เสือสมิง ตอนที่ 16
งะดินเด ลืมตาจากการบริกรรมคาถาเป็นเวลาชั่วข้างแรม บัดนี้ครบกำหนดแล้ว
ร่างกายของงะดินเดดูกระชุ่มกระชวยขึ้น “คราวนี้แหละข้าจะเป็นอิสระเสียที”
งะดินเดชูมือทั้งสองขึ้นมา เขาพยายามรวบรวมพลัง ทำลายไฟที่สะกดไว้หน้าถ้ำ พลังงะดินเดปะทะไฟ แต่พลังย้อนกลับมาใส่ตัวเขากระเด็นไปติดฝาผนัง
“อ๊ากก...”
งะดินเดตั้งตัวได้แล้วนั่งสงบสติอารมณ์
“ทำไม...ทำไมพลังข้าถึงไม่พอ ทั้งถือศีล ทั้งหัวใจมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยรึ...”
งะดินเดคิดสักครู่แล้วคาดเดา
“ข้าเคยมีพลังมากมาย มันหายไปไหนหมด...หรือว่าเป็นเพราะตอนนั้น...”
งะดินเดคิดๆแล้วนึกถึงอดีต
ในอดีต เมืองตะโก้ง 800 ปีที่แล้ว...ห้องบูชาของงะดินเด มีเครื่องทำพิธีสายสินจ์ระโยงระยางไปหมด งะดินเดท่องอาคมเรียกครูบาอาจารย์ ด้านหลังมีชะเวโบและลูกน้องทั้ง 10 คนที่เข้าร่วมพิธี งะดินเดบูชาครูเสร็จจึงหันหน้ามาหาทุกคน แล้วพูดเสียงกร้าว
“ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะถ่ายทอดวิชาสมิงทราทัพ ให้กับพวกเจ้า เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการชิงราชบัลลังก์ ใครคิดจะถอนตัว บอกข้ามาได้”
ทุกคนหน้ามุ่งมั่นไม่มีใครถอนตัว โดยเฉพาะชะเวโบ
“ดีมาก พวกเจ้าทุกคน จะมีลัคนาราศีที่ต่างกัน และจะมีทั้งหมด 12 ราศี”
ชะเวโบสงสัย
“เรามีแค่ 11 เองท่านพ่อ”
งะดินเดยืนยัน
“เรามี 12...”
งะดินเดกำลังจะทำพิธี พลันมีงะดินเดฝ่ายความดี ผุดขึ้นมา
“ช้าก่อน...เจ้าแน่ใจแล้วหรือที่ทำเยี่ยงนี้”
“ใช่...เจ้าอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยว ข้ากับเจ้าแยกกันอย่างเด็ดขาดแล้ว”
“ข้าแค่มาเตือนเจ้า เพราะสิ่งที่เจ้ากำลังทำ หาได้ดีกับตัวเจ้าเองไม่”
งะดินเดแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างมั่นใจ
“หามีใครรู้ดีเท่าตัวข้าไม่...”
งะดินเดใช้พลังอาคมซัดงะดินเดฝ่ายดีสลายไป ทุกคนในที่นั้นตะลึง
บาเยงโบยืนอยู่นอกระเบียง หัวหน้าราชองค์รักษ์เข้ามารายงาน
“ขอให้พ่ออยู่หัวมีพระชนม์ชีพยาวนาน พระพุทธเจ้าข้า”
“มีเหตุอันใดรึ”
“พระอาญามีพ้นเกล้า สายของข้าพุทธเจ้ารายงานมาว่างะดินเดระดมคนเพื่อทำพิธีอะไรสักอย่าง อีกทั้งยังซ่องสุมผู้คนและอาวุธเอาไว้มากมายด้วยพระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบครุ่นคิด
“ข้านึกอยู่แล้ว สั่งทหารให้เตรียมพร้อมทุกตัวคน อย่าได้แพร่งพรายออกไป ปล่อยให้มันระเริงไปก่อน...เมื่อถึงเวลาข้าจะกุดหัวมันด้วยตัวข้าเอง”
บาเยงโบหน้าเข้ม เสียงกร้าว ชะเวมะรัตอยู่ในห้องได้ยินทุกคำพูด
งะดินเดประกาศกับทุกคน ขณะที่ทำพิธีสมิงทราทัพ
“ทุกคนที่ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ ต้องเป็นผู้เสียสละ พวกเจ้าทุกตัวคนจะมีชีวิตยืนยาวศาสตราวุธธรรมดาหาทำอันตรายได้ไม่...จงใช้สิ่งที่เจ้ามีช่วงชิงราชบัลลังก์ด้วยข้าอย่างเต็มกำลัง ข้าจะเริ่มพิธีในบัดเดี๋ยวนี้”
ทุกคนพนมมือรับการถ่ายทอดวิชา งะดินเดเริ่มพิธี เขาบริกรรมคาถาอย่างเคร่งครัด สักครู่ก็เป่าควันบางอย่างไปโอบร่างของทุกคนบังเกิดเป็นราศีต่างๆ ทั้ง11 ราศีขึ้นมาจากทุกคน เกิดเป็นม่านลายเสือครอบคลุมไปที่ตัวทุกคน แววตาของทุกคนกลายเป็นแววตาเสือ ใบหน้างะดินเดบริกรรมคาถาอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่รับวิชากลายเป็นเสือ แล้วพุ่งหายไปในอากาศ ทุกอย่างเงียบลง งะดินเดลืมตาแล้วพอใจ
“พวกเจ้าไปจัดการให้มั่นปั่นป่วนไปทั้งเวียง...ชะเวโบ”
งะดินเดเรียก ชะเวโบปรากฏกายเบื้องหน้าดูเข็มแข็งขึ้น คำรามเสียงเสือ
ชาวบ้านวิ่งหนีเสือสมิง บางคนโดนกัด ลูกเด็กเล็กแดงร้องไห้ แม่จูงลูกหนี ชาวบ้านตายไปหลายคน เหตุการณ์ดูวุ่นวาย
บางเยงโบ เรียกประชุมเหล่าเสนาอำมาตย์อย่างเร่งด่วน งะดินเด มาประชุมด้วยเขานั่งอยู่แถวหน้า บาเยงโบนั่งบนบัลลังก์มีชะเวมะรัต และอิระวดีนั่งอยู่ด้วย นอกนั้นเป็นเหล่ามหาอำมาตย์ และเสนาบดีต่างๆ
“มีคนตายไปเท่าไหร่” บาเยงโบถาม
มหาอำมาตย์รายงาน
“รวมเด็กและคนแก่ ผู้ชายผู้หญิงด้วยแล้ว 79 ชีวิตพระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบสงสัย
“เสืออะไรกัน สามารถฆ่าผู้คนได้เยี่ยงนี้ ในราตรีเดียว ท่านมหาราชครูท่านมีความเห็นเยี่ยงไร”
งะดินเดหน้านิ่งแววตาระวังตัว
“ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความเห็น แต่คาดการณ์ได้ว่าบ้านเมืองกำลังจะมีพิบัติอย่างใหญ่หลวงอาจจะถึงเปลี่ยนแผ่นดิน”
ทุกคนในท้องพระโรงถึงกับตะลึง ชะเวมะรัตและบาเยงโบท่าทางไม่พอใจ
“เหตุใดท่านจึงกล่าวเยี่ยงนี้”
“มันเป็นเหมือลางบอกเหตุ ที่กำลังจะบอกว่า ราชวงศ์กำลังจะสิ้นสูญ”
บาเยงโบโมโห
“บังอาจ...ท่านเอาอะไรมากล่าวบ้านเมืองกำลังสงบหาได้มีเรื่องอริราชศัตรูไม่”
“ข้าพุทธเจ้าก็พูดไปตามสิ่งที่ลัคนาราศีกำหนดเอาไว้”
งะดินเดแววตาเข้มจ้องตาบาเยงโบ ต่างฝ่ายต่างรู้กันในใจ ชะเวมะรัตรู้สึกไม่ดี
หัวหน้าราชองครักษ์ ฝึกซ้อมทหารราชองค์รักษ์อยู่ ฝึกกันอย่างแข็งขัน บาเยงโบเดินเข้ามายืนมองสักครู่ หัวหน้าราชองครักษ์เข้ามาทำความเคารพ
“พ่ออยู่หัวทรงพระเจริญ”
“ท่านรู้เรื่องแล้วใช่ไหม”
“พระพุทธเจ้าข้า...มันหาใช่เสือธรรมดาแน่”
บาเยงโบคาดเดาและครุ่นคิด
“ท่านว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับงะดินเดหรือเปล่า”
หัวหน้าค่อนข้างจะเชื่อ
“มันไม่มีทางรอดพ้นสายตาข้าพุทธเจ้าอย่างแน่นอน”
บาเยงโบพอใจ
งะดินเดกับชะเวโบอยู่ในโรงตีเหล็ก งะดินเดรู้สึกพอใจที่เขาดูเป็นต่อบาเยงโบ
“ในเมื่อเราสามารถสังหารบางเยงโบด้วย ทัพสมิงเหตุใดท่านพ่อจึงต้องสั่งสมอาวุธด้วยเล่า” ชะเวโบถามอย่างไม่เข้าใจ
“มันยังมีศึกนอก จากเมืองประเทศราชที่ยังภักดีต่อบางเยงโบน่ะสิ ข้าต้องเตรียมเอาไว้ก่อน การครั้งนี้ย่อมพลาดไม่ได้”
ชะเวโบพอเข้าใจ
“แล้วเมื่อไหร่เราจะสังหารบาเยงโบ”
“คืนนี้...เจ้ารับหน้าที่นี้ไป พระมหาอุปราช”
งะดินเดหัวเราะในชัยชนะล่วงหน้า ชะเวโบเต็มใจและมั่นใจ
กลางดึก...บาเยงโบกับชะเวมะรัตกำลังนอนหลับอยู่ ที่เหนือศีรษะของบาเยงโบมีดาบอาญาสิทธิ์วางอยู่ ชะเวโบปรากฏกายขึ้นในเงามืด ด้านหน้าเขามีทหารยามเฝ้าหน้าพระตำหนักสองคน ชะเวโบเดินเข้าไปหาด้วยแววตาเพชฌฆาต
“ท่านชะเวโบ ท่านมีเหตุอันใด ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”
ทันใดนั้น ชะเวโบเอามือตะปบ ทหารยามสองคนที่คอตายคาที่ ชะเวโบเดินเข้าในในพระตำหนักแล้วค่อยๆเปลี่ยนร่างเป็นเสือ
บาเยงโบยังคงนอนหลับอยู่ ชะเวมะรัตนอนข้างๆ เสือสมิงค่อยๆย่องเข้ามาในห้องแล้วยืนอยู่ปลายเตียง
เหมือนกับมีญาณบางอย่าง บาเยงโบรู้สึกตัวขึ้นเขาลืมตาแล้วเจอกับเสือที่ปลายเตียง กำลังคำรามอยู่ บาเยงโบตกใจ ชะเวมะรัตตื่นแล้วเห็นเสือ
“ระวัง...ชะเวมะรัต”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี เสือก็กระโจนใส่บางเยงโบแต่เขากลิ้งหลบไปได้ ชะเวมะรัตตกใจ
“พ่ออยู่หัว”
เสือไม่สนใจชะเวมะรัตมุ่งแต่จะฆ่าบาเยงโบ
“ชะเวมะรัต ส่งดาบมา”
ชะเวมะรัตหยิบดาบอาญาสิทธิ์ โยนให้
“พ่ออยู่หัว...”
บาเยงโบรับได้แต่เสือกระโจนเข้าใส่ก่อน บาเยงโบเอาดาบทั้งฝักกั้นเอาไว้บังเกิดม่านแสงทำให้เสือกระเด็นไปติดข้างฝา บาเยงโบทึ่งในความศักดิ์สิทธิ์ของดาบ แต่เสือยังไม่ลดละมันยังคงเตรียมเข้ามาจู่โจม บาเยงโบชักดาบออกแล้วพุ่งเข้าใส่เสือ ดาบพุ่งเข้าไปปักที่ไหล่ของมัน เสือร้องคำรามแล้วกระโจนหนีออกหน้าต่างไป บางเยงโบรีบตามออกไปดูที่หน้าต่าง เห็นดาบตกอยู่และมีรอยเลือด เขามองไปที่พื้นเห็นว่าเป็นรอยเท้าคนเป็นทางหนีไป บาเยงโบกระโดดออกมาทางหน้าต่างแล้วมองด้วยความแปลกใจ
“รอยเท้าคนมาจากไหน”
หัวหน้าราชองครักษ์วิ่งมาพร้อมด้วยทหาร
“มีอะไรพระพุทธเจ้าข้า”
“เสือ...ตามมันไปเร็ว”
หัวหน้ากับทหารรีบตามไป บาเยงโบโล่งอก
ชะเวโบเดินโซซัดโซเซผ่านมาทางตำหนักอิระวดี มีเสียงผู้คนเอะอะไล่มา
“จับมันไว้ให้ได้”
ชะเวโบจนแต้มกำลังหาทางออก...อิระวดีอยู่ในห้องบรรทม ได้ยินเสียงจึงออกมาดูว่ามีอะไรกัน นางกำนัลวิ่งมารายงานหน้าตื่น
“มีอะไรกันรึ เอะอะโวยวายกันเชียว”
“มีคนร้ายบุกเข้ามาเพะคะ”
อิระวดีไม่ได้ตระหนกในใจรู้ดี แล้วเดินออกไป จังหวะเดียวกับชะเวโบตัดสินใจเข้ามาในห้อง
“อะไรกัน” อิระวดีตกใจ
“พระสนม...ช่วยข้าด้วย”
อิระวดี มองชะเวโบแล้วตัดสินใจสั่งองครักษ์ผู้หญิง
“พามันออกไปข้างหลัง”
พวกองครักษ์ทำตาม
“ขอบพระทัย”
พวกองครักษ์หญิงพาชะเวโบไปสักครู่ก็มีทหารเข้ามา อิระวดีทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“มีเรื่องอะไรกันรึ”
“มีคนร้ายบุกเข้ามา พวกข้าพุทธเจ้ามาถวายการอารักขาพระสนม”
อิระวดีรับรู้หางตามองไปทางที่ชะเวโบหนีไป แล้วพยักหน้าเบาๆ
บาเยงโบนั่งสงบสติหายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชะเวมะรัตอยู่ข้างๆ มีทหารรายล้อมอยู่หน้าประตูทางเข้า
“มันจงใจมาสังหารข้า”
ชะเวมะรัตไม่เข้าใจ
“เสือนั่นรึ เพคะ”
“มันไม่ใช่เสือ แต่มันเป็นคน”
ชะเวมะรัตยังไม่ทันถามต่อหัวหน้าราชองครักษ์ก็เข้ามา บาเยงโบถามเสียงเข้ม
“จับมันได้หรือไม่”
“ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า มันหายไปเร็วมาราวกับ...”
บาเยงโบรู้ทันที
“มีอาคม”
บาเยงโบมองดาบแล้วรู้สึกพอใจที่สามารถปราบเสืออาคมได้ หัวหน้าไม่เข้าใจแต่บาเยงโบรู้ว่าเป็นใคร
ชะเวโบกลับมาที่บ้านแต่ไม่มีใครสังเกต เขาเดินอย่างปกติ แล้งตรงไปที่ห้องของงะดินเดแล้วเคาะประตูเรียกเบาๆ
“ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...”
