คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 14 ตอนอวสาน
พิมภากลับบ้านที่จันทบุรี พอมาถึงก็เห็นภัทรพลกับภาณุวัฒน์กำลังโวยวายกันใหญ่ ไม่มีใครสนใจพิมภาเลย พิมภาได้แต่งง
“พ่อจะมาโยนให้ภัทรคุยกับลูกค้าคนนี้ได้ไง ภัทรไม่อยากคุย”
“แกเป็นลูก พ่อสั่งแกก็ต้องคุย”
“ลูกมันไม่อยากคุย ทำไมต้องบังคับด้วย”
“งั้นคุณนั่นแหละเป็นคนคุย”
“บ้านนี้ใครปกครอง ฉันบอกแล้วว่าลูกค้าคนนี้ฉันไม่คุย คุณกล้าสั่งฉันเหรอ”
“ไม่กล้า ตาภัทรแกนั้นแหละไปคุย”
ภาณุวัฒน์กับภัทรพลก็ทะเลาะกันอีก
“เลิกทะเลาะกันได้แล้วค่ะ ไหนบอกว่าลูกค้าคนนี้สำคัญจนต้องเรียกพิมกลับมาช่วยแล้วทำไมถึงเกี่ยงกันไม่มีใครยอมคุย เค้าเป็นใครจ๊ะ”
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตอบ เสียงรถแล่นเข้ามาจอด
“มาแล้ว”
“งั้นพิมคุยให้เองก็ได้”
พอพิมภาพูดจบ ก็เห็นว่าคนที่เข้ามาคือฤชวี พิมภาอึ้ง หันมาหาทุกคน
“แกรับปากแล้วนะ คุณย่าชุติภาอยากให้พวกเราทำเครื่องเพชรให้ แต่ว่าส่ง ไอ้นี่มาจัดการ” ภัทรพลพูดเบาๆ กับพิมภา พิมภากัดฟันว่าหลวมตัวไปแล้ว
“ก็ได้ เขาไม่มีผลกับชีวิตพิมอยู่แล้ว”
ทันที่ที่พิมภาพูดจบ พั้นช์สาวสวยหน้าตาน่ารัก ดูอ่อนหวานเดินตามเข้ามา
“พี่ต้น ที่นี่เหรอคะที่จะรับทำเครื่องเพชรวันแต่งงานให้พั้นช์”
พิมภาได้ยินคำว่าเครื่องเพชรวันแต่งงานก็หน้าตึง แล้วหันไปมองฤชวี มิ้นท์ตามเข้ามา
“สวัสดีค่ะทุกคน เจอกันแล้วเหรอคะ นี่พี่พั้นช์ค่ะกำลังจะเป็นเจ้าสาว และเครื่องเพชรที่คุณย่าย้ำนักย้ำหน้าว่ารบกวนคุณป้ากับคุณลุงช่วยดูแลให้หน่อย ก็ของพี่พั้นช์นี่ล่ะค่ะ พี่พั้นช์คะนี่พี่พิมค่ะ”
มิ้นท์แนะนำ พั้นช์ทักทายอย่างน่ารัก
“สวัสดีค่ะ พั้นช์กับพี่ต้นต้องรบกวนคุณพิมด้วยนะคะ”
“เราต้องขอให้คุณพิมจะช่วยดูแลเรื่องเครื่องเพชรให้เราอย่างดีนะครับ” ฤชวีบอกแล้วโอบพั้นช์ “วันสำคัญทั้งที จริงมั้ย” ฤชวียิ้มน่ารักให้พั้นช์ พิมภาเจ็บแต่เก็บอาการเต็มที่
“ค่ะ พิมจะจัดการให้เป็นอย่างดี”
พิมภามองฤชวี ต่างมองกันอย่างมึนตึงและเย็นชา ทั้งที่ภายในซ่อนความเจ็บปวดไว้
พิมภาเดินนำพั้นช์มาที่ห้องพัก
“คุณพั้นช์พักห้องนี้นะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณพิม ช่วยจัดการเรื่องเครื่องเพชรแล้วยังมาช่วยดูแลพั้นช์อีก”
“มันเป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านค่ะ”
“งั้นพั้นช์ขอตัวอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ค่ะ ตามสบายนะคะ”
พิมภาหันหลังกลับมาเจอฤชวีที่เดินเข้ามา พิมภาทำหน้าไม่ถูก แต่ฤชวีเดินเลยพิมภาไปเคาะประตูห้องพั้นช์ มิ้นท์เดินตามเข้ามา พั้นช์เปิดประตูออกมา พิมภาไม่หันไปดูแต่ก็หยุดยืนฟัง
“คืนนี้พี่จะนอนห้องนี้นะ”
“พี่ต้น รู้ใจจังค่ะ พี่ต้นรู้ใช่มั้ยว่าพั้นช์ไม่กล้านอนคนเดียว”
“น้องนอนกรนนิดหน่อยต้องหนีมานอนกับว่าที่เจ้าสาวเลยเหรอพี่ต้นอ่ะ” มิ้นท์บอกเสียงงอนๆ พิมภาทนไม่ไหวหันกลับไป ฤชวีมองพิมภา พั้นช์มองสบตากับมิ้นท์ มิ้นท์ส่งซิก
“เข้าห้องเถอะค่ะพี่ต้น กลับไปห้องตัวเองได้แล้วมิ้นท์” พั้นช์บอก
“ไม่ขัดคอก็ได้” มิ้นท์ตามพิมภามา “ พี่พิมคะ ทานข้าวกี่โมงคะ มิ้นท์หิวมาก”
“สักครึ่งชั่วโมงก็คงตั้งโต๊ะค่ะ เดี๋ยวพี่โทรบอกนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
มิ้นท์เดินออกแต่ไม่วายหันมาแอบมองพิมภาอย่างสังเกตเห็นพิมภาหน้าเศร้าๆ มิ้นท์ยิ้มแล้วรีบไป พิมภามีสีหน้าว้าวุ่นใจ มือถือพิมภาดัง พิมภารับ
“อะไรนะจ๊ะแม่ ...ทำไมทำอย่างนี้ล่ะจ๊ะ”
ค่ำวันนั้น พิมภามาร่วมโต๊ะอาหารกับฤชวี มิ้นท์ พั้นช์
“คุณลุง คุณป้า แล้วก็พี่ภัทรไปไหนค่ะพี่พิม” มิ้นท์ถามหาคนอื่นๆ
“ท่านมีธุระน่ะจ๊ะ ก็เลยให้พี่อยู่รับรอง”
“พั้นช์หิวแล้วล่ะค่ะ”
“หิวแล้วก็ทานสิจ๊ะ ขออนุญาตนะครับคุณพิม”
“ตามสบายค่ะ”
“พี่ต้นขา...” พั้นช์ทำตาปริบๆ เสียงอ้อน
“จะกินปู แต่ไม่อยากแกะ”
พั้นช์ตอบด้วยการยิ้มหวานน่ารัก ฤชวียิ้มตอบแกะปูให้พั้นช์ พิมภาได้แต่แอบมองอย่างไม่พอใจนัก
“พี่พิมไม่ทานปูเหรอค่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่เบื่อแล้ว” ฤชวีกับพั้นช์หันมามองหน้าพิมภา “หมายถึง กินมาเยอะแล้วค่ะหลายวันนี้ ตามสบายนะคะ”
ทุกคนลงมือกินอาหาร ฤชวีเอาใจพั้นช์ พิมภาแอบมองตลอดเจ็บจี้ดๆ
คืนนั้นพิมภานอนบนเตียงพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็หลับไม่ลง เพราะภาพฤชวีเอาใจผู้หญิงอื่นนอกจากตัวเองมันทิ่มแทงใจพิมภา พิมภาต้องลุกขึ้นมาทนไม่ไหว
“ใครใช้ให้เข้ามาเสนอหน้าในหัวฉันยะ ออกไป ออกไป” พิมภาสะบัดหัวเหมือนอยากให้ภาพเหล่านั้นหลุดออกไป “ไม่ไหวแล้ว”
พิมภาตัดสินใจออกไปเดินเล่นนอกห้อง
พิมภาเดินออกมาขาพาไปทางห้องพักของพวกพั้นช์เจอภัทรพลที่มาคุยโทรศัพท์กับลัลนาอยู่
“อะไรอ่ะคุณลัล ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ อะไรนะ กินยาแก้คิดถึงแล้วไม่เอาสิ ต่อไปห้ามกินนะ โยนทิ้งไปเลย”
ภัทรพลสีหน้าอ้อน “คุณลัลไม่คิดถึงผม แล้วมาวิ่งวนเวียนในใจผมทำไม ก่อกวนนะเราน่ะ” พิมภาทนความเน่าของภัทรพลไม่ไหวเข้ามาจ้องหน้า ภัทรพลหันมาเจอพิมภา “เอ้ย แค่นี้ก่อนนะครับคุณลัล มีมารมาผจญ” ภัทรพลวางสายจากลัลนา “อะไรของแกยัยพิม”
“เมื่อเย็นพี่ภัทร พ่อ แม่ ทิ้งพิมเฉยเลยนะ”
“ก็ทำไมล่ะ ไอ้คุณต้นมันไม่มีผลอะไรกับแกแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็...ไม่มี๊”
“แล้วแกเดินมาทางนี้ทำไม”
“พิมก็ ก็มาดูความเรียบร้อยไง เผื่อคุณพั้นช์ เค้าจะต้องการอะไร”
“ไม่เอาแล้วพี่ต้น พั้นช์ไม่เอาแล้ว หยุดนะ”
พิมภากับภัทรพลอึ้ง หันขวับไปทางห้องพักของพั้นช์ทันที
“เฮ้ย นี่มันนอนห้องเดียวกันเหรอ”
“ก็เค้าจะแต่งงานกันแล้ว ไม่แปลกนี่พี่ภัทร”
“แกทำใจได้เหรอพิม”
“ทำไมต้องทำใจกับเรื่องที่ไม่มีผลกับชีวิตเราด้วย อย่าไร้สาระได้มั้ยพี่ภัทร”
พิมภาเดินหนี แต่พอเดินพ้นจากภัทรพล พิมภาก็น้ำตาไหลพราก ภัทรพลเดาออกว่าพิมภาต้องร้องไห้
“ไอ้พิม” ภัทรพลจับตัวพิมภาหันมา เห็นว่าน้ำตาไหลพราก “โธ่เอ๊ย พี่ว่าแล้ว” ภัทรพลกอดพิมภาไว้เป็นการปลอบใจ “ลดทิฐิลงบ้างก็ได้นะยัยพิม”
พิมภากอดภัทรพลแน่น
“พิมไม่ได้เป็นอะไรพี่ภัทร ไม่ได้เป็น”
แล้วสายตาของพิมภาก็เห็นว่าห้องของพั้นช์ไฟดับลง เสียงหัวเราะของพั้นช์กับต้นดังออกมา พิมภายิ่งกอดภัทรพลแน่น ภัทรพลหันไปดู
“ไปให้พ้นจากตรงนี้ดีกว่ายัยพิม”
ภัทรพลกอดประคองพิมภาอย่างทนุถนอมพาพิมภาออกไป
ภัทรพลมาส่งพิมภาที่ห้อง
“ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
“พิมไม่เป็นไรหรอกพี่ภัทร”
“อ่อนแอให้พี่เห็นน่ะไม่เป็นไรหรอกนะยัยพิม”
“พิมไม่เป็นไรจริงๆ ง่วงแล้ว ออกไปได้แล้ว”
“งั้นก็นอนพักซะ” ภัทรพลจะออกไป แล้วหันกลับมาอีก “แน่ใจนะว่านอนหลับ”
“แน่ใจ”
ภัทรพลจะออกไป แล้วก็หันกลับมาอีก
“แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้”
“แน่ใจ”
พิมภายิ้มให้เป็นการการันตี ภัทรพลแม้ไม่ค่อยวางใจนักแต่ก็ยอมออกไป ทันทีที่ภัทรพลอออกไป ประตูปิดลง พิมภาน้ำตาไหล พิมภานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมอเตอร์โฮม พิมภาปาดน้ำตาตัวเอง
“เมื่อคุณไม่แคร์ฉัน ฉันก็ไม่แคร์คุณเหมือนกัน”
แต่ยิ่งสะกดจิตตัวเอง น้ำตาก็ยิ่งไหล มือถือพิมภาดังเห็นว่าตรีวิญโทรเข้ามา พิมภาหายใจลึกๆ แล้วรับสาย
“ค่ะคุณตรีวิญ พิมถึงตั้งแต่บ่ายแล้ว”
“ผมเห็นคุณพิมหายเงียบไปเลย ก็เลยเป็นห่วง”
“พอดีช่วยพ่อแม่รับแขกอยู่น่ะค่ะ เลยไม่ได้โทรกลับไป”
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณพิม น้ำเสียงคุณพิมแปลกๆ”
“มีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยค่ะ”
“มีเรื่องอะไร คุณพิมเล่าให้ผมฟังได้นะครับ”
“คุณตรีวิญค่ะ วันนี้พิมเหนื่อย พิมขอพักก่อนนะคะ”
พิมภาตัดบทวางสายจากตรีวิญ ตรีวิญรู้สึกไม่พอใจที่พิมภาไม่แม้แต่จะเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้ฟัง
เช้าวันรุ่งขึ้นพิมภาเดินออกมาที่โต๊ะอาหารเห็นทุกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ยกเว่นมิ้นท์กับพั้นช์ที่ไม่อยู่ที่โต๊ะอาหาร ทุกคนทำตึงๆ ใส่ฤชวี ยกเว้นพิมมาลา
“คุณต้นฝีมือคุณต้นดีไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ผมดีใจนะครับที่คุณแม่ยังชอบ”
“ไม่ต้องเรียกแม่แล้วม๊างตอนนี้ ไม่สนิทกันขนาดนั้นแล้วนะ ยัยพิม ทำไมไม่ทานละลูก”
“หรือว่าไม่ชอบ”
“ค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ เคยชอบไม่ใช่เหรอครับ” ฤชวีถาม พิมภาหันไปจ้องหน้าฤชวี
“เคย แปลว่าเคย เข้าใจใช่มั้ยคะ ไม่ได้หมายความว่าจะชอบตลอดไป”
“เหมือนผมเลยครับ บางเรื่องถ้าเคยชอบแล้วมันไม่ดี ผมก็ไม่ชอบแล้วก็ไม่จำอีกต่อไป”
พิมภาเจ็บ ภาณุวัฒน์ พิมมาลามองอาการพิมภาแล้วรู้สึกสงสาร
“เหมือนกันเลยค่ะ ฉันก็ไม่อยากจำเหมือนกัน”
พิมภาลุกขึ้น ภัทรพลพยายามดึงให้พิมภาลงนั่ง
“นั่งลงก่อนยัยพิม”
“ไม่ล่ะพิมไม่ชอบอยู่กับเรื่องเก่าๆ มันไม่มีผลดีอะไรกับชีวิต”
“เหรอครับ”
เรื่องกำลังจะบานปลาย แต่มิ้นท์วิ่งเข้ามา
“แย่แล้ว พี่พั้นช์จมน้ำค่ะ”
มิ้นท์ร้องลั่น ฤชวีรีบวิ่งออกไปทุกคนวิ่งตาม
ฤชวีวิ่งลงทะเลไปช่วยพั้นช์ คนอื่นๆ วิ่งตามมามองอย่างเป็นห่วง ฤชวีอุ้มพั้นช์ขึ้นมาบนชายหาด ทุกคนเข้าไปดูเห็นพั้นช์หลับนิ่ง
“ทำไงดีพี่ต้น”
“ผายปอดเร็วคุณต้นสิคุณต้น”
ฤชวีจะผายปอด พิมภามองฤชวีที่กำลังจะก้มลงไปผายปอดแล้วนึกถึงฤชวีที่เคยผายปอดให้เธอ ยิ่งฤชวีก้มลงใกล้ พิมภายิ่งทนไม่ได้จึงลืมตัวเข้าไปผลักฤชวีออก
“ฉันไม่ยอม”
ทุกคนอึ้งงง
“อะไรกันยัยพิม”
“แกเป็นบ้าอะไร คุณต้นผายปอดเร็วครับ”
ฤชวีจะก้ม พิมภาทนไม่ได้จริง ผลักฤชวีออก
“ไม่ต้อง” พิมภาบอกแล้วชะงัก เมื่อเห็นที่คอฤชวีสวมสร้อยที่คล้องแหวนของเล่นอยู่ พิมภาอึ้งๆ ไปแล้วรู้สึกตัวว่าทุกคนมองอยู่อย่างงงๆ “ฉันจะช่วยเอง”
พิมภาเข้าไปแทนที่ฤชวีจะลงไปผายปอดแต่ปากยังไม่ถึงปากพั้นช์ พั้นช์แอบลืมตามองตกใจที่พิมภาจะผายปอดจริงๆ จึงทำเป็นสำลักน้ำออกมาซะก่อน
“พี่พั้นช์ไม่เป็นไรแล้ว” มิ้นท์บอกอย่างดีใจ
“พาไปพักในบ้านเถอะ”
ฤชวีอุ้มพั้นช์ คราวนี้พิมภาขวางฤชวีไม่ได้แล้ว ฤชวีอุ้มพั้นช์ห่างออกไป มิ้นท์วิ่งตามไป พิมภาได้แต่มองฤชวีอุ้มพั้นช์ห่างออกไป ออกไป แต่แล้วภาพฤชวีอุ้มพั้นช์ถูกแทรกด้วยตรีวิญที่เข้ามา
“คุณพิมครับ”
พิมภาตกใจ ฤชวีหันมามองเห็นว่าตรีวิญมาหาพิมภา ฤชวีไม่พอใจ หันหน้าหนียิ่งอุ้มพั้นช์เดินหนีไปเร็วกว่าเดิม พิมภาทำอะไรไม่ถูก
ตรีวิญนั่งหน้าระรื่นอยู่ในห้องรับแขกชวนภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์คุยไปเรื่อยชมบ้าน
“บ้านสวยดีนะครับ”
“ก็แต่งให้สวย ไม่ได้แต่งให้มันรก”
“ตาภัทร” พิมมาลาทำเหมือนจะดุภัทรพล แต่... “คุณตรีวิญมาทำไมคะ” ตรีวิญอึ้ง “หมายถึงทำไมอยู่ดีๆ ก็มา”
“ผมอยากจะรู้จักคุณพิมให้มากขึ้นน่ะครับ เพราะเรา...”
