เจ้าแม่จำเป็น ตอนที่ 16
รถของฉายตะวันแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน...ตามด้วยรถชิณที่มิ้วเป็นคนขับมา
ทรงวุฒิลงจากรถด้านคนขับไปเปิดประตูรถก่อน แล้วช่วยฉายตะวันกับกิมเอ็งประคองชิณที่ยังไม่ได้สติลงจากรถ แจ่มวิ่งออกมารับ...พอเห็นสภาพชิณก็ตกใจ
“ว๊าย! เกิดอะไรขึ้นคะคุณท่าน...คุณชิณเป็นอะไรคะ”
“ไม่ต้องถามมาก รีบมาช่วยประคองคุณชิณไปเร็ว” ฉายตะวันสั่ง
“ค่ะๆ”
แจ่มมาช่วยทรงวุฒิ ประคองชิณเข้าบ้าน ฉายตะวัน กิมเอ็ง มิ้วเดินตามไปในบ้านฉายตะวันที่ตระหง่านอยู่ในความมืด
เช้าวันใหม่ ชิณนอนอยู่บนเตียง ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอได้สตินึกถึงกะละแมก็พรวดพราดลุกขึ้นมาทันที
“กะละแม” ยกมือจับต้นคอ ยังเจ็บๆ อยู่ เพราะโดนมิ้วตี “อู้ย”
ชิณเดินไปที่ประตูห้องบิดลูกบิดแต่เปิดไม่ได้...ประตูล็อค!!!
ที่หน้าห้อง แจ่มนั่งเฝ้าชิณอยู่ที่หน้าประตู พอได้ยินเสียงลูกบิดดังแกร๊กๆ แจ่มก็รีบลุกพรวดขึ้น พูดกับตัวเองเบาๆ
“คุณชิณฟื้นแล้ว”
ชิณบิดลูกบิดไปมาแล้วตะโกนโหวกเหวก
“แม่เปิดประตูให้ ผมหน่อย...จะมาขังผมไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ เปิดประตู...ผมจะไปช่วยกะละแม...กะละแมเค้ากำลังเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ” ชิณเริ่มทุบประตู “แจ่ม...แจ่ม...อยู่แถวนี้หรือเปล่า มาเปิดประตูให้ฉันหน่อย”
แจ่มหน้าตาเหลอหลาเอาไงดี? ในที่สุดตัดสินใจบอก “แจ่มเปิดให้ไม่ได้ค่ะ คุณท่านสั่งไว้”
ส่วนในห้อง ชิณทุบประตูเสียงดังโครมคราม
“เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะแจ่ม...ฉันบอกให้เปิด”
ชิณพยายามจะพังประตูออกไปให้ได้
ฉายตะวันนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกได้ยินเสียงโครมครามมาจากชั้นบนก็เครียด สักครู่หนึ่งแจ่มวิ่งเข้ามารายงาน
“คุณชิณตื่นแล้วค่ะคุณท่าน โวยวายใหญ่เลยว่าจะออกไปช่วยคุณกะละแม”
“ฉันได้ยินแล้ว” ฉายตะวัน หน้าเครียด
จะหวะนั้นกิมเอ็งกับมิ้วเดินเข้ามาในห้องรับแขกหน้าตาตื่น
“สวัสดีค่ะคุณพี่” กิมเอ็งเข้าไปนั่งข้างๆ ฉายตะวัน “คุณน้องได้ยินเสียงดังโครมคราม เกิดอะไรขึ้นแต่เช้าคะเนี่ย”
ฉายตะวันถอนหายใจ “เสียงชิณน่ะ ร้องโวยวายจะออกไปหาเด็กนั่น”
กิมเอ็งรีบยุส่ง “ต๊าย....ท่าทางคุณชิณจะหลงนังกะละแมเอามากๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้นะคะ อย่าปล่อยให้คุณชิณหลุดออกไปได้นะคะคุณพี่ ถ้าคุณชิณหลุดไปได้คราวนี้ สงสัยจะไม่กลับมาแน่ๆ ค่ะ”
ฉายตะวันเครียดหนัก...กลัวเสียลูกชายไป
มิ้วเสริมทันควัน “ใช่ค่ะคุณป้า มิ้วว่าต้องเพิ่มกำลังคนเฝ้าพี่ชิณนะคะ”
กิมเอ็งใส่ไฟอีกดอก
“คุณน้องไม่ต้องบอก คุณพี่ก็น่าจะรู้ใช่ไหมคะว่านังร่างทรงนั่น มันแกล้งตีหน้าซื่อ สร้างภาพว่าเป็นคนดีเก่งแค่ไหน...หลอกใคร ใครก็เชื่อ” สบโอกาสแดกดันฉายตะวัน “ตอนนี้คุณชิณคงจะเชื่อหัวปักหัวปำแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วฉันจะทำยังไงดี”
ฉายตะวันนิ่งไป แล้วก็เหมือนคิดอะไรได้ พูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
“ฉันคิดออกแล้วว่าจะจัดการยังไง”
ฉายตะวันมุ่งมั่น...มีแผนการบางอย่างอยู่ในหัว
ส่วนชิณเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวายเป็นห่วงกะละแม ล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงไม่เจอ ชิณหันไปเห็นโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่หัวเตียง ชิณยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู...ปรากฎว่าไม่มีสัญญาณอีก
ชิณหัวเสียมาก...กระแทกโทรศัพท์ลงโครม “โธ่โว้ย...โทรศัพท์บ้านก็ตัดสัญญาณ มือถือก็ไม่มี แล้วจะออกไปช่วยกะละแมยังไงเนี่ย”
ชิณหน้าเครียด กลุ้มหนัก
ส่วนที่บ้านป๋านุ้ยกะละแมเดินย่องออกมาจากห้อง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง กะละแม เห็นลูกน้องนุ้ยยืนเฝ้าตามจุดต่างๆ อย่างหนาแน่น
ครู่ต่อมากะละแมมองไปทางตึกด้านหลัง เห็นคนเดินเข้าเดินออกมากผิดปกติ...กะละแมจะตามไปดูแต่เห็นลูกน้องนุ้ยยืนคุมอยู่เต็มไปหมด กะละแมมองตึกด้านหลังด้วยความสงสัยอีกครั้ง
กะละแมคิดถึงคำพูดของตำรวจ
“ป๋านุ้ยมันมีอิทธิพลมาก นี่ขนาดตำรวจรู้ว่ามันเปิดบ่อน พยายามเข้าไปจับหลายครั้งแล้ว แต่มันก็ไหวตัวทัน ปิดบ่อน ขนของหนีไปได้ทุกที นี่ผมก็กำลังพยายามรวบรวมหลักฐานมัดตัวมันอยู่”
กะละแมครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไป
ด้านสาม ต. โต๊ด ติ่ง ตุ้งแช่ นั่งรวมตัวกันอยู่ในห้อง หน้าตาโต๊ดยังมีร่องรอยจากการโดนซ้อมเมื่อวาน ส่วนตุ้งแช่อาการดีขึ้น กะละแมเดินเข้ามาในห้อง
“สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้างวะนังกะละแม”
“ลูกน้องไอ้ป๋านุ้ยยืนคุมอยู่เต็มไปหมดเลยน้า โดยเฉพาะตึกที่อยู่หลังบ้าน พี่ติ่งรู้เปล่าว่าเป็นห้องอะไร”
“ข้าเดาว่ามันต้องเป็นที่ขายหวย มีคอมพิวเตอร์เพียบ เดี๋ยวนี้มันรับซื้อหวยกันแบบออนไลน์ ส่งหวยกันทางอินเตอร์เน็ต ฉันเคยเดินหลงเข้าไปครั้งนึง โดนมันเล่นงานแทบตาย...แต่อีกห้องนึงไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร แต่คิดว่ามันคงไม่ทำเรื่องดีแน่ๆ” ติ่งมั่นใจ
กะละแมคิดตาม “สงสัยจะเป็นบ่อนอย่างที่ตำรวจเค้าว่า พวกมันทำผิดกฎหมายกันแบบนี้ ไม่กลัวตำรวจกันบ้างหรือไง”
“ตำรวจจะเข้ามาได้ยังไง เอ็งดูสิ...พวกมันจัดเวรยามแน่นหนาขนาดนั้น” โต๊ดปวดตับ
“เวรกรรมของชาวบ้านจริงๆ นี่คงจะโดนมันหลอกเอาเงินจนหมดตัวทั้งหวยทั้งการพนัน” กะละแมหันมาทางติ่ง “แล้วงวดที่แล้วพี่ก็บอกตามโพยไอ้ป๋านุ้ยใช่มั้ย”
ติ่งพยักหน้า “ก็มันไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทำตามที่มันบอกก็ตายสถานเดียว”
“ฉันอยากช่วยให้ชาวบ้านตาสว่าง ไม่ต้องโดนหลอกอยู่แบบนี้ ถ้าชาวบ้านโดนหวยกินจนหมดตัว มันคงเป็นความผิดของฉันครึ่งนึงเหมือนกัน”
ติ่งกับโต๊ดมองหน้ากัน แล้วโต๊ดก็เข้าไปตบไหล่กะละแมเบาๆ เป็นการปลอบใจ
“ไม่ใช่ความผิดของเอ็งคนเดียวหรอกนังกะละแม...ข้าก็ผิดด้วย ที่จริงมันเป็นความผิดของข้าคนเดียว...คนเดียวจริงๆ” โต๊ดหน้าสลดเสียงเศร้า
กะละแมมองโต๊ดแล้วก็เศร้าไปด้วย...บรรยากาศแทบจะสิ้นหวัง
ขณะเดียวกันที่ริมกำแพงบ้านนุ้ย โทฟู่กับจักกายยืนอยู่ และมองไปที่กำแพงอย่างชั่งใจ ว่าจะปีนไปหากะละแมดีหรือไม่ดี
“ปีนเข้าไปแบบนี้ อุกอาจไปเปล่าคุณ... ถ้าโดนจับได้ขึ้นมา ข้อหาบุกรุกเลยนะ”
“ก็ฉันติดต่อไอ้แมไม่ได้ ติดต่อพี่ติ่งก็ไม่ได้ ตามหาไอ้แมที่ไหนก็ไม่เจอ มีที่นี่ที่เดียวที่ฉันคิดว่าไอ้แมมันน่าจะมา ถ้าฉันขอเข้าไปดีๆ ไอ้พวกนั้นมันไม่ให้ฉันเข้าแน่ๆ ฉันก็ต้องใช้วิธีนี้ ไม่งั้น คุณมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้มั้ยละ”
จักกายส่ายหน้า “ไม่มี”
“งั้นก็ต้องปีน” โทฟู่หันไปจะปีน
จักกายทักขึ้นอีก “แล้วจะปีนยังไง บันไดก็ไม่มี”
โทฟู่ยิ้มๆ “ก็คุณไง” จักกายร้องห๊ะ “นั่งลง”
จักกายเหวอ “เฮ้ยย”
“เร็วสิ!”