งะดินเดเปิดประตูพรวดเข้ามาแล้วชะเวโบก็ล้มลง งะดินเดตกใจ และแปลกใจ
“ทำไมเป็นเยี่ยงนี้”
“ดาบ...ดาบเล่มนั้น”
ชะเวโบพูดได้แค่นี้ก็สลบไป งะดินเดเอาชะเวโบนอนลงบนเตียง แล้วนั่งข้างๆใช้อาคมรักษาบาดแผลจนหาย งะดินเดครุ่นคิด
ปัจจุบัน...งะดินเดคิดแล้วตัดสินใจ
“ต้องเอาหัวใจสมิงทราทัพกลับคืนมา”
งะดินเดครุ่นคิด
ชาวบ้านผู้หญิงกลางคนป่วยเป็นโรคถ่ายไม่หยุด ญาติเอาขึ้นรถเข็นมาที่บ้านผู้ใหญ่สน
“ผู้ใหญ่...ผู้ใหญ่” จ่อยร้องเรียก
ผู้ใหญ่สนเดินลงมากับเสนที่ท่าทางสงบลงแล้ว
“มีอะไรกันหรือ ใครเป็นอะไรน่ะ”
“นังสา มันถ่ายท้องไม่หยุดว่าจะพาไปหาแม่หมอ ผู้ใหญ่ไปด้วยกันหน่อยสิ”
คนป่วยในรถเข็นท่าทางอ่อนแรง ผู้ใหญ่สนออกความเห็น
“ไปอนามัยไม่ดีกว่าหรือ”
ญาติคนป่วยพูดขึ้น
“ไม่ล่ะ...ไปหาแม่หมอดีกว่า”
ผู้ใหญ่สนยอมรับแล้วชวนลูกไปด้วย
“ได้...ไป...เสน”
ทั้งหมดออกเดินทางไปบ้านแม่หมอ
กินรีกำลังเตรียมตัวเข้านอน แม่หมอไหว้พระเสร็จออกมาข้างนอก พะอูทำท่าบอกกับกินรีว่าจะไปตักน้ำใส่ตุ่ม
“ไปสิ...น้ำจะหมดแล้ว”
พะอูจากไป กินรีกางมุ้งจิตใจล่องลอย พวกผู้ใหญ่สนพาคนป่วยมาที่ลานบ้าน แม่หมอเห็นจึงสอบถาม
“เป็นอะไรกันมาล่ะ”
“มันถ่ายท้องไม่หยุด อยากให้เจ้าแม่หน้าทองช่วยสักหน่อย”
แม่หมอมองดูคนเจ็บในรถเข็นหน้าไม่ค่อยมั่นใจ
“ไม่ได้หรอก วันนี้ไม่ใช่คืนวันเพ็ญ”
ผู้ใหญ่สนหน้าเสีย
“แต่ถ้าปล่อยเอาไว้ฉันกลัวว่า...เอ่อ...มันจะ...”
กินรีแทรกเข้ามาทันที
“เอาขึ้นมาบนบ้านเถอะผู้ใหญ่ เจ้าแม่ท่านจะรักษาให้เอง ท่านคงไม่อยากเห็นคนจากไปต่อหน้าต่อตา”
แม่หมอหันไปมองกินรีอย่างกังวล
“กินรี...”
กินรีส่งสายตาว่าไม่เป็นไรแล้วเดินเข้าไปในบ้าน แม่หมอหันไปบอก
“มา...ขึ้นมา...”
คนป่วยนอนอยู่กลางบ้าน แม่หมอทำพิธีเอาเครื่องไหว้ต่างๆเตรียมทำพิธีรักษา ทุกคนนั่งล้อมกันอยู่ห่างๆ
เสนท่าทางนิ่งนั่งข้างผู้ใหญ่สน เขาเกือบหายเป็นปกติแล้ว กินรีเดินออกมาจากห้องแต่งชุดสวยงามเตรียมรักษา...คนป่วยท่าทางจะแย่แกเริ่มหายใจไม่ออกและกระสับกระส่าย
“รีบรักษาเถอะ”
แม่หมอภาวนา กินรีสวมหน้ากากแล้วเริ่มรำ นานพอสมควร คนป่วยยังกระสับกระส่าย ผ่านเวลาไปเรื่อยๆ ทุกคนในที่นั้นลุ้นและมีความหวัง
“โอย...ช่วยฉันด้วย...ฉันจะไม่ไหวแล้ว”
กินรีเริ่มรักษาโดยการกลืนบาป การรักษาไม่ได้ผล คนป่วยเริ่มสะอึกแล้วกระอักเลือดเสียชีวิต ญาติร้องไห้
“นังสา...”
ผู้ใหญ่สนกับทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง แม่หมอหน้าซีด กินรีล้มลงหน้ามืด
“เป็นไปได้ยังไง...กินรี”
ผู้ใหญ่สนแปลกใจ
“ทำไมเป็นแบบนี้”
ชาวบ้านที่มาต่างตกตะลึง กินรีทรุดลงหมดแรงหน้ามืดล้มพับลงไป ผู้ใหญ่สนตกใจ
“เจ้าแม่...เจ้าแม่”
แม่หมอหน้าซีดแล้วพึมพำ
“คำทำนายเริ่มเป็นจริงแล้ว”
พะอูที่กลับมาพอดี รีบมาหากินรี แต่ทันทีที่เสนเห็นพะอู เขาก็ลืมตาโพลงเหมือนได้เห็นอะไรที่น่ากลัวเขานึกถึงวันที่แม่เขาตาย ตอนนั้นเสนอยู่กับแม่ในป่า...สมรเห็นเสือโคร่งตัวมหึมา ยืนจังก้าอยู่บนคาคบไม้ พร้อมกับกระโจนลงมา เสนวิ่งตามหลังแม่ ล้มลุกคลุกคลานด้วยความหวาดกลัวจนคุมสติไม่อยู่
“แม่...หนูกลัว...”
สมรเห็นลูกล้มลง ก็หันหลังกลับวิ่งไปพยุงให้ลุกขึ้นมา และเมื่อรู้ว่าจวนตัว หนีไม่ทันแน่ๆ หรือถ้าวิ่งหนีต่อไป ลูกก็จะได้รับอันตราย สมรก็ตัดสินใจสั่งลูก
“เสน...วิ่งไปนะลูก อย่าหยุดจนกว่าจะถึงหมู่บ้าน”
“แล้วแม่ล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงแม่...หนีไป...”
สมรหันไปไล่ลูก พอหันกลับมาก็เห็นเงาทะมึนพุ่งเข้าใส่ จนหงายหลังตึงลงกับพื้น สมรหวีดร้องลั่น ด้วยความตกใจ ร่างของเสือร้ายยืนจังก้าคร่อมอยู่
“หนีไปลูก...”
เสนมองดูเสือโคร่งตัวมหึมากระโจนเข้าใส่แม่ มันฟัดขย้ำอย่างเมามันด้วยความดุร้าย...เสนแอบอยู่ในพงไม้แล้วมองเห็นเสือที่ขย้ำแม่จนตายกลายเป็นพะอูแต่ยังมีร่องรอยของเสือ พะอูเอามือตะปบหัวใจของสมรออกมา เสนตาโปนด้วยความกลัว จำหน้าพะอูได้แม่น
เสนตาเบิกกว้างแล้วลุกขึ้นชี้ไปที่พะอู
“เสือ...คนเป็นเสือ มันฆ่าแม่ มันเป็นเสือ...คนเป็นเสือ”
ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะผู้ใหญ่สน แม่หมอหน้าเสีย พะอูหันซ้ายมองทุกคนท่าทางหวาดกลัว ชาวบ้านคนหนึ่งชี้หน้าพะอู
“ข้านึกอยู่แล้ว ว่าพวกมันต้องไม่ใช่คนธรรมดา”
“ใช่ ดูสิ...ไม่มีแล้วเจ้าแม่หน้าทอง มันหลอกลวงเรามาตลอด นังสาต้องมาตายเพราะมัน”
ผู้ใหญ่เสนพยายามห้ามปราม
“พูดอะไรอย่างนั้นนะเสน ไม่เอาลูก”
เสนเริ่มเสียสติอีกครั้
“มันฆ่าแม่ ข้าเห็น คนเป็นเสือ...คนเป็นเสือ”
ชาวบ้านและจ่อยเชื่อเสน ผู้ใหญ่สนพยายามห้าม
“มันไม่มีหลักฐานจะไปปรักปรำได้ยังไง”
พะอูน้อยใจแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไป พวกชาวบ้านต่างคิดจะตาม แม่หมอห้ามเอาไว้
“หลานข้ามันอาภัพหน้าตาอยู่แล้ว พวกเอ็งยังไปปรักปรำมันอีกหรือ”
ผู้ใหญ่สนพูดขึ้น
“ข้าก็ไม่เชื่อว่าไอ้พะอูมันจะเป็นเสือหรอก...แต่ตอนนี้ข้าเชื่อว่านังสามันไม่รอดแล้วเอามันไปทำศพก่อนดีกว่า”
พะอูวิ่งลงเรือนไปในป่า จ่าชิตที่ซุ่มดูอยู่ตามไปติดๆ บนบ้านแม่หมอเข้าประคองกินรีที่ร้องไห้มองชาวบ้านที่กำลังลำเลียงศพออกไป
“ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ยาย”
แม่หมอสายตาเหม่อลอยในใจครุ่นคิด
พะอูวิ่งกระเจิดกระเจิงมาตามป่า เขาพยายามจะกลายร่างเป็นเสือแต่ด้วยอาคมของประคำมันทำได้แค่ครึ่งๆกลางๆ จ่าชิตวิ่งตามมาในระยะห่าง พะอูมาหยุดอยู่ที่ลานใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาทรุดลงคุกเข้าด้วยความปวดร้าวแล้วคำรามออกมาเสียงลั่น ทุกอย่างเงียบลง จ่าชิตก้าวออกมาหน้าเข้ม แล้วยกปืนประทับเล็งไปที่พะอู
“เอ็งเป็นเสือจริงๆ ไอ้หน้าอัปลักษณ์...วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ลูกให้เมียข้าเสียที”
พะอูหน้าตื่นกลัว พยายามจะเป็นเสือเต็มตัวแต่เป็นไม่ได้ เขาคำรามน่ากลัว จ่าชิตหยิบกระสุนอาคมใส่ในปืนลูกซองยาวแล้วยิงใส่พะอู กระสุนพุ่งเข้าที่หน้าอกเต็มเปาแต่ไม่เข้าพะอูกระเด็นไป แม้ว่าพะอูจะเป็นเสือไม่ได้แต่ก็สู้สุดใจ เขากระโจนเข้าหาจ่าชิตพร้อมมีดคู่ใจแล้วจู่โจมอย่างรุนแรง จ่าชิตตั้งตัวไม่ทัน จังหวะหนึ่งพะอูขึ้นคร่อมจ่าชิตแล้วกำลังจะจ้วงแทงจ่าชิตที่หมดทางสู้ ทันใดนั้นมีดหมอแหวกอากาศพุ่งเข้า ที่ไหล่พะอูปักเข้าไปเกือบมิดด้าม พะอูร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มีดหมอลอยกลับเข้ามาหาเจ้าของ เสือใจนั่นเอง จ่าชิตแปลกใจ
“ไอ้ใจ”
เสือใจยืนจ้องพะอูแววตาเข้ม
“นี่หรือวะเสือสมิงที่เที่ยวไล่ฆ่าคน วันนี้กูจะสยบมันเสียไม่ให้เป็นภัยต่อไป”
เสือใจเสกคาถาแล้วกำลังจะใช้มีดเข้าไปแทง แต่แล้วแม่หมอกับกินรีก็ปรากฏตัวขึ้น แม่หมอร้องห้าม
“อย่า...อย่าทำมัน”
กินรีวิ่งเข้าหาพะอู
“พะอู”
เสือใจชะงัก จ่าชิตหันไปมอง
“แม่หมอ”
จ่าชิตรีบบอกเสือใจ
“อย่าไปฟังมัน ฆ่ามันซะ...มันเป็นยายหลานกัน ฆ่ามันทั้งคู่นั่นแหละ ข้าว่าแม่หมอนี่ก็น่าจะเป็นเสือสมิงด้วย มันต้องสืบเชื้อสายกัน”
“ไม่...ไม่ใช่...ยาย...”
กินรีมองหน้าแม่หมอแล้วให้พูดความจริง แม่หมอจ้องตาเสือใจและจ่าชิตแล้วสารภาพ
“พะอูไม่ใช่หลานแท้ๆของข้า เมื่อ 14 ปีที่แล้วข้าเก็บมันได้ในป่า”
พะอูได้ยินความจริงแล้วปวดใจ เขาเสียใจที่ถูกปกปิดมาตลอด แล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป กินรีตกใจ
“พะอู จะไปไหน”
เสือใจกับจ่าชิตจะตามแต่แม่หมอห้ามไว้
“อย่าตามไปเลย มันทำอะไรใครไม่ได้แล้วล่ะ”
จ่าชิตสงสัย
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
แม่หมอจ้องหน้าจ่าชิตแล้วนึกถึงอดีต
“วันนั้น เป็นวันพระใหญ่ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหก ข้าเอาของไปเซ่นไหว้ที่ศาลโคนต้นไม้ใหญ่”
ในอดีต...ขณะที่ป่าทั้งป่าเงียบสงบๆ แม่หมอกำลังถือกระชุเดินลงไปไปตักน้ำที่ลำธาร สายตามองดูน้ำใสที่ไหลเข้าไปในปากกระชุ ทันใดนั้นเสียงเด็กทารกร้องไห้จ้าขึ้นมา แม่หมอแปลกใจ เงยหน้าขึ้นมา พลางมองดูไปรอบๆตัว
“เสียงเด็กที่ไหน...”
เสียงเด็กทารกยังร้องอยู่เรื่อยๆ แม่หมอหยิบกระชุที่ใส่น้ำจนเต็มแล้วขึ้นมาถือไว้ เดินกลับขึ้นมาจากลำห้วย สายตามองหาที่มาของเสียง พลางเดินตามไปเรื่อยๆ นางเห็นพุ่มไม้สั่นไหวดังกราวๆ เหมือนมีอะไรสักอย่าง แม่หมอหันไปดูตรงนั้นด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเดินตรงไป เพราะเสียงมาจากที่นั่น สายตาของนางเห็นร่างทารกน้อยนอนจมกองเลือด ดิ้นอยู่ในห่อผ้า
“คุณพระช่วย!!”
แม่หมอทิ้งกระชุในมือ น้ำหกกระจาย วิ่งไปที่ใต้โคนไม้ ช้อนเด็กขึ้นมาอุ้มอย่างเวทนา เด็กน้อยร้องไห้จ้า
“โถ...หนูเอ้ย...ลูกใครละเนี่ย แล้วนี่พ่อแม่เอ็งอยู่ที่ไหน”
เด็กทารกเนื้อตัว เต็มไปด้วยบาดแผล โชกชุ่มด้วยเลือดที่หลั่งไหลออกมา ที่สำคัญใบหน้านั้น มีรอยถูกทำร้าย จนแทบไม่เป็นหน้าผู้คนใบหน้ามีบาดแผลเต็มไปหมด
แม่หมอหยุดเล่า จ่าชิตเปลี่ยนไปเป็นตกใจ เขาถามแม่หมออย่างตะกุกตะกัก
“แม่หมอว่าเป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหกหรือ”
แม่หมอพยักหน้า กินรีกับเสือใจมองจ่าชิตแบบสงสัย จ่าชิตหน้าเศร้านึกถึงอดีต
ในอดีต...จ่าชิตแต่งตัวหล่อเตรียมไปทำบุญ ท่าทางเขาสดชื่น ที่ข้อเท้าเด็กมีกำไลนาค นวลอุ้มลูกชายแบเบาะออกมา จ่าชิตแย่งมาอุ้ม
“มา...มา...ตาหนูมาหาพ่อ เดี๋ยวพ่อจะพาไปทำบุญที่วัดนะ”
จ่าชิตอุ้มลูก นวลถือข้าวของไปทำบุญที่วัด
จ่าชิตวิ่งไล่เสือตัวใหญ่ ในปากคาบเด็กทารกห่อผ้าเอาไว้แล้วเสือก็หายไปตรงหน้า จ่าชิตหันไปมองรอบๆแววตาเข้มแต่ก็ไม่เห็นเสือ แล้วเขานึกอะไรได้หน้าวิตกกังวล
“นวล...”
จ่าชิตรีบวิ่งกลับไปที่โคนต้นไม้ ท้องฟ้ามีเมฆสีดำทะมึน รวมตัวเข้าด้วยกัน ก่อนที่เม็ดฝนจะพรั่งพรูลงมาอย่างหนัก พายุพัดโหมกระหน่ำจนต้นไม้ใหญ่ไหวเอนลู่ตามแรงลม จ่าชิตวิ่งเข้าไปกอดศพเมียร้องไห้ที่โคนไม้ ท่ามกลางลงฝนและพายุที่พัดอย่างหนัก จ่าชิตกอดร่างของเมียซึ่งร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือดที่ถูกสัตว์ร้ายขย้ำจนเป็นแผลฉกรรจ์เอาไว้ที่ในอ้อมแขน
“อย่าตายนะ อย่าทิ้งพี่ไป เอ็งต้องไม่เป็นอะไร”
นวลสั่งเสียก่อนสิ้นใจ
“ลูก...พี่ต้องตามหาลูกให้เจอนะ...”
