คู่กรรม ตอนที่ 11
ตาแกละถือไฟฉายกราดส่องเข้ามา มือข้างหนึ่งจูงยายเมี้ยน 2 คนพากันปราดเข้ามาดูใกล้ๆ มีท้องร่องคั่นอยู่
“ไหน หนุ่มสาวที่ไหนละนี่ เอ้า..แม่อังนี่เอง”
อังศุมาลินรีบสะบัดตัวออกจากโกโบริทันที
“ฉันเองละป้าเมี้ยน เดินไปบ้านลุงบัวมา” อังศุมาลินรีบบอก
“อ้อ แล้วนั่นผู้ชายที่ไหนละน่ะ มายืนทำอะไรกัน” ยายเมี้ยนเขม้นตามอง
ตาแกละจำได้ “เอ นี่นายช่างอู่เรือนี่”
ยายเมี้ยนหูผึ่ง แย่งไฟฉายมาส่องหน้าอังศุมาลินและโกโบริแบบเต็มๆ ตา “ไหนๆ ออ..มิน่ามิน่า ยังงี้เองทหารญี่ปุ่นถึงเดินเข้าออกบ้านกันให้พรึบพรับ เจ็บป่วยหยูกยาไม่เคยขาด โอยๆ”
อังศุมาลินหน้าชา ตัวร้อนผ่าว ทำอะไรไม่ถูก โกโบริยืนงงนิ่ง
“ไป..ไปพ่อเอ็งไหนว่าลูกสาวบ้านนี้เขาเก่งเขาดีไงละ ฮึ...เห็นกะตาเลยไหมละว่ามันเก่งจริงๆ เหอะๆ” ยายเมี้ยนเยาะหยัน นินทาซึ่งๆ หน้า
อังศุมาลินพยายามอธิบาย “ป้าเมี้ยน ฉันเปล่า...”
ตาแกละถือไฟฉายเดินตามยายเมี้ยนที่หัวเราะเย้ยเยาะจากไป
“ป้าเมี้ยน ลุงแกละ…”
อังศุมาลินหมดแรง เข่าอ่อน จะทรุดลง โกโบริรีบคว้าไว้ทัน อังศุมาลินหันขวับรีบปัดหนี
“คุณ เป็นเพราะคุณรู้ไหม”
อังศุมาลินเกรี้ยวกราดใส่โกโบริทันที
“คุณกำลังทำให้คนอื่นเข้าใจผิด แล้วนี่ยายเมี้ยน ใครๆ ก็รู้...โธ่”
โกโบริฟังนิ่ง
“พรุ่งนี้ฉันก็จะโดนโพนทะนาทั่วทั้งบาง ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน คุณคงพอใจใช่ไหม”
“คุณ พูดช้าๆ ผมไม่เข้าใจ”
“นี่ ขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอะไรอีกเหรอ คุณอยากจะให้ฉันอธิบายคุณให้เข้าใจอีกใช่ไหม”
อังศุมาลินฉุนขาดสะบัดสุดแรงปัดโกโบริออก แล้วผละวิ่งหนีไปทันที
“เดี๋ยว คุณ”
อังศุมาลินวิ่งลดเลี้ยว ปัดป่ายกิ่งไม้ตามทางให้พ้นๆ อย่างไม่คิดกลัวว่าจะเจ็บ
จนช่วงหนึ่ง วิ่งไปโดนหนามจากกิ่งอะไรสักอย่างเกี่ยวเสื้อ อังศุมาลินหันไป กระชากตัวออก เสื้อขาดแคว่กตรงบ่านิดหนึ่ง
สีหน้าอังศุมาลินตระหนกพลุ่งพล่าน หันกลับรีบวิ่งต่อไป จนเท้าอังศุมาลินไปเตะรากไม้ ตัวเซถลาล้มลงข้างทาง ไปบนกองใบไม้แห้ง มือโกโบริมาคว้าแขนอังศุมาลินให้ลุกขึ้น
“นี่คุณ” โกโบริดุๆ แกมหอบ “ทำไมต้องวิ่งหนี...ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
อังศุมาลินรีบสะบัดออกทันที ตอนนี้บนผมอังศุมาลินมีใบไม้แห้งจากที่ล้มลงไปเกาะติดมา 1 ใบ
“ไม่ ไม่ต้องมาพูดอะไรอีกแล้ว ไป...ไปให้พ้น”
โกโบริใช้มือคว้าที่ตัวอังศุมาลินให้ลุกขึ้นมา อังศุมาลินดิ้นสู้ไปมาไม่ยอม
“ผมไปแน่ แต่คุณต้องบอกผมก่อนว่า สองคนนั้นพูดว่าอะไร”
โกโบริเปลี่ยนเป็นช้อนตัวอังศุมาลินอุ้มขึ้นมาทันที
“คุณ...หยุดดิ้นอาละวาด แล้วอธิบายให้ผมฟัง ไม่อย่างนั้นผมจะแบกคุณกลับไปอู่”
โกโบริขู่ อังศุมาลินค่อยๆ หยุดออกฤทธิ์ทันที โกโบริกำลังจะเปลี่ยนเป็นยกเธอขึ้นบ่า
อังศุมาลินบอกเสียงปนสะอื้นเบาๆ “พอ ไม่เอานะ อย่า”
“คุณจะยอมเล่าหรือยัง”
“ยายเมี้ยนแกปากปลาร้า” อังศุมาลินบอก
โกโบริงง “ปากอะไรนะ”
“หมายความว่า ยายเมี้ยนชอบเอาเรื่องคนอื่นไปพูดไม่ดี เสียหาย”
“แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเรา” โกโบริซัก
“เกี่ยวสิเขาหาว่า...” อังศุมาลินชะงักพูดไม่ออก
โกโบริคาดคั้น “อะไร”
“เราทำตัวกันไม่ดี”
“ไม่ดียังไง ไม่เข้าใจ”
อังศุมาลินอึดอัดไม่รู้จะอธิบายยังไง “นั่นละ แต่พรุ่งนี้ แกก็จะเอาเรื่องที่มาเจอเรา ไปเที่ยวพูดให้ใครๆ ได้รู้กันหมด”
โกโบริงงอยู่อย่างนั้น “เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ทำไมต้องเอาไปพูดไม่ดี”
อังศุมาลินกระชากเสียงใส่ทันที “คนไทยถือเรื่องแบบนี้”
“ทำไมคนไทยต้องถือเรื่องคนเดินด้วยกันสองคน”
อังศุมาลินนิ่ง ไม่อธิบายอะไรต่ออีก
โกโบริส่ายศีรษะไปมา แล้วค่อยๆ ปล่อยอังศุมาลินลง
“เอาเถอะ เดินดีๆ อย่าวิ่ง ผมจะเดินไปส่ง ผู้หญิงมาเดินคนเดียวที่มืดอย่างนี้ไม่ดี อันตรายมากอย่ามาอีก”
อังศุมาลินปัดแขนไปมาก่อนจะหันไป อ้าปาก จะเถียงต่อ โกโบริรู้ทันรีบสวนก่อน
“แต่เรื่องนี้คนญี่ปุ่นก็ถือ ว่าผู้หญิงไปไหน ผู้ชายต้องคอยคุ้มกันด้วย”
อังศุมาลินผงะ อึ้ง เถียงไม่ออก
ไม่นานต่อมา กลอนประตูเรือนถูกขยับพร้อมกับประตูเปิดออก ในแสงตะเกียงที่ถือมา เห็นเป็นอังศุมาลินที่ผมลุ่ยมีใบไม้แห้งติด เสื้อเป็นรอยขาดตรงไหล่ ยืนอยู่หน้าประตูสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่สบตาแม่อรที่เปิดรับ
“เรียบร้อยดีไหมลูก”
อังศุมาลินนิ่งอัดอั้นไปครู่หนึ่ง “ค่ะ”
แม่อรมอง แปลกใจ แล้วหยิบใบไม้บนผมอังศุมาลินออกให้ อังศุมาลินไม่ใส่ใจ ก้าวเข้ามาแม่อรหลบให้เพื่อจะปิดประตูลงกลอน
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูปิดเอง”
อังศุมาลินหันไปดึงประตูมาปิดลง แต่ก่อนปิดสนิทเธอเหลือบมองลงไปข้างล่าง เห็นโกโบริเป็นเงาตะคุ่มยืนแอบมองส่งอยู่มุมหนึ่งหน้าเรือน
อังศุมาลินมองอยู่พักหนึ่ง จึงปิดประตูลง
ไม่นานหลังจากนั้น แม่อรที่นั่งที่อยู่ตรงยกพื้นชานเรือน มีสีหน้าตกใจขณะหันไปหาอังศุมาลิน
“โกโบริเหรอ ตายละ แล้วเขาเห็นนายไม้เข้าหรือเปล่า”
อังศุมาลินเก็บผมที่ลุ่ยลงมาขึ้นให้เป็นปกติ เดินมานั่งที่ชานเรือน
“ไม่เห็นหรอกคะ หนูบอกมิสเตอร์ไมเคิลให้คอยหลบที่มืดๆ ไว้ก่อนพอดี บอกให้เขาหลบรอถ้าเกิดมีใครอยู่ พอดีโกโบริเขาก็กลับออกมาพร้อมหนู...”
อังศุมาลินอึกอักเล็กน้อย
“แล้วก็เดินแวะมาส่งหนูเมื่อครู่ ป่านนี้ไมเคิลคงได้เจอกับตาบัวแล้วละคะ ไม่พรุ่งนี้หรือมะรืนหนูค่อยย่องกลับไปดูอีก”
แม่อรถอนใจ “แต่พ่อโกโบรินี่สิ เขาจะเอายังไงกับเราต่อ”
“คงไม่หรอกคะ เพราะเห็นว่าจะไปแล้ว” อังศุมาลินว่า
แม่อรตกใจ “หา พ่อโกโบรินะหรือ จะไปไหน”
“ค่ะ จะไปประจำอยู่บนเรือไปออกรบ อะไรนี่ละ”
แม่อรครวญ “คราวก่อน ว่าจะไปก็ไม่ไปนี่นา ใครๆก็รักแก ไม่อยากให้แกไป”
อังศุมาลินพูดขึ้นลอยๆ “ขอให้คราวนี้ไปจริงๆ เถอะ จะเป็นพระคุณมาก”
แม่อรเอ็ด “ยัยอัง”
อังศุมาลินรีบผุดลุกขึ้น
“ดึกแล้วคะแม่ นอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญแต่เช้านี่คะ”
แม่อรสังเกตเห็นไหล่เสื้อของอังศุมาลินขาด
“แล้วนั่นเสื้อหนูโดนอะไรมาทำไมขาดเสียขนาดนั้นละลูก”
อังศุมาลินเหลียวดู รีบเอามือกุมไว้ “กิ่งไม้ในสวนคงเกี่ยวเอาละคะ ทางมันมืด”
อังศุมาลินหันหลัง เดินไปดูตะเกียง แม่อรลอบมองลูกสาวท่าทีสงสัย และไม่สบายใจ
กลางดึก ลมโชยพัดใบไม้เอนพลิ้วไปมา เสียงขิมบรรเลงคร่ำครวญเป็นทำนองเพลงญี่ปุ่นลอยล่องมาไกล แม่อรที่นอนอยู่ในมุ้ง พลิกตัวลืมตาฟังท่วงทำนอง และเสียงขิมจากหน้าห้องที่โหยกังวาน พลางถอนใจ
ต้นลำพูข้างเรือนไหวเอนเบาๆ ในสายลมอ่อนๆ กระทบแสงแดดยามเช้าตรู่ ส่วนบนเรือนภายในครัว ฝาหม้อข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จใหม่ๆ ถูกเปิดออกควันโขมง แม่อรกำลังง่วนอยู่กับจัดของไปทำบุญลงตระกร้าอยู่มุมหนึ่ง
อังศุมาลินกำลังคดข้าวลงปิ่นโต ก็มีสีหน้ากังวลบางอย่างเหลียวมองแม่อรเป็นระยะ ก่อนพูดขึ้นมา
“แม่คะ คือ..เมื่อคืนนี้”
แม่อรพูดโดยไม่หันมามอง “เอาละจ้ะ ไม่มีอะไรแล้วนี่ลูก”
“แต่..แต่ว่าคือหนู”
“นี่แล้วหนูจะอยู่คนเดียวได้ไหม หรือปิดบ้านแล้วไปด้วยกัน” แม่อรเสพูดเรื่องอื่น
“หนูขออยู่บ้านดีกว่าค่ะ มีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง แล้วเกิดลุงบัววิ่งมาหาจะได้พบ”
“ก็ตามใจ แต่...” แม่อรดูห่วงมากๆ “หนูไม่ต้องลงสวนหรอกนะลูก”
“คะ” อังศุมาลินอึ้งไปนิด แล้วก้มรับคำอย่างว่าง่าย “ค่ะ”
ที่ท่าน้ำ ปิ่นโตเถาสุดท้ายถูกส่งต่อลงลำเรือเรียบร้อย แม่อรรับปิ่นโตจากอังศุมาลิน มียายศรนั่งอยู่หัวเรือพร้อมของไปทำบุญวางเต็ม
“คงหลังเพลนั่นละ แม่กับคุณยายถึงจะกลับ”
“ถ้าหวอมา..หนูก็ปิดบ้านดีๆ ก่อนหนีไปหลบภัยล่ะ” ยายศรกำชับ
“ค่ะ แล้วถ้าหวอมา คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หลบอยู่กันที่นั่นก่อนแล้วค่อยกลับ”
“นี่ เดี๋ยวเถอะ..สองยายหลานนี่.. กลางวันแสกๆ มันจะมาทำไมละ” แม่อรแซว
“ก็ไม่รู้นี่คะ เผื่อว่ามันเกิดอยากมาบอมสว่างๆ ดูบ้าง จริงไหมคะ คุณยาย”
“ไม่เอาล่ะ อยู่ดีๆ ก็พูดถึงมันแบบนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นปู่กระสันถึงไก่ไก่ก็มา.. เข้า” ยายว่า
“นั่นสิคะ..พอดี..เดี๋ยวพระกำลังฉันๆ จะต้องลุกขึ้นจีวรปลิว” อังศุมาลินบอกขำๆ
แม่อรค้อน “ลูกคนนี้นี่.. ส่งหัวเรือให้แม่เลยมา”
อังศุมาลินออกแรงดันหัวเรือหัวเราะเสียงสดใส มองส่งแม่และยายไป
ฝาละมีดินเผาหักๆ ขอบคม กำลังถูกเอามาใช้ขัดถูขูดตะไคร่น้ำที่เกาะบันไดท่าน้ำออก สีหน้าอังศุมาลินที่ออกแรงขัดถูไปมา แต่ใจลอยคิดกังวลเสียงโกโบริที่ดังขึ้นในใจ
“คุณไม่มีหัวใจรัก”
โกโบริย้ำคำหนักแน่น “คุณรักคนของคุณเพียงเพื่อลบความหวั่นระแวงแคลงใจในมนุษย์ และลบร่องรอยความสูญเสียที่คุณเคยได้รับ…”
อังศุมาลินดึงตัวเองกลับมาออกแรงขัดกดแรงขึ้น แต่ลืมตัว เถียงออกมาเสียงต่ำกร้าว
“ไม่จริง!”
