ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 16
ขณะที่กฤติยาจะเดินเข้างานในงานโดยมีสุรเดชยิ้มแฉ่งตามมา เจอกับกัณฐิกาที่ขวางอยู่ สุรเดชไหว้ทักทายตามสไตล์
“สวัสดีครับคุณแม่”
“ที่นี่ไม่ต้อนรับกุ๊ย ออกไป”
“อย่าไล่พี่เดชเลย ให้อภัยแฟนแอนนะคะแม่” กฤติยาบอก
กัณฐิกาตกใจ “อะไรนะ”
“แนะนำเป็นทางการอีกครั้ง...ผมสุรเดชแฟนลูกสาวคุณแม่”
สุรเดชยื่นมือออกไปให้กฤติยาจับ กัณฐิกามองดูงงๆ กฤติยาจับมือสุรเดช
สุรเดชยิ้มหน้าบานดีใจ “ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ครับ”
กัณฐิกาไม่พอใจมาก “นี่มันอะไรกัน”
“แอนพาพี่เดชมาช่วยงาน...แอนขอตัวนะคะแม่”
“จ๋าจ๊ะ แฟนจ๋า”
สุรเดชเดินจับมือกฤติยาเข้าไปในงาน เดินผ่านใครก็ยิ้มบอกไปทั่วว่าเป็นแฟนกัน
“แฟนผมครับ...แฟนผม”
กัณฐิกามองตาม ไม่พอใจที่กฤติยาคบหากับสุรเดช
“ยัยแอนคิดยังไงถึงกลับไปคบกุ๊ย”
ส่วนชลนิภาเดินเข้ามาในงาน พอมองไปเห็นวีรภัทรและนัชชายืนที่มุมหนึ่งก็ไม่พอใจ นัชชาเองมองเห็นว่าชลนิภามางานนี้ก็ไม่พอใจเช่นกัน
ชลนิภาคิดตัดสินใจ แล้วเลือกเดินเข้างานไปที่มุมหนึ่ง เลี่ยงเจอวีรภัทรและนัชชา
นัชชาหงุดหงิด หันไปบอกวีรภัทร
“งานกร่อย! กลับกันเถอะค่ะ”
“เสียมารยาทน่ะคุณ กิจกรรมยังไม่เสร็จ”
“ฉันไม่อยากเสียอารมณ์กับภรรยาเก่าคุณ” นัชชาจะกลับหันไปเรียกนิธิ “นิธิ” แต่ไม่เจอนิธิ ก็แปลกใจ “ลูกนิธิ”
มุมหนึ่งของงาน นิธิวิ่งเล่นมาชนกับชลนิภาจังๆ เด็กน้อยนิธิล้มลง
ชลนิภาร้อง “ว้าย”
นิธิจำชลนิภาได้รีบไหว้ขอโทษ “นิธิขอโทษครับ”
วีรภัทรและนัชชาเดินตามหา เข้ามาเห็น ก็ตกใจ ชลนิภามองนิธินิ่งๆ นิธิกลัว เบะปากจะร้องไห้
“อย่าร้อง! ทำหน้ายังกะฉันเป็นยักษ์เป็นมาร”
นิธิหยุดร้อง
“ลุกขึ้นมาได้แล้ว”
นิธิกลัว ชลนิภายื่นมือไป นิธิยิ้มแล้วจับมือชลนิภาลุกขึ้นมา
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ชลนิภาถาม
นิธิยิ้มออก “ไม่เจ็บครับ คุณยายใจดีจัง”
ชลนิภาไม่พอใจ “เรียกฉันยาย หน้าฉันอ่อนกว่าแม่เธออีก”
นัชชาปราดเข้าไปดึงตัวนิธิออกมา
“ลูกนิธิมาหาแม่!”
วีรภัทรขอโทษชลนิภาแทนลูกชาย “ผมขอโทษแทนนิธิด้วย”
“ไม่เป็นไร...” ชลนิภาหันไปมองนัชชา “ไม่คิดว่าจะเจอพวกคุณ”
นัชชาเสียงแข็งใส่ “เราก็ไม่ทราบว่าคุณจะมางานนี้”
ชลนิภาย้อนเป็นเชิงถาม “ถ้ารู้คงไม่มา?”
“มาสิคะ งานครอบครัวก็ต้องมีครอบครัวที่สมบูรณ์ พร้อมหน้าทั้งพ่อแม่และลูก...” นัชชาจงใจเย้ยชลนิภา “คุณฉายเดี่ยวมาคนเดียว แล้วจะร่วมกิจกรรมครอบครัวได้ยังไงคะ”
ชลนิภาเสียหน้า นัชชาแขวะต่อ
“น่าสงสารนะคะ ทั้งสามีและลูกหนีไปเกือบหมด เหลือแต่ลูกชายคนเล็กที่ไม่เอาถ่าน”
ชลนิภาโกรธจัด “เธอ”
นัชชาพูดเย้ยแล้วจูงนิธิเข้าไปในงาน ไม่สนใจ ชลนิภาหันมาเล่นงานวีรภัทร
“กรุณาสอนมารยาททางสังคมกับภรรยาคุณด้วย อย่าได้ระรานฉันอีก”
“ชนกชนม์มางาน ลูกคงดีใจที่ได้เจอคุณ”
วีรภัทรเดินตามนัชชาเข้าไปในงาน ชลนิภานิ่งคิดตัดสินใจ
จู่ๆ ชนกชนม์เดินไปบอกสุตาภัญและสุรัมภา ด้วยท่าทีกังวลใจ
“ตา...ฉันว่าฉันกลับไปดีกว่า”
สุตาภัญงง “ทำไมล่ะ แม่นายมางานก็เท่ากับอยากเจอนาย”
“ไม่รู้สิ มันกลัวๆ อ่ะ ไม่อยากให้งานล่มเพราะฉัน”
“พี่ชนม์แน่ใจนะคะ”
ชนกชนม์พยักหน้า จะเดินออกไป ชลนิภาเดินเข้ามาหา ชนกชนม์ตกใจ สุตาภัญและสุรัมภายกมือไหว้ทักทายพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ”
ชลนิภาไม่รับไหว้ สุตาภัญและสุรัมภารีบเดินเลี่ยงออกไป ชนกชนม์มองหน้าชลนิภา เกรงกลัว
สุรัมภาเดินคุยมากับสุตาภัญ
“พี่ตาคิดว่าคุณแม่พี่ชนม์ยังโกรธพี่ชนม์รึเปล่าคะ”
“ไม่รู้สิ....พี่เอาใจช่วยให้ปรับความเข้าใจกันได้”
สุรัมภาสะท้อนย้อนถามพี่สาว “แล้วเราล่ะ...เมื่อไหร่คุณพ่อจะเข้าใจเราบ้างนะ”
สุตาภัญไม่ตอบ นิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น สุรัมภาแปลกใจหันไปมองตามสายตา แล้วต้องตกใจ
“คุณแม่คุณพ่อ!”
สุทินและเสาวนิตย์เดินเข้ามาในงาน ยืนมองมายังสองสาว
ด้านชลนิภาต่อว่าชนกชนม์
“เธอเกลียดฉันมากถึงกับไม่อยากเจอฉัน”
“เปล่าครับ ผมเกรงจะทำให้คุณแม่ไม่พอใจ...ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก”
“รู้ตัวก็ดี เมื่อกี้แม่เลี้ยงเธอเล่นงานฉันก็เพราะพฤติกรรมแย่ๆ ของเธอ”
ชนกชนม์ยกมือไหว้ “ผมขอโทษครับ”
“ฉันเบื่อฟังคำนี้เหลือเกิน...เมื่อไหร่จะบอกความจริงกับฉัน”
ชนกชนม์แปลกใจ
“อาจารย์ที่มหาลัยชมว่าเธอขยันเรียน ใช้เวลาว่างหารายได้เลี้ยงตัวเอง เขายังบอกอีกว่า เธอย้ายออกมาอยู่นอกบ้านเพื่อฝึกฝนตัวเอง ทำไมไม่บอกว่าฉันไล่เธอออกจากบ้าน รึว่าเธออาย”
“ผมไม่อยากให้คนอื่นตำหนิคุณแม่ มองคุณแม่ไม่ดีครับ”
ชลนิภาอึ้ง ลึกๆ ในใจรู้สึกดีที่ชนกชนม์คิดปกป้องเธอ
“ไม่อยากให้ใครคิดว่าครอบครัวเราปัญหา...”
“ก็ดี...”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ชนกชนม์จะเดินออกไป ชลนิภาพูดไล่หลัง
“ไม่อยากให้คนอื่นคิดอย่างนั้น เธอก็อยู่ร่วมทำกิจกรรมกับฉัน”
ชนกชนม์ คาดไม่ถึง ดีใจมากรับปากทันที “ครับ...ได้ครับ”
ชลนิภาเดินเข้าไปในงานเลย
ชนกชนม์รู้สึกอบอุ่น และดีใจมากที่ชลนิภาเปิดใจยอมเขามากขึ้น
ส่วนสุตาภัญและสุรัมภายกมือไหว้สุทินและเสาวนิตย์
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่”
“ฉันมาตามการ์ดเชิญคุณณวัตร ไม่คิดว่าพวกเธออยู่ที่นี่” สุทินวางฟอร์มอยู่ดี
“ตากับน้องมาช่วยงานค่ะ พวกเรากำลังจะกลับค่ะ”
สุตาภัญและสุรัมภาไหว้ลา แล้วเดินออกไป
“ฉันไม่เคยสอนให้พวกเธอไร้ความรับผิดชอบ”
สุตาภัญและสุรัมภาแปลกใจ หันกลับมาหา
สุทินชูการ์ดเชิญที่มีตารางกิจกรรม “ในโปรแกรมยังมีกิจกรรมครอบครัว เธอกลับแล้วใครจะช่วยงานคุณณวัตร”
สุตาภัญและสุรัมภารู้สึกผิด เพราะเป็นจริงอย่างที่สุทินพูด
“ตาไม่อยากให้คุณพ่อไม่สบายใจค่ะ”
“เขาเชิญฉันกับแม่เธอมาร่วมกิจกรรมครอบครัว...เคยคิดกันบ้างไหม ว่าฉันกับแม่เธอจะเข้าร่วมกิจกรรมได้ยังไง ถ้าขาดสมาชิกในครอบครัว”
สุทินพูดจบก็เดินเข้าไปในงานเลย เสาวนิตย์รีบบอกสุตาภัญและสุรัมภา
“คุณพ่ออยากให้ลูกๆเข้าร่วมกิจกรรม อยู่ด้วยกันนะลูก”
“ค่ะคุณแม่”
สุตาภัญและสุรัมภากอดเสาวนิตย์ ตื่นเต้นดีใจที่สุทินเปิดใจยอมให้อภัย
เวลาเดียวกันที่มุมหนึ่งของตึกร้าง เปี๊ยกกำลังบอกกับเฮียปรัชญาที่มารับยาที่สั่ง
“ไอ้เดชมันกำลังเอาของไปส่งครับเฮีย”
ปรัชญาต่อยเปี๊ยกล้มลง
“เฮียเกลียดพวกไม่รักษาเวลา”
“ผมจะรีบตามตัวมัน เอายาไปส่งครับเฮีย” เปี๊ยกว่า
ปรัชญาเตะเปี๊ยกซ้ำ “ไป๊”
เปี๊ยกรีบวิ่งออกไป ปรัชญาหันไปสั่งลูกน้อง
“ไปที่จุดรับของ!”
“ครับเฮีย”
ขณะที่ธีรดนย์จัดเตรียมของเพื่อทำกิจกรรม ชนิกานต์เดินเอาน้ำมาให้ ธีรดนย์รับไว้แล้ววาง ไม่สนใจ ชนิกานต์หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดให้ ธีรดนย์ดึงมือชนิกานต์ออก
“เราตกลงแล้วไง ฉันยอมอยู่บ้านเธอ เธอต้องวางตัวเหมือนเดิม เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
ชนิกานต์จะเถียง “ก็ฉัน...”
“ไม่งั้นฉันจะย้ายออกไป”
“ก็ได้ นายก็ห้ามยุ่งกับยัยแอน”
ชนิกานต์พูดจบ กฤติยาเดินเข้ามา ธีรดนย์หันไปมอง ชนิกานต์ไม่พอใจ
“มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง”
สุรเดชเดินเข้ามาเก๊กหล่อใส่ธีรดนย์
“ไฮ้...” ยืนชิดกฤติยา “แฟนฉัน...”
“ฉันพาพี่เดชมาช่วยที่ซุ้มทำขนม” กฤติยาบอก
ชนิกานต์ยิ้ม “ก็ดี..ไปสิ กิจกรรมจะเริ่มแล้ว”
“แฟนจ๋า ไปจ้ะ”
สุรเดชโอบกอดกฤติยาเดินผ่านธีรดนย์ไป สุรเดชบอกธีรดนย์
“อย่ามอง หึงเว้ยเฮ้ย”
สุรเดชเดินออกไปกับกฤติยา ธีรดนย์มองตาม แปลกใจที่กฤติยากกลับไปคบสุรเดช
“หมดคู่แข่งไปหนึ่ง”
ชนิกานต์ดึงหน้าธีรดนย์กลับมา
“ห้ามมอง”
“ห้ามยุ่ง”
ชนิกานต์หงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ จำต้องยอม
ครู่ต่อมาสุตาภัญทำหน้าที่พิธีกร ประกาศบอกแขกในงาน
“ถึงเวลาสนุกกับกิจกรรมพิเศษวันนี้ค่ะ เรามีสามซุ้ม ได้แก่…”
ชนกชนม์ถือป้ายชื่อซุ้ม
“บ้านในฝันบนผ้าบาติกครับ”
ชนิกานต์ถือป้ายชื่อซุ้มกิจกรรม “เพ้นท์เสื้อครอบครัวของฉันค่ะ”
กฤติยาถือป้ายชื่อถัดมา “ปั้นรักปั้นบัวลอยค่ะ”
สุตาภัญประกาศต่อ “ขอเชิญทุกท่านร่วมกิจกรรมครอบครัวหรรษาได้แล้วค่ะ”
แขกในงานต่างปรบมือ เริ่มกิจกรรมด้วยกัน
แต่ละครอบครัว ร่วมทำกิจกรรม ชนกชนม์หยิบกรอบผ้าบาติกส่งให้แม่ ชลนิภารับไว้ แล้ววาดรูป ชนกชนม์คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ ส่วนสุทินกำลังวาดภาพในกรอบผ้าบาติก ด้วยดินสอ มีสุรัมภาคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ
ที่ซุ้มเพ้นท์เสื้อ ณวัตรวาดภาพบนเสื้อ มีชนิกานต์เข้ามาช่วยวาดภาพให้ กัณฐิกาเข้ามาช่วยนั่งอยู่ใกล้ ชนิกานต์ยิ้มให้กัณฐิกาแล้วถอยห่างไปอยู่อีกด้าน ณวัตรดึงมือชนิกานต์ให้มาช่วยวาดรูปด้วยกัน ชนิกานต์จึงยอมอยู่ด้วย..