สั่งเสียจบก็สิ้นใจ จ่าชิตกอดเมียเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมา ร้องลั่นด้วยความเสียใจ
“ทำไม...ทำไมต้องฆ่าเมียกู...!”
จ่าชิตนึกถึงลูก
“ตาหนู...”
จ่าชิตรีบวิ่งตามรอยเสือไป
แม่หมออุ้มเด็กทารกที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล โชกชุ่มด้วยเลือดที่หลั่งไหลออกมา ที่สำคัญใบหน้านั้น มีรอยถูกทำร้าย จนแทบไม่เป็นหน้าผู้คน แม่หมออุ้มทารกเดินจากไป
จ่าชิตเดินมาอย่างเหนื่อยๆแล้วมาหยุดใต้ต้นไม้ตรงที่แม่หมอเจอเด็กแล้วหยุดพักเหนื่อย เขารู้สึกสติแตกไม่รู้ว่าเสือคาบลูกไปทางไหน จ่าชิตทรุดลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ลูกพ่อ”
จ่าชิตรู้ได้เลยว่าพะอูคือลูกชาย แต่ก็เสียใจที่ลูกชายต้องมาเป็นแบบนี้
“โธ่...ลูกพ่อ”
เสือใจบอกให้ไตร่ตรอง
“แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยัน”
แม่หมอเปิดเข็มขัดเงินที่รัดผ้าถุงอยู่แล้วเอากำไลข้อเท้าที่ร้อยเอาไว้ออกมาแล้วยื่นให้จ่าชิต
“นี่คือกำไลข้อเท้าที่ติดมากับพะอูตอนที่ข้าพบ”
จ่าชิตจำได้เขาทั้งตื้นตันและเศร้าใจ
“ใช่ มันเป็นของตาหนูจริงๆ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย”
แม่หมอแววตานิ่ง
“ข้าเลี้ยงเด็กคนนี้อย่างเงียบๆ เพราะหน้าตามันเป็นแบบนี้ ข้าก็เลยไม่ปล่อยมันออกไปไหน จนกระทั่งมันโต ใครถามข้าก็บอกว่ามันเป็นลูกของญาติมาจากเมืองอื่น...ก็อย่างที่ว่านั่นแหละเพราะความอัปลักษณ์ของมันคนเลยไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่”
“อย่างนั้นเราไปตามพะอูกันเถอะ”
กินรีขัดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ...รอให้พะอูสงบลงพะอูก็จะกลับมาเอง”
“แล้วเรื่องที่จะกลายเป็นเสือล่ะ”
“ตราบใดที่พะอูยังมีประคำอยู่ที่คอ พะอูจะไม่เป็นอย่างนั้นอย่างเด็ดขาด”
จ่าชิตสงบลง เสือใจตบไหล่จ่าชิตเป็นการปลอบใจ
เสือสมิง ตอนที่ 16 (ต่อ)
พวกญาติคนตายพากันมารวมกันที่บ้านผู้ใหญ่สน ผู้ใหญ่สนบอกให้บรรดาญาติเตรียมงานศพ
“เอ้า...เดี๋ยว ไปเตรียมข้าวของกันให้เรียบร้อยนะ พรุ่งนี้จะได้ให้แม่หมอมาส่งวิญญาณให้”
พวกญาติต่างไม่พอใจ
“โอ๊ย...ไม่เอาหรอก พวกข้าเผากันเองดีกว่า”
“ใช่ แม่หมอ เจ้าแม่หน้าทอง ฉันว่าไม่มีจริงแล้วล่ะ...ไปไปกันดีกว่า”
พวกชาวบ้านและญาติเดินจากไป จ่อยเดินมาจากหลังบ้านแล้วรายงาน
“แย่แล้วผู้ใหญ่ ตอนนี้พวกชาวบ้านพากันท้องร่วงกันเป็นแถวเลย”
ผู้ใหญ่สนคิดหนักแล้วตัดสินใจ
“ข้าว่าเอ็งต้องไปตามหมอภราดรมาแล้วล่ะว่ะ”
ชาวบ้านทุกคนรวมทั้งจ่อยไม่เห็นด้วย
“ไม่ได้นะผู้ใหญ่”
จ่อยหน้าเครียด
“ใช่...ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ลืมแล้วหรือว่าหมอภราดรน่ะ มันเป็นตัวกาลกินี นะ ที่หมู่บ้านเป็นแบบนี้ทุกวันไม่ใช่เพราะหมอทำหน้ากากตกตามคำทำนายหรือ”
ผู้ใหญ่สนหนักใจแล้วตัดสินใจ ในใจยังยืนยันที่จะให้หมอภราดรมาดูอาการ
“เจ้าแม่หน้าทองก็รักษาไม่ได้ หมอภราดรก็ไม่เอา นี่พวกเอ็งอยากตายกันทั้งหมู่บ้านหรือไง...ยังไงซะถ้าพวกเอ็งทุกคนได้ฉีดวัคซีนล่ะก็ ข้าว่ามันยังดีกว่ามานั่งเกี่ยงโน่นเกี่ยงนี่อยู่นะ”
ทุกคนนั่งฟังผู้ใหญ่สนนิ่งแล้วคล้อยตาม พลัน....มีเสียงเสนร้องลั่นดังมาจากบนบ้าน
“อย่า...ช่วยด้วย...”
ผู้ใหญ่สนกับจ่อยรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านทันที
“ไอ้เสน...”
ผู้ใหญ่สนกับจ่อยวิ่งขึ้นมาบนบ้านพบว่าเสนไปซุกตัวอยู่ที่ฝาบ้านท่าทางสั่นกลัว ผู้ใหญ่สนจะเข้าไปปลอบ เสนร้องห้ามอย่างไม่มีสติ
“อย่าเข้ามาข้ากลัวแล้ว...อย่า...”
ผู้ใหญ่เสนมองหน้ากับจ่อยในใจแปลกใจ ผู้ใหญ่สนหน้าเครียด
“อะไรวะ เกือบจะหายอยู่แล้วเชียว ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”
จ่อยคิดอะไรบางอย่าง
“หรือว่าที่ไอ้เสนมันพูดที่บ้านแม่หมอเป็นเรื่องจริง”
ผู้ใหญ่สนถึงกับอึ้งหน้าตาวิตก
สมรักษ์ขึ้นมาเข้าเวรที่โรงพักตามปกติ เห็นตำรวจจับกลุ่มกันดูอะไรบางอย่างบนโต๊ะ เขาเดินเข้าไป ตำรวจที่อยู่เวรทำความเคารพ
“ดูอะไรกันน่ะ”
ตำรวจทุกนายทำความเคารพ
“สวัสดีครับ”
สมรักษ์มองไปบนโต๊ะเห็นว่ามีใบปิดประกาศจับ เห็นมีรูปเสือใจ และรางวัล 5 แสนบาท สมรักษ์ตกใจ
“ค่าหัวตั้ง 5 แสนเชียวหรือ”
ศักดาพูดมาจากข้างหลัง
“ใช่ 5 แสน ทำไมมันน้อยไปหรือหมวด”
ศักดาเดินเข้ามาทุกคนทำความเคารพ
“เปล่าครับ กรมตำรวจเรามีงบประมาณมากขนาดนั้นเลยหรือครับ”
ศักดายิ้ม
“เปล่า เสี่ยรงค์เขาบริจาคมา เขาให้เป็นกำลังใจ”
สมรักษ์คิดในใจว่าเสี่ยรงค์คงต้องได้ประโยชน์อะไรจากการจับเสือใจมากว่าการแก้แค้น และเงิน 5 แสนบาท
“ดีครับ พวกเราจะได้มีกำลังใจทำงาน”
“งั้นก็รีบไปทำซะสิ...จับมาให้ได้เร็วที่สุดผมกลับก่อนนะ เอ๊ะ...จ่าชิตไปไหนเนี่ย”
ทุกคนก็สงสัยว่าจ่าชิตไปไหน
เสือใจอยู่ในบ้านจ่าชิต เขากระดกเหล้าลงคอ จ่าชิตนั่งครุ่นคิดอยู่ด้วยกัน
“อะไรวะได้เจอลูกทั้งทีไม่ดีใจหรือ”
“เจอสภาพแบบนี้ข้าควรจะดีใจหรือเสียใจยังคิดไม่ออกเลยว่ะ”
“ข้าเคยได้ยินมาว่า ของแบบนี้น่ะมันมาโอกาสกลับมาเป็นคนแบบเดิมได้ถ้าได้อาจารย์ดีๆ”
จ่าชิตมีความหวังแล้วนึกถึงพระธุดงค์
“จริงหรือวะ”
เสือใจพยักหน้ารับน้ำเสียงจริงจัง จ่าชิตรินเหล้าเติมแล้วนึกขึ้นได้
“ก็ดี...ยังพอจะมีหวังอยู่บ้าง...เออ ที่เอ็งเสี่ยงมาหามาหาข้าเนี่ยมีอะไรหรือ อย่าบอกนะว่าอยากมากินเหล้าด้วย ตั้งแต่ที่เอ็งถล่มบ่อนของเสี่ยรงค์พังราบไป มันให้ผู้กองศักดาติดประกาศรางวัลนำจับเอ็งไปทั่วบ้านทั่วเมือง ตอนนี้ใครๆก็อยากได้หัวเสือใจกันทั้งนั้น เงินตั้งหลายแสน มากกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก”
“ให้มันมา...ข้าไม่เคยกลัวใครน่าไหนทั้งนั้น ที่ข้ามาเนี่ยก็เพราะมีเรื่องบางอย่างมาบอกเอ็ง”
จ่าชิตมองหน้าเสือใจในใจคิดว่าต้องมีเรื่องสำคัญ
พะอูนั่งเศร้ามองใบหน้าตัวเองอยู่ในลำธารแล้วร้องไห้ เขารู้สึกน้อยใจ แต่อีกใจหนึ่งก็คือปรับตัวไม่ถูกเรื่องที่ได้เจอพ่อ ในน้ำเขามองเห็นเงาของพระธุดงค์โผล่เข้ามาข้างเงาของเขา พะอูสะดุ้ง แล้วหันกลับไปไหว้
“เจริญพร...ไม่ต้องเศร้าเสียใจไปหรอก บุญแล้วที่ได้เจอพ่อที่แท้จริง”
พะอูทำท่าว่าจ่าชิตจะรังเกียจหน้าตาของเขา
“อื้ออ้า...”
“ไม่หรอก ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอก เจ้าอย่ากังวลไปเลย สิ่งสำคัญก็คือเจ้าต้องหมั่นฝึกสมาธิให้นิ่ง อย่าอ่อนไหว จะได้ไม่ตกเป็นทาสของมัน ประคำของอาตมาไม่รู้ว่าจะช่วยได้นานเท่าไหน วันหนึ่งจิตชั่วของงะดินเดอาจจะทำลายจิตดีให้มอดไหม้ไปได้”
พะอูรับฟังแล้วก้มลงกราบ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าพระธุดงค์หายไปแล้ว
อองไชยพินิจดูรูปปั้นไม้บาเยงโบ เสี่ยรงค์นั่งมองอยู่แล้วอึดอัด
“มันก็แค่รูปปั้นไม้แกะสลักธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ท่านมองอยู่ได้ตั้งนานสองนาน”
“มันมีบางอย่าง ผิดสังเกต ไม้ชิ้นนี้กลวงๆ”
เสี่ยรงค์สงสัย
“แสดงว่าท่านคิดว่าข้างในมีอะไรซ่อนอยู่หรือ”
อองไชยเขย่าดูแล้วไม่มีอะไร
“ไม่...ไม่มีอะไร”
อองไชยลองเอามีดด้ามจิ๋วสอดเข้าไปที่มือข้างซ้าย แต่ยังไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เสี่ยรงค์รู้สึกว่ามันเสียเวลาเขาจึงจะไปข้างนอก
“ท่านพรานตามสบายนะ ฉันจะไปธุระก่อนล่ะ”
อองไชยรับรู้แล้วจับโน่นจับนี่ที่รูปปั้น แล้วมือของเขาก็ไปโดนมีดเล่มที่สอดเข้าไปโดยบังเอิญ มีเสียงดังกริ๊ก ที่ฐานของรูปปั้นมีแผ่นไม้บางๆแลบออกมา อองไชยแปลกใจเขาเรียกเสี่ยรงค์
“เสี่ย...”
เสี่ยรงค์รีบมาที่อองไชย
“อะไร”
อองไชยดึงไม่แผ่นบางออกมา เห็นที่แผ่นไม้มีตัวอักษรเขียนเอาไว้ อองไชยชะงัก
“อักษรโบราณ”
เสือใจกับจ่าชิตคุยกันไปได้สักครู่ จ่าชิตพอรู้เรื่อง
“นี่แสดงว่า จงใจก็ไม่ใช้ลูกสาวแท้ๆของเอ็ง”
“ใช่ แต่ข้าก็รักเหมือนลูกของข้าจริงๆ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับหมวดสมรักษ์”
เสือใจมองหน้าจ่าชิต
“เอ็งเมาหรือโง่วะ ไอ้ชิต เอ็งก็รู้ว่าหมวดเขาคิดยังไงกับจงใจ”
“แล้วลูกเอ็งล่ะคิดยังไง”
เสือใจถอนหายใจ
“ลูกข้ามันเติบโตในชุมโจร มันก็ไม่รู้จักโลกภายนอกมากนัก พอมันเจอหมวดมันก็เหมือนรักแรกพบนั่นแหละ แต่ที่สำคัญข้าอยากให้เอ็งรู้ว่ามันไม่ใช่ลูกโจรอย่างข้า มันคือลูกของเสี่ยรงค์”
เสียงขึ้นนกปืนดังขึ้นข้างหลังเห็นเงาดำของใครบางคนอยู่ที่หน้าประตู
“เสี่ยรงค์นั่นแหละโจรตัวพ่อเลย”
เสือใจกับจ่าชิตหันไปเห็นสมรักษ์ถือปืนจี้เข้ามา
“หมวด...”
“ยกมือขึ้นเสือใจ”
เสือใจทำตามที่สมรักษ์สั่ง
“ตำรวจ...มันก็เป็นตำรวจวันยังค่ำ”
จ่าชิตหันไปถาม
“หมวดจะจับไอ้ใจมันจริงๆหรือ”
สมรักษ์ลดปืนลงแล้วถอนหายใจ
“เปล่า แค่อยากให้รีบกลับไป ตอนนี้ทุกคนต่างตามล่าเสือใจกันจ้าละหวั่น เพราะเสี่ยรงค์ให้รางวัลนำจับตั้ง 5 แสนบาท”
“ข้ารู้แล้ว...ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่มันขึ้นค่าหัวข้า เอาสิหมวดจับข้าเลย”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ ฉันไม่เข้าใจเลยว่า เสี่ยรงค์ต้องการอะไรจากเสือใจ มันคงไม่ใช่แค่ความแค้นเรื่องเก่าๆอย่างเดียวหรอก”
เสือใจตัดบท
“ข้าไม่รู้ ว่ามันต้องการอะไร...แต่ ถ้าหมวดไม่จับข้า ข้าก็จะไปแล้ว...”
เสือใจมองเพื่อน จ่าชิตพยักหน้ารับ เสือใจกำลังจะเดินออกไป สมรักษ์ท้วงไว้
“เดี๋ยว...”