อังศุมาลินเหมือนโกรธสิ่งที่กำลังทำ เร่งมือแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาวาววับ
คำพูดโกโบริตามมาหลอกหลอนอีก “แต่คุณไม่เคยรู้จักความรักที่อ่อนโยนดื่มด่ำ... และยอมเสียทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคนที่รัก”
อังศุมาลิเงียบไป โกโบริบอกต่อ
“แต่ถ้าคุณเคยรู้จักที่แท้จริงมาแล้ว..บางที หัวใจคุณอาจไม่กระด้างเย็นชาเท่านี้ เพราะคุณจะรู้จักหัวใจโดดเดี่ยวอ้างว้าง ที่รู้ตัวว่ากำลังจะสูญเสียความรักไป มันเป็นอย่างไร”
อังศุมาลิใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าว
คิดไปคิดมาอังศุมาลินรู้สึกร้อนวูบวาบเหงื่อซึม นิ่งมองที่ขั้นบันไดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่ค่อยๆขัดช้าลงไปโดยไม่รู้ตัวเสียงโกโบริดังตอกย้ำขึ้นในใจ
“คุณอาจจะเคยมีคนรัก แต่คุณไม่เคยรู้จักความรักจริงๆ”
อังศุมาลินหลุดปากเสียงดังขึ้น “ไม่จริง ไม่จริง”
อังศุมาลินเหวี่ยงปัดจนน้ำกระจาย
จังหวะนั้นเสียงโกโบริดังแทรกเข้ามา
“คุณ! เกิดอะไรขึ้น”
อังศุมาลินหันขวับไป โกโบริมองมา ดวงตางงงัน
“คุณโมโหอะไร”
อังศุมาลินตาลุกวาว “จะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่ง”
สีหน้าโกโบริสลดไปวูบหนึ่ง แต่แกล้งไม่รู้ไม่ชี้ต่อ
“ไป ผมไปแน่ แต่ก่อนไป ผมขอพูดกับคุณให้รู้เรื่องก่อน”
อังศุมาลินพาลพาโล “ฉันไม่มีอะไรจะพูด”
“แต่ผมมี”
ส่วนที่บริเวณครัวบ้านงานเช้านั้น ครกถูกโขลกโป๊กๆตำเครื่องแกงไปมา กระทะร้อนที่ถูกโยนผักลงไปเสียงดังซู่
ยายเมี้ยนกำลังเด็ดใบโหระพาในกะละมังใบโตช่วยกันอยู่กับตาแกละ
“โอ้ย..อกอีเมี้ยนจะแหกละสิ บัดสีบัดเถลิงเสียขนาดนั้น” ยายเมี้ยนออกท่าออกทาง
ตาแกละเสริม “ในสวนมืดๆ น่ะ มันวิมานบนดินอย่างดีเชียวล่ะ”
ชาวบ้านหญิง 5-6 คนตั้งใจฟังเป็นตุเป็นตะ
“ต๊ายแม่อัง ลูกแม่อรเนี่ยนะ” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม อย่างไม่เชื่อ
ยายเมี้ยนสำทับ “ก็ใช่นะซี้”
แม่อรและยายศรที่เพิ่งมาถึง เดินมาถึงกลุ่มเสวนาที่อยู่กันใต้ถุนหลังบ้าน ได้ยินพอดี ชะงัก หันมามองหน้ากัน ตาแกละรีบสะกิดเมี้ยน ทุกคนในวงต่างลดเสียงคุยกันเบาๆ และเปลี่ยนเรื่องไป
โกโบริพาเรือเข้ามาใกล้ท่าน้ำ อังศุมาลินก้มหน้าก้มตาขัดบันได ทำหน้าเหมือนแสนรำคาญ
“ผมทำให้คุณยุ่งยาก ผมไม่อยากไปด้วยความไม่สบายใจ ผมไม่สบายใจมากพออยู่แล้ว อย่าให้มันมากไปกว่านี้อีกเลย”
อังศุมาลินเงียบ
“ผมขอคุยเรื่องนี้กับคุณให้รู้เรื่องฮิเดโกะ…”
โกโบริพยายามลอยเรือไปชะโงกพูดมองหน้า
อังศุมาลินเบี่ยงตัวหลบ ทำเป็นไม่ได้ยิน ขัดบันไดต่อ โกโบริถอนใจเฮือกใหญ่
“เอาละ ได้”
อังศุมาลินชำเลืองหางตามองเห็นโกโบริเอาเรือพุ่งเขาหาริมฝั่ง เกยกอหญ้า
จากนั้นโกโบริกระโดดขึ้นฝั่งอย่างคล่องแคล่ว แล้วผูกเรือไว้กับต้นไม้ใหญ่ พลางรีบเดินอ้อมมาที่ท่าอย่างรวดเร็ว โกโบริลงมานั่งห้อยขาเผชิญหน้าอังศุมาลินข้างบันไดท่าน้ำ
“มา...ไหนไหนแล้ว ผมก็จะไม่ยอมคุณเช่นกัน คุณจะพูด...หรือจะไม่พูด”
ที่บ้านงาน แถวๆ นั้น กำนันนุ่ม แม่วันมองดูเมี้ยน ตาแกละ และชาวบ้านสองสามคนจับกลุ่มซุบซิบๆ กำนันไม่พอใจ
“พูดอะไรไม่คิด หนูอังแกไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก”
“ใช่ คนมันจิตอกุศล คิดได้แต่เรื่องสกปรก ชั้นรู้จักหนูอังดี เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย…”
แม่วันพูดไม่ทัน เห็นแม่อรกับยายศรผ่านมาได้ยินพอดี สองคนชะงัก
กำนันนุ่มกับแม่วันหันมาเห็นแม่อร ต่างสะกิดกันให้เงียบ แล้วรีบยิ้มมาหน้าเจื่อนๆ
แม่อรมองปฎิกริยานั้น ฝืนยิ้มตอบฝืดเฝื่อน ยายศรยิ่งสีหน้าไม่สู้ดีขึ้นไปอีก
ด้านอังศุมาลินขัดบันไดต่อไป ก้มหน้าไม่สนใจ กระแทกๆ อย่างหนัก สีหน้าขุ่นเขียว โกโบริมองอย่างเหนื่อยใจ ก้มหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ
“ฮิเดโกะ คุณจะโกรธบันไดอะไรกันหนักหนา”
อังศุมาลินตัดใจสวนขึ้นอย่างรำคาญ “ฉันไม่ใช่ฮิเดโกะ และฉันไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องพูดกับคุณอีก”
อังศุมาลินขัดแรงย้ำๆ จนฝาละมีหัก บาดมือ
“โอ๊ย”
“นั่น...โกรธผมแล้วไปพาลอย่างอื่น เลยเจ็บตัวเสียเอง”
อังศุมาลินสะบัดมือเจ็บ เห็นมือขวามีเลือดไหล รีบเอามืออีกข้างกดปากแผลหยุดเลือดไว้
“อ้าวเลือดออกด้วย มาให้ผมดูซิ”
อังศุมาลินตวาด “ไม่ต้อง”
พลางอังศุมาลินจะจุ่มมือลงไปในลำคลอง โกโบริไวรีบเอื้อมคว้าไว้
“คุณ อย่านะ น้ำมันสกปรก”
“ไม่ อย่ายุ่ง”
อังศุมาลินดื้อดึงจะจุ่มให้ได้แต่โกโบริแข็งแรงกว่ากดบีบข้อมืออังศุมาลินเอาไว้นิ่ง
“คุณจะดื้อยังไง..ผมไม่ยุ่ง แต่นี่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายผมจะปล่อยให้คุณทำไม่ได้รู้ไหมว่าน้ำมีเชื้อโรค จะเข้าแผลได้”
อังศุมาลินสะบัดเสียงใส่ “ไม่ใช่เรื่องของคุณ ปล่อย”
“ผมจะปล่อยคุณ เมื่อคุณขึ้นมาทำแผลก่อน”
“ไม่”
อังศุมาลินพยายามออกแรงขืน โกโบริที่ดึงข้อมือให้ขึ้นมา
“แน่นะ”
“ไม่”
“ดี”
โกโบริก้าวลงไปที่บันได ใช้อีกมือหนึ่งก้มตัวลงคว้าแขนอังศุมาลินไว้ ทำท่าจะดึงตัวลากไป
“นี่! ทำอะไร”
“ไม่เห็นหรือ ว่าเลือดมันออกไม่หยุด ต้องรีบทำแผลนะ”
เสียงแมวแหลมเข้ามา “ว้ายนั่นแม่อังนี่”
อังศุมาลินหันขวับไปทางเสียงที่เรียกมาจากลำคลอง เห็นแมวกับชาวบ้าน 2 - 3 คน ที่พายเรือจะไปงานบ้านนั้น ผ่านมา มองๆ กัน อังศุมาลินอึ้ง แล้วหันมา ดุโกโบริ กระชากมือมา
“ปล่อย!”
โกโบริยอมปล่อย
“อ้าว แล้วเธอ...ไม่ไปช่วยงานบ้านใต้เขาหรือจ๊ะ” แมวถามยิ้มๆ
“เอ่อ แม่กับยายไปกันแล้ว ฉัน..ไม่ไปจ้ะ” อังศุมาลินบอก
แมวมองไปที่โกโบริ ยิ้มๆ “ได้ข่าววนัสเขามั่งไหม เมื่อไหร่กลับ”
โกโบริมองสนใจ หันมามองหน้าอังศุมาลินรอฟัง อังศุมาลินหน้าซีด
แมวหันไปหัวเราะกับพวกชาวบ้านพูดจากระทบกระเทียบ “เอ แล้วนี่ฉันจะถามไปทำไมหนอ แต่กว่าวนัสจะกลับ...อย่างว่าแหละ สงครามมันก็ดีแบบนี้นี่เอง”
ทั้งหมดขำๆ กัน แล้วรีบพายเรือไป อังศุมาลิน อึ้ง หน้าซีด ตัวชา
โกโบริมองตามพวกเรือไปมองเห็นอังศุมาลินยืนนิ่ง
“ฮิเดโกะ คุณโกรธผม หรือคุณโกรธคนพวกนั้น”
อังศุมาลินไม่ตอบมองหน้าโกโบริ แล้วรีบเดินขึ้น หลีกอ้อมไกลๆ โกโบริมองตาม อึ้งๆ
ไม่นานหลังจากนั้น สองคนยืนอยู่ที่ข้างตุ่มน้ำบนเรือน โกโบริด้อมๆ มองรอบๆ หาของ
“มีอะไรสะอาดๆ มาใส่น้ำล้างแผลไหม” โกโบริถาม
อังศุมาลินยืนใช้มือซ้ายบีบชายผ้าถุงที่เปียกโชกให้สะเด็ดน้ำอยู่ไม่ไกล หันมา
“ฉันทำเองได้”
“คุณไม่ถนัดแน่ แผลคุณอยู่มือขวา”
โกโบริพูดหนักแน่น
อังศุมาลินมองมือตัวเองที่มีแผล เลยเถียงไม่ออก
ผ้าพันแผลที่ชุบยาโชกถูกนำมาวางบนมืออังศุมาลิน แล้วตามด้วยพันผ้าทับอีกทีอย่างบรรจงใส่ใจ
อังศุมาลินมองมือตัวเองอยู่ แล้วเงยขึ้นมองโกโบริ
อังศุมาลินโกโบริก้มหน้าพันมือให้อยู่ใกล้ๆ มีกะละมังใส่น้ำ กับกล่องยาวาง
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอก คุณระวังอย่าให้ไปโดนน้ำ สองสามวันก็คงหาย”
อังศุมาลินรีบหลบตาลงก่อนที่โกโบริจะเงยหน้าขึ้นมา
“แต่ก่อนไป ถ้ามีโอกาสผมก็จะแวะมาดูแผลให้...”
อังศุมาลินพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรขึ้น ปนสะบัดสะบิ้ง เล็กน้อย “แล้วไปเมื่อไหร่แน่”
“ดูคุณอยากให้ผมรีบไปเสียให้ไวๆ” โกโบริน้อยใจ
“ไปออกรบแนวหน้าหรือ” อังศุมาลินถาม
“ถ้าได้ขึ้นประจำกองเรือ ก็คงออกรบทันที และบางที…”
โกโบริเงยขึ้นมายิ้มนิดๆ
“ผมอาจจะได้กลับบ้านก่อนสงครามจบด้วยซ้ำ”
อังศุมาลินมีสีหน้าไม่เข้าใจ
“ผมหมายถึงที่บ้านผมจะได้รับกล่องไม้เล็กๆ สีขาว ที่ใส่กระดูกผม..หากเขาหามันได้ แต่ส่วนมากมีแต่ป้ายชื่อ พร้อมกับใบจากกระทรวงสงครามว่า ลูกชายของท่านได้ทำงานรับใช้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ขอให้เขาพักผ่อนไปชั่วนิรันดร์”
อังศุมาลินใจหายวูบ มีสีหน้าไม่สู้ดีไม่รู้ตัว
“แล้วถึงตอนนั้น แผลนี้ก็จะหายสนิท และคุณก็จะลืมเลือนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อคุณได้พบ...คนที่คุณกำลังรอคอย”
โกโบริผูกเงื่อนผ้าสุดท้ายอย่างบรรจง แล้วค่อยๆ ปล่อยมืออังศุมาลินที่ถูกพันเรียบร้อยออก
“และหากวิญญาณผมมาที่นี่ได้ ผมก็จะมาดูว่าความรักจะทำให้คุณสดใสร่าเริงกว่านี้ได้ไหม”
อังศุมาลินอึ้ง
ที่บ้านงาน แม่อร กะยายศร ถือตะกร้า กระจาดเปล่า เถาปิ่นโต กำลังจะลงบันไดไป กำนันนุ่ม แม่วัน ตามมา
“ไม่รับพรพระก่อนหรือ แม่อร” แม่วันชวน
“นั่นสิ อยู่กินข้าวกันก่อนเถอะนะ” กำนันนุ่มว่า
“จะรีบกลับไปทำไม มีอะไรที่บ้านให้ห่วงนักหนา” ยายเมี้ยนแขวะ
“เปล่าจ้ะ ฉันไม่ค่อยหิว กลับไปกินข้าวที่บ้านดีกว่า” แม่อรบอก
“ใช่ๆ พอดีทำอะไรไว้ที่บ้านเยอะแยะ” ยายศรรับลูก
แมวเดินสวนมาพอดี
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณยาย ยัยอังน่ะ เขามีเพื่อนมาคุยอยู่ที่ท่าน้ำแล้ว เวลานี้..คิกๆ”
“หา แปลว่า...พอแม่กะยายออกมา นายช่างก็สวนเข้าไป แบบนั้นจริงๆ หรือ ลูกแมว” ตาแกละทำเป็นถาม
ตรงชานเรือนยามเช้า ทั้งสองช่วยกันเก็บยาและชุดทำแผลเข้าที่
“เอาอย่างนี้ ผมจะรีบไปอธิบายกับคนแถวนี้ให้เข้าใจเอง”
“พอเถอะ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาได้หรอก”
“ทำไม”
“ใครต่อใครแถวนี้ก็คงเชื่อยายเมี้ยนไปหมดแล้ว แถมเหตุการณ์ที่ท่าน้ำเมื่อกี๊...ป่านนี้ที่บ้านงาน ก็คงคุยกันสนุก...ฉันไม่สนใจตัวเองหรอก ห่วงแต่คุณยาย...กับแม่...แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะถ้าคุณไปเที่ยวอธิบาย...คนที่ยังไม่รู้ก็จะมารู้กันหมด แล้วพวกเขาก็จะหาว่าเรากินปูนร้อนท้อง”
“เป็นยังไง” โกโบริงง
อังศุมาลินส่ายหน้าหงุดหงิดเหนื่อยใจ
“เขาจะว่า เราพากันร้อนตัวนะสิ เข้าใจไหมร้อนตัว”
โกโบริพยายามคิดตาม
“ร้อนตัว..ตัวร้อน”
อังศุมาลินรีบบอก “ไม่ใช่!”
ทันใดนั้นเสียงหวอเตือนภัย ฟังโหยหวนดังขึ้นมาทันที ทั้งสองสะดุ้ง
“ตาย แย่ละ..แม่..กับคุณยาย”
คู่กรรม ตอนที่ 11 (ต่อ)
ที่ชานเรือนอังศุมาลิน เสียงหวอเตือนภัยดังโหยหวนหวีดหวิวไปทั่ว โกโบริรีบออกมานอกชาน แหงนมองฟ้า ดูทิศทาง อังศุมาลินตามออกมา สีหน้าตื่นตระหนก
“แม่..กับคุณยาย ยังอยู่ที่บ้านใต้”
อังศุมาลินมีอาการพะว้าพะวัง โกโบริเล็งหาเครื่องบิน
“ทำไมมันเกิดมากันเช้าๆ อย่างนี้ได้” อังศุมาลินแปลกใจ
“ใช่ แปลก กล้าบินมาตอนสว่างๆ อย่างนี้ ประเดี๋ยวคงมีการยิงต่อสู้อากาศยานกันลั่นแน่”
โกโบริยืนเท้าสะเอว เงยหน้ามองหา ตั้งใจรอดูเครื่องบินเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ฝ่ายอังศุมาลินรีบวิ่งเก็บของ ปิดห้องแม่ ห้องยาย “นี่คุณไม่รีบกลับไปอู่หรือ” โดยไม่รอคำตอบ วิ่งไปเอาของในห้องตัวเอง
โกโบริตะโกนตามไป “ไม่ต้อง ตั้งแต่วันนี้ผมลาพักที่อู่มีคนมาดูแลแทนแล้ว คุณกลัวไหม”
อังศุมาลินไม่ตอบ วิ่งหอบกระเป๋า คว้าเสื้อแขนยาวออกมาจากห้อง
โกโบริมองและคอยฟังเสียงเครื่องบินบนฟ้าต่อ “คงบินเข้าไปทิ้งในเมือง อู่เล็กๆ อย่างนี้ไม่น่าเป็นเป้าหมายหลัก แต่ถ้าขากลับมีของเหลือก็ไม่แน่”
อังศุมาลินฟังแล้วหวั่นๆ “อะไร”
“มันก็อาจหอบมาฝากให้คนแถวนี้บ้าง แต่ตอนนี้เราดูก่อน แล้วค่อยหลบ...เผื่อจะโดนลูกหลง คุณว่าไง”
“นี่คุณเป็นบ้าหรือไง”
อังศุมาลินฉุนที่เห็นโกโบริทำเย็นใจ รีบสวมเสื้อแขนยาว คว้ากุญแจบ้านมา เตรียมตัวหนีเต็มที่
โกโบริเหลือบมองอังศุมาลินเล็กน้อย ก่อนแหงนมองและฟังเสียงหมู่เครื่องยนต์กระหึ่มดังก้องฟ้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงหวอสัญญาณดังเร่งกระชั้นขึ้นมา
“ระลอกแรกนี่ คงไม่เกินสามสิบลำ...นั่นไง เกาะหมู่กันมาเลย หมู่ละห้าลำ”
โกโบณริบอกอย่างชำนาญ อังศุมาลินอดไม่ได้ที่จะชะโงกไปดูบ้าง เห็นภาพฝูงหมู่เรือบินบรรทุกระเบิด บี 25 เกาะกลุ่มสะท้อนแสงแดดวับๆ อยู่บนหมู่เมฆสูงลิบ
ทันใดนั้นเสียงปืนต่อสู้อากาศยานดังลั่นขึ้นเป็นชุดๆ ตามด้วยแรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน พร้อมกับเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ขาดหายไป
ข้าวของ กระจก แก้ว ภาชนะ บนเรือนสั่นกระทบกันไปมาเสียงดัง ตัวบ้านสั่นๆ อังศุมาลินหน้าซีด ตระหนก กอดกระเป๋า มองบ้าน ชาไปทั้งร่างแล้ว
“เอาละ เริ่มกันแล้ว คงขนไปปูพรมที่ฝั่งนั้นให้เรียบร้อยก่อน” โกโบริหันขวับมาหาอังศุมาลิน “ไป...เราลงไปกันเถอะ”
โกโบริวิ่งนำลงบันไดไป
อังศุมาลินใจสั่น หูอื้อ ยืนกอดกระเป๋า ขาแข็ง วิ่งไม่ออก บ้านสั่นอยู่อย่างนั้น ใบหน้าอังศุมาลินช็อกไปแล้ว
ฝ่ายโกโบริอยู่ที่บันได หันมา ไม่เห็นอังศุมาลินตามมา ก็งง ตกใจ รีบวิ่งกลับขึ้นไป โกโบริโผล่พ้นประตูบันได เห็นอังศุมาลินยืนมองบ้านในท่าเดิม กอดกระเป๋า มือถือกุญแจ โกโบริรีบคว้าแขนอังศุมาลิน ลากไป
ที่บ้านงาน บ้านใต้ เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว และตามมาด้วยเสียงปืนดังต้านยาวต่อเนื่อง แม่อร กะยายศร ที่ถือตะกร้า กระจาดเปล่า เถาปิ่นโต กำลังจะลงไปท่าน้ำยืนเหวอละล้าละลัง ชาวบ้านแถวนั้นวิ่งวุ่นหาที่หลบ
“ต๊ายมากันกลางวันแสกๆ จริงๆ หรือนี่” คุณยายใจสั่น ยกมือไหว้ท่วมหัวปลกๆ “เจ้าประคู้น..คุณพระคุณเจ้า คุ้มครองลูกด้วย”
แม่อรหันรีหันขวาง หน้าซีด
“ยัยอัง..แม่ยัยอังอยู่คนเดียว”
ชายคนเรือถือพาย วิ่งสวนขึ้นมาจากท่าน้ำ ร้องบอกแม่ลูก
“แม่เอ๊ย ยืนกันอยู่ทำไมหาที่หลบก่อนเร็ว”
“ฉะ..ฉันต้องข้ามเรือกลับบ้าน” แม่อรว่า
“มาข้ามอะไรตอนนี้ แม่จะข้ามไปล่อเป้ากลางแม่น้ำกันหรือไร” ชายพายเรือจ้างบอก
แม่อรอิดออด ด้วยห่วงลูก “แต่ว่าฉัน…”
“ตามใจแม่เถอะ ไม่รู้ละฉันไปละนะ”
ว่าแล้วชายคนนั้นรีบทิ้งพาย วิ่งเปิดแนบขึ้นจากท่าไป แม่อรยังละล้าละลัง มองยายศรที่ยืนตัวสั่นเกร็งทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
ทันใดนั้นมีมือหนึ่งมาคว้าหมับข้อมือแม่อร
“แม่อร ป้า..มานี่เร็ว”
เป็นกำนันนุ่ม ที่รีบพา 2 แม่ลูกไปหลบภัย
ส่วนที่หน้าเรือนอังศุมาลิน เสียงสู้รบและสั่นสะเทือนยังดังน่ากลัวต่อเนื่อง โกโบริดันตัวอังศุมาลินให้ลงบันไดนำไป แต่อังศุมาลินไม่ยอม เหมือนได้ความสำนึกต่อหน้าที่กลับมา เดินอ้อมตัวโกโบริ กลับมา ทำหน้าที่ปิดประตู ใส่กุญแจใหญ่สายยู
“ผมเคยเห็นคนขี่จักรยานอยู่ดีๆ โดนสะเก็ดระเบิดหัวหลุดกระเด็น แต่จักรยานยังวิ่งต่อไปได้อีก”
โกโบริบอก อังศุมาลินยืนหูอื้อ พยายามเอาแม่กุญแจคล้องสายยูมือสั่นๆ
“แล้วยังมี ที่กำลังลงบันได ตัวท่อนบนขาดร่วงไปแล้ว แต่ช่วงขาค่อยเดินต่อลงไปสะดุดตัวล้มลงก็มี”
โกโบริเล่าขำๆ หวังให้คลายเครียด แต่อังศุมาลินหันมา จ้องหน้าโกโบริอย่างเคืองๆ แล้วผลักให้หลีกทาง
ทันใดนั้นเสียงเครื่องบินฝูงมหึมากว่าที่เคยทะยานใกล้มาเกือบรอบทิศทาง ทำเอาทั้งสองหูอื้ออึงกันไปไม่ได้ยินแม้เสียงตัวเอง
อังศุมาลินร้องวี้ด ยกมือขึ้นปิดหูสุดตระหนก พลันขาข้างหนึ่งก้าวพลาด พลัดจะร่วงบันได
“ฮิเดโกะ”
โกโบริพุ่งก้าวไปคว้ามือดึงไว้ทัน
“คุณไหวนะ”
อังศุมาลินที่กำลังมึนและเหวอ พยักหน้ารับงงๆ
“อย่ากลัว ทำใจดีๆ คุณจะไม่เป็นอะไร” โกโบริค่อยๆ ประคองปล่อยให้อังศุมาลินให้ยืนตั้งหลัก “ไปกันเถอะ...ใจเย็นๆ ดูบันไดให้ดี”
อังศุมาลินระล่ำระลัก “แม่..แม่กับยาย”
“ทั้งสองคนจะปลอดภัย อย่ากังวล ไปเร็ว”
โกโบริส่งมือประคองให้อังศุมาลินจับทรงตัวลงบันไดมา
อังศุมาลินพยายามตั้งสติสู้กับเสียงคำรามกัมปนาทบ้าคลั่งเบื้องบน แต่ใจยิ่งสั่นไหวรีบก้าวลง
พลันเสียงปืนต่อสู้ยิงกราดสนั่นท้องฟ้าดังขึ้นชุดใหญ่และใกล้กว่าเดิมมาอย่างมากราวกับอยู่กลางหัวอังศุมาลินตกใจก้าวขั้นบันไดสุดท้ายพลาด โกโบริที่คอยระวังอยู่แล้วรีบเอื้อมคว้าตัวไว้
แต่ด้วยแรงพุ่งไปข้างหน้าทำให้คนทั้งสองทรงตัวไม่อยู่ล้มกลิ้งลงพื้นไปด้วยกัน อังศุมาลินอยู่ในอ้อมโอบของโกโบริ โกโบริใช้มือช้อนศีรษะอังศุมาลินเอาไว้
“ฮิเดโกะ ไม่เป็นไรนะ”
ทั้งสองสบตากัน
“ค่ะ”
“เราต้องหาที่หลบแล้ว”
