xs
xsm
sm
md
lg

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 11

วันรุ่งขึ้นหาญเดินกลับเข้าบ้านกระเต็นด้วยท่าทางผิดหวังหลังจากตามหาศรีแพรมาทั้งคืน ขณะนั้นกระเต็นอยู่ในบ้านกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ สีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน พอหาญก้าวเข้ามาในบ้านกระเต็นก็จบการสนทนาพอดี

“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ส่งข่าว” กระเต็นวางสาย มองหาศรีแพร “แล้วศรีแพรล่ะคะ”
“ข้าตามหาทั้งคืน แต่ก็ไร้วี่แวว”
“ศรีแพรเป็นเด็กหัวไว น่าจะเอาตัวรอดได้ พ่อหาญอย่างเพิ่งกังวลไปเลย ไม่แน่เดี๋ยวสายๆ หน่อย เค้าอาจจะกลับมาเองก็ได้”
“ข้าทำบาปกับคนอื่นนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะในชาตินี้ หรือชาติก่อน” หาญรู้ว่ากระเต็นเองก็มีเรื่องอึดอัดใจ
“มีข่าวของผู้การสุพจน์กับเสือดำรึยัง”
“กองปราบเพิ่งโทรมาค่ะ มีพรานไปพบศพตำรวจกับศพเสือดำอยู่ในป่า” หาญตกใจ
“ไอ้ดำตายแล้ว แล้วผู้การล่ะ”
“ไม่เจอตัวค่ะ หายไปไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย”
หาญเสียใจที่เสือดำต้องมาตายเพราะตน
“ข้าทำให้ไอ้ดำต้องตาย”
“ไม่ใช่ความผิดของพ่อหาญนี่คะ เสือดำเลือกที่จะอยู่ข้างความถูกต้อง”
หาญนึกถึงคำที่พ่อปู่บุญทาเคยเตือน
“กรรมย่อมติดตามผู้กระทำเหมือนเงาตามตัว ไม่มีทางหนีได้หรอก”
“จะหนักหนาถึงชีวิตรึเปล่าครับ”
“รู้หรือไม่รู้ จะแตกต่างกันยังไง ในเมื่อผลย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ท่านปล่อยวางเสียเถิด”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะขอลาสิกขา”
“ถึงท่านลาสิกขาไปก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้”
“ผมคิดอย่างรอบครอบแล้วครับ ถึงจะห้ามวิบากกรรมครั้งนี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยผมอาจช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา”
หาญคิดว่าตัวเองทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“ไม่ มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าผิดตั้งแต่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้แล้ว”

ส่วนที่บ้านภูมินทร์ คมรายงานภูมินทร์เรื่องกล้า
“ได้เรื่องแล้วครับนาย สายในกรมรายงานมาว่า พวกตำรวจตามกลิ่นไอ้กล้าได้แล้ว”
“งั้นเหรอ แล้วพวกมันอยู่ที่ไหน”

กล้า ราชาวดี เปี๊ยก กำลังร่ำลากระถิน
“ขอบใจนะกระถินที่ช่วยพวกพี่”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ถึงหนูจะไม่เข้าใจว่าพวกพี่หนีตำรวจทำไม แต่หนูรู้ว่าพวกพี่เป็นคนดีแน่ๆ สู้ๆ นะจ๊ะ”
กล้าลูบหัวกระถินอย่างเอ็นดู
“เราก็เหมือนกัน เข้มแข็งไว้นะ” กระถินยิ้ม
“จ๊ะ พี่ๆ รอหนูก่อนนะจ๊ะ หนูจะออกไปดูต้นทางให้ก่อน”
กระถินรีบวิ่งออกจากกระท่อมไป
กระถินออกมาจากกระท่อมแต่แล้วต้องหยุดชะงัก ตกใจเมื่อเห็นตำรวจ 3 นาย เดินเข้ามาหาตน
“ไง หนู จะไปไหน”
กระถินพยายามคิดหาทาง ยิ้มให้ตำรวจ
“พวกน้ามีอะไรเหรอจ๊ะ”
สารวัตรโชว์แหวนของราชาวดีที่อยู่ในถุงพลาสติกเล็กๆ ให้ดู
“หนูใช่ไหม ที่เอาแหวนนี่ไปขาย” กระถินเห็นแหวนก็อึ้งๆ “เด็กดีต้องไม่โกหก ถูกไหม”
กระถินคิด ทำเป็นกลัว ยกมือไหว้ตำรวจแล้วพูดเสียงดัง
“น้าตำรวจอย่าจับหนูเลยนะจ๊ะ หนูเห็นมันตกอยู่ที่ท้ายสวน หนูไม่ได้ขโมยใครมาจริงๆ”
กล้า ราชาวดี เปี๊ยกอยู่ในกระท่อมได้ยินเสียงกระถินถึงกับเครียด
“ตำรวจ”
กล้ารีบทำสัญญาณให้ทุกคนเงียบ แล้วแอบดูผ่านทางช่องผนังของกระท่อมทันที กล้าเห็นตำรวจกำลังคุยกับกระถินอยู่ที่หน้ากระท่อม
“ในบ้านหนูไม่มีใคร หนูอยู่คนเดียว ไปดูที่ท้ายสวนเถอะจ๊ะ” สารวัตรรู้ทัน
“ได้ แต่น้าขอดูในบ้านหนูก่อน”
สารวัตรพูดจบก็เดินตรงเข้ามาทางประตูกระท่อมทันที กล้าหันกลับมา คิดเครียด

กระถินร้อนใจคิดหาทาง แต่ไม่ทัน สารวัตรเดินไปถึงหน้ากระท่อมแล้วผลักประตูกระท่อมเข้าไป สารวัตรเปิดประตูเข้ามา มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร มีแต่มุ้งทั้งสองที่ยังไม่ได้เก็บ เพียงแค่ม้วนขึ้นจากพื้นเท่านั้น
กล้ากับราชาวดีและเปี๊ยกแอบอยู่ใต้หน้าต่างนอกกระท่อมอย่างลุ้นระทึก สารวัตรเดินไปดูมุ้งที่ยังถูกกางอยู่ “ไหนว่าอยู่คนเดียว”
กระถินทำเศร้า
“นั่นของแม่หนู แม่หนูเพิ่งตาย พ่อหนูก็หนีไปมีเมียใหม่ น้าไม่เชื่อลองถามชาวบ้านแถวนี้ดูก็ได้”
กระถินร้องไห้ บีบน้ำตา สารวัตรมองอย่างรำคาญ
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องไห้ ไป ออกไปดูที่ท้ายสวน”
สารวัตรพาลูกน้องเดินกลับออกไปจากกระท่อม
กล้า ราชาวดี เปี๊ยก ต่างโล่งอก สารวัตรกับตำรวจเดินออกมาหน้ากระท่อม กระถินตามเข้ามา รีบบอก
“ทางนี้จ๊ะ หนูจะพาไปที่ท้ายสวนเอง”
กระถินเดินนำไปทางท้ายสวนซึ่งเป็นคนละฝั่งกับที่กล้าแอบอยู่
กล้าค่อยพาราชาวดีกับเปี๊ยกย่องออกไป เปี๊ยกตามรั้งท้ายมือพลาดไปโดนกระถางที่วางอยู่บนโอ่งข้างบ้าน หล่นลงมาแตก เพล้ง! เปี๊ยกตกใจ หน้าซีด กล้ากับราชาวดีถึงกับเครียด
สารวัตรได้ยินเสียงจึงหยุดชะงัก
“เสียงนั่น ตามฉันมา เร็ว”

ทั้งหมด วิ่งกลับไปที่กระท่อมทันที กระถินเครียด วิ่งตามไปด้วย

สารวัตรวิ่งกลับมาที่กระท่อมจึงเห็นกระถางที่แตกอยู่ แต่ไม่เห็นใครจึงมองหาเห็นพวกกล้ากำลังพากันวิ่งหนีไปทางท่าน้ำ สารวัตรตะโกนบอกลูกน้อง

“ทางโน้น”
แล้วรีบวิ่งตามไปทันที

พวกกล้าวิ่งหนีมาถึงท่าน้ำ ไม่มีเรือจอดอยู่ กล้าพยักหน้าให้ราชาวดีกับเปี๊ยกแล้วนำทุกคนกระโดดน้ำทันที
พวกตำรวจรีบวิ่งเข้ามาที่ท่าน้ำ สารวัตรมองหารอบๆ แต่ไม่เจอกล้าแล้ว
“มันหายไปไหนวะ”
“รึว่ามันหนีข้ามฝั่งไปแล้วครับ”
“ได้ไงวะ”
ที่ใต้บันไดที่ทอดลงท่าน้ำจะเห็นฟองอากาศผุดขึ้นนิดๆ เปี๊ยกทนไม่ไหวโผล่หน้าขึ้น มือกล้ากดหัวเปี๊ยกลงอีกสารวัตรมองรอบๆ หน้าเครียด กระถินตามเข้ามา รีบหลอกล่อ
“น้าๆ ตะกี้หนูเห็นพวกมันวิ่งเลียบคลอง ข้ามสะพานไปฝั่งโน้นแล้วจ๊ะ”
“ขอบใจนังหนู เร็ว”
สารวัตรรีบพาลูกน้องวิ่งออกไป กระถินมองจนตำรวจลับไป แล้วเดินไปที่บันไดที่ทอดลงน้ำ
“พี่ๆ อยู่ไหนจ๊ะ ปลอดภัยแล้ว”
กระถินกระซิบเรียก กล้า ราชาวดี เปี๊ยก โผล่ขึ้นจากน้ำ รีบว่ายออกมาที่บันไดแล้วรีบหายใจกันใหญ่ กระถินเห็นก็ยิ้มโล่งอก

ที่กองปราบปราม ภูมินทร์โวยผู้บังคับการอย่างไม่พอใจที่ปล่อยให้กล้าหนีไปได้
“ทำยังไงให้มันหนีไปได้ ฝีมือพวกคุณมีแค่นี้เองเหรอแล้วจะให้ผมเสียภาษีไปทำไม เรื่องนี้ต้องถึงท่านอธิบดีแน่”
“ใจเย็นๆ นะครับพ่อเลี้ยง ผมเข้าใจว่าคุณเป็นผู้เสียหายแต่ทางเราก็ดำเนินการกันอย่างเต็มที่แล้ว อย่างที่คุณเห็น พวกคนร้ายพวกนี้มันไม่ใช่ธรรมดา”
“อ๋อ คุณจะบอกว่าเพราะพวกมันเหาะเหินเดินอากาศได้ คุณก็เลยไม่มีปัญญาจับมัน ได้ งั้นผมคงต้องไปพึ่งพวกพ่อมดหมอผีแล้วละ ไป กลับ”
ภูมินทร์โมโห หันออกจะกลับ แต่ชะงัก สีหน้าเครียดเมื่อเห็นนุกูลที่ใส่เผือกขาข้างหนึ่งใช้ไม้ค้ำเดินผ่านหน้าห้องไป โดยมีตำรวจประกบ คมรีบกระซิบภูมินทร์
“นั่นเพื่อนไอ้กล้าครับนาย”
“ฉันจำมันได้ ถ้าจะขอคุยกับเพื่อนนายกล้า คุณคงไม่ว่าผมใช่ไหม ผมจะลองเกลี้ยกล่อมมันดู”
ผู้บังคับการอึดอัด จำยอม
“5 นาทีเท่านั้นนะครับ”

นุกูลนั่งเศร้าอยู่ในห้องสอบสวน ซึ่งมูลี่ถูกลดปิดลงมาหมด ไม่เห็นภายนอก ภูมินทร์เปิดประตูเข้าห้องมากับคม นุกูลเห็นภูมินทร์ก็ลุกขึ้น ชี้หน้าแค้น ตำรวจที่คุมจับตัวไว้
“ไอ้ภูมินทร์! แก! แกฆ่าพ่อฉัน”
ภูมินทร์มองนุกูลเหยียดๆ
“เฮ้ย ใจเย็นน่า อะไร ฉันไม่เกี่ยวกับการตายพ่อแกซักนิด พ่อแกฆ่าตัวตาย เพราะกลุ้มใจที่แกไปคบไอ้โจรกล้าต่างหาก”
“พี่กล้าเป็นคนดี แกต่างหากที่เป็นโจร”
“ถ้าแกยังไม่อยากเป็นโจรไปอีกคน ฉันจะให้ตำรวจกันแกเป็นพยาน แค่แกบอกฉันว่าไอ้กล้ามันหนีไปซ่อนอยู่ที่ไหน”
นุกูลถุยน้ำลายใส่
“ถุย!ไม่มีทาง”
ภูมินทร์เช็ดน้ำลาย มองนุกูลอย่างแค้นๆ
“แกเลือกเองนะไอ้เป๋ ต่อไปนี้จะมาโทษฉันไม่ได้”
ภูมินทร์เดินออก นุกูลอาละวาด แค้นภูมินทร์

“ไอ้ภูมินทร์ ไอ้ชั่ว แกต้องไม่ตายดี จำไว้ ไอ้ชั่ว! ฉันจะแก้แค้น จะฝึกวิชาไปฆ่าพวกแก”
ตำรวจจับนุกูลคว่ำกับโต๊ะ

ส่วนที่กระท่อมกระถินกล้ากับราชาวดีนั่งรอข่าวจากเปี๊ยกหน้าเครียด กระถินมองด้วยความเห็นใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนเงียบ กล้าพยักหน้าให้กระถิน กระถินไปแอบหลังประตูแล้วถาม