เสือใจหยุดแล้วหันมามองแววตานิ่ง
“จงใจเป็นยังไงบ้าง”
“หมวดเข้าใจคำว่ารอไหมล่ะ”
เสือใจพูดจบแล้วเดินออกไป สมรักษ์มองตามในใจคิดถึงจงใจ
ชาวบ้านต่างมาเข้าคิวกันตรวจและรับการฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค แม้จะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมมารักษากับภราดร
“เอ็งจะฉีดไหม”
“ฉีดสิ...ตอนนี้พวกข้ารู้แล้วว่า คนที่เป็นกาลกินีก็คือแม่หมอกับหลานๆของมัน”
ทุกคนในกลุ่มเห็นด้วย ประเดิมเป็นคนจัดคิว
“ต่อแถวกันนะครับ เอ้า...ไปตรวจที่คุณหมอก่อน เสร็จแล้วก็ไปฉีดวัคซีนที่คุณระรินแล้วก็รับยาที่คุณเดือนโต๊ะโน้น ครับ เอ้า เรียงกันไปเลย”
ภราดรตรวจคนไข้ เช่นถามอาการ เช็คชีพจร ระรินฉีดยาให้ชาวบ้าน เดือนทำหน้าที่จ่ายยา โดยมีประเดิมคอยช่วย
“เวลาท้องเสีย เอาชงละลายน้ำทานนะจ๊ะ”
ภราดรตรวจคนไข้คนสุดท้ายเสร็จ ผู้ใหญ่สนกับจ่อยก็เดินเข้ามาขอบคุณ
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”
“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ผู้ใหญ่ก็คอยสังเกตชาวบ้านหน่อยก็แล้วกัน ถ้าเป็นอีกมันจะลุกลามไปเรื่อยๆ อย่าทานอาหารดิบๆสุกๆ ระวังเรื่องน้ำด้วยนะ ทางที่ดีควรเอามาต้มก่อนแล้วค่อยเอาไปดื่ม”
ผู้ใหญ่สนรับคำ
“ครับ”
ระรินฉีดยาให้คนไข้เสร็จ แล้วเดินมาหาภราดร ท่าทางเหมือนเป็นคนรักกัน จนผู้ใหญ่สนกับจ่อยแปลกใจ
“เสร็จแล้วค่ะหมอ กลับกันหรือยังคะ”
“เอาสิครับ...”
ประเดิมกับเดือนเก็บข้าวของ แม่หมอกับกินรีเดินผ่านมา ผู้ใหญ่สนเรียก
“อ้าว...แม่หมอ กินรี มาฉีดวัคซีนเร็ว...เขากำลังจะกลับอยู่แล้ว”
แม่หมอกับกินรีมองหน้ากัน แล้วแม่หมอก็ตอบ
“ไม่หรอก พวกฉันไม่เป็นอะไร”
กินรีมองภราดรอย่างเศร้าๆและหลบตา ระรินเดินมาบอกผู้ใหญ่สน
“โอ้ย....อย่าไปชวนเขาเลยผู้ใหญ่ พวกนี้เขาไม่เป็นอะไรหรอก เขามีวิชาอาคม แต่เอ๊ะ...ได้ข่าวว่าเพิ่งรักษาคนตายไปคนนึงไม่ใช่หรือ...”
แม่หมอ แววตาเข้ม กินรีไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงชวนแม่หมอกลับ ภราดรมองกินรีด้วยสายตาเมินเฉย
“กลับกันเถอะยาย”
ทั้งจะคู่เดินจากไป ระรินส่งท้าย
“ฉันว่าพวกแกคงต้องย้ายสำนักไปหลอกลวงที่อื่นแล้วล่ะ ตอนนี้ชาวบ้านเขาตาสว่างกันหมดแล้ว”
แม่หมอสะบัดตามองระรินและภราดร
“อย่านึกนะว่าข้าไม่รู้ว่าเอ็งทำอะไรหมอ”
กินรีกับแม่หมอเดินจากไป ระรินครุ่นคิด และกังวลใจแววตาอาฆาต ภราดรคิดอะไรบางอย่างแล้วเรียกกินรีหน้าเยาะๆ
“เดี๋ยว...”
กินรีกับแม่หมอหยุดแล้วหันมา ภราดรวางท่าเข้มแล้วทิ้งยาและเกลือแร่เอาไว้ให้
“อย่าทำเป็นอวดดีหน่อยเลย ถ้าเกิดตายขึ้นมาทั้งบ้าน หลวงเขาจะหาว่าฉันไม่เอาใจใส่...เก็บยาเอาไว้ซะ”
ระรินยิ้มสะใจในคำพูด กินรีหน้าชาพูดไม่ออก
“หมอ...”
“ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่...ไปกันเถอะครับระริน”
ระรินควงแขนภราดรเดินจากไป กินรีมองตามไม่เข้าใจ
อองไชยยังคงมองแผ่นไม้แผ่นนั้นพร้อมกับคำปริศนา เขาพยายามแปลมัน เสี่ยรงค์ลุ้นๆ
“เป็นยังไงท่านพราน มันเขียนว่าอะไร เกี่ยวข้องกับขุมทรัพย์หรือเปล่า”
“ข้าแปลไม่ได้ทุกตัว แต่โดยรวมพูดถึงพระมเหสีและความรักกับ สุสานแห่งนิรันดร”
เสี่ยรงค์ตื่นเต้น
“นั่นไง...มีพูดถึงสุสานแสดงว่าต้องเกี่ยวกับขุมทรัพย์”
“ไม่ มันยังไม่สมบูรณ์ มันต้องมีอีกชิ้นหนึ่ง เห็นไหมนี่มันเป็นรอยตัดออกจากกันตัวหนังสือถึงขาดเป็นช่วง”
เสี่ยรงค์มองที่แผ่นไม้แล้วพบว่าเป็นจริง
“จริงด้วย แล้วอีกส่วนมันอยู่ที่ไหน”
เสี่ยรงค์กับอองไชยมองหน้ากันด้วยความสงสัย
แม่หมอกราบรูปปั้นไม้ของชะเวมะรัตบนหิ้งบูชา แล้วมองที่รูปปั้นในใจแม่หมอยังแค้นระรินและหมั่นไส้ในเหตุการณ์เมื่อสักครู่
“นังพยาบาล อสรพิษ ถึงข้าจะไม่มีวิชาแล้ว แต่ข้าจะล้างอาถรรพณ์เสน่ห์ของเอ็งให้ได้”
แม่หมอบอกอย่างมุ่งมั่น
กินรีเก็บฟืนเรียงให้เข้าที่ที่ใต้ถุนบ้าน ขณะที่พะอูกับมะค่าหอบหน่อไม้เข้ามา
“พะอู...ยาย...พะอูกลับมาแล้ว”
แม่หมอออกมาจากในบ้าน มะค่าบอกทั้งสองคน
“ฉันไปเก็บหน่อไม้ เจอพะอูมันนั่งอยู่ที่ลำธาร เอ้าพี่กินรีฉันเอาหน่อไม้มาฝาก”
“สบายใจแล้วหรือ พะอู” กินรีถามอย่างเป็นห่วง
พะอูพยักหน้ารับ มะค่าสงสัย
“พะอูเป็นอะไรหรือพี่กินรี”
กินรียิ้มแล้วบอกความจริงให้มะค่ารู้
“พะอูไม่ใช่เด็กกำพร้าแล้วนะมะค่า พะอูเจอพ่อเขาแล้ว”
มะค่าแปลกใจ
“จริงหรือพี่กินรี ใครน่ะ”
“จ่าชิตไง”
มะค่าอึ้งๆมองพะอู
อองไชยกับเสี่ยรงค์ยังคงมองอักษรโบราณอย่างครุ่นคิด
“ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่า ไอ้จอมเวทย์นั่นอาจจะเป็นงะดินเดจริงๆ และสิ่งที่จะกำราบมันได้ก็คือ ดาบของบาเยงโบ...เล่มจริง”
อองไชยมองดาบจำลองที่รูปปั้น เสี่ยรงค์ถามอย่างอยากรู้
“แล้วดาบอยู่ที่ไหน”
“ตามพิธีโบราณ มันน่าจะฝังไว้ในหลุมศพของบาเยงโบ บางทีแผ่นจารึกนี่อาจจะบอกอะไรเราเกี่ยวกับหลุมศพก็ได้”
เสี่ยรงค์ตาวาว
“ถ้ามีหลุมศพ มันก็จะมีสมบัติ”
ระรินกับภราดรเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“สมบัติอะไรกันคะพ่อ”
“ไม่มีอะไรหรอก วันนี้ทำไมกลับเร็วล่ะ”
“วันนี้ไม่มีอะไรครับเลยอยากกลับมาพักผ่อน”
ภราดรจ้องรูปปั้นบาเยงโบแล้วถาม
“มีอะไรกับรูปปั้นหรือ”
อองไชยอธิบาย
“ข้าคิดว่า รูปปั้นกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง แต่มันน่าจะมีบางอย่างหายไป”
ภราดรจ้องรูปปั้นแล้วตกอยู่ในภวังค์ ราวกับถูกสะกดแล้วพูดออกมา
“ชะเวมะรัต นางผู้เป็นดวงใจของข้า หานางให้เจอ นางจะบอกเจ้าเอง”
ระรินงุนงง
“หมอพูดอะไรน่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
อองไชยชะงัก
“เดี๋ยว...ท่านเป็นใคร”
“บาเยงโบ...หานางให้เจอ...และปลดปล่อยข้า”
ภราดรวูบไป ทุกคนแปลกใจ อองไชยจ้องภราดรอย่างมีอะไรในใจแต่ยังเก็บเอาไว้
กินรีนั่งผ่าฟืนอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน จ่าชิตย่องเข้ามาเงียบๆ ในมือมีถุงกระดาษห่ออะไรมาบางอย่าง
“กินรี”
“อ้าว...จ่าชิต มีอะไรหรือจ้ะ”
จ่าชิตมองไปบนบ้าน
“เออ...ไอ้หนู เอ๊ย...พะอูมันอยู่ไหม”
“ไม่อยู่หรอกจ้ะ...ออกไปเล่นแถวนี้กับมะค่า จ่ามีอะไรหรือ”
จ่าชิตยื่นเสื้อผ้าให้กินรีในใจทั้งรักและเป็นห่วงลูก
“ฉันเห็นเขามอมแมมเสื้อผ้าก็ขาดๆเลยเอาเสื้อผ้ามาให้”
“ขอบใจนะจ่า บุญของพะอูมันจริงๆที่ได้เจอพ่อ แต่...”
“แต่อะไร”
กินรีหนักใจ
“พะอู ทั้งหน้าเกลียด พูดก็ไม่ได้ แล้วก็...ยังเป็น...”
จ่าชิตสวนทันทีแววตาจริงจัง
“พะอูจะเป็นยังไงเขาก็เป็นลูกฉันส่วนเรื่องนั้น เสือใจบอกว่าสามารถทำให้กลับมาเป็นปกติได้”
“จริงหรือจ่า”
จ่าชิตพยักหน้ามั่นใจ
มะค่านั่งเอาขาแช่น้ำอยู่ในลำธาร พะอูนั่งเหม่อมองสายน้ำอยู่ไม่ห่างนัก
“เอ็งน่าจะดีใจนะพะอูที่ได้เจอพ่อ”
พะอูหน้านิ่งท่าทางน้อยใจแล้วทำท่าบอกว่าหน้าตาเขาเป็นแบบนี้ใครจะมารัก
“ไม่จริงหรอก การที่เอ็งหน้าตาแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของเอ็งสักหน่อย อีกอย่างนะไม่มีพ่อคนไหนเขาไม่รักลูกหรอก”
พะอูทำท่าถามมะค่าว่าจะทำยังไงดี
“เอ็งจะทำยังไงดีน่ะหรือ...ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันแล้วแต่ใจของเอ็งว่าเอ็งจะยอมรับพ่อของเอ็งหรือเปล่า”
พะอูครุ่นคิดเหม่อมองสายน้ำ
เสือใจนั่งอยู่ที่แคร่หน้าลานบ้าน จงใจตากปลาไปคุยไป ทั้งคู่สนทนากันมานานแล้ว
“พ่อน่ะ...ไม่น่าไปหาหมวดเขาเลย เขาจะหาว่าจงใจไม่มียางอาย”
“อย่าตีเจตนาเป็นอย่างนั้น จงใจ พ่อจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้ ก่อนที่พ่อจะไม่มีโอกาส”
จงใจตกใจ
“พ่อพูดอะไร...พ่อพูดเป็นลางเหมือน...”
“ไม่มีอะไรหรอก พ่อก็พูดไปอย่างนั้นเอง แต่ลูกจำไว้นะพ่อต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ”
จงใจพยักหน้าเข้าใจ เสือเข้มเดินเข้ามา เสือใจมองเห็น
“ไอ้เข้ม”
“พ่อเสือมีธุระอะไรกับฉันหรือ”
“ไอ้เข้ม เอ็งอยู่กับข้ามากี่ปีแล้ว”
“ก็ตั้งแต่หัวเท่ากำปั้นน่ะพ่อเสือ”
เสือใจเหม่อมองไปข้างหน้านึกถึงความหลัง
“ในบรรดาเด็กในรุ่นเดียวกับเอ็ง ข้าไว้ใจเอ็งมากที่สุด มากกว่า...ไอ้ทศ”
เสือเข้มรู้สึกแปลกใจ
“พ่อเสือมีอะไรหรือจ๊ะ”
“ข้ารู้สึกว่าไอ้ทศมันกำลังจะทำอะไรบางอย่าง ข้าคิดว่ามันต้องไม่ดีต่อชุมเสือของเราแน่”
“พี่ทศน่ะหรือ...”
“ไอ้ทศ มันเป็นคนมุทะลุ มักใหญ่ใฝ่สูง อะไรก็ตามแต่ที่มันกำลังจะทำ ข้าคิดว่ามันต้องพามันลงเหวไปด้วย”
จงใจสงสัย
“พี่ทศกำลังจะทำอะไรหรือพ่อ”
“พ่อยังไม่แน่ใจ แต่อยากจะไหว้วานให้เอ็ง...ไอ้เข้ม ช่วยตามดูพฤติกรรมมันหน่อย”
เสือเข้มตอบรับทันที
“ได้สิพ่อ...ถ้าฉันจับได้ว่าพี่ทศทรยศพวกเราเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละจะยิงพี่ทศด้วยมือของฉันเอง”
เสือเข้มบอกอย่างมุ่งมั่น
เสือทศกับเสือเรืองตรงมาที่คอกม้ากำลังจะออกไปข้างนอก
“พี่ทศจะเอาจริงหรือ” เสือเรืองถาม
“คนอย่างข้าเดินหน้าแล้วไม่มีถอย แล้วเอ็งล่ะ”
เสือเรืองพยักหน้ารับ
“พี่เองไง ฉันเอาด้วย...แล้วไอ้ชินล่ะพี่”
“ถ้ามันตุกติกหรือ จะถอนตัว เอ็งยิงมันทิ้งได้เลย”
เสือเรืองรับรู้แล้วเดินตามเสือทศมาจุดที่ฝังเงินเอาไว้ เมื่อมาถึงที่เสือทศก็แหวกใบไม้ออกแล้วเปิดลังเห็นว่ามีเงินและเครื่องประดับมีค่า เสือทศหยิบเอาออกมาส่วนหนึ่งเพื่อเป็นค่าฝิ่น แล้วปิดมันไว้ที่เดิมก่อนจะเดินเอามาส่งให้เสือเรือง
“เอ้า...ค่าฝิ่น ทุกอย่างเรียบร้อยไหม”
“ไอ้ชินมันรออยู่แล้วพี่”
เสือทศพยักหน้ารับ
“ไป...”