โกโบริดึงอังศุมาลินขึ้น รีบพาไปทางสวน
สองคนอยู่ตรงทางเดินในสวนแล้ว เสียงสู้รบและแรงระเบิดสั่นสะเทือนยังดังน่ากลัวต่อเนื่องราวกับฟ้าจะถล่ม โกโบริรีบดึงมืออังศุมาลิวิ่งนำลัดเลาะมาตามทางเดินในสวน เสียงปืนกลรัวเป็นชุดแหวกอากาศผ่านยอดไม้มาฉับพลัน โกโบริไหวตัวทัน
“หมอบ”
โกโบริดึงอังศุมาลินก้มราบลงกับพื้น
“อย่าเงย ก้มหัวไว้” โกโบริสั่ง
เสียงปืนกลผ่านเหนือหัวไป ตามด้วยเสียงตูมสั่นสะเทือนติดๆ โกโบริรีบพาอังศุมาลินพลิกตัวหลบเข้าพุ่มไม้ใกล้ๆ ตรงนั้น โดยใช้ตัวเองกำบังไว้
โกโบริแหงนกวาดมองผ่านยอดไม้เบื้องบน คาดการณ์อย่างชำนาญ “เรากำลังอยู่ในทางปืน ท่าจะบอมบ์ฝั่งนู้นแล้วจะมาโจมตีที่อู่ เพราะมีเรือจอดเรียงอยู่ด้วย”
โกโบริก้มมาเห็นอังศุมาลินก้มซบในอ้อมแขนของตนนิ่ง เสียงการต่อสู้โจมตียังรุนแรงต่อเนื่อง อื้ออึงเสียงตูมสนั่นและแรงสะเทือนวาบขึ้น มืออังศุมาลินที่เกาะต้นแขนโกโบริอยู่ก็จิกเกร็งแน่นขึ้นอีก
ไวันนี้น่าจะหนักหน่อย คุณกลัวมากไหม”
อังศุมาลินไม่ตอบ มีอาการสั่นเทา
โกโบริมอง รู้สึกรักและห่วงหวงจับหัวใจขึ้นมาเงียบๆ กระชับวงแขนกอดบังไว้อย่างทะนุทะนอมยิ่งขึ้น บอกด้วยเสียงอ่อนโยนลึกซึ้ง
“อย่ากลัว ผมยังอยู่ คุณจะไม่เป็นอะไร ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินก้มหน้านิ่ง ปิดหู เหมือนไม่อยากรับรู้อะไร
เสียงปืนต่อสู้อากาศยานรุนแรงและถี่ยิบมากยิ่งขึ้น
ยินเสียงโหวกเหวกของผู้คนที่พายเรือหนีตัวปลิว ตะโกนเร่งรัดให้รีบไปเร็วๆ มาจากทางคลอง
มีบ้านเรือนฝั่งตรงข้ามไฟไหม้ ควันลอยมาโขมง เห็นอยู่ไม่ไกล
เสียงระเบิดครืนๆจากฝั่งตรงข้าม พื้นดินไหวสะเทือนเป็นระลอกๆ โกโบริสอดส่ายมองหาที่ปลอดภัย
“ลุกไหวไหม เราไม่ควรอยู่ตรงนี้ ไปหลบในท้องร่องจะได้ไม่โดนสะเก็ดระเบิด”
อังศุมาลินยังนิ่ง ก้มมุดหน้าแน่นกับตัวโกโบริ
ท่าทีของสาวเจ้าทำให้โกโบริกังวล รีบแหงนสำรวจดูบนท้องฟ้าอีกครั้งจนมั่นใจ
“ไปกันเถอะ เราต้องรีบไปให้ถึงท้องร่องที่คุณขุดไว้ก่อนมันจะมากันอีกระลอก”
โกโบริขยับลุกขึ้นแต่อังศุมาลินยังเกาะกุมแน่น
“ไปไหนคะ” เสียงระเบิดดังตู้ม อังศุมาลินกรี๊ด “แล้วแม่ กับยาย... ” เสียงปืนต่อสู้อากาศยานดังขึ้นอีก สาวไทยร้องกรี๊ด
“รีบลุกขึ้น ไปกันเถอะ เร็ว”
โกโบริพยุง อังศุมาลินงวยงง กลัวจนตัวสั่นไปหมด “จะไปทางไหน มันมากันอีกแล้ว”
“มาเถอะตามผมมา”
เครื่องบินบอมบ์ดังกระหึ่มระลอกใหม่ จำนวนมากลำกว่าเดิม ส่งเสียงกังวานลั่นมาใกล้อีกครั้ง
โกโบริรีบดึงตัวอังศุมาลินขึ้น แล้วกึ่งลากกึ่งดึงออกวิ่งไป จนอังศุมาลินรองเท้าหลุดไปข้างหนึ่ง
ส่วนที่หลุมหลบภัย บ้านงาน ฝาหลุมหลบภัยสั่นกระเทือนตามจังหวะเสียงระเบิดกัมปนาทเบื้องบนระคนเสียงปืนกลรัวต่อต้านดังแว่วลอดเข้ามา
ภายในหลุมหลบภัย ชาวบ้านเด็กเล็กกอดกันกลม มีเด็กเล็กร้องจ้า กำนันนุ่มอยู่ใกล้ประตูหลุมที่สุดกับชายฉกรรจ์ 2-3 คน จับมือแม่วันไว้แน่น แม่อร ประคองยายศรที่ตัวสั่นเทาและยกมือกำหลวงพ่อที่ห้อยคอไว้แน่นสีหน้าแม่อรหวาดหวั่นปนกังวล
ฝีเท้าวิ่งของโกโบริกับอังศุมาลินวิ่งมาตามทางในสวน โดยโกโบริวิ่งนำและเป็นหลักให้ ส่วนอังศุมาลินโซซัดโซเซ เสียศูนย์ ไม่มั่นคง
มือเล็กเรียวของอังศุมาลินอยู่ในมือใหญ่ของโกโบริ ที่กำเอาไว้แน่น แล้วจูง ลาก ดึงไปตามทาง
สีหน้าอังศุมาลินที่ซีดสั่นปนผวา หลับหูหลับตา มือหนึ่งกอดกระเป๋า วิ่งตาม
พลันเสียงปืนกลรัวเป็นชุด เฉียดตัดยอดไม้เหนือแนววิ่งทั้งสอง
“ระวังปืนกล”
โกโบริกระชากมือให้ก้มวิ่งหลบต่ำ อังศุมาลินร้องกรี๊ดสุดเสียง ท่ามกลางเสียงอึงอนรอบตัว
โกโบริชะลอลงหันมามอง อังศุมาลินหวาดผวา เสียขวัญ ร้องกรี๊ดๆๆ
โกโบริคว้าเอวอังศุมาลินโอบตัวให้เข้ามาแนบใกล้ เพื่อประคองให้วิ่งไปด้วยกัน
“มันกำลังมาโจมตีอู่ เราอยู่ใกล้เสียด้วย”
โกโบริดึงพาอังศุมาลินออกวิ่งไปอีกทาง
หมู่เครื่องบินทิ้งระเบิด บินอยู่เหนือน่านฟ้าคลอง และยิงกราดลงมาเป็นแถว เพื่อยิงต่อสู้กะปืนต่อสู้อากาศยานที่อู่ กระสุนลงที่ต้นไม้ในสวนแถวๆ นั้น ตรงริมคลอง
แลเห็นภาพไหวพร่าเหมือนผ่านไอเปลวความร้อน เห็นสองคนวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปในสวน ขณะที่ดินตามแนวคูที่วิ่งลัดเลาะที่โดนกระสุนถล่มดังปุๆๆๆๆ กระจายครืน ฝุ่นฟุ้งตลบเป็นแนวใส่ทั้งสอง
อังศุมาลินหวีดร้องอย่างเสียขวัญ และเกิดอ่อนแรงขาทรุด โกโบริคว้าดึงเกือบหิ้วเอวอังศุมาลินให้วิ่งต่อ อังศุมาลินหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ เสียงเครื่องบินกระหึ่ม ดำดิ่งลงมาเสียงหวีดแหวกอากาศเสียดหูดังลงมา โกโบริเหลียวขวับมองขึ้นไป
เครื่องบิน บินเลยไปแล้ว แต่ระเบิดลอยอยู่กลางฟ้า ทิศทางเหมือนจะหล่นลงมาไม่ไกล
โกโบริตะโกนสุดเสียง “ระเบิด ระวัง”
โกโบริรีบดึงตัวอังศุมาลินมากอดไว้ชิดตัว ใช้ตัวบังทิศทางระเบิดลงเอาไว้ ดินที่ทั้งสองวิ่งอยู่ทรุดฮวบลงตามด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง
ร่างของทั้งสองคนปลิวถลากลางอากาศ ตามแรงระเบิด แล้วตกลงมาสู้ดินต่ำ เทลาดชัน ก่อนจะกลิ้งหลุนๆตกลงไปสู่ที่ต่ำ
โกโบริกอดบังอังศุมาลินไว้แน่นไม่ยอมปล่อย อังศุมาลินกอดโอบคอโกโบริแน่นเช่นกัน พร้อมกับเสียงอื้ออึงทั้งหลายรอบตัวเหมือนดับเงียบไป สองคนหูอื้อ ดับดัง วิ้งๆๆๆ
ทั้งสองกลิ้งตกลงไปยังคูข้างทางอีกจุดหนึ่ง นอนแน่นิ่งในอ้อมกอดกันและกัน
จังหวะนั้นอังศุมาลินรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ตรงหน้า จึงลืมตาขึ้นมอง เห็นโกโบริแน่นิ่งจึงร้องเรียกชื่อโกโบริอยู่หลายที เบื้องแรกเรียกปลุกก่อน แต่เห็นโกโบริเงียบ จึงค่อยเรียกดังๆ ให้ตื่น
เสียงทุกอย่างในหูโกโบริยังอื้ออึง ฟังไม่ได้ศัพท์ รวมทั้งเสียงเรียกของอังศุมาลิน
จังหวะนั้นมือข้างหนึ่งของอังศุมาลินชักออก เห็นเลือดโชกเปื้อนติดมือแดงฉาน เสียงทุกอย่างกลับมาได้ยินปกติ
อังศุมาลินใจหายวาบรีบเรียกโกโบริที่ยังนิ่งเขย่าให้ตื่น
“อย่านะ อย่าตายนะโกโบริ...โกโบริ”
อังศุมาลินน้ำตาคลอเอ่อ กอดโน้มศีรษะโกโบริเข้ามาแนบใกล้เพื่อชะโงกดูมองหาแผลด้านหลังศีรษะโกโบริว่ามีหรือไม่
“ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูถนัด สีหน้าเป็นประกายมีความหวังขึ้นมา รีบถอนตัวกลับมามองหน้าโกโบริ
โกโบริพยายามพูดให้ดัง แต่แผ่วเพราะไม่มีแรง “ฮิเดโกะ..ผมรักคุณ”
ทันทีที่ใบหน้าอังศุมาลินถอนกลับมามองหน้าโกโบริริมฝีปากของเขาก็โน้มมาประทับที่ปากเธอเบาๆ อังศุมาลินรู้สึกช็อก ใจหายวาบอย่างบอกไม่ถูก
แต่ทันใดนั้นเสียงหวีดแหวกอากาศผ่านยอดไม้ลงมา แล้วตกตุ๊บไม่ไกลตามด้วยเสียงตูมกึกก้องสนั่นกัมปนาทอึงอล
โกโบริพยายามออกแรงสุดท้ายยกตัวแนบทับบังร่างอังศุมาลินเอาไว้ เศษก้อนดินก้อนใหญ่ชิ้นหนึ่งตกลงมาใส่ร่างโกโบริดังอั้กพอดี ตามด้วยเศษดิน กิ่งไม้ ตกลงมาทับถม จนภาพทุกอย่างมืดสนิท
ทั้งสองหมดสติ พร้อมกับเสียงสู้รบทุกอย่างค่อยๆ เงียบหาย เสียงหวอเตือนว่าปลอดภัยดังยาว
กิ่งต้นไม้สดหักโค่นหล่นอยู่บนพื้นปนอยู่กับเศษใบไม้เกลื่อน แม่อร ถือถือตะกร้า กระจาดเปล่า เถาปิ่นโต และเดินจูงยายมาถึงหน้าชานบันไดเรือน มีเศษดิน เศษใบไม้ปลิวทั่ว
แม่อรสีหน้าไม่สู้ดีมองสภาพหน้าบ้านที่เกลื่อนกลาดและเงียบเชียบ ผิดปกติ
ยายเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง “ยัยอังจะเป็นยังไงบ้างละเนี่ย”
“อัง อัง แม่มาแล้ว”
แม่อรตะโกนมองสังเกตประตูเรือนที่ปิดเงียบ และไม่มีเสียงตอบ
“เอ๊ะ แม่..สงสัย เดี๋ยวนะจ๊ะแม่”
แม่อรรีบผละจากยายขึ้นไปชะเง้อดูประตูเรือนที่ปิดเงียบ เห็นสภาพประตูเรือนที่ถูกปิดกลอนลั่นกุญแจสายยูจากภายนอก แม่อรประหวั่นในใจขึ้นมา
แม่อรพูดกับตัวเอง “แล้วยัยอังไปไหนเนี่ย”
ครู่หนึ่งแม่อรกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาในสวน เห็นสภาพสวนถึงกับใจหาย ทั้งเศษดินกระจาย กิ่งไม้ใบไม้หัก เกลื่อนกลาดอยู่ตามทาง แม่อรตะโกนก้อง
“อัง อัง อยู่ไหนลูก อัง”
แม่อรยิ่งเดินไป ยิ่งใจไม่ดี รีบก้าวเดินเร็วขึ้น กวาดมองซ้ายขวาไปทั่ว จนเดินมาถึงจุดหนึ่ง มีเสียงชาวบ้านโหวกเหวกวุ่นวายไกลๆ
แม่อรตะโกนเรียกอีก “อัง อัง..แม่มาแล้ว”
เงียบแม่อรหยุดมองไปรอบ จนไปสะดุดตากับอะไรบางอย่างไม่ไกลนัก รีบเดินเข้าไปดู
เห็นรองเท้าแตะของอังศุมาลินข้างหนึ่งตกอยู่ มือแม่อรก้มเก็บขึ้นมาดู แม่อรใจหล่นวูบ หวิวขึ้นมาทันที
“รองเท้ายัยอัง..ทำไมมาอยู่นี่ แล้วยัยอัง”
แม่อรถือรองเท้าวิ่งต่อไปอย่างร้อนรน มองหาไปตะโกนไป
แม่อรตะโกนดัง ละล่ำละลัก “อัง..อังอยู่ไหนลูก..อัง อังได้ยินแม่ไหม..อัง”
แม่อรมองหา วิ่งซอกซอนตามสวน มุมแล้ว มุมเล่า วิ่งจนเหนื่อย หยุด ด้วยความว้าวุ่น สับสนเคว้ง คว้าง คิดหาทางไปมา
แม่อรตะโกนสุดเสียง เหนื่อยอ่อน “อัง...”