“ใครน่ะ”
“ฉันเอง”
ทุกคนโล่งอก กระถินเปิดประตู เปี๊ยกที่โพกหัวพรางตัวกลับเข้ามาถอดผ้าโพกหัวออก กล้ารีบเข้าไปถามข่าว
“เป็นไงบ้าง ได้ข่าวอะไรคืบหน้าบ้างไหม”
เปี๊ยกพยักหน้ารับหน้าเศร้า
“จ่าลุยตายแล้วพี่”
กล้ากับราชาวดีอึ้ง
“ฮะ”
“ผมเห็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่ร้านข้าวน่ะพี่ เค้าเขียนว่าฆ่าตัวตาย” กล้าเครียด
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” กล้ากำหมัดแน่น น้ำตาร่วง “ไอ้ภูมินทร์แน่ๆ ไอ้เลว”
ราชาวดีรีบห้าม
“อย่านะคะพี่กล้า ถ้าทำแบบนั้นน้ากระเต็นจะเสียใจแค่ไหนรู้ไหม ยังมีคนที่รักที่ห่วงพี่กล้าอยู่อีกมากนะคะ”
“ใช่ๆ พี่สอนหนูเองไม่ใช่เหรอว่าให้รักษาความดีของเราเอาไว้”
กล้าพยายามข่มอารมณ์ กุมศีรษะ น้ำตาคลอ
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง แต่ตอนนี้ไอ้ภูมินทร์มันเหมือนหมาบ้า มันไม่หยุดแน่จนกว่าจะได้ตัววดีกลับไป เดี๋ยว ถ้าครั้งนี้เป็นลุงจ่า คราวต่อไปจะเป็นใคร...แย่แล้ว”
กล้ามองเปี๊ยก เปี๊ยกนึกรู้ทันที
“แม่พี่งั้นเหรอ”
ราชาวดีกับกระถินเครียด กล้ากังวลมากเป็นห่วงว่าแม่อาจตกอยู่ในอันตราย

ห้องพระบ้านกระเต็น ห่อผ้าบรรจุกระดูกของยิ่งยศวางอยู่ใกล้กับพานวางตะกรุดสามกษัตริย์ ถูกมัดปากห่อไว้อย่างแน่นหนา หาญนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่กลางห้องแต่ภาพศรีแพรแว่บเข้ามาตลอดจนหาญต้องลืมตาไม่มีสมาธิ ก้มลงกราบพระ แล้วเอามือปัดดับเทียนแต่ไปถูกพานกระดูจะหล่นจนต้องรีบคว้าไว้
“กระดูกคนตายจะเอาไปทำอะไรได้”
คำพูดกระเต็นแว่บเข้ามาทำให้ หาญคิดออกแล้วว่าจะเอากระดูกยิ่งยศไปทำอะไร

วันต่อมาจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนพานในห้องพระ กระเต็นหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านด้วยความแปลกใจ
ขณะนั้นหาญถือห่อผ้าที่บรรจุกระดูกยิ่งยศเดินลุยป่าไปตามทางรกชัฏ ท่าทางหาญอ่อนหล้า
“ข้าจะเข้าป่าอาถรรพ์ เพื่อหาคนมาช่วย รักษาตัวด้วย”
กระเต็นสงสัยว่าหาญจะไปพาใครมาช่วย ทันใดเสียงออดก็ดังขึ้น
กระเต็นเปิดประตูรั้วออกมาเจอตำรวจยืนรออยู่
“มีธุระอะไรเหรอคะคุณตำรวจ”
“เราเจอตัวผู้การสุพจน์แล้วครับ ตอนนี้ท่านอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านอยากพบคุณกระเต็น”
“จริงเหรอคะ ขอดิฉันเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวจะขับตามไป”
“เสียเวลาน่ะครับ ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า”
กระเต็นรู้สึกผิดสังเกต
“งั้นขอฉันปิดบ้านก่อน”
คมมาทางด้านหลังเอาปืนจี้เอวกระเต็นไว้
“ไม่ต้องปิดบ้านหรอกครับคุณนาย แถวนี้ไม่มีขโมย” คมยิ้มเยาะ “มีแต่โจร”
“พวกแก”
คมใช้ปลายกระบอกปืนดันกระเต็นให้เข้าไปนั่งในรถตำรวจ ขณะนั้นรักยมอยู่บนต้นไม้
“แม่”
รักยมเคลื่อนตัวพุ่งไปที่คมจะบีบคอ แต่แล้วกลับเกิดแรงสะท้อนผลักรักยมกระเด็นกลิ้งไป
“โอ๊ย”
คมหันมองเหี้ยม ยิ้มเยาะ ที่คอคมห้อยตะกรุดอยู่ คมขึ้นรถ รถเคลื่อนออกไป

กล้าแอบอยู่หน้าบ้านตัวเองแล้วมองเข้าไปในบ้าน แต่บรรยากาศเงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ ที่ประตูรั้วบ้าน ถูกแง้มอยู่
“พี่ว่ามันแปลกๆ แล้วล่ะ”
กล้าบอกกับเปี๊ยกแล้วคว้าท่อนไม้ที่พื้น พยักหน้าให้เปี๊ยก แล้วนำออกไป

กล้าเดินนำเปี๊ยกเข้ามาอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป กล้านำเปี๊ยกเดินย่องเข้ามา เหมือนมีใครแอบมองอยู่แล้วเคลื่อนตัวไปหาพวกกล้าจากทางด้านหลัง กล้ารู้สึกได้ผลักเปี๊ยกหันขวับฟาดไม้ลงไปทันที กล้าฟาดทะลุร่างรักและยม วืดไป เปี๊ยกเห็นก็ตาโต กลัวรีบหลบหลังกล้า
“รัก ยม” กล้าบอก
“จ๊ะ พวกหนูเอง” กล้ารีบถามต่อ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมบ้านถึงเงียบแบบนี้” ยมร้อนใจรีบบอกกล้า
“พี่กล้า พี่กล้าไปช่วยแม่ที แม่ถูกเอาตัวไปแล้วพี่กล้า”
“อะไรนะ แล้วทำไมเราไม่ช่วยแม่”
“มันมีตะกรุดป้องกันตัว พวกหนูสู้ไม่ได้”
“ไอ้ภูมินทร์ ไอ้เลว” กล้าแค้นมาก
“นี่เรามาช้าไปเหรอพี่”
กล้าเครียด ร้อนใจถามรักยมต่อ
“แล้วปู่กับศรีแพรล่ะ อยู่ที่ไหน”
“พี่คนสวยหนีออกจากบ้าน ส่วนปู่ก็ออกไปไหนไม่รู้จ๊ะ”

กล้าเครียดจัด

กระเต็นถูกนำตัวมาที่ปางไม้ของภูมินทร์ คมผลักกระเต็นเข้ามาในห้องๆ หนึ่งที่ภูมินทร์ยืนรออยู่แล้ว

“แกจับฉันมาทำไม ต้องการอะไร”
“คุณนายต้องอยู่ที่ปางไม้นี่สักพักจนกว่าไอ้กล้ามันจะยอมโผล่หัวออกจากกระดองมา แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมรับรองว่าจะเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี”
“หึ ในที่สุดแกก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้”
“ถ้าไอ้กล้ามันไม่ใช้วิธีสกปรกชิงตัวเจ้าสาวของผมไป คุณนายก็ไม่ต้องเดือดร้อนอย่างนี้หรอก”
“วิธีสกปรก นั้นมันสันดานแกไม่ใช่เหรอ”
ภูมินทร์โมโหตบหน้ากระเต็น
“สงบปากสงบคำของแกไว้เถอะ”
กระเต็นหัวเราะสะใจ
“แกนับถอยหลังไว้ได้เลย กรรมมันจะตามสนองสักวัน ฉันขอสาปแช่งแก ไอ้ชาติชั่ว”
“เอามันไปขังไว้”
สมุนลากกระเต็นออกไป ภูมินทร์มองตามหน้าเครียด

ที่ทางเข้าปางไม้ภูมินทร์มีสมุนเดินตรวจตราอย่างแข็งขัน อาวุธครบมือ ประตูรั้วปิดไว้ไม่ต้อนรับผู้คน ขุนโชติและเสือไทย่นระยะทางปรากฎตัวขึ้นด้านนอก สมุนแปลกใจเพราะไม่รู้จัก
“พวกแกเป็นใคร”
“วาจาสามหาวนัก พวกเอ็งไม่รู้จักพวกข้ากระนั้นรึ ไปตามไอ้ภูมินทร์มารับพี่โชติของข้า”
“พูดเพ้อเจ้ออะไร พ่อเลี้ยงสั่งไว้ไม่ต้อนรับใครทั้งนั้นถ้าไม่อยากตายก็กลับไปซะ”
ขุนโชติตวัดดาบฟันฉับ รั้วที่กั้นไว้ขาดกระจุย แล้วพุ่งเข้าหาสมุนคนที่พูดกางกงเล็บจระเข้จิกบนกระหม่อมแล้วกระชาก
“อ๊าก”
หัวของสมุนคนนั้นลอยกระเด็นไป สมุนทั้งหมดตกใจ กระหน่ำยิงขุนโชติกับเสือไทแต่กระสุนไม่ระคายผิว
“หึหึ ข้ากำลังร้อนวิชาอยู่พอดี”
ขุนโชติร่ายคาถา เป่ามนต์ใส่กงเล็บแล้วสะบัดออกไป เล็บจระเข้นับสิบพุ่งกระจายออกไปปักบนหน้าสมุน ทันใดไฟก็ลุกท่วมตัวสมุนทั้งหมด วิ่งหนี ร้องโหยหวน ขุนโชติกับเสือไทหัวเราะสะใจ
ภูมินทร์กับคมรีบออกมาหน้าบ้านพัก สีหน้าเครียดเพราะเสียงปืน
“เสียงปืนมาจากไหน”
ทันใดเสียงระเบิดก็ดังขึ้น ควันดำลอยสูงอยู่ตรงทางเข้าปางไม้ สมุนวิ่งกระหืดกระหอบในสภาพบาดเจ็บ หนีตายมา
“มีคนบุกมาที่ปางไม้เราครับนาย”
“ผมจะไปจัดการมันเอง”
คมชักปืน ทันใดอาจารย์ยอดก็โผล่ขวางหน้าไว้
“เอ็งจะไปรนหาที่ตายทำไมวะ”
“อาจารย์ยอด อาจารย์หลบไปอยู่ไหนมา แล้วเสี่ยไพบูลย์ล่ะ”
“เสี่ยไพบูลย์มันตายแล้ว ดีที่ข้าได้ขุนโชติช่วยชีวิตไว้”
“ขุนโชติ งั้นระเบิดเมื่อกี้”
“ฮ่าๆๆ” ขุนโชติกับเสือไทปรากฎร่างขึ้นด้านหลังภูมินทร์ ภูมินทร์ตกใจ “ฝีมือข้าเอง ข้าแค่สั่งสอนพวกมดปลวกโง่เง่า ฮ่าๆๆ”

ชายคนหนึ่งถูกผลักให้เดินไปตามทาง ประตูห้องขังของกระเต็นถูกเปิดออก ชายคนนั้นถูกดันตัวเข้าไปข้างใน กระเต็นตะลึง ดีใจ เมื่อเห็นหน้าชายที่ถูกดันเข้ามา
“คุณพจน์ คุณยังไม่ตาย”
“คุณเต็น ผมดีใจจริงๆ คิดว่าจะไม่มีโอกาสเจอคุณอีกแล้ว”
“ฉันเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม ก็รู้ว่าอันตรายคุณจะทำทำไมกัน”
“ผมพยายามทัดทานแล้วว่าจะสู้พวกมันไม่ได้ พวกผู้ใหญ่ก็ไม่เชื่อ จนดำกับลูกน้องผมถูกฆ่าตายหมด ไม่คิดเลยว่าพวกมันก็จับคุณมาเหมือนกัน คุณไม่ได้บาดเจ็บอะไรใช่มั้ย”
“ฉันอยากให้มันฆ่าฉันซะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเลวร้ายอะไรอีก”
“ไม่ได้นะ คุณตายไม่ได้ ผมไม่ยอม”
ทั้งคู่มองตากัน นิ่งนิดนึง กระเต็นรู้ว่าสุพจน์ชอบแต่ทำเป็นไม่รู้มาตลอด อาจารย์ยอดกับภูมินทร์ตามเข้ามาสมทบ
“ไม่ต้องห่วง เอ็งสองคนไม่ตายง่ายๆ หรอก”

ขุนโชติกับเสือไทตามเข้ามาด้วย สมุนเข้าไปดึงกระเต็นกับสุพจน์ให้แยกออกห่างกัน
“จะทำอะไร”

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 11 (ต่อ)

ภูมินทร์สบตาอาจารย์ยอด  อาจารย์ยอดเทน้ำเปล่าลงแก้วใส ร่ายมนต์  เป่าคาถา ทันใดน้ำเปล่าในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีดำ คมรับแก้วน้ำจะกรอกปากกระเต็น กระเต็นดิ้นไม่ยอมแต่ถูกล็อกตัวไว้แน่น
“ปล่อยฉันๆ  ฉันไม่กิน”
คมบีบปากกระเต็นแล้วกรอกน้ำหมดแก้วจนกระเต็นสำลัก พิษสีดำแผ่กระจายไปตามเส้นเลือดทั่วร่างกระเต็น
ทำให้กระเต็นหมดเรี่ยวแรง
“แกเอาอะไรให้ฉันกินเนี่ย”
“หึหึ  ยาสั่งตายยังไงล่ะ”
ภาพสมุนที่ตำหนักอาจารย์ยอดล้มตายเพราะฤทธิ์ยาสั่งตายแว่บเข้ามา สุพจน์จำได้  ตกใจ
“ทำอย่างนี้ทำไม  พวกแกต้องการอะไร”
“ฉันต้องการตัวไอ้กล้า แกมีเวลาสองวันที่จะเอามันมาให้ฉันแลกกับชีวิตคุณนายนี่”
“คุณพจน์อย่าไปฟังมันนะคะ  ไอ้ยาบ้าบออะไรเนี่ยทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ปากดีแท้  ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าเอ็งจะปากดี ไปได้สักแค่ไหนกัน”
อาจารย์ยอดกางมือออกแล้วทำท่าบิด พิษสีดำเริ่มทำงาน  กระเต็นปวดไปทั้งตัวถึงกับทรุด
“โอ๊ย”
“หยุด หยุดได้แล้ว”
“ชีวิตของคุณนายกระเต็นจะเป็นหรือตาย ก็อยู่ในกำมือแกแล้วนะท่านผู้การ”
“ไอ้พวกนี้มันไม่เคยมีสัจจะ อย่าเชื่อมันนะ”
“ข้านี่แหละคือสัจจะ  ถ้าใครผิดคำพูด ข้าจักเป็นคนบั่นหัวมันเอง”
ขุนโชติบอก ภูมินทร์สบตาอาจารย์ยอด
“ในเมื่อท่านขุนโชติออกหน้า ใครเลยจะกล้าผิดคำพูด ถ้าเอ็งเอาตัวกล้ามาได้  พวกข้าก็จะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป”
สุพจน์ลังเล ตัดสินใจ
 
