัดเจน เนตรศิตางศุ์แปลกใจ
“วัด...”
แองเจโล มาริโอ้ วิ่งเข้ามามองหากรรณาในห้องรับแขกแต่ไม่เจอ พบแต่แขกคนอื่นจึงวิ่งออกไป กรรณาออกมาจากมุมหนึ่งที่ซ่อนอยู่
“โอย ยัยแก้มหายไปไม่พอ ยังต้องมาวิ่งหนีคู่แฝดนี่อีก ทำไมงานเข้าอย่างนี้ชั้น” ทันใดมีมือมาจับไหล่กรรณา หมับ... “ว้าย” กรรณาร้องออกย่างตกใจ แต่พอหันไปก็พบเนตรศิตางศุ์และหมอวรวรรธ กรรณาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตกใจหมด คราวหน้าให้เสียงด้วยสิยัยเนตร”
“เนตรได้ข้อมูลแล้ว เรารีบไปจากนี่กันดีกว่า”
“ชั้นยังหายัยแก้มไม่เจอเลย หายไปกับหมอรุทธ์สองคน ต้องโดนหมอรุทธ์ล่อลวงไปทำ ว้าย ไม่อยากนึกภาพ”
“อ้าว แล้วทำไงดีล่ะ”
“นู่น คุณแก้มอยู่นู่น”
ทั้งหมดหันไปทางที่หมอวรวรรธบอกพบว่ากรรัมภาเดินโซเซเพราะเมายานอนหลับมากับหมอรุทธ์
ทั้งหมดวิ่งเข้าไปหากรรัมภา กรรณาถึงตัวกรรัมภาก่อนเพื่อน
“ยัยแก้มแกยังไม่ตาย ดีเลย แกจะได้เป็นพยาน ว่าหมอรุทธ์พยายามจะฆ่าแกใช่มั้ย”
“อะไรของคุณ ผมไปฆ่าใคร”
“แกเข้าใจผิดแล้ว ชั้นไม่ได้เป็นอะไร หมอรุทร์แค่ฉีดโบท็อกให้ชั้น...แค่นั้น” กรรัมภาบอก
“ฉีดโบท็อกซ์”
“เออ ชั้นถึงขยับหน้าไม่ค่อยได้นี่ไง”
“ใช่น่ะสิครับ คุณแก้ม อย่าเพิ่งพูดมากเลยครับ ช่วงแรกๆ จะรู้สึกตึงๆ หน้าหน่อย แต่เดี๋ยวจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนคุณ...” หมอรุทธ์หันมาจ้องหน้ากรรณา กรรณายิ้มแหะๆ
“ผมรู้สึกว่าคุณจะมีปัญหากับผมมากเกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้นะครับ”
หมอรุทธ์จ้องกรรณาเขม็ง กรรณาหันไปกระซิบกับกรรัมภา
“ยัยบ้าเอ๊ย เรามาหาเบาะแสคดีคุณใบหม่อน แต่แกกลับไปนอนให้เค้าฉีดโบท็อกซ์เนี่ยนะ”
“ก็มันไม่รู้จะเลี่ยงยังไง แต่ชั้นก็ไม่ได้ออกมามือเปล่านะ”
“เธอได้อะไรมา” เนตรศิตางศุ์กระซิบถาม
“หนึ่งได้หน้าตึงๆฟรี สอง ชั้นเห็นคุณใบหม่อน”
“กระซิบกระซาบอะไรกัน”
หมอรุทธ์ถาม สามสาวหันมาทำหน้าเจื่อน จังหวะนั้นก๊องวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพอดี
“พี่กรรณ กลับเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องถามนะว่าทำไม”
แล้วก๊องก็วิ่งออกไปหน้าตั้ง แล้วทั้งหมดก็พบคำตอบเมื่อเห็นแองเจโล มาริโอ้กำลังเดินดิ่งมาหากรรณา
“เผ่นเถอะ”
กรรณารีบลากรรัมภาหนีไป เนตรศิตางศุ์และหมอวรวรรธรีบไป
“คุณแก้ม คุณแก้ม”
“หนีไปไหน กลับมาก่อน นางฟ้า...”
แองเจโล มาริโอ้วิ่งตามไป หมอรุทธ์มองสาวๆ อย่างสงสัย
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านพักติณห์ หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกาดีใจสุดขีด โลดเต้นกันไปมา
“ยะฮู้! แม่หนูญาณินไม่ทิ้งข้าไปไหนแล้ว มีความสุขที่สุดเล้ยยย เอ้า ฮา เฮ่ ฮา เฉยช้าอยู่ไย เอ้า ฮะ ฮ่ะ ไฮ้ ใครต่อใคร เขาร้ายทั้งนั้นน่ะ เอ้า ฮิๆ ดูให้ดีเขาลีลาศกัน ยักแย้ แย่ยันเห็นเขาเต้นกันเสียวซ่านอุรา”
“โอ้ โห โอ้ โห โย้เย้โยกไป เอ้า ฮะ ฮ่ะ ไฮ้ ใครต่อใครย้ายยักควักคว้า”
ติณห์ถือแก้วน้ำมาส่งให้ป้าอรวรรณ ยิ้มให้ พยายามง้อ แต่ป้าอรวรรณเชิดใส่เดินหนี ติณห์หันมามองอ้อนขอความช่วยเหลือญาณินที่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ ญาณินทำมือบอกให้ติณห์สู้ๆ แล้วพูดสายไป ติณห์ตามไปเอาใจป้าอรวรรณต่อ ณัฐเดชขำเพื่อน
“เออ ตอนนี้ที่นี่ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว พวกเสี่ยปิงคงไม่กล้าทำอะไรอีก อย่างน้อยก็ช่วงนี้..แล้วแกกับแฟนแกเป็นไงบ้างยัยรส”
สุคนธรสคุยโทรศัพท์กับญาณินอยู่ที่บริษัท
“แฟนอะไร พูดดีๆ นะ ถึงชั้นกับนายไตวายจะเคย เอ่อ...เคยนั่นแหละ แต่ชั้นก็ไม่สมยอม ไม่รู้ตัว มันเป็นอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นไม่นับ ให้เค้ากลับไปอยู่บ้านกับนังปอดบวมแฟนเค้าเถอะ นางแบบที่ชื่อคาที่ เอ๊ย...เคที่ไง พวกแกไม่เคยเจอก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องรู้สึกอิจฉา พอๆ แกหยุดพูดเรื่องอีตาคนนี้ได้มั้ย ชั้นพูดอยู่คนเดียวเลยเหรอ เออ แกปลอดภัยก็ดีแล้ว ชั้นง่วงแล้ว แค่นี้นะ” สุคนธรสกดวางสาย แล้วกดรับสายซ้อนทันที
“โทรมาทำไมคนจะหลับจะนอน”
ไตรรัตน์กำลังคุยโทรศัพท์กับสุคนธรสอยู่ในห้อง
“พูดดีๆ กับผมบ้างสิครับ คิดถึงอนาคตบ้าง ก็อนาคตของเราไงครับ จำไม่ได้เหรอว่าเราเคย และพ่อแม่คุณและพ่อแม่ผมก็อยากให้เราแต่งงานกัน”
“เหรอ แต่แม่นายช่วงนี้ ดูจะเต็มใจต้อนรับยัยเคที่เป็นสะใภ้มากกว่าชั้นนะ”
“จริงด้วย ทำไมอยู่ๆ แม่ถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ก็อย่างที่คุณบอกไงว่าคุณได้กลิ่นแปลกๆ ที่บ้านผม” อยู่ๆ มีเสียงเคาะประตู “ถือสายรอแป๊บนึงนะครับ” ไตรรัตน์เดินไปเปิดประตู เคธี่อยู่ในชุดนอนสีดำลูกไม้บางๆ พลิ้วๆ ที่จงใจสวมมายั่วไตรรัตน์
“เคธี่...”
สุคนธรสได้ยินชื่อเคธี่
“ธไรซ์คะ เคธี่มีเรื่องรบกวนหน่อยค่ะ วันนี้เคธี่นั่งสมาธิกับหม่าม้านานมาก เคธี่ปวดบ่าม้ากมาก ปวดจนนอนไม่หลับเลย จะนวดเองก็ไม่สามารถ ธไรซ์ช่วยนวดให้หน่อยได้มั้ยคะ” เคธี่ยื่นยาทาแก้ปวดให้
“เอ่อ คือ...”
เคธี่หันหลัง ยกผมขึ้น เผยหลังคอขาวๆ
“นะคะธไรซ์ ตรงนี้”
“ครับ ได้ครับ...”
ไตรรัตน์กดตัดสายมือถือทิ้งแบบแทบไม่รู้ตัว สุคนธรสอึ้ง งง ที่สายหลุด ได้แต่ฮึดฮัด
ไตรรัตน์บีบยาแล้วค่อยๆ ท่าค่อยๆ นวดให้ เคธี่พลิกกลับหันหน้ามาหาไตรรัตน์
“ดีค่ะ เคธี่รู้สึกดีมากเลยค่ะธไรซ์”
“ผมก็รู้สึกดี”
เคธี่ยิ้มถอดชุดออกปล่อยให้ชุดร่วงลงไปกองกับพื้นทั้งคู่กอดกัน
สุคนธรสนึกภาพเอาเองว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างไตรรัตน์กับเคธี่จึงฉุดขาด ไม่พอใจ
“อึ๋ย! หยุดยัยรส หยุดนึกได้แล้ว ไม่สนใจ ไม่สนใจ”
ขณะนั้นไตรรัตน์บีบยาแล้วค่อยๆ ทา ค่อยๆ นวดให้เคธี่ เคธี่ยิ้มสมใจ พลิกกลับมาหันหน้าหาไตรรัตน์
“ ดีค่ะ เคธี่รู้สึกดีมากเลยค่ะธไรซ์ ตรงนี้ด้วยค่ะ”
เคธี่จับมือไตรรัตน์มา ไตรรัตน์อึกอักพยายามหักห้ามใจเลยไม่มองหน้าเคธี่มองผ่านข้ามหัวไป แล้วไตรรัตน์ก็เห็นเจ๊หญิงเดินออกมาจากในห้อง แต่งตัวด้วยชุดสาวก ท่าทางเหมือนจะออกไปนอกบ้าน ไตรรัตน์แปลกใจ
“แม่ แม่จะไปไหนครับ”
เจ๊หญิงเดินไป เหมือนไม่ได้ยิน ไตรรัตน์รีบตามไป
“หนอย จุดอ่อนของคุณก็คือชั้น อยากรู้นักว่าจะอดทนอดกลั้นได้แค่ไหน”
เคธี่บอกตามหลัง
เจ๊หญิงเดินออกมานอกตัวบ้าน สีหน้าแววตาล่องลอย เหมือนคนละเมอไม่มีสติ เดินจะไปขับรถ
“แม่จะไปไหนครับ” ไตรรัตน์วิ่งตามมาแต่เจ๊หญิงเดินไปไม่สนใจ ไตรรัตน์จึงจับมือเจ๊หญิงเอาไว้
“แม่ครับ”
“ชั้นจะไปหาอาจารย์สมคิด”
“ไปตอนนี้เนี่ยนะ” เคธี่ตามออกมามองห่างๆ ไม่เข้ามาช่วยอะไรใดๆ “แม่เป็นอะไรไปเนี่ย” ไตรรัตน์ถลาเข้ากอดเอวเจ๊หญิงไว้ “ผมไม่ให้แม่ไป”
ไตรรัตน์กอด จะอุ้มแม่กลับ
“ปล่อยชั้น ปล่อย” เจ๊หญิงเริ่มอาละวาด ทุบตีหลังไตรรัตน์ “บอกให้ปล่อย ปล่อยๆ”
แต่ไตรรัตน์ไม่ยอมปล่อย เจ๊หญิงกัดเต็มแรง
“โอ๊ย”
เจ๊หญิงผลักไตรรัตน์จนล้มไปแล้วขึ้นรถ ไตรรัตน์จะตามแต่ไม่ทัน เจ๊หญิงขึ้นรถและกดล็อกเอาไว้ได้ก่อน สีหน้าเจ๊หญิงมุ่งมั่นจะไปมากๆ ไตรรัตน์พยายามเคาะเรียก
“แม่ แม่เปิดประตู ผมไม่ให้ไป”
เสาวภากับอาม่าวิ่งออกมาดู
“อาไตร นี่มันเรื่องอะไร”
“แล้วอาสมหญิงอีจะไปไหน อาสมหญิง”
ไตรรัตน์เคาะๆ จนไปขวางหน้ารถ
“หยุดเดี๋ยวนี้ครับแม่” แต่เจ๊หญิงขับรถออกไป ไตรรัตน์ต้องโดดหลบ ทุกคนอึ้งกับท่าทีของเจ๊หญิง
“ไอ้หมอสมคิดแน่ๆ ผมจะไปพาม้ากลับมา อาอี๊ฝากดูแลอาม่าด้วยนะครับ” ไตรรัตน์ทำท่าจะออกไป
“เดี๋ยว อาตี๋ ลื้อจะไปคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”
“อาม่าไม่ต้องห่วง ผมไม่ไปคนเดียวหรอก”
ที่สำนักหมอผีสมคิด หมอผีสมคิดนั่งอยู่บนแท่นพิธีในมือมีรูปถ่ายของติณห์ ปากขมุบขมิบท่องคาถาแล้วเป่าเพี้ยงลงบนรูปก่อนจะเอามือทาบทับลงบนหน้าติณห์
“เช็คสถานะปัจจุบัน ” สักพักหมอผีสมคิดสะดุ้ง เหมือนมือร้อน สะบัด หมอผีสมคิดส่ายหน้า
“มันมีของดีคุ้มครอง ชั้นปล่อยของกลับไปใส่มันไม่ได้”
เพ็ญนภายืนอยู่หน้าแท่นพิธีร้องเสียงดังลั่น
“ม่ายจริงงงง” หาญ กล้าอุดหู เสียงแสบแก้วหูเหลือเกิน
“ไหนคุยนักคุยหนาว่าเก่ง แล้วทำไมทำไม่ได้ หรือจริงๆ แล้วแกทำไม่ได้ก็แปลว่าแกมันก็แค่ไอ้หมอผีกระจอกๆ หลอกลวง18มงกุฏ”
“อืม หาญกล้า เอามันออกไปก่อนชั้นจะเสกควายใส่ปากมัน”
“ว้าย!”