“ถามยัยพิมหรือยังว่าอยากให้คุณรู้จักหรือเปล่า”
“พูดเหมือนคุณตรีวิญไร้มารยาท ไม่มีความเกรงใจเลยตาภัทร”
“พ่อก็...”
“พ่อจะบอกว่ามันแรงไป เขาแค่คิดไม่เป็นเท่านั้นเอ๊ง”
ฤชวีกับมิ้นท์เดินเข้ามา พิมภากับฤชวีมองหน้ากันแต่ไม่พูดกัน
“หนูพั้นช์เป็นยังไงบ้าง” พิมมาลาถามฤชวี
“หลับไปแล้วครับ”
“พี่ต้นบอกว่า เมื่อคืนคงเพลีย พอลงไปว่ายน้ำก็เลยเป็นตะคริว”
มิ้นท์บอก พิมภากับภัทรพลมองหน้ากันนึกถึงภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยินเมื่อคืน
“คุณฤชวีมาที่นี่ทำไมเหรอครับ” ตรีวิญถามฤชวี ทุกคนมองตรีวิญไม่พอใจ
“คุณฤชวีเขาสั่งทำสร้อยก็เลยมา มาแบบมีเหตุผลน่ะ”
“เมื่อคืนคุณพิมโทรชวนให้ผมมาเที่ยวที่บ้านครับ” ตรีวิญบอก พิมภาอึ้ง เพราะไม่ได้ชวน แต่ก็ไม่อยากหักหน้าตรีวิญ “ที่นี่สวยนะครับ ถ้าผมจะแต่งงาน ผมคงเลือกถ่ายรูปเวดดิ้งที่นี่” ตรีวิญมองพิมภาอย่างมีความหมาย “เป็นที่แรก”
ฤชวีไม่พอใจ
“เพ้อเนอะ” ภัทรพลบอกลอยๆ ตรีวิญยิ้มออกมา
“ก็ผมมีสิทธิ์นี่ครับ จริงมั้ยครับคุณพิม” ตรีวิญถามพิมภาแต่สายตามองไปทางฤชวีอย่างเย้ยๆ
พิมภายิ้มรับ ไม่ปฏิเสธเพื่อหักหน้าตรีวิญ แต่ไม่แก้ความเข้าใจผิดเพราะรักษาฟอร์มตัวเองใส่ฤชวีอยู่เหมือนกัน
“ผมขอไปดูพั้นช์ก่อนนะครับ” ฤชวีบอกแล้วเดินออกไป
“พี่พั้นช์หลับ ไม่รู้จะไปดูทำไมเนอะ สงสัยเป็นห่วงมาก”
ตรีวิญเห็นสายตาพิมภามองตามฤชวีไปอย่างอาวรณ์
คืนนั้นพิมภานอนไม่หลับจึงเดินอยู่ในสวนในบ้านคิดถึงภาพสร้อยที่คล้องแหวนที่ฤชวีสวมคออยู่ ฤชวีเดินออกมาจากอีกด้านหนึ่งชะงักที่เห็นพิมภา ต่างอึ้งมองกันชั่วขณะ ฤชวีจะเดินแยกไป
“คุณต้น”
“มีอะไรครับ”
“ฉันมีเรื่องจะถามคุณ” พิมภาเข้ามาเปิดตรงคอเสื้อเห็นยังคล้องแหวนของเล่นอยู่ ฤชวีไม่ปิดมองสบตาพิมภา
“ยังเก็บไว้อีกทำไม”
“สำหรับคุณมันอาจเป็นแค่แหวนของเล่นไม่มีค่าแต่สำหรับผมมันมีความหมาย”
“แต่ทุกอย่างมันจบไปแล้วพร้อมกับการทรยศของคุณ”
“งั้นก็ไม่ต้องสนใจมันสิครับ ก็แค่แหวนของเล่นของคนทรยศ แค่นี้ใช่มั้ยครับ ธุระของคุณ”
“ใช่ แค่นี้แหล่ะ”
พิมภาหันหลังให้ฤชวี จะเดินหนี
“ไม่ต้องห่วงนะครับ สักวันถ้าผมลืมว่าเคยรักใครได้ ผมจะถอดมันออกเอง”
พิมภาอึ้ง หันกลับไป แต่ฤชวีเดินจากไปแล้ว พิมภาถึงกับน้ำตาคลอ
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้”
ฤชวีเดินไปหยุดอยู่อีกมุม กุมแหวนไว้
“หรือแกยังมีผลกับความรู้สึกเค้าอยู่บ้าง”
พิมภายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ตรีวิญเข้ามา
“คุณพิมครับ” พิมภาปาดน้ำตา “พาผมไปเดินให้ทั่วๆ หน่อยสิครับ”
ตรีวิญไม่รอคำตอบ ดึงพิมภาออกไปเลย ฤชวีตัดสินใจเดินกลับมาอีกครั้ง เห็นภาพพิมภาไปกับตรีวิญ
“มันไม่มีผล ไม่มีผล”
ฤชวีพึมพำออกมาเบาๆ พร้มกับกุมแหวนเอาไว้
ตรีวิญเดินมาส่งพิมภาที่หน้าห้อง
“คุณพิม ผมรักคุณพิมนะครับ ถ้าคุณให้โอกาสผมจะดูแลคุณพิมให้ดีที่สุด คุณคือคนคนเดียวในโลกนี้ที่จะทำให้ชีวิตของผมมีความหมาย ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด “
“เอ่อ พิมยังไม่พร้อมค่ะ”
“ผมรอได้ครับ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน”
ตรีวิญเดินออกไปแบบผู้ชายแสนดีมาก พิมภายืนนิ่งไม่รู้จะทำยังไงต่อดี ภัทรพล มิ้นท์ พิมมาลายืนแอบมองกันอย่างเซ็งๆ
“มีตัวแปรแบบนี้ งานนี้ยื้อต่อมีแต่แย่ลง”
“พ่อล่ะอยากจะอุ้ม(ฆ่า)มันนัก”
“แม่ก็ชักจะอยากเหมือนกัน”
ภัทรพลปรามกลัวพ่อกับแม่เอาจริง
“พ่อ แม่ มันใช่เหรอ”
“สงสารพี่ต้น”
มิ้นท์ทำเสียงเศร้า ทุกคนพลอยเซ็งไปด้วย
วันต่อมา ฤชวีปิดกล่องเครื่องเพชรที่ทำเสร็จแล้ว
“เรียบร้อยนะคะคุณพั้นช์” พิมภาถามพั้นช์
“ค่ะ พั้นช์ชอบมากค่ะ”
“งั้นเราก็กลับกันได้แล้ว ต้องไปเตรียมงานอย่างอื่นต่ออีก”
พิมภาได้ยินแล้วเจ็บ
“งั้นก็เชิญค่ะ” พิมภาหันไปพูดกับตรีวิญ “พิมก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกันค่ะคุณตรีวิญเราจะได้ไปเคลียร์งานกันต่อ”
“ครับ เราต้องเคลียร์หลายเรื่องก่อนจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น”
“พี่พิมจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ”
“ครับ ผมกับคุณพิม”
ตรีวิญตั้งใจพูดให้ฤชวีฟัง
“อยากรู้แค่เรื่องพี่พิมค่ะ ไม่ได้อยากรู้เรื่องคุณ จริงมั้ยคะพี่ต้น” มิ้นท์แย้ง
“จริง”
“คุณพิมไปรถผมมั้ยครับ”
ตรีวิญถาม ภาณุวัฒน์ดักคอทันที
“ตาภัทรจะไปทำธุระที่กรุงเทพให้พ่อวันนี้เลยรึเปล่า”
“ไปเลยก็ได้พ่อ พิม พี่ไปด้วย แต่นั่งรถแกนะ รถคนอื่นพี่นั่งแล้วเมารถ”
“งั้นก็แยกย้ายกันได้แล้ว”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะคุณพิม คุณพิมต้องไปงานแต่งของพั้นช์ด้วยนะคะ”
“ค่ะ แล้วพิมจะไป”
พิมภามองหน้าฤชวี
“ไปกันได้แล้ว”
ฤชวีพาพั้นช์และมิ้นท์ออกไป พิมภามองตาม ทุกคนมองอย่างเห็นใจ ยกเว้นตรีวิญที่ไม่พอใจ
คืนนั้นเมื่อพิมภากลับถึงคอนโดก็พบนันทิกานต์กับลัลนามารออยู่ นันทิกานต์กับลัลนาพุ่งเข้าหาพิมภาทันที
“ไปจันทบุรีมาเป็นยังไงมั่ง”
“ก็ดี”
นันทิกานต์กับลัลนาเห็นพิมภาหน้าตึงๆ มองไปทางภัทรพล ภัทรพลส่งซิกว่าไม่รอด นันทิกานต์กับลัลนาเซ็ง
“พวกเธอมาทำไม มีอะไร” พิมภามองหน้าเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจ
“ก็จะมาดูผล”
นันทิกานต์หยิกลัลนาว่าหลุดปาก ลัลนาร้องโอ้ย แล้วรีบกลบเกลื่อน
“มาดูผลงานหัวใจ” แล้วลัลนาก็ไปคล้องแขนภัทรพลหวานๆ “คิดถึงมาก”
“มากเหมือนกัน”
ภัทรพลหวานกลับ พิมภาเห็นแล้วแสลงใจเข้าห้องไปแต่คู่ลัลนากับภัทรพลดันซึ้งจริง
“พอแระ มันทนไม่ไหว เข้าห้องไปแล้ว” นันทิกานต์บอก สองคนถึงยอมเลิก “ถ้าไม่รอด ไม่ได้ผล นี่ฉันต้องได้ตาตรีวิญเป็นสามีเพื่อนจริงๆ เหรอเนี่ย”
วันต่อมาเมื่อเข้าบริษัทพิมภาคุยงานกับนันทิกานต์ ทั้งอธิบาย แนะนำให้นันทิกานต์ฟัง ทั้งจากแฟ้ม ชี้ให้ดูในแต่ละจุดที่หน้าจอคอมฯ นันทิกานต์ตั้งใจฟัง
เวลาผ่านไป พิมภานั่งเคลียร์งานหน้าเครียด ลัลนา ซูซี่ นันทิกานต์จับกลุ่มเม้าท์กันที่โซฟา พิมภาไม่ใส่ใจ
“ถ้าไอ้พิมไปญี่ปุ่น ก็ไม่มีทางจะคืนดีกับคุณต้นได้แน่”
“พี่มีวิธีให้เค้าได้เจอกันก่อนสั่งลานะ”
“ทำยังไง?” ซูซี่ยิ้ม
ลัลนา ซูซี่ นันทิกานต์กำลังกล่อมให้พิมภาให้สัมภาษณ์นิตยสารสำหรับผู้หญิง
“คือ พี่เป็นกิ๊กกับช่างภาพคอลัมน์นี้น่ะค่ะ ว๊าย!อายจัง เอาเรื่องตัวเองมาพูดแต่ก็ในเมื่อพูดแล้ว ก็ต่อเลยนะคะ.. เค้าอยากสัมภาษณ์ผู้หญิงเก่งแห่งปี พี่ก็เลยถามว่า เอาน้องพิมมั้ย เอ๊อ! เค้าเอาแน่ะ พี่ก็เลยออกตัวไปว่าได้แน่” พูดจบซูซี่ก็ทำตาปริบๆ ใส่พิมภา แล้วอ้อนสุดชีวิต “แต่ถ้าไม่ได้ แสนยานุภาพในสายตาผู้ชายของพี่ก็จะลดลง และมันอาจสะเทือนถึงสัมพันธภาพของพี่กับเค้าในอนาคต”
“น่าสงสารนะ” ลัลนาทำเสียงจริงจัง
“ความพยายามในการลงจากคานของพี่ซูซี่จะไม่เป็นผลอีกแล้วเหรอเนี่ย”
พิมภาเซ็งที่โดนกดดัน
“ก็ได้ๆ ให้สัมภาษณ์ก็ได้” ซูซี่ยื่นแผนที่ให้ทันที “อะไร”
“แผนที่ ที่เค้าจะนัดสัมภาษณ์แบบว่าต้องใช้ที่ที่บรรยากาศดีๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยๆ อะไรเงี๊ยค่ะ”
พิมภาหน่ายใจกับซูซี่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
อีกด้านหนึ่ง กิ่งแก้วก็กำลังกล่อมให้ฤชวีให้สัมภาษณ์หนังสือเหมือนกัน
“บอกตรงๆ นะกิ่งตอนนี้ไม่มีอารมณ์เลย”
“ไม่ต้องใช้อารมณ์ เพราะต้นต้องทำเพราะหน้าที่เพื่อกระตุ้นยอดขายหนังสือของเรา”
พูดจบกิ่งแก้วยื่นแผนที่ ที่จะนัดสัมภาษณ์ให้ฤชวีเลย
วันต่อมา ฤชวีกับกิ่งแก้วเดินเข้ามาที่เซ็ทสำหรับถ่ายรูปสัมภาษณ์ตามที่นัดไว้ ทีมงานเข้ามาหาฤชวี
“สวัสดีค่ะคุณฤชวี”
“กิ่งยังไม่ได้คุยกับต้นเรื่องประเด็นที่จะสัมภาษณ์เลยค่ะ รบกวนบลีฟรายละเอียดกับต้นเลยนะคะ ไปนั่งแต่งหน้าสิต้น มานี่”
กิ่งแก้วจัดแจงมาก มีมองทีมงานเหมือนว่าโอเคมั้ย ทีมงานยกนิ้วโอเค กิ่งแก้วยิ้ม ฤชวีเริ่มตะหงิดในอาการของกิ่งแก้ว
“ประเด็นที่จะสัมภาษณ์คือ หนุ่มสาวที่ประสบความสำเร็จแห่งปี ต้องสัมภาษณ์คู่กับอีกท่านนึงค่ะ”
“ใครเหรอครับ”
ช่างแต่งหน้ายืนบังสายตาฤชวีอยู่ พอช่างแต่งหน้าเดินออกไปจึงเห็นว่าพิมภาแต่งหน้าเสร็จกำลังจะเดินมาที่เซ็ท มีลัลนา นันทิกานต์ ซูซี่คอยตามถ่ายรูปเดินตามเข้ามา
“แต่งหน้าเก๋มากเลยพิม เทรนด์นี้ต้องไปใช้ในอีเวนต์คราวหน้านะ”
“น้องพีอาร์ฝากพี่มาถ่ายรูปเบื้องหลังไปส่งข่าวพีอาร์ในนิตยสารบริษัทด้วย วันนี้น้องพิมสวยมากเลย”
“ทีมงานคะ พิมพร้อมแล้วค่ะ” นันทิกานต์บอกทีมงานและทำเป็นบังเอิญเห็นฤชวี “อุ้ย คุณต้น”
ฤชวีกับพิมภาเจอหน้ากันอึ้ง พิมภาหันขวับไปมองแก๊งค์เพื่อนๆ ลัลนา นันทิกานต์ ซูซี่เบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที ทำไม่รู้ไม่ชี้ ฤชวีมองกิ่งแก้ว กิ่งแก้วเลิกคิ้วใส่ยิ้มว่านี่ช่วยนะ ห้ามเคือง ฤชวีมีสีหน้าลำบากใจ
ฤชวีนั่งอยู่ที่เดิม แต่ทีมงานเข้ามาขอให้พิมภานั่งคู่ด้วย
“ขอถ่ายรูปใช้ประกอบคอลัมน์นะคะ” พิมภาจำต้องนั่งข้างฤชวี แต่มีช่องว่าง กิ่งแก้วสะกิดทีมงาน “เอ่อ ช่วยชิด ๆ กันหน่อยนะคะ เฟรมมันแคบน่ะค่ะ”
พิมภาอยากจะลุกหนีแต่ติดที่เป็นการทำงาน พิมภาจึงยอมขยับเข้าไปชิดฤชวี ลัลนา นันทิกานต์ ซูซี่ตีมือกันพอหันมาเห็นสายตาของพิมภาที่มองมาอย่างโกรธ สามคนสะดุ้งวงแตกแยกกันทันที
พิมภากับฤชวีนั่งคู่กัน ทีมงานเก็บภาพไปเรื่อยๆ มีบางครั้งพิมภาจะขยับตัวจังหวะขยับนิ้วของพิมภาไปชนกับมือของฤชวีที่วางอยู่ สองคนชะงักกันไปเหมือนไฟช็อต ต่างอึ้งไปนิด
“ฉันว่าสปาร์กอ่ะแก” นันทิกานต์บอกเมื่อสังเกตุเห็น
“คนคุ้นเคย แตะก็ช็อตแล้วล่ะค่ะ”
“หวังว่าหัวใจทั้งคู่จะปฏิบัติการทลายกำแพงทิฐินะ”
“แต่สายตาทั้งคู่ดูจะอาฆาตเราอยู่นะคะ” กิ่งแก้วบอก
“ดีกันก็ลืมโกรธแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วถ้าไม่ดีกันล่ะคะ”
“โดนเชือดยกทีมสิคะ”
“แนน พี่ซูซี่ พูดให้เป็นมงคลหน่อยสิคะ” ลัลนาต่อว่าแต่ตัวเองก็หวั่นๆ เหมือนกัน
ทีมงานสัมภาษณ์พิมภากับฤชวี ที่ได้สติแล้วนั่งเก็บไม้เก็บมือตัวเอง
“คำถามสุดท้ายนะคะ อยากทราบว่าอะไรคือตัวผลักดันให้ประสบความสำเร็จคะ” ทีมงานสัมภาษณ์พิมภากับฤชวี
“ครอบครัวค่ะ พิมอยากให้ครอบครัวภูมิใจและพิมเลือกที่จะใช้งานพิสูจน์ตัวเอง”
ฤชวีมองพิมภาอย่างชื่นชม จนรู้สึกว่าทีมงานรอคำตอบก็ได้สติ
“ความรักครับ” พิมภามองฤชวีแบบอึ้งๆ แก๊งลัลนา กิ่งแก้วมองอย่างชอบใจ “ความรัก...เป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างสรรค์ผลงาน เมื่อเรารักก็จะทุ่มเทกับมันมาก จนคนอ่านรับรู้ได้จากการถ่ายทอดของเรา”
“รักจอมปลอมที่ข้ามวันก็เป็นอื่นน่ะเหรอคะ อย่าพูดให้ฉันรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลย ฉันว่ามันไม่ใช่ความรักหรอกค่ะที่สร้างสรรค์งานคุณ เป็นความสะใจที่ได้ทำลายหัวใจคนมากกว่า” พิมภาต่อว่าฤชวี ฤชวีมองพิมภาอย่างเสียใจที่พูดแบบนี้
“ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนดื้อ เอาแต่ใจเหมือนเด็ก แต่วันนี้ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเอาแต่อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เคยฟังเหตุผลใคร” พิมภาลุกพรวด
“ใช่ ฉันไม่ฟังเหตุผลจากคนที่ทำร้ายฉัน ไม่ว่าจะเพราะอะไร คุณทำลายชีวิตฉัน ฉันเกลียดคุณ”
ฤชวีอึ้ง ทีมงานตกใจ แก๊งลัลนา กิ่งแก้วตกใจยิ่งกว่า กิ่งแก้วจึงรีบเข้ามาหาฤชวี
“ต้น หิวน้ำใช่มั้ย เดี๋ยวขอตัวสักครู่นะคะ” กิ่งแก้วดึงฤชวีออกไป นันทิกานต์เข้ามาดึงพิมภา
“อากาศมันร้อน ขอพักแป๊บนะคะ เมื่อคืนพิมเขาไม่ค่อยได้นอนน่ะค่ะ”
นันทิกานต์ดึงพิมภาออกไป ลัลนากับซูซี่ช่วยต้อนออกไปด้วย
กิ่งแก้วดึงฤชวีออกมา
“ต้น คุมอารมณ์หน่อยสิ แบบนี้ไม่สมเป็นต้นเลยนะ”
“ขอโทษที ต้น...”
