พรพรหมอลเวง ตอนที่ 11
เช้าวันใหม่ เมรินหลับ ปฐวียังนั่งมองเมรินอยู่ สักพักเมรินก็ลืมตาตืนขึ้นมาเห็นปฐวีนั่งมองเธออยู่
“ตื่นแล้วหรือ” ปฐวีถาม
ตันหยงงัวเงีย “คุณไม่ได้นอนเลยเหรอคะ”
“ผมเป็นห่วงคุณ”
ตันหยงอึ้ง ก่อนมองปฐวีอย่างซาบซึ้งใจ ปฐวีเมินหน้าออก
ประตูเปิดพรวดเข้ามาพร้อมกับสุดนภาที่วิ่งเข้ามาโวยวาย
“หยง แกเป็นยังไงบ้าง”
สุดนภาชะงักที่เห็นปฐวีนั่งอยู่ด้วย สุดนภาจ๋อยแล้วตีปากตัวเอง นาวินเดินเข้ามา
“อ้าว เจ้าวี อยู่นี่หรือ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณบี๋” ปฐวีบอก
สุดนภายิ้มให้ปฐวีเจื่อนๆ
ปฐวีเดินออกไปจากห้อง นาวินมองสุดนภา สุดนภาทำท่าสำนึกผิด นาวินเดินตามปฐวีไป พอทั้งคู่ลับตัว สุดนภาก็รีบวิ่งไปหาตันหยง
“มันเกิดอะไรขึ้น ชั้นเป็นห่วงแกแทบแย่หยง”
สุดนภากอดตันหยงไว้
“โชคดีที่แกไม่เป็นอะไร”
“บี๋ ตอนที่ชั้นโดนทำร้าย วิญญาณชั้นออกจากร่างน้องเมย์ ไปเข้าร่างชั้น”
“ถ้างั้น.. ก็หมายความว่า......”
ตันหยงถอนหายใจยาวแล้วพูดเศร้าๆ
“ใช่....ถ้าชั้นจะกลับร่างเดิม เราก็ต้องเสียน้องเมย์ไป”
สุดนภาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
“เวรกรรมจริงๆ”
สุดนภามองตันหยงที่นั่งเครียดก่อนจะลุกขึ้นมากอดตันหยง
ปฐวีกับนาวินนั่งคุยกัน ปฐวีดื่มกาแฟ ส่วนนาวินนั่งหน้าเครียด
“พี่เมธีมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า ถึงมีคนคิดปองร้ายครอบครัวแบบนี้” นาวินถาม
“อาจจะเป็นโจรทั่วไป ที่จี้ปล้น หวังชิงทรัพย์”
“แล้วนี่แกแจ้งความหรือยัง”
“ยังเลย มัวแต่วุ่นๆ อยู่”
“งั้นชั้นจัดการให้ แกอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย กลับไปดูพี่สาว กับหลานแกก่อนเถอะ”
ปฐวีมองหน้านาวิน
“เฮ้ย...ยังไงตอนนี้เค้าก็ยังเป็นหลานของแกอยู่น่า ไปสอบถามเหตุการณ์ด้วย ไป”
ทั้งสองเดินออกไป
เมริน ปฐวี ประภัสสร เมธี สุดนภา และนาวินอยู่ในห้อง ประภัสสรนั่งติดเมริน
ประภัสสรถามน้องชาย “วี น้องเมย์ต้องอยู่โรงพยาบาลรึเปล่า”
“ผมขอดูอาการให้แน่ใจก่อน ซักสองสามคืนครับ ส่วนพี่ภัส ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ” ปฐวีบอก
“โธ่ลูก แม่สงสารหนูจริงๆ ไอ้โจรมันช่างใจร้าย ทำร้ายเด็กตัวเล็กๆได้ลงคอ”
“ไม่ต้องห่วงครับพี่ภัส ผมแจ้งความให้เรียบร้อยแล้ว ประเดี๋ยวตำรวจคงจะมาสอบปากคำ” นาวินบอก
“ขอบใจมาก วิน” เมธีพูดกับประภัสสร “แล้วคุณภัสจำหน้าคนร้ายได้หรือเปล่า”
ประภัสสรลังเล “ภัสไม่แน่ใจนะคะ”
เมรินคิด “น้องเมย์จำได้แล้วค่ะ”
ทุกคนหันมามองหน้าเมริน
เมรินนึกถึงหน้าขวดกับชัยตอนที่อยู่ในห้องประภัสสร แล้วเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ในร้าน ตอนที่สามคนคุยกัน เหตุการณ์ที่ลานจอดที่ชัยเดินผ่านหน้าเธอไป
“วันนั้น ผู้ชายคนนั้น อยู่กับป้าปรางค์!”
ปฐวีตะลึง
ปรางค์ทิพย์ร้องไห้พร้อมกับก้มลงกราบเท้าปรงทอง ปรงทองมองปรางค์ทิพย์อย่างผิดหวัง
“ปรางค์กราบขอโทษคุณย่าค่ะ”
“ชั้นไม่เคยคิดเลยแม่ปรางค์ ว่าหล่อนจะใจไม้ไส้ระกำ ทำกับน้องกับหลานตัวเองได้ลงคอ”
“ปรางค์ผิดไปแล้วค่ะ คุณยาย”
“พี่ปรางค์ทำขนาดนี้ได้ยังไงครับ” ปฐวีถาม
“ลูกสาวผมเกือบจะต้องตายเพราะคุณ” เมธีว่า
ปรางค์ทิพย์หันมามองประภัสสรกับเมธีแล้วยกมือไหว้ ประภัสสรตกใจรีบรับมือปรางค์ทิพย์ไว้ เมธีอึ้ง
“แม่ภัส คุณเมธี พี่ขอโทษเธอจริงๆ พี่ขอโทษ” ปรางค์ทิพย์บอก
“พี่ปรางค์คะอย่าทำแบบนี้เลย” ประภัสสรพูด
“พี่ขอโทษ”
ปรางค์ทิพย์สะอื้น
“แม่ปรางค์ หล่อนตอบมาเดี๋ยวนี้นะ ผีห่าซาตานตัวไหน มันดลใจให้หล่อนทำเรื่องชั่วได้ขนาดนี้” ปรงทองคาดคั้น
ปรางค์ทิพย์ร้องไห้โฮแล้วคลานมาหาปรงทอง
“ปรางค์ผิดไปแล้ว ปรางค์ผิดไปแล้ว ..... ความอิจฉาริษยา ที่มันสุดใจปรางค์มาตลอด มันทำให้ปรางค์คิดชั่วคิดเลว ปรางค์ไม่หวังหรอกค่ะ ว่าจะมีใครอภัยให้ปรางค์”
“หล่อนจะอิจฉาใคร ชั้นก็เลี้ยงหลานทุกคนเสมอกัน แม้แต่พ่อเมธี” ปรงทองนึกได้แล้วก็ส่ายหัว “ชั้นไม่รู้ ว่าทำไมหล่อนถึงได้จงเกลียดจงชังพ่อเมธีเค้านัก หล่อนอาฆาตแค้นเค้าเรื่องอะไร”
ทุกคนรอฟัง ปรางค์ทิพย์หลบตาแล้วเอ่ยออกมา
“ปรางค์ไม่ได้เกลียดเมธีหรอกค่ะ”
ปรางค์ทิพย์หันไปมองเมธี เมธีเมินหน้าหนี
“ตั้งแต่เด็ก ปรางค์พยายามที่จะเรียนเก่ง เรียนดี ให้เป็นที่รักของคุณยายแต่คุณยายกลับห่วงแม่ภัส กับตาวีมากกว่า ..... ปรางค์เข้าใจค่ะ ว่าทั้งคู่ เป็นเด็กกำพร้า แต่ปรางค์ก็รู้สึกว่าคุณยายลำเอียง”
ปรงทองอึ้ง
“ภัสได้ทุกอย่างเหนือปรางค์ ไม่ว่าปรางค์จะพยายามมากแค่ไหน คุณยายก็ไม่เคยเห็น ปรางค์สอบเข้ามหาวิยาลัยอันดับหนึ่งได้ แต่แม่ภัสสอบไม่ได้ คุณยายก็ยังให้รางวัลเท่ากัน”
ปรงทองรวมทั้งทุกคนอึดอัดใจ
“กระทั่งคนที่ปรางค์รัก คุณยายยังสนับสนุน ให้แต่งานกับแม่ภัส”
ปรงทองมองเมธีอย่างงๆ เมธีอึ้ง ทุกคนตกใจมาก
“แม่ปรางค์!! แกพูดอะไรของแก” ปรงทองตกใจ
ปรางค์ทิพย์ร้องไห้
“ใช่ค่ะ ปรางค์รักเมธีมาตลอด ตั้งแต่วันแรก ที่เมธีเข้ามาอยู่ในบ้านจนกระทั่งเมธีแต่งงานกับแม่ภัส ปรางค์เสียใจจนทนอยู่ที่นี่ไม่ได้เลยแต่งงานกับคุณสรร เพื่อให้พ้นๆไปจากบ้านนี้”
ประภัสสรจับมือกับเมธี ประภัสสรสงสารปรางค์ทิพย์ส่วนเมธีสลดใจ
“แต่มีใครรู้เรื่องนี้ไหมคะ มีใครเข้าใจและเห็นใจปรางค์บ้าง คุณย่าไม่เคยเข้าใจปรางค์ ไม่เคยรู้ ว่าปรางค์เจ็บปวดยังไง ยิ่งปรางค์รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ ปรางค์ยิ่งต้องพยายามเข้มแข็งเท่านั้น และวันที่ปรางค์ทำใจ ย้ายครอบครัวกลับมาได้ ปรางค์หวังว่าคุณยาย จะเป็นที่พึ่งของครอบครัวปรางค์ ของลูกปรางค์ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากวันที่มีน้องเมย์”
ปฐวีหลบหน้าทุกคนเพราะรู้สึกปวดใจอยู่คนเดียว
“คุณยายไม่เหลียวแลลูกปรางค์เลย”
ปรงทองอึ้งเพราะคิดไม่ถึงในที่สุดก็พูดออกมาได้ว่า