โทฟู่ลากจักกายมาที่กำแพงแล้วจัดการกดจักกายให้ก้มลง จักกายก้มตามงงๆ กว่าจักกายจะรู้ตัวว่าโทฟู่จะทำอะไรก็สายไปแล้ว... โทฟู่ใช้จักกายเป็นบันได เหยียบไปบนหลังจักกายเต็มๆ
จักกายบ่นอุบ “เฮ้ย!...นี่คุณ..ทำงี้เลยเหรอ”
โทฟู่ไม่สนใจปีนขึ้นไปบนกำแพง
“เอาน่า...อยู่เฉยๆ”
โทฟู่กับจักกายกำลังจะปีนกันอย่างทุลักทุเล ทันใดนั้น สมุนนุ้ยสองคนเดินผ่านมาพอดี หันไปเห็นจักกายกับโทฟู่กำลังจะปีนกำแพง
สมุนคนแรกตะโกน “เฮ้ย!!พวกมึงทำไรวะ”
จักกายโทฟู่ หันมาเห็นสมุนนุ้ยก็ตกใจ ‘ซวยแล้ว’
โทฟู่พยายามหาข้ออ้าง “เอ่อ...พวกเราทำลูกบอลตกไปในบ้านน่ะจ๊ะ เลยจะปีนเข้าไปเก็บ”
ลูกสมุนมองซ้ายมองขวาไปรอบๆ
“ลูกบอลไหนวะ ไม่เห็นจะมี” คนเดิมว่า
สมุนอีกคนมองโทฟู่ กับจักกาย เห็นจักกายใส่ชุดนักธุรกิจดูเนี้ยบ แต่งตัวไม่เห็นเหมือนคนเล่นบอลตรงไหน
มันหรี่ตามองไม่ไว้ใจคิดไปคิดมา “ไอ้นี่มันหน้าคุ้นๆ แหะ”
โทฟู่ จักกายเริ่มหน้าเสีย กลัวพวกสมุนนุ้ยจำได้ ตอนที่บุกมาครั้งที่แล้ว
ลูกคนที่สองดันนึกได้ “พวกมึงเป็นพวกที่มาป่วนเมื่อวันก่อนนี่หว่า ข้าจำได้...ยังจะมีหน้ากลับมาที่นี่อีก ไม่กลัวเจอตีนหรือไงวะ” หันตะโกนเรียกพวก “พวกเราๆ ไอ้พวกที่มันเปรี้ยวตีนมันมาให้พวกเราอัดถึงที่เลยเฟ้ย” พร้อมกับถกแขนเสื้อขึ้น แล้วบีบนิ้ว ดังกร๊อบๆ
จักกายกระซิบโทฟู่ ท่าทีกลัวๆ “ผมว่าเรากลับกันก่อนเถอะ”
โทฟู่เสียดาย ไม่อยากไป จักกายมองไปในบ้านเห็นพวกสมุนนุ้ยออกมาจากบ้านอีกหลายคน จักกายไม่สนใจรีบลากโทฟู่ออกไปเลย
“ไปเร็ว”
ลูกสมุนนุ้ยวิ่งตามออกมานอกบ้าน แต่ปรากฎว่าพวกจักกายหนีไปแล้ว สมุนนุ้ยเซ็ง...อดอัดคนรับอรุณ
เวลานั้นไข่ลวกสามฟองนอนอยู่ก้นแก้วแล้ว มือของดวงเอื้อมเข้ามาหยิบไปยกซดรวดเดียวหมด ก๋อยยืนคอยพัดวีดวงไม่ห่าง นุ้ยเดินเข้ามา เห็นเปลือกไข่กองอยู่ที่พื้นตรึมก็งง
“ไอ้ดวง...ทำไมโด๊ปไข่ลวกเยอะขนาดนี้”
ดวงยกมือปาดปากปื้ด “อ้าวป๋า...จะบอกก็ได้ แต่ถ้าบอกง่ายๆ ก็ไม่มันส์ ป๋าลองเดาเล่นๆ ดีกว่า ว่าทำไมหนูถึงต้องโด๊ปไข่ลวกเยอะขนาดนี้ หนูมีเวลาให้ป๋า 20 วินาที” มันหันไปดีดนิ้วให้ก๋อย “เริ่มจับเวลา”
ก๋อยรู้งานทำเสียงติ๊กต่อกๆ เป็นนาฬิกาจับเวลาทันที
“ติ๊กต่อก...ติ๊กต่อก”
นุ้ยบ้าจี้เล่นตามดวง
“เอ่อ...จะชกมวย”
ดวงบอก “ผิด”
นุ้ยทานต่อ “จะแข่งยกน้ำหนัก”
ดวงบอก “ผิด”
“จะ...จะ...” นุ้ยคิดไม่ออก...เสียงนาฬิกาจากก๋อยก็เร่งเร้าเหลือเกิน “จะไปทำอะไรวะ”
ดวงเร่งยิกๆ “เร็วป๋าจะหมดเวลาแล้ว”
นุ้ยชักรำคาญ พูดเสียงดังลั่น “ไม่เล่นแล้วโว้ย”
ก๋อยหุบปากเงียบกริบ...เสียงนาฬิกาหายไปทันที
“โธ่ป๋า...ไม่สนุกเลย อ่ะๆ บอกก็ได้ ป๋าจำไม่ได้เหรอว่าคืนนี้ฉันมีนัดกับน้องกะละแม” ดวงยิ้มฝันหวาน “น้องกะละแมบอกว่าหนูจะเอาอะไรก็จะให้ทุกอย่าง คืนนี้หนูจะขอให้หมดตัวเลย” ว่าแล้วก็หัวเราะขำคิกๆ ท่าทางหื่นและดูลามกมาก
นุ้ยส่ายหน้าในความหน้าหม้อของลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้ด่าอะไรลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงาน
“ป๋าครับ มีคนมาหากะละแมครับ”
นุ้ยงง “มาหานังร่างทรง ?...ใครวะ”
นุ้ย ดวง ก๋อยงง...นึกไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะมาหากะละแม
ที่สวนหน้าบ้าน ฉายตะวัน กิมเอ็ง และมิ้วยืนรออยู่ ท่าทางระวังตัวสุดฤทธิ์ เพราะมีลูกน้องนุ้ยยืนเฝ้าประชิดตัวอย่างน่าอึดอัด
ครู่หนึ่งนุ้ย ดวง ก๋อย เดินกร่างเข้ามา
“มาหานังร่างทรงกะละแมทำไม” นุ้ยมองอย่างไม่ไว้ใจ
ฉายตะวันมองนุ้ยอย่างระวังตัว ดวงจำฉายตะวันได้ รีบกระซิบบอกนุ้ย
“ป้าคนนี้เป็นแม่ไอ้เจ้าของที่ซอยมหาลาภ”
ก๋อยกระซิบด้วย “ลูกชายมันคนที่ซ้อมพี่ดวงที่โรงแรมม่านรูดเมื่อวานนี้ไงป๋า”
นุ้ยพยักหน้า “อ๋อ....” ลากเสียงยาวแล้วมองมาอย่างน่ากลัว
ฉายตะวันสยอง ตัวลีบเล็กแต่ก็ฝืนทำเป็นเด็ดเดี่ยว กิมเอ็งกับมิ้วที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังฉายตะวันดันๆ ให้ฉายตะวันพูด
กิมเอ็งบอกเบาๆ “เข้าเรื่องเลยค่ะคุณพี่”
มิ้วพูดเบาๆ ด้วย “พูดเลยค่ะคุณป้า จะได้รีบกลับ” พลางมองไปรอบๆ อย่างสยอง “ที่นี่มันรังโจรชัดๆ”
ฉายตะวันบอกกับนุ้ย “ฉันมาที่นี่ เพราะฉันมีธุระสำคัญจะคุยกับกะละแม”
นุ้ยยิ้มร้ายออกมา “สำคัญหรือไม่สำคัญก็ไม่สำคัญ ตอนนี้นังร่างทรงมันเป็นคนของฉัน มันไม่มีสิทธิ์มีธุระกับคนอื่น”
ดวงผสมโรง “ใช่...โดยเฉพาะกับลูกชายป้า กลับไปบอกมันด้วยว่าอย่ามายุ่งกับน้องกะละแมอีกไม่งั้น...ตาย” ท้ายประโยคดวงทำเสียงโหดเหี้ย...มใส่
กิมเอ็งกับมิ้วมองดวงแบบหวาดๆ
“พวกคุณไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้จะมาเอาตัวกะละแมกลับไป” ฉายตะวันเชิดหน้า พูดด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว “ฉันมาเพื่อที่จะบอกให้เค้าเลิกยุ่งกับลูกชายฉัน”
นุ้ย ดวง ก๋อย มองหน้ากันงงๆ
ก๋อยย้อนถามฉายตะวัน “อำหรือเปล่าป้า...ไม่เชื่อหรอก”
“นั่นสิ...เมื่อก่อนเห็นรักกันดี เดี๋ยวนี้ทำเป็นหมางเมิน โม้ป่าว” ดวงไม่เชื่อ
“ถ้าไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ฉันคุยกับกะละแม พวกคุณจะอยู่ฟังด้วยก็ได้
นุ้ยคิดๆ ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“ไปเรียกนังร่างทรงมา”
“ครับป๋า” ลูกน้องเดินไป
ก๋อยท้วง “ป๋าคิดไงยอมพวกมันง่ายๆ เสียเชิงมาเฟียหมด”
“ก็ให้มันคุยกันให้จบๆ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก” นุ้ยหันมาบอกฉายตะวัน “เชิญเข้ามาในบ้านก่อน”
จากนั้นนุ้ยเดินนำฉายตะวันเข้ามาในบ้าน
ฉายตะวัน มิ้ว และกิมเอ็ง เดินตามไปท่าทางกลัวๆ และไม่ไว้ใจ นุ้ยเองก็ไม่ไว้ใจพวกฉายตะวันเหมือนกัน
เจ้าแม่จำเป็น ตอนที่ 16 (ต่อ)
ฉายตะวัน มิ้ว และกิมเอ็ง ยืนรอกะละแมอยู่... มีนุ้ย ดวง และก๋อยยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ ครู่หนึ่งกะละแมเดินตามหลังลูกน้องนุ้ยออกมา หน้าตางงๆ คิดไม่ออกว่าใครมาหา...แต่แล้วกะละแมก็งงหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นฉายตะวันยืนอยู่กับมิ้วและกิมเอ็ง ก็ตกใจ
“คุณนายเข้ามาที่นี่ทำไมคะ ที่นี่มันอันตรายมากนะคะ”
ฉายตะวันสวนกลับหน้านิ่ง “เธอไม่ต้องมาเล่นละครแกล้งทำเป็นห่วงฉันอีกแล้ว...ฉันไม่เชื่อ”
กะละแมสะอึก กิมเอ็ง กับมิ้วแอบแสยะยิ้มสะใจ
ฉายตะวันมองไปรอบๆ บ้าน “ไหนชิณว่าเธอกำลังเดือดร้อน ดิ้นรนจะต้องออกมาช่วยเธอให้ได้ แต่ที่ฉันเห็นเธอก็อยู่สุขสบายดี บ้านช่องใหญ่โต มีคนดูแลแน่นหนา”
กะละแมชะงัก...พูดไม่ออก
“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ตั้งแต่นี้ต่อไป อย่ามายุ่งกับลูกชายฉันอีก เธอต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอมเลิกยุ่งกับชิณก็บอกมาฉันยินดีจ่าย แต่ช่วยออกไปจากชีวิตลูกชายฉันด้วย”
กะละแมอึ้ง...หน้าชา น้ำตารื้นแต่ก็พยายามกลั้นไว้ แล้วพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“ได้ยินมั้ยคุณพี่บอกให้เธอออกไปจากชีวิตคุณชิณ” กิมเอ็งแดกดัน
ดวงยืนอยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาเสือก
“นี่ซิ้มพูดดีๆ หน่อย” กิมเอ็งสะอึก ‘ใครซิ้ม’? “ใครออกไปจากชีวิตใครกันแน่...ไอ้คุณชิณนั่นแหละต้องออกไปจากชีวิตน้องกะละแมว่าที่เมียฉัน”
มิ้วนึกแผนการอะไรบางอย่างได้ เลยแกล้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือ แล้วแอบถ่ายคลิปกะละแมไว้ กะละแมมองไปเห็นว่ามิ้วแอบถ่ายคลิปอยู่ รู้ทันทีว่าจะต้องเอาไปให้ชิณดู กะละแมเลยยิ่งพยายามเล่นละครเพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบ
กะละแมพูดกับกิมเอ็ง “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงคุณนายไม่บอก ฉันก็ไม่คิดจะกลับเข้าไปในชีวิตคุณชิณอีกแล้ว จะบอกให้ก็ได้ว่าที่ผ่านมา ฉันหลอกใช้คุณชิณ และตอนนี้คุณชิณก็ไม่มีประโยชน์กับฉันอีกแล้ว”
ฉายตะวันอึ้ง ไม่อยากเชื่อ
กิมเอ็งแกล้งพูดชงเต็มที่ “เพราะมีไอ้กล้ามปูนี่มันเป็นเป้าหมายใหม่ของเธอใช่มั้ย ถึงได้ยอมเลิกเกาะคุณชิณง่ายๆ” กิมเอ็งปิดจ๊อบด้วยการยิ้มเยาะ
ดวงฉุน “ใครเรียกกล้ามปู! เค้าเรียกว่าฟิตแอนด์เฟิร์ม” พร้อมกับถกแขนขึ้นโชว์กล้าม
กะละแมยอมรับ “ใช่! ตอนนี้ฉันกำลังคบหาดูใจอยู่กับพี่ดวง (หันมาเกาะแขนดวง ทำเป็นโชว์) พี่ดวงรักฉัน และก็ดีกับฉันมาก...”