เพ็ญนภาเตะต่อยกล้ากับหาญจนกระเด็น แล้วพุ่งเข้าทุบตีหมอผีสมคิด หมอผีสมคิดยกมือปัดป้องเพ็ญนภา ขณะนั้นเจ๊หญิงหอบถุงของกินเข้ามาพอดี
“ท่านอาจารย์คะ อิชั้นซื้อหูฉลาม” เจ๊หญิงเห็นเพ็ญนภาทำร้ายร่างกายหมอผีสมคิดพอดี “ฮะ” เจ๊หญิงเหวี่ยงถุงของทิ้งลอยหมุนติ้วในอากาศแล้ววิ่งเข้าไปกระโดดถีบเพ็ญนภา
“อาจารย์ข้าใครอย่าแตะ” เพ็ญนภากระเด็นติดข้างฝา สีหน้าเจ็บปวด เจ๊หญิงประกาศอย่างภูมิใจ
“ชั้นเป็นศิษย์เอกท่านอาจารย์สมคิด มีแต้มสะสมความดีเลเวลสาม ระดับสวรรค์ชั้นยามาภูมิ ใครบังอาจหลบหลู่ท่านสมคิด มันต้องตาย”
เจ๊หญิงวิ่งเข้าไปจะเล่นงานเพ็ญนภาซ้ำ เพ็ญนภาหลับตาปี๋แต่หมอผีสมคิดห้าม
“เจ๊สมหญิงหยุด” เจ๊หญิงเบรกเอี๊ยด
“ออกไปจากสำนักของชั้นเดี๋ยวนี้และอย่ากลับมาที่นี่อีก”
“ท่านอาจารย์ไล่อิชั้นทำไมคะ อิชั้นทำอะไรผิด” เจ๊หญิงถามอย่างตกใจ
อีกมุมหนึ่งของสำนักหมอผีสมคิด หมอผีสมคิดหันหน้ากลับมา ปั้นหน้าวางท่าว่ากำลังโมโหสุดขีด เจ๊หญิงวิ่งตามมากอดขาสมคิด ร้องไห้ฟูมฟาย
“ท่านอาจารย์คะ อิชั้นทำอะไรผิด ทำไมท่านอาจารย์ถึงไม่ให้อิชั้นมาที่นี่อีก”
“ถ้าเจ๊หญิงเคารพชั้น แล้วทำไมเจ๊หญิงไม่ทำตามสิ่งที่ชั้นแนะนำ”
หมอผีสมคิดจะเดินไป เจ๊หญิงกอดขาแน่น
“เรื่องอะไรคะ ได้โปรดบอกอิชั้นเถอะค่ะ อิชั้นจะไปทำให้ท่านอาจารย์เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“จะทำได้รึ ตอนนี้ทนายที่ดูแลเรื่องมรดกของเจ๊หญิงอาจจะหลับไปแล้วก็ได้”
“จำได้แล้ว อิชั้นจะให้ท่านอาจารย์เป็นผู้จัดการมรดก ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วงนะคะอิชั้นจะกลับไปจัดการให้เร็วที่สุด”
หมอผีสมคิดยิ้มเมตตาวางมือบนหัวของเจ๊หญิง
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เจ๊สมหญิงจะได้แต้มสะสมความดีเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า จาก เลเวลสามก็กลายเป็นสามสิบ ทีนี้เราก็จะได้ไปทัวร์สวรรค์ด้วยกัน”
เจ๊หญิงตาลอยเคว้ง เคลิ้ม
“สวรรค์...สวรรค์...สวรรค์”
ขณะนั้นไตรรัตน์นั่งอย่างสิ้นหวังอยู่ที่บริษัทซิกส์เซ้นส์
“ไตรรัตน์ มีกำลังใจหน่อยสิ” สุคนธรสบอก
“ทำไมมันจงใจจองล้างจองผลาญบ้านผมขนาดนี้ ตั้งแต่คิดฆ่าผม ทำร้ายอาม่า เผาตลาด มาจนถึงทำร้ายพ่อแม่”
“มันโลภอยากได้ของๆ ครอบครัวคุณ ตอนแรกมันคงคิดว่าคุณเองก็ดวงตกคงจะครอบงำได้ง่ายๆ แต่พวกเรากลับมาเป็นอุปสรรคขัดขวางมัน ทำให้มันแค้น อยากเอาชนะมากขึ้นๆ แล้วก็เลยใช้วิธีรุนแรงขึ้นๆ เรื่อยๆ”
“มันน่าเจ็บใจ ที่กฎหมายยังทำอะไรมันไม่ได้”
“ถ้าจะใช้กฎหมาย มันต้องอาศัยพยาน หลักฐาน ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ถ้าเราเอาผี เอาวิญญาณไปเป็นพยาน สังคมก็คงตราหน้าว่าเราบ้า”
“แล้วผมต้องทำยังไง ต้องเอาระเบิดไปถล่มสำนักมันเลยไหมหรือเอาปืนไปยิงไอ้สมคิดให้ตายๆ ไปซะ” ไตรรัตน์ยังไม่ทันตอบ โทรศัพท์ของไตรรัตน์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น ไตรรัตน์รีบรับสาย
“ครับอี๊” ไตรรัตน์ฟังแล้วตกใจ
“ว่าไงนะครับ”
ขณะนั้นที่บ้านไตรรัตน์ เจ๊สมหญิงกับเคธี่ในชุดทำพิธีบูชาอีกา มีเสียงเพลงสวดกึ่งป๊อบเหมือนในสำนักหมอผีสมคิดดังคลอต่อเนื่อง เจ๊หญิงก้มคารวะรูปสมคิดขนาดเท่าตัวคน เคธี่นั่งโปรยขนนกใส่ตัวเจ๊หญิงพลางหาวหวอดๆ
“เพื่อธไรย์ เพื่อธไรย์ เพื่อธไรย์”
เคธี่พูดออกมาเบาๆ เสี่ยจำเริญนั่งถูกมัดติดกับรถเข็น ปากถูกมัดด้วยผ้า ดิ้นขลุกขลักเพราะอึดอัด ที่หน้าห้องเสาวภากับอาม่าเคาะประตูรัว
“อาตี๋ใหญ่ ลื้ออย่ายอมเซ็นนะไม่งั้นวิญญาณบรรพบุรุษแช่งพวกเราให้ตกนรกแน่”
“เป็นไงล่ะ อยากชื่นชมไอ้หมอสมคิดดีนัก”
“อาสมหญิงเปิดประตู”
ในห้องเสียงเพลงกลบเสียงของอาม่ากับเสาวภา ส่วนเจ๊สมหญิงคารวะเสร็จก็หันไปพยักหน้าให้เคธี่ เคธี่ยิ้มหวานแล้วคลานเข่าไปหยิบพานวางเอกสารแผ่นหนึ่งมีปากกาเสียบอยู่บนพานมาส่งให้เจ๊หญิง เจ๊หญิงรับไปวางตรงหน้าเสี่ยจำเริญแล้วแกะเชือกที่มือข้างขวาให้เสี่ยจำเริญ
“เรามาทำความดี จะได้ไปทัวร์สวรรค์ด้วยกันนะอาเฮียมีหนูเคธี่ไปด้วยนะ”
“ค่ะ เคธี่อยากไปม้ากมาก ท่าทางที่นั่นจะวันเดอร์ฟูลน่าดู”
เจ๊หญิงแก้เชือกที่มือเสร็จเสี่ยจำเริญดึงผ้าออกจากปากตัวเอง
“ไม่ อั๊วจะไม่ยกสมบัติของอั๊ว ของบรรพบุรุษอั๊วให้คนอื่น”
“หือ” เคธี่ชะโงกหน้าดูแผ่นกระดาษบนพานเห็นหัวกระดาษเขียนว่า “เอกสารพินัยกรรม”
“หา!...หม่ามี้จะทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ใครคะ”
“ท่านสมคิด ท่านจะจัดสรรให้สมบัติของเรามีค่าต่อมวลมนุษยชาติ”
“ไม่ได้นะคะ” เคธี่หลุดปากอย่างตกใจ
“ทำไม”
“เอ่อ...เอ่อ...ธไรย์อาจจะไม่ยอม รอถามธไรย์ก่อนดีกว่าค่ะ”
“ไม่ถาม ไอ้ลูกชายไม่รักดีมันไม่เห็นด้วยกับชั้นอยู่แล้วอาเฮียเซ็นเดี๋ยวนี้”
“ไม่”
“ใช้ไม้อ่อนไม่ชอบ ให้ชอบใช้ไม้แข็งใช่ไหม เคธี่จับแขน” เคธี่ยังเหวออยู่เรื่องจะอดได้สมบัติของไตรรัตน์ก็เลยมึนจับแขนเจ๊หญิงแน่น
“นังบ้า ชั้นสั่งให้จับแขนอาเฮียไม่ใช่จับแขนชั้น”
“อุ๊ย ซอรี่ค่ะ”
เคธี่จับแขนข้างขวาของเสี่ยจำเริญ พยายามคิดว่าเอาไงดี เจ๊หญิงยัดปากกาใส่มือเสี่ยจำเริญ เสี่ยจำเริญพยายามฝืนขัดขืน
“เซ็นเดี๋ยวนี้”
“อั๊วไม่เซ็น”
ที่หน้าห้อง เสาวภากับอาม่าเคาะประตูกันจนเหนื่อย ไตรรัตน์กับสุคนธรสเข้ามา
“เจ๊กับยัยเคธี่พาอาเฮียเข้าไปในห้องแล้ว เห็นเอาเอกสารพินัยกรรมยกสมบัติให้ไอ้หมอสมคิดเข้าไปด้วย ตี๋เล็กลื้อต้องห้ามแม่ลื้อให้ได้นะ อั๊วไม่อยากไม่มีที่ซุกหัวนอนตอนแก่”
ไตรรัตน์เคาะประตู
“แม่ครับ แม่ แม่ ผมไม่ยอมนะแม่”
เคธี่ได้ยินเสียงไตรรัตน์ หันขวับไปทางประตู
“ธไรย์” เคธี่มองหน้ากับเสี่ยจำเริญแล้วแกล้งจับมือเสี่ยจำเริญมาตบตัวเอง
“กรี๊ด คุณพ่อตบหนูทำไม” เคธี่แกล้งล้มลงไปกับพื้น โอดครวญ กลิ้งหลายตลบไปที่ประตู
“โอย...เจ็บ” เคธี่ทำเนียนพยุงตัว ยกสองมือโหนลูกบิด ประตูกำลังจะเปิดออกแล้ว
“ธไรย์ herry up herry up”
ไตรรัตน์กำลังจะผลักประตูเข้ามา เจ๊หญิงโผล่มาจิกหัวเคธี่แล้วหันมาปิดประตูปัง เกือบกระแทกใส่หน้าไตรรัตน์ ไตรรัตน์ถอยหลังชนสุคนธรส เสาวภา อาม่าเซเกือบล้ม สุคนธรสจับแขนไตรรัตน์
“อย่าพยายามเลยคุณ เราเข้าทางอื่นดีกว่า”
เจ๊หญิงมัดมือมัดเท้ามัดปากเคธี่เอาไว้ที่มุมห้องจนเสร็จ เคธี่พยายามดิ้นและส่งเสียงร้องแต่ไม่เป็นผล
“ต่อไปนี้ลื้อไม่ใช่ศิษย์ของท่านสมคิดอีกต่อไป” เสี่ยจำเริญใช้มือข้างขวาพยายามแกะเชือกที่มือข้างซ้าย แต่เพราะไม่มีแรงจึงทำไม่สำเร็จ เจ๊หญิงหันไปเห็น
“อาเฮียทำอะไร”
“สมหญิงปล่อยพี่เถอะนะ พี่เจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว”
“ลื้อก็เซ็นซะสิ พิธีจะได้เสร็จ” เสี่ยจำเริญส่ายหน้า
“อั๊วสั่งให้เซ็น”
เจ๊หญิงจับแขนเสี่ยจำเริญ เอาปากกายัดมือ แล้วกดปลายปากกาลงไปบนกระดาษตรงตำแหน่งเซ็นชื่อ
“โอ๊ย...เจ็บ...พี่เจ็บ...”