“แม่ปรางค์ แกกำลังเข้าใจชั้นผิด ชั้นมีความห่วงใยให้ต่างกัน แต่ชั้นมีความรักให้ทุกคนเท่ากัน ชั้นเห็นว่าแม่ภัส หรือแม้แต่เจ้าเมย์ เป็นคนหัวอ่อน อ่อนแอ ในขณะที่แก และแม่แก้วแม่ขวัญ ทั้งเก่งทั้งกล้า เอาตัวรอดได้ ชั้นนึกชื่นชมมาตลอด แต่ไม่ใช่ชั้นไม่รัก ไม่ห่วงแก”
ปรางค์ทิพย์ร้องไห้ ทุกคนสลด
ปรงทองพูดต่อ “ชั้นไม่รู้ว่าแกคิดแบบนี้มาตลอด คงเป็นความผิดชั้นเอง ที่ชั้นเข้าใจผิดชั้นไม่เคยถามความรู้สึกของแก ชั้นมีส่วนผิดที่ทำให้แกเป็นแบบนี้ แม่ปรางค์ ..” ปรงทองโกรธตัวเอง “ชั้นผิดเอง”
ปรางค์ทิพย์ลงไปกอดเข่าปรงทองแล้วร้องไห้ ปรงทองมองแล้วลูบหัว ประภัสสรร้องไห้ ทุกคนสลดใจ
เมรินนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล พยาบาลรักสิกากับยมนาชวนเมรินคุย
“โชคดีนะ ที่คุณหมอวี กลับบ้านไปช่วยไว้ทัน” ยมนาบอก
“น่ากลัวจังเลยเนอะ โชคดีที่น้องเมย์ไม่เป็นอะไร” รักสิกาเสริม
“หมอวีคงอัดขโมยซะน่วม เหมือนในละครเลย ใช่ไหมคะน้องเมย์”
“เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ น้องเมย์ ฟังแล้วตื่นเต้นจังเลย”
ทั้งสองหยุดพูดรอฟังเมริน เมรินมองหน้าทั้งสองอย่างเซ็งๆ
“ค่ะ เป็นแบบนั้นเลย”
ทั้งสองสาวกรี๊ดกร๊าดเบาๆ ด้วยความดีใจ เมรินลงไปนอนหลับตา
“อ้าว น้องเมย์ .... หลับซะแล้ว”
“งั้นไปกินข้าวกันก่อนเถอะ หิวแล้ว” รักสิกาบอก
เมรินลืมตาขึ้นมองตามสองสาวออกไป
เมรินเดินเข้าห้องตันหยงไปแล้วก็ชะงักที่เห็นพิรามกำลังจะอ่านหนังสือให้ตันหยงฟัง พิรามชูหนังสือให้ตันหยงดูแล้วยิ้ม แล้วพิรามก็เริ่มอ่าน เมรินเศร้าแต่ก็เดินเข้าไปในห้อง พิรามหันมาเห็นเข้าก็ชะงัก
“หนู หนูมาทำไม”
เมรินเดินไปนั่ง
“หนูอยากฟัง หนูขอนั่งฟังด้วยคนได้ไหมคะ” เมรินบอก
พิรามงง
“นี่เราไม่โกรธกันแล้วใช่มั้ย” พิรามถาม
เมรินนิ่งไม่ตอบ พิรามเลยลงมืออ่านหนังสือให้ตันหยงฟัง เมรินนั่งเหม่อด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
พิรามพักจากการอ่านหนังสือ เขาเอาหนังสือลงแล้วหันมามองเมรินก่อนจะยิ้มให้
เมรินถอนหายใจ “คุณมาเฝ้าอยู่ทุกวันแบบนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”
พิรามนิ่งคิดแล้วยิ้มให้ “การใช้เวลาทำเพื่อคนที่เรารัก มันทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อ แล้วหนูล่ะ ไม่สบายเป็นอะไร”
เมรินไม่ตอบแต่ยิ้มเศร้า
สุดนภาเปิดประตูพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน
พิรามหันไปเห็น “คุณบี๋”
“น้องเมย์ ครูบี๋ไปหาที่ห้องไม่เจอ นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่”
“น้องเมย์มาขอฟังนิยายด้วย” พิรามพูดกับเมริน “ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยครับ น้องเมย์ เราคุยกันดีแล้ว”
พิรามยิ้มให้เมริน เมรินยิ้มเศร้าๆ แล้วหันไปมองหน้าสุดนภา สุดนภามองแล้วถอนหายใจโล่งอก
เมรินกับสุดนภาเดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“นี่แสดงว่า แกให้อภัยคุณพิรามได้แล้ว ใช่มั้ยหยง”
“ชั้นจะทำอะไรได้มากกว่านี้หรือบี๋”
“แกทำถูกแล้วละหยง”
เมรินยิ้มเศร้า สุดนภากับเมรินเดินไปด้วยกันเงียบๆ
ฉัตรพรกำลังถูกตำรวจรวบตัว ตำรวจใส่กุญแจมือฉัตรพร ฉัตรพรร้องกรี๊ดๆ ในขณะเดินไปขึ้นรถตำรวจ ชัยเห็นตำรวจจึงกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์หนีไปอีกทาง
ชัยกับขวดนั่งซึมอยู่ในบ้านร้าง ชัยโมโหจึงถีบของ
“พวกมันโยนความผิดให้พี่กู กูต้องกลับไปล้างแค้น”
“แล้วมึงจะไปทำอะไรได้” ขวดว่า
“กูทำได้ แต่มึงต้องช่วยกู”
ขวดยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
ชัยแค้น
เมรินนั่งซึมอยู่บนเตียง
รักสิกาเข้ามาถาม “น้องเมย์ อยากได้การ์ตูนไว้อ่านเล่นมั้ยคะ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
“ไม่ค่ะ”
ยมนาถามต่อ “หรือว่าจะเอาตุ๊กตา ก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่เล่นแล้ว”
รักสิกากับยมนามองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
“แล้วน้องเมย์อยากได้อะไรล่ะคะ” รักสิกาถาม
“น้องเมย์อยากอยู่เงียบๆค่ะ”
รักสิกากับยมนามองหน้ากันอย่างงงๆ
“งั้นพี่ออกไปก่อนนะคะ”
รักสิกากับยมนาเดินออกไป เมรินถอนหายใจเฮือก เธอนึกถึงตอนที่พิรามกำลังอ่านหนังสือให้ตันหยงฟังในห้อง
“ชั้นให้อภัยคุณแล้วพิราม แต่ทำไม..” เมรินส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “ทำไมในหัวชั้นถึงมีแต่น้าวีแล้วทำไมชั้นจะต้องแคร์ ในเมื่อตั้งแต่เค้ารู้ความจริง เค้าก็ไม่แคร์ชั้นอีกเลย” เมรินโกรธ “เค้ารักหลานเค้า เค้าไม่ได้รักเธอนะตันหยง !!”
ปฐวียืนลังเลอยู่หน้าห้องเมริน เขาทำท่าจะผลักประตูแต่แล้วก็หดมือกลับ ปฐวีส่ายหน้าก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในห้อง
เมรินยืนมองออกไปด้านนอกระเบียงห้อง ปฐวีเดินเข้ามา เมรินหันกลับมามองเห็นปฐวีเธอก็ปาดน้ำตา
“คุณทำอะไรน่ะ” ปฐวีถาม
ตันหยงมองปฐวีนิ่ง “ชั้นไม่คิดจะโดดลงไปหรอก เพราะชั้นรู้ว่าคุณเป็นห่วงน้องเมย์”
ปฐวีเบือนหน้าหนี ตันหยงเชิดหน้า
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าชั้นจะทำ ชั้นคงทำไปตั้งนานแล้ว”
“ตั้งแต่วันที่คุณคิดจะโดดลงจากบันไดใช่มั้ย”
ตันหยงหันขวับมามองปฐวี แล้วภาพตอนที่ตันหยงก้าวพลาดลงจากบันไดแต่ปฐวีรับไว้ทันก็ย้อนกลับมา
“แต่ชั้นก็ไม่ได้ทำ เพราะชั้นรู้ว่า ถ้าน้องเมย์เป็นอะไรไป คุณภัสคงทนอยู่ไม่ได้”
“ขอบคุณที่คุณเป็นห่วงครอบครัวผม”
ปฐวีพูดโดยไม่มองหน้า ตันหยงมองปฐวีอย่างตัดพ้อ
เสียงหนึ่งฤทัยดังขึ้น “วีมาอยู่ที่นี่เอง”
ตันหยงกับปฐวีหันไปมอง หนึ่งฤทัยเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับตุ๊กตาหมีในมือ
“น้องเมย์คะ น้าหนึ่งมีของมาฝากน้องเมย์ด้วยนะคะ”
หนึ่งฤทัยส่งตุ๊กตาให้เมริน เมรินยิ้มรับแล้วส่งให้ปฐวี
“เค้าให้หลานคุณ ไม่ใช่ชั้น”
ปฐวีมองตุ๊กตาแล้วรับไว้ ตันหยงเดินเชิดออกไปจากห้อง ปฐวีชำเลืองมองตาม หนึ่งฤทัยมองปฐวีอย่างงงๆ
นาวินกับสุดนภานั่งดื่มกาแฟในร้านอาหาร นาวินกินอย่างเจริญอาหารมาก ส่วนสุดนภามองนาวินอย่างขวางหูขวางตา