ธีรดนย์นั่งเพ้นท์เสื้ออยู่คนเดียว
ส่วนที่ซุ้มบัวลอย กฤติยาส่งถาดใส่แป้งหลากสี ให้วีรภัทร,นัชชาและนิธิ สามคนช่วยกันปั้นแป้งเป็นลูกบัวลอย กฤติยาคอยดูแลและสอนวิธีการปั้น ครอบครัวนิธิมีความสุขมาก
ฝ่ายสุรเดชเข้ามาดึงมือกฤติยาออกไป ชวนไปช่วยทำแป้งเพิ่ม
ที่ซุ้มผ้าบาติก ชลนิภาลงเทียนที่ผ้าบาติก ไม่ถนัด ชนกชนม์เข้ามาช่วยทำ ชลนิภายอมให้ชนกชนม์ช่วย ชนกชนม์วาดเส้นเทียนที่ผ้าบาติกอย่างคล่องแคล่ว ชลนิภามองดูด้วยความชื่นชม
ขณะเดียวกันเสาวนิตย์ระบายสีผ้าบาติก สุรัมภาเข้ามาช่วย สุทินยืนมอง ไม่ชอบสีที่สุรัมภาเลือก จะเข้าไปเปลี่ยนสี แต่เปลี่ยนใจ ให้สุรัมภาเลือกใช้สีที่ต้องการ
สุตาภัญยืนมองก็รู้สึกดีใจที่สุทินยอมปล่อยให้สุรัมภาได้ตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง
ทางด้านซุ้มเพ้นท์เสื้อ ธีรดนย์ลงสีเสื้อ ชนิกานต์เข้ามาช่วยลงสี ธีรดนย์ไม่ชอบ ดึงเสื้อหลบ ชนิกานต์แย่งเสื้อมาลงสีเอง ธีรดนย์ยิ้ม แล้วไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาทำใหม่ ชนิกานต์ไม่พอใจนัก
ฟากซุ้มบัวลอย สุรเดชเทแป้งลงชามใบใหญ่ กฤติยารินน้ำกระเจี๊ยบลงไป สุรเดชช่วยนวดแป้ง แอบจับมือกฤติยาในชามแป้ง ถูกกฤติยาตีมือเอา สุรเดชมองกฤติยาเขินอาย หยิบสีใบเตยลงไป แล้วหยิบสีดอกอัญชัญลงไปเพิ่ม ทำให้สีแป้งเน่า สุรเดชยกมือไหว้ขอโทษ
กฤติยามองดุ หยิบแป้งในชามยัดใส่ปากสุรเดช
ส่วนที่ซุ้มบาติก ชนกชนม์ระบายสี ชลนิภาเข้ามาช่วย ชนกชนม์ยิ้มแย้มใบหน้าเปี่ยมสุข หันไปมองสุตาภัญที่อีกทางหนึ่ง สุตาภัญยิ้มให้ สุทินหันมองลูกสาวคนโต สุตาภัญหันไปช่วยระบายสีผ้าบาติก สุรัมภาจะลงสี แต่สีหมด จึงถือถาดสีเดินออกไปจากกลุ่ม
สุรัมภาเดินไปเติมสี แต่ต้องตกใจเมื่อเจอชยางกูรที่ดักรออยู่เมื่อไหร่ไม่รู้
“นาย”
สุรัมภาตกใจทิ้งถาดใส่สี จะวิ่งหนีไป แต่ชยางกูรคว้าตัวสุรัมภาลากไปอย่างแรง
ทางด้านสุทินรอสุรัมภานานมากแล้ว แต่ไม่เห็นมาสักที จึงหันไปถามเสาวนิตย์
“ลูกภายังไม่มาอีกเหรอ”
“ค่ะ ฉันไปตามให้ค่ะ”
สุทินเป็นห่วง “ไม่ต้อง...ฉันจะไปเอง”
สุตาภัญรู้สึกดีใจที่สุทินอ่อนลงมาก
“ตาไปตามน้องให้เองค่ะคุณพ่อ”
สุทินมอง ก่อนจะพยักหน้าให้สุตาภัญออกไป เสาวนิตย์ยิ้มที่สุทินเลิกเข้มงวด เป็นมิตรกับลูกๆ มากขึ้น
ฝ่ายชยางกูรลากตัวสุรัมภามาที่มุมหนึ่ง
“ปล่อยฉันนะ พ่อฉันรู้เรื่อง นายโดนเล่นงานแน่”
“คิดว่าฉันกลัวรึไง ทำตามที่ฉันต้องการ”
“นายจะให้ฉันทำอะไรอีก”
“ตัวพี่สาวเธอ”
“พี่ตาไม่เชื่อใจยอมไปกับฉันเหมือนคราวที่แล้วหรอก”
“มันเป็นหน้าที่ที่เธอต้องพาไปให้ได้ รึอยากประจานตัวเอง”
ชยางกูรเปิดคลิปอุบาทว์ขึ้นมาขู่อีก สุรัมภาตกใจกลัว น้ำตาไหลพราก
“แล้วฉันจะโทรมานัดอีกที อย่าคิดหนีฉัน! เล่นตุกติกกับฉัน”
ชยางกูรขู่สุรัมภาแล้วเดินออกไป สุรัมภารู้สึกกลัวจับใจ
คล้อยหลังชยางกูรไม่เท่าไหร่ เพทายเดินเข้ามาหา สุรัมภารู้สึกกลัว
“แก!”
ชยางกูรกำลังจะเดินออกไป เห็นชลนิภาอยู่ในงาน
“คุณแม่”
ชยางกูรหยุดมอง เห็นชนกชนม์เข้าไปช่วยชลนิภาระบายสีผ้าบาติก ก็ไม่พอใจ
“ไอ้ชนม์ ฉันไม่ยอมให้แกแย่งความรักคุณแม่ไปจากฉัน”
ชยางกูรอาฆาตชนกชนม์ แล้วเดินออกไป
ส่วนสุรัมภาถดตัวถอยหนีเพทายอย่างตื่นกลัว
“อย่าเข้ามานะ”
สุรัมภาจะวิ่งหนี เพทายเข้ามารวบตัวไว้
“ไม่ต้องกลัว ฉันมาดี ฉันมาช่วยเธอ”
สุรัมภาแปลกใจ
“ฉันรู้ว่าเธออยากเป็นอิสระ ไม่อยากตกอยู่ใต้คำสั่งชยางกูร”
“นายจะช่วยฉันจริงๆ เหรอ”
“จะให้ฉันช่วยอะไร ฉันช่วยได้ทุกอย่าง แม้แต่ฆ่าชยางกูร”
สุรัมภาบอก “ช่วยทำลายคลิปนั่น”
เพทายเข้ามาลูบหน้าสุรัมภา “ไม่มีปัญหา…แล้วฉันจะได้อะไรเป็นรางวัลตอบแทน”
“นายต้องการเงินเท่าไหร่?”
เพทายยิ้มย่อง “ใจเย็นๆ ไว้รอให้งานเสร็จฉันจะมาเอารางวัลจากเธอ..ที่รัก”
เสียงสุตาภัญดังขัดขึ้น “ภา..น้องภา”
สุรัมภาตกใจที่สุตาภัญกำลังเดินใกล้เข้ามา เพทายรีบเดินชิ่งหนีออกไป สุรัมภายังรู้สึกตื่นกลัว
ชลนิภาระบายสีเสร็จ ชนกชนม์ถือเฟรมบาติก
“ผมเอาไปต้มให้เทียนละลาย เอาไปซักน้ำก็เสร็จแล้วครับ”
“ขอบใจนะ”
ชนกชนม์ยิ้มให้แม่ จะเดินออกไป
“เสร็จกิจกรรมแล้ว กลับไปบ้านด้วยกันนะ...ลูก”
ชนกชนม์หันกลับมามองชลนิภา คาดไม่ถึงตื่นเต้นดีใจมาก
“ครับ...คุณแม่”
ชลนิภายังรู้สึกเขิน หันกลับไปเช็ดมือที่เปื้อนสี
ชนกชนม์ถือเฟรมผ้าบาติกเดินออกไป ยิ้มอย่างมีความสุข เจอกับสุรเดชก็ตกใจ
“ไอ้เดช”
ชนกชนม์ไม่อยากให้ชลนิภาเห็นสุรเดช กลัวจะเข้าใจผิดว่าเขาคบอันธพาล ลากตัวสุรเดชออกไป
ชลนิภาหันไป เห็นด้านหลังชนกชนม์ไวๆ แต่ไม่เห็นสุรเดช
ส่วนสุตาภัญเข้ามาหาสุรัมภา
“ภา...สีบาติกล่ะ”
“เอ่อ ภาวางไว้ด้านโน้นค่ะ ไปค่ะพี่ตา”
สุรัมภาจะเดินออกไป สุตาภัญจับมือไว้
“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า? บอกพี่ได้นะ”
สุรัมภายิ้มแย้ม “พี่ตาคิดมาก”
สุตาภัญสังเกตเห็นรอยน้ำตา “ก็ภาร้องไห้”
สุรัมภายิ้มร่า “ค่ะ ภาดีใจต่างหาก ภามีความสุข ที่เราจะได้กลับไปอยู่บ้าน พี่ตาไม่ดีใจเหรอ”
“ดีใจสิ ภาจะได้ไม่ต้องลำบาก เราจะได้มีความสุขกันซะที”
สุตาภัญกอดน้อง สุรัมภายิ้มแย้มสดใส แต่ภายในใจกังวลหนัก
“เอาสีไปให้คุณพ่อได้แล้ว”
ทั้งสองสาวเดินออกไปด้วยกัน
ฟากสุรเดชแซวชนกชนม์ใหญ่
“มีความสุขซะจริงนะเพื่อน”
“จะสุขกว่านี้ถ้าแกไม่มากวนหรือทำเสียเรื่อง”
“เฮ่ย เพื่อนมาดี มาด้วยความรัก แอนยอมรับรักฉันแล้วว่ะ”
ชนกชนม์ล้อ “โธ่แอน...ไม่น่าเลย”
สุรเดชเซ็ง “เฮ้ย! ไม่เข้าข้างกันเลย...” เอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ออกมา “ฉันฝากเอารถไปคืนไอ้เปี๊ยกด้วย”
ชนกชนม์ไม่รับ “เอามาก็เอาไปคืนเอง”
“ไอ้เปี๊ยกมันรีบใช้รถ....ฉันต้องอยู่ดูแลน้องแอน”
“ฉันไม่อยากยุ่งกับของของแกอีก มียาซ่อนอยู่เปล่าก็ไม่รู้ เข็ดแล้วว่ะ”
“แกไม่ช่วย! ฉันจะไปบอกแฟนแกว่าแกเล่นยา”
ชนกชนม์ตกใจ “อย่านะ”
“ฉันรู้ว่าแฟนแกเกลียดเรื่องนี้มาก...” สุรเดชเดินออกไป เรียกหาสุตาภัญ “คุณสุตาภัญครับ”
“ไอ้เดช อย่า...”
ชนกชนม์ตกใจรีบวิ่งตามไปเพื่อห้าม
ทางด้านสุตาภัญกำลังซักผ้าบาติกด้วยน้ำเปล่า หลังจากระบายสีและต้มเทียนเสร็จแล้วสุรเดชเดินเข้ามาหาสุตาภัญ
“ตาครับ เดชมีเรื่องสำคัญจะบอก”
ชนกชนม์วิ่งตามเข้ามา
“เดช”
สุตาภัญมองสุรเดช รอฟัง
“มีอะไรเหรอ”
“เดชเอาบัวลอยมาฝากครับ”
สุรเดชยื่นถ้วยใส่บัวลอยให้สุตาภัญ ชนกชนม์โล่งใจ
“ขอบใจนะ”
ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญ “น่ากินจัง...กินคำหนึ่งสิ”
สุตาภัญตักบัวลอยป้อนชนกชนม์...
สุทินช่วยเสาวนิตย์และสุรัมภาเอาผ้าบาติกไปแขวนตากให้แห้ง สุทินเห็นสุตาภัญป้อนบัวลอยให้ชนกชนม์ ไม่ค่อยพอใจนัก
“เป็นไง อร่อยไหม”
ชนกชนม์กินเต็มปา “อร๊อยอร่อย”
“ถ้วยนี้ให้ตา ไป...ฉันตักให้อีกถ้วย”
สุรเดชลากชนกชนม์ออกไป ชนกชนม์ไม่อยากไป สุรเดชมองขู่ ชนกชนม์จำต้องไป
สุตาภัญแปลกใจในท่าทีของชนกชนม์ ขณะที่สุทินมองสังเกตพฤติกรรมว่ามีอะไร
ชนกชนม์เดินมากับสุรเดชที่มุมลับตา สุรเดชเอากุญแจยัดมือชนกชนม์
“แกบังคับฉัน”
“ไม่ได้บังคับ แค่กดดัน โชคดีนะเพื่อนรัก”
สุรเดชยิ้มให้ แล้วเดินไปหากฤติยาที่ซุ้มบัวลอย
ชนกชนม์มองกุญแจรถในมือ จะเดินไปที่ลานจอดรถ สุตาภัญเข้ามาคว้าแขนไว้
ชนกชนม์ยิ้มแฉ่งแกล้งแหย่ “นั่นแน่ะ คิดถึงเค้าอ่ะดิ”
สุตาภัญสงสัย “นายจะไปไหน”
“เอารถไปคืนเพื่อนเดชอ่ะ”
“ ทำไมต้องเป็นนาย มีความลับปิดบังฉันรึเปล่า”
“เปล่าครับ? ไม่เชื่อค้นตัวได้เลย เอางี้...ถอดให้ดูหมดเลย”
ชนกชนม์แกล้งแหย่สุตาภัญ ทำทีจะถอดเสื้อ
“ทะลึ่งอีกแล้วนะ...ฉันไม่ค่อยไว้ใจเพื่อนนายเลย ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเสพติดนะ”
ชนกชนม์อึ้ง ประสาวัวสันหลังหวะ กลัวสุตาภัญจับได้เรื่องที่เขาเล่นยา
“ถ้าฉันรู้ว่านายร่วมค้ายา หรือแม้แต่เสพยา...อย่ามาเรียกฉันว่านางฟ้า”
ชนกชนม์ฝืนยิ้มให้ ทำตลกกลบ “ครับ นาง..มาร”
สุตาภัญขำ “บ้า! ไปได้แล้ว”
“ฉันฝากดูแลคุณแม่ฉันด้วยนะ”
“รีบกลับมานะ นายจะได้กลับบ้านกับคุณแม่”
“ฉันต้องรีบกลับมา จะได้ส่งเธอกลับบ้านกับพ่อแม่เธอด้วย”
ทั้งสองยิ้มให้กัน มีความหวังและความสุขที่จะได้กลับบ้าน ชนกชนม์เดินออกไป สุตาภัญโบกมือให้
ฝ่ายสุรเดชยืนมองที่มุมหนึ่ง ยิ้มย่องที่ชนกชนม์จะขี่รถไปให้เปี๊ยก กฤติยาสังเกตสีหน้าสุรเดช มองอย่างแปลกใจ
“ยิ้มอะไร”
“มีความสุขที่ได้อยู่กับน้องแอนไงจ๊ะ”
กฤติยาไม่เชื่อใจนัก “ยิ้มเจ้าเล่ห์ สั่งให้พี่ชนม์ไปส่งยารึเปล่า”
“โน” สุรเดชบอกขึงขัง
กฤติยาจ้องมองท่าทีไม่เชื่อ
“จริ๊งจริง สาบานให้ตายโหงตายห่าได้”
กฤติยาตกใจรีบเอามือปิดปาก “เขาถือไม่ให้แช่งตัวเอง”
“ก็พี่เดชพูดความจริงนี่จ๊ะ ปะ ไปปั้นบัวลอยปั้นรักกันต่อ”
สุรเดชเปลี่ยนเรื่องจูงมือกฤติยาเข้าไปในงาน จู่ๆ เปี๊ยกโผล่พรวดเข้ามาหา สุรเดชตกใจ
“ไอ้เปี๊ยกมาทำไมวะ”
“เฮียรอเอาของ” เปี๊ยกบอกอย่างร้อนใจ
สุรเดชบอกเปี๊ยก “เอ็งเอารถไปส่งเอง”
“ส่งอะไร”
กฤติยาซักด้วยความสงสัย สุรเดชอึ้งรีบลากเปี๊ยกออกไปที่ลานจอดรถ กฤติยาสงสัยอยู่อย่างนั้น
ส่วนชนกชนม์เดินมาที่รถ ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป ชนกชนม์ไขกุญแจเปิดเบาะออกดู
หาสิ่งผิดปกติ ชนกชนม์เปิดดู เจอห่อยาซุกอยู่ใต้เบาะ
“ยา”
สุรเดชโผล่เข้ามาปิดเบาะ ทันทีชนกชนม์ไม่พอใจ
“ไอ้เดช แกหลอกใช้ฉันอีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ สถานการณ์บังคับว่ะ”
“ฉันบอกให้แกเลิกขายยา แกยังทำเอาฉันไปเกี่ยวข้อง แกไม่ใช่เพื่อนฉัน”
สุรเดชรู้สึกผิด “ฉันขอโทษ ฉันจะเลิกแล้ว”
สุรเดชดึงกุญแจรถจากชนกชนม์ ส่งให้เปี๊ยก
“เอ็งไปส่ง งานนี้ข้าบาย ข้าวางมือเพื่อเพื่อน เพื่อคนที่ข้ารัก”
ชนกชนม์รู้สึกดีขึ้นที่สุรเดชตัดสินจะเลิก สุรเดชยื่นกุญแจรถให้เปี๊ยก แต่ไม่ทันที่เปี๊ยกจะรับกุญแจ เสียงไซเรนรถตำรวจวิ่งเข้ามายังถนนในหมู่บ้าน ชนกชนม์ สุรเดชและเปี๊ยกหันไปมองก็ตกใจ
“ตำรวจ!”