ทั้งคู่ไปที่คอกม้า เสือเข้มแอบมองอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างกันนัก
ภราดรฟื้นขึ้นมา หลังจากระรินช่วยดูแลจนอาการดีขึ้น
“เป็นยังไงบ้างคะหมอ” ระรินถามอย่างเป็นห่วง
“ผมเป็นอะไรไปครับ...อยู่ดีๆก็วูบไป”
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงสื่อสารกับรูปปั้นนี้ได้” อองไชยถาม
เสี่ยรงค์มองอย่างสงสัย
“นั่นสิ...เมื่อกี้หมอบอกว่า หมอเป็นบางเยงโบแล้วให้ตามหาใครก็ไม่รู้”
อองไชยโพล่งอกมา
“ชะเวมะรัต”
ภราดรพยายามนึกแล้วไม่เข้าใจ
“บาเยงโบหรือ...ชะเวมะรัต...ใครคือชะเวมะรัต ผมเคยได้ยินชื่อนี้”
อองไชยครุ่นคิด
“ข้าเชื่อว่ารูปปั้นนี้จะต้องทำเอาไว้คู่กัน ส่วนที่เหลือจะอยู่ที่รูปปั้นของชะเวมะรัต”
ภราดรมองไปที่รูปปั้นของบาเยงโบแล้วนึกถึงคำของบาเยงโบ ที่เคยบอกเขามาก่อนหน้านี้
“เจ้าต้องไปที่สุสานของข้า เพื่อจัดการคำสาป และสิ่งที่ค้างคามากว่า 800 ปี เมื่อนั้นเจ้าก็จะได้ครองรักชั่วนิรันดร”
ภราดรสงสัย
“มันอยู่ที่ไหน แล้วผมจะไปยังไง”
“เจ้าต้องนำชะเวมะรัตมาหาข้า นอกนั้นเจ้าพรานนั่นมันจะบอกเจ้าเอง”
“ชะเวมะรัต”
“เจ้าไตร่ตรองให้ดี เจ้ารู้อยู่แล้วว่านางอยู่ที่ไหน”
บาเยงโบพูดเป็นปริศนาแล้วจากไป
ภราดรนึกออกบอกกับอองไชยและเสี่ยรงค์
“ผมเคยเห็นรูปปั้นแบบนี้แต่เป็นผู้หญิง”
อองไชยตื่นเต้น
“ที่ไหน”
ภราดรนึกถึงห้องพระบ้านแม่หมอทันที
จ่าชิตกับกินรีก้มกราบ พระธุดงค์ยังคงหลับตาทำสมาธิ
“พบลูกชายแล้วสินะ”
จ่าชิตรู้สึกแปลกใจที่พระธุดงค์รู้เรื่อง
“ขอรับ...เอ่อ...กระผมมีเรื่องจะสอบถาม”
“เรื่องเสือน่ะหรือ”
“เจ้าค่ะ...พะอูจะกลับเป็นปกติไหมคะ” กินรีถามอย่างกังวล
พระธุดงค์ลืมตาแล้วบอกด้วยสายตาที่มีเมตตา
“น้องชายโยมไม่ได้เป็นเสือโดยกำเนิด หากแต่มีเวทมนต์บางอย่างสะกดเอาไว้ หากอาคมของผู้นั้นถูกทำลายไป เด็กคนนั้นก็จะกลับเป็นปกติ”
จ่าชิตรู้สึกมีกำลังใจ
“กระผมจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนใช้อาคม”
“เขาจะเผยตัวออกมาเอง”
กินรีรู้สึกเป็นห่วงพะอู
“แล้วช่วงนี้จะทำยังไงดีเจ้าคะ”
“ให้ น้องของเจ้ามาถือ ศีลกับอาตมาจนกว่าอาคมจะถูกทำลายไป”
“แล้วเราจะทำลายอาคมได้ยังไง ใครจะเป็นคนทำลายอาคม” จ่าชิตกังวล
พระธุดงค์พูดเป็นปริศนา
“ผู้ใดเคยทำลายกันมาก่อน ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ทำลายต่อไป...เจริญพร”
พระธุดงค์หลับตาทำสมาธิต่อ กินรีกับจ่าชิตมองหน้ากันในใจสงสัยว่าใคร...
งะดินเดรับรู้ความเป็นไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของพะอู
“ทำไมเจ้าถึงชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านจริงๆ ชะเวโบคือลูกของข้า ข้าจะใช้มันทำอะไรก็ได้...รอให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้ก่อน”
งะดินเดหันไปทางคนรูสองผัวเมียที่หมอบอยู่ข้างๆ
“หัวใจทั้งสิบอยู่ที่ไอ้พรานนั่น เจ้าสองตัวจงไปนำมาให้ข้า”
คนรูสองผัวเมียท่าทางหวาดกลัวจนเห็นได้ชัด งะดินเดตวาด
“ไม่ต้องกลัว ข้าไปส่งเจ้าไปตายหรอก ไป...”
คนรูสองผัวเมียรีบออกไปทันที
“หัวใจทั้งสิบเป็นของข้าเมื่อไหร่ ใครที่เป็นปรปักษ์ต่อข้าจะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป...ข้าจะปกครองที่นี่และเป็นใหญ่ตลอดไป...”
งะดินเดหัวเราะเบาๆ
เสือทศกับเสือเรือง เข้ามาหาเสือชินที่โรงนา เสือชินอยู่กับพ่อค้าว้าแดง 2 คน
“เรียบร้อยไหม ไอ้ชิน”
เสือชินยิ้ม
“เรียบร้อยดีพี่ ครบทุกรายการ”
“ดี...”
เสือทศเพยิดหน้าให้เสือเรืองโยนกระเป๋าใส่เงินให้พ่อค้าว้าแดง พ่อค้าว้าแดงรับไปดู แล้วพยักหน้าให้กัน
“เอาล่ะ...ออกเดินทางได้แล้ว”
ทุกคนรับรู้แล้วเคลื่อนขบวนออกไป เสือเข้มโผล่ออกมาจากข้างๆโรงนาเขาเห็นทุกอย่าง
“พี่ทศ...ไม่น่าเลย เอ็งก็เป็นไปกับเขาด้วย...ไอ้ชินไอ้ทรยศ”
เสือสมิง ตอนที่ 16 (ต่อ)
สมรักษ์นั่งคิดถึงจงใจอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีตำรวจชุดปฏิบัติการไล่ล่าเสือใจเข้ามารายงาน
“เป็นยังไง ได้ตัวเสือใจไหม”
“ไม่ครับ ตอนนี้ผมเปลี่ยนผลัดสองไปตามต่อแล้วครับ...ไม่รู้ว่ามันเป็นคนหรือผี เราหาแทบพลิกป่า ไม่เจอแม้เงา”
สมรักษ์รู้สึกโล่งใจแล้วทำเป็นกลบเกลื่อน
“ตามต่อไปก็แล้วกัน”
ดาบรับปากแล้วจากไป ศักดาเดินผ่านมาที่สมรักษ์
“ดูท่าผู้กองไม่ค่อยจะกระตือรือร้นเลยนะ”
“คงเป็นเพราะผมตามจนเอียนแล้วมั้ง หรือไม่ก็...ผลประโยชน์ที่ผมได้อาจจะไม่คุ้มเสี่ยงแทนใครบางคน”
ศักดาแววตาเข้ม
“หมวดหมายถึงใคร...”
“ผมยังไม่รู้ แต่ต่อไป...ไม่แน่”
ศักดาระวังตัวแล้วกลบเกลื่อน
“เราเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผลประโยชน์คือประชาชน”
จ่าชิตเดินเข้ามา
“สาธุ...ขอให้จริงเถอะ”
“จ่า...ระวังปากไว้บ้างนะ ระวังจะได้อมเหรียญก่อนกำหนด”
ศักดาแววตากร้าวแล้วเดินจากไป จ่าชิตกับสมรักษ์มองตาม
“เราต้องทำอะไรบ้างแล้วล่ะจ่า...เสือใจอาจจะไม่โชคดีตลอดไป”
“ผมรู้...แต่ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ ทุกคนต่างเห็นแก่เงินรางวัล คงไม่มีใครฟังเราหรอก”
“ผมมีลางสังหรณ์ยังไงไม่รู้”
สมรักษ์เครียดและกังวล
เสี่ยรงค์มาที่ปางไม้กับอองไชย ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ในเต็นท์รับรอง
“ไม่น่าเชื่อว่าของแบบนั้นจะอยู่ในมือของยายแม่หมออะไรนั่น”
“จะอยู่ในมือใคร เราก็ต้องเอามาให้ได้”
เสี่ยรงค์ถอนหายใจ
“เราจะไว้ใจหมอภราดรได้หรือ”
“ข้าไว้ใจและมั่นใจว่าหมอต้องเอามาให้เราจนได้”
เสี่ยรงค์พยักหน้ารับคล้อยตามอองไชย เบิ้มกับหัวหน้าคนงานเข้ามารายงาน
“เสือทศมาครับเสี่ย”
“คงได้เวลาแล้วสินะ...”
เสี่ยรงค์เดินตามเบิ้มออกไปข้างนอก อองไชยมองตามครุ่นคิด
ระรินถือเครื่องดื่มร้อนๆเข้ามาหาภราดรที่กำลังนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“น้ำขิงร้อนๆค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ระรินทรุดนั่งลงข้างๆอย่างเอาใจ
“ระรินไม่อยากให้หมอไปยุ่งกับพวกแม่มดแม่หมอนั่นเลย”
“แต่มันจำเป็นนี่ครับ...ถ้าได้รูปปั้นนั่นมาคุณพ่อของคุณก็อาจจะพบขุมสมบัติก็ได้ ถึงตอนนั้นก็คงจะยกลูกสาวให้ผมไม่ยาก จริงไหมครับ”
ภราดรยิ้มแล้วหอมแก้ม ระรินปัดป้องด้วยจริต
“แหมคุณหมอเนี่ย...ก็ระรินกลัวคุณหมอไปหลงเสน่ห์นังกินรีนี่คะ”
“โธ่...นังเด็กบ้านนอกนั่นหรือ บอกตรงๆนะ มันไม่มีอะไรเทียบคุณได้เลย อย่าลดตัวไปเปรียบเทียบกับมันเลย”
ระรินแอบยิ้มแล้วซบภราดร
“ผมจะเอามันมาให้เร็วที่สุด”
ภราดรแกล้งทำเป็นโอบกอดระรินอย่างเสน่ห์หาและหลงใหล
เสือเข้มถูกมัดโยงกับต้นไม้ในปางช้าง เบิ้มเอาน้ำสาด เสือเข้มฟื้นขึ้นมา เขามองหน้าทุกคน
“ไอ้ทศ เสียแรงที่กูยกให้มึงเป็นลูกพี่ มึงมันไอ้คนทรยศ ทรยศพี่น้อง ทรยศพ่อ ทรยศคนที่มึงรักพ่อเสือไม่น่าเก็บมึงมาเลี้ยงเลย”
เสือทศทนฟังไม่ได้ซ้อมเสือเข้มไปหนึ่งชุด
“เป็นยังไง ยังปากดีอีกไหม”
“ไอ้เนรคุณเอ๊ย...แค่นี้มันยังเบาไป เอาเลยยิงกูทิ้งเลยสิวะ ไอ้ทศ ไอ้เรือง ไอ้ชิน แต่ถ้ากูไม่ตาย กูสาบานว่าจะตามล่าพวกมึงไปทุกที่”
เสือทศแสยะยิ้มแล้วเข้าไปเชยใบหน้าของเสือเข้ม เสือเข้มถุยน้ำลายใส่ เสือทศเช็ดมันออกช้าๆอย่างใจเย็น
“ได้...ไอ้เข้ม กูจะจัดให้”
เสือทศชักมีดออกมาหมายจะแทงเสือเข้มต่อหน้าทุกคน อองไชยเข้ามาห้ามไว้
“อย่า...”
เสี่ยรงค์หันไปถาม
“มีอะไรหรือท่านพราน”
“ไหนๆก็จะฆ่ามันแล้ว เก็บมันเอาไว้ให้ข้าทำประโยชน์ดีกว่า”
ทุกคนสงสัย เสือทศมองไม่เห็นว่าเสือเข้มจะมีประโยชน์ตรงไหน
“สวะอย่างมัน มีประโยชน์ก็แค่ทำปุ๋ยเท่านั้นแหละท่านพราน จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้”
อองไชยแววตาเข้ม
“ได้สิ...ข้าจะเอามันล่อเสือสมิง”
ทุกคนเห็นด้วย เสือเข้มฟังอย่างตระหนก
พะอูมองเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างดีใจ เขาหยิบมันมากอด กินรียิ้มแย้มบอก
“พ่อของพะอูซื้อมาให้ เขาไม่กล้ามาหาพะอู กลัวพะอูจะวิ่งหนีเข้าป่าไปอีก”
พะอูยิ้มแล้วส่ายหน้าประมาณว่าพะอูไม่หนีไปไหนแล้ว พะอูดีใจที่มีพ่อ มะค่ามองหน้า
“ไม่หนีแน่นะ...อะไรนะดีใจที่มีพ่อกับเขาแล้ว”
แม่หมอยิ้มแย้ม
“หมดทุกข์ซะที”
“ยังจ้ะยาย...หลวงพ่อบอกว่าช่วงนี้ต้องให้พะอูไปถือศีล”
แม่หมอเห็นด้วย
“ดีเหมือนกัน...มันจะได้เกิดกุศล และจะได้หายเสียที”
“หาย หรือ พะอูจะหายจากที่เป็น...เอ่อ...”
“ได้สิ ข้ามั่นใจว่าพะอูต้องหาย”
พะอูยิ้มอย่างมีกำลังใจ แม่หมอกับกินรีมองหน้ากันมั่นใจ กินรีหันไปชวน
“ไป...ไปหาข้าวกินกันดีกว่า”
พะอูยังคงกอดเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างดีใจ
ค่ำนั้น เสี่ยรงค์มานั่งดื่มบรั่นดีกับศักดาในที่พักส่วนตัว อองไชยนั่งอ่านสมุดคาถาเล็กๆของเขา ศักดาหันไปถามเสี่ยรงค์
“เสี่ยไว้ใจไอ้เสือหน้าอ่อนนั่นหรือ”
“ไอ้เสือทศน่ะ...คนอย่างมันไม่มีอะไรหรอก มุทะลุ ถือดี เห็นแก่ตัว”
“นั่นสิ แล้วมันจะพาเราไปหาเสือใจหรือ”
เสี่ยรงค์พยักหน้าอย่างมั่นใจ
“แน่นอน มันอยากเป็นใหญ่ แต่ถ้าถึงเวลามันตุกติก ก็ฆ่ามันซะคนอย่างมันเอาไว้แค่หลอกใช้...งานนี้ฉันจะเอาลูกไอ้ใจทำเมียให้หนำใจ ตอบแทนที่มันฉุดจันทร์แก้วไป”
เสี่ยรงค์แววตากร้าว
เสือทศนั่งกินอาหารข้างกองไฟ เสือเข้มถูกมัดอยู่ ห่างออกไป เสือทศมองอย่างเหยียดๆ เสือเรืองกับเสือชินเอาไก่มาย่างเพิ่มเติม เสือชินท่าทางปอดๆ
“พี่งานนี้ถ้าไม่สำเร็จพวกเรามีหวัง...”
“มีหวังอะไรวะ...ไม่สำเร็จยังไง พวกเราเยอะกว่าทั้งเสี่ยรงค์ ทั้งตำรวจ พ่อเสือจะมีปัญญาอะไรมาสู้...”
เสือทศหัวเราะ เสือเรืองยังข้องใจ
“แต่เสี่ยรงค์มันไว้ใจได้หรือ”
“มันอยากได้อะไรก็ให้มันไปสิ...สิ่งที่เราอยากได้มันคนละเรื่องกับมัน ผลประโยชน์มันลงตัวอยู่แล้ว ต้องไปกลัวอะไรวะ”
ทุกคนเข้าใจแล้วกินข้าวกันต่อ อองไชยเดินออกมาแล้วสั่ง
“ไปเอาตัวมันมาได้แล้ว คืนนี้ข้าจะจับเสือสมิง”
เสือทศมองอองไชยแต่ต้องหลบ เพราะรู้สึกหวั่นๆในอำนาจของอองไชย
คนรูสองผัวเมียวิ่งไปในป่าลัดเลาะผ่านต้นไม้ไปเรื่อยๆ มีเสียงงะดินเดลอดเข้ามา
“พวกเจ้าจงไปล่อมันออกมา ข้าจะใช้อาคมบดบังตัวเจ้ามันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก”
คนรูยังคงวิ่งไปในป่า งะดินเดร่ายคาถา
“คนรูค่อยๆกลายร่างเป็นเสือสมิงวิ่งผ่านไป”
งะดินเดบริกรรมคาถาอยู่ในถ้ำ แววตาเพชฌฆาต
“ออกมาไอ้พรานกระจอก...ออกมา...”