ดวงอึ้งๆ งงๆ บุญหล่นทับ รีบฉวยโอกาสโอบกอดกะละแมกลับ แสดงความเป็นเจ้าของสุดฤทธิ์กะละแมอึดอัดแต่ก็ยอมปล่อยเลยตามเลย เพราะอยากให้ฉายตะวันสบายใจ
ฉายตะวันอึ้ง แปลกใจ มิ้วได้ที เลยรีบแอบถ่ายคลิปต่อ
กิมเอ็งช่วยชงคำถาม “สรุปที่ผ่านมาแกหลอกคุณชิณ”
“ใช่ค่ะ...ฉันหลอกคุณชิณ ฉันหลอกทุกคน ช่วยไม่ได้คุณชิณอยากโง่เอง ดันเชื่อฉันง่ายๆ ยังไงก็ฝากบอกคุณชิณด้วยว่าขอบคุณที่ยอมโง่ให้ฉันหลอก แล้วบอกด้วยว่าเลิกยุ่งกับฉันสักที เพราะก็ฉันเบื่อกับพวกคุณเต็มทน” กะละแมบอกช้าๆ ชัดๆ “ฉันต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่ดวงที่นี่”
ฉายตะวัน มิ้ว และกิมเอ็ง อึ้งที่กะละแมพูดแบบนี้
“ถ้าพวกคุณหมดธุระ ก็เชิญกลับไปได้แล้ว!” กะละแมทำเป็นแข็งกร้าวแต่ในใจรู้สึกผิดสุดๆ
“ไม่ได้ยินเหรอ น้องกะละแมบอกให้กลับไปได้แล้ว” ดวงหันไปสั่งลูกน้อง “ส่งแขก”
สมุนดวงเดินมาไล่ ฉายตะวัน มิ้ว และกิมเอ็ง สามคนเลยต้องรีบเดินออกไป
ฉายตะวัน มิ้ว กิมเอ็งเดินออกมาจากบ้านนุ้ย มิ้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่แอบถ่ายคลิปออกมาดูอย่างภูมิใจ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะคุณแม่ ว่านังกะละแมมันจะโง่ พูดออกมาจนหมดเปลือกจนเราได้หลักฐานชิ้นสำคัญแบบนี้”
กิมเอ็งตั้งข้อสังเกตเสริม “แต่คุณแม่ว่ามันแปลกๆนะคะ ที่ยัยร่างทรงมันพูดด่าตัวเองเป็นคนเลวอย่างโน้นอย่างนี้ แถมยังด่าคุณชิณอีก ดูโง่ๆผิดฟอร์มมันยังไงไม่รู้”
มิ้วตัดบท “อย่าคิดมากเลยค่ะคุณแม่...มันพูดอย่างนั้นก็ดีแล้ว ไม่งั้นเราก็ไม่ได้หลักฐานที่จะทำให้พี่ชิณตาสว่างนะคะ” หันไปหาฉายตะวัน “จริงมั้ยคะคุณป้า”
ฉายตะวันนิ่ง เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ไม่อยากเชื่อว่ากะละแมจะร้ายขนาดนี้
มิ้วเรียกซ้ำอีก “คุณป้าคะ...คุณป้า”
“หะ? หนูมิ้วว่าอะไรนะ”
“คุณป้าเป็นอะไรคะเนี่ย ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
มิ้วกิมเอ็งมองฉายตะวันสงสัยๆ
ด้านกะละแมนั่งเศร้าน้ำตาซึม ได้ดวงพยายามปลอบ
“โธ่...ไม่เอาไม่ร้องไห้นะจ๊ะน้องกะละแม ....มามะ พี่ดวงให้ยืมไหล่ซับน้ำตา”
“ไม่ต้อง” กะละแมเผลอทำเสียงดุ ดวงสะดุ้ง
“อะไรอ่ะ เมื่อกี้ยังหวานซี๊ดกะพี่ดวงอยู่เลย”
นุ้ย ก๋อย เดินมากวนตีน มาซ้ำเติม
“เป็นยังไง...โดนผู้ดีเค้าเฉดหัวส่ง...ถึงกับอึ้งไปเลย” นุ้ยเปิดก่อน
ก๋อยหัวเราะเยาะ เป็นลูกคู่ “คริคริ สมน้ำหน้า”
กะละแม รีบปาดน้ำตาทิ้ง มองค้อนก๋อยอย่างแค้นๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ” กะละแมจะไปนุ้ยเรียกไว้
“เดี๋ยว...จะรีบไปไหน...คุยกันให้จบก่อนสิ... จะว่าไปแล้ว คนปลิ้นปล้อนหลอกลวงอย่างแกมันก็เหมาะกับลูกชายข้า” ดวงสะดุ้ง ชมหรือด่าวะ “ตอนนี้แกก็หมดที่พึ่งแล้ว ทางที่ดี ยอมเป็นพวกเดียวกับข้าดีกว่า เผื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้น”
นุ้ยเกลี้ยกล่อมกะละแมต่อ
“ฉันก็อยู่นี่แล้วไง...จะให้ทำอะไรอีก”
“ก็ทำสิ่งที่แกถนัด...” นุ้ยเน้นคำชัดๆ “กลับมาเป็นร่างทรงหลอกชาวบ้าน เอาเงินมันมาให้ข้า...ช่วยกันทำมาหากิน ของง่ายๆ ที่แกชำนาญ แค่สั่นๆ” นุ้ยทำท่าสั่นเป็นร่างทรงประกอบ “สองสามที ก็ได้เงิน เห็นมะ...ไม่ยาก”
กะละแมอึ้ง...นุ้ยขายของต่อ
“ยังไงพวกแกก็ไม่มีที่ไปแล้ว...ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ต่อก็ต้องถือคติ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”
“ป๋า ปั้นอย่างอื่นได้มั้ยหนูไม่ชอบเล่นควาย...หนูชอบเล่นอย่างอื่นมากกว่า” ดวงมองกะละแมแล้วยิ้มหื่น
นุ้ยหันมาด่าดวง “นี่มันสำนวนโว้ย” แล้วเล่นงานกะละแมต่อ “ข้าจะไม่ถามหรอกนะว่าจะทรงหรือไม่ทรง แต่ข้าจะถามว่า จะทรงดีๆ หรือ จะทรงด้วยเลือด” นุ้ยยิ้มร้ายขู่
กะละแมคิดๆ...ในแววตามีความเข้มแข็ง แฝงความแค้นอย่างเห็นได้ชัด
เวลาเดียวกัน ทรงวุฒิเดินถือแฟ้มเอกสารเข้ามาในบ้านมหาทรัพย์ไพศาล แจ่มเดินเข้ามารับ
“สวัสดีค่ะคุณทรงวุฒิ”
ทรงวุฒิฉันเอาเอกสารมาให้คุณชิณเซ็นต์ คุณชิณล่ะ
แจ่มกำลังจะอ้าปากตอบ ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกประตูดัง...พลั่กๆๆๆ เสียงนั้นดังมาจากชั้นสอง แจ่มกับทรงวุฒิตกใจ แหงนหน้ามองไปที่ต้นเสียงชั้นสอง
“คุณชิณ”
แจ่มกะทรงวุฒิตาเหลือก รีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง อย่างรีบร้อน
ชิณถูกขังอยู่ในห้อง กำลังตั้งท่าวิ่งเข้าชนประตูอย่างแรง...เสีบยงดังพลั่ก!
ทรงวุฒิ แจ่ม วิ่งขึ้นมาหยุดที่หน้าห้องชิณ และมองหน้ากันเอาไงดี
ชิณตะโกนออกมาจากในห้อง “ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะวิ่งชนประตูไปเรื่อยๆ จนกว่าฉันหรือประตูจะพังกันไปข้างนึง” จากนั้นก็มีเสียงดังพลั่ก
ทรงวุฒิพยายามกล่อม “หยุดเถอะครับคุณชิณ...ทำแบบนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกครับ...เจ็บตัวเปล่าๆ”
“ใช่ค่ะคุณชิณ พอเถอะค่ะ แจ่มขอร้อง...”
ชิณยังวิ่งชนประตูอยู่ไม่ลดละ เสียงดังปึงปัง
แจ่มตะโกนออกมาจากหน้าห้อง “คุณชิณทำอย่างนี้เจ็บตัวเปล่าๆ นะคะ”
ชิณชนจริงเจ็บจริง เริ่มคิดได้...และยอมหยุดแบบมีฟอร์ม
“ฉันยอมหยุดก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าพวกเธอต้องหาอะไรบางอย่างมาให้ฉัน” ชิณบอก
แจ่มและทรงวุฒิอยู่ที่หน้าห้องชิณ มองหน้ากัน ‘ชิณจะเอาไรวะ’
เวลาผ่านไปแจ่ม กับทรงวุฒิยืนอยู่ในสวน บริเวณที่ตรงกับหน้าต่างห้องชิณ ข้างๆเห็นว่ามีตะกร้อสอยมะม่วงพิงกำแพงไว้อยู่
แจ่มกอดโทรศัพท์มือถือของตนไว้อย่างอาลัยอาวรณ์ บ่นๆ
“เอาโทรศัพท์แจ่มให้คุณชิณ แล้วแจ่มจะใช้อะไรคุยกับพี่เบิ้มหน้าปากซอยล่ะ”
ทรงวุฒิทำเป็นปลอบ “ฉันก็อยากให้โทรศัพท์ฉันหรอกนะ แต่โทรศัพท์ฉันต้องเอาไว้ติดต่อกับลูกค้า อย่าลีลาเลย เดี๋ยวคุณท่านกลับมาแล้วจะซวยกันหมด”
ทรงวุฒิดึงโทรศัพท์จากมือแจ่ม แล้วมาใส่ในปากตะกร้อสอยมะม่วง
ชิณรออยู่ที่หน้าต่างห้องชั้นสอง ขณะตะโกนลงมา
“ถ้าส่งโทรศัพท์ให้ผมทางประตูก็หมดเรื่อง วุ่นวายจริง”
ทรงวุฒิที่อยู่ข้างล่าง ตะโกนตอบชิณที่อยู่ข้างบน
“ผมรู้ทันคุณชิณหรอก ถ้าผมเปิดประตูคุณชิณก็จะหนีออกมา เพราะฉะนั้น เพื่อความไม่ประมาทวิธีนี้ดีที่สุด”
ชิณมองทรงวุฒิเซ็งๆ ทรงวุฒิค่อยๆยื่นตะกร้อสอยมะม่วง ไปที่หน้าต่างห้องชิณ ชั้นสอง
แจ่มมองตามโทรศัพท์ตัวเองที่อยู่ในปากตะกร้อ กำลังถูกส่งไปที่ห้องชิณอย่างอาลัยอาวรณ์ ตะกร้อขึ้นมาถึงที่หน้าต่างพอดี ชิณหยิบโทรศัพท์มาจากปากตะกร้อ ที่ด้านล่างทรงวุฒิเก็บตะกร้อสอยมะม่วงลงมา แจ่มมองตามเห็นว่าชิณรับโทรศัพท์แล้วก็โล่งอก
“เฮ้อ....” แจ่มตะโกนบอกชิณ “เบอร์คุณแมอยู่ในเครื่องนะคะ ส่วนเงินในโทรศัพท์แจ่มเหลือแค่สิบบาท แจ่มใช้โปรฯ แบบไม่เหมาๆนาทีละสามบาท คุณชิณคุยได้สามนาทีเท่านั้น ทำเวลาด้วยนะคะ” แจ่มนึกได้ “แล้วก็อย่าลืมเติมเงินคืนแจ่มสามเท่า รวมค่ายืมเครื่องเบ็ดเสร็จสองร้อยบาทถ้วนค่ะ” ชิณปรายตามองดุๆ แจ่มยิ้มเจื่อน อู้ย... “แจ่มล้อเล่นค่ะ”
ชิณได้โทรศัพท์ก็รีบกดโทรศัพท์หากะละแมทันที
ขณะเดียวกันภายในห้องพักโต๊ด กะละแมกำลังนั่งเครียดเรื่องฉายตะวันอยู่ เสียงโทรศัพท์กะละแมดังขึ้น กะละแมมองไปที่หน้าจอ เห็นว่าเป็นชื่อแจ่ม กะละแมตัดสินใจรับโทรศัพท์ แต่กลับได้ยินเสียงชิณพูดขึ้นมา
“ฮัลโหล กะละแม...”
กะละแมได้ยินเสียงชิณก็อึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก...
“กะละแม...กะละแม...ได้ยินฉันมั้ย นี่ฉันเองนะ”
กะละแมตัดใจกดตัดสายโทรศัพท์เศร้าๆ
ชิณกดโทรออกหากะละแมอีกครั้งด้วยความร้อนใจ กะละแมกดตัดสายโทรศัพท์อีกครั้ง กดปิดเครื่อง แล้วก็เอาไปยัดไว้ในลิ้นชัก
ตุ้งแช่นอนอยู่ ส่วนโต๊ดติ่งก็นั่งเบียดกันอยู่ที่เตียง และมองอาการกะละแมงงๆ
ชิณโทรหากะละแมอีกครั้ง แต่กะละแมปิดเครื่อง ชิณหงุดหงิด ยิ่งร้อนใจ
“เธอตั้งใจจะหนีฉันใช่มั้ยกะละแม” ชิณครวญ
ตุ้งแช่ยังคงนอนพักฟื้นอยู่ ส่วนโต๊ด ติ่ง มองหน้ากันสงสัยๆ ติ่งทนความอยากรู้ไม่ไหว ถามขึ้นเป็นคนแรก
“ใครโทร.มาวะ ทำไมไม่รับ” ติ่งสงสัย
“คุณชิณโทรมาน่ะแต่ฉันไม่กล้ารับหรอก...คุณนายมาพูดกับฉันขนาดนี้แล้ว ฉันยังจะมีหน้าไปคุยกับลูกชายเค้าอีกได้ไง” กะละแมบอกขณะเดินมานั่งใกล้ๆ พวกโต๊ดหน้าเศร้าๆ
“เฮ้อ....เวรกรรมของเอ็ง....” โต๊ดนึกได้ “เอ่อ...แล้วเรื่องเข้าทรงน่ะ เอ็งคิดยังไงถึงได้รับปากว่าจะเข้าทรงอีกหะ..เอ็งก็รู้ว่าที่พวกมันทำแบบนั้นเพราะต้องการจะจับเอ็งไว้ไม่ให้ไปไหน... แล้วถ้าเอ็งหลวมตัวทำ มันก็จะยิ่งมีหลักฐานมันตัวเอ็งว่าเป็นพวกต้มตุ๋น เป็นเจ้าแม่กำมะลอนะเว้ย”
“ฉันรู้น้า”
“รู้แล้วทำไมถึงยังไปรับปากมันวะ” ติ่งงง
“เพราะฉันจะใช้วิธีเดียวกับที่มันคิด...แก้เผ็ดมัน” กะละแมมาดมั่น อย่างมีแผนแล้ว
โต๊ดงง “งงเว้ย...นี่เอ็งไม่ต้องพูดให้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนได้มั้ย บอกมาตรงๆเลยมา เอ็งจะทำไงห๊ะ”
“ฉันก็จะให้ตำรวจเข้ามาจับพวกมันเข้าคุกน่ะสิ”
ติ่งกะโต๊ดร้องเสียงดัง “จับเข้าคุก”
กะละแมเซ็ง “เบาๆ สิน้า พูดเสียงดัง เดี๋ยวพวกมันก็ได้ยินกันหมดหรอก”
ติ่งถามเบาๆ “ตำรวจจะเข้ามาในนี้ได้ยังไงถึงตำรวจจะมาจริง แกคิดเหรอว่า คนอย่างพวกมันจะยอมให้จับง่ายๆ”
โต๊ดเห็นด้วย “ใช่! อีกอย่างพวกมันเส้นใหญ่จะตาย อาจจะมีสายเป็นตำรวจอยู่ก็ได้ ถ้าเราแจ้งผิดแจ้งถูก มันรู้ขึ้นมาจะซวยกันหมดนะเว้ย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีตำรวจที่ไว้ใจได้” กะละแม เอานามบัตรนายตำรวจออกมา “ตำรวจคนนี้อยากกวาดล้างแก๊งค์ป๋านุ้ยอยู่ เค้าต้องช่วยเราแน่ๆ...” ติ่งโต๊ดดีใจ แต่กะละแมขัดขึ้น “แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่างานนี้มันต้องมีหน่วยพลีชีพ ยอมเสียสละออกไปหาตำรวจ” พูดจบกะละแมมองไปที่ติ่ง
ติ่งหุบยิ้มทันที “แกมองฉันแบบนี้หมายความว่าไงวะ อย่าบอกนะว่า...”