สุตาภัญหันไปมองรถตำรวจที่วิ่งมายังถนน ในหมู่บ้านครอบครัวสุทินหันไปมองด้วยความแปลกใจ กฤติยารู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดี รีบวิ่งออกไปหาสุรเดช
“พี่เดช พี่เดช”
ธีรดนย์เห็นท่าทีกฤติยาก็สงสัย วิ่งตามไป
“แอน...มีอะไร”
ชนิกานต์เห็นธีรดนย์วิ่งตามไป ก็ไม่พอใจ วิ่งตามธีรดนย์
“นายจะไปไหน”
สุตาภัญ สุรัมภา สุทินและเสาวนิตย์มองไป แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เช่นเดียวกับชลนิภา ณวัตร กัณฐิกา วีรภัทร นัชชาและนิธิ หันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 16 (ต่อ)
ส่วนที่ลานจอดรถชนกชนม์หันไปบอกสุรเดชให้มอบตัว
“ไอ้เดช แกมอบตัวเถอะ อย่าหนีอีกเลย”
“ไม่...ฉันไม่ยอมติดคุก”
สุรเดชขึ้นขี่รถมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่อง สารวัตรและตำรวจวิ่งมาตะโกนสั่ง
“อย่าหนี มอบตัวซะ”
สุรเดชหันไป เห็นตำรวจกำลังจะวิ่งเข้ามาล้อม
“เอาไงวะ ตำรวจล้อมปิดทางไว้” สุรเดชเครียด คิดหาทางไป
กฤติยาวิ่งมาที่มุมหนึ่ง ตะโกนบอกสุรเดช ธีรดนย์และชนิกานต์วิ่งตามมา
“พี่เดช มอบตัวเถอะ”
สุรเดชมองกฤติยาก็ใจอ่อน ชักลังเล
“ไอ้เปี๊ยก เราไม่มีทางหนีแล้ว...มอบตัว”
จู่ๆ เปี๊ยกชักปืน ออกมาขู่ชนกชนม์ บอกเสียงเหี้ยม
“เรายังมีทางรอด!”
ชนกชนม์ตกใจ “แก”
สุตาภัญ สุรัมภา สุทินและเสาวนิตย์วิ่งเข้ามามอง
สุตาภัญตกใจ “ชนกชนม์”
ชลนิภาวิ่งเข้ามาเห็นปืนจ่อมาทางลูก แทบช็อก
“ลูกแม่”
วีรภัทร นัชชาและนิธิวิ่งเข้ามาเห็น ต่างตกใจที่ชนกชนม์ถูกจี้เป็นตัวประกัน ด้านกำลังตำรวจกระจายกำลังเข้ามาล้อมไว้
สารวัตรตะโกนบอก “วางปืน แล้วมอบตัวซะดีๆ”
“ออกไป ไม่งั้นไอ้นี่ตาย”
เปี๊ยกถือปืนเล็งขู่ชนกชนม์
ชลนิภาตะโกนบอกตำรวจ “ทำตามที่มันบอก อย่าให้มันทำร้ายลูกฉัน”
ตำรวจหันไปถามสารวัตร
“เอาไงครับสารวัตร”
สารวัตรตัดสินใจ “ทุกคนเปิดทาง”
ชลนิภาโล่งใจที่ตำรวจยอมทำตาม สุตาภัญเป็นห่วงชนกชนม์มาก
เปี๊ยกขู่ชนกชนม์ “ขึ้นรถ”
ชนกชนม์ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายสุรเดช เปี๊ยกนั่งหลังสุด ถือปืนจ่อขู่ชนกชนม์ไว้
สุตาภัญเป็นห่วงชนกชนม์ สุรเดชหันไปมองกฤติยา แล้วขี่รถออกไป
ตำรวจเปิดทางให้ สุรเดชขี่รถผ่านออกไปได้
สารวัตรสั่งลูกน้อง “วอร์สกัดทุกเส้นทาง”
“ครับ”
ตำรวจลูกน้อง รีบวอร์แจ้ง ตำรวจกลุ่มหนึ่งขับรถตามไป ชลนิภาเป็นห่วงชนกชนม์มาก
กฤติยาห่วงสุรเดช จะวิ่งออกไป ธีรดนย์วิ่งมาจับตัวไว้
“เธอจะไปไหน?”
“ฉันจะขอให้พี่เดชปล่อยตัวพี่ชนม์”
“เธอไปได้ไง มันอันตราย” ธีรดนย์ตัดสินใจ “ฉันไปเอง”
“พี่เดชเขาฟังฉัน ฉันไปด้วย”
ธีรดนย์ยอมตกลง ชนิกานต์รีบบอกธีรดนย์
“ฉันไม่ไปนะ ฉันกลัว”
ธีรดนย์กับกฤติยารีบวิ่งไปที่รถ ธีรดนย์ขับรถออกไป ตามไปทางที่สุรเดชขับไป ชนิกานต์มองตามด้วยความเป็นห่วง
สุรเดชขี่รถหนีตำรวจมาตามถนน ชนกชนม์นั่งนิ่งด้วยความกลัว รถตำรวจวิ่งตาม สุรเดชบิดรถหนีไปตามซอยตรงหน้า ตำรวจหยุดรถ ตามไปไม่ได้ เพราะเป็นซอกเล็กๆ วอร์เรียกทีมเสริมสกัดไว้
ส่วนที่หมู่บ้านจัดสรร ณวัตรถามสารวัตรอย่างร้อนใจ โดยมีกัณฐิกาอยู่ข้างๆ
“ผมเป็นเจ้าของที่นี่ เกิดอะไรขึ้น”
สารวัตรบอกทุกคน
“ผมขอสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับนายสุรเดช ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด”
ทุกคนตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ปกครองนายชนกชนม์ครับ”
ชลนิภาตกใจ ไม่ทันแสดงตัว วีรภัทรจะแสดงตัว แต่นัชชาดึงตัวไว้ แต่วีรภัทรไม่อาจทนได้
“ผมเป็นพ่อชนกชนม์ครับ”
ชลนิภารู้สึกแปลกใจที่วีรภัทรแสดงตัวปกป้อง ชลนิภารีบบอกสารวัตร
“ชนกชนม์เป็นลูกฉัน มีอะไรคุยกับดิฉัน”
“ลูกของคุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการค้ายาด้วย ผมขอรบกวนทุกคนที่เกี่ยวข้องไปให้ปากคำครับ”
ชลนิภาไม่เชื่อ “ลูกฉันไม่ได้ค้ายา คุณก็เห็นว่าลูกฉันถูกจับเป็นตัวประกัน”
“ลูกคุณเป็นเพื่อนสนิทกับพวกผู้ต้องหา ลูกคุณอาจร่วมมือในการหนี” สารวัตรบอก
“ไม่จริง ลูกฉันไม่ได้ค้ายา”
ชลนิภาตกใจ แล้วก็เป็นลม
“คุณชลนิภา!”
วีรภัทรเข้าไปดูชลนิภา คนอื่นๆ เข้าไปช่วยดูแล นัชชาไม่พอใจที่วีรภัทรเข้าไปดูแลชลนิภา สุตาภัญและสุรัมภาเป็นห่วงชนกชนม์มาก
“พี่ชนม์”
สุตาภัญคิดจะทำอะไรบางอย่าง สุทินจับสังเกตสุตาภัญ
สุรเดชวิ่งมาจอดรถในซอยเปลี่ยว เปี๊ยกและชนกชนม์ลงจากรถ
เปี๊ยกบอกชนกชนม์ “หมดประโยชน์แล้ว แกจะไปไหนก็ไปซะ”
สุรเดชลงจากรถ รีบบอกชนกชนม์
“รีบหนีไปซะเพื่อน”
ชนกชนม์โกรธจัด ต่อยสุรเดชเต็มหมัด “ฉันไม่ใช่เพื่อนแก!”
“ฉันขอโทษ”
“แกก็ไม่เชื่อฉัน แกอยากตายรึไงวะ”
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉันจะหนีไปกับแอน ไปอยู่ที่ไม่มีใครตามจับได้ แกให้อภัยฉันนะเพื่อน”
สุรเดชร้องขอจากชนกชนม์ ชนกชนม์ไม่ตอบ
ระหว่างนั้นเฮียปรัชญาและลูกน้องเข้ามา
“ของอยู่ไหน?”
ชนกชนม์มองปรัชญา ก็จำได้ว่าเป็นเจ้าของผับ และบ่อนก็ตกใจ
“เฮีย”
ปรัชญามองหน้าชนกชนม์ ไม่พอใจนัก
“ใครวะ มันเป็นสายตำรวจรึเปล่า”
ลูกน้องปรัชญาชักปืนออกมาจะยิงชนกชนม์ สุรเดชเข้ามากันไว้
“เพื่อนผมเอง มันช่วยพาเราหนีตำรวจ”
ปรัชญาตกใจ “ตำรวจ”
“ตำรวจไม่ตามมาแล้ว...เฮียจ่ายเงินมาก็จบ”
“ของมาเงินไป!”
ปรัชญาต่อรองจะเอายาก่อน สุรเดชลังเล หันไปมองเปี๊ยกซึ่งถือห่อยาอยู่
เสียงไซเรนดังจากรถตำรวจที่วิ่งเข้ามา ลูกน้องปรัชญาวิ่งเข้ามารายงาน
“เฮีย ตำรวจมา”
“พวกเอ็งหาเรื่องให้ข้า! เอายามา”
เปี๊ยกไม่ยอมส่งยาให้ วิ่งหนีไป ปรัชญาจะชักปืนเล่นงาน สุรเดชคว้ามือชนกชนม์ที่ยืนอึ้งอยู่วิ่งหนีไป
“ไปเร็ว”
ปรัชญาสั่งลูกน้อง “เอายามาให้ได้...แล้วตัดตอนพวกมัน อย่าให้สาวมาถึงเฮีย”
ปรัชญารีบออกไปอีกทางพร้อมบอดี้การ์ด ส่วนลูกน้องอีกสองคน ตามพวกสุรเดชไป
ขณะที่สุตาภัญจะเดินออกไปตามเรื่องชนกชนม์ สุทินเดินเข้ามาถาม
“สุตาภัญ เธอจะไปไหน”
“ตาจะไปช่วยเป็นพยานให้ชนกชนม์ที่สถานีตำรวจค่ะ”
สุทินไม่พอใจ สั่งเสียงดัง “กลับบ้าน”
“คุณพ่อคะ ชนม์เป็นคนดี เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้ายา” สุตาภัญบอก
“ตำรวจรายงานว่านายนั่นถูกจับไปสองครั้งแล้ว ต้องร่วมอยู่ในขบวนการ”
“ตำรวจก็ต้องปล่อยตัว เพราะไม่มีหลักฐาน ชนกชนม์เป็นคนดี ตาเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของเขา ตาต้องเป็นพยานให้เขาได้กลับบ้าน”
สุทินโกรธ “สุตาภัญ...เธอวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง เลิกเอาตัวไปเสี่ยงกับวัยรุ่นสร้างปัญหาได้แล้ว”
สุทินสั่ง พูดด้วยเหตุผล สุตาภัญพูดไม่ออก
เปี๊ยกวิ่งนำมาที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง สุรเดชและชนกชนม์วิ่งตาม เปี๊ยกบอกสุรเดช
“แยกกัน แล้วไปเจอที่เก่า”
สุรเดชเข้ามาคว้าตัวเปี๊ยกไว้
“เอายามาไว้ที่ข้า”
“แกไม่ไว้ใจข้า” เปี๊ยกฉุน
ระหว่างนั้นลูกน้องปรัชญาเข้ามาหาทั้งสอง
“เอามาไว้ที่ข้านี่แหละ!”