แต่เจ๊หญิงไม่ฟัง หน้าตาขึงขังดวงตาเพ่งบนกระดาษจะบังคับให้เสี่ยจำเริญเซ็นให้ได้ ที่ระเบียงห้อง มือไตรรัตน์โผล่มาเกาะขอบระเบียง ไตรรัตน์พยายามดันตัวเองขึ้นไปบนระเบียง สุคนธรสต่อท้าย อาม่ากับเสาวภาช่วยกันจับบันไดคนละข้าง สุคนธรสขาสั่นแหง่กๆ กลัวความสูง
“ขึ้นไปเร็วๆ สิคุณ ชั้นไม่อยากยืนตรงนี้นาน ชั้นไม่ชอบความสูง”
“ก็บอกแล้วว่าอย่าขึ้นมา”
“คิดว่าคนเดียวจะรับมือไหวหรือไงเล่า ไม่ต้องพูดมาก ขึ้นไปเร็ว”
ไตรรัตน์ปีนไปบนระเบียงได้
เคธี่ตาโตเมื่อเห็นไตรรัตน์ผ่านประตูมุ้งลวดของระเบียง ส่งเสียงอ้อแอ้ร้องเรียกให้ไตรรัตน์ช่วย ไตรรัตน์ชู่ว์...ให้เคธี่ เคธี่พยักหน้าและยอมเงียบมองไตรรัตน์ด้วยแววตาชื่นชม ฮีโร่มาช่วยแล้ว
ไตรรัตน์พยายามเปิดประตูมุ้งลวดดันตัวเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ ขณะที่เจ๊หญิงบังคับให้เสี่ยจำเริญเซ็น เลยไม่ทันสังเกตเห็นไตรรัตน์
“เซ็นลงไปซะดีๆ อย่าให้อั๊วต้องใช้ไม้ตาย”
สุคนธรสกำลังปีนข้ามระเบียงตามเข้ามา เหงื่อไหลเต็มหน้าจากอาการกลัวความสูงเข้าเส้นเลือด เม็ดเหงื่อบนแก้มสุคนธรสหยดลงไปบนหน้าผากอาม่า อาม่าปาดหน้าผากแล้วร้องลั่น
“อาหนูรสฉี่ใส่หน้าอั๊ววว”
อาม่าปล่อยมือจากบันได บันไดเอนไปข้างหลัง สุคนธรสจะหงายหลัง
“ว้ายๆ”
เจ๊หญิงได้ยินเสียงสุคนธรสก็หันขวับไปทางระเบียง เห็นไตรรัตน์กำลังคว้าตัวสุคนธรสแล้วดึงเข้ามาบนระเบียงได้สำเร็จ เจ๊หญิงหันไปใช้ไม้ตายกับเสี่ยจำเริญ
“เซ็นเดี๋ยวนี้”
เจ๊หญิงบิดติ่งหูเสี่ยจำเริญ เสี่ยจำเริญร้องจ๊าก เจ๊หญิงเกาเท้าเสี่ยจำเริญ เสี่ยจำเริญหัวเราะบ้าจี้ ทั้งเจ็บทั้งขำจนทนไม่ไหว ยอมเซ็นลงไปในที่สุด
“ป๊าอย่า”
ไตรรัตน์ร้องห้ามแต่ไม่ทันแล้ว เจ๊หญิงยิ้มดีใจ ไตรรัตน์วิ่งเข้าห้องมาคว้ากระดาษเจ๊หญิงจับกระดาษไว้แน่นจึงเกิดการยื้อแย่งกระดาษกันไปมา
“ปล่อย”
“แม่กำลังหลงผิดนะ”
ไตรรัตน์กระชากกระดาษอย่างแรงแต่หลุดมือ กระดาษปลิวไปตกตรงหน้าสุคนธรส เจ๊หญิงหันไปจะหยิบกระดาษ ไตรรัตน์คว้าไฟแช็คบนโต๊ะพิธีโยนให้สุคนธรส
“คุณรส” สุคนธรสรับไฟแช็คได้อย่างแม่นยำ แล้วไตรรัตน์ก็ล็อคแขนสองข้างเจ๊หญิงไว้ “จัดการเลยคุณ”
“อย่านะ”
สุคนธรสหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วจุดไฟแช็กเผาทันที
ที่สำนักหมอผีสมคิด ขณะนั้นหมอผีสมคิดสวดคาถาดังกึกก้อง สายตาจ้องลงไปในชามใส่น้ำที่เห็นเงาของพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า มือถือเทียนสีดำลอยวนรอบชามให้น้ำตาเทียนหยดลงในน้ำล้อมรอบเงาดวงจันทร์
ร่างเจ๊หญิงกระตุกตาแข็งทื่อ ไตรรัตน์กับสุคนธรสมองกระดาษที่ค่อยๆ ถูกไฟลามเลียอย่างโล่งใจ
หมอผีสมคิดส่งเทียนคืนให้หาญ ก่อนจะรับมีดอาคมมาจากกล้ายกขึ้นสวดคาถาแล้วเป่าลงบนมีด แล้วนำมากรีดลงบนนิ้ว หยดเลือดลงบนเงาของพระจันทร์ หยดเลือดแผ่ครอบคลุมดวงจันทร์
พระจันทร์บนท้องฟ้าสีเหลืองกลายเป็นสีเลือดแล้วสาดแสงสีแดงส่องลงมาที่สวนบ้านเจ๊หญิง สุคนธรสหันไปเห็นพระจันทร์สีแดง
“พระจันทร์สีเลือด” สุคนธรสวิ่งไปดูที่หน้าต่าง แต่ไม่เห็นแสงที่สาดลงบนสวน “หรือว่าเจ๊หญิงจะโดน...”
ที่สวน กลุ่มควันสีดำของเหล่าวิญญาณร้ายลอยพุ่งขึ้นจากพื้นดินแล้วลอยขึ้นสูงผ่านหน้าต่างเข้าไปกระแทกใส่ตัวเจ๊หญิงที่ยังถูกไตรรัตน์ล็อคแขนอยู่ เจ๊หญิงดวงตาแดงวาบ ความหลงใหลในสมคิดถูกกระตุ้นขึ้นอีกสิบเท่า เจ๊หญิงก้มลงไปมองกระดาษที่ถูกไฟไหม้จนหมด แล้วกรี๊ดคลุ้มคลั่ง ไตรรัตน์ตกใจ
“แม่”
อ่านต่อหน้า 3
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 16 (ต่อ)
เจ๊หญิงผลักไตรรัตน์ แต่เหมือนมีแรงสิบคนผลัก ไตรรัตน์กระเด็นติดข้างฝา เคธี่ เสี่ยจำเริญตาโตตกใจ เจ๊หญิงสะบัดหน้าไปหาสุคนธรสด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวมาก
“ใครขัดขวางท่านสมคิด มันต้องตาย”
เจ๊หญิงกวาดของบนโต๊ะทิ้งหมด ยกโต๊ะขึ้นสูงได้อย่างง่ายดายราวกับผู้มีพลังมหาศาลแล้วพุ่งเข้าไปจะทุ่มโต๊ะใส่สุคนธรส เสี่ยจำเริญ เคธี่ ไตรรัตน์ตกใจ
“คุณรสระวัง”
สุคนธรสคว้าผ้ายันต์ลายอังกรี้เบิร์ดจากกระเป๋าสะพายแปะหน้าผากเจ๊หญิง เจ๊หญิงชะงัก ยังชูโต๊ะค้าง ไตรรัตน์ลุกขึ้นจับโต๊ะไว้ได้ทันก่อนที่มันจะร่วงหล่นพื้นแล้วเจ๊หญิงก็เป็นลมล้มลงกับพื้น เคธี่ เสี่ยจำเริญ สุคนธรส ไตรรัตน์ถอนหายใจโล่งอก
สุคนธรสนึกขึ้นได้วิ่งกลับไปดูที่หน้าต่าง พระจันทร์ยังเป็นสีเลือด สุคนธรสหันกลับมาสั่งไตรรัตน์
“พาเจ๊หญิงไปที่ห้อง ระวังอย่าให้ผ้ายันต์หลุดเด็ดขาด” เมื่อสั่งเสร็จ สุคนธรสก็วิ่งออกไป
“คุณจะไปไหน คุณรส”
ไตรรัตน์ช้อนร่างเจ๊หญิงขึ้นวิ่งพาออกไปจากห้อง
ก้อนเมฆค่อยๆ เคลื่อนมาบดบังดวงจันทร์สีเลือด สุคนธรสวิ่งออกมาจากในบ้านหยุดอยู่ที่ชานหน้าบ้าน แหงนหน้ามองว่าแสงจันทร์ส่องลงมาตรงที่ใดของบ้าน
“กลิ่นความชั่วร้าย” สุคนธรสดมหาที่มาของกลิ่นไปเรื่อยๆ จนถึงสวน สุคนธรสถึงกับผงะ
“เหม็นโคตร ต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ”
สุคนธรสคลานดมหากลิ่นไปบนพื้น ไตรรัตน์วิ่งตามเข้ามามองหาสุคนธรสแล้วหันไปเห็นสุคนธรสคลานสี่ขาดมหากลิ่นอยู่บนพื้นแถวสวนจึงวิ่งเข้าไปหา
“คุณรส คุณทำอะไร”
“หาหุ่นดินปั้น ชั้นคิดว่าเจ๊หญิงโดนทำฝังรูปฝังรอย”
“ฝังรูปฝังรอย คืออะไร”
“ฝังรูปฝังรอย เป็นวิธีทำเสน่ห์อย่างหนึ่ง”
“พวกหมอผีจะนำดินโป่งเจ็ดป่าช้ามาปั้นเป็นหุ่นของผู้ที่ต้องการทำของใส่ แล้วนำไปฝังไว้ในบ้านของคนๆ นั้น แล้วรอให้ถึงคืนข้างขึ้น เพื่อบริกรรมคาถาให้แสงพระจันทร์ส่องลงไปที่รูปปั้น หลังจากนั้นคนๆ นั้นก็จะหลงผู้ทำพิธีอย่างโงหัวไม่ขึ้น”
ไตรรัตน์กัดฟันกรอด
“แล้วมีวิธีแก้มั้ย”
“มี ต้องไปหามีดตัดลูกนิมิตเก้าวัดเอามาทำลายอาถรรพณ์ แต่เรื่องนั้นไม่ยากเพราะหลวงลุงท่านมีอยู่แต่ไอ้ที่ยากก็คือเราจะต้องหาหุ่นดินนั้นให้ได้ว่ามันเอาไปฝังไว้ที่ไหน แถวนี้มีกลิ่นความชั่วร้าย แสดงว่ารูปปั้นจะต้องฝังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แหละ”
ไตรรัตน์พยักหน้า วิ่งไปที่เก็บเครื่องมือทำสวน คว้าเสียมออกมา
“บอกมาเลยว่ามันอยู่ตรงไหน ผมจัดการเอง”
สุคนธรสนึกได้ มองไปทางบนบ้าน
“เดี๋ยวก่อน”
เจ๊หญิงอยู่ในห้องมีผ้ายันต์ลายแองกรี้เบิร์ดแปะหน้าผากนอนอยู่บนเตียง สุคนธรสรีบมาที่หน้าห้องแปะผ้ายันต์หลายแผ่นบนประตูห้องเรียงกันเป็นยันต์เก้ายอด แล้วพนมมือ หลับตา สวดมนต์ เกิดแสงสีทองสว่างวาบเป็นรูปยันต์เก้ายอดคอยปกป้องทางเข้า
“ยันต์นี้จะช่วยให้ฤทธิ์ฝังรูปฝังรอยในตัวเจ๊หญิงไม่ทำงาน เจ๊หญิงก็จะไม่อาละวาดเหมือนเมื่อกี้” ไตรรัตน์พยักหน้ารับ
“เออแล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
สุคนธรสเปิดประตูเข้ามาในห้องเสี่ยจำเริญ ไตรรัตน์ตามเข้ามา เคธี่ถูกมัดดิ้นไปมา มองมา ตาแค้น เสี่ยจำเริญนอนหลับอยู่บนเตียง เสาวภากับอาม่าฟุบหลับ สุคนธรสอึ้ง
“ผมโปะยาสลบที่ขอแบ่งหมอวรวรรธ ตั้งแต่ตอนที่เราวางแผนจะจัดการกะนายติณห์ไง แต่ผมฉีดยาไม่เป็น หมอวรวรรธเลยบอกให้เอาแบบนี้ปลอดภัยกว่า แต่ตอนตื่นมาใครแพ้มากก็คงอ้วกแตกนิดหน่อย ทีแรกกะไว้ใช้กะแม่...ถ้าแกทำอะไรแปลกๆ อีก แต่ตอนนี้เอามาใช้กะสถานการณ์นี้ก่อน ทุกคนจะได้ไม่มาวุ่นวายกับเรา แล้วจะได้นอนหลับพักผ่อนด้วย” ไตรรัตน์บอกแล้วคว้ามือสุคนธรส “ไปทำงานของเราต่อเถอะ แม่ผมจะได้หายสักที”
“ไอ้บ้าๆ”
เคธี่โวยวาย สุคนธรสหันไปพยักหน้า
“อยากสลบอีกคนมั้ย แต่ไม่ใช่เพราะยานะ”
เคธี่ทำหน้าสยอง
สุคนธรสกับไตรรัตน์รีบลงมาในสวนแล้วแยกย้ายกันใช้เสียมขุดดินหาหุ่นปั้น สุคนธรสหาไม่เจอก็เปลี่ยนที่คลานดมหากลิ่นไปตามพื้นหญ้าพอเจอจุดสงสัยก็ขุดใหม่ ทั้งสองมุ่งมั่นในการขุดหาหุ่นปั้นมาก
คืนเดียวกันนั้นขณะที่เนตรศิตางศุ์นอนหลับสนิทเธอฝันว่าเดินฝ่าม่านหมอกเข้ามาในวัดแห่งหนึ่ง เนตรศิตางศุ์ มองไปรอบๆ งงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เนตรศิตางศุ์เดินไปถึงใต้ต้นไม้ใหญ่
“สวัสดีค่ะ มีใครอยู่แถวนี้บ้างคะ”
เสียงหมาหอนดังระงมคล้ายกับตอบรับเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์สะดุ้งแล้วหันไปเห็นที่เก็บกระดูกตั้งเรียงราย ภาพถ่ายคนตายหน้าโกศเหมือนกำลังจ้องมองมาที่เนตรศิตางศุ์เป็นตาเดียว เนตรศิตางศุ์ตกใจผงะถอยหลัง ทันใดนั้นมีหยดเลือดหยดลงบนแก้มของเนตรศิตางศุ์ เนตรศิตางศุ์รู้สึกได้ก็ใช้มือปาดน้ำบนแก้มเอามือมาดูถึงเห็นว่าเป็นเลือด
“เลือด”
เนตรศิตางศุ์แหงนหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้ เห็นผีวาโยนั่งร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดอยู่บนต้นไม้
“ว้าย!”
