พรพรหมอลเวง ตอนที่ 14
หนึ่งฤทัยนั่งก้มหน้าอ่านหนังสือ ตันหยงเดินเข้ามาเก้ๆกังๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามหนึ่งฤทัย
หนึ่งฤทัยยิ้มให้ตันหยง “ตามสบายนะคะ”
“หยงอยากจะขอโทษคุณหมอหนึ่ง ที่หยงมาที่นี่”
“ขอโทษทำไมคะ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”
“หยงเคยบอกสัญญากับคุณหมอไว้ แต่หยงทำไม่ได้ ในที่สุดหยงก็กลับมาอีก”
“ช่างมันเถอะค่ะ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่รักกัน ถ้าเมื่อไหร่มีมากกว่า สองคน มันจะยุ่ง”
ตันหยงจ๋อย “คุณไม่โกรธหยงหรือคะ”
“ไม่ค่ะ หนึ่งไม่โกรธ ถ้าจะโกรธ ก็ต้องโกรธตัวเอง ช่างเถอะ ทำใจให้สบายเถอะนะคะ”
หนึ่งฤทัยยิ้มให้ตันหยงแล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไป ตันหยงมองอย่างไม่เข้าใจแล้วค่อยๆลุกเดินออกไป พอตันหยงเดินลับตา หนึ่งฤทัยก็ปิดหนังสืออย่างเศร้าๆ
ปฐวียืนแนะนำตันหยงให้กับคนที่ทำงานในอนามัย
“พึ่งมีเวลาแนะนำกัน นี่คุณตันหยง อาสาสมัครที่มาช่วยงานพวกเราวันนี้”
ทุกคนยิ้มต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับนะคะ คุณตันหยง” พยาบาลบอก
ตันหยงมองปฐวีอย่างงงๆ “มีอะไรให้หยงช่วยบอกนะคะ หยงก็ยังทำอะไรไม่ถูก”
“งั้นมาทางนี้เลยค่ะ”
พยาบาลเดินนำตันหยงไป ตันหยงหันไปมองปฐวี ปฐวียิ้มเฉย
ตันหยงเริ่มทำงานปูเตียงให้คนไข้
ตันหยงพับผ้าก๊อสแล้วเตรียมอุปกรณ์เป็นเซ็ตสำหรับทำแผล
ตันหยงเดินพาคนป่วยเข้ามาในห้องรักษาตัว หนึ่งฤทัยเดินมารับคนไข้
ปฐวีเดินตรวจคนไข้กับหนึ่งฤทัยผ่านหน้าตันหยงไป ปฐวีไม่หันมามองหน้าตันหยงแม้แต่น้อย ตันหยงแอบมองปฐวีอย่างเศร้าๆ
หนึ่งฤทัยเดินนำตันหยงเข้ามาที่พัก
“คืนนี้คุณพักที่นี่แหละค่ะ ตามสบายเลย” หนึ่งฤทัยบอก
“ขอบคุณค่ะ”
“ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ถ้าต้องการอะไรก็บอกเค้าได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้หยงก็จะกลับแล้ว”
“กลับพรุ่งนี้หรือคะ คุณจะกลับไปทำไม หรือว่าแต่งงาน”
ตันหยงส่ายหน้า “เปล่าหรอกค่ะ”
หนึ่งฤทัยมองหน้าตันหยงนิ่ง
ปฐวีมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นแสงไฟจากที่พักของตันหยงอยู่ไกลๆ ปฐวีเดินกลับเข้ามาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนคิด
นาวินหอบข้าวของมาที่รีสอร์ท สุดนภามองไปรอบๆแล้วโวยวาย
“อะไรกัน พักที่นี่น่ะหรือ กับคุณสองคนเนี่ยนะ”
“จะเป็นไรไป บ้านตั้งใหญ่โต มันเหลือหลังเดียวจะให้ทำไงล่ะ” นาวินบอก
“บ้าหรือ ใหญ่แล้วไง มีห้องนอนห้องเดียว นี่วางแผนไว้หรือเปล่า”
นาวินทำหน้าใสซื่อ “เปล๊า ก็เจ้าหน้าที่บอกไม่ได้ยินหรือ เอาน่าก็แบ่งกันนอนก็ได้ ผมนอนไม่ดิ้นไม่กรนหรอก ถ้าคุณจะแอบกอดผมแทนหมอนข้างก็ได้นะ ผมยอมขาดทุน”
“ฝันไปเหอะ นายนอนนอกห้องโน่น”
สุดนภาคว้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าห้องปิดประตู นาวินเดินไปเกาะประตูแล้วโวยวาย
“อ้าว เฮ้ย อย่าทำแบบนี้นะ เปิดก่อน”
พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่ขึ้น ไก่ขันไปทั่วบริเวณ คนไข้มาเข้าคิวรอที่หน้าอนามัย ตันหยงช่วยพยาบาลจัดคิวคนไข้ ปฐวีกับหนึ่งฤทัยช่วยกันรักษาคนไข้
“นอนพักดูอาการอีกสักวันนะครับ ถ้าไม่ปวดหัวหรือมีอาการแทรกซ้อนก็กลับบ้านได้” ปฐวีบอกคนไข้
ตันหยงยกอุปกรณ์การรักษาไปวางไว้ใกล้ๆปฐวีกับหนึ่งฤทัย เธอมองทั้งคู่แล้วค่อยๆ เดินเลี่ยงออกมา ปฐวีกับหนึ่งฤทัยนั่งอ่านแฟ้ม หนึ่งฤทัยเงยหน้ามองตันหยงนั่งทำงานเงียบๆหงอยๆ
“วีคะ เราทำแบบนี้จะดีหรือ แล้วคุณตันหยงจะรู้สึกยังไงคะ” หนึ่งฤทัยถามปฐวี
ปฐวีหันไปมองตันหยงก็เห็นตันหยงหน้าเศร้า
ปฐวีนิ่งไม่ตอบแต่ยังคงทำงานต่อไป หนึ่งฤทัยมองปฐวีสลับกับตันหยงแล้วถอนหายใจ
พรพรหมอลเวง ตอนที่ 14 (ต่อ)
คนไข้หมดจนเหลือแต่ปฐวีกับคนไข้เพียงหนึ่งคน ตันหยงมองปฐวีจากด้านข้าง หนึ่งฤทัยเดินออกมาจากอีกมุม
“คุณตันหยงจะกลับรึยังคะ ไปพร้อมหนึ่งเลยไหมคะ”
ตันหยงคิด “ค่ะ หยงมีเรื่องจะปรึกษาหมอหนึ่งด้วยค่ะ”
ตันหยงชำเลืองปฐวี หนึ่งฤทัยมองหน้าตันหยง แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไป
ตันหยงเดินคุยกับหนึ่งฤทัย
“คุณตันหยงมีอะไรหรือคะ”
“หยงอยากฝากลาหมอวีด้วย หยงจะกลับกรุงเทพค่ะ”
หนึ่งฤทัยชะงัก “ทำไมจะรีบกลับล่ะคะ อยู่ช่วยกันก่อนสิ”
“หยงคิดว่า หยงไม่เหมาะหรอกค่ะ คุณหมอหนึ่งต่างหากที่เหมาะกับหมอวีมากกว่า”
หนึ่งฤทัยหยุดเดินแล้วมอง “อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น”
ตันหยงนิ่งไม่ตอบ
หนึ่งฤทัยแอบถอนหายใจ “เอาเป็นว่าคุณหยงอย่าเพิ่งไปเลยนะคะ หนึ่งขอร้อง ยังไงก็ต้องอยู่ช่วยกันก่อน”
หนึ่งพูดจบก็เดินไปทันที ตันหยงมองตามอย่างงงๆ
ตกกลางคืน ปฐวีนั่งหน้ากองไฟที่อยู่ใกล้บ้านพักตันหยง ตันหยงยืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่างบ้านพัก ปฐวีหันมองมาทางห้องตันหยงแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันกลับไป
ตันหยงเดินไปเปิดประตูห้องออกมาจนเห็นปฐวี ตันหยงยืนแอบมอง ปฐวีหันกลับมาจนสบตากัน ตันหยงตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไปยืนพิงประตู
“เฮ้อ...ชั้นจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้”
ปฐวีนั่งนิ่งคิดแล้วก็ยิ้มเศร้า
เช้าวันใหม่ ปฐวียืนส่งหนึ่งฤทัยขึ้นรถ
“รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อย่าหักโหมนักเดี๋ยวหมอจะป่วยซะเอง” หนึ่งฤทัยบอก
“ผมคงคิดถึงหนึ่ง” ปฐวีบอก
“วีพูดให้หนึ่งดีใจใช่มั้ยคะ”
“เปล่าครับ ผมพูดจากใจ”
หนึ่งฤทัยมองหน้าปฐวีแล้วยิ้ม
“วีน่ารักกับหนึ่งเสมอเลย”
ปฐวียิ้ม “ก็หนึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของผม แล้วเจอกันที่กรุงเทพนะครับ”
หนึ่งฤทัยยิ้มเศร้า “ถ้าวีกลับถึงกรุงเทพเมื่อไหร่ เราต้องได้เจอกันแน่นอนอยู่แล้ว อย่าลืมใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดนะคะ”
“ขอบคุณหนึ่ง ที่เข้าใจผม”
ทั้งสองมองอย่างเข้าใจกัน หนึ่งฤทัยกางมือเข้ากอดปฐวี ปฐวีกอดตอบแบบเพื่อนที่เข้าใจกัน
“หนึ่งไปนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยครับ”
หนึ่งฤทัยเดินขึ้นรถไป รถแล่นออก ปฐวียืนมองจนหนึ่งฤทัยลับตา ปฐวีนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว่างเขากับหนึ่งฤทัยแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ปฐวีนึกถึงเหตุการณ์ที่หนึ่งฤทัยนั่งคุยกับเขาที่มุมผิงไฟตอนกลางคืน
“หนึ่งทราบข่าวจากคุณพิราม ว่าเค้ากำลังจะแต่งงาน” หนึ่งฤทัยบอก
ปฐวีมองหน้าหนึ่งฤทัยก่อนหลบตา
“วีเศร้าเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แล้วที่วีหนีมาที่นี่ ก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ”
“ผมไม่ได้หนีมานะหนึ่ง ผมอยากมาจริงๆ”
“หนึ่งเข้าใจผิดเอง ที่พูดกับคุณตันหยงไป ว่าขอให้คืนวีกลับมา”
ปฐวีหันมองอย่างงุนงง
“หนึ่งเข้าใจผิดว่าวี จะหันมารักหนึ่งได้ แต่...มันไม่มีวันใช่ไหมคะ”
ปฐวีก้มหน้า “หนึ่ง ผมขอโทษ”
“วีไม่ผิดหรอกค่ะ หนึ่งผิดเอง ที่ไม่สามารถเอาชนะใจวีได้หนึ่งรู้ ว่าวีรักหนึ่งแค่เพื่อน ต่อไปนี้ หนึ่งจะมองวีแบบเพื่อน และหนึ่งจะเป็นเพื่อนที่ดีของวีตลอดไป หนึ่งสัญญา”
แล้วทั้งคู่ก็กอดกัน
พรพรหมอลเวง ตอนที่ 14 (ต่อ)
ปฐวีทำงานโดยมีพยาบาลเป็นผู้ช่วยรักษาคนไข้ ตันหยงเดินถืออุปกรณ์การแพทย์เดินผ่านปฐวีไปแล้ว ตันหยงก็ถอยหลังกลับมามองอย่างงงๆ
“หมอหนึ่งหายไปไหนเนี่ย” ตันหยงงง
ปฐวีเห็นตันหยงยืนมองอยู่ก็เรียก
“เข้ามาช่วยผมหน่อยสิ เร็วเข้า”
ตันหยงรีบเข้าไปช่วยปฐวีด้วยการหยิบส่งเครื่องมือ ปฐวีรักษาคนไข้ ตันหยงคอยช่วยหยิบจับเครื่องมือ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงพัก
“พักทานข้าวก่อนเถอะค่ะหมอ เดี๋ยวตรงนี้ดิชั้นจัดการเอง” พยาบาลบอก
“ครับ” ปฐวีพูดกับตันหยง “ไปทานข้าวกัน”
“ค่ะ เอ่อ แล้วหมอหนึ่งไปไหนล่ะคะ”
ปฐวีไม่ตอบแต่เดินนำตันหยงออกไป ตันหยงเดินตามไปอย่างจ๋อยๆ
ปฐวีกับตันหยงนั่งกินอาหารเงียบๆ ปฐวีนั่งกินเฉยๆไม่พูดไม่จา ตันหยงอึดอัด
“ทำไมไม่ทาน อาหารไม่อร่อยหรือ” ปฐวีถาม
“เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่...”
“รีบๆทานเข้าเถอะ คนไข้รอรักษาอีกเยอะ”
ปฐวีก้มลงกินอาหารต่อ ตันหยงแอบมองปฐวีเหมือนอยากจะพูดด้วย ปฐวีกินอาหารจนเสร็จแล้วลุกขึ้น ตันหยงทำท่าจะเรียก แต่ปฐวีไม่สนใจแล้วเดินไปทันที ตันหยงมองตาค้าง
สุดนภากับนาวินนั่งบนเก้าอี้จิบเครื่องดื่มอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างลำธารที่รีสอร์ท
“นี่เราจะไม่ไปดูสองคนนั่นหน่อยหรือ” สุดนภาถาม
“ไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย” นาวินบอก
“แต่ชั้นเป็นห่วงเพื่อนนี่นา”
“เป็นห่วงเรื่องอะไร ผมรับรองแผนผมไม่มีพลาด”
สุดนภาสำลัก “ขี้โม้จริงๆ จะว่าไป ชั้นทึ่งคุณจริงๆ คุณนี่มัน...ร้ายกาจ”
“จริงๆคุณจะว่าผมไร้สาระใช่มั้ย”
สุดนภานิ่งไปนิดนึง “ถ้าบอกว่าใช่คุณจะโกรธมั้ย”
นาวินขำ “แรงไปมั๊ยเนี่ย..” นาวินพูดจริงจัง “มันก็เหมือนการเรียนรู้ของเด็กๆนั่นแหละเด็กๆเรียนรู้จากการเล่น”
สุดนภางง “เหมือนกันตรงไหนเนี่ย”
“เหมือนสิ สองคนนั่นก็กำลังเรียนรู้ จากประสบการณ์ชีวิตไง ทุกอย่างต้องพบเอง เจอเองถึงจะรู้ว่า นี่แหละมันคือชีวิตจริงๆ”
“ชั้นเริ่มไม่แน่ใจแล้วนะว่าคุณเก่งเกิน หรือชั้นฉลาดน้อยกันแน่ ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ฟังไม่รู้เรื่องซักคำ”
“นี่คุณจะหาว่าผมเพ้อเจ้อใช่มั้ย งอนนะเนี่ย”
“โอ๋ ไม่เอาน่า อย่างอนนะ เดี๋ยวเลี้ยงขนม”
“ไม่ยอมหรอก ต้องหอมเค้าก่อน เค้าถึงจะยิ้มได้”
“บ้า หน้าไม่อาย”
นาวินทำงอน สุดนภาหมั่นไส้จึงผลักนาวินจนตกเก้าอี้ไป
นาวินโวยวาย “จะโหดไปไหนเนี่ยแม่คู๊ณ...”
สุดนภาทำไม่รู้ไม่ชี้
คนไข้คนสุดท้ายยกมือไหว้ปฐวีกับพยาบาลก่อนจะเดินออกจากห้องรักษาไป ตันหยงเก็บข้าวของตรงหน้าแต่ในตาแอบมองปฐวีอย่างสังเกต
“วันนี้คนไข้หมดเร็ว เชิญคุณหมอกลับไปพักก่อนดีกว่าค่ะ” พยาบาลบอก
“ก็ดีเหมือนกันครับ ผมไปก่อนนะ”
ปฐวีเดินไปแบบไม่สนใจตันหยง ตันหยงมองค้าง เธอรีบเก็บของแล้ววิ่งตามปฐวีไป
ปฐวีเดินไปตามทางเดิน ตันหยงรีบวิ่งตามมา
ตันหยงตะโกนเรียก “น้าวีคะ...น้าวี รอก่อน”
ปฐวีชะงักแล้วค่อยๆหันมามองตันหยงนิ่ง ตันหยงอึดอัด
“หยุดเรียกผมว่าน้าวีซะที ผมไม่ใช่น้าวีของคุณ” ปฐวีบอก
ตันหยงจ๋อย
ปฐวีถอนหายใจ “คุณมีอะไร หรืออยากมาบอกลาผม”
“ไม่ใช่นะคะ หยงมาที่นี่ เพื่อมาพบคุณ หยงอยากคุยกับคุณค่ะ”
“คุยเรื่องอะไร เรายังต้องคุยอะไรกันอีก”
“ให้โอกาสหยงพูดซักครั้งนะคะ ถ้าหยงพูดจบแล้วน้าวี เอ่อ คุณไม่ให้อภัยหยงก็จะไป”
ปฐวีไม่ตอบ ตันหยงมองอย่างอ้อนวอน
“เพื่ออะไร คุณกำลังจะแต่งงานไม่ใช่หรือ”
ตันหยงส่ายหน้า
“ทำไม แล้วทำไมไม่แต่งงาน คุณมาที่นี่ทำไม”
ตันหยงอึดอัด เธอส่งไดอารี่ให้ปฐวี ปฐวีรับมา
“หยงมาเพราะ นี่” ตันหยงส่งไดอารี่คืนให้
“นี่ของผม มันไปอยู่กับคุณได้ยังไง” ปฐวีคิด “ไอ้เจ้าวิน”
“หยงกลับมาเพราะ หยงรู้สึกแบบเดียวกับคุณ แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกอย่างที่เขียนไว้ในสมุดนี้ หยงก็จะกลับไป”
ตันหยงหันหลังกลับ ปฐวีคว้าแขนเธอไว้
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป คุณยังไม่ได้ตอบว่า ทำไมคุณถึงไม่แต่งงาน”
“เพราะหยงต้องแต่งงานกับคนที่หยงรักเท่านั้น หยงไม่ได้รักพิราม แต่หยงรักน้าวี รู้มั้ยคะ หยงรักน้าวี”
ตันหยงกับปฐวีมองตากัน
“ผมรู้แล้ว” ปฐวียิ้ม
ตันหยงงง “รู้แล้ว”
ตันหยงตะลึง “อะไรนะ คุณทราบเรื่องหมดแล้วหรือ”
ปฐวียิ้ม “คุณพิรามบอกผมแล้ว”
ตันหยงงง “พิราม พิรามบอกคุณได้ไง”
ปฐวีเดินหนี
“เดี๋ยวก่อน น้าวี บอกมาเดี๋ยวนี้นะ น้าวีคุยอะไรกับพิราม”
พิรามกำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะใส่กระเป๋า นุชเดินเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้ม
“เอกสารที่ให้เตรียมค่ะ ทำไมคุณพิรามถึงเดินทางก่อนกำหนดล่ะคะ”
“ผมเปลี่ยนแผนนิดหน่อย” พิรามบอก
นุชเดินออกจากห้องไป พิรามหยิบรูปตันหยงขึ้นมาดู
“ขอให้คุณมีความสุขนะครับ หยง หมอปฐวีคงดูแลคุณเป็นอย่างดี”
พิรามยิ้มเศร้าก่อนจะวางรูปตันหยงลงแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องไป
ปฐวีกับตันหยงนั่งคุยกันอยู่ ตันหยงหันมาพูด
“งั้นก็หมายความว่า....คุณรู้ทุกอย่างก่อนแล้ว”
ปฐวียิ้ม “ใช่ผมรู้แล้ว”
“แล้วคุณบังคับให้หยงพูดทำไม”
“ผมอยากฟังจากปากของคุณเอง ว่าคุณรักผม”
ตันหยงนึกได้ “คุณตั้งใจจะแกล้งหยงใช่มั้ย”
ตันหยงงอนแล้วจะไป ปฐวีจับมือตันหยงไว้แล้วยิ้ม
“เปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น แต่มันเลยไปนิดนึง”
“น้าวีนะ แกล้งหยง” ตันหยงนึกได้ “แล้วหมอหนึ่งล่ะคะ”
“หมอหนึ่งมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“หมอหนึ่งรักคุณมากนะคะ”
“แล้วคุณล่ะ”
ปฐวีจ้องหน้าตันหยง ตันหยงหลบตาเพราะความเขิน
“คุณบอกว่ามาที่นี่อยากบอกอะไรกับผม ตอนนี้ทำไมไม่บอก”
ตันหยงอ้ำอึ้ง “ค่ะ ....”
“ค่ะ แปลว่าอะไร”
“ก็ คิดถึงคุณหมอปฐวีไงคะ”
“ไม่ได้ยินเลย ไหนพูดอีกทีซิ”
“หยงคิดถึงหมอวีค่ะ คิดถึงมากด้วย”
“จริงหรือ แล้วรักมากด้วยรึเปล่า”
ตันหยงเขิน ปฐวีดึงตันหยงมากอดไว้ ทั้งคู่กอดกัน ตันหยงและปฐวีมีความสุขมาก
ทันใดนั้นนาวินกับสุดนภาก็โผล่มา
“เห็นไหม บอกแล้ว ชั้นลงมือเอง ไม่มีวันไม่สำเร็จ” นาวินเอ่ยแซว
ตันหยงตกใจ “มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ร้ายนักนะแก เดี๋ยวนี้หัดเป็นขโมยเหรอ มานี่เลย” ปฐวีแกล้งฉุน
ปฐวีทำจะอัดนาวิน นาวินหนี
“อ้าว แทนที่จะขอบคุณ เขียนว่าอะไรนะ เดี๋ยวนึกก่อน ดาวเต็มท้องฟ้า” นาวินแซว
ปฐวีเขิน “ไอ้วิน” ปฐวีเข้าไปล็อคคอเพื่อน
“บี๋จำได้ค่ะ มีเด็กชื่อหยงมารักษา หมอวีตกใจ นึกว่าเป็นหยง” สุดนภาบอก
ตันหยงอาย “นี่แก ก็แอบอ่านหรือบี๋ บ้า”
ปฐวีอ้าปากค้างด้วยความเขินจึงจูงมือตันหยงเดินหนี นาวินจูงสุดนภาเดินตาม ทั้งสองคนวิ่งหนี อีกสองคนวิ่งตาม
พิรามเดินเข้าส่วนของ boarding pass ของสนามบิน พิรามคิดถึงตันหยงจึงยิ้มแล้วเดินต่อ
หนึ่งฤทัยกำลังนั่งเหม่ออยู่ในห้องตรวจ
“ต่อไปนี้ หนึ่งจะมองวีแบบเพื่อน และหนึ่งจะเป็นเพื่อนที่ดีของวีตลอดไป หนึ่งสัญญา” หนึ่งฤทัยกับปฐวีกอดกัน
หนึ่งฤทัยยิ้มเศร้า พยาบาลเปิดประตูเข้ามา
“หมอหนึ่งคะ คนไข้พร้อมแล้วค่ะ”
“ส่งตัวเข้ามาเลย หมอก็พร้อมแล้ว”
หนึ่งฤทัยยิ้มขยับตัวพร้อมรักษาคนไข้
ปฐวีกำลังตรวจคนไข้อยู่ในอนามัย เขามีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีตันหยงคอยช่วยหยิบจับอยู่ข้างๆ สุดนภาถือของช่วยมาส่งให้ นาวินยืนกินขนมอยู่ใกล้ๆ สุดนภาดึงตัวไปช่วย
เวลาผ่านไป ตันหยงกับปฐวีเดินจูงมือกันเดินไปตามทาง ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วชี้ชวนกันดูธรรมชาติ ทั้งคู่ยิ้มอย่างมีความสุข นาวินกับสุดนภาเดินงอนและแหย่กันตีกันไปตีกันมา
ปฐวีกับตันหยงเดินมาส่งสุดนภากับนาวินขึ้นรถกลับ ปฐวีตรวจคนไข้คนสุดท้ายจนเสร็จ ผู้ช่วยยิ้ม
“หมดแล้วครับหมอ” ผู้ช่วยบอก
“ทำไมวันนี้คนป่วยน้อยนักล่ะ”
“น้อยอะไรครับ หายป่วยเกือบทั้งหมู่บ้านแล้วครับหมอ”
“อ้าว งั้นหรือ” ปฐวีขำแล้วพยักหน้า “เวลาผ่านไปเร็วจังเลย”
ปฐวียิ้มอย่างมีความสุข
หลายวันผ่านไป ตันหยงกับปฐวียืนล่ำลาทุกคนที่หน้าสถานีอนามัยก่อนจะจูงมือกันเดินออกไป
นาวินนั่งทำงานอยู่ในห้องด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดมาก สุดนภาเดินเข้ามาในห้อง
“เชิญนั่งครับ ครูบี๋”
สุดนภานั่งลงอย่างแปลกใจกับท่าทางจริงจังของนาวิน
“เรียกชั้นมามีธุระอะไร”
นาวินส่งแฟ้มให้สุดนภา
นาวินพูดไม่เงยหน้า “อ่านดู คุณมีความเห็นว่ายังไง”
สุดนภาเปิดแฟ้มด้วยหน้าตางงๆ แล้วค่อยๆยิ้ม
ในแฟ้มมีข้อความ “คุณพร้อมจะแต่งงานกับผมหรือยังครับ คุณบี๋ “
“ถ้ายิ้มหรือโวยวายแสดงว่า OK” นาวินบอก
สุดนภายิ้ม “บ้าๆๆๆ”
นาวินยิ้ม “งั้นแสดงว่าโอเคใช่มั้ย”
นาวินลุกขึ้นยิ้มส่งช่อดอกไม้ช๊อกโกแลตให้สุดนภา สุดนภายิ้มปลื้ม
“เห็นมั้ยผมรู้ใจคุณแล้ว แต่งเมื่อไหร่ดี”
“ให้คู่นั้นเค้าแต่งก่อนแล้วกัน เราสังเกตการณ์ไปก่อน”
“ก็ได้”
สุดนภายิ้มเขิน นาวินทำเนียนหอมแก้ม สุดนภาเขินจึงเอาศอกกระทุ้งจนนาวินจุก
ตันหยงกับปฐวีเดินจับมือกันเดินอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ทั้งคู่สบตากัน
“ผมมีความสุขที่สุดเลยรู้มั้ย และผมมีความลับจะบอก”
“อะไรหรือคะ”
ปฐวียิ้ม “เชื่อมั้ยผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น”
ปฐวีนึกถึงตอนที่เจอกับตันหยงเจอกันครั้งแรกที่สนามบิน ตอนที่ปฐวีกับตันหยงเจอกันที่ คลับ ตันหยงเมา ปฐวีนั่งมองตันหยงตั้งแต่บนเครื่องบิน
ปฐวียิ้ม
“รู้มั้ย ผมสับสนมากคิดว่าเป็นโรคจิต เพราะหลงรักหลานตัวเอง แต่พอรู้ความจริงว่า คุณคือตันหยงในร่างน้องเมย์ ผมแทบบ้า”
“คงเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราสองคนมาพบกัน”
ปฐวีจับมือตันหยงสบตากัน
“และมารักกัน ผมดีใจที่เรามีวันนี้ด้วยกัน”
“หยงก็ดีใจค่ะ”
ปฐวีค่อยๆบรรจงจูบหน้าผากตันหยง
“...แต่งงานกับผมนะ...”
ตันหยงยิ้ม “ตกลงค่ะ”
ปฐวีหอมแก้มตันหยงและดึงตันหยงมากอดอย่างรักใคร่
จบบริบูรณ์