ลูกน้องปรัชญาคนนั้น เล็งปืนขู่สุรเดชและเปี๊ยกอย่างเอาจริง เปี๊ยกจำต้องส่งห่อยาให้ แต่ฉวยจังหวะทีเผลอ ต่อยสู้ ลูกน้องอีกคนจะเข้าไปเล่นงาน สุรเดชต่อยสู้ ชนกชนม์เข้ามาช่วยสุรเดชส่วนเปี๊ยกต่อยตีกับลูกน้องปรัชญาอีกคนหนึ่ง
ลูกน้องปรัชญาที่สู้กับสุรเดชและชนกชนม์ ได้เปรียบคว้าปืนจะยิงชนกชนม์ ธีรดนย์ตามมาเอาไม้ฟาด ปืนกระเด็นตกพื้น
“ธี” ชนกชนม์ดีใจ
ธีรดนย์และชนกชนม์เข้ามาช่วยกัน ต่อยกับลูกน้องปรัชญา จนมันสลบไป
ลูกน้องปรัชญาที่เหลือแค้นจัด จะยิงสุรเดช กฤติยาตะโกนสุดเสียง
“พี่เดชระวัง”
สุรเดชหันไป กระโดดหลบทัน ชนกชนม์หยิบไม้ปาใส่ลูกน้องปรัชญา เปี๊ยกและธีรดนย์เข้าไปเล่นงาน จนลูกน้องปรัชญาสลบ
เปี๊ยกหยิบห่อยาวิ่งหนีไปทันที
“ไอ้เปี๊ยก”
กฤติยาตะโกนบอก “พี่เดช ...ปล่อยมันไป”
“พี่ต้องเอายาไปขาย เอาเงินหนีไปอยู่ด้วยกัน แอนรอพี่นะ”
สุรเดชวิ่งตามเปี๊ยกไป
กฤติยาร้อนใจบอกชนกชนม์ “พี่ชนม์ไปช่วยพี่เดชด้วย”
แต่ธีรดนย์ห้าม “ปล่อยมันไป มันเลือกทางเดินของมันเอง”
ชนกชนม์ลังเล แล้วตัดสินใจวิ่งตามสุรเดชไป กฤติยาวิ่งตามไปอีกคน ธีรดนย์เป็นห่วง
“แอน”
ธีรดนย์นิ่งคิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ส่วนสุตาภัญยังคงขอร้องสุทิน
“ให้ตาไปช่วยเพื่อนนะคะ”
“คนเลวมันจะพาเราชีวิตเราตกต่ำ...อย่าไปยุ่งกับพวกมันอีก”
สุตาภัญพูดไม่ออก สุรัมภาและเสาวนิตย์ตามเข้ามา ช่วยพูด
“คุณพ่อคะ พี่ชนม์เป็นคนดีจริงๆ นะคะ”
“คนดีต้องไม่มีมลทิน....ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
สุตาภัญและสุรัมภาไม่กล้าเถียงอีก
สุทินบอกจริงจัง “อยากกลับบ้านไปอยู่ด้วยกันก็ทำตามที่ฉันบอก”
สุตาภัญและสุรัมภาอึ้ง นิ่งคิดตัดสินใจ
สุตาภัญยกมือไหว้ขอโทษ “คุณพ่อคะ ตาทิ้งเพื่อนไม่ได้ค่ะ”
สุทินผิดหวังและเสียใจ “ฉันให้อภัยเธอ ให้โอกาสเธอแล้ว แต่เธอทำลายโอกาสนั้นด้วยตัวเธอเอง”
สุทินเดินออกไป เสาวนิตย์เข้าไปขอร้องสุตาภัญและสุรัมภา
“กลับบ้านนะลูก กลับไปกับแม่”
“คุณแม่คะ ตาอยากกลับบ้าน ตาอยากไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่ตาปล่อยให้เพื่อนที่ดี คอยช่วยดูแลตายามลำบาก ติดคุกไม่ได้ค่ะ”
เสาวนิตย์เข้าใจความรู้สึกสุตาภัญ และสงสารชนกชนม์
“พาเพื่อนกลับบ้านให้ได้นะลูก”
สุตาภัญและสุรัมภาดีใจที่เสาวนิตย์เห็นด้วย ทั้งสองโผเข้ากอดเสาวนิตย์อย่างซาบซึ้ง
เสาวนิตย์เดินออกไป สุตาภัญหันไปถามสุรัมภา
“ภากลับไปกับคุณแม่เถอะ”
“ไม่ค่ะ....เราต้องกลับไปด้วยกัน”
สุรัมภายืนยันที่จะอยู่เคียงข้างพี่สาว สุตาภัญซึ้งใจ
ส่วนเปี๊ยกถือห่อยาทำท่าจะวิ่งหนี สุรเดชเข้ามากระชากยื้อแย่งไป พร้อมกับด่า
“เอ็งคิดโกงข้า”
“ข้าไม่ได้โกง แกไม่เชื่อใจก็เอาไปถือเอง”
เปี๊ยกทำทีเป็นส่งห่อยาให้ พอสุรเดชรับไว้เปี๊ยกต่อยแล้วเตะซ้ำ สุรเดชกอดห่อยาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“เอายามา” เปี๊ยกเข้าไปแย่ง
“ไม่ให้ ข้าไม่ให้”
ชนกชนม์วิ่งเข้ามา ร้องห้าม
“หยุดได้แล้ว”
เปี๊ยกเล็งปืนหันไปขู่ชนกชนม์
“ไม่อยากตายก็ออกไป”
ชนกชนม์ไม่กล้าเข้าไป เปี๊ยกกระทืบสุรเดชซ้ำ แต่สุรเดชไม่ยอมปล่อยห่อยา จังหวะนั้นสารวัตรและกำลังตำรวจส่วนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“มอบตัวซะ” สารวัตรตะโกนขึ้น
เปี๊ยกและสุรเดชตกใจ กำลังตำรวจเข้ามามากขึ้น
“วางปืน แล้วมอบตัว!”
ชนกชนม์ยืนยกมืออยู่ที่มุมหนึ่ง ธีรดนย์และกฤติยาเข้ามา ยืนมองห่างออกไป เปี๊ยกจะวางปืนที่พื้น แต่แล้วกลับยิงใส่ตำรวจ
สุรเดชตกใจ “ไอ้เปี๊ยก”
เปี๊ยกยิงต่อสู้ สารวัตรจึงยิงสวนโดนเปี๊ยกล้มลงตายต่อหน้าสุรเดช
สุรเดชมองมองอย่างตื่นตกใจ ชนกชนม์ยืนมองที่มุมหนึ่ง พูดกับตัวเอง
“เดช...มอบตัวเถอะ”
สุรเดชตัดสินใจหยิบปืนของเปี๊ยกที่ตกพื้นแล้วยิงใส่ตำรวจ เห็นตำรวจนายหนึ่งถูกยิงที่ขาล้มลง ชนกชนม์ตกใจที่สุรเดชยิงตำรวจ
“ไอ้เดช!”
ตำรวจระดมยิงใส่สุรเดชไม่ยั้ง สุรเดชวิ่งหนีไป ชนกชนม์มองเห็นก็เป็นห่วง วิ่งตามสุรเดชไป
กฤติยาเห็นสุรเดชหนีก็ตกใจ วิ่งตามไป ธีรดนย์ตามไปด้วย สารวัตรหันไปสั่งลูกน้อง
“ตามไป”
สุรเดชวิ่งหนีมาอีกมุมในโกดังร้าง ชนกชนม์วิ่งเข้ามาห้าม
“ไอ้เดช มอบตัวเถอะ ไม่งั้นแกต้องตายเหมือนเพื่อนแก”
สุรเดชไม่ยอม “ฉันไม่มีทางเลือก ฉันต้องสู้”
“มอบตัวแกก็ยังมีชีวิตรอด”
“คนอย่างฉันไม่ยอมตายในคุก”:
กฤติยาเข้ามาต่อว่าสุรเดช ธีรดนย์ตามเข้ามาด้วย
“หรือพี่อยากตายเหมือนหมาข้างถนน”
สุรเดชตกใจ “น้องแอน”
“วางปืนแล้วมอบตัว...ฉันขอร้อง” กฤติยาพูดซีเรียส เข้ามาจับมือสุรเดช
“ฉันจะดูแลพี่ พี่ยังมีฉัน”
สุรเดชตื้นตัน สับสน ร้องไห้ออกมา “พี่รักแอน พี่ไม่ยอมให้แอนต้องลำบากเพราะพี่อีกแล้ว”
สุรเดชผลักกฤติยาออกไป
“กลับไป อย่ามายุ่งกับพี่”
กฤติยาร้องไห้ “พี่เดช”
สุรเดชหันไปฝากฝังกับธีรดนย์ “ฉันฝากดูแลแอนด้วย”
ธีรดนย์แปลกใจที่สุรเดชหันมาสั่งตน
สุรเดชชี้ปืนไปที่ธีรดนย์ “รับปากสิว่าจะดูแลแอน”
ธีรดนย์รับคำ “ได้...ฉันสัญญา”
สุรเดชหันมาถามชนกชนม์ “ชนม์ แกให้อภัยฉันได้ไหม”
สุรเดชร้องไห้ ถามชนกชนม์ทั้งน้ำตา ชนกชนม์จะตอบ แต่สารวัตรและกำลังตำรวจวิ่งเข้ามา สุรเดชเห็นก็ตกใจ รีบไล่ทุกคน
“หนีไป อย่ามายุ่งกับฉัน”
สุรเดชรีบวิ่งหนีไปอีกทาง เพื่อเบี่ยงความสนใจของตำรวจ
“พี่เดช”
กฤติยาเป็นห่วงจะวิ่งไป ธีรดนย์จับตัวกฤติยาไว้ สุรเดชยิงใส่ตำรวจก่อน ตำรวจยิงสวน
สุรเดชยิงสู้ สารวัตรยิงสวน กระสุนปืนถูกห่อยาในมือสุรเดช เม็ดยาบ้าร่วงกระจายเต็มพื้นพร้อมๆ กับร่างสุรเดชร่วงลงไปกองสิ้นใจตายที่พื้น
ชนกชนม์ช็อก
“ไอ้เดช!”
ชนกชนม์ร้องไห้ กฤติยาตกใจร้องไห้เสียใจ จะวิ่งไป ธีรดนย์ดึงตัวไว้
“อย่าไป...ไม่งั้นเธอต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ฉันจะไปหาพี่เดช”
ชนกชนม์รั้งกฤติยาไว้ แล้วร้องไห้ไปพูดไป “ทำตามที่เดชสั่ง ให้มันได้ตายอย่างสงบ”
ร่างสุรเดชนอนตายคากองยาบ้าที่หล่นเกลื่อนพื้น กฤติยาร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ทรุดตัวลงที่พื้นตรงนั้น ธีรดนย์เข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง
ชนกชนม์ยืนร้องไห้เสียใจ มองไปร่างของสุรเดช
เห็นร่างสุรเดชนอนนอนตายอย่างเดียวดาย กลางกองยาบ้านั้น
ตกตอนกลางคืน ชลนิภาเริ่มรู้สึกตัวหลังจากสลบไป พบว่าตัวเองอยู่ที่ห้องโถงในคฤหาสน์ มองไปเห็นวีรภัทรคอยดูแลอยู่
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
ชลนิภาแปลกใจที่พบว่าวีรภัทรคอยดูแลตน
“คุณ....ชนกชนม์ล่ะ”
“ผมเพิ่งกลับจากสถานีตำรวจ ตำรวจแจ้งว่าวิสามัญฆาตกรรมสองศพ”
ชลนิภาใจหล่นวูบ “ลูก”
วีรภัทรบอก “ไม่ใช่ชนม์ ชนม์หายไป...ตำรวจกำลังตามจับตัวไปสอบสวน”
“ชนกชนม์ค้ายาจริงเหรอ”
“ผมคิดว่าชนม์ติดร่างแหเพราะอยู่ร่วมเหตุการณ์กับเพื่อน...ลูกไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้น ผมอยากให้คุณเชื่อใจลูกบ้าง”
ชลนิภารู้สึกสับสน ไม่มั่นใจว่าชนกชนม์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่
“คุณกลับไปได้แล้ว...ฉันไม่อยากให้ภรรยาคุณมาแหกอกฉันอีก”
นัชชาเดินเข้ามาในห้องพอดี
วีรภัทรกังวลใจ “คุณนัชชา”
ที่ใต้อพาร์ตเม้นต์ สุตาภัญบอกสุรัมภา
“ภากลับเข้าห้องก่อน”
“พี่ตาจะไปไหน”
“พี่จะแวะไปดูพี่ชนม์ที่บ้านพัก เผื่อเขากลับไปที่นั่น”
“ภาไปด้วยค่ะ”
“อย่าเลย ภาต้องพักผ่อนมากๆ ดูแลตัวเองและลูกในท้องให้ดี แล้วพี่จะกลับมา”
“ระวังด้วยนะคะพี่ตา”
สุตาภัญยิ้ม แล้วเดินออกไป สุรัมภามองตามด้วยความเป็นห่วง
ส่วนชลนิภามองนัชชา กลัวจะมีปัญหาตามมา
“เธอหายดีก็ปล่อยสามีฉันกลับได้แล้ว คงไม่สำออยเรียกคะแนนสงสารให้ต้องนอนเฝ้ากันทั้งคืน”
วีรภัทรหน้าตึง “คุณนัชชา คุณพูดอะไร”
“ฉันก็พูดตามสิ่งที่ภรรยาเก่าคุณคิด”
“ฉันไม่เคยมีความคิดอย่างนั้น” ชลนิภาบอก
“แล้วสิ่งที่ทำเกิดจากอะไร ถ้าไม่ใช่สมองคิด รึว่าเธอไม่ได้ใช้สมอง ถึงคิดสร้างเรื่องให้สามีฉันต้องคอยพะเน้าพะนอตลอดเวลา”
ชลนิภาชักโกรธ “เธอดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว”
“ฉันพูดน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น...ไม่ว่าจะแผนไล่ลูกออกจากบ้าน ให้ลูกคอยมาหาสามีฉัน ไหนจะปล่อยให้ลูกชายสร้างปัญหา สามีฉันต้องไปประกันตัว”
วีรภัทรห้าม “คุณนัชชาพอเถอะ”
นัชชาแหวใส่ “คุณนั่นแหล่ะพอได้แล้ว...เลิกยุ่งกับชนกชนม์ ถ้าคุณไม่เลิกยุ่งกับลูกคนนี้ ชีวิตคุณก็คงต้องเข้าออกสถานีตำรวจ 24 ชั่วโมง”
ชลนิภาทนไม่ไหว “กรุณาไปทะเลาะกันที่บ้าน ฉันไม่อยากฟังปัญหาในครอบครัวของพวกเธอ”
นัชชาหันมาทางวชลนิภา “ปัญหาในบ้านฉันมันเกิดจากเธอ”
“อย่ามาโยนความผิดให้ฉัน เธอทำหน้าที่ภรรยาบกพร่องปกครองสามีไม่ได้ ก็อย่ามาโทษฉัน”
“ยังมีหน้ามาด่าฉันอีก เธอมันไร้ยางอาย”
“คุณนัชชา กลับไปได้แล้ว”
วีรภัทรตัดสินใจพานัชชาออกไปจากห้อง ชลนิภามองตามไม่พอใจจึงเดินตามไป
ชนกชนม์นั่งเศร้าเสียใจกับการตายของสุรเดช ธีรดนย์เข้ามาปลอบใจ
“แกโอเคไหม กลับเถอะ ทุกคนเป็นห่วงแก”
“ฉันไม่เป็นไร แกกลับไปส่งแอน”
ชนกชนม์หันไปยิ้มให้กฤติยา ธีรดนย์เดินออกไปพร้อมกฤติยา
ชนกชนม์ยืนเศร้าร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด
วีรภัทรลากนัชชาออกไป นัชชาสะบัดมือออกสุดแรง
“ปล่อยฉัน!”
“คุณก็พูดแรงเกินไป”
“คุณมียังมีใจให้มันใช่ไหม คุณถึงปกป้องมัน คุณผิดสัญญาที่ให้กับฉัน”
วีรภัทรรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่ผิดคำสัญญากับคุณ แต่ผมห่วงลูก”
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ คุณเลิกกันแล้ว ทำไมต้องดูแลกันอีก!”
ชลนิภาเดินเข้ามาจะโวยวายใส่นัชชา...แต่หยุดฟังเหตุผลของวีรภัทร
“คุณจะให้ผมปฎิเสธความรักความห่วงใยที่ผมมีต่อลูกไม่ได้...ทำไมคุณตั้งแง่รังเกียจชนกชนม์นัก”
“ฉันไม่ได้รังเกียจแก แต่ฉันกลัว...” นัชชา
วีรภัทรแปลกใจ
“คุณรู้ไหม...ทุกครั้งที่คุณช่วยลูก ช่วยภรรยาคุณ ฉันกลัวเสียคุณไป...”