เนตรศิตางศุ์ร้องด้วยความตกใจแล้วสะดุ้งตื่น ลืมตาขึ้นเห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนก็โล่งอกแล้วเริ่มคิดทบทวนความฝัน คว้าโทรศัพท์มือถือกดดูรูปถ่ายหมอรุทธ์ที่ถ่ายหน้าโกศของใบหม่อน เนตรศิตางศุ์ครุ่นคิดแล้วตัดสินใจอะไรบางอย่าง ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเร็ว
ที่บ้านเสี่ยจำเริญ ไตรรัตน์หลับอยู่ใต้ต้นไม้ ขณะที่สุคนธรสที่ยังคงหาหุ่นดินปั้นหลังจากหาไม่เจอมาทั้งคืน
สุคนธรสหยุดหาหันเดินไปหาไตรรัตน์
“คุณ คุณ...ตื่นได้แล้ว”
“ห๊า เจอแล้วเหรอคุณ...ไหน อยู่ไหน”
“ยังไม่เจอ ต้องรอคืนนี้อีกที”
“ทำไมต้องรอ หาให้เจอไปเลย แม่ผมจะได้หาย มาผมหาต่อ”
“ต้องรอให้แสงจันทร์ช่วยนำทางให้ กลางวันหมดสิทธิ์ ชั้นพยายามแล้ว”
“โหย เอาๆ คืนนี้ก็คืนนี้”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่รีสอร์ทของติณห์ ติณห์เดินผิวปากเข้ามาอย่างอารมณ์ดี เห็นญาณินยืนคุยกับคนงานอยู่หน้ากองทรายในบริเวณไซด์งานก่อสร้าง คนงานเดินออกไปญาณินยืนอยู่คนเดียว ติณห์ยิ้มทะเล้นคิดแผนบางอย่าง
ภาพความคิดลอยขึ้นเหนือหัวติณห์ ติณห์ย่องเข้าไปหาญาณินแล้วกระโดด ยกสองมือแตะหลังญาณิน
“จ๊ะเอ๋”
“ว้าย”
ญาณินสะดุ้ง เอี้ยวตัวมาหาติณห์ทำให้ทรงตัวไม่อยู่ ติณห์เลยช้อนร่างญาณินไว้ ญาณินอยู่ในอ้อมแขนของติณห์ ทั้งสองสบตากันหวานเยิ้ม
ติณห์หัวเราะคิกคักพอใจในแผนของตัวเองแล้วย่องเข้าไปด้านหลังญาณิน แล้วกระโดดกำลังจะจ๊ะเอ๋
“จ๊ะ” กุมาริกาปรากฎตัวขึ้นดึงมือญาณินไปอีกทาง ติณห์กระโดดหวืดหน้าเกือบทิ่มลงไปที่กองทราย
“โอ้ ก๊อด”
กุมาริกา คนงานแถวนั้น และหลวงพิชัยภักดีที่เพิ่งปรากฏร่างขึ้นก็หัวเราะขำติณห์
“ฮ่าๆ น่าอับอายที่ซู้ด”
ญาณินหันไปเห็นก็ตกใจ
“คุณติณห์”
ญาณินหันไปเห็นคนงานยืนเกาะกลุ่มหัวเราะติณห์
“สงสัยจะโดนทำของอีกรอบเลยมึน”
ญาณินไม่ชอบใจ หันไปถามหลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกา
“คุณหลวงกับโกลเด้นฯ แกล้งคุณติณห์ทำไม”
“แค่ขำๆ น่ะหนูณิน ไอ้ติณห์มันทำให้บรรยากาศที่นี่อึมครึมมามากแล้ว คราวนี้มันต้องทำให้ที่นี่ผ่อนคลายบ้าง”
“แต่คุณติณห์จะกลายเป็นตัวตลกของพวกคนงานนะคะ แล้วต่อไปใครจะนับถือ”
“เออว่ะ”
ติณห์จะลุกขึ้น แต่เจ็บตา
“โอ๊ยๆ ทรายเข้าตา คุณณินช่วยผมด้วยครับ”
“ค่ะๆ”
ญาณินประคองติณห์ให้ลุกขึ้น
ติณห์นั่งเหลือกตาขึ้นให้ญาณินใช้ปลายผ้าเช็ดทรายออกจากตาให้
“เป็นไงคะ ดีขึ้นไหม”
ติณห์กระพริบตาถี่ๆ ไม่แสบตาแล้วจึงบอก
“ครับ ฝีมือใครครับ โกลเด้นฯ หรือแกรนด์ปา หรือว่าแพ็คคู่”
“ประมาณนั้นค่ะ”
“พวกเขาคงไม่อยากให้ผมสวีทกับคุณ คุณณินครับ คืนนี้คุณณินไปโรงแรมกับผมได้ไหม”
“คุณติณห์”
“โนๆ ผมไม่ได้คิดอะไรอย่างงั้นนะครับ ผมแค่อยากจะชวนคุณไปดินเนอร์โรงแรมในตัวเมืองมีร้านอาหารอิตาเลี่ยนบรรยากาศดีมาก เราจะได้มีเวลาส่วนตัวกันบ้าง ผมอยากจะตอบแทนที่คุณณินอยู่ข้างๆ ผม นะครับคุณณิน พลีสสส”
“ดินเนอร์เหรอคะ”
“ถ้าคุณณินลำบากใจ เปลี่ยนจากดินเนอร์เป็นมื้อกลางวันแทนก็ได้ โอเคมั้ยครับ”
ญาณินยิ้มรับ
“ค่ะ”
ติณห์ยิ้มดีใจ มองญาณินตาหวาน ญาณินหลบสายตาเขินๆ ข้อความจากโทรศัพท์ของญาณินดัง ญาณินกดดูเห็นข้อความว่า “ออนไลน์ด้วย มีเรื่องด่วน...แก้ม” ญาณินแปลกใจ
ญาณินอยู่บนหน้าจอคอมพ์ออนไลน์มาจากกาญจนบุรี กรรณา กรรัมภานั่งรอบล้อมโน้ตบุ้ก กรรัมภาหน้า
ตึงๆ ขยับปากไม่ค่อยได้เพราะเป็นผลจากโบท็อกซ์
“ยัยเจ๊ แกว่าหน้าชั้นใสหรือยัง”
“นี่น่ะนะเรื่องด่วนของแก”
“ฝีมือหมอรุทธ์ไง” กรรัมภาพูดฟังไม่รู้เรื่องเพราะปากตึง
“แจ่มว้าวมั้ย ความเปลี่ยนแปลงของว่าที่สวีทฮาร์ทของปาร์คจุนจี”
“พูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง”
“เจ๊อย่าไปใส่ใจมันเลย ไร้สาระ เจ๊ช่วยคิดเรื่องไอ้เนตรดีกว่า น้องหนูของพวกเราไปเจอของเด็ดที่บ้านไอ้หมอรุทธ์เข้าแล้ว” กรรณาบอก ญาณินแปลกใจ
ทางด้านหมอรุทธ์ ขณะนั้นไล่ดูรูปถ่ายกรรัมภาอยู่ในห้องเลี้ยงปลามีเสียงเพลงแจ๊สคลอเบาๆ มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ แล้วยกมืออีกข้างขึ้นใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มของรูปถ่ายกรรัมภา นัยน์ตากรุ้มกริ่มเหมือนอยากจะกลืนกินกรรัมภาเข้าไป ลาภยืนอยู่ใกล้ๆ
“ถ้าให้คะแนนความสวยเต็มสิบ แกจะให้คุณแก้มเท่าไหร่”
“คนอย่างผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินผู้หญิงคนไหนหรอกครับ”
“แต่ชั้นต้องการคำตอบจากแก เท่าไหร่” หมอรุทธ์ตะคอก ลาภก้มหน้ากลัวๆ
“เอ่อ...ผมให้...ให้”
หมอรุทธ์ดึงรูปกรรัมภามาหนึ่งรูป แล้วดึงคอเสื้อข้างหลังลาภขึ้น บังคับให้ลาภจ้องรูปกรรัมภา
“แกไม่ดูแล้วแกจะให้คะแนนคุณแก้มได้ยังไง ดู”
ลาภมองรูปกรรัมภา
“เต็มสิบครับ”
หมอรุทธ์ยิ้มกว้าง แตกต่างจากเมื่อตะกี้อย่างสิ้นเชิง ลาภก้มหน้าเก็บความแค้นสั่งสมไว้ในใจ หมอรุทธ์หัวเราะร่า ยกรูปแก้มขึ้นดูมีความสุขมาก
ภาพสะท้อนจากกระจกผีวาโยยืนอยู่ข้างหลังหมอรุทธ์โดยที่หมอรุทธ์และลาภไม่เห็น
กรรัมภาหน้าตึง แต่ก็ยังฝืนพูด
“หมอรุทธ์เลี้ยงสัตว์ทะเล ไม่เห็นจะแปลก ถ้าเลี้ยงผีทะเลสิถึงจะแปลก”
“นังนี่เข้าข้างผู้ชายอีกแหละ” กรรณาต่อว่า
“ชั้นไม่ได้เข้าข้าง ชั้นวิเคราะห์ไปตามความจริง ทุกคนก็มีสิ่งที่ตัวเองชอบกันทั้งนั้น หมอรุทธ์จะชอบเลี้ยงสัตว์ทะเลมันก็ไม่แปลก”
“แปลกตรงที่ใบหม่อนพยายามให้ยัยเนตรไปเห็น”
“ใช่ๆ ใบหม่อนยังให้เนตรเจอรูปนี้ด้วยนะ”
เนตรศิตางศุ์เปิดโทรศัพท์โชว์รูปหมอรุทธ์ถ่ายหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิ
“เจดีย์เก็บกระดูกของใคร”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ใบหม่อนกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างกับยัยเนตร”
“บอกว่าไอ้หมอหน้าขาวเป็นฆาตกร จบปะ” กรรณาสรุป
“แกก็เกินไปกรรณ อย่าเพิ่งไปกล่าวหาหมอรุทธ์จนกว่าจะมีหลักฐานแน่ชัด” กรรัมภาแย้ง “กดไลค์เจ๊ญาณิน”
กรรณายื่นหน้าใส่กรรัมภาอย่างไม่ยอม
“แล้วนี่ยัยเนตรบอกพี่ณัฐหรือยัง”
“โอ๊ย ไม่มีทาง”
“เนตรมันกลัวพี่ณัฐรู้ว่าเมื่อคืนมันเจอหมอวรรธ”
เนตรศิตางศุ์ตัดสินใจเดินทางไปพัทยากับหมอวรวรรธเพื่อสืบเรื่องนี้ หมอวรวรรธขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด เนตรศิตางศุ์ใส่แว่นตากันผีซ้อนท้ายหมอวรวรรธ
“จอดทำไมคะ ยังไม่ถึงวัดเลย”
“วัดไหนล่ะครับ”
“วัดในรูปนี้ไงคะ” เนตรศิตางศุ์เปิดโทรศัพท์โชว์รูปหมอรุทธ์
“คุณเนตรครับ วัดไหนๆ ก็มีเจดีย์เก็บกระดูกกันทั้งนั้น ผมจะไปรู้ได้ไง ว่าวัดไหน”
“จริงด้วย งั้นเราไล่หาทุกวัดเลยดีไหมคะ เนตรบอกพี่ณัฐว่าจะไปพบลูกค้ากับยัยแก้ม เรากลับกรุงเทพฯเย็นหน่อยก็ได้”
“พัทยามีวัดอยู่เพียบ ถ้าเราไล่หาทุกวัด พรุ่งนี้ก็ไม่เสร็จ”
“งั้นเดี๋ยวเนตรถามคนแถวนี้ดูดีกว่า”
“เจดีย์เก็บอัฐิหน้าตาเหมือนๆ กันหมด เขาไม่รู้หรอกครับ”
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วจะให้เนตรทำยังไง”
หมอวรวรรธคิดอะไรออก
“ถามใบหม่อนสิ”
“คะ”
“ถ้าใบหม่อนอยากให้คุณไปที่เจดีย์เก็บอัฐินั่นจริงๆ ใบหม่อนจะต้องช่วยเรา”
เนตรศิตางศุ์ลังเล ไม่อยากถอดแว่นเพราะกลัวผี
“แต่ ธรรมดาใบหม่อนไม่เคยออกมานอกบริเวณโรงละครเลยนะคะ”
“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าคุณใบหม่อนต้องการจะบอกอะไรกับคุณ บางทีเจดีย์เก็บอัฐินี้อาจจะช่วยไขปริศนาสำคัญให้เราจับคนร้าย วิญญาณของใบหม่อนจะได้ไปสู่สุคติสักที”
“แต่เนตรไม่เคยเห็นคุณใบหม่อนที่ไหนเลยนะคะ นอกจากโรงละครกับบ้านหมอรุทธ์” หมอวรวรรธผายมือออก อารมณ์ประมาณ “ก็แล้วแต่คุณ” เนตรศิตางศุ์กัดฟัน ฮึดสู้ “ลองดูก็ได้ ถอดก็ถอด”
เนตรศิตางศุ์ค่อยๆ ถอดแว่นออก แต่ยังหลับตาปี๋
“ถ้าคุณไม่ลืมตา คุณจะมองเห็นใบหม่อนได้ยังไง”
เนตรศิตางศุ์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วเนตรศิตางศุ์ก็เห็นวิญญาณสัมภเวสีชายหญิงยืนอยู่ทั่ว บ้างก็เลือดเต็มตัว บ้างก็หัวหลุดอยู่กลางถนน
“ว้าย!”