ช่องอากาศแหวกออกที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์  หาญย่นระยะทางมาถึงก็หมดแรงเพราะใช้พลังไปเยอะ เบื้องหน้าหาญเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห่อผ้ากระดูกสีดำของยิ่งยศถูกแกะอก หาญโยนกระดูกทั้งหมดลงไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วใช้มีดอาคมเชือดที่แขนตัวเองให้เลือดไหลลงไปในบ่อ ก่อนจะว่าคาถาปลุกชีพ
เสียงหาญร่ายคาถา หาญเหงื่อตก หน้าซีด เพ่งกระแสจิตเพื่อทำพิธี
ที่ก้นบ่อ เลือดของหาญไหลวนเป็นสายลงไปผนึกในกระดูกของยิ่งยศ หาญว่าคาถาจบ รวบรวมลมปราณสุดท้าย  เป่ามนต์ออกไป  จู่ๆ หาญก็ทรุดลงกองกับพื้น หมอกควันลอยมารวมกันจากทุกสารทิศ  ทันใดร่างๆ หนึ่งค่อยๆ โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา หาญนอนอยู่ที่พื้น สะลึมสะลือจึงเห็นภาพยิ่งยศเบลอๆ เข้ามาจ้องมอง หาญยิ้มอย่างอ่อนแรงก่อนจะหมดสติไป
 
กล้ากับเปี๊ยกเดินเข้ามา กำลังจะกลับไปที่กระท่อมกระถิน กล้าคิดเครียดเป็นห่วงแม่มาก ในมือถือปืนมาด้วย
กล้าหยุดแล้วบอกเปี๊ยก
“เปี๊ยก แกไปอยู่ดูแลวดีกับกระถิน พี่จะกลับไปช่วยแม่”
“แต่เรายังไม่รู้เลยนะพี่ว่าพวกมันเอาตัวแม่พี่ไปซ่อนไว้ไหน”
“มันมีไม่กี่ที่หรอก ถ้าไม่อยู่ที่กรุงเทพ ก็ต้องที่ปางไม้ของมันแน่”
เปี๊ยกเป็นห่วงจึงท้วง
“ให้ผมไปด้วยเถอะพี่ พวกมันตั้งเยอะ ถึงพี่ได้ปืนมาจากที่บ้านแล้ว แต่พี่คนเดียวจะสู้ยังไง”
“ไม่ได้ แกต้องอยู่ที่นี่ คอยคุ้มกันพวกวดีเอาไว้ พี่รู้ว่ามันเสี่ยง แต่ถึงเวลาแลกก็ต้องแลก ตายเป็นตาย”
“แต่วดีไม่ให้ใครตายทั้งนั้น”
กล้ากับเปี๊ยกหันไป เห็นราชาวดีที่แอบฟังเดินเข้ามา
            “วดี”
“นี่ถ้าวดีไม่ออกมาตามหา วดีก็คงจะไม่เจอพี่กล้าอีกแล้วใช่ไหม”
ราชาวดีมองกล้า น้ำตารื้น เปี๊ยกเห็นท่าไม่ดี            
“เอ่อ ฉันขอตัวไปอยู่กับกระถินนะพี่นะ”
เปี๊ยกชิ่งออกไปทันที กล้ารีบอธิบายกับราชาวดี
“วดีฟังพี่ก่อนนะ”
“ไหนว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน แล้วนี่อะไร  ไหนคำสัญญาลูกผู้ชายที่พี่ให้ ในที่สุดวดีก็ไว้ใจคนผิด”
ราชาวดีน้ำตาร่วง ปาดน้ำตา แล้ววิ่งหนีออกไปทางท่าน้ำ
            “วดี”
กล้ารีบเดินตามไปทันที

ราชาวดีเดินหนีมาที่ท่าน้ำ กล้าตามเข้ามา ดึงแขนเอาไว้
“วดี ฟังพี่ก่อนนะ”
“ไม่ค่ะ  พี่กล้าจะทำอะไรก็ตามใจเถอะ วดีไม่ห้าม”
ราชาวดีสะบัดแขน จะเดินหนีอีก กล้าเข้ามาขวาง จับแขนทั้งสองไว้
“วดี เข้าใจพี่นะ แม่พี่ถูกจับไป พี่ต้องรีบไปช่วย”
“แล้วพี่กล้าคิดว่าจะสู้พวกมันได้เหรอ พ่อเลี้ยงมีกำลังมากมายขนาดไหน วดีรู้ดี  เราเสียจ่าลุย โป้ง  ป๋องไปแล้ว  หรือต้องให้สูญเสียใครไปมากกว่านี้อีก” กล้าได้ยินก็อึ้ง
“วดี” กล้าโดนคำพูดที่แทงใจดำเข้า ก็ทรุดตัวนั่งลงที่บันไดท่าน้ำ คิดเครียด  “ใช่  วดีพูดถูก เพราะพี่ เพราะพี่คนเดียว ทุกคนถึงต้องเดือดร้อนกันไปหมด”
ราชาวดีเข้ามานั่งข้างๆ
“พี่กล้า วดีขอโทษที่ต้องพูดแรงแบบนี้ แต่ก็เพื่อเตือนสติพี่ วดีทนไม่ได้อีกแล้วที่เราต้องจากกันอีก วดีสูญเสียพ่อไปแล้ว ตอนนี้วดีมีพี่กล้าคนเดียวเท่านั้น  ถ้าต้องตาย วดีก็ขอตายกับพี่”  
กล้ากอดราชาวดีซาบซึ้งใจ
“ขอบใจวดีที่เตือนสติพี พี่จะหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อคนที่พี่รัก”
ราชาวดีพยักหน้ารับ กล้าค่อยๆ บรรจงหอมที่หน้าผากราชาวดี ทั้งสองสบตาราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดได้สื่อถึงกันและกัน กล้าค่อยๆ โน้มตัว และจูบลงที่ริมฝีปากราชาวดีด้วยความรักทั้งหมดที่มี ราชาวดีจูบตอบด้วยความรัก ท่ามกลางแสงจันทร์
 
วันต่อมาที่บ้านจุก ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร จุกย่องเข้ามาที่หน้ารั้วบ้าน กล้าแอบอยู่เห็นจุกกำลังร้อนรนมองซ้ายขวารีบไขกุญแจรั้ว กล้าจึงออกจากที่ซ่อนก้าวเข้ามาหาจุก จุกเหลือบไปเห็นคนเข้ามารีบทิ้งกุญแจ แล้ววิ่งหนี กล้าวิ่งไล่ตาม
กล้าวิ่งตามมาทันรวบตัวจุกไว้
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันไม่มีให้จริงๆ
จุกดิ้น เพราะกล้าใช้ผ้าขาวม้าโพกหน้าไว้จุกจึงจำไม่ได้
“น้าจุก ผมเอง”
จุกหยุดดิ้น คุ้นเสียง หันไป กล้าดึงผ้าโพกหน้าออก จุกเห็นเป็นกล้าก็ดีใจ
“กล้า”
 
            จุกพากล้าเข้ามาคุยในบ้าน
“น้าก็ได้ข่าวของกล้าอยู่เหมือนกัน อยากจะไปหาพี่เต็นแต่ตอนนี้น้าเองก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว”
“ที่มานี่ ผมมีเรื่องอยากขอให้น้าช่วย”
“เฮ้ย แต่น้าไม่มีตังค์ให้ยืมหรอกนะ โดนม้ามันกินจนหมดตัว ตอนนี้พวกนักเลงมันตามทวงหนี้ตลอดเลย” จุกรีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่เรื่องนั้นน้า แม่ถูกพวกไอ้ภูมินทร์จับตัวไป”
“ฮะ”
“ยังไงผมก็ต้องช่วยแม่ให้ได้ แต่พวกมันทำลายยันต์ในตัวผมไปหมดแล้ว ผมอยากให้น้าช่วยปลุกยันต์เกราะเพชรให้ มันเป็นทางเดียวที่ผมจะใช้สู้กับพวกมันได้”
“ขอโทษนะกล้า น้ามันแมงโม้ซะเยอะ ไอ้ปลุกเปลิกยันต์น่ะ จริงๆ น้าทำไม่เป็นหรอก อีกอย่างคนที่ปลุกยันต์นี้ให้กล้าได้ก็มีอยู่แค่สองคนเท่านั้น” จุกบอกเสียงอ่อย กล้ารีบถาม
“ใครกันครับน้า”
“ก็ปู่สองคนของเรานั่นแหละ น้าหาญ กับ ผู้การยิ่งยศ”
กล้าได้ยินก็คิดเครียด เพราะยิ่งยศก็ตายไปแล้ว ส่วนหาญก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
 
ขณะนั้นหาญสลบอยู่ในถ้ำ
“ไอ้หาญ ไอ้หาญ” หาญค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาจึงเห็นยิ่งยศอยู่เบื้องหน้า ยิ่งยศกำลังเรียกหาญให้ได้สติ “แกฟื้นสิ ไอ้หาญ”
ภาพยิ่งยศชัดเจนขึ้น ท่อนบนเปล่าเปลือยไม่มีรอยสักใดใด หาญอ่อนแรงมากแต่ก็ดีใจ
“ไอ้ยิ่ง”
 
หาญนั่งสมาธิเรียกพลัง สูดลมหายใจ  ยิ่งยศใส่เสื้อกางเกงที่หาญเตรียมมาให้แล้วเดินเข้ามาหา
“แกน่าจะเอาเครื่องแบบมาให้ฉันใส่นะ แต่งแบบนี้มันแปลกๆ ว่ะ”
“ถ้าที่กองปราบเห็นแก คงวิ่งป่าราบ”
“แกคงไม่ได้ชุบชีวิตฉันขึ้นมาเพื่อปราบโจรหรอกนะ  ทำไมวะตำรวจสมัยนี้มันไม่มีน้ำยาเลยหรือไง”
“ฉันต้องการให้แกมาช่วยหลานของเรา”
“แกหมายถึงลูกของเพชร” หาญพยักหน้า
“กล้า หลานชายของเราถูกคนชั่วใส่ร้าย ตอนนี้กลายเป็นขุนโจรที่ทางการหมายหัวไปแล้ว”
“คนชั่วนั่นเป็นใคร”
“ขุนโชติ  แห่งทุ่งพระกาฬ”
“อะไรนะ  ขุนโชติเป็นโจรสมัยรัชกาลที่ห้าโน่น  พูดเป็นเล่น”
“มันเองก็ถูกชุบชีวิตขึ้นมาเหมือนแกนั่นแหละ เรื่องมันยาว แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง  แต่ตอนนี้เราต้องทำพิธีนารายณ์เคลื่อนจิตก่อน” ยิ่งยศงง

หาญกับยิ่งยศต่างหลับตานั่งสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน สักพักภาพเคลื่อนเป็นวงกลมรอบตัวคนทั้งสอง
“แกถูกล้างอาคมไปจนสิ้น ส่วนฉันเองพลังก็กำลังลดถอยลงเรื่อยๆ ตอนนี้มีทางเดียวเท่านั้นที่เราจะช่วยกล้าได้” เสียงสวดคาถาของทั้งสองคนดังประสานกันขึ้นมา “ฉันจะผนึกจิตแกเข้ากับร่างของฉัน ฉันจะถ่ายทอดสรรพวิชา
ที่มีให้กับแก”
วิญญาณของทั้งหาญและยิ่งยศในท่านั่งสมาธิเคลื่อนออกจากร่างหมุนสลับที่กัน ใบหน้าหาญซ้อนอยู่บนใบหน้ายิ่งยศ
จิตยิ่งยศเคลื่อนออกจากร่างหาญสลับกับจิตหาญที่เคลื่อนออกจากร่างยิ่งยศ จะเห็นว่าเหงื่อผุดพรายอยู่เต็มใบหน้าหาญ หาญลืมตาขึ้นดูอ่อนแรง ยิ่งยศลืมตาขึ้นแววตาดูมีพลัง กล้าแข็งขึ้นพอเห็นหาญอ่อนแรงก็เป็นห่วง
“ไอ้หาญ ฉันว่าพอก่อนเถอะ แกจะไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ได้ไอ้ยิ่ง เรารอไม่ได้อีกแล้ว แกมีอาคมของฉัน แต่มันยังไม่พอ รอยสักของฉัน แกต้องใช้มัน”
“หาญ แต่แกจะไม่เหลืออะไรเลย”
“ฉันไม่เป็นไร เชื่อฉัน ใช้คาถามงกุฏแก้ว”
ยิ่งยศหนักใจ พยักหน้ารับ แล้วหลับตา พนมมือ ร่ายคาถา
“อหินะโมพุทธายะ อนุภาเวนะฯ”
ร่างกายของหาญที่นั่งเอามือทั้งสองวางบนเข่าและหงายมือขึ้น ก็สั่นเทิ้ม รอยสักในตัวหาญขยับ รอยสักของหาญค่อยๆ เคลื่อนไหลมารวมกันที่แขน ก่อนจะไหลออกทางนิ้วมือทั้งหมด หาญร่างสั่นเทิ้มไหวเอน
ลายสักยันต์และอักขระทั้งหมดในร่างหาญลอยเข้าสู่ตัวของยิ่งยศ ตัวของยิ่งยศเรืองแสงวูบหนึ่ง ยิ่งยศลืมตาขึ้น รอยสักของหาญปรากฏบนตัวของยิ่งยศทั้งหมด หาญอ่อนแรงอย่างมากเอามือยันพื้นไว้ มองยิ่งยศด้วยความพึงพอใจ

