xs
xsm
sm
md
lg

บ่วงบาป ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บ่วงบาป ตอนที่ 9

ขุนไวนอนหลับอยู่บนแคร่ กระสับกระส่ายไปมา ขุนไวนอนหลับนิ่วหน้าเหงื่อแตกพลั่ก
รำพึงบริกรรมคาถาเสร็จ จูบลงบนหน้าผากขุนพิทักษ์

ขุนไวสะดุ้งตื่น
“รำพึง ! ทำไมคิดถึงน้องรำพึงมากขนาดนี้”
ขุนไวแปลกใจ

จวงเพิ่งกลับจากบ้านหมอไสย์เดินลับๆ ล่อๆ กลัวคนเห็น “ใครบางคน” โผล่มาดักหน้า จวงสะดุ้งโหยง ตกใจ
“ว้าย ! ตาเถรตกอกอีแป้นจะแตก”
“ท่านขุนไว !”

รำพึงนอนกอดกับขุนพิทักษ์ เสียงจวงเคาะประตู
“คุณรำพึงเจ้าขา...คุณรำพึง”
รำพึงลืมตาอย่างหงุดหงิด แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู อ้าปากจะด่า
“นังจวง !”
จวงพูดแทรกทันที
“อย่าเพิ่งด่าจวงเจ้าค่ะ จวงรู้ว่าเวลานี้ไม่ควรมากวนคุณรำพึง”
“แล้วเอ็งมากวนข้าทำไม”
จวงกระซิบถาม
“คนอื่นสั่งให้มากวนเจ้าค่ะ”
“ใคร”

ขุนไวเดินงุ่นง่านไปมาอยู่ที่บริเวณสวน รำพึงเดินเข้ามา พอเห็นขุนไวยืนอยู่ชักสีหน้าอยู่ก็หงุดหงิด แล้วรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติก่อนจะเข้าไปหาขุนไว
“คุณพี่มาทำไมคะ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้กันหมดว่าคุณพี่ไม่ได้ไปอยู่ต่างเมือง”
“พี่ไม่ใช่นักโทษ ทำไมพี่จะเดินทางกลับมาที่นี่ไม่ได้ และที่สำคัญ พี่ตั้งใจจะมารับน้องไปอยู่ด้วยกัน”
“ว่าไงนะ”
ขุนไวพูดชัดเจน
“พี่ทำเพื่อน้องแล้ว”
รำพึงรู้อยู่แก่ใจ
“คุณพี่ทำอะไรคะ”
ขุนไวอึ้งไปนิด แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
“พี่สวดมนต์ภาวนาขอให้เราได้อยู่ด้วยกัน แล้วตอนนี้คำอธิษฐานของพี่ก็เป็นจริง เจ้าคุณพ่อของน้องไม่อยู่บังคับจิตใจน้องอีกต่อไป น้องไปอยู่กับพี่นะ”
“แต่น้องไม่อยากให้ใครมองว่าน้องเป็นหญิงสองผัว”
“ช่างคนอื่นประไร ขอให้เราได้มีความสุขอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”
รำพึงอึดอัด
“นะจ๊ะคนดีของพี่”
รำพึงแสร้งบีบน้ำตา
“แต่คุณพ่อน้องเพิ่งเสีย น้องยังทำใจไม่ได้ ถึงน้องจะไปอยู่กับคุณพี่ น้องก็คงไม่มีความสุข คุณพี่รอน้องอีกหน่อยเถอะนะคะ”
ขุนไวใจอ่อน สวมกอดรำพึง
“ก็ได้จ้ะ พี่จะยอมตามใจน้อง”
รำพึงลอบยิ้มอย่างพอใจ
“แต่คืนนี้พี่ขออยู่กับน้องนะ พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
ขุนไวก้มจูบซอกคอรำพึงที่เบี่ยงตัวหลบ
“อย่าค่ะคุณพี่ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
ขุนไวชะเง้อไปที่เรือนพลางส่งสายตากรุ้มกริ่ม
“แขกกลับหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
รำพึงใจหายวูบ
“คุณพี่จะขึ้นไปบนห้องนอนน้องไม่ได้นะคะ”
“ทำไมหรือว่าไอ้พิทักษ์อยู่”
“ใช่ค่ะ ถ้าน้องรู้ก่อนว่าคืนนี้คุณพี่จะมาหาน้อง น้องจะไม่ให้ขุนพิทักษ์มาอยู่ที่เรือนนี้ได้”
“น้องก็ไล่มันกลับไปสิ”
รำพึงตกใจ
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณพี่ โธ่..คุณพี่ คุณพี่ก็รู้ว่าน้องต้องการคุณพี่มากกว่าใคร”
ขุนไวชักสีหน้า
“ถ้าน้องไม่ไล่ พี่จะไล่เอง”

ขุนไวจะเดินไป แต่รำพึงคว้าแขนไว้

 
“อย่าค่ะคุณพี่”
 

“ถ้าน้องห้ามพี่ แสดงว่าน้องไม่ได้ต้องการพี่มากกว่ามันอย่างที่น้องพูด”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่น้องกำลังบอกว่า ถึงห้องน้องจะไม่ว่าง แต่ยังมีห้องอื่นว่างอยู่นะคะ”
“ห้องใคร”
“ห้องเจ้าคุณพ่อไงคะ”
ขุนไวยิ้มออก รำพึงจูงมือขุนไวไปทางเรือน
สมยืนถือห่อยาสีหน้าอึ้งตะลึงงัน
“คุณรำพึงเป็นชู้กับขุนไว”
ขุนพิทักษ์นอนหลับอยู่บนเตียง จวงนั่งสัปหงกหัวทิ่มพื้นอยู่ จวงตกใจรีบชะโงกหน้าแวบโผล่ดูเห็นขุนพิทักษ์ ขยับตัว จวงก็หลบแวบลงไปที่พื้นพยายามปิดปากตัวเอง หน้าตาเสียวกลัวขุนพิทักษ์จะตื่น
“โธ่ถัง...ทูนหัวของบ่าวคุยอะไรกับท่านขุนไวนานขนาดนี้เนี่ย ถ้าท่านขุนพิทักษ์ตื่นมาตอนนี้ล่ะยุ่งเลย” จวงเบาๆกับขุนพิทักษ์
“อย่าเพื่งตื่นนะเจ้าคะ เกิดท่านขุนเมามนต์เสน่ห์คิดว่า จวงเป็นคุณรำพึงแล้วปล้ำจวงขึ้นมาล่ะก็ โอ้ย... ไม่อยากจะคิด”
ขณะที่จวงเพ้อ ขุนพิทักษ์ก็ละเมอขึ้นมา
“น้องรำพึง น้องรำพึง”
จวงสะดุ้งตาโต
“นั่นไง! พูดไม่ทันขาดคำ”
จวงชะโงกหน้าไปดูขุนพิทักษ์อีกที
“เดี๋ยวจวงจะรีบไปตามขุนรำพึงมาให้นะเจ้าคะ จะได้ไม่ผิดฝาผิดตัว”
จวงรีบมุดคลานงุดๆ ออกไปจากห้องอย่างทุลักทุเล ขุนพิทักษ์ยังหลับไม่รู้สึกตัว

จวงย่องเบาๆอยู่บนเรือน มองซ้าย มองขวา แล้วก็ต้องสะดุดกึกที่หน้าห้องพระยาเทวราช เพราะได้ยินเสียงเอี๊ยด!ลั่นของพื้นไม้เหมือนมีคนเดิน จวงหน้าเสียมองไปที่โกศพระยาเทวราชแล้วรีบพนมมือ
“อุ่ย...ท่านเจ้าคุณอย่าล้อบ่าวเล่นแบบนี้นะเจ้าคะ อีจวงไม่อยากหัวโกร๋น”
จวงได้ยินเสียงเอี๊ยด! อีก จวงสะดุ้งตกใจเซไปชนประตู เป็นจังหวะที่รำพึงเปิดประตูผลั๊วะมา จวงจะร้องกรี๊ด แต่รำพึงปิดปากจวงไว้
“ข้าเอง นังจวง”
จวงมองรำพึงแต่ตาทะลุไปเห็นขุนไวที่นอนหลับเปลือยอกอยู่บนเตียง จวงทำท่าชี้ขุนไวที่นอนอยู่บนเตียง
จวงพยายามพูดทั้งที่มือรำพึงปิดปากอยู่
“เงียบเลย ...มากับข้า”
รำพึงรีบปิดประตู ดึงจวงให้ตามตัวเองไป

รำพึงลากจวงแบบถูลู่ถูกังมาที่หน้าเรือน ก่อนที่จะผลักจวงออกไป
“ตกใจอะไร ทำยังกะเห็นผี”
“ยิ่งกว่าเห็นผีอีกเจ้าค่ะ คุณรำพึงเจ้าคะ...ทำไมท่านขุนไวมานอนเปลือยอยู่บนเรือนแบบนั้นหล่ะเจ้าคะ”
“ก็ใครพามันมาล่ะ เอ็งไม่ใช่เหรอ”
“ก็ท่านขุนไวจะคุยกับคุณรำพึง บ่าวก็คิดว่าจะแค่คุยเฉยๆ ไม่ได้คิดว่าจะมี...เอ่อ...”
“แล้วคิดว่าข้าอยากมีรึไง”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ บ่าวก็แค่ห่วงคุณรำพึงเจ้าค่ะ เพราะว่าคุณรำพึงแต่งงานกับท่านขุนพิทักษ์แล้วนะเจ้าคะ ถ้ายังทำแบบนี้กับท่านขุนไว เกิดใครจับได้เขาจะนินทาว่าทูนหัวของบ่าวเล่นชู้”
รำพึงตบจวงผัวะ
“เอ็งก็อย่าปากสว่างไปบอกใครสิ”
จวงหุบปากหมับ
“ไม่บอกเจ้าค่ะ”

“ที่ข้าต้องทำแบบนี้เพราะข้าจำใจ ไม่อย่างนั้นไอ้ขุนไวมันจะเอาเรื่องของข้าไปโพนทะนา เอ็งอยากให้ข้าต้องอับอายผู้คนหรือไงว่าข้าเป็นหญิงสองผัว”
 

“ไม่อยากเจ้าค่ะ... ขุนไวร้ายแบบนี้น่าจะให้พ่อหมอเสกหนังควายเข้าท้องให้ตายๆไปเลยนะเจ้าคะ”
“ตอนนี้ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงไอ้ขุนไวให้มันเชื่อง และคอยฟังคำสั่งข้า ไม่แน่วันข้างหน้าข้าอาจต้องใช้ประโยชน์จากมัน”
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่จะว่าไปอาคมของพ่อหมอนี่ก็เป็นเลิศนะเจ้าคะ...คืนเดียวสองชาย...มาพร้อมๆกันเลย”
รำพึงมองดุ
“นังจวง”
จังหวะนั้นรำพึงเห็นเงาใครตะคุ่มๆ อยู่ที่มุมหนึ่งเรือน รำพึงสะกิดจวง จวงเห็นตกใจ
“นั่นใคร”
“ผะ ผี หรือเปล่าเจ้าคะ”
“อย่าเพ้อเจ้อน่ะนังจวง”
รำพึงเดินนำไป
“ใจกล้าเหลือเกิน ทูนหัวของบ่าว...กับผีกับสางก็ไม่เว้น”
จวงต้องจำใจตาม

สมนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ยังคิดถึงภาพที่เห็นรำพึงกับขุนไว
“แต่คืนนี้พี่ขออยู่กับน้องนะ พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
ขุนไวก้มจูบซอกคอ รำพึงเบี่ยงตัวหลบ
“อย่าค่ะคุณพี่ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

สมยังกำห่อยาแน่น
“คุณรำพึงไม่น่าทำแบบนี้ น่าสงสารคุณหญิงจริงๆ”
รำพึงเดินเข้ามาเห็นแต่แผ่นหลัง จึงส่งเสียงเรียก
“ใครอยู่ตรงนั้น”
ความคิดของสมสะดุดลงทันที สมหันหน้าขวับ รำพึงตกใจ
“ไอ้สม!”
จวงเห็นยิ่งตกใจ
“ไอ้สม เอ็งมาทำอะไรค่ำๆมืดๆ”
“คุณหญิงท่านสั่งให้ข้าเอายาฝรั่งมาให้คุณรำพึง”
รำพึงนึกหวั่นใจ
“เอ็งมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
สมจ้องหน้ารำพึงนิ่ง
“ข้าถามว่าเอ็งมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
สมก้มหน้า หลบตาแล้วตอบ
“เพิ่งมาถึงขอรับ...นี่ยาขอรับ”
สมยื่นยาให้ จวงรีบไปรับ
“เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับไปได้แล้ว”
สมเดินออกไป จวงเป่าปากบอก
“โชคดีนะเจ้าคะที่มันเพิ่งมาถึง ไม่งั้นไม่รู้ว่ามันจะรู้จะเห็นอะไรบ้าง”
รำพึงดึงห่อยาที่ยับย่นแลเปียกเหงื่อของสมมาดู รำพึงไม่อยากเชื่อ
“ขอให้มันจริงเถอะ”