เนตรศิตางศุ์ตัวสั่นกลัวๆ
“มองหาใบหม่อน”
เนตรศิตางศุ์มองไปรอบๆ จู่ๆ วิญญาณวาโยลอยวืดผ่านหน้าเนตรศิตางศุ์ไปที่ถนนด้านหนึ่ง
“ใบหม่อน ทางโน้นค่ะ”
เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธขึ้นรถแล้วขับรถออกไป เหล่าสัมภเวสียื่นมือไขว่คว้าจะหาเนตรศิตางศุ์
ขณะนั้นณัฐเดชกำลังกินข้าวกับลูกน้อง ลูกน้องโซ้ยหนัก หิวมาก
“อ้าว...เฮ้ย เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก”
“ก็มันหิวนี่ผู้กอง เฝ้าไอ้หัวขโมยนั้นอยู่ทั้งคืน มีแต่น้ำตกถึงท้อง”
ณัฐเดชตักข้าวกิน สุพิชชาแกล้งเดินผ่านมาแล้วแกล้งทำเป็นเห็นณัฐเดช
“อ้าว...พี่ณัฐ มาทานร้านนี้เหรอคะ” ช้อนที่กำลังเข้าปากณัฐเดชชะงัก ณัฐเดชวางช้อน หน้าตึง กินไม่ลงขึ้นมาทันที ลูกน้องสังเกตเห็นความผิดปกติของณัฐเดช
“ไม่มีโต๊ะว่างเลย พีชมาคนเดียว ขอพีชนั่งด้วยคนได้ไหมคะ”
ณัฐเดชอึกอัก
“เชิญเลยครับ ผมอิ่มพอดี ผู้กอง เดี๋ยวผมขอตัวไปเดินหาซื้อของข้างนอกนะครับ”
ลูกน้องบอกแล้วลุกขึ้นไปเลย ณัฐเดชมองตามลูกน้อง อยากจะฆ่ามันนักที่ปล่อยให้เขาอยู่กับสุพิชชาตามลำพัง สุพิชชานั่งลงตรงข้ามณัฐเดช แล้วรับเมนูจากพนักงานมาเปิด
“ขอสลัดไข่กุ้งค่ะ แล้วก็น้ำแร่ค่ะ” ณัฐเดชจำใจต้องร่วมโต๊ะกับสุพิชชา แต่กินอะไรไม่ลงเลย
“ที่งานบ้านหมอรุทธ์ พีชเจอน้องเนตรแต่งตัวน่ารักมาก พีชไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมพี่ณัฐถึงได้ห่วงน้องเนตรนักหนา”
“พีชไปงานด้วยเหรอ”
“ค่ะ พีชไปกับหมอตาหนู” สุพิชชาปั้นหน้าเศร้า “แต่พีชแทบจะไม่ได้คุยกับเขาเลย เห็นหมอตาหนูเอาแต่เดินตามน้องเนตร ตอนกลับเขาก็ทิ้งให้พีชกลับคนเดียว ไม่รู้หายไปไหน พอถามก็ไม่บอก” ณัฐเดชเริ่มเครียด กัดฟันกรอด กำมือแน่น...โกรธที่หมอวรวรรธมายุ่งกับเนตรศิตางศุ์อีกแล้ว “เวลาผู้ชายจะนอกใจผู้หญิง เขาจะมีพิรุธแบบนี้ใช่ไหมคะ”
“ไม่รู้สิ พี่ไม่เคยนอกใจใคร มีแต่โดนคนอื่นนอกใจ”
สุพิชชาอึ้งไปนิด แล้วปั้นหน้าเศร้าเหมือนเดิม แล้วลอบมองท่าทางฮึดฮัดของณัฐเดชก็ลอบยิ้มสมใจ
หมอวรวรรธขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดใต้ต้นไทรของวัดแห่งหนึ่ง เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธลงจากรถ
“ถึงวัดแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะลงไป รออยู่ที่รถมั้ยล่ะ ผมไปแป๊บเดียวแล้วจะรีบมา”
“ไม่ค่ะ ฉันจะไปกับคุณค่ะ”
“แน่ใจนะ”
เนตรศิตางศุ์พยักหน้า
“ถ้ามาถึงที่นี่ได้ เรื่องอื่นไม่ยากแล้วแหละ ผมขอดูรูปหมอรุทธ์หน่อย”
เนตรศิตางศุ์หยิบโทรศัพท์เปิดรูปหมอรุทธ์ถ่ายกับเจดีย์เก็บอัฐิส่งให้หมอวรวรรธ หมอวรวรรธรับไปพิจารณาดู แล้วหันไปเห็นพระสงฆ์ยืนกวาดใบไม้อยู่แถวนั้น หมอวรวรรธเดินเข้าไปหาพระสงฆ์เพื่อถามว่าทางไปเจดีย์เก็บโกศอยู่ไหน พระสงฆ์ชี้เข้าไปทางหลังเมรุ
ขณะเดียวกันเนตรศิตางศุ์มองเข้าไปในวัด เห็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่กระจายตามจุดต่างๆ ของวัด เห็นวิญญาณเร่ร่อนมากมายนั่งอยู่บนเมรุ บ้างก็เดิน บ้างก็ยืนร้องไห้ บ้างก็ขึ้นไปขย่มๆ หลังคาเมรุ เกาะปล่องเมรุบ้าง วิญญาณทุกตนในวัดหันมามองทางเนตรศิตางศุ์ราวกับหยั่งรู้ว่าเนตรศิตางศุ์มองเห็นพวกเขา เนตรศิตางศุ์อึ้งตะลึงงัน จู่ๆ มีมือจับบ่าเนตรศิตางศุ์
“คุณเนตร” เนตรศิตางศุ์สะดุ้งเฮือก
“ที่เก็บเจดีย์เก็บอัฐิอยู่หลังเมรุ...เป็นอะไรหรือเปล่า” หมอวรวรรธถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเนตรศิตางศุ์หน้าซีด
“ชะ...ชั้นใส่แว่นได้หรือยังคะ”
“ครับ”
เหล่าวิญญาณบ้างก็คลาน เดิน ลอยกำลังจะใกล้ถึงตัวเนตรศิตางศุ์
“ฮือๆ”
เนตรศิตางศุ์คว้าแว่นในกระเป๋าขึ้นใส่แล้วกอดแขนหมอวรวรรธข้างที่ใส่สร้อยข้อมือหมีแพนด้า แล้วหลับตาปี๋
หมอวรวรรธโอบกอดเนตรศิตางศุ์ สร้อยข้อมือหมีแพนด้าเกิดแสงสีทองของพระพุทธคุณเรืองรองออกมาขวางกั้นเนตรศิตาศุ์กับหมอวรวรรธ เหล่าวิญญาณยกมือป้องหน้า กลัวพลานุภาพของแสงสีทองจึงหยุดอยู่แค่นั้น ไม่สามารถเข้าใกล้เนตรศิตางศุ์ได้
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่”
หมอวรวรรธเดินโอบเนตรศิตางศุ์เข้าไปในวัด
หมอวรวรรธเดินโอบเนตรศิตางศุ์เข้ามาบริเวณเจดีย์เก็บอัฐิ เนตรศิตางศุ์ซุกหน้าอยู่กับแขนของหมอวรวรรธ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เนตรศิตางศุ์เห็นจากหางตา...เหล่าวิญญาณเร่ร่อนเสนอหน้าแย่งกัน ผลักกันยื่นมือขอส่วนบุญจากเนตรศิตางศุ์ แต่ทำได้แค่เพียงห่างๆ เพราะถูกกั้นด้วยพลังพุทธคุณจากสร้อยข้อมือหมีแพนด้าของหมอวรวรรธ ผีใจกล้าบางก็โฉบผ่านมาให้ขวัญผวา ก่อนจะปราดไปอีกด้าน เนตรศิตางศุ์หลับตาปี๋
“ถึงหรือยังคะ”
“ใกล้แล้วครับ”
หมอวรวรรธกระชับกอดเนตรศิตางศุ์ รู้ว่าเนตรศิตางศุ์กำลังเจอกับอะไรก็อยากปกป้องเธอ
หมอวรวรรธเดินโอบเนตรศิตางศุ์เข้ามา เนตรศิตางศุ์ซุกหน้าอยู่กับแขนหมอวรวรรธและก้มหน้างุด แว่นตาของเนตรศิตางศุ์ตกลงมาอยู่ที่ปลายจมูก เนตรศิตางศุ์มองลอดผ่านแว่นตาด้านบน เห็นวิญญาณนั่งชันเข่าหน้าเศร้าหมองอยู่หน้าเจดีย์ใครเจดีย์มัน เรียงกันไปตลอดแนว ก่อนที่วิญญาณเหล่านั้นจะเคลื่อนกายเข้ามาแบมือขอของบางสิ่งด้วยถ้ายคำที่เนตรศิตางศุ์ไม่ได้ยิน
หมอวรวรรธมองตรงไปที่เจดีย์ด้านในสุดแล้วมองรูปในโทรศัพท์เปรียบเทียบกัน
“อันไหนล่ะ”
เนตรศิตางศุ์มองตามลอดแว่น เห็นวิญญาณวาโยยืนหน้าเศร้าอยู่หน้าเจดีย์ที่ตัวเอง
“อันนั้นค่ะ” เนตรศิตางศุ์ชี้มือ
หมอวรวรรธกับเนตรศิตางศุ์เดินตรงเข้าไป ค่อยๆ ใกล้เจดีย์มากขึ้น ถึงเห็นว่าบริเวณโดยรอบของเจดีย์นั้นเรียบร้อย สวยงาม สะอาดกว่าเจดีย์อื่นๆ ตรงฐานปูนมีช่อดอกไม้สดวางอยู่
“มีคนเพิ่งเอาดอกไม้มาวางด้วยค่ะ”
“บริเวณนี้ก็สะอาดกว่าเจดีย์อันอื่นด้วย”
หมอวรวรรธมองไปที่รูปบนเจดีย์ เห็นรูปวาโยที่หน้าตาเหมือนใบหม่อนทุกประการ
“เฮ้ย! นี่มัน...คุณใบหม่อนนี่ เป็นไปได้ไง ศพของใบหม่อนยังอยู่ที่นิติเวชอยู่เลย” หมอวรวรรธเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าเจดีย์ จึงเดินเข้าไปใกล้ แล้วอ่าน “นางวาโย วรรณภู มรณะ ยี่สิบหกธันวาคม สองพันห้าร้อยสี่สิบแปด ตายไปแล้วเจ็ดปี”
หมอวรวรรธกับเนตรศิตางศุ์มองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง เนตรศิตางศุ์หันกลับมามองวาโยที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าเศร้า
“คุณไม่ใช่ใบหม่อน”
ทางด้านติณห์ ขณะนั้นติณห์ใส่เสื้อผ้าอย่างหล่อออกมาจากห้องตัวเอง เดินไปที่โต๊ะหยิบกระเป๋าเงิน กุญแจรถ
เตรียมตัวพาญาณินไปกินข้าว หลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกาปรากฏตัวขึ้น
“แค่จะพาพี่ณินไปกินข้าวทำไมต้องหล่อขนาดนี้ ชักไม่น่าไว้ใจ”
“เอาน่า...หลานชั้นมันก็เหมือนชั้น สุภาพบุรุษทั้งตัวและหัวใจ”
“เพราะเป็นหลานคุณหลวงนั่นแหละ ถึงไม่ไว้ใจ ได้ข่าวว่าก่อนตายเมียเยอะนี่”
“มันเป็นไปตามยุคตามสมัย”
“ชั้นไปห้ามพี่ณินไม่ให้ไปกินข้าวกับหมอนี่น่าจะปลอดภัยกว่า”
กุมาริกากระโดดหายตัว
“เฮ้ย! อย่าห้าม สงสารหลานช้าน”
หลวงพิชัยภักดีกระโดดหายตัวตามไป
กุมาริกาปรากฎตัวขึ้นที่เรือนรับรองซึ่งเป็นที่พักของญาณิน พบญาณินแต่งตัวสวยพร้อมเหมือนกัน กำลังนั่งดูเอกสารงานฆ่าเวลา
“เจ๊จีจ้า...”