เสือเข้มถูกมัดโยงกับต้นไม้ในสภาพร่างกายบอบช้ำ ทุกคนมองอยู่ เสี่ยรงค์หันมาถามอองไชย
“เสือมันจะมาแน่หรือท่านพราน”
“มันต้องมาแน่ข้ารับรู้ถึงกลิ่นสาปของมัน”
ทุกคนจ้องมองอยู่อย่างใจระทึก ไม่นานนักเสือสมิงก็โผล่ออกมา มันเดินมาตรงหน้าเสือเข้มที่เป็นเหยื่อห่างราว 5 – 6 เมตรแล้วคำรามน่ากลัว เสือเข้มหน้าตื่นตระหนกระวังตัว เขาพยายามแก้เชือก จนมันเกือบจะหลุดอยู่แล้ว อองไชยตาวาว
“เข้ามาเลยไอ้เสือนรก...”
เสือจำแลงไม่ยอมกินเหยื่อมันเดินวนไปรอบๆ อองไชยแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เฉลียวใจ
เสือดูท่าทีอยู่นาน อองไชยตัดสินใจเดินออกมาประจันหน้ากับมัน
“วันนี้มาแปลก...แต่ถึงยังไงหัวใจของเจ้าก็ต้องเป็นของข้าอยู่ดี”
อองไชยชักมีดเล่มเล็กออกมาแล้วเสกหมายจะเผด็จศึก ทันใดนั้นเสือจำแลงก็วิ่งหนีออกไป
“คิดจะหนีหรือ...หนีไม่พ้นข้าหรอก”
อองไชยวิ่งตามมันไป
“ไปเร็วพวกเรา”
เสี่ยรงค์ ศักดา และเบิ้มวิ่งตามไปด้วย เสือทศยืนนิ่งเสือเรืองสอบถาม
“เอาไงพี่”
“มันไม่ใช่เรื่องของเรา...”
เสือทศเดินไปที่เสือเข้ม
“เรื่องของเราคือไอ้นี่...มึงคงหมดประโยชน์แล้วล่ะไอ้เข้ม”
เสือทศชักปืนออกมาหมายจะยิงเสือเข้ม
“นี่คือโทษฐานที่มึงแส่ไม่เข้าเรื่อง”
ทันใดนั้นเสือเข้มโหนตัวถีบเสือทศกระเด็นไปพอดีกับเสือทศเหนี่ยวไกกระสุนพลาดเป้า เสือชินกับเสือเรืองชักปืนออกมาหมายจะยิง เชือกของเสือเข้มขาดพอดีเขาเป็นอิสระ แล้ววิ่งหนีไปในความมืด เสือทศ เสือเรือง และเสือชิน ยิงปืนตามหลังไม่ยั้ง
“ตามไป...”
ทุกคนวิ่งตามเสือเข้มไป
อองไชยวิ่งมาถึงลานกลางป่าแล้วมาหยุดมองหาเสือสมิงจำแลง แต่เสือหายไปแล้ว เสี่ยรงค์ ศักดา และเบิ้มวิ่งตามมาด้วย เสี่ยรงค์ถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างท่านพราน”
“พวกท่านตามมาทำไม”
ศักดาไม่พอใจ
“อ้าว...ก็มาช่วยท่านไง...”
“ไม่ต้อง...มันอันตรายเกินไป”
อองไชยมองหาเสือสมิง มีเสียงคำรามของเสือดังก้องมาจากอีกมุมหนึ่ง อองไชยหันไปตามเสียงแล้วสั่งทุกคนพร้อมวิ่งไปทันที
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”
ทุกคนทำตามที่อองไชยพูด ศักดาส่ายหน้า
“ไอ้หมอนี่มันเป็นคนยังไงของมันนะ”
เสือเข้มวิ่งโซซัดโซเซมาตามป่า แล้วมานั่งพักเหนื่อย เขาเอามือคลำที่ท้อง เขาถูกยิงที่ท้องและหัวไหล่ด้านหลัง
“โอย...ไอ้พวกระยำเอ๊ย...จะไปบอกพ่อเสือยังไงเนี่ย”
เสือเข้มพักเหนื่อยพลางคิดไปด้วย ทันใดนั้นมีเสียงสวบสาบแว่วมาแต่ไกล
“ไอ้ทศ...”
เสือทศกับเสือเรือง และเสือชินไล่ตามหามาอย่างระมัดระวัง
“ระวังนะโว้ย...ไอ้นี่มันไม่หมูเหมือนกัน กูเจอล่ะมึง...”
เสือเข้มลุกขึ้นหนีต่อไป เสือชินได้ยินเสียงแล้วบอก
“ทางนั้นพี่”
“ไป...”
ทั้งหมดตามเสือเข้มไป
เสือสมิงจำแลงล่ออองไชยให้วิ่งตามมาตามป่า อองไชยจริงจังและเตรียมพร้อม
“มึงหนีไม่รอดหรอก”
อองไชยวิ่งตามเสือ แล้วถูกกับดักดึงขาขึ้นไปห้อยหัวอยู่บนต้นไม้
“เฮ้ย...ใคร...ใครมาทำแบบนี้กับข้า”
งะดินเดในรูปของกายทิพย์ปรากฏขึ้น
“หมดฤทธิ์แล้วรึ...ไอ้พรานเจ้าเล่ห์”
อองไชยตกใจ
“แกนั่นเอง...ปีศาจงะดินเด แกต้องการอะไร...ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้”
“ข้าปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าไม่อยากทำบาป แต่ข้าต้องได้สิ่งที่ข้าต้องการก่อน”
“แกต้องการอะไร”
“หัวใจเสือสมิงทั้งสิบ”
อองไชยตกใจ
เสือทศยิงปืนเปรี้ยงเข้าใส่เสือเข้ม
“เปรี้ยง”
เสือเข้มหลบได้ทันแล้วซ่อนที่พงไม้อยู่เงียบ
“เอ็งนึกว่าจะหนีข้าพ้นหรือไอ้เข้ม ถ้าอยากกลับใจมาเป็นพวกข้าก็ออกมา ข้าพร้อมจะรับเอ็งมาอยู่ในชุมโจรใหม่ของข้า”
เสือเข้มโกรธแล้วตะโกนออกไป
“ชุมโจรใหม่ของเอ็งก็คือหลุมศพของเอ็งนั่นแหละ พ่อเสือไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่”
“ได้...ข้าถือว่าข้าให้โอกาสเอ็งแล้วนะ”
เสือทศยิงปืนเข้าใส่ เสือเข้มลอบหนีออกไป เสือทศและพวกตามไป
อองไชยยังคงห้อยต่องแต่ง แต่ไม่ยอมจำนน
“ฝันไปเถอะ...กว่าข้าจะจับพวกมันได้แต่ละตัวเลือดตาแทบกระเด็น ข้าไม่ให้เจ้าไปง่ายๆหรอก ปล่อยข้านะ”
“มันเป็นของๆ ข้าเจ้าแย่งชิงไปจากข้า และถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องคืนเจ้าของ เอามันมาให้ข้า”
อองไชยยังไม่ยอมอยู่ดี
“เจ้ามีมนต์ ก็เรียกเอาสิ...”
“ได้...”
งะดินเดเริ่มร่ายมนต์แต่ไม่สามารถเรียกมาได้ เพียงแต่มีแสงเรือง ขึ้นที่น้ำเต้าที่กักขังหัวใจเสือเอาไว้เท่านั้น งะดินเดตระหนกตกใจ
“ทำไม...เจ้าใช้อาคมอะไร”
อองไชยหัวเราะแล้วท้าทาย
“เจ้าไม่มีทางเอามันไปได้หรอก...ปล่อยข้าไป”
งะดินเดไม่สามารถร่ายมนต์เอามาได้เพราะคาถาของอองไชยเป็นคาถาเฉพาะ งะดินเดมองที่น้ำเต้าแล้วสั่งคนรู
“มันต้องมีวิธีที่จะเปิดมันได้...คนรู...เอาน้าเต้าใบนั้นมา”
อองไชยหน้าตื่น
“อย่านะ...อย่า เจ้าเอาไปไม่ได้”
คนรูกระโดฉกเอาน้ำเต้ามาได้
“ข้าต้องหาวิธีเปิดมันจนได้...ไป...กลับกันได้แล้ว”
งะดินเดหัวเราะพอใจ
“อย่า...เอาของข้าคืนมา...”
อองไชยร้องเสียงดังแต่ไม่มีประโยชน์ คนรูหายไปกับความมืดแล้ว อองไชยทำอะไรไม่ถูก
เสือเข้มวิ่งหนีมาจนถึงลำธารที่น้ำไหลเชี่ยว แล้วไม่มีทางไปต่อ เสือทศ เสือเรือง และเสือชินวิ่งตามมาเจอแล้วหยุดอยู่ห่างๆ
“ไม่มีทางไปแล้วใช่ไหมไอ้เข้ม”
“คนอย่างข้ามีทางไปเสมอ ไอ้คนทรยศ”
เสือเข้มแววตาจริงจังระวังตัว มองหาทางหนีที่ไล่ เสือเรืองหันมาถามเสือทศ
“เอาไงพี่ทศ”
“ข้าจะให้เกียรติเอ็งส่งมันไปนรก”
เสือเรืองกระหยิ่มใจแล้วเล็งปืนไปที่เสือเข้ม กำลังจะเหนี่ยวไกร เสือเข้มตัดสินใจโดดลงไปในสายน้ำก่อนที่เสือเรืองจะยิง ร่างของเสือเข้มไหลไปกับน้ำหายไปในความมืด ทั้งสามคนรีบไปดูที่ริมตลิ่ง
“น้ำเชี่ยวขนาดนี้ไม่รอดแน่...ไปกลับ”เสือทศมั่นใจ
ทุกคนเชื่อฟังเสือทศ
เสี่ยรงค์ ศักดา และเบิ้ม รออองไชยอยู่นาน
“ท่านพรานหายไปนานแล้วนะ” เสี่ยรงค์เริ่มกังวล
“เสือลากไปกินแล้วก็ไม่รู้”
ศักดาท่าทางไม่ค่อยชอบอองไชยนัก
“ตามไปดูดีกว่า...ไป...” เสี่ยรงค์บอก
ทั้งหมดเห็นด้วยแล้ววิ่งตามไป
อองไชยถูกแขวน เขากำลังหาทางให้หลุดจากพันธนาการ ผ่านไปสักพัก เสี่ยรงค์ ศักดา เบิ้มวิ่งเข้ามาแล้วเห็น
“ท่านพราน” เสี่ยรงค์ตกใจ
อองไชยทั้งโล่งใจและเจ็บใจ
น้ำเต้าที่ขังหัวใจเสือวางอยู่บนแท่นหิน คนรูหมอบอยู่ข้างๆ งะดินเดเดินมองรอบๆน้ำเต้าแล้วใช้ความคิด
“มันเป็นอาคมชนิดใดกันแน่ ทำไมข้าถึงเข้าไม่ถึงมัน...ข้าต้องเปิดมันให้ได้...ไม่ว่าจะด้วยหนทางใด” งะดินเดบอกอย่างมุ่งมั่น
ลำธารที่ไหลแรง มีโขดหินน้อยใหญ่ มือของเสือเข้มโผล่ขึ้นมาจับหิน แล้วค่อยๆดันตัวขึ้นมา เขาบาดเจ็บหนักในใจเป็นห่วงเสือใจ
“พ่อเสือ...”
อองไชยนั่งหน้าเครียด เสี่ยรงค์ ศักดา และเบิ้ม ดื่มบรั่นดีแก้เหนื่อย
“ข้าสะสมมันมาหลายสิบปี”
เสี่ยรงค์หันมาถาม
“แล้วท่านพรานจะทำยังไง”
“ต้องกำจัดงะดินเดให้ได้ ก่อนที่มันจะเอาหัวใจออกมา”
“เราจะกำจัดมันยังไง” เสี่ยงรงค์วิตก
“ข้าเชื่อว่าสิ่งที่จะกำจัดมันได้คือดาบอาญาสิทธิ์ของบาเยงโบ”
ศักดาไม่ค่อยเชื่อ
“ดาบอาญาสิทธิ์...ชักจะไปกันใหญ่แล้วท่านพราน ไอ้ดาบแบบนี้มันจะมีจริงหรือ”
อองไชยมั่นใจ
“มันต้องอยู่ในสุสานของบาเยงโบ ข้าต้องหามันให้พบ”
เสี่ยรงค์คิดถึงสมบัติ
“ฉันจะช่วยท่านพรานหาสุสานนั่น แต่ก่อนอื่นพรุ่งนี้ฉันต้องกำจัดเสี้ยนหนามในใจของฉันก่อน”
แววตาเสี่ยรงค์กร้าว
จ่าชิตกับสมรักษ์นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่บ้านพักหลังโรงพัก
“เป็นไงจ่า เดี๋ยวนี้ไม่ออกล่าเสือแล้วหรือ” สมรักษ์ชวนคุย
“ผมเจอลูกแล้ว ไม่อยากออกไปเสี่ยงแล้ว ขอใช้ชีวิตช่วงนี้ดูแลลูกดีกว่า”
สมรักษ์รู้สึกแปลกใจที่จ่าชิตเปลี่ยนไป เขารินเหล้าให้
“ผมพอแล้ว” จ่าชิตโบกมือปฏิเสธ
“จ่าเปลี่ยนไปจริงๆ”
“เปลี่ยนแบบดีหรือไม่ดีล่ะ”
“ก็ดีน่ะสิ...ผมจะได้ไม่ต้องสั่งขังอีก”
ทั้งคู่หัวเราะชอบใจแล้วดื่มรวดเดียวหมด จ่าชิตขอตัวกลับบ้าน
“ผมพอแล้ว...กลับก่อนนะหมวด”
“ตามสบายจ่า”
จ่าชิตยังไม่ทันลุกก็มีเสียงเหมือนสิ่งของล้ม ดังมาจากข้างบ้าน จ่าชิตกับสมรักษ์มองหน้ากัน ทั้งคู่ระวังตัว แล้วชักปืนออกมาแยกกันไปคนละข้าง จ่าชิตเดินสำรวจ ส่วนสมรักษ์ก็เดินสำรวจอีกด้านแล้วมาเจอถังน้ำล้มอยู่ จ่าชิตเดินเข้ามา
“ถังน้ำ”
ทั้งคู่กำลังจะเดินกลับ ทันใดนั้นมีมือมาจับขาสมรักษ์ไว้ เขาตกใจ
“เฮ้ย...”
ทั้งคู่ก้มดูที่พื้นเห็นเสือเข้มนอนหายใจรวยรินอยู่
“ช่วยด้วย”
เสือเข้มนอนอยู่บนเตียงอาการทุเลาลง จ่าชิตพันแผลให้ สมรักษ์นั่งอยู่ข้างๆ
“โดนมาไม่เบาเลยนะเอ็ง”
สมรักษ์หันมาถาม
“นายเป็นใคร โดนใครทำร้ายมา”
เสือเข้มตัดสินใจเล่าความจริง
“หมวดสมรักษ์ จำผมไม่ได้หรือครับ ผมเข้มเป็นคนในชุมโจรพ่อเสือ”
“เสือใจ...นายออกมาทำไมหรือว่าไปปล้นใครมา”
เสือเข้มแม้จะเจ็บแต่พยายามอธิบาย
“เปล่าครับ พ่อเสือให้ผมตามดูพฤติกรรมไอ้ทศ พ่อเสือสงสัยว่ามันจะต้องทำอะไรสักอย่าง”
จ่าชิตแปลกใจ
“มันทำอะไร”
“มันร่วมมือกับเสี่ยรงค์ ผลิตยาเสพติด แล้วก็...”
เสือเข้มชะงัก สมรักษ์คาดคั้น
“แล้วอะไร”
เสือเข้มไม่รู้จะบอกดีหรือเปล่า แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจบอก
“ไอ้ทศมันร่วมมือกับเสี่ยรงค์กำลังจะบุกทลายชุมเสือ ไอ้ทศมันจะตั้งตัวเป็นใหญ่ควบคุมชนกลุ่มน้อยตามชายแดนทั้งหมด”
สมรักษ์โกรธทันที
“ไอ้สารเลวเอ๊ย...”