วันต่อมาจุกหอบกระเป๋าเสื้อผ้าย่องออกจากรั้วบ้าน มองซ้ายมองขวา ล็อคกุญแจ มือสุพจน์จับที่ไหล่จุก จุกสะดุ้ง กุญแจร่วง
“ยะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะจ๊ะ ฉันไม่มีตังค์ ใช้หนี้จริงๆ พี่ๆอยากได้อะไรก็เข้าไปเอาของในบ้านฉันได้เลย”
“จุก ฉันเอง”
จุกคุ้นเสียง ค่อยๆ หันหน้าไปดู เห็นเป็นสุพจน์ก็โล่งอก
“โธ่! นึกว่าใคร นี่เรียกกันดีดีไม่ได้รึไง ทำไมชอบทำให้ไอ้จุกตกใจกันนักเนี่ย ช่วงนี้ยิ่งขวัญอ่อนอยู่ด้วย”
“อย่าเพิ่งบ่นเลยน่า กล้าได้มาหาบ้างรึเปล่า”
คมแอบดูจุกกับสุพจน์คุยกันจากมุมลับตา จุกมองรอบๆ อย่างระแวง ที่มุมลับตาจะเห็นเงาคมรีบหลบวูบไป “นี่ผู้การฯคงไม่ได้พาพวกมาตามจับกล้าหรอกนะ” สุพจน์อึ้ง “ผมขอร้องอย่าจับกล้ามันเลยนะ กล้าบอกผม
เมื่อคืนแล้วว่าเรื่องทั้งหมดน่ะถูกไอ้ภูมินทร์ใส่ร้าย เค้าไม่ได้ทำเลย”
สุพจน์ได้ยินก็รีบถามต่อ
“นี่กล้ามาหาเมื่อคืนงั้นเหรอ”
“ใช่ กล้าร้อนใจมากเรื่องที่พี่เต็น จริงสิ ผู้การฯ รู้เรื่องที่พี่เต็นถูกจับไปรึยัง” สุพจน์อึกอัก
“เออ เรื่องนั้น ไม่ต้องห่วงนะ คุณเต็นอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว” จุกโล่งอก “แล้วตกลงจุกรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้กล้าอยู่ที่ไหน”
จุกพยักหน้ารับ สุพจน์ตั้งใจฟังว่าที่ไหน

ที่กระท่อมกระถิน เปี๊ยกกำลังถามกล้าอย่างเป็นกังวล
“ทำแบบนี้จะดีเหรอพี่กล้า”
“ยังไงพี่ก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าแม่ปลอดภัย แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะไม่วู่วามทำอะไรโง่ๆ แน่ แกพากระถินกับวดีไปอยู่ที่อื่นก่อนน่ะดีแล้ว แล้วถ้าเค้าถามก็บอกว่าพี่ไปฝึกอาคมกับน้าจุกสักสองสามวัน”
เปี๊ยกไม่ค่อยเห็นด้วย แต่จำใจต้องพยักหน้ารับ
เท้าสุพจน์ก้าวเข้ามา เหยียบกิ่งไม้ใบไม้ กล้ากับเปี๊ยกได้ยินเสียงฝีเท้ามองกันสีหน้าเครียด แล้ววิ่งเข้าหลบมุมลับตาหนึ่งข้างกระท่อม สุพจน์เดินเข้ามาหยุดหน้ากระท่อม มองไปรอบๆ
“กล้า กล้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม ไม่ต้องกลัว อาไม่ได้มาจับกล้า อามีข่าวจากแม่มาบอก”
“อาพจน์ แกหลบอยู่ก่อน อย่าเพิ่งออกไป”
กล้าบอกเปี๊ยกแล้วออกไปคนเดียว สุพจน์เห็นกล้าก็ดีใจ
“กล้า” ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าหากัน “อาเป็นห่วงกล้ามากเลยรู้ไหม”
กล้ารีบถามเรื่องแม่
“ผมไม่เป็นไรครับอา แม่ แม่เป็นยังไงบ้างครับ คุณอาช่วยแม่ได้แล้วใช่ไหม”
สุพจน์อึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง
“เรื่องนั้น...”
ทันใดนั้นคมกับลูกน้องสองคนก็โผล่มา ถือปืนล้อมกล้าเอาไว้ กล้าชักปืน เล็งไปทางพวกคม
“คุณอา นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”
“กล้า อาขอโทษ แต่อาจำเป็นจริงๆ”
กล้าเครียดจัดเมื่อรู้ว่าโดนหลอก คมยิ้มเยาะ
“ถ้าไม่อยากตาย ส่งตัวราชาวดีมา”
“ฉันปล่อยเค้าไปแล้ว เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่”
“โกหก! อยากตายนักใช่ไหม” คมเล็งปืนที่กล้าจะยิง สุพจน์เอาตัวขวางปืนคมไว้
“เดี๋ยว ไหนแกบอกว่าได้ตัวกล้าไปเรื่องทุกอย่างจะจบไง” คมยิ้มเหี้ยม
“แล้วใครขอให้แกเชื่อวะ ไอ้โง่”
จบคำคมก็ง้างเท้าเตะสุพจน์เต็มแรง จนสุพจน์กระเด็นหงายไป

“คุณอา”

กล้าเปิดฉากยิงไปที่คมทันที คมกลิ้งหลบ พวกลูกน้องคมยิงสวนไปที่กล้า เปี๊ยกที่หลบอยู่มุมลับตาหน้าตื่น
แต่แล้วกล้าก็ต้องชะงัก เครียด เมื่อเห็นคมเหยียบตัวสุพจน์แล้วเอาปืนเล็งไว้
“ทิ้งปืน ไม่งั้นไอ้ตำรวจนี่ตาย” กล้าเครียด ตัดสินใจทิ้งปืน บอกมา “ราชาวดีอยู่ที่ไหน”
มือคมกำลังจะลั่นไกไปที่สุพจน์ กล้าเครียด ห่วงสุพจน์
“หยุดนะ นี่เป็นเรื่องระหว่างแกกับฉัน ปล่อยคนอื่นไป”
คมเล็งปืนไปที่กล้า
“เฮ้ย อย่าซ่าจะดีกว่า แกก็รู้ว่าแม่แกอยู่กับพวกฉัน”
สมุนคมเล็งปืนล้อมกล้า กล้าพยายามพูดดังให้เปี๊ยกที่แอบอยู่ได้ยิน
“วดีก็อยู่ในที่ที่แกไม่มีวันหาเจอ ถ้าฉันไม่ได้พบหน้าแม่ฉัน ก็อย่าหวังว่านายแกจะได้พบวดี”
คมคิดหนัก เปี๊ยกรีบหนีไป

ราชาวดีนอนหลับอยู่ที่เพิงท้ายสวน เธอฝันร้ายจนสะดุ้งตื่น
“ไม่”
กระถินที่เฝ้าอยู่เป็นห่วง รีบถาม
“พี่สาวจ๊ะ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ พี่แค่ฝันร้าย” ราชาวดีมองไปรอบๆ “แล้วพวกพี่กล้าล่ะหายไปไหน”
“เอ่อ...”
ราชาวดีชักใจไม่ดี คาดคั้น
“กระถิน บอกพี่มา พวกพี่กล้าล่ะ อยู่ไหน”
“คือ พี่กล้าเค้าให้พวกเรารอพี่เค้าอยู่ที่นี่จ๊ะ” ราชาวดีเครียด
“หมายความว่ายังไง แล้วพี่กล้าจะไปไหน”
เปี๊ยกพรวดเข้ามาที่เพิง หอบเหนื่อยจากการวิ่ง
“หนี หนีกันเร็ว”
ราชาวดีเครียด รีบถาม
“เกิดอะไรขึ้นเปี๊ยก พี่กล้าล่ะ พี่กล้าอยู่ไหน”
“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รีบหนีกันก่อน พวกไอ้ภูมินทร์มันตามมาถึงที่กระต๊อบแล้ว”
ราชาวดีได้ยินก็ตกใจ นึกเป็นห่วงกล้า
“พี่กล้า”
ราชาวดีเป็นห่วงกล้าสุดๆ รีบวิ่งกลับไปทางกระท่อมทันที เปี๊ยกรีบเรียกห้าม “วดี อย่าไป โธ่เว้ย”
เปี๊ยกวิ่งตามราชาวดีไป กระถินวิ่งตามไปติดๆ

ราชาวดีวิ่งกลับมาที่กระท่อมแล้วมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร ราชาวดียิ่งเป็นห่วงกล้า
“พี่กล้า พี่กล้า” ราชาวดีตะโกนเรียก สมุนคมคนหนึ่งโผล่มายืนขวางหน้า ยิ้มเหี้ยม “แก”
ราชาวดีถอย หันหลังกลับ เจอสมุนคมอีกคนยิ้มเหี้ยม ดักรออยู่ สมุนทั้งสองตรงเข้าล็อคตัวราชาวดีไว้
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“พี่คมเดาถูกจริงๆ ว่าเธอต้องอยู่ที่นี่”
ทันใดเปี๊ยกโผล่มาจากด้านหลัง เอาท่อนไม้ฟาดตัวสมุนจนสลบไป สมุนอีกคนโมโห ปล่อยราชาวดี แล้วตรงปรี่เข้าหาเปี๊ยก เปี๊ยกฟาดไม้ สมุนเบี่ยงตัวหลบแล้วเตะเปี๊ยกเข้าเต็มๆ เปี๊ยกเซ สมุนหยิบไม้ฟาดไปที่หน้าเปี๊ยกเต็มๆ
“โอ๊ย”
เปี๊ยกหน้าหัน สลบเหมือดไป ราชาวดีวิ่งเข้าไปประคอง เรียกเปี๊ยก
“เปี๊ยก เปี๊ยก” สมุนกระชากแขนราชาวดี แล้วล็อคตัว “อย่านะ ปล่อยฉัน ช่วยด้วยๆ”
“อย่าดิ้นสิวะ! โอ๊ย” สมุนสะดุ้งเพราะถูกกระถินกัดขา “โอ๊ยๆ”
สมุนปล่อยมือที่ล็อคราชาวดี แล้วตบกระถินกระเด็นไป ก่อนจะชักปืนเล็ง
“แก”
สมุนลั่นไก ยิงทันที ราชาวดีตกใจมาก ตะโกนลั่น
“อย่า”
กระสุนพุ่งตรงไปที่กระถิน กระถินอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก แต่ทันใดนั้นเองยิ่งยศก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้ามากอดกระถินไว้ พร้อมกับเกิดกำแพงแก้วครอบกำบังยิ่งยศกับกระถินไว้ กระสุนพุ่งใส่กำแพงแก้ว กระสุนแตกละเอียด สมุนอึ้ง งงกับสิ่งที่เห็น
“หนู หลบไปก่อนนะ”

ยิ่งยศบอก กระถินวิ่งหลบไปมุมหนึ่ง ราชาวดีเห็นก็วิ่งไปที่กระถินแล้วกอดปลอบไว้ ยิ่งยศลุกขึ้นจ้องเขม็งไปที่สมุนที่อึ้งอยู่ด้วยสายตาดุดัน

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 11 (ต่อ)

สมุนเล็งปืนใส่ยิ่งยศ แต่ก็กลัว
“กะ แก แกเป็นใคร”
ยิ่งยศชี้หน้าตวาด
“อั๊วะก็คือผีที่กลับจากนรก เพื่อฆ่าพวกคนชั่วอย่าง ลื้อน่ะสิวะ”
ยิ่งยศเดินตรงเข้าหา สมุนกลัว รีบกระหน่ำยิงใส่ยิ่งยศทันที ยิ่งยศไม่กลัว ยกมือขึ้นใช้คาถาปัดอาวุธ ปัดกระสุน คลื่นพลังงานกระทบกระสุน กระสุนถูกปัดกระเด็นออกไปหมด สมุนอึ้ง ทิ้งปืน แล้วหันหลังกลับวิ่งหนี ยิ่งยศเคลื่อนตัวอย่างเร็วไปดักขวางไว้
“จะไปไหน”
สมุนจนมุม ตัดสินใจกำหมัดชกสู้ ยิ่งยศหลบสบายๆ แล้วซัดเต็มๆ ที่ท้อง สมุนตัวงอ ยิ่งยศเสยหมัดสวนไปที่คาง สมุนลอยคว้างไปด้วยแรงหมัด ร่วงพื้น น็อคไปทันที ยิ่งยศหันกลับไปมองพวกราชาวดี ราชาวดีกอดกระถินเอาไว้ ทั้งสองต่างมองยิ่งยศที่กำลังเดินเข้ามาหากันอย่างกลัวๆ ยิ่งยศหยุดอยู่เบื้องหน้า
“ปลอดภัยแล้วนะ”
ราชาวดีมองกลัวๆ ก่อนจะสบตากับกระถินแล้วพากันวิ่งหนีไป แต่หาญมาขวางหน้าไว้ ราชาวดีกับกระถินหยุดชะงัก ทั้งสองมีท่าทางกลัวมาก
ราชาวดีเห็นหาญยืนขวางอยู่ แต่หาญท่าทีอ่อนแรง
“เอ็งไม่ต้องกลัว พวกเราคือปู่ของกล้า”
ราชาวดีได้ยินก็คิดตาม
“ปู่ของพี่กล้า”
หาญพยักหน้ารับ ยิ่งยศเข้ามายืนข้างหาญ
“ต่อแต่นี้ เราสองคนจะกำจัดพวกคนชั่วที่ทำลายชีวิตกล้าเอง”
หาญกับยิ่งยศมุ่งมั่นที่จะช่วยหลานชายของตนให้ได้