“ฉันจะให้พี่ติ่งเอาของสำคัญออกไปให้ตำรวจคนนี้! แล้วก็บอกแผนการของเราทั้งหมด”
ติ่งตกใจ “แกจะบ้าเหรอ...ไม่เห็นหรือไง...สมุนไอ้ป๋านุ้ยมันยืนกันแน่นแบบนี้ มดสักตัวยังเดินออกไปไม่ได้เลย...แล้วแกจะให้ออกไปไงวะ”
“ฉันมีวิธี...” กะละแมยิ้มเจ้าเล่ห์
ติ่งเครียด โต๊ดมองหน้าติ่ง ‘จะรอดมั้ยวะ’
ต่อมาไม่นาน ดวงยิ้มแป้น...ปากแทบจะฉีกถึงรูหู
“แหม...น้องกะละแมนึกยังไงจ๊ะ ถึงได้ชวนพี่ดวงออกไปชอปปิ้ง”
เวลาต่อมาที่บริเวณหน้าบ้าน ดวงเดินควงกะละแมมาที่รถเก๋งคันหรูที่จอดคู่กับรถกระบะ กะละแมเหลือบมองมาทางติ่งที่กำลังหมอบคลานมาที่รถกระบะ
กะละแมตอบติ่ง “แหม...ก็ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ...ก็พรุ่งนี้ฉันต้องทำพิธีทรง แต่ก็ยังไม่มีของทำพิธี ก็เลยอยากชวนพี่ดวงไปซื้อของทำพิธีด้วยกัน หรือว่าพี่ดวงไม่อยากไปกับฉันจ๊ะ” แล้วทำเป็นงอนเดินหนีไปอีกทาง เพื่อดึงดูดความสนใจดวง
ได้ผลดวงต้องรีบเดินตามไปง้อ ติ่งได้ที รีบย่องมาขึ้นท้ายรถกระบะ
“เปล่านะ! พี่ดวงอยากไปสิ ทำไมไม่อยากไป พี่ดวงก็แค่สงสัยแค่นั้นเอง”
“พี่ดวงสงสัยในความรักของฉันเหรอ” ทำงอนหนักไปอีก
ดวงรีบง้อ “พี่ดวงขอโทษ พี่ดวงจะไม่สงสัยแล้ว... อย่าเพิ่งงอนสิ มามะ พี่ดวงขับรถไปให้...ไปกันเลยมั้ยจ๊ะ”
จากนั้นดวงเดินไปเปิดตูรถเก๋งให้กะละแม กะละแมช็อก ฉิบหายพี่ติ่งอยู่รถกระบะนี่หว่า
กะละแมยังยืนนิ่ง ค้างอยู่ ‘เอาไงดีวะ’ กะละแมพยายามแถ
“เอ่อ... แต่ฉันอยากนั่งคันนี้” ชี้ไปที่รถกระบะ “เราไปคันนี้เถอะนะพี่ดวง” ลากดวงไปที่รถกระบะ
“แต่ไหนๆ จะไปเดทกับน้องกะละแมทั้งที ก็ต้องใช้รถหรูหน่อย”
“แต่กะละแมชอบคันนี้ กะละแมเคยฝันว่าอยากจะเดทกับคนรักด้วยรถสปอร์ตเปิดประทุนแบบนี้น่ะจ๊ะโรแมนติกดี”
“อ๊ะอ๊ะอ๊ะ...ถ้าน้องแมว่างั้น พี่ดวงก็ไม่ขัดข้องจ๊ะ”
ดวงยอม ยิ้มกริ่มเดินพรวดมาที่รถเพื่อเปิดประตูให้กะละแม ติ่งรีบหมอบมุดเข้าไปแบบสุดๆ จนหัวไปชนกับกระบะ ดัง
โป้ก!
ดวงสะดุ้ง! “เอ๊ะ...เสียงอะไร”ทำท่า จะเดินไปดู
กะละแมรีบจับไว้ “พี่ดวงอย่าไปเลยจ้ะ เสียเวลาฉันต้องซื้อของอีกเยอะ...เสียงตุ๊บตั๊บนิดๆ หน่อยๆ ไม่มีอะไรหรอก...ก็คงจะเป็นลูกมะพร้าวตกน่ะจ๊ะ” ดวงงงๆ มีต้นมะพร้าวตรงไหนฟะ “เรารีบไปกันเถอะ”
กะละแมรีบลากดวงมา แต่ดวงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“แต่พี่ดวงว่า....เสียงมันดังที่ท้ายรถนะ”
กะละแมดุ “ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงเล่า”
ดวงสะดุ้งหน้าซีด ดุฉิบหาย “ไม่มีก็ไม่มี....ไปจ๊ะไป”
ดวงรีบเปิดประตูให้กะละแม กะละแมขึ้นรถไป แต่ดวงก็แอบเหล่ๆหลังรถ
กะละแมเสียงดัง “พี่ดวง”
“จ๊ะ ไปจ๊ะ”
ดวงขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างแรง
ที่ท้ายรถเห็นติ่งหน้าทิ่ม กลิ้งไปตามแรงของรถ
ด้านชิณโทรหากะละแมไม่ติด ก็หงุดหงิด ยิ่งอยากออกจากห้องหนักกว่าเก่า
“แจ่มเปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันจะออกไปหากะละแม”
ทรงวุฒิ กับแจ่มพยายามเกลี้ยกล่อมกับชิณสุดชีวิต
“ไหนคุณชิณบอกว่าถ้าให้โทรศัพท์แล้วคุณชิณจะไม่ทำอย่างนี้แล้วไงคะ”
“ใช่ครับ คุณชิณหยุดเถอะครับ คุณชิณโวยวายอย่างนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะครับ”
ชิณโวยวายอยู่ในห้อง
“ไม่รู้ล่ะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันจะออกไปหากะละแม... ไม่เปิดเหรอ นี่แน่ะ”
ชิณทุ่มเทสุดตัววิ่งใส่ประตู
แจ่ม ทรงวุฒิอยู่ที่หน้าห้อง สะดุ้งตามเสียงกระแทกของประตู
ทันใดนั้นเอง เสียงของฉายตะวันก็ดังขึ้น
“เปิดประตูให้ชิณ”
ทรงวุฒิ แจ่มหันมาตามเสียง เห็นฉายตะวัน เดินมาพร้อมกับมิ้วกิมเอ็งที่เดินขนาบข้าง
แจ่มแปลกใจ “เปิดประตูเหรอคะ”
“ใช่”
ชิณกำลังตั้งหลัก และพุ่งเข้าหาประตูสุดแรง ด้วยเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน ประตูก็ถูกเปิดออก...ชิณถลาเบรคไม่ทัน พรวดออกไปชนกับทรงวุฒิเข้าเต็มแรง...และล้มกลิ้งกันไป
“ว้าย...พี่ชิณ”
ชิณรีบลุกขึ้น และหันมาเผชิญหน้ากับฉายตะวัน
ชิณรัวเป็นชุด “แม่ขังผมไว้เป็นเด็กๆ แบบนี้ได้ยังไงครับ...ผมโตแล้วนะครับ เราน่าจะพูดกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่มาบังคับกันแบบนี้...” ชิณหยุดหายใจ แล้วพูดต่อ “และที่ผมจะออกไปก็เพื่อช่วยกะละแม กะละแมกำลังตกอยู่ในอันตราย เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ”
“ชิณไม่ต้องห่วงเด็กนั่นหรอก...เค้ายังสบายดีอยู่ครบสามสิบสอง ไม่มีแม้แต่รอยแมวข่วน” ฉายตะวันบอก
ชิณ แจ่ม และทรงวุฒิสงสัย
“แม่รู้ได้ยังไง”
“แม่เพิ่งไปเจอเด็กนั่นมาเมื่อกี้นี้เอง”
“ผมไม่เชื่อว่ากะละแมจะไม่เป็นไร...ผมจะไปหากะละแม ผมจะไปดูด้วยตาตัวเอง”
“ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลาหรอกค่ะพี่ชิณ มิ้วถ่ายคลิปมาให้พี่ชิณดูแล้ว พี่ชิณจะได้เห็นกับตา และจะได้รู้ซักทีว่านังกะละแมมันสบายดีมากแค่ไหน”
ชิณแปลกใจ
“นี่ค่ะพี่ชิณ...” มิ้วส่งโทรศัพท์มือถือให้ชิณดู “ดูให้เต็มตาเลยค่ะพี่ชิณ”
ชิณมองไปที่โทรศัพท์มือถือมิ้ว
เจ้าแม่จำเป็น ตอนที่ 16 (ต่อ)
ที่จอโทรศัพท์มือถือ เห็นภาพกะละแมยืนอยู่ข้างดวง กะละแมพูดกับกิมเอ็ง
“จะบอกให้ก็ได้ว่าที่ผ่านมา ฉันหลอกใช้คุณชิณ และตอนนี้คุณชิณก็ไม่มีประโยชน์กับฉันอีกแล้ว...ตอนนี้ฉันกำลังคบหาดูใจอยู่กับพี่ดวง” หันมาเกาะแขนดวง ทำเป็นโชว์ “พี่ดวงรักฉัน และก็ดีกับฉันมาก”
ดวงอึ้งๆ งงๆ แต่บุญหล่นทับ จึงรีบฉวยโอกาสโอบกอดกะละแมกลับ แสดงความเป็นเจ้าของสุดฤทธิ์ กะละแมตอแหลต่อ
“ฉันหลอกคุณชิณ ฉันหลอกทุกคน ช่วยไม่ได้คุณชิณอยากโง่เอง ดันเชื่อฉันง่ายๆ ยังไงก็ฝากบอกคุณชิณด้วยว่าขอบคุณที่ยอมโง่ให้ฉันหลอก แล้วบอกด้วยว่าเลิกยุ่งกับฉันสักที เพราะก็ฉันเบื่อเต็มทนกับพวกคุณแล้วเหมือนกัน” คำนี้กะละแมพูดช้าๆชัดๆ “ฉันต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่ดวงที่นี่”
สีหน้าชิณเต็มไปด้วยความสับสนอย่างบอกไม่ถูก ‘เป็นไปได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อ’
รถดวงขับเข้ามาจอดในที่จอดรถในตลาด ดวงกับกะละแมลงมาจากรถแล้วเดินออกไป ติ่งโผล่หน้าออกมาจากท้ายกระบะ มองไปที่กะละแมกับดวง
กะละแมแอบหันหลังกลับมามองที่ติ่ง เห็นติ่งชูนิ้วว่าโอเคกลับให้กะละแม ‘ok’ กะละแมจึงพยักหน้ากลับให้ติ่งแล้วรีบพาดวงออกไป
พอกะละแมกับดวงเดินพ้นสายตา ติ่งก็กระโดดลงมาจากท้ายรถกระบะ
ชิณยังคงนั่งอึ้งหมดแรง...สับสน...ฉายตะวัน แจ่ม ทรงวุฒิ มองชิณด้วยความเป็นห่วง มิ้วกับกิมเอ็งรีบเข้ามายุชิณต่อ
“พี่ชิณขา มิ้วว่า...” มิ้วจ๊ะจ๋ายังไม่ทันจบชิณเสียงดัง
“หยุด! ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว....พี่ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น”
“แต่คุณชิณคะ...” กิมเอ็งแทรกขึ้นแต่ยังไม่ทันจบ
“ขอร้องล่ะครับ กลับบ้านไปให้หมดทุกคน...ผมอยากอยู่คนเดียว”
ชิณเห็นไม่มีใครออกไป ก็รำคาญ เลยตัดสินใจเดินออกไปเองด้วยความเศร้าและสับสน ฉายตะวันมองตามชิณด้วยความเป็นห่วง มิ้ว กิมเอ็งมองหน้ากัน...แล้วหันมายุทางฉายตะวันต่อ
“คุณพี่คะ...” กิมเอ็งยังไม่ทันจบ
ฉายตะวันขัดขึ้น “หยุด!...ฉันเองก็ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น....และขอให้ทุกคนกลับบ้านไปตามที่ชิณบอก...ฉันอยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน”
ฉายตะวันเดินออกไป..แจ่มตามไปด้วย
มิ้วกับกิมเอ็งหันมามองหน้ากันแอบหน้าเสียนิดๆ โดนไล่ แต่ไม่ยอมรับความจริง หันมาโบ้ย ด่าทรงวุฒิ
“นี่คุณป้ากับพี่ชิณเค้าไล่แล้ว...ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
ทรงวุฒิสะดุ้งมองหน้าสองแม่ลูก ‘เค้าไล่แกนั่นแหละ’
มิ้วหันมาชวนกิมเอ็ง “ถึงคุณป้าไม่ไล่พวกเรา แต่มิ้วว่าพวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ คุณป้ากับพี่ชิณจะได้มีเวลาครุ่นคิดอะไรต่อมิอะไร” มิ้วพูดแลดูดี มีมารยาทมาก
กิมเอ็งพยักหน้า “จริงค่ะคุณลูก ไปค่ะไป”
มิ้วกับกิมเอ็งเดินจากไปอย่างผู้ดีมีฟอร์ม ทรงวุฒิได้แต่มองตามสองแม่ลูกแล้วก็ส่ายหน้า ก่อนจะตามไป
เย็นนั้นเสียง ร.ต.ท.ชูวัฒน์พูดดังออกมา ที่หน้าสถานีตำรวจ
“ผมนี่แหละครับ ร้อยตำรวจโทชูวัฒน์ บำรุงสุข”
ร้อยตำรวจโท ชูวัฒน์ บำรุงสุข ที่เคยให้นามบัตรกะละแมไว้ เดินเข้ามา
“มีอะไรให้ผมรับใช้ ก็บอกมาได้เลยครับ ผมยินดีช่วยประชาชน”
ติ่งส่งนามบัตรให้ร.ต.ท.ชูวัฒน์ และพูดอย่างฮึกเหิม ประหนึ่งตัวแทนประเทศ
“กะละแมคนที่คุณตำรวจเคยให้นามบัตร ส่งผมมาบอกคุณตำรวจว่า ถ้าคุณตำรวจอยากรวบแก๊งป๋านุ้ย กะละแมจะให้ความร่วมมือกับคุณตำรวจเอง”
ร.ต.ท.ชูวัฒน์ตั้งใจฟังติ่ง ติ่งพูดต่อ
“พรุ่งนี้จะมีการทรงครั้งใหญ่ ถือเป็นโอกาสดีที่จะบุกเข้าไป ถ้าคุณตำรวจปลอมเป็นชาวบ้านเข้าไปในงานทรง รับรองว่าไอ้พวกนั้นมันไม่สงสัยแน่”
ติ่งกางแผนที่บ้านป๋านุ้ยบนโต๊ะให้ ร.ต.ท.ชูวัฒน์ดู แล้วอธิบายเป็นฉากๆประหนึ่งแม่ทัพใหญ่ วางแผนกลศึก
“นี่เป็นแผนที่บ้านป๋านุ้ย และทางเข้าออกทั้งหมด ส่วนตรงจุดสีแดงที่วงเอาไว้ตรงนี้คือ บ่อนของพวกมัน จะอยู่หลังบ้านที่ทำพิธี กะละแมจะช่วยดึงความสนใจทุกคนมาที่การทรง ให้คุณตำรวจฉวยโอกาสนี้แอบเข้ามาทางนี้” ติ่งชี้แผนที่ตามจุดต่างๆประกอบ
ร.ต.ท.ชูวัฒน์ถามย้ำ “แต่ไอ้บ้านนี้ผมเคยเข้าไปขอตรวจค้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบหลักฐานอะไรเลย คุณแน่ใจนะว่าวันพรุ่งนี้พวกไอ้ป๋านุ้ยจะไม่รู้ตัวแล้วเก็บข้าวของหนีไปก่อน”