ทุกอย่างเงียบงัน เหมือนอยู่คนเดียวในโลก
เสียงชาวบ้านตะโกนรับ ดังแว่วมา “วู้ว ใครเป็นอะไร”
แม่อรได้ยินเสียงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งไม่ไกล พลันคิดบางอย่างได้
ชายชาวบ้าน 2 คน เดินแยกย้าย ป่าวร้องเรียก มองหาไปมาในละแวกสวน ตะโกน
“แม่อัง..วู้ๆ”
ชาวบ้านอีกคนตะโกนตาม “แม่อังอยู่ไหน แม่อัง”
แม่อรเดินแยกหาอยู่อีกจุดหนึ่ง เหงื่อแตกกาฬ หน้าซีดเซียว ปากตะโกน
“อังลูกอังได้ยินแม่ไหม..อังลูกอยู่ไหน”
แม่อรเห็นสภาพสวนบริเวณนี้ยับเยิน เป็นแอ่งเป็นบ่อ เศษดินกระจายเกลื่อน ต้นไม้หักโค่น ครู่ต่อมา ครอบครัวยายเมี้ยนมาช่วยหาด้วย
ตาแกละบ่นอุบ “โอย ใครมาเดินแถวนี้คงไม่รอด ลูกเหล็กคงร่วงมาจังเบอร์”
“นั่นสิ เละเป็นแถบแบบนี้” ยายเมี้ยนเสริม
แม่อรได้ยินยิ่งซีด หมดแรงไปใหญ่
จู่ๆ เสียงชาวบ้านคนหนึ่งดังขึ้น “เฮ้ยๆ นี่ใครวะนี่”
ชาวบ้านอีกคนร้องลั่น “ว้าย..มีคนนอนอยู่นี่จ้ะ เร้ว...”
แม่อรหันขวับไปทางเสียง
แม่อรวิ่งหน้าตาตื่นตรงไปยังจุดที่ชาวบ้านชี้ชวนว่าพบคน ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“จะรอดไหมเนี่ย...เฮ้ มาช่วยกันเร็ว” ตาแกละร้องขึ้น
“ไหนๆ เจอแล้วหรือ” แมวมองหาตามเสียง
ยายเมี้ยนตะโกนออกไป “ใครๆ แม่อังหรือเปล่า”
ยิ่งเข้าไปใกล้แม่อรยิ่งใจหวิว เต้นระรัว ไปถึงรีบแหวกแทรกคนเข้าไปดู เห็นคูข้างทางมีซากเศษกิ่งไม้ใหญ่ และก้อนดินทับถม เห็นเป็นเพียงหัวคนในชุดคล้ายทหารญี่ปุ่น นอนคว่ำหน้า อยู่กับใครอีกคนที่ยังดูไม่ออกเพราะถูกร่างชายคนนั้นบังทับอยู่ และมีกิ่งไม้ใหญ่บังขวางมองไม่เห็นถนัด
ตาแกละเพ่งแล้วบอก “พวกไอ้ยุ่นนี่..แล้วนั่นมีใครด้วยอีกคน”
ชายฉกรรจ์ 2-3 คนช่วยกันยกซากเศษกิ่งไม้ใหญ่และก้อนดินที่ทับถมคนทั้งสองออก
แม่อรกึ่งโล่งกึ่งลุ้น แต่เริ่มคุ้นๆ ชายทหารญี่ปุ่นที่เห็นหน้าชัดด้านข้างขึ้นเรื่อยๆ เศษกิ่งไม้ชิ้นสุดท้ายถูกยกออก ชาวบ้านเข้ามามุงล้อมดู
ยายเมี้ยนร้องลั่น “ว้าย..นี่แม่อังนี่”
“แล้วผู้ชายญี่ปุ่นที่ไหนละนี่” ตาแกละสงสัย ดูไม่ชัด
“ใช่นายช่างอู่หรือเปล่าดูสิ” แมวว่า
ชาวบ้านเริ่มซุบซิบๆ “ใช่ๆ”
แม่อรตกใจหน้าซีด เข่าอ่อน แทบทรุด
ใบหน้าอังศุมาลินที่หมดสติแน่นิ่ง แนบชิดอยู่กับโกโบริที่มีเลือดไหลออกมาแดงเกรอะที่ต้นคอ
ควันคลุ้งสีมัวมอซอ ลอยเกลื่อนเต็มราวกับเมฆหมอกค่อยๆ กระจายออก เห็นหน้าอังศุมาลินที่มีสีหน้าตระหนกกังวล พลางใช้มือปัดป่ายกลุ่มควันหนาแน่นนี้ให้จางหาย
“อยู่ไหนน่ะ...”
อังศุมาลินพยายามมองหา ใครบางคนแต่มองไปทางไหนก็เห็นไม่ได้ไกล เจอแต่กลุ่มควันคลุ้งมัวเทาลอยเต็ม
“ได้ยินฉันไหม คุณอยู่ไหน”
พลันกลุ่มควันด้านหนึ่งจางออก เผยให้เห็นแผ่นหลังของใครบางคน ในชุดทหารญี่ปุ่นเต็มยศ
“ฉันอยู่นี่”
อังศุมาลินพยายามร้องเรียกและก้าวเดินเข้าไปหา แต่ภาพที่เห็นนั้นก็มลายจางหายไป
อังศุมาลินมองไปรอบๆ “มองเห็นฉันไหม ฉันอยู่นี่”
เสียงโกโบริกระซิบเรียกดังข้างๆ หูอังศุมาลิน
“ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินเหลียวขวับตามเสียงนั้นแต่ไม่เจออะไร
“ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินหันกลับมาเห็นใบหน้าโกโบริสดใส ยิ้มให้เธออย่างเป็นสุข ในชุดเรือเอกเต็มยศ ท่ามกลางกลุ่มควันรายลอบจนเห็นเพียงครึ่งตัว
“โกโบริ”
พลันภาพนั้นกลับถูกกลุ่มควันเข้ามาบดบังหายไปต่อหน้าต่อตา
อังศุมาลินร้องเรียกไว้ “โกโบริ”
จากนั้นอังศุมาลินพยายามก้าวตามไป แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับเห็นรอยเลือดหยดเป็นทางยาวบนพื้นของกลุ่มควัน
อังศุมาลินตกใจ “เลือด..โกโบริ อย่าตายนะ อย่าตาย”
อังศุมาลินร้องไห้ สะอึกสะอื้น
เสียงแม่อรเรียกดังขึ้นท่ามกลางความมิด “ไม่แล้วจ๊ะหนู ลูกไม่ตายนะ อัง..อัง”
อังศุมาลินตื่นจากฝันร้ายค่อยๆ ลืมตาได้สติ เห็นหน้าแม่อรสีหน้าเป็นกังวลอย่างที่สุด น้ำตาคลอๆ ก้มมาจนใกล้
อังศุมาลินลืมตาขึ้น กระพริบตาถี่ให้ภาพตรงหน้าชัด มีสองมือของแม่อรประคองใบหน้าอังศุมาลินอยู่
ยายศรเป็นห่วง ลุ้นสุดตัว “นั่นไง ตื่นมาแล้ว เป็นยังไงบ้างละยัยอัง”
คุณยายมองหลานสาวอย่างเป็นห่วงกังวลไม่แพ้กัน
“แม่ คุณยาย..หนูอยู่ไหนคะ”
แม่อรเสียงสั่น ดีใจ “บนบ้านจ้ะ หนูอยู่ที่บ้านแล้วลูก...หนูดีขึ้นไหม”
อังศุมาลินพยายามจะหันมอง แต่เหมือนศีรษะหนักอึ้ง จะลุกก็ยิ่งไม่ขึ้น
“อย่าเพิ่งลุกเลยลูก นอนเฉยๆ ก่อน” แม่อรบอก
อังศุมาลินยังงงๆอยู่ “หนูเป็นอะไรไปคะ”
“คงถูกก้อนดินกระแทกเอาจนหมดสติไปจ้ะ”
“นานหรือยังคะ”
“นานแล้วลูก พอแม่กลับมาถึง ไม่เห็นลูกก็ออกไปตามหา เรียกชาวบ้านมาช่วย เห็นหนูกับพ่อโกโบริ...” แม่อรชะงักเล็กน้อย “นอนสลบอยู่ในคู มีดินทับอยู่เต็มเชียว”
อังศุมาลินนึกขึ้นได้ “แล้วโกโบริล่ะคะ”
แม่และยายมองหน้ากัน อังศุมาลินงงๆ
ยายศรลอบถอนใจ นึกถึงเหตุการณ์โกลาหลเมื่อไม่นานมานี้
คู่กรรม ตอนที่ 11 (ต่อ)
เวลานั้นยายศรตกใจ เดินฝ่าชาวบ้านที่มุงๆ กันในสวน
“อะไรกันเหรอๆ ยัยอังล่ะ”
พลางยายแหวกชาวบ้าน โผล่หน้าไปดู แล้วต้องชะงัก
ภาพที่เห็น คือโกโบรินอนเกยกับอังศุมาลินบนพื้นดิน สองคนอยู่ในสภาพสิ้นสติ ยายอึ้ง มองหน้าคนอื่นๆ ไปมา
แม่อรเข้าไป จับตัวโกโบริพลิกออก ยายเมี้ยน ตาแกละ และแมว ทำหน้าแสยงสยอง
“อัง..ยายอัง..เป็นยังไงบ้างลูก”
ตาแกละเข้าไปดูโกโบริร้องเรียก “นายช่าง..เลือดออกเยอะเลย เลือดมาจากไหนวะ หัวแตกนี่..ตายหรือยังวะ” จับตามตัวสำรวจ
โกโบริค่อยๆได้สติ ลืมตาขึ้น กระพริบตา มองดูทุกคนมึนๆ ทุกคนอึ้งๆ ถอยนิดๆ