วีรภัทรอึ้ง ชลนิภาอยากรู้เหตุผลของนัชชา
“ภรรยาเก่าคุณดีกว่าฉันทุกอย่าง ทั้งฐานะ ชื่อเสียง เป็นคนเก่ง ฉันสู้เธอไม่ได้เลย...เวลาคุณมาที่นี่ หรือยุ่งเกี่ยวกับคนที่นี่ ฉันอดระแวงไม่ได้”
นัชชาระบายความในใจออกมา แล้วเดินหนีไป นัชชาเดินไปแล้ว วีรภัทรยืนนิ่งอึ้ง ชลนิภาเดินเข้ามาหาวีรภัทร
“กลับไปเถอะค่ะ อย่าทำให้เธอเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้ ฉันขอบคุณที่คุณคอยห่วงใยพวกเรา ต่อไปนี้ ฉันจะต้องดูแลตัวเอง ไม่เป็นภาระให้ใครต้องเดือดร้อนอีก”
วีรภัทรพยักหน้า แล้วเดินออกไป ชลนิภามองตาม นึกเป็นห่วงชนกชนม์
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 16 (ต่อ)
ชนกชนม์เดินเข้ามาหยุดยืน กวาดตามองในตึกร้างที่สุรเดชเคยอยู่ คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
ทั้งตอนที่สุรเดชเคยแกล้งชนกชนม์ต่างๆ นาๆ สุรเดชร้องเพลงประจำแก๊ง...ลูกเทวดา สุรเดชมีเรื่องแล้วตนไปช่วย และตอนที่สุรเดชวางแผนลักพาตัวนิธิ เพื่อให้ชนกชนม์เป็นฮีโร่
กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุด ที่ชนกชนม์ต่อยสุรเดชที่โกหกเรื่องยา แล้วสุรเดชขอให้ชนกชนม์ให้อภัย แต่ชนกชนม์ไม่ตอบ สุดท้ายเป็นภาพตอนสุรเดชไล่ให้ทุกคนออกไป แล้ววิ่งหนีตำรวจ จนถูกตำรวจวิสามัญล้มลงสิ้นใจคาที่
คิดขึ้นมาแล้วชนกชนม์ร้องไห้ออกมาด้วยความ พร้อมกับตะโกนก้องไปทั้งตึกร้าง เหมือนอยากให้สุรเดชรับรู้
“ฉันให้อภัยแก...ฉันให้อภัยแกได้เสมอ เพื่อนรักของฉัน”
ส่วนชนิกานต์กำลังต่อว่ากัณฐิกา อย่างเอาเรื่อง
“ยัยแม่มด เธอต้องรับผิดชอบ”
“จะให้ฉันรับผิดชอบอะไร ฉันไม่ได้ทำผิด”
“กล้าพูดแน่ะ งานคุณพ่อฉันพังเพราะหลานเธอ หลานเธอคบโจร”
กัณฐิกาเถียงไม่ออก
“น้าเป็นยังไงหลานก็เป็นอย่างนั้น นี่ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอสองคนเป็นญาติกัน คงคิดว่าเป็นแม่ลูก เชื้อไม่ทิ้งแถว”
กัณฐิกาอึ้ง นิ่งงัน กลัวชนิกานต์รู้ความจริง
ชนิกานต์สงสัย “รึเธอสองคนเป็นแม่ลูกกัน”
“ไม่ใช่...แอนเป็นหลานเป็นลูกบุญธรรมฉัน”
“หัดสอนหลานให้ใฝ่ดีบ้าง ไม่ใช่เอาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน ไม่งั้นฉันจะให้คุณพ่อไล่ออกไปทั้งน้าหลาน”
ชนิกานต์เดินออกไป กัณฐิกาเจ็บใจที่ถูกด่า แต่เถียงกลับไม่ได้ เลยยิ่งโกรธกฤติยา
“ยัยแอน”
ชนิกานต์รอคอยธีรดนย์อยู่ในคฤหาสน์ ธีรดนย์เดินเข้ามาพร้อมกับกฤติยา ชนิกานต์รีบวิ่งเข้าไปหา
ธีรดนย์หันไปปลอบใจกฤติยา
“ทำใจเถอะ ยังไงเขาก็จากไปแล้ว นี่อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่เขาไม่ต้องทุกข์ทรมานอีก”
กฤติยายังคงเสียใจเรื่องสุรเดช
“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงกลับไปคบสุรเดช ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ดี”
“อย่าพูดจาดูถูกแฟนฉัน เขาจะแย่จะเลวยังไง..เขาได้ชื่อว่าเป็นแฟนฉัน” กฤติยาร้องไห้โฮ
ธีรดนย์อึ้ง
“แล้วที่สำคัญ...เขาเป็นคนที่รักฉันมากที่สุด”
“จริงอย่างที่เธอพูด...เขาเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ในความรัก และรักเธอมากที่สุด ฉันขอโทษ”
ธีรดนย์เข้าไปกอดปลอบใจกฤติยา ชนิกานต์เห็นวิ่งเข้ามากระชากตัวกฤติยาออกห่างธีรดนย์
“ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับธี”
ธีรดนย์กันชนิกานต์ออกไป “นิกกี้!”
“นายเข้าข้างมัน นายปกป้องมัน”
“ฉันไม่แย่งธีไปจากเธอหรอก ฉันมีแฟนแล้ว”
ชนิกานต์ไม่เชื่อ ด่าซ้ำ “ไม่ต้องเอาสุรเดชมาบังหน้า ป่านนี้มันหนีตำรวจไม่กลับมาแล้วเธอก็ต้องกลับมาหาธี”
“ฉันไม่เคยใช้เขาบังหน้า ฉันแค่คิดว่าฉันควรจะเลือกคนที่รักฉัน...แล้วมันจะทำให้เธอเลิกระแวงในตัวฉัน”
ชนิกานต์รู้ความจริงก็รู้สึกผิดที่ต่อว่ากฤติยา
“ฉันจะแน่ใจได้ไงว่าเธอจะยังรักมัน มันไม่อยู่แล้ว”
กฤติยาร้องไห้โฮ “ใช่...เขาไม่อยู่แล้ว...ต่อให้เขาจากฉันไปไกลแค่ไหน...ฉันก็จะรักเขา...ฉันจะซื่อสัตย์ต่อเขา ฉันไม่มีวันรักใครได้อีก...” กฤติยามองหน้าธีรดนย์ขณะบอก “ไม่มีวันรักใครได้อีก”
กฤติยาร้องไห้แล้วเดินออกไป
ชนิกานต์แปลกใจ “เธอพูดอะไร ทำไมต้องร้องไห้”
ธีรดนย์บอก “สุรเดชตายแล้ว”
ชนิกานต์รู้ความจริงก็ตกใจ รู้สึกผิดที่ต่อว่ากฤติยาและสุรเดช
ชยางกูรเดินเข้าไปหาเพทายที่มุมหนึ่งของบ้าน
“แกไม่ควรมาที่นี่ กลับไปซะ”
“ฉันแค่มาบอกข่าว ว่าศัตรูหมายเลขหนึ่งแกตายแล้ว”
“ไอ้เดช” ชยางกูรรู้สึกใจหายและกลัว
“ถ้าตำรวจไม่ซัดมันจนพรุน เฮียก็ไม่มีวันปล่อย ใครที่หักหลังเฮียไม่เคยรอด!” เพทายขู่ชยางกูรอยู่ในที
“หมดเรื่องก็กลับไปได้แล้ว”
“ฉันจะมาชวนแกไปดื่มฉลองชีวิตใหม่ ไม่มีหนี้ ไม่มีศัตรู”
“ฉันไม่ไป ฉันเลิกหมดแล้ว เสร็จเรื่องจัดสุตาภัญให้เฮียแก ฉันจะไม่ยุ่งกับพวกแกอีก”
“ฉันดีใจด้วยกูร ถึงฉันทำงานให้เฮีย ฉันก็ไม่ชอบขี้หน้ามัน สักวันฉันต้องดัดหลังเอาคืนมันให้ได้”
ชยางกูรมองเพทาย ไม่ค่อยเชื่อใจนัก
“ขอยืมมือถือหน่อย” เพทายบอก
ชยางกูรไม่ยอม “แกก็มี”
“แบตหมด ฉันจะโทรยกเลิกสาวๆ ว่าแกไม่ไปแล้ว”
ชยางกูรไม่อยากให้ยืมโทรศัพท์ แต่เพทายดึงไป แล้วทำทีหันหลังออกไปกดโทร.ออก...
ส่งสัญญาณบางอย่าง
ลูกน้องปรัชญาเข้ามาหา ชยางกูรตกใจ จะเดินหนีเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้องกลัว แค่มาเตือนว่าอย่าลืมคำสั่งเฮีย”
“รู้แล้วน่า”
เพทายกำลังถือมือถือในมือ ชยางกูรเข้ามาดึงมือถือไป
“เดี๋ยวแม่ฉันมาเห็น...พวกแกกลับไปได้แล้ว!”
เพทายพยักหน้า แล้วออกไปพร้อมกับลูกน้องปรัชญา ชยางกูรมองดูมือถือ จะเปิดดูข้อมูลในเครื่อง
เสียงกริ่งดังขัดขึ้นก่อน ชยางกูรแปลกใจ
ด้านสุตาภัญเดินเข้าไปด้านในบริเวณชุมชน ตรงไปยังบ้านพักของชนกชนม์
แมนเพื่อนสุรเดชนั่งอยู่ที่วินมอ'ไซค์ เห็นสุตาภัญก็จำได้ว่าเป็นแฟนชนกชนม์ มองตามอย่างสนใจ
เป็นชนกชนม์ที่มากดกริ่งหน้าบ้านเพื่อมาพบชลนิภา แต่กลับเห็นชยางกูรเดินออกมาหา
ชนกชนม์แปลกใจ “กูร”
“แกสร้างเรื่องยังไม่พอ ยังมีหน้ามาอีก...คิดจะทำให้คุณแม่ช็อกตายรึไง”
“ฉันหนีตำรวจ ฉันจะไปมอบตัวสู้คดี ฉันไม่ได้ขายยา...ฉันจะให้คุณแม่หาทนายความสู้คดี”
“คุณแม่ไม่อยากเห็นหน้าแก คุณแม่สั่งทุกคนในบ้านห้ามติดต่อไม่ให้แกเหยียบบ้านหลังนี้ เพราะแกไม่ใช่ลูกคนแม่”
ชนกชนม์หน้าเศร้า รู้สึกเสียใจ
ชยางกูรตะเพิดส่ง “ไปได้แล้วไอ้หมาหัวเน่า”
“ขอฉันพบคุณแม่ครั้งสุดท้าย…อย่างน้อยให้ฉันได้กราบขอโทษคุณแม่”
“รักคุณแม่ก็อย่าทำเสนอหน้าให้คุณแม่ตรอมใจ...กลับไปซะ!”
ชนกชนม์ผิดหวังที่ไม่ได้เจอชลนิภา เดินออกไปด้วยความเสียใจ ชยางกูรมองตามด้วยความสะใจ
“ไม่มีใครแย่งชิงความรักของฉันไปได้”
ชยางกูรเดินเข้ามาในบ้านเจอชลนิภารออยู่
“ใครมาลูกกูร”
“แรงงานต่างด้าวนะครับคุณแม่ มาสมัครงานแต่ไม่มีใบอนุญาตผมไล่ไปแล้ว เกรงจะสร้างปัญหาให้คุณแม่”
ชลนิภาพยักหน้ารับรู้ แล้วถามเรื่องหนี้บ่อน
“ลูกเอาเงินไปเคลียร์หนี้รึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับคุณแม่ กูรจะไม่เข้าบ่อน ไม่ยุ่งกับพวกมันอีก...กูรจะไม่ทำให้คุณแม่เสียใจครับ”
ชยางกูรเข้าสวมกอดแม่ ชลนิภายิ้ม แต่ภายในใจยังคงกังวลเรื่องชนกชนม์
สุตาภัญเดินเข้าไปในบ้าน เรียกหาชนกชนม์
“ชนกชนม์ นายกลับมารึยัง”
สุตาภัญเดินเข้าไป สอดสายตาไม่เจอชนกชนม์
ขณะที่ธีรดนย์เดินเข้ามาในห้องนอน เจอชนิกานต์ก็แปลกใจ
“เธอมาทำอะไร”
“ฉันรู้สึกผิดที่ต่อว่านายกับแอน ฉันจะมาขอไถ่โทษ”
ธีรดนย์มองเห็นชนิกานต์กำลังจัดผ้าปูเตียงนอน
“ไม่ต้องจัดให้ฉัน ฉันทำเองได้”
“ให้ฉันช่วยเถอะ ถ้าไม่ให้ฉันช่วย แสดงว่านายไม่ให้อภัยฉัน...ฉันสำนึกผิดจริงๆ นะ”
ชนิกานต์เอาเรื่องนี้มาต่อรอง ธีรดนย์ไม่มีทางปฎิเสธได้
สุตาภัญเข้ามาในห้องนอนชนกชนม์ มองเห็นกองเสื้อผ้า ก็คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในบ้านหลังนี้ ตอนที่ตนช่วยซักเสื้อผ้าให้ชนกชนม์ แต่ชนกชนม์ตกใจ
“ไม่ต้องซัก ฉันซักเอง”
“ขืนปล่อยให้นายซักเอง เสื้อผ้าขึ้นราแน่”
ชนกชนม์แกล้งทำเป็นเขินอาย “เกรงใจจัง ยังมีอีกตัวนึง”
ว่าแล้วชนกชนม์โยนเสื้อที่ถือไว้ในมือ ใส่ในกาละมัง จนทำให้ฟองกระเด็นใส่หน้าสุตาภัญ
“ว้าย”
ชนกชนม์หัวเราะร่ายืนขำ สุตาภัญร้องโวยวาย
“แสบตาอ่ะ”
ชนกชนม์ตกใจ ตัดสินใจถอดเสื้อตัวเอง เอาผ้าไปเช็ดหน้าให้สุตาภัญ
“หายเจ็บรึยัง”
ชนกชนม์เช็ดคราบฟองออกหมด ทั้งสองคนมองหน้ากันเหมือนจะซึ้ง สุตาภัญแลบลิ้น แล้ววักเอาฟองผงซักฟอกใส่
ชนกชนม์โวย “แกล้งฉันอีกแล้วนะ”
“ไม่ได้แกล้ง...ก็เห็นตัวนายสกปรก ต้องซักให้สะอาด”
“อยากซักใช่ไหม?”
สุตาภัญยักคิ้วใส่
ชนกชนม์ถอดกางเกงออกเหลือแต่บ๊อกเซอร์
สุตาภัญร้อง “ว้าย....นายทำอะไร”
“กางเกงสกปรกมาก ซักให้ด้วยนะจ๊ะคนใช้” ชนกชนม์โยนกางเกงใส่กาละมัง
สุตาภัญหมั่นไส้..คิดเอาคืน “ได้ค่ะ เจ้านาย” ถือแปรงลุกขึ้นยืน
“ทำอะไร?”