ภายในเรือนทาส ชุ่มนั่งไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้ว
“บุญกุศลที่ข้าได้จากการสวดมนต์นี้ขอให้เป็นเกราะป้องกันให้ท่านขุนปลอดภัยด้วยเถอะ”
ชุ่มกราบ แต่ทันใดนั้น ชุ่มก็รู้สึกพะอืดพะอม จนต้องวิ่งออกไปอ้วกที่หน้าชาน สมเข้ามาเห็นน้อง รีบไปช่วยลูบหลังเอาน้ำให้บ้วนปาก
“เป็นอะไรนังชุ่ม”
“คลื่นไส้น่ะจ๊ะ”
“นี่เอ็งไม่ได้กินอะไรเลยใช่มั้ย”
ชุ่มค่อยๆพยักหน้า
“ชุ่มเอ๊ย อย่าทรมานตัวเองนักเลยวะ”
สมประคองน้องเข้าเรือน
“พี่สม...พี่สมไปเรือนโน้นมาได้เจอท่านขุนบ้างมั้ย”
สมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจแต่ไม่พูด
“ไม่เจอ ข้าไม่เจอใครทั้งนั้น ไปนอนได้แล้ว ดึกมากแล้ว”
สมดันตัวน้องให้เข้าไปในเรือน แต่ชุ่มยังยื้อไว้
“ข้าไม่เชื่อ พี่ถอนใจแบบนี้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“เอ็งอย่ารู้เลยวะ รู้ไปก็เปล่าประโยชน์”
“ถ้าพี่ยังเห็นข้าเป็นน้อง พี่ต้องบอกข้า”
สมอึกอัก ชุ่มคาดคั้น
“พี่สม”
“เออ...บอกก็ได้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เห็นเหมือนกัน”
“พี่เห็นอะไร”
“คุณรำพึงเล่นชู้กับขุนไว!”
ชุ่มตกใจ
“อะไรนะ!”
“ผัวตัวก็นอนหัวโด่อยู่บนเรือน ยังจะพาชู้ขึ้นไปเหยียบเรือนให้บัดสีอีก”
“ข้าเป็นห่วงท่านขุนกับคุณหญิงจังเลยพี่สม”
“เป็นห่วงแล้วเราจะทำอะไรได้ ลมปากของทาสอย่างข้า พูดไปใครจะเชื่อนอกจากจะจับให้ได้คาหนังคาเขา”
“แต่ถ้าทำแบบนั้นชื่อเสียงของคุณหญิงกับท่านขุนก็จะเสื่อมเสีย อีกอย่างท่านพระยาเทวราชก็เพิ่งจะสิ้น เรื่องนี้คงทำให้วิญญาณท่านไม่เป็นสุขแน่ๆ ข้าขอนะพี่สม ขอให้เรารู้เรื่องนี้กันแค่สองคน อย่าต้องให้ถึงหูคุณหญิงเลย”
สมถอนใจร้อง “เออ!”
ชุ่มหน้าวิตกกังวลกับเรื่องที่ได้ยิน สมเองก็จนปัญญา ที่นอกเรือนเห็นจวงตาโต ใจระทึกยืนแอบฟังอยู่ รับรู้ทุกสิ่ง

มุมสวนบ้านพระยาเทวราช เวลากลางคืน รำพึงตากร้าวหันขวับ
“เอามันไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
“ทั้งพี่ทั้งน้องเลยเหรอเจ้าคะ”
“กำจัดตัวพี่มันก่อน ส่วนนังตัวน้องข้าจะเก็บมันไว้ทรมาน ให้สาสมกับที่มันเคยทำให้ข้าเจ็บใจ”

แววตารำพึงเหี้ยม

เช้าวันใหม่ บริเวณท่าน้ำเรือนคุณหญิงมณี สมกำลังขัดเรืออย่างขมีขมัน รำพึงก้าวเข้ามาที่หน้าสมที่อยู่ในเรือ สมเงยขึ้นมอง เห็นรำพึงยืนอยู่ มีจวงประกบข้าง

“ไอ้สม...เอาเรือออก คุณรำพึงจะไปธุระ”
“ลำนี้ข้าล้างอยู่ เดี๋ยวข้าจะให้ไอ้ชดเอาลำใหม่ออกให้”
“ข้าจะไปลำนี้ และเอ็งต้องเป็นคนพาข้าไป”
“หรือเอ็งจะขัดคำสั่ง” จวงพูดขึ้นทันที
สมเหนื่อยใจ
“คุณรำพึงจะไปไหนขอรับ”
“ไปตามที่ข้าบอกก็พอ อย่าสะเออะรู้มาก”
สมถอนใจ แต่จำต้องทำตามหน้าที่
บริเวณมุมสวนใกล้ท่าน้ำ ขุนพิทักษ์เดินมาในชุดทำงาน เห็นจวงกำลังพารำพึงลงเรือ โดยมีสมเป็นคนพาย
“น้องรำพึงจะไปไหนแต่เช้า”

หัวเรือเทียบเข้าท่าที่ท้ายป่าริมคลอง สมโดดขึ้นฝั่งมาจับเรือไว้ จวงดึงรำพึงขึ้นจากเรือ
“เอ็งรออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวข้ามา” รำพึงบอก
“คุณรำพึงมาทำอะไรแถวนี้หรือขอรับ”
“ไอ้สม เป็นแค่ทาสอย่าทำสอดรู้ เพราะพวกสอดรู้ไม่ตายดีสักคน”
รำพึงเสียงเหี้ยมมองหน้าสมก่อนเดินไป
“แต่ถ้าคุณรำพึงไปนานแล้วยังกลับมา เอ็งต้องรีบไปดูล่ะ ถ้าคุณรำพึงเป็นอะไรไป เอ็งได้หัวหลุดจากบ่าแน่ ข้าเตือนแล้วน้าโว้ย” จวงบอก
พูดจบจวงก็สะบัดเดินเข้าตามรำพึงไป สมถอนใจเฮือกใหญ่ นั่งคอย

บริเวณเรือนทาส ชุ่มอาเจียนโอ๊กอ๊าก ชุ่มบ้วนปากและเริ่มสงสัย
“นี่เราเป็นอะไร”
จังหวะนั้นแจ่มเข้ามาหาชุ่ม
“นังชุ่ม เอ็งเห็นไอ้สมมันบ้างมั้ย มันหายหัวไปไหน คุณหญิงจะใช้มันไปซื้อของที่ตลาด”
“พี่สมไปที่ท่าน้ำแต่เช้าแล้วนี่จ๊ะน้าแจ่ม”
“ไม่อยู่ทั้งเรือ ทั้งคน ไม่ได้เรื่องกัน เฮ้อ!”
แจ่มเลยตะโกนเรียกทาสแถวนั้นให้ไปตามคนเรือใหม่มา
“ไปเรียกไอ้ชดมาพาข้าไปตลาดหน่อย”
แจ่มงุ่นง่านเดินไป ชุ่มนึกแปลกใจว่า พี่ชายหายไปไหน

ผ่านเวลา สมทั้งนั่ง ทั้งยืน สมเงยหน้ามองตะวัน
“ตั้งนานแล้วยังไม่กลับกันมาอีก”
สมชะเง้อมองตามไปจนสุดท้ายตัดสินใจเดินตามไป ตามทางที่รำพึงกับจวงเดินไป

สมเดินมาตามทางป่าแล้วตะโกนเรียก
“คุณรำพึงขอรับ นังจวง”
สมมองหาไปรอบตัว
“หายไปไหนกันวะ”
มีคนเดินเข้ามาด้านหลังของสมแล้วใช้ไม้ท่อนใหญ่ฟาดเข้าไปที่หัวสมอย่างแรง
“โอ้ย!”
สมล้มลง มึนตึ่บเพราะโดนฟาดที่หัว สมไม่มีจังหวะป้องกันตัว รำพึงกระหน่ำตีสมอย่างสะใจ
“อยากแส่เรื่องของข้าดีนัก มันก็ต้องโดนแบบนี้ ดูสิว่าถ้าตายเป็นผีแล้วยังจะพูดเรื่องข้ากับขุนไวได้อีกมั้ย”
ไม้สุดท้ายรำพึงฟาดไปที่หน้าจนสมสลบ หน้าตาสมเต็มไปด้วยเลือดยับเยิน ที่พุ่มไม้ข้างๆจวงปิดตากลัวอยู่ ทั้งกลัวสมจะตาย ทั้งกลัวรำพึง จวงพูดเบาๆ
“นี่ถ้าอีจวงทำผิด คุณรำพึงจะฆ่าอีจวงแบบนี้มั้ยเนี่ย”
“นังจวง ออกมาได้แล้ว”
จวงเดินออกมาอย่างหวาดหวั่น
“ทูนหัวเจ้าขา...ถึงกับต้องฆ่ามันเลยเหรอเจ้าคะ”
“ถ้ามันไม่ตาย พวกเรานี่แหละจะตาย มาช่วยกันลากมันไปถ่วงน้ำ เร็ว”
“เจ้าค่ะ!”
จวงแขยงด้วยความกลัวแต่จำต้องช่วย ทั้งสองคนพยายามช่วยกันลากสม แต่จังหวะที่ลากอยู่ มือสมก็จับขาจวงหมับ จวงร้องกรี๊ด !กระโดดหนี
“ผี! ผีไอ้สม”
สมลุกขึ้นคว้าแขน รำพึงสะบัดแขนออก ใช้มือทุบสม สมเหวี่ยงรำพึงล้มลง
“ว้าย! ทูนหัวของบ่าว”
รำพึงพยายามจะลุกหนีแต่สมจับขาไว้ รำพึงถีบสม แต่สมยังจับขารำพึงไว้แน่น
จังหวะนั้นมีเสียงขุนพิทักษ์เรียกรำพึง
“น้องรำพึง น้องรำพึง”
จวงตกใจ
“ท่านขุน”
สมได้ยินเสียงขุนพิทักษ์ก็พยายามเปล่งเสียง
“ท่านขุน ช่วยด้วยขอรับ”
รำพึงเห็นท่าไม่ดีที่สมเรียกท่านขุน จึงรีบพลิกสถานการณ์ รำพึงถีบสม ฉีกสไบตัวเอง ปลดโจง แล้วพยายามจับแขนสมให้จับตัวเอง
“อีจวงมาช่วยข้า”
สมกับรำพึงยื้อกัน จวงเข้ามาช่วยยื้อทำให้สมพลิกตัวเหมือนคร่อมรำพึง รำพึงตะโกนเรียก
“คุณพี่ช่วยน้องด้วยค่ะ คุณพี่”
ขุนพิทักษ์เข้ามาเห็นภาพสมเหมือนจะทำร้ายรำพึง โดยมีจวงช่วยห้าม
“ไอ้สม ไอ้ชั่ว!”

ขุนพิทักษ์ไปดึงรำพึงออก และเตะเสยหน้าสมจนสลบ

บ่วงบาป ตอนที่ 9 (ต่อ)