“นี่คุณ คุณว่าเรื่องนี้มันจะจบแบบไหน” สุดนภาถาม
นาวินกินด้วยความอร่อย “เรื่องไหน”
สุดนภาหยิก “ก็เรื่องหยงน่ะสิถามได้ มัวแต่กิน น่าโมโห คนกำลังกลุ้มๆอยู่”
“อ้าว คนกินได้ก็บ่น เฮ้อ...แล้วคุณอยากให้มันจบแบบไหนล่ะ”
“หมอวีต้องเป็นคนเลือก”
นาวินอึ้ง
“อ้าว ทำไมต้องเป็นเพื่อนผมเลือก ทำไมไม่ให้เพื่อนคุณเป็นคนเลือก”
สุดนภาถอนใจ “เราเถียงกันไป ก็เท่านั้นแหล่ะ ไม่ว่าใครจะเป็นคนเลือกก็ต้องมีคนเสียใจ แล้วคนๆนั้น ก็คือหมอวี”
นาวินกำลังจะจ้วงขนมกินต่อแต่ก็ชะงักมองหน้าสุดนภา สุดนภาทำหน้าจริงจังมาก
ปฐวีเดินใช้ความคิดมาเรื่อยๆ นาวินเดินมองหาปฐวีมาตามทาง พอเห็นปฐวี นาวินก็พุ่งเข้ามาหาทันที
“ไอ้วี”
ปฐวีเงยหน้ามอง
“ชั้นอยากรู้ว่า เมื่อถึงวันที่แกต้องเลือก ให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่แกจะเลือกคุณตันหยง” นาวินพูดเน้น “หรือคุณตันหยง ในร่างน้องเมย์”
ปฐวีอึ้ง
สุดนภาวิ่งเข้ามา พอเห็นนาวินยืนอยู่กับปฐวี สุดนภาก็วิ่งมาลากแขนนาวินออกไปทันที
“ชั้นว่าแล้ว คุณนี่เก็บความลับไม่อยู่จริงๆ มันใช่เวลามั้ยเนี่ย ไปเลย ไปกับชั้นเดี๋ยวนี้เลย” สุดนภาพูดกับปฐวี “ขอโทษนะคะ อย่าไปฟังตานี่เพ้อเจ้อ เลยค่ะ ช๊อคโกแลตซี๊ดคงขึ้นสมองค่ะ”
สุดนภาลากนาวินออกไป ปฐวีมองตามแล้วหันหน้าเพื่อหนีเจ็บปวด
พรพรหมอลเวง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปฐวีเดินมานั่งที่โต๊ะแล้วรู้สึกปวดหัวจึงกุมขมับ หนึ่งฤทัยเดินเข้ามามองปฐวีเงียบๆ
“วีเป็นอะไรคะ”
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“หนึ่งว่าช่วงนี้วีเครียดเกินไปแล้ว หนึ่งไม่รู้ว่าวียังห่วงเรื่องอะไรอีก บอกหนึ่งได้มั้ยว่าวีเครียดเรื่องอะไร”
“ผมก็บอกไม่ถูกครับ มันวุ่นวายไปหมด”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าวียังไม่พร้อมจะบอก พร้อมเมื่อไหร่ หนึ่งยินดีรับฟังนะคะ ดีกว่าเก็บไว้คนเดียว”
ปฐวีถอนใจ หนึ่งฤทัยลอบสังเกต
“ยิ้มให้หนึ่งหน่อยสิคะ นิดนึงนะคะ”
ปฐวีมองหน้าหนึ่งฤทัยแล้วฝืนยิ้ม หนึ่งฤทัยยิ้มอย่างโล่งใจแล้ว จับมือปฐวีไว้
ปรางค์ทิพย์นั่งเหม่ออย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้าน เสกสรรที่นั่งอยู่ไม่ห่างแอบเงยหน้ามองอย่างเงียบๆ ปรางค์ทิพย์กับเสกสรรนั่งคุยกัน เด็กถือกระเป๋าเดินผ่าน เสกสรรลุกขึ้นยืน
เสกสรรเดินถือกระเป๋าไปขึ้นรถ โดยมีเด็กถือกระเป๋าใบใหญ่นำหน้า ปรงแก้วกับปรงขวัญ วิ่งมาเกาะขาเสกสรร เสกสรรนั่งลงกอดและจูบลาลูกสาวก่อนจะขึ้นรถ แล้วรถก็แล่นออกไป
ปรงแก้วกับปรงขวัญร้องไห้ บุญศรีกอดปรงแก้วปรงขวัญไว้ ปรางค์ทิพย์นั่งมองภาพถ่ายครอบครัวตอนที่มีความสุขแล้วก็ร้องไห้หนัก
ปฐวีกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับเมธีที่อยู่ที่บ้าน
“เดี๋ยววันนี้พี่จะพาภัสไปรับน้องเมย์กลับบ้าน คงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยวี”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมพาน้องเมย์ไปส่งเอง พี่เมธีอยู่เป็นเพื่อนพี่ภัสเถอะครับ วันนี้ผมคงกลับเร็ว”
“ได้ งั้นพี่ขอบใจมากนะวี”
“ครับ”
ปฐวีกดปิดโทรศัพท์แล้วนั่งคิดเงียบๆ
เมรินยืนมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ปฐวีเดินเข้ามามองเงียบๆ พยาบาลออกมาจากอีกห้องที่อยู่ติดกัน
“เก็บของเสร็จแล้วค่ะ”
เมรินหันไปมองปฐวี ปฐวีถอนใจเพราะรู้สึกตัว
“ยาก็จัดเรียบร้อยแล้วนะคะ พร้อมกลับบ้านได้เลยค่ะ” ยมนาบอก
“ขอบคุณมาก ที่เหลือผมจัดการเอง”
รักสิกากับยมนามองปฐวีที่หน้านิ่งอย่างจ๋อยๆ แล้วออกจากห้องไป ปฐวีเดินไปหาเมริน
“คุณเมธีกับคุณภัสไม่มาเหรอคะ” ตันหยงถาม
“ผมรับปากพี่เมธีไว้แล้ว จะไปส่งคุณที่บ้านเอง”
ปฐวีเดินเข้าห้องคอนเนคติ้งไป ตันหยงหันไปมองปฐวีจากทางด้านหลัง
“ใช่สิ เค้าคงเป็นห่วงหลานเค้า” ตันหยงคิดในใจ
เมรินเมินหน้าแล้วก็จะร้องไห้
รถปฐวีแล่นไป ปฐวีกับตันหยงนั่งกันมาเงียบๆ ตันหยงชำเลืองมองอย่างตัดพ้อ ตันหยงเมินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วตันหยงก็ห่อตัวเพราะความหนาว ปฐวีสังเกตเห็นจึงเอื้อมมือไปหรี่แอร์ ตันหยงหันไปมอง ปฐวีขับรถต่อ ตันหยงเมินหน้าแล้วนั่งเงียบไปซักพัก
ปฐวีเอ่ยถาม “แอร์ยังเย็นอยู่ไหม”
“ไม่ค่ะ”
ตันหยงตอบโดยไม่มองหน้า ปฐวีแอบมองตันหยงแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร ตันหยงหันมาสบตาปฐวีแล้วรอลุ้นให้ปฐวีพูด
ตันหยงคิดในใจ “คุณอยากพูดอะไรกับชั้น ก็พูดออกมาสิ คุณวี”
ปฐวีมองแล้วถอนหายใจแต่ไม่พูด เขาหันไปขับรถต่ออย่างตั้งใจ ตันหยงจ้องหน้าปฐวีอยู่นานก่อนจะเมินหน้าออกด้วยความเสียใจ แล้วต่างคนก็ต่างเมินหน้านั่งเงียบๆ
ปรงทองนั่งปลอบใจปรางค์ทิพย์ ปรางค์ทิพย์นิ่งซึม
“ทำใจซะเถอะนะแม่ปรางค์ ถือว่าเธอสองคนทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”
ปรางค์ทิพย์น้ำตาร่วงก่อนจะพยักหน้า “ค่ะ คุณยาย”
“อย่าคิดอะไรมากนะลูกเอ๊ย ยังไงเจ้าก็ยังมีครอบครัว ทุกคนให้อภัย และพร้อมจะเป็นกำลังใจให้เจ้าเสมอ”
ปรางค์ทิพย์ก้มลงกราบปรงทอง
“ขอบพระคุณคุณยายที่เมตตาปรางค์นะคะ”
ปรงทองลูบหัวปรางค์ทิพย์อย่างเมตตา เสียงรถวิ่งเข้ามาในบ้าน
“สงสัยตาวีพาเจ้าเมย์กลับบ้านแล้ว พักซะนะแม่ปรางค์ ยายจะไปดูเจ้าเมย์ซะหน่อย”
“ปรางค์อยากออกไปรับหลานด้วยค่ะ”
ปรงทองชะงักแล้วหันมามองปรางค์ทิพย์ ปรางค์ทิพย์ทำหน้าสำนึกผิด ปรงทองยิ้ม
“แม่ปรางค์ ไปด้วยกัน ไปกับยาย”
ปรางค์ทิพย์ประคองปรงทองเดินออกจากบ้านไป
รถของปฐวีวิ่งเข้ามาจอด ตันหยงขยับตัวจะลงจากรถ
ปฐวีเรียก “คุณตันหยง...”
ตันหยงหันมองอย่างตัดพ้อ ปฐวีไม่พูดอะไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ชั้นจะทำหน้าที่ในฐานะน้องเมย์ให้ดีที่สุด..” ตันหยงบอก
ตันหยงเดินลงจากรถ ปฐวีเอนพิงเบาะรถก่อนจะมองเมรินที่กำลังเดินไปข้างหน้า
“ผมขอโทษ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ...”