“ตัวนายก็สกปรก...ต้องขัดให้สะอาด”
“อย่า”
สุตาภัญวิ่งถือแปรงไล่ขัดตัว ชนกชนม์วิ่งหนีรอบกาละมัง แล้วหาจังหวะวักน้ำใส่ สุตาภัญแกล้งเอาผงซักฟอกโรยตัวชนกชนม์ วิ่งไล่ขัด อย่างสนุกสนาน
สุตาภัญเห็นเสื้อผ้าที่ซัก วางกองไว้ จึงเดินเข้าไปนั่งลงพับผ้า
ส่วนธีรดนย์ยืนนิ่ง ปล่อยให้ชนิกานต์จัดผ้าปูเตียง
“มาช่วยฉันขึงผ้าปูเตียงสิ”
ธีรดนย์จำต้องเข้าไปช่วยชนิกานต์ ทั้งสองขึงผ้าปูเตียงด้วยกัน ช่วยกันถอดปลอกหมอนเปลี่ยน
“ฉันมีของเซอร์ไพร้ส์นาย”
ชนิกานต์หยิบปลอกหมอนที่เพ้นท์ลายดอกไม้ ด้วยสีบาติก
“ซื้อมาจากไหน”
“ใครบอก ฉันทำเองต่างหาก”
ชนิกานต์เล่าที่ตนแอบทำผ้าบาติก วาดลายดอกไม้ เพื่อทำปลอกหมอน
และโชว์ปลอกหมอนที่เสร็จเรียบร้อย
“ฉันทำด้วยใจเลยนะ มอบให้คนพิเศษ”
ธีรดนย์จ้องหน้า มองดุ
“เพื่อนสนิท” ชนิกานต์ยิ้มๆ
ธีรดนย์โล่งอก
ชนิกานต์หยิบปลอกหมอนมายัด แต่ยัดไม่เข้า ธีรดนย์ช่วยทำชนิกานต์ยิ้มหน้าบาน
“เสร็จแล้ว ออกไปได้แล้ว”
ชนิกานต์ยิ้มเหมือนจะออกไป แต่แล้วกลับล้มตัวลงนอนที่เตียง
“เฮ่ย..ทำอะไร”
“ปูเตียงก็ต้องทดสอบ ว่าขึงตึงไหม”
“ลุกไปได้แล้ว”
“ลุกไม่ขึ้นอะ ดึงขึ้นหน่อย”
ชนิกานต์ยื่นมือให้ ธีรดนย์จำต้องดึงมือ แต่ชนิกานต์แกล้งดึงกลับ ร่างธีรดนย์ล้มทับตัวชนิกานต์ ชนิกานต์มองหน้าซึ้งๆ ธีรดนย์เคลิ้มจะจูบ ชนิกานต์หลบหน้าแล้วผุดลุกขึ้น
“เพื่อนกัน ไม่ทำอย่างนี้”
ธีรดนย์รู้สึกตัว “ออกไปได้แล้ว ฉันจะนอน”
พลางดันตัวชนิกานต์ออกจากห้อง แล้วปิดประตู ธีรดนย์โล่งใจที่มีสติ ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น
“กู๊ดไนท์นะเพื่อนสนิท”
ชนิกานต์ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องอย่างมีความสุข
ฝ่ายสุตาภัญนั่งพับเสื้อผ้าให้ชนกชนม์ พับด้วยความรักและความสุขที่ทำให้ชนกชนม์
ที่หน้าชุมชน ชนกชนม์คอยมองซ้ายมองขวา กลัวตำรวจดักจับ ชนกชนม์เดินไป เจอรุ่นพี่เรียกไว้
“ชนม์ เมื่อกี้แฟนเอ็งไปหาเอ็งที่บ้าน”
“ตา”
แมนบอกแล้วเดินไปเลย ชนกชนม์คิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
วันนั้นสุตาภัญถือไม้กวาดจะเปิดเข้าไปห้องนอน ชนกชนม์วิ่งมาขวางไว้
“หลบไป ฉันจะเข้าไปทำความสะอาดให้”
“ไม่เป็นไร ห้องนี้สะอาดแล้ว”
“เชื่อตายล่ะ ข้างนอกสกปรกมาก ข้างในก็ต้องมากถึงมากที่สุด”
สุตาภัญจะเข้าไปให้ได้ ชนกชนม์ขวางไว้
“มีอะไรปิดบังฉัน” สุตาภัญจ้องหน้า
“มี”
“อย่าบอกนะว่านาย...เล่นยา”
“ใช่..ฉันติดยา” ชนกชนม์ยอมรับ
สุตาภัญตกใจ
ชนกชนม์หยิบหยอดยาสีฟันขึ้นมา “ยาสีฟัน ต้องใช้ทุกวันวันละสองครั้ง มามะ มาติดยาด้วยกัน”
ชนกชนม์จะบีบยาสีฟันใส่ปากสุตาภัญ จนสุตาภัญต้องวิ่งหนีไป
“ทะลึ่ง”
ชนกชนม์ดีใจที่สุตาภัญวิ่งหนีไป หันไปมองในห้อง
ชนกชนม์รีบเข้าไปหยิบยา และอุปกรณ์เสพยาเสพติด ยัดใส่กล่อง ซ่อนไว้ใต้เตียง ชนกชนม์ยิ้มให้ตัวเอง
ชนกชนม์ดึงตัวเองกลับมา สีหน้าเป็นกัวลใจ กลัวสุตาภัญจะเจอยาเสพติด รีบวิ่งไปที่บ้าน
“ตา”
สุตาภัญหอบผ้าที่พับไว้ ไปวางไว้ที่มุมหนึ่ง นึกเป็นห่วงชนกชนม์
“นายจะกลับมาไหม”
สุตาภัญนั่งคิดกังวลอยู่อย่างนั้น จู่ๆ มีแมวตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาตรงหน้า สุตาภัญตกใจ
“ว้าย” เห็นแมวก็โล่งใจ “น้องเหมียวนี่เอง”
สุตาภัญจะเข้าไปจับ แต่แมววิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนชนกชนม์
“น้องเหมียวออกมา”
ชนกชนม์รีบวิ่งไปยังบ้านพัก กลัวสุตาภัญจะเจอยาเสพติด หวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ริมน้ำ ตอนนั้นสุตาภัญคุยอยู่กับชนกชนม์
“ตาอยากให้ชนม์กลับไปอยู่บ้านเร็วๆ ไม่อยากให้พักที่นี่เลย”
“ทำไมล่ะ”
“ตากลัวเพื่อนชนม์ชวนไปขายยาอีก”
“ฉันไม่ขายแน่นอน”
“แล้วเคยเสพยาไหม”
“ถามทำไม?”
“ถ้าเคยจะได้เลิกคบ”
“เฮ่ย...ถึงกับเลิกคบเลยเหรอ”
“ตารับไม่ได้...ตาถือว่าคนติดยา คบไม่ได้...เขาจะรักเราได้ยังไงในเมื่อเขาไม่รักตัวเอง”
ชนกชนม์คิดถึงคำพูดของสุตาภัญ ดึงตัวเองกลับมาสีหน้ากังวลใจ รีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด
สุตาภัญเข้าไปในห้องชนกชนม์ มองหาแมว
“เหมียวจ๋า อยู่ไหนจ๊ะ”
สุตาภัญมองหา เห็นแมววิ่งเข้าไปใต้เตียง สุตาภัญนั่งข้างเตียง ใช้มือคว้าตัวออกมา
“มานี่เร็วคนเก่ง”
มือสุตาภัญคว้าเอากล่องออกมา สุตาภัญไม่สนใจ หยิบกล่องนั้นวางไว้ข้างนอก ก้มคว้าตัวแมวต่อไป
ด้านชนกชนม์วิ่งมาถึงหน้าบ้าน เห็นประตูเปิดอยู่ รีบวิ่งเข้าไปด้านในบ้าน
สุตาภัญควานหาตัวแมว แมววิ่งหนีออกมา ประตูห้องเปิดออก ชนกชนม์เดินเข้ามา
“ชนม์”
สุตาภัญลุกขึ้นจะไปหาชนกชนม์ แล้วสะดุดกล่องบางอย่าง กล่องกระเด็น หลอดและอุปกรณ์เสพยาเสพติดกระจายที่พื้น ชนกชนม์ตกใจ สุตาภัญก้มลงเก็บหลอดขึ้นมามองชนกชนม์เป็นเชิงถาม
“นาย”
ชนกชนม์อึกอัก “ตา...ฉัน”
สุตาภัญตกใจ เสียใจ และโกรธเมื่อรู้ว่าชนกชนม์เสพยา วิ่งเตลิดออกไปจากห้องทันที
“ตา” ชนกชนม์ใจหล่นวูบ
สุตาภัญวิ่งมาหยุดยืนอยู่ ที่ริมน้ำแห่งหนึ่งในละแวกชุมชน ทั้งโกรธและเสียใจ ชนกชนม์วิ่งเข้ามาหา
“ผมขอโทษ”
สุตาภัญตบหน้าชนกชนม์ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“ขอโทษ ขอโทษ ฉันต้องฟังคำขอโทษนายอีกกี่ร้อยครั้ง นายก็ยังทำผิดตลอดเวลา”
“ฉันรู้ว่าฉันผิด..ฉันจะเลิกเล่นยา ไม่ยุ่งกับมันอีก...เธอช่วยฉันนะ”
ชนกชนม์เข้ามาจับมือสุตาภัญ แต่สุตาภัญปัดมือเดินหนี
“ฉันจะมอบตัว ฉันอยากให้เธอเป็นพยานให้ฉัน เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้ขายยา”
“คุณพ่อฉันเตือนให้เลิกยุ่งกับนาย คุณพ่อจะรับฉันกลับบ้าน แต่ฉันเลือกที่จะไปสถานีตำรวจให้ปากคำเพื่อปกป้องนาย นายกลับหักหลังฉัน ฉันไม่เหลือความเชื่อใจศรัทธาในตัวนายอีกแล้ว”
“ตา...ฉันไม่มีใคร...ฉันมีเธอคนเดียว เธอเป็นนางฟ้าของฉัน”
“หมดเวลาของนายแล้ว...นางฟ้ามีหน้าที่ปกป้องคนดี ไม่ใช่นาย”
สุตาภัญถอดสร้อยล็อกเก็ตรูปครอบของชนกชนม์ โยนใส่แล้ววิ่งออกไป
ชนกชนม์เสียใจมาก “ตา”
สุตาภัญวิ่งมาแล้วหยุดร้องไห้ที่มุมหนึ่งของถนน ทั้งเสียใจ น้อยใจ และโกรธ ที่รู้ว่าชนกชนม์โกหกเรื่องเสพยา
ส่วนชนกชนม์ก้มเก็บสร้อยขึ้นมา นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนบอกสุตาภัญเองว่าวันใดที่สุตาภัญไม่ต้องการเขา ให้คืนสร้อย
ชนกชนม์มองสร้อย ทรุดตัวร้องไห้เสียใจ
เช้าวันต่อมากัณฐิกาเข้ามาในห้องกฤติยา
“ลูกแอน ตื่นรึยัง”
กฤติยานั่งซึมที่มุมหนึ่งของห้อง หน้าเซียวซีดเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอน
“แอน..ลูกยังไม่ได้นอน”
“แอนนอนไม่หลับค่ะ”
กฤติยาร้องไห้ออกมาอีก เสียใจเรื่องสุรเดชตาย กัณฐิกาเข้าไปกอดปลอบใจ
“สุรเดชไปดีแล้ว หมดเวรหมดกรรมกัน จำคำยายสอนได้ไหม ชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า อย่ายึดติดกับอดีต ทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
“แอนจำทุกคำสอนของยายได้ แต่แอนทำใจไม่ได้ค่ะแม่”
กัณฐิกากอดปลอบใจสงสารลูกสาวจับใจ
ขณะเดียวกันชนิกานต์พาธีรดนย์มายังห้องครัว
“อะไรของเธออีก”
ชนิกานต์ผายมือไปที่โต๊ะเตรียมอาหาร เห็นเครื่องปรุงทำข้าวต้มทรงเครื่องวางอยู่
ธีรดนย์สงสัย “ทำอะไร”
“ข้าวต้มทรงเครื่อง” ชนิกานต์บอก
“ทำเองสิ ฉันเคยสอนแล้ว”
ธีรดนย์จะเดินออกไปเลย แต่ชนิกานต์ลากตัวไว้
“ก็คนสวยลืมอ่ะ” ชนิกานต์ออดอ้อน “นะนะ”
ธีรดนย์บ่นอุบ “สอนหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่รู้จักจำ”
ชนิกานต์ชี้ที่ธีรดนย์ “มีตัวช่วย ไม่ต้องจำ”
จากนั้นชนิกานต์เดินไปเตรียมทำอาหาร พลางหันไปถามธีรดนย์
“ทำไง”
ธีรดนย์จำต้องเดินเข้ามาบอกสูตรการทำให้ ชนิกานต์ยิ้มพอใจ ทำตามธีรดนย์บอกทุกขั้นตอน
แต่ชนิกานต์ทำผิด ธีรดนย์ต้องเข้ามาช่วยทำ ชนิกานต์ยิ้มพอใจ
ด้านสุตาภัญแต่งตัวเสร็จเตรียมจะไปมหาวิทยาลัยสุรัมภาเข้าไปถาม
“พี่ตาเจอพี่ชนม์รึเปล่า? พี่ชนม์เป็นไงบ้างคะ”
“พี่ไม่เจอ ไม่รู้เขาหนีไปไหน? เขาอาจร่วมขายยากับเพื่อน กลัวความผิดหนีไปไม่กลับ”
สุรัมภางงกับท่าทีและคำพูดพี่สาว “ทำไมพี่ตาพูดงั้นล่ะ พี่ตาเป็นคนที่เชื่อใจพี่ชนม์มากที่สุด”
“เวลานี้พี่ขอเชื่อใจตัวเอง พี่ไม่เชื่อคนอื่นอีกแล้ว...พี่ไปมหาลัยก่อนนะ”
สุตาภัญตัดบท แล้วรีบออกไปจากห้อง สุรัมภามองตาม แปลกใจในความคิดของสุตาภัญที่ปลี่ยนไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น สุรัมภาหยิบมองดู เห็นชื่อชยางกูรก็ตกใจ
“ชยางกูร”
ชยางกูรอยู่ในสวนสาธารณะหมู่บ้าน คุยโทรศัพท์กับสุรัมภา
“ไม่อยากดังกระฉ่อนเน็ท....พาพี่สาวเธอมาหาฉันที่นี่ !”
ชยางกูรเหยียดยิ้มอย่างสะใจ
สุรัมภาอยู่ฟังคำสั่งชยางกูร น้ำตาไหล กดวางสาย สีหน้าผิดหวัง
“คลิปยังอยู่กับมัน”
สุรัมภาเครียดที่ต้องหลอกลวงสุตาภัญอีก
อีกฟาก เสียงเคาะประตูห้องกฤติยาดังขึ้น กัณฐิกาเปิดประตูห้อง มองไปตรงหน้าก็แปลกใจ เห็นชนิกานต์ยืนเชิดอยู่หน้าประตูห้อง
“ทำหน้ายังกะไม่เคยเห็นนางฟ้า”
ชนิกานต์พูดพลางจะเข้าไป แต่กัณฐิกากันไว้ไม่ให้เข้าห้อง
“มาทำไม”
“คางคกขึ้นวอ อาศัยอยู่นานจนลืมตัวว่าฉันเป็นเจ้าของบ้าน ฉันจะเข้าออกห้องไหนก็ได้ มันเป็นบ้านฉัน หลบไป”
ชนิกานต์จะเข้าไป แต่กัณฐิกากันไว้ไม่ให้เข้า
“ฉันไม่ยอมให้เธอเข้าไปแกล้งยัยแอน”
ชนิกานต์ชักฉุน “เคยมองฉันในมุมบวก คิดดีกับฉันบ้างไหม”
“ไม่! ต่อให้เธอแต่งชุดชีมายืนอยู่ตรงหน้า ฉันก็ไม่ไว้ใจเธอ”
ชนิกานต์ไม่พอใจที่กัณฐิกาต่อว่า จังหวะนั้นธีรดนย์ถือถาดใส่ข้าวต้มเดินเข้ามา ชนิกานต์หันไปบอกธีรดนย์
“นายธี ทำคุณบูชาโทษ เอาไปทิ้งให้หมามันกินซะ!”
ธีรดนย์อธิบายยืนยัน “คุณกัณครับ นิกกี้ทำข้าวต้มมาให้แอนครับ”
“ฉันไม่เชื่อ เธอคิดจะเอาข้าวต้มราดหน้าหลานฉัน”
ชนิกานต์โกรธ “อย่าเอาความคิดร้ายๆ ของตัวเองมาคิดแทนฉัน”
สองคนเริ่มทะเลาะกันแรงขึ้น ธีรดนย์ต้องเคลียร์
“คุณกัณเข้าใจผิดครับ นิกกี้ตั้งใจเอามาฝากแอนจริงๆครับ...ผมรับรองได้”
กัณฐิกามองชนิกานต์อย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่อ่อนลง เชื่อคำพูดธีรดนย์
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 16 (ต่อ)
ครู่ต่อมากฤติยานั่งเหม่ออยู่ในห้องนอน เห็นชนิกานต์เดินเข้ามา มีธีรดนย์ถือถาดใส่ข้าวต้มวางไว้
“เธอเป็นไงบ้าง? ทานข้าวต้มนะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”
กัณฐิกายืนมองห่างๆไม่ไว้ใจชนิกานต์
ชนิกานต์จะตักข้าวต้มป้อนกฤติยา
“ฉันป้อน”
กฤติยาบอก “ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องทาน จะมาตายในบ้านฉันไม่ได้!”
ธีรดนย์มองดุชนิกานต์ที่พูดจาไม่ดี ชนิกานต์รีบเปลี่ยนคำพูด
“ฉันเป็นห่วงเธอ ฉันอุตส่าห์ทำมาให้ด้วยใจนะ”
กฤติยายังคงเศร้าใจ ธีรดนย์ช่วยพูดกล่อมกฤติยา
“สุรเดชเสียสละชีวิตเพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ เธอต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเขา เธอทำตัวอย่างนี้ เขาจะเสียใจ”
ชนิกานต์เสริม “เพื่อคนที่เธอรัก”
ชนิกานต์ตักข้าวป้อนให้ กฤติยายอมกิน
“เก่งค่ะ....ทานอีกคำนะคะ”
ชนิกานต์ป้อนข้าวกฤติยาต่อ อย่างใส่ใจ กัณฐิกามองด้วยความแปลกใจ เข้ามาหาชนิกานต์
“ใส่ยาพิษรึเปล่า”
ชนิกานต์มองดุ ไม่พอใจกัณฐิกา
“ไม่ช่วยก็อย่าทำเสียเรื่อง ไปเอาน้ำมาให้หลานสิ!”