“น้อยใจใช่มั้ย แต่ต้นต้องยอมรับความจริงว่าตามเหตุการณ์เราน่ะผิดเต็มๆ รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นไฟ จะทำตัวเป็นเชื้อเพลิงสาดใส่ทำไม”
“ต้นไม่รู้จะทำยังไงกับเขาแล้ว”
“ตั้งสติก่อนนะต้น กิ่งเชื่อว่าต้นคือคนที่รู้จักคุณพิมดีที่สุด จะง้อคนอย่าทำตัวเป็นไฟ ต้องทำใจเป็นน้ำสิ กิ่งพูดถูกมั้ย”
“ก็จริง ต้นจะพยายามนะ”
นันทิกานต์ดึงพิมภามาอีกด้าน ลัลนา ซูซี่ตามมา
“จะบ้าเหรอไอ้พิม ไปสติแตกกลางงานแบบนั้น ไม่ไว้หน้าตัวเองบ้าง”
“แล้วพวกแกล่ะจะทำร้ายจิตใจฉันไปถึงไหน” สามสาวอึ้ง “แนน แกร่วมมือกับคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่เคยว่าแก เพราะแกเป็นเพื่อน และฉันเชื่อว่าแกจะสำนึกกลับมายืนข้างฉันเหมือนเดิม แล้วนี่คือสิ่งที่แกทำกับฉันเหรอ”
นันทิกานต์จ๋อย
“พิม แนนอยากช่วยเธอนะ”
“ลัล เธอจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับฉัน แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ นี่ฉันไม่เหลือใครให้ไว้ใจได้อีกแล้วใช่ไหม”
“ก็เรารู้ว่าน้องพิมกับคุณต้นรักกันถึงทำแบบนี้ไงคะ เพราะเราอยากให้น้องพิมมีความสุขถึงได้ร่วมมือกัน ถ้าน้องพิมมองให้ดีจะเข้าใจนะคะว่าพวกเราทำเพราะรักน้องพิม”
ซูซี่บอก พิมภานิ่งไป
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 14 ตอนอวสาน (ต่อ)
“ช่างเถอะค่ะ พูดไปก็คงไม่เข้าใจว่าใจพิมมันแหลกเหลวแค่ไหน พิมจะกลับไปสัมภาษณ์เพื่อแสนยานุภาพของพี่ อ้อ เรื่องกิ๊กก็คงไม่ใช่เรื่องจริง แล้วเอาไงคะ งานนี้มันจริงมั้ย ยังต้องเดินหน้าต่อหรือเปล่า”
สามสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าเอาไงต่อดี แต่ยังไม่ทันขยับ เสียงมือถือลัลนาดัง ลัลนากดรับ
“ว่าไงลิลลี่ แม่ใหญ่ไปอาละวาดเหรอ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ลัลนารีบออกไป
“แนนกับพี่ซูซี่ไปบอกยกเลิกกับทีมงานให้พิมด้วยนะคะ พิมต้องรีบกลับไปช่วยลัล”
พิมภารีบตามลัลนาไป นันทิกานต์กับซูซี่มองหน้ากัน
“เต็มๆ”
กิ่งแก้วเข้ามา
“ต้นสงบแล้วค่ะ พร้อมสัมภาษณ์ต่อ”
“ที่ออฟฟิศมีเรื่องด่วน พิมมันไปแล้วค่ะ เราก็ต้องรีบตามไปเหมือนกัน ขอโทษนะคะคุณกิ่ง”
กิ่งแก้วเหวอ ฤชวีเข้ามา
“มีอะไรเหรอกิ่ง”
“คุณพิมไปแล้วน่ะ”
“พอจะตั้งสติ ต้นก็ไม่เคยมีโอกาสได้แก้ตัวเลย แม้แต่ครั้งเดียว”
กิ่งแก้วมองฤชวีอย่างเห็นใจ
ลัลนารับกลับมาที่ออฟฟิศ ขณะนั้น นวลจันทร์กำลังอาละวาดกับพวกลิลลี่
“นังกาฝากมันอยู่ไหนไปตามมันมาสิ”
“พี่ลัลกำลังมาค่ะ เชิญคุณนวลจันทร์ไปที่ห้องพี่พิมก่อนนะคะ”
“สะเออะ แค่พนักงานกระจอกอย่ามาออกความเห็นกับคนอย่างฉัน ไปตามนังลัลมาเดี๋ยวนี้”
“ลัลมาแล้วค่ะ”
นวลจันทร์หันขวับมาอย่างหมายมาด
“มาแล้วรึ นังกาฝาก อยากเป็นหงส์จนตัวสั่น ถึงต้องทั้งดันทั้งถีบตัวเองให้ขึ้นสูง แกให้นังวรรณามันอ้อนผัวฉัน
ให้ตั้งแกเป็นมาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์ใช่มั้ย คิดจะฮุบสมบัติผัวฉัน แกมันก็สัญชาติปลิงเหมือนแม่ของแก นังสารเลว พวกแกดูไว้นะว่าเลือดเนื้อพวกผีเปรตที่มาขอส่วนบุญด้วยการให้แม่แย่งผัวคนอื่น หน้าตามันเป็นแบบนี้”
“ไม่จริงค่ะ ลัลนาได้ตำแหน่งนี้มาเพราะความสามารถ ถ้าไม่เชื่อก็ถามคุณสุกับคุณนิวัฒน์ดูก็ได้นี่คะ”
ลัลนาตกใจที่เห็นนิวัฒน์เข้ามากับสุกัญญา
สุกัญญาประกาศเสียงหนักแน่นต่อหน้านวลจันทร์
“จากมติของที่ประชุมเห็นควรให้แต่งตั้งลัลนาเป็นมาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์อย่างเป็นเอกฉันท์”
“พวกคุณให้ท้ายมัน”
ลัลนาหน้าเสีย
“นวลจันทร์ บริษัทนารีมีกรรมการผู้ถือหุ้นหลายคน คุณคิดว่าเขาจะยอมให้ผมใช้เส้นดันลูกขึ้นตำแหน่งได้ง่ายๆ เหรอ ถ้าลัลนาไม่มีความสามารถ” นิวัฒน์บอก นวลจันทร์อึ้งไปเถียงไม่ออก “และที่คุณควรรู้คือบริษัทนารีอยู่ภายใต้การดูแลของคุณสุกัญญา ดังนั้นคุณสุมีอำนาจเต็มที่ในการบริหารบริษัทนี้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาอาละวาด หรือก้าวก่ายในบริษัทนี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”
“ฉันไม่ยอมให้มันสูบเงินไปจากคุณ”
“ลัลกับวรรณาไม่เคยขออะไรจากผม ทุกอย่างที่เขามีผมเป็นคนให้เขาเอง”
“คุณ”
“ถ้าคุณไม่หยุดวุ่นวาย คนที่จะไม่ได้อะไรเลยคือตัวคุณกับลูก จำไว้” นวลจันทร์กับลัลนาอึ้ง “กลับไปได้แล้ว”
นวลจันทร์โมโหเดินออกไป
“คุณพ่อคะ ลัลขอโทษนะคะที่ทำให้เกิดเรื่อง”
“พ่อผิดเอง ที่ปล่อยให้แม่ใหญ่ทำตามใจตัวเองมาตลอด เพราะรู้สึกผิดกับเขา พ่อดีใจนะที่ลัลพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าลัลเก่งมาก พ่อภูมิใจในตัวลัลนะลูก”
ลัลนายิ้มภูมิใจ
“คุณพ่อ”
ลัลนาเข้ากอดนิวัฒน์ นิวัฒน์กอดตอบเป็นครั้งแรกที่พ่อลูกมีความเข้าใจให้กัน สุกัญญายิ้มให้ลัลนา สุกัญญามองทุกอย่าง อย่างปลาบปลื้ม
สุกัญญากำลังจะเดินไปที่หน้าลิฟท์ ลัลนาตามมา
“คุณสุคะ ลัลขอบคุณ(ไหว้) คุณสุมากนะคะที่ให้โอกาสและช่วยเหลือลัลตลอดมา”
“ถ้าพิมไม่มาบอกพี่ พี่ก็คงไม่รู้เรื่องนี้ ลัลรู้แล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้เกลียดลัล พี่รอจะเห็นลัลเติบโตด้วยความสามารถตัวเอง แล้ววันนี้ก็มาถึง”
“ลัลไม่คิดเลยว่ากาฝากอย่างลัลจะได้รับการยอมรับ”
สุกัญญาจับไหล่ลัลนา
“คำด่าคือสิ่งสมมติที่เจือไปด้วย ความคิดสกปรก รู้ว่าสกปรกจะเอามาถือไว้ในมือทำไม จริงไหม”
“ค่ะ ลัลจะล้างมือ ล้างสมองให้สะอาด อยากให้คุณสุเป็นพี่สาวของลัลจริงๆ”
“พี่ว่าพี่เป็นพี่ของทุกคนในบริษัทนี้มาตลอดนะ แต่อาจจะเป็นพี่สาวจอมเฮี้ยบไปหน่อย”
“ลัลขอกอดคุณสุได้มั้ยคะ”
“ได้สิ”
ลัลนากอดสุกัญญาอย่างมีความสุข
ลัลนาเดินเข้ามาที่ล็อบบี้เห็นพิมภา นันทิกานต์ ซูซี่ และคนอื่นๆ รออยู่
“เป็นไงบ้างลัล”
ลัลนาเข้ามากอดพิมภา
“ขอบใจนะพิมที่ช่วยฉัน”
“ก็เราเพื่อนกัน” พิมภาจับลัลนาขยับออก “แล้วก็เป็นพี่สะใภ้ฉันด้วยนี่” ลัลนาร้องไห้ออกมา “ว้าย...ยัยลัลร้องไห้มาดูสิ”
“เสียฟอร์มหมดเลยลัล”
“ขี้แยอ่ะ”
“แต่ก็ยังสวยเป๊ะเวอร์แม้ยามร้องไห้”
ทุกคนเข้ามาดูอย่างล้อเลียน
“บ้า มาจ้องทำไมเล่า” ลัลนาเช็ดน้ำตา “เอาล่ะ ต่อไปนี้เราจะร่วมมือกันทำงานเพื่อบริษัททุ่มสุดตัว”
ลัลนายกมือขึ้น พิมภาวางตาม คนอื่นวางทับกันมา รวมทีมสุดฤทธิ์
“นารี ความสวยสำหรับหญิงสาวเช่นคุณ เย้”
“เอาล่ะจ๊ะ แยกย้ายนะจ๊ะ แนน พี่ซูซี่ขอคุยเรื่องเปิดตัวสินค้าใหม่หน่อย พิมมาช่วยฉันเทรนด์สองคนนี้หน่อยนะ”
พิมภาหักนิ้วแบบพร้อมมาก
“จัดเต็ม”
นันทิกานต์กับซูซี่จะแวบแต่พิมภากับลัลนาเข้าล็อกคอลากเข้าห้องประชุม สุกัญญาขยับมายืนมองยิ้มปลื้มใจ
เย็นวันเดียวกันนั้น ภัทรพลกับลัลนาเดินในสวนสวย ทั้งคู่ดูสบายใจมีความสุขมาก
“คุณไม่เสียใจเหรอที่ไม่ได้ไปญี่ปุ่น เห็นแข่งกับยัยพิมมาตั้งนาน”
“ทำงานที่นี่ก็ประสบความสำเร็จเหมือนกัน เพราะคนที่ลัลอยากได้รับการยอมรับจากคนสำคัญสามคน คือ คุณสุ พ่อ แล้วก็คุณภัทร”
“คิดไปเองรึเปล่าว่าผมสำคัญน่ะ”
“คุณภัทรเหมือนเป็นลมใต้ปีกที่ช่วยพยุงให้ลัลประสบความสำเร็จในวันนี้”
“เดี๋ยวนี้คุณน้ำเน่ากว่าผมอีกนะ”
“ที่สำคัญลัลไม่อยากไปญี่ปุ่นเพราะขนาดอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ลัลยังคิดถึงคุณภัทรวันละหลายๆ ครั้งแน่ะ ถ้าไปญี่ปุ่นก็คงไม่ไหว”
ภัทรพลทำหน้าตายถามออกมา
“คุณมียากินหรือยัง”
“ยาอะไร กินทำไม” ลัลนาทำหน้างง
“ก็ยาแก้คิดถึงไง กินซะจะได้ไม่ต้องคิดถึงบ่อยๆ”
จากที่หวานๆ อยู่ลัลนาโวยเลย
“มันจะมากไปแล้วนะคุณภัทร คนคิดถึงแล้วมาพูดแบบนี้ได้ยังไง เห็นว่ายอมหน่อยเอาใหญ่นะ จะเอายังไง เลิกกันไปเลยมั้ย ไม่ต้องคิดถึงเลยมั้ย ชักไม่ไหวแล้วนะ”
ภัทรพลเห็นลัลนาเอาจริงก็หงอ
“ผมล้อเล่นน่า”
“มาล้อเล่นกับความรู้สึกคนรักได้ไง ไม่เข้าท่าเลยนะ ผิดมั้ยแบบนี้”
ภัทรพลยืนกุมเป้า
“ผิดครับ”
“ผิดแล้วทำไง”
ภัทรพลคุกเข่าจับมือลัลนามาแนบแก้ม
“ขอโทษคร้าบ อย่าโกรธผมเลยนะ”
ลัลนาขำแกล้งลูบหัวภัทรพล
“วันหลังอย่าทำ”
“อื้อหือ ยอมหน่อยเล่นหัวเลยนะ อย่างนี้ต้องทำโทษ”
ภัทรพลไล่กอดลัลนา ลัลนาวิ่งหนี ยิ้มรื่นมีความสุข
หลายวันต่อมา ซูซี่เปิดนิตยสารโชว์ให้ลัลนาดู
“มาแล้วค่ะ บทสัมภาษณ์น้องพิมกับคุณต้น”
“อ้าว นี่ใช้งานจริงๆ เหรอคะ นึกว่าแผน” พิมภาบอก
“ของจริงสิคะ นี่ๆๆ รูปถ่ายคู่งดงามมาก พี่ให้เขาตัดตรงส่วนที่ทะเลาะกันออกไป เขาก็เลยเพิ่มเป็นไลฟ์สไตล์ของคุณต้นมาลงแทน นี่ไงคะร้านกาแฟที่ชอบ สีที่ชอบ ผู้หญิงแบบที่ชอบ แต่ละคำตอบ กรี๊ดมาก ออกมาก็เลยเพอร์เฟ็กต์”
“เพอร์เฟ็คยังไงก็เป็นเรื่องหลอกลวง”
คนอื่นๆ มองหน้ากัน
“พิม ปลาทำร้ายพิมตั้งมากมาย แต่พิมก็ยังอภัยให้ คุณต้นน่ะรักพิมแล้วพิมก็รักเขา ทำไมพิมถึงอภัยให้คนที่ตัวเองรักไม่ได้”
พิมภาอึ้งไปมองทุกคนแล้วตอบไม่ได้ จึงเดินหนี
“หนีอีกแล้ว”
“ฉันอยากให้คุณต้นมาเป็นน้องเขยนะพิม พิม”
สาวๆ เดินตามไป ทิ้งตัวนิตยสารไว้ มือตรีวิญเข้ามาขยับเปิดหน้าไลฟ์สไตล์ของฤชวี
“ไลฟ์สไตล์” ตรีวิญอ่านแล้วยิ้มร้ายๆ “ต้องวัดกันหน่อยแล้วฤชวี”
ฤชวีเดินเข้ามาในร้านกาแฟทักทายกับพนักงานอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีครับ น้องเนย”
“ลาเต้เหมือนเดิมนะคะ”
ฤชวียิ้มแล้วเดินไปนั่งที่ประจำ แล้วเปิดโน้ตบุ้กจะเริ่มต้นทำงาน ตรีวิญพาพิมภาเข้ามาในร้านกาแฟ
“ร้านเก๋ดีนะคะ”
“ผมดีใจนะครับ ที่คุณพิมชอบ”
ฤชวีชะงักที่ได้ยิน ฤชวีมองกระจกสะท้อนเห็นพิมภากับตรีวิญที่เข้ามาแต่พิมภาไม่เห็นฤชวี ตรีวิญเห็นฤชวีก็พาพิมภามานั่งใกล้ๆ กับมุมที่ฤชวีนั่งอยู่แต่มีต้นไม้ตกแต่งกั้นไว้ ตรีวิญขยับลงนั่ง มองว่าได้โอกาสแล้วจึงถือโอกาสจับมือพิมภา
“คุณพิมครับ” พิมภาจะดึงออกแต่ตรีวิญยึดไว้ “ตอนนี้ก็ไม่มีคุณฤชวีมาขวางทางเราแล้ว” พิมภางง ฤชวีฟังรู้สึกจี๊ดมาก “ผมอยากจะขอดูแลคุณพิมตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ”
