คู่กรรม ตอนที่ 3
ขณะเดียวกันที่ “หอการค้าไทย สนามเสือป่า พระนคร” บนโต๊ะภายในห้องประชุม เป็นการเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่าย ระหว่างคณะกรรมการผสมฝ่ายไทย 6-8 นาย และตัวแทนกองทัพญี่ปุ่น 4-6 คน แต่ละฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียด
จังหวะหนึ่งโทโมยูกิเสียงดังกราดเกรี้ยวขึ้นกลางวง
“ทางการไทยปล่อยให้มีเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ หมายความว่า ไทย...ต้องการรบกับญี่ปุ่นใช่ไหม
หมอโยชิทำหน้าที่เป็นล่ามช่วยแปลญี่ปุ่นเป็นไทยทุกถ้อยความไม่ตกหล่น
“ทางการไทยปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ หมายความว่าไทยต้องการรบกับญี่ปุ่น ใช่ไหม”
หลวงชลาสินธุราชเอ่ยขึ้น “ไทยไม่มีความประสงค์เช่นนั้นแน่ ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก มีกำลังพลเพียงน้อยนิด จะไปสู้รบกับญี่ปุ่นที่เป็นเสมือนพี่ชายได้อย่างไร ขอให้เชื่อใจเรา”
ล่ามไทยแปลเป็นญี่ปุ่นถ้อยความเดียวกัน โทโมยูกิมีท่าทีหยิ่งผยอง พอใจในทีท่าของไทย
โทโมยูกิเอ่ยขึ้น “แต่กองทัพญี่ปุ่นไม่อาจยอมรับได้ กับการที่ทหารของสมเด็จ พระจักรพรรดิ มาถูกตำรวจไทยสังหารเช่นนี้”
หมอโยชิแปลเป็นไทย “กองทัพญี่ปุ่นไม่อาจยอมรับได้กับการที่ทหารแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิ ถูกตำรวจไทยสังหารครั้งนี้”
สารวัตรองอาจ หันมองมาที่ซาโอะทันที
หลวงชลาสินธุราช “ทางการไทยขอแสดงความเสียใจ ยินดีชดใช้ตามความเหมาะสม”
ล่ามไทยแปลเป็นญี่ปุ่นทุกคำ “ทางการไทยขอแสดงความเสียใจ ขอชดใช้ตามความเหมาะสม”
“เราดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ เพื่อศักดิ์ศรีของกองทัพญี่ปุ่น ขอให้นำตัวผู้ร่วมเหตุการณ์ ทั้งหมด ไปประหารชีวิต” มาซาโอะบอกต่อ
หมอโยชิฟังแล้วอึ้ง ไม่สบายใจ แต่ก็จำเป็นต้องแปล “เราดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ และเพื่อศักดิ์ศรีของกองทัพญี่ปุ่น ขอให้ทางการไทย นำตัวผู้ร่วมเหตุการณ์ ไปประหารชีวิตทั้งหมด”
พอได้ฟังคณะกรรมการฝ่ายไทยถึงกับอึ้ง สารวัตรองอาจ อึดอัดขึ้นมาทันที ขณะที่หลวงชลาสินฯ มีแววตาขุ่นเคือง ไม่พอใจอย่างสูง แต่พยายามเก็บกลั้น
วันเดียวกันแม่อรเดินพัดวีคลายร้อนด้วยงอบมาตามทางเดินจากท่าน้ำเข้าบ้าน อีกมือหอบกระจาดหลายใบ มีอังศุมาลินที่ถือถุงข้าวของต่างๆ พร้อมกระจาดอีกหลายใบเช่นกันเดินตามหลัง
“ถ้าขายได้แบบนี้เรื่อยๆทุกวัน ก็ดีสิ” แม่อรยิ้มๆ
อังศุมาลินเห็นงามด้วย “นั่นสิคะแม่ ค่อยหายเหนื่อยขึ้นมาหน่อย”
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าบันไดเรือน
ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากทางสวนหลังบ้าน เสียงทหารญี่ปุ่นเฮฮา เอิ๊กอ๊าก โห่ฮี้วโห่กันดังสนั่น
เสียงยายศรตามมาติดๆ “อย่าๆๆๆ ไม่ได้นะ ไม่ได้ๆ หยุดๆเดี๋ยวนี้!”
อังศุมาลินตกใจ
“คุณยาย.. แม่เร็ว...”
ยังพูดไม่จบประโยค อังศุมาลินทิ้งกระจาดแล้วออกวิ่งไปตามเสียงทันที
“ยัยอัง.. เดี๋ยว.. รอแม่ก่อน”
แม่อรเองก็ทิ้งข้าวของที่ถืออยู่แล้วรีบวิ่งตามไป
ที่สวนหลังบ้าน ยายศรกำลังร้องห้ามพวกทหารญี่ปุ่นราว 10 คน ที่กินเหล้ามาจนเมา กำลังรื้อข้าวของอยู่ในสวน
เข่งที่บ่มกล้วยน้ำว้าไว้กลิ้งอยู่กับพื้น กล้วยเป็นหวีๆ กระจาย บางส่วนถูกเหยียบเละ ยายศรพยายามก้มลงไปเก็บและแยกหวีที่ยังดีๆ อยู่ออกมา มีเปลือกกล้วยที่โดนกินแล้วทิ้งเกลื่อนกลาด
มะพร้าวแก่ ส้มโอ มะนาว ฟักแฟง ฟักทอง ลูกอ่อน ลูกแก่ กระจายเกลื่อน
ทหารกลุ่มใหญ่กำลังตบมือ เชียร์ ร้องเพลงเชียร์ๆ เฮฮากันอยู่ที่โคนต้นมะพร้าว โดยมีเคสุเกะกำลังปีนต้นมะพร้าว แต่ไถลตกลงมาตลอด สุดท้าย ลงมานอนแอ้งแม้ง ลุกไม่ขึ้น
เพื่อนๆ ที่คอยลุ้นเชียร์อยู่ข้างล่างต่างพากันหัวเราะกลิ้ง งอหาย
ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งไปหยิบขวานมาฟันต้นมะพร้าว เพื่อหมายจะเอาลูกมะพร้าวข้างบน พวกทหารญี่ปุ่นสนุก คึกคะนอง บ้างร้องเพลง ร่ายรำระบำพื้นเมืองญี่ปุ่นไปมา
ระหว่างนั้นเห็นรองเท้าทหารเหยียบย่ำไปบนหน่อกล้วยที่เพิ่งเอาลงไปได้ไม่นานหักล้ม
อังศุมาลินวิ่งเข้ามาถึง ตกตะลึงกับภาพที่เห็น พูดไทยปนญี่ปุ่น
“หยุดนะ หยุดๆๆ ฉันบอกให้หยุดได้ยินไหม”
แม่อรวิ่งกระหืดกระหอบตามมาพอดี สีหน้าตกใจอ้าปากค้าง รีบตั้งสติ
“ยายอัง อย่าลูก แม่พูดกับเขาเอง”
อังศุมาลินเดินเข้าไปตวาดพวกทหารไม่ยอม ตะโกนคำญี่ปุ่นออกไป
“นี่มาทำอะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
พวกทหารญี่ปุ่นหัวเราะกันฮาๆ ไม่สน
แม่อรห้าม “ยายอัง! ไปดูคุณยายเร็ว ทางนี้แม่พูดกับเขาเอง”
อังศุมาลินโกรธ ไม่ฟังเสียง ถลาเข้าไปหาทหารคนที่กำลังโค่นต้นมะพร้าว คว้าขวานในมือ แย่งกระชากมา เหวี่ยงกระเด็นไปทางหนึ่ง
เคสุเกะตะกายลุกมา ทำท่าล้อเลียนอังศุมาลิน พวกเพื่อนๆ ทหาร หัวเราะรับ ล้อเลียนสนุก
อังศุมาลินมองรอบตัว แค้นใจ แม่อรรีบวิ่งเข้าไปขวางอังศุมาลิไว้ กลัวจะมีเรื่องบานปลาย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เข้ามาในบ้านฉัน แล้วยังมาทำลายข้าวของอีก ตาย...นั่นมันหน่อกล้วยนี่ ตายๆ หมดกันๆ”
แม่อรกุมหัว หมดปัญญาแล้ว
อังศุมาลินหันไปเห็นยายศรที่กำลังพยายามเก็บพวกผัก ฟักแฟง ที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้น จึงรีบวิ่งไปหา
“คุณยาย”
ยายศรเล่าเรื่องให้ฟัง “พวกนี้เมามาก..อยู่ดีๆ ก็เข้ามาที่สวน มาหาของกิน เก็บโน่นเด็ดนี่ใส่ปากไปชิมกัน พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ยายไล่ก็ไม่ไป”
“คุณยายไม่เป็นไรใช่ไหม พวกนั้นมันทำอะไรหรือเปล่า”
แม่อรวิ่งเข้ามา ตกใจตกใจ
“แม่.. แม่เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“เปล่าๆ”
แม่อรพยุงคุณยายศรให้ลุกขึ้น อังศุมาลินเดินเข้าไป ชี้นิ้วกราดไปทั่ว
“ไปนะ ออกไปพ้นจากบ้านฉันกันเดี๋ยวนี้”
ทหารญี่ปุ่นพากันขำสำเนียงภาษาญี่ปุ่นที่อังศุมาลินพูด
เคสุเกะเริ่มตบมือและร้องเป็นเพลงทำนองสั้นๆ คนอื่นร้องตาม และพากันรำระบำพื้นเมือง ไฮ้ๆ รอบตัวอังศุมาลิน ทำหน้าทะเล้นใส่ เรียกเสียงหัวเราะดังมากขึ้นไปอีก
แม่อรประคองคุณยายอยู่ ทำอะไรไม่ถูก สีหน้าวิตกหนัก
อังศุมาลินแทบร้องไห้หมุนคว้างอยู่กลางวง เสียงทหารญี่ปุ่นตะโกนไล่
“ออกไป ออกไป ไฮ้ ไฮ้ ไฮ้ ออกไป”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดดังขึ้น
“มาทำอะไรกัน”
พวกทหารหันมา แล้วเสียงหัวเราะ เสียงตบมือหายเป็นปลิดทิ้ง บรรยากาศเงียบงัน
โกโบริมาพร้อมกับหมอทาเคดะ หน้าตาหล่อใสของโกโบริยามนี้ ดุดัน เคียดขึ้ง
โกโบริกับหมอทาเคดะเดินเลี้ยวตรงเข้ามายังจุดเกิดเหตุ โกโบริดูหน้าเครียดขรึม ขณะที่กวาดสายตาไปรอบๆ เห็นข้าวของกระจัดกระจาย ต้นไม้ในสวนพังเสียหายเป็นแถบ
โกโบริเดินเข้าไป ทหารทุกคนยืนตัวตรง หน้าตรง เงียบกริบ
โกโบริเดินผ่านหน้าอังศุมาลินไปยืนประจันหน้ากับเคสุเกะ เคสุเกะหลบสายตาลงเล็กน้อย
โกโบริจ้องมองหน้าเคสุเกะอย่างดุดัน แล้วใช้หลังมือฟาดลงไปบนใบหน้าอย่างรุนแรง
เคสุเกะเซล้มลงไป แล้วรีบลุกขึ้นมายืนในท่าสำรวมเหมือนเดิม
โกโบริด่าพวกทหารด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ดัง และรวดเร็วจนอังศุมาลินจับความได้ไม่ทัน
“ทำไมถึงได้ทำเสียเกียรตินักรบของสมเด็จพระจักรพรรดิเช่นนี้ ไม่รักศักดิ์ศรี เอาเสียเลย ทำตัวอย่างนี้ ก็ไม่ต่างจากพวกลักขโมยที่โดนทำโทษไป ..เลวมาก”
สีหน้าทหารทุกคนซีดขาวลงในทันที และไม่มีใครเอ่ยปากโต้แย้งเลยสักคำ
ยายศร แม่อร อังศุมาลินไม่เข้าใจ ได้แต่ยืนฟังอย่างงงๆ
สักพักโกโบริเดินเข้ามาหาแล้วก้มศรีษะลงอย่างอ่อนโยน
“ขอโทษ..ผมต้องขอโทษ-พวกคุณ-เป็นอย่างมาก-สำหรับ-เรื่องนี้”
อังศุมาลินเดินก้าวเข้าไปหา
“ขอโทษเหรอ มันง่ายไปหรือเปล่า”
แม่อรเหนี่ยวแขนรั้งตัวไว้
“อัง... ลูก…”
“เป็นความผิดของผมเอง ที่ปล่อยให้ทหารของผมมาทำเรื่องแบบนี้”
อังศุมาลินฟังโกโบริด้วยสีหน้าเย้ยๆ ไม่เชื่อถือ
“นี่นะ คนที่บอกว่ายึดมั่นในเกียรติ และคำมั่นสัญญา แต่ส่งคนมารังแกหาเรื่องคนแก่กับผู้หญิง”
โกโบริมองตาอังศุมาลิน อย่างขุ่นเคือง
โกโบริพยายามพูดให้ดีที่สุด “ผมขอโทษ-อีกครั้ง-ผม-ขอ-รับ-ผิด เรื่องนี้ผมจะจัดการอย่างยุติธรรรม ผม-สัญญา”
“ดี..ฉันจะยอมเชื่อคนป่าเถื่อนอย่างพวกคุณดู”
อังศุมาลินตอกกลับเป็นคำญี่ปุ่น มองอย่างหยามหมิ่น และดูแคลน
โกโบริอึดอัดเสียไม่ได้
บ่ายแก่ๆ ตรงใต้ถุนบ้าน อังศุมาลิน แม่อร ยายศร นั่งพักที่แคร่ใต้ถุนบ้าน หญิงทั้งสามกำลังเก็บข้าวของ และตรวจดูความเสียหายที่เกิดขึ้น
“เฮ้ออออ.. กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า สองเข่ง..ไปหมด” แม่อรบ่น
“นั่นมะพร้าวห้าวที่เก็บไว้ก็เอามาผ่าเล่นกันด้วยเหรอ” อังศุมาลินว่า
ยายศรแทรกขึ้น “เขาคงเที่ยวหามะพร้าวอ่อนกันมั้ง ยายก็ฟังเขาพูดไม่ออก”
“สงสัยจะเมาด้วย เลยสนุกกันใหญ่” แม่อรบอก
อังศุมาลินฉุนขึ้นมาอีก “นึกจะทำอะไรก็ทำกันตามใจชอบ อยากรู้นักใครจะมาชดใช้ให้เรา”
“ช่างมันเถอะลูก หมดไปแค่นี้ไม่เท่าไหร่”
อังศุมาลินไม่ยอม “ให้น้ำท่วมสวนพังทั้งหมดหนูยังไม่เจ็บใจเท่านี้เลย”
“ดีนะที่แม่อรกับยัยอังมาทัน ไม่งั้นเขาคงโค่นต้นมะพร้าวน้ำหอมของเราไปแล้ว” ยายศรว่า
“ของกินของอยู่แค่นี้จะเป็นไรไป พวกเขาก็คงหิวกันนั่นแหละ” แม่อรดูจะไม่ถือสา
“แม่คะ! ไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะคะ...กล้วยนี่ก็ถือเป็นยุทธปัจจัยสำคัญของหนูเหมือนกัน มันอ้างเรื่องน้ำมันได้ หนูก็อ้างเรื่องกล้วยได้”
ยายศรส่ายหัว “ยายคนนี้ล่ะก็ เกลียดใครก็เกลียดอยู่นั่น นิดๆ หน่อยๆ เป็นไม่ได้เชียว แล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ”
อังศุมาลินเงียบ
“หนูอยากรู้นักว่าที่มันบอกจะจัดการให้เราน่ะ มันจะทำยังไงอยากนี้ก็เรียกว่าขโมยเขาเหมือนกันแหละ”
ขาดคำของอังศุมาลิน ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่ง หน้าตาขึงขังเรียบเฉยวิ่งตรงเข้ามา แล้วชิดเท้า ตะเบ๊ะบอกเป็นภาษาญี่ปุ่น
“เรือเอกโกโบริให้มาเชิญไปที่อู่เดี๋ยวนี้ ครับ”
แม่อรถาม “เขาว่าอะไรน่ะ
“เขาบอกว่ามีคนชื่อโกโบริให้มาเชิญไป”
แม่อรงง “อะไรริๆ ใคร? นี่เราไม่เคยไปมีเรื่องอะไรกับเขานี่”
“คงเรื่องเมื่อเช้ามั้งคะ เรื่องอะไร ทำไม” อังศุมาลินบอกแม่แล้วย้อนถาม
“ผมไม่รู้ แต่ผู้กองโกโบริ เชิญคุณ ไปตอนนี้”
อังศุมาลินฉงน “โกโบริ”
“แล้วก็แล้วกันไป แม่ไม่ติดใจอะไรหรอก บอกเขาเถอะลูก แม่ไม่ว่าอะไรหรอก ขอกันกินยังมากกว่านี้” แม่อรไม่อยากต่อความยาว
“ไปเถอะแม่ หนูอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะว่ายังไง”
อังศุมาลินหน้าตาเยือกเย็น ขณะที่แม่กับยายหวั่นๆ
เวลานั้นลานกว้างที่อู่ต่อเรือ ถูกตีวงไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่เหมือนคราวก่อน คนงานทั้งอู่หยุดงานมาประชุมกันโดยรอบกระซิบกระซาบกันไปมา บรรยากาศมาคุและอึมครึม ดูตึงเครียด หมอทาเคดะ หมอโยชิ และกองทหารตั้งแถวหน้ากระดานยืนรออยู่
อังศุมาลินมองๆ ดูบรรยากาศชะงักเล็กน้อย แม่อรเอื้อมมือเกาะอังศุมาลินไว้แน่น กลัว
“เขาจะทำอะไรเราหรือเปล่าลูก หรือว่า..เราบอกเค้าว่าไม่เอาเรื่อง..แล้วรีบกลับกันเถอะ”
“ไม่ต้องกลัวนะแม่ เราไม่ผิด อีตาโกโบริอะไรจะมาทำอะไรเราได้”
“ก็เดี๋ยวเขาหาว่าหนูไปดูถูกดูหมิ่นอะไรเขาล่ะ.. แย่เลยนะ.. เฮ้อ.. แม่ก็บอกแล้ว จริงๆ หนูก็ไม่ควร” แม่อรตำหนิ
จังหวะนั้นโกโบริเดินออกมาในชุดแต่งกายเต็มยศสีขาวก้าวตรงมาหาอังศุมาลินและแม่อรอย่างเร็ว
“ขอเชิญ...”
โกโบริผายมือเชิญด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อมเคร่งขรึม
แม่อรพยายามฝืนยิ้มซีดๆ ใจดีสู้เสือ
โกโบริเดินลงไปที่กลางลาน หันหลังกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ในนามแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิ
หมอโยชิทำหน้าที่ล่ามแปลญี่ปุ่นเป็นไทยไม่ตกหล่น “ในนามแห่งสมเด็จพระจักรพรรดิ”
อังศุมาลินมองหมอโยชิ
“เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายขึ้น” โกโบริว่าต่อ
หมอโยชิแปลตาม “เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายขึ้น”
โกโบริ เสียงดัง “ทหารกลุ่มนี้ได้ไปบุกรุกทำลายข้าวของของคนไทย โดยพละการ”
หมอเสียงดังด้วย “ทหารกลุ่มนี้ ได้ไปบุกรุกทำลายข้าวของของคนไทย โดยพละการ”
แม่อร เห็นทหารที่ยืนหัวแถวก็จำได้ว่าเป็นเคสุเกะ คนที่ปีนต้นมะพร้าว เคสุเกะก้มหน้าดูเครียด
“เราจึงขอเชิญทุกท่าน มาดูการพิจารณาโทษอันน่าอับอายนี้” โกโบริเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“เราจึงเชิญทุกท่าน มาดูการพิจารณาโทษอันน่าอับอายนี้” หมอโยชิแปลทุกคำ
โกโบริหันกลับ เดินไปยังเหล่าทหารที่ก่อเรื่องตั้งแถวตามระเบียบพักอยู่
“เชิญคุณอร และคุณอังสุมาลิน” หมอผายมือ เชิญให้อังศุมาลินกับแม่ตามไป แม่อรมีท่าทีเกร็งๆ
อังศุมาลินคอยดูแต่ละท่าทีของอีกฝ่าย
ทันทีที่อังศุมาลินและแม่อรเดินผ่าน ทหารก็ส่งเสียงและทำความเคารพกันพรึ่บพรั่บ
อังศุมาลินและแม่อรเดินไปที่โกโบริรออยู่ หมอโยชิตามมา และทำสัญญาณให้สองแม่ลูกอยู่ข้างโกโบริ
ทันใดนั้น เคสุเกะก็ตบเท้าออกมา ชิดเท้า ตะเบ๊ะ รายงาน
“ผมสิบเอก ทานิกาวา เคสุเกะในนามตัวแทนของทหารที่เกี่ยวข้องทุกคน ขอประทานโทษคุณทั้งสอง ที่ก่อความเดือดร้อนให้ครับ”
เคสุเกะตบเท้ากลับเข้าไปในแถว ทหารทั้งแถวก็ก้มหัวคำนับอย่างพร้อมเพรียง
ทหารตะโกนขึงขังพร้อมกันเป็นคำญี่ปุ่น “พวกเราขอประทานโทษ ครับ”
อังศุมาลินมอง สายตาเฉยชา ทำท่าเซ็งๆ เสียงเนือยๆ
“หมดพิธีแล้วสินะ เราจะได้กลับบ้าน”
โกโบริยกมือขึ้นขวางไว้
“เดี๋ยว นี่คือการขอโทษ..ต่อไปจะเป็นการลงโทษ”
อังศุมาลินงง ไม่เข้าใจ มองไปที่หมอโยชิ
หมอโยชิแปล “นี่คือพิธีขอโทษ ต่อไปคือพิธีทำโทษ”
“โทษของการขโมย ไม่ว่าจะคนไทยหรือญี่ปุ่น เหมือนกันหมด โทษนี้เป็นโทษขั้นเบาของผู้กระทำที่ยอมรับสารภาพความผิด”
ทหารอีกกลุ่มยกเอาเข่งที่ใส่กล้วยหอมจำนวนมาเข้ามาวางไว้กลางลาน
“และนี่คือบทลงโทษ...” โกโบริหันไปบอกกับอังศุมาลิน “สัญญาของคนญี่ปุ่น ย่อมเป็นสัญญาเสมอ”
โกโบริจ้องตาอังศุมาลิน อย่างแข็งกร้าว ท้าทาย ปนเจ็บปวด อังศุมาลินงงๆ
แม่อรจับมืออังศุมาลิน ใจคอไม่ดี
ลานกว้างหลังอู่ต่อเรือ เย็นนั้น เห็นเข่งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ถูกวางเอาไว้กลางลาน ทหารทุกคนนำโดยเคสุเกะ ตบเท้าแยกแถวและวิ่งลงมานั่งขัดสมาธิรอบเข่งกล้วย
“นี่ หมายความว่า…”
ทหารเริ่มจากเคสุเกะ ก้มหน้าก้มตาปอกกล้วยกินอย่างช้าๆ ทุกคนในบริเวณลานกว้างนิ่งเงียบ
ทหารที่ถูกทำโทษปอกกล้วยเอาใส่ปากตัวเองลูกแล้วลูกเล่า ข้างๆ ตัวของทุกคนมีเปลือกกล้วยกองสูงขึ้นทุกที
ทหารแต่ละคน หน้าตามุงมั่น บึกบึน กัดฟันทน กินกล้วยกันต่อไปอย่างแข็งขัน
อังศุมาลินมองดู เริ่มทนไม่ไหว แม่อรปิดตาทนดูต่อไปไม่ได้เหมือนกัน อังศุมาลินทนต่อไปไม่ได้
“พอได้แล้ว หยุด”
ไม่มีทหารคนไหนสนใจหล่อน ทุกคน กิน กิน กิน บ้างเริ่มผะอืดผะอม แต่ก็ไม่หยุดยัดๆๆ
อังศุมาลินเข้าจู่โจมใส่หน้าโกโบริ
“คุณมันบ้า ! ทารุณ! ป่าเถื่อน!”
โกโบริมองกลับ สีหน้าเฉยเมย ไร้ความรู้สึก
“นี่-คือสิ่งที่-คุณต้องการ-ไม่ใช่รึ-ความ-ยุติธรรมไงล่ะ”
อังศุมาลินเถียง “นี่มันวิธีการของคนจิตทรามชัดๆ สั่งให้เลิกเดี๋ยวนี้”
“เลิกไม่ได้”
อังศุมาลินอึ้ง โกโบริใส่ต่อ
“เช่นเดียวกับที่เราเลิกทำโทษคนไทยสองคนนั่นไม่ได้-กฎกองทัพย่อมเป็นกฎ”
อังศุมาลินโกรธ พูดไม่ออก
“คุณเป็นคนโหดร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา โหดร้ายกับทุกๆ คน แม้กระทั่งคนของคุณเอง”
อังศุมาลินขวางคว้ามือแม่อร
“ไปเถอะค่ะแม่” อังศุมาลินดึงแม่ไปพอหันมา เจอหน้าหมอโยชิที่ยืนอยู่
อังศุมาลินหันเผชิญหน้าหมอโยชิพูดสำทับ “อ้อ..หมอช่วยแปลให้เขาฟังอย่างละเอียดด้วยนะคะ”
อังศุมาลินและแม่ไม่เหลียวหลัง หมอโยชิหันมามองโกโบริ
เห็นโกโบริเชิดหน้า ไม่สนใจ
เคสุเกะและทหารคนอื่นๆ ยังยัดกล้วยไม่หยุด บ้างก็หน้าเขียวไปแล้ว
คู่กรรม ตอนที่ 3 (ต่อ)
แสงอาทิตย์ส่องสะท้อนท้องน้ำบอกเวลาเย็นเจียนค่ำ อังศุมาลินกำลังพายจ้วงเต็มแรงด้วยความโกรธ เงียบกริบ
“อย่างนี้เดี๋ยวก็ได้ท้องแตกตายกันหมดหรอก เฮ้อ.. เวรกรรมจริงๆ ทำไมหนูไม่บอกพ่อคนนั้น ล่ะว่าเราไม่เอาเรื่อง ไม่ต้องไปลงโทษอะไรขนาดนั้น บาปกรรมเปล่าๆ ของแค่นี้เข้ามาขอกันกินดีๆ แม่ก็ให้” แม่อรเอ่ยทำลายความเงียบ
อังศุมาลินด่า “คนใจทมิฬแบบนั้น พูดกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”
“หน้าตาก็ดูเด๊กเด็กนะ ไม่น่ามียศขนาดนั้น ชื่ออะไรนะลูก” แม่อรว่า
อังศุมาลินนิ่ง ไม่ตอบ
แม่อรซัก “คนนี้ใช่ไหมที่เค้าว่ากันว่าเป็นหลานชายแม่ทัพ.. เป็นนายช่างใหญ่นี่เล่า พวกทหารถึงได้เกรงกลัวนัก”
อังศุมาลินทำหน้าไม่อยากฟังเรื่องของคนนี้
“รูปร่างหน้าตาก็ดี ไม่น่าจะเป็นคนใจร้าย” แม่อรบอกอีก
“พวกหน้าเนื้อใจเสือยังไงล่ะแม่”
แม่อรถอนใจความรั้นของลูกสาว
เวลาต่อมาคุณยายศร ที่นั่งคุยพลางทำท่าขนลุกหนาวสั่น เอาผ้าห่มมาห่มตัว
“ยายว่า.. เขาก็ทำถูกนะ คนของเราไปขโมยของเขา เขาก็ลงโทษตามวิธีของเขา ถ้าคนของเขามาทำกับเราแล้วเขาไม่ลงโทษสิ มันก็ไม่ยุติธรรม”
อังศุมาลินนั่งปะชุนเสื้ออยู่ได้ยิน แอบทำหน้าไม่พอใจ
“ลองแกไม่ทำอย่างนี้ ใครๆ ก็คงจะนินทาเอา หนูก็อาจจะไปว่าตาโกๆ ริๆ อะไรนี่อีก” แม่อรเรียกชื่อโกโบริผิด
“แต่ยังไงหนูก็เกลียดมันอยู่ดี” อังศุมาลินบอกเสียงขุ่น ตาขวาง
แม่อรเอ็ด “ยายอังนี่! พูดไม่เพราะเลย คำก็มันสองคำก็มัน เขาเป็นถึงนายทหารมียศมีศักดิ์ หนูจะเรียกจิกอย่างนี้จะดูไม่งามนะลูก ตกลงเขาชื่อะไรนะ โกโก..ริ, โกโมริ, โกบุริ”
“โกโบริ” อังศุมาลินตอบสะบัดน้ำเสียงห้วน
“อะไรริๆ นะ โบริ..มะลิ..” ยายศรเรียกไม่ถูกสักที
“ไม่ใช่ค่ะ คุณยาย โก..โบ..ริ” อังศุมาลินบอก
“เออ.. จริงด้วย โกโบริ..จำชื่ออาโก กับดอกมะลิไว้...เอามารวมเป็นชื่อของพ่อนั่น...พ่อดอกมะลิของอาโก...” แม่อรว่า
“ดอกมะลิของอาโก โกมะลิ โก โบ ริ” ยายศรทำท่าหนาวมาก ตัวสั่นเทา
ยายกะแม่หัวเราะเบาๆ
อังศุมาลินแอบทำหน้าเมื่อย
“นั่นแม่หนาวหรือคะ” แม่อรถาม
“มันเยือกๆมาสองสามวันแล้ว” ยายบอก
แม่อรเข้ามาเอามือจับ “ดูเหมือนตัวจะรุมๆ นะคะ แม่”
อังศุมาลินวางมือ มองมาอย่างเป็นห่วง
ภาพชีวิตชุมชนและชาวบ้านริมน้ำยามพลบค่ำ เริ่มคุ้นตาโกโบริแล้ว โกโบริยืนขับเรืออยู่ แสงไฟจากเรือส่องให้เห็นหน้าโกโบริ ขรึม เศร้า เหนื่อยๆ ขณะยกมือปาดเหงื่อ
เรือสีขาวของโกโบริแล่นตัดกระแสน้ำไปอย่างรวดเร็ว
สักพักเครื่องยนต์กระตุก มีเสียงดังสำลักน้ำ 2-3 ครั้ง ความเร็วของเรือก็ค่อยๆ ลดลงจะหยุดนิ่ง
“เอาอีกแล้ว”
โกโบริก้มลงไปซ่อมเครื่องยนต์อย่างที่เคย พยายามติดเครื่องอีกครั้ง แต่เครื่องยังคงไม่ทำงาน
โกโบริลองแก้ไขซ้ำ ลองติดเครื่องใหม่ เรือก็ยังคงสตาร์ทไม่ติด
“ให้ได้อย่างนี้นะ”
โกโบริบ่นคำญี่ปุ่นเซ็งๆ จากนั้นนั่งเฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไร รอบข้างเงียบงัน ไม่มีใคร มีแต่แสงไฟจากที่ไกลๆ
โกโบริเอนลงนอนกับพื้นเรือ เอามือหนุนไว้ที่ศีรษะต่างหมอน
โกโบริ มองท้องฟ้ายามค่ำคืน ดาวพราวเต็มฟ้า โกโบริเผลอหลับไป
เรือสีขาวลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ จนค่อยๆ ลอยไปติดฝั่ง ในหมู่ไม้ ใกล้ๆ กับต้นลำพูบ้านอังศุมาลิน
บ้านอังศุมาลินยามพลบค่ำตกอยู่ในความมืด ครู่ต่อมาอังศุมาลินจุดตะเกียงเจ้าพายุ แขวนตรงกลางเรือน ให้แสงสว่างทั่วบริเวณ
ในแสงสว่างนั้นเห็นชัดแววตาอังศุมาลิน หมองลง เมื่อนึกถึงวนัสและคำพูดจริงจังก่อนลาจาก
“เขาจะพิสูจน์ให้ตัวเห็นว่า เวลาเปลี่ยนแปลงหัวใจเขาไม่ได้ ไม่มีใครที่เขาจะแต่งงานด้วยได้ นอกจากตัว..อังศุมาลิน”
อังศุมาลินดึงตัวเองกลับมา ถอนใจยาว เศร้า หญิงสาวนึกบางอย่างได้ เดินไปหยิบขิมในห้องออกมา
ครู่หนึ่งอังศุมาลินนั่งพับเพียบลงเปิดขิมออก หยิบไม้ตีมา พนมมือ แล้วลงมือไล่ๆๆ เสียง แล้วเล่นเพลง...ลาวครวญ
แสงไฟจากตะเกียงขับให้อังศุมาลินในเสื้อสีขาวนวล ผ้านุ่งสีเข้ม ดูสวยงามท่ามกลางความมืดสลัว
โกโบริ หลับตาพริ้ม มีหิ่งห้อยค่อยๆ บินมาเกาะที่จมูกโด่งเป็นสัน โกโบริเริ่มรู้สึกตัว เอามือปัด หิ่งห้อยตัวอื่นมาเกาะอีก โกโบริค่อยๆ ลืมตา
โกโบริเห็นต้นลำพูที่มีหิ่งห้อยอยู่เต็ม สวยงาม ระยิบระยับเหมือนหมู่ดาวบนท้องฟ้า
สักพักเสียงขิมดังมาจากที่ไม่ไกลนัก เป็นเพลงลาวครวญ
โกโบริพยายามหันไปหาที่มาของเสียง เห็นเรือนอังศุมาลินพ้นแมกไม้ออกมา มีแสงตะเกียงวูบไหว
โกโบริเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเดินของสวน เสียงดนตรีค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ โกโบริเดินมาหยุดตรงชานบันได เงยหน้ามองด้วยความสนเท่ห์ในเสียงดนตรี ไม่รู้ว่าเป็นเสียงขิม แต่รู้ว่าไพเราะ พริ้งพราว หนักเบา ละห้อย เศร้า ซึ้ง
โกโบริห้ามใจไม่ได้ ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปเบาๆ ด้วยความเคารพ ตั้งใจจะจะไม่รบกวนเสียงนั้น
เสียงเพลงกระชั้นถี่ขึ้น เป็นช่วงแสดงอารมณ์เข้มข้น เร้าใจ ใบหน้าโกโบริเงยมามอง แสดงความทึ่ง ชื่นชม
เท้าของโกโบริ ก้าวขึ้นไปๆ บนชานเรือน ในที่สุดโกโบริก้าวพ้นขึ้นมา
ยินเสียงเพลงดังมาจากยกพื้นด้านในบ้าน โกโบริก้าวล้ำเข้าไป ชะโงกหน้าเข้าไปดูในความสลัวของแสง ร่างอังศุมาลินดูเรืองรองอยู่ในมุมนั้น เหมือนภาพวาดฟุ้งๆ เหมือนฝันอันรางเลือน
อังศุมาลินก้มหน้าก้มตา ตีขิมอย่างดิ่งลึกอยู่ในอารมณ์เพลง มือที่ถือไม้ตีขิมว่องไว แม่นยำ นุ่มนวล
โกโบริมองอย่างทึ่ง ตื่นเต้น ชื่นชม เคลิ้มไปกับอารมณ์เพลง
อังศุมาลินเล่นเพลงจบลงพอดี แต่ยังคงเพ่งมองขิม สงบนิ่ง อยู่ในภวังค์อารมณ์ โดยสายตาทอดจับที่ขิม
โกโบริได้สติ ตื่นจากอารมณ์เพลง รู้สึกตกใจ ที่ตัวเองมาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวขนาดนั้น โกโบริจึงตัดสินใจ พยายามหันกลับ ตั้งใจจะย่องลงไปเงียบๆ
เสียงฝีเท้า ในรองเท้าบู้ธ เหยียบบนกระดานที่ดังเอี๊ยด อังศุมาลินชะงัก รู้สึก รีบหันขวับไป เห็นด้านข้างโกโบริในเงามืด ที่กำลังจะก้าวหนี
อังศุมาลินตกใจ “นั่นใคร”
โกโบริรีบหันมา ถอดหมวก โค้งให้อย่างจริงจัง
“ขอโทษครับ -ขอโทษ- ผม ไม่ ตั้งใจ -มา-รบกวน”
อังศุมาลินลุกขึ้นมาทันที มองรอบตัว หาอาวุธป้องกันตัว อังศุมาลิน หันไปเห็นพวกไม้คานสำหรับหาบของ วางพิงอยู่มุมนึง แต่ไม่ใกล้พอ หมายตาเล็งไว้
“เข้ามาทำไม ต้องการอะไร” อังศุมาลินจ้องตาเป๋งที่โกโบริ ท่าทีระแวง
โกโบริพยายามสื่อสารด้วยภาษาไทยช้าชัด “คือ..ผมขับเรือ-เรือเสีย- เรือลอยผ่าน บ้านคุณ-ได้ยิน-เสียง คล้ายๆ-ซามิเซ็ง-ผมชอบเล่น-ซามิเซ็ง -ผม มาดู”
อังศุมาลินพยายามฟังตาม ขณะที่ตามองโกโบริเขม็ง แต่แอบเหล่ ขยับไปใกล้ๆ ไม้คานนั้น
โกโบริมีท่าทีดีใจ ที่เหมือนอังศุมาลินรู้เรื่อง รีบอธิบายต่อ “คุณ-กรุณา ให้ผม-ดู-ดนตรีนั้น-ได้ไหม-ผมอยากเห็น-ใกล้ๆ-ว่าทำไม-เสียงดนตรี -เหมือน-ซามิเซ็ง”
อังศุมาลินเงียบ จับตามองเขม็ง โกโบริยิ้ม ก้มหัวให้อีกที แล้วก้าวจะเข้าไป อังศุมาลินได้ที รีบโดดไป คว้าไม้คานได้ กระชับมั่นในมือ
“หยุดนะ! อย่าเข้ามานะ ไป! ไปเดี๋ยวนี้!”
โกโบริตกใจ ตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ทำหมวกหล่นจากมือ
อังศุมาลินเงื้อไม้คาน ยกขึ้นค้างไว้พร้อมโจมตีใส่
“ออกไป ฉันบอกให้ออกไป”
โกโบริอึ้ง “คุณ...”
อังศุมาลินจดสายตามองมายังโกโบริ สีหน้าและแววตาเอาจริงเอาจัง
ตรงชานเรือนตอนค่ำนั้น โกโบริยืนนิ่งตะลึงงัน เผชิญหน้ากับอังศุมาลินที่กำลังจ้องเขม็ง ในมือเงื้อไม้คานขึ้นค้างไว้ พร้อมที่จะสู้
อังศุมาลินตัดสินใจพูดญี่ปุ่น เผื่อว่าจะน่าเกรงกลัวมากขึ้น “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ฟังฉันรู้เรื่องไหม”
โกโบริมองหน้าอย่างทึ่งมากขึ้น
“คุณ..ใจเย็นเย็น”
อังศุมาลินตอบเป็นญี่ปุ่นอีก “นี่บ้านฉัน ไม่ต้องการต้อนรับคุณ ออกไป..ไป”
“ผม ขอ” โกโบริเดินเข้ามาหมายจะเก็บหมวก
อังศุมาลินเสียงดัง “อย่านะ อย่าขยับ”
อังศุมาลินกลัว ไม่ไว้ใจ
“ถอยไป! แกนึกว่าเป็นญี่ปุ่นแล้วจะมีสิทธิ์ทำอะไรในบ้านนี้เมืองนี้ก็ได้เหรอ จะเดินเข้าไปในที่ดินของใคร จะเดินขึ้นบ้านของใครเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม แกคิดผิดแล้ว บ้านหลังนี้เป็นของคนไทยที่ไม่ต้อนรับคนญี่ปุ่น นี่เป็นยามวิกาล ถ้าชั้นมีปืน ชั้นมีสิทธิ์ยิงแกให้ตายเดี๋ยวนี้”
โกโบริโค้งแล้วโค้งอีก “ขอโทษๆๆ”
อังศุมาลินใส่ต่อ “หรือเห็นว่าบ้านนี้มีแต่ผู้หญิง แล้วไม่เคารพนับถือยำเกรง ผู้หญิงไทยบ้านนี้สู้ตายเสมอ ขอบอกให้รู้ไว้”
“ผมจะ-ไปแล้ว” โกโบริก้าวเข้ามา ยื่นมือจะก้มหยิบหมวกทหาร
อังศุมาลินตกใจร้องลั่น “บอกว่าอย่าขยับ” พลันฟาดไม้คานเข้าใส่โกโบริเต็มแรง
โกโบริไม่ทันระวัง ไม้คานโดนเข้าที่หัวคิ้วดังพลัก! อังศุมาลินก็ตกใจ ที่ฟาดโดนจังๆ
“โอ๊ะ”
โกโบริหันมา คว้าไม้ไว้
“นี่ แกจะทำอะไร..อย่านะ”
โกโบริค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหน้า ที่โหนกคิ้วมีเลือดซิบ
“ถ้าผมทำอะไรผิดไป ต้องขอโทษด้วย..ผมแค่จะเก็บหมวกของผมกลับไป”
โกโบริบอกเป็นญี่ปุ่นจ้องไม่หลบ แววตาตัดพ้อ
อังศุมาลินเจื่อน รู้สึกผิดทำเกินกว่าเหตุ โกโบริปล่อยมือจากไม้คาน ก้มศีรษะให้ แล้วเก็บหมวกขึ้นมาถือ
ทั้งสองจ้องมองกัน อังศุมาลินยังฝืน พยายามกลบเกลื่อนอาการจ๋อยของตน
“ผม-ไม่ได้-คิดว่า จะทำอะไรในเมืองไทยก็ได้ ไม่เคย คิดว่า..จะทำอะไรไม่ดี กับคุณ ผม เคารพ-คนไทย เคารพ คนทุกคน ขอโทษ ที่คิดน้อย ไม่ระวังตัว ทีหลัง ผมจะ-ไม่ทำ-ผิดพลาด อีกแล้ว”
ขณะที่พูด เลือดตรงโหนกแก้มก็ไหลซึมออกมา
อังศุมาลินหน้าซีด “เลือด”
เสียงแม่อรดังมาก่อนตัว “อะไร ยายอัง เกิดอะไรขึ้น”
แม่อรที่พยุงยายศรเดินมาถึงบันไดพอดี และถือตะเกียงมาด้วย สองคนเพิ่งกลับจากสวน
โกโบริโค้งอีกที แล้วรีบก้าวลงไปข้างล่าง
ที่ใต้ถุนเรือนเวลาต่อมา
โกโบริก้าวเข้ามาเผชิญกับแม่อรที่ถือตะเกียงยืนงง และยายศรที่มองตื่นๆ แล้วโค้งให้แม่อรและยาย
“ซาหวัดดีครับ”
อังศุมาลินยังถือไม้คาน ค่อยๆ เดินอึ้งๆ ตามมาชะโงกมองเหนือบันได
แม่อรร้องทัก “อ้อ..พ่อ..ดอกมะลิ โกโบริ เออ” หันมาเห็นอังศุมาลินถือไม้คานก็ตกใจ “อัง..อะไรน่ะลูก แล้วนั่นถือไม้ทำไม”
“แม่” อังศุมาลินรีบลดมือถือไม้ลง
“อะไร เอะอะอะไรกัน” ยายถามขึ้นท่าทางกลัวๆ
“พ่อมะลิ เอ้อ มีธุระอะไร” แม่อรถามเสียงเข้ม
โกโบริรีบสวมหมวกปิดรอยแผล
“อา..ผม..ไม่ได้-ตั้งใจ..คือ-ได้ยิน-เสียงเพลง” ชี้ไปที่บนบ้าน แล้วก้มหัวลงอีก “แล้ว..ผมขึ้นไปดู -ขอโทษมากๆครับ” โค้งอีกคำรบ
อังศุมาลินวิ่งลงมาพลางฟ้องใหญ่ “แม่คะ! คือ..หนู..ไม่ได้ตั้งใจ..เค้า..บุกรุกขึ้นมา..หนูกำลังเล่นขิม...”
แม่อรสวนขึ้นทันที “แล้วพ่อมะลิเขาทำอะไรหรือเปล่า”
อังศุมาลินเงียบไป ไม่กล้ามองโกโบริ
"ก็..เปล่าค่ะ แต่..ก็..หนูไม่ชอบ”
ยายศรไอโขลกๆ “โอะ โอะ..โอย” แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆ
อังศุมาลินตกใจ “คุณยายๆๆ..แย่ลงอีกหรือคะ”
แม่อรเรียก "เอาละ หนูมาดูคุณยายสิ...ไม้นั่นก็วางลงซะ"
อังศุมาลินวางไม้คานลง แล้วรีบเดินมาพยุงยายไปนั่งที่แคร่ใต้ถุนเรือน โกโบริจะไปแต่แล้วก็หยุด หันกลับมาสนใจอาการยาย
แม่อรพูดกับอังศุมาลิน "ไปถึง หมอเพียรก็ไม่อยู่แล้วหยูกยาก็หาไม่มีเอาเลย"
“เราจะทำยังไงกันดี หนูว่าคุณยายคงเป็นมาเลเรีย” อังศุมาลินวิตกหนัก
“ไม่ใช่หรอก ลาลงลาเรียอะไร..ยายว่า พรุ่งนี้หนูไปรับแม่ฟื้นมานวดให้สักวันก็หายแล้ว คงเป็นไข้เส้นน่ะ”
โกโบริพยายามฟังสิ่งที่สองแม่ลูกคุยกันอย่างตั้งใจ มองคนนั้นทีคนนี้ที โกโบริชี้ไปที่ยาย
“เขาเป็น- ไม่สบาย- ใช่ไหม” แล้วหันมาถามอังศุมาลินเป็นคำญี่ปุ่น “ให้ผมช่วยอะไรคุณไหม”
อังศุมาลินหันขวับ มองหน้าโกโบริ แล้วก้มหน้าลง รู้สึกละอายใจ “ไม่เป็นไร..คุณ..ควรจะกลับไปได้แล้ว”
แม่อรดุปรามให้หยุด “อังศุมาลิน!” หันไป ยิ้มใจดีกับโกโบริ “คุณยายไม่สบายเป็นไข้ ไอ” แม่อรทำท่ายกมือแตะที่ศีรษะ และทำท่าไอ อธิบาย “ตัวร้อน”
โกโบริเดินเข้ามาชะโงกดูสีหน้าและอาการยายศรห่างๆ อังศุมาลินเหลียวขวับมามองไม่พอใจนัก
คู่กรรม ตอนที่ 3 (ต่อ)
โกโบริทำหน้าสุภาพแล้วบอกสองแม่ลูก
“ผมมีหมอ ผมจะไปพาหมอมา”
โกโบริรีบหันหลังเดินไป
“ไม่ต้อง ชั้นไม่ต้องการให้คุณช่วยอะไร” อังศุมาลินเสียงดังใส่
แม่อรอยากรู้รีบถามอังศุมาลิน “เขาว่าอะไร”
“เขาจะไปพาหมอมา”
โกโบริหันกลับมา
“ช่วยกัน- ไม่-เป็นไร”
โกโบริเดินดุ่ม หายไปอย่างรวดเร็ว
“นี่” อังศุมาลินตะโกนตามไป “นี่ๆๆ..ไม่ต้องนะ ไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว”
“ยายอัง พอเถอะ” แม่อรส่ายหน้า ปรามๆ ทำหน้าระอา
อังศุมาลินอึ้ง ขรึม ไม่สบายใจนัก
ไม่นานนัก แม่อรจัดแจงยกหม้อที่เติมน้ำมาวางบนเตาไฟในครัว แล้วพยายามพัดไฟให้โหมแรงขึ้น
อังศุมาลินถือไฟฉายและหอบกิ่งต้นขี้เหล็กหอบโต วิ่งตึงๆ ขึ้นบันไดมา
“ขี้เหล็กบ้านนี่มันแทนยาควินินได้จริงๆ หรือคะแม่”
“ผู้เฒ่าผู้แก่เค้าก็เคยใช้มานักต่อนักแล้วนะลูก หยูกยาขาดแคลนยามสงครามแบบนี้ ก็เห็นจะต้องเปิดตำรายุคคุณทวดกันแล้วเรา”
อังศุมาลินคว้ากาละมังใบโตเข้ามานั่ง แม่เข้ามานั่ง ช่วยกันเด็ดใบขี้เหล็กลงกะละมัง
อังศุมาลินคิดๆ กลุ้มใจ “แม่คะ ถ้า..มัน..พาหมอมาจริงละ”
แม่อรดุเสียงเขียว “นี่.. ขึ้นมันอีกแล้ว แม่ก็ไม่เห็นเสียหายอะไร คนเขามีน้ำจิตน้ำใจ เอาละ มาเอานี่ไปลงต้มซะ แล้วดูไฟให้แรงๆ อีกหน่อยจ้ะ”
“ก็หนูไม่ชอบนี่ค่ะ” อันที่จริงเพราะไม่สบายใจ ตัวเองดันไปทำเขาเจ็บไว้ รับกะละมังใบขี้เหล็กจากแม่ไป
ยินเสียงฝีเท้าตึ๊กๆ ขึ้นบันไดเรือนมา
เสียงโกโบริตะโกนนำมา “ซาหวัดดีครับ ผมพาหมอมาครับ”
“นั่นไง สงสัยมากันจริงๆ”
แม่อรลุกเดินนำออกไป
อังศุมาลินฮึดฮัดขัดใจ ที่ทำไมโกโบริต้องมาตอกย้ำความรู้สึกผิดของตนด้วย
โกโบริพาหมอทาเคดะสะพายกระเป๋าใบโต ขึ้นบันไดมาเสียงตึงตัง มาถึงข้างบน ทั้งสองยืนเคียงกัน ยิ้มกว้าง แล้วโค้งให้ พลางถอดหมวกออก
“ผม-พาหมอ-มา-ครับ”
ทาเคดะทักทายเป็นคำญี่ปุ่น “สวัสดีตอนกลางคืน ครับ”
ที่หัวคิ้วโกโบริ มีพลาสเตอร์แปะทับเล็กๆ
แม่อรเห็นเข้า “อ้าว พ่อคุณ แล้วนี่ที่คิ้ว..ไปโดนอะไรมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
โกโบริเอามือแตะแผลปั๊บ สบตาอังศุมาลินปุ๊บ
อังศุมาลินหน้าซีด ทั้งสองสบตากัน เหมือนจะเอาชนะกัน
“ตอน เดิน กลับไป มันมืด ผม เดินรีบ..เลยเดินชน..กิ่งไม้ในสวนครับ” โกโบริพูดช้ายิ้มเยือกเย็น สบตาอังศุมาลินอย่างท้าทาย
อังศุมาลินอึ้ง แล้วยิ่งโมโห เจ็บใจสะบัดหน้า ไล่ส่งด้วยคำญี่ปุ่น
“เราไม่ได้เรียกร้องความช่วยเหลือ พวกคุณกลับไปได้แล้ว!”
โกโบริและทาเคดะถึงกับชะงัก
แม่อรไม่รู้เรื่อง “ยายอัง เชิญเขาให้เข้าไปนั่งข้างในเร็วสิลูก” ยิ้มแย้มกับสองหนุ่ม
อังศุมาลินอิดออด “แม่คะ”
“อัง” แม่อรดุเสียงเข้ม
อังศุมาลินฝืนใจ เชิญแบบขอไปที “เข้ามาข้างใน”
“เชิญจ้ะๆ คนไข้อยู่ทางนี้จ้ะ” แม่อรยิ้มๆ ใช้ภาษากายร่วม นำทั้งสองไป
ขณะที่แม่อรเดินนำทั้งสองไปที่ห้องนอนยาย อังศุมาลินมองตามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ภายในห้องนอนยายศร หมอทาเคดะใช้หลังมือแตะหน้าผากยายศรที่นอนห่มผ้ามองเขาอย่างตื่นๆ แม่อร และโกโบริมองดูยายอย่างเป็นห่วง อังศุมาลินยืนมองหน้าตายอยู่ห่างๆ
“ผมขอจับชีพจรหน่อย”
ยายกับแม่มองหน้า อังศุมาลินแปลแบบเซ็งซะเหลือเกิ๊น “หมอขอตรวจชีพจรค่ะคุณยาย”
หมอทาเคดะจับมือแล้วนับสักพัก โกโบริมองลุ้นอาการยายศร แล้วอดหันไปมองทางอังศุมาลินไม่ได้
อังศุมาลินก็หันมาสบตาพอดี แต่รีบหันไปมองทางอื่น ทำหน้าทำตาเหมือนต้องการให้โกโบริเห็นว่าไม่เต็มใจมากมาย
ทาเคดะบอกยายศรเป็นคำญี่ปุ่น “อ้าปากครับ”
อังศุมาลินหันกลับมาแปล แต่ทำเสียงเนือยๆ “อ้าปากค่า..คุณยาย”
ยายศรอึ้งๆ แต่ก็ทำตาม
“แลบลิ้นด้วยครับ” หมอบอกอีก
อังศุมาลินบอก “แลบลิ้นค่ะ”
ยายศรหันมามองหน้าแม่อร เป็นเชิงปรึกษาว่าจะดีเหรอ แม่อรพยักหน้า ให้ยายศรทำตาม
โกโบริมอง ทึ่ง เพิ่งตระหนักชัด ว่าอังศุมาลินรู้ภาษาญี่ปุ่นดีแค่ไหน
หมอทาเคดะเปิดกระเป๋า แล้วนึกได้ หันมาบอกอังศุมาลินโดยตรง
“ผมอยากได้น้ำร้อนสักหน่อยครับ”
อังศุมาลินมีท่าทางสุภาพ และสีหน้าดีกว่าเวลาพูดกะโกโบริ “ได้ค่ะ รอสักครู่”
อังศุมาลินลุกขึ้น จะออกไป
“เอาอะไรหรือหนู” แม่อรถาม
“หนูจะไปเอาน้ำต้ม”
โกโบริมองตามไปอยากช่วยอะไรบ้าง
“ให้---ผม-ช่วย-ไหม”
อังศุมาลินตวัดเสียงใส่ห้วนและดุ “ไม่ต้อง” แล้วเดินออกไป
โกโบริจ๋อยซีด เก้อกระดาก
อังศุมาลินเข้ามาในครัว ตรงไปยกหม้อต้มขี้เหล็กเดิมลง แล้วไปเอากาน้ำมาเติมน้ำในตุ่มวางบนเตา แต่ไฟในเตากำลังอ่อนลง อังศุมาลินพยายามพัดจนไฟลุกโชนขึ้น
อังศุมาลินไปที่กะชุใส่ถ่านมุมห้อง แล้วนั่งลงใช้มือควานหาก้อนถ่านในความมืด
ด้านแม่อร และโกโบริมองดูทาเคดะใช้เครื่องฟังตรวจที่หลังและอกของยาย จู่ๆ เสียงอังศุมาลินร้องโอ๊ย..เหมือนเจ็บปวดดังลั่นออกมาจากครัว ทุกคนตกใจ
แม่อรหันไป ร้องถาม “อัง เป็นอะไรลูก”
โกโบริเห็นแม่อรขยับจะลุก ยกมือห้ามไว้แล้วชี้มือชี้ไม้ว่าให้ดูคนไข้กับหมอไป แล้วชี้ที่ตัวเขาสื่อว่าจะออกไปเอง แล้วรีบไปอย่างร้อนใจจริงจัง
อังศุมาลินกุมนิ้วมือข้างขวา และนั่งเหยียดอยู่ไม่ไกลจากลังไม้นักตะโกนบอกแม่
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะแม่”
เสียงฝีเท้าบู๊ททหารวิ่งเข้ามา โกโบริโผล่มา
“เป็นอะไร”
“เปล่า” อังศุมาลินหันไปคว้าคีมคีบถ่าน ตายังจ้องไปที่กะชุถ่าน ชะเง้อหา
“อะไร” โกโบริมองตามสายตา
อังศุมาลินกัดฟัน เอาคีมคีบถ่านเขี่ยๆๆ ทันใด แมงป่องตังวหนึ่งก็โผล่ออกมา แล้ววิ่งไปวิ่งมาหนีแว้บๆ ในความมืด
อังศุมาลินกรี๊ด
“แมงป่อง”
โกโบริตกใจ ทันใดนั้นโกโบริหันไป คว้ามีดที่เสียบในที่เก็บมีดในครัว แล้วจะขว้าง แต่แมงป่องหายไปแล้ว
“คุณ-เป็นอะไรไหม”
อังศุมาลินไม่ตอบพยายามทรงตัวขึ้นยืน แต่เผลอเอามือขวาไปเท้าพื้นจึงร้องเจ็บขึ้นมาอีก แต่พยายามจะร้องเบาที่สุด “โอ๊ย” กลัวยายกับแม่เป็นห่วง
โกโบริขมวดคิ้ว ตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องมายุ่ง”
อังศุมาลินกำลังทรงตัวขึ้นยืนยังไม่ทันตั้งหลักได้ แมงป่องเจ้าเดิมโผล่ตัวออกมาอีก วิ่งจะตัดมาอีกฟากหนึ่ง
โกโบริบอกไทยปนญี่ปุ่น “คุณ..ระวัง แมงป่อง”
อังศุมาลินร้อง “ว้าย”
อังศุมาลินหันไปมอง เห็นเจ้าแมงป่องวิ่งเหมือนจะเข้ามาหาตน จึงพรวดตกใจเซถลาหนี แล้วเสียหลักจะล้ม
โกโบริพุ่งมาช้อนรับตัวอังศุมาลินไว้ได้มือหนึ่ง แล้วหันไปใช้อีกมือหนึ่งเขวี้ยงมีดในมือออกไปด้วยความรวดเร็ว
แมงป่องโดนมีดปักตายคาที่
“คุณ ปลอดภัยแล้ว..แมงป่อง มันตายแล้ว”
อังศุมาลินรู้ตัวตอนนั้นว่าอยู่ในอ้อมแขนโกโบริ รีบดีดตัวออกห่าง
โกโบริไม่ใส่ใจ รีบเข้าไป ดึงมีดออก เตะศพแมงป่องตกขอบชานหายไป
อังศุมาลินหายตกใจ ยกมือที่ปวดแปลบขึ้นดู และสะบัดไปมา โกโบริเอามีดเก็บที่ แล้วหันมา อังศุมาลินเห็นสายตาโกโบริ รีบเอามือซ่อน เชิดหน้าขึ้น ทำท่าอวดดี ไม่เจ็บสักนิด
"ผมจะช่วยคุณ..ผมจะ-ช่วย ขอ-ดู-หน่อย”
อังศุมาลินตวัดเสียงใส่อีก “ไม่ต้อง”
โกโบริไม่ยอมทำหน้าขึงขัง “ต้อง”
โกโบริรุกเข้าไปคว้ามือขวาอังศุมาลิน ลากตัวเข้ามาดูใกล้ๆ เตาไฟ จึงเห็นว่ามืออังศุมาลินบวม แดง เห็นรอยโดนพิษชัดเจน
โกโบริพูดไทยถาม “เจ็บมาก-ไหม”
อังศุมาลินสั่นศีรษะ พยายามกัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับความปวด “ไม่”
โกโบริเย้าคำไทย “แปลว่าเจ็บมาก”
“นี่..พูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องนี่”
“ภาษาไทย ไม่รู้ แต่ภาษาคุณ..ผมรู้..ถ้าบอกว่า..ไม่เจ็บ แปลว่าเจ็บ!”
โดยหนุ่มญี่ปุ่นย้อน อังศุมาลินโมโห
“นี่มันชักจะมากเกินไปละนะ”
โกโบริมองกวนๆ แล้วส่ายหน้า “อะไรมากไป..ไม่เข้าใจ” มองหาไปทั่ว “คุณมีเทียนไหม อยู่ไหน”
อังศุมาลินชี้ไปที่ชั้นใกล้ๆ “จะเอามาทำไม”
โกโบริลุกไปหยิบเทียนมาจุดไฟจากในเตา แล้วปักเทียนไว้กับพื้น
“ทำอะไรน่ะ...” อังศุมาลินระแวง “ไม่นะไม่เอานะ อย่านะ” ถดตัวถอยออก
โกโบริตามมาขึงขัง แล้วคว้ามือขวาของอังศุมาลินขึ้นมา บอกคำไทยชัดและช้า
“แผลนี่-จะปวด-มาก-ถ้า-ไม่-ลน-ไฟ”
อังศุมาลินตกใจร้องเสียงหลง “อะไรนะ!”
“ทน-เจ็บ- นิดเดียวนะ!”
โกโบริจับนิ้วที่เป็นรอยแดงของอังศุมาลินยื่นไปจี้ลนไปที่ปลายเปลวเทียนทันที
“อ๊าย” อังศุมาลินร้องแล้วรีบชักมือกลับ สะบัดเร่าๆ ด่าเลยทีนี้ “คนบ้าผีทะเล ร้อนนะ..โอยเจ็บจะตาย บ้าจริง”
โกโบริถามหน้าตาจริงจัง
“ดีขึ้น-ไหม-คนญี่ปุ่นเก่า-ใช้วิธีนี้-คืนนี้- คุณอาจปวด- นิดหน่อย-แต่ จะดีกว่าปล่อยเอาไว้”
โกโบริลุกไปเอาถ่านเพิ่มใส่เตา และพัดให้ไฟแรงขึ้น หันมายิ้มให้อังศุมาลิน แล้วจัดการเก็บก้อนถ่านที่กระจัดกระจายให้เข้าที่
อังศุมาลินยังนั่งจับนิ้วที่ปวด แล้วมองไปที่โกโบริ เห็นแผลที่คิ้วผลงานตัวเองก็ละอายใจ
“ขอโทษนะ”
โกโบริหันมามอง งงๆ
“คุณคงเจ็บไม่น้อย”
โกโบริพอจะเข้าใจ เอามือแตะที่คิ้วเบาๆ
“ชั้น..ไม่ตั้งใจจะทำร้าย..แต่ ฉันแค่...”
โกโบริมองหน้า ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร..ไม่ใช่ความผิด-ของคุณ ผม-ที่ผิด ผม-ที่ไม่ดี..”
โกโบริโทษตัวเอง อังศุมาลินอึ้ง แล้วเมินหน้าไปมองทางอื่น
ครู่ต่อมาแม่อร มองหมอรักษาแม่อย่างหวาดเสียว เป็นห่วง กลัวๆ ทาเคดะกำลังฉีดยาให้ยายศรหลับตา กลัวจนตัวแข็ง
อังศุมาลินจับมือยาย “คุณยาย...อย่าเกร็งนะคะ ปล่อยตัว..สบายๆ นะคะ”
โกโบริคุกเข่า แอบมองอย่างทึ่งๆ
หมอทาเคดะฉีดยาเสร็จ หันมาอธิบายให้อังศุมาลินฟังเป็นคำญี่ปุ่น อย่างเร็ว
“ผมจะให้ยาคนไข้ ไว้ทานวันละสองเม็ด เช้า และกลางวัน”
อังศุมาลินมองหมออย่างเชื่อถือ ตั้งใจฟังมาก แต่จำไม่หมด จึงบอกด้วยเสียงสุภาพ จริงจังเป็นญี่ปุ่น
“ขอโทษนะคะ กรุณาพูดช้าๆ เพราะฉันไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ทุกคำหรอก”
ทาเคดะทำหน้าขำนิดๆ เลิกคิ้ว ประมาณว่า พูดจริงหรือนี่
“หืม..”
อังศุมาลินย้ำชัดๆ เป็นญี่ปุ่น “ฉันแค่พูดได้เพียงบางคำเท่านั้น”
อังศุมาลินและทาเคดะต่างยิ้มให้กันอย่างขำเล็กๆ กับสถานการณ์นั้น แล้วต่างถอนหายใจ ยิ้มสุภาพให้กันไปมา แม่อร มองดูทั้งสองคุยกัน อยากรู้เรื่องด้วย
โกโบริได้จังหวะ ดีใจมาก รีบฉวยโอกาสเสนอหน้า ท่าทีกระตือรือร้นสุดๆ
“เอาอย่างนี้- ผม-จะเป็น-ล่าม-ให้เอง”
อังศุมาลินหันขวับ มองโกโบริอย่างหมั่นไส้ ขวางๆ ว่าอย่ามายุ่งซักเรื่องได้ไหม
แต่ทาเคดะกลับยิ้ม พอใจ รีบหันไปอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นกับโกโบริอย่างรวดเร็ว เป็นชุดใหญ่
"ยาที่ฉีดให้คุณยาย อาจทำให้เวียนหัว อาเจียนได้ อย่าตกใจ นอนพักก็จะหาย และยาที่ให้ไป กินวันละสองเม็ด เช้ากับกลางวัน แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาดูอาการอีกที อาจมาฉีดยาให้อีกครั้ง เพราะคุณยายแก่มากแล้ว”
โกโบริหันมาแปลช้าๆ “ยา-ที่ฉีดให้ ยาย-อาจจะ-ปวดหัว” นึกคำไทยไม่ออก พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น “อาเจียน” แล้วพูดไทยต่อ “อย่าตกใจ- นอน-ก็จะหาย ยานี่” หยิบยาขึ้นมา “กิน-วันละสองเม็ด -เช้ากับกลางวัน- พรุ่งนี้...”
อังศุมาลินทำหน้าหมั่นไส้โกโบริ โกโบริยังพูดไม่ทันจบ รีบหันไปแปลให้แม่อรฟังต่อที่เหลือแซงโกโบริ เป็นทำนองว่า เรื่องแค่นี้ ทำเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง
อังศุมาลินบอกแม่เร็วปรื๋อ “พรุ่งนี้หมอจะมาดูอีกทีและอาจต้องฉีดยาคุณยายอีกครั้งก็พอ..เพราะคุณยายแก่มากแล้ว”
โกโบริเหวอค้าง มองอังศุมาลินงงงัน ว่าทำไมมาแย่งหน้าที่ตน
ด้านทาเคดะเห็นว่าอังศุมาลินอธิบายจบ ก็หันไปพูดกับโกโบริเร็วปรื๋อ
"คุณยายควรรับประทานพวกเนื้อ นม เนย ไข่ เพื่อบำรุงสุขภาพ”
โกโบริปากกำลังจะหันมาอธิบายต่อให้แม่อรฟัง
"เรื่อง-อาหาร...”
อังศุมาลินรีบแย่งพูดยังกับเด็กๆ เอาชนะกัน ท่าทางน่าขัน
“ควรจะให้ทานพวกอาหารประเภทเนื้อ นม เนย เพื่อบำรุงสุขร่างกายไปด้วย” พูดไปแล้วคิดได้ว่าของพวกนี้ตนไม่มี อังศุมาลินอึ้งนิดๆ ขณะสบตาแม่อร
แม่อรสบตาตอบ ท่าทางหนักใจ
อังศุมาลินหันไปบอกหมอทาเคดะเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วนึกได้ถึงความขาดแคลนของบ้านตน ท่าทางสำรวมขรึมลงไป “เรื่องอาหาร..เราจะพยายามนะคะ”
โกโบริมองอังศุมาลินอย่างจับสังเกต
อังศุมาลินหันมาเห็นสายตาโกโบริ ก็ทำหน้าหยิ่งใส่ เมินหนีไปอีก
ไม่นานนัก แม่อร เดินมาส่ง โกโบริและทาเคดะที่เชิงบันไดชานเรือน โดยมีอังศุมาลินยืนอยู่ห่างๆ ออกมา โกโบริบอกกับแม่อร ยิ้มให้
“ไปก่อนครับ พรุ่งนี้ ผมจะมาใหม่”
โกโบริโค้ง หมอก็โค้งลา โกโบริมองมาทางอังศุมาลิน
“ขอบใจมากเลยนะจ๊ะ” แม่อรชี้ที่หัวตน บอกประกอบให้เข้าใจ “อ้อ ทีหลัง จะไปไหนกลางคืน ต้องระวังตัวนะจ๊ะ ต้องใช้ไฟฉายส่องดูให้ดี นอกจากจะชนกิ่งไม้แล้ว อาจจะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขออะไรก็ได้”
โกโบริยิ้มเจื่อนๆ เหลือบมาดูหน้าอังศุมาลินแว้บหนึ่ง “ขอบคุณครับ” แล้วก้มหัวให้อีก “ทีหลัง ผมจะระวังตัว-มากๆ”
พูดจบโกโบริเหลือบตามามองอังศุมาลินอีก เจ้าของผลงานอังศุมาลินหลบตา
“สวัสดีตอนกลางคืนครับ” โกโบริโค้ง หมอทาเคดะโค้งตาม แล้วทั้งคู่เดินลงบันไดไป
อังศุมาลินมองตามโกโบริไปอย่างเผลอตัว พอดีกับที่โกโบริหันกลับมามองพอดี
อังศุมาลินรีบเมินหนี เชิดใส่ โกโบริเก้อๆ หน้าสลดลงนิดหนึ่ง
โปรดติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 4