“ฮิเดโกะ...” โกโบริได้สติลุกขึ้นนั่งพรวด ร้อนใจ “ฮิเดโกะ”
โกโบริหันไป เห็นแม่อรประคองอังศุมาลินอยู่
“ฮิเดโกะ..เป็นอะไร เจ็บมากหรือเปล่าครับ”
แม่อรพูดไม่ออก
โกโบริหน้าซีด รีบพุ่งเข้ามาดู แล้วรีบจับชีพจร แล้วสีหน้าดีขึ้น เงยมองแม่อร และยายศร เลือดที่หัวตัวเองยังแดงฉ่ำ แต่ไม่สนใจ “แค่หมดสติไปครับ” โกโบริตั้งหลัก ทรงตัวให้ดี แล้วอุ้มร่างอังศุมาลินขึ้นมา บอกแม่และยาย “ควรรีบพาไปที่ให้หมอรักษาดีกว่านะครับ”
โกโบริอุ้มร่างอังศุมาลิน มองรอบๆ งงว่าทางกลับบ้านอยู่ทางไหน ทุกคนแหวกทาง
ยายเมี้ยนร้อง “ต๊าย”
แมวมองตาม “ชัดๆ”
ยายศรหันมามอง 2 ไม่พอใจ ตาแกละรีบสะกิดเมีย ลูก
ยายเมี้ยน กะแมว รู้ตัวรีบหุบปากหมับ
ยายศรเหนื่อยใจ รีบหันมาพะยัก “ทางนี้จ้ะ พ่อดอกมะลิ”
ยายรีบนำไป โกโบริรีบอุ้มร่างปวกเปียก ไร้สติของอังศุมาลินตามไป แม่อรรีบตาม
เวลาต่อมาหมอทาเคดะถูกตามมารักษาอังศุมาลิน ที่เรือน เวลานั้นวางยา 2-3 ตัวลง
“ผมฉีดยาบำรุงให้แล้ว..ส่วนยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบ พอฟื้นแล้ว หลังอาหาร หากมีอาการเจ็บปวด ค่อยให้กินนะครับ ส่วนนี่คือยาแก้ช้ำบวม ใช้ทาผิวหนัง ตรงที่ถูกกระแทกนะครับ”
แม่อรน้ำตาคลอ “ขอบคุณค่ะ..หมอ”
“มีระเบิดที่หล่นลงมาในสวนอีกลูก...เป็นระเบิดที่ด้าน..ยังไม่ระเบิด พวกเราต้องรีบไปช่วยกันกู้ก่อนนะครับ ขอตัวนะครับ” โกโบริโค้งคำนับให้ แล้วจะรีบไป
หมอทาเคดะทักขึ้น “โกโบริ คุณหัวแตก ควรจะให้ผมดูเช่นกัน”
“เดี๋ยวกู้ระเบิดเสร็จแล้ว ค่อยว่ากัน ผมไปนะครับ” โกโบริโค้งอีก รีบไป
หมอทาคาเคดะ ยายศร และแม่อร มองหน้ากัน ยายศรเครียดมากกว่าใคร
ยายศรเล่าเรื่องจบ ก็ปรารภถึงโกโบริ
“คนอะไร..ไม่รู้จักห่วงตัวเองตอนนี้คงไปดูกู้ระเบิดลูกที่ด้านอยู่ในสวนนั่นละ แต่ก็เห็นว่าจะกลับมาดูหนูอีกทีนะ”
“กู้ระเบิดหรือคะ” อังศุมาลินอึ้ง แล้วพยายามไม่ใส่ใจ หลับตาลง
คำพูดโกโบริดังก้องในหัว “ฮิเดโกะ..ผมรักคุณ”
อังศุมาลินเผลอตัวใช้มือแตะที่ริมฝีปากเบาๆ
ยินเสียงแม่อรร้องถาม “ปากหนูเจ็บหรือ ปากไม่แตกหรอกลูก”
อังศุมาลินสะดุ้งลืมตาขึ้นมา รีบชักมือกลับลงไป
“เอาเถอะ หนูพักผ่อนต่อเถอะ หมอว่าให้พักเยอะๆ นะ”
อังศุมาลินค่อยๆ หลับตาลง
ติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 11 (ต่อ) เวลา 17.00 น.
ที่บ้านไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเวลาตอนกลางวัน หลวงชลาสินธุราช เดินเข้ามาในห้องรับวิทยุอย่างรีบเร่ง ภายในห้องยังมีเจ้าหน้าที่สื่อสาร เสรีไทยระดับสูง 3-4 นาย รออยู่
เสรีไทยคนหนึ่ง ที่ยืนดูเจ้าหน้าที่สื่อสารกำลังรอดักสัญญาณอยู่ที่เครื่องบนโต๊ะมุมหนึ่ง หันขวับมา
“ข่าวมาด่วน”
“มีอะไรสุดา” คุณหลวงถาม
“สปายจากอินเดียจะเข้ามาถึงเดือนหน้า” เสรีไทยคนแรกรายงาน
เสรีไทยคนที่ 2 น้ำเสียงกระตือรือร้น “กี่คน มายังไงเมื่อไหร่”
เสรีไทยคนแรกเงียบ ส่ายหน้าถอนใจเบาๆ
“มีเรื่องอะไรอีกหรือสุดา” คุณหลวงซัก
“ไม่มีรายละเอียดอะไรทั้งสิ้น” เสรีไทยคนแรกเจ้าของนามสุดาบอก
ทุกคนมีสีหน้าเซ็ง
“อย่าเพิ่งผิดหวังสิ เราก็หวังว่าก่อนถึงวันนั้นเราจะดักสัญญาณได้ข่าวเพิ่มเติมเข้ามาทัน” สุดาว่า
“ก็ขอให้มันเป็นจริงได้อย่างนั้นด้วยแล้วกัน” เพื่อนเสรีไทยบอก
“แล้วถ้าไม่ได้” คุณหลวงเป็นกังวล
ทุกคนนิ่งกันไป
เสรีไทยคนที่สามเอ่ยขึ้น “ก็ต้องหาทางกันต่อไป” หัวเราะขำเบาๆ “หึหึ..นี่ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ฉันมีเรื่องที่น่ากังวลกว่า...รู้ธฝากมา”
ทุกคนทำหน้าฉงน
“เรื่องฝนเหล็กตกเมื่อเช้า” คุณหลวงหมายถึงการทิ้งบอมบ์เมื่อช่วงเช้า
“ไม่ใช่” เสรีไทยคนที่สามบอก
ทุกคนถามพร้อมกันอย่างร้อนใจ “อะไร”
“สันติบาลกำลังตามกลิ่นพวกเรา” เสรีไทยคนที่สามว่า
ทุกคนมองหน้ากัน
บ่ายแก่ๆ อังศุมาลินนอนพลิกหน้าตะแคงเหม่ออยู่บนชานเรือน เหตุการณ์และเสียงโกโบริตอนจูบและพูดรัก “ฮิเดโกะ ผมรักคุณ” ดังซ้ำไปซ้ำมา
อังศุมาลินกัดริมฝีปาก สะบัดหน้า
“ไม่..ไม่”
อังศุมาลิน พยายามต่อต้านความทรงจำนั้น
“ไม่..ชั้นเกลียดเค้า เค้าเป็นศัตรู เกลียด..เกลียด..ขอให้..ขอให้..ปลดชนวนระเบิดพลาด..ขอให้...”
อังศุมาลินกำมือแน่น เหงื่อแตก
อังศุมาลินบอก “ขอให้...” แต่ไม่กล้าหลุดคำว่า...ตาย ออกไป
สีหน้าอังศุมาลิน ต่อสู้กับตัวเองอย่างรุนแรง
แต่ภาพที่โกโบริจูบ และพูดบอกรัก “ฮิเดโกะ ผมรักคุณ” ดังขึ้นอีก
อังศุมาลินรู้สึกทรมาน ปวดร้าวในใจ ไม่อาจยอมรับได้
ขณะเดียวกันโกโบริ ที่อยู่ในสภาพเยินเดิมๆ กำลังก้มก้มตา ใช้อุปกรณ์ พยายามหาจุดที่จะปลดชนวน คนอื่นล้อมดูอยู่ บ้างชี้แนะ บ้างลุ้นๆ ระวังๆ กัน
ชาวบ้านไทยมุงกันไกลๆ เสียวระเบิด โกโบริเครียด เหงื่อแตก มือที่จับอุปกรณ์ค่อยๆ แงะ แกะ หมุน อย่างระวัง
อังศุมาลิน พลิกตัว ทุรนทุราย พยายามหลับตาลง ยินเสียงฝีเท้าเดินมา จนกระดานเรือนไหวยวบ รู้สึกได้ว่ามีใครมายืนอยู่อังศุมาลินลืมตาพลิกตัวหันกลับไปมอง
เห็นโกโบริที่ยืนดูอยู่อย่างกังวล รีบยิ้มสดใสให้ เนื้อตัวยังมีสภาพขะมุกขะมอม เปรอะเปื้อนไปทั้งตัว
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
อังศุมาลินไม่อยากพูดด้วย หลับตาลง เพื่อจะไม่ต้องตอบ
“ผมเป็นห่วง เห็นคุณสลบไปนาน...ตกลงที่อู่ผมโดนโจมตีไปส่วนหนึ่ง แล้วสวนคุณก็พังไปส่วนหนึ่งด้วย มีระเบิดด้านอยู่ลูกหนึ่งในสวน ผมเพิ่งจะถอดชนวนไปเมื่อครู่นี้...” ลดเสียงเบาลง “โชคดี ที่ทำสำเร็จ...ไม่ระเบิด..ไม่งั้น..ที่นี่ก็คง...”