พิมภามึนตึ้บ ฤชวีที่ได้ยินลุกขึ้นทนไม่ไหว เดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วยเลย พิมภาอึ้ง
“คุณ”
ภาพพิมภากับฤชวีในหนังสือที่สัมภาษณ์ถูกฉีกขาดเห็นว่าคนฉีกคือการะเกตุ การะเกตุดูทรุดโทรม สภาพไม่เหลือความงามเนี้ยบ เพราะต้องหนีตำรวจมากบดานอยู่ในห้องพักเล็กๆ เก่าๆ
“พิมภา ประสบความสำเร็จเหรอ ฉันไม่ยอม”
การะเกตุแค้นพิมภาจะต้องเอาคืนให้ได้
ส่วนที่ร้านกาแฟ พิมภานั่งหน้าตึง ฤชวีนั่งมองหน้าตึงยิ่งกว่าในขณะที่ตรีวิญมีสีหน้าดูยิ้มพอใจ
“นี่คุณสองคนจะแต่งงานกันเหรอครับ ยินดีด้วยนะครับ”
พิมภาโกรธที่ฤชวีประชด
“ฉันก็สมควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“แล้วชีวิตที่ผ่านๆ มามันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ”
“มันก็มีแต่ความหลอกลวงไง”
“เหรอครับ แล้วใครเป็นคนเริ่มล่ะครับ”
“ก็ฉันไง ฉันผิดพลาดเพราะชักปัญหาใส่ตัว ไม่โทษใครหรอกค่ะ” ฤชวีโกรธ
“ผมเป็นตัวปัญหาของคุณสินะ”
ฤชวีลุกเดินออกไป พิมภาปั้นปึ่งไม่ยอมมอง ตรีวิญยิ้มพอใจ
“ถ้าคุณพิมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมพร้อมนะครับ” ตรีวิญบอก
“การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพิมหมายถึงเรื่องงานค่ะ ขอตัวนะคะ พิมปวดหัว”
พิมภาลุกเดินหนีไป ตรีวิญมองตามไม่ยอมแพ้
พิมภาขับรถเข้ามาที่หน้าคอนโดด้วยความโมโห พิมภากำลังจะเอารถเข้าไปจอดแต่จู่ๆ มีผู้หญิงตัดหน้ารถ พิมภาเบรกสุดเท้าด้วยความตกใจ ผู้หญิงล้มลง พิมภารีบลงจากรถไปดู
“คุณคะ เป็นยังไงบ้าง” พิมภาพลิกตัวผู้หญิงขึ้นมาแล้วตกใจที่เห็นเป็นการะเกตุและตกใจยิ่งกว่าที่เห็นว่าในมือการะเกตุมีปืนอยู่ “เธอ”
“ถ้าแกร้อง ฉันยิงแน่ ลุกขึ้น ไปที่รถ อย่าแหกปากนะ”
พิมภาเห็นการะเกตุสภาพดูไม่ปกติจึงไม่กล้าเสี่ยง เดินไปขึ้นรถข้างที่นั่งคนขับ พิมภากะจะสู้แต่ยังไม่ทันขยับ การะเกตุไวกว่าใช้ด้ามปืนตบเข้าหน้าพิมภา ปึ้ก พิมภามึนหมดสติไป การะเกตุรับขับรถออกไป
พิมภาค่อยๆ รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาจึงเห็นว่าตัวเองนอนฟุบอยู่ที่พื้นในโกดัง พิมภาค่อยๆ ขยับตัวลืมตาขึ้นทั้งที่ยังมึน พิมภาพยายามปรับสายตาแต่ทันทีที่ลืมตา พิมภาก็ต้องตกใจที่เห็นการะเกตุอยู่ตรงหน้าพร้อมกับปืนในมือ
“การะเกตุ”
“ตื่นแล้วเหรอ นังตัวแสบ”
“นี่คิดจะทำบ้าอะไรอีก”
การะเกตยิงเปรี้ยง ที่ข้างตัวพิมภา พิมภาสะดุ้ง
“ถ้าแกขยับ ฉันยิง” การะเกตุแสยะยิ้ม “แกนี่มัน เจริญเร็วดีนะ บุคคลแห่งปี...”
พิมภาพยายามให้จิตแข็งเข้าไว้ ไม่แสดงความกลัว
“คนทำดีมันก็ต้องได้ดี แปลกตรงไหนล่ะ”
“ตรงที่แกเจริญบนความตกต่ำของฉันน่ะสิ นังพิมภา แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน” การะเกตุกรีดเสียงใส่อย่างคลั่งแค้น
“ฉันแย่งหรือว่า ทุกอย่างมันไม่เคยเป็นของเธอ”
“เธอคิดว่าเธอกับฤชวีเหมาะสมกันนักเหรอ เธอมันก็ผู้หญิงสำส่อนให้ท่าฤชวีที ให้ท่าตรีวิญที ตกลงจะเอาใครกันแน่”
“ฉันอยู่เฉยๆ ไม่เคยต้องให้ท่าใครเหมือน...” พิมภาเห็นสายตาการะเกตุที่โกรธจัดจึงไม่พูดต่อ
“แกดีกว่าฉันงั้นสิ ไอ้พวกหน้าโง่มันมาหลงแกเองใช่มั้ย”
“หลักฐานมัดตัวจริงๆ แก้ตัวไม่ได้เลย”
“แน่มาก คิดว่าพวกมันรักแกมากใช่มั้ย”
พิมภาไม่ตอบ ทำหน้าแบบว่าแน่นอนอยู่แล้ว
“ฉันว่าเธอเลิกบ้าดีกว่ามั้ย ยายเธอก็ติดคุกอยู่ แทนที่จะกลับไปช่วยเอายายออกจากคุก ดันมาแกว่งเท้าหาคุกซะเอง ติดคราวนี้ไม่มีใครช่วยทั้งยัยหลานเลยนะ”
“ถ้าฉันจะติดคุกมันก็ต้องคุ้มค่ากันหน่อย แกศพเดียวมันคงไม่สะใจฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงอย่างแกจะมีผู้ชายคนไหนรักจนยอมตายพร้อมแกได้มั้ย” การะเกตุยิ้มร้ายๆ พิมภานึกเป็นห่วงฤชวีกลัวจะเป็นอันตราย
“อย่านะ คุณต้นไม่เกี่ยว”
การะเกตุตบหน้าพิมภา เพี๊ยะ
“หุบปาก แกไม่มีสิทธิ์สั่งฉัน” พิมภาโดนตบหน้าชาพูดไม่ออกมองการะเกตุที่กดโทรศัพท์มือถือ “สวัสดีค่ะคุณฤชวี จำฉันได้มั้ยคะ” การะเกตุยิ้มร้ายๆ
ฤชวีกับตรีวิญรีบร้อนเข้ามาที่บันไดทางขึ้นดาดฟ้าของโกดังแล้วทั้งคู่ก็ชะงักที่เห็นกัน
“คุณตรีวิญ ทำไม” ตรีวิญไม่สนใจฤชวีรีบวิ่งนำขึ้นไปทันที ฤชวีจัดการขยับสายไมค์ที่ติดอยู่กับตัว “สารวัตรครับ ผมจะขึ้นไปแล้วนะครับ”
พิมภามองการะเกตุที่เดินไปเดินมาท่าทางมีความสุขมาก พิมภานั่งนิ่งมองการะเกตุอย่างระมัดระวังตลอดเวลา แต่ยังไม่ทำอะไรเพราะใจอยากรู้เหมือนกันว่าฤชวีจะมาหรือไม่
“ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว ทั้งตรีวิญ ฤชวีไม่เห็นมีผู้ชายคนไหนโผล่หัวมาสักคน นี่ไงรักแท้ของแก พิมภา” การะเกตุหัวเราะสะใจ ตรีวิญเปิดประตูเข้ามา
“คุณพิม”
พิมภาผิดหวังที่เป็นตรีวิญ
“คุณตรีวิญ”
“โอ้ มีผู้ชายหน้าโง่แฮะ”
ฤชวีวิ่งตามเข้ามา
“คุณพิม”
พิมภาดีใจจนออกนอกหน้า
“คุณต้น” พิมภายิ้มเย้ยการะเกตุ “โอ๊ะโอ เสียใจด้วยนะที่ทำให้เธอผิดหวัง”
“หวังงั้นสิ ว่าผู้ชายหน้าโง่พวกนี้จะยอมตายพร้อมกับแกเหมือนในละคร ตายเพื่อความรัก ทุเรศ” การะเกตุยกปืนขึ้นไปทางพิมภา “มาเลยใคร จะตายพร้อมกับนังนี่ก็เดินเข้ามา” ตรีวิญเดินเข้าไปยืนเคียงข้างพิมภาในขณะที่ฤชวียืนนิ่งมองสถานการณ์ “ว่าไงล่ะคะ คุณฤชวี ไม่คิดจะตายพร้อมกับผู้หญิงที่คุณบอกว่ารักบ้างเหรอ”
ฤชวีมองอย่างประเมินอารมณ์การะเกตุ
“ไอ้การตายแทนกันมันมีแต่ในนิยาย เท่านั้นล่ะครับ” พิมภา ตรีวิญ การะเกตุชะงักมองฤชวี “มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะครับที่จะทำแบบนั้น”
“พูดแบบนี้ไม่กลัวพิมภาจะเสียใจเหรอคะคุณต้น”
“ผมพูดความจริงนี่ครับ เขาต้องยอมรับ”
“ฉันตายก็ไม่มีความหมายใช่มั้ย” พิมภามองหน้าฤชวีอย่างเสียใจ ฤชวีเห็นการะเกตุมองอยู่ หันไปพูดกับพิมภา
“ผมก็คิดว่าคุณจะฉลาด เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้เหรอครับ ว่าไอ้การเสี่ยงชีวิตตายแทนกันมันเป็นความคิดที่ไร้สาระมาก”
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม”
“เพราะผมไม่รู้ว่ามันจะมีการวัดใจบ้าๆ แบบนี้น่ะสิ” ปากตอบแต่ใจฤชวีคิดตลอดเวลาว่าจะจัดการกับการะเกตุยังไงดี “คุณสร้างปัญหาให้กับผมพอหรือยังคุณพิม”
พิมภามองฤชวีอย่างเสียใจ การะเกตุหัวเราะอย่างสะใจ
“นังหน้าโง่”
“ผมเหนื่อยกับคุณเต็มทีแล้ว”
“ฉันไม่น่าเจอคุณเลย ฉันเกลียดคุณที่สุด เกลียด”
พิมภาต่อว่าฤชวี จังหวะที่การะเกตุสนใจแต่พิมภา ตรีวิญเข้าแย่งปืนกับการะเกตุ แต่การะเกตุตีศอกใส่หน้าตรีวิญจนตรีวิญล้มลงไป การะเกตุหันมาจะยิงตรีวิญ พิมภาตกใจโผเข้าหาการะเกตุ
“อย่า”
พิมภาเข้ากอดการะเกตุจากด้านหลัง การะเกตุสะบัดเหวี่ยงจนพิมภาหัวไปโขกกับกำแพงล้มสลบไป การะเกตุจะยิงพิมภาแต่ฤชวีเอาตัวเข้าไปขวางทางปืน การะเกตุยิงเปรี้ยง! กระสุนพุ่งเข้าต้นแขนของฤชวี ตำรวจบุกเข้ามา
“อย่าขยับ” การะเกตุชะงักที่เห็นตำรวจสามนายทุกคนหันปืนมาทางการะเกตุ “วางอาวุธ ไม่งั้นผมยิง”
การะเกตุเห็นว่าไม่รอดแน่จึงยอมทิ้งปืน ตำรวจเข้ารวบตัวการะเกตุ ตำรวจเห็นว่าฤชวีโดนยิง
“คุณฤชวี มีคนบาดเจ็บ เรียกหน่วยพยาบาล”
ตำรวจพูดวอ แล้วพาร่างฤชวีไป ตรีวิญเข้าไปดูพิมภาที่ไม่ได้สติ
พิมภาค่อยๆ ขยับตัวตื่นฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลโดยมีภาณุวัฒน์ ภัทรพล พิมมาลาเข้ามาล้อมเตียงพิมภา
“พิม พิมเป็นยังไงบ้างลูก”
พิมมาลาถามอย่างเป็นห่วง พิมภามองพยายามปรับสายตาและจะขยับแต่เจ็บแผลที่ศีรษะ
“โอ้ย พ่อ แม่ พี่ภัทรมาได้ยังไง”
“คุณตรีวิญโทรไปบอกน่ะสิ พ่อแม่ตกใจหมด รีบมากรุงเทพฯ เลย”
พิมภามองไปทางตรีวิญที่ยืนอยู่
“คุณตรีวิญเหรอคะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยพิม...ขอบคุณ” พิมภาน้ำตาร่วง
“เพื่อคุณพิม ผมเต็มใจครับ”
“พิม เจ็บเหรอ พ่อจะไปตามหมอนะ”
“เปล่าค่ะ พิมไม่เป็นอะไร” พยาบาลเข้ามา
“คุณหมอขอพบญาติคนไข้ค่ะ เชิญค่ะ”
“เดี๋ยวภัทรดูน้องเอง”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาตามพยาบาลไป
“คุณพิม หิวไหมครับ” ตรีวิญถามพิมภา ภัทรพลจึงพูดแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวผมดูแลน้องผมเอง เชิญคุณออกไปด้านนอก พี่น้องจะคุยกัน”
ตรีวิญมองภัทรพลที่จ้องอย่างตั้งตัวเป็นศัตรูแล้วหันมายิ้มกับพิมภา
“ผมจะรอด้านนอกนะครับ”
ตรีวิญออกไป
“พี่ภัทร พี่พูดดีๆ กับคุณตรีวิญได้มั้ย เขาเสี่ยงชีวิตช่วยพิมนะ พิมถึงรอดมาได้ ไม่เหมือนเขา...” พิมภาน้อยใจน้ำตาร่วงเมื่อนึกถึงฤชวี
“เขา...ใคร”
“คุณต้นน่ะ”
“คุณต้นอยู่ที่เกิดเหตุด้วยเหรอ” พิมภาร้องไห้เสียใจ ผิดหวัง “ไอ้พิม เล่ามาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ที่สำนักพิมพ์กิ่งแก้ว แขนของฤชวีที่มีผ้าพันแผลที่ถูกยิง กิ่งแก้วขยับเสื้อลงมาปิดให้
“นี่ดีนะโดนแขน ถ้าโดนจุดสำคัญ กิ่งคงต้องขาดนักเขียนมือดีไปแน่ๆ”
“ที่พูดนี่ห่วงงานใช่มั้ย”
“ห่วงต้นนั่นแหล่ะ ว่าแต่ต้นมาเก็บตัวที่นี่หลายวันแล้วนะตั้งแต่เกิดเรื่อง ทำไมไม่ไปหาคุณพิมล่ะ”
ฤชวีไม่ตอบ แต่ใจนึกถึงตอนที่พิมภาร้องไห้
“ฉันไม่น่าเจอคุณเลย ฉันเกลียดคุณที่สุด เกลียด”
ฤชวีเสียใจที่ทำให้พิมต้องร้องไห้ จังหวะนั้นภัทรพลเดินเข้ามาในห้อง
“คุณต้น ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นคนขี้ขลาดรักตัวกลัวตายขนาดนี้เสียแรงที่ครอบครัวผมไว้ใจคิดจะฝากชีวิตยัยพิมไว้ในมือคุณ”
“คุณภัทรใจเย็นๆ นะคะ”
“ไม่เย็นแล้วครับ ตอนไอ้เอกพล พิมมันร้องไห้แค่คืนเดียวก็หาย แต่ญาติคุณน่ะทำให้ยัยพิมต้องร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ได้รักน้องสาวผมจริงต่อไปนี้คุณไม่ต้องมายุ่งกับน้องสาวผมอีก ผมจะไม่ให้ยัยพิมต้องเสียใจเพราะคุณอีก” ฤชวีไม่ตอบอะไรเลยเป็นเหมือนการยอมรับทำให้ภัทรพลยิ่งหัวเสีย “โธ่เว้ย!”