ญาณินหันมามอง หลวงพิชัยภักดีปรากฏตัวขึ้นแล้วปิดปากกุมาริกาไว้
“อย่าห้ามนะโว้ย ปล่อยให้หลานข้ามันมีความสุขบ้าง”
“ไม่เอา หนูไม่ให้พี่ณินไป” กุมาริกาดิ้น ญาณินมองกุมาริกางงๆ ก่อนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อะไรโกลเด้นท์ฯ... โดนคุณหลวงแกล้งล่ะซิ”
หลวงพิชัยภักดีล็อคตัวกุมาริกาเอาไว้แน่น
“เอ็งต้องไปกับข้า อย่ามาเป็นก้างขวางแม่หนูญาณินกับหลานข้า”
พูดจบพากุมาริกาก็หายตัวแว๊บไป ญาณินหัวเราะส่ายหน้าแล้วมองดูนาฬิการอติณห์มารับ
ติณห์เดินออกมาจากตัวบ้าน จู่ๆ ญาณินก็ยืนหน้านิ่งดักหน้าติณห์ ติณห์เบรกเอี๊ยด
“คุณณิน ผมกำลังจะเดินไปหาคุณที่เรือนรับรองพอดี เอ...หรือว่าผมเลท” ติณห์มองนาฬิกาข้อมือ “ก็ยังไม่ถึงเวลานัดนี่ครับ”
“ชั้นมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“งั้นเราไปทานข้าวกันแล้วจะได้คุยธุระของคุณด้วย”
ติณห์กำลังจะขยับพาญาณินไป
“ชั้นต้องคุยเดี๋ยวนี้”
ญาณินหันหลังเดินไปเลย
“คุณณินทำไมทางนั้นล่ะ รถผมอยู่ด้านนี้”
ติณห์งง แล้วเดินตามญาณินไป
อ่านต่อหน้า 4
The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ ตอนที่ 16 (ต่อ)
เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธยืนตะลึงมองโกศปูนใส่กระดูกที่รูปเป็นใบหน้าใบหม่อนแต่ชื่อกลับเป็น นางสาววาโย วรรณภู เนตรศิตางศุ์กับหมอวรวรรธหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“แต่เธอหน้าเหมือนคุณใบหม่อนมาก อย่างกับคนๆ เดียวกัน”
“คุณเกี่ยวข้องกับหมอรุทธ์ใช่มั้ยคะ” วาโยพยักหน้าตอบ หมอวรวรรธทำหน้าเครียดทันทีที่ได้ยิน เนตรศิตางศุ์มองชุดกระโปรงสีดำสนิท และเริ่มปะติดปะต่อ
“นามสกุลเดียวกับหมอรุทธ์ หรือว่าคุณเป็นภรรยาหมอรุทธ์”
วาโยพยักหน้าอีกครั้งอย่างเศร้าสร้อย หมอวรวรรธหรี่ตามองด้วยอาการขรึมลงทุกที นอกจากนี้วิญญาณที่อยู่บริเวณนั้นก็เริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้
“คุณกำลังคุยอยู่กับคุณวาโยเหรอครับ” หมอวรวรรธถามเนตรศิตางศุ์ แต่เนตรศิตางศุ์ไม่สนใจถามวาโยต่อ
“คุณตายยังไงคะคุณวาโย”
ใบหน้างามหมดจดของวาโยพลับบิดเบี้ยวน่ากลัวอย่างเจ็บปวดทันที เธอจ้องคนเนตรศิตางศุ์เขม็ง เนตรศิตางศุ์ตาเบิกโพลงมองวิญญาณวาโยชูมือที่มีรอยแผลเลือดไหลซิบๆระหว่างง่ามนิ้วยาว 2 เซนติเมตรขึ้นมาให้ดู เป็นรอยเขี้ยว 2 เขี้ยว ก่อนที่เธอจะทำท่ากระอักกระอ่วนแล้วกระอักเลือดออกมาพร้อมไปกับร่างที่ลุกไหม้จนเกรียมอย่างน่าสยดสยอง
เนตรศิตางศุ์สุดช็อก ร่างกายสั่นเทา ยิ่งไปกว่านั้น ภูตผีร้ายที่รายล้อมเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เนตรศิตางศุ์อย่างน่าสะอิดสะเอียนไม่แพ้กัน มือซีดขาวมากมายยืนยาวมาขอส่วนบุญ เนตรศิตางศุ์ถดตัวหนีด้วยความตื่นกลัว มือโชกเลือดยื่นยาวมาแทบจะแตะร่างเธออยู่แล้ว
“ว้าย!”
เนตรศิตางศุ์ร้องด้วยความหวาดกลัว
“คุณเนตร” หมอวรวรรธโอบเนตรศิตางศุ์ไว้ “เป็นอะไรคุณเนตร”
“ฉันกลัว”
“งั้นเราออกจากที่นี่กัน”
“ฉันไม่กล้าเดิน”
เนตรศิตางศุ์แอบมองลอดช่องนิ้ว เห็นภูติร้ายรายล้อมเป็นกำแพงดำทะมึน
“ผมรู้ว่าผมหล่อเกินห้ามใจ แต่นี่มันในวัดนะ ถ้าอยากกอดก็รอออกไปก่อน”
แต่เนตรศิตางศุ์ยังกอดหมอวรวรรธและยื้อคนตัวโตไม่ให้ไปไหน อานุภาพขอสร้อยข้อมือที่หมอวรวรรธใส่ยังคงกันไม่ให้พวกภูตผีเข้ามาโดนตัวทั้งสองคนได้ แต่ก็คงอีกไม่นานเพราะภูตผีบางตนยอมเสี่ยงเพื่อจะเข้ามาหาเนตรศิตางศุ์ แต่ก่อนที่จะคับขันมากกว่านี้ ก็ปรากฏเสียงกังวานใสของกุมาริกา
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะพี่เนตร โกลเด้นท์มาช่วยแล้ว”
กุมาริกายืนเท้าสะเอวโดดเด่นอยู่บนเจดีย์แถวนั้น
“โกลเด้นท์”
“เจ๊จีจ้าเป็นห่วงพี่เนตร เลยรีบให้หนูมาดูแลพี่เนตร เอางี้ หนูจะจัดการกับวิญญาณพวกนี้ก่อน พี่เนตรรีบออกไปละกัน”
“ตกลง” หมอวรวรรธยังคงงงๆ แต่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “พร้อมไปแล้วค่ะคุณหมอ”
“ดี งั้นวิ่งเลยนะ”
เนตรศิตางศุ์พยักหน้าพร้อมออกวิ่งไป โดยมีหมอวรวรรธดึงแขนเธอให้วิ่งตาม จังหวะเดียวกับกุมาริกากระโดดมาพร้อมบินแล้วชูกำปั้นแหวกวงล้อมดวงวิญญาณเพื่อเปิดทางให้เนตรศิตางศุ์และหมอวรวรรธหนีไป
เนตรศิตางศุ์หลับหูหลับตาวิ่งตามแรงดึงของหมอวรวรรธโดยมีกุมาริกาคอยเปิดทางให้ โดยเตะ ต่อย ด้วยหมัดยักษ์บ้าง บินควงสว่านพุ่งไปชนบ้าง ปล่อยพลังบ้าง วิญญาณเหล่านั้นก็กระเด็น บางตนก็แตกสลายไป
หมอวรวรรธพาเนตรศิตางศุ์มาที่มอเตอร์ไซด์จนได้ กุมาริกาโผล่มาทันที
“มีโกลเด้นท์ซะอย่าง ไม่ต้องกลัวอะไรอยู่แล้น”
“แล้วทำไมเพิ่งมาล่ะ”
“หนูปล่อยให้พวกพี่จีบกันไปก่อนน่ะสิ พี่เนตรก็แบบนี้ทุกที เจอผีทีไรทำอะไรไม่ถูกซักที”
“ขึ้นรถได้แล้วคุณ รีบไปดีกว่า”
เนตรศิตางศุ์รีบขึ้นรถหมอวรวรรธแล้วรีบบึ่งออกไปทันที
ภายในห้องเลี้ยงปลาทะเลบ้านหมอรุทธ์ ลาภหยิบรูปของเนตรสิตางศุ์ขึ้นมามองด้วยความเกลียดชัง ลาภร้องเพลงกล่อมเหมือนที่แม่ทำสมัยวัยเด็ก โยกตัวไปมาตามจังหวะ มือของลาภเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“กำจัดเธอให้ได้ซะทีสิ”
“แต่ผมไม่เคยฆ่าใครถ้าผมไม่รัก”
“คิดว่าเธอเหมือนสัตว์ตัวหนึ่งสิ เหมือนแมว เหมือนหมาที่แกเคยฆ่า”
“เออ จริงสินะ”
“เวลาเธอดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน น่าพิสมัยไม่ต่างจากใบหม่อนหรอก”
“ใช่...”
ลาภหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ แล้วจ้องมองไปที่ตู้ปลาที่งูทะเลกำลังว่ายไปมาอยู่ในตู้ปลา
ส่วนที่รีสอร์ทของติณห์ ญาณินเดินมาหยุดยืนใต้ต้นไม้ ติณห์ตามเข้ามา
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ ท่าทางคุณดูซีเรียสจัง”
“ชั้นขอสร้อยคืนก่อนได้ไหมคะ ชั้นต้องเอาไปทำธุระ”
“สร้อย? “เขี้ยวเสือใบ” น่ะเหรอครับ”
“เขี้ยวเสือไฟ” ค่ะ ไม่ตลกนะคะ ของศักดิ์สิทธิ์”
“อุ๊บส์ ด้ครับ” ติณห์กำลังจะถอดสร้อยออกให้แต่นึกได้ “ถ้าผมถอด ผมจะปลอดภัยใช่ไหม”
“ชั้นอยู่นี่ทั้งคน คุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
ติณห์ยิ้มเห็นด้วย แล้วถอดสร้อยออกยื่นให้ญาณิน ญาณินยื่นมือเกือบแตะสร้อยทำท่าจะรับ ติณห์จึงปล่อยมือ แต่ญาณินชักมือออก สร้อยตะกรุดตกลงพื้น
“อ้าว”
ติณห์จะก้มเก็บสร้อยให้ ญาณินผลักติณห์ไปติดกับต้นไม้ใหญ่แล้วยืนแนบชิดกับติณห์ ส่งสายตายั่วยวน
“เข้าใจหรือยังคะว่าทำไมให้ถอดสร้อยออก ตอนนี้เรามาหาอะไรทำสนุกๆ กันก่อนดีกว่า”
“คุณณินเป็นอะไรหรือเปล่า”
ญาณินยกแขนโอบรอบคอติณห์ กระซิบข้างหู
“คุณอยากให้ชั้นเป็นอะไรล่ะคะ ชั้นเป็นได้หมดทุกอย่างเลย” ญาณินไซร้ซอกคอติณห์ “สั่งชั้นมาสิคะ”
ติณห์เคลิ้มไปนิดหน่อย แต่ตั้งสติได้ก็ห้ามญาณิน
“ญาณิน? ทำไม” ติณห์งงกับท่าทีของญาณิน
“ทำไมอะไรคะ อย่างนี้ไม่ใช่เหรอที่คุณคิดคุณอยากทำ”
“ผมไม่อยากให้คนอื่นมองคุณไม่ดี” ญาณินยิ้มหวาน แล้วดึงมือติณห์ไปทางอื่น ติณห์ถลาไปตามญาณินที่แรงเยอะมาก “เฮ้ย...”