บริเวณที่โบย สมร่างโชกเลือดถูกโยนลงพื้น ขุนพิทักษ์เข้าไปกระทืบไม่ยั้ง ชุ่มโผกอดพี่ชายร้องไห้ด้วยความตกใจ ทาสต่างๆพากันวิพากษ์ วิจารณ์ ขุนพิทักษ์พูดด้วยความโกรธมาก
“เอาดาบมา ข้าจะตัดหัวมัน”
“อย่านะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์พุ่งไปคว้าดาบ คุณหญิงมณีเข้ามาขวาง
“หยุดนะ นี่มันอะไรกันพ่อพิทักษ์ ถึงขนาดจะฆ่าจะแกงกันเลยเชียวรึ”
“ก็ไอ้สมมันคิดจะทำระยำกับน้องรำพึง มันสมควรตายขอรับคุณแม่”
“เรื่องมันยังไงกันหนูรำพึง”
รำพึงร้องไห้หนักมีสภาพดูน่าสงสาร
“รำพึงแค่ขอให้นายสมช่วยพายเรือไปเก็บบัว เพราะรำพึงอยากเอาบัวไปไหว้เจ้าคุณพ่อ แต่ไม่นึกเลยว่าพอจวงลับตาไปนายสมจะทำเรื่องบัดสีกับรำพึง”
รำพึงร้องไห้โฮใหญ่
“โถ...ทูนหัวของบ่าวน่าสงสารจริงๆ”
สมยังเจ็บมากแต่บอก
“ไม่จริงนะขอรับ”
รำพึงรีบสวน
“รำพึงต้องปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของคุณพี่และคุณแม่ จะยอมให้ใครย่ำยีง่ายๆไม่ได้ รำพึงจึงสู้สุดชีวิต โชคดีที่จวงกลับมาช่วยทัน แต่รำพึงก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด นี่ถ้าคุณพี่ไม่ตามไปเจอ ป่านนี้สะใภ้ของคุณแม่ต้องถูกปู้ยี่ปู้ยำไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆเจ้าค่ะ”
“คุณหญิงเจ้าคะ พี่สมไม่ทำแบบนั้นแน่”
คุณหญิงมณียังไม่ทันเอ่ยอะไร รำพึงก็ขัดขึ้นมาก่อน
“นังชุ่ม...อย่ามาออกตัวแทนพี่เอ็ง เอ็งก็รู้อยู่แก่ใจว่าพี่เอ็งมันเกลียดข้า เพราะมันคิดว่าข้าแย่งท่านขุนมาจากเอ็ง มันเลยทำกับข้าแบบนี้”
“อ้อ นี่พี่มันชั่วเพราะน้องมันนี่เอง...ชั่วกันทั้งตระกูล”
“ท่านขุน!” ชุ่มร้องขึ้นอย่างเสียใจ
ชุ่มปวดใจจี๊ดได้แต่ร้องไห้ในอกพี่ชาย สมเห็นน้อง สมสุดทน
“โกหก...คุณรำพึงโกหก ความจริงคือคุณรำพึงตั้งใจจะฆ่าข้า”
รำพึงหน้าเสีย
“น้องรำพึงจะฆ่าเอ็งทำไม ไอ้สม อย่าพูดพล่อยๆ”
“เพราะข้ารู้ความลับของคุณรำพึง”
รำพึงหน้าเสีย ตกใจหนัก
“ไม่จริง อย่าไปฟังมัน มันกำลังหลอกเราค่ะคุณพี่”
คุณหญิงมณีถามทันที
“ความลับอะไรไอ้สม”
“คุณรำพึงเล่นชู้กับขุนไว!”
ทุกคนตะลึงกันหมด! หันมองรำพึงเป็นตาเดียว รำพึงต้องแก้สถานการณ์ด้วยการดึงดาบจากมือขุนพิทักษ์ แต่ขุนพิทักษ์ยื้อไว้
“ถ้าน้องต้องถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยเรื่องอัปรีย์เช่นนี้ น้องขอตายตามเจ้าคุณพ่อเสียดีกว่า โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมให้น้อง ให้น้องตายเถอะค่ะคุณพี่”
จวงตาโตมองรำพึงว่าทำไปได้ถึงขนาดนี้ ขุนพิทักษ์เข้าไปดึงดาบจากรำพึงออกมา แล้วกอดรำพึงไว้แน่น “ไม่...พี่ไม่มีวันปล่อยให้น้องเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
ขุนพิทักษ์สีหน้าเกรี้ยวกราดหันขวับมาที่สม
“เอาตัวนังชุ่มออกมา”
ทาสชายไปจับตัวนังชุ่มไว้
“ปล่อยพี่ข้า...ปล่อยพี่สมนะเจ้าคะ”
“ไอ้สม เอ็งทำให้น้องรำพึงต้องเจ็บ ต้องอาย แถมยังปั้นเรื่องขึ้นมาป้ายสีน้องรำพึงอีก เอ็งอย่าอยู่เลย ตายซะเถอะ”
ขุนพิทักษ์เงื้อดาบ จังหวะนั้นชุ่มสะบัดสุดแรงเกิดให้หลุดจากการจับกุม วิ่งเข้าไปขวางทางดาบ ขุนพิทักษ์หยุดกึก ดาบห่างจากตัวชุ่มแค่คืบ คุณหญิงมณีกับแจ่มต่างตกใจ
ชุ่มมองหน้าขุนพิทักษ์ด้วยน้ำตา แล้วค่อยๆก้มลงกราบเท้าขุนพิทักษ์
“ข้าขอเอาชีวิตของข้าแลกกับชีวิตพี่สม ถ้าท่านจะฆ่าก็ลงดาบมาที่คอข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
ดวงตาชุ่มแน่วแน่ ขุนพิทักษ์หยุดชะงักไม่ไหวติง
รำพึงมองลุ้นว่า ขุนพิทักษ์จะฟันคอชุ่ม แต่ดาบในมือขุนพิทักษ์กลับลดลง ชุ่มทรุดลงไปกองกับพื้น สมเข้ามากอดน้อง รำพึงมองอย่างขัดใจ
เสียงคุณหญิงมณีดังก้องขึ้นมาอย่างสุดทน
“ไอ้สมมันเป็นคนของแม่ แม่จะจัดการลงโทษมันเอง”
“คุณแม่จะทำยังไงก็ตามแต่ใจเถอะขอรับ แต่ลูกต้องไม่อยากเห็นหน้ามันในเรือนของเราอีกต่อไป”
ขุนพิทักษ์ประคองรำพึงขึ้นเรือน รำพึงทำสำออย
“น้องเจ็บเหลือเกินค่ะคุณพี่”
รำพึง มอง สมกับชุ่มอย่างผู้ชนะ คุณหญิงมณีมองตามลูกชายอย่างเป็นกังวล
“แจ่ม..ทำแผลให้ไอ้สมด้วย”
คุณหญิงมองพี่น้องสองคนกอดกันร้องไห้ก่อนเดินขึ้นเรือนไป จวงหัวเราะก่อนพูดว่า
“สะใจจริงโว้ย...ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร”
“แล้วเอ็งเป็นใครนังจวง เป็นคนหรือเป็นคางคกวะถึงได้ตัวพองขนาดนี้” แจ่มถาม
“อ้าว!น้าแจ่มพูดจาแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้แก่ตายหรอก”
“อ้าว อีจวงพูดจาแบบนี้เดี๋ยวก็โดนคนแก่ตบตายหรอก จะลองดูมั้ยล่ะ”
แจ่มถกโจงจะเอาจริง จวงแหยงชี้หน้าแจ่ม
“อีน้าแจ่ม อย่าคิดว่ากลัวนะ...แค่ไม่อยากตบคนแก่ให้เสียมือ”
“ไม่กลัวก็เข้ามา รับรองเอ็งได้ตายสมใจแน่อีจวง”
จวงรีบวิ่งแจ้นขึ้นเรือนตามนายไป
“โธ่..ไม่แน่จริงนี่หว่า อีคางคก”

แจ่มหันไปหาชุ่มกับสม แจ่มได้แต่ลูบหัวชุ่มด้วยความสงสาร

ภายในเรือนหอ ขุนพิทักษ์ชุบน้ำเช็ดตัวให้รำพึงอย่างเบามือ รำพึงหาทางหยั่งเชิงถาม

“คุณพี่คะ น้องขอโทษนะคะที่มีเรื่องมาให้คุณพี่ต้องร้อนใจ”
ขุนพิทักษ์วางผ้า
“อย่าพูดแบบนี้อีก...เรื่องอะไรที่ทำให้น้องเจ็บ พี่ก็เจ็บไปด้วย”
รำพึงแอบยิ้ม
“แล้วเรื่องขุนไวกับน้อง...คุณพี่เชื่อไอ้สมรึเปล่าคะ”
ขุนพิทักษ์พลิกตัวรำพึงมามองหน้าอย่างจริงจัง รำพึงแอบหวั่น ในใจรีบบริกรรมคาถา
“ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู”
ขุนพิทักษ์แววตาเปลี่ยน เคลิ้มดังต้องมนต์
“ไม่เลยสักนิด พี่ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องรำพึงจะทำเรื่องชั่วๆแบบนั้นได้”
ขุนพิทักษ์ประทับจูบที่หน้าผากรำพึง รำพึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจ แต่นัยน์ตามีแววร้ายที่ชนะศึก

ภายในเรือนทาส เวลากลางคืน ชุ่มค่อยๆทำแผลให้สมจนเสร็จ แจ่มช่วยผสมยาอยู่ด้วย คุณหญิงยืนมองอย่างสะท้อนใจ สมยกมือขึ้นพนม
“คุณหญิงขอรับ กระผมสาบานได้ว่ากระผมไม่ได้โกหก กระผมไม่ได้ปล้ำคุณรำพึงนะขอรับ”
“เอ็งไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้ารู้ว่าเอ็งไม่ทำเรื่องชั่วแบบนั้นแน่ไอ้สม”
สมกับชุ่มมองคุณหญิงมณีน้ำตาจะไหล
“สม..ช่วงนี้ข้าจะให้เอ็งไปอยู่กับหลวงพ่อสักพักก่อน ข้าบอกกล่าวกับหลวงพ่อท่านไว้แล้ว”
ชุ่มมองสมและพิงหัวไปที่ไหล่พี่ชาย
“ชุ่มที่ข้าทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าข้าจะลงโทษพี่เอ็งอย่างที่ลูกข้าบอก แต่ถ้าเขาร้อนเป็นไฟ เราก็ต้องเย็นเป็นน้ำ เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างร้อนมันก็มีแต่จะเผาผลาญกันไม่จบไม่สิ้น ข้าเชื่อว่ามันต้องมีวันที่ลูกข้ารู้ดีรู้ชอบ”
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ แค่นี้คุณหญิงก็เมตตาต่อบ่าวและพี่สมมากแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณียื่นเงินให้สมถุงหนึ่ง
“เอาเก็บไว้ใช้ ไปอยู่ไกลตาข้าจะได้ไม่ลำบาก”
สมรับไปทั้งสมและชุ่มกราบคุณหญิง
“กราบขอบพระคุณคุณหญิงขอรับ”
“พักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยไป”
คุณหญิงมณีเดินออกไปจากเรือนแจ่มเดินตาม
ที่ด้านหน้าเรือน คุณหญิงลงบันไดมา แจ่มตามมาติดๆ
“คุณหญิงเจ้าคะ แล้วเรื่องที่ท่านขุนไวกับคุณรำพึงที่ไอ้สมมันบอก คุณหญิงคิดยังไงเจ้าคะ”
“ไม่มีหลักฐานเราไม่ควรกล่าวหาใคร”
แจ่มรีบหุบปาก
“เจ้าค่ะ แต่ก็แปลกนะเจ้าคะ ทำไมอยู่ๆท่านขุนก็ลุกขึ้นมารักคุณรำพึงไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ แจ่มว่าท่านขุนต้องโดนของแน่ๆเจ้าค่ะ”
“ใครทำอะไรไว้ สักวันความจริงก็จะปรากฎ ไม่นานหรอกนังแจ่ม เวรกรรมมันมีจริง เชื่อข้า”
คุณหญิงเดินนำไป แจ่มเกาหัวแล้วบ่นๆ
“เฮ้อ...ทำไมมันยุ่งอิรุงตุงนังกันไปหมดวะเนี่ย”
แจ่มเดินตามคุณหญิงไป

เช้าวันใหม่ ที่กุฎิ สมกับชุ่มกราบหลวงตามั่น
“ฝากพี่สมด้วยนะเจ้าคะหลวงตา”
“อยู่วัด...อยู่แล้วเย็น ไม่ต้องห่วงหรอกโยม”
“ข้าต่างหากที่ต้องห่วงเอ็งนังชุ่ม คุณรำพึงจ้องจะเล่นงานเอ็ง ยิ่งท่านขุนมาเป็นซะแบบนี้ยิ่งอันตรายสำหรับเอ็ง”
“ตัวข้าน่ะช่างมันเถอะ แต่ข้าเป็นห่วงท่านขุน ข้ารู้สึกว่าท่านขุนไม่ใช่ท่านขุนคนเดิม”
“โยมพิทักษ์กำลังเผชิญวิบากกรรม ใจเขาไม่อยู่กับตัว เราต้องเรียกสติโยมพิทักษ์กลับมา”
“หลวงพ่อหมายความว่ายังไงเจ้าคะ”
“อำนาจพุทธคุณ”
ชุ่มคิดตามที่หลวงตามั่นพูดแล้วนึกถึง...

โยมนำแหวนพิรอดวงนี้ไปมอบให้กับขุนพิทักษ์
ชุ่มดีใจถาม
“แหวนจะช่วยปกป้องท่านขุนใช่ไหมเจ้าคะ”
“มันเป็นเพียงเครื่องเตือนสติยามที่ตกอยู่ในอำนาจของกิเลส จำไว้ สิ่งที่จะช่วยท่านขุนได้คือ สติ และ จิตใจที่ดีงามเพียงเท่านั้น”

“แหวนพิรอด! ข้าต้องกลับไปหาแหวนให้เจอ”
“เอ็งต้องระวังตัวนะชุ่ม คนอย่างคุณรำพึงทำได้ทุกอย่าง”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะต้องทำให้ท่านขุนคนเดิมกลับมาให้ได้”
ชุ่มกราบลาหลวงตาแล้ววิ่งออกไป สมเป็นห่วงน้อง

ในเวลาต่อมา จวงเปิดประตูห้องหอออกมา รำพึงก้าวนำออกมา
“ทูนหัวของบ่าว...ทำไมต้องลงสวนไปเก็บดอกไม้เองล่ะเจ้าคะ ใช้บ่าวก็ได้เจ้าค่ะ”
“ข้าอยากเลือกเอง เพราะข้าอยากจัดดอกไม้สวยๆหอมๆไว้รอคุณพี่กลับมา”
จวงตาเยิ้มบอก
“หวานเหลือเกินเจ้าค่ะ แต่จะว่าไปกลิ่นดอกไม้หอมแค่ไหนก็ไร้ค่า เมื่อเจอกลิ่นกายของคุณรำพึงกับเสน่ห์น้ำมันจันทน์ รับรองท่านขุนไม่ไปไหนแน่เจ้าค่ะ”
รำพึงรีบปราม
“เรื่องแบบนี้อย่าเอามาพูดเล่น”
รำพึงเดินฉับ ฉับ ลงจากเรือน จวงรีบตาม
“รอจวงด้วยสิเจ้าคะ ทูนหัว”
จวงวิ่งตามไป ชุ่มโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง แล้วย่องเข้าห้องหออย่างระวัง
ภายในห้อง ชุ่มรีบค้นตามตู้ โต๊ะต่างๆ อย่างรีบเร่ง จนชุ่มไปเจอกล่องๆหนึ่ง เปิดมามีกริชประจำตระกูลอยู่ในนั้นและชุ่มก็เจอแหวนวางอยู่คู่กัน

“เจอแล้ว!”