“ฉันไปเอาเอง” ธีรดนย์อาสา
“นายไม่ต้อง...” ชนิกานต์บอกกัณฐิกาเสียงหวาน “น้าเขารักหลานจะตาย ไปสิคะคุณน้าที่รัก”
กัณฐิกาจำต้องเดินออกไป ชนิกานต์ยิ้มพอใจ
“เธอมีอะไรกับฉันรึเปล่า?”
กฤติยาคิดว่าชนิกานต์ต้องมีเรื่องจะคุยกับตนแน่
ขณะที่สุตาภัญเดินมายังมหาวิทยาลัย เจอกับชนกชนม์ที่ดักรอ
“ตา…”
สุตาภัญหยุดมอง แล้วเดินไปที่ชนกชนม์ยืนอยู่ แต่เดินผ่านไปเลย ทำทีไม่เห็นชนกชนม์อยู่ตรงนั้น ชนกชนม์จับแขนไว้
“คุยกับชนม์ก่อน”
“ชนกชนม์เพื่อนของฉันตายไปแล้ว”
สุตาภัญเดินหนีไป ชนกชนม์มองตามด้วยความเสียใจ
ด้านชนิกานต์วางช้อนลงในถ้วย มองกฤติยา
“ฉันมีเรื่องขอร้องเธอ”
กฤติยารอฟัง อยากรู้ว่าเรื่องอะไร
“เรื่องของฉันกับธี”
ธีรดนย์แปลกใจที่ชนิกานต์พูดเรื่องนี้
“ไม่เอาน่านิกกี้ ให้แอนหายดีค่อยคุยกัน”
“เขาไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ยังมีสติสัมปะชัญญะรับฟังและพูดได้”
“ไม่ใช่เวลานี้ เธอไปได้แล้ว”
ธีรดนย์จะลากชนิกานต์ออกไป แต่ชนิกานต์ปัดมือธีรดนย์ออก
“เวลานี้แหละเหมาะสมที่สุด เป็นเรื่องของเราสามคน ที่ไม่ควรให้ใครรับรู้”
ระหว่างนั้นกัณฐิกากำลังถือแก้วน้ำ เดินมาถึงหน้าห้องนอน
ส่วนภายในห้องชนิกานต์บอกกฤติยา
“ฉันไม่อยากให้คุณพ่อ คุณน้าเธอรู้เรื่องนี้ รับปากฉันสิ”
กฤติยานิ่งคิดตัดสินใจ ชนิกานต์คาดคั้น
“ว่าไง...พูดออกมาสิ”
กัณฐิกาเดินเข้ามาในห้อง...แปลกใจ
“ขู่เข็ญอะไรหลานฉัน”
ชนิกานต์รีบแก้ตัว “เปล่า” หันไปบอกกฤติยา “ทานอิ่มแล้ว ฉันเอาไปเก็บนะ”
ชนิกานต์รีบชิ่งออกไป ธีรดนย์เก็บถาดข้าวต้มเดินตามไป กัณฐิกาสงสัยถามกฤติยา
“มันขู่อะไรลูก”
กฤติยาหน้าเสีย ไม่กล้าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ฝ่ายสุตาภัญตั้งใจจะเดินหนี ชนกชนม์เดินเข้าไปจับมือไว้
“ตา ทำยังไงเธอถึงหายโกรธฉัน”
“ฉันไม่ได้โกรธนาย ไม่เคยเกลียดนาย? ฉันจะไม่แสดงอารมณ์อย่างนั้นกับคนที่ฉันไม่รู้จัก”
ชนกชนม์เสียใจหนัก “ฉันขาดเธอไม่ได้...”
“อย่าพูดอย่างนั้น ฉันไม่ใช่ลมหายใจของนาย ชีวิตเป็นของนาย ปล่อยมือฉัน อย่าทำให้ชีวิตฉันมีมลทินเพราะนาย”
ชนกชนม์เสียใจ ยอมปล่อยมือจากสุตาภัญ
“จริงสิ ชีวิตเป็นของฉัน ฉันทำอะไรก็ได้ ชีวิตเป็นของฉัน เป็นตายร้ายดียังไงไม่ต้องมาสนใจ!!”
ชนกชนม์ร้องไห้ วิ่งเตลิดออกไป เหมือนจะประชดชีวิต
สุตาภัญมองตามไป เห็นรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามา ชนกชนม์วิ่งไป รถคันนั้นหยุดเบรกกะทันหัน
สุตาภัญมอง โล่งใจที่ชนกชนม์ปลอดภัย
“ไม่ชนให้ตายไปเลยวะ!”
ชนกชนม์โวยใส่คนขับ หันไปมองสุตาภัญแล้วก็วิ่งไปต่อ
สุตาภัญเสียใจที่ชนกชนม์เลือกประชดชีวิต ทำตัวแย่ลง ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของสุตาภัญดังขึ้น
“ภา” สุตาภัญเห็นชื่อสุรัมภาก็แปลกใจ
ทางฝ่ายกัณฐิกาถามคาดคั้นกฤติยา
“ยัยนิกกี้ทำดีกับลูก มันต้องการอะไร”
“เขาห่วงแอน มีน้ำใจกับแอนค่ะ”
“ไม่จริง ยัยมารร้ายไม่มีวันเห็นใจใคร วันก่อนมันยังเล่นงานแม่ หาเรื่องจะไล่แม่กับแอนออกจากบ้านนี้ มันประกาศจะตามรังควาญแม่ คอยดูเถอะ...วันไหนที่มันพลาด มันทำผิด แม่จะเล่นงานให้หนัก ให้สาสมกับที่มันเคยทำกับแม่!”
กฤติยาฟังความคิดของกัณฐิกาก็ยิ่งไม่กล้าเล่า
“ว่าไง เมื่อกี้ลูกรับปากอะไรมัน”
“แอนรับปากจะดูแลตัวเอง จะเข้มแข็งค่ะแม่”
“แน่ใจน่ะ”
“ค่ะ”
กฤติยาเลือกที่จะโกหกช่วยปกปิดเรื่องชนิกานต์ กัณฐิกาไม่ค่อยเชื่อใจนัก
ด้านสุรัมภารอคอยสุตาภัญที่สวนสาธารณะ ท่าทีกังวลใจ ครู่ต่อมาสุตาภัญเดินเข้ามาหา
“ภามีอะไร ถึงนัดพี่ออกมา”
“ภาไม่ค่อยสบายใจ”
สุรัมภามองไปที่มุมหนึ่งในสวน ชยางกูรเทยาสลบใส่ผ้าเช็ดหน้า แล้วทิ้งขวดยาลงพื้น
สุรัมภาบอกสุตาภัญ
“เรื่องพี่ชนม์ค่ะ”
“อย่าไปสนใจเขาเลย เลิกพูดถึงเขาได้แล้ว”
“แต่ภา...” สุรัมภาพูดถ่วงเวลา
จังหวะนั้นชยางกูรเดินเข้าไปทางด้านหลังสุตาภัญ
“ภาเป็นห่วงพี่ชนม์ พี่ชนม์กำลังลำบาก เราต้องช่วย...”
ชยางกูรเข้ามาระยะใกล้ จะเอาผ้าโป๊ะยาสลบสุตาภัญ นาทีนั้นสุรัมภาตัดสินใจดึงตัวสุตาภัญหลบออก ชยางกูรจึงโปะยาพลาด
สุตาภัญหันมาเจอชยางกูร “นาย!”
ชยางกูรตวาดสุรัมภา “เธอกล้าขัดคำสั่งฉัน!”
สุรัมภายกมือไหว้อ้อนวอนชยางกูร “ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำพี่ตาเลย”
สุตาภัญแปลกใจ “ภา...มันเรื่องอะไรกัน”
ชยางกูรเยาะ “ยังเดาไม่ถูกอีกเหรอ ก็น้องเธอหลอกเธอมาให้ฉัน”
“พี่ตา ภาขอโทษ”
“ทำไมภาทำแบบนี้”
“พี่ตารีบหนีไปเถอะ”
สุรัมภาจะพาสุตาภัญวิ่งหนีออกไป ชยางกูรขู่
“เธอกล้าหนีฉันเหรอ” ชยางกูรหยิบมือถือมาเปิดคลิป “คลิปนี้จะเฉลยให้รู้ว่าทำไมน้องเธอถึงกลัวฉัน”
ชยางกูรค้นหาคลิปอุบาทว์ แต่ไม่มีคลิปในมือถือ ชยางกูรแปลกใจ
“มันหายไปไหน?”
จังหวะนั้นเพทายเดินเข้ามาบอกชยางกูร
“มันถูกลบไปหมดแล้ว”
ที่แท้เพทายลบคลิปทิ้ง ในวันที่วะไปหาชยางกูรที่บ้าน พร้อมกับลูกน้องปรัชญา ซี่งเพทายแกล้งยืมมือถือ ทำทีเป็นกดโทร.ออก แต่แอบเปิดคลิปของสุรัมภา แล้วกดลบทิ้ง
เพทายเล่าจบก็พูดใส่หน้าชยางกูร
“เป็นผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง อย่าถ่ายคลิป”
“แกหักหลังฉัน แกเป็นพวกใครกันแน่” ชยางกูรด่า
“ฉันไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ใครให้ประโยชน์สูงสุด คนนั้นคือเพื่อน”
ชยางกูรนึกออก “แกชวนฉันเข้าบ่อน ก็เป็นแผนของแก”
“ถูกต้องครับ”
“แล้วแกวางแผนช่วยยัยนี่” ชยางกูรชี้ไปที่สุรัมภา
“ใช้คำให้สุภาพ พูดจาดีกับผู้หญิงของฉัน”
เหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นในหัวเพทาย เป็นตอนที่เพทายเจอสุรัมภาในผับ ซึ่งเพทายสนใจสุรัมภา และดักฉุดสุรัมภาขึ้นรถไปเปิดห้องที่โรงแรม เพทายจะขืนใจ แต่ชยางกูรโผล่มาแย่งสุรัมภาไป
พอเล่าจบเพทายบอกชยางกูร
“แกมันเห็นแก่ตัว แย่งของของเพื่อนไปกิน มันต้องได้รับโทษ”
เพทายหัวเราะเยาะอย่างชอบใจ ชยางกูรโกรธ พุ่งเขาต่อยเพทาย แต่เพทายตั้งรับ สองคนต่อยตีสู้กันอุตลุด
สุตาภัญรีบบอกสุรัมภา
“รีบหนีไปเร็วภา”
สองสาววิ่งหนีออกไป
ชยางกูรต่อสู้ แต่เสียท่า เพทายเล่นงานชยางกูรจนนอนหมอบกับพื้น
“ฉันไม่เล่นแกถึงตาย แกต้องอยู่ทำงานให้เฮีย”
“ฉันช่วยจับตาให้เฮีย แกมาขวางทำไม”
“มันคนละส่วนกัน...แกต้องใช้ฝีมือแกเองในการจับผู้หญิงคนนั้น” เพทายตบหน้าชยางกูรฉาดใหญ่ “แกมันหน้าตัวเมีย...ใช้ผู้หญิงของฉันเป็นเครื่องมือ แมนๆหน่อย คิดจะเดินทางนี้ก็ต้องมีฝืมือ”
เพทายถีบชยางกูรส่งท้าย ชยางกูรแค้นจัด มองตามอย่างอาฆาตมาดร้ายเพทาย
สุตาภัญพาสุรัมภาหนีออกมาไกลแล้วจึงหันไปต่อว่าสุรัมภา
“ภาน่าจะบอกพี่ว่ามันมีคลิปขู่ภา”
“ภากลัว มันขู่จะฆ่าภา”
“พี่ขอโทษที่เข้าใจภาผิด หมดเรื่องแล้ว...ชยางกูรมันทำอะไรภาไม่ได้ ภาเป็นอิสระแล้ว”
สุรัมภาร้องไห้โฮด้วยความดีใจที่รอดจากการเป็นทาสของชยางกูร สุตาภัญกอดปลอบใจ
“นายเพทาย...ทำไมถึงยอมช่วยภา”
“มันคงหักหลังกันเอง”
“ภาอย่าไปยุ่งกับมันอีก มีอะไรต้องบอกพี่”
“ค่ะ”
“รีบไปจากที่นี่เถอะ”
สองสาวรีบออกไป
สวนเพทายยืนมองหา คิดจะตามมาทวงเอารางวัลจากสุรัมภา
ขณะเดียวกันชลนิภากำลังวีนแตก โวยใส่พนักงานออกแบบอยู่ที่บริษัท
“งานที่ฉันสั่ง ทำไมยังไม่วางบนโต๊ะฉัน!”
พนักงานลืมตัว ตอบทันควัน “แบบยังไม่มาส่งค่ะ”
ชลนิภาสะกิดหูแปลกใจ “ไม่มาส่ง เธอหมายถึงอะไร”
พนักงานไม่กล้าบอกว่ารอชนกชนม์เอาแบบมาส่ง จำต้องโกหก
“เอ่อ...หมายถึงดิฉันทำไม่ทันส่งน่ะค่ะ”
ชลนิภาจิกด่า “ประสิทธิภาพต่ำ ทำไม่ได้ก็ลาออกไปซะ ฉันให้เวลาภายในพรุ่งนี้ ไม่มีงานก็เอาใบลาออกมายื่นให้ฉัน”
ชลนิภาโวยแล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงาน
เพื่อนพนักงานอีกคน เข้ามาหาพนักงานที่ถูกเล่นงาน
“คุณชนกชนม์ไม่ส่งแบบมาเลย โทร.ไปก็ติดต่อไม่ได้”
“ไม่มีงานส่งฉันตายแน่ ที่ผ่านมาคุณชนกชนม์ช่วยออกแบบให้ตลอด คุณชนกชนม์ช่วยด้วยค่ะ”
พนักงานคนนั้น ยกมือภาวนาให้ชนกชนม์ช่วยเอางานมาส่งทันเวลา
ชลนิภาเดินเข้ามานั่งในห้องทำงาน เหนื่อยกับปัญหารอบด้าน ชลนิภาเปิดลิ้นชัก หยิบภาพชนกชนม์ขึ้นมาดู
“ป่านนี้เธอไปอยู่ที่ไหน....ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
ชลนิภารู้สึกเศร้าเพราะเป็นห่วงและคิดถึงชนกชนม์
คืนนั้นชนกชนม์นั่งเมายา พิงกำแพง มือกำลังสเก็ตช์แบบเครื่องเพชร
“ฉันทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อแม่ก็ไม่เคยรัก ไม่เคยสนใจ ทำดีไม่ได้ดีแล้วจะทำเพื่ออะไร”
ชนกชนม์หยิบไฟแช็คขึ้นมาเผาแบบ แล้วหันไปมองแบบสเก็ตอีกหลายภาพที่วางอยู่
หยิบภาพขึ้น แล้วก็โยนทิ้ง ภาพสเก็ตช์ปลิวว่อน..
ชนกชนม์เซล้มลง ด้วยอาการเมายา
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที”
ชนกชนม์นอนร้องไห้อยู่กับพื้น
เหมือนมีเท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ชนกชนม์เงยหน้ามอง เห็นสุรเดชยืนยิ้มมาให้
“เดช”
ชนกชนม์ดีใจ สุรเดชยิ้มให้ แล้วเดินออกไป ชนกชนม์เรียกไว้
“เดช กลับมาก่อน ฉันคิดถึงแก”
สุรเดชเดินมาหยุดที่มุมหนึ่งชนกชนม์เดินโซเซเข้ามาหา
“ไอ้เดช!”