ภัทรพลหุนหันออกไป
“ต้น ทำไมไม่บอกว่าต้นเป็นคนช่วยแถมตัวเองก็ถูกยิง”
กิ่วแก้วต่อว่าฤชวีอย่างโมโห แต่ฤชวียังนิ่งเงียบจนกิ่งแก้วหมั่นไส้จึงกดแผลที่แขนฤชวี
“โอ้ย”
“เจ็บแผลรักษาหายแต่เจ็บหัวใจไม่มีวันหายหรอกนะต้น”
“ก็ต้องยอมล่ะกิ่ง พี่ภัทรพูดถูก ต้นไม่อยากทำให้คุณพิมต้องร้องไห้อีกเขากำลังจะเริ่มต้นใหม่กับตรีวิญ ต้นกับคุณพิมคงต้องจบกันแค่นี้”
กิ่งแก้วมองฤชวีที่ดูจะถอดใจจริงๆ อย่างคิดหนัก กิ่งแก้วคิดๆ แล้วมองโทรศัพท์ตัวเอง กิ่งแก้วมองฤชวีแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเดินเนียนๆ มานั่งข้างฤชวีแต่เอามือข้างที่มีโทรศัพท์วางบนขอบโซฟาแล้วกดเรคคอร์ดเสียง
“ถ้าไม่อยากบอกใคร ก็เล่าให้กิ่งฟังได้มั้ย ว่าบนดาดฟ้านั่นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ฤชวีมองแล้วระบายออกมาอย่างอึดอัด
“ตอนที่ต้นขึ้นไปการะเกตุเริ่มคลุ้มคลั่งแล้ว เขาแค้นคุณพิมมากจนพร้อมจะฆ่าทุกคน...”
ฤชวีเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กิ่งแก้วฟัง
ที่โรงพยาบาล พิมภานอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีพิมมาลากับภาณุวัฒน์นั่งเฝ้าอยู่ ภัทรพลเดินเข้ามาอย่างหัวเสีย
“เจ็บใจจริงๆ”
“คุณต้นว่าไงตาภัทร”
“ไม่ปฏิเสธสักคำเลยแม่ ปอดแหกแบบนั้น ดีนะที่ไอ้พิมไม่ได้แต่งงานด้วย ไม่งั้นแย่แน่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้”
“เบาๆ หน่อยไอ้ภัทร เดี๋ยวน้องตื่นมาได้ยินจะเสียใจ”
“ชีวิตไอ้พิมนี่มันยังไงนะพ่อ เจอกี่คนก็ไม่มีดีสักคน ภัทรว่าให้มันขึ้นคานเหอะ ไม่อยากเห็นมันทุกข์แล้ว สงสารมัน”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาพยายามลูบไหล่ให้ภัทรพลใจเย็นๆ พลางมองพิมภาอย่างสงสาร พิมภาที่นอนหันไปอีกทางค่อยๆ ลืมตาขึ้น น้ำตาไหลออกมาอย่างเสียใจ
ฤชวีทำหน้าเศร้าหลังจากเล่าจบ
“แสดงว่าคุณการะเกตุตั้งใจจะฆ่าทุกคนเลยสิ คิดแล้วก็น่ากลัวนะ ถ้าต้นเดาอารมณ์ผิดล่ะ ตายกันหมดแน่ๆ”
“ต้นไม่อยากให้กิ่งบอกใครเรื่องนี้ ไม่อยากเอาการเจ็บของต้นเป็นบุญคุณให้คุณพิมต้องร้องไห้เพราะต้นอีก ต้นอยากให้คุณพิมมีความสุขสักที”
“แต่ยังไงต้นก็น่าจะไปเยี่ยมเขาบ้าง กิ่งรู้นะว่าต้นอยากเจอคุณพิม อย่างน้อยก็คนที่รักกันไปเถอะนะ”
ฤชวีอยากไปแต่ก็ลำบากใจ
ที่โรงพยาบาล ตรีวิญป้อนข้าวต้มให้กับพิมภา
“พิมอยากออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
“ไม่ถือโอกาสพักสักหน่อยเหรอครับ คุณพิมทำงานหนักมาตลอด”
“พิมอยากทำงานค่ะ เริ่มต้นใหม่...” ตรีวิญจับมือพิมภา
“ขอให้ผมได้ก้าวเดินเคียงข้างคุณพิมกับชีวิตที่ เริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้ได้ไหมครับ”
พิมภาลังเล เสียงเคาะประตูดัง ฤชวีเปิดประตูเข้ามา พิมภาเห็นฤชวีเข้ามา อารมณ์น้อยใจพุ่งขึ้นมาจนอยากจะประชดฤชวีจึงหันไปยิ้มให้ตรีวิญ
“ตกลงค่ะ พิมจะแต่งงานกับคุณ”
ตรีวิญดีใจมาก ฤชวีตะลึงที่ได้ยินการตัดสินใจของพิมภา พิมภามองฤชวีอย่างตัดสินใจเด็ดขาด
วันต่อมา ภาณุวัฒน์นั่งกอดอกนิ่งเมื่อรู้ว่าตรีวิญมาพบเรื่องอะไร
“มาขอยัยพิมแต่งงาน”
ตรีวิญนั่งอยู่ตรงข้ามภาณุวัฒน์
“ครับ”
“ทั้งที่รู้ว่าเค้ามีสามีอยู่แล้ว”
“แต่ก็เลิกรากันไปแล้วนี่ครับ อีกอย่างมันก็เป็นแค่เรื่องสมมติเท่านั้น” ตรีวิญมองหน้าพิมภาก่อนจะพูด “และที่คุณพิมต้องทำแบบนั้นก็เพราะไม่มีทางเลือก ผมเข้าใจคุณพิมครับ”
“เก่งไปรึเปล่า ตัวไอ้พิมเองมันยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลย คุณจะไปเข้าใจมันได้ยังไง” ภัทรพลบอก
“ตรงประเด็นเลยนะ พูดกันต่อหน้ากันไปเลย พิม ลูกคิดจะทำประชดใครรึเปล่า”
พิมมาลาต้องการถามคำถามนี้ต่อหน้าตรีวิญเพื่อกำหราบความอวดดีของตรีวิญ
“ไม่ค่ะ พิมอยากแต่งงานกับคุณตรีวิญจริงๆ”
“แล้วเย็นนี้อยากกินอะไรลูก” พิมภางงกับคำถามของพิมมาลา “ตอบแม่สิ”
“ของโปรดของพิม ที่แม่ชอบทำก็ได้ค่ะ”
พิมมาลายิ้มนิ่งก่อนจะพูด
“ขนาดอาหารเรายังเลือกเฉพาะที่เราชอบ เลือกที่เราอยากจะกิน เลือกที่ทั้งร่างกายและจิตใจของเรารับเข้าไปแล้วจะมีความสุข” พิมมาลาหันไปมองหน้าตรีวิญแล้วพูดต่อ “เรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ ที่เราจะรับเข้ามาในชีวิต เราก็ต้องดูให้รอบคอบเหมือนกันว่าเราต้องการมันจริงๆ”
พิมภารู้ว่าพิมมาลาต้องการเตือนให้คิดให้ดี
“พิมบรรลุนิติภาวะแล้ว พิมตัดสินใจเองได้จ๊ะแม่”
พิมมาลาไม่พอใจกับความดื้อรั้นของพิมภา
“ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานครั้งที่เท่าไหร่ การแต่งงานก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงเสมอ มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำเล่นๆ นะยัยพิม”
“พิมไม่ได้ทำเล่นๆ จ๊ะแม่ พิมจะแต่งงานกับคุณตรีวิญ”
พิมมาลาผิดหวังกับพิมภา
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตามใจ แม่จะไม่พูด ไม่ทักท้วงพิมเรื่องนี้อีก เพราะพิมไม่ฟังแม่แล้ว”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 14 ตอนอวสาน (ต่อ)
พิมมาลาโกรธและหันหน้าหนีพิมภา
“ยัยพิม แม่เคยโกรธแกแบบนี้มั้ย นี่ขนาดมันยังไม่ได้แต่งกับแกยังเกิดเรื่องแบบนี้ แล้วถ้ามันมาอยู่ในบ้านเรา ไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้เหรอ”
ภัทรพลต่อว่า พิมภารู้สึกผิดแต่ก็ดื้อ
“พิมตัดสินใจแล้วพี่ภัทร”
“ปล่อยเค้าตาภัทร ปล่อยเค้า”
แล้วพิมมาลาก็เดินเข้าห้องไปอย่างผิดหวังในตัวพิมภา
“แม่”
ภัทรพลรีบตามไปดูพิมมาลา ภาณุวัฒน์มองหน้าพิมภาและตรีวิญ แล้วถอนหายใจก่อนจะตามพิมมาลาไปอีกคน ตอนนี้ในห้องเหลือแค่พิมภากับตรีวิญเท่านั้น พิมภายิ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่สุขเลย
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณพิม ผมจะจัดการทุกอย่างเป็นอย่างดี”
พิมภายิ้มตอบแห้งๆ เพราะไม่รู้สึกมีความสุขเลย
คืนนั้นภัทรพลเข้ามาหาพิมภาที่ห้อง
“ยัยพิม แม่เสียใจมากรู้มั้ยที่แกทำแบบนี้” พิมภาได้ยินแล้วก็รู้สึกผิดแต่ก็ทำดื้อต่อไป “แกประชดคุณต้นด้วยการแต่งงานมันไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเลยนะ แกรักนายตรีวิญเหรอ” พิมภาไม่ตอบ ภัทรพลยิ่งฉุน “แกลืมเรื่องไอ้เอกพลแล้วเหรอ จำไม่ได้เหรอว่าการตัดสินใจครั้งนั้นมันทำให้แกเสียใจแค่ไหน”
“แล้วเรื่องคุณต้น พี่ภัทรรู้มั้ยว่าพิมเจ็บแค่ไหน” พิมภาน้ำตาจะร่วง “ความรักสำหรับพิมมันไม่มีจริงหรอกพี่ภัทร”
“แต่แกก็รู้ว่าคุณต้นเค้าทำตามที่พ่อแม่ ที่พี่สั่ง เค้าถึงต้องโกหก และ...”
“และเรื่องโกหกทั้งหมดมันก็เริ่มต้นจากพิม แต่ถ้าเขาเลือกที่จะบอกความจริงกับพิม พิมพร้อมจะยอมรับผิดทั้งหมด เขาเลือกที่จะทำลายความไว้ใจที่พิมให้เขา”
ภาณุวัฒน์เดินมาที่หน้าห้อง
“ในเมื่อยัยพิมมันเลือกแล้วก็ปล่อยมันตาภัทร...คนเราเดินหน้าแล้วต้องไม่ถอยหลัง พิมคิดแบบนี้ใช่มั้ยลูก”
“จ๊ะพ่อ”
“แต่ถ้าเรารู้ว่าเดินหน้าไปเพื่อตกเหวลึก เราควรถอยหลังหรือเดินหน้าล่ะลูกไม่ต้องตอบพ่อ แต่ขอให้ทบทวนดูว่า พิมฉลาดพอที่จะตอบตัวเองข้อนี้ได้รึเปล่า ไปตาภัทร ให้น้องมันอยู่คนเดียวทบทวนตัวเองบ้าง”
ภาณุวัฒน์กับภัทรพลออกไป พิมภาทิ้งตัวลงนั่งคิดหนัก
หลายวันต่อมา สุกัญญาอึ้งกับการ์ดแต่งงานของตรีวิญกับพิมภา
“พี่ยินดีด้วยนะ”
สุกัญญาแสดงความยินดีแต่สีหน้าดูไม่เห็นด้วย มองหน้าพิมภา
“ขอบคุณครับคุณสุ”
สุกัญญายังมองหน้าพิมภาเหมือนเป็นคำถามว่าจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอ
“พิมก็เหมือนน้องสาวพี่คนหนึ่งที่พี่อยากเห็นว่าน้องคนนี้มีความสุขนะ”
พิมภารู้ดีว่าสุกัญญาหมายถึงอะไร
“ขอบคุณค่ะ”
พิมภามีสีหน้าซึมๆ ไม่สดใสฟังสุกัญญา
ที่ห้องทำงานพิมภา พิมภาขยับลุกจากเก้าอี้เมื่อนันทิกานต์เข้ามา
“มาสิแนน”
“อะไรของแก”
“ฉันแจงรายละเอียดงานให้แกหมดแล้ว เก้าอี้ตัวนี้ ห้องทำงานนี้เป็นของแกแล้วนะ มาสิ” พิมภาดึงนันทิกานต์มานั่ง “นันทิกานต์ แบรนด์เมเนเจอร์คนใหม่ ดีใจด้วยนะเพื่อน”
พิมภากอดนันทิกานต์จากด้านหลัง
“ขอบใจนะพิม”
วันต่อมาที่ร้านเวดดิ้ง พิมภาในชุดแต่งงานเรียบร้อยเดินออกมาเตรียมตัว
“พร้อมถ่ายแล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
เจ้าหน้าที่พาตรีวิญกับพิมภามาตรงมุมสวย ฤชวีเดินเข้ามาในร้าน พิมภาชะงักที่เห็นฤชวี ฤชวีเห็นพิมภาในชุดเจ้าสาวก็อึ้งไป
“มาถ่ายรูปแต่งงานเหมือนกันเหรอคะ” พิมภาถามฤชวี ฤชวีมองนิ่งไม่ตอบ พิมภามองฤชวีอย่างเจ็บปวด “ยินดีด้วยนะคะ”
ฤชวีอึ้งๆ อยากจะพูดอะไรออกไปแต่เสียงตรีวิญดังขัดขึ้นซะก่อน
“คุณพิมครับ”
ตรีวิญเดินเข้ามาโอบเอวพิมภาแสดงความเป็นเจ้าของ
“สวยมากเลยครับคุณพิม” พิมภายิ้มฝืนๆ
“ค่ะ”
“สวัสดีครับคุณฤชวี หวังว่าคุณฤชวีจะไปร่วมงานแต่งเพื่อแสดงความยินดีกับเราสองคนนะครับ”
ฤชวีมองพิมภา สองคนมองกันอย่างหลากหลายความรู้สึก ยังรักและเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ากัน
“คนสวยมาแล้ว พี่ต้น” ทุกคนหันตามเสียงเห็นมิ้นท์พาพั้นช์ในชุดเจ้าสาวเดินออกมา “มาตรงเวลาเป๊ะ ช่วยหน่อยนะพี่พั้นช์” มิ้นท์บอกพั้นช์ พั้นช์พยักหน้า มิ้นท์เปิดฉากทักพิมภากับตรีวิญ “สวัสดีค่ะพี่พิม คุณตรีวิญ”
“สวัสดีค่ะคุณพิม”
“เป็นไงคะ พี่พิม เจ้าสาวสวยมั้ยคะ”
พิมภามองหน้าฤชวีด้วยความเจ็บปวด
“สวยค่ะ”
ตรีวิญมองท่าทีพิมภากับฤชวีอย่างไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ร้านเวดดิ้งเข้ามา
“คุณตรีวิญ คุณพิมภาเชิญค่ะ”
“ไปเถอะครับคุณพิม”
ตรีวิญประคองพิมภาออกไป ฤชวีมองตามไปอย่างอาลัยอาวรณ์ มิ้นท์กับพั้นช์เข้ามาหาฤชวีรู้สึกสงสาร
“พี่ต้น”
“ขอโทษนะพี่ต้น พี่ไหวมั้ย”
“ไม่ใช่ความผิดของมิ้นท์หรอก พี่ผิดเองที่ยังหวัง”
“พั้นช์เชื่อว่าคุณพิมยังมีใจกับพี่นะคะ สายตาคุณพิมมันฟ้อง”
ฤชวีมองพั้นช์กับมิ้นท์แบบไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน
พิมภากับตรีวิญถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ฤชวีเข้ามายืนมองด้วยสีหน้าเจ็บปวด มิ้นท์กับพั้นช์ได้แต่มองอย่างสงสาร
“เรียบร้อยครับ เปลี่ยนชุดต่อไปเลยครับ”
ช่างภาพบอก ตรีวิญกับพิมภาเดินออกมา พิมภาสบตากับฤชวี พิมภาไม่สามารถปิดสายตาอาลัยอาวรณ์ของตนเองได้ พิมภาเดินผ่านฤชวีไป
พิมภาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วยืนมองตัวเองในกระจก
“เธอต้องมีความสุขสิ พิมภา มีความสุข” พิมภาสะกดจิตตัวเองและยังไม่ทันจะขยับ ทันใดนั้นฤชวีก็เดินเข้ามา พิมภามองในกระจกตกใจที่เห็นฤชวี “คุณเข้ามาทำไม”
ฤชวีไม่ตอบแต่เข้ากอดพิมภาแน่น
“คุณพิม คุณพิม”
พิมภาน้ำตาคลอ เกือบจะทำตามหัวใจตัวเองจะยกมือกอดฤชวี
“เรียบร้อยหรือยังคะคุณพิม”
เสียงของเจ้าหน้าที่ทำให้พิมภาได้สติดันฤชวีออก
“เดี๋ยวออกไปค่ะ”
พิมภาจะออกไป แต่ฤชวีจับแขนพิมภาไว้ พิมภาหันมอง ฤชวีขยับสร้อยออกมาให้เห็นว่าฤชวียังสวมสร้อยที่ร้อยแหวนของเล่นไว้ พิมภาอึ้ง ฤชวีน้ำตาคลอ
“มันอยู่กับผมเสมอ ความรักของเรา”
ฤชวีมองสบตาพิมภาอย่างยืนยันในหัวใจตัวเอง แต่พิมภายังทิฐิและ ปากแข็ง
“มันสายไปแล้ว ฉันเดินหน้าแล้ว”
ฤชวีปล่อยมือจากพิมภา พิมภารู้สึกใจหายวูบแต่ต้องทำเหมือนเก่งแกร่งเดินออกไป ฤชวีเจ็บปวด
พิมภากับตรีวิญถ่ายรูปและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเดินออกมาเจอกับฤชวี มิ้นท์ พั้นช์ที่ออกมาเช่นกัน ฤชวีกับพิมภาต่างชะงักมองกัน ตรีวิญจับมือพิมภาแสดงความเป็นเจ้าของ ฤชวีตัดใจโอบพั้นช์
“ไปเถอะ”
พั้นช์งงๆ แต่ก็ยอมไปตามที่ฤชวีพาไป มิ้นท์รีบตามไป พิมภาเศร้า ตรีวิญเห็นแต่ยิ้มอย่างพอใจ
คืนนั้นที่บ้านชุติภา ฤชวีกดมือถือฟังเสียงพิมภาที่ร้องเพลงให้ ฤชวีมือจับที่แหวนของเล่นห้ามน้ำตาไม่อยู่ อีกด้านหนึ่งที่คอนโดพิมภา พิมภานอนบนเตียงนึกถึงฤชวีตอนที่เคยอยู่ด้วยกันภายในห้อง รอยยิ้ม อ้อมกอด ทุกความทรงจำย้อนกลับมากระแทกหัวใจพิมภาอย่างรุนแรง พิมภานอนร้องไห้เจ็บปวด
วันต่อมาพิมภาลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากห้อง พลางคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“ฉันกำลังจะไปสนามบิน แกถึงแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ภัทรไปส่ง อืม...” พิมภาหันไปทางห้องภัทรพล “พี่ภัทรพิมจะไปสนามบินแล้ว เร็วหน่อย”
เสียงกริ่งห้องดัง พิมภาเดินไปเปิดประตูห้องแล้วต้องแปลกใจที่เห็นหน้าเกษม
“สวัสดีครับ คุณพิมใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“คุณฤชวีอยู่มั้ยครับ”
“เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครคะ”
“นักสืบครับ”
“นักสืบ” พิมภาทำหน้างง