เมรินเดินลงมาจากรถ ประภัสสรกับเมธียืนรอรับอยู่ เมรินวิ่งเข้าหาอ้อมกอดของเมธี ปรางค์ทิพย์กับปรงทองเดินออกมารับ ปฐวีมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มเศร้า เขาเปิดประตูลงจากรถ
ขวดขี่รถมอเตอร์ไซด์มาจอดมองที่หน้าบ้าน ชัยยกปืนขึ้นเล็ง ปฐวีหันไปเห็นก็ตกใจ เขาหันไปมองครอบครัว แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น 3นัด ทุกคนร้องวี๊ดแล้วหลบกันวุ่นวาย มอเตอร์ไซด์แล่นออกไป ปฐวีได้สติก็ลุกขึ้นมองเห็นมอเตอร์ไซด์วิ่งออกไป ปฐวีวิ่งไปประคองปรงทองลุกขึ้น
“มีใครเป็นอะไรรึเปล่า” ปฐวีถาม
ทุกคนที่ล้มลงไปนอนตกใจ
ปฐวีเรียก “คุณย่า คุณย่าครับ”
ปรงทองตกใจ “ย่าไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้น”
เมธีพลิกตัวขึ้นจากการบังเมริน ประภัสสรมองเห็นเลือดที่ตัวลูก
“กรี๊ดดดด...น้องเมย์”
ทุกคนหันมามองเมรินที่อยู่ในอ้อมกอดของเมธีซึ่งมีเลือดเต็มด้านหลัง เมรินซบหน้าหลับตากับบ่าเมธี ลุงสายวิ่งมา ปฐวีสั่งให้เอารถออก ประภัสสรจะเป็นลม ปรางค์ทิพย์เข้ามาประคอง ปฐวีวิ่งไปรับเมรินจากเมธี เมธีมองเลือดในมือแล้วก็ตกตะลึง เขามองไหล่ตัวเองที่โดนยิงด้วย ปฐวีอุ้มเมรินวิ่งไปที่รถพร้อมตะโกนสั่งการ
“ทุกคนตามไปที่โรงพยาบาลนะครับ น้องเมย์ น้าวีจะพาไปโรงพยาบาล อดทนไว้นะ อดทนไว้”
ประภัสสรร้องไห้ ปรางค์ทิพย์กอดปลอบใจ ปรงทองนั่งลงที่พื้นอย่างหมดแรง ปฐวีที่นั่งอยู่ในรถมองน้องเมรินแล้วขับรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว
รถปฐวีวิ่งไป ปฐวีคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“คุณทิพย์ เตรียมเลือด และห้องผ่าตัดไว้ หลานผมถูกยิง แจ้งหมอโจให้ผมด้วย”
ปฐวีวางสาย แล้วพยายามควบคุมสติก่อนจะเร่งความเร็ว
รถปฐวีวิ่งเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาล ปฐวีหันไปมองเมรินที่นั่งคอตกหน้าซีด ปฐวีจับแขนเมรินแล้วเรียก
“น้องเมย์ ถึงแล้วนะ อดทนไว้”
ปฐวีอึ้งนิ่งและหน้าซีด เพราะมือที่จับแขนเมรินไม่พบสัญญาณชีพจร ปฐวีก้มมองมือตนเองที่จับแล้วมองเมริน แล้วเขาก็ค่อยๆปล่อยเอามือขึ้นแตะสัญญาณชีพจรที่คอเมริน ปฐวีแทบวูบ บุรุษพยาบาลเปิดประตูข้างเมริน
“ผมพาเข้าห้องผ่าตัดเลยนะครับ คุณหมอวี”
ปฐวีอุ้มเมรินเดินออกไปใส่เตียงแล้วเข็นผ่านไป ปฐวีเปิดประตูออกมามองตาม แล้วขาอ่อนจึงพิงรถ เตียงถูกเข็นไกลออกไปเรื่อยๆ ปฐวีเงยหน้ามองแล้วตัดสินใจวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ปฐวีวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งมาจนถึงทางเข้าห้องผ่าตัด รถเข็นถูกเข็นเข้าไปต่อหน้า ปฐวีจะตามเข้าไปแต่พยาบาลและจริญทิพย์เข้าห้าม
“คุณหมอปฐวีอย่าเข้าไปเลยค่ะ”
“คุณหมอวีคะ ปล่อยเป็นหน้าที่หมอโจเถอะนะคะ”
“ปล่อยผม คุณทิพย์” ปฐวีหันไปหาพยาบาล “ปล่อยผม”
พยาบาลทั้งสองหยุด ปฐวีเดินเข้าไปใส่เสื้อห้องผ่าตัดไปพร้อมกับเดินเข้าไปด้วย พยาบาลเตรียมถุงมือและหมวกให้
ปฐวีเดินเข้าไปถึงเตียง หนึ่งฤทัยหันมามองหน้า
“วี ใจเย็นๆนะคะ”
ปฐวีหันไปมองเมรินแล้วลงมือปั๊มหัวใจด้วยมือ เขาสั่งพยาบาลเปิดเครื่อง และให้ใส่เครื่องช่วยหายใจ หนึ่งฤทัยและหมอคนอื่นๆ ต้องมาดึงตัวปฐวีออก
“พอแล้วค่ะวี มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ปล่อยน้องเมย์ไปเถอะค่ะวีคะ พอแล้ว หยุดเถอะค่ะ”
หมอโจพูด “หมอวี หยุดเถอะครับ”
ปฐวีฝืนซักพักก็เริ่มหยุดแต่ก็รับไม่ได้ เขาเดินถอยหลังแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
ปฐวีเดินออกมาหน้าห้องผ่าตัด จนมาเจอทุกคน ปฐวีมองอย่างลอยๆ
เมธีถามขึ้น “วีน้องเมย์เป็นยังไงบ้าง วี”
ปฐวีไม่ตอบ
ปรงทองใจเสีย “โธ่ เจ้าเมย์”
ปฐวีหันหลังเดินออกไป
ปฐวีรู้สึกเจ็บปวด ทุกคนวุ่นวายจนแทบทรุด ประภัสสรร้องกรี๊ด เมธีเสียใจมาก ประภัสสรร้องไห้หนัก ปรางค์ทิพย์ประคองแล้วกอดกันร้องไห้ ปรงทองทรุดลงนั่งพยาบาลประคอง เมธีพิงกำแพงร้องไห้แล้วมือกุมหน้าผาก
ปฐวีเดินมาหยุดหันหน้าเข้ากำแพงแล้วทรุดลงกับพื้นก่อนจะร้องไห้เสียใจ เขาคิดถึงภาพ ต่างๆ ของเมริน ประภัสสรยังคงร้องไห้ เมธีเดินเข้ามาปลอบ
ปฐวีนั่งอยู่คนเดียวริมระเบียง ปรงทองเดินเข้ามาหา
พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่ขึ้นบนท้องฟ้า พระเดินเป็นแถวมาบิณฑบาตร ปรงทอง ประภัสสร และเมธีที่สวมชุดดำยืนรอรับพระ ทุกคนตักบาตรและลงไปนั่งรับพร เมธีประคองปรงทองให้ลุกขึ้น
ปรงทองเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้างแม่ภัส”
“เมื่อคืนภัสฝันถึงน้องเมย์ค่ะ”
“ฝันว่ายังไงบ้าง”
ประภัสสรมองหน้าเมธีแล้วลูบท้องตัวเอง
ประภัสสรรู้สึกสะเทือนใจ “น้องเมย์บอกว่าดีใจที่ได้มาอยู่กับภัสอีกค่ะ”
ปรงทองมองประภัสสรนิ่งแล้วซับน้ำตา
“งั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ใช่มั๊ย พ่อเมธี”
เมธีกอดประภัสสร ปรงทองซับน้ำตาเงียบๆ
ปรงทอง เมธี และประภัสสรเดินเข้ามาในบ้าน ปรางค์ทิพย์เดินออกมาในชุดขาวสำหรับปฏิบัติธรรม พอเจอปรงทอง ปรางค์ทิพย์ก็ยกมือไหว้
“คุณยายขา ปรางค์จะขอลาคุณย่าไปปฏิบัติธรรม เจ็ดวันนะคะ”
“ไปเถอะ อะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ทำไป” ปรงทองบอก
“ภัสขออนุโมธนาบุญกับพี่ปรางค์ด้วยนะคะ”
“ขอบใจมากจ๊ะ พี่ไปละนะ” ปรางค์ทิพย์พูดกับเมธี “ดูแลแม่ภัสดีๆนะคุณเมธี”
“ครับคุณปรางค์ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ”
“ขอบใจมาก ปรางค์ลาทุกคนนะคะ”
ปรางค์ทิพย์เดินไป บุญศรีกับปรงแก้วปรงขวัญในชุดขาวเดินตามเป็นแถว ปรงทองมองตาม
“ชั้นหวังว่าแม่ปรางค์ จะพบความสงบอย่างแท้จริง”
ทุกคนมองปรางค์ทิพย์
ปฐวีที่แต่งชุดดำยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้องทำงาน จริญทิพย์ถือแฟ้มเดินเข้ามาวางที่โต๊ะ จริญทิพย์มองแล้วพูด
“หมอวีคะ เลยเวลาอาหารแล้วนะคะ ทิพย์จัดเข้ามาให้ในห้องไหมคะ”
“ผมยังไม่หิว”
จริญทิพย์ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องไป ปฐวียืนมองเหม่อเหมือนเดิม
รักสิกากับยมนายืนชะเง้อมองอยู่หน้าห้อง จริญทิพย์ถือถาดอาหารออกมาจากห้องปฐวี ทั้งสองคนรีบเข้าไปรุมถาม
“หมอวีเป็นยังไงบ้าง คุณทิพย์” รักสิกาถาม
จริญทิพย์ตอบ “ก็เหมือนเดิม”
“ตายจริง ไม่กิน ไม่นอน ไม่พูดแบบนี้ ร่างกายจะไหวมั้ยเนี่ย”
“ตั้งสองอาทิตย์แล้วนะ”
จริญทิพย์หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา รักสิกากับยมนาพลอยจะร้องไห้ไปด้วย
“อย่าทำแบบนี้สิคะคุณทิพย์”
“คุณทิพย์ต้องเข้มแข็งนะคะ เพื่อพวกเรา เพื่อหมอวี”
จริญทิพย์สูดลมหายใจแล้วสูดน้ำมูกเสียงดัง แล้วฮึด
“เราต้องเข้มแข็ง...เพื่อหมอวีของพวกเรา”
รักสิกากับยมนามองหน้ากันแล้วพยักหน้าสู้ด้วย
เวลาผ่านไป ตันหยงยังนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิม ปฐวีเดินเข้ามาหยุดยืนมองร่างตันหยง โดยมีพยาบาลยืนถือแฟ้มอยู่ห่างๆ
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน คุณตันหยง อยู่กับน้องเมย์หรือเปล่า”
ปฐวีก้มหน้าด้วยความเศร้าใจ
ปฐวีเดินออกจากห้องตันหยงแล้วแยกกับพยาบาล สุดนภากับนาวินเดินมา พอเห็นปฐวี ทั้งคู่ก็ชะงักแล้วหลบไปอีกทางเพื่อรอจนปฐวีเดินผ่านไป
“คุณหลบทำไมเนี่ย” นาวินถาม
“แล้วคุณล่ะ หลบตามชั้นทำไม”
“อ้าว ก็ผมเห็นคุณหลบ ผมก็หลบตามน่ะสิ”
“บ้า...... ชั้นสงสารหมอวีจังเลย”
นาวินถามแบบไม่ได้พูดเล่น “สงสารแล้วจะทำไง จะไปปลอบใจมันหรือ”
“ปากเสียอีกแล้วนะ เดี๋ยวเหอะ...”