ชุ่มรีบหยิบแหวนขึ้นมาแล้วเก็บไว้ที่ชายพก ชุ่มเก็บกล่องกริช แล้วรีบจะออกจากห้อง แต่จังหวะที่จะเปิดประตูออกมา คนที่อยู่ตรงหน้าชุ่มคือรำพึง ชุ่มตกใจ
“นังชุ่ม!”
“คุณรำพึง!”
ชุ่มได้สติจะรีบหนี แต่รำพึงจับดันเข้าไปในห้อง โดยมีจวงเข้ามาช่วย
“นังชุ่มเอ็งเข้ามาในห้องคุณรำพึงทำไม เอ็งคิดจะมาขโมยอะไรบอกมา”
“เอ่อ...ข้า”
“นังจวง ค้นตัวมัน”
จวงจะเข้าค้นตัวชุ่มแต่ชุ่มถีบจวง ชุ่มจะวิ่งหนีแต่รำพึงจับไว้ รำพึงตบหน้าชุ่ม ชุ่มล้มไป จวงล็อกตัวชุ่มได้
“ฤทธิ์เยอะนักนะนังชุ่ม...ไหนดูสิว่าคนอย่างเอ็งที่ชอบขโมยผัวคนอื่นแล้วยังจะขโมยอะไรอีก”
รำพึงเข้าค้นตัวชุ่มแล้วก็เจอของที่ชายพก รำพึงหยิบออกมาเห็นเป็นแหวนพระ รำพึงชูแหวนขึ้น
“คุณรำพึงขอข้าเถอะ นั่นมันแหวนของข้า”
ชุ่มพยายามตะกายดิ้นให้หลุดเพื่อจะเอาแหวน
“แหวนของเอ็ง แล้วทำไมมาอยู่ในห้องข้า”
ชุ่มตอบไม่ถูก รำพึงบีบปากชุ่ม
“จำใส่กะโหลกไว้ ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของเอ็ง..มันมีแต่ของของข้า จำไว้ นังทาสชั้นต่ำ”
“คืนแหวนให้ข้าเถอะเจ้าค่ะ มันสำคัญกับข้ามาก”
“สำคัญมากนักเหรอ ถ้าสำคัญมาก ไม่ว่ามันไปอยู่มี่ไหนเอ็งก็ต้องตามหามันให้เจอใช่มั้ย...ถ้ายังงั้นก็ไปตามหาในป่าก็แล้วกัน”
รำพึงพูดจบก็โยนแหวนทิ้งออกหน้าต่าง ชุ่มโกรธเผลอขึ้นเสียงกับรำพึง
“คุณรำพึง”
“กล้าขึ้นเสียงกับคุณรำพึงเหรอ... อย่าปล่อยมันไว้เจ้าค่ะคุณรำพึง”
รำพึงตบหน้าจนชุ่มร้อง
ที่ด้านหน้าห้องคุณหญิงมณีกับแจ่มเดินมาได้ยินเสียงชุ่มก็รีบเข้าไปดู เห็นรำพึงกำลังตบชุ่มอยู่
“หนูรำพึง...ทำไมทำนังชุ่มมันแบบนี้”
แจ่มรีบเข้าไปแยกชุ่มจากจวง ซึ่งก็ฮึ่มๆจะใส่กันอยู่ระหว่างแจ่มกับจวง
“นังชุ่มมันเข้ามาขโมยของในห้อง จะไม่ให้รำพึงลงโทษมันได้ยังไงล่ะเจ้าคะคุณแม่”
“เอ็งแอบเข้ามาในห้องนี้รึ”
ชุ่มจำพยักหน้าตอบ
“เจ้าค่ะ แต่บ่าวไม่ได้ขโมย บ่าวไม่ได้เอาอะไรของคุณรำพึงไปนะเจ้าคะ”
“ตอแหล แบบนี้ปล่อยไว้มีแต่จะเป็นเยี่ยงอย่างเลวๆให้กับคนในปกครองนะเจ้าคะคุณแม่”
คุณหญิงมณีถูกดักคอ
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ให้คุณหญิงท่านตัดสินเถอะเจ้าค่ะ เพราะคุณหญิงเป็นเป็นผู้ปกครองของเรือนนี้” แจ่มบอก
รำพึงหันขวับ
“ใครขอความคิดเห็นทาสอย่างเอ็ง”
แจ่มเจอพลังแดกดันของรำพึงจนหงอไป จวงคิกคัก
“นี่ห้องหอของรำพึง รำพึงขอจัดการนังหัวขโมยนี่ด้วยตัวรำพึงเอง หวังว่าคุณแม่คงไม่ขัดนะเจ้าคะ”
คุณหญิงมณีน้ำท่วมปากจำต้องยอม รำพึงยิ้มร้ายที่ชุ่มเหมือนลูกไก่ในกำมือ

ไม้หวายลงหลังชุ่มดัง ฟั่บ! ชุ่มกรีดร้อง แผ่นหลังแตกตามรอยหวาย
“โอ๊ย!”
“ริจะเป็นหัวขโมย มันก็ต้องเจ็บแบบนี้”
รำพึงฟาดดังขวับ
“พอทีเถอะหนูรำพึง นังชุ่มมันโดนเฆี่ยนไปเป็นสิบไม้แล้วนะ”
“มันจะได้จำแล้วก็ไม่กล้าทำแบบนี้อีกไงเจ้าคะคุณแม่..โดนแค่เนี้ยมันยังน้อยไป”
รำพึงหันไปเรียกจวง
“นังจวง...”
จวงสาดน้ำเกลือไปที่หลัง ชุ่มร้องกรี๊ด! แจ่มตกใจรีบเข้าไปแย่งถังน้ำเกลือจากจวง
“นังจวงเอ็งราดมันด้วยน้ำเกลือ แผลสดๆแบบนั้นมันจะทนไหวได้ยังไง ทำกันยังกับไม่ใช่คน”
“ข้าทำตามคำสั่งคุณรำพึง เรื่องอื่นข้าไม่สน”
“อีจวง...”
แจ่มปรี๊ดจะเข้าลุย แต่คุณหญิงห้ามไว้ แจ่มน้ำตารินด้วยความสงสารชุ่ม
“หนูรำพึง แม่ขอเถอะนะ เดี๋ยวนังชุ่มมันจะขาดใจตายซะก่อน”
รำพึงยิ้มเย็นบอก
“รำพึงคงจะให้คุณแม่ไม่ได้ เพราะรำพึงมีหน้าที่ดูแลคนในเรือนนี้แทนคุณพี่และคุณแม่ ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด”
รำพึงลงหวายฟาดลงหลังชุ่มอีก คุณหญิงมณีทนดูไม่ได้ถึงกับต้องเดินหนีไป แจ่มจำต้องตาม

บริเวณหลังเรือน เด็กๆ เล่นกันอยู่เป็นกลุ่ม ที่พื้นมีแหวนพิรอดที่ตกอยู่ ไอ้ดำหยิบแหวนขึ้นมาดู
“แหวนใครวะ”
ขุนพิทักษ์เดินมาเห็นไอ้ดำกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่เลยถาม
“ดูอะไรอยู่ไอ้ดำ”
“แหวนขอรับท่านขุน ไม่รู้ของใครมาตกอยู่แถวนี้”
ดำยื่นแหวนให้ขุนพิทักษ์ แสงเรืองจากแหวนทำให้ขุนพิทักษ์ชะงักจนต้องเอื้อมมือไปหยิบ
“ไอ้ดำตาเอ็งแล้ว มาเร็ว” เด็กคนหนึ่งบอก
“เออ เออ ข้าไปแล้ว” ไอ้ดำบอก
ดำวิ่งออกไป ทิ้งขุนพิทักษ์ไว้ที่ตรงนั้น
ขุนพิทักษ์มองแหวนอย่างพิเคราะห์ เสียงสวดมนต์ ลอยเข้ามาในภวังค์ จนทำให้ขุนพิทักษ์ มีอาการมึน
เสียงร้องของชุ่มที่โดนโบย ลอยเข้ามาในภวังค์

หลังชุ่มอาบไปด้วยเลือด รำพึงเข้ามาจิกหัวชุ่ม
“พี่เอ็งยังไม่รอดเงื้อมือข้า นับประสาอะไรกับคนอย่างเอ็ง คิดจะลองดีกับข้า ก็อย่าหวังจะรอดเลย”
“ข้าไม่ได้อยากจะลองดีกับท่าน ข้าแค่อยากให้ท่านขุนได้สวมแหวน”
“จะตายแล้วยังปากดีอีก”
“ต่อให้ข้าต้องตายแต่ถ้าท่านขุนปลอดภัยข้าก็ยอม”
รำพึงปรี๊ด
“อีชุ่ม งั้นเอ็งก็เตรียมตัวตายได้เลย”
รำพึงฟาดชุ่มไม่ยั้ง ชุ่มร้องโอยเจ็บปวด
ขุนพิทักษ์มองแหวน ภาพในมโนสำนึกก็ผุดขึ้นมา

“ท่านขุน สัญญากับข้าได้ไหมว่าท่านจะสวมแหวนไว้ตลอด”
ขุนพิทักษ์สวมแหวนแล้วยกให้ดู
“พอใจหรือยัง”

ขุนพิทักษ์นึกถึงตอนที่นอนกอดและบอกรักชุ่มในเรือนทาส

รำพึงลงหวายไม้ที่หลังชุ่ม ก่อนชุ่มจะหมดสติเรียก
“ท่านขุน!”
ขุนพิทักษ์ที่มองแหวนอยู่ ได้ยินเสียงเรียกของชุ่ม และขุนพิทักษ์ก็เรียกชื่อชุ่มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ชุ่ม”
ขุนพิทักษ์ตัดสินใจเอาแหวนขึ้นมาสวม แสงวาบจากแหวน ทำให้ขุนพิทักษ์เซและปวดหัวขุนพิทักษ์สลบลงไปกองกับพื้น

โถน้ำมันจันทน์ที่เรือนหมอไสยฯแตกเพล้ง! หมอไสย์ลืมตาจากบริกรรม
“ใครมันกล้าลองดีกับข้า!”
หมอไสย์มองโถน้ำมันจันทน์ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว

รำพึงกับจวงเดินหัวเราะมาอย่างสะใจ
“สมน้ำหน้านังชุ่มมันจริงๆนะเจ้าคะ อยู่ๆก็มาให้เราเชือดถึงที่”
“ตอนนี้ต่อให้ร้อยคุณแม่ก็คุ้มกะลาหัวนังชุ่มมันไม่ได้ แหมน่าเสียดายจริง นี่ถ้าคุณพี่อยู่นะ ข้าจะให้คุณพี่เฆี่ยนมันกับมือของคุณพี่เอง”
บ่าวหิ้วปีกขุนพิทักษ์ที่สลบอยู่ตรงมาตามทาง จวงเห็นก็ตกใจสะกิดรำพึง
“ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา ท่านขุนเจ้าค่ะ”
รำพึงหันไปตามทิศทาที่จวงชี้ แล้วรำพึงก็ต้องตาโต
“แล้วทำไมคุณพี่หมดสติแบบนี้”
ทาสชายมาหยุดตรงรำพึงกับจวง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ทาสบอก
“ไม่รู้ขอรับ เห็นแต่ท่านขุนนอนหมดสติอยู่ที่ด้านหลังเรือนขอรับ”
“รีบพาคุณพี่ขึ้นเรือน เร็วเข้า”
ทั้งหมดพากันไปอย่างรีบร้อนตามคำเร่งของรำพึง

ในห้องหอ ขุนพิทักษ์ค่อยๆตื่นลืมตาเห็นหน้าของรำพึงที่ยิ้มสวยให้
“คุณพี่...คุณพี่ได้สติแล้ว”
คุณหญิงมณีกับแจ่มดีใจ
“พ่อพิทักษ์”
ขุนพิทักษ์ค่อยยันตัวขึ้น
“น้องเป็นห่วงคุณพี่เหลือเกินค่ะ”
รำพึงโผจะเข้ากอด แต่พิทักษ์กลับผลักรำพึงออก จวงรีบไปรับ
“ว้าย...ทูนหัวของบ่าว ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะเจ้าคะ”
“คุณพี่ทำไมทำกับน้องแบบนี้คะ”
“ทำไมข้ามาอยู่ที่นี่ ชุ่มไปไหน”
ขุนพิทักษ์ไม่สนใจรำพึง หันไปหาแม่
“คุณแม่ ชุ่มอยู่ไหนขอรับ”
คุณหญิงมณียิ้มดีใจที่ขุนพิทักษ์คนเดิมกลับมา
“ชุ่มอยู่ที่ลานโบย”
ขุนพิทักษ์รวบสติได้รีบลุกออกไป แต่รำพึงตามไปจับไว้
“คุณพี่ไปไม่ได้นะเจ้าคะ คุณพี่ฟังน้องก่อน คุณพี่ต้องฟังน้อง”
รำพึงบริกรรมคาถาในใจเพ่งใส่ขุนพิทักษ์
“ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู”
ขุนพิทักษ์สะบัดรำพึงออก
“ปล่อยข้า”
รำพึงล้มลงไปกองกับพื้น ขุนพิทักษ์ไม่สนใจ รีบวิ่งไปหาชุ่ม คุณหญิงมณีกับแจ่มตามลูกชายออกไป
“คุณรำพึงเจ้าขา ท่านขุนไปแล้วเจ้าค่ะ”
รำพึงกรีดเสียงดัง
“แอร๊ย! มันต้องมีอะไรผิดพลาด”
รำพึงรีบลุกตามไป จวงไปด้วย

ชุ่มนอนซม หลังโชกไปด้วยเลือด ขุนพิทักษ์วิ่งมาเจอชุ่มในสภาพที่เขาไม่เคยคิด
“ชุ่ม”

บ่วงบาป ตอนที่ 9 (ต่อ)