ติ่งยืนยันเสียงหนักแน่นและจริงจัง
“แน่ใจสิครับ...เพราะแผนการบุกเข้าบ้านป๋านุ้ยวันพรุ่งนี้ มีแต่พวกผมและคุณตำรวจเท่านั้นที่รู้...รับรองคุณตำรวจสามารถรวบแก๊งนี้ได้แน่นอน...ฟันธง!” ติ่งฮึกเหิมมั่นใจสุดๆ
ร.ต.ท.ชูวัฒน์คิดๆ ‘เอาไงดี’ ขณะที่ติ่งมองหน้าตำรวจลุ้นๆ ‘ตำรวจจะว่าไง’
เวลายามเย็น ติ่งเดินออกมาจากสถานีตำรวจ พลันสายตาก็หันไปเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะ ติ่งนึกถึงมิ้วขึ้นมาทันที
“คุณมิ้ว”
ติ่งเดินตรงดิ่งไปที่ตู้โทรศัพท์...ดวงตาเป็นประกายคิดถึงมิ้ว
มิ้วนั่งทาเล็บสีหน้ามีความสุขสุดๆ ส่วนกิมเอ็งนั่งพอกหน้าอยู่
“วันนี้มิ้วฟินเหลือเกินค่ะคุณแม่ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้นังกะละแมมันไปแบบถาวร อย่าได้โผล่หัวกลับมาอีก”
“ใช่ค่ะ...ให้มันไสหัวไปไกลๆ เลย...ตอนนี้หน้าที่ของคุณลูกก็แค่ทำสวย รอเสียบอย่างเดียวเท่านั้น” กิมเอ็งหัวเราะโฮ๊ะๆๆ พอกหน้าอยู่ หน้าตึงหัวเราะไม่ถนัด
“ค่ะคุณแม่...มิ้วจะสวยจนพี่ชิณตะลึงเลยค่ะ”
มิ้วยิ้มหน้าบาน ลั้นลาสุดๆ
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือมิ้วก็ดังขึ้น มิ้วมองหน้าจอเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ ก็ลังเลไม่กล้ารับสาย
“ทำไมไม่รับล่ะคะคุณลูกขา”
มิ้วเหล่มองโทรศัพท์ “เบอร์ไม่คุ้น...พวกทวงหนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“อุ้ย ไม่น่าใช่หรอกค่ะ เพราะแม่เพิ่งจะเอากระเป๋าไปขายโปะไปก้อนนึง มันไม่น่ามาทวงนะคะ ลองรับเถอะค่ะ เผื่อจะเป็นคุณชิณหรือไม่ก็พวกป๋าๆ เสี่ยๆ ที่ตามจีบมิ้วอยู่ไงลูก คุยๆขำๆ ยืมเงินมาสักแสนสองแสนคุ้มจะตาย” แม่เลวดีเด่นสอนลูกสาวยอดกตัญญู
“จริงด้วยค่ะ คุณแม่พูดถูก รับเลยนะคะ” พลางมิ้วรีบรับโทรศัพท์ และพูดเสียงหวานสุดๆ “สวัสดีค่า”
ติ่งได้ยินเสียงหวานๆ ยิ้มหน้าบานอยู่ที่ตู้โทรศัพท์
“สวัสดีครับคุณมิ้ว”
มิ้วหุบยิ้มทันที
“นายติ่ง”
ติ่งยิ้มดีใจ ที่มิ้วจำเสียงได้
“ดีใจจังที่คุณมิ้วจำเสียงผมได้ เอ่อ...เห็นกะละแมบอกว่าเมื่อเช้าคุณมิ้วไปที่บ้านป๋านุ้ย เสียดายจังที่เราไม่ได้เจอกัน...คุณมิ้วน่าจะบอกผมก่อนว่าจะมาผมจะได้เตรียมต้อนรับให้สมเกียรติ”
“ที่ฉันไม่บอกก็เพราะฉันไม่อยากเจอแกไงล่ะ ไอ้หน้าโง่” เสียงมิ้วดังลอดออกมาจากโทรศัพท์
ติ่งสะอึก “เอ่อ...คุณมิ้วด่าผม เพราะคิดว่าผมเป็นนักต้มตุ๋นก็เลยโกรธใช่มั้ยครับ...ถ้าเป็นเรื่องนี้ ผมจะบอกได้เลยว่าคุณมิ้วเข้าใจผิด ที่ผมต้องทำทุกอย่างเพราะความจำเป็น....ผมถูกไอ้ป๋านุ้ยขู่บังคับให้ทำ”
ติ่งพยายามแก้ตัวสุดๆ
คุยๆ อยู่ยินเสียงตี๊ดจากตู้โทรศัพท์เตือนว่าเงินจะหมดแล้ว ติ่งรีบหยอดเหรียญเพิ่ม มิ้วเซ็ง
“ที่โทรมานี่จะบอกแค่นี้ใช่มั้ย...ฉันจะบอกอะไรให้ จะได้หายโง่สักที... ฉันไม่เคยคิดพิศวาทแกเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างที่ผ่านมา ฉันทำเพราะต้องการกำจัดนังกะละแมออกจากชีวิตของพี่ชิณ และตอนนี้ฉันก็ทำสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้นแกอย่ามายุ่งกับฉันอีก...ฉันเกลียดแก...ฉันขยะแขยงคนจน รู้ไว้ซะด้วย”
ติ่งอึ้ง ชาไปทั้งตัว ช็อกคาตู้โทรศัพท์
“คะ...คะ...คุณมิ้วพูดเล่นใช่มั้ยครับ”
มิ้วด่าต่อชัดๆ
“ฉันพูดจริง! แกนี่มันโง่แล้วยังไม่รู้จักเจียมตัวเหมือนน้องสาวแกไม่มีผิด แกมีอะไรบ้างที่ฉันจะสนใจ นี่เปิดหูเปิดตาซะแล้วฟังให้ดีๆ คนที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วยมีแต่พี่ชิณ และคนที่รวยกว่าพี่ชิณเท่านั้น น้ำหน้าอย่างแกอย่ามาสะเออะ!”
ขาดคำมิ้วกดตัดสายโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
กิมเอ็งชมสุดฤทธิ์ “ด่าได้ดีมากค่ะคุณลูกขา...ใครที่หมดผลประโยชน์แล้วเราก็ต้องถีบหัวส่งแบบนี้นี้แหละถูกต้องที่สุด”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ขณะที่ติ่งอึ้ง เหวอ ยืนเข่าอ่อนอยู่คนเดียว...สิ่งที่ได้ยินแทบไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียวว่าจะเป็นจริง
ติ่งเดินเรื่อยเปื่อย เศร้า ซึม สลด น่าเวทนา...และดราม่าสุด สวมบทพระเอกมิวสิคเพลงอกหักรักคุด เห็นรถขับผ่านทับแอ่งน้ำ จนน้ำกระเด็นใส่ติ่ง แต่ติ่งก็ไม่รู้สึกรู้สมอะไร....จักรยานคันหนึ่งสั่นกระดิ่งไล่ให้หลีกทาง ติ่งก็ไม่รู้สึกอะไร...ถึงขนาดรถมอไซค์บีบแตร่ไล่ก็ไม่รู้สึกอะไรอีก
ติ่งคิดถึงมิ้ว ภาพจำที่แสนสวยงามของมิ้วแล่นเข้ามาในสมองบางวูบ สลับกับคำพูดที่แสบไปถึง
ลิ้นปี่ ทำให้ติ่งผิดหวังกับมิ้วจริงๆ
ครู่ต่อมาติ่งยังคงเดินอยู่อย่างเศร้าๆ รถเก๋งหลายคันที่ผ่านไปมา บีบแตร่ไล่เพราะติ่งเดินขวางทาง จนกระทั่งเป็นรถสิบล้อ บีบแตร่ตามหลัง ติ่งถึงได้สะดุ้งรู้สึกตัว ‘เกือบตาย’
ด้านกะละแมยืนอยู่ที่รถกระบะท่าทางลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวา ครู่ต่อมากะละแมเห็นติ่งเดินมาเบลอๆ เหมือนคนอกหัก กะละแมรีบเรียกและดึงติ่งมา
“พี่ติ่งทำไมมาช้าจัง เร็วๆ รีบขึ้นรถ เดี๋ยวไอ้ดวงมาเห็นก็จบเห่กันพอดี”
ติ่งเบลอเศร้าไม่ตอบอะไร...กะละแมรีบดันติ่งขึ้นท้ายรถกระบะ ดวงเดินมาพร้อมของกินในมือหลายอย่าง
“ของกินที่น้องกะละแมอยากกินมาแล้วจ้ะ” ดวงเห็นกะละแมยืนหลุกหลิกอยู่ท้ายกระบะก็สงสัย “เอ๊ะ...น้องกะละแมมายืนทำอะไรหลังรถจ๊ะ...จะเอาอะไรหรือเปล่า พี่ดวงเอาให้มั้ย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ...ฉันไม่ได้จะเอาอะไร ก็แค่เห็นหลังรถสวยดี” กะละแมรีบเปลี่ยนเรื่อง “ซื้อของเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ งั้นเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า...ไปจ้ะไป”
กะละแมดันหลังดวงไปขึ้นรถ...แล้วแอบเหล่ติ่งที่ซ่อนตัวอยู่ท้ายกระบะ กลัวดวงเห็น
ที่กลางซอยมหาลาภเวลาเดียวกัน ก๋อยถือโทรโข่ง มาป่าวประกาศ ชาวบ้านมามุงดูก๋อยกันเพียบ
“พรุ่งนี้ฤกษ์ดี วันดี วันมหามงคล ดาวศุกร์ชนดาวเสาร์ ดาวเสาร์ชนพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ทำมุมกับเนปจูน เจ้าแม่มหาลาภไทรทอง เจ้าเก่าคน เอ๊ย...องค์เดิมจะเสด็จลงมาประทับบนโลกมนุษย์อีกครั้ง โดยร่างทรงเจ้าเก่าคนเดิม กะละแม แม แม แม..” เสียงแอคโค่ดังลั่นซอย
ชาวบ้านส่ายหน้าแล้วบ่นๆ
“ไม่ไปแล้ว ครั้งที่แล้วลูกชายเจ้าแม่ก็ให้เลขอะไรมาก็ไม่รู้ ถูกแดกกันทั้งซอย”
ก๋อยพยายามโน้มน้าว “เอ่อ...ลูกเจ้าแม่อาจจะยังเด็กอยู่ เลยบวก ลบ คูณ หารเลขผิด ไม่แม่นเป๊ะเท่าเจ้าแม่ แต่ครั้งนี้ร่างทรงกะละแมทรงเอง เจ้าแม่ลงเอง ไม่ใช่ลูกเจ้าแม่เหมือนครั้งก่อน รับรองเป๊ะ...รวยยกซอยแน่นอนจ้า”
ชาวบ้านเริ่มลังเล
ก๋อยทำเป็นเชิดไม่ง้อ “ไม่ไปก็อย่าไป แต่ถ้าคนอื่นได้เลขเด็ดก็อย่ามาเสียดายทีหลังก็แล้วกัน”
ขณะนั้นอาม่ายืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ที่มุมหนึ่ง ได้ยินหมด
โต๊ดถามกะละแมด้วยความกังวล
“นี่ตกลงคืนนี้ไอ้ดวงมันจะมาหาเอ็งมั้ยวะนังกะละแม”
ติ่งกับกะละแมนั่งอยู่ใกล้ๆ ส่วนตุ้งแช่นอนอ่านหนังสือเรียนอยู่บนเตียง
“ฉันขอเลื่อนมันไปอีกวันจ้ะ...บอกว่าคืนนี้ฉันต้องทำสมาธิเตรียมทรงพรุ่งนี้...ตอนแรกมันก็จะไม่ยอม แต่ฉันก็แกล้งออดอ้อนจนมันยอม แต่ถ้าพรุ่งนี้แผนล้ม ก็ไม่รู้จะหามุกไหนมาต่อรองกับมันอีกแล้ว” กะละแมกลุ้มชะมัด
“ไอ้ดวงนี่มันหื่นจริงๆ” โต๊ดหันมาทางติ่ง “แล้วเอ็งล่ะ ไปหาตำรวจมา เป็นยังไงบ้าง”
ติ่งนั่งเหม่อลอย แววตาเศร้าๆ เหมือนไม่ได้ยินที่โต๊ดถาม กะละแมเรียกติ่งซ้ำอีกรอบ
“พี่ติ่ง...ตกลงไปคุยกับตำรวจแล้วเป็นยังไงบ้าง เค้ายอมร่วมมือกับเรามั้ย”
ติ่งหันมาหน้าเศร้า ตอบง่อยๆ “ก็ไม่เป็นไง เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าก็มา ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน”
กะละแมโล่งอก
“ถ้าเป็นไปตามแผนก็ดี...งั้นข้าจะไปเตรียมของทำพิธีพรุ่งนี้ก่อนนะ”
โต๊ดเดินออกจากห้องไป กะละแมหันมามองติ่ง...เห็นติ่งนั่งหน้าเศร้าเป็นหมาหงอยก็อดถามไม่ได้
“พี่ติ่งเป็นอะไร เห็นซึมตั้งแต่ขึ้นรถกลับมาแล้ว”
ติ่งบอกเสียงเศร้า “วันนี้ฉันโทรไปหาคุณมิ้ว แล้วเค้าก็ด่าฉันไม่ให้ฉันไปยุ่งกับเค้าอีก เค้าไม่เคยสนใจฉันเลย คนเดียวที่เค้ารักคือคุณชิณ...” กะละแมสะอึกนิดๆ “เค้าหลอกใช้ฉันเพื่อกำจัดแกให้ออกจากชีวิตคุณชิณ...ฉันโง่เองที่ไม่เชื่อแกตั้งแต่แรก”
กะละแมอึ้ง สงสารติ่ง
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนสวยจะใจร้ายแบบนี้ คุณมิ้วเค้าพูดกับฉันแบบไม่มีเยื่อใยเลย ทำไมวะ...คนจนมันไม่ดีตรงไหน แล้วเค้ายังด่ากระทบแกด้วยว่า ฉันกับแกน่ะไม่เจียมตัว” ติ่งหันมาหากะละแม “ถามจริงๆ แกชอบคุณชิณเค้าใช่ป่ะ คุณมิ้วเค้าถึงได้พูดแบบนั้น”
กะละแมอึกๆ อักๆ คิดๆ แล้วก็ตอบเสียงขรึม
“ฉันจะคิดยังไงกับคุณชิณมันไม่สำคัญหรอก เพราะถึงยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เรื่องของฉันกับคุณชิณ มันจบแล้ว ฉันไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ในหัวสมองฉันมีแต่เรื่องเข้าทรงวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...พรุ่งนี้ฉันต้องทำให้สำเร็จ”
ติ่งเห็นด้วย “เออจริงของแก ฉันจะไม่คิดนอกเรื่องไร้สาระอีกแล้ว” ติ่งพูดอย่างมาดมั่น “ต่อไปนี้ในหัวของไอ้ติ่งจะไม่มีเรื่องคุณมิ้วอีกแล้ว จะมีแต่เรื่องวันพรุ่งนี้” จับไหล่กะละแม “เราต้องทำให้สำเร็จ เพื่ออิสรภาพ! เสรีภาพ! และอนาคตที่สดใสของพวกเรา!”
ติ่งกับกะละแม ฮึกเหิมสุดๆ
คืนนั้นโทฟู่ตกใจมากเมื่อฟังอาม่าบอก
“หะ? อะไรนะม่า ไอ้แมจะทรงพรุ่งนี้”
สองคนอยู่ในชุดนอน...กำลังจะเตรียมเข้านอน
อาม่างง “ลื้อไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ว่าทำไมจู่ๆ อาแมถึงจะกลับไปทรงอีก มันยังไงกัน”
“ไม่รู้...ไอ้แมมันไม่ได้บอกอะไรฟู่เลย อยู่ๆมันก็หายไปเลย โทร.ไปก็ไม่ติด ทั้งพี่ติ่ง แช่ น้าโต๊ด ฉันติดต่อใครไม่ได้เลย ไอ้แมมันคิดจะทำอะไรของมัน”
โทฟู่ครุ่นคิดสีหน้าเครียดๆ
เช้านั้นจักกายรับโทรศัพท์ด้วยอาการประหลาดใจ
“วันนี้กะละแมเข้าทรงเหรอ” ฟังก่อนจะตอบ “ผมไม่รู้ว่าชิณรู้หรือเปล่า ถ้าคุณต้องการ ผมจะถามให้” จักกายฟังแล้วพูดตอบ “โอเคๆ แค่นี้ก่อน รู้เรื่องแล้วผมจะรีบติดต่อกลับ”
จักกายวางโทรศัพท์จากโทฟู่ แล้วโทร.หาชิณทันที
แต่โทรศัพท์ชิณวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉายตะวัน มีสายเรียกเข้า เป็นชื่อ “จักกาย” โทรศัพท์ดังแล้วเงียบไปเอง อยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีใครอยู่ในห้อง
จักกายยังพยายามโทร.หาชิณอยู่แต่ไม่มีคนรับสาย
“ทำไมไม่มีคนรับ”
จักกายกดตัดสาย แล้วหันไปคว้ากุญแจรถแล้วรีบออกจากคอนโดไปด้วยความร้อนใจ
ไม่นานต่อมารถจักกายแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านชิณ...จักกายลงจากรถ แจ่มรีบเดินออกมาต้อนรับ
จักกายถามอย่างร้อนรน “ชิณอยู่มั้ย”
“อยู่ค่ะ” แจ่มมีสีหน้าลำบากใจ “แต่...คุณท่านสั่งไม่ให้คุณชิณพบใครทั้งนั้น คุณกายมาใหม่วันหลังนะคะ”
จักกายมองซ้ายมองขวา เห็นว่าบ้านเงียบๆ “แล้วคุณป้าล่ะ”
“คุณท่านไม่อยู่ค่ะ ออกไปธุระตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” แจ่มบอก
“อ้าว...คุณป้าไม่อยู่ เพราะฉะนั้นคุณป้าก็ไม่รู้ไม่เห็น แล้วแจ่มจะกลัวอะไร ฉันขอคุยกับชิณแค่แป๊บเดียวแค่นั้นแหละ”
แจ่มมีท่าทางลังเลๆ
“ก็ได้ค่ะ...คุณกายรีบๆ หน่อยแล้วกันนะคะ คุณนายใกล้จะกลับมาแล้ว...เชิญทางนี้เลยค่ะ”
แจ่มเดินนำจักกายเข้าไปในบ้าน
เจ้าแม่จำเป็น ตอนที่ 16 (ต่อ)
ครู่ต่อมาชิณกับจักกายนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก
“กะละแมจะทรง...แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ตอนนี้เค้ามีแฟนแล้ว ก็ปล่อยให้แฟนเค้าดูแลกันไปสิ” ชิณพูดเหมือนไม่สนใจ แต่ก็แอบกังวล
จักกายงง “แฟนกะละแม...ใคร”
“ก็ไอ้ดวงลูกชายไอ้ป๋านุ้ยไง...วันก่อนแม่ฉันเอาคลิปกะละแมกับไอ้ดวงมาให้ฉันดู” ชิณเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ “ถ่ายกันกระหนุงกระหนิงทำเป็นคู่รักหวานแหวว แถมยังพูดใส่คลิปว่าให้ฉันเลิกยุ่งกับเค้าอีก...ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วทำไมฉันจะต้องสนใจเค้าด้วย”
“นี่นายจะเลิกสนใจกะละแมเพียงแค่เห็นคลิปที่แม่นายเอามาให้ดูแค่นี้เนี่ยนะ? บางทีกะละแมอาจถูกบังคับ หรือมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ฉันว่านายควรจะไปถามความจริงจากปากกะละแมเองดีกว่า”
ชิณชะงักคิดตาม....เออ...ก็จริง
จักกายหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ “โอเค...ถ้านายไม่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกะละแมก็ตามใจ ฉันจะไปถามเค้าให้รู้เรื่องเอง ฉันมาบอกข่าวนายแค่นี้แหละ ส่วนนายจะไป หรือไม่ไปก็เรื่องของนาย” จักกายลุกขึ้น “ฉันไปล่ะ”
จักกายเซ็งจะเดินไป แต่ชิณเรียกไว้
“เดี๋ยว!” จักกายหันมา “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว... ฉันไปด้วย”
จักกายยิ้มดีใจ แต่ทันใดนั้นเองเสียงฉายตะวันก็ดังแทรกขึ้นมา
“แม่ไม่ให้ไป”
ชิณ และจักกายหันไปตามเสียง เห็นฉายตะวันเดินเข้ามาต่างคนต่างตกตะลึง
ชิณร้อง “แม่”
สองหนุ่มมองหน้ากัน ตกใจ ‘เอาไงดี’
ชิณพยายามอ้อนวอนขอร้องฉายตะวัน ข้างๆ เห็นจักกายมองอย่างเอาใจช่วย
“ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่กะละแมพูดเป็นความจริง”
“แม่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรไม่จริง ที่เด็กนั่นพูดก็เพราะไม่อยากให้ชิณไปยุ่งกับเขา เพราเค้าก็มีที่หมายใหม่แล้วมันเป็นความจริง แม่ว่าชิณอย่าดันทุรังอีกเลย ยอมรับเถอะว่าชิณมองเด็กนั่นผิดไปจริงๆ”
“ถ้าผมจะมองคนผิด ผมก็อยากเห็นกับตาตัวเองว่าผมมองผิดจริงๆ แม่ไม่ต้องห่วง ถ้าวันนี้กะละแมกลับไปทรงจริง ผมจะไม่ยุ่งกับเค้าอีกเลย และผมจะยอมทำทุกอย่างตามที่แม่ต้องการ”
จักกายช่วยพูด “ใช่ครับ...ให้ชิณเค้าได้ไปเห็นกับตาตัวเอง จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีก ถ้ากะละแมทำผิดจริง ผมจะเป็นคนลากตัวลูกชายป้ากลับมาเอง”
ฉายตะวันมองหน้าจักกายสลับกับชิณ...เห็นแววตามุ่งมั่นของชิณแล้วก็ตัดสินใจลำบาก
ฉายตะวันคิดๆ แล้วตอบ “ได้...แม่จะให้โอกาสชิณพิสูจน์เป็นครั้งสุดท้าย แล้วชิณอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่นะ ถ้าเด็กนั่นกลับไปทรงเจ้าเข้าผีหลอกชาวบ้านอีก ชิณต้องเลิกยุ่งกับเด็กนั่นเด็ดขาด”
“ผมสัญญาครับแม่”
ชิณรับปาก แต่ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
ฉายตะวันฝากฝังชิณกับจักกาย “ป้าฝากกายดูแลชิณด้วยนะ...เสร็จธุระแล้วพาเค้ากลับมาด้วย”
“ครับคุณป้า พวกผมไปแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับครับ”
ชิณกับจักกายหันมาพยักหน้าให้กัน ‘ไป! เตรียมลุย’
ชิณกับจักกายเดินออกจากบ้านอย่างเร็ว เดินไปคุยไป
“ฉันจะแวะไปรับโทฟู่ที่ซอยมหาลาภก่อน เค้าอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าเพื่อนเค้าจะกลับไปทรงจริงหรือเปล่า”
ชิณคิด “เดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่ากะละแมจะหักหลังพวกเราทุกคนจริงหรือเปล่า”
ชิณตั้งข้อสงสัย ท่าทีหนักใจ และลุ้นรอคำตอบที่กำลังจะได้รู้
ส่วนกะละแมเตรียมแต่งตัวเพื่อทรง ติ่งกับโต๊ดจัดโต๊ะและสถานที่ทำพิธีอย่างเต็มลูกสูบ...ควันธูปลอยฟุ้ง ดอกไม้สดถูกลำเลียงวางใส่ถาดอย่างสวยงาม หยดน้ำยังเกาะอยู่ประปราย...
เทียนหอมถูกจุดและวางอยู่ส่งกลิ่นหอมอับจางๆ กะละแมใส่สร้อยประคำ เกล้าผม แววตานิ่งเข้ม...แต่ยังแฝงไว้ด้วยความเศร้า
ติ่งลากอุปกรณ์พิเศษมากมายมาไว้ด้านหลัง กะละแมเอาดาบ กระบี่ สารพัดสารพันมาปัดฝุ่นอีกครั้ง...
ทุกอย่างเตรียมพร้อม....ทั้งกะละแม ทั้งสถานที่ดูสวยงามและดูขลัง สมกับการกลับมาทรงอีกครั้งของกะละแม
ติ่งโต๊ดเดินมาหา โต๊ดจับไหล่หลานสาวให้แรงใจ “ถ้าวันนี้ทำสำเร็จ ทุกคนจะได้เป็นอิสระ แต่ถ้าไม่สำเร็จ...ก็เตรียมตัวตายได้เลย เพราะฉะนั้นทำให้เต็มที่....เราจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว”
โต๊ดพูดเพื่อตอกย้ำให้ทุกคนมั่นใจ...กะละแมกับติ่งพยักหน้ารับ ‘สู้โว้ย’
ที่บริเวณหน้าบ้านนุ้ยมีลูกน้องนุ้ยยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ 2 คน ชาวบ้านมากมายพากันเดินเข้าไปในบ้านนุ้ยด้วยความตื่นเต้น ชิณ จักกาย โทฟู่ เดินปนมากับชาวบ้าน
ชิณปลอมตัวพอท้วมๆ น้อยกว่าทุกครั้ง ครั้งนี้ใส่แค่หมวก แว่นตาดำ ติดหนวด...จักกายจัดเต็ม ปลอมเป็นแขกขายถั่ว มีผ้าโพกหัว ติดหนวดยาวขมวดปลายโค้งโก่งงอน...โทฟู่ปลอมเป็นเมียแขกท้องแก่ ใส่ชุดคลุมท้อง มีส่าหรีปิดหน้าแบบแขก
จักกายหยุดเดินก่อนถึงประตูทางเข้าเล็กน้อย...ชิณกับโทฟู่ชะงักตามไปด้วย
จักกายมองชิณอย่างไม่แน่ใจ “นายแน่ใจนะว่าจะปลอมตัวแค่นี้จริงๆ”
“นั่นสิคะคุณชิณ เกิดไอ้พวกนั้นมันจำคุณได้จะเสียแผนก่อนที่จะได้เจอไอ้แมนะคะ”
ชิณพูดเสียงเด็ดเดี่ยว “ที่ฉันพรางตัวแค่นี้เพราะฉันอยากรู้ว่าถ้ากะละแมเห็นฉันอยู่ที่นี่ เค้ายังจะกล้าทรงอยู่หรือเปล่า” ชิณมองจักกายกับโทฟู่แววตาอ่อนลง “นายกับโทฟู่ปลอมตัวมิดชิดแบบนี้แหละดีแล้ว เพื่อความปลอดภัย ส่วนฉันขอเสี่ยงเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้ฉันเห็นกะละแมเข้าทรงกับตาตัวเอง ฉันจะไม่ยุ่งกับเค้าอีกเลย”
จักกายมองด้วยความเข้าใจ โทฟู่คิดหนัก...เครียดแทนเพื่อน
“โอเค...งั้นเราก็รีบเข้าไปข้างในเถอะ นายเดินหลบๆ อยู่ข้างหลังฉันกับฟู่ก็แล้วกัน” จักกายมองไปที่ลูกน้องนุ้ยที่หน้าประตู “ระวังอย่าให้ไอ้สองคนนั้นเห็นหน้า”
“ฉันทำบ่อย...ฉันรู้ว่าต้องระวังตัวยังไง” ชิณว่า
จากนั้นจักกายทำทีเป็นประคองโทฟู่ที่ปลอมตัวเป็นเมียแขกท้องโตเดินเข้าไปในบ้านนุ้ย พอผ่านหน้าลูกน้องนุ้ย จักกายก็แกล้งทำเป็นพูดเสียงดังกับโทฟู่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูกน้องนุ้ย ไม่ให้สนใจชิณที่เดินหลบอยู่ข้างหลัง
จักกายพูดด้วยสำเนียงแขก “เดินดีๆ นะเมียจ๋า ระวังสะดุด เดี๋ยวลูกในท้องจะตกใจ” ลูบท้องปลอมของโทฟู่ ลูกน้องนุ้ยมองกลุ่มของจักกาย โทฟู่ และชิณ แบบผ่านๆ ไม่สงสัยอะไร
โทฟู่ยิ้มเขินๆ ถึงจะรู้ว่าจักกายเล่นละครแต่ก็เขินจริง ชิณเดินก้มหน้า หลบอยู่ด้านหลังจักกายกับโทฟู่
ทั้งสามเดินผ่านหน้าลูกน้องนุ้ยเข้าไปได้อย่างไม่มีใครสงสัย
ภายในห้องที่จัดพิธีเข้าทรง ชาวบ้านนั่งรอเฝ้าเจ้าแม่อย่างเนืองแน่น ลุงมาก ป้าส้มลิ้ม เชอร์รี่ เจ้าเก่านั่งหน้าสลอนอยู่แถวหน้าสุดเหมือนเคย
จักกาย โทฟู่ ชิณ เดินเข้ามา...ชิณจะเดินแหวกไปนั่งด้านหน้า โทฟู่รีบรั้งไว้
“คุณชิณ...ฉันว่าเรานั่งหลบมุมอยู่หลังห้องดีกว่า เพื่อความปลอดภัย”
“ไม่...ฉันจะไปนั่งแถวหน้า ฉันอยากเห็นกะละแมให้ชัดเต็มสองตา จะได้แน่ใจว่าดูไม่ผิดคน”
ชิณเดินแหวกชาวบ้านไปนั่งด้านหน้า แต่ไม่หน้าสุด มีชาวบ้านบังอยู่แถวหนึ่ง
โทฟู่กังวลหันมาหาจักกาย “เอาไงดี”
“ตามไปสิ...มาถึงขนาดนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน”
จักกายกับโทฟู่เดินตามไปนั่งกับชิณ
ชิณนั่งลุ้นใจคอไม่ค่อยดี
ขณะเดียวร้อยตำรวจโทชูวัฒน์กับลูกน้อง 1 คน ปลอมตัวเป็นชาวบ้านนั่งอยู่ริมห้อง กวาดตามองสังเกตการณ์ไปรอบๆ
ส่วนที่หลังห้อง นุ้ย ดวง และก๋อยเดินเข้ามามองด้วยความพอใจที่เห็นชาวบ้านมากันเยอะ
“นังกะละแมนี่มันแน่จริงๆ แค่ประกาศว่ามันจะทรงเอง ชาวบ้านก็แห่กันมามากกว่าคราวที่แล้วตั้งเยอะ” นุ้ยชอบใจ หัวเราะหึๆ
ดวงรีบเอาหน้า “เห็นมั้ยว่าหนูเลือกลูกสะใภ้ให้ป๋าไม่ผิด” พร้อมกับยิ้มหน้าบาน
“งานยังไม่จบอย่าเพิ่งรีบเอาหน้า...รอดูผลงานมันก่อน” นุ้ยพูดเสียงเข้ม “ถ้าผลงานดีมีรางวัล แต่ถ้ามันเล่นตุกติก...ตาย”
นุ้ย ดวง ก๋อย หันไปมองทางด้านหน้าห้องรอดูการทรงของกะละแม
โต๊ดเดินออกมาแล้วประกาศเสียงดัง
“สวัสดีจ้ะพ่อ แม่ พี่ น้อง แหม...วันนี้มากันอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่เสียแรงที่เจ้าแม่มหาลาภไทรทองจะกลับมาประทับทรงอีกครั้ง” ชิณลุ้น ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญทุกท่านพบกับร่างทรงกะละแมได้เลยจ้ะ”
ลุงมาก ป้าส้มลิ้ม เชอร์รี่และชาวบ้านฮือฮาชะเง้อคอมองหากะละแม ชิณ จักกาย และโทฟู่ ลุ้นว่าจะเป็นกะละแมจริงหรือเปล่า?
สักครู่หนึ่งกะละแมเดินสำรวมออกมาที่หน้าห้อง
ชิณที่ใส่หมวกกับติดหนวดอยู่ เห็นกะละแมก็อึ้ง...เผลอถอดแว่นดำออก แล้วมองกะละแมด้วยแววตาผิดหวังและเสียใจที่กะละแมผิดสัญญา
โทฟู่เองก็มองอย่างผิดหวัง “ไม่อยากเชื่อเลย ไอ้แมมันจะกลับมาทรงจริงๆ”
จักกายยังไม่เชื่อ “บางทีสิ่งที่เราเห็น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้...รอดูไปก่อนดีกว่า”
จักกายมองกะละแมอย่างจับสังเกต ว่าอาจจะมีอะไรแอบแฝงในการทรงครั้งนี้
กะละแมเดินไปนั่งที่แท่นหน้าห้องอย่างสำรวม น่าเชื่อถือ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกชิณจับตามองอยู่ทุกอิริยาบถ
ขณะเดียวกันที่บริเวณด้านหลังบ้านนุ้ย กำลังตำรวจกระจายตัวกัน แอบเข้าไปทางหน้าห้องขายหวย
ตำรวจซุ่มอยู่บริเวณทางเข้ากำลังจะเข้าไป แต่ลูกน้องนุ้ยเดินผ่านมาซะก่อน ตำรวจหลบวูบเข้ามุม พอลูกน้อง
นุ้ยเดินเลยไป ตำรวจก็แอบย่องเข้าไปข้างใน
ตำรวจที่แอบเข้ามาด้านในที่เป็นหัวหน้าทีมเอาแผนที่ที่ติ่งเคยวาดให้ออกมาดู ตำรวจคนอื่นๆ ระวังตัว
รอฟังคำสั่ง
ตร. หัวหน้าทีมบอกเบาๆ “ตามแผนที่ที่เราได้มา ห้องซ้ายมือ” ชี้ไปทางซ้าย “จะเป็นที่ขายหวยเถื่อน ห้องขวามือ” แล้วชี้ไปทางขวา “เป็นบ่อนการพนัน ทีมเอไปที่ห้องขายหวย...ทีมบี ตามผมไปห้องบ่อน”
ตำรวจทีมเอย่องไปที่ห้องขายหวย ส่วนตำรวจทีมบีย่องไปที่ห้องบ่อน แล้วหัวหน้าทีมก็ส่องตรงช่องประตู เห็นนักพนักมากมายกำลังเล่นการพนันอยู่ในนั้นอย่างเมามันส์
พิธีทรงเริ่มขึ้นแล้ว โต๊ดจุดธูปแล้วส่งให้ กะละแมรับธูปแล้วหันไปไหว้พระด้วยความสงบ ในใจอธิษฐานขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ชิณจับตามองกะละแมด้วยความผิดหวังอย่างมาก
โทฟู่กับจักกายมองกะละแมไม่วางตา ลุงมาก ป้าส้มลิ้ม เชอร์รี่และชาวบ้านพากันไหว้ตาม
ร้อยตำรวจโทชูวัฒน์กับลูกน้องที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านไหว้ตาม ส่วนที่ด้านหลังห้อง นุ้ย ดวง และก๋อย มองกะละแมด้วยความพอใจ
โต๊ดมองออกไปข้างนอก สีหน้ากังวล ลุ้นว่าตำรวจมาหรือยัง ติ่งกับตุ้งแช่ ชะโงกหน้าออกมาจากหลังฉาก ดูกะละแมทำพิธี ลุ้นๆ ว่าจะรอดไหม
กะละแมไหว้พระเสร็จก็หันหน้ามาทางชาวบ้าน พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับสายตาของชิณที่จ้องอยู่
ด้วยความผิดหวังและเสียใจ...กะละแมชะงักกึก
ชิณมองกะละแมด้วยสายตาวิงวอน ‘อย่าทำอีกเลย’ พร้อมกับดึงหนวดออก แล้วก็ถอดหมวกให้กะละแมเห็นหน้าชัดๆ จักกายกับโทฟู่หันมาเห็นชิณเอาเครื่องพรางตัวออกก็ตกใจ
โทฟู่กระซิบ “คุณชิณ...เดี๋ยวพวกนั้นเห็นก็เป็นเรื่องหรอก” พลางมองรอบตัวเลิ่กลั่กกลัวพวกนุ้ยเห็น
ชิณไม่สนใจโทฟู่ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...ยังคงมองตากะละแมอยู่
กะละแมสบตากับชิณ แล้วคิดถึงคำพูดที่ชิณเคยพูดไว้
“ฉันรู้ว่าที่เธอต้องทำทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็นเพราะความจำเป็น และต่อจากนี้เธอจะไม่กลับไปทำอีก”
คิดแล้วกะละแมก็หนักใจ...จะทำต่อหรือจะหยุดดี ลำบากใจจริงๆ
คำพูดชิณดังก้องในหัวอีก “แค่เธอไม่กลับไปทำสิ่งที่ผิดอีก ฉันก็พอใจแล้ว”
“คนอย่างกะละแมพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อฉันสัญญากับคุณแล้วว่าจะไม่ทำผิดอีก ฉันก็ต้องรักษาคำพูด”
กะละแมสบตากับชิณแล้วอึ้งค้าง...ไม่รู้จะทำยังไงดี
ทางด้านฉายตะวันนั่งกระสับกระส่ายอยู่ที่ห้องรับแขก...คอยชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน แจ่มนั่งอยู่ใกล้ๆ
“นี่แจ่ม...ทำไมชิณกับกายไปกันนานจัง ไหนว่าจะไปแค่แป๊บเดียว ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับอีก”
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณท่าน เดี๋ยวคุณชิณก็มาค่ะ”
ระหว่างนั้นกิมเอ็งกับมิ้วเดินเข้ามาในห้องรับแขก แล้วเข้าไปนั่งกับฉายตะวันอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะคุณพี่”
“สวัสดีค่ะคุณป้า...วันนี้พี่ชิณเป็นยังไงบ้างคะ ยังอาละวาดจะออกไปหานังกะลแมอยู่หรือเปล่าคะ”
ฉายตะวันถอนหายใจ “ชิณไม่อยู่หรอก”
กิมเอ็งกะมิ้วร้องขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่อยู่”
แจ่มเอามือขยี้หูแล้วมองหน้ามิ้วกับกิมเอ็ง ‘ทำไมต้องเสียงดัง’
มิ้วรีบถาม “พี่ชิณแหกคุก เอ๊ย...หนีออกไปแล้วเหรอคะคุณป้า”
“ป้าปล่อยเค้าออกไปเอง คืออย่างนี้...กายเค้ามาบอกว่าวันนี้กะละแมจะเข้าทรง ชิณก็เลยอยากไปดูให้เห็นกับตาถ้าจริงก็จะได้ตัดใจ”
มิ้วแหวขึ้น “คุณป้าปล่อยพี่ชิณไปหานังกะละแมเหรอคะ”
แจ่มเอามืออุดหู มองหน้ามิ้ว ‘แสบแก้วหูจริงๆ’
“ปล่อยไปแบบนี้ ถ้าคุณชิณไปแล้วไปลับ ไม่กลับมา” ฉายตะวันชะงัก คำพูดทะแม่งๆของกิมเอ็ง “เอ่อ...คุณน้องหมายถึง ถ้านังกะละแมมันรั้งคุณชิณไว้ ไม่ยอมให้กลับมา คุณพี่จะทำยังไงคะ”
“ฉันมั่นว่าถ้าชิณไปเห็นกะละแมเข้าทรงกับตาตัวเองแล้ว เค้าต้องกลับมา และจะเลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นอย่างเด็ดขาด ชิณเป็นคนให้โอกาสคนก็จริง แต่ถ้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เค้าไม่มีวันให้อภัยอีกเด็ดขาด”
“แต่ถ้าวันนี้นังกะละแมมันไม่ทรง พี่ชิณก็จะยังเข้าข้างมันเหมือนเดิมนะคะคุณป้า ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงต้องเสียพี่ชิณไปแน่ๆ” มิ้วเครียดจัด คิดแล้วอยากร้องไห้
ฉายตะวันชักจะหวั่นไหว...ตามประสาคนใจอ่อน
ชิณกับกะละแมยังคงมองตากันนิ่งอยู่ ลุงมาก ป้าส้มลิ้ม เชอร์รี่และชาวบ้านเริ่มซุบซิบที่กะละแมไม่ทำพิธีต่อ
“ทำไมนังกะละแมมันไม่เริ่มพิธีสักที” ลุงมากสงสัย
“หรือเจ้าแม่ไม่ยอมเสด็จลงมา” ป้าส้มลิ้มงวยงง
“นั่นสิ...” เชอร์รี่มองกะละแม “นังกะละแมมันนั่งนิ่งเลย”
ชาวบ้านรอบๆ ต่างฮือฮากันใหญ่
จังหวะนั้นเองโต๊ดเห็น นุ้ย ดวง และก๋อย จิกตามองกะละแมอย่างร้ายกาจอยู่หลังห้อง ก็รีบกระซิบให้กะละแมเริ่มพิธี
“นังกะละแม เริ่มพิธีได้แล้ว”
ชิณยังคงมองกะละแมด้วยสายตาวิงวอน ‘หยุดเถอะ...อย่าทำอีกเลย’
กะละแมหลบตาชิณด้วยความรู้สึกผิด แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ตัดสินใจเดินหน้าทำพิธีต่อ กะละแมร่ายคาถามั่วๆ พร้อมกับทำตัวสั่นพั่บๆๆๆ ชิณมองกะละแมด้วยความผิดหวังและเสียใจอย่างรุนแรง
ติ่งอยู่ที่หลังฉาก แอบมองมาในห้องเข้าทรงเห็นร้อยตำรวจโทชูวัฒน์นั่งอยู่ในห้องกับลูกน้อง พอมองออกไปข้างนอกก็เห็นตำรวจกระจายกำลังอยู่ตามจุดต่างๆ ก็ใจชื้น ส่งสัณญาณบอกโต๊ด...โต๊ดส่งสัญญาณบอกกะละแม
กะละแมพยักหน้ารับกับโต๊ด แล้วจะเข้าแผน ทันใดนั้นชิณก็ลุกพรวดขึ้นแล้วพูดเสียงดัง
“กะละแม...ฉันขอร้อง หยุดหลอกลวงชาวบ้านได้แล้ว”
กะละแมอึ้ง...หยุดสั่น แล้วมองชิณตาค้าง จักกายกับโทฟู่พยายามดึงชิณให้นั่งลงแต่ไม่สำเร็จ
ติ่ง โต๊ด และตุ้งแช่ อึ้ง
นุ้ย ดวง และก๋อยมองมาจากหลังห้อง ตกใจและไม่พอใจมากที่เห็นชิณป่วนกลางงาน
“ไอ้เจ้าของที่นี่หว่า มาได้ไงวะ” ดวงโมโหมาก
“นั่นสิพี่ดวง..มันมาได้ไง”
ดวงหงุดหงิดตบหัวก๋อยป๊าบ “กูไม่รู้ ถึงได้ถามมึง...เสือกมาย้อนถามกูอีก”
นุ้ยจิกตามองชิณแบบอาฆาต...ไม่พอใจอย่างรุนแรง ชิณพูดต่อ
ชิณพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า...แววตาผิดหวัง “เธอสัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่ทำผิดอีก แล้วทำไมยังทำ”
กะละแมอึ้ง นิ่งงันไป สบตาชิณนิ่ง...จะพูดว่าเป็นแผนก็พูดไม่ได้
นุ้ยหันไปสั่งดวงกับก๋อยที่ยืนดูอยู่เฉยๆ
“ยืนโง่อะไรกันอยู่ ไปลากไอ้หมอนั่นออกไปสิวะ”
“จ้ะป๋า”
ดวงกับก๋อยรับคำพร้อมๆ กันแล้วรีบพุ่งข้ามหัวชาวบ้านเข้าไปหาชิณ...แต่ไม่กล้าเข้าไปจับตัวเพราะเพิ่งโดนชิณอัดจนน่วมมาตอนฉุดกะละแมไปปล้ำ
นุ้ยเดินตามมาด้วยมาดเจ้าพ่อขาโหด
“เฮ้ยไอ้หน้ายาว...ทำแบบนี้อยากตายนักใช่มั้ยหะ” สั่งดวงและก๋อย “มึงสองคนลากมันออกไป”
ดวงกับก๋อยกล้าๆ กลัวๆ แต่กลัวนุ้ยมากกว่า จำใจต้องเข้าไปล็อคตัวชิณไว้ พยายามจะลากชิณออกไป
ชิณขืนตัวไว้แล้วสะบัดๆ
“ปล่อยฉัน...ปล่อย”
ชิณหลุดออกมาได้หันไปต่อยก๋อยล้มคว่ำ แล้วต่อยดวงไปสองทีจนหน้าหงาย นุ้ยเห็นก็โมโห
“ไอ้ก๋อย...ไปตามลูกน้องหลังบ้านมารุมมัน”
“จ้ะป๋า”
ก๋อยรีบวิ่งออกไป...ดวงรีบลุกขึ้นแล้วไปหลบหลังนุ้ย กะละแมมองชิณด้วยความเป็นห่วง แล้วหันไปมองหน้าโต๊ดท่าทางเหรอหรา...เอาไงดี?
ติ่งกับตุ้งแช่ที่อยู่หลังฉากก็ชะโงกหน้าออกมาดูด้วยความตื่นเต้น ชาวบ้านงงไปหมด
“คุณชิณ คุณรีบกลับไปเถอะ ก่อนที่จะมีเรื่องรุนแรงมากกว่านี้” กะละแมบอกเสียงดัง
“ฉันไม่กลับ จนกว่าเธอจะเลิกหลอกลวงชาวบ้าน เธอบอกทุกคนไปสิว่าทุกอย่างมันคือการหลอกลวง เจ้าแม่มหาลาภไทรทองไม่มีจริง...อย่าหลอกพวกเค้าอีกเลยนะกะละแม...เธอสัญญากับฉันแล้วว่าเธอจะไม่ทำอีก เลิกเถอะนะ”
ชาวบ้านฮือฮา พูดต่อเซ็งแซ่ ‘เจ้าแม่ไม่มีจริงเหรอ !?’
นุ้ยโมโหสุดขีด “เฮ้ย...พูดมากไปแล้วนะมึง มาเจอกูตัวๆ ดีกว่า”
นุ้ยเดินเข้าหาชิณอย่างสีหน้าโหดเหี้ยม ชิณมองตานุ้ย...ไม่กลัวแต่อย่างใด
ส่วนที่หน้าห้องขายหวย ก๋อยวิ่งพรวดเข้ามาแล้วตะโกนเรียกลูกน้อง
“เฮ้ย! ป๋าเรียกไปที่บ้านโน้น ยกโขยงกันไปให้หมดนี่แหละ...ไปเร็วๆ เว้ย”
ลูกน้องวิ่งออกมาเกือบหมด เหลือแค่ 2-3 คนอยู่ในห้องขายหวย ตำรวจที่แอบซุ่มอยู่เห็นจังหวะเหมาะ ย่องเข้าไปในห้องอย่างเงียบกริบ
ชิณเผชิญหน้ากับป๋านุ้ย...ดวงแอบหลบหลังนุ้ย ลุงมาก ป้าส้มลิ้ม เชอร์รี่และชาวบ้านเริ่มลุกขึ้น กระจายตัวออกเป็นวงกว้าง
ก๋อยวิ่งนำลูกน้องเข้ามา แล้วสั่งลูกน้องสองคนให้ไปจับชิณไว้
“มึงสองคนไปจับมันไว้”
ลูกน้องสองคนวิ่งเข้าไปล็อคตัวชิณไว้แน่น
“เฮ้ย...ปล่อยฉัน...ปล่อย” ชิณมองกะละแมขอร้องต่อ “กะละแม หยุดทำผิดเถอะนะ...แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในทางที่ถูกต้อง บอกชาวบ้านไปซะว่าเจ้าแม่ไม่มีจริง ที่ผ่านมาเธอหลอกพวกเค้า”
นุ้ยได้ยินที่ชิณพูดก็โมโห ตรงไปต่อยท้องชิณที่ถูกล็อคตัวอยู่ไปหนึ่งที...อั้ก!!!
“ปากดีนักนะมึง”
กะละแมตกใจ...เป็นห่วง “คุณชิณ”
จักกายเข้าไปช่วยชิณ พูดด้วยสำเนียงแขก “อย่าทำอะไรคนไม่มีทางสู้เลยนะนายจ๋า ปล่อยเค้าไปเถอะ”
“อย่าเสือก...ไม่ใช่เรื่องของแขก” นุ้ยผลักจักกายออกไป
โทฟู่เข้าไปยืนชิดจักกาย...สีหน้าหวาดหวั่น
ระหว่างนั้นร้อยตำรวจโทชูวัฒน์มองประเมินสถานการณ์...แล้วลูกน้องก็กระซิบถาม
“จัดการเลยมั้ยครับ”
ร.ต.ท.ชูวัฒน์บอกตอบเบาๆ “ใจเย็น...รอข้างนอกเรียบร้อยก่อน เดี๋ยวเสียงานใหญ่ ในนี้ยังไม่รุนแรงเท่าไหร่ ยื้อเวลาไว้ก่อน”
นุ้ยมองหน้าชิณด้วยแววตาโหดเหี้ยม เอาจริง
“ในเมื่อมึงรนหาที่เอง กูจะจัดหนักให้ต่อหน้าทุกคนนี่แหละ” สั่งการก๋อย “ไอ้ก๋อยซ้อมมัน”
“ได้เลยป๋า” ก๋อยหักกระดูนิ้วดังกร้อบๆ แล้วเดินเข้าหาชิณ ดวงรีบพรวดออกไปขวางหน้าก๋อย
“กูเอง...เรื่องรังแกคนไม่มีทางสู้กูถนัด” ดวงยิ้มอย่างเป็นต่อ ต่อยปากชิณ...เปรี้ยง!!!
ชิณหน้าหงายเงิบ...ปากแตกเลือดไหลซึมออกมาตรงมุมปาก
กะละแมเป็นห่วงชิณ พูดโพล่งออกไป
“พอแล้ว...อย่าทำเค้า”
นุ้ยหันไปมองกะละแมแววตาโหด
“ถ้าไม่อยากให้ไอ้หมอนี่เจ็บตัวมากกว่านี้ ก็บอกชาวบ้านไปว่ามึงเป็นเจ้าแม่จริงๆ ที่มันพูดโกหกทั้งเพ” กะละแมอึ้ง นิ่งไป นุ้ยตะคอก “พูดสิ”
ชิณร้องบอก “อย่าพูดนะกะละแม...อย่าโกหกชาวบ้านอีกเลย สารภาพความจริงกับทุกคนซะว่าเธอไม่ใช่เจ้าแม่...เจ้าแม่ไม่มีจริง”
นุ้ยโกรธจัดสั่งลูกน้อง “เฮ้ย...มึงสองคนลากมันออกไป แล้วปิดปากมันให้สนิท” พร้อมกับทำท่าเชือดคอ
ชิณกำลังจะถูกลากออกไป...กะละแมมองด้วยความเป็นห่วงสุดๆ แล้วกะละแมก็ตัดสินใจพูดโพล่งออกไป
“เจ้าแม่ไม่มีจริง”
ทุกคนในห้องเข้าทรงชะงัก...เงียบกริบ หันมามองกะละแมเป็นตาเดียวกัน ชิณที่ยังถูกล็อคตัวอยู่มองกะละแมด้วยความดีใจ ที่กะละแมยอมสารภาพความจริงกับชาวบ้าน
กะละแมมองหน้าชิณน้ำตาซึม แล้วหันไปบอกกับชาวบ้าน
“ทุกอย่างที่คุณชิณพูดเป็นความจริง ฉันติดต่อกับเจ้าแม่ไม่ได้ ฉันหลอกลวงทุกคนมาตลอด” แววตากะละแมเศร้า...รู้สึกผิดมาก “ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วยนะจ๊ะ”
ลุงมาก ป้าส้มลิ้ม เชอร์รี่และชาวบ้านงงเป็นไก่ตาแตก...จับกลุ่มซุบซิบ อื้ออึง
สาม ต. โต๊ด ติ่ง ตุ้งแช่เหวอไป
นุ้ย ดวง ก๋อย ไม่พอใจอย่างแรง
นุ้ยพูดกับชาวบ้าน “ไม่จริง...อย่าไปเชื่อมัน” หันมาทางกะละแม “มึงพูดอย่างนี้ได้ยังไงวะ วอนซะแล้วอีนี่!”
นุ้ยเดินตรงเข้าไปจะทำร้ายกะละแม...แต่เสียงปืนดังขึ้นจากทางหลังบ้านซะก่อน...ปัง!
นุ้ยชะงัก “เฮ้ย...เสียงปืน”
นุ้ยตกใจมองไปทางหลังบ้าน หน้าตาตื่นตระหนก