จ่าชิตถามเสียงเข้ม
“นายรู้ที่มันผลิตยาไหม”
เสือเข้มพยักหน้า
“รู้ครับ...แต่ผมว่า จ่ากับหมวดควรจะรีบหาทางช่วยพ่อเสือกับจงใจก่อนนะ ท่าทางไอ้เสี่ยรงค์มันไม่เอาไว้แน่”
สมรักษ์รับรู้อย่างเครียดๆ
กินรีนอนไม่หลับมาเดินเล่นที่หน้าบ้าน ทันใดนั้นภราดรปรากฏกายขึ้น
“กินรี”
กินรีหันไปเห็นภราดรแล้วดีใจอย่างที่สุด
“หมอ...หมอมาได้ยังไงคะ”
ภราดรสายตาเป็นมิตรจริงจังแบบภราดรคนเดิม ห่างออกไปมีคนของเสี่ยรงค์ ยืนดูแลอยู่ กินรีมองสองคนนั่น
“เขาขับรถมาให้ผมน่ะ”
กินรีเห็นว่าภราดรดูเปลี่ยนไปกว่าเมื่อตอนกลางวันมาก ภราดรพยายามมองไปที่ในบ้าน
“คือ...ผม...อยากขอโทษคุณเรื่อง ที่พูดไม่ดีกับคุณเมื่อตอนกลางวันน่ะครับ”
“กินรีเข้าใจค่ะ กินรีไม่เคยคิดโกรธหมอเลยค่ะ”
“ขอบใจนะกินรีที่เข้าใจผม”
ภราดรพูดจากใจจริงสบตากับกินรี แม่หมอมองดูจากบนบ้านมานานแล้วแม่หมอสังเกตว่าภราดรเปลี่ยนไป ภราดรหันไปสบตาแม่หมอ แววตาแข็ง
งะดินเดนั่งบริกรรมคาถาอยู่เงียบๆ ข้างๆ มีน้ำเต้าที่ใส่หัวใจเสือสมิงทั้งสิบ คนรูตัวผู้คลานเข้ามาแล้วสอบถาม
“วันนี้ท่านไม่เอาหัวใจหรือครับ”
“ไม่...มันไม่มีประโยชน์ พวกเจ้าออกไปหากินเถอะ”
คนรูทั้งสองดีใจแล้วรีบออกไปหากิน งะดินเดคิดถึงหัวใจทั้งสิบ
“ทำไมมันถึงเปิดไม่ได้ หรือว่า มันต้องมีครบ 12 ดวง...ชะเวโบ”
งะดินเดนึกอะไรออกขึ้นมาบ้าง
เสือสมิง ตอนที่ 16 (ต่อ)
พะอูนอนหลับอยู่ในมุ้งตามปกติ แม่หมอยังคงยืนดูกินรีกับภราดรที่เห็นว่าทางไม่สะดวก จึงเอ่ยลา
“ดึกแล้ว...เอ่อ...ผมกลับก่อนนะ”
“ค่ะ”
กินรีท่าทางปลื้มใจ ภราดรยิ้มรับ พะอูนอนกระสับกระส่าย มีเสียงมนต์ของงะดินเดเรียก
“ชะเวโบ...ได้เวลาของเจ้าแล้ว ออกมาเดี๋ยวนี้”
พะอูกระสับกระส่ายไปสักพักก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ที่ประคำมีแสงเรือง
“อ้ากกกก...”
แม่หมอ กินรี ภราดรได้ยินจึงรีบเข้าไปในบ้าน แม่หมอเข้าไปหาหลานชายอย่างเป็นห่วง
“พะอู เอ็งเป็นอะไร...”
กินรีตกใจ
“พะอู”
พะอูดิ้นไปมาเอามือจับที่คอ แต่ประคำสะกดเอาไว้ ภราดรมองพะอูแต่ทำอะไรไม่ถูก แม่หมอหันมาบอก
“พาพะอูไปห้องพระเร็ว”
ภราดรกับกินรีช่วยกันพาพะอูเข้าไปในห้องพระ แม่หมอสั่ง
“จับเอาไว้...”
กินรีกับภราดรทำตามจับพะอูไว้ แม่หมอบริกรรมคาถาแล้วบอกรูปปั้นชะเวมะรัต
“เจ้าแม่ ชะเวมะรัตได้โปรดช่วยด้วยเถิด”
กินรีจ้องไปที่รูปปั้น ภราดรเงยหน้ามองรูปปั้นแล้วคิดว่านี่เองชะเวมะรัต
“ชะเวมะรัต...”
พะอูยังคลุ่มคลั่งอยู่ในภวังค์ ตัวกินรีมีแสงสีทองเรืองออก ชะเวมะรัตแว่บเข้าไป
“ชะเวโบ เจ้าจงทำใจให้อยู่ในความสงบเถิด อย่าได้มีกังวลอะไรเลย”
สิ้นเสียงชะเวมะรัต พะอูนิ่งลงแล้วหมดสติไป ภราดรจ้องกินรีที่เปลี่ยนไปเป็นชะเวมะรัตอย่างไม่วางตา
ชะเวมะรัตหายไปกลายเป็นกินรี ภราดรมองกินรีอย่างประหลาดใจ แล้วหันไปมองรูปปั้นชะเวมะรัต
ในอดีต...ที่พระตำหนักกลางสวน ชะเวมะรัตนั่งเคียงข้างบาเยงโบ มีนางกำนัลรายล้อม รูปปั้นไม้บาเยงโบและชะเวมะรัตถูกยื่นถวายโดยนายช่าง บาเยงโบงรับมาพินิจดูรูปปั้นแกะสลักไม้อย่างพอใจและกล่าวชม
“ฝีมือไม่เลยเลยนายช่าง...ว่าไหมชะเวมะรัต”
ชะเวมะรัตยิ้มรับ
“เพคะ เป็นงานที่ฝีมือละเอียดจริงๆ”
“นี่จะเป็นสัญลักษณ์ในความรักของเราทั้งสองอีกอย่างหนึ่ง ข้าจะเก็บเอาไว้ในหอพระคัมภีร์”
บาเยงโบหยิบกระดาษม้วนเล็กออกมา ด้านในมีข้อความบางอย่างแล้วส่งให้นายช่าง
“ข้าต้องการให้ นายช่างช่วยจารึกถ้อยคำเหล่านี้ในรูปปั้นทั้งสอง ทำเป็นกลไกซ่อนเอาไว้”
ชะเวมะรัตสงสัย
“เหตุใดจึงมีพระประสงค์เยี่ยงนี้ เพคะ”
“ข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อความสงบสุขสืบไปชั่วกาลนาน”
ชะเวมะรัตฟังอย่างไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ไม่ซักอะไรอีก
งะดินเดนั่งอยู่ที่พักบริเวณสวนในบ้าน ขณะที่ชะเวโบ และอิระวดีอยู่ด้วย
“การใหญ่เยี่ยงนี้ไฉนท่านจึงส่งเด็กเมื่อวานซืนไปสังหารบาเยงโบ”อิระวดีบ่นอย่างไม่พอใจ
ชะเวโบฟังแล้ว ไม่พอใจเช่นกัน
“ข้าหาใช่เด็กเมื่อวานซืน แต่ถ้าไม่เป็นเพราะ ดาบเล่มนั้น ป่านนี้บาเยงโบเป็นศพไปแล้ว”
“ยังหาได้สำนึก จะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง แต่เจ้าหาได้ทำการให้ลุล่วง ก็ถือว่าเจ้าไร้ฝีมือถ้าไม่ได้ข้าช่วยเอาไว้ ป่านนี้เจ้าก็คงจะโดนกุดหัวไปแล้ว”
ชะเวโบเหมือนถูกตบหน้า เขาโกรธและขึ้นเสียง
“พระสนม...”
งะดินเดห้ามทัพ
“พอ...พอ...พวกเจ้าจะเถียงกันด้วยเหตุใด มาช่วยกันหาวิธีไม่ดีกว่ารึ”
งะดินเดตวาด อิระวดีกับชะเวโบจึงเงียบ
“อำนาจดาบเล่มนั้นมันอานุภาพสูงส่งจริงๆ ข้ากำลังหาวิธีกำราบมัน” งะดินเดครุ่นคิด
“หวังว่าคงไม่นานนะ เพราะข้ามั่นใจว่าพ่ออยู่หัวกำลังสงสัยในตัวท่าน...งะดินเด”
งะดินเดมั่นใจ
“ยังไงข้าก็หาได้กลัวมัน เพราะอีกไม่นานบัลลังก์นี้ก็ต้องตกเป็นของข้า...ชะเวมะรัตถึงเวลาของเจ้าที่จะต้องช่วยพ่อแล้ว”
บาเยงโบกับชะเวมะรัต เดินเล่นมาถึงหน้าผาสูงที่สวยงาม มีทหารและนางกำนัลตามเสด็จและอยู่ห่างๆ
“ดูสิ ชะเวมะรัต ราชอาณาจักรของเรา มันช่างแผ่ออกไปอย่างไพศาล”
“ก็พ่ออยู่หัวทรงเป็นจอมกษัตริย์ที่เก่งกล้า อีกทั้งทรงมีทศพิธราชธรรม อาณาประชาราชอยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า”
บางเยงโบรู้สึกพอใจที่ชะเวมะรัตพูดแบบนี้ แต่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสลดลง
“เจ้าช่างเจรจาจริงๆ”
“หม่อมฉันทูลความจริง หาได้เสแสร้ง”
“ข้ารู้...แต่ชีวิตคนเราหาได้ยั่งยืนคู่ฟ้าไปตลอด วันหนึ่งข้าก็ต้องจากไป”
ชะเวมะรัตหน้าเสีย
“พ่ออยู่หัวทรงมีพระชนม์หมื่นปี อย่าได้ตรัสเยี่ยงนี้”
“ความจริงก็คือความจริง เมื่อถึงวันที่ข้าต้องจากไป ข้าจะอยู่ในสุสานที่สวยงามที่สุดและสงบที่สุด ห่างไกลจากสิ่งรบกวนทั้งมวล”
ชะเวมะรัตเห็นด้วยและยอมรับความจริง
“แน่นอนเพคะ สุสานของพ่ออยู่หัวจะเป็นที่เลื่องลือไปสิบทิศ ให้สมกับเป็นกษัตริย์ผู้เกรียงไกร”
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างพอใจ หัวหน้าราชองครักษ์เดินเข้ามาถวายรายงาน
“พ่ออยู่ทรงหัวทรงมีพระชนม์หมื่นปี”
“มีเหตุอันใดรึ ท่านหัวหน้าราชองครักษ์”
“ได้เบาะแสคนร้ายแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบในใจลิงโลด ชะเวมะรัตรู้สึกบางอย่างที่ไม่ดีกับครอบครัวเธอ
บาเยงโบนั่งบริเวณที่ฝึกทหารราชองครักษ์ หัวหน้าราชองรักษ์ กับมหาอำมาตย์กราบทูล
“ฝีมือท่านมหาราชครูงะดินเดเองรึ ท่านมีหลักฐานหรือไม่”
มหาอำมาตย์หน้าเครียด
“หลักฐานมีพระพุทธเจ้าข้า แต่น้อยมาก ยากที่จะเอาผิดได้ในช่วงนี้”
บาเยงโบผิดหวัง
“ข้าจะต้องทำเยี่ยงไร”
“พ่ออยู่หัวคงต้องวางเฉยสักสองสามวันรอให้เกล้ากระหม่อมได้เบาะแสมากกว่านี้ก็จะจู่โจมจับกุมทันที”
บาเยงโบพยักหน้ารับ
“ถอนรากให้หมด ทุกตัวคน”
มหาอำมาตย์หน้าเสียและอ้ำอึ้ง
“แล้วพระมเหสีล่ะ พระพุทธเจ้าข้า”
“รอให้ถึงวันนั้นก่อน”
บาเยงโบหนักใจ
ปัจจุบัน...ภราดรยังคงจ้องใบหน้ากินรีอยู่ในห้องบูชา พะอูนอนหลับไปแล้ว
“เมื่อกี้...คุณ...” ภราดรแปลกใจ
“มีอะไรหรือคะ”
“ช่างเหมือนกับผู้หญิงคนที่ผมเคยเห็นบ่อยๆ ที่ใบหน้าเหมือนคุณมาก”
กินรีงงๆ แม่หมอตัดบท
“หมอตาฝาดไปหรือเปล่า ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย”
ภราดรพยายามเรียกสติแล้วไม่เถียงต่อก่อนจะเดินออกไป แม่หมอเรียกไว้
“เดี๋ยวหมอ...”
ภราดรหันกลับมา แม่หมอถามอย่างรู้ทัน
“หมอต้องการอะไรกันแน่...”
ภราดรไม่ตอบแล้วหันเดินลงจากบ้านไป
เสือเข้มอาการดีขึ้น แต่ก็ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ขณะที่จ่าชิตกับสมรักษ์นั่งหารือกันอยู่หน้าบ้าน
“ต้องหาทางไปเตือนไอ้ใจมันก่อนนะหมวด”
สมรักษ์หนักใจ
“จะไปยังไง...อยู่ดีๆหายไปผู้กองศักดากัดเราไม่ปล่อยแน่จ่า”
จ่าชิตเข้าใจและนิ่งไปอย่างหมดหนทาง เสือเข้มเดินออกมาหน้าบ้านแล้วเสนอตัว
“ผมไปเองหมวด”
สมรักษ์รีบขัด
“เข้ม...นายยังเจ็บอยู่จะไหวหรือ”
“ไหวหรือไม่ไหวก็ต้องไป เจ็บแค่นี้เรื่องเล็ก ขืนไม่รีบไปเตือนไว้ก่อนพวกผมไม่เหลือแน่”
จ่าชิตรู้สึกชอบในความเด็ดเดี่ยวของเสือเข้ม
“คงต้องพึ่งนายแล้ว”
เสือเข้มพยักหน้ารับแววตาจริงจัง
คนรูออกอาละวาดหากินคนอย่างไม่เกรงกลัวตามที่งะดินเดสั่ง ชาวบ้านคนหนึ่งกำลังออกมาเตรียมวัวออกไปทำไร่ถูกฆ่า ไม่นานนัก ชาวบ้านอีกคนหนึ่งกำลังก่อไฟทำอาหารก็ถูกฆ่า
วันใหม่...กินรี กับจ่าชิตใส่อาหารในบาตรของพระธุดงค์แล้วก้มลงกราบ
“อายุ วรรณโณ สุขัง พะลัง...”
พระธุดงค์นั่งอยู่อย่างสงบนิ่ง ข้างๆมีพะอูในชุดสีขาวท่าทางอิ่มเอิบนั่งอยู่
“ฝากลูกชายกระผมด้วยนะครับ”
จ่าชิตยิ้มแล้วมองลูกชาย พะอูยิ้มรับ
“อย่าห่วงเลยโยม อาตมาจะดูแลอย่างดี”
กินรีถามขึ้น
“แล้วเมื่อไหร่พะอูจะหายล่ะคะ”
“นั่นก็ต้องแล้วแต่วาสนา อาตมาจะช่วยเต็มที่นะ”
กินรีกับจ่าชิตท่าทางเบาใจแล้วลากลับ
“งั้นกระผมลาล่ะครับ”
จ่าชิตหันหลังจะกลับ พะอูเรียกพยายามออกเสียงว่าพ่อ
“อ้อ...อ้อ...”