สมุนเล็งปืนใส่ยิ่งยศ แต่ก็กลัว
“กะ แก แกเป็นใคร”
ยิ่งยศชี้หน้าตวาด
“อั๊วะก็คือผีที่กลับจากนรก เพื่อฆ่าพวกคนชั่วอย่าง ลื้อน่ะสิวะ”
ยิ่งยศเดินตรงเข้าหา สมุนกลัว รีบกระหน่ำยิงใส่ยิ่งยศทันที ยิ่งยศไม่กลัว ยกมือขึ้นใช้คาถาปัดอาวุธ ปัดกระสุน คลื่นพลังงานกระทบกระสุน กระสุนถูกปัดกระเด็นออกไปหมด สมุนอึ้ง ทิ้งปืน แล้วหันหลังกลับวิ่งหนี ยิ่งยศเคลื่อนตัวอย่างเร็วไปดักขวางไว้
“จะไปไหน”
สมุนจนมุม ตัดสินใจกำหมัดชกสู้ ยิ่งยศหลบสบายๆ แล้วซัดเต็มๆ ที่ท้อง สมุนตัวงอ ยิ่งยศเสยหมัดสวนไปที่คาง สมุนลอยคว้างไปด้วยแรงหมัด ร่วงพื้น น็อคไปทันที ยิ่งยศหันกลับไปมองพวกราชาวดี ราชาวดีกอดกระถินเอาไว้ ทั้งสองต่างมองยิ่งยศที่กำลังเดินเข้ามาหากันอย่างกลัวๆ ยิ่งยศหยุดอยู่เบื้องหน้า
“ปลอดภัยแล้วนะ”
ราชาวดีมองกลัวๆ ก่อนจะสบตากับกระถินแล้วพากันวิ่งหนีไป แต่หาญมาขวางหน้าไว้ ราชาวดีกับกระถินหยุดชะงัก ทั้งสองมีท่าทางกลัวมาก
ราชาวดีเห็นหาญยืนขวางอยู่ แต่หาญท่าทีอ่อนแรง
“เอ็งไม่ต้องกลัว พวกเราคือปู่ของกล้า”
ราชาวดีได้ยินก็คิดตาม
“ปู่ของพี่กล้า”
หาญพยักหน้ารับ ยิ่งยศเข้ามายืนข้างหาญ
“ต่อแต่นี้ เราสองคนจะกำจัดพวกคนชั่วที่ทำลายชีวิตกล้าเอง”

หาญกับยิ่งยศมุ่งมั่นที่จะช่วยหลานชายของตนให้ได้

อ่านต่อเวลา 17.00น.

อีกมุมหนึ่งของปางไม้ กล้าเดินเข้ามา คมตาม  ภูมินทร์นั่งรออยู่
“ไงเสือกล้า เราเจอกันอีกจนได้”
“แม่ฉันอยู่ไหน”
“ไม่ต้องใจร้อน แกได้เจอแม่แกแน่  ถ้าแกบอกฉันว่าวดีอยู่ที่ไหน”
“ฉันนึกแล้วว่าคนปลิ้นปล้อนอย่างแก ไม่มีทางทำตามคำพูด”
“แต่แกก็ยังมา”
“เพราะฉันไม่ใช่หมาขี้เรื้อน ที่ถนัดแต่ลอบกัดอย่างแกไง”
ภูมินทร์ชักปืนจ่อหัวกล้า
“แล้วทีแกขโมยเมียฉันไป จะเรียกว่าอะไร”
“วดีไม่ใช่เมียแกและก็ไม่เคยรักแกซักนิด ไม่งั้นคงไม่ใช้ตัวเองเป็นตัวประกันพาฉันหนีหรอก แล้วตอนนี้วดีก็รู้เรื่องชั่วทุกอย่างของแกหมดแล้ว”
“ฉันให้โอกาสแกอีกครั้งเดียว ไอ้กล้า วดีอยู่ที่ไหน”
กล้าจ้องหน้าภูมินทร์
“หึหึ วดีก็อยู่ในหัวใจฉันไง”
ภูมินทร์เหนี่ยวไกทันทีแต่เหมือนมีคนปัดมือให้ปืนเหไป ภูมินทร์งง  แล้วจู่ๆ มือที่ถือปืนก็ค่อยหันปากกระบอกปืนจะยิงตัวเอง ภูมินทร์พยายามฝืนแต่ทำไม่ได้ หันไปเจอขุนโชติยืนจ้องอยู่ ขุนโชติใช้จิตเพ่งบังคับ ขุนโชติยังจ้องเขม็ง  ปากพึมพำร่ายคาถา
“แกจะทำอะไรพ่อเลี้ยง  หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
คมจะเข้าไปห้ามแต่กลับถูกกงเล็บของขุนโชติตวัดเข้าหน้าเลือดอาบ ตะกรุดที่คมใส่ขาดกระเด็น              
“อ๊าก”
“จะเก็บมันไว้ทำไม  ชีวิตมันไม่มีค่าอะไรแล้ว ทำไมไม่ฆ่ามันให้หายแค้น”
ภูมินทร์บอกอย่างไม่พอใจ ขุนโชติจิกกงเล็บลงบนหัวไหล่ของภูมินทร์ เลือดไหลซิบ
“ข้าขุนโชติจักเป็นคนกำหนดเอง ว่าไอ้อีหน้าไหน มันสมควรอยู่หรือสมควรตาย”
อาจารย์ยอดรีบแทรก
“ท่านขุนโชติอย่าถือโทษโกรธพ่อเลี้ยงเลย ท่านก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงกับไอ้กล้ามีความแค้นต่อกันขนาดไหน ที่ทำไปก็คงอารมณ์ชั่ววูบ”
อาจารย์ยอดส่งสัญญาณให้ภูมินทร์
“ผมขอโทษ  ผมผิดไปแล้ว” ภูมินทร์บอก ขุนโชติพอใจ
“ถ้าเอ็งยังรักชีวิต  อย่าลองดีกับข้าอีก”
เสือไทเข้าไปลากตัวกล้าออกไป ขุนโชติจ้องภูมินทร์ก่อนตามออกไป คมรีบเข้าประคองภูมินทร์อย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างครับ”
ภูมินทร์สะบัดคมออกเพราะโมโห  คมเซไป มองภูมินทร์อย่างไม่พอใจ   
 
            ขุนโชติพากล้ากลับมายังที่พัก กล้าสะบัดตัวออกจากเสือไท
“พอซะที ตกลงพวกแกต้องการอะไรกันแน่ บอกมาตรงๆ ดีกว่า อย่าใช้วิธีสกปรกแบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
“ถ้าข้าบอกว่าข้าต้องการชีวิตเอ็ง”
“ฉันยอมมาที่นี่จะตายหรืออยู่ไม่สำคัญแล้ว แต่ขอพบแม่ก่อน”
“หากข้าไม่ยอมให้พบล่ะ”
“แกก็เป็นแค่โจรสวะไร้สัจจะ  ไม่ใช่ขุนโจรผู้เกรียงไกรที่เคยโอ้อวดนักหนาน่ะซิ”
“สามหาวนักไอ้กล้า” เสือไทจะฟันหล้า
“หุบปากไปไอ้ไท” ขุนโชติตวาดเสือไทแล้วพูดกับกล้าต่อ “หึ  เอ็งบังอาจมาพูดถึงสัจจะกับข้ารึไอ้กล้า ในเมื่อโคตรเหง้าของเอ็งล้วนปลิ้นปล้อน ตระบัดสัตย์ ต่ำช้ากว่าโจรอย่างข้ามากมายนัก ข้าจักให้เอ็งเห็นแจ้งกับตา”
 
ขุนโชติพากล้ามาที่ริมบึงใหญ่แล้วร่ายมนต์ย้อนอดีตเป่าไปที่ผิวน้ำ ปรากฎเป็นวงคลื่นแล้วภาพในอดีตปรากฎ
ภาพเริ่มตั้งแต่เมียขุนโชติถูกฆ่า หลวงณรงค์ไล่ล่าขุนโชติ ฆ่าสะกดวิญญาณ  ทิวชุบขุนโชติ
“เอ็งเห็นแล้วใช่รึไม่ว่าหลวงณรงค์มันทำกับพวกข้าเยี่ยงไร วิญญาณของข้าต้องทนทุกข์มาเป็นร้อยปี แต่ฟ้าดินยังเห็นใจข้า ดลบันดาลให้ไอ้ทิวชุบชีวิตข้าขึ้นมาอีกครั้งเพื่อล้างแค้นศัตรู”
“ร้อยปี งั้นก็แสดงว่าหลวงณรงค์เป็นอดีตชาติของปู่หาญแล้วปู่หาญจะรู้ได้ยังไงว่าชาติก่อนเคยทำอะไรไว้กับแก”
“ข้าไม่เชื่อว่าไอ้หลวงณรงค์มันจะตายดับไปแล้ว  คนที่มีวิชาอาคมแก่กล้าอย่างมัน ใช้พิธีอมฤตเทวาย้อนอายุให้หนุ่มแน่นอยู่เสมอได้ ที่มันอ้างว่ามันคือไอ้หาญ เพราะมันอยากจะหนีจากกรรมเวรที่มันทำ แต่มันไม่มีทางหนีพ้น”
“เอาละ ถึงฉันจะไม่เชื่อแก แต่เท่าที่เห็นหลวงณรงค์เป็นตำรวจ ถึงจะทำเกินไปบ้างแต่ก็เป็นหน้าที่”
“ข่มเหงเมียผู้อื่น ริบทรัพย์ที่มิใช่ของตน เยียงนี้รึที่คนดีพึงกระทำ”
“แกก็เข่นฆ่าผู้คนมากมาย ปล้นจี้สมบัติของคนอื่น  ถึงผ่านมาร้อยปี แกก็ยังไม่เลิกรา อ้างแต่ความแค้น  ก่อกรรมทำชั่ว คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์เรียกร้องความยุติธรรมจากใครหรอก”
ขุนโชติดึงดาบประจุพรายออกมาแล้วฟันกล้าด้วยความโมโห กล้าโดดหลบตามสัญชาติญาณจากนั้นกล้ากับขุนโชติก็ปะทะฝีมือกัน ในที่สุดดาบก็ฟันเข้าที่เอว กล้าทรุด ขุนโชติจะแทงแล้วชะงักเมื่อเห็นเลือดกล้าบนดาบที่ทำท่าจะหยดแต่กลับกลืนหายเลือนเข้าไปในดาบ
ขุนโชติตะลึง เสือไทเห็นขุนโชติลีลาเลยโดดเข้ามาฟันกล้า กล้าหลบเตะเสือไทแล้ววิ่งหนี เสือไทขว้างขวานแต่ถูกขุนโชติตวัดดาบปัดขวานกระเด็นไป
“พี่โชติ”
“ข้ายังไม่อยากฆ่ามัน ข้าจักรอดูว่าเอ็งจักโอหังไปได้สักเพียงใด”
เสือไทงง กล้ากุมแผลงงเหมือนกัน

ภูมินทร์หงุดหงิดตบหน้าคมจนเลือดกบปาก
“ไอ้โง่  แกจับตัวไอ้กล้ามา แล้วทำไมไม่เอาวดีกลับมาด้วย”
“ไอ้กล้ามันไม่ยอมปริปากว่าคุณราชาวดีอยู่ที่ไหน  ผมก็เลย...”
“ฉันเลี้ยงคนหรือเลี้ยงควายกันแน่เหอะ ไอ้กล้ามันไม่มีวันซ่อนวดีไว้ห่างตัวมันหรอก แกเคยทำอะไรได้เรื่องบ้างมั้ย”
“แต่ผมทิ้งลูกน้องให้เฝ้าที่บ้านนังเด็กนั่นไว้แล้ว ถ้าราชาวดีอยู่ที่นั่น  มันต้องไม่รอดแน่ อีกอย่างผมว่าเราวุ่นวายกับเรื่องผู้หญิงคนนี้มากไปแล้ว  ตอนนี้กิจการที่เราร่วมทำกับเสี่ยไพบูลย์ก็ชะงัก สายในกองปราบก็ทวงส่วย  ถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไป มันจะไม่คุ้มนะครับ”
            ภูมินทร์ขยุ้มคอคมกระชากเข้ามา  แล้วเค้นพูดจากเบาเป็นแรงขึ้นๆ
“แกเป็นใครถึงมาสั่งสอนฉัน  ฟังฉันให้ดีๆ  ฉันต้องได้ตัวราชาวดีเดี๋ยวนี้  ถ้าแกพามาให้ฉันไม่ได้ก็ไปลงนรก ไป”
คมถูกเหวี่ยงไปชนโต๊ะจนของกระจาย คมกัดฟันด้วยความแค้นก่อนจะเดินออกไป ภูมินทร์หันมาโวยอาจารย์ยอดที่มองเหตุการณ์อย่างกังวล
“ผมไม่เข้าใจ  ทำไมเราต้องยอมไอ้ขุนโชติตลอดเวลาด้วย ตอนนี้มันไม่เห็นหัวพวกเราเลยซักนิด รึว่าอาจารย์กลัวมัน”
อาจารย์ยอดเองก็หนักใจ
“ข้าไม่ได้กลัว แต่ขุนโชติมันสำเร็จวิชากุมภีร์พิฆาต  แกร่งกล้าจนแม้ข้าก็มิใช่คู่ต่อกร”
“แสดงว่าอาจารย์จนปัญญาแล้ว”
“วิธีจะเอาชนะมันมีอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย  แทนที่จะเอาตัวไปแลก รอให้ศัตรูตัวจริงมันปรากฎเสียก่อน”
“อาจารย์หมายถึงไอ้หาญ”
“สิ่งเดียวที่ไอ้ขุนโชติมันต้องการคือแก้แค้นไอ้เสือหาญที่มันคิดว่าเป็นหลวงณรงค์ในอดีตชาติ ไอ้สองคนนี่เจอกันเมื่อไหร่ เราก็แค่นั่งบนภูดูเสือกัดกัน”
ภูมินทร์ค่อยเย็นลง
 