สุดนภางอนนาวิน นาวินรีบปิดปากตัวเองแล้วตามง้อ
สุดนภากับนาวินยืนจ้องมองร่างตันหยง
“นี่หยง ทำไมแกยังไม่ยอมฟื้นอีก”
“ถ้าเป็นอย่างที่เราเข้าใจ คุณตันหยงน่าจะรู้สึกตัวแล้ว” นาวินบอก
“หรือว่า.. แกจะไม่กลับมาแล้ว” สุดนภาปิดปากด้วยความตกใจ
สุดนภากับนาวินทำหน้าตาเลิ่กลัก นาวินมองตันหยง
“คุณตันหยงครับ ฟื้นเถอะครับ อย่ามัวเที่ยวเพลินเลย สงสารเพื่อนผม ไอ้วีมันคอยดูแลคุณตลอดเลย”
สุดนภาเงยหน้ามองนาวิน นาวินมองกลับเหมือนถามว่าพูดอะไรผิด
“หยง จริงของคุณนาวินนะ คุณพิรามก็ด้วย เค้ามาเฝ้าแกทุกเย็น แกรู้หรือเปล่า ว่ามีคนเป็นห่วงแกขนาดนี้ ฟื้นมาซะทีเถอะหยง”
พิรามเดินเข้ามาพร้อมถุงในมือ สุดนภากับนาวินชะงัก
“อุ่ย.. เกือบไปแล้ว”นาวินล้วงกระเป๋าทำไม่รู้ไม่ชี้
“มาเยี่ยม หยงหรือครับ ทานอะไรกันมาหรือยัง ผมซื้อมาเผื่อทุกคนเลยนะครับ” พิรามบอก
สุดนภายิ้มเจื่อนๆ “ขอบคุณค่ะ”
พิรามเดินไปมองตันหยง
“เป็นไงบ้างครับหยง ผมมาแล้วนะ”
สุดนภากับนาวินมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
ปฐวีเดินเข้ามาในห้องเมรินแล้วหยิบรูปเมรินที่โต๊ะขึ้นมาดู ประภัสสรเดินเข้ามา
ปฐวียิ้มให้ “ผมคิดถึงน้องเมย์”
“พี่เข้าใจวี พี่ก็คิดถึง คิดถึงมาก แต่เราจะทำยังไงได้ มันเป็นพรหมลิขิต ใช่มั๊ยวี ถ้าเบื้องบนกำหนดไว้แล้ว ชีวิตของเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป”
“ผมดีใจ พี่ภัสเข้มแข็ง”
ประภัสสรลูบท้องตัวเอง “น้องเมย์ต่างหากวี น้องเมย์สอนให้พี่เข้มแข็ง”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
ปฐวีเดินมานอนดูดาวที่ริมระเบียง เขานึกถึงตอนที่เข้าไปตรวจตันหยงโดยมีหมออีกท่าน มาคุยด้วย
“ช่วยคุณตันหยงด้วยนะน้องเมย์”
ปฐวีหน้าเศร้าลง
เช้าวันใหม่ สุดนภากับพิรามเดินคุยกันอยู่ในโรงพยาบาล
“คุณบี๋ คุณพ่อกับคุณแม่ส่งข่าวมาแล้วนะ” พิรามบอก
“เรื่องอะไรหรือ”
“ตอนนี้โรงพยาบาลที่เยอรมันตอบรับให้คุณหยงเข้ารักษาแล้ว”
สุดนภาชะงักแล้วหันไปมองหน้าพิราม
“แล้วคุณจะพาหยงไปเมื่อไหร่”
พิรามพยักหน้า “ผมกำลังทำเรื่องขอประวัติการรักษาของหยง คงใช้เวลาไม่นานหรอก”
“ตายจริง จะทำยังไงล่ะนี่”
สุดนภาวิตก พิรามมองสุดนภาอย่างแปลกใจ
ปฐวีถอนหายใจแล้วหันกลับมาวางแฟ้มการรักษาตันหยงในมือลงบนโต๊ะ ปฐวีนั่งลงแล้วยิ้มเศร้า เขาหยิบสร้อยของตันหยงที่เธอทำตกที่สนามบิน แล้วเขาเก็บได้ขึ้นมาดู ปฐวียิ้มเศร้า
“สายเกินไปหรือเปล่า”
ปฐวีเปิดลิ้นชักหยิบสร้อยของเมรินที่เป็นจี้รูปหัวใจออกมา เขานึกถึงตอนที่ใส่สร้อยให้เมรินที่ร้านอาหาร ปฐวีหยิบสร้อยสองเส้นมาเทียบกันแล้วยิ้มเศร้า
พรพรหมอลเวง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ร่างของตันหยงนอนอยู่บนเตียง ปฐวีค่อยๆ เอาสร้อยใส่ข้อมือให้
“วันนั้นผมหาคุณไม่เจอ วันนี้ผมเอามาคืนให้คุณแล้วนะ”
ปฐวีหยิบอีกเส้นนึงขึ้นมา
“ส่วนเส้นนี้ คุณบอกว่า อยากได้สร้อยจากน้าวี คุณบอกให้ผมใส่ให้ ผมขออนุญาตใส่ให้คุณอีกครั้ง”
ปฐวีใส่สร้อยให้ตันหยง
“คุณตันหยง ตื่นขึ้นมาคุยกับผมเถอะนะ กลับมาหาผม หรือกลับมาเป็นตัวคุณ ยังไงก็ได้ ผมเสียน้องเมย์ไปคนนึงแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียคุณไปอีกคน”
น้ำตาของปฐวีหล่นลงที่แขนตันหยง ปฐวีหลับตานิ่งเพราะพยายามรวบรวมสติ ควบคุมตัวเอง ซักพักเขาก็มองตันหยงที่ยังนอนนิ่ง ปฐวีไม่มีหวังจึงตัดใจจะเดินออก ปฐวีหันไปเห็นพิราม
ปฐวีรู้สึกตัวจึงลุกขึ้น เขาสบตากับพิรามแว๊บหนึ่งก่อนจะเดินผ่านพิรามออกไป พิรามเดินเข้าไปหาตันหยง
ทันใดนั้นเสียงตันหยงก็ดังขึ้น “น้าวี.....”
ปฐวีชะงักแล้วหันหน้ากลับมามองตันหยงอย่างตกตะลึง
ปฐวีหันหน้ากลับมาเห็นตันหยงลืมตาขึ้น พิรามจับมือตันหยง
“หยง คุณฟื้นแล้ว คุณฟื้นกลับมาหาผมแล้ว”
พิรามประคองตันหยงขึ้นมากอด ตันหยงมองหน้าพิรามอย่างตื่นๆ
“หยง คุณฟื้นแล้ว ผมดีใจจริงๆ หยง”
ปฐวีจ้องมองทั้งคู่อยู่นานจนตันหยงเห็นปฐวี ตันหยงดีใจจึงจะเรียก แต่ปฐวีหันหลังกลับ
ตันหยงเศร้าอยู่ในอ้อมกอดของพิราม
ปฐวีเดินออกมาเจอหนึ่งฤทัยยืนอยู่ ปฐวีเดินออกไปคุยกันหน้าห้อง หนึ่งฤทัยปรับสีหน้า
หนึ่งฤทัยดีใจ “คุณตันหยงฟื้นแล้ว”
ปฐวียิ้มมีความสุขแล้วก็คิดได้
“ผมฝากเคสคุณตันหยงให้หนึ่งดูแลต่อด้วยนะครับ”
ปฐวียิ้มให้หนึ่งฤทัยแล้วเดินออกไป หนึ่งฤทัยมองตาม ปฐวีคิดแล้วยิ้มอย่างมีความสุข หนึ่งฤทัยผลักประตูเข้าห้อง เตียงตันหยงถูกปรับให้ชันขึ้นเล็กน้อย พิรามยังกุมมือตันหยงอยู่
หนึ่งฤทัยมองทั้งคู่แล้วยิ้มกับพิราม “ดีใจด้วยนะคะ” หนึ่งฤทัยพูดกับตันหยง “ยินดีที่ได้พบกันอย่างเป็นทางการค่ะ คุณตันหยง”
“สวัสดีค่ะ หมอหนึ่ง”
หนึ่งฤทัยแปลกใจ
“หยง คุณรู้จักชื่อหมอหนึ่งด้วย” พิรามเห็นสร้อยข้อมือที่ตันหยงใส่
ตันหยงมองหนึ่งฤทัยแล้วยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะหันไปมองทางประตูเพราะคิดถึงปฐวี
ปฐวีลงนั่งในห้องทำงาน เขาคิดแล้วก็ยิ้ม
“ในที่สุดคุณก็ฟื้น คุณตันหยง”
เวลาผ่านไป ปฐวียืนอยู่คนเดียวที่ระเบียงโดยยังมีความสุขอยู่ลึก ปรงทองเดินเข้ามาทัก
“เจ้าวี เป็นยังไง หมู่นี้ไม่ค่อยได้เจอเลยนะ”
“ครับคุณย่า ต่อไปคงยุ่งน้อยลงแล้วครับ”
ปฐวีถอนหายใจแล้วยิ้ม
“พี่ภัสเป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่ได้แวะไปคุยเลย”
“ตอนนี้ก็สมบูรณ์ดี หน้าตาเปล่งปลั่งเชียวละ นับวันรอนั่นแหละ” ปรงทองมองปฐวี “วีล่ะ เมื่อไหร่จะมีคู่คิด ย่ารออยู่นะ”
ปฐวียิ้ม “คุณย่าถามแบบนี้ ผมตอบไม่ถูกเลยครับ”
“นี่ย่าถามจริงๆเถอะ เราไม่มองใครไว้บ้างเลยหรือ จะหวงไปทำไม ชีวิตโสดน่ะ”
ปฐวียิ้มให้ปรงทอง
ปรงทองพูดต่อ “หมอหนึ่งก็เหมาะสมกับวีนะ ถ้าชอบกันจริง ย่าจะรีบไปขอให้”
ปฐวียิ้ม “อย่าพึ่งเลยครับคุณย่า ผมขออยู่กับคุณย่าแบบนี้ไปก่อน”
ปฐวียิ้ม ปรงทองมองแล้วยิ้มอย่างเป็นห่วง
ตันหยงนั่งอยู่บนเตียงในห้องพัก พิรามคอยดูแลอยู่
“ผมขอถอดสร้อยข้อมือออกก่อนนะ เดี๋ยวคุณจะต้องไปตรวจ ยกมือให้ผมแกะหน่อยนะ”
ตันหยงมองสร้อยในมือแล้วยกมือให้พิรามแกะสร้อย
พิรามแกะสร้อยของตนเองออก พอจะแกะอีกเส้นตันหยงก็ขยับมือเล็กน้อย พิรามหยุดมอง ตันหยงก้มหน้า
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนดีมั้ย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
พิรามมองตันหยง ตันหยงเมินหน้า
บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นตันหยงมาที่หน้าห้องตรวจ หมอที่ทำการรักษาสอบถามอาการเบื้องต้น ก่อนจะส่องไฟเข้าตา วัดชีพจร แล้วทำการบันทึก
ตันหยงนอนอยู่บนเตียงที่กำลังจะเข้าเครื่อง CT สแกน หน้าจอคอมพิวเตอร์ สแกนร่างกายของตันหยง หมอที่ทำการรักษาบันทึกผลโดยมีปฐวียืนมองอยู่ที่มุมห้อง
บุรุษพยาบาลเข็นตันหยงออกมารอที่หน้าห้อง ตันหยงมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเห็นปฐวี ปฐวีสบตากับตันหยง เขาหลบตาแล้วหันกลับ
“น้าวีคะ” ตันหยงเรียก
ปฐวียืนนิ่งไม่หันกลับมา บุรุษพยาบาลเข็นรถไปถึงตัว
ตันหยงเรียกอีกครั้ง “น้าวี”
ปฐวีหันกลับมา ตันหยงมองหน้าปฐวีแล้วลุกขึ้นทันทีแต่ก็ล้มลง ปฐวีรีบรับตัวไว้
“ระวังหน่อยครับ คุณยังไม่แข็งแรง” ปฐวีบอก
ตันหยงมองหน้าปฐวีเศร้าๆ แต่ปฐวีไม่สบตาเธอ เขาประคองตันหยงให้นั่งที่รถ
ปฐวีพูดกับบุรุษพยาบาล “ผมพาคนไข้ไปส่งที่ห้องเอง”
ปฐวีเข็นตันหยงไป ตันหยงรู้สึกอบอุ่นปนน้อยใจ
พิรามกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้อง
“ตอนนี้หยงไปตรวจร่างกายครับ เดี๋ยวคงจะกลับมา คุณพ่อ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
พิรามกดวางสายแล้วหันไปเห็นปฐวีเข็นตันหยงเข้ามาในห้อง
“หยง คุณหมอวี”
“สวัสดีครับคุณพิราม” ปฐวีทัก
พิรามรีบเดินมาหาตันหยง ตันหยงหน้าจ๋อย
“เป็นยังไงบ้างเหนื่อยมั้ยครับ” พิรามถาม
“นิดหน่อยค่ะ”
“อาการของคุณตันหยงน่าจะเป็นปกติดีนะครับ ถ้าจะให้มั่นใจต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เหลือแค่การฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นปกติของคนที่ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเป็นเวลานานๆ” ปฐวีบอก
“ขอบคุณคุณหมอปฐวีนะครับ ที่ช่วยดูแลคู่หมั้นของผมเป็นอย่างดี”
พิรามมองหน้าปฐวี ตันหยงเริ่มอึดอัดจึงพูดออกมา
“หยงอยากพักแล้วค่ะ”
ปฐวีขยับตัวจะเข้าประคองตันหยง
“ผมเองดีกว่าครับ หมอวี”
ปฐวีหยุด พิรามประคองตันหยงขึ้นไปนอนบนเตียง ปฐวีมองตันหยงกับพิราม
ทันใดนั้นสุดนภาก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง
“หยง แกฟื้นแล้ว ฟื้นจริงๆด้วย โอ๊ย ชั้นดีใจจังเลย”
สุดนภากระโดดกอดตันหยงไว้ แล้วร้องไห้และยิ้มทั้งน้ำตา
ปฐวีมองด้วยสายตามีความสุข พิรามมองปฐวี นาวินสังเกตเห็นทั้งปฐวีและพิราม ปฐวีนึกได้จึงเดินออกไป นาวินยิ้มแล้วเดินตามปฐวีไป พิรามมองตามปฐวีอย่าง ไม่ค่อยแน่ใจ
นาวินกับปฐวีเดินคุยกันมาตามทาง ปฐวีหน้านิ่ง
“ทำไมหน้าตาแกดูไม่มีความสุขเลยวะ” นาวินถาม
“ชั้นดูทุกข์ขนาดนั้นเลยเหรอ” ปฐวีนึกแล้วยิ้ม “แค่คุณตันหยงฟื้น ชั้นก็ดีใจแล้ว”
“เออ. อย่างนี้ค่อยเป็นไอ้หมอวีหน่อย ตอนอยู่ในห้องเก็กหน้าซะขรึมเชียว”
ปฐวีหัวเราะ
นาวินหมั่นไส้ “แล้วนี่แกคิดจะทำยังไงต่อไปวะ”
“จะทำยังไง ก็ทำให้ดีที่สุด ในฐานะแพทย์”
“ไม่ได้ถามเรื่องการรักษาโว้ย ถามเรื่องส่วนตัว”
นาวินพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจกัน ปฐวีส่ายหน้า
นาวินถาม “ส่ายหน้าหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าไม่มีอะไร”
นาวินส่ายหน้าแรงกว่าปฐวี ปฐวีมองแล้วยิ้ม
ตันหยงนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พิรามส่งยาให้ตันหยงแล้วส่งน้ำให้ดื่ม
“ขอบคุณค่ะ”
“ปรับเตียงอีกหน่อยมั้ย นั่งแบบนี้เมื่อยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องค่ะ หยงโอเคแล้ว”
พิรามมองตันหยงอย่างพิจารณาก่อนจะนั่งลงจับมือตันหยงไว้
“คุณยกโทษให้ผมแล้วใช่มั้ย”
ตันหยงมองหน้าพิรามแล้วก็อึดอัดเพราะตันหยงรู้ดีว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ตันหยงฝืนยิ้ม “ค่ะ พิราม อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป หยงอภัยหมดแล้วค่ะ”
“ผมดีใจที่หยงอภัยให้ผม ต่อไป ผมจะไม่ทำให้หยงเสียใจอีก ผมสัญญา”
ตันหยงอึดอัด
ปฐวีกับหนึ่งฤทัยนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน หนึ่งฤทัยมองหน้าปฐวีแล้วยิ้ม
“รู้สึกวีดูสดชื่นขึ้นนะคะ เป็นเพราะคุณตันหยงหรือเปล่า”
ปฐวีชะงัก “คุณตันหยงทำไมหรือครับ”
“อ้าว ก็วีทุ่มเทกับเคสคุณตันหยงมากนี่คะ ตอนนี้เธอฟื้นแล้ว วีน่าจะดีใจกว่าใครนะคะ”
“ไม่หรอกครับ มันน่าจะเป็นครอบครัว กับคู่หมั้นของเค้ามากกว่า”
“คุณพิราม ใช่ค่ะ เค้ารักกันมากจริงๆ หนึ่งยังอิจฉาเลย”
ปฐวีเงียบ
“วีคะ หนึ่งเป็นห่วงวีนะคะ ก่อนคุณตันหยงจะฟื้น หนึ่งเห็นวีเครียด หนึ่งไม่สบายใจเลย” หนึ่งฤทัยเอื้อมมือมาวางทับมือปฐวี “ไม่อยากเห็นวีทุกข์ค่ะ”
ปฐวีเอามือกุมทับมือหนึ่งฤทัยเพื่อปลอบเบาๆ “หนึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของผมเสมอ”
หนึ่งฤทัยมองปฐวีอย่างผิดหวัง
พิรามจัดช่อกุหลาบใส่แจกันให้ตันหยง ขณะที่ตันหยงนั่งอยู่บนเตียง
“ผมเอาดอกไม้สวยๆมาให้ หยงจะได้สดชื่นขึ้น”
ตันหยงยิ้มเศร้า
หนึ่งฤทัยเดินเข้ามาพร้อมพยาบาล
“คุณหมอหนึ่ง” ตันหยงมองเลยไปด้านหลัง “หมอปฐวีล่ะคะ”
“หมอวีติดเคสอื่นค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ ยังเพลียอยู่หรือเปล่า” หนึ่งฤทัยถาม
ตันหยงเศร้าลง “ดีขึ้นแล้วค่ะ”
ตันหยงซึม พิรามแอบมองอยู่
“ขอหมอตรวจดูหน่อยนะคะ” หนึ่งฤทัยบอก
หนึ่งฤทัยลงมือตรวจตามขั้นตอน
“ชีพจรดี ปอดแข็งแรง ไม่น่ามีปัญหานะคะ อย่าลืมทำกายภาพทุกวันนะคะ ร่างกายจะฟื้นตัวเป็นปกติ หนึ่งขอตัวก่อนนะคะ”
พิรามเดินเข้ามาประคองตันหยง
“ขอบคุณนะครับ หมอหนึ่ง”
หนึ่งฤทัยยิ้มแล้วเดินออกไป
“พร้อมไปทำกายภาพบำบัดหรือยังครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง” พิรามบอก
“หยงรู้สึกเพลียๆ วันนี้ขอพักซักวันนะคะ”
ตันหยงล้มตัวลงนอนโดยหันหน้าหนีพิราม
เสียงของหนึ่งฤทัยดังในหัวตันหยง “หมอวีติดเคสอื่นคะ “
ตันหยงคิดในใจ “ใช่สิ ชั้นคงไม่สำคัญสำหรับเค้าอีกต่อไป”
ตันหยงหลับตาลง พิรามมองตันหยงนิ่ง
ปฐวีที่อยู่ในห้องทำงานกำลังนั่งอ่านเอกสาร จริญทิพย์เดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ พอจัดเสร็จจริญทิพย์จึงเริ่มพูด
“ดอกไม้จัดเสร็จแล้วค่ะ เอ่อหมอวีคะ ทิพย์ว่าเราเปลี่ยนเป็นดอกไม้แบบอื่นบ้างดีมั๊ยคะ ปักแต่กล้วยไม้ ไม่เบื่อเหรอคะ ลองเปลี่ยนดูบ้างมั้ยคะ”
“.......ตามใจคุณทิพย์เถอะครับ”
ปฐวีนั่งทำงานเงียบๆ จริญทิพย์เดินออก
“ตามใจทิพย์” จริญทิพย์คิด “เดี๋ยวทิพย์ก็จัดดอกรักให้ซะเลย”
ตันหยงนั่งอยู่บนเตียงโดยมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอแอบมองสร้อยข้อมือเป็นระยะ พิรามนั่งแอบมองอยู่เงียบๆ
“หยงครับ หยงมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะ”
“ผมเป็นห่วงหยงนะ” พิรามมองสร้อยของตันหยง “สร้อยเส้นนี้หยงได้มาตอนไหนหรือครับ”
“เอ่อ...” ตันหยงตอบไม่ถูก
พิรามรอฟัง ตันหยงพูดไม่ออก
ทันใดนั้นพินิจกับบุหงาก็เปิดประตูห้องเข้ามา
“หยง ลูกแม่”
ตันหยงดีใจ “คุณพ่อ คุณแม่”
บุหงาโผเข้ากอดตันหยงไว้ พ่อแม่ลูกกอดกันกลม
“หยงลูกแม่ แม่คิดว่าจะไม่ได้คุยกับลูกอีกแล้ว ลูกแม่ ลูกแม่ฟื้นแล้วจริงๆ” บุหงาดีใจ
“พ่อดีใจที่ลูกกลับมา ลูกพ่อ” พินิจบอก
“คุณพ่อ คุณแม่ หยงคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ที่สุดเลย”
“ลูกแม่ ลูกแม่”
พิรามยืนมองภาพตรงหน้า พ่อแม่ลูกกอดกันด้วยความดีใจ
ปฐวีนั่งทำงานบนโต๊ะอย่างต่อเนื่อง แล้วปฐวีก็หยุดทำงานแล้วทำคิ้วขมวด
“ทำไม ทำไมเรายังตัดใจไม่ได้”
ปฐซีถอนใจแล้วหันหน้าหนี ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
หนึ่งฤทัยกำลังตรวจคนไข้ที่มีอาการปวดท้องไส้ติ่งอยู่
“ส่งไปเอ็กซเรย์นะคะ ขอผลด่วนเลยนะคะ อาจจะต้องผ่าตัดด่วน” หนึ่งฤทัยบอกพยาบาล
พยาบาลรับแฟ้มแล้วเข็นคนป่วยออกไป
ปฐวีเดินผ่านมา เขามองหนึ่งฤทัยด้วยความแปลกใจ
“หนึ่งยังไม่กลับหรือครับ”
“พอดี หมอตูน ลากะทันหันค่ะ หนึ่งเลยอาสาแทนให้”
“เหนื่อยแย่สิครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ช่วยๆกัน แล้ววีล่ะคะ งานเสร็จแล้วหรือ”
“ยังหรอกครับ เดี๋ยวจะขึ้นไปทำงานต่อ”
ปฐวียิ้มให้หนึ่งฤทัยแล้วมองไปทางห้องตันหยงก่อนจะถอนใจ สุดท้ายเขาก็เดินไปอีกทาง หนึ่งฤทัยมองตามปฐวี
ตันหยงนอนหลับอยู่บนเตียง เธอลืมตาขึ้นเห็นปฐวีเปิดประตูเข้ามา ตันหยงก็มองอย่างดีใจ ปฐวีเดินมามองแล้วยิ้มให้
“คนดีของน้าวี” ปฐวีพูด
ปฐวีก้มลงหอมหน้าผาก
ตันหยงดีใจ “น้าวี....”
