แรงปรารถนา ตอนที่ 14
สุอาภากลับเข้ามาในห้อง แล้วเดินมานั่งข้างเตียงพิทยา มองพิทยาด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก จับมือพิทยาขึ้นมา
“ถ้านายฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันจะพูดความจริงกับนาย ฉันจะไม่ฝืนความรู้สึกของตัวเองอีกเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันรักนายมากขนาดไหน”
สุอาภาจับมือพิทยาขึ้นมาแนบที่แก้ม เธอมองพิทยาด้วยความรักมาก
ภายในห้องรับแขก ภาสันต์กับศรีพิไลแทบช็อก
“คุณแม่จะไม่ให้ที่ดินกับเจ้าดลแล้ว!”
จันทร์จำนงบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปจริงๆ ที่ให้อะไรหลานอย่างไม่รอบคอบ ทำให้เกิดเรื่องอุบาทว์เลวทรามแบบนี้ขึ้น พอกันที ไม่ต้องมีการแต่งงานเพื่อหวังที่ดินผืนนี้อีก”
ศรีพิไลกังวลใจ
“แล้ว...แล้วแบบนี้พวกเราจะทำยังไงล่ะคะ โครงการก็เริ่มไปแล้ว”
“ผมต้องล้มละลายแน่ๆ แค่เรื่องที่ไอ้ดลมันก่อไว้ ยังไม่รู้จะทำยังไงเลย คุณแม่เห็นใจผมเถอะครับ ไม่งั้นผมตายแน่”
ภาสันต์และศรีพิไลต่างเครียดด้วยกันทั้งคู่
“แกยังไม่ตายหรอก ยังไงแกก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกฉัน โครงการที่เริ่มไปแล้วก็ให้ดำเนินการต่อ แต่ฉันจะแต่งตั้งผู้จัดการขึ้นมาดูแลโครงการนี้แทนฉัน”
ศรีพิไลดีใจ
“ขอบคุณนะคะ ที่คุณแม่ยังให้โอกาสพ่อดล”
“ใครว่าฉันจะยกหน้าที่นี้ให้พ่อดล ในเมื่อฉันเพิ่งยึดสมบัติของฉันคืน”
ภาสันต์ ศรีพิไลชะงักกันไป
“แล้ว..แล้วคุณแม่จะให้ใครมาเป็นผู้จัดการที่ดินนี้แทนล่ะครับ”
จันทร์จำนงมองภาสันต์ อยากดัดนิสัยเสียของลูกมานานแล้ว !
เช้าวันถัดมา ในโรงพยาบาล ภายในห้องพักของพิทยา สุอาภาฟุบหลับอยู่ข้างเตียง มือยังคงกุมมือพิทยาแน่น
พิทยาค่อยๆขยับตัว ลืมตาขึ้นมาเห็นสุอาภานอนหลับอยู่ข้างๆ ก็ดีใจมาก
“คุณแต...คุณแตครับ”
สุอาภาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นพิทยาฟื้นแล้วก็ดีใจมาก เธอรีบกดเรียกพยาบาล
“พิท... คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
สุอาภากับพิทยาหันมามองหน้าและยิ้มให้กัน
หมอกับพยาบาลเข้ามา พยาบาลเอาผ้าม่านปิดรอบเตียงพิทยาเอาไว้ เพื่อที่หมอจะได้ตรวจ
สุอาภายืนรอด้านนอก ไม่นานเสียงมือถือดังขึ้น
“ฮัลโหล...พราว..ฉันไม่ค่อยได้ยินแกเลย แป๊บนึงนะ”
สุอาภาเดินออกไป
มุมหนึ่งในโรงพยาบาล สุอาภากำลังคุยโทรศัพท์กับพราวพิไล
“พิทปลอดภัยแล้ว ขอบใจที่เป็นห่วง”
สุอาภามัวแต่คุยโทรศัพท์ เลยไม่เห็นรวีพรรณเดินผ่านหลังเธอไป ทั้งคู่ต่างไม่เห็นกัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พิทยาหันไป
“คุณแต...”
รวีพรรณเปิดประตูเดินเข้ามา
“รวี!”