อังศุมาลินรู้สึกวูบด้วยความสำนึกผิด รู้ว่าโกโบริห่วงตนมาก
“ผมกำลังจะกลับอู่ แล้วจะให้หมอมาดูคุณอีกที เห็นคุณฟื้นแล้ว..ก็ดีใจ”
อังศุมาลินค่อยๆ ลืมตาขึ้นเหลือบมองโกโบริ แล้วหันเลี่ยงไปมองอีกทาง
“คุณเจ็บที่อื่นอีกใหม่ นอกจากที่ศีรษะคุณ”
อังศุมาลินนิ่งเงียบ ไม่ตอบใดๆ ยังมองนิ่งตรงไปอีกทาง
“ปวดหัวมากไหม ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะกะโหลก ร้าวไหมขอผมดูรอยหน่อย” โกโบริขยับมา
คราวนี้อังศุมาลินหันขวับมามอง เสียงแข็งกร้าวดุดัน “ไม่ต้อง”
โกโบริถึงกับชะงัก
อังศุมาลินรู้สึกผิด ท่าทีอ่อนลง “ฉัน..ไม่เป็นอะไรแล้ว”
โกโบริถอนใจเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นนอนหลับสักตื่น เดี๋ยวหมอมาฉีดยาให้อีกเข็มคงจะดีขึ้น ผมก็จะกลับไปอู่เสียที” โกโบริก้มหัวนิดนึง หันกลับ จะเดินลงเรือนไป
อังศุมาลินมองตามหลังไป หลุดปากไปเพราะอดไม่ได้ “แล้ว..เป็นยังไงบ้าง”
โกโบริชะงัก หันกลับมา ดีใจ หน้าบานแฉ่ง ยิ้มกว้างขึ้นทันที “ปวดหัวตุบๆนิดหน่อย เพราะมันแตก” พลางยกมือแตะๆ ที่หัว “ทีแรกมันชาๆ ไม่รู้สึก เพราะมัวสนใจแต่ระเบิดลูกนั้น ไม่อยากปล่อยไว้เดี๋ยวบ้านคุณนี่จะเดือดร้อน”
อังศุมาลินเผลอตัว
“ควรรีบไปให้หมอดู..เพราะ..หน้าคุณซีด”
โกโบริเย้า เล่นๆ “แต่คงไม่มากไปกว่าคุณนะ”
โกโบริก้าวเข้ามา ใกล้ที่นอนอังศุมาลิน พูดเบาๆ มองมาอย่างอ่อนโยน
“ถึงผมจะเป็นอะไรไป แต่ขอให้คุณได้ปลอดภัย ผมก็พอแล้ว”
อังศุมาลินมองหน้า แล้วทนไม่ไหว รีบหลับตาลง โกโบริน้อยใจ
“ถ้าคุณไม่อยากฟัง..ผมก็จะไปแล้วละ”
โกโบริถอยตัวกลับ ยืนมองอังศุมาลินที่นอนนิ่งครู่หนึ่งก่อนหันตัวกลับไป
ส่วนอังศุมาลินหลับตานิ่ง พอโกโบริไปแล้ว จึงลืมตาขึ้นสีหน้าว้าวุ่นสับสน ถอนใจเฮือกใหญ่
ตกตอนเย็นที่ตลาดชุมชน เรือเร็วทหารญี่ปุ่นขับมาจอดเทียบท่าที่ตลาด หมอทาเคดะ และ เคสุเกะ ช่วยกันประคองโกโบริขึ้นมา
“ผมไม่เป็นอะไร” โกโบริบอก
“ผมอยากให้หมอที่โรงพยาบาลเป็นคนตัดสินจะดีกว่า” หมอว่า
“นายช่างหน้าซีดมากนะครับ ไม่น่าไว้วางใจเลย” เคสุเกะเป็นห่วง
กลุ่มโกโบริเดินผ่านตลาดไป พวกคนไทยจับกลุ่มกัน หน้าร้านข้าวสาร
“ถามใครก็ได้ มีคนเห็นกันเป็นสิบ ว่ามันไปนอนทับกันอยู่ในท้องร่อง” แมวเปิดประเด็น
ตาแกละเสริมลูกสาว “พวกฉันล่ะเห็นกะตาตัวเองเลย..ให้เอาไปสาบานวัดไหนก็บอก แล้วไม่ได้เห็นแค่วันนี้ พวกฉันเห็นมานานแล้ว แต่ไม่อยากจะพูด บางทีในสวนกลางคืนมืดๆ...เขาก็ลงมาหากัน”
พวกโกโบริมาถึง แต่ไม่มีใครหันไปมองเลย
“โถ แล้วคนชอบมาว่าเราเซ็งลี้ฮ้อกะญี่ปุ่นน่ะเตี่ย” วิภาเหน็บแนม
“นั่นสิ อั๊วะขายของให้ญี่ปุ่น ก็ขายแต่ข้าวสารนะ ไม่เคยขายลูกสาวเว้ย” เม้งเห็นด้วย
ยายเมี้ยนจัดเต็มเช่นเคยสมฉายาขาเม้าท์มือวางอันดับหนึ่ง
“แม่อังศุมาลินกะนายช่างโกโบริเขาได้เสียกันมานานแล้ว..เชื่อฉันซี้ เขาบ้านใกล้เรือนเคียงกัน ข้ามคลองกันไป ข้ามคลองกันมา ในน้ำมั่ง บนบกมั่ง”
พวกโกโบริได้ยินเต็มหู ทุกคนผงะ ซีด
“ไม่น่าเชื่อ หนูอังศุมาลินเขาเกลียดพวกญี่ปุ่นจะตาย” อาโกบอก
“นี่ไง พวกเกลียดตัวกินไข่ของจริง” ยายเมี้ยนปิดจ๊อบ
ทุกคนหัวเราะกันเฮฮา เม้งหันไปเห็นพวกโกโบริก่อน ซีด หยุดหัวเราะ
คนอื่นๆหันไปมองตาม แล้วต่างอึ้ง โกโบริมองมา ดวงตาเยือกเย็น
พวกคนไทยคนจีน แตกฮือคนละทาง แยกย้ายกันไปหน้าตาเฉย
โกโบริซีดเผือดดวงตาวาววับ
หมอทาเคดะเตือน “โกโบริ ใจเย็นๆ คุณเจ็บอยู่นะ อย่าคิดมากสิ”
“รีบไปกันเถอะครับ” เคสุเกะเร่ง
ทั้งสองรีบพาโกโบริไป
ริมคลองยามเย็นบ้านอังศุมาลิน อากาศสดใส ส่วนบนเรือนชามข้าวต้มร้อนกรุ่นๆ ถูกวางลง
อังศุมาลินลืมตาขึ้น เห็นแม่อรทิ้งตัวลงมานั่งอยู่ข้างๆพร้อมชามข้าวต้มหอมฉุย
“เป็นยังไงบ้างลูก หิวหรือยัง”
“แม่คะ”
“มีอะไรลูก แม่ว่าหนูนอนกินข้าวต้ม แล้วนอนพักจะดีกว่ามั้ง”
อังศุมาลินคว้ามือแม่อรมาจับกุมไว้แนบอก
“หนู...มีเรื่องจะบอก”
“แม่ว่าเก็บไว้เล่าทีหลังเถอะ หนูควรพักผ่อนนะ”
อังศุมาลินกระวนกระวาย “ไม่คะ หนูต้องบอกแม่..เดี๋ยวนี้” จ้องมองแม่อรเด็ดเดี่ยว
แม่อรสงบนิ่ง ไม่พูดอะไร
อังศุมาลินดูออก พูดเบาลง “แม่..แม่รู้แล้วใช่ไหมคะ”
แม่อรถอนใจเบาๆ วางช้อนชามข้าวต้มลง แต่สีหน้าและน้ำเสียงยังเย็นและนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ใจคนถ้าคิดไม่ดี เวลามองอะไร ก็เห็นเป็นของไม่ดีไปหมดนั่นละ ใครจะพูดยังไงก็ช่างเขาเถอะ ความจริงมันอยู่ที่เราต่างหาก ไม่ว่าจะดีหรือชั่วมันไม่ได้อยู่กับคนอื่นที่พูดถึงเรา ถึงไม่มีเรื่องหนู ชาวบ้านก็นินทาคนอื่นๆอยู่วันยังค่ำ อีกไม่นาน..พ่อดอกมะลิก็จะไม่อยู่แล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ เรื่องราวมันก็คงจบไปเองล่ะลูก”
อังศุมาลินใจหายวูบขึ้นมาไม่รู้ตัว
คืนนั้นที่โรงพยาบาลแห่งนั้น เห็นญี่ปุ่น และธงกาชาด กลางคืน ที่ห้องพักเห็นมีเตียงพักฟื้นเรียงเป็นแถว
โกโบริซึ่งที่หัวมีผ้าพัน นอนไม่ใส่เสื้อ ตามตัว มีแผลฟกช้ำ นอนไม่หลับ ดวงตาแวววาวด้วยความรุ่มร้อนใจ พลิกไปมา
สักพัก หมอโยชิเข้ามา มองหา โกโบริหันไปเห็น รีบลุกท่าทีดีใจมาก “โยชิซัง”
“โกโบริ คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผมไม่เป็นไร...โยชิซัง ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมดีใจ ที่คุณมา..ผมอยากจะเขียนจดหมายถึงคุณลุง..ที่สิงคโปร์ แล้วต้องการส่งไปให้ท่านด่วนที่สุด...คุณจะฝากมันไปกับใครที่จะเดินทางไปสิงคโปร์ได้ไหม”
“ดึกคืนนี้ จะมีรถไฟไปสิงคโปร์ ถ้าคุณเขียนทัน” หมอโยชิบอก
เช้าวันต่อมา ขณะที่แม่วันเอาเอาปลาสลิดเค็มออกมาตากที่หน้าบ้าน ตาบัว กะตาผล ผ่านมา มองกันตาเป็นมัน แม่วันหันมาเห็น
“อ้าว ตาผล...ญี่ปุ่นเขาปล่อยมาแล้วเร้อ”
“ก็ต้องปล่อยสิ ชั้นไม่ได้ทำผิดอะไรซักหน่อย” ตาผลบอก
“ปลาสลิดนั่นมันเค็มมากไหมล่ะ แม่วัน” ตาบัวถาม
“อยากกินเหรอ เอ้า จะเอาแค่ไหนก็หยิบไป”
ตาบัว กะตาผลมองหน้ากัน แล้วคว้าพึ่บๆ โกยคนละ 3 - 4 ตัว
กำนันนุ่มออกมา “เอ้าๆ นั่นจะเหมาหมดกระจาดเชียวเรอะ มีกันแค่สองคน จะกินหมดรึนั่น”
“ใครบอกว่ามีแค่ 2 คนล่ะกำนั้น” ตาผลหลุดปาก
ตาบัวถองอย่างแรง “ไอ้ผล”
ตาผลตาเหลือก กระซิบ “ฉิบล่ะ ลืม”
ตาบัวกระซิบดุๆ “ถึงกำนัน ก็ไว้ใจไม่ได้ มีเชลยฝรั่งในบ้าน มันคุกอย่างเดียว ไม่รู้หรือไง”
“ทำไม มีอะไร มีใครมาอยู่ด้วยหรือไง” กำนันนุ่มซัก
“เฮ้ย เปล่าๆๆ ก็อยู่กันสองคนนี่ล่ะ”
พอดี ยายเมี้ยน ตาแกละ และแมว ผ่านมา
“อ้าวไอ้ผล..ญี่ปุ่นมันปล่อยมาแล้วเรอะ” ตาแกละทัก
“แหม..พ่อ ถามอะไรอย่างนั้น ตาผลแกทำสวนบ้านอังศุมาลินเขา ก็ต้องมีเส้นสายใหญ่กว่าใครอยู่แล้ว” แมวว่า
“เส้นสายอะไรยังไง แม่แมว” ตาผลงง
“แหม..ตาผลล่ะก็ ใครๆเข้าก็รู้กันทั้งบาง ฉันงี้ เห็นมากะตาเชียวล่ะ พอแม่กะยายไม่อยู่ แม่ลูกสาวก็ดิ๊กๆ ไปนอนกะไอ้ยุ่นในท้องร่อง ผีสางเทวดาท่านไม่เข้าข้าง ระเบิดเลยลงมาโดนดินถมทั้งเป็น ให้ใครๆ ได้เห็นเป็นพยาน”
ยายเมี้ยนจีบปาก กำนันนุ่ม กับแม่วัน ผงะ
“นี่ นั่งเมี้ยน อยากจะเลือดกบปากแทนน้ำหมากใช่ไหม ทำไมพูดจาด๊อกๆ อย่างนั้นล่ะ” ตาบัวด่า
ตาแกละโมโห “อ้าว ไอ้นี่..มาว่าเมียกูแบบนี้ได้ไง เมียกูพูดความจริงเว้ย ใครไม่เชื่อคอยดู อีกไม่นาน ไอ้ลูกตัวเตี้ยๆ ตาชั้นเดียว มันจะมาเกิด พวกมึงจะได้อุ้มหลานลูกครึ่งก็คราวนี้ล่ะว้า”
“ไอ้แกละ มึงตาย” ตาผลกระโดดใส่ ชกตาแกละด้วยความโมโห
ตาแกละสู้ ตาบัวเข้ารุมช่วย ยายเมี้ยน กะแมว เข้ารุม สู้กันนัว กำนันนุ่ม กะแม่วัน ตะลึง
เช้านั้น ที่ตลาดแม่อร กับยายศร ช่วยกันจัดของที่จะขาย พวกคนตลาดมองๆ ซุบซิบกัน เม้ง กะวิภาเดินซื้อกับข้าวผ่านมา เม้งร้องทัก
“อ้าว แม่อร คุณยาย ยังจะมาขายของกันอีก”
“ทำไมฉันจะมาขายไม่ได้ล่ะ” ยายศรงง
“ก็นึกว่าร่ำรวยกันแล้ว ฉันก็ดีใจด้วยนะ จะไม่ต้องลำบากกันอีกต่อไปไง” วิภาพูดจาส่อเสียด
“แล้วทำไมฉันจะไม่ลำบาก” แม่อรย้อน หน้าตึงนิดๆ
“ก็..เขาลือกัน..ว่า..แม่อรได้เขยเป็นนายช่างหลานชายแม่ทัพไม่ใช่เร้อ” อาโกบอก
“นายช่างคนนี้เขาก็ใจดีออกนี่นา เขาก็น่าจะชุบเลี้ยงให้เราสบายบ้างล่ะ” เม้งเสริม
“นั่นสิคะ ถ้าถึงขนาดนี้ แล้วเขายังปล่อยให้คุณป้ากับคุณยายต้องมานั่งเก็บผักขาย..มันจะใจดำไปหน่อยนะ หนูว่า..ยายอังเขาเป็นคนกตัญญูออก เขาไม่น่าจะยอมนะคะ” วิภาบอก
ยายศรแทบจะเป็นลม แม่อรรีบบีบมือแม่คลายเส้น
ในเวลาต่อมามือของกำนันนุ่มเปิดตลับหยิบก้านพลูมาเสียบพลูที่จีบไว้ แล้วเจียนหมากดิบช้าๆ ปากบ่น
“จะกินหมาก..ต้องแอบกิน..ราวกับสูบฝิ่น”
ทุกคนอยู่บนเรือน ยายศรสบตากับแม่อร “พ่อกำนัน..มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
กำนันมีทีท่าลังเลเล็กน้อย หยิบหมากใส่ปาก แล้วเคี้ยวพลูตามช้าๆ
“ถ้าฉันพูดผิดพลั้งยังไงไปละก็ แม่อรก็อย่าโกรธนะ” กำนันออกตัว
อังศุมาลินที่นอนฟังในห้อง หน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที แม่อรสีหน้าเรียบปกติ
“เชิญพูดเลยคะ เราไม่ถือโกรธอะไรกำนันหรอก ที่บ้านนี่นับถือท่านกำนันกันทุกคน” ยายศรบอก