ทันใดนั้นตันหยงก็รู้สึกตัวตื่นและรู้ว่าเธอแค่ฝันไป ตันหยงนอนเศร้าต่อ
พรพรหมอลเวง ตอนที่ 11 (ต่อ)
พระอาทิตย์ยามเช้าขึ้น ตันหยงที่อยู่ในห้องพักยังเศร้าๆ
“แม่กอดลูกมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ ให้ลูกพักผ่อนเถอะ” พินิจบอก
“ก็แม่ดีใจ และคิดถึงลูกมากนี่นา” บุหงาว่า
หนึ่งฤทัยเปิดประตูเข้ามา ตันหยงห่อเหี่ยว
“สวัสดีค่ะ คุณตันหยง อ้าวคุณอากลับมาแล้วหรือคะ”
“พอทราบข่าวจากทางนี้ ก็รีบบินกลับมาทันทีเลยค่ะ เออจริงสิ หมอปฐวีล่ะคะ ไม่เห็นหน้าค่าตาเลย” บุหงาถามถึง
“หมอวีฝากให้หนึ่งดูแลเคสคุณตันหยงแทนค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ หรือมีเคสหนัก” พินิจถาม
“หมอวีคงเห็นว่าอาการคุณตันหยงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วมั้งคะ เลยไปดูแลเคสอื่นต่อ “ หนึ่งฤทัยพูดกับตันหยง “ไม่ต้องห่วงนะคะ หนึ่งจะดูแลคุณตันหยงเอง”
ตันหยงยิ้มเจื่อน “ขอบคุณมากค่ะ”
ตันหยงจ๋อยสนิท หนึ่งฤทัยแอบมองท่าทีของตันหยง ตันหยงพยายามตัดใจ
ตันหยงนั่งอยู่บนรถเข็น พิรามเข็นตันหยงออกมาจากห้อง
เวลาผ่านไปหลายวัน ตันหยงหัดเดินในห้องทำกายภาพบำบัด โดยพิรามยื่นมือให้ตันหยงจับเพื่อหัดเดิน ตันหยงค่อยๆเดินแล้วก็หกล้ม พิรามเข้ามาประคองไว้ ตันหยงยิ้มให้พิราม
หลายวันผ่านไป ตันหยงเดินดีขึ้น พิรามคอยเป็นกำลังใจ ตันหยงทำท่าจะล้มแต่ก็ไม่ล้ม พิรามยิ้มให้ ตันหยงยิ้มตอบ
หลายวันผ่านไป ตันหยงเดินไปและเดินกลับได้อย่างคล่องแคล่ว เธอหัวเราะและยิ้มแย้มให้พิราม พิรามดีใจจึงเข้ามากอดตันหยง ปฐวียืนมองอยู่ไกลๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป
ตันหยงอยู่ในชุดพร้อมจะกลับบ้าน ข้าวของของเธอวางเรียงรายพร้อมจะออกจากโรงพยาบาล
“วันนี้เราจะกลับบ้านแล้วเหรอคะ” ตันหยงถามหน้าเศร้า
“อะไรกันลูก ใครอยากจะอยู่โรงพยาบาลนานๆบ้าง” บุหงาย้อน
“หยงคงหมายถึง อยู่โรงพยาบาลนานจนชินล่ะครับ พอจะกลับบ้านเลยตื่นเต้น ใช่มั้ยครับ” พิรามบอก
ตันหยงยิ้มเจื่อน
หนึ่งฤทัยเดินเข้ามา
“เตรียมพร้อมแล้วหรือคะ ดีใจด้วยนะคะ จะได้กลับบ้านแล้ว”
“ผมต้องขอบคุณคุณหมอหนึ่งนะครับที่ช่วยดูแลจนลูกผมฟื้น” พินิจกล่าว
หนึ่งฤทัยยิ้ม “ค่ะ”
“แล้วหมอวีล่ะคะ ไม่เห็นหน้าเลย งานยุ่งหรือคะ” บุหงา
“ค่ะ ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง เพราะมีหมอใหม่เข้ามาฝึกงาน หมอวีเลยต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่าลืมมาตรวจสุขภาพตามนัดนะคะ คุณตันหยง”
ตันหยงรับคำ “ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะพาหยงมาตรวจตามนัด อีกสองอาทิพย์พบกันนะครับ”
พูดจบพิรามก็ยิ้มให้หนึ่งฤทัย แต่ตันหยงแอบเศร้า
ตันหยง พิราม บุหงา พินิจยืนอยู่ใกล้ประตูโรงพยาบาล หนึ่งฤทัยเดินมาส่ง
“ขอให้โชคดีนะคะ” หนึ่งฤทัยอวยพร
“ขอบคุณคุณหมอหนึ่งที่มาส่งนะครับ อ้อ..ฝากขอบคุณหมอวีด้วย” พิรามบอก
“ค่ะ หนึ่งจะบอกให้”
ตันหยงหันไปมองในโรงพยาบาลเหมือนจะมองหาใครบางคน
“ไปกันเถอะครับหยง” พิรามบอก
“ค่ะ” ตันหยงพูดกับหนึ่งฤทัย “ไปก่อนนะคะ”
ทุกคนเดินไป หนึ่งฤทัยมองตามแล้วถอนหายใจโล่งอก
ปฐวียืนอยู่ที่ริมหน้าต่างพร้อมกับมองลงมาข้างล่างแล้วถอนหายใจ จริญทิพย์เดินเข้ามา
“หมอวีคะ นักเรียนแพทย์พร้อมแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับคุณทิพย์”
ปฐวีหยิบเสื้อกราวด์มาแล้วเดินออกไป
รถของพิรามขับมาจอดหน้าบ้านตันหยง สุดนภามายืนรอต้อนรับ พิรามประคองตันหยงลงจากรถ ตันหยงมองบ้านอย่างเศร้าๆ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” สุดนภาเดินไปกอดตันหยง
“แกหายไปไหนมาบี๋ ไม่เจอเลย” ตันหยงถาม
“ตอนนี้เตรียมการสอนอยู่ โทรไปโรงพยาบาลเค้าบอกว่าแกกลับบ้านวันนี้เลยมาเซอร์ไพร์ส เดี๋ยวต้องกลับไปทำงานต่อ”
“อยู่ด้วยกันไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้ แต่คืนพรุ่งนี้ ชั้นจะมานอนคุยกับแกให้หายคิดถึงเลยดีมั้ย” สุดนภาพูดกับบุหงา “คุณพ่อคุณแม่คะ บี๋ขอมานอนคุยกับหยงนะคะ คิดถึง”
“แหม ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ มาเลย แม่ยินดีต้อนรับบี๋เสมอแหละลูก” บุหงาบอก
“ไม่นึกไม่ฝันเลย หยงจะได้กลับมาบ้านของตัวเองอีกครั้ง” ตันหยงพูด
พินิจกับบุหงามองลูกแล้วยิ้ม
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะลูก ทำยังกะหนูระเหเร่ร่อนไปอยู่ที่อื่นมา”
“ค่ะ หยงรู้สึกแบบนั้นเลย”
“ไม่เป็นไร กลับมาบ้านเราแล้วลูก ที่นี่บ้านของลูกไง” พินิจบอก
ตันหยงมองบ้านแล้วมองพ่อกับแม่ก่อนจะยิ้มให้
ตันหยงมองห้องนอนด้วยความรู้สึกแปลกตา เธอนึกถึงตอนที่มองห้องเมรินและตอนเล่นกับปฐวีในห้องนอน
“คุณหายตัวไปไหนนะ น้าวี”
ตันหยงเศร้า
ปฐวีนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และแฟ้มตันหยง เขาจับเม้าอย่างลังเล หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นไฟล์ข้อมูลของตันหยง ปฐวีเก็บแฟ้มเล็กเข้าลิ้นชักแล้วขยับลบไฟล์ทั้งหมดทิ้ง
“มันควรจะจบได้แล้ว”
ปฐวีนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ
บุหงากับพินิจนั่งคุยอยู่กับพิราม ตันหยงเดินลงมาจากข้างบน
“โน่นไง มาพอดีเลย” บุหงาหันไปเห็น
พิรามหันไปมองตันหยงแล้วยิ้ม
“เอ..ทำไมลูกพ่อดูไม่ค่อยสดใสเลย ออกจากโรงพยาบาลมาตั้งหลายวันแล้วนี่นา” พินิจว่า
“ใครว่าคะ นี่หยงอ้วนขึ้นตั้งเยอะแล้วนะ” ตันหยงบอก
“ไม่อ้วนหรอกครับ ดูเหมือนจะซูบลงกว่าเดิมอีก” พิรามพูด
“หรือคะ งั้นเดี๋ยวหยงจะทานให้เยอะๆเลย”
“ได้เลยครับ หยงอยากไปไหน อยากกินอะไร จากนี้ไปผมจะพาหยงไปทุกที่ ไม่ให้ห่างตัวเลย” พิรามบอก
ตันหยงยิ้มขำ
“พิราม แม่ฝากดูแลหยงด้วยนะ”
“ครับ คุณพ่อคุณแม่” พิรามรับคำ
“หยงไปนะคะ”
ตันหยงกับพิรามเดินออกไป บุหงากับพินิจมองตาม
“คุณรู้สึกเหมือนผมมั้ย ผมว่ายายหยงดูอมทุกข์ยังไงชอบกล” พินิจถาม