รวีพรรณรีบเข้ามาหาพิทยาสีหน้าเป็นห่วงมาก
“ขอโทษนะคะที่รวีเพิ่งมาเยี่ยมพิทตอนนี้ รวีโทรหาพิทแต่ติดต่อไม่ได้ ก็เลยโทรเข้าไปที่ออฟฟิศจนได้รู้ว่าพิทอยู่โรงพยาบาล พิทเป็นไงบ้าง”
พิทยาสังเกตเห็นแผลช้ำที่มุมปากของรวีพรรณ
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว รวีโดนอะไรมา นายภูวดลทำร้ายคุณใช่มั้ย”
“รวีต่างหากที่ทำร้ายเค้า เล่นงานเค้าซะจนเค้าต้องเข้าโรงพยาบาล”
พิทยาตกใจและเป็นห่วง
“รวีไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพิท ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น รวีก็จะยอมรับผลที่ตามมาทุกอย่าง”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็แสดงว่ารวีก็ไม่ต้องแต่งงานกับนายภูวดลแล้ว”
“ค่ะ...พ่อกับแม่เข้าใจรวีแล้ว รวีไม่ต้องแต่งงานกับคุณภูวดลอีก”
พิทยาโล่งใจ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงรวีพรรณไม่ได้
สุอาภาเดินมาถึงหน้าห้องเห็นประตูปิดไม่สนิท ผลักเข้าไปก็ชะงักเพราะเห็นรวีพรรณคุยกับพิทยาอยู่
สุอาภารีบหลบแล้วแอบฟัง
“ถ้ารวีมีอะไรที่อยากให้ผมช่วย ก็บอกมาได้เลยนะครับ”
“แค่นี้พิทก็ช่วยรวีมากพอแล้ว พิทต้องมาเจ็บหนักขนาดนี้ก็เพราะรวี”
“ต่อให้เจ็บมากกว่านี้ แล้วทำให้รวีไม่ต้องทุกข์ทรมานในการแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ผมก็ยอม”
รวีพรรณตื้นตันมาก จับมือพิทยาขึ้นมากุมไว้แล้วเอามาแนบที่แก้ม สุอาภามองภาพตรงหน้าด้วยความเศร้าใจ
“ขอบคุณมากนะคะที่พิทไม่เคยทิ้งรวี เหตุการณ์ครั้งนี้ มันทำให้รวีได้เห็นว่าพิทยังรักรวีเสมอ”
พิทยาชะงักไปนิดนึง สุอาภาฟังแล้วก็ใจแป้ว เข้าใจว่าพิทยากับรวีพรรณยังคงรักกันเลยหันหลังแล้วยืนฟัง
“ตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายแล้ว พิทให้อภัยรวี แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ”
พิทยานิ่งไปสามวินาที สุอาภาฟังถึงประโยคนี้ก็ไม่อาจจะทนฟังได้อีก...รีบเดินออกไปทันที
พิทยาถอนใจ ดึงมือออก
“ผมขอโทษนะรวี แต่คนที่ผมรักคือคุณแต ตั้งแต่เกิดเรื่อง..แล้วต้องแยกกัน มันทำให้ผมรู้ว่าคนที่ผมรักมาตลอดคือคุณแต แต่ผมรู้ตัวว่าผมไม่คู่ควรกับเค้า ผมถึงพยายามตัดใจ แต่..ผมไม่เคยลืมคุณแตได้เลย”
รวีพรรณแทบทรุดกองลงไปตรงนั้นและพยายามตั้งสติ
“แต่คุณแตไม่ได้รักพิท”
พิทยาพูดต่อทันที
“ไม่เป็นไร ขอแค่ผมได้รักเค้าก็พอ ผมขอโทษนะรวี ขอโทษที่หลายปีมานี้ ผมปิดโอกาสทำให้คุณไม่ได้เจอกับใคร ในเมื่อคุณไม่ต้องแต่งงานกับนายภูวดลแล้ว...คุณก็ควรจะเริ่มชีวิตใหม่ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับคนที่เค้ารักคุณจริงๆ”
รวีพรรณสีหน้าเจ็บปวดมองพิทยา
แรงปรารถนา ตอนที่ 14 (ต่อ)
สุอาภาเดินมาอย่างล่องลอย เสียใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน
ณ โรงพยาบาลอีกแห่ง … ภูวดลรู้จากภาสันต์ ถึงกับอึ้ง!