สุรเดชหันกลับไปหาชนกชนม์
“ฉันรู้ว่าแกเหนื่อยเพื่อน ไปกับฉัน..ไปอยู่บนสวรรค์ ได้เวลาลูกเทวดากลับสวรรค์แล้ว”
ชนกชนม์ยืนมองสุรเดช พึมพำ
“ลูกเทวดา”
“พ่อแม่แกรออยู่ ความรักที่แกโหยหามาทั้งชีวิต อยู่ที่นั่น” สุรเดชบอก
ชนกชนม์ยิ้มให้ แล้วเดินตรงไปหาสุรเดช แต่หยุดตรงหน้าสุรเดช
“มาสิเพื่อน...ไปกับฉัน ฉันจะพาแกบินไป”
สุรเดชยื่นมือออกมาหา ชนกชนม์มอง แล้วยื่นมือจะไปจับสุรเดช แต่เปลี่ยนใจ
“ฉันไปไม่ได้ ฉันไม่ใช่ลูกเทวดา ฉันเป็นมนุษย์ ฉันไม่ใช่ลูกเทวดา”
“บินไปกับฉัน บินไปกับฉัน”
สุ้มเสียงสุรเดชหลอนสุดขีด หน้าลอยเข้ามาใกล้ ชนกชนม์ผลักสุรเดชออกไป
“ฉันไม่ไป”
ชนกชนม์ผลักสุรเดช แต่ร่างสุรเดชหายไป ชนกชนม์ได้สติ รู้ตัวอีกครั้งว่ายืนอยู่บนขอบตึกดาดฟ้า ชนกชนม์ตกใจผงะถอยหลัง ทรุดตัวลงร้องไห้โฮ
“ช่วยด้วย.....”
รุ่งเช้า ชนิกานต์เดินเข้ามาในห้องนอนกฤติยาพร้อมถาดอาหาร
“วันนี้มีเมนูใหม่ สปาเก็ตตี้จ้ะ”
ชนิกานต์มองไป ไม่เจอกฤติยาก็แปลกใจ รีบวางถาด แล้วหากฤติยา ดึงผ้าห่มออก
“หายไปไหน รึว่าฆ่าตัวตาย”
ชนิกานต์ถือถาดอาหาร วิ่งตามหากฤติยา
“แอน แอน”
ชนิกานต์ตามหากฤติยา เจอกับกัณฐิกาซึ่งออกตามหากฤติยาเช่นเดียวกัน
“ยัยแอน ยัยแอน”
“เธอ” ชนิกานต์ชะงัก
“เธอเอาหลานฉันไปไหน”
“จะบ้าเหรอ ทำยังกะฉันเป็นโจร”
“ไม่ต้องทำไขสือ เธอคิดจะแกล้งหลานฉัน น้ำหน้าอย่างเธอไม่มีวันคิดดีทำดีได้”
“ชีวิตฉันคงเป็นมงคลชีวิต ตื่นมาก็เจอเธอให้ศีลให้พร พูดงี้น่าเอาสปาเก็ตตี้ราดหน้า”
พลางชนิกานต์ถือถาดสปาเก็ตตี้ทำทีขู่จะราดใส่ กัณฐิกาตกใจ รีบถดตัวถอยห่าง
“ว้าย อย่านะ!”
ชนิกานต์นึกได้ “เห็นธีรดนย์ไหม”
กัณฐิกาตอบเหมือนไม่อยากตอบ “ไม่รู้”
ชนิกานต์ถือจานอาหารขู่จะราดใส่หน้า “เห็นไหม”
“ไม่เห็น!”
“รึว่าไปกับธี”
ชนิกานต์เริ่มสงสัย ส่งถาดอาหารยัดใส่มือกัณฐิกา แล้วรีบวิ่งออกไปด้านนอก
“ให้ฉันถือทำไม ยัยเด็กบ้า! ฉันไม่กินเส้นแกหรอก”
กัณฐิกาหงุดหงิด ร้องโวยวายไล่หลังชนิกานต์ไป
ขณะที่ธีรดนย์เดินเข้ามาบริเวณสวน มือถือถาดอาหารใส่ข้าวที่เพิ่งตักบาตรเสร็จ เห็นกฤติยาเดินไปนั่งกรวดน้ำที่ใต้ต้นไม้
“กรวดน้ำให้เขา เขาจะได้รับส่วนบุญ ไปเกิดภพภูมิใหม่ที่ดี”
กฤติยาเอาน้ำราดต้นไม้เสร็จ ลุกขึ้นหันมาขอบคุณธีรดนย์
“ขอบใจนายมากนะ”
“เพื่อนกันก็ต้องช่วยกัน!”
“นายไม่ต้องใส่ใจฉันนักหรอก ฉันดูแลตัวเองได้”
“ไม่ได้ ฉันรับปากสุรเดชจะช่วยดูแลเธอ”
กฤติยาสะท้อนใจ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ธีรดนย์ไม่ได้ทำด้วยใจรัก แต่เป็นหน้าที่ที่รับปากสุรเดชไว้ ชนิกานต์วิ่งเข้ามาโวยวาย
“มาทำอะไรกันสองต่อสอง”
“เป็นไรมากเปล่าเนี่ย? แค่ใส่บาตรทำบุญก็ต้องโวยด้วย”
“ก็พวกเธอไม่ชวนฉันนี่ ฉันก็อยากทำบุญให้สุรเดช ฉันเคยวีนไปหลายครั้ง กลัวมันมาหลอก”
“พี่เดชไม่หลอกเธอหรอก น่าจะเข้าสิง!”
กฤติยาแกล้งอำ ชนิกานต์หน้าเสีย ธีรดนย์แอบขำ
ชนิกานต์บอกกฤติยา “ไปกับฉัน” ดึงแขนกฤติยาจะพาไป
ธีรดนย์ไม่ไว้ใจมาขวาง “ไปไหน? ฉันไปด้วย!”
“นายไม่เกี่ยว”
ชนิกานต์ผลักธีรดนย์ออก แล้วจูงมือกฤติยาเดินเข้าไปที่คฤหาสน์ กฤติยาแปลกใจ
ธีรดนย์มองตามสงสัยว่าชนิกานต์จะพากฤติยาไปไหน
ชนิกานต์เปิดประตูรถให้ กฤติยาก้าวขึ้นนั่ง ชนิกานต์ขับรถออกไป ธีรดนย์ยืนมองด้วยความแปลกใจ กัณฐิกาวิ่งออกมาจากคฤหาสน์
“ยัยแอน อย่าไป มันอาจลวงไปฆ่า!”
ธีรดนย์แอบขำความคิดนั้น บอกกัณฐิกา
“นิกกี้ไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ”
“ฉันเป็นห่วงหลานฉัน...หนูนิกกี้ไม่ค่อยชอบยัยแอน!”
“เขาเปลี่ยนไปแล้วล่ะครับ เขาเปิดใจยอมรับเป็นเพื่อนกันแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย หนูนิกกี้กินอะไรผิดสำแดงถึงเป็นอย่างนี้”
“คุณกัณยังไม่ชินอีกเหรอครับ สามวันดีสี่วันร้าย”
กัณฐิกายังคงแปลกใจและสงสัย
“ทำดีกับหลานฉันเพื่ออะไร มีความลับอะไรกันรึเปล่า”
ธีรดนย์อึ้ง ไม่กล้าบอกความจริง “อย่าคิดมากเลยครับ นิกกี้อยากให้แอนหายซึมเศร้า คิดฟุ้งซ่านเรื่องสุรเดชน่ะครับ ช่วงเวลานี้ เราทุกคนต้องช่วยเป็นกำลังใจให้แอน”
“ขอบใจเธอมากนะ”
กัณฐิกาเข้าไปจับมือถือแขน ธีรดนย์มองที่มือ กัณฐิการู้สึกว่าไม่เหมาะสม รีบเอามือออก
“ขอบใจเธอจริงๆ”
ธีรดนย์ยิ้มขอบคุณเช่นกัน ที่กัณฐิกามีเมตตาต่อเขา
ทางด้านชลนิภาเดินไปทวงงานพนักงานออกแบบ พนักงานคนอื่นๆ รีบหลบหน้าด้วยความกลัว
“ถึงเวลาที่เธอต้องส่งงานให้ฉันแล้ว ถ้าไม่มีก็ยื่นใบลาออก”
พนักงานรีบส่งแบบดีไซน์เครื่องเพชรให้ชลนิภาดู
“เสร็จแล้วค่ะ”
ชลนิภาดูงานออกแบบ ซึ่งเป็นแบบธรรมดามาก จึงโยนใส่หน้า
“ออกแบบห่วยแตก! ใช้สมองคิดรึเปล่า งานถึงได้ออกมาชุ่ย!”
“ท่านประธานไล่หัวหน้าฝ่ายออกแบบออกไป ดิฉันไม่ถนัดงานดีไซน์ค่ะ”
“ไม่ต้องเถียง เป็นหน้าที่ที่พวกเธอต้องศึกษางาน แล้วงานชิ้นก่อนๆ ที่เธอส่งฉัน มันดีกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า... ผลงานใคร”
พนักงานมองหน้ากัน ไม่กล้าบอกความจริงว่าชนกชนม์ช่วยออกแบบ เพราะรับปากกับชนกชนม์ไว้
ซี่งในช่วงกลางวันของวันนั้น ชนกชนม์มาส่งแบบเครื่องเพชรให้พนักงาน ตรงมุมหนึ่งที่บริษัท และกำชับหนักแน่น
“พี่ต้องสัญญากับผมนะครับ ห้ามบอกคุณแม่เด็ดขาดว่าผมเป็นคนออกแบบ”
“ค่ะ”
ชลนิภาตะคอกถามพนักงานอีก
“ฉันถามว่างานที่ผ่านมาใครออกแบบ อย่าบอกนะว่าเธอไปซื้อแบบของคนอื่นมาส่งฉัน”
“ค่ะ” พนักงานรับอ่อยๆ
ชลนิภาโกรธ “เธอมันแย่มาก ลูกค้ารู้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่ต้องเขียนใบลาออก ฉันไล่เธอออก!”
พนักงานตกใจ “ท่านประธานคะ!”
ชลนิภาเดินกลับเข้าไปห้องทำงาน
เพื่อนพนักงานรีบเข้าไปถามพนักงาน
“ไม่บอกความจริงล่ะว่าคุณชนกชนม์ช่วย”
“ฉันรับปากคุณชนกชนม์ไว้แล้ว”
“แต่เธอต้องตกงาน” เพื่อนท้วง
“คุณธนกรเคยสั่งว่าถ้าเกิดปัญหาให้บอก..คุณธนกรคงช่วยหางานใหม่ให้ฉันได้”
เพื่อนพนักงานไม่เห็นด้วย “ฉันจะช่วยพูดกับท่านประธานอีกครั้ง”
ชลนิภาเดินเข้ามานั่งในห้อง พนักงาน อีกคนตามเข้ามาในห้อง
“ท่านประธานค่ะ ดิฉันขอความกรุณาอย่าไล่นิตยาออกนะคะ ไม่งั้นจะทำให้พนักงานคนอื่นๆเสียขวัญ หมดกำลังใจในการทำงาน”
ชลนิภาไม่สน “ฉันเปิดบริษัท ไม่ได้เปิดโรงทาน ไม่มีนโยบายอุ้มชูคนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ใครไม่มีใจไม่มีฝืมือก็ออกไป ฉันไม่ง้อ!ออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ”
พนักงานผิดหวัง และไม่พอใจที่ชลนิภาไม่รับฟังเหตุผล จึงเดินออกไปจากห้อง
ชลนิภายิ่งเครียดหนักกว่าเดิม ทรุดตัวลงมองภาพชนกชนม์ที่วางอยู่บนโต๊ะ คิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าเธออยู่...เธอคงช่วยงานฉันได้”
วันต่อมา ชนกชนม์เดินเข้ามาในมหาวิทยาลัย ด้วยอาการตาขวาง เพราะเมายาค้าง ท่าทางเหมือนคนขาดสติ
ชนกชนม์มองหาสุตาภัญ นักศึกษาที่เดินผ่านเห็นท่าทางชนกชนม์ก็ไม่ไว้ใจ เดินหนีออกห่าง
ชนกชนม์ตะโกนถาม”เห็นสุตาภัญมั้ย” ตะคอก “ฉันถามว่าเห็นไหม”
ทุกคนตกใจ วิ่งหนีไป ชนกชนม์มองหาสุตาภัญต่อ
สุตาภัญเดินเข้ามหาวิทยาลัย ชนกชนม์ดีใจ รีบเดินไปหาสุตาภัญ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกล
สุตาภัญจะเดินไปที่คณะ แต่ต้องหยุดเดิน มองไปตรงหน้า อย่างไม่เชื่อสายตาชลนิภายืนมองอยู่ สุตาภัญแปลกใจ
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
“ฉันมีธุระจะคุยกับเธอ”
ชลนิภาเดินออกไป สุตาภัญตามไป
ชนกชนม์เข้ามาอีกด้าน ไม่เห็นสุตาภัญและชลนิภา ชนกชนม์แปลกใจที่ไม่เจอสุตาภัญ
สุตาภัญถามชลนิภาด้วยความเกรงใจ
“คุณน้ามีอะไรให้ตาช่วยคะ”
“เธอได้ข่าวชนกชนม์รึเปล่า”
“หลังเกิดเหตุ ตาไปหาชนม์ที่บ้านพักค่ะ”
ชลนิภาสงสัยอยากรู้ “เจอลูกฉันไหม”
ชลนิภารอฟังคำตอบจาก สุตาภัญจำต้องบอกความจริง
“เจอค่ะ”
“เขาเป็นยังไงบ้าง”
“เขากลัวจะถูกจับ เขาจะหนีไปค่ะ”
“ไม่ได้ทำผิดทำไมต้องหนี รึว่าลูกฉันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด”
สุตาภัญนึกถึงเหตุการณ์ที่ชนกชนม์เคยบอกตน ว่าไม่อยากทำให้แม่เสียใจ ไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง จึงไม่กล้าเล่าเรื่องยาเสพติดให้ชลนิภารู้
“เปล่าค่ะ ชนกชนม์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยา...แต่เขากลัวไม่มีใครช่วย เขากลัวติดร่างแกกับคดีของสุรเดช”
ชลนิภาสีหน้าเศร้า เป็นห่วงชนกชนม์
“คิดอะไรไม่ออกก็น่าไปหาฉัน ไม่ใช่หนีปัญหา แล้วตอนนี้ลูกฉันอยู่ที่ไหน”
“ตาไม่ทราบค่ะ”
ชลนิภาไม่เชื่อ “โกหก! เขาสนิทกับเธอ เขาต้องติดต่อเธอ เธอปิดบังฉันเพราะอยากแก้แค้นฉัน”
สุตาภัญรีบอธิบาย “เปล่านะคะ ตารู้สึกดีมากที่คุณน้าเป็นห่วงชนม์ ตาอยากให้คุณน้าได้เจอ ได้ช่วยชนม์...ตาไม่ทราบจริงๆ ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“ถ้าเธอเจอเขา...ฝากบอกเขาด้วย...ฉันจะหาทนายสู้คดี” ชลนิภาเลิกใจแข็งตัดสินใจบอกความในใจ “ฉันเป็นห่วงเขา”
สุตาภัญดีใจที่รู้ว่าชลนิภารักและห่วงใยชนกชนม์มากขึ้น ชลนิภาเดินออกไปลับตัวแล้ว
ในใจสุตาภัญเองก็เป็นห่วง แต่ก็ยังโกรธและไม่ให้อภัยที่ชนกชนม์ติดยา
ติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 17