ขุนพิทักษ์วิ่งเข้าไปประคองกอดชุ่มอย่างทะนุถนอม
“ทำไมเอ็งเป็นแบบนี้ใครทำเอ็งแบบนี้ รำพึงใช่มั้ย”
ชุ่มดีใจที่เห็นหน้า ชุ่มค่อยๆเอามือลูบแก้มขุนพิทักษ์
“ท่านขุน ปลอดภัยแล้วนะเจ้าคะ ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์เห็นสภาพเมียตัวเอง ถึงกับน้ำตาไหลกอดชุ่มแน่น คุณหญิงมณีกับแจ่มเห็นภาพตรงหน้าต่างก็ยิ้มให้กัน
“หมดเคราะห์ซะทีลูกแม่”
“ทำไมจู่ๆท่านขุนถึงกลับมาดีได้ล่ะเจ้าคะคุณหญิง ของเสื่อมเหรอเจ้าคะ”
“ก็พูดไปนังแจ่ม ใช่รึเปล่าเราก็ยังไม่รู้แน่ ตอนนี้ กลับมาดีก็ดีแล้ว เรื่องต่ำๆพวกนั้นใครทำเดี๋ยวมันก็ต้องย้อนกลับเข้าตัว”
ความดีใจยังไม่ทันอิ่มเอม รำพึงก็โผล่เข้ามาอาละวาดดึงขุนพิทักษ์ออกจากชุ่ม
“คุณพี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ น้องไม่ยอม”
“เจ้าต่างหากที่ทำแบบนี้กับชุ่มไม่ได้ พอกันที เจ้าอย่าให้ข้าทนไม่ไหว”
“ทำไม ทนไม่ไหวแล้วจะทำไม”
“ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือข้าเอง!”
รำพึงช็อก คาดไม่ถึง
“คุณพี่”
ขุนพิทักษ์ไม่สนใจ อุ้มชุ่มไปเลย
“อย่าร้อนใจไปเลยหนูรำพึง ใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น เหมือนที่หนูบอกแม่ไง จำได้มั้ย”
คุณหญิงมณีพูดทิ้งระเบิดไว้แค่นั้นแล้วก็ไป พร้อมแจ่มที่เดินเข้าไปกระแซะจวง
“พองไม่ออกเลยสิ อีคางคก”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ อีน้าแจ่ม”
รำพึงกำหมัดแน่น อกแทบระเบิด

บริเวณที่ทำการ เวลากลางวัน ขุนไวยิ้มและยกมือไหว้ท่านเทศา
“ขอบพระคุณท่านเทศาขอรับที่ยังเมตตากระผมให้กลับมาช่วยงานราชการ”
“คนมีฝีมือ เราก็ต้องสนับสนุน”
“แล้วคำสั่งของพระยาเทวราชที่ให้กระผมไปประจำการที่ต่างเมือง”
“ฉันได้สั่งโยกย้ายให้ท่านได้กลับเข้ามาที่นี่แล้ว คนตายก็ถือว่าล่วงลับ คนเป็นก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า”
ขุนไวยิ้มรับ
“ขอรับ ต่อไปนี้กระผมจะเดินหน้าอย่างเดียว จะตั้งใจทำงานตอบแทนท่านเทศาให้เต็มที่ขอรับ”
“ไม่ใช่ทำเพื่อฉัน เป็นข้าราชการต้องทำงานเพื่อแผ่นดิน”
“ขอรับ”
ขุนไวพลิกตัวออกมา ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มแฝงแววอำมหิต ถึงเวลาที่เขาจะกลับมาผงาดอีกครั้ง

เวลาเย็น รำพึงปาขวดน้ำมันจันทน์ใส่หมอไสย์
“ไหนบอกว่าอาคมแกร่งกล้าไง แล้วนี่อะไร ทำไมถึงเอาผัวข้าไม่อยู่”
“ใจเย็นๆเจ้าค่ะ หมอผีนะเจ้าคะ อย่าไปยั่วโมโหท่านหมอ” จวงปราม
“มีคนลองของกับข้า อำนาจพุทธคุณทำลายอาคมข้า”
“จะเป็นไปได้ยังไง คุณพี่ไม่เคยเสวนากับพระด้วยซ้ำ”
“คิดให้ดีว่ามีอะไรที่เป็นเครื่องราง ที่ผัวเจ้าครอบครองอยู่บ้าง”
รำพึงคิด ภาพแหวนผุดชึ้นมา
“แหวนพระ นังชุ่มมันตามหาแหวน”
มือของขุนพิทักษ์ที่ผลักรำพึงมีแหวนอยู่ที่นิ้ว
“คุณพี่ใส่แหวนของนังชุ่ม”
“เป็นไปได้ยังไงเจ้าคะ ก็คุณรำพึงทิ้งเองกับมือ”
รำพึงอึ้งไป
“ถ้าเอ็งอยากได้ผัวคืน เอ็งต้องใช้อาคมที่เหนือกว่าพลังที่ปกป้องผัวเอ็งอยู่ แต่ครั้งนี้เอ็งต้องจ่ายหนักกว่าเดิม”
“ขอให้คุณพี่มาสยบแทบเท้าข้า เท่าไหร่ข้าก็ยอมจ่าย”
“แต่ทำพิธีครั้งนี้ข้าต้องใช้เส้นผมของผัวเอ็ง”
รำพึงแน่วแน่ว่าต้องไปข้างเดินหน้าไม่มีถอย

ขุนพิทักษ์ค่อยทาแผลให้ชุ่ม
“เจ็บมากใช่มั้ย”
ชุ่มเจ็บแต่กัดฟันทน ขุนพิทักษ์หอมชุ่ม
“เอ็งโดนทำร้ายขนาดนี้ ทำไมข้าไม่รู้เรื่อง นี่ข้ามัวไปอยู่ที่ไหน”
“ช่างมันเถอะเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านขุนก็อยู่นี่แล้วไงเจ้าคะ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ชุ่ม ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกิน รู้สึกเหมือนกับว่าข้าห่างเอ็งไปนานเป็นปี”
ชุ่มจับมือที่ใส่แหวนของขุนพิทักษ์
“สวมแหวนพิรอดติดตัวไว้นะเจ้าคะ อย่าถอด สัญญากับข้านะเจ้าคะ”
“ข้าสัญญา ข้าจะสวมมันไว้ เหมือนว่าข้ามีเจ้าอยู่เคียงข้างข้าไปตลอด”
ขุนพิทักษ์กอดชุ่มอย่างทะนุถนอมเหมือนไม่อยากจากไปไหน คุณหญิงมณีเข้ามา
“คุณแม่ขอรับ ชุ่มไม่ยอมเล่าอะไรให้ลูกฟังเลย คุณแม่ช่วยเล่าเรื่องต่างๆให้ลูกได้รับรู้ในสิ่งที่ลูกควรรู้ด้วยเถอะขอรับ”
คุณหญิงมณีมองขุนพิทักษ์
รำพึงเดินวนไปมาอย่างคิดหนัก จวงเปิดประตูเข้าห้องมา
“ว่าไงนังจวง”
“จวงให้คนไปบอกที่เรือนท่านขุนพิทุกษ์แล้วเจ้าค่ะ ว่าคุณรำพึงจะนอนที่นี่”
“ดีแล้ว เพราะถ้าขืนข้ากลับไปตอนนี้มีแต่จะแพ้นังชุ่ม เจ็บใจนักนี่ถ้าไม่ใช่เพราะนังชุ่ม คุณพี่ก็จะยังรักข้าหลงข้า อีมารความสุข”
“ไม่รู้ป่านนี้มันจะฟ้องอะไรท่านขุนบ้างนะเจ้าคะ คงเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้เราแน่ๆ”
“รอให้ข้าได้ทำพิธีก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปทวงบัลลังก์ของข้าคืน นังจวง เอ็งต้องเอาเส้นผมคุณพี่มาให้ข้าเร็วที่สุด”
“จวงเหรอเจ้าคะ!”
“ก็เออน่ะสิ”

จวงเกาหัวไหงมาลงที่จวง

วันใหม่ ภายในห้องนอนชุ่มบนเรือน ขุนพิทักษ์เช็ดตัวให้ชุ่มอย่างอ่อนโยน
“ท่านขุนไม่น่าต้องลำบากมาทำแบบนี้เลย”
“ไม่ลำบากเลย ตอนข้าเจ็บเอ็งก็ทำให้ข้าแบบนี้ ถึงคราวเอ็งเจ็บข้าก็ต้องดูแลเอ็ง”
ชุ่มยิ้มปลื้มน้ำตาซึม
“ข้าขอโทษที่ข้าทำตัวเลวร้ายกับเอ็งและพี่ชายของเอ็ง ข้าไม่รู้เลยว่าข้าทำอะไรลงไป”
ชุ่มจับมือบอก
“ไม่ต้องพูดแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าแค่อยากให้เอ็งรู้ว่านั่นไม่ใช่ข้า เพราะไม่มีวันที่ข้าจะทำร้ายเอ็งได้”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์อย่างซึ้งใจ คุณหญิงมณีเข้าห้องมาพร้อม แจ่มที่ถือถาดใส่ข้าวต้มมาให้ 2 ชาม
“แม่ให้แจ่มทำข้าวต้มมาให้ลูกกับชุ่ม”
“ลูกไม่ได้เป็นคนเจ็บ คุณแม่ทำให้ลูกทำไมขอรับ”
“ก็คุณหญิงบอกว่าท่านขุนมัวแต่พยาบาลคนเจ็บจนลืมตนเอง คุณหญิงก็เลยให้แจ่มจัดมาเลย สอง”
“ขอบพระคุณขอรับคุณแม่”
ขุนพิทักษ์จัดแจงข้าวต้มให้ชุ่มก่อน แต่พอเปิดฝาข้าวต้มเท่านั้น ชุ่มก็เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ขุนพิทักษ์ ตกใจค้าง แต่แจ่มวิ่งหากระโถนเป็นพัลวัน
“นังชุ่ม อาการของเอ็งเหมือนคนท้องไม่มีผิด” แจ่มบอก
แจ่มเผลอพูดไป แต่โดนเข้าไปจังเบ้อเร่อ ทุกคนหยุดกิจกรรมในทันที
“ระดูเอ็งขาดรึเปล่า” คุณหญิงถาม
ชุ่มพยักหน้า
“ขาดไปเป็นเดือนแล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่เหมือนแล้วนังแจ่ม แบบนี้ใช่เลย”
“เอ็งท้องแล้วนังชุ่ม...ไชโย...นังชุ่มท้องแล้ว”
คุณหญิงมณีหันไปเห็นขุนพิทักษ์ช็อกค้างอยู่ คุณหญิงมณีตีลูกเรียกสติ
“พ่อพิทักษ์ ลูกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะ”
“ลูกจะมีลูกของลูกเหรอขอรับคุณแม่”
“เรียกง่ายๆว่าหลานแม่”
“ไชโย”
ขุนพิทักษ์พุ่งเข้าไปกอดชุ่ม ชุ่มเจ็บ ขุนพิทักษ์ขอโทษเมีย คุณหญิงมณียิ้ม แจ่มป่าวประกาศทั่วบ้าน ภาพความสดชื่นกลับมาอีกครั้ง

ขบวนคุณหญิงมีชุ่ม ขุนพิทักษ์ แจ่ม และบ่าว ตามกันมาตรงไปท่าน้ำ
“พาเมียไปไหว้พระ รดน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลกับลูกกับเมียนะพ่อพิทักษ์”
“ลูกหวังว่า ชุ่มจะไม่หนาวจนจับไข้ตายนะขอรับคุณแม่”
“ท่านขุนเจ้าคะ บาปนะเจ้าคะ” ชุ่มบอก
“ก็ข้าเป็นห่วงเอ็งนี่นา”
แจ่มเห็นคู่หนุ่มสาวโอบประคองกันไปอย่าทะนุถนอม
“คุณหญิงเจ้าขา นี่ถ้าคุณรำพึงกลับมาแล้วรู้ว่านังชุ่มมันท้อง มีหวังเธอคงคลั่งนะเจ้าคะ”
“ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงนังแจ่ม บุญทำกรรมแต่งกันมา ให้หนียังไงก็หนีกันไม่พ้น”
“ดูท่านขุนสิเจ้าคะ ต่างกับเมื่อสองสามวันก่อนราวฟ้ากับเหว แจ่มว่าคุณรำพึงต้องต้องทำเสน่ห์”
คุณหญิงมณีดุ
“นังแจ่ม”
“เจ้าค่ะ...ไปเจ้าค่ะ”
คุณหญิงมณีกับกลุ่มลงเรือไป จวงที่แอบดูอยู่พอเห็นทั้งหมดลอยเรือไปก็พูดกับตัวเอง
“เสร็จอีจวงล่ะ”
จวงก็รีบแจ้นขึ้นเรือน

จวงโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนชุ่ม บนเรือนคุณหญิงมณี
“เส้นผมท่านขุน เส้นผมท่านขุน..ที่แปรงผม”
จวงพุ่งไปตรงกระจก หยิบหวีมาดูแต่ต้องผิดหวัง
“คนอะไรวะแปรงผม ไม่มีผมติดแปรงสักเส้น เฮ้ย...แล้วจะเอาที่ไหนวะเนี้ย ผม หัว อ้อ หมอน”
จวงวิ่งจู๊ดไปที่หมอน และเอาหน้าส่องไปบนหมอน จวงก็ตาวาวเพราะมีเส้นผมติดอยู่ 2-3 เส้น
“มันต้องยังงี้สิอีจวง ฉลาดมาก”
จวงรีบหยิบเส้นผมใส่ในห่อผ้าเล็กที่เตรียมมา
แต่จังหวะที่กำลังห่อประตูก็เปิดผลั้วะ จวงตกใจ เมื่อเจอผ่องกับผาดที่ยิงคำถามขึ้นพร้อมกัน
“ทำอะไรน่ะนังจวง”
จวงพูดเบาๆกับตัวเอง
“อีผ่อง อีผาด อีทาสขัดจังหวะ แล้วจะหนียังไงวะเนี่ย”
จวงรีบหาทางเอาห่อผ้าซ่อนในอก
“เอ็งเข้ามาทำอะไรในห้องท่านขุน”
จวงรีบเฉ หันมา
“ข้าก็มาดูของให้คุณรำพึงน่ะสิ”
“แล้วมาดูบ้าอะไรห้องนี้ นี่มันห้องนังชุ่ม” ผาดถาม
“หรือคิดจะมาขโมยอะไร” ผ่องว่า
จวงตาโต
“บ้า...คนอย่างข้าเนี่ยนะจะมาขโมยของคนอย่างนังชุ่ม เพ้อใหญ่แล้วนะเอ็งสองคนน่ะ”
ผ่องกับผาดเดินรุกอีจวง อีจวงถอยหนี หมุนไป หมุนไป
“ให้มันจริงเหอะวะ ทำตัวเป็นหัวขโมย เดี๋ยวก็ได้หลังลายเหมือนนังชุ่มหรอก” ผาดบอก
“ทำกรรมกับใครเขาไว้เดี๋ยวกรรมมันก็ตามสนอง” ผ่องว่า
“นังชุ่มมันเป็นคนดี ดวงมันไม่ตกง่ายๆหรอก”
“ยิ่งตอนนี้อุ้มท้องหลานคุณหญิง ดวงมีแต่จะขึ้นเอา ขึ้นเอา จะบอกให้”
ผ่องกับผาดรุกจวงจนจวงสะดุดธรณีประตูหงายท้อง ผ่อง ผาด หัวเราะเยาะ
“ฝากไว้ก่อนเถอะวะ ถ้าคุณรำพึงของข้ากลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะสอยพวกเอ็งให้ร่วงเป็นมะม่วงเน่าเลยคอยดู”
จวงรีบลุกแล้ววิ่งออกไปผ่องกับผาดหัวเราะเยาะตามหลัง

ภายในห้องรำพึงในเรือนพระยาเทวราช รำพึงเขวี้ยงกระจกแตก
“อีชุ่ม อย่าคิดนะว่าเอ็งมีลูกแล้วเอ็งจะชนะข้า”
รำพึงเปิดดูห่อผ้าเก็บเส้นผม แล้วกำเส้นผมแน่น

“ไอ้มารหัวขน ข้าจะกำจัดมันทั้งแม่ทั้งลูก!”

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ภายในวัด หลวงตามั่นพรมน้ำมนต์ให้ทุกคน
                “ขอให้ลูกหลานอิฉัน อยู่เย็นเป็นสุข เหมือนน้ำมนต์ของหลวงพ่อด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
                “หากใจเราเย็น ชีวิตก็จะเย็นตามไปด้วย มีสติก็จะเห็นแต่สิ่งที่ถูกที่ควร”
                ขุนพิทักษ์รับฟังด้วยสำนึก จังหวะนั้นสมเข้ามาเปลี่ยนกาน้ำชาให้หลวงตามั่นเยี่ยงเด็กวัด
                “สม ข้าขอคุยด้วยหน่อย ชุ่มเอ็งไปกับข้าด้วย”
                ขุนพิทักษ์กับ ชุ่ม สมออกไปด้วยกัน
                คุณหญิงมณีพูดกับหลวงพ่อ
                “พ่อพิทักษ์ เขารู้ตัวว่าเขาผิด นี่คงจะไปปรับความเข้าใจกับไอ้สม”
                คุณหญิงมณีมองตามลูกชายอย่างชื่นชม
                “คุณหญิง ให้ท่านขุนหมั่นทำบุญให้มากนะ”
                “หลวงพ่อพูดแบบนี้แสดงว่าพ่อพิทักษ์ ยังไม่หมดเคราะห์เหรอเจ้าคะ”
                “สัตย์สาบานที่เขาเคยให้ไว้กับพ่อ  เขายังชดใช้มันไม่หมด วิบากกรรมยังไม่จบสิ้นเพียงเท่านี้”
                หลวงตามั่นทิ้งปริศนาไว้
                                                                                                                                                                               
                รำพึงเดินเร็วอยู่ในย่านบริเวณตลาด
                “คุณรำพึงจะรีบเดินเร็วไปถึงไหนเจ้าคะ จวงเดินตามไม่ทันแล้วนะเจ้าคะ”
                “มัวแต่ชักช้าเป็นเต่าคลานก็เสร็จนังชุ่มมันพอดีน่ะสิ  ข้าต้องรีบไปให้หมอไสย์ ทำพิธีให้เร็วที่สุด ไม่งั้นเราชวดทุกอย่างแน่”
                ขุนไวเดินอยู่ หางตาก็แวบเห็นรำพึง กับจวง
                “น้องรำพึง...จะไปไหน”
                ขุนไวรุดตามไป
 
 
                บนเรือนหมอไสย์ เส้นผมในห่อวางอยู่ตรงหน้าหมอไสย์ พร้อมมีหุ่นรูปลอยชายหญิง ใบรักซ้อน ยันต์สีแดงและสายสิญจน์สีดำ พร้อมด้วยเลือดในถ้วย หมอไสย์หยิบเส้นผมขึ้นมาแล้วบริกรรมคาถา วางบนใบไม้
                “ใบอะไรเจ้าคะพ่อหมอ” จวงถาม
                “ใบรักซ้อน เป็นใบไม้แห่งความเสน่หาและราคะ คราวนี้ข้าต้องขอเส้นผมของเจ้า”
                รำพึงดึงเส้นผมของตัวเองให้หมอไสย์
                “แล้วมีอะไรที่ข้าต้องทำอีก” รำพึงถาม
                “เอ็งให้คนของเอ็งออกไปรอข้างนอก ส่วนเอ็ง เอ็งต้องอบตัวในโอ่งอาถรรพ์ ข้าจะลงทองให้เอ็งทั้งตัว รอจนกว่าข้าจะปลุกเสกหุ่นรูปรอยเสร็จ เอ็งถึงจะออกมาได้”
                “นังจวง  รู้หน้าที่แล้วก็ออกไปสิ”
                จวงจำต้องออกไป
                “ถ้าเอ็งพร้อมก็ถอดผ้าออกซะ”
 
                รำพึงปลดผ้านุ่งร่วงลงพื้นแล้วค่อยๆก้าวลงไปในโอ่ง ควันพวยพุ่งขึ้นมาล้อมตัวรำพึง เหงื่อรำพึงผุดออกมาตามผิวกาย หมอไสย์บริกรรมคาถาแล้วเอาเส้นผมรำพึงวางคู่กับเส้นผมขุนพิทักษ์หยดเลือดหมาดำ  โรยหนอนแต่หนอนจะหายแว่บไปเลย  แล้วผูกไว้กับหุ่นรูปลอย .
                “หุ่นรานีกำหนัด เป็นการใช้มนต์เสน่ห์ของหญิงผูกจิตชายที่หมายปอง เป็นเสนห์ขั้นสูงสุดที่ไม่มีชายใดต้านทานได้”
                สีหน้ารำพึงยั่วยวนชวนมอง เนื้อตัวเปล่งประกายฉาบไปด้วยสีทอง                                      
                “หญิงใดที่ได้เป็นเจ้าของหุ่นรานีกำหนัด หญิงผู้นั้นเปรียบเป็นราชินีของเสน่ห์ทั้งปวง”
                หมอไสย์เอาเอายันต์สีแดงแปะไว้เข้าที่ตัวของหุ่นทั้งสอง
                “ยันต์ซ่อนชู้ เป็นตัวเร่งเร้าแรงราคะ เพื่อให้ชายผู้นั้นต้องการเสพสมกับหญิงผู้เป็นเจ้าของหุ่น”
                สุดท้ายหมอไสย์ใช้สายสิญจน์สีดำ มัดตัวหุ่นไว้ด้วยกัน
                “สายสิญจน์มัจจุราช เป็นสายสิญจน์ที่ไม่มีอาวุธใดตัดขาดนอกจากมีดอาคม เปรียบดั่งชายผู้นั้นถูกจองจำให้ตกเป็นทาสของเสน่หาไปตลอดกาล”
                หมอไสย์บริกรรมคาถา รำพึงที่เหงื่อโทรมกายแต่ร่างเป็นสีทองประกาย หมอไสย์พ่นเลือดหมาดำออกจากปากใส่หุ่น
                หมอไสย์และรำพึงต่างลืมตาขึ้นพร้อมกัน ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของขุนไวที่แอบอยู่อีกมุมหนึ่งของกระท่อม ขุนไวช็อก
                “น้องรำพึง!”
                ขุนไวไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
บริเวณหน้าโบสถ์ เวลาเย็น ขุนพิทักษ์คุยกับสม มีชุ่มอยู่ด้วย
                “ถ้าเอ็งไม่ติดใจเรื่องที่ผ่านมาก็กลับไปอยู่ที่เรือนเถอะ  ชุ่มจะได้สบายใจ” 
                “แต่คนอื่นอาจจะไม่สบายใจ ชุ่มจะเดือดร้อนไปด้วย กระผมขออยู่ที่นี่ก่อนดีกว่าขอรับ”   
                “งั้นก็ตามใจเอ็งเถอะ”
                สมมองชุ่มด้วยแววตาห่วงใยแล้วคลานเข่าเข้าไปไหว้ขุนพิทักษ์
                “ท่านขุนขอรับ ชีวิตกระผมก็มีแต่ชุ่ม กระผมฝากดูแลชุ่มด้วยนะขอรับ อย่าให้ใครมารังแกมันได้”
                ขุนพิทักษ์นิ่งเงียบก่อนจะคุกเข่าพนมมือต่อหน้าพระ
                “ข้าขอสาบาน”
                ชุ่มตกใจลงนั่งห้ามขุนพิทักษ์
                “ท่านขุน”
                ขุนพิทักษ์ไม่สนคำทัดทาน
                “ข้าสาบานว่าจะรักและดูแลชุ่มกับลูกให้ดี ถ้าข้าผิดคำพูด ขอให้ชีวิตของข้ามีอันเป็นไป”
                ขุนพิทักษ์สบตากับชุ่ม ยืนยันคำพูดผ่านทางสายตา ชุ่มยิ้มเชื่อว่าท่านขุนจะทำได้  สมยิ้มตาม
                ตาขวาชุ่มกระตุก
                “อุ้ย !” 
                ชุ่มแตะตาขวา ขุนพิทักษ์ถาม          
                “เป็นอะไร”
                “ตาขวากระตุกเจ้าค่ะ ไม่รู้จะเกิดเรื่องร้ายอะไรอีก”
                ชุ่มไม่สบายใจ
 
                ในเวลาเดียวกัน หมอไสย์เปิดห่อผ้าสีขาวซึ่งมีหุ่นรูปลอยมีใบรักซ้อนผูกติดอยู่ให้รำพึง
                “เอาไปทำพิธีตามที่ข้าบอก แล้วผัวเอ็งจะกลับมาหาเอ็งเหมือนเดิม”
                รำพึงรับห่อรูปลอยมามองดวงตามุ่งมั่น
 
                รำพึงถือห่อหุ่นรูปลอยเดินมากับจวง ในบริเวณทางเดินไม่ไกลจากเรือนหมอไสย์เพื่อจะกลับเรือน จวงลูบแขนรำพึง 
                “ทูนหัวของบ่าว...ผิวสวยผุดผ่องเหลือเกินเจ้าค่ะ  วันหลังให้จวงลงไปอาบทองในโอ่งอาถรรพ์บ้างสิเจ้าคะ  เผื่อจวงจะเสน่ห์แรงมีหลายผัวแบบคุณรำพึงบ้าง”
                รำพึงจิกผมจวง   
                “นังจวง ! ข้ามีผัวคนเดียว”
                จวงตบปากตัวเอง               
                “จวงรู้เจ้าค่ะ จวงมันปากเสีย ปากพล่อยเองเจ้าค่ะ”
                รำพึงผลักจวงออกแล้วกำลังจะเดินไป  แต่ต้องชะงักกึก จวงชะงักตาม ขุนไวยืนคอยอยู่ข้างหน้า  
                “คุณพี่”