“คุณย่าจะยกที่ดินให้ไอ้พิทยา”
“เพราะความโง่ ความไม่เอาไหนของแก ทำให้ฉันต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง!”
ภูวดลสุดทน
“พ่อก็ดีแต่โทษว่าเป็นความผิดของผม!”
ภาสันต์กับศรีพิไลชะงักที่ภูวดลขึ้นเสียง
“ที่ผมต้องทำแบบนี้ก็เพราะพ่อคอยกดดัน คอยบีบบังคับให้ผมทำ พ่อไม่เคยเห็นผมเป็นลูก ไม่เคยทำอะไรเพื่อผม ทั้งๆที่ผมพยายามทำเพื่อพ่อทุกอย่าง ผมอยากให้พ่อมีเวลาให้ผมเหมือนกับคนอื่นๆแต่สิ่งที่พ่อทุ่มเทกลับเป็นเรื่องอื่น พ่อจะให้ความสำคัญกับผมไว้สุดท้ายเสมอ ผมอยากให้พ่อกอดผม อยากให้พ่อปลอบใจเวลาที่ผมสิ้นหวัง แต่ผมไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้เลย”
ศรีพิไลฟังภูวดลพูดแล้วก็ร้องไห้ ส่วนภาสันต์พูดไม่ออก
“ผมอยากรู้ว่าพ่อรักผมบ้างรึเปล่า พ่อไม่เคยรักผมเลยใช่มั้ย”
ภูวดลน้ำตาไหล แล้วรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาจนต้องเอามือกุมไว้ ศรีพิไลรีบเข้ามาดู
“ใจเย็นๆลูกไ
ภูวดลจ้องภาสันต์แววตาเสียใจ
“ตอบผมมาสิครับพ่อ..ว่าพ่อรักผมบ้างมั้ย”
ภาสันต์พูดไม่ออก จุกแน่น ลำคอตีบตัน แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง ตำรวจเปิดประตูเข้ามา ทุกคนตกใจมาก
“มีคนแจ้งความดำเนินกับคุณภูวดล เตชิตข้อหาทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา”
ภูวดล ภาสันต์ ศรีพิไลหน้าเสีย
ภายในบ้าน นพกำลังโทรศัพท์ มีบวร วรรณวดียืนอยู่ด้วย นพมีสีหน้าประหลาดใจ
“เหรอครับ ผมฝากสารวัตรด้วยก็แล้วกัน ขอบคุณมากนะครับ”
นพวางสายหันไปทางคนอื่น
“มีอะไรเหรอคะป๋า”
“ตอนนี้นายภูวดลอยู่โรงพยาบาลเพราะถูกแทง”
ทุกคนตกใจ อึ้ง และงง
“ใครเป็นคนแทงครับ”
“หนูรวี...”
ทุกคนยิ่งตกใจ
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“นี่แหละค่ะที่เค้าเรียกว่าเวรกรรม ใครทำอะไรเอาไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น สมัยนี้กรรมมันตามทันชั่วพริบตาจริงๆ”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมา
พิทยาพยายามโทรหาสุอาภา แต่ติดต่อไม่ได้
“คุณแตหายไปไหนของเค้า”
พิทยาแปลกใจมาก รู้สึกหิวน้ำ..หันไปเห็นแก้วน้ำวางบนโต๊ะ เขาลุกขึ้นจะหยิบ แต่ยังเจ็บแผลทำให้ไม่ถนัด ภาสันต์เข้ามาเห็นพิทยาพอดี ก็รีบกุลีกุจอเข้ามาหยิบแก้วน้ำให้ พิทยามองภาสันต์ด้วยความงง
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร”
พิทยาแปลกใจมากที่เห็นภาสันต์มาหา พิทยาดื่มน้ำแล้ว ภาสันต์ช่วยเอาแก้ววางบนโต๊ะ
“คุณมาหาผมทำไม”
ภาสันต์มองพิทยา สีหน้าลำบากใจมากแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“เมื่อเช้ามีตำรวจมาสอบปากคำเรื่องที่ลูกชายฉันทำร้ายเธอ”
พิทยานิ่วหน้ารู้ว่าเป็นฝีมือของนพ ภาสันต์ดูลำบากใจมาก
“เธอ..อย่า อย่าเอาเรื่องเค้าได้มั้ย ถือว่าฉันขอร้อง”
พิทยานิ่งมองภาสันต์
“ฉันขอร้องเธอจริงๆ ถ้าเธอรับปากไม่เอาเรื่องลูกฉัน ฉัน...ฉันจะยอมรับเธอเป็นลูกของฉันก็ได้”
พิทยาอึ้ง ภาสันต์ไม่พูดออกมายังจะเจ็บน้อยกว่านี้
“ไม่ต้อง !”