วันต่อมาจุกเดินมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้ากระท่อมกระถิน จู่ๆ ก็มีหุ่นพยนต์สูงเท่ายักษ์ปรากฎตัวขึ้นเอาดาบฟาดใส่จุก จุกแหกปากหลบไปมา
“จ๊าก เฮ้ย เดี๋ยวๆ รอก่อน ไม่รู้จักจุก ท่าพระจันทร์ซะแล้ว” จุกควักตำราออกมาจากเป้กลายเป็นโพยม้า “ตัว
เต็งทับทิมสยาม ยอดอาชาศึก แต้มต่อ...เฮ้ย...โธ่เว้ย ตำราๆ ไปไหนวะ” จุกควักตำรา หุ่นฟันขาดกระจุย “เกินไปแล้วนะเว้ย ได้ จะลองใช่มั้ย” จุกคว้าดินมาบริกรรมขว้างไปหุ่นไม่สะท้าน เงื้อดาบฟันลงมา “อ้ากก  อย่า”
จุกร้องเสียงหลงหุ่นชะงักเหมือนโดนแรงปะทะบางอย่างหายกลายเป็นหุ่นตัวเล็กนอนอยู่บนดิน จุกลืมตามองตัวเอง
“หายไปไหนแล้ว” จุกมองหาเห็นหุ่นพยนต์วางอยู่ หยิบขึ้นมา “โธ่เอ๊ย นึกว่าแน่ นี่คงถูกพลังอาคมในตัวฉันละซิ”
“วิชาแค่หางอึ่งอย่างเอ็ง จะทำอะไรได้”
“ใครวะ บังอาจดูถูกเซียนจุก”
“อั๊วเอง มีปัญหามั้ย”
ยิ่งยศจับบ่าจุก จุกหันไปมอง
“แกเองเหรอ  ไอ้...” จุกชะงัก “ผะ ผู้การยิ่งยศ ผีหลอก” จุกวิ่งไปชนเข้ากับหาญ “ช่วยด้วยๆ” 
ยิ่งยศตามมาคว้าตัวจุกหักแขน
“เอ็งเป็นใครวะ เข้ามาที่นี่ต้องการอะไร”
“กลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันมีพระนะ” จุกเอาพระจี้ ยิ่งยศกระชากมา หาญเข้ามาห้าม
“ไอ้ยิ่งพอก่อน ไอ้จุกเป็นพวกเดียวกับเรา”
“น้าหาญ”
 
            หาญพาจุกเข้ามาในกระท่อม จุกได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดถึงกับทึ่ง
“สุดยอด ฉันนึกว่าจะมีแค่พิธีอมฤตเทวาที่เป็นสุดยอดวิชา นี่ยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นอีกเหรอเนี่ย”
“วิชานี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ รวมทั้งขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬด้วย”
“นะ นี่ หมายความว่า  น้าคนนี้ตายไปแล้ว เฮ้ย ใช่  ผมจำได้ว่า เคยเห็นน้าในรูปที่บ้านพี่กล้า น้าคือ พ่อเลี้ยงของพี่กล้า”
“ใช่ นี่ละผู้การยิ่งยศ มือปราบในตำนาน ทั้งเก่ง ทั้งเหี้ยมโหด โฉดชั่วไม่มีใครเกิน”
พวกราชาวดีตื่นเต้น ยิ่งยศตะปบคอจุกทันที
“ลื้อว่าไงนะ”
“จ๊าก กลัวแล้วอย่าหักคอผมเลย  ผมล้อเล่น”
“ยิ่ง” หาญปราม
“อั๊ว ก็ล้อเล่นเหมือนกัน” ยิ่งยศปล่อยมือ “ในอดีตอั๊วทำเลวไว้มาก อั๊วรู้ แต่กลับมาคราวนี้ อั๊วนี่แหละจะปราบคนเลวให้ราบคาบ”   
ทุกคนพยักหน้ารับ เปี๊ยกจ้องหาญ จำได้
“นี่ถ้าไม่เห็นกับตา ผมคงไม่เชื่อหรอกว่าคนที่ตายแล้วจะฟื้นขึ้นมาได้ ไหนจะเรื่องที่ปู่หาญย้อนอายุจนหนุ่มฟ้ออีก”

จุกเริ่มเป็นแมงโม้เดินไปโอบไหล่เปี๊ยก

“แกมันมีบุญมากรู้ไหม ที่ได้รู้ได้เห็นเรื่องอะไรแบบนี้ อยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามได้ น้ารู้ น้าเห็นมาเยอะ”

“แน่ใจนะน้า ตะกี้ผมเห็นหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลย”
ทั้งหมดยิ้มๆ ราชาวดีสงสัยจึงถามขึ้นมา
“แล้วเรื่องพวกนี้พี่กล้ารู้มั้ยคะ”
“กล้ารู้แต่เรื่องของข้าเท่านั้น แต่เราก็ได้เจอแค่เดี๋ยวเดียวไม่มีเวลาอธิบายอะไร” หาญบอก
“สาวสวยคนนี้คือ...”
“พี่สาวเป็นแฟนพี่กล้า ส่วนหนูชื่อกระถิน เป็นน้องร่วมสาบานของพี่กล้า แล้วก็เป็นเจ้าของบ้านนี้ด้วย”
“ตัวกะเปี๊ยกเนี่ยนะ”
“เนี่ยละ แก่แดดอย่าบอกใคร”
กระถินกำหมัด เปี๊ยกหลบ ทั้งหมดพากันขำ
“ตกลง เอ็งเป็นคนบอกผู้การสุพจน์ว่ากล้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่ใช่มั้ย” หาญวกมาถามจุก
“ใช่จ้ะ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าผู้การเป็นพวกไอ้พ่อเลี้ยง แต่มาเอะใจตรงผู้การไม่ยอมให้ฉันพามา ฉันก็เลยตามมาดู”
“ลื้อมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยกันเฝ้าหลานสะใภ้อั๊ว อั๊วกับไอ้หาญกำลังจะไปช่วยกล้ากับกระเต็นที่ปางไม้” ยิ่งยศบอก
“ลำพังสองคนจะไหวเหรอครับ” ยิ่งยศปรายตามอง จุกคอหด “ไหวอยู่แล้ว ถามดูเฉยๆ”
“ไม่ต้องห่วง ข้าคิดไว้แล้วว่าข้าต้องขอให้ตำรวจช่วย”
“ในเมื่อผู้การกองปราบนั่นยังเชื่อใจไม่ได้ ตำรวจที่ไหนจะยอมช่วยเรา”
หาญเดินไปที่สมุนคมสองคนที่ถูกมัดไว้
“ฉันไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือเฉยๆ แต่ฉันมีพยานไปให้ด้วย”

หาญพาสมุนคมมาที่กรมตำรวจ สมุนสองคนนั่งคอตก รองอำนวยเดินเข้ามา
“แกแน่ใจนะว่าพูดความจริง ไม่ได้ปิดบังอะไร”
“ที่ผมรู้ก็บอกไปหมดแล้ว นอกนั้นผมไม่รู้จริงๆ” สมุนบอก
“ที่ผมต้องเข้ามาที่กรมตำรวจเพราะไม่แน่ใจว่าทางกองปราบจะมีสายของพวกพ่อเลี้ยงอยู่หรือเปล่า”
หาญบอก รองอำนวยทำเป็นโมโห
“พวกมันเหิมเกริมจริงๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ถึงท่านอธิบดีจะไปราชการ แต่ผมในฐานะรองอธิบดีรับปากว่าจะ
ช่วยเหลือคุณอย่างถึงที่สุด”
หาญดีใจมากที่ทุกอย่างสำเร็จอย่างที่คิด
“ขอบคุณท่านมาก”
“เอาเป็นว่าผมจะเรียกประชุมทุกคนเดี๋ยวนี้เลย พาคุณสิงห์ไปรอข้างนอกก่อน”
ตำรวจรับคำสั่ง แล้วเดินนำหาญออกจากห้องไป รองอำนวยหยิบรูปถ่ายออกจากกระเป๋าเสื้อมาดูเป็นรูปแอบถ่ายของหาญที่เสี่ยไพบูลย์ส่งมาให้ รองอำนวยหรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์

ตำรวจเดินนำหาญมาแบบรีบๆ แล้วเลี้ยวหายเข้ามุมตึกไป หาญตามมา
“จ่า จ่า”
หาญเอะใจ หยุดชะงัก มองรอบๆ ทันใดตำรวจกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธครบมือที่ซุ่มอยู่โผล่ขึ้นมา ตามมุมต่างๆ อย่างรวดเร็ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
รองอำนวยก้าวเข้ามา
“เราได้ข้อมูลมาว่าแกเป็นพวกเดียวกับไอ้เสือกล้า มอบตัวซะ ยังไงแกก็หนีไม่รอดแน่”
หาญเครียด งงไปหมด
“เอ็งกำลังเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คนร้าย”
หาญจ้องตำรวจที่ล้อมอยู่ เครียด

ขณะนั้นจุกเดินวนไปวนมาอยู่ที่กระท่อมของกระถินอย่างร้อนใจ
“ทำไมน้าหาญยังไม่กลับอีกนะ”
เปี๊ยก ราชาวดี กับกระถินเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน
“นั่นสิน้า ไปนานแบบนี้ ฉันว่ามันทะแม่งๆ แล้วนะ”
“ไปปรึกษา ผู้การยิ่งยศดีกว่า เปี๊ยก”
“น้าแหละไป”
“เอ๊ะไอ้นี่ เป็นเด็กมาใช้ผู้ใหญ่ได้ไง”
“วดีไปเองค่ะ”
ราชาวดีไป กระถินส่ายหน้า
“ผู้ใหญ่ใจมด”
กระถินพูดแล้วเดินไปจุกกับเปี๊ยกสะดุ้ง
ราชาวดีเปิดประตูเข้ามาแต่ไม่เห็นใคร

“เอ๊ะ ไม่อยู่นี่”

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 11 (ต่อ)

ที่กรมตำรวจ หาญเครียดเมื่อถูกตำรวจล้อม
“ถ้าข้าเป็นพวกเดียวกับกล้า ข้าจะพาคนร้ายมาให้ตำรวจทำไม”
“มันเป็นแผนลวงของแกที่จะทำให้ตำรวจตายใจน่ะซิ”
รองอำนวยพยักหน้าให้ตำรวจเข้าไปจับหาญใส่กุญแจมือ หาญดูเชิงทำเป็นยื่นมือให้ใส่แล้วเบี่ยงตัวหมุนไปศอกใส่ตำรวจที่ถือกุญแจมือหงายไป ตำรวจอีกคนที่จ่อปืนจะยิง หาญเตะปืนลอยแล้วกระโดดรับปืน รองอำนวยชักปืนยิงใส่หาญ หาญกลิ้งหลบแล้วกระชากตำรวจที่อยู่ใกล้มาจี้เป็นตัวประกัน รองอำนวยยกมือห้ามให้หยุดยิง
“ไอ้หาญ อย่าพยายามเลย แกออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก”
“อย่าเข้ามาไม่งั้นข้ายิง”
หาญล็อคคอตำรวจถอยไปที่ทางออกรองอำนวยต้องแหวกทาง พอได้จังหวะหาญก็ผลักตำรวจคนนั้นใส่รองอำนวยแล้ววิ่งหนี
“ปิดทางเข้าออกให้หมด จับเป็นไม่ได้ ให้จับตาย ไป”
รองอำนวยตะโกนสั่ง