“ครับ ก็คราวที่คุณโดนใส่ร้ายจากคนที่ชื่อเบอร์รี่ ผมนี่ล่ะที่สืบเรื่องแล้วส่งรายละเอียดให้” พิมภาตะลึง ภัทรพลออกมาจากในห้อง
“อ้าว คุณนักสืบ มีอะไรมาส่งอีกเหรอครับ คุณฤชวีไม่อยู่หรอกนะครับ”
“เปล่าครับ ผมจะมาต่อว่าคุณฤชวีออกหนังสือเล่มใหม่ไม่บอกผมบ้างเลย”
“เดี๋ยวก่อน คุณบอกว่าส่งข้อมูลให้ฉันเหรอ ใครสั่งให้คุณทำ” พิมภารีบถาม
“คุณฤชวีไงครับ เขาบอกว่าคนสำคัญเขาเดือดร้อนให้ผมช่วย ไอ้ผมก็แฟนคลับตัวยง คุณฤชวีขอร้องทั้งทีก็จัดให้เต็มที่”
พิมภามองภัทรพลอึ้งๆ
“ตอนนี้คุณฤชวีไม่อยู่ครับ ฝากหนังสือผมไว้ได้มั้ย ผมจะให้เขาเซ็นให้” ภัทรพลบอกเกษม
“ขอบคุณครับ แล้วให้คุณฤชวีโทรบอกผมก็ได้นะครับ ผมจะมารับหนังสือเอง” เกษมบอกแล้วพูดกับพิมภา “ขอบคุณนะครับคุณพิมที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับนักเขียนในดวงใจ”
เกษมออกไป พิมภามองภัทรพลอย่างต้องการคำอธิบาย
“คุณต้นช่วยแกมาตลอด”
“แล้วทำไมเขาไม่บอกพิม”
“เพราะเขาไม่คิดจะอวดอ้าง เขาแค่อยากช่วยแก ช่วยคนที่เขารักโดยไม่หวังผลตอบแทนไง” ภัทรพลมองหนังสือในมือ “ว่าแต่แกอ่านหนังสืออย่างละเอียดหรือยัง ฉันว่าสนุกดีนะ แล้วก็ได้เห็นความรู้สึกบางอย่างที่มันซ่อนอยู่ ลองอ่านอีกครั้งไหมไอ้พิมว่าภายใต้ประโยคพวกนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่” ภัทรพลส่งหนังสือใส่มือพิมภา “อ่านโดยไม่มีอคติแล้วแกจะเห็นความรู้สึกของคุณต้น”
พิมภาอึ้ง เสียงโทรศัพท์ดัง พิมภากดรับ
“ไอ้พิม เดี๋ยวตกเครื่องนะเว้ย ออกมาหรือยัง”
พิมภายังยืนอึ้ง ภัทรพลหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าพิมภา
“ไปเถอะ แกต้องไปทำงาน อนาคตแกรออยู่ อนาคตที่แกเลือกน่ะ แกต้องยอมรับในสิ่งที่แกเลือกแล้ว”
พิมภาอึ้งเดินตามภัทรพลออกไป
วันต่อมา พิมภานั่งอ่านหนังสือ “คุณสามี (กำมะลอ)” อยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งของม่อนแจ่ม สายตาของพิมภามองตัวอักษรในหน้ากระดาษ
“สายตาของต้นกล้ามองผ่านเลนส์เห็นภาพบรรยากาศสวยๆ ของม่อนแจ่ม สายตาเขาต้องสะดุดเมื่อได้เห็นภาพของหญิงสาวในชุดกึ่งกิโมโน ที่ผมของเธอประดับด้วยซากุระสีชมพูน้อยๆ เดินก้าวเข้ามา ต้นกล้าค่อยๆ ลดกล้องลงจนได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวร่างสูงโปร่ง ดวงตาโต ผิวขาวละเอียดจนเห็นเลือดฝาดจางๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง หัวใจของต้นกล้าเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม...ช่วงชีวิตที่ผ่านมาต้นกล้าพบผู้หญิงมามากมาย แต่เพียงคนเดียวที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง...เธอเดินตรงเข้ามาหา ต้นกล้าไม่อาจละสายตาจากเธอได้ทั้งตอนนี้...และตลอดไป”
พิมภามองเหม่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
พิมภากับนันทิกานต์เดินออกมาจากร้านอาหาร ไดซุเกะกับเอ๋ตามออกมา
“ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ดิฉันคงจะต้องขอคำแนะนำจากมิสเตอร์หลายเรื่อง”
“คุณพิมจะเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ครับ”
“ที่กำหนดไว้ก็ต้นเดือนหน้าค่ะ”
ถ้าอย่างนั้นก็คงเดินทางพร้อมกับเรานะคะ”
“คุณเอ๋จะไปด้วยเหรอคะ แล้วบริษัทของคุณเอ๋ที่นี่ล่ะคะ”
“เอ๋ปิดบริษัทแล้วค่ะ” เอ๋ยิ้มมองไดซุเกะ
“คุณเอ๋คงไม่อยากอยูห่างมิสเตอร์ก็เลยทิ้งทุกอย่างที่นี่ เพื่อไปดูแลสามีใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ หนึ่งปีที่ผ่านมา ไดซุเกะคุงทำให้เอ๋มีความสุขมากค่ะ”
พิมภาชะงักนึกถึงวันที่ฤชวีจะจากไป
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของผมมันไม่มีค่าพอที่จะชดเชยกับความผิดของผมได้เลยใช่มั้ย”
พิมภาอึ้งไป
“คุณพิมจำได้มั้ยคะ ปีที่แล้วคุณพิมบอกว่าการได้พบคนรักที่ดีนับเป็นของขวัญที่วิเศษมาก” เอ๋จับมือไดซุเกะขึ้นมา แล้ววางมืออีกข้างบนมือที่จับกับไดซุเกะแล้วมองไดซุเกะหวานๆ “ไดซุเกะคุงคือของขวัญที่เอ๋อยากจะรักษาไว้ให้ดีที่สุดค่ะ”
พิมภายิ้มแต่รู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดของเอ๋มาก เอ๋มองไดซุเกะ สองคนมองตาหวานๆ
“หวานจนแนนตาร้อนเลยค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วพบกันที่ญี่ปุ่น”
“ค่ะ”
พิมภาฝืนยิ้ม เอ๋กับไดซุเกะเดินจูงมือกันไป
พิมภาเงยหน้าจากหนังสือมองไปรอบๆ แล้วพิมภาก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เจอกับฤชวีที่ม่อนแจ่มแห่งนี้ พิมภาน้ำตาคลอ นันทิกานต์เดินเข้ามาโวยนิดๆ
“ไอ้พิม แกตื่นแล้วทำไมไม่เรียกฉัน” พิมภายังนั่งนิ่ง นันทิกานต์มองเห็นหนังสือนิยายในมือพิมภาจึงหยิบมาดู “คุณสามีกำมะลอ ที่คุณต้นเขียนใช่มั้ย แกซื้อมาเหรอ”
“พี่ภัทรให้ฉันมา”
“เหรอ สนุกมั้ย ฉันว่าจะซื้อมาอ่านอยู่นะ เห็นว่ายอดขายดีมาก ตอนนี้มีสำนักพิมพ์ต่างประเทศจะเอาไปตีพิมพ์ด้วย แสดงว่าต้องสนุกมากนะ”
“อืม ก็สนุก”
“เป็นอะไรของแก ถามคำตอบคำ ไม่สบายเหรอ”
“เปล่า”
นันทิกานต์มองจ้องที่หน้าพิมภาจึงเห็นพิมภาน้ำตาคลอ
“แกร้องไห้เหรอพิม”
พิมภาอึกอัก
“เปล่า” พิมภาแกล้งทำหาวใส่ “เมื่อกี้ฉันหาว มันง่วงน่ะ”
“เหรอ”
นันทิกานต์มองที่หนังสือแล้วมองพิมภา นันทิกานต์ส่งหนังสือคืนให้ พิมภารับมาแล้ววางไว้ข้างๆ กระเป๋า นันทิกานต์มองๆ อยากทดสอบใจพิม
“พิม นี่ฉันได้เพลงนั้นมาแล้วนะ”
“เพลงไหน”
“ก็เพลงรอสายที่มีคนเขาตั้งเฉพาะเบอร์แกไง”
นันทิกานต์กดมือถือ เพลงประจำของพิมกับฤชวีดังขึ้นมา พิมภารู้สึกจุกในอกที่ได้ยินเพลงนี้ น้ำตาเกือบจะไหลออกมาฟ้องถึงความรักและคิดถึงฤชวีอย่างเต็มหัวใจ นันทิกานต์เหลือบมองอย่างอยากรู้ พิมภาเห็นนันทิกานต์มองก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าไม่ทันระวังหนังสือหล่นลงไปที่พื้นแต่พิมภาไม่ทันสังเกต
“ไปได้แล้ว ฉันหิว” พิมภาบอกแล้วเดินไปเลย
“เอ้า จู่ๆ ก็จะไปซะงั้น ไอ้พิม รอฉันด้วย”
นันทิกานต์รีบวิ่งตามพิมภาอออกไปทางหนึ่ง ขณะนั้นฤชวีเดินเข้ามาจากอีกทาง ฤชวีก้าวเข้ามายืนตรงมุมต้นไม้สวย ใกล้กับที่หนังสือหล่นอยู่แต่ฤชวีมองไม่เห็น ฤชวีมองไปรอบๆ คิดถึงพิมภา ฤชวีถอดสร้อยที่ร้อยแหวนของเล่นไว้ ฤชวีมองแหวนของเล่นในมือน้ำตาคลอเจ็บปวดกับความรักที่จบลงไป
ฤชวีมองไปไกลๆ อย่างตัดสินใจ แล้วผูกสร้อยแหวนของเล่นไว้ที่กิ่งของต้นไม้ ฤชวีมองแหวนอย่างตัดใจบอกกับตัวเอง
“แหวนของเล่น มันไม่มีวันเป็นของจริง”
ฤชวีมองอย่างตัดใจแล้วเดินจากไป อีกด้านพิมภาเดินกลับเข้ามา นันทิกานต์ตามมา
“ฉันว่ามันต้องหล่นอยู่แถวนี้แน่”
“ค้นทั่วกระเป๋าแล้วเหรอพิม”
“ทั่วแล้ว” พิมภาเดินเข้ามาที่ต้นไม้เดินหาหนังสือ จนกระทั่งมองเห็นหนังสือที่หล่นอยู่ “นั่นไง”
พิมภารีบเข้าไปหยิบหนังสือขึ้นมาพลิกดูว่าเลอะตรงไหนมั้ย นันทิกานต์เดินเข้ามายืนอยู่ใต้จุดที่สร้อยถูกแขวนอยู่
“เจอแล้วก็ไปเถอะแก ฉันหิวข้าว”
“ไปสิ”
พิมภาหันมาแล้วชะงักเมื่อเห็นสร้อยแหวนของเล่นที่แขวนอยู่ พิมภาตะลึงมอง ขยับเข้าไปใกล้มองให้แน่ใจ แล้วภาพเหตุการณ์ตอนที่เธอรูดแหวนปาใส่ฤชวีก็หวนกลับมา
“ฉันเกลียดคุณ ฉันจะไม่มีวันอภัยให้คุณ ไม่มีวัน”
ฤชวีหยิบแหวนขึ้นมามองพิมภาอย่างเจ็บปวด
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของผมมันไม่สามารถชดเชยกับความผิดพลาดของผมได้เลยใช่มั้ย” พิมภานิ่ง เห็นแต่ความเจ็บปวดของตัวเอง จึงทิฐิจนไม่ยอมอภัย ไม่รู้ใจตัวเองอย่างแท้จริง ฤชวีมองแหวนในมือ “แหวนของเล่น ไม่ใช่ของจริง ไม่มีราคาเก็บไว้มันก็เปลืองพื้นที่ในชีวิตคุณ”
พิมภาเห็นความเสียใจของฤชวี แต่ความโกรธมีมากกว่า
“ใช่ นับตั้งแต่นี้ไปเราจบกันแค่นี้ คุณตรีวิญพาฉันไปจากที่นี่ค่ะ”
ตรีวิญยื่นมือให้พิมภา พิมภามองฤชวีแล้วตัดสินใจวางมือลงบนมือตรีวิญ ตรีวิญจับมือพิมภาจะพาเดินไป
ฤชวีมองพิมภาด้วยความเสียใจ
“สิ่งที่ผมมีไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แต่ในสายตาคุณผมมีค่าด้อยกว่าเขาเสมอ”
พิมภาชะงักหันกลับมา แต่ฤชวีหันหลังในมือกำแหวนของเล่นไว้แน่นด้วยความเสียใจ ฤชวีเดินกลับเข้าไปในบ้าน
อีกเหตุการณ์ตอนอยู่บ้านที่จันทบุรี
“ไม่ต้องห่วงนะครับ สักวันถ้าผมลืมว่าเคยรักใครได้ ผมจะถอดมันออกเอง”
พิมภาเอื้อมมือดึงแหวนจนหลุดออกมาจากกิ่งไม้ แล้วมองหา นันทิกานต์มองท่าทีพิมภาแล้วถามอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรน่ะพิม”
“เขามาที่นี่ เขามาที่นี่”
“แกพูดถึงใคร”
“เขามาที่นี่”
พิมภาออกวิ่งตามหาฤชวี
“ไอ้พิม แกเป็นอะไร พิม”
พิมภาวิ่งตามหาฤชวีไปทั่วทั้งม่อนแจ่ม ฤชวีเดินลับสายตาไปก่อนที่พิมภาจะมาถึง พิมภาวิ่งไปหาอีกทาง ฤชวีขึ้นรถจากไป พิมภาวิ่งมาถึงพยายามตะโกนเรียก
“คุณต้น คุณอยู่ที่ไหน คุณต้น”
พิมภามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นวี่แววของฤชวี พิมภาน้ำตาร่วงทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น ร้องไห้ นันทิกานต์ตามมาเข้าใจแล้วว่าพิมภาหมายถึงฤชวี นันทิกานต์เข้ามานั่งข้างพิมภาที่ร้องไห้อย่างหมดสิ้นซึ่งกำแพงใดๆ อีกต่อไปแล้ว
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”
นันทิกานต์มองอย่างเข้าใจแล้วแตะที่แขนพิมภา
“พิม”
“เขาคือของขวัญของฉัน แต่ฉันกลับทำร้ายเขา ดูถูกความรักของเขา”
“พิม แกบอกฉันว่าแกไม่ได้รักเขา”
“ฉันโกหกทุกคน โกหกตัวเอง ฉันรักเขาแนน ฉันรู้แล้วว่าฉันรักเขา ฉันอยากให้เขากลับมา ฉันไม่อยากเสียคุณต้นไป แนน...ฉันไม่อยากเสียเขาไปจริงๆ”
พิมภาสวมกอดนันทิกานต์ร้องไห้ นันทิกานต์อึ้งกอดพิมภาอย่างปลอบโยน พิมภาร้องไห้เจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองได้ทำลายของขวัญที่วิเศษที่สุดของตัวเองไปแล้ว
วันต่อมา ชุติภากับมิ้นท์ตกใจกับสิ่งที่ฤชวีบอก
“จะไปอังกฤษ ต้นจะไปได้ยังไง” ชุติภาเอาการ์ดแต่งงานโยนตรงหน้าฤชวี “อีกสองวันหนูพิมจะแต่งงานอยู่แล้ว ทำไมไม่สู้”
“ทุกอย่างมันจบแล้วครับคุณย่า”
“ต้น ย่ารู้ว่าต้นกับหนูพิมรักกัน ต้นจะเฉือนหัวใจตัวเองทำไม พยายามอีกสักครั้ง”
“หัวใจของผมมันไม่สำคัญเท่าความสุขของคุณพิมหรอกครับ”
“ย่าไม่ให้ไป”
“อย่าดื้ออีกเลยครับ คุณย่าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“ถ้าย่าช่วยมันต้องเป็นไปได้”
“พอแล้วครับ อย่าบังคับคนที่ไม่มีใจอีกเลย”
“ย่าจะพยายามจนถึงที่สุด”
“ถ้าคุณย่าไม่หยุดผมจะไปแล้วไม่กลับมาอีก” ชุติภาตะลึง “ผมขอโทษครับคุณย่า” ฤชวีหยิบการ์ดแต่งงานขึ้นมาดู “แต่ผมเจ็บพอแล้วครับ”
ชุติภาเห็นฤชวีน้ำตาคลอถึงกับอึ้ง มิ้นท์พยายามแก้ไขสถานการณ์
“ใจเย็นๆ มั้ยคะ เอาอย่างนี้นะพี่ต้นเดี๋ยวมิ้นท์จะจองตั๋วให้ จะไปวันไหนคะ”
“มะรืนนี้”
“ไม่อยากรับรู้เรื่องพี่พิมแต่งงานใช่มั้ย” ฤชวีชะงักมองหน้ามิ้นท์ มิ้นท์รู้ว่าฤชวีเจ็บ “ขอโทษนะ มิ้นท์หลุดปาก เดี๋ยวมิ้นท์จัดการให้ พี่ต้นไปเตรียมตัวเถอะนะ”
“พี่จะไปคุยงานกับกิ่งก่อนนะ ผมไปนะครับคุณย่า”
ฤชวีออกไป ชุติภาสงสารฤชวีนัก
“ตั้งแต่เด็กต่อให้โดนตีเกือบตาย ย่าก็ไม่เคยต้องเห็นน้ำตาตาต้นสักครั้ง เพราะความรักแท้ๆ”
มิ้นท์มองตามฤชวีไปอย่างเห็นใจ
ฤชวีขับรถออกไป พิมภากับนันทิกานต์นั่งแท็กซี่เข้ามา พิมภารีบลงจากรถเข้าบ้านชุติภา นันทิกานต์จ่ายเงินแล้วรีบตามเข้าไป
ภายในบ้านขณะนั้นชุติภานั่งเครียด มิ้นท์พยายามพัดวีกลัวชุติภาเป็นลม พิมภากับนันทิกานต์เข้ามา
“พี่พิม”
ชุติภาแปลกใจที่พิมภามา
“สวัสดีค่ะคุณย่า พิมมีเรื่องอยากขอร้องให้คุณย่าช่วยค่ะ”
“เรื่องพิมกับคุณต้น”
ชุติภายังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ พั้นช์กับภาคย์เข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณย่า” พั้นช์ตกใจที่เห็นพิมภา “สวัสดีค่ะพี่พิม”
พิมภามองพั้นช์มองภาคย์ว่าเป็นใคร
“สวัสดีครับคุณย่า ผมเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เลยเพิ่งมาแนะนำตัวกับคุณย่าวันนี้ ขอโทษนะครับที่มาช้า”
ชุติภามองท่าทีพิมภาแล้วตัดสินใจไขข้อข้องใจพิมภา
“ไม่เป็นไร แล้วเรื่องสถานที่กับของชำร่วยเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
พั้นช์มองชุติภาเหวอ ๆ แล้วรับรู้ได้ว่าชุติภาตั้งใจเผยความจริง
“ค่ะ ภาคย์เขาให้พั้นช์ตัดสินใจทุกอย่าง พั้นช์จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
มิ้นท์มองพิมภาแล้วร่วมด้วย
“แล้วพั้นช์กับพี่ภาคย์จะไปฮันนีมูนที่ไหน”
“มัลดีฟส์ค่ะ”
พิมภากับนันทิกานต์อึ้ง
“ขอโทษนะคะ คุณพั้นช์กับคุณคนนี้” พิมภาขัดขึ้นมา
“พั้นช์กำลังจะแต่งงานกับภาคย์ค่ะ เจ้าบ่าวตัวจริง” พั้นช์บอก พิมภาหันมาหาชุติภา
“นี่หมายความว่าเรื่องที่จันทบุรีเป็นแผนให้พิมเข้าใจผิดใช่มั้ยคะ ว่าคุณพั้นช์กับคุณต้น...”