ภาสันต์ชะงัก เมื่อเจอกับสายตาที่ร้าวรานอยู่ลึกๆของพิทยา
“ผมไม่ต้องการ ไม่เคยต้องการให้คุณมารับเป็นพ่อ !”
ภาสันต์เพิ่งเคยเห็นสายตาของพิทยาที่ตัดพ้อเขาอยู่ลึกๆแบบนี้เป็นครั้งแรก
“งั้น..งั้นเธออยากจะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะยอมไม่เอาเรื่องพ่อดล เธอเห็นใจเค้าสักครั้งได้มั้ย ตอนนี้เธอเองก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้ว คุณแม่ฉันยกแม้กระทั่งที่ดินผืนนั้นให้เธอ พวกฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
พิทยานิ่งไปนิดนึง
“ผมไม่ต้องการทั้งคุณ ทั้งที่ดินของคุณนายจันทร์จำนง”
“แต่คุณแม่ของฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ท่านไม่มีทางเปลี่ยนใจ ท่านว่ารอให้เธอหายดีก่อน ท่านจะดำเนินการทันที”
“เรื่องนั้นผมจะคุยกับคุณนายเอง ตกลงคุณหมดเรื่องพูดแล้วใช่มั้ย”
พิทยามองภาสันต์อย่างเย็นชา
“ฉันอุตส่าห์มาขอร้องเธอขนาดนี้ เธอจะใจดำ ไม่ช่วยฉันเลยเหรอ”
พิทยาถอนใจ
“ไม่ต้องพูดอีก แลกกับการที่คุณไม่เอาเรื่องรวี ผมก็จะไม่เอาเรื่องนายภูวดล รวมถึงไม่เอาที่ดินนั้นด้วย”
ภาสันต์อึ้ง ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ
“ขอบใจ..ขอบใจเธอมาก แล้วฉัน...ฉันก็ต้องขอโทษที่เคยดูถูกแม่ของเธอเอาไว้ พิมสอนเธอมาได้ดีมากจริงๆ”
พิทยารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด มองภาสันต์ด้วยแววตาที่อ่อนลง แต่ไม่พูดอะไรออกมา ภาสันต์หันหลังเดินออกไป
ห้องพักในโรงพยาบาล ภูวดลกับศรีพิไลมองภาสันต์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นายพิทยาจะถอนฟ้อง รวมถึงไม่เอาที่ดิน”
ภาสันต์พยักหน้า ภูวดลพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“เค้าจะยกที่ดินนั้นคืนกลับมาให้กับพวกเรา”
“แล้วคุณทำยังไง นายพิทยาถึงยอม”
“ไม่ต้องรู้ว่าผมใช้วิธีไหน เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว”
ภาสันต์หันไปมองภูวดลแล้วก็เดินออกไป ภูวดลพูดอะไรไม่ออก
ภายในบ้าน รมณีกำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าตื่นเต้นดีใจมากๆ
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ”
รมณีวางสายหันมาทางรวีพรรณกับณรงค์ที่นั่งอยู่ สองคนมองรมณีด้วยความสงสัย
“ดีใจอะไรเหรอคุณ”
“ตำรวจโทรมาบอกว่าทางฝ่ายโน้นถอนฟ้องยัยรวี”
รวีพรรรณกับณรงค์ดีใจกันมาก รมณีหันมาทางรวีพรรณ
“แม่ขอโทษนะลูก ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำลงไป แม่ขอโทษที่แม่คิดถึงแต่ตัวเอง โดยลืมนึกถึงจิตใจของลูก แม่ไม่เคยรู้เลยว่าลูกต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายเพียงลำพัง”
“พ่อเองก็ต้องขอโทษลูกเหมือนกัน ขอโทษที่เราไม่เคยเชื่อลูก แต่กลับไปเชื่อคนอื่น เราสองคนเกือบทำให้ตัวเองต้องสูญเสียลูกไปแล้วแท้ๆ”
“และถ้าลูกเป็นอะไรไป แม่กับพ่อจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด”