ญาณินวิ่งดึงมือติณห์มาหยุดริมสระน้ำในมุมหลบตาคน
“คุณณินต้องไม่สบายแน่ๆ ผมพากลับไปพักผ่อนดีกว่า”
“ไม่ค่ะ ณินไม่ไป ณินอยากเล่นน้ำ”
ญาณินถอยออกจากติณห์ แล้วปลดสายเสื้อออกจากแขน ยิ้มและส่งสายตายั่วยวนให้ติณห์ ชุดญาณินหล่นลงไปกองที่เท้าญาณิน ติณห์อ้าปากค้าง รีบหันหลัง
“ถ้าคุณณินอยากว่ายน้ำ เรากลับไปว่ายที่พูลกันดีกว่า ทำอย่างนี้มันไม่เหมานะครับ” ไม่มีเสียงตอบจากญาณิน “คุณณินครับ” ไม่มีเสียงตอบ ติณห์หันกลับมาก็ไม่เห็นญาณินแล้วพบแต่เสื้อผ้ากองอยู่ ติณห์มองหาญาณิน “คุณณิน คุณณินครับ”
ติณห์มองหาญาณินไปจนถึงริมบึง
“คุณณิน คุณณิน” ติณห์เป็นห่วงญาณิน ติณห์รีบมองหากลัวญาณินจมน้ำ ติณห์ตัดสินใจลงไปในน้ำ “คุณณิน คุณอยู่ไหน”
ติณห์ดำผุดดำว่ายหาญาณิน แต่หาไม่เจอ จู่ๆ ญาณินก็โผล่ขึ้นจากน้ำมาทางด้านหลังติณห์ ด้วยด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่า ติณห์หันมาเจอ
“คุณณินครับ เราขึ้นกันก่อนดีกว่านะครับ”
“อยากให้ฉันขึ้นก็มาจับให้ได้สิคะ”
แล้วญาณินก็ดำน้ำลงไป
“เฮ้ย ญาณิน”
ติณห์ตัดสินใจดำน้ำตามญาณินลงไป
ติณห์พยายามดำน้ำหาญาณิน แต่ไม่พบ หันกลับมาอีกทีสิ่งที่ติณห์พบกลับเป็นนางผีพรายแทนญาณิน นางผีพรายดึงขาติณห์ไม่ให้ติณห์ขึ้นไปบนผิวน้ำ ติณห์ตะเกียกตะกายสุดกำลังแต่ไม่สามารถหลุดมือนางผีพรายได้
ขณะนั้นญาณินเดินมาหาติณห์ที่บ้านติณห์
“คุณติณห์ คุณติณห์” เงียบไม่มีเสียงตอบ ญาณินตัดสินใจเรียกอีกครั้ง “ชั้นเห็นมันเลทแล้ว ก็เลยเดินมาเรื่อยๆ ค่ะ คุณติณห์”
ญาณินเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ตัดสินใจถอดจิตออกจากร่าง จิตญาณินออกมายืนข้างๆ กายหยาบตัวเอง แล้วเริ่มเพ่งสมาธิ จิตญาณินเห็นเป็นภาพลางๆ ก่อนหน้านี้ที่ติณห์ยืนพูดกับเงาดำๆ น่ากลัว แล้วติณห์ก็เดินตามเงาดำนั้นไป จิตญาณินกลับเข้าร่างด้วยความตกใจ
“แย่แล้วคุณติณห์”
ที่บ้านกำนันพงษ์ กำนันพงษ์สวมลูกประคำใหญ่ ห่มผ้าลายเสือคาดไพล่ไหล่ สวมหัวด้วยเขาสัตว์กำลังทำพิธีใหญ่ภายในห้องประกอบพิธีแบบหมอผีพม่า โดยมีสนเป็นลูกมือ เสียงท่องคาถาเป็นภาษาประหลาดไม่ใช่ภาษาไทย
รอบตัวกำนันพงษ์รายล้อมด้วยด้วยเครื่องรางของขลังที่ดูดิบเถื่อนต่างจากหมอผีสมคิด เป็นพวกหัวกะโหลก หน้ากากชนเผ่า ซากสัตว์แห้ง และสัตว์มีพิษต่างๆที่ดองไว้ในโหล ตรงหน้ากำนันพงษ์เป็นซากมือผู้หญิงเล็บยาวที่เนื้อแห้งติดกระดูก
กำนันพงษ์กำลังปลุกวิญญาณนางพรายให้ทำงานจากซากมือนางพรายที่ตัดไว้ข้างหนึ่ง กำนันพงษ์ยื่นมือไปข้างหน้า สนส่งธูปกำใหญ่ให้ กำนันพงษ์ท่องคาถาแล้วเป่าควันธูปไปที่มือนางพราย ควันขาวฟุ้งกระจาย แต่พอไปปะทะกับมือนางพราย กลายเป็นสีดำ
ที่บึงน้ำติณห์กำลังจะหมดลมหายใจแล้ว โดยมีผีนางพรายผมยาวเฟื้อยกำลังดึงติณห์ให้ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ
“ลงมาซีคะติณห์ ลงมาหาฉัน ฮิๆ เราจะได้อยู่ด้วยกัน”
ติณห์จมลึกลงแม่น้ำไม่มีแรงจะสู้กับผีนางพราย
ระหว่างนั้นญาณินวิ่งย่ำพื้นสกปรกที่เต็มไปด้วยใบไม้และหินกรวดไปตามทางที่ขนาบด้วยต้นไม้รกทึบอย่างไม่คิดชีวิตโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกหินทิ่มแทงเท้าตรงไปที่ริมแม่น้ำ ญาณินวิ่งมาถึงริมแม่น้ำแล้วตาก็มองเห็นสร้อยเขี้ยวเสือไฟตกอยู่บนพื้น ญาณินรีบคว้าติดมือแล้วตัดสินใจกระโดดลงน้ำไปช่วยติณห์ทันควัน ตูม
ใต้น้ำที่ดูสลัวเพราะอิทธิฤทธิ์ของนางพรายทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวัน ญาณินดำน้ำมองหาติณห์ เจอติณห์กำลังถูกมือนางพรายดึงขาพาดำดิ่งลึกลงก้นแม่น้ำ โดยที่ติณห์ลืมตาอยู่แต่เหม่อลอยไม่มีสติรับรู้ นางพรายถลึงตาดุร้ายคำรามใส่ญาณิน ขู่ไม่ให้ตามมาแต่ญาณินแหวกว่ายตามติณห์ที่อยู่ห่างราว 2 ช่วงตัวไปอย่างไม่กลัวผีนางพราย สีหน้าญาณินตกใจแต่มือก็รีบคว้ามือติณห์ไว้ทันทีที่เข้าถึงงตัวติณห์ สร้อยในมือญาณินเหลืองวาบขึ้น ส่งแรงพุทธคุณจากมือญาณินผ่านตัวติณห์ไปปะทะผีนางพรายที่จับแขนติณห์อีกข้างอยู่ นางผีพรายร้อนรีบปล่อยติณห์
ญาณินรีบกระตุกแขนปลุกอย่างแรงหลายครั้ง ร่างติณห์กระตุกรู้สึกตัว ญาณินเลยจะใช้สร้อยคล้องคอเพื่อปลุกติณห์หลุดจากอำนาจนางพราย แต่นางพรายเข้าขัดขวางด้วยการอ้าปากกรี๊ดร้อง จนญาณินแสบแก้วหูและทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำปะทะเข้าตัวญาณินรุนแรงจนตัวแกว่งไปมา
ขณะนั้นหลวงพิชัยภักดีกำลังเล่นกระโดดยางกับกุมาริกาอยู่ทั้งคู่ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของนางผีพรายก็ตกใจ
“เสียงนั่นไม่ใช่เสียงคนนี่”
“มาจากริมน้ำน่ะคุณตา เราไปดูกัน”
ทั้งคู่หายตัวแว่บไป
ญาณินโผล่ขึ้นขึ้นมาบนผิวน้ำ สูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วดำน้ำลงไปหาติณห์อีกครั้ง นางผีพรายโกรธมาก ผมสีดำยาวๆ ของมันแผ่ไปทั่วสารทิศ ผมดำสยายพันรอบแขน ขาติณห์ และค่อยๆ ดึงติณห์ให้จมลึกลงไป ญาณินพยายามเอาสร้อยเขี้ยวเสือไฟคล้องติณห์แต่ไม่สำเร็จเพราะผมนางผีพรายสยายพันอยู่รอบติณห์ ญาณินตั้งสติ ถอดจิตไปโผล่อยู่ด้านหลังนางผีพราย นางผีพรายหันมาเห็นจิตญาณิน ขณะเดียวกันนั้นเองญาณินกัดฟันสู้ เหวี่ยงตะกรุดไปคล้องที่คอนางผีพราย นางพรายกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส แสงพุทธคุณอร่ามเรืองรองขึ้นจากสร้อย ผมของมันเปลี่ยนจากสีดำเป็นหงอกขาว พร้อมกับร่างของมันค่อยๆ แห้งกลายเป็นโครงกระดูกศพตายซาก ค่อยๆ จมดิ่งลงก้นแม่น้ำลึกหายไป
“อโหสิกรรมให้ชั้นด้วย ขออย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย”
ญาณิณรีบว่ายน้ำเข้าไปหาติณห์ ประกบปากให้ออกซิเจนเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ให้ติณห์ก่อนที่ตัวเองจะหมดสติปล่อยมือหลุดจากติณห์ร่างลอยละลิ่วไปกับสายน้ำและค่อยๆ จมดิ่งลงไป
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกามองลงไปในน้ำ ตกใจที่เห็นญาณินแย่
“คุณตา เจ๊จี้จ้ากำลังจะตายทำอะไรสักอย่างซี”
“จะให้ทำไงล่ะวะ เจ้าติณห์ ไปช่วยแม่หนูญาณินเร็วๆ เข้า”
หลวงพิชัยภักดีตะโกนบอกติณห์
ติณห์กระพริบตาได้สติ ทะลึ่งพรวดขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ มองไปรอบๆ เห็นตัวเองอยู่ในน้ำก็ตกใจ แต่ตาเหลือบไปเห็นร่างญาณินกำลังจมดิ่งลงก้นแม่น้ำอยู่ตรงหน้า ตอนนั้นเองติณห์ได้ยินเสียงหลวงพิชัยภักดีดังก้องอยู่ในน้ำ
“เจ้าติณห์ รีบไปช่วยแม่หนูญาณินเร็วๆ เข้า”
ติณห์รีบดำน้ำตามลงไปทันที ขณะที่ตาญาณินเบิกโพลงใกล้จะสิ้นลม 2 มือเธอไขว่คว้ามาที่เขา คิดว่าไม่รอดแน่ เลยสื่อจิตสั่งลา
“คุณติณห์ ลาก่อน”
“ไม่นะญาณิน ผมยอมให้คุณตายไม่ได้”
จิตของติณห์รับรู้ได้ รีบว่ายน้ำดำตามไป จนคว้ามือญาณินได้ ดึงเธอมากอดไว้แน่น ติณห์หันมามองร่างที่อ่อนปวกเปียกของญาณินในอ้อมแขนเขา รีบถีบตัวพาญาณินขึ้นสู่เหนือน้ำที่กลับมาสว่างใสมีแสงอาทิตย์ส่องสว่างนำทาง
ติณห์อุ้มร่างที่เปียกโชกพาของญาณินขึ้นมาวางริมแม่น้ำ จับหน้าญาณินปลุก
“ญาณิน ญาณิน ฟื้นซี...ญาณิน...wake up please” แต่ญาณินยังนอนนิ่ง ร่างเย็นเฉียบ ติณห์เอานิ้วจ่อที่จมูกแทบช็อค ญาณินไม่หายใจแล้ว “โอ้วมายก็อด ญาณินหายใจซี หายใจ” ติณห์จับมือญาณินขึ้นมาแนบอก “คุณจะมาตายอย่างงี้ไม่ได้ ผมไม่ยอมให้คุณมาตายเพราะผมฟื้นซี...ฟื้นน”
ด้านหลังหลวงพิชัยภักดีกับกุมาริกายืนมองขำๆ
“โธ่ เจ้าหลานโง่เอ้ย จะไปฟื้นได้ยังไง ก็จิตเค้ายืนอยู่นี่”
หลวงพิชัยภักดีชี้มาที่จิตญาณินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ฮิๆ ดูดิตา คุณติณห์ร้องไห้ด้วยอ่ะนี่คงจะไอเลิฟยู ไปแล้ว”
“กลับเข้าร่างก่อนนะคะคุณหลวง ไปแกล้งคุณติณห์เค้าเกิดเค้าคิดว่าฉันตายไปจริงๆ เดี๋ยวจะยุ่ง”
ญาณินหันไปจะกลับเข้าร่างตัวเองแต่ต้องช็อคอ้าปากค้าง เมื่อติณห์ตัดสินใจก้มลงประกบปากเธอเพื่อช่วยผายปอด
“อุ้ย”
“ไม่ทันแล้ว”
ญาณินยืนปิดปากตัวเองหน้าแดงกล่ำ หลวงพิชัยภักดียกมือปิดตากุมาริกา
“หนูญาณินไม่รีบกลับเข้ากายหยาบล่ะ เดี๋ยวหลานชั้นจะนึกว่าเธอตายนะ”
“อีกแป๊บแล้วกันค่ะ” ญาณินบอกเขินๆ
“ฟื้นซีญาณิน pleaseลืมตาขึ้นมามองผม คุณต้องไม่ตายนะญาณิน”