“ใช่! พวกย่าเป็นคนจัดการเอง ตาต้นอยากจะง้อหนูเลยยอมทำตาม จะโกรธจะเคืองอะไรตาต้นอีกมั้ยล่ะ” พิมภาต่อสู้กับอารมณ์ไม่พอใจของตัวเอง “ถ้าหนูพิมจะเอาทิฐิตัวเองเป็นใหญ่แลกกับความรักของตาต้นก็เชิญเลย”
พิมภานึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ฤชวีกอดเธอในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนถ่ายรูปเวดดิ้งแล้วได้สติ
“คุณย่าคะ พิมกราบขอโทษกับความเอาแต่ใจของพิม วันนี้พิมรู้แล้วว่าพิมรักคุณต้น ขอให้พิมพบคุณต้นได้ไหมคะ”
มิ้นท์ดีใจเกือบจะหลุดปากว่าได้แต่ชุติภาขัดขึ้นซะก่อน
“ตาต้นไปอังกฤษแล้วจะไม่กลับมาอีก” พิมภาตะลึง “เธอมาช้าไป เสียใจด้วยนะ”
พิมภาน้ำตาร่วง นันทิกานต์สงสาร
“พิม กลับเถอะ”
นันทิกานต์ประคองพิมภากลับไปอย่างคนแพ้
“คุณย่า ทำไมโกหกพี่พิมล่ะคะ” พั้นช์ถามอย่างแปลกใจ
“ย่าจะฝากตาต้นไว้กับผู้หญิงที่จิตใจมั่นคงเท่านั้น ย่าจะดูสิว่าพิมภาจะรักตาต้นจริงแค่ไหน”
“มิ้นท์กลัวมันจะสายเกินไปนะคะ”
“ถ้าตาต้นกับพิมภารักกันจริงก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน”
ภาคย์รีบจับมือพั้นช์
“ผมรักพั้นช์จริง ๆ นะครับ”
“จ๊ะ พ่อหลานเขย”
ชุติภา มิ้นท์ พั้นช์ยิ้มขำท่าทางหวาดหวั่นของภาคย์
นันทิกานต์จูงมือพิมภาเข้ามาในห้อง แล้วชะงักที่เห็นภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลรออยู่ในห้องรับแขก
“ทำไมมาช้าจังลูก พ่อกับแม่มารอตั้งนานแล้วนะ”
พิมภาเห็นพิมมาลาก็หมดความอดทนโผเข้ากอดพิมมาลา
“แม่จ๋า” พิมภาร้องไห้อย่างหนักจนทุกคนตกใจ “เขาไปแล้วแม่ เขาไม่กลับมาหาพิมอีกแล้ว”
ทุกคนงง
“คุณต้นไปอังกฤษแล้วค่ะ จะไม่กลับมาอีกแล้ว”
นันทิกานต์บอก ขณะนั้นตรีวิญถือชุดเจ้าสาวเข้ามาแต่ยังไม่ทันจะเข้ามาเต็มตัวก็ชะงักที่ได้ยินเสียงพิมภาร้องไห้
“พิมรักคุณต้นค่ะแม่ แต่พิมไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
ตรีวิญอึ้งไปที่เห็นความเสียใจของพิมภา ตรีวิญรู้สึกเจ็บ จนเห็นว่าเป็นจังหวะตรีวิญจึงทำเป็นเพิ่งเข้ามา
“ชุดเจ้าสาวมาแล้วครับคุณพิม” ทุกคนมองตรีวิญอย่างเซ็งๆ ตรีวิญทำเป็นเพิ่งเห็นว่าพิมภาร้องไห้ “เป็นอะไรครับคุณพิม อย่าร้องไห้นะครับ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมจะอยู่กับคุณพิมเสมอ ถึงต้องตายผมก็ยอม”
ตรีวิญทำให้พิมภาพูดไม่ออก ทุกคนกระอักกระอ่วน ตรีวิญทำหน้ายิ้มแต่ใจไม่ได้ยิ้มเลย
เมื่อกลับเข้าบริษัท ตรีวิญกวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย
“โว้ย” ภาพพิมภาที่ร้องไห้ยอมรับว่ารักฤชวีทำให้ตรีวิญยิ่งเจ็บแค้น “ไม่เป็นไร ไม่ได้ใจ แค่ตัวเขายังอยู่กับเราก็พอ” ตรีวิญสะกดจิตตัวเองเต็มที่ “อดทนอีกนิดเดียวตรีวิญ แกจะชนะแล้ว”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 14 ตอนอวสาน (ต่อ)
เมื่อถึงวันแต่งงาน พิมภาอยู่ในชุดเจ้าสาวที่สวยงามแต่สีหน้าเธอเศร้ามาก นันทิกานต์กับลัลนาเข้ามาเห็นสภาพของพิมภาแล้วสงสารเพื่อนมาก
“พิม ถ้าจะแต่งงานทั้งที่ไม่มีหัวใจแบบนี้นะ อย่าแต่ง มันไม่เป๊ะ เข้าใจป่ะ”
ลัลนาบอก นันทิกานต์ช่วยสนับสนุนทันที
“ใช่ ชีวิตมันสั้นนะพิม ถ้าอะไรที่มีความสุขก็ควรจะทำ ล้มงานแต่งแล้วบินตามคุณต้นไปเลย ไปตามหัวใจแกกลับมา”
“แล้วคุณตรีวิญล่ะ เขาไม่ได้ผิดอะไร เขารักฉันด้วยใจจริง ฉันเลือกที่จะยื่นความหวังให้เขา ถ้าฉันทำแบบนั้น เขาจะต้องเสียใจ”
“อย่ามานางเอกใส่ฉัน แล้วความรู้สึกของเธอกับคุณต้นล่ะ”
“ฉันผิดเอง ฉันก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันทำ”
“ฉันล่ะอยากให้คุณต้นโผล่มาล้มงานแต่งแกจริงๆ”
พิมภาฟังแล้วแอบคิดมีหวัง
“แกคิดว่าเขาจะทำเหรอ”
ลัลนากับนันทิกานต์มองพิมภารู้ว่าเพื่อนหวัง
“ถ้าคุณต้นอยู่เมืองไทย เขาทำแน่เพื่อคนที่รักเขาทำได้ทุกอย่าง อย่างที่เขาทำให้พวกเราเห็นตลอดมา”
“เหรอ”
พิมภามองสร้อยแหวนของเล่นในมือ แล้วตัดสินใจเอาสร้อยสวมคอ
“สร้อยอะไรน่ะพิม มันไม่เข้ากับชุดเลยนะ”
ลัลนาบอก นันทิกานต์กระตุกแขนลัลนา
“สร้อยคุณต้น”
ลัลนายอมเงียบ พิมภาจับที่แหวนของเล่น
“คุณต้น...ความรักของคุณจะอยู่กับฉันตลอดไป”
นันทิกานต์กับลัลนาได้แต่มองพิมภาอย่างสงสาร
ที่บ้านชุติภา ชุติภากับมิ้นท์อยู่ในชุดเตรียมไปร่วมงานแต่งงานของพิมภา
“ยัยมิ้นท์ พี่แกล่ะ”
“ไปสนามบินตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“แกจะให้พี่แกไปทำไมก็ไม่รู้เสียเวลา”
“คุณย่าขา เราต้องเนียนสิคะ ขืนพี่ต้นรู้ มิ้นท์ตายแน่”
ฤชวีเดินเข้ามาด้านหลังทั้งคู่
“มิ้นท์”
ชุติภากับมิ้นท์ยิ้มให้กัน มิ้นท์ทำเนียนหันกลับไป
“อ้าว พี่ต้น ตอนนี้พี่ต้นต้องอยู่บนเครื่องแล้วนี่คะ”
“นั่นสิ หรือว่าเปลี่ยนใจ”
ฤชวีมองมิ้นท์เขม็ง
“มิ้นท์พี่ให้จองตั๋ววันที่ 21 ไฟล์ทหกโมงเช้า”
“ก็ใช่ไงคะ”
“แต่ตั๋วที่มิ้นท์จองมันหกโมงเช้า วันที่ 21 เดือนหน้า”
มิ้นท์ทำเนียนตกใจ
“อ้าว เหรอคะ มิ้นท์นี่แย่จัง งั้นเดี๋ยวมิ้นท์ไปจัดการเลื่อนไฟล์ทให้เร็วที่สุดนะคะพี่ แต่ขอเป็นหลังจากไปงานพี่พิมก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องพี่จัดการเลื่อนตั๋วแล้ว”
“แล้วต้นจะไปเมื่อไหร่” ชุติภาถามอย่างตกใจ
“มะรืนนี้ครับ”
“ถ้างั้นก็รออีกแค่วันสองวัน ว่าแต่ ต้นจะไปพร้อมกับย่ามั้ยลูก ไปงานแต่งงานพิมภา”
ฤชวีมองคิดหนัก ชุติภากับมิ้นท์ลุ้น
ที่งานแต่งงาน พิมภามองนาฬิกาอย่างกระวนกระวาย
“แกไม่ต้องตื่นเต้นอีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา”
“มีโอกาสอีกแค่ชั่วโมงเดียวเอง”
พิมภาพึมพำ ประตูเปิดเข้ามา พิมภาหันมองด้วยความหวัง แต่เป็นกิ่งแก้วเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณพิม ยินดีด้วยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” พิมภามองหาฤชวี
“นี่คุณกิ่งมาคนเดียวเหรอคะ” นันทิกานต์ถามแทนพื่อน กิ่งแก้วยิ้ม
“ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“ความหวังดับวูบเลยอ่ะค่ะ” ลัลนาหยิกนันทิกานต์ “โอ้ย”
“ยินดีด้วยนะคะคุณพิม ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ” กิ่งแก้วแสดงความยินดีกับพิมภา
“คงมีหรอก” ลัลนาบอก นันทิกานต์หยิกมั่ง “โอ้ย ก็จริงนี่”
“กิ่งเอาของขวัญมาให้ค่ะ คิดว่าคุณพิมน่าจะชอบ กิ่งแก้วส่งแผ่นต้นฉบับนิยายคุณสามีกำมะลอให้กับพิมภา
“นี่มัน...”
“ต้นฉบับคุณสามีกำมะลอค่ะ”
“ฉันไม่...”
“ส่วนที่ต้นไม่ยอมให้ตีพิมพ์ค่ะ” กิ่งแก้วเห็นพิมชะงักก็ยิ้ม “ต้นบอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ต้นอยากเก็บในความทรงจำเพียงคนเดียวค่ะ”
พิมภารับมาอ่านทันที กิ่งแก้วมองลัลนากับนันทิกานต์ที่แอบยกมืออธิษฐานขอให้ได้ผลทีเถอะ
ชุติภากับมิ้นท์เดินเข้ามาบริเวณที่จัดงานแต่งงาน ภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลามาต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณย่า”
“สวัสดีครับคุณย่า แล้ว...”
“ไม่ยอมมา หัวใจสลายน่ะค่ะ”
“ใจน่ะสู้ค่ะ แต่โดนปฏิเสธหลายครั้งคงหมดกำลังใจ”
“ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าคุณตรีวิญอาจจะเป็นคู่ของยัยพิมจริงๆ ก็ได้นะ” พิมมาลาหันมาพูดกับภาณุวัฒน์ ภัทรพล “เราคงต้องยอมรับ”
เสียงมือถือภาณุวัฒน์ดังขึ้น ภาณุวัฒน์กดรับ
“มาแล้วใช่มั้ย เข้ามาได้เลย” ภาณุวัฒน์วางสาย “แต่พ่อจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
ทุกคนมองภาณุวัฒน์ว่าหมายความว่ายังไง สารวัตรบริบูรณ์เดินเข้ามา
“สวัสดีครับท่าน”
“ช่วยผมทีนะ”
“ครับ”
ที่ห้องแต่งตัว พิมภาอ่านต้นฉบับอย่างตั้งใจท่ามกลางสายตาลุ้นๆ ของลัลนา นันทิกานต์ กิ่งแก้ว
“ตลอดเวลาที่ผมได้อยู่ใกล้คุณ คุณทำให้ผมรู้ว่าการได้มีลมหายใจเพื่อคนที่ตัวเองรักมันมีความสุขมากแค่ไหน ผมอยากนอนหลับโดยมีคุณนอนอยู่ข้างๆ และอยากตื่นมาเห็นรอยยิ้มของคุณในทุกเช้า ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันหนึ่งผมจะได้เจอกับผู้หญิงที่ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้งในเวลาที่คิดถึง...ผมอยากเดินเคียงข้างคุณตลอดไป...หัวใจของผมจะมีคุณเพียงคนเดียวตลอดไป...แต่งงานกับผมนะครับคุณพิม...”