รวีพรรณมองพ่อกับแม่แล้วก็ยิ้มตื้นตัน เธอจับมือพ่อกับแม่เอาไว้
“พ่อคะ แม่คะ รวีเองก็ต้องขอโทษพ่อกับแม่เหมือนกัน ที่รวีปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือสติ จนเกือบทำให้ทุกอย่างมันเลวร้ายจนยากที่จะแก้ไข ต่อจากวันนี้ รวีจะเป็นคนใหม่จะเลิกเห็นแก่ตัว และจะทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น ชีวิตของรวีไม่ต้องการใครอีกแล้ว รวีอยากจะดูแลพ่อกับแม่ให้ดีที่สุด รวีรักพ่อกับแม่นะคะ”
รวีพรรณกอดรมณีกับณรงค์ สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันด้วยความเข้าใจ
แรงปรารถนา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ภายในห้องพักของพิทยาในโรงพยาบาล นพ บวร วรรณวดีมองหน้าพิทยาด้วยความงง
“ยัยแตไม่ได้อยู่ที่นี่”
“อยู่ดีดี คุณแตก็หายไป ผมนึกว่าคุณแตกลับไปที่บ้าน”
ทุกคนมองหน้ากัน
“แตไม่ได้กลับมาบ้านเลยนะ”
“ไอ้แตมันเป็นบ้าอะไรของมันอีกเนี่ย?! นี่ถ้ามันตัวเล็กกว่านี้ ผมจะตีก้นมันให้ ผีเข้าผีออก” บวรว่า
ทุกคนไม่เข้าใจ พิทยาเองก็เช่นกัน พลันเสียงมือถือดังขึ้น
“แตโทรมารึเปล่า”
พิทยาเอามือถือออกมาดู
“ไม่ใช่คุณแตครับ”
พิทยากดรับสาย
“สวัสดีครับ...”
พิทยาฟังแล้วก็ชะงักไป เมื่อพิทยาวางสาย ทุกคนต่างมองด้วยความสงสัย
“ใครโทรมาเหรอพิท”
“ทนายของคุณแต โทรมานัดวันหย่ากับผม”
ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจสุดขีด
เวลาเย็น นพ บวร วรรณวดีกลับเข้าบ้าน และเจอสุอาภานั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่ห้องรับแขก บวรไม่สบอารมณ์อย่างแรง เข้ามาคว้าหนังสือไปจากมือสุอาภา ทำให้สุอาภาไม่พอใจ
“พี่ใหญ่ทำบ้าอะไร”
“แกต่างหากที่ทำบ้าอะไร แกให้ทนายโทรนัดวันหย่ากับพิททำไมวะ”
“เจ้าใหญ่ ใจเย็น” นพว่า
บวรฮึดฮัด สุอาภาลุกขึ้นยืนหันมา
“มันแปลกตรงไหน ก็แตบอกทุกคนไปแล้วว่าแตจะหย่ากับพิท แตก็แค่ทำเรื่องต่อให้มันจบ”
“แต่ตอนนี้พิทยังไม่สบายอยู่ แตไม่ควรจะพูดเรื่องนี้” วรรณวดีบอก
“จะช้าจะเร็ว มันก็ต้องเกิดขึ้น แล้วทำไมเราจะต้องรอด้วยล่ะคะ ถ้าพิทออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ แตจะหย่ากับเค้าทันที”
สุอาภาทำเป็นไม่สนใจแล้วก็เดินออกไป นพมองตามอย่างเป็นห่วง บวรจะตามไปด่าต่อ
“จะไปไหน...ฉันยังพูดไม่จบ”
นพคว้าแขนบวรเอาไว้
“ปล่อยน้องไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของพิทกับแต ไม่มีใครช่วยได้ เค้าสองคนต้องจัดการแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง”
ทุกคนต่างถอนหายใจ
อีกหลายวันต่อมา พิทยายังนอนก่ายหน้าผากด้วยความคิดถึงสุอาภาอยู่ที่ห้องพักในโรงพยาบาล เขานึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาต่างๆที่มีความสุขด้วยกัน
รุ่งขึ้น...มุมหนึ่งในบ้าน สุอาภานั่งดูรูปถ่ายของเธอกับพิทยาสมัยมัธยม สีหน้าเศร้าสุดๆ