“มันคงรู้แล้วว่าหนูญาณินมีค่ากับมันมากขนาดไหน ฉันต้องขอบใจหนูมากนะ ที่ช่วยชีวิตหลานฉันไว้ เป็นบุญของมันที่มีหนูอยู่ใกล้ๆ ไม่อย่างงั้น เจ้าติณห์คงไม่มีทางรอด”
“ใช่ นางผีพรายตัวนี้มันร้ายกาจมาก คงบำเพ็ญเพียรมานาน”
“คนที่ส่งมันมาเอาชีวิตคุณติณห์ ก็ต้องเป็นคนที่มีวิชาอาคมเก่งกล้ามากทีเดียว”
ญาณินคิดหนักว่าใคร
กำนันพงษ์ลืมตาผึงขึ้น มองไปที่มือนางพราย เห็นมือของนางพรายค่อยๆ ไหม้กลายเป็นกองขี้เถ้าแล้วถูกลมพัดปลิวสลายไปต่อหน้าต่อตากำนันพงษ์
“นางผีพรายของกู ไม่เคยมีใครหน้าไหนปราบมันได้ เป็นไปได้ยังไง มันจะต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาแน่”
ที่กลางแม่น้ำมีน้ำผุดๆ ขึ้นมา ญาณิน หลวงพิชัยภักดี กุมาริกา หันขวับไปมอง
“ตะ ตะ ตัวอะไรโผล่ขึ้นมาอีกอ่ะคุณตา? หรือว่าจะเป็นพญานาค”
แล้วทั้งสามต้องตะลึงมองเมื่อเห็นวิญญาณผู้ชายอีกตนหนึ่งแต่งตัวโบราณสมัยเดียวกับหลวงพิชัยภักดีโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ด้วยภาพใบหน้าซีดแบบศพ แต่กระนั้นหลวงพิชัยภักดีก็จำได้
“ไอ้สังข์ นั่นเอ็งใช่ไหมไอ้สังข์”
สิ้นคำของหลวงพิชัยภักดี วิญญาณผีตนนั้นก็มาหมอบกราบอยู่แทบเท้าหลวงพิชัยภักดี นายสังข์เงยหน้าขึ้นมองหลวงพิชัยภักดีน้ำตาไหลอาบแก้ม
“กระผมดีใจเหลือเกินขอรับ ที่ได้พบท่านอีกครั้ง”
“ข้าก็ดีใจ แล้วทำไมเอ็งถึงไปอยู่ใต้น้ำนั่นล่ะ”
“นังผีพรายมันกักขังวิญญาณกระผมไว้ขอรับท่าน”
“ถ้าอย่างงั้น ที่เค้าลือกันว่านายสังข์เมา แล้วถูกผีคุณหลวงหลอกพาไปกดน้ำก็”
“เป็นฝีมืออีนังพรายที่หมอผีพม่าส่งมาขอรับ วันที่กระผมตาย นังผีพรายมันปลอมเป็นคุณหลวงมาเรียกกระผมลงจากเรือนไปหามัน มันลากพากระผมลงจมน้ำจนตาย เหมือนกับที่มันจะฆ่าหลานชายท่าน แล้วมันก็กักขังวิญญาณกระผมไว้ใต้ก้นแม่น้ำนี้มานับแต่วันนั้น” วิญญาณนายสังข์มองมาที่ญาณิน “กระผมต้องขอบใจนายผู้หญิงคนนี้ ที่มาช่วยปลดปล่อยวิญญาณกระผมให้หลุดพ้นความทุกข์ทรมานเสียที”
“ฉันก็ต้องขอบคุณนายสังข์ที่มาช่วยเปิดเผยความจริงว่าคุณหลวงไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าคนสนิทของตัวเอง”
“คุณหลวงรักและเมตตากระผม ท่านจะฆ่ากระผมได้ยังไง มีแต่ท่านที่ถูกฆ่า”
“ลุงรู้เหรอจ๊ะว่าใครเป็นคนฆ่าคุณตา? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลย” กุมาริกาบอก
ญาณินกับหลวงพิชัยภักดีพลอยตื่นเต้น ดีใจที่จะได้รู้ความจริงเสียที แต่นายสังข์กลับส่ายหน้า
“เรื่องการตายของท่าน ผมไม่รู้จริงๆ ขอรับ ผมเสียใจจริงๆ ที่ไม่สามารถลบล้างบาปให้ท่านได้”
ญาณิน หลวงพิชัยภักดีมีสีหน้ารู้สึกหมดหวัง แต่หลวงพิชัยภักดียื่นมือไปลูบศีรษะข้าเก่าที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า
“สังข์เอ๊ย เอ็งน่ะได้หมดทุกข์หมดโศกเสียที เอ็งไปเกิดเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”
“ถ้าเกิดมาชาติหน้า ก็ขอให้ผมได้เกิดเป็นข้ารับใช้ของท่านทุกชาติ”
“ข้าจะรอเอ็งไอ้สังข์ และขอให้เราได้พบกันทุกชาติไป”
หลวงพิชัยภักดีวางมือลงบนศีรษะของนายสังข์ นายสังข์ร้องไห้ก้มลงกราบแทบเท้านาย
“ผมขอลาแล้วนายท่าน”
แล้ววิญญาณนายสังข์ก็ค่อยๆ เลือนหายไป หลวงพิชัยภักดีน้ำตารื้นถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงนายสังข์พูดทิ้งท้าย
“นายคมขอรับ กระผมคิดว่าเหลือนายคมคนเดียวที่รู้ดีว่าใครเป็นคนฆ่าท่าน”
เสียงนายสังข์หายไปในอากาศ
“ขอบใจไอ้สังข์ จนวินาทีสุดท้ายเอ็งก็ไม่วายห่วงข้า”
ติณห์นั่งหมดหวังหยุดผายปอดญาณิน ประคองร่างญาณินขึ้นกอดคร่ำครวญ
“ญาณิน...ได้โปรด...ฟื้นขึ้นมา...Please จะให้ผมทำยังไงเพื่อแลกให้คุณฟื้นขึ้นมา ผมยอมทั้งนั้น” ติณห์หันไปพึ่งสร้อย ยกมันขึ้น “สร้อยวิเศษช่วยผมที ทำให้ญาณินฟื้นขึ้นมา” กุมาริกาโผล่มาข้างๆ ติณห์ ติณห์ตกใจ “เฮ้ย โกลเด้นท์”
“สร้อยเขี้ยวเสือไฟน่ะช่วยให้เจ๊จีจ้าฟื้นไม่ได้นะคุณฝรั่ง”
“แล้วอะไรช่วยได้ บอกผมทีนะ โกลเด้นท์”
“โอเค ถือว่าคุณเป็นนายพวกเรานะ หนูถึงช่วย”
“ช่วยเลยโกลเด้นท์เร็วๆ นะๆ”
“แต่มีข้อแม้ว่า” ติณห์นิ่งฟัง “คุณฝรั่งต้องซื้อ ipad มาให้หนูด้วย เอาแบบกรอบตั้งได้ เกมส์เพียบ...”
“ห๊า...แค่นี้...”
“แค่นี้...อา...งั้นขอสองเครื่อง”
“งั้นโอเคแล้ว ชั้นตกลง มาช่วยคุณญาณินด้วย”
“ขอเวลา 30 วินาที”
แล้วกุมาริกาก็หายตัวไป ขณะนั้นเองทนายสมชาติ ป้าอรวรรณ และคนงาน 2-3 คนวิ่งเข้ามาพอดี
“คุณหนู...คุณหนูของออ...อ๊าย...คุณหนูเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงนอนแน่นิ่งยังงี้”
“เรียกรถพยาบาลนะครับคุณติณห์” ทนายสมชาติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“คุณญาณินไม่ยอมหายใจ โธ่...คุณญาณินของผม”
ติณห์กอดญาณินไว้แนบอกแน่น ป้าอรวรรณกับทนายสมชาติถึงกับทำตาโตอึ้งมอง
“ขอรถแอมบูแลนซ์ด่วนครับที่...”
จังหวะนั้นเองจิตของญาณินเข้าร่าง เธอลืมตาขึ้นด้วยรอยยิ้มเขินอาย กระซิบบอกติณห์เบาๆ ที่ข้างหู
“ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันหายใจไม่ออก”
“ห่ะ คุณฟื้นแล้ว แท้งก็อด Oh…No… Thank you Golden Baby”
แทนที่จะปล่อย ติณห์กลับกอดญาณินแน่นเข้าไปอีกด้วยความดีใจ ป้าอรวรรณต้องทำหน้าที่เป็นกรรมการดึงแยก
“ปล่อยคุณหนูของฉันค่ะคุณติณห์...” ป้าอรวรรณตีมือติณห์เบาๆ เหมือนตีเด็ก “นี่แน่ะๆ กอดซะแน่นเลย เดี๋ยวคุณหนูของฉันก็ซี้แหง๋จริงๆ หรอกค่ะ” ติณห์เลยได้โอกาสช้อนตัวญาณินอุ้มขึ้น “อ้าวๆ แล้วนั่นจะพาอุ้มคุณหนูของฉันไปไหนค่ะ คุณติณห์”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลเธอเอง” ติณห์ตะโกนกลับมา
“ไม่ได้นะ ใครอนุญาตให้คุณดูแลคุณหนูของฉัน”
ป้าอรวรรณจะตาม ทนายสมชาติดึงไว้
“ปล่อยคุณติณห์เถอะครับ ให้คุณติณห์ดูแลคุณญาณิน มันเป็นหลักจิตวิทยาง่ายๆ ของการปรองดอง เวลาทำงานด้วยกันจะได้ไม่มีปัญหา”
ทนายสมชาติยิ้มหล่อให้ ป้าอรวรรณถึงกับขนลุกหันไป หลบตา เจอกุมาริกายืนยิ้มรออยู่
“ว๊าย โกลเด้นท์” ป้าอรวรรณ พยายามหนี หนีไม่ได้ เพราะหลวงพิชัยภักดีดึงไว้
“ใช่จ้ะ ปรองดองกันนะ”
“จริงๆ พวกเราก็เป้าหมายเดียวกันไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่...” ทนายสมชาติมองป้าอรวรรณ แล้วทั้งคู่ก็ออกวิ่งไม่คิดชีวิตกันไปคนละทางเพราะกลัวผีมาก
ขณะนั้นกำนันพงษ์เดินเป็นหนูติดจั่นอย่างเครียดหนัก
“ป่านนี้วิญญาณไอ้สังข์คงหลุดจากบ่วงพันธการไปแล้ว”
“ที่กำนันกลัวว่าผีมันจะมาแฉเรื่องกำนันคืออะไรครับ”
“นี่โว้ย...ไอ้สน กูจะบอกให้ในอดีตมันมีความลับมากมายซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการตายของคุณหลวง ซึ่งเป็นการตายที่ทำให้ความลับทุกอย่างของตระกูลแห่งนี้มันดำมืด ซึ่งต้องรู้ข้อมูลลับเท่านั้นจึงจะรู้ว่าในที่ดินแห่งนี้ที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย”
“ก็เป็นหน้าที่...”
“เราไง เราต้องครอบครองที่ดินผืนนี้ให้ได้ แล้วก็ดึงไอ้ทองพวกนั้นออกจากที่ซ่อน”
ติณห์พาญาณินมาที่บ้านพักตัวเอง แล้วจัดการเช็ดผมให้เธอ
“เอ่อ ที่จริงคุณน่าจะพาฉันไปส่งที่บ้านพัก”
“ผมไม่ยอมปล่อยให้คุณอยู่ห่างสายตาผมอีกแล้ว เดี๋ยวนางผีผู้หญิงตัวนั้นจะมาพาตัวคุณไปอีก”
“ยังมีวิญญาณนายสังข์ คนสนิทของคุณตาคุณถูกขังอยู่ใต้แม่น้ำนั่นด้วย”
“นายสังข์ ที่เค้าลือกันว่าแกรนปาเป็นคนฆ่าน่ะเหรอ?”
“ใช่ แต่วิญญาณนายสังข์มาบอกความจริงหมดแล้วค่ะ ว่าคุณหลวงไม่ได้ทำแต่ผีพรายตัวนั้นเป็นคนฆ่าเค้า เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ควบคุมนางพรายตัวนี้ไว้ จะต้องได้รับถ่ายทอดวิชามาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ เราต้องรีบสืบหาคนๆ นี้ให้พบโดยเร็วที่สุด ฉันอยากไปหานายคมอีกครั้ง ฉันมั่นใจว่านายคมกุมความจริงเรื่องนี้เอาไว้”
“โรงพยาบาลเดิมที่เคยโดนไล่ออกมาน่ะเหรอ” ติณห์มองหน้าที่มั่นใจของญาณิน ก่อนจะพยักหน้า พร้อมกับยกมือรอให้ญาณินตบ “โอเค”
“โอเค”
พอญาณินยกมือตบ ติณห์ก็จับมือเธอไว้ใม่ยอมปล่อย ญาณินยิ้มเขินๆ
จบตอนที่ 16
อ่านต่อตอนที่ 17 เวลา 17.00น.