พิมภาน้ำตาร่วง กอดต้นฉบับไว้แนบอก
“คุณต้น ฉันขอโทษ”
“ไปเลยไอ้พิม”
“ทางนี้เดี๋ยวพวกฉันเคลียร์เอง ไปสิ”
“กิ่งช่วยค่ะ”
ทุกคนพยายามจะดึงพิมภาออกไป แต่พิมภาขืนไว้ไม่ยอมไป
“ฉันไปไม่ได้”
“พิม”
“คุณตรีวิญเขาไม่ผิด ฉันทำร้ายคนที่รักฉันไม่ได้”
“แต่แกรักคุณต้น”
“ฉันรู้ดีว่างานแต่งงานที่มันพังเพราะถูกทรยศมันเจ็บปวดแค่ไหน ฉันเคยโดนมาแล้ว แต่ฉันจะไม่ยอมทำแบบนั้นกับคนดีๆ อย่างคุณตรีวิญเด็ดขาด”
“พ่อเห็นด้วย”
ทุกคนหันมอง ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลเข้ามา
“คุณพ่อ พี่ภัทรจะยอมให้ไอ้พิมแต่งงานเหรอคะ”
“ชีวิตของพิมให้พิมเป็นคนตัดสินใจมั้ย”
“ถ้าลูกคิดว่าเขาเป็นคนดีจริง ก็แต่งเลยลูก...สารวัตร” สารวัตรบริบูรณ์เข้ามา ทุกคนมองว่าเป็นใคร “นี่สารวัตรบริบูรณ์ เจ้าของคดีที่การะเกตุลักพาตัวลูกไปไง สารวัตรเขาได้รับแจ้งความจากคุณฤชวีว่าลูกถูกลักพาตัวไป สารวัตรก็เลยวางแผนจับตัวการะเกตุแบบให้ดิ้นไม่หลุด”
“ครับ ผมต้องการหลักฐาน และคุณฤชวีก็อาสาที่จะเข้าไปช่วยคุณพิมโดยติดเครื่องดักฟังไว้กับตัวคุณฤชวี”
“งั้นสารวัตรก็ได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดเลยสิคะ”
“ถูกต้องเลยคร้าบ ผมล่ะทึ่งในความกล้าของคุณฤชวีจริงๆ ตอนที่คนร้ายบังคับให้เลือกว่าใครจะตายพร้อมคุณพิม”
“เขาไม่กล้าขนาดนั้นหรอกค่ะ เขาไม่แม้แต่คิดจะตายพร้อมคนที่เขารักด้วยซ้ำ” พิมภาบอก
“ตายก็โง่สิครับ” สารวัตรแย้ง ทุกคนผงะกับคำพูดของสารวัตร “คิดบ้างมั้ยว่าถ้าเขาโดนยิงตาย ไอ้ลูกเมียที่เหลือจะอยู่ยังไง คนฉลาดมันต้องรักษาชีวิตทั้งของตัวเองและคนที่รักไว้สิครับ คุณฤชวีใช้จิตวิทยาทำให้คนร้ายไม่ระวังแล้วจะเข้าชาร์ทคนร้าย”
พิมภาตะลึง
“จริงเหรอคะ”
“แต่ผิดหวังอยู่นิดเดียว ไอ้ตอนท้ายมันชุลมุนเพราะคุณตรีวิญดันแทรกคิวเข้าชาร์ทผิดจังหวะ คนร้ายจะยิงคุณ คุณฤชวีก็เลยพุ่งเอาตัวเข้าบังคุณพิมจนต้องรับกระสุนแทนคุณ ปัง”
“เอ่อ...สารวัตรไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ใช่เหรอครับ”
“คุณเอ๊ย เสียงที่ผ่านเครื่องดักฟังมันละเอียดมาก ผมฟังแล้วเก็บทุกรายละเอียด ประทับใจมากๆ”
“คุณต้นโดนยิง แล้วทำไมไม่มีใครบอกพิม”
“พ่อเพิ่งรู้หลังจากที่คุยกับสารวัตรบริบูรณ์”
“ต้นห้ามทุกคนไว้ค่ะ ไม่ยอมให้บอกคุณพิม” กิ่งแก้วบอก พิมภาหันมองว่าทำไม “คุณพิมฟังเองเถอะค่ะ”
กิ่งแก้วหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดคลิปให้ฟัง
“ต้นไม่อยากให้กิ่งบอกใครเรื่องนี้ ไม่อยากเอาการเจ็บของต้นเป็นบุญคุณให้คุณพิมต้องร้องไห้เพราะต้นอีก ต้นอยากให้คุณพิมมีความสุขสักที”
พิมภาน้ำตาร่วง
“เจ้าสาวเข้าโหมดดราม่าซะแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมฝากของคืนคุณฤชวีด้วยนะครับ ลูกน้องผมบอกว่าเขากำไว้แน่นตลอดตอนที่ส่งโรงพยาบาลน่ะครับ”
พิมภารับมาซึ่งเป็นผ้าเช็ดหน้าตัวเองที่ให้ฤชวี พิมภาปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“เดี๋ยวนะ ถ้าคุณต้นช่วยแก อย่างนี้ตรีวิญก็โกหกกเรื่องที่มันบอกว่าเป็นคนช่วยแกน่ะสิ”
พิมภาอึ้งใช้ความคิด เจ้าหน้าที่จัดงานเข้ามา
“จะเริ่มพิธีแล้วเชิญเจ้าสาวครับ”
ทุกคนมองพิมภาว่าจะเอายังไง
“ค่ะ”
ทุกคนตกใจ
“พิม”
“พิมเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลังค่ะ”
พิมภาตัดสินใจเดินออกไป
“ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงเหรอเนี่ย”
ทุกคนตามออกไปอย่างผิดหวัง
พิธีแต่งงานเริ่มขึ้น ภาณุวัฒน์พาพิมภาเดินเข้ามาตรงหน้าแท่นพิธีที่ตรีวิญยืนรออยู่ แขกคนอื่นๆ ที่มาร่วมงานครอบครัวและคนที่ทำงานไม่ค่อยเห็นด้วยนัก ในขณะที่ตรีวิญแทบจะเป็นคนเดียวในงานที่มีความสุข
พิมภามีสีหน้าลังเลมากเมื่อสายตาเธอเห็นทุกสายตาของแขกในงาน แก๊งพิมมาลากับเพื่อนๆ ของพิมภาที่มองมาดูไม่มีใครจะยินดีด้วยเลยสักคน พิมภาจึงชะงักไม่ยอมเดิน ภาณุวัฒน์พลอยชะงักไปด้วย
“เป็นอะไรเหรอลูก”
ตรีวิญมองพิมภาที่ยืนนิ่งเริ่มไม่สบายใจจึงเดินไปหาพิมภา
“คุณพิมเป็นอะไรเหรอเปล่าครับ”
“คุณตรีวิญ คุณเป็นคนช่วยฉันจากการะเกตุใช่มั้ยคะ”
ตรีวิญอึ้งแต่ยังพยายามโกหกอย่างหนักแน่น
“ใช่ครับ”
พิมภาพยักหน้าอย่างตัดสินใจได้ทันที
“ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้ใจตัวเองนะคะ พ่อคะ” พิมภายื่นช่อดอกไม้เจ้าสาวให้ภาณุวัฒน์ “ พิมฝากด้วยค่ะ อย่าให้ไปอยู่ในมือใครนะคะ เดี๋ยวคนนั้นจะโชคร้าย”
พิมภายกชายกระโปรงวิ่งลงจากแท่นพิธี แต่ตรีวิญดึงไว้
“ผมรักคุณนะคุณพิม”
พิมภาสะบัดหลุด
“ฉันรักคุณต้น ฉันไม่ได้รักคุณและไม่มีวันรัก ลาก่อนคุณตรีวิญ”
คนอื่นๆ ในงานดีใจมาก พิมภาวิ่งเข้าไปหาชุติภา
“คุณย่าขา พิมยอมทุกอย่างช่วยพิมด้วยนะคะ”
“แน่นอนหลานสะใภ้ ไปเร็วยัยมิ้นท์”
ชุติภา มิ้นท์พาพิมภาออกไป แก๊งค์ภาณุวัฒน์ เพื่อนๆ รีบตามไป ทิ้งตรีวิญไว้กับแขกคนอื่นๆ และสุกัญญาที่มองอย่างสมเพช
ชุติภาอารมณ์เสียคุยโทรศัพท์กับทางบ้าน
“ตาต้นไม่อยู่ ไปไหน...ไม่รู้ ทำไมพวกแกไม่ถาม”
มิ้นท์พยายามกดโทรศัพท์
“ติดต่อพี่ต้นไม่ได้เลยค่ะ”
“คุณต้นอยู่เมืองไทยใช่มั้ยคะ พิมจะตามหาคุณต้นให้เจอ พิมจะไม่ยอมเสียคุณต้นไป”
“พ่อจะช่วยนะ”
“พวกฉันจะช่วยด้วย”
ทุกคนแยกย้ายช่วยกันตามหาฤชวี
ตรีวิญนั่งอยู่เพียงลำพังในสถานที่จัดงานที่ไม่เหลือใคร ตรีวิญดูหมดพลัง ไม่เหลือความมั่นใจใด ๆ อยู่เลย
สุกัญญาเดินเข้ามา ตรีวิญมองสุกัญญา
“สะใจแล้วใช่มั้ย ที่ผมต้องเป็นแบบนี้”
สุกัญญามองตรีวิญอย่างสงสาร
“พี่รู้ว่าคุณต้องการความรักชดเชยกับสิ่งที่คุณขาดมาตลอดชีวิตคุณเก่ง แต่กลับไม่ฉลาดที่จะเรียนรู้ว่า ความรักไม่ได้มาด้วยแผนการและการเอาชนะ แต่มันคือความจริงใจ แต่มันคือสิ่งที่คุณไม่มี”
“แต่ผมรักคุณพิม”
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ คุณเข้าใจใช่มั้ย พิมกับคุณฤชวีเขารักกัน และคุณไม่มีวันชนะคุณฤชวีมันคือความจริง” ตรีวิญเจ็บปวดที่ต้องพ่ายแพ้ สุกัญญาวางมือบนบ่าตรีวิญบีบเบาๆ “เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่มีชีวิตที่ดีได้”
“ทำไมไม่มีใครรักผม ผมไม่เคยเห็นหน้าแม่ ผมต้องอยู่คนเดียวบนโลกนี้ ผมไม่เคยมีใคร ผมเหงา...ผมอยากมีใครสักคนให้กอด...อยากให้คนนั้นเป็นคุณพิม แต่เขาก็ทิ้งผมไป ทำไมต้องเป็นผมที่แพ้ ทำไม...ทำไม” ตรีวิญร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด “สุดท้าย...ผมก็ไม่เหลือใคร แม้แต่คนที่ผมรัก”
สุกัญญากอดปลอบโยนตรีวิญที่ร้องไห้ราวกับเด็กๆ
“ยังไม่สายที่คุณจะรักษาพิมไว้” ตรีวิญมองสุกัญญาว่าหมายความว่ายังไง “แต่ไม่ใช่วิธีเดิมที่คุณเคยทำ”
ตรีวิญมองสุกัญญาคิดตามที่สุกัญญาพูด
ที่คอนโดพิมภา ภัทรพลคอยรับสายจากทุกคนที่ออกไปตามหาฤชวี
“ว่าไงมิ้นท์...ไม่เจอเหรอ” เสียงมือถืออีกเครื่องดัง “คุณลัล เจอมั้ย”
“ว่าไงตาภัทร”
ภัทรพลส่ายหน้า ภาณุวัฒน์เดินคุยโทรศัพท์ออกมา
“ไม่เจอไม่ได้เว้ย ลูกเขยคนนี้สำคัญมาก ตามต่อไป” พิมภามองภาณุวัฒน์อย่างหมดหวัง “คุณต้นไม่เปิดเครื่อง ตามสัญญาณโทรศัพท์ไม่ได้”
“มันสายไปแล้วใช่มั้ย คุณต้นจะไม่กลับมาหาพิมอีกแล้ว”
ทุกคนสงสารพิมภา ตรีวิญเข้ามา
“คุณพิม”
ทุกคนหันมองไม่พอใจ
“นายมาอีกทำไม”
“คุณพิมให้โอกาสผมแก้ตัวได้มั้ยครับ”
“ก็น้องฉันไม่เอานายไง พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ” ภัทรพลกระชากคอเสื้อตรีวิญ
“ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมรักคุณพิมจริงๆ”
พิมภามองตรีวิญว่าจะเอายังไง
ที่ร้านกาแฟร้านประจำของฤชวี ฤชวีนั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กหน้าจอเป็นรูปพิมภา มีภาพคู่กับฤชวีเพิ่มขึ้นมาด้วย ฤชวีใช้นิ้วแตะที่หน้าจอด้วยความเสียใจ น้ำตาคลอ ตรีวิญเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฤชวี ฤชวีแปลกใจที่เห็นตรีวิญ ตรีวิญยิ้มให้ฤชวีพร้อมกับบอกว่า
“ผมกำลังจะไปญี่ปุ่น” ฤชวีหน้าตึง
“แล้วยังไงครับ”
“แต่ผมต้องเอาของมาส่งให้คุณก่อน”
“ของ”
ตรีวิญวางแหวนของเล่นตรงหน้าฤชวี ฤชวีอึ้ง
“รักษามันไว้ให้ดีนะครับ หมดหน้าที่ของผมแล้ว”
ตรีวิญออกไป ฤชวีหยิบแหวนขึ้นมามองไม่เข้าใจว่าตรีวิญหมายถึงอะไร ทันใดนั้นไฟในร้านดับพรึ่บ พร้อมกับเสียงเพลงประจำของฤชวีกับพิมภาดังขึ้น ฤชวีแปลกใจ
ไฟตรงลานน้ำพุสว่างขึ้น ฤชวีเห็นพิมภาในชุดเจ้าสาวเดินออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ฤชวีแทบไม่อยากจะเชื่อ ฤชวีเดินไปหาพิมภาตรงกลางลานน้ำพุ พิมภายืนต่อหน้าฤชวี
“เคยมีคนบอกฉันว่า การมีคนรักที่ดี คือของขวัญที่วิเศษที่สุด ผู้หญิงทุกคนจะมีของขวัญของตัวเอง แต่ฉันไม่เคยเชื่อ จนได้มาพบคุณ วันเวลาที่ผ่านมา คุณคือคนที่ยืนเคียงข้างฉันมาตลอด คุณทำให้ฉันไม่อยากเดินคนเดียวอีกต่อไป คุณต้น คุณพร้อมจะยอมรับผู้หญิงงี่เง่าอย่างฉันไว้ในชีวิตคุณได้ไหม เป็นของขวัญให้ฉันได้มั้ย...ได้มั้ย”
ฤชวีมองพิมภานิ่งไปชั่วอึดใจ พิมภาลุ้น
“ตั้งแต่ผมได้เจอคุณ ชีวิตผมก็วุ่นวายมาตลอด” พิมภาหน้าเสีย “แต่มันเป็นความวุ่นวายที่มีความสุขที่สุด”
ฤชวีจับมือพิมภาแล้วสวมแหวนของเล่นให้กับพิมภา “ช่วยทำให้ชีวิตผมวุ่นวายตลอดไปนะครับคุณพิม”
พิมภาดีใจเข้ากอดฤชวี
“คุณต้น”
น้ำพุถูกเปิด ราวกับเป็นการแสดงความยินดีกับทั้งคู่ ท่ามกลางความยินดีของแก๊งภาณุวัฒน์และชุติภาที่ส่งเสียงยินดี ตรีวิญขยับเข้ามายืนมองพิมภากับฤชวี สีหน้าไม่สุขแต่ก็ไม่ทุกข์นัก ภัทรพลกับภาณุวัฒน์จับไหล่ตรีวิญคนละข้าง พิมมาลาขยับเข้ามา ทุกคนยิ้มให้ตรีวิญ
“ขอบคุณนะ”
ตรีวิญยิ้มรับรู้สึกเป็นสุข ขณะที่ฤชวียกตัวพิมภาหมุนอยู่กลางน้ำพุอย่างมีความสุข
ที่ม่อนแจ่ม ฤชวีนั่งอยู่ที่มุมสวยเพียงลำพัง ลมหนาวพัดมาเบาๆ ฤชวียิ้มรับลมหนาว สีหน้ามีความสุขมาก
พิมภากางผ้าคลุมไหล่สีครีมเข้าคลุมให้กับฤชวีจากด้านหลัง มือพิมภาโอบกอดฤชวี พิมภาขยับหน้าเข้ามาทางไหล่ซ้ายของฤชวีแล้วกระซิบที่ข้างหูฤชวีเบาๆ
“ไม่หนาวเหรอคะ”
ฤชวียิ้มมีความสุขมองไปข้างหน้า
“ไม่เลยครับ ถ้ามีคุณกอดอยู่อย่างนี้”
“ถ้าพิมกอดแล้ว อย่าบอกให้พิมปล่อยนะ”
“ต้องบอกว่า ห้ามปล่อยเด็ดขาด” พิมภาวางคางบนไหล่ฤชวียิ้มมีความสุข ฤชวีมองที่มือของพิมภาเห็นว่านิ้วนางซ้ายสวมแหวนของเล่นอยู่ “ทำไมคุณไม่สวมแหวนแต่งงานล่ะครับ แหวนของเล่นเนี่ยมันไม่มีราคานะ”
“คุณต้นน่ะ” พิมภาขยับมานั่งข้างๆ แล้วใช้สองมือจับมือของฤชวีขึ้นมา “เมื่อไหร่คุณจะเลิกย้ำเรื่องนี้สักที พิมเปลี่ยนไปแล้ว เลิกงอนพิมเถอะนะ”
“เปล่านะครับ ผมพูดจริงๆ ผมอยากให้ภรรยาผมเป็นอย่างที่เขาอยากเป็น ไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อผมหรอกครับ เพราะผมรักที่ตัวตนของคุณ”
พิมภายิ้มมองแหวน
“พิมรักแหวนวงนี้ค่ะ รัก...มันเป็นแหวนจากคนที่เขารักพิม ที่สำคัญ...เขาไม่ได้มอบให้ด้วยมูลค่าของมัน แต่เขามอบให้พิมด้วยหัวใจของเขา ภรรยาขออนุญาตคุณสามีไม่ถอดได้ไหมคะ”
“คุณเรียกไม่ครบนะครับ”
“ไม่ครบ ยังไงเหรอคะ”
“คุณต้องเรียก คุณสามีกำมะลอสิครับ”
พิมภางอนนิดๆ รู้ว่าโดนแกล้ง
“คุณต้นน่ะ ไม่เลิกนะ” ฤชวีหัวเราะ “ก็ได้ ต่อไปนี้พิมจะเรียกคุณว่าคุณสามีกำมะลอ” พิมภามองฤชวีแล้วยิ้มเข้ากอดกระซิบเบาๆ “ที่รัก...นะคะ”
ฤชวีหัวเราะกอดพิมภา
“ได้ครับ คุณภรรยา...ที่รัก”
พิมภาพยักหน้าแบบว่าดีมาก ฤชวีขยับออกมามองหน้าพิมภาแล้วขยับมือมาจับพิมภา พิมภายกมือวางทาบกับมือของฤชวี แล้วขยับสอดประสานนิ้วจับมือฤชวีไว้
“คุณต้น อย่าปล่อยมือจากฉันนะ”
“ผมจะไม่ยอมปล่อยมือจากคุณ...ตลอดไป”
“คุณสัญญาแล้วนะ”
ฤชวีไม่ตอบ ค่อยๆ ขยับหน้าเข้ามาจนจมูกชนกับจมูกของพิมภา
“ผมสัญญา”
ฤชวีบอกพร้อมขยับหน้ามาจูบพิมภาเพื่อเป็นการยืนยัน
จบบริบูรณ์