“ชั้นก็รู้สึกเหมือนคุณนั่นแหละ”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
ตันหยงกับพิรามนั่งกินอาหารในร้านแห่งหนึ่ง พิรามพยายามเทคแคร์ตันหยงตลอดเวลา ตันหยงฝืนยิ้ม ตันหยงนึกถึงตอนที่ปฐวีพาเมรินมานั่งกินอาหารแล้วป้อนอาหารให้ ตันหยงเหม่อ
“หยงครับ หยง”
ตันหยงสะดุ้ง “คะ ขอโทษ หยงคิดอะไรเพลินไปหน่อย คุณว่าอะไรนะคะ”
“หมู่นี้หยงดูลอยๆนะ มีอะไรในใจหรือเปล่า”
“หยง...คงยังไม่ชินมั้งคะ มีหลายอย่างต้องปรับตัว”
“หยงครับ เดือนหน้าผมต้องไปต่างประเทศ อาจจะเป็นปี หรือกว่านั้น ผมอยากให้หยงไปกับผมด้วย” พิรามจับมือตันหยง “เราแต่งงานกัน ก่อนเดินทางได้ไหมครับ”
ตันหยงอึ้ง
“ทำไมเร็วนักล่ะคะ”
“ผมอยากดูแลหยง ผมไม่อยากห่างจากคุณอีกเลย ผมจะรอคำตอบจากคุณนะครับ”
ตันหยงเศร้าและอึดอัดใจ
สุดนภากับนาวินเดินออกมาจากร้านอาหาร
“ไปฟังเพลงกันมั้ย วันนี้มีวงมาเล่นที่คลับเพื่อนผม” นาวินชวน
“ไม่ดีกว่า ชั้นมีธุระ”
“ธุระอะไร กลางค่ำกลางคืน”
“วันนี้ชั้นจะไปค้างบ้านหยง”
“ไปทำไม ทำไมไม่เห็นไปค้างบ้านผมมั่ง”
“นี่นาย ทะลึ่งแล้ว เดี๋ยวเหอะ”
“ล้อเล่นน่า ......แล้วคุณตันหยงเป็นยังไงบ้าง”
“......ก็ดูเศร้าจนน่าเป็นห่วงเลยหล่ะ .....แล้วหมอวีล่ะ”
“ไอ้หมอวี...... ไม่รู้มันคิดอะไรของมัน .....ดูยากจริงๆ” นาวินซีเรียส “สรุปว่าไม่อยากไปค้าง บ้านผมมั่งเหรอ”
สุดนภาซัดเข้าท้องนาวินอย่างแรง
“โอ๊ย ทำไมชอบใช้ความรุนแรงนักนะ โอ๊ ปวดจริงเลย”
สุดนภาทำหน้าสมน้ำหน้า
ตันหยงนั่งคิดไม่ตกอยู่ในบ้าน สุดนภาเดินออกมาจากห้องน้ำพอเห็นท่าทางของตันหยงก็ถอนหายใจ
“นี่ท่าทางแกเป็นเอามากนะหยง”
“ชั้นรู้สึกผิดมากเลยบี๋”
“แกคิดมากไปหรือเปล่า”
“วันนี้พิรามพูดกับชั้น เรื่องแต่งงาน”
สุดนภาตกใจ “แต่งงาน”
“บี๋ ชั้นควรจะทำยังไงดี ชั้นสับสนไปหมดแล้ว”
“แกก็ควรจะถามใจตัวเองให้แน่สิ เพราะมันคือชีวิตแกทั้งชีวิต ชั้นอยากให้แกคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ นี่ เอาเป็นว่า ถ้าแกเหลือเวลาอีกวันเดียวในโลกนี้ แกอยากจะเจอหน้าใครระหว่างพิราม กับหมอปฐวี”
ตันหยงหน้าเครียด
ปฐวียืนเหม่ออยู่ในห้องทำงาน จริญทิพย์เดินถือแฟ้มเข้ามา
“หมอวีคะ สาธารณสุขส่งหนังสือมา เรื่องโครงการแพทย์อาสาค่ะ” จริญทิพย์เห็นปฐวียังเหม่อจึงเรียก “หมอวีคะ”
ปฐวีสะดุ้งแล้วหันมา
“คุณทิพย์ว่าไงนะครับ”
“เรื่องโครงการแพทย์อาสาค่ะ รายละเอียดอยู่ในนี้ทั้งหมด จะให้ทิพย์ทำหนังสือตอบปฎิเสธไปเลยมั้ยคะ ตอนนี้หมอทุกท่านก็งานเอี๊ยดแล้ว”
“ผมขออ่านรายละเอียดก่อน”
“ส่วนแพทย์ฝึกหัดจากมูลนิธิ ตอนนี้ส่งกระจายไปฝึกตามแผนกครบทุกคนแล้วค่ะ”
“ดีครับ ขอบคุณคุณทิพย์มาก”
จริญทิพย์เดินออกไปจากห้อง ปฐวีหยิบแฟ้มขึ้นมาอ่านแล้วนิ่งคิด
หนึ่งฤทัยเดินคุยมากับปฐวี
“หมอที่มาฝึกงานเป็นยังไงบ้างครับ” ปฐวีถาม
“ดีนะคะ ทุกคนตั้งใจทำงานเต็มที่เลย หนึ่งชื่นชมความคิดของคุณย่าท่านจริงๆ ท่านสร้างโอกาสให้คนทำประโยชน์เพื่อสังคม น่ายกย่องมากเลยค่ะ”
“ผมต้องฝากหนึ่งช่วยดูแลเรื่อง หมอฝึกหัดด้วยนะครับ”
“โธ่วีคะ พูดยังกับว่าวีจะหายไปไหนอย่างนั้นแหละ เรื่องแค่นี้เอง หนึ่งยินดีช่วยเสมอค่ะ”
หนึ่งฤทัยมองหน้าปฐวีแล้วยิ้ม
ปฐวีเดินออกมายืนที่ระเบียงห้องนอน เขาคิดถึงตอนที่คุยกับเมรินที่ทะเลว่าอยากไปเป็นแพทย์อาสา แล้วปฐวีก็ตัดสินใจจะไปเป็นแพทย์อาสา
วันต่อมา ปฐวีอธิบายให้นักเรียนแพทย์ฟัง ในขณะที่แพทย์อีกท่านกำลังผ่าตัดสมองคนไข้ ปฐวีสอน นักเรียนแพทย์จดบันทึกตาม
ปฐวีนั่งทำงานเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน หนึ่งฤทัยเดินเข้ามา ในมือของเธอมีถุงขนมที่จะให้ไปฝากปรงทอง ปฐวีลุกให้ หนึ่งฤทัยนั่งแล้วทั้งสองก็ชวนคุยถึงนักเรียนแพทย์ ปฐวียิ้มแย้มขึ้น แล้วปฐวีก็ชวนหนึ่งฤทัยไปเยี่ยมปรงทอง
ตันหยงนั่งเงียบก่อนจะถอนหายใจเพราะกำลังใช้ความคิด สุดนภายืนกอดอกมองอย่างสังเกตอาการของตันหยง
“พอเหอะหยง ชั้นว่าแกต้องตัดสินใจแล้วหล่ะ”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าตอนนี้ ชั้นสับสนไม่รู้จะทำยังไงดี”
“..ชั้นรู้แล้วล่ะ ว่าแกควรจะไปที่ไหนก่อน”
สุดนภาลุกขึ้นแล้ววางหนังสือ ก่อนจะคว้ากระเป๋าหยิบกุญแจรถ
ตันหยงงง “ไปที่ไหน”
“ไปเช็คความจริงว่า ใจแกต้องการอะไรกันแน่”
สุดนภาลากตันหยงออกไปทันที
สุดนภาลากตันหยงมาที่รถ
“ขึ้นรถเลยเร็วเข้า”
“แกจะพาชั้นไปไหน”
“เออน่าขึ้นรถเหอะ ชั้นไม่พาแกไปขายหรอก”
ตันหยงขึ้นรถไปนั่งแบบงอนๆ สุดนภาปิดประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก สุดนภาพูดโทรศัพท์ระหว่างเดินมาขึ้นรถ
“คุณนาวิน เช็คให้บี๋หน่อย ตอนนี้หมอวีอยู่ที่ไหน”
พูดจบสุดนภาก็เปิดประตูขึ้นรถแล้วหันมายิ้มให้ตันหยง ก่อนขับรถออกไป ตันหยงทั้งงอนทั้งงง
สุดนภาขับรถเข้ามาในบ้านปรงทอง ตันหยงตะลึง
“บี๋ แกพาชั้นมาที่นี่ทำไม”
สุดนภาไม่ฟังเสียง เธอลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูจะลากตันหยงลง แต่ตันหยงไม่ยอมลง
“ลงมา ลงมาเร็วๆ”
“แกจะให้ชั้นทำอะไร ชั้นไม่เอาด้วยหรอก”
“หยง แกฟังชั้นนะ แกมีโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ชั้นอยากให้แกตัดสินใจให้ดีๆ”
ตันหยงอึกอักพยายามหาข้ออ้าง “เอ่อ...ชั้นอยากไปกราบคุณย่า”
ตันหยงนิ่งคิด
ตันหยงก้มกราบปรงทองในบ้านปรงทอง ปรงทองมองตันหยงอย่างเอ็นดู
“ไหว้พระเถอะลูก ไหนเงยหน้าให้ย่าดูชัดๆซิ”
ตันหยงเงยหน้าขึ้นมองปรงทอง ทั้งคู่สบตากัน
“หน้าตาหน้าเอ็นดูจริง” ปรงทองชม
สุดนภาที่มองอยู่ยิ้มปลื้ม
“ตันหยงเป็นเพื่อนของบี๋เองค่ะ เค้าป่วยอยู่นานหมอวีเป็นคนดูแลค่ะ”
“คุ้นหน้าจริง เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะ”
ตันหยงยิ้มรับ
ปรงทองมองตันหยงอย่างเอ็นดู
“แล้วหมอวีล่ะคะ” สุดนภาถาม
“จริงสิ ครูบี๋ไปริมน้ำสิ เจ้าวีคงอยู่ที่นั่นแหละ” ปรงทองบอก
“ค่ะคุณย่า”
สุดนภาหันมายิ้มให้ตันหยง ทั้งสองคนไหว้ลาปรงทอง สุดนภาลากแขนตันหยงไป