xs
xsm
sm
md
lg

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13 

สุดนภาลงจากรถแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าไปข้างในบ้านตันหยงทันที บุหงากับพินิจนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในบ้าน สุดนภาวิ่งเข้ามาแล้วเบรกพร้อมกับรีบยกมือไหว้ บุหงากับพินิจรับไหว้อย่างงงๆ
“คุณพ่อคุณแม่ขา หยงอยู่ไหนคะ”
“แต่งตัวอยู่ข้างบนจ๊ะ มีอะไรหรือ...”
สุดนภาวิ่งปรู๊ดขึ้นไปทันที บุหงากับพินิจมองตามงงๆ
“ยายบี๋นี่ ไปมายังกะพายุจริงๆ” พินิจว่า
“อะไรของเค้ากันแน่ เฮ้อ สาวๆสมัยนี้ เข้าใจยากจังเลย” บุหงาบ่น


สุดนภาพรวดพราดเข้ามาในห้อง ตันหยงหันไปมองอย่างงงๆ สุดนภามองที่เตียง เห็นเสื้อผ้าที่ตันหยงกำลังจัดเรียงลงในกระเป๋าใบใหญ่
“นี่แกจะรีบจัดของไปไหน” สุดนภาถาม
“ก็เตรียมๆไว้ก่อน พอเสร็จงานชั้นต้องเดินทางไปพร้อมกับพิราม”
สุดนภาถอนหายใจ “ชั้นเอาของมาให้แก”
“ให้ทำไม ยังไม่ถึงวันงานซักหน่อย”
“ไม่ใช่ของชั้น ของนาวินเค้าฝากมา”
“ทำไมต้องฝาก หรือว่าวันงานเค้ามาไม่ได้”
“หยง แกหยุดถามซะทีได้มั้ย รับไปแล้วแกจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
สุดนภาส่งถุงให้ ตันหยงรับมาอย่างงงๆ แล้วทำท่าจะแกะ
เสียงบุหงาดังขึ้น “หยง คุณพิรามมาแล้วลูก แต่งตัวเสร็จหรือยัง”
ตันหยงหันไปมองที่ประตู
“เสร็จแล้วค่ะแม่ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ตันหยงพูดกับสุดนภา “พิรามมารับชั้นไปทานข้าว ไปด้วยกันมั้ย”
สุดนภาส่ายหน้า
“ตามใจ งั้นชั้นไปก่อนนะ”
ตันหยงวางของไว้บนโต๊ะแล้วหยิบกระเป๋าถือเดินออกจากห้องไป สุดนภามองของแล้วหันไปมองตันหยงก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วเดินตามตันหยงออกไป

หนึ่งฤทัยกับปฐวีเดินเคียงคู่กันมาตามทาง
“วีรู้มั๊ยคะ ทำไมหนึ่งถึงตัดสินใจมาเป็นหมอ”
ปฐวีคิด “ขอเดาว่า เพราะคุณชอบ”
“หนึ่งมาเป็นหมอเพราะวีค่ะ” หนึ่งฤทัยบอก
หนึ่งฤทัยยิ้มแล้วพูดต่อ “จริงๆนะ วีสอนให้หนึ่งรู้ถึงการเป็นหมอทั้งกายและใจ”
“ถึงจะไม่ใช่เพราะผม หนึ่งก็เหมาะกับอาชีพแพทย์ ทั้งตัว และใจ”
หนึ่งฤทัยมองตาปฐวีแล้วยิ้มก่อนที่เธอจะจับมือปฐวีไว้
“วีคะ หนึ่งรักวีค่ะ”
ปฐวีมองอย่างหนักใจก่อนจะยกมือหนึ่งฤทัยขึ้นมา “ขอบคุณทุกความรู้สึกดีๆที่หนึ่งมีให้ผม แต่ผม.....”
“หนึ่งรู้ว่าวีไม่เคยรักหนึ่ง แต่หนึ่งก็หวังว่าซักวัน หนึ่งอาจจะเปลี่ยนใจวีได้”
หนึ่งฤทัยเศร้าจนปฐวีสงสารต้องดึงเธอเข้ามากอดปลอบ

ปฐวีมานั่งที่โต๊ะในบ้านพักโดยที่ยังสงสารหนึ่งฤทัย แล้วเขาก็พยายามเลิกคิด ก่อนจะหาไดอารี่แต่หาไม่เจอ ปฐวีงงว่าหายไปไหน

ตันหยงเดินไปที่เตียงแล้วก็นึกได้จึงเดินกลับมาที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วแกะห่อกระดาษของที่สุดนภาเอามาให้ออก
“อะไรของเค้านะ”
ตันหยงแกะห่อออกจนพบว่าเป็นสมุดบันทึกของปฐวี ตันหยงเปิดสมุดบันทึกจนเห็นภาพร่างหน้าตันหยง ตันหยงอึ้งก่อนจะค่อยๆเปิดอ่าน
“ผมมาถึงที่นี่วันแรก อากาศที่นี่ดีมาก ผู้คนก็เป็นมิตร ตอนกลางคืน ดาวสว่างเต็มท้องฟ้า ไม่เคยเห็นดาวมากมายเท่านี้มาก่อน ผมอยากให้คุณมาเห็นจังเลย ตันหยง......”
ตันหยงเปิดหน้าต่อไปพร้อมเดินไปริมหน้าต่าง
“ชาวบ้านที่นี่น่าสงสาร คนป่วยก็มีจำนวนมาก แต่ถึงต้องรอนาน พวกเค้าก็ยังยิ้มแย้ม เพราะพวกเค้าดีใจที่มีหมอมาดูแล .....หมออย่างพวกเรา ถึงแม้จะเหนื่อย แต่เราก็มีกำลังใจที่ได้จากชาวบ้านและผม ยังมีกำลังใจ เมื่อนึกถึงคุณ .....”
“เวลาผ่านไปหลายวัน คนไข้ไม่ได้มีจำนวนลดลงเลย หมอเหน็ดเหนื่อยกันมาก วันนี้มีเด็กคนนึงชื่อหยง เล่นเอาผมสมาธิแทบแตก เพราะคิดว่าคุณมา อดขำตัวเองไม่ได้ ผมคงคิดถึงคุณมากเกินไปแล้ว” ตันหยงหัวเราะ
ตันหยงยิ้มและขำ ตันหยงเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกคิดถึงปฐวีมาก


ตันหยงเดินอ่านต่อไปเรื่อยๆ ตามมุมต่างๆ ของบ้าน
“วันนี้มีหมอกลับไปอีก เหลือน้อยลงทุกที เพราะพวกเค้ามีภาระหน้าที่หลัก ที่ต้องไปทำ ผมก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับไป ไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้น ผมจะลืมคุณได้รึยัง”
“มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ ผมไม่เคยโกรธคุณเลย ที่รู้ว่าคุณอยู่ในร่างน้องเมย์ ผมสูญเสียน้องเมย์ไป และตลอดเวลา คนที่มาอยู่ใกล้ชิดผม .....คือคุณ ผมไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมถึงรู้สึกกับคุณมากมาย มันอาจเป็นความรัก หรือว่ามันคือความผูกพันธุ์ ผมยังหาคำตอบไม่ได้”
“วันนี้ผมไม่เป็นอันทำงาน เมื่อรู้ว่าคุณจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง มันเจ็บปวด ความรู้สึกนี้มันทรมานใจผมมาก ผมอยากให้เวลานี้มันผ่านไปเร็วๆ แต่เวลามันกลับเดินช้าเหลือเกิน....”
“ผมกำลังจะสูญเสียคุณ ผมเหมือนคนบ้า ที่จะพยายามจะเหนี่ยวรั้งความรู้สึกตัวเอง ให้กลับมาเป็นคนเดิม นับจากวันที่สูญเสียน้องเมย์ จนถึงวันที่ได้คุณกลับมา แต่สุดท้าย...ผมก็ยังสูญเสียคุณไป ผมอยากลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ผมอยากลืมคุณให้ได้ แต่ไม่เคยทำได้ซักวัน ตันหยง .....ผมรักคุณ”
“ผมขออวยพรให้คุณมีความสุขกับชีวิตใหม่ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น และผม..จะเป็นกำลังใจให้คุณตลอดไป”
ตันหยงร้องไห้แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะกลางบ้านท่ามกลางความมืด

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13 (ต่อ)

เช้าวันใหม่ พิรามเดินเข้าไปหาตันหยงแล้วค่อยๆหยิบไดอารี่ขึ้นมา พิรามหยิบขึ้นมาเปิดอ่านทีละหน้าจนถึงหน้าสุดท้าย แล้วกระดาษของไดอารี่ก็เลอะคราบน้ำตาของพิราม

พิรามยิ้มเศร้าพร้อมกับมองตันหยง เขาถอดเสื้อนอกคลุมตัวตันหยงไว้ พิรามมองไดอารี่ในมือแล้วนิ่งคิด


ตันหยงงัวเงียลุกขึ้นมาเห็นเสื้อของพิรามกำลังเลื่อนตกจากตัว ตันหยงหยิบมาดูแล้ววางลง เธอหยิบไดอารี่มาเปิดแล้วเจอกระดาษแทรกอยู่ ตันหยงหยิบมาดูแล้วรีบเดินออกนอกห้อง พร้อมไดอารี่ในมือ


ตันหยงวิ่งมาเจอบุหงายืนอยู่ด้านนอก
“คุณแม่ขา พิรามมาหรือคะ”
“กลับออกไปเดี๋ยวนี้เอง ไหนเค้าบอกว่าเจอลูกแล้วนี่ ยังไงกันนี่” บุหงางง “นี่เราสองคนมีอะไรกันหรือเปล่า”
ตันหยงส่ายหน้า “เปล่านี่คะ คุณแม่”
ตันหยงไดอารี่ขึ้นมาดูแล้วถอนหายใจ
“หยงขอตัวก่อนนะคะคุณแม่”
ตันหยงเดินขึ้นข้างบน บุหงามองอย่างไม่เข้าใจ


ตันหยงยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องโดยทำหน้าคิดหนัก เธอหยิบกระดาษที่สอดในไดอารี่ขึ้นมาเปิดดูลายมือพิรามที่เขียนเอาไว้ว่า
“.......หยงครับ ที่ผ่านมาผมมีความสุขมาก ในชีวิตผมมีหยงเป็นส่วนหนึ่งเสมอมา แม้กระทั่งวันนี้ วันที่ผมได้รู้จริงว่า หยงไม่มีผมอยู่ในใจอีกต่อไป ผมเข้าใจและไม่โกรธหยงแม้แต่น้อย แต่เหนือสิ่งใด ผมอยากให้หยงมีความสุข อย่าลังเล หากหยงจะรักใครซักคนที่ไม่ใช่ผม”
ตันหยงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความเศร้า “พิราม...”
ตันหยงอ่านต่อ
“.....จำได้มั๊ย คุณเคยบอกผมว่า ความรักต้องฟังจากหัวใจของเรา ไม่ใช่เสียงจากภายนอก ผมไม่อยากให้หยงตัดสินใจผิดพลาด ไม่ต้องห่วงผม ผมจะขอรักหยงตลอดไป รัก พิราม.....”

ตันหยงยืนคิดอะไรคนเดียวอยู่ที่ริมระเบียง เธอรู้สึกว้าวุ่นใจ แล้วตันหยงก็ตัดสินใจเดินเข้าบ้านไปกดโทรศัพท์
“รับสิ รับสิ ทำไมไม่รับสายล่ะ”
บุหงามองอย่างแปลกใจ
“โทรหาใครลูก ทำไมต้องรีบร้อนแบบนั้น”
“บี๋ค่ะ ทำไมไม่รับสายนะ”
“เดี๋ยวค่อยโทรใหม่สิลูก”
“หยงขอออกไปข้างนอกนะคะ”
“จะไปไหนลูก”
“หยงมีธุระค่ะแม่”
ตันหยงวิ่งออกจากบ้านไปทันที
“อะไรนี่บทจะใจร้อนขึ้นมาก็เป็นไฟเชียว ขับรถระวังนะลูก”
บุหงามองตามอย่างเป็นห่วง ตันหยงวิ่งไปขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปทันที

ตันหยงวิ่งอย่างรีบร้อนมาตามทางเดินในโรงเรียน นาวินเดินสังเกตการณ์เรียนการสอนอยู่ ตันหยงรีบวิ่งเข้ามาหานาวิน
“อ้าวคุณหยง มาหาคุณบี๋หรือครับ คุณบี๋กำลังสอนอยู่” นาวินบอก
“คุณวินคะ คุณมีที่อยู่ของหมอวีหรือเปล่าคะ”
นาวินทำเฉย “ที่อยู่ไหนครับ”
“ที่หมอวีไปทำงานตอนนี้น่ะค่ะ มีไหมคะ”
“มีครับ คุณหยงจะเอาไปทำไมหรือครับ”
“หยงมีเรื่องด่วนต้องคุยกับเค้าค่ะ”
นาวินทำเป็นลีลา “ก็ได้ครับ เอ๊ะ ผมเก็บไว้ไหนนะ เดี๋ยวดูก่อน”
นาวินทำเป็นค่อยๆหาแล้วหยิบส่งให้
“รายละเอียดการเดินทาง อยู่ในนี้ครบครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ตันหยงวิ่งออกไปทันที นาวินมองตามแต่ทำหน้าเฉยเมย
พอตันหยงลับตัวไปก็ทำท่าดีใจ “เยสส....”
นาวินทำหน้าภูมิใจมาก

ตันหยงกลับมาคิดหนัก เธอถือกระดาษเดินไปเดินมา แล้วตันหยงก็ตัดสินใจเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมาวาง

ตันหยงขับรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตันหยงกดรับ
“บี๋ ชั้นตัดสินใจแล้ว”
ตันหยงพูดแล้วยิ้ม

หน้าสถานีอนามัย ตันหยงยืนมองก่อนจะขอบคุณชาวบ้านที่พามาส่ง
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
ตันหยงยืนรวบรวมกำลังใจก่อนจะเดินเข้าไป


ตันหยงเดินเข้าไปข้างใน
“หมอปฐวีอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”
“คุณหมออยู่ด้านในค่ะ” พยาบาลบอก
ตันหยงเดินเข้าไปหยุดยืนมอง เธอเห็นปฐวีกำลังเย็บแผลให้คนป่วย ปฐวีเห็นตันหยงเดินเข้ามาก็ชะงัก ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วปฐวีก็ก้มหน้าลงเย็บแผลต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตันหยงเริ่มไม่มั่นใจจึงทำอะไรไม่ถูก เธอจะเดินออก
ปฐวีเรียกไว้ “เดี๋ยว”
ตันหยงหยุดแล้วหันมามอง ปฐวีมองแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เขาเย็บแผลจนเสร็จ
ปฐวีพูดกับพยาบาล “ขอกรรไกร”
พยาบาลหยิบกรรไกรให้ปฐวี ปฐวีรับมาใช้จนเสร็จ พยาบาลเก็บเศษสำลีที่เปื้อนไปแล้วเดินออก
ปฐวีพูดกับตันหยง “มาช่วยผมหน่อยสิ”
ตันหยงชี้ตัวเองเพราะงง
ปฐวีย้ำ “คุณนั่นแหละ”
ตันหยงรีบเดินเข้าไปอย่างงงๆ ปฐวีมองแล้วทำงานต่อ ตันหยงมองปฐวี ปฐวีทำเฉยแต่แอบชำเลืองพร้อมกับพันแผลให้คนไข้ ทั้งคู่แอบมองกันจนคนไข้รู้สึก คนไข้หันมองหน้าคนทั้งสอง
ปฐวีพูดกับคนไข้ “เรียบร้อยแล้ว” ปฐวีพูดกับตันหยง “ผมฝากส่งคนไข้ แล้วดูเรื่องคิวต่อไปให้ผมด้วย”
ตันหยงงงๆ แต่รีบจัดการให้
หนึ่งฤทัยเดินเข้ามาเห็นตันหยงเดินสวนออกไป ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างงงๆ ตันหยงรีบหลบแล้วเดินออกไป หนึ่งฤทัยหันไปมองหน้าปฐวี ปฐวีเฉย

พรพรหมอลเวง ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตันหยงเดินออกมาอย่างงงๆ เธอมองไปรอบๆตัวเห็นคนไข้ยืนรอเต็มไปหมด
“คนไข้คนไหนล่ะเนี่ย” ตันหยงตะโกน “คนต่อไปเชิญค่ะ”
ทุกคนมองตันหยงเป็นตาเดียว ตันหยงเริ่มเขิน
“คนไข้คิวต่อไป เชิญค่ะ”
ชาวบ้านอุ้มเด็กที่เนื้อตัวเปียกปอนวิ่งเข้ามา ตันหยงงง
“หมอช่วยลูกผมด้วย”
ปฐวีกับหนึ่งฤทัยวิ่งออกมาถึงตัวเด็กก็รีบจับชีพจร ตันหยงถอยออกมายืนมองอย่างตกใจ
“ยังมีชีพจรอยู่” ปฐวีบอก
“มันจมน้ำครับหมอ” ชาวบ้านพูด
ปฐวีรีบบอก “ปั๊มหัวใจก่อน”
ปฐวีกับหนึ่งฤทัยเริ่มต้นช่วยชีวิตอย่างคล่องแคล่ว ตันหยงมองด้วยความทึ่ง ปฐวีปั๊มหัวใจช่วยชีวิตคนไข้ หนึ่งฤทัยจับชีพจรจนกระทั่งเด็กสำลักเอาน้ำออกมาจากปอดแล้วลืมตา ทุกคนที่มุงอยู่ฮือฮา ส่วนเด็กเริ่มร้องไห้
ปฐวีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหันไปยิ้มและพยักหน้าให้หนึ่งฤทัย หนึ่งฤทัยยิ้มตอบ ตันหยงมองทั้งคู่อย่างจ๋อยๆ

นาวินแบกกระเป๋าสุดนภาขึ้นรถ ในขณะที่สุดนภาคุยโทรศัพท์กับบุหงา
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ บี๋กำลังตามไปค่ะ รับรองหยงปลอดภัยแน่นอนค่ะ”
สุดนภากดปิดโทรศัพท์ นาวินยักคิ้วให้
“เรียบร้อยแล้ว คุณแม่รับทราบแล้ว” สุดนภาบอก
“ไง เห็นฝีมือผมหรือยัง ผมท๊างนั้น เห็นมั้ยเริ่มเข้าทาง”
สุดนภาทำเก๊ก “ไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ชั้นรับรองมาไม่ถึงตรงนี้หรอก”
“แหม รีบคุยเชียวนะคุณ โทรรายงานแม่คุณตันหยงเนี่ยนะ ยากมากเลย ทำงานแค่เนี๊ยะคุยใหญ่คุยโต”
สุดนภางอน “งั้นทำไมไม่โทรเองล่ะ ไม่เคยได้ยินหรือ ความสำเร็จของบุรุษน่ะ มีสุภาพสตรีอยู่เบื้องหลัง..”
สุดนภาเก๊กทำเป็นสุภาพสตรีก่อนจะเดินเชิดไปนั่งบนรถ นาวินมองตามแล้วยิ้มหมั่นไส้


หนึ่งฤทัยกับปฐวีช่วยกันรักษาคนไข้ ตันหยงเดินถืออุปกรณ์มาส่งให้หนึ่งฤทัย หนึ่งฤทัยรับไว้แล้วยิ้ม
“ขอบคุณมากค่ะ” หนึ่งฤทัยบอก
“ค่ะ” ตันหยงรับคำ
“คุณตันหยง เสร็จแล้วไปช่วยด้านนอกจัดยาหน่อยนะครับ คนไข้จะได้ไม่ต้องรอนาน” ปฐวีสั่ง ตันหยงงง “เร็วเข้าสิ”
ตันหยงน้อยใจ “ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
ตันหยงรีบเดินไป หนึ่งฤทัยหันไปมองปฐวี แต่ปฐวียังเฉย

ตันหยงเดินออกมาพักสูดอากาศ ปฐวีกับหนึ่งฤทัยเดินออกมากับพ่อของเด็กที่จมน้ำ
“ขอบคุณที่หมอช่วยไอ้หนูไว้ ถ้าไม่มีหมอมาอยู่ ลูกผมกับชาวบ้านอีกหลายคน คงต้องตายแน่ครับ”
ปฐวียิ้มรับ
พ่อเด็กยกมือไหว้ปฐวีอย่างซาบซึ้ง ปฐวีรับไหว้
ปฐวีพูดกับเด็ก “อย่าไปเล่นซนแบบนี้อีกนะ มันอันตรายรู้มั้ย”
ตันหยงมองอย่างภูมิใจ
“หมอสองคนนี่สมกันยังกะกิ่งทองใบหยกนะ ลูกออกมาต้องเก่งแน่เลย” แม่ของเด็กชม
หนึ่งฤทัยกับปฐวีมองหน้ากันแล้วยิ้ม พ่อ แม่และเด็กเดินไป
ตันหยงได้ยินก็หน้าเสียจึงเดินเลี่ยงออกไป ปฐวีกับหนึ่งฤทัยหันไปมองตามตันหยง ปฐวียิ้ม
“คุณเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของผมเลยนะครับ” ปฐวีบอก
“หนึ่งคงเป็นได้แค่นั้นใช่มั้ยคะ”
หนึ่งฤทัยมองหน้าปฐวีแล้วยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ปฐวีมองตามแล้วหันมองตามตันหยงก่อนถอนหายใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น