ขุนไวมองรำพึงด้วยแววตาโกรธเสียใจ รำพึงใจไม่ดีแต่ก็ยิ้มหวานกลบเกลื่อนและเอาห่อผ้าหลบที่ด้านหลัง
                “คุณพี่มาทำอะไรแถวนี้คะ” 
                ขุนไวไม่ตอบแต่เข้าไปกระชากห่อผ้ามาจากมือรำพึง
                “คุณพี่ !”    
                ขุนไวอึ้งเมื่อคลี่ห่อผ้าเห็นหุ่นรูปลอย 
                “น้องให้หมอไสย์ทำเสน่ห์ไอ้พิทักษ์!”  
                รำพึงอึกอักรีบปฏิเสธ 
                “น้องเปล่า”
                “โกหก !  พี่เห็นทุกอย่างที่เรือนไอ้หมอไสย์ ไหนน้องบอกว่าไม่ต้องการไอ้พิทักษ์ แล้วน้องทำเสน่ห์ใส่มันทำไม”
                รำพึงพยายามหาทางออก
                “คุณพี่...คุณพี่กำลังเข้าใจน้องผิด”
                “ใช่ ! พี่เข้าใจผิดมาตลอดว่าน้องรักพี่ ต้องการพี่ แต่ความจริงมันไม่ใช่” 
                ขุนไวโกรธมากแล้วคิดอะไรได้จึงปาผ้าที่ห่อหุ่นลงพื้น  แล้วกำลังจะกระทืบขยี้ แต่รำพึงปราดเข้าไปห้าม
                “คุณพี่อย่า !”
                รำพึงเห็นจวงละล้าละลัง
                “นังจวงมาช่วยกันสิ”
                รำพึงกับขุนไวผลักกันไปมาเพื่อแย่งหุ่น จวงดึงแขนขุนไวไว้ข้างหนึ่ง ขุนไวผลักทั้งคู่กระเด็นล้มไปกองบนพื้น สองสาวร้องกรี๊ดลั่น 
                “พี่จะไม่มีวันเสียน้องไปให้ใคร”
                ขุนไวง้างตีนจะกระทืบหุ่นรูปลอย รำพึงรีบพูดทันที
                “ถ้าคุณพี่อยากเห็นน้องตายก็เชิญทำลายเลยค่ะ !” 
                ขุนไวชะงักเท้าห่างจากรูปลอยเพียงนิดเดียว จวงงงกับลูกไม้ของรำพึง 
                “หมอไสย์ผูกวิญญาณน้องไว้ที่หุ่น ถ้าคุณพี่ทำลาย จิตวิญญาณน้องก็จะต้องแตกไปด้วย”
                “เอามาจากไหน” จวงพูดเบาๆคนเดียว
                รำพึงเห็นว่ามุขนี้ได้ผลก็แสดงใส่เป็นชุด
                “ถ้าคุณพี่อยากเห็นน้องตายน้องเป็นบ้าก็เชิญเถอะค่ะ  แต่ก่อนที่น้องจะตาย น้องอยากจะบอกคุณพี่ว่า สิ่งที่น้องทำทั้งหมดนี้  น้องไม่ได้ต้องการตัวขุนพิทักษ์อย่างที่คุณพี่เข้าใจ แต่น้องต้องการทำลายมัน  น้องก็เลยทำของใส่มัน”  
                ขุนไวหยิบหุ่นขึ้นมา
                “ให้พี่ไปฆ่ามัน  มันไม่ง่ายกว่าทำแบบนี้รึ”
                “แต่มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำกับน้อง วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ขุนพิทักษ์ตายอย่างทุกข์ทรมานที่สุด”  
                 รำพึงโอบกอดขุนไว 
                “และที่สำคัญ คุณพี่จะได้ไม่ต้องแปดเปื้อนให้ใครครหาได้  เมื่อขุนพิทักษ์ตาย เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไงคะ”   
                ขุนไวยังไม่เชื่อเสียทีเดียว
                “น้องไม่ได้ต้องการมันแน่นะ” 
                “ในสายตาคุณพี่ น้องเป็นผู้หญิงที่เลวทรามมากใช่ไหมคะ คุณพี่ถึงไม่เชื่อใจน้อง”
                ขุนไวรีบแก้ตัว
                “ไม่ใช่แบบนั้นสักนิด  แต่เพราะพี่กลัวจะสูญเสียน้องไป”
                “มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากเราสองคนได้”  
                รำพึงจูบหน้าผากขุนไว
                “คืนหุ่นให้น้องนะคะ  น้องจะเอาไปจัดการกับขุนพิทักษ์”
                ขุนไวยื่นหุ่นคืนให้รำพึง  รำพึงกำลังจะรับ  จวงลุ้นๆ แต่ขุนไวชักกลับ
                “นานเท่าไหร่ไอ้ขุนพิทักษ์ถึงจะตาย”
                “อดทนหน่อยนะคะ เมื่อวันนั้นมาถึง น้องสัญญาว่ามันจะคุ้มค่ากับการรอคอย” 
                ขุนไวยอมยื่นหุ่นให้รำพึง  รำพึงรับมาแล้วกอดขุนไวแน่น แต่แอบทำหน้าโล่งอก จวงถอนหายใจโล่งอก ปาดเหงื่อพลั่ก 
 
                ภายในห้องนอนเวลาต่อมา รำพึงมือถือห่อผ้าหุ่นรูปลอย กระแทกตัวนั่งลงบนเตียง  
จวงยกนิ้วให้                        
                “ทูนหัวของบ่าวนี่เก่งจริงๆเจ้าค่ะ แต่งเรื่องได้เป็นวรรคเป็นเวร”
                รำพึงหันขวับลุกขึ้นจะเอาเรื่อง  จวงจ๋อยวูบ แต่ทันใดนั้น รำพึงก็แตะขมับ ทรุดตัวลง  ใบหน้าอ่อนระโหย จวงตกใจ
                “คุณรำพึงเป็นอะไรเจ้าคะ” 
                “ข้าเวียนหัว”
                “ก็น่าเวียนหัวอยู่หรอกเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณรำพึงโกหกท่านขุนไวไว้ชุดใหญ่  คุณรำพึงจะจัดการยังไงต่อเจ้าคะ”
                “เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ข้ารู้เพียงอย่างเดียวว่า  ข้าจะต้องทำให้คุณพี่พิทักษ์กลับมาเป็นของข้าเหมือนเดิมให้ได้”
                รำพึงนั่งลงตรงมองหุ่นรูปลอยดวงตามุ่งมั่น  ใบหน้าที่อ่อนระโหยหายไป
 
                คืนนั้น ก้อนเมฆค่อยๆ ลอยบดบังพระจันทร์เต็มดวง รำพึงกับจวงนั่งอยู่กลางป่าช้า  จวงขุดดินสักพักก็ร้องกรี๊ด! รำพึงเห็นหลุมที่ขุดมีโครงกระดูกโผล่ขึ้นมา  รำพึงหวั่นๆเหมือนกัน
                “ไอ้หมอไสย์บ้า  ทำไมต้องให้มาทำพิธีในป่าช้าด้วยวะเนี่ย” จวงว่า
                เสียงหมาหอนดังต่อเนื่อง
                จวงนั่งติดหลังรำพึงพนมมือไหว้ปะหลกๆ  มองไปรอบๆ กลัวผีขึ้นสมอง จวงพึมพำ       “พุทโธ ธัมโม สังโฆ  พุทโธ ธัมโม สังโฆ”  
                รำพึงรำพึงนำหุ่นออกจากห่อผ้าสีขาว  วางผ้าสีขาวบนหลุมแล้วนำหุ่นวางบนผ้าอีกที 
                “นังจวง” 
                จวงส่งโถเลือดให้อย่างรู้ใจ
                “นี่เจ้าค่ะ เลือดแมวดำ”
                รำพึงราดเลือดบนหุ่นรูปลอยก่อนบริกรรมคาถา
                “ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู”
                หุ่นรูปลอยชุ่มไปด้วยเลือด 
 
                ฝ่ายขุนพิทักษ์นอนอยู่ข้างชุ่ม เริ่มนอนกระสับกระส่าย คิ้วขมวด เหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้า แหวนพิรอดบนนิ้วของขุนพิทักษ์เกิดแสงสีทองแผ่ไปทั่วร่างขุนพิทักษ์ คิ้วที่ขมวดกันค่อยๆ คลายลง สีหน้าผ่อนคลายขึ้น ขุนพิทักษ์หยุดกระสับกระส่าย 

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

บ่วงบาป ตอนที่ 9 (ต่อ)

ภายในห้องพระ คุณหญิงไหว้พระบนหิ้ง  
                “ขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยปกป้องคุ้มครองลูกชายของลูกให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
                ไม่ทันขาดคำ เปลวเทียนบนหิ้งดับพรึ่บ ! คุณหญิงไม่สบายใจ สังหรณ์ใจวูบ
 
                รำพึงยังคงบริกรรมคาถาบทสุดท้ายอยู่ในป่าช้า
                “ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู !”
                สิ้นคำเกิดฟ้าผ่าเปรี้ยง ! ตามด้วยลมกรรโชกแรงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  
                “แอร๊ย...  เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” จวงร้องขึ้น 
                รำพึงกับจวงยกมือขึ้นป้องหน้า แล้วจู่ๆ ก็เกิดเงาดำรูปร่างคนมากมายพุ่งขึ้นจากพื้นดิน    
รำพึงกับจวงตาโต
                “ผะ...ผะ...ผี !”  
                จวงหงายหลังล้มตึงแต่รำพึงยังเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้น เหล่าเงาดำพร้อมใจกันพุ่งไปที่หลุมหุ่นราวกับหิวโหยเลือด เลือดบนหุ่นเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำสนิท  
                รำพึงตะลึง ลมกรรโชกแรงมากขึ้น รำพึงยิ้มแสยะดูคล้ายปีศาจร้าย บังเกิดเงาดำจางๆ ซ้อนขึ้นจากร่างขุนพิทักษ์  แสงสีทองจากแหวนพิรอดสว่างวาบ แต่เงาดำก่อตัวขึ้นหนาจนกลบแสงสีทองมิด  คิ้วขุนพิทักษ์ขมวดกันและเกิดภาพรำพึงขึ้นในหัว 
                รำพึงยิ้มงดงามราวนางฟ้าส่งสายตายั่วยวน  พร้อมเสียงรำพึงดังก้อง
                “ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู”
                ขุนพิทักษ์เหงื่อแตกพลั่ก  มือกำผ้าห่มแน่นจากอารมณ์ชายอันพลุ่งพล่าน 
 
                ขุนพิทักษ์ในอาการหอบเหนื่อย ลืมตาโพลงลุกพรวดขึ้นมา ชุ่มรู้สึกตัวตื่น 
                “รำพึงอยู่ไหน” 
                ชุ่มงง
                “ท่านขุน”
                ขุนพิทักษ์ บีบแขนชุ่ม
                “ข้าถามว่าน้องรำพึงอยู่ที่ไหน !”
                “อยู่เรือนท่านพระยาเทวราชเจ้าค่ะ”
                “ทำไมน้องรำพึงอยู่ที่นั่น”
                “ข้าไม่รู้ ท่านขุน...ข้าเจ็บ” 
                ขุนพิทักษ์จ้องหน้าชุ่มแล้วภาพในอดีตก็แว่บขึ้นในหัว
 
                รำพึงบีบน้ำตา
                “ก็ใครเล่าคะที่คุณพี่บอกว่ารักมัน  คุณพี่ยกย่องเชิดชูมันให้ขึ้นมาเสมอน้องทั้งที่มันเป็นแค่ทาส”  
                ขุนพิทักษ์คิด
                “ชุ่ม”
                “คุณพี่จำได้แล้วก็กลับไปหามันเถอะค่ะ  น้องจะกลับไปที่เรือนคุณพ่อ”
 
                ขุนพิทักษ์จำขึ้นมาได้ ยิ่งบีบแขนชุ่มแน่น
                “เพราะเอ็ง น้องรำพึงถึงต้องออกไปจากที่นี่ ข้าจะไปตามน้องรำพึงกลับมา ส่วนเอ็ง..ไสหัวออกไปจากเรือนนี้ !” 
                ขุนพิทักษ์ผลักชุ่มออกจนกระเด็น  ขุนพิทักษ์ออกไปจากห้อง 
                ชุ่มทั้งเจ็บทั้งตกใจ
                “ท่านขุน !”
 
                ขุนพิทักษ์ออกมาจากในห้องนอน ก้าวฉับๆ ไปที่ประตู  ชุ่มตามออกมาดึงแขนขุนพิทักษ์ 
                “ท่านขุน ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ” 
                “อย่ามาแตะต้องตัวข้า !”  
                ขุนพิทักษ์ผลักชุ่มอย่างแรง
                คุณหญิงมณีกับแจ่มเปิดประตูเข้ามาในห้อง  เห็นชุ่มกระเด็นลงพื้นพอดี  คุณหญิงกับจวงตกใจร้องออกมาพร้อมกัน
                “ชุ่ม !” 
                แจ่มปราดเข้าไปดูชุ่ม 
                “พ่อพิทักษ์ทำไมทำกับชุ่มแบบนี้ คนกำลังท้องกำลังไส้  เดี๋ยวก็แท้งหรอก”
                “ลูกไม่สน ให้มันตายไปทั้งแม่ทั้งลูกได้ยิ่งดี”  
                คุณหญิงมณีอึ้ง
                “พ่อพิทักษ์ !”  
                ชุ่มตกใจหนัก
                “ท่านขุน!”
                ขุนพิทักษ์จะออกไป 
                คุณหญิงมณีรั้งลูกไว้
                “ลูกจะไปไหน”  
                “ลูกจะไปรับน้องรำพึงกลับเรือน คุณแม่เอานังชุ่มออกไปจากเรือนนี้ด้วย ลูกไม่ต้องการให้น้องรำพึงกลับมาเห็นหน้ามัน !”  
                ขุนพิทักษ์เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง คุณหญิงงงไปหมด
                “ท่านขุนเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวแบบนี้ แจ่มว่าต้องมีผีเข้าสิงท่านขุนแน่ๆ เจ้าค่ะ”  
                ทุกคนทั้งอึ้ง ทั้งงง!!
 
                รำพึงนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์  ต่างจากจวงที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างกระสับกระส่าย
                “เมื่อคืนทูนหัวของบ่าวทำพิธีไม่สำเร็จหรือเจ้าคะ”
                “เอ็งจะดูถูกข้าเกินไปแล้ว”
                “อ้าว...ถ้าสำเร็จ แล้วทำไมคุณรำพึงถึงยังไม่กลับไปที่เรือนคุณหญิงมณีอีกล่ะเจ้าคะ  จวงอยากเห็นน้ำหน้านังชุ่มตอนเสียผัวเต็มแก่แล้ว”
                “ข้ารอคนมารับ” 
                ขาดคำเสียงขุนพิทักษ์ดังขึ้นจากหน้าเรือน
                “น้องรำพึง น้องรำพึง” 
                รำพึงยิ้มสมใจ จวงยิ้ม
                “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เรื่องแบบนี้ไม่มีใครฉลาดเกินทูนหัวของบ่าวเลยเจ้าค่ะ” 
                จวงวิ่งไปที่ประตูตะโกนเรียก
                “ท่านขุนเจ้าขา...”
                รำพึงพุ่งเข้าไปปิดปากจวง 
                “อย่าสาระแนนังจวง”  
                “อำ ไอ อ้าว  อะ  (ทำไมเจ้าคะ)” 
                “ถึงคุณไสยจะทำให้คุณพี่หลงใหลข้า  แต่มารยาหญิงจะทำให้ข้าได้ในสิ่งที่ข้าต้องการ” 
                รำพึงยิ้มมีแผน

จวงวิ่งนำขุนพิทักษ์มาหน้าห้องรำพึง และเล่นละครด้วยอาการร้อนใจ
                “คุณรำพึงไม่ยอมออกจากห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ  ท่านขุนเมตตาช่วยทูนหัวของจวงด้วยเถอะเจ้าค่ะ”   
                “เอ็งถอยไป ข้าจะพังประตู”
                “เอาอย่างงั้นเลยรึเจ้าคะ” 
                “ข้าสั่งให้ถอยไป !” 
                “เจ้าค่ะๆๆ ของเขาแรงจริง”  
                จวงตะโกนส่งสัญญาณให้รำพึง
                “ท่านขุนพังประตูเข้าไปเลยเจ้าค่ะ”  
                ขุนพิทักษ์ถอยไปตั้งหลักแล้วกระโดดถีบประตู ประตูเปิดออก รำพึงยืนบนเก้าอี้กำลังจะผูกคอตาย ขุนพิทักษ์วิ่งเข้าไปห้าม
                “อย่า !”   
                รำพึงทำเป็นดิ้นๆแล้วร้องไห้
                “คุณพี่ปล่อยน้อง  น้องอยากตาย”   
                ขุนพิทักษ์ยื้อยุดจนเอารำพึงลงมาได้แล้วอุ้มมานั่งที่เตียง  ขุนพิทักษ์กอดรำพึงไว้แน่น 
                “ใครทำอะไรให้น้องเสียใจ บอกพี่ พี่จะไปฆ่ามัน”
                “ไม่มีใครทำอะไรน้อง น้องผิดเอง ผิดที่รักคุณพี่ ทั้งๆ ที่คุณพี่ไม่เคยรักน้องเลย” 
                รำพึงร้องไห้ปล่อยโฮเหมือนจะขาดใจ 
                “ทำไมน้องถึงคิดอย่างนั้น”
                “ก็ท่านขุนบอกว่ารักนังชุ่มคนเดียว และท่านขุนก็ยังจะยกนังชุ่มให้ขึ้นมาเสมอกับคุณรำพึงอีกด้วยเจ้าค่ะ !” จวงว่า
                “ไม่จริง พี่รักน้องรำพึงคนเดียว พี่ไม่มีวันเห็นนังชุ่มดีกว่าน้อง”  
                “แม้ว่าชุ่มกำลังท้องลูกให้คุณพี่หรือคะ”
                “ใช่”  
                “น้องไม่เชื่อ”
                “งั้นพี่จะพิสูจน์ให้น้องเห็น”
                รำพึงกับจวงยิ้มอย่างรู้กัน
 
                บริเวณโถงกลางเรือนคุณหญิงมณี ทาสชายชื่อ ชด มีผ้าสีขาวพันรอบหัว ที่หน้าผากเห็นรอยเลือดเกรอะกรัง  แจ่มรายงานเรื่องของชดให้คุณหญิงฟัง  ชุ่มนั่งอยู่ด้วย
                “ไอ้ชดมันบอกว่ามันกำลังเอาเรือออกตามคำสั่งของท่านขุน  แต่ท่านขุนโมโหว่า มันชักช้า  ไม่ทันใจก็เลยเอาไม้พายฟาดหัวมันเจ้าค่ะ” 
                “พ่อพิทักษ์ทำเกินไปแล้ว...เอ็งไปทำแผลหาหยูกหายาใส่ซะ”  
                “ขอรับ” 
                ชดเดินออกไป
                “ท่านขุนโมโหร้ายแบบนี้ ต้องโดนทำของใส่แน่ๆ เจ้าค่ะ”
                “แต่ท่านขุนใส่แหวนพิรอดอยู่นะน้าแจ่ม” ชุ่มว่า
                “มนต์ดำของต่ำแบบนี้ มันมีฤทธิ์มากกว่าที่เอ็งเข้าใจเยอะนักนังชุ่ม”
                ชุ่มพูดไม่ออก
                คุณหญิงเริ่มเชื่อ
                “เอาเถอะ  ถ้าพ่อพิทักษ์โดนทำของจริงๆ เดี๋ยวเราก็รู้” 
                เสียงจวงดังเข้ามา คุณหญิง, ชุ่มและแจ่มมองไปที่หน้าเรือน   
                “คุณรำพึง ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”  
 
                ขุนพิทักษ์โอบกอดรำพึงขึ้นเรือน  จวงตามหลังต้อยๆ รำพึงเกิดเวียนหัวขึ้นมาจริงๆ
                “คุณพี่คะ น้องเวียนหัว”
                “พี่อุ้มน้องดีกว่า” 
                คุณหญิง ชุ่ม แจ่มเดินออกมาจากในเรือนพอดี
                “พ่อพิทักษ์!”
                ขุนพิทักษ์ชะงักยังไม่ทันอุ้ม รำพึงไหว้คุณหญิง  คุณหญิงรับไหว้
                “นังชุ่ม ทำไมเอ็งยังไม่กลับไปที่เรือนทาสอีก”
                “มันกำลังท้อง แม่ให้มันอยู่รับใช้แม่ ไม่อยากให้มันทำงานหนัก”
                “คุณแม่จะห่วงมันทำไมหนักหนา  ลูกในท้องมันเป็นลูกใครก็ไม่รู้” 
                ชุ่มตกใจและเสียใจ
                “ท่านขุน ทำไมท่านพูดแบบนี้”
                “หรือไม่จริง ลับหลังข้า เอ็งก็คงทำอะไรต่ำๆได้มากกว่าที่ข้าคิด”
                “สำส่อน!” จวงแอบด่า
                “อีจวง !” แจ่มว่า
                “อย่าตัดสินว่าชุ่มจะต่ำเพียงเพราะมันเป็นทาส คนที่ชาติตระกูลสูงกว่าชุ่ม แต่ต่ำมีถมไป พอพ้นชายคาเรือนก็อาจจะไปสำส่อนกับคนอื่นก็เป็นได้” คุณหญิงมณีพูดพลางปรายสายตามองรำพึง
                รำพึงสะอึก  
                “คุณพี่คะ อย่าทำให้คุณแม่ลำบากใจเลยค่ะ ให้ชุ่มอยู่บนเรือนเหมือนเดิมเถอะค่ะ น้องยอมได้”
                “แต่พี่ยอมไม่ได้ !”
                “พ่อพิทักษ์!”
                ชุ่มไม่อยากให้แม่ลูกมีเรื่องกัน
                “ให้บ่าวไปเถอะเจ้าค่ะคุณหญิง ถ้าบ่าวอยู่บนเรือนแต่ทำให้ทุกคนไม่มีความสุข  บ่าวก็ไม่สบายใจ”  
                คุณหญิงจำยอม
                “งั้นเอ็งไปอยู่เรือนท้ายสวน เดี๋ยวข้าจะให้ใครไปช่วยทำความสะอาดเรือน เอ็งจะได้ไม่เหนื่อย”  
                ชุ่มก้มกราบคุณหญิงมณี
                “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
                ชุ่มมองขุนพิทักษ์อย่างห่วงใย  มั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับขุนพิทักษ์แน่ รำพึงยิ้มมุมปากใส่ชุ่มที่เดินออกไป 
                ขุนพิทักษ์ประคองแก้มรำพึง
                “เห็นหรือยังว่าพี่รักน้องมากแค่ไหน”
                “ค่ะคุณพี่” 
                “หนูรำพึงนี่เก่งนะ ทำให้ผัวรักผัวหลงได้มากขนาดนี้” คุณหญิงมณีว่า
                รำพึงอึ้งไปนิด  แล้วรีบกลบเกลื่อน

อ่านต่อเวลา 17.00น.

“ผัวรักเมียมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะคุณแม่”
                “ก็ดีอยู่หรอก ถ้าความรักมันเกิดจากความเต็มใจ ไม่ใช่บังคับใจ...ด้วยวิธีใดก็แล้วแต่”
                รำพึงกับจวงอึ้ง แต่ขุนพิทักษ์ไม่เข้าใจ
                “คุณแม่หมายความว่ายังไงขอรับ”
                “ตอนนี้แม่พูดอะไรไป  พ่อพิทักษ์ก็คงไม่ฟังแม่อยู่ดี”  
                คุณหญิงกับแจ่มกลับเข้าไปที่ห้อง รำพึงมองตามคุณหญิงอย่างไม่พอใจ
 
                รำพึงเปิดประตูเข้ามาในห้องหอ ด้วยท่าทางโกรธจัด  จวงตามมาแล้วรีบปิดประตู
                “ข้าชักจะเหม็นหน้านังคุณแม่ขึ้นทุกวันแล้วสิ”
                “นั่นสิเจ้าคะ  คุณหญิงพูดเหมือนกับรู้ว่า ทูนหัวของบ่าวเล่นชู้กับท่านขุนไวแล้วก็ทำของใส่ท่านขุนพิทักษ์”
                รำพึงตบกระโหลกจวงจนหน้าคว่ำ
                “เอ็งจะเสียงดังทำไม  เดี๋ยวใครก็ได้ยินหรอก”
                “อุ๊ย ! จวงลืมตัวเจ้าค่ะ” 
                “ถ้าเอ็งลืมตัวบ่อยๆ หัวเอ็งจะหลุดออกจากบ่า”
                “ไม่ลืมแล้วเจ้าค่ะ  จวงจะเย็บปากตัวเองให้สนิทเลยเจ้าค่ะ แล้วเรื่องคุณหญิง เราจะทำยังไงดีเจ้าคะ”
                “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะคุณแม่อาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้ เราต้องนิ่งดูเชิงคุณแม่ไปก่อน ถ้ากระโตกกระตากไป จากที่เราได้เปรียบจะกลายเป็นเสียเปรียบพวกมัน”
 
                ชุ่มนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่พื้นในเรือนท้ายสวน  คุณหญิงมณีกับแจ่มอยู่ด้วย
                “เอ็งอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ แล้วก็ไม่ต้องลงไปทำงานแล้ว เดี๋ยวข้าจะอดเห็นหน้าหลาน” 
                ชุ่มก้มกราบ
                “ขอบพระคุณคุณหญิงมากที่เมตตาบ่าวกับลูก”  
                “ข้าจะดูแลเอ็งกับลูกแทนพ่อพิทักษ์ ข้าเชื่อว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพ่อพิทักษ์ เขาถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”
                “บ่าวอยากช่วยท่านขุน”
                คุณหญิงมณีมองชุ่มอย่างมีเมตตา
                “เอ็งอยู่เฉยๆ ดีกว่า เกิดเอ็งทำอะไรให้แม่รำพึงไม่พอใจ เอ็งกับลูกจะไม่ปลอดภัย”
                “จริงของคุณหญิงนะชุ่ม เอ็งน่าจะเป็นคนที่รู้ฤทธิ์ของคุณรำพึงมากกว่าใคร  ยิ่งตอนนี้ท่านขุนทั้งรักทั้งหลงคุณรำพึงแบบนี้ เอ็งต้องระวังตัวให้ดี”
                ชุ่มก็ยังไม่สบายใจ คุณหญิงมณีเองก็คิดหนัก
 
                บริเวณโถงเรือน เวลาเย็น ขุนพิทักษ์ประคองรำพึงลงนั่ง บ่าวจัดเตรียมสำรับอาหารมาวาง
                “น้องไปอยู่ที่เรือนโน้นซะหลายวัน ไม่รู้นังจวงมันดูแลดีรึเปล่า”
                รำพึงแกล้งงอน
                “น้องกินไม่ได้ นอนไม่หลับก็เพราะน้องตรอมใจที่คุณพี่ปันใจไปให้นังชุ่ม”
                “พี่ไม่มีวันปันใจไปให้ใคร เพราะใจพี่มีให้น้องรำพึงเพียงคนเดียว”
                ขุนพิทักษ์หอมรำพึงโชว์บ่าวซะเลย
                “ต๊าย...หวานกันซะขนาดนี้ จวงเขินแทนเลยเจ้าค่ะ” จวงว่าแล้วม้วนไปมาตัวกลมจนล้มกลิ้ง
                รำพึงกับขุนพิทักษ์หัวเราะปนสมเพชท่าของจวง ขุนพิทักษ์เปิดโถกับข้าว กลิ่นของกับข้าวเตะเข้าจมูกรำพึง รำพึงพะอืด พะอมทันที
                “ทานซะหน่อยนะจ๊ะ”
                ขุนพิทักษ์ตักข