หาญวิ่งออกมามองหาทางหนีแล้ววิ่งตรงไปที่รั้ว กระโดดปีน แต่แล้วตำรวจก็โผล่มายิงใส่ หาญถูกยิงที่แขนข้างที่ถือปืนๆ ร่วง หาญตกลงมาจากกำแพงรั้ว เลือดที่แขนหาญไหลซึม รองอำนวยวิ่งตามเข้ามา กลุ่มตำรวจตาม ล้อมหาญ หาญพยุงตัวลุกขึ้นมา รองอำนวยยิ้มเหี้ยม
“ฉันบอกแล้วว่าแกไม่รอดแน่ ยอมแพ้ซะ”
หาญกุมแขนที่เจ็บ
“ข้าไม่ใช่โจร ไอ้พ่อเลี้ยงภูมินทร์ต่างหากที่เป็นคนร้าย”
“หยุดพูดได้แล้ว ฉันรู้ว่าแกคือไอ้เสือหาญ ไอ้มหาโจรที่เคยก่อคดีมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าแกจะใช้ยาอายุวัฒนะอะไรที่อยู่ยงคงกระพันมาได้ แต่คราวนี้ แกต้องไปรับกรรมในคุก” รองอำนวย เตรียมลั่นไก “มอบตัวซะ อย่าบังคับให้ฉันต้องฆ่าแกจะดีกว่า เอามือไว้ที่ท้ายทอย แล้วคุกเข่าลง ไม่งั้นฉันยิงแน่” หาญยืนคิดเครียด ตำรวจทุกคนเตรียมลั่นไก “หนึ่ง สอง สาม”
รองอำนวยและตำรวจระดมยิงไปที่หาญจากทุกทิศทางทันที แต่แล้วก็บังเกิดครอบแก้วครอบตัวของหาญไว้ ลูกกระสุนพุ่งเข้าปะทะครอบแก้วระเบิดกระจุยเป็นผุยผง ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่ว รองอำนวยกับตำรวจต่างมองกัน งงไปหมด ควันจางลงเห็นร่างของยิ่งยศยืนตะหง่านขวางหน้าหาญไว้อยู่ รองอำนวยกับตำรวจต่างอึ้ง
“แก แกเป็นใครกันวะ”
“วะ ลื้อเป็นตำรวจประสาอะไร ทำไมถึงรังแกประชาชนแบบนี้ เสียชื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จริงๆ” รองอำนวยกับพวกตำรวจงงๆ“ยังจะมางงอีก ต้องจับอบรมซะให้เข็ด ไหนบอกมาสิใครเป็นนายพวกลื้อ ไปเรียกมันมา อั๊วจะคุยด้วย”
“ไอ้ยิ่ง หนีก่อนเถอะ คุยกันไม่รู้เรื่องแน่”
“เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า นี่ที่ทำงานเก่าฉันนะโว้ย ไงวะ ยืนนิ่งกันอยู่ได้ ผู้หลักผู้ใหญ่มาไม่รู้จักทำความเคารพ
ฉันผู้การฯ ยิ่งยศ ไพรีพ่ายนะโว้ย”
รองอำนวยเริ่มเอะใจ แล้วภาพบนผนังในห้องประชุมซึ่งมีภาพเก่าๆ ของพวกนายตำรวจ จะเห็นว่ามีภาพของยิ่งยศติดอยู่ก็แว๊บเข้ามา รองอำนวยอึ้ง ตะลึงตัวสั่น
“ปะ เป็นไปไม่ได้ ไอ้ผู้การ นั่นฆ่าตัวตายไปแล้วนี่ ไม่จริง”
ยิ่งยศหรี่ตามองรองอำนวยแล้วจำได้จึงตวาด
“ไอ้นวย” รองอำนวยสะดุ้ง “เป็นใหญ่เป็นโตแล้วนี่ ดาวบ่นบ่าไม่ได้ทำให้ลื้อฉลาดขึ้นเลยรึไงวะ”
ตำรวจลูกน้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จ่าแก่ๆ คนหนึ่งเริ่มจำได้ ขาสั่น หน้าซีด
“ผะ ผะ ผู้การฯ ยิ่งยศจริงๆ ด้วย”
จ่าแก่ๆ รีบตะเบ๊ะ ยิ่งยศยืดพอใจ รองอำนวยรีบดุ
“จะบ้ารึไง นั่นมันคนร้าย ยิงมัน”
ตำรวจทั้งหมดระดมยิงทันที ยกเว้นจ่าแก่ที่หนีไปหลบมุม ยิ่งยศผายมือออกว่าคาถาปัดอาวุธแล้วสะบัดลูกกระสุนพุ่งกลับไปที่พวกตำรวจ ตำรวจกระโดดหลบกันพัลวัน รองอำนวยไม่ยอมแพ้ ตะโกนบอกลูกน้อง
“สู้มันสิวะ”
ตำรวจสองคนพุ่งไปที่หาญ รุมชก หาญเตะต่อยโต้ตอบทั้งที่เจ็บแขนและเรี่ยวแรงเริ่มจะหมด รองอำนวยยิงซ้ำไปที่ยิ่งยศ ยิ่งยศไม่หลบ กระสุนโดนตัว ยิ่งยศปัดๆ รองอำนวยอึ้ง ยิ่งยศจ้องดุแล้วเคลื่อนตัวอย่างเร็วประชิดตัวรองอำนวย แล้วตบปืนออกจากมือ ก่อนจะซัดด้วยหมัดลุ่นๆ ไปที่ท้อง รองอำนวยจุกทรุดกองลงแทบเท้า ด้านหาญถูกตำรวจล็อคตัวได้ อีกคนซัดไปที่ท้อง หาญจุก ยิ่งยศเข้ามากระชากตัวตำรวจที่ชกหาญอย่างแรงจากด้านหลัง ตำรวจกระเด็นไป ยิ่งยศชี้มือไปที่ตำรวจที่ล็อคหาญแล้วตวาด
“ลื้ออยากตายนักรึไงวะ” ตำรวจกลัว หน้าซีด รีบปล่อยหาญ “ไป” ตำรวจวิ่งหนีไปอยู่กับรองอำนวย ยิ่งยศประคองหาญแล้วหันไปพูดกับกลุ่มตำรวจ “แล้วฉันจะกลับมาจัดการกับพวกแก ไอ้พวกนอกรีต”

ยิ่งยศว่าคาถา รองอำนวยไม่ยอมแพ้ คว้าปืนที่หล่นอยู่ ยิงรัวซ้ำเข้าไปอีกหลายนัด แต่ขณะที่กระสุนพุ่งไปที่ยิ่งยศกับหาญ ยิ่งยศก็คว้าตัวหาญถอยเข้าไปในช่องอากาศที่แหวกอยู่เบื้องหลัง ช่องอากาศปิดพอดีกับที่กระสุนทะลุผ่านไป รองอำนวยอึ้งปืนร่วง ตำรวจทั้งหมดอ้าปากค้าง ตะลึงกับภาพที่เห็น

ยิ่งยศแบกหาญมาวาง
“แกนี่มันยังชอบไว้ใจคนเหมือนเดิม ดีนะที่ฉันเอะใจตามไป”
“ฉันชะล่าใจไปจริงๆ ไม่คิดว่าระดับรองอธิบดีจะเป็นสายให้โจร”
“ยิ่งมีอำนาจมาก ก็ยิ่งโลภมาก สมัยไหนก็เหมือนกัน” ยิ่งยศตรวจแผลหาญ “กระสุนแค่ถากไปเท่านั้น ฉันจะห้ามเลือดให้แกก่อน”
ยิ่งยศว่าคาถาเอามือปาดไปบนแผล
“นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้รู้รสชาดของลูกกระสุนซะแล้ว”
“ถึงอานุภาพรอยสักจะหายไปแล้ว แต่แกยังมีลูกสะกดของพ่อปู่ ทำไมกระสุนยังเจาะเข้าเนื้อแกได้วะ”
“ฉันทำบาปทั้งมุสา ทำร้ายผู้คน จนถึงกับล่วงประเวณีสตรีเพศเท่ากับผิดสัจจะที่เคยให้ไว้กับพ่อปู่ ลูกสะกดกี่ร้อยลูกก็คุ้มกายคนบาปอย่างฉันไม่ได้”
“แต่แกทำบาปเพราะช่วยคน เทียบไม่ได้กับพวกโจรใจชั่วที่ทั้งชีวิตไม่เคยสร้างกรรมดี แต่มันก็ยังแคล้วคลาดปลอดภัย”
“พวกโจรทำผิดเพราะไม่รู้ แต่ฉันทั้งที่รู้ก็ยังทำ ไม่ว่าจะอ้างความชอบธรรมยังไง มันก็ฟังไม่ขึ้น”
“แกพูดถูก ฉันก็เคยหลงผิดใช้เครื่องแบบก่อกรรมทำชั่วมาแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะยอมให้คนรุ่นหลังทำแบบนี้อีกไม่ได้ เราต้องหยุดพวกมันให้ได้นะไอ้หาญ ถึงจะต้องตายอีกครั้งฉันก็ยอม” หาญพยักหน้า
“ได้ ไอ้ยิ่ง ถึงจะต้องตายอีกครั้ง เราก็ต้องหยุดมันให้ได้”
ทั้งคู่จับมือกัน

วันต่อมารองอำนวยนัดเจอกับภูมินทร์แล้วบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ภูมินทร์มีสีหน้าตื่นเต้น
“อะไรนะ ไอ้หาญน่ะเหรอ เข้าไปที่กรมตำรวจ”
“ใช่ โชคดีที่เสี่ยไพบูลย์เคยส่งรูปมันมาให้ผม ผมก็เลยล้อมจับมัน แต่มันหนีไปได้”
“ตำรวจทั้งกรมเนี่ยนะจับโจรคนเดียวไม่ได้”
“มันคนเดียวน่ะไม่ครณามือผมหรอก ผู้การฯยิ่งยศที่ตายแล้วกลับโผล่มาช่วยมันไว้อีก นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ”
ภูมินทร์กับอาจารย์ยอดมองกันเครียด
“ผู้การฯ ยิ่งยศ ใครกัน”
“ผู้การกองปราบ ที่ตายไปเมื่อ 25ปีก่อนน่ะซิ พ่อเลี้ยงไอ้ผู้การเพชร ปู่อีกคนของไอ้กล้านั่นแหละ”
อาจารย์ยอดครุ่นคิด
“มันต้องใช้บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปลุกชีพไอ้ยิ่งยศแน่”
รองอำนวยได้ยินก็เครียดใหญ่
“เสี่ยไม่อยู่พวกคุณมาแทนผมก็ไม่ว่า ขอแค่ทำตามสัญญาทุกอย่าง เงินต่อเงิน แต่เรื่องลึกลับพวกนี้มันอะไร ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ พอ พอกันที”
รองอำนวยบอกแล้วเดินหนีจะกลับ แต่ภูมินทร์ขวางเอาไว้
“เดี๋ยว เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ท่านจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้”
รองอำนวยวางอำนาจกลับ
“คุณอย่าลืมสิว่าผมเป็นใคร! อย่าให้ผมต้องปิดปางไม้คุณจะดีกว่า กลับ”
รองอำนวยสั่งลูกน้องและไม่สนภูมินทร์ เดินกลับไปจะขึ้นรถ ทันใดรถก็ถูกพลังงานบางอย่างพุ่งเข้าใส่ เคลื่อนไปชนต้นไม้เสียงดังโครม รองอำนวยกับลูกน้องอึ้ง งงไปหมด แล้วรองอำนวยก็เห็นขุนโชติย่นระยะทางแหวกอากาศ มาปรากฏตัวเบื้องหน้า รองอำนวยอึ้ง ขุนโชติยิ้มเหี้ยม หงายมือว่าคาถา ลูกไฟลุกขึ้น ขุนโชติสะบัดลูกไฟไปที่รถ รถระเบิดตู้ม รองอำนวยกับลูกน้องตะลึง ขุนโชติตวัดดาบทั้งสองขึ้นบนฟ้าเกิดแสงจากดาบ กระทบกิ่งไม้ กิ่งไม้ทั้งหมดร่วงลงมาปักอยู่รอบตัวรองอำนวยและลูกน้อง ขุนโชติจ้องรองอำนวยเหี้ยม รองอำนวยกับลูกน้อง สั่น กลัว อาจารย์ยอดเดินเข้ามา
“นี่คือท่านขุนโชติแห่งทุ่งพระกาฬ ขุนโจรเลื่องชื่อในตำนาน คนที่จะช่วยเรากำจัดพวกไอ้หาญให้พ้นทาง”
“เห็นแบบนี้แล้ว ท่านรองฯยังจะคิดเปลี่ยนใจอีกรึเปล่า”
รองอำนวยหน้าซีดกลัวขุนโชติมาก

ทั้งหมดกลับมาที่ปางไม้ ขุนโชติเข้ามานั่งกลางห้องอย่างวางอำนาจขณะที่ภูมินทร์กับอมาจารย์ยอดยืน
“ได้ระดับรองอธิบดีมาเป็นพวกแบบนี้ ปางไม้ไพรพญาก็จะไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายแล้ว ต่อไปนี้ทั้งเงินทั้งอำนาจก็จะวิ่งมาหาเรา เป็นเพราะบารมีท่านขุนโชติแท้ๆ”
“เป็นถึงหัวหน้าโปลิศกลับมาก้มหัวให้โจร ชั่วช้าไม่ผิดอะไรกับไอ้หลวงณรงค์ ข้าน่าจะกุดหัวมันเสีย”
“เอาชีวิตพวกมดปลวกมันง่ายนิดเดียว แต่ท่านอย่าลืมว่าคนที่ท่านต้องการแก้แค้นคือหลวงณรงค์และตอนนี้มันยังลอยนวลอยู่”

“ผมจะเอาตัวไอ้กล้ากับแม่มันไปกรุงเทพ ล่อให้ไอ้หาญมันออกมา” ภูมินทร์บอกแล้วจะออกไป ขุนโชติเอาดาบกั้นไว้

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

“ที่นี่ข้าเป็นใหญ่ หากข้าไม่ได้สั่ง  ผู้ใดก็ออกไปไม่ได้”
“มากไปแล้ว” ภูมินทร์โมโห แต่นึกได้จึงยอมสงบลง “ปางไม้ไพรพญาเป็นของผม ผมต่างหากที่มีสิทธิ์”
ขุนโชติเอาดาบฟาดขาภูมินทร์ทรุด อาจารย์ยอดจึงรีบพูดประจบ
“ถ้าให้ข้าเดา  ท่านขุนโชติคงยังอยากจะให้ไอ้กล้ากลายเป็นมหาโจรอยู่ แต่มันไม่ยอม”
“เพลานี้มันอาจจะไม่ยอม  แต่อีกไม่นานดอก ไอ้ลูกหลานหลวงณรงค์ผู้นี้มันเกิดมาเพื่อเป็นโจร อย่างไรเสียก็หนีชะตาไม่พ้น”
“หมายความว่ายังไง  ข้าไม่เข้าใจ”
ขุนโชติแสยะยิ้ม
 
