ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 14
เมฆกับตะวันฉายนั่งกินอาหารอยู่ในห้องอาหารภายในโรงแรม เมฆนั่งกินแบบไม่สนใจตะวันฉาย
“แล้วตกลงคุณจะกักขังตัวฉันนานแค่ไหน” ตะวันฉายถาม
“ไม่รู้” เมฆตอบกวนๆ
“นี่...ฉันจะเตือนด้วยความหวังดีนะ พี่ยุทธเป็นตำรวจเก่ง คุณทำแบบนี้เท่ากับเหยียบจมูกเขา เขาไม่ปล่อยคุณแน่”
“เหรอ....คุณจะบอกว่าเขารักคุณมากๆๆๆๆๆ”
“มากถึงมากที่สุด”
“งั้นไหนล่ะพี่ยุทธของคุณ ขนาดจะโทรกลับยังไม่โทรเลย” เมฆล้อเลียน “เขาคงห่วงคุณมากจนตอนนี้อาจจะไปซบอกสาวสวยๆปลอบใจกันที่ไหนสักแห่ง”
ตะวันฉายเริ่มไม่มั่นใจ “ ไม่...ไม่จริงหรอก ฉันว่าเขากำลังวางแผนระดมกำลังมาช่วยฉันมากกว่า
“ถามจริงๆนะ คุณคิดว่าผมเป็นคนชอบโกหกเหรอ คุณถึงไม่เชื่อผมเลย”
ตะวันฉายชะงักเพราะเถียงไม่ออก
“ถ้าคุณไม่ได้โกหกมันก็ต้องเป็นการเข้าใจผิด เพราะฉันรู้จักกับพี่ยุทธมาตั้งแต่เด็ก ฉันยืนยันได้ว่าพี่ยุทธเป็นคนดีจริงๆ”
“งั้นผมจะพาคุณกลับไปแต่งงานกับเค้า”
เมฆเดินออกไป ขณะที่ตะวันฉายมองตามเมฆก่อนจะเรียกเมฆไว้
“เดี๋ยวก่อนคุณเมฆ”
เมฆชะงักก่อนจะหันมาทำหน้าจ๋อยๆ
“คุณถามฉันว่าฉันคิดว่าคุณเป็นคนชอบโกหกรึเปล่า ฉันตอบได้ทันทีว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันต่างหากล่ะที่โกหกคุณมาตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังโกหกคุณ”
“คุณโกหกอะไรผมเหรอ”
“ฉันโกหกว่าฉันรักพี่ยุทธ แต่จริงๆฉันรักเค้าอย่างพี่ชายเท่านั้นเอง”
เมฆยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ถ้าคุณไม่รักเค้า งั้นคุณบอกได้มั้ยว่าคุณรักใคร”
ตะวันฉายนั่งอยู่กับเมฆด้วยสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
ไถึงเวลาที่ฉันต้องหันมารักตัวเองซักที” ตะวันฉายบอก “ฉันควรจะหันมาทุ่มเทให้กับความฝันของฉัน ส่วนเรื่องของหัวใจ ฉันอยากจะพักมันไว้ ฉันกับพี่ยุทธคงเหมาะจะเป็นพี่น้องกันมากกว่า”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจวันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันคงไม่มีดวงเรื่องความรัก”
“ผมก็เหมือนกัน ตั้งแต่คุณชอบพี่ธีร์ คุณก็รักเขาคนเดียวและทำทุกอย่างเพื่อให้เจอเขา ผมอยากจะเป็นคนที่คุณรักมากอย่างที่รักพี่ธีร์ แต่ผมไม่ได้โชคดีอย่างเค้า”
ตะวันฉายจะอ้าปากอธิบายแต่เมฆลุกขึ้นพูดก่อน
“คุณควรจะพักผ่อนนะ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งแต่เช้า”
เมฆเดินจากไป ตะวันฉายมองตามด้วยความเศร้าใจที่เมฆเข้าใจเธอผิด
หลายวันต่อมา ยุทธการ นิค และเอวานั่งดื่มกาแฟอยู่ด้วยกันที่ร้านกาแฟ สีหน้ายุทธการดูเศร้าๆ
“พี่คงเป็นผู้ชายที่แย่มาก ถึงได้โดนบอกเลิกถึงสองครั้ง” ยุทธการเปรยออกมา
“แล้วซันมันไม่สงสัยเหรอครับว่า พี่ยุทธเป็นเสือผู้หญิงจริงรึเปล่า” นิคถาม
“ซันเค้าบอกว่าเป็นคลิปคนหน้าเหมือน ยังไงเค้าก็ไม่เชื่อว่าพี่จะเป็นคนแบบนั้น” ยุทธการบอก
“เออเว้ย ซันมันก็เชื่อมันในตัวพี่ยุทธดีนะครับ สมแล้วที่มองพี่เป็นพี่ชายที่แสนดี”
“เฮ้อ พี่มันก็เป็นได้เท่านี้แหละนะ”
“นึกแล้วก็น่าเสียดายนะคะ อุตส่าห์วางแผนไม่รู้กี่วิธีให้สองคนนี้ได้เคลียร์ใจกัน แต่ไม่รู้ไปเคลียร์กันอีท่าไหน สุดท้ายถึงได้แยกทางกันไปเฉยเลย” เอวาบอก
“เฮ้อ บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยเจอคู่รักคู่ไหนที่ใจแข็งแล้วก็ปากแข็งเท่าสองคนนี้มาก่อนเลย”
“พวกเราทำหน้าที่ของพี่ของเพื่อนอย่างดีที่สุดแล้วล่ะ แต่ในเมื่อเค้าตัดสินใจแบบนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรหมลิขิตละกัน” ยุทธการบอก
ยุทธการ นิค และเอวาถอนใจด้วยความเซ็งออกมาพร้อมๆ กัน
ตะวันฉายนั่งพิมพ์งานอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ที่บ้านสวนริมน้ำ นิคกับเอวาเอาอาหารมาให้ เอวาสะกิดเรียกตะวันฉาย ตะวันฉายพยักหน้ารับแต่ก็ยังมุทำงานต่อ นิคกับเอวากลุ้มใจ
เมฆนั่งเขียนเพลงอย่างตั้งใจในห้องทำงานที่บ้าน แล้วเขาก็หยุดเล่นดนตรีเพื่อนั่งคิดและเขียนเนื้อ
เมฆนึกถึงอดีตที่เขากับตะวันฉายแต่งเพลงจากเปียโน เมฆลุกจากเปียโนมายืนดูภาพตัวเองกับตะวันฉายในอดีตแหย่กันอย่างมีความสุข แล้วเมฆก็อมยิ้มพร้อมกับเดินกลับไปนั่งที่เปียโน แล้วก็แต่งเพลงต่อไปจนดึกเมฆฟุบหลับคาเปียโน อิงฟ้ากับหมอกแอบดูอยู่ แล้วหมอกก็เอาผ้าห่มมาคลุมให้เมฆ
รุ่งเช้า ตะวันฉายยังคงพิมพ์งานอยู่ โดยที่นิคกับเอวาหลับอยู่ใกล้ๆ
เมฆตื่นขึ้นมาก็เห็นโน้ตที่มีลายมือหมอกตัวใหญ่เขียนว่า “สู้ๆครับพ่อ” แปะอยู่ เมฆยิ้มแล้วหยิบผ้าห่มมากอดอย่างมีความสุขแล้วแต่งเพลงต่อ
วันใหม่ ตะวันฉายพิมพ์ต้นฉบับออกมาจากเครื่อง แล้วเอามาดูด้วยความดีใจ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตะวันฉายกดรับ
“หวัดดีค่ะแม่”
เวลาผ่านไป เกริกไกรกับสายรุ้งมาหาถึงบ้านสวน แต่ยังไม่ทันจะเข้าบ้าน ตะวันฉายก็มาดึงพ่อกับแม่ไปนั่งแล้วแจกนิยายให้อ่าน
“พ่อกับแม่คงไม่รู้หรอกว่าซันดีใจแค่ไหนที่พ่อกับแม่มาวันนี้ เหมือนพระมาโปรดลูกเลย”
“ปากหวานแบบนี้จะให้ช่วยอ่านละสิ” สายรุ้งรู้ทัน
ตะวันฉายยิ้มเขินอายแต่ก็เปิดปึกนิยายในมือเกริกไกรกับสายรุ้งให้ทั้งสองอ่านจากหน้าที่ 1
“อ่านวันหลังได้ไหมลูก เพิ่งมาเหนื่อยๆขอคุยกับลูกสาวก่อน” เกริกไกรบอก
“ไม่ได้ค่ะ คุยกับซันน่ะเหนื่อยกว่าเยอะ อ่านเลยค่ะ”
เกริกไกรเห็นปึกนิยายแล้วก็ถอนใจ สายรุ้งแอบหยิกจนเกริกไกรถึงกับสะดุ้ง
“พ่อนี่ ถ้าขัดใจลูกอีกแม่จะหยิกให้เนื้อเขียวเลย”
“เอ่อ แม่....เมื่อกี้ได้ข่าวว่าหยิกไปแล้ว” เกริกไกรว่า
“อันนั้นคือลองเล็บ ถ้าพ่อไม่อ่าน คราวนี้แม่หยิกเป็นทางการแน่”
เกริกไกรรีบตั้งหน้าตั้งตาอ่าน สายรุ้งกับตะวันฉายยิ้มพร้อมกับขยิบตาให้กัน เกริกไกรเงยมามองเห็นทันที
“โห...ฮั้วกันเหรอ”
สายรุ้งเงื้อมือจะหยิกเกริกไกรจึงรีบก้มอ่าน
เมฆเปิดเพลงให้จอมสยามฟัง จอมสยามชอบใจจึงปรบมือใหญ่
“ไชโย้...ในที่สุดเพลงสุดท้ายของอัลบั้มนี้ก็เสร็จซะที” จอมสยามดีใจ
“จากนี้ไปผมก็ขอพักแล้วนะครับ” เมฆบอก
“เฮ้ย...ได้ไง ช่วงโปรโมตนี่ละที่นายต้องทำงานหนัก”
“อย่าเลยครับ ผมไม่ใช่นักร้อง พี่จอมโปรโมตนักร้องดีกว่าครับ”
“ไอ้เมฆ อัลบั้มนี้เป็นผลงานนายทั้งหมด นักร้องทั้งสิบคนเขามาร้องให้นาย แล้วนายจะมาเก็บตัวได้ไง”
“ได้สิพี่ ก็ผมไม่ชอบออกสื่อ”
“ไม่รู้ล่ะทางพีอาร์เขาส่งแผนโปรโมตมาแล้ว และพี่ก็ผ่านเรื่องนี้แล้วด้วย เพราะฉะนั้นนายห้ามเบี้ยว”
“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”
“งานแรกเลยนะเห็นว่าจะจัดเล็กๆให้นายไปแจกลายเซ็นที่ร้านหนังสือก่อน”
เมฆอึ้งคิดถึงตะวันฉายขึ้นมาทันที “ร้านหนังสือเหรอครับ”
“ทำไมล่ะ ก็ตรงมุมขายซีดีไง”
เมฆพยักหน้ารับแต่แววตาซ่อนความคิดถึงตะวันฉายเอาไว้
ที่มุมเสวนาในร้านหนังสือ ที่แผงด้านหลังมีหนังสือ “ตะวันฉายในม่านเมฆ” และมีคำว่า Best seller ติดอยู่ เอวารับหน้าที่พิธีกรกำลังสัมภาษณ์ตะวันฉายอยู่โดยมีแฟนคลับของตะวันฉายห้อมล้อม ส่วนนิคกับยุทธการยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ในเฟซบุ๊คฝากถามมาว่า เรื่องของคุณตะวันฉายเล่มนี้เป็นเล่มจบสมบูรณ์ใช่ไหมคะ”
“ค่ะ...แต่จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกแน่นอนนะคะ” ตะวันฉายตอบ
ยุทธการ นิค และแฟนคลับหัวเราะขำตะวันฉาย
“อีกคำถามนะคะ อย่างที่พวกเรารู้ๆกันว่าเรื่องนี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอันดับสูงสุดของวรรณกรรมประเภทนิยาย พวกเราอยากรู้ไหมคว่าคุณซันได้แรงบันดาลใจจากไหน”
แฟนคลับต่างตอบว่าอยากรู้
ตะวันฉายยิ้ม “ก็คงเหมือนๆนิยายความรักทุกเรื่อง แรงบันดาลใจก็ต้องมาจากความรัก”
แฟนคลับคนหนึ่งตะโกน “งั้นเปิดเผยคุณเมฆให้พวกเราเห็นได้ไหม อยากเห็นค่ะ”
แฟนๆ คนอื่นๆ เป่าปากเรียกร้อง
ตะวันฉายยิ้มเศร้า “ถึงนิยายของซันจะได้แรงบันดาลใจจากความรัก แต่ความรักในชีวิตจริงกับในนิยายไม่ได้เหมือนกันเสมอไปหรอกค่ะ”
“นี่จึงเป็นที่มาของข้อความท้ายเล่มใช่ไหมคะ” เอวาถาม
“ค่ะ” ตะวันฉายพยายามยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้า
เวลาผ่านไป ตะวันฉายนั่งเซ็นหนังสือและถ่ายรูปกับแฟนคลับ ยุทธการ นิค และเอวายืนดูตะวันฉายกับแฟนคลับอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เฮ้อ...แปลกนะ วันที่ความฝันของซันมันสำเร็จ แต่ทำไมดูมันไม่มีความสุขเลย” นิคเปรยออกมา
“เพราะซันคงอยากให้ใครสักคนมาร่วมยินดีด้วยนะสิ” ยุทธการบอก
ทั้งสามมองตะวันฉายด้วยความเห็นใจ
ที่มุมขายซีดี เมฆก็กำลังเซ็น CD และถ่ายรูปกับแฟนคลับอย่างวุ่นวาย จอมสยามเดินถือไมค์เข้าไปหา
“เอาละครับ พอดีคุณเมฆ ต้องไปให้สัมภาษณ์วิทยุอีก ถ้ายังไงขอเชิญทุกคนไปที่นั่นได้นะครับ”
ทีมงานเดินเข้ามาพาเมฆออกจากร้าน แฟนคลับเดินห้อมล้อมตามมา โดยมีจอมสยามเดินไปด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีความสุข
ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ระหว่างที่จะออกจากร้านทีมงานคนหนึ่งยกฉากรูปหนังสือ ตะวันฉายในม่านเมฆ ผ่านมา เมฆเห็นก็สะดุดตาจึงรีบเดินไปหาทีมงานคนนั้นทันที
“เอ่อ....นี่หนังสือเหรอครับ”
“ครับ เพิ่งจัดงานเสวนาไปเมื่อเช้า”
“แล้วใครเป็นคนแต่งครับ”
“รู้สึกก็ชื่อตะวันฉายนี่ละครับ พี่ลองไปดูหนังสือตรงโน้นก็ได้ครับ ตรงที่มีป้าย Best Seller น่ะครับ”
เมฆจะเดินไปแต่จอมสยามดึงแขนไว้
“เมฆ จะไปไหนเดี๋ยวไม่ทัน”
เมฆลังเล “ผมขอห้านาทีนะครับ”
เมฆรีบเดินแยกไป
เมฆเดินมาถึงมุมหนังสือแล้วเห็นหนังสือชื่อตะวันฉายในม่านเมฆวางเต็มไปหมด จอมสยามเดินตามมาดู
“เฮ้ย...นี่ซันเขาเขียนนิยายออกมาแล้วเหรอ เก่งจริงๆ ซื้อสักเล่มสิ” จอมสยามบอก
เมฆเอามือสัมผัสหนังสือแต่ยังไม่หยิบพร้อมทั้งมองอย่างใช้ความคิด
เมฆสะพายกระเป๋าเป้เดินเข้ามาในบ้าน หมอกกำลังงอแงแม้อิงฟ้าจะกล่อมก็เอาไม่อยู่
“หมอกเป็นอะไรน่ะฟ้า” เมฆถาม
“จะอ่านนิยายน่ะสิ” อิงฟ้าตอบ
“พ่อครับ หมอกอยากอ่าน ให้หมอกอ่านนะครับ”
“นิยายอะไรเหรอครับหมอก”
“นิยายของพี่ซันครับ หมอกคิดถึงพี่ซัน ให้หมอกอ่านนะครับ”
อิงฟ้าเดินไปหยิบนิยายจากหลังตู้มาส่งให้เมฆ
“คุณซันส่งหนังสือมาให้ ฟ้าก็ยังไม่ได้อ่านเลย เมฆจะเอาไปอ่านก่อนไหม” อิงฟ้าถาม
“หมอกอ่านก่อน....นะค้าบบ”
“ไว้หมอกโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยอ่านนะครับคนดี” เมฆบอก
หมอกหน้างอ เมฆยิ้มแล้วจะเดินไปแต่อิงฟ้าถามขึ้น
“แล้วนิยายล่ะเมฆ”
เมฆมองนิยายแล้วจะอ้าปากพูดแต่อิงฟ้าเอานิยายใส่มือเขาแล้วพูดขึ้นก่อน
“เมฆอ่านก่อนนะ”
เมฆเดินขึ้นชั้นบนไป
ตะวันฉายเปิดวิทยุแล้วเดินไปหวีผม
เสียงดีเจในวิทยุดังขึ้น “จบไปแล้วนะคะสำหรับเพลงอันดับที่สองสัปดาห์นี้ และตอนนี้ก็มาถึงอันดับที่หนึ่ง ที่ครองชาร์ทมาเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วค่ะ ข่าวว่าอาทิตย์นี้อัลบั้มเต็มวางแล้วด้วยนะคะ เพลงจากนักแต่งเพลงรูปหล่อที่ตอนนี้ดังซะยิ่งกว่านักร้องซะอีก หล่อและเก่งอย่างเหมาะแล้วกับอันดับที่ 1 ในใจผู้ฟังทุกคน”
เพลงที่เมฆกับตะวันฉายเคยแต่งด้วยกันดังขึ้น
ตะวันฉายที่หวีผมอยู่ถึงกับชะงัก เธอเดินมานั่งฟังวิทยุด้วยความเศร้า
“ยินดีด้วยนะคะคุณเมฆ”
เมฆนั่งฟังเพลงของตัวเองผ่านวิทยุ แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมฆกดรับ
เสียงจอมสยามดังมาจากปลายสาย “เฮ้ย...เมฆ เป็นไงครองอันดับ 1 มาเดือนแล้วนะ นายนี่มันเก่งจริงๆ”
“ขอบคุณครับพี่จอม”
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก พี่ต้องขอบคุณนายที่ไม่ทำให้พี่และค่ายผิดหวัง อ้อ...แล้วนายได้เจอซันบ้างหรือเปล่า จนป่านนี้เข้ายังไม่มาติดต่อเรื่องผลประโยชน์ของเขาเลย ถ้าไงเจอก็บอกให้โทรกลับพี่บ้างนะ”
“ครับผม”
เมฆวางสายแล้วนั่งฟังเพลง เขามองไปที่หนังสือนิยายที่วางบนโต๊ะแล้วก็เปิดกระเป๋าเป้หยิบนิยายอีกเล่มที่เขาซื้อมาเองเปิดอ่าน
เวลาผ่านไป เมฆอ่านไปได้ถึงครึ่งเล่ม ภาพของเขากับตะวันฉายจากอดีตผุดขึ้นมาในหัวของเมฆ
เมฆเปลี่ยนอิริยาบถในการอ่านไปตามมุมต่างๆของห้อง
“พยาบาลดึงม่านปิดเพื่อความสะดวกในการช่วยชีวิตเมฆ ตะวันฉายยอมที่จะนั่งทำแผลที่เตียงของเธอทั้งๆที่เธอไม่มีความรู้สึกใดๆกับแผลนั้น เธอรู้ตัวดีว่าสิ่งเดียวที่เธอคิดในตอนนี้คือเธอต้องการให้เมฆปลอดภัย เพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปชีวิตเธอคงอยู่ต่อไปอย่างยากลำบาก หรือว่านี่จะเป็นคำตอบให้ตัวเธอแล้วว่ามันคือความรักจริงๆ ความรักที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ ความรักที่ต้องการการร่วมทุกข์ร่วมสุข หาใช่ความรักเพ้อฝันอย่างที่เธอเคยมีต่อธีรภพในสมัยเรียนหนังสือ ใช่แล้วนี่คือความรักของตะวันฉายที่มีต่อเมฆนั่นเอง”
พออ่านถึงตรงนี้เมฆก็ชะงักไป
ท้องฟ้าเริ่มสางแล้ว แต่เมฆก็ยังนั่งอ่านจนถึงหน้าสุดท้าย
“และแล้วความรักที่ตะวันฉายวิ่งตามมาตลอดก็หยุดที่ผู้ชายที่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด แต่เป็นผู้ชายที่เธอรักและรักเธออย่างจริงใจเหมือนที่เธอฝันไว้ทุกประการ จบบริบูรณ์”
เมฆปิดหนังสือลงแล้วยิ้มเยาะ
“ฮึ....จบที่เรารักกันเหรอ”
เมฆปิดหนังสือลงอย่างอารมณ์เสีย
“จะหลอกลวงอะไรอีก ทำไมไม่พูดความจริงว่าเราจะไม่รักกัน”
เมฆลุกขึ้นด้วยความโมโหแล้วเหลือบเห็นด้านหลังปกมีข้อความ เมฆหยิบหนังสือมาอ่าน
“หนังสือตะวันฉายเป็นหนังสือเล่มที่สองของผู้เขียน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริง ชีวิตที่ผู้เขียนได้มีโอกาสพบผู้ชายที่ดีคนนั้น แม้ในชีวิตจริงความรักของผู้เขียนกับผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้สมหวังอย่างในนิยาย แต่ผู้เขียนก็จะรักเขาคนเดียวตลอดไป ขอบคุณนะคะคุณเมฆ”
เมฆนั่งจ้องปกหลังของหนังสือนิยายไม่วางตา
ตะวันฉายถือกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเดินออกมาจากบ้านสวน นิคกับเอวาลงจากรถที่เพิ่งมาจอดพอดี
“จะไปไหนแต่เช้าซัน” นิคถาม “เดี๋ยวนี้จะไปเที่ยวไม่เรียกเพื่อนนะ”
“บ้าเหรอ ฉันเอ่อ...ฉันจะกลับรีสอร์ท” ตะวันฉายบอก
เอวางง “อะไร จะกลับไม่เห็นบอกเลย นี่ถ้าพวกฉันมาช้ากว่านี้ก็ไม่เจอแล้วสิ”
ตะวันฉายยิ้มเจื่อน “แหม...ก็ฉันเกรงใจนี่ เรียกแท็กซี่ไปสถานีรถเองก็ได้”
“ไม่ต้องเกรงใจเลย เอวามันขับ ไม่ใช่ฉัน แกไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบใจมากคุณเพื่อน” เอวาพูดกับตะวันฉาย “ไม่รู้ล่ะฉันจะไปส่งแก แต่ก่อนอื่นต้องแวะเลี้ยงข้าวเช้ากันก่อน เพราะฉันอุตส่าห์ตื่นเช้าหวังจะมากินที่นี่”
ตะวันฉายพูดอะไรไม่ออกเพราะโดนบังคับ
อิงฟ้าป้อนอาหารหมอกที่อยู่ในชุดอยู่บ้าน โดยมีเก่งช่วยดูแล
“เก่ง ไปตามคุณเมฆหน่อยสิสายแล้ว”
เก่งจะเดินไปแต่เมฆวิ่งติดกระดุมเสื้อลงมาอย่างรีบเร่ง
“ฟ้า ผมฝากส่งหมอกด้วยนะ”
“เมฆมีงานเหรอ แต่มันเช้าอยู่นะ” อิงฟ้าถาม
“ผมจะไปตามซัน”
อิงฟ้าดีใจ “จริงเหรอ ทำไมไม่โทรไปล่ะ”
“ผมอยากเซอร์ไพรส์เขา”
“ งั้นฟ้าไปด้วย”
“หมอกไปด้วย”
“เก่งไปด้วยครับ”
“ได้ไง หมอกต้องไปเรียน” เมฆว่า
“วันนี้วันเสาร์ครับพ่อ”
เมฆหน้าแตกดังเพล้ง
“ได้งั้นไปกันหมดนี่แหล่ะ” เมฆบอก
ทุกคนรีบวิ่งออกไปทันที
ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตะวันฉายกับนิคและเอวายืนอยู่ด้วยกัน
“ฉันไม่เข้าใจทำไมแกต้องไปรถโดยสารอ่ะ ไม่ให้รถที่ออฟฟิศกรุงเทพไปส่ง” เอวาถาม
ตะวันฉายตอบ “ฉันเกรงใจ”
“เกรงใจใครวะ เกรงใจลูกน้องของแกเหรอ” นิคถาม
“น่า ฉันไปเองได้ พวกแกกลับเถอะ ฉันไปนะ”
ตะวันฉายทำฟอร์มเดินไป นิคกับเอวามองด้วยความสงสัย
“มันดูแปลกๆเนอะ” เอวาว่า
“ไอ้ซันมันก็แปลกตลอดแหล่ะ” นิคบอก
เอวากับนิคหันหลังจะเดินกลับ ทันใดนั้นโทรศัพท์เอวาก็ดังขึ้น
“คะพี่เมฆ....”เอวาตกใจ “ว๊าย...พี่เมฆไปหาซันที่คอนโดเหรอ เอ่อ...คือซัน...เอางี้คะ เดี๋ยวเอวากับนิคจะตามซันให้นะ”
เอวากดวางสาย
“พี่เมฆบอกอยากคุยกับซัน ไปตามกันเถอะ”
นิคกับเอวารีบวิ่งไป
ตะวันฉายออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบเรียกแท็กซี่ก่อนจะขึ้นรถไป
เอวากดวางสายโทรศัพท์แล้วหันมาบอกทุกคนที่รอฟัง
“พ่อกับแม่ซันบอกว่าไม่ได้ไปเกาะแน่ๆ เพราะไม่มีจองเรือไปรับ นี่ท่านก็เป็นห่วงนะคะถ้าเย็นนี้ไม่ได้เรื่องจะขึ้นมากรุงเทพฯ”
“ลุงนันต์ที่เฝ้าบ้านสวนก็บอกว่าซันคืนกุญแจให้แล้วคงไม่ได้กลับไปแน่นอน” ยุทธการบอก
นิคเดินเข้ามารวมกลุ่ม “ซันปิดเครื่องครับ โทรไปหลายครั้งก็ไม่ติด”
หมอกพูดกับเมฆ “พ่อครับ หมอกจะได้เจอพี่ซันอีกไหมครับ”
ทุกคนมองหน้ากัน เมฆเริ่มรู้สึกไม่ดี
“ลองคิดดูให้ดีสิคะว่าคุณซันจะไปอยู่ที่ไหนได้อีก ถ้าไม่ใช่ที่เกาะที่คอนโดแล้วก็บ้านสวน” อิงฟ้าถาม
“ตั้งแต่ผมรู้จักมาครอบครัวซันก็มีบ้านแค่สามแห่งนี่ละครับ” นิคบอก
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณเมฆ ผมจะตามหาซันมาให้คุณให้ได้”
เมฆยิ้มรับเศร้าๆ
เมฆกับอิงฟ้าพาหมอกเข้านอน
“พ่อครับ ยังไม่รู้อีกเหรอครับว่าพี่ซันอยู่ไหน” หมอกถาม
“บางทีพี่ซันอาจจะไม่อยากเจอพ่อก็ได้ครับ” เมฆเศร้า
หมอกลุกขึ้นมานั่งแล้วกอดเมฆ
“ถ้าหมอกเจอพี่ซัน หมอกจะบอกว่าพ่อคิดถึงพี่ซันนะครับ”
“ขอบคุณครับหมอก”
เมฆกับหมอกกอดกัน อิงฟ้าที่นั่งดูอยู่ถอนใจด้วยความเครียด
เมฆนั่งเซ็งอยู่หน้าบ้านโดยในมือของเขาถือหนังสือนิยายของตะวันฉาย อิงฟ้าเดินออกมาเห็น
เมฆถามขึ้น “ผมแย่มากใช่ไหมฟ้า”
“ทำไมล่ะเมฆ” อิงฟ้าถามกลับ
เมฆส่งหนังสือโดยหันปกหลังให้อิงฟ้า อิงฟ้ารับไปอ่าน
“ผมคิดมาเสมอว่าผมเป็นแค่ตัวสำรองของพี่ธีร์ คนที่เขารักมากที่สุดคือพี่ธีร์ไม่ใช่ผม”
“เพราะเมฆเจ็บจากเรื่องของฟ้าใช่ไหม” อิงฟ้าถาม
เมฆพยักหน้ารับ
“ฟ้าเข้าใจเมฆนะ แต่อย่าลืมว่าฟ้ากับคุณซันคือคนละคนกันนะ แม้เราสองคนจะรักพี่ธีร์ แต่คุณซันเธอเข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ความรักของเธอที่มีต่อพี่ธีร์ และเธอก็รู้ว่าคนที่เธอรักคือเมฆ”
“ทำไมฟ้าถึงรู้ความคิดของซัน”
“ฟ้าก็ดูจากการกระทำของเธอน่ะสิ”
“ขอบคุณนะฟ้า ถ้าตอนนี้ผมได้เจอซันผมจะบอกเขาทุกอย่าง แต่ ไม่รู้ว่าจะได้เจอเขาอีกหรือเปล่า”
“นี่ละน้า เมฆนะเมฆ ตอนที่รักกับเขาก็ไม่รู้จักพาไปที่ๆเป็นความทรงจำของเมฆกับเขา ไม่งั้นก็ตามได้แล้ว”
“ที่ๆเป็นความทรงจำงั้นเหรอ”
“ใช่สิ คู่รักปกติเขาก็ต้องมีที่ๆประทับกันทั้งสองคนทั้งนั้น มีแต่คู่เมฆนี่ล่ะที่ประหลาดงอนกันไปกันมาจนไม่เหมือนคู่อื่น” อิงฟ้าว่า
เมฆล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วคิดหนัก เขาหยิบโทรศัพท์มาเปิดเสียงตะวันฉายที่เขาเคยแอบอัดเอาไว้ตอนที่เธอร้องเพลง เมฆเปิดรูปตะวันฉายในโทรศัพท์ดูไปด้วย
เมฆถอนใจ “ที่ๆประทับของคุณกับผมเหรอซัน เกาะก็ไม่ไป หรือจะเป็นที่ผับก็ไม่น่าใช่ สวนสนุก....แล้วจะไปอยู่ไงทั้งวันทั้งคืน”
เมฆเอาโทรศัพท์วางไว้บนอกแล้วนอนลืมตาคิด
เช้าวันใหม่ เมฆสะดุ้งตื่นแล้วลุกพรวดขึ้นมา
“เฮ้ย...หรือว่า”
พอคิดได้เมฆก็รีบลุกจากเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที
ตะวันฉายนั่งดื่มกาแฟแล้วพิมพ์งานอยู่ตรงบริเวณที่เคยนั่งคุยกับเมฆที่โรงแรมเดิมในชานเมือง ตะวันฉายเปิดเพลงที่เคยแต่งกับเมฆคลอไปด้วยขณะพิมพ์งาน สักพักเธอก็ได้ยินเสียงร้องของตัวเองแทรกมา ตะวันฉายสงสัยจึงเอาหูแนบวิทยุ สักพักเมฆก็ยื่นโทรศัพท์มาแนบหูอีกข้างของตะวันฉาย ตะวันฉายหันไปมองแล้วสะดุ้ง
“คุณเมฆ”
“กลับบ้านกันนะ ลูกเรารออยู่”
“อะไรของคุณน่ะ”
เมฆเอาหนังสือนิยายวางตรงหน้าตะวันฉาย
“ผมอ่านคำสารภาพรักของคุณแล้ว”
“แล้วไง”
“ผมก็รู้น่ะสิว่าคุณรักผม”
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ”
“ห๊า...”
“ที่ฉันเขียนน่ะเพื่อสร้างดราม่าเพิ่มยอดขาย”
ตะวันฉายจะเดินหนีแต่เมฆดึงเธอมากอดไว้
“นี่คุณเมฆ”
เมฆล้อเลียน “คุณจะทำอะไรฉัน ประโยคในนิยายชัดๆ”
ตะวันฉายดิ้น “ปล่อยนะ”
“ซัน...ผมขอโทษที่เคยงี่เง่า เพราะผมกลัวว่าจะเสียคุณไป ผมเลยคิดว่าถ้าผมไม่หวังผมก็จะไม่ผิดหวัง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณรักผมแค่ไหน”
“จากปกหลังนิยายเนี่ยนะคะ” ตะวันฉายถาม
“จากการกระทำของคุณ ผมนอนคิดทั้งคืนว่าคุณจะไปอยู่ไหน ในที่สุดผมก็รู้ว่ามีที่ๆเป็นที่ประทับใจของเราสองคนก็คือที่นี่ ถ้าคุณไม่รักผมคุณจะกลับมาที่นี่ทำไม”
“เอ่อ...ฉัน...ฉันก็เห็นมันไม่ไกลเลยกลับมา”
“เราเคยสัญญาว่าจะไม่หลอกกันอีกแล้วไง”
ตะวันฉายดิ้น “ปล่อย”
ตะวันฉายดิ้น เมฆกระชับกอดแล้วหอมแก้มตะวันฉาย ตะวันฉายตกใจ
“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้ว ผมจะอยู่กับคุณ...ดูแลคุณ....แก่ไปกับคุณ...ให้โอกาสผมนะซัน ถ้าคุณรักผมเหมือนที่ผมรักคุณ”
ตะวันฉายมองหน้าเมฆนิ่ง
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโอกาสจากคุณ....นะคะ”
ตะวันฉายกับเมฆกอดกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไป เมฆจูงตะวันฉายเดินออกมาที่ริมสระน้ำหน้าบ้าน ยุทธการ อิงฟ้า นิค เอวา หมอก และเก่งปรบมือกันใหญ่
“ในที่สุดก็แฮ้ปปี้เอ็นดิ้งจนได้” นิคบอก
“ยินดีด้วยนะซัน คุณเมฆด้วยครับ” ยุทธการพูด
“แล้วเด็กๆพี่ยุทธล่ะคะ” ตะวันฉายย้อนถาม
ยุทธการเขินจนหน้าแดง เอวาเลยเข้ามาแซว
“เด็กเดิกอะไร โน่นต้องถามนิคมันเจ้าพ่อเป็นแนะนำพี่ยุทธไป”
“เฮ้ย...ฉันไม่ได้เที่ยวแค่เคยไปเล่นดนตรี” นิคแก้ตัว
เมฆกับตะวันฉายมองหน้ากันอย่างงงๆ
“นี่พูดเรื่องอะไรกันครับ ผมงงไปหมดแล้ว” เมฆถาม
“คืองี้ค่ะพี่เมฆ แผนเด็กเที่ยวกับแผนแต่งงานน่ะฝีมือพี่ยุทธเขา เขาอยากให้พี่เมฆกับซันได้ปรับความเข้าใจ” เอวาอธิบาย
“แต่ก็ไม่เป็นผล” ยุทธการบอก
ทุกคนหัวเราะสนุก
“ทำไมจะไม่เป็นผลครับ อย่างน้อยเราสองคนก็มีที่ๆประทับใจอย่างคู่รักคนอื่นๆเขาใช่ไหมฟ้า”
เมฆหันไปมองอิงฟ้าแล้วขยิบตาให้
“โอ๊ยยยย...หวานขนาดนี้แต่งเลยดีกว่า เดี๋ยวผมไปเมืองนอกจะไม่ได้อยู่เป็นสักขีพยาน” นิคบอก
“ซัน...คุณอยากแต่งเมื่อไหร่” เมฆถาม
“แล้วแต่คุณสิคะ แต่แต่งแน่นะห้ามเบี้ยว” ตะวันฉายถามขำๆ
ทุกคนหัวเราะสนุกสนาน
อิงฟ้าพยามต่อโทรศัพท์อยู่ในบ้าน ยุทธการเดินเข้ามาหา
“คุณฟ้าไม่ไปทานข้าวเหรอครับ” ยุทธการถาม
“ฟ้าพยามโทรหาพ่อน่ะค่ะ ทำไมไม่รับสายไม่รู้” อิงฟ้าบอก
“ผมก็ชวนแกให้มาด้วยกันตั้งแต่เมื่อวาน แต่แกบอกว่าไม่อยากรบกวน”
อิงฟ้าอึ้ง “พ่อบอกอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ...ผมรู้ว่าจ่าสมรักคุณฟ้ากับหมอกมาก แต่....”
“แกยังกลัวฟ้ารังเกียจที่พ่อเป็นตำรวจจนๆ”
ยุทธการพยักหน้ารับ อิงฟ้าถอนใจด้วยความเครียด
จ่าสมนั่งมองเด็กๆวิ่งเล่นกันโดยมีพ่อแม่คอยดูแลอยู่ในสวนสาธารณะ ทันใดนั้นหมอกก็ยื่นมือมาปิดตาจ่าสม
“อ้าว...มือใครละเนี่ย”
หมอกปล่อยมือ จ่าสมหันไปเห็นก็แปลกใจ
“หมอก มาได้ไง”
หมอกกระโดดหอมแก้มจ่าสม “มากับแม่ครับ”
หมอกชี้ไปทางอิงฟ้าที่กำลังเดินเข้ามาหา
“ไม่อยู่สังสรรค์กับเพื่อนเหรอ” จ่าสมถาม
“ฟ้าอยากอยู่กับครอบครัว” อิงฟ้าบอก
“ฟ้า”
อิงฟ้าก้มลงกราบที่เท้าจ่าสม
“คืนนี้ฟ้ากับหมอกขอนอนที่แฟลตตำรวจกับพ่อนะคะ”
“จะดีเหรอ แอร์ก็ไม่มี ห้องก็เล็ก”
“แต่มันเป็นบ้านหลังเดียวที่เป็นของฟ้า ฟ้าอยากอยู่กับพ่อ”
จ่าสมน้ำตาไหลแล้วดึงอิงฟ้าเข้ามากอด สองพ่อลูกมองไปเห็นหมอกกำลังเอาหมวกตำรวจของจ่าสมมาใส่แล้ววิ่งไปเล่นกับเด็กๆแถวนั้น
“หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ” หมอกตะโกนลั่น
จ่าสมกับอิงฟ้ามองภาพนี้แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
หลายวันผ่านไป สนามหน้าบ้านเมฆจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เกริกไกรกับสายรุ้งเดินมาแสดงความยินดีกับเมฆและตะวันฉาย
“คุณเมฆ ฝากดูลูกสาวจอมแก่นของผมด้วยนะ” เกริกไกรบอก
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาจะดูแลซันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย”
“ได้ยินแบบนี้แม่ก็หายห่วง” สายรุ้งบอก
หมอกวิ่งมาหาเกริกไกรกับสายรุ้ง
“หวัดดีครับคุณตาคุณยาย”
“แน่...ดูสิ เรียกยายแล้วเหรอ มาขอหอมหน่อย”
สายรุ้งหอมแก้มหมอก
“หมอกครับ ต้องไปหายายที่รีสอร์ทบ่อยๆนะ ยายจะพาเที่ยว” สายรุ้งบอก
“ได้ครับ”
เกริกไกรกับสายรุ้งมองอย่างเอ็นดูหมอก หมอกพาเดินไปนั่งที่โต๊ะ เมฆกับตะวันฉายมองตาม
“คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่หมอกเรียกพ่อกับแม่ของคุณว่าคุณตาคุณยาย” เมฆถาม
“ก็เขาเป็นลูกคุณอีกหน่อยก็เหมือนลูกฉัน” ตะวันฉายบอก
“แต่วันหนึ่งผมก็ต้องบอกหมอกว่าเขาเป็นลูกของพี่ธีร์”
“เอาเถอะค่ะ โดยสายเลือดแกจะเป็นลูกใครเราอย่าไปนับให้วุ่นวายเลย ยังไงแกก็เหมือนลูกฉันกับคุณ”
เมฆยิ้ม “ผมรักคุณนะซัน”
“ค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
เวลาผ่านไป ตะวันฉายหยิบไมโครโฟนมา
“เนื่องในโอกาสพิเศษวันนี้ เรามีดนตรีเพราะๆสำหรับทุกท่าน ซึ่งการเล่นครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากแขกพิเศษมาร่วมวงด้วย เชิญพี่เก่งค่ะ”
ทุกคนปรบมือ แล้วเก่งก็เดินขึ้นเวทีมาเล่นดนตรีกับเมฆ ตะวันฉาย นิค เอวา และจอมสยาม โดยเมฆกับตะวันฉายร้องเพลงร่วมกัน
จบบริบูรณ์