“ไอ้ฉันน่ะก็ไม่มีอะไรหรอกนะ แต่แม่ไอ้หนูสิ เขาก็รักหนูอังเหมือนลูกเหมือนหลาน รู้ข่าวถึงกับตบอกผาง ก็เลยอยากมาถามให้มันรู้ดำรู้ดีกันไปว่า มันยังไงแน่ เพราะไอ้เรื่องเล่าเรื่องลือมันมักจะโดนขยายเกินจริงเสมอ” กำนันยกผ้าขาวม้าฟาดไหล่ไปมา “นี่ถ้าวนัสอยู่..คงไม่เกิดเรื่องพรรค์อย่างนี้หรอก พูดไปก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ข่าวคราวไม่รู้..เฮ้อ”
กำนันทอดถอนใจ แล้วหันไป แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นอังศุมาลินลุกมายืนหน้าห้องนอน ใบหน้าซีดขาว
“หนูจะเล่าความจริงทุกอย่างให้ลุงกำนันฟังเองค่ะ
ภายในห้องวิทยุสื่อสาร เดลฮี ประเทศอินเดีย ช่วงตอนกลางวัน แลเห็นถ้วยชาอังกฤษ กรุ่นๆ อยู่ในมือวนัส เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ เสียงข่าววิทยุภาษาไทยดังชัดเป็นช่วงๆ วนัสเดินมาที่เครื่องวิทยุแรงสูงที่มีเจ้าหน้าที่ไทย 2 คนประจำอยู่
ที่นี่คือ “หน่วยสืบราชการลับ แผนกไทย แห่งหน่วยบริหารงานพิเศษ (Special Operations Executive-S.O.E) เมืองเดลฮี ประเทศอินเดีย”
พิชัยนั่งสบายๆ อยู่ไม่ไกล
เสรีไทยคนหนึ่งนั่งฟังวิทยุไป “ญี่ปุ่นกำลังจะเปิดใช้ทางรถไฟสายไทยพม่าปลายเดือนนี้..เสร็จเร็วเป็นบ้า”
วนัสฟังอยู่ด้วย ส่ายหน้า “คนกี่หมื่นต้องไปจบชีวิตให้พวกมัน”
“มายก๊อด..กี่เดือนเนี่ย สร้างกันไม่ถึงปี” พิชัยว่า
“เจ็ดเดือนพี่” เสรีไทยคนนั้นบอก
“ขืนเสร็จช้ากว่านี้ พวกมันก็คงจะไม่ทันการณ์ล่ะสิ เพราะนี่เห็นข่าวว่ามันเริ่มตกเป็นฝ่ายตั้งรับพวกเราหลายสนามแล้ว” วนัสบอก
ท่านชายวิชญา กับอรุณเดินเข้ามาพอดี
พิชัยร้องทัก “พี่เข้มว่ายังไงหรือเปล่าท่านชาย..เอ๊ย แซม”
“มีสองเรื่อง” ท่านชายว่า
วนัสจิบๆ ชา หันมาตั้งใจฟังกับพิชัย
“หนึ่ง เข้มบอกว่าฝึกขึ้นบกโดยเรือดำน้ำนี่โหดมากสอง พี่เข้มอยากได้คนที่ชอบของโหดไปร่วมทีมพริตชาร์ด เพิ่มอีกหนึ่งคน”
“ก็จะเป็นทีมขึ้นบกหลังจากทีมของพงศ์ กับเรเว่น เดือนถัดไป” อรุณเสริม
“งั้นฉันขอ...” พิชัยว่า
วนัสรีบซดชาเฮือกเดียวหมด พูดตัดหน้าพิชัยพอดี “ผมเองครับ ให้ผมไปดีกว่า”
พิชัยหันมองวนัสขวับ รู้ทัน “ไอ้นี่..อยากกลับไปเจอหน้าหวานใจเต็มทีล่ะสิท่า”
“ดีแล้ว..ลำพู คุณนั่นแหละ เหมาะ”
วนัสเจ้าของฉายา ลำพู ยิ้มดีใจ
กำนันวางกระโถนที่เพิ่งบ้วนน้ำหมากลง หน้าตาคิดครุ่น พลางบอกอย่างเป็นกังวล
“ลุงเข้าใจละ ลุงเชื่อหนูอัง สำหรับลุงกับแม่วัน หนูอังก็คือลูกหลานแท้ๆ ไม่มีวันเป็นอื่น แต่
..มันมายุ่งที่คนเก็บเอาไปพูดไปลือกันทั้งบางจนเสียหายแบบนี้ ลุงคงต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้ว..เพราะ..ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่งาม”
อังศุมาลินแอบชำเลืองมองแม่อรและคุณยายศร ที่มีทีท่าหนักใจไม่หาย
ไม่นานนัก อังศุมาลินเดินเข้าห้องมา แล้วค่อยๆ นอนลงบนเตียง หันหน้าเข้าข้างฝา น้ำตาไหลรินเงียบๆ
แม่อรเดินเข้ามา มองลูกจากด้านหลัง แล้วเข้ามานั่งที่เตียง แตะแขนลูก อังศุมาลินสะอื้นออกมาทันที
“อังศุมาลิน ฟังแม่นะลูก”
อังศุมาลินหันมาหา “แม่คะ...หนูไม่ได้ทำอย่างนั้น หนูไม่ได้เป็นอย่างนั้น..ทำไม”
แม่อรจับตัวลูกไปกอดปลอบ “หนูต้องรู้นะลูก..ว่ามนุษย์ ก็เป็นแบบนี้มาทุกยุคทุกสมัย..หนูไม่ใช่คนแรก ที่ต้องผจญกับเรื่องแบบนี้”
อังศุมาลินระทดระทวยลงนอนบนตักแม่
แม่อรลูบเรือนผมขณะบอก “เมื่อแม่จะแต่งงานกับ..คุณพ่อของหนู แม่ก็โดนแบบนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่เท่ากับตอนที่คุณพ่อของหนูทิ้งเราไป..แม่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้อง อายจนต้องก้มหน้าดูดิน แต่แม่ก็อยู่มาด้วยความเชื่อว่า..ความดี ย่อมรักษาคนดีเสมอ หนูเป็นลูกทหาร เป็นลูกแม่ หนูต้องอย่าอ่อนแอสิลูก การที่เขาว่าร้าย..นินทาเรา ก็เท่ากับเขายื่นของสกปรกให้เรา ถ้าเราทุกข์ร้อน ก็เท่ากับว่าเรายอมรับ แต่ถ้าเราเฉยเสีย ไม่รับรู้ เท่ากับของนั้นก็ยังอยู่ในมือเขา ก็ต้องย่อมเหม็นมือเขาเอง..ใช่ไหมลูก”
อังศุมาลินร้องไห้น้อยลง
ค่ำนั้นเห็นสายตาทุกคู่ของคนกลุ่มหนึ่ง มองไปยังแสงไฟในหน้าต่างห้องชั้นสองของบ้านไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทีททำการของเสรีไทย เสียงคนคุยกันในห้องดังลอดออกมา รองเท้าหนังของตำรวจสันติบาล 4-5 คู่ ค่อยๆ เหยียบย่างบนพื้นหญ้าผ่านไป ตรงไปยังหน้าบ้าน
รองเท้าหนังอีก 3-4 คู่ ย่องบนพื้นชั้นล่างผ่านไปทางหลังบ้าน
กลุ่มที่อยู่หน้าบ้าน ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างรวดเร็ว
หน้าห้องชั้นบน ที่มีไฟเปิดอยู่และมีเสียงคนคุยปรึกษากันดังลอดออกมา เป็นแทนสายตา (องอาจ) เดินย่องเข้ามาใกล้ประตู
มือของคนที่เป็นหัวหน้าทีม กวักโบกให้สัญญาณ ก่อนที่จะเห็นรองเท้าราว 6-7 คู่วิ่งมาประกบล้อมสองฝั่งประตู
ที่แท้เป็นสารวัตรองอาจในชุดเครื่องแบบตำรวจสันติบาล ยืนแนบหน้ากับประตู เอื้อมมือกำลังจะผลักประตูเปิด มีตำรวจอีก 2-3 นายเรียงรายข้างหลัง องอาจพยักหน้า แล้วผลักประตูที่ไม่ได้ล็อคเข้าไปทันที
“ทุกคน อยู่ในความสงบ นี่เป็นการจับกุมข้อหากบฏ กระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาลไทยที่เป็นมิตรกับรัฐบาลญี่ปุ่น คุณหลวงชลาสินธุราชกับพวก...”
สารวัตรองอาจยกเล็งปืนยาวขึ้นประทับ ตำรวจที่เหลือวิ่งเข้ามารายล้อมเล็งปืนตาม
เห็นชายฉกรรจ์หน้าตาท่าทีเหมือนชาวบ้านในชุดลำลองสมัยใหม่คล้ายเสรีไทยทั้ง 6-7 คน หันขวับมากำลังนั่งลุ้นสองฝ่ายเล่นหมากรุกกันอยู่
องอาจมีสีหน้าประหลาดใจ “เอ๊ะ”
ส่วนที่ข้างนอก หลวงชลาสินธุราช และเสรีไทยระดับสูง 5-6 คน ในชุดเก่าโทรมของชาวบ้าน กำลังนั่งเรือยนต์ค่อยๆ ลอยลำเงียบๆ หนีออกมาจากท่าบ้านไม้ริมน้ำไป
กลางดึกคืนนั้น เสียงหริ่งหรีดเรไรร้องแว่วดัง อังศุมาลินที่หน้าตาสดใสมากขึ้น นอนพลิกตัวอยู่ในห้องที่มีแสงจัทร์ลอดผ่านเข้ามา เสียงฝีเท้าและกระแอมไปของแม่อรภายนอกอังศุมาลินลืมตาขึ้น
อังศุมาลินเดินมาเปิดประตูห้อง ชะโงกหน้าออกมาเห็นแม่อรเดินไปหยิบเขียงมาวางข้างๆถาดหมาก
“แม่ทำอะไรคะทำไมหมู่นี้แม่นอนดึกจังคะ”
แม่อรพูดยิ้มๆ “แม่นอนไม่ค่อยหลับจ้ะ เลยลุกมาหั่นหมากไว้ ช่วงนี้ลักลอบขายกัน ได้ราคาดี หนูนอนเถอะ แม่ทำเดี๋ยวเดียวก็จะเข้าห้องแล้ว”
“แล้ว 2-3 วันนี้ที่ตลาดเป็นยังไงบ้างคะ ใครๆ เขาคุยอะไรกันอีกบ้าง ไม่เห็นแม่เล่าอะไรให้หนูฟังเลย” อังศุมาลินถามอย่างกังวล
“ก็ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ อาจคงเป็นเพราะพ่อดอกมะลิก็หายไปด้วย เลยไม่ค่อยมีใครพูดถึง”
อังศุมาลินหน้าซีด ใจหายวาบ “หายไป...แล้ว..เขาย้ายไปแล้วหรือคะ”
“เห็นว่า..ไปนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลฝั่งนู้นนะ”
อังศุมาลินใจหวิวๆ อึ้ง พูดไม่ออก แม่อรก้มลง ทำงานไป ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจอีกต่อไป
อังศุมาลินมองแม่อย่างปวดร้าว เป็นห่วงความรู้สึกของแม่
ดอกผักบุ้งออกช่อสีม่วงลอยสู้แสงรับวันใหม่ในแอ่งน้ำ แมงปอบินฉวัดเฉวียนไปมา อังศุมาลินเดินสำรวจบริเวณ กวาดสายตามองโดยรอบบ่อที่ยังมีต้นไม้ล้มระเนระนาดให้เห็นอยู่ อังศุมาลินเดินลึกเข้าไป แล้วหยุดเท้าแทบไม่ทัน
เมื่อเห็นโกโบริที่ยังมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ ยืนหันหน้าไปทางบ่อหลุมกว้างจากแรงระเบิด ที่มีน้ำเจิ่งและวัชพืชอยู่เต็มอยู่หันหลังมาทางอังศุมาลิน
อังศุมาลินมองนิ่ง แล้วตัดสินใจถดตัวถอย จะหันกลับ โกโบริพูดลอยๆ โดยไม่หันไปดู
“พอเห็นผมก็จะกลับโดยไม่ทักกันสักคำหรือ”
อังศุมาลินเงียบกริบ
“ผมไม่ได้มาซะนาน หรือคนที่นี่คงจำไม่ได้แล้ว”
“จำได้สิ ทำไมจะจำได้ ใครจะลืมคนที่ทำให้เราเดือดร้อนได้ง่ายๆ ล่ะ”
โกโบริหันมา “ดูเหมือนว่า..พบกันทีไร ผมต้องเป็นตัวนำเรื่องเดือดร้อนมาให้คุณทุกที”
อังศุมาลินอึ้ง ที่โกโบริดูซูบผอม หน้าโทรม ขาวซีด
“ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวาน..ผมรู้ว่าคุณเดือดร้อนเพราะผม แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมเสียใจมาก เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมอยากทราบว่า...คุณจะให้ผมทำยังไง ผมจะยอมทำทั้งนั้น”
“ไม่มีอะไรต้องทำอีกแล้ว”
“มันจะต้องมีทางแก้ซักทาง”
อังศุมาลินประชด “ตีฆ้องร้องป่าว ให้ชาวบ้านมาชุมนุม แล้วคุณก็แถลงแก้ข่าว..คงจะพอใช้ได้มั้ง”
“ที่คุณพูด...คุณก็รู้อยู่แล้ว ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“แล้วมีทางไหนอีกล่ะ ที่จะเป็นไปได้”
“ผมเข้าใจดี ว่านี่เป็นเรื่องของเกียรติยศชื่อเสียงของคุณโดยตรงเช่นเดียวกัน..พวกญี่ปุ่นเราก็ถือสุภาษิตว่า.. “ตายเสียดีกว่าจะอยู่อย่างปราศจากเกียรติยศ” หมอโยชิ...กับผม ปรึกษากันทุกแง่มุมแล้ว เราคิดกันว่า..วิธีที่เหมาะสมที่สุด และดีที่สุด..คือ..เราคิดกันว่า..ผมควรจะแต่งงานกับคุณ!”
อังศุมาลินมองตะลึง ตาเบิกกว้าง จ้องหน้าโกโบริเขม็ง
โกโบริมองตอบหน้าซีเรียสขรึม และจริงจัง เหมือนกำลังเจรจาเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่มีความรู้สึกส่วนตัวใดๆ
โปรดติดตาม "คู่กรรม" ตอนที่ 12