เสือไทเดินนำกล้าที่ยังเจ็บแผลเดินมาตามทางเดินที่จะไปยังห้องคุมขังกระเต็น
“แกจะพาฉันไปไหน  ถ้าคิดจะให้ทำเรื่องชั่วช้าอีกล่ะก็ฉันบอกได้เลยว่าไม่มีวัน”
“เอ็งไม่ต้องท้าทายข้า สบโอกาสเมื่อใด หัวเอ็งหลุดจากบ่าแน่”
เดินมาถึงหน้าห้องพอดี เสือไทเปิดเข้าไป กล้าเห็นกระเต็นนั่งพิงข้างฝาอยู่ก็ดีใจ
“แม่”
กล้าจะเข้าไป แต่เหมือนชนกระจกต้องกระเด็นออกมา กล้างง พอเข้าไปอีก เอื้อมมือจับเหมือนมีกระจกกั้นจริงๆ โดยกระเต็นไม่ได้ยินและมองไม่เห็นกล้า
“แม่  ได้ยินผมมั้ย ผมอยู่นี่”
ขุนโชติเข้ามา
“ข้าร่ายอาคมกำบังไว้  เอ็งตะโกนเยี่ยงไรแม่เอ็งก็ไม่มีวันได้ยิน”
“ปล่อยแม่ฉันไป  แล้วแกก็เอาชีวิตฉันไปเดี๋ยวนี้เลย”
“หึหึ  ความตายเป็นมิตรกับข้า  ข้ารู้ดี  มันไม่น่ากลัวดอก แต่หากเอ็งต้องทนเห็นคนที่เอ็งรัก ต้องตายไปต่อหน้าต่อตานี่สิ ทรมานยิ่งนัก ข้าอยากเห็นนักว่าเอ็งจักใจเด็ดดั่งปากเอ็งรึเปล่า”
“แกจะทำอะไรแม่ฉัน อย่านะ”
กล้าจะเข้าไปขวาง แต่เสือไทดึงไว้ ขุนโชติยิ้มเหี้ยม  ร่ายคาถา กางกงเล็บออกแล้วทำท่าบิด พิษสีดำในตัวกระเต็นเริ่มทำงาน กระเต็นปวด ไส้บิดลงไปนอนครวญคราง กล้าเห็นแล้วตกใจ  ขุนโชติบิดกงเล็บแรงขึ้นร่างกระเต็นลอยสูงจากพื้น เลือดไหลออกจากปากและจมูก กล้าทนไม่ไหวสะบัดเสือไทสุดแรงจะเข้าไปทำร้ายขุนโชติแต่กลับต้องกระเด็นเพราะขุนโชติ ตวัดกรงเล็บใส่
“อ๊าก แม่  แม่” กล้าเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าขุนโชติ  ขอร้อง “ฉันขอร้องล่ะ หยุดทรมานแม่ฉันซะที ฉันยอม ฉันยอมแล้ว”
“เอ็งยอมกราบข้าเป็นครูของเอ็งแล้วกระนั้นรึ”
ขุนโชติหยุด กระเต็นสลบไป กล้านิ่ง มองแม่แล้วตัดสินใจ
 
อีกด้านหนึ่งสุพจน์ถูกมัดมือ ปิดตา และถูกสมุนภูมินทร์ผลักเข้ามาในป่า
“ถ้าคิดจะฆ่าฉันก็ลงมือเลย ไม่ต้องปิดตา ฉันไม่กลัวหรอก” สมุนเข้ามาแก้เชือกและผ้าปิดตาออกให้ สุพจน์แปลกใจ “พวกแกจะทำอะไร”
“ข้าก็จะปล่อยท่านผู้การไปนะสิ”
อาจารย์ยอดบอก สุพจน์งงและไม่ไว้ใจ
“พวกแกมีลูกเล่นอะไรอีก”
“มีโอกาสหนีก็รีบหนีไปเถอะ ก่อนที่พวกข้าจะเปลี่ยนใจ”
“ฉันไม่เชื่อพวกแกอีกแล้ว  ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าพวกแกจะยอมปล่อยคุณเต็นกับกล้า”
“ก่อนจะห่วงคนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะผู้การ” อาจารย์ยอดชักปืนยิงที่พื้น เปรี้ยง! สุพจน์ตกใจ​ “จะไปหรือไม่ไป  ถ้าพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องก็เป็นผีอยู่ที่นี่แล้วกัน”
อาจารย์ยอดเล็งปืนไปทางสุพจน์
“ฉันจะต้องกลับมาจับพวกแกเข้าคุกให้ได้”
สุพจน์ตัดสินใจวิ่งเข้าป่าไป
 
ในป่า กล้าถือดาบประจุพรายของขุนโชติเข้ามาแปล้วมองหาใครสักคน กล้าเห็นรอยเท้าสุพจน์ตรงไปทางหนองน้ำจึงมองตามไปด้วยสีหน้าสับสนแล้วนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ขุนโชติใช้อาคมรักษาแผลให้กล้า แผลกล้าสมานอย่างรวดเร็ว
        “เห็นฝีมือข้ารึไม่  ฮ่าๆๆ  ศิษย์รักของข้า”
กล้าขบกรามอย่างจำยอม
“ขอบคุณ ท่านอาจารย์”  
แต่แล้วสีหน้าขุนโชติกลับเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์
“แต่เอ็งจักเป็นศิษย์ข้าได้ก็ต้องยกครูเสียก่อน” ขุนโชติยื่นดาบประจุพรายเล่มหนึ่งมาตรงหน้ากล้า กล้ามองอย่างหวั่นใจ “ข้าต้องการหัวไอ้สุพจน์เป็นเครื่องเซ่นสังเวยบูชาครู”
เสือไทยิ้มเยาะอย่างสะใจ
“อะไรนะ”
“เลือกเอาระหว่างชีวิตของแม่เอ็งกับหัวไอ้สุพจน์”
กล้าจ้องดาบในมือขุนโชติเขม็ง ตัดสินใจ
 
กลับมาปัจจุบัน กล้าชักดาบประจุพรายออกจากฝักมองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนอยู่บนดาบอย่างลังเล สับสน

ภาพกระเต็นดิ้นทุรนทุรายแทรกเข้ามา
“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าแม่เอ็งจักทนพิษยาสั่งได้นานเพียงใด ถ้าไม่อยากเป็นลูกทรพี จงเร่งตัดสินใจ  ฮ่าๆๆ”
กล้าเก็บดาบเข้าฝัก กำดาบในมือแน่น  ตัดสินใจ เบี่ยงหน้าไปทางหนองน้ำ
 
สุพจน์วิ่งกระเซอะกระเซิงเข้ามาด้วยอาการเหนื่อยหอบ พอเห็นหนองน้ำข้างหน้าจึงรีบลงไปกวักน้ำกินอย่างกระหาย กล้าเดินเข้ามาด้านหลังสุพจน์แล้วจ้องมองนิ่ง กล้าสับสน แววตาเจ็บปวด ทันใดสุพจน์ก็รู้สึกตัวว่ามีคนมองอยู่จึงหันขวับมา เห็นเป็นกล้าก็ดีใจ
“กล้า” สุพจน์ดีใจรีบเข้ามาหากล้า “กล้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หนีออกมาเหรอหรือว่าพวกมันปล่อยตัวมา” กล้าพยักหน้าหลบสายตา สุพจน์เก็ททันที “พวกมันต้องมีแผนอะไรซักอย่างแน่ๆ  ถึงได้ปล่อยเราสองคนออกมาแบบนี้  แล้วคุณเต็นล่ะ กล้าได้เจอแม่รึยัง”
“ก่อนที่ผมจะถูกปล่อยตัวมา ขุนโชติมันกำลังทรมานแม่ด้วยยาสั่งตาย”
“ไอ้สารเลว รังแกได้แม้ผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ เราต้องกลับไปช่วยคุณเต็นกัน”
“มีทางเดียวที่จะช่วยแม่ได้  ผมต้องเอาหัวของคุณอากลับไปให้มัน แล้วมันจะรับผมเป็นศิษย์สอนวิชาอาคมให้”
กล้าชักดาบประจุพราย จ้องสุพจน์แววตาดุ สุพจน์เสียวสันหลังวาบ
“มิน่า  มันถึงปล่อยเราสองคนออกมาเพื่อให้ฆ่ากันเอง”
“ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่น ผมทนเห็นแม่ตายไปต่อหน้าไม่ได้ คุณอาอโหสิให้ผมด้วยนะครับ บาปกรรมทั้งหมด ผมจะตามไปชดใช้ในชาติหน้า” สุพจน์อึ้ง กล้ายกมือฟัน สุพจน์ตะลึง ยกมือกั้น แต่ปรากฎว่ากล้าเสียบดาบกับพื้น
“ผม  ผมทำไม่ได้”
“กล้า”
“อาหนีไปเถอะครับ ไปพากำลังตำรวจมาจัดการกับพวกมัน”
“แล้วคุณเต็นล่ะ  ถ้ากล้าไม่เอาหัวอากลับไป มันไม่ปล่อยคุณเต็นไว้แน่”
“ผมก็คงต้องแลกชีวิตกับมัน”
“แต่กล้ากับคุณเต็นก็ไม่ใช่แค่สองชีวิตที่ไอ้ขุนโชติมันต้องการ โจรชั่วอย่างมันคงเข่นฆ่าผู้คนไปอีกนับสิบนับร้อยลำพังตำรวจคงยากที่จะปราบมันลงได้”
“ผมมันไม่เอาไหนเอง ผมปกป้องคนที่ผมรักไม่ได้เลย ผมเคยทรนงว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ ป้องกันตัวเองได้  ไม่เคยสนใจใยดีฝึกฝนวิชาอาคม มาถึงตอนนี้ ถึงอยากจะทำมันก็สายไปแล้ว”  
          สุพจน์คิดอะไรได้ทันที
“ไม่สายเกินไปหรอกกล้า รับปากอานะว่าเมื่อฝึกอาคมแล้วจะใช้มันปราบขุนโชติให้ได้”
“อา หมายความว่ายังไงครับ”
“อาต่างหากที่ไม่เอาไหน ที่ผ่านมานอกจากปกป้องประชาชนไม่ได้แล้ว แม้แต่คนที่อารัก อาก็ไม่สามารถจะช่วยได้”
สุพจน์คว้าดาบแทงตัวเองทะลุหลังโดยที่กล้าไม่ได้ตั้งตัว
          “ทำไม  ทำไม อาต้องทำแบบนี้ด้วย”
กล้าเข้าประคอง สุพจน์ยิ้ม พูดตะกุกตะกัก
“ชีวิตเดียวแลกกับร้อยชีวิต นับว่าคุ้มค่าแล้ว อย่าให้การตายของอาเสียเปล่านะกล้า”
สุพจน์สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย กล้าพยักหน้ารับ สุพจน์ยิ้มให้ก่อนจะหมดลม กล้ากอดศพสุพจน์ร้องลั่นป่า นกกาบินพรึ่บพรั่บ
 
ขุนโชติยืนรอกล้าอยู่ที่ชายป่าอย่างสงบนิ่ง
“พี่ปล่อยมันเข้าป่าไปเยี่ยงนั้น  มันไม่หนีไปแล้วดอกรึ ใครจะโง่กลับมาอีก” เสือไทบอก
“ไอ้กล้ามันกลับมาแน่” ขุนโชติบอกอย่างมั่นใจ
“ข้าไม่เข้าใจว่าพี่จักเสียเวลาทำไม ใยไม่สังหารอีกระเต็นกับไอ้กล้า ล้างแค้นเสียรู้แล้วรู้รอด  เยี่ยงนี้ไอ้หลวงณรงค์มันก็กระอักเลือดแล้ว”
“เอ็งจำวันที่ข้าตีดาบประจุพรายได้รึไม่”
ภาพแว่บกลับไปวันที่ขุนโชติตีดาบแล้ว เอาเลือดตัวเองผสมลงไป
“ข้าใช้เลือดของข้าเพิ่มอานุภาพให้ดาบประจุพราย เหตุด้วยข้าเกิดในฤกษ์ดาวโจร” ภาพเลือดของกล้า ซึมเข้าดาบประจุพรายแว่บเข้ามา  “แลบัดนี้ข้าได้พบคนที่เกิดในฤกษ์ดาวเดียวกันแล้ว” ขุนโชติชูดาบประจุพรายในมือ ลูบคม “หยดเลือดของไอ้กล้าอาบอยู่ในคมดาบกลืนเข้าเป็นเนื้อเดียว ไอ้กล้าเกิดมาเป็นพื่อเป็นโจรเยี่ยงข้า แต่มันมิเคยได้สังหารผู้คน จิตใจหาแข็งแกร่งไม่  นับจากได้บั่นหัวไอ้โปลิศนั่นในวันนี้ มันจักชินกับกลิ่นคาวเลือด  ต่อไปข้าจักใช้มัน เป็นกำลังสร้างชุมทุ่งพระกาฬขึ้นมาอีกครา”
เสือไทอึ้งที่รู้ความจริง อิจฉากล้า และไม่พอใจ อาจารย์ยอดแอบฟังอยู่ ตื่นเต้นกับสิ่งที่รู้ แล้วรีบหลบไป
ที่ชายป่าจะเห็นกล้าเดินออกมามือถือดาบที่อาบด้วยเลือดแววตาแข็งกร้าว  ในมือถือห่อผ้าออกมาด้วย กล้าเดินมาหยุดยืนต่อหน้าขุนโชติแล้วส่งห่อผ้าให้ ขุนโชติรับมาเปิดดูเห็นเป็นศีรษะของสุพจน์ ขุนโชติหัวเราะด้วยความสะใจ
​“ฮ่าๆๆ นับแต่นี้เอ็งคือศิษย์ของข้า ไอ้เสือกล้า” 
“ปล่อยแม่ฉันตามสัญญาได้แล้ว”
 
จบตอนที่ 11

อ่านต่อตอนที่ 12 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น