จ่าชิตยิ้มน้ำตาคลอ
“เรียกพ่อได้แล้วหรือลูก”
กินรีรู้สึกยินดี
คนรูกินซากศพอยู่ที่หน้าถ้ำอย่างสบายใจ งะดินเดนั่งมองน้ำเต้าแล้วคิดหาทางเปิด
“พวกเจ้ากินกันตามสบาย ตอนนี้ข้าไม่ต้องการหัวใจอีกแล้วนอกจาก...ที่มันอยู่ในนี้”
งะดินเดหลับตาแล้วรับรู้ถึงสิ่งที่พระธุดงค์กำลังทำ
“เชิญแส่ไปก่อนเถอะภิกษุโล้น”
ชาวบ้านหลายสิบคนพร้อมอาวุธ ประกอบด้วยมีด พร้า เสียม จอบ พากันเดินมาชุมนุมบ้านผู้ใหญ่สน
มีชาวบ้านเข็นศพคนตายมาด้วย 2 คน จ่อยตะโกนเรียก
“ผู้ใหญ่...ผู้ใหญ่”
ผู้ใหญ่สนเดินลงมาแล้วสอบถาม
“มีอะไร ยกขบวนกันไปไหนกัน เอ้า...มีมีดไม้กันด้วย”
ญาติคนตายแค้นๆ
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว เมื่อคืนเสือออกมาอาละวาดอีกแล้วดูสิมันเอาเมียฉันไปกินเหลือซากแค่นี้”
ญาติคนตายอีกคนเสริม
“ฉันด้วย...ดูสิ”
ผู้ใหญ่สนไม่เข้าใจ
“อ้าว...นี่จะล่าเสือกันหรือ”
จ่อยหันมาบอก
“เปล่า พวกเราคิดว่าหลานชายแม่หมอนั่นแหละเป็นเสือสมิง”
ผู้ใหญ่สนรีบห้าม
“หา...ไม่ได้นะโว้ย อยู่ดีๆไปปรักปรำเข้าอย่างนั้นไม่ได้”
ชาวบ้านไม่ฟัง
“ไม่รู้ล่ะ พวกเราจะไปถามแม่หมอให้รู้เรื่อง บางทีแม่หมอนั่นแหละที่เป็นคนเลี้ยงเสือสมิง”
ท่าทางชาวบ้านเอาจริง ผู้ใหญ่สนหน้าเครียด ในใจครุ่นคิด เสนแอบมองมาจากบนบ้านอย่างหวาดๆ
จ่าชิตขับรถเลี้ยวเข้ามาทางบ้านสางกับกินรี
“แหมจ่ายิ้มไม่หุบเลยนะ” กินรีมองยิ้มๆ
“ก็หลวงพ่อท่านบอกว่าพะอูมีโอกาสหายนี่”
“ดีใจด้วยนะ...เดี๋ยวกินข้าวที่บ้านก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันส่งเสร็จจะรีบไปโรงพัก ผู้กองเขามีเรื่องประชุมด่วนน่ะ นี่ก็สายแล้วด้วย”
กินรีรับรู้ รถจี๊ปวิ่งเข้ามาในเขตหมู่บ้าน
ชาวบ้าน จ่อย และผู้ใหญ่สนมารุมที่หน้าบ้านแม่หมอ
“ออกมาเดี๋ยวนี่นะ แม่หมอ เอาไอ้หลานเสือสมิงของแกออกมาด้วย” ชาวบ้านท่าทางโกรธแค้น
“ใช่...เอาออกมาไม่อย่างนั้นข้าจะเผาบ้านแกให้วอดเลย”
ผู้ใหญ่สนพยายามห้าม
“เฮ้ย...ใจเย็น...ใจเย็นไว้ก่อน”
แม่หมอออกมายืนที่หน้าบ้านหน้าเครียด
“บ้านข้าไม่มีเสือสมิง...ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้”
“ไม่...ข้ารู้หลานชายแกเป็นเสือสมิง เมื่อคืนออกมาฆ่าชาวบ้านไปสองคน นี่ไง”
แม่หมอมองศพชาวบ้านสองคน หน้าเสีย
“ไม่จริง...หลานข้าไม่ได้ออกไปไหน”
ชาวบ้านตะโกนพร้อมกัน
“ไม่เชื่อ...ไปเอาหลานแกออกมา”
แม่หมอไม่รู้จะทำยังไง ชาวบ้านถาโถมเข้ามาจะทำร้าย ผู้ใหญ่สนห้ามไม่อยู่
“อย่า...อย่า...”
ชาวบ้านไม่ฟังบุกเข้าไปถึงตัวแม่หมอ ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ทุกคนหยุดแล้วหันไปตามเสียง
เสียงปืน จ่าชิตยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วเดินเข้ามากับกินรีแล้วประกาศกร้าว
“ใครทำร้ายร่างกายแม่หมอ หรือเผาบ้าน ฉันจะจับเข้าคุกให้หมด”
ทุกคนหยุดจ่าชิตเดินเข้ามากลางวง กินรีวิ่งเข้าไปกอดแม่หมอ
“ยาย...เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ยายไม่เป็นอะไร”
จ่าชิตสอบสวนเสียงกร้าว
“นี่มันเรื่องอะไรกันผู้ใหญ่”
“เมื่อคืนเสือสมิงมันไล่กินชาวบ้านไป 2 คน ชาวบ้านเขาสงสัยว่าไอ้พะอูมันจะเป็นเสือสมิง”
จ่าชิตหันไปถามญาติคนตาย
“มีหลักฐานอะไร”
“ก็ไอ้เสนมันบอกว่ามันเห็นไอ้หน้าผีนั่นกลายเป็นเสือ”
จ่าชิตถึงกับสะอึกแต่ปกป้องลูกตัวเอง
“เชื่ออะไรกับเด็กเสียสติ”
“งั้นเมื่อคืนไอ้เด็กนั่นอยู่ที่ไหน”
กินรีเข้ามาบอก
“อยู่บ้านจ้ะ...พะอูไม่ได้ออกไปไหน”
“ไม่จริง...อย่าไปเชื่อมันมันพวกเดียวกันก็ต้องปิดบังให้กัน เผามันเลย เผามันทั้งครอบครัวนั่นแหละ”
ชาวบ้านอยู่ในภาวะที่จะควบคุมไม่ได้ ภราดร ระรินและประเดิมเตรียมอุปกรณ์ มารักษาคนไข้ที่เหลือจากวันก่อนมาถึงทันได้ยินพอดี
“เมื่อคืนพะอูไม่ได้ไปไหน ผมอยู่ที่นี่เมื่อคืน ผมเป็นพยานได้”
ภราดรพูดเรื่องจริง กินรีอึ้ง
“คุณหมอ”
ระรินไม่พอใจแล้วบอกภราดรเบาๆ
“หมอ...ไปช่วยมันทำไม ให้ชาวบ้านเผามันก็ดีแล้ว”
ภราดรคิดหาทางออก แล้วเตือนระรินเบาๆ
“เอ่อ...ไม่ได้นะระริน คุณลืมไปแล้วหรือว่าเราต้องการรูปปั้นขืนปล่อยให้เผามีหวังวอดกันหมดน่ะสิ”
ระรินนึกขึ้นได้
“เออ...จริงด้วย...” ระรินเสียงดัง “นี่ จริงๆนะทุกคน เมื่อคืนฉันก็มาด้วย นายหน้าผี เอ๊ย...นายพะอูไม่ได้ออกไปไหนเลย ฉันก็เป็นพยานด้วย”
ชาวบ้านหันไปมองภราดร ชาวบ้านท่าทางสงบลง แต่ชาวบ้านยังไม่เชื่อสถานการณ์ตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างจ้องกัน
“เอาล่ะ คุณหมอกับคุณระรินก็มายืนยันแล้ว พวกเรากลับกันได้แล้ว”
ชาวบ้านคนหนึ่งส่งเสียงลอดออกมา
“เราไม่เชื่อ”
จ่าชิตเสียงแข็ง
“ไม่เชื่อก็ต้องกลับไป...ไปหาหลักฐานมา...ไม่อย่างนั้นฉันจะจับทุกคนในข้อหาบุกรุก”
ชาวบ้านทุกคนมองหน้ากันแล้วตัดสินใจกลับ
“ได้...แต่อย่านึกว่าข้าจะปล่อยแกไว้นะยายแม่หมอ...ไปพวกเรากลับ”
ชาวบ้านกลับไป ผู้ใหญ่สนกับจ่อยยังอยู่ กินรีกับแม่หมอโล่งอก แต่หนักใจ จ่าชิตรีบแล้วบอกกินรี
“ฉันไปก่อนนะ”
ทุกคนรับรู้ กินรีกับแม่หมอมองภราดรกับระรินแบบไม่เข้าใจ
เสือทศ เสือเรือง เสือชิน มารอเสี่ยรงค์ที่ปางไม้แต่เช้า
“ทำไมพวกเสี่ยรงค์ยังไม่มาอีกนะ หรือว่ามันจะไม่เอาด้วยแล้ว” เสือเรืองสงสัย
“ใจเย็น...ข้าว่ามันต้องมา ข้ารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างระหว่างเสี่ยรงค์กับพ่อเสือ นอกเหนือจากความแค้น”
เสี่ยรงค์ เบิ้ม และหัวหน้าคนงานเดินเข้ามา เสือทศและทุกคนโล่งใจแต่ยังสงสัย
“มากันแค่นี้หรือ...มันจะไปสู้อะไรเขาได้”
“สำหรับฉัน ฉันไปแค่นี้พอ แต่ฉันมีตัวช่วย”
เสือทศรับรู้ เสี่ยรงค์ท่าทางมั่นใจ
ตำรวจหลายนายกำลังเข้าแถวเตรียมตัวออกล่าเสือใจ ศักดายืนสั่งการหน้าแถว
“เสือใจเป็นบุคคลอันตราย ทุกคนจงระวังให้ดีอย่าได้ประมาท สายของเราแจ้งเบาะแสที่อยู่ของมันมาแล้ว งานนี้ผมจะนำพวกคุณ บุกจับมันเอง จากแผนการที่ผมได้แจ้งไปแล้วมีใครสงสัยไหม”
ทุกคนไม่สงสัย ศักดามองหาสมรักษ์
“นี่หมวดสมรักษ์ยังไม่มาอีกหรือ”
ตำรวจนายหนึ่งแจ้งข่าว
“ขออนุญาตครับ...หมวดสมรักษ์จับไข้นอนซมอยู่ในบ้านครับ ท่าทางไปไม่ไหวแน่”
“เป็นไข้รึ...คงปอดแหกจนไข้ขึ้นล่ะสิ...ไม่เป็นไรเราออกปฏิบัติหน้าที่กันได้แล้ว”
ตำรวจทุกนายจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถ รถจี๊ปของจ่าชิตวิ่งมาจอดฝุ่นตลบจ่าชิตรีบกระโดดลงมาด้วยความเมา
“เดี๋ยวสิครับ...รอผมด้วยสิ...ผมอยากได้รางวัล นำจับกับเขาเหมือนกัน”
ศักดามองหน้าจ่าชิตแล้วดูท่าทาง
“ไม่ต้องเลยจ่า เมาขนาดนี้กลัวจะไปเป็นเป้าให้พวกมันมากกว่า...ไม่ต้องไปหรอก อยู่เฝ้าโรงพักก็แล้วกัน...ว่างๆก็ไปดูหมวดสมรักษ์หน่อยนะ นอนจับไข้อยู่แน่ะ ไปพวกเราไปกันได้แล้ว”
ศักดานำตำรวจขึ้นรถเคลื่อนขบวนไป จ่าชิตมองตามอาการเมาหายเป็นปลิดทิ้ง
จ่าชิตรีบไปหาสมรักษ์ที่บ้าน เมื่อเข้าไปพบว่าสมรักษ์นอนห่มผ้าคลุมด้วยพิษไข้
“หมวด...หมวดเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
จ่าชิตตกใจ สมรักษ์ที่มีท่าทางหนาวสั่น
“ไม่เป็นอะไรมาก พวกผู้กองไปแล้วหรือ”
“ใช่...ยกกันไปทั้งโรงพักเลย”
สมรักษ์ลุกขึ้นทันทีอาการเป็นปกติ เขาแต่งตัวพร้อมรบรอไว้แล้ว
“งั้นเรารีบไปช่วยเสือใจกันเถอะ”
จ่าชิตแปลกใจ
“อะไรกันเนี่ยหมวด...หมวดไม่ได้จับไข้หรือ”
“ไม่ทำแบบนี้ผู้กองก็ลากผมไปด้วยน่ะสิ...ไป...รีบไปกันเถอะ ผมไม่อยากให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือดร้อน”
จ่าชิตพยักหน้ารับ พร้อมลุย
กินรีกับแม่หมอยังไม่วางใจเรื่องพะอู ผู้ใหญ่สนสอบถาม
“แล้วนี่พะอูมันไปไหนล่ะ”
กินรีพยายามพูดให้เป็นปกติ
“พะอูจะบวช เลยไปท่องหนังสือกับพระธุดงค์จ้ะ”
ทุกคนแปลกใจ ภราดรอึ้งๆ
“บวชหรือ”
“ค่ะ...พะอูอยากเรียนหนังสือ แต่ติดที่หน้าตาอัปลักษณ์ เลยไปเรียนทางธรรม”
ทุกคนไม่ได้ติดใจอะไร ผู้ใหญ่สนแสดงความเป็นห่วง
“ข้าว่าพวกชาวบ้าน คงจะไม่เลิกราง่ายๆหรอก มันต้องกลับมาหาเรื่องแม่หมออีกแน่”
“แล้วจะทำยังไงดี”
กินรีวิตก ระรินเสนอตัวอย่างเอื้ออาทร
“ย้ายไปอยู่ที่บ้านฉันชั่วคราวก่อนเอาไหม จะปลอดภัยมากกว่าอยู่ที่นี่นะ”
ประเดิมแทบไม่เชื่อหู แม่หมอลอบมองระรินตาขวาง ภราดรเสริม
“นั่นสิ...ผมว่ากินรีกับแม่หมอน่าจะย้ายไปพักที่บ้านของระรินเขาชั่วคราวนะ”
“เอ่อ...มันจะดีหรือคะ”
กินรีไม่แน่ใจ ระรินแสดงน้ำใจ
“เถอะน่า เรือนคนงานฉันก็มีตั้งหลายหลัง เธอไปช่วยทอผ้าที่โรงงานฉันก็ได้นี่ไม่เชื่อฉันก็น่าจะเชื่อหมอนะ ไปเถอะ”
กินรีมองไปที่แม่หมอ อย่างไม่คาดคิดแม่หมอรับปาก
“ก็ได้ ข้ากับกินรีจะไป”
ประเดิมแปลกใจ กินรีแทบไม่เชื่อหู
“ขอเวลาข้าเก็บของก่อน...ไปกินรี”
แม่หมอเข้าไปในบ้าน กินรีตามไป
เสือใจ นั่งเอาปืนออกมาทำความสะอาดอยู่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งจงใจเดินออกมา
“จะไปไหนรึ”
“จะไปดักไก่ป่ากับหินจ้ะ”
พูดไม่ทันขาดคำหินก็วิ่งเข้ามา ตามด้วยแวว และแก้ว
“พี่จงใจ”
จงใจยิ้ม
“นั่นไงมาพอดี”
หินกับแววและแก้วมาถึงหน้าบ้าน เสือใจอนุญาต
“อย่าไปไกลกันนักล่ะ”
“จ้ะพ่อ”
จงใจกับหินรีบจากไป แก้วไม่ได้ไปด้วย เสือใจหันไปถาม
“อ้าว...แก้ว ไม่ได้ไปกับเขาหรือ”
“ไม่ล่ะลุงเสือ ฉันอยู่ช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านดีกว่า”
แววและเสือใจรู้สึกประหลาดใจ
“สงสัยวันนี้ฝนคงตกเป็นฟ้ารั่วเลย” แววประชด
เสือใจขำ
“นั่นสิ สงสัยคงจะตกจนน้ำท่วมหลังเป็ดแน่ๆ”
แก้วเขินแล้วเข้าบ้านไป
“แหม...แม่กับลุงเสือนี่...อะไรก็ไม่รู้ พอจะหัดทำงานบ้านบ้างล่ะก็...เชอะ...ไปดีกว่า”
แววมองตาแก้วที่เข้าไปในบ้านในใจคิดว่าอะไรทำให้แก้วเปลี่ยนไป เสือใจมองตามอย่างพอใจแล้วทำความสะอาดปืนต่อไป
หัวหน้าคนงานขับรถให้เสือทศ เสือเรือง และเสือชินนั่งนำหน้าขบวนมา เสี่ยรงค์นั่งรถที่เบิ้มขับตามหลัง เมื่อมาถึงทางแยกที่มาบรรจบกัน มีขบวนรถตำรวจนำโดยศักดา และตำรวจอีกหลายคัน เสือทศมองตำรวจแล้วพอใจ
“มันต้องแบบนี้...คราวนี้แหละฝันของข้าก็จะเป็นจริงเสียที”
ขบวนรถวิ่งต่อไป
จบตอนที่ 16