xs
xsm
sm
md
lg

คู่กรรม ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คู่กรรม ตอนที่ 14

ช่วงตอนบ่าย ก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน โกโบริพาตัวเองมาอยู่ที่มุมนั่งเล่นบนชานบ้านชั้นสอง ซึ่งเป็นบ้านพักรับรองแห่งหนึ่งในพระนคร ถ้วยชาควันกรุ่นๆ ถูกยกขึ้นจิบ พลโทโทโมยูกิอยู่ในชุดกิโมโนอยู่บ้าน นั่งจิบชาพร้อมกับอบรมโกโบริ

“แกคิดว่าชั้นเดินทางมาจากสิงคโปร์เพื่อมาดูแกเล่นขายของหรือไงทุกอย่างเตรียมไว้อย่างลงตัวหมดแล้ว แกก็เป็นแกวันยังค่ำ ใช้แต่อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ถามเหตุผลอะไรก็ไม่ยอมบอก” โทโมยูกิหันมา หาหลานชาย “ตอนนี้ที่แกต้องทำก็คือ เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวในงานแต่งงานวันมะรืนนี้ได้แล้ว”
โกโบริในชุดเป็นทางการ ยืนหน้าเสียก้มฟังนิ่ง

ส่วนบริเวณเรือนรับรอง หลังเล็กๆ ทาสีขาวทั้งหลัง ตั้งอยู่ริมคลอง ซึ่งจะเป็นเรือนหอของบ่าวสาว โกโบริ อังศุมาลิน มีทหารญี่ปุ่น 2-3 บางส่วน กำลังช่วยกันตกแต่ง ปูหญ้า และปลูกไม้ดอกต้นเล็กๆ อยู่หน้าเรือนหลังนั้น
อีกด้านหนึ่ง หมอทาเคดะดูแลการติดตั้งประตูบานเลื่อนกระดาษแบบญี่ปุ่น
และหมอโยชิยืนกำกับการติดรูปภาพเขียนดอกซากุระบนผนัง
“รูปนี้ โกโบริจะได้หายคิดถึงบ้าน และอังศุมาลินก็ชอบ ตอนเด็กๆ เธอเคยวาดรูปดอกซากุระ เมื่อผมเล่าเรื่องดอกไม้ต่างๆของญี่ปุ่น ให้เธอฟัง” หมอโยชิว่า
“เป็นเรือนหอเล็กๆ ที่น่าอยู่มากๆ ผมหวังว่าทั้งสองคนจะมีความสุข” หมอทาเคดะยิ้มๆ
ทันใดนั้น เคสุเกะขี่ก็จักรยานเข้ามาจอด รีบร้อนลงมาหา
“สวัสดีครับ..ๆๆ” เคสุเกะโค้งทหารที่ยศใหญ่กว่าทุกคน “มีจดหมาย จากนายช่างโกโบริครับ” โค้ง และยื่นให้หมอโยชิ
หมอรับจม.นั้นไปเปิดอ่าน แล้วอึ้ง เงยหน้าขึ้น บอกทุกคน
“ทุกคน หยุดทำงานได้แล้ว”
ทุกคนอึ้ง
หมอทาเคดะสงสัย “โกโบริ..เขียนอะไรมาครับ”
“เขาขอคืนเรือนหอ...เอ้อ...เรือนพักรับรองหลังนี้ จะไม่ขอใช้ เขาจะขออนุญาตพักนอนในห้องพักเดิมที่อู่ต่อไป”
หมอทาเคดะสงสัยอยู่อย่างนั้น “อ้าว...ทำไม”
ทุกคนอึ้ง นิ่งงันกันไป

ตกตอนเย็น มองไปในคลองชาวบ้านทอดแหหาปลาริมน้ำ บางคนยกสุ่มจับปลาปลา
อังศุมาลินใช้ไม้กวาดทางมะพร้าว กวาดฝุ่น กวาดใบไม้ ทำความสะอาดท่าน้ำอยู่ ยินเสียงเรือเร็วแล่นใกล้เข้ามาจอดเทียบท่าอังศุมาลินเงยหน้ามอง
เห็นเรือเร็วสีขาวจอดอยู่ห่างพอประมาณ มีโกโบรินั่งอยู่ข้างพลขับ มองมา
“ผมกลับมาจากกองบัญชาการ และที่พักคุณลุง” โกโบริทักท่าทีเมินเฉย ไม่สบตา ดูเย็นชา “ผมลองเจรจาเรื่องของเราแล้ว”
อังศุมาลินเม้มปากน้อยๆ ฟังเงียบๆ
“ผมเสียใจที่ทำให้คุณได้ไม่สำเร็จ กำหนดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้แล้ว คุณจะทำยังไง”
“ก็..ไม่มีอะไรต้องทำอีกแล้ว” อังศุมาลินว่า
“แต่คนนั้น...ของคุณ”
อังศุมาลินบอกเสียงเรียบ “เขาอยู่ไกล คงไม่ได้ทราบ”
“ถ้าอย่างนั้น...หลังจากงานพิธี ผมจะรีบหาทางย้ายออกไปจากที่นี่...เร็วขึ้น ผมเลยบอกคืนบ้านพักที่เขาจัดไว้ให้ ไปแล้ว ผมจะอยู่ที่อู่ตามเดิม คุณก็จะอยู่ที่นี่ คุณคงไม่มีปัญหาอะไร คุณอยากให้ผมทำอะไรอีกไหม”
อังศุมาลินสั่นศีรษะเบาๆ สะเทือนใจ พูดอะไรไม่ออก
“ผมแวะมาบอกเท่านี้ละ ระหว่างนี้ผมจะ..ไม่มาอีก เพื่อจะได้ไม่รบกวนคุณ หากคุณต้องการอะไร ให้ตาสองคนนั่นไปตามผมได้”
“ไม่เป็นไร”
“ผมลาละ”
เรือเร็วแล่นฉิวแหวกคลื่นไกลออกไปจากท่าทุกทีๆ โดยที่โกโบริไม่หันกลับมามองอีกเลย
อังศุมาลินนั่งเหลียวมองตามนิ่ง ปวดใจ แต่ทิฐิยังแรงกล้า

กลางดึก ตะเกียงที่หัวเสาชานเรือนดับลง ก่อนจะเห็นแม่อรเดินกลับห้อง พลันเหลือบไปเห็นแสงไฟส่องลอดออกมาจากประตูห้องอังศุมาลิน
อังศุมาลินนั่งเหม่ออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สายตาทอดต่ำลงไปที่ลิ้นชักที่เปิดค้างอยู่ เห็นซองจดหมาย และโปสการ์ดของวนัสในลิ้นชัก
เสียงประตูแง้มเปิดออกดังขึ้น อังศุมาลินรีบดันลิ้นชักเล็กปิดกลับ หันขวับไปทางประตู เห็นแม่อรเปิดห้องโผล่หน้าเข้ามา
“หนูยังไม่ได้ลงกลอน”
“ออ..ค่ะ กำลังว่าจะลุกไปพอดี”
อังศุมาลินลุกเดินไปที่ประตู
“นอนได้แล้วนะลูก พรุ่งนี้จะได้สดใส”
“ค่ะ ก็ว่าจะนอนแล้วคะ”
“จ้ะ นอนเถอะ”
อังศุมาลินดึงประตูปิด แล้วลงกลอนเดินกลับไปที่โต๊ะ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีโอลด์โรสที่โกโบริเคยให้ ที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาดู แล้วนำไปวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเอื้อมดับตะเกียงลง

โกโบริยังไม่หลับ อยู่ในห้องพัก ใส่เพียงกางเกงไม่ได้สวมเสื้อ กำลังยืนติดเข็มประดับยศ และเครื่องหมายต่างๆ ลงบนชุดนายทหารยศเรือเอกเต็มเครื่องแบบสีขาวที่แขวนอยู่
เสร็จแล้วโกโบริถอยออกมาดู แววตาอบอุ่น ภายใต้ใบหน้าที่ดูอ่อนเพลียของโกโบริ
ถัดจากนั้นโกโบริเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีโอลด์โรสของอังศุมาลินที่ยึดมา ซักรีดแล้วเรียบร้อย แต่เห็นรอยเปื้อนเลือดที่ซักไม่ออกตกค้างยังคงคาอยู่สีซีดจาง

โกโบริมองผ้าผืนนั้นนิ่ง เห็นความทรงจำสีจางๆ ในนั้นผุดพร่างขึ้น ก่อนจะพับเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของเครื่องแบบชุดนั้น

งานแต่งระหว่างโกโบริ และอังศุมาลิน จัดขึ้นที่ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น หอการค้าจีน ถนนสาธรทุกคนพร้อมหน้ากันตั้งแต่เช้าแล้ว

จนถึงช่วงตอนกลางวัน พิธีการกำลังเริ่มขึ้น
โกโบริในชุดเรือเอกสุดหล่อ กำลังยกถ้วยสาเกขึ้นจิบเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเหลียวมองทางซ้ายมือ เห็นอังศุมาลินสวยเฉิดฉายอยู่ในชุดกิโมโนขาวบริสุทธิ์ สวมหมวกคลุมตามประเพณีญี่ปุ่น ที่อยู่ทางซ้ายโกโบริ กำลังก้มหน้าจิบสาเกถ้วยสุดท้าย
หลวงชลาสินธุราชในชุดทหารเรือไทยเต็มยศ แม่อร ยายศร กำนันนุ่ม แม่วัน งดงามสง่าสมวัยอยู่ในชุดไทยประยุกต์ออกแนวสากล ทุกคนกำลังมองดูสองบ่าวสาว เช่นเดียวกับโทโมยูกิ โยชิ และทาเคดะ

ทูตวัฒนธรรมญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เป็นเจ้าพิธีให้สัญญาณ
โกโบริและอังศุมาลินกำลังจะวางถ้วยสาเกลงพร้อมกันบนโต๊ะตรงหน้า ซึ่งตามเคล็ดและความเชื่อของชาวญี่ปุ่นบ่าวสาวต้องวางถ้วยสาเกลงพร้อมๆ กัน
มีถ้วยสาเกที่จิบแล้ว ตั้งอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน คนละ 2 ใบ
โกโบริยื่นแขนจะวางถ้วยแล้วเหลียวมองอังศุมาลินอีกครั้ง โกโบริ มองอังศุมาลินที่ก้มหน้านิ่ง กำลังจะวางแก้วลงสัมผัสโต๊ะ และถ้วยถูกวางลงสัมผัสโต๊ะ
นาทีนั้นอังศุมาลินเกิดฉุนกลิ่นเหล้าสาเก ที่ไม่คุ้นอยากจาม แต่พยายามกลั้นสุดๆ แต่ในที่สุดอังศุมาลินกลั้นไม่ไหว จามออกมาเบาๆ นิดเดียว โกโบริมีสีหน้าไม่ดีนัก เหลียวมามอง เห็นอังศุมาลินเพิ่งจะวางแก้วลงสัมผัสโต๊ะทีหลังตน!
ทูตวัฒนธรรมเจ้าพิธีหน้าเสีย เช่นเดียวกับ 3 ชาวญี่ปุ่น โทโมยูกิ โยชิ ทาเคดะ ต่างตะลึงนึกไม่ถึง

ไม่นานหลังจากนั้นแลเห็นริ้วธงไทยและธงญี่ปุ่น จีบระย้าห้อยประดับในงานพิธีแต่งในห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น เสียงสนทนาดังอื้ออึง ทั้งไทย ญี่ปุ่น และอังกฤษ ในงานเลี้ยง
แขกเหรื่อมาร่วมงานพิธีคับคั่ง เต็มไปด้วยนายทหารทั้งไทยและญี่ปุ่น มีโกโบริและอังศุมาลินยืนเด่นอยู่ท่ามกลาง นายพลนาการมูระแม่ทัพใหญ่ ฮิชิดะ โทโมยูกิ โยชิ ทาเคดะและนายทหารติดตามอื่นๆ ต่างยืนถือแก้วเหล้าเตรียมดื่มอวยพร เช่นเดียวกับโกโบริที่ยืนถือแก้วในมือ อังศุมาลินยืนประสานมือนิ่งอยู่ข้างๆ
“ในนามของกองทัพข้าพเจ้าขออำนวยพรให้ท่านทั้งสองจงมีแต่ความสุขความเจริญ อายุยืนนาน และเพื่อความสัมพันธไมตรีอันดีงามของทั้งสองประเทศ”
ทุกคนยกแก้วดื่มอวยพร โกโบริที่สีหน้าแดงเรื่อๆ ยกดื่มตาม
นายพลโทโมยูกิเดินเข้ามาตบบ่า อวยพร
“มีความสุขมากๆนะหลานรัก” ก่อนจะหันมองไปที่อังศุมาลิน “และหลานสาวด้วยเช่นกัน”
โกโบริยิ้ม “ขอบคุณครับคุณลุง”
อังศุมาลินฟังนิ่งเฉย ก่อนผงกศีรษะรับเบาๆ
ถัดจากนั้นนักข่าวญี่ปุ่น 2-3 คนเดินตรงเข้ามา
“ขอถ่ายรูปคู่บ่าวสาวหน่อยครับ”
โกโบริแตะแขนอังศุมาลิน แล้วขยับตัวหันไปทางกลุ่มนักข่าว แสงแฟลชกระทบวูบวาบที่คนทั้งสอง
“ขอรูปคู่บ่าวสาวกับท่านนายพลด้วยครับ” นักข่าวญี่ปุ่นอีกคนบอก
นากามูระ และ โทโมยูกิ มองๆ กันแล้วเดินเข้ามาประกบยืนข้างบ่าวสาว นักข่าวอีกหลายสำนักวิ่งเข้ามารุมเพิ่ม แสงแฟลชกระทบวูบวาบระรัวที่คนทั้งสี่

ด้านหลวงชลาสินธุราช ที่ยืนคุยอยู่กับนายทหารระดับสูงฝ่ายไทย 4-5 นาย หันมามอง เป็นจังหวะที่อังศุมาลินเหลือบไปมองเห็นหลวงชลาสินธุราช ที่ทำหน้าเป็นเชิงขอบคุณลูกมากๆ ท่าทีห่วงใย แล้วเหลียวหา
อังศุมาลินมองหาจนเห็นแม่อร ยายศร กำนันนุ่ม กับแม่วันยืนคุยกันไปมาห่างๆ ที่อีกมุมในห้อง
ฝ่ายโกโบริคุยกับนายพลนากามูระ ใบหน้ายิ้มแย้ม “ใช่ครับ ผมเริ่มคุ้นคยกับอาหารเผ็ดๆ แล้วครับ
“ผมชอบกินต้มยำกุ้งมากๆ” แม่ทัพใหญ่ว่า
กลุ่มที่คุยอยู่ด้วย หัวเราะเฮฮากัน
แสงแฟลชยังระรัว อังศุมาลินยังคงยิ้มแย้ม มีคุณนายชาวญี่ปุ่น ในชุดกิโมโนลายและสีสวยๆ มาขอถ่ายรูปด้วย 3-4 คน อังศุมาลินมองหาโกโบริ
เห็นโกโบริคุยกับหลวงชลาสินธุราช และกลุ่มนักการเมืองไทยเป็นภาษาอังกฤษ
“I know that the financial situation of Thailand is in crisis. We worry about next year…” โกโบริว่า
“in my point of view, mr. ปรีดี พนมยงค์ should concern about it very well…” คุณหลวงตอบ
อังศุมาลินมองอย่างทึ่ง
พวกทหารญี่ปุ่นหนุ่มๆ มาขอถ่ายรูปกะอังศุมาลิน
พอถ่ายเสร็จ อังศุมาลินมองหาอีกที เห็นโกโบริกำลังคุยยิ้มแย้ม กะพวกข้าราชการไทย และพูดไทยได้ดี
“ละครหรือครับ..ไม่เคยดูครับ ละครแบบไทยแท้ๆ เลยหรือครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นละครสมัยใหม่ มีเพลง มีวงดนตรีวงใหญ่ แต่งตัวแบบทันสมัยด้วย” หญิงไทยบอก
“แบบอุปรากรน่ะหรือครับ น่าสนใจมากครับ”
อังศุมาลินมอง ทึ่งอีกแล้ว
จังหวะนั้น ยายศร แม่อร กำนันนุ่ม และแม่วันกำลังจะเข้ามาหา แต่แล้วก็มีพวกแขกไฮโซญี่ปุ่นอีกกลุ่ม รีบดึงอังศุมาลินไปแนะนำใครอีก อังศุมาลินหันไปมองพวกที่บ้านห่วงๆ
ยายส่งยิ้มมา โบกมือให้ไปเถอะๆ อย่าห่วงยิ้ม ให้กำลังใจหลาน อังศุมาลินพยักตอบ
อังศุมาลินไปทำความรู้จักพวกไฮโซญี่ปุ่นกลุ่มนั้น กล่าวขอบคุณ โค้งๆๆ กันไป ให้สมกับชุดที่สวมอยู่ อังศุมาลินโค้งแล้วโค้งอีก จนเหนื่อย พอเงยมาอีกที ก็รู้สึกอบอุ่นวาบ เพราะโกโบริมายืนข้างๆ เมื่อไหร่ไม่รู้
โกโบริมองมาอย่างห่วงใย “เมื่อยไหม”
อังศุมาลินโคลงศีรษะตอบเบาๆ โดยไม่เงยหน้า
เสียงนักข่าวญี่ปุ่นคนหนึ่งดังขึ้น “คู่บ่าวสาวมองทางนี้หน่อยครับ”
โกโบริจับมืออังศุมาลินมากุม แล้วนำให้เหลียวมองไปทางกล้อง อังศุมาลินหันตามและเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย เสียงชัตเตอร์ดังระงมและแสงแฟลชวูบวาบไปมา แล้วสองคนหันมามองหน้ากันนิ่งๆ

นาทีนั้นทั้งคู่จับมือกัน มองหน้าสบสายตาซึ้งๆ ท่าทางรักใคร่กันมากมาย

คู่กรรม ตอนที่ 14 (ต่อ)

ส่วนที่มุมหนึ่งในงาน คุณหลวงชลาสิน แม่อร ยายศร ยืนคุยอยู่กับกำนัน และแม่วัน มีฑูตวัฒนธรรมฝ่ายไทยมายืนคุยด้วย

“แล้วนี่คู่บ่าวสาวใช้เรือนหอที่ไหนละครับคุณหลวง” ฑูตวัฒนธรรมถาม
“ก็เป็นที่บ้านแม่อร ทีแรกทางกองทัพก็เตรียมบ้านรับรองไว้ให้เหมือนกัน แต่โกโบริเขาบอกคืนไป”
“ก็คงจะห่วงงานที่อู่นั่นละ คงคิดว่าอยู่บ้านฉันแล้วมันใกล้ที่ทำงานดี ไปมาง่าย” แม่อรว่า
“อืมพ่อคนนี้เขาเอาห่วงงานจริงๆ” ยายพยักหน้ายิ้มๆ
“ก็ดีนะ” กำนันเห็นงามด้วย
ทุกคนยิ้มๆ บรรยากาศชื่นมื่น
สารวัตรองอาจเดินมา เมียงมอง คุณหลวงชลาสินธุราชหันสบตา อย่างรู้กัน จากนั้นสารวัตรองอาจเดินนำไปอีกทาง
“ฉันขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะ” คุณหลวงบอกคนอื่นๆ
“เชิญจ้ะ” กำนันพยักหน้ารับรู้
คุณหลวงแยกตัวออกไป

ไม่นานนักหลวงชลาสินธุราชเดินมาตามทางเดิน ผ่านนายทหารญี่ปุ่นบางคนยิ้มแย้มทักทายกัน แล้วเดินไปต่อ คุณหลวงเดินเลี้ยวมาเข้าห้องน้ำ ผงะเมื่อชนกับสารวัตรองอาจที่เดินสวนออกมาพอดี
“อา...คุณหลวง เชิญครับ”
“สารวัตร…”
องอาจบิดตัวหลบเปิดทางให้ คุณหลวงเดินผ่านเข้าไป
สารวัตรองอาจมองจนคนอื่นๆ ออกไปหมด แล้ว จึงเดินกลับเข้ามาหาคุณหลวง ที่กำลังทำทีเป็นล้างมืออยู่
สองคนเดินหลบมาคุยในมุมปลอดภัยของห้องน้ำ คุณหลวงรีบถาม
“ว่ายังไง”
“เมื่อคืน ได้ตัวสปายอังกฤษมาคนหนึ่งครับ”
“พวกเชลยหรือ”
“ไม่ใช่ครับ เป็นคนไทย แต่เป็นนักเรียนอังกฤษ มาจากลังกา...บอกว่าขึ้นฝั่งมาจากแถวพังงา ตอนนี้อยู่ที่สันติบาล”
หลวงชลาสินธุราชตะลึง พอดีมีชายคนหนึ่งเดินเข้าห้องน้ำมา คุณหลวงรีบผละออก แล้วเดินสวนออกไป ส่วนสารวัตรองอาจทำเป็นล้างมือ

ตกตอนกลางคืน ชาวตลาดและชาวฝั่งธนมารวมตัวกันอยู่ที่ท่าน้ำบ้านอังศุมาลินรอดูบ่าวสาว เห็นตะเกียงเจ้าพายุโคมโตในมือตาบัว เดินไปมาแล้วหยุดที่ริมท่าน้ำ ก่อนจะยกตะเกียงขึ้นสูงระยะสายตา ตาบัวมองออกไปทางคุ้งน้ำนอกท่าตลอดเวลา

ด้านตาผล และคนอื่นๆ ที่นั่งรออยู่ตรงท่าน้ำชะเง้อมองตาม โกเม้ง วิภา และชาวตลาด ทุกคนแต่งตัวสวยหล่อกันเป็นพิเศษ ต่างรอดูใจจดจ่อ
ตาบัวหันกลับจะเดินวนต่อไปอีกทาง แต่ไปเจอหน้าเคสุเกะที่เดินมาป๊ะกันพอดี
“หยา...จะทำอะไร” ตาผลตั้งท่ายกการ์ดมวย
เคสุเกะผงะ “อาไร”
ตาบัวเต้นฟุตเวิร์ค “ไอ้เต้าหู้ อย่านะโว้ย”
ว่าแล้วตาผลจะพุ่งเข้าใส่ อาโกรีบลุกขึ้นมาห้ามมวย
ตาผลบอกกับเคสุเกะ “เฮ้ย เดินเข้ามาจะหาเรื่องเหรอวะไอ้เต้าหู้”
อาโกบ่นห้ามงึมงำ “อ๊ายหยา ไม่เอาๆ งานดีงานมงคล อย่ามาตีกัง” แล้วหันมาถามเคสุเกะ “แล้วลื้อจะมาเอาอะไร”
“ไม่เอาๆ-มาดู-ด้วย” เคสุเกะ ชี้ไปทางคุ้งน้ำ
ยายเมี้ยน ตาแกละ แมว ในชุดสวยจัดเต็ม เดินแหวกกลุ่มชาวบ้านพรวดๆ เข้ามา
“ไหนๆ มากันแล้วเหรอ”
“ดูซิๆ” ตาแกละร้อง
แมวมองหา “ไหนจ๊ะ”
คนที่นั่งๆกันอยู่ลุกพรวดขึ้นชะเง้อชะแง้ดูกันพรึบพับ
“ไหนๆ” / “มาแล้วเหรอ”
“ก็นี่ไงละ ไทยญี่ปุ่นทะเลาะกันอยู่เนี่ย” อาเม้งบอก
“หา...เชอะ ไอ้พวกนี้เหรอ ไม่เอ๊าไม่ดู ฉันจะมาดูเจ้าบ่าวเจ้าสาว” ยายเมี้ยนว่า
วิภาเหลียวไปเห็นเรือยนตร์ลำโตแล่นใกล้มุ่งเข้ามา
“นั่นๆ คงลำใหญ่ที่กำลังมานั่นแน่เลย”

ไม่นานนัก หมอโยชิ กับ หมอทาเคดะ ก้าวนำขึ้นท่ามาก่อน ก่อนที่ โกโบริจะตาม แล้วหันไปประคองรับมืออังศุมาลินให้ก้าวขึ้นมาจากเรือยนต์ กำนันประคองยายศร ตามมาด้วย แม่อร แม่วัน และหลวงชลาสินธุราช
เคสุเกะ เมี้ยน แมว แกละ โก เม้ง วิภา และชาวตลาด แย่งกันแซงหน้าเพื่อมุงใกล้ๆ
ตาบัวกะตาผล ทำหน้าที่แหวกทางให้คณะที่มาอย่างขันแข็งเป็นพิเศษทันที
“เอ้าๆ ไทยมุง ทั้งหลายหลบๆ” ตาบัวว่า
ตาผลบอก “ไปๆ หลบไป ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาเดิน”
ชาวบ้านต่างฮือฮา เรียกชื่ออังศุมาลินกัน โกโบริที่มีสีหน้าเหนื่อยล้า จูงมืออังศุมาลินที่ยังคงสีหน้านิ่งๆ อเงยมองเล็กน้อยแล้วก้มหน้าเดินต่อ
วิภาตะโกน “อุ๊ย เจ้าสาวสวยจัง ยังกับตุ๊กตาญี่ปุ่น”
แมวร้องลั่น “ว้าย นี่เหรอสวย.. ทำไมหน้าเจ้าสาวขาวว่อก ยังกะใส่หน้ากากแบบนั้นล่ะ”
ยายเมี้ยนปรามลูกสาว “จุ๊ๆ นั่งนี่..แม่อังๆ เหนื่อยมั้ยจ๊ะ ป้าเมี้ยนเองจ้ะ”
“ลุงแกละก็มาจ้ะแม่อัง”
หลวงชลาสินธุราชเดินผ่าน ตาบัวเหลือบเห็น ชิดเท้าแข็งขันเยี่ยงทหารขึ้นมาทันที
“เชิญครับท่าน”
ตาผลบอกอย่างเข้มแข็ง “ครับพ้ม”
คุณหลวงตกใจเล็กน้อยหันไปมอง ตาบัวยิ้มแฉ่ง แต่พอพวกนายทหารญี่ปุ่นเดินผ่าน ตาบัว ตาผล กลับเงียบเกร็งๆ ขึ้นมาทันที

ไม่นานต่อมาพานของมงคลพิธีปูที่นอน ถูกนำมาวางบนโต๊ะเตี้ยข้างฟูกนอนแบบญี่ปุ่นที่เป็นสองฟูกปูเรียงติดกันอยู่บนเสื่อกกสีธรรมชาติผืนโตปูเต็มห้อง
กำนันนุ่ม กับแม่วันเป็นผู้นำของมงคลมาวาง กำนันอุ้มไก่ แม่วันอุ้มแมวขาว ภายในห้องถูกจัดแจงตกแต่งใหม่ดูแปลกตา ตามแบบญี่ปุ่น ด้านหนึ่ง เหมือนเป็นมุมแต่งตัว มีฉากกระดาษเขียนลายทิวทัศน์ญี่ปุ่นตั้งกั้นแบ่งเป็นอีกส่วน
“ขอให้คู่สมรสจงมีน้ำใจใสสะอาดดุจน้ำในหม้อนี้ ให้อยู่เย็นเป็นสุขดังน้ำและลูกฟัก ให้มีใจหนักแน่นเหมือนดั่งหิน” กำนันเอ่ยขึ้น
แม่วันเสริม “มีอายุยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทองตะบองยอดเพชร รักบ้านรักเรือนดังแมวคราว นอนดึกลุกเช้า เฝ้าขยันหมั่นเพียรดั่งไก่งาม”
กำนันว่าต่อ “และให้มีความเจริญวัฒนาเหมือนถั่วงาและข้าวเปลือกที่งอกงามบริบูรณ์”
กำนันนุ่ม และแม่วันวางหมอนเคียงกัน
กำนันนุ่มกะแม่วันยกมือไหว้พระ ก้มลงกราบลงบนหมอน 3 ครั้ง แล้วล้มตัวนอนลงบนหมอนคนละใบ กำนันนอนข้างขวา แม่วันข้างซ้าย
โกโบรินั่งคุกเข่าพับขาแบบญี่ปุ่น ดูอย่างทึ่งๆ  ข้างๆ ฟูกถัดออกไปริมผนัง มีหมอโยชิคอยอธิบายให้ นายพลโทโมยูกิ หมอทาเคดะ และฑูตวัฒนธรรมญี่ปุ่นฟัง โดยมี ทูตวัฒนธรรมไทย นั่งเรียงกันอยู่ใกล้ๆ
ประตูห้องเปิดออก แม่อร และหลวงชลาสินธุราชพาอังศุมาลินเดินเข้ามา โกโบริหันไปมอง

แม่อรและคุณหลวงพาอังศุมาลินมาส่งตัวเข้าหอ

อังศุมาลินนั่งลงก้มหน้า ไม่ยอมมองใคร แม่อรแตะตัวเตือน อังศุมาลินจึงก้มลงกราบโกโบริตามประเพณี โกโบริมองแบบทึ่งๆ ตื้นตัน

“แม่ขอฝากอังศุมาลินให้พ่อโกโบริช่วยดูแล อังเขายังเด็กถ้ามีอะไรบกพร่อง วู่วาม ก็ขอให้พ่อโกโบริว่ากล่าวตักเตือน รักใคร่เอ็นดูเหมือนน้องสาว เลี้ยงดูยายอัง อย่าได้ทอดทิ้ง” แม่อรบอกฝากฝังอังศุมาลิน
“ครับ ผมจะดูแลอังศุมาลิน..เท่าชีวิตของผม” โกโบริรับปาก
อังศุมาลินก้มหน้านิ่ง เก็บความสับสนงุนงงไม่แน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ภายใน
คุณหลวงเอ่ยขึ้น “ยายอัง วันนี้แล้วที่ชีวิตของลูกจะเปลี่ยนไป...” จู่ๆ ก็นิ่ง พูดต่อไม่ออก “พ่อขอขอบใจในทุกสิ่งที่ลูกได้ทำมาแล้ว ต่อไปก็..ขอให้ลูกเป็นภรรยาที่ดีของโกโบริ” ในที่สุดคุณหลวงก็พูดอย่างจริงใจ “ให้มีชีวิตภายภาคหน้าที่มีความสุข...” แล้วคุณหลวงพูดไม่ออกอีก คอตีบตันขึ้นมา
ทั้งหมดเงียบไปครู่หนึ่ง บรรยากาศเกิดช่องว่างขึ้นมา
แม่อรน้ำตาจะไหล รีบพูดขึ้นมาเพื่อกลบความเงียบ “แม่ก็ขอให้ลูกมีความสุขนะลูกนะ ลูกแต่งงานแล้ว...เป็นสมบัติของเขาแล้ว อย่าหยิ่ง อย่าถืออย่าทะนงตัวต่อไปอีก มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจาปรองดองกัน ขอให้มีความสุขนะลูกนะ”
ยายศร นายพลโทโมยูกิ หมอทาเคดะ หมอโยชิและทูตวัฒนธรรม มองคู่บ่าวสาวอย่างชื่นชม

แม่วัน และกำนัน กำกับชี้ บอกพลางจับตัวให้โกโบริ อังศุมาลินค่อยๆ ล้มตัวลงบนฟูกนอน โดยโกโบรินอนขวา อังศุมาลินซ้าย
โกโบริอดแอบเหลียวมองอังศุมาลินที่สีหน้านิ่งนอนอยู่ข้างๆ

แม่อร และยายศร ออกจากห้องเป็นคนสุดท้ายก่อนปิดประตูห้องลง
โกโบริ นอนนิ่งมองเพดานค้างอยู่ อังศุมาลิน นอนเหลือบตามองไปทางประตูว่าไปกันหมดแน่หรือยังทั้งสองนอนค้างนิ่ง โกโบริค่อยๆ เหลียวมองอังศุมาลินไม่รู้จะทำอะไรยังไงต่อ ทั้งสองขยับลุกขึ้นนั่งมาพร้อมๆ กันโดยไม่ได้นัด
“คุณ”
ทั้งสองที่ต่างหันมาเอ่ยๆ พร้อมกัน สบตากันไม่ทันตั้งตัว ต่างรีบหันหลบกลับ
โกโบริค่อยๆชำเลืองมอง
“คุณ...ถอดชุดออกก่อน ดีไหม”
อังศุมาลินสะดุ้ง หันขวับไปทันที
“คุณจะทำไม”
โกโบริตกใจ และรู้ได้ทันทีรีบตอบ
“เปล่า...ผมแค่คิดว่า คุณคงเหนื่อยกับชุดนี้มาทั้งวัน..ก็ควรที่จะ...”
“ไม่ต้อง ฉันรู้ฉันจัดการของฉันเอง”
“ให้ผมช่วยไหม”
“ไม่”
อังศุมาลินขยับหันหลังให้
“ฉันจะเปลี่ยนชุด...”
“ใช่...ผมคงต้องออกไปข้างนอก แต่...ไม่รู้จะได้ไหม”
โกโบริลุกจากฟูก เดินไปที่ประตู อังศุมาลินมองตามติด

ทุกคนอยู่บนชานเรือน แม่อร ยาย หลวงชลาสินธุราช กำนัน แม่วัน ตาบัว ตาผล ยายเมี้ยน ตาแกละ แมว อาโก เฮียเม้ง และวิภา ยืนคุยกันไปมา ถัดไปเป็นกลุ่มของโทโมยูกิ ทาเคดะ โยชิ ทูตวัฒนธรรมญี่ปุ่น พูดคุยกันและเตรียมตัวจะกลับ
“สมกันจริงเลยนะคะคุณหลวง แม่หนูอังศุมาลินกะพ่อโกโบริ กิ่งทองกับใบหยกยังไงยังงั้นเลย” ยายเมี้ยนว่า
ตาแกละเสริม “ใช่ เลยคุณหลวง ช่างเป็นบุญพาวาสนาส่งแม่อังจริงๆ ได้คู่ครองดีมียศถาบรรดาศักดิ์ เป็นเจ้าคนนายคนใหญ่โต อีกหน่อยแม่อรก็สบายแล้ว ไม่ต้องทำแล้วสงสวน”
คุณหลวงยิ้มเจื่อนๆ ไป
“โอย ไม่ถึงอย่างนั้นหรอก..พ่อแกละก็พูดเกินไป” แม่อรบอก
ยายศรเสริม “ใช่ยังไงเสีย ฉันก็ต้องทำสวนของฉันต่อวันยังค่ำ”
ตาบัวกะตาผล ที่ยืนฟัง ยิ้มพยักพเยิดอยู่ด้วย เหลือบหันไปเห็น
“อ้าว นายช่างออกมาทำไมนั่น”
ทุกคนในกลุ่มเหลียวมองเป็นตาเดียวกัน
โกโบริหันหลังดึงปิดประตูห้องอังศุมาลินปิดลงเบาๆ หันมาถึงผงะ ที่ทุกสายตามองมายังตนเป็นตาเดียว

อังศุมาลินกำลังลุกยืนจะหาทางปลดชุดออกเงอะๆ เงิ่นๆ ไปมาทุกอย่างในตัวยังอยู่เหมือนเดิม เสียงประตูเปิดออก พร้อมด้วยเสียงผู้คนหน้าประตูเอะอะเซ็งแซ่
“ไม่ได้ๆ พ่อดอกมะลิ เข้าไปๆ”
อังศุมาลินหันไป
เห็นโกโบริถูกผลักเดินกลับเข้ามา มียายศรโผล่มาหน้าประตูกำชับ
“อังลูก...ห้ามให้พ่อดอกมะลิออกมาอีกเชียวนะ ตายละ โบราณเข้ายิ่งห้ามๆ เข้าไปๆ”
ประตูปิดลง โกโบริเดินหน้าเจื่อนเดินมา อังศุมาลินยืนนิ่งทำอะไรต่อไม่ถูก
“ต้องขอโทษด้วย ผมออกไปไม่ได้จริงๆ”
โกโบริเดินหลบไปมุมหนึ่ง เห็นอังศุมาลินยังเก้กัง
“คุณ น่าจะถอดหมวกผ้ากับช้องออกก่อน” โกโบริขยับเดินเข้าไป “ผมช่วยเอาออกให้ดีกว่า”
อังศุมาลินหันขวับ โกโบริหยุดกึก
“รับรอง ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณ”
โกโบริบอกแล้วเข้าไปหาอังศุมาลินอังศุมาลินยืนตัวเกร็ง
“คุณนั่งลงก่อน จะดีกว่า”
อังศุมาลินมองหน้า โกโบริมอง จริงจัง อังศุมาลินจึงค่อยๆ นั่งคุกเข่าลง
โกโบรินั่งลงประจันหน้า ปลดเครื่องประดับบนศีรษะอังศุมาลินออกทีละชิ้นวางลง อังศุมาลินตัวแข็ง พยายามจะเบี่ยงตัว
“คุณต้องนั่งนิ่ง ไม่งั้นเข็มจะโดนคุณเจ็บ”
“พอแล้ว ฉันแกะเอง”
“จะเสร็จแล้ว”
ช้องบนศีรษะถูกปลดวางลง ผมยาวประบ่าของอังศุมาลินคลี่สยายลงมา
“ค่อยเป็นตัวคุณคนเดิมหน่อย” โกโบริว่า พลางจ้องมองอังศุมาลิน “ไม่ใช่เหมือนตัวตุ๊กตาที่ยืนเฉยนิ่ง โดยไม่พูดกับผมเลยสักคำวันนี้ทั้งวัน...แต่ถ้าคุณเป็นตัวตุ๊กตาจริงก็คงจะดี”
ใบหน้าโกโบริก้มคล้อยลงมาใกล้ อังศุมาลินเบือนหน้าหนี
“ขอโทษ”
โกโบริขยับลุกขึ้น เดินไปยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง อังศุมาลินอึ้ง

ดึกแล้วโกโบริ ยังยืนอยู่ที่เดิม มองออกไปยังสวนที่มืดมิด แล้วหันกลับมาอังศุมาลิน
“วันนี้ผมคงกลับไปนอนที่อู่ไม่ได้ คงต้องขออาศัยนอนที่นี่ไปก่อน จะให้ผมนอนตรงไหนก็ได้”
โกโบริหันเห็นอังศุมาลินยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่ พยายามแกะปมชุดไปมาเก้กัง
“ให้ผมช่วยเถอะ”
อังศุมาลินหันขวับ “ไม่ต้อง”
โกโบริขยับเดินตรงเข้าไปหาอังศุมาลินทันที อังศุมาลินตกใจจะขยับถอย โกโบริคว้าดึงไว้ได้ก่อน
“นี่คุณ”
“คุณเพิ่งได้รับคำสอนว่าไม่ให้หยิ่งทะนงอีกต่อไปไม่ใช่หรือ คุณเป็นสมบัติของผมแล้ว และเราก็ต้องพูดจาปรองดองกัน”
อังศุมาลินตาโต เถียงไม่ออก ตะลึงนิดๆ กับถ้อยคำที่โดนย้อน
“ฉะนั้น ตอนนี้คุณต้องเชื่อฟังผม”
“แต่...”
อังศุมาลินขยับกุมสายปลดชุดไว้แน่น มองโกโบริขวางๆ
โกโบริหัวเราะนิดๆ “คุณ เลิกระแวงผมเสียเถอะ แค่จะช่วยคุณ เท่านั้นจริงๆ”
อังศุมาลินอึ้ง เสียหน้า ยินยอมให้โกโบริช่วย
โกโบริแกะไปคุยไป “วันนี้คุณสวยมาก ใครต่อใครก็ชมคุณ...แต่ผม ชอบแบบวันที่เรา..หมั้นกันมากกว่า” นิ่งไปนิด แล้วยิ้มกว้าง “นี่แม่ผมส่งโทรเลขมาอวยพรตั้งแต่เมื่อเช้า คุณอยากเห็นไหม”
อังศุมาลินตัวเกร็ง รีบพยักหน้ารับ เพื่อให้โกโบริวางมือไป
โกโบริหันไป หยิบโทรเลขออกมาจากเสื้อ แล้วยื่นส่งให้ อังศุมาลินรับไปดู รีบคลี่ออกแต่พลิกหมุนไปมาโกโบริเหลือบมอง
โกโบริแซว “ลูกศิษย์หมอโยชินี่เก่งนะ อ่านกลับหัวได้ด้วย”
อังศุมาลินเถียง “ก็อ่านไม่ออกนี่ ตัวคันจิ..เป็นจุดอ่อนของชั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“รู้สึกหมอเขาลืมสอนคุณไปประโยคหนึ่ง ผมสอนให้เอาไหม”
อังศุมาลินรีบตัดยท “ไม่ต้องค่ะ”
โกโบริหัวเราะเบาๆ ทำเป็นจดจ่อกับการแก้เงื่อนโอบิตรงหน้า ที่ไม่ยอมแก้ให้หลุดออกจริงๆ เสียที
อังศุมาลินถาม “จดหมายเขียนว่ายังไงคะ”
“คุณสนใจด้วย”
อังศุมาลินงอน “ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ”
โกโบริรีบบอก คล่องราวกับท่องมาช่วยแต่งเป็นคำโคลงให้ด้วย “ขอให้ความหวังและแผนอนาคต ที่วางร่วมกันไว้ประสบผลสำเร็จ ขอให้ความฝัน ความปรารถนาดี ที่รอคอยร่วมกันมา จงสัมฤทธิ์ผล”
อังศุมาลินงง “แปลว่า”
“เอ จะแปลยังไงดีล่ะ...ขอให้เธอทั้งสอง ได้บรรลุผลตามสิ่งที่มุ่งหวังตั้งใจและที่ได้วางแผนร่วมกันไว้ขอให้เธอทั้งสอง ได้พานพบกับความฝัน และความมุ่งมาดปรารถนาดีทั้งมวล ที่ได้กลายเป็นจริง..แล้วคุณรู้ไหม โคลงบทนี้มีต่อไปว่ายังไงอีก”
อังศุมาลินสั่นศีรษะโดยเร็ว
โกโบรินิ่งไปครู่ พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ขอให้ความรักและดวงใจทั้งสอง ผนึกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว” โกโบริพูดต่อเป็นภาษาอังกฤษ “may the love you share, be all two hearts could hold” ยิ้มตาเป็นประกายฝันๆ แล้วลองแปลเป็นไทย “ขอให้ความรักและดวงใจทั้งสอง ผนึกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว”
โกโบริถอนใจน้อยๆ ยิ้มเศร้าๆ แล้วแก้เงื่อนโอบิโดยเร็ว ก่อนจะถอยออกมา
โกโบริหัวเราะขื่นๆ ประชดนิดๆ “น่าขัน ที่จนมาตอนนี้ เราก็ยังใช้ภาษาเดียวกันให้เข้าใจกันไม่ได้...” และอยู่ๆ หักมุมทันที “เชิญคุณเปลี่ยนชุดได้”
โกโบริเดินไป มองวิวนอกหน้าต่างตามเดิม

อังศุมาลินมองตามไป แววตาอ่อนลง สีหน้าเศร้า

คู่กรรม ตอนที่ 14 (ต่อ)

ฉากบังตากรุกระดาษลวดลายทิวทัศน์ญี่ปุ่น ที่เดิมตั้งเป็นส่วนบังตาตรงมุมเปลี่ยนเสื้อผ้า ถูกย้ายนำมาตั้งไว้กลางห้อง ระหว่างฟูก ที่นอน 2 อัน ที่ถูกจับแยกออกจากกัน

โกโบริยืนพยายามจัดวางฉากนั้นให้สมดุลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปชะโงกดูที่อีกฝั่งของฉาก
ฟูกที่ถูกแยกออกจากกัน ถูกคั่นด้วยโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเตี้ยที่วางไว้ตรงหัวนอน บนโต๊ะนั้น มีแจกันแก้ว ปักดอกมะลิซ้อนไว้เต็ม
โกโบริจัดที่นอนเสร็จ หันไปเห็นอังศุมาลินยืนงงอยู่ที่เดิม มองหาบางอย่างไปรอบๆ
“เสื้อผ้าคุณอยู่ในตู้”
โกโบริบอก พลางชี้ไปที่ตู้สี่เหลี่ยมแบบฝาเลื่อนแปลกตาที่ด้านปลายเท้า
อังศุมาลินเลื่อนฝาประตูตู้ออก เห็นภายในมีเพียงเสื้อผ้าของตนที่จัดไว้ด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งนั้นว่างเปล่า อังศุมาลินรีบหยิบชุดตนออกมา
โกโบริรีบหันกลับ เดินไปทางฝั่งของตน เพื่อให้ฉากที่กั้นกลาง ทำหน้าที่บังตา
โต๊ะเขียนหนังสือตัวเก่าของอังศุมาลิน ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ด้านที่นอนโกโบริ มีซามิเซ็งวางคู่อยู่กับขิม
อังศุมาลินเปลี่ยนชุดอยู่ที่หลังฉาก คอยมองระวังโกโบริอยู่ตลอด แต่โกโบริสนใจอยู่กับขิมบนโต๊ะตรงหน้าเท่านั้น จับไม้ไล่ตีไปมาเบาๆ

สักพัก อังศุมาลินเปลี่ยนชุดนอนเป็นซิ่นยาว เสื้อแพร ขมวดผมไว้กลางศีรษะ ใบหน้ายังแต่งไว้หน้าเตอะ เดินออกมามองหาให้แน่ใจ แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มีเหยือกน้ำโถใหญ่วางอยู่กับอ่างเคลือบใบโต พยายามจะยกเทน้ำแต่ไม่สำเร็จ
อังศุมาลินจึงเอ่ยขึ้น “เอ่อ..ช่วยรินน้ำให้หน่อยได้ไหมคะ”
“อะไร..ออ ได้ซิ”
โกโบริหันไปมองอังศุมาลิน อังศุมาลินเสไปมองทางอื่น
ครู่ต่อมาโกโบริยกโถเหยือกเทให้ อังศุมาลินหันกลับมามองไปที่ชุดเครื่องแบบที่โกโบริใส่อยู่ เหมือนอยากจะถาม โกโบริเหลือบเห็นสายตานั้นพอดี
“ไม่เป็นไร ผมนอนแบบนี้เลยได้ เคยชินแล้ว หลับแบบใส่เครื่องสนามเต็มตัวหนักกว่านี้ก็ยังมี...แต่หน้าคุณ ต้องใช้น้ำมันล้างด้วย ถึงจะออก น้ำเปล่าอย่างเดียวไม่ไหวแน่ น้ำมัน...อยู่ที่โต๊ะ...” โกโบริพยักพเยิดไปที่โต๊ะเครื่องแป้งใหม่
อังศุมาลินหันตัวเดินไปโต๊ะเครื่องแป้ง ที่เป็นแบบนั่งพื้น มีกระจกบานเหลี่ยม มีลิ้นชักต่างๆ นั่งพับเพียบลงตรงหน้าโต๊ะ แล้วก็ต้องชะงัก
เมื่อเห็นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเปิดอ้าวางอยู่ มีสร้อยคอทองคำขาวเส้นเล็ก และล็อคเก็ตทองคำขาวรูปหัวใจ ประดับด้วยเพชรและไข่มุกสีชมพู บรรจุอยู่ภายใน
อังศุมาลินเข้าใจได้ทันที หันขวับไปทางโกโบริที่ยืนมองรออยู่
“ของขวัญของคุณ จากผม”
“ขอบคุณค่ะ”
โกโบริถามเก้อๆ “คุณชอบไหม”
อังศุมาลินอึกอัก “มัน...” พูดไม่ออก “ดีเกินไป”
“ไม่มีอะไรดีเกินไปสำหรับคุณ ถ้า...ผมทำให้ได้”
“ขอบพระคุณ”
อังศุมาลินบอก พร้อมกับมองไข่มุกนั้นนิ่งไปพักหนึ่ง โกโบริมองอาการนั้น พยายามจะอ่านความรู้สึก ลุ้นให้อังศุมาลินหยิบขึ้นมาลองใส่
แต่แล้ว อังศุมาลินกลับปิดกล่องนั้น ผลักออกไปทางหนึ่ง แล้วหันมองดูกล่องเครื่องสำอางจากญี่ปุ่น ที่มีของต่างๆ พวกครีม น้ำมัน โทนเน่อร์ โลชั่นเป็นชุด วางเรียงราย อย่างไม่คุ้น แล้วเลือกหยิบขวดน้ำมันมะกอกขึ้นมาส่องอ่านดูเปิดขวด แล้วเทนั้นใส่มือ เอาน้ำมันแตะๆ ทาหน้า
โกโบริอดรนทนไม่ได้ ลุกมา “ผม..ทำให้ดีกว่า”
อังศุมาลินอ้าปากจะค้าน แต่โกโบริลุกมานั่งลงข้างๆ แล้ว แล้วเปิดถุงกระดาษสาเล็กๆ ตรงแถวเครื่องสำอางนั้น ดึงสำลีที่ทำเป็นก้อนกลมๆ ไว้แล้ว ออกมา แล้วเอาน้ำมันมาเทใส่
อังศุมาลินมอง งงๆ
“ผมเคยเห็นแม่ทำบ่อยๆ..แม่ใช้เวลานาน และดูยุ่งยากมาก”
อังศุมาลินจะแย่ง “ฉันทำเอง ฉันทำได้ ฉันก็เคยแต่งหน้ารำละครมาแล้ว”
“แป้งแบบญี่ปุ่น ไม่เหมือนแป้งของที่ไหน อยู่เฉยๆ เถอะ หลับตา...”
อังศุมาลินจะค้าน แต่โกโบริมองมา หน้าจริงจัง ไม่ได้มีเลศนัยอะไร มือถือสำลีข้างหนึ่ง น้ำมันข้างหนึ่ง ท่าทางจริงจังและพร้อมมาก
อังศุมาลินจำต้องหลับตาลง
โกโบริเช็ดหน้าให้อังศุมาลินอย่างตั้งใจ ท่าทีอ่อนโยน มือไม้เก้กัง ไม่ถนัดนัก แต่ก็ตั้งใจเต็มที่
อังศุมาลินหลับตา เงยหน้าแบบจำนน
โกโบรินิ่งมองใบหน้านางกลางใจ แววตาอ่อนโยน แล้วเช็ดไปอย่างพยายามให้ดีที่สุด สุภาพที่สุด
ในแสงตะเกียง มีเงาสองคนทาบบนฉาก เห็นภาพที่สวยงาม ประทับใจ

ตะเกียงถูกหรี่ลดแสงลง โกโบริกำลังค่อยๆ ปลดชุดเครื่องแบบออก ข้างในใส่เสื้อยืดขาวคอกลมด้วย
ส่วนที่หลังฉาก อังศุมาลินนั่งบนที่นอนของตน พนมมือสวดมนตร์ตามที่ปฏิบัติเป็นประจำ หางตาแลเห็นเงาของโกโบริทอดลงบนฉาก เดินไปมาเฉียดเข้ามาใกล้ที่ฉาก แล้วห่างออกไป
อังศุมาลินแอบมองอยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจ แล้วหันกลับ พยายามตั้งสติสวดมนตร์ต่อครู่เดียว ยินเสียงเคลื่อนไหว ประกอบกับเสียงขยับของฉากดังมาอีก เพราะโกโบริมาจัดหมอนผ้าห่มอยู่ตรงหลังฉาก อังศุมาลินเหลียวขวับไปดูอีกครั้ง และเลยไม่สวดต่อรีบก้มกราบกับหมอน แล้วล้มตัวนอน
พร้อมกับดึงผ้าห่มปิดมิดถึงคอ สอดตาคอยมองจ้องที่ฉากไม่วางตา

ส่วนที่หน้าฉากกั้นโกโบริซึ่งยังไม่ได้สวมเสื้อ เดินมาเทน้ำในชามอ่างทิ้งลงหน้าต่าง แล้วเทจากโถเหยือกลงไปใหม่ เพื่อวักล้างหน้าล้างตัว
โกโบริซับเช็ดหน้า เช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูที่มีคนวางพับไว้ให้บนโต๊ะเหยือกน้ำแต่แรกแล้ว สวมเสื้อยืดขาว หวีผมพลางหันไปหยุดจ้องมองที่ฉาก
เงาโกโบริทอดดำทะมึนเข้ามาใกล้ที่มุมฉาก แล้วหยุดนิ่ง อังศุมาลินนอนหลับตา ตะแคงตัวหันมาทางฉากนิ่ง
โกโบริขยับเดินถอยออกมา ดับตะเกียง แล้วล้มตัวลงนอนถอนใจยาว ห่มผ้าหลับตานอน

อังศุมาลินค่อยๆ หรี่ตาขึ้น มองจนแน่ใจ จึงลืมขึ้นเต็มตา พลางถอนใจ ลุ้นแล้วเล็งจ้องมองไปที่ฉากอยู่อย่างนั้น จนแสงตะเกียงดับมืดลงไปทั้งห้อง

คืนแรกของชีวิตหลังแต่งงานผ่านพ้นไป ฉากกรุกระดาษในห้องหอ ถูกแสงทองยามเช้าอ่อนๆ ค่อยๆไล่สาดกระทบ ยินเสียงไก่ขันมาไกลๆ

โกโบริสวมถุงเท้าเสร็จ พยายามเดินด้วยฝีเท้าเบากริบ ในเสื้อยืดขาว กับกางเกงเครื่องแบบขาว ค่อยๆ ดึงประตูเปิดออกและปิดลงเงียบๆ
อังศุมาลินที่ยังนอนตะแคงอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยนได้ยินเสียง ก็รู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น แล้วรีบเพ่งตามองไปที่ฉากกั้น แลเห็นฉากยังวางตั้งอย่างเดิมไม่ได้ถูกขยับย้ายแต่อย่างใด
อังศุมาลินโล่งอก สีหน้าพอใจ

หลังจากนั้นอังศุมาลินมองกองที่นอน ผ้าห่ม และหมอน ฝั่งโกโบริ ถูกเก็บพับไว้เรียบร้อยอย่างดี
อังศุมาลินหันสำรวจดูต่อรอบห้อง เหลือบไปเห็นที่โต๊ะหนังสือเก่า เห็นเครื่องแบบขาวที่ติดยศครบครัน ของโกโบริตกลงมากองอยู่บนพื้นข้างโต๊ะ
อังศุมาลินเดินเข้าไปใกล้ๆ มองอย่างตัดสินใจ ก้มลงเอามือหยิบคีบ เหมือนไม่อยากแตะต้อง แล้วจึงเอาเสื้อขึ้นมาวางพาดพนักเก้าอี้ไว้ ทีแรกจะทำลวกๆ แต่แล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ไปหาไม้แขวนเสื้อ มาแขวน จัดทรงให้ดี แขวนที่ตะปูบนผนังห้อง
อังศุมาลินเห็นผ้าเช็ดหน้าสีโอลด์โรสพับแล่บออกมา จากกระเป๋าเสื้อ จึงตัดสินใจเอื้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาคลี่ดู เห็นเป็นผ้าผืนเดิมที่ของเธอเคยให้ มีรอยคราบเลือดเก่าและเปื้อน ผ่านการใช้มา อังศุมาลินอึ้ง รู้สึกซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก

ภายในครัวหม้อข้าวต้มควันกรุ่น กำลังถูกเคี่ยวคนไปมา แม่อรเติมเครื่องปรุงลงไปในหม้อ ก่อนจะตักชิม แล้วเดินออกมาจากครัว เหลือบไปเห็นอังศุมาลินที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง
“ตื่นแล้วหรือลูก”
แม่อรเดินไปหยิบเครื่องเคียงผักที่หั่นไว้ที่เขียง
“ตะกี้พ่อดอกมะลิบอกว่าจะไปอู่ แล้วเย็นๆ พ่อโกโบริจะมากลับทานข้าวมั้ยนี่” แม่อรถาม
“ไม่ต้องห่วงหรอก แม่อร เรากินอะไร พ่อดอกมะลิก็กินได้ คงไม่ยุ่งยากหรอก” ยายศรบอก
อังศุมาลินบอกหน้านิ่ง “โกโบริคงไม่กลับมาหรอกค่ะ”
แม่และยายเหลียวมามองอังศุมาลิน สบตากัน แล้วอึ้ง
อังศุมาลินรีบถาม “ให้หนูช่วยอะไรมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ จะเสร็จแล้ว หนูไปล้างหน้าล้างตาเถอะ”
อังศุมาลินเหมือนยืนคว้าง ท่าทีสับสน

ที่อู่ต่อเรือ เช้าวันเดียวกัน เห็นทหารญี่ปุ่น และกุลีรับจ้างทั้งไทย จีน กำลังแบกหามกันวุ่นวาย ขณะที่โกโบริเดินดุ่มๆ มา
ทหารแถวนั้นบ้างทำความเคารพ บ้างหันมอง งง มาทำไมแต่เช้า
สีหน้าโกโบรินิ่งๆ เดินตรงดิ่งไป หมอทาเคดะเดินผ่านมาเห็นพอดี จึงทัก ท่าทีงงๆ
“โกโบริ นี่คุณอยู่ในระหว่างวันพักหยุดงานไม่ใช่หรือ”
“ทาเคดะซัง...ออ เปล่า...เอ่อ..มีงานกองอยู่อีกเยอะบนโต๊ะผม”
หมอทาเคดะถอนใจเบาๆ “ถ้าผมไม่รู้จักคุณ ผมก็จะบอกว่าคุณเป็นเจ้าบ่าวที่ประหลาดไปหน่อยนะ ยอมทิ้งเจ้าสาวมาอยู่กับกองกระดาษบนโต๊ะ...แล้วเจ้าสาวคุณยอมหรือ”
โกโบริแทบจะยิ้มรับ
“เจ้าสาวผม...” แต่เป็นยิ้มขื่นๆ “ยินดีเชียวละคุณก็น่าจะรู้”
หมอทาเคดะนิ่งไป โกโบริรีบเดินจากไป

ตอนสายวันนั้น กล่องของขวัญมากมายถูกนำมาวางกองไว้เต็มบนยกพื้นชานเรือน เคสุเกะยืนยิ้มเหงื่อตกกับพรรคพวกทหารจากอู่อีก 3-4 นาย
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ” อังศุมาลินบอก
แม่อรเดินออกมากับคุณยาย
“อะไรน่ะ ลูก ขนกันมาซะเต็มบ้านเชียว”
“เขาเอาของขวัญมาให้ค่ะ โกโบริให้ขนมาค่ะ”
“อ้อ ที่มีอยู่ยังไม่รู้จะหาที่เก็บไว้ไหนหมดเล้ยพ่อคู้น ขอบใจมากนะจ๊ะ” แม่อรบอก
“ทานน้ำทานท่ากันก่อนไหม น้ำชาก็มีนะ ญี่ปุ่นเขาต้องดื่มชา เอาไหม” ยายศรถาม
อังศุมาลินรีบแปล “ทานน้ำก่อน..นั่งลงสิ ทุกคน”
“โอ ไม่ๆ ขอบคุณครับ ผมต้องรีบไป สาหวัดดีคับ”
เคสุเกะและพรรคพวกชิดเท้าพรึบพับแล้วหันเดินกลับไป
เคสุเกะนึกได้ หันมา “อ้อๆๆ ขอโทษครับ ผมลืมไป นายช่างโกโบริบอกว่า ที่อู่มีงานด่วนมาก คงไม่กลับมาบ้านนี้ครับ ไปล่ะครับ” เคสุเกะรีบไป
อังศุมาลินอึ้ง
ยายศรถาม “มีอะไรหรือลูก”
“โกโบริบอกว่า...ที่อู่งานยุ่งมาก...จะไม่กลับบ้านค่ะ”
อังศุมาลินบอกท่าทีดูเย็นชา แม่กับยายต่างสบตากัน

เวลาเดียวกัน ฝีเท้าใครคนหนึ่ง เดินอย่างรวดเร็วมาตามทางเดิน นายตำรวจคนหนึ่งเดินผ่าน หยุดทำความเคารพแข็งขัน
ที่แท้เป็นสารวัตรองอาจรับความเคารพเดินลิ่วต่อ
ที่นี่คือ “กองตำรวจสันติบาล พระนคร ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๖”
สารวัตรเดินมาถึงหน้าห้องควบคุมตัวพิเศษ มีนายตำรวจคนหนึ่งรออยู่
“มีอะไรเพิ่มเติมไหม”
“เขาไม่ยอมให้ปากคำอะไรเพิ่มเติ่มอีกเลยครับ บอกอย่างเดียวว่าขอพบท่านปรีดี หรือหลวงอดุลย์ท่าเดียว”
คนที่ตำรวจนายนั้นกล่างถึง คือ “หลวงอดุลเดชจรัส หรือ พลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ ต่อมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้าขบวนการเสรีไทย”
“ท่านอดุลรู้เรื่องหรือยัง” สารวัตรองอาจถาม
“รู้แล้วขอรับท่านสั่งให้กักตัวไว้ที่นี่ให้เงียบที่สุดขอรับ
สารวัตรองอาจพยักหน้ายิ้มๆ พอใจ
“ท่านคงเห็นว่าเป็นไส้ศึกศัตรู จะนำพาความฉิบหายมาสู่บ้านเมืองนะสิ”
สารวัตรองอาจเดินเข้าไปดูที่ช่องหน้าต่างห้อง เห็นจุ้นเคงหรือพงศ์นั่งนิ่งอยู่ในห้องคนเดียว
“ไปกำชับทุกคนที่นี่ด้วยว่าให้ปิดเงียบ ถือเป็นความลับชั้นสุดยอด”
“ได้ขอรับสารวัตร”

ท่าทีของสารวัตรองอาจดูออกว่าคิดหนัก

คู่กรรม ตอนที่ 14 (ต่อ)

อีกฟากหนึ่งฝีเท้าชายสองคนรีบจ้ำๆ ไปบนพื้นดิน ซึ่งเป็นตาบัว ตาผลกำลังแบกหามบางอย่าง เซๆ ไปมา ยินเสียงดิ้นขลุกขลักๆ

“ไอ้หอยนี่มันจะดิ้นอะไรนักหนา หนักยั้งกะช้างจะดิ้นอีก” ตาบัวบ่น
ตาผลร้องบอกคนข้างในโลง “เฮ้ย ไอ้หอยเบื๊อก จะพาไปส่งแล้วจะดิ้นทำไม”
ตาบัว กะตาผลกำลังหามโลงศพตรงไปที่ท่าน้ำวัด
เวลาต่อมาโลงศพถูกวางลงโครมที่ศาลาท่าน้ำวัด
ตาบัวกะตาผล ลิ้นห้อยเหวี่ยงบิดแขนคลายเคล็ดไปมา ตาผลหันมองระวังทางไปรอบๆ
“ไอ้นี่มันดื้อแท้น้อ แล้วก็เสือกมาหยุดดิ้นตอนวาง” ตาบัวว่า
“ปล่อยมัน มันคงกลัวพามันไปทิ้งไหน..แต่วันนี้ฤกษ์งามยามสะดวกดีแท้เชียว มือไอ้ผลแล้วคราวนี้ไม่ให้มีแม้แต่หมาสักตัวมาเห็นแน่” ตาผลบอก พลางหันไปทางลำน้ำ เห็นบางอย่าง “นั่นๆ มากันแล้ว”
ตาบัวหันมองตามไปทางคุ้งน้ำ

ท้ายเรือยนต์กำลังตะกุยน้ำแล่นเอื่อยๆ ไป ตาบัว ตาผล นั่งหน้าแป้นโต้ลม แล้วเหลียวไปหา ชายหน้านิ่ง ชายคนเดิมที่เป็นคนของหลวงชลาสินธุราช นั่งมาในเรือด้วย มีโลงศพตั้งวางอยู่กลางลำ ตาบัว ตาผล ส่งยิ้มให้ แต่ชายคนนั้นหน้านิ่งไม่ไหวติง สองเกลอเลยจ๋อยไป
ชายคนนั้นถามนิ่งๆ “คนตายเป็นคนชาติไหน”
“ก็คงอังกิดละมั้ง หน้าตามันก็คือกันก้ะไอ้หอยเก่านั่นละ” ตาผลบอก
ชายคนเดิมถามนิ่งๆ อีก “แล้วพูดภาษาอะไรละ”
ตาบัวหันมาทางตาผล “เออ นั่นสิ ว่าไปก็ข้าไม่เห็นมันพูดอะไรเท่าไหร่เลย ตั้งแต่เจอมัน มันก็เอาแต่พยักหน้าหงึกๆ”
“เออ ใช่ งั้นลูกพี่ก็ถามดูเอาสิ ฉันสองคนก็ยังไม่ได้ถามไอ้เบื้อกนี่ก็แปลก พอจะช่วยมานี่มันก็เล่นเอาแต่ดิ้นๆ ท่าเดียวกว่าจะมาได้” ตาผลบ่นอีก
ชายลูกน้องคุณหลวงหน้านิ่ง นึกตงิดๆ ขึ้นมา ส่วนตาบัวกะตาผลสีหน้าภูมิใจ

ตอนบ่ายๆ ชานระเบียงหน้าบ้าน หลวงชลาสินธุราช ยืนคุยหารืออยู่กับสารวัตรองอาจ
“จะยืนข้างเราหรือข้างญี่ปุ่น เราก็ยังเดาใจหลวงอดุลย์ไม่ถูกอยู่ดี”
“หลวงอดุลย์คงเกรงสถานะของรัฐบาลที่กำลังถูกระแวงเลยไม่อยากให้ทางญี่ปุ่นรู้แต่การกักตัวพวกเสรีไทยเอาไว้เฉยๆ มันก็เท่ากับตัดตอนงานเสรีไทยอยู่ดี”
“อืม ต้องรอดูต่อไป แล้วเสรีไทยคนนั้นบอกอะไรสารวัตรอีกไหม”
“บอกว่ามีเพื่อนเขาอีกคนที่มาพร้อมกันและอยากให้ผมไปรับตัวมา”
หลวงชลาสินธุราช หันขวับฟังอย่างสนใจ

แสงแดดบ่ายคล้อยส่องผ่านยอดไม้ ตาบัว กะตาผล และคนของหลวงชลาสินธุราช 2 คน กำลังช่วยแบกโลงไม้ปุเลงๆ เดินมาในสวนของบ้านหลังหนึ่ง
สักพักโลงศพถูกวางลง คนของคุณหลวง เหลียวมองต้นทางรอบแล้ว พยักหน้าให้กับอีกคน
โลงศพถูกงัดเปิดออก เห็นชายฝรั่งคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารเยอรมัน หน้าซีด ถูกเอาผ้ายัดปาก มัดมือนอนนิ่งอยู่
ชายฝรั่งนั่งดื่มน้ำพรวดๆ แววตาล่อกแล่กกวาดตาสำรวจไปมา คนของคุณหลวงมองจับสังเกต
ตาบัวกะตาผล เดินแอ๊คยืดไปมาอยู่รอบตัวชายฝรั่ง
“เอาพูดได้แล้วไอ้หอย จะเงียบทำไม ทีให้เงียบแล้วเสือกเอะอะ ดิ้นไปดิ้นมา คนเขารออยู่จะได้พาไปส่ง” ตาผลบอก
ตาบัวถามชายฝรั่ง “เฮ้ยมึงป็นฝาหรั่งอะเมริกาหรืออังกิด ตอบมา”
ชายฝรั่งนิ่ง สองเกลอยังเดินแอ๊ควนไปมา
คนของคุณหลวง เดินพรวดเข้ามา ยกปืนจ่อเล็งที่หน้าชายฝรั่ง
ชายฝรั่งตกใจหน้าเสีย
“what is your name” ลูกน้องคุณหลวงถาม

เวลาตอนหัวค่ำที่ชายฝั่งทะเล จังหวัดพังงา
เห็นเรือหาปลาขนาดกลางลำหนึ่งกำลังแล่นออกจากฝั่ง ที่นี่คือ

“ชายฝั่งทะเลบ้านท้ายเหมือง จ.พังงา เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๖”

เรือดำน้ำลำหนึ่ง โผล่ขึ้นจากใต้ระดับผิวน้ำทะเล แล้วมองเข้าหาชายฝั่งในระยะประมาณไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร เห็นไฟเรือประมงแล่นออกจากฝั่งไกลๆ มีแสงไฟบ้านเรือนริมฝั่งไม่กี่หลัง
กล้องจากเรือดำน้ำโผล่เหนือผิวน้ำเล็กน้อย สอดส่าย ซูมเข้าออกหาเป้าหมายบนฝั่ง วนัสอยู่ในชุดกึ่งมนุษย์กบ สวมครึ่งตัวยังไม่สวมหัว กำลังส่องกล้องเรือดำน้ำอยู่

ภายในห้องประชุมภายในเรือ ป๋วย และเสรีไทยอีก 2 นาย และทหารเรืออังกฤษนายหนึ่ง นั่งยืนคุยกันอยู่ ในชุดกึ่งมนุษย์กบเช่นกัน ยกเว้นทหารอังกฤษ แต่งชุดราชนาวีอังกฤษ วนัสเดินเข้ามา
“เจอสัญญาณไหม”
ป๋วยถาม เห็นวนัสหันมาสีหน้าผิดหวัง
“เงียบเหมือนเดิม ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ครับ”
สีหน้าป๋วย และคนอื่นๆ ผิดหวังตามๆ กัน
“หรือว่าเป็นอย่างที่กองบก. คาด” เสรีไทย 1 ในนั้นบอก
“พงศ์ กับเรเว่น ถูกจับแน่ๆ..เพราะพวกเขาเข้ามาถึงเมืองไทยได้ก่อนเราตั้งเกือบเดือนแล้ว หากพวกเสรีไทยในกรุงเทพฯติดต่อกับสองคนนั้นได้ ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่มารับเรา นี่พวกเราก็มากบดานรอตั้งวีคนึงแล้วยังไม่เห็นหัวใครซักคน” วนัสเครียด และกังวล
“ผมขอสั่งยกเลิกปฏิบัติการ และกลับทรินโกมาลีทันที” ป๋วยว่า
ทุกคนเงียบอึ้งไป
“แต่ว่า...เราน่าจะเสี่ยงขึ้นไปดู” วนัสท้วง
ป๋วยย้ำ “ไม่ได้ นี่คือคำสั่ง”
ทุกคนบ้างอึกอักๆ เสียดาย “ครับผม” / “Sir, Yes sir.”

ทุกคนดูผิดหวังเสียดายมาก โดยเฉพาะวนัส

ส่วนที่อู่ต่อเรือ ทหารญี่ปุ่นและกุลีรับจ้าง ต่างแบกขน บ้างเชื่อมเหล็ก ตอกตี กันอยู่กลางแสงโคมไฟใหญ่ที่สาดส่อง

ไม้ฉาก วงเวียน และดินสอที่เหลาแหลม วางนิ่งเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ แบบพิมพ์เขียวที่กางอยู่ถูกปลายดินสอจรดนิ่งค้าง
โกโบริที่จับดินสอนิ่งเหม่อมองว่างเปล่ากับงานตรงหน้า แล้วตัดสินใจวางดินสอลง ยกแก้วกาแฟที่วางอยู่ใกล้ขึ้นซดจนหมด แล้วลุกขึ้น
โกโบริเดินวนไปมารอบห้อง แล้วหยุดถอนใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไป มาหยุดยืนที่ระเบียงหน้าห้อง มองเหม่อทะลุยอดไม้ออกไปไกลทางบ้านอังศุมาลิน

เวลาเดียวกันอังศุมาลินยืนมอง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีโอลด์โรสที่สะอาดเอี่ยมขึ้นมา จับพับไปมาแล้ว ใส่ลงในกระเป๋าเครื่องแบบของโกโบริไว้
อังศุมาลินมอง จัดจับเสื้อให้เป็นระเบียบ พลันเสียงทุบประตูที่ชานเรือนดังแว่วเข้ามา อังศุมาลินหันไป
แม่อรสีหน้าสงสัย เดินมาที่ประตูบ้าน ที่โดนทุบตึงๆๆๆๆ
“รอเดี๋ยวๆ ว่ายังไง มีอะไรหรือ”
เสียงตาผลเรียกไม่หยุด “แม่อรๆ แม่อังอยู่ไหม ฉิบหายแล้ว”
อังศุมาลินเปิดประตูห้องออกมาดูสีหน้าตระหนกขึ้นมาทันที
ตาบัว ตาผลพรวด ผ่านประตูเรือนเข้ามาหน้าตาตื่น
“อะไร ใครเป็นอะไร” ยายถาม
“มันยุ่งกันใหญ่แล้ว” ตาผลว่า
ตาบัวลดเสียงพูดเบาลง “นายช่างอยู่หรือเปล่า”
ตาบัวกับตาผล หันมาระแวงเลิ่กลั่ก
อังศุมาลินรุดเดินมา
“ไม่อยู่”
“มันจะฉิบหายกันหมดแล้วนะซิแม่อัง ไอ้บัวมันไปเจอฝาหรั่งเข้าวันก่อนที่ท่าข้าม แล้วเห็นท่าไม่ดีเลยพามาอยู่ที่ท้ายสวน กะจะเป็นแบบมิกกะเต้อไม้เกิน เลยติดต่อให้พลกะพักสองคนนั่นมารับตัวไป แบบเก่าเปี๊ยบ”
ตาผลว่า ตาบัวหน้าเจื่อน
อังศุมาลินซักต่อ “แล้วยังไงลุง”
“แต่ไอ้ฝาหรั่งมันอิดออดไม่ยอมไปแฮะ จนต้องซักมันอยู่นาน ที่ไหนได้...”
ตาผลค้างคำแล้วตบขาฉาดใหญ่ก่อนบอก “ไอ้ฝาหรั่งนั่น...มันเป็นเยระมัน”
อังศุมาลิน แม่อร และยายศรตกใจ
“ตายละ” อังศุมาลินอุทาน
“เยระมัน แล้วมันเป็นยังไงหรือ” ยายศรสังสัย
“เยอรมัน ก็คือพวกเดียวกับญี่ปุ่นไงคะแม่ เรียกว่าพวกอักษะ เป็นศัตรูกับพวกอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ที่เรียกว่าพวกสัมพันธมิตร” แม่อรบอก
อังศุลินอธิบายต่อ “และรัฐบาลไทยเราก็เป็นพวกเดียวกับอักษะเหมือนกันไงคะ ตา 2 คนก่อเรื่อง ไปพาคนเยอรมัน พวกเดียวกะญี่ปุ่นและรัฐบาล ให้มารู้จักวิธีการของพวกเรา ที่เป็นพวกใต้ดิน เป็นเสรีไทย เป็นพวกสัมพันธมิตร ถึงในสวนของเราเอง”
ตาบัวกะตาผลต่างหันไปชี้หน้าโทษกันไปมา “เพราะมึงคนเดียวๆ”

3 แม่ ยาย และ หลาน ทุกคนซีดไปตามๆ กัน

ติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น