พิทยาทานข้าวคนเดียวสีหน้าไม่มีความสุข คิดถึงตอนที่สุอาภาป้อนซุปในโรงพยาบาล
สุอาภาเองก็นั่งซึมอยู่ลำพัง มีบวร วรรณวดี นพ ณีแอบมองด้วยความเป็นห่วง
พิทยากับสุอาภาที่ไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากเศร้าอย่างเดียว
อีก 2-3 วันต่อมา สุอาภานั่งเหม่อ พราวพิไลมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ
“ฉันไม่เข้าใจแกจริงๆ ตอนแรกแกเหมือนจะเปลี่ยนใจไม่หย่า แล้วทำไมอยู่ดีดีถึงจะหย่ากับคุณพิทอีก ทั้งๆที่แกก็ไม่ได้อยากที่จะหย่า แล้วแกหย่าทำไม โอ๊ย..เข้าใจที่ฉันพูดมั้ยเนี่ย”
ตอนที่พิทอยู่โรงพยาบาล...ฉันได้เห็นว่าเค้ารักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน และที่พิทเจ็บหนักก็เพื่อช่วยเค้า เพราะฉะนั้นคนที่พิทต้องการให้ดูแลคือคุณรวี ไม่ใช่ฉัน! แล้วแกจะให้ฉันทนอยู่กับเค้าต่อไปได้ยังไง”
พราวพิไลเสียงอ่อย
“แต...”
“ต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ไม่มีวันเป็นคนที่ใช่สำหรับพิท”
สุอาภาสีหน้าเจ็บปวดแล้วก็เดินออกไป พราวพิไลถอนหายใจ
ภายในห้องชงกาแฟ บวรกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟ สีหน้าเหม่อลอยคิดหนักเรื่องพิทยากับสุอาภา แล้วก็ทำน้ำร้อนลวกใส่มือตัวเอง บวรสะดุ้ง รีบสะบัดมือ
“โอ๊ย! เฮ้อ อีกแล้ว”
ปวีณาเข้ามาเห็นพอดี
“คุณใหญ่เป็นอะไรคะ”
บวรหันไปมองปวีณา
ปวีณานั่งเอายาทานิ้วที่โดนน้ำร้อนลวกให้บวรที่นั่งอยู่ข้างๆ บวรมองเธออย่างรู้สึกดีแล้วก็แสบที่นิ้ว
“อุ๊ย...”
“แสบเหรอคะ”
“นิดหน่อย”
ปวีณาค่อยๆทา บวรอมยิ้มแอบรู้สึกดี ปวีณาทาเสร็จก็เงยหน้า บวรรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ขอบใจ”
“คุณใหญ่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าคะ หน้าตาดูไม่ดีเลย”
บวรถอนหายใจ
“เรื่องพิทกับยัยแต ท่าทางจะหย่ากันจริงๆ”
ปวีณาใจหาย บวรมองปวีณาลองสังเกต แล้วก็ลองหยั่งเชิง
“เธออาจจะดีใจกับเรื่องนี้”
ปวีณาฉุน ลุกขึ้นยืน บวรตกใจ
“คุณเห็นฉันเป็นคนยังไงคะ เห็นฉันเป็นนางร้ายมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
บวรรีบลุกขึ้นยืนอธิบาย
“เออ...ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ฉันไม่ดีใจหรอกนะคะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณพิทอีกแล้ว รักคนที่เค้าไม่รักเรามันทรมาน สู้หาคนที่รักเราดีกว่า”
บวรอมยิ้มน้อยๆ
“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมชอบทำให้คนที่ไม่รักเราหันกลับมารักเรา มันท้าทายดี”
บวรมองเธออย่างมีความหมาย
“ความรักนะคะ ไม่ใช่แข่งกีฬา”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ความรักไม่ได้มีแพ้มีชนะ มีแต่คำว่าเสมอกัน”
บวรขยับเข้าใกล้ ปวีณางงกับคำพูดของบวร แล้วบวรก็ผละออกห่าง
“ไปทำงานล่ะ”
บวรยิ้มแล้วก็เดินออกไป ปวีณาหันไปมองตามอย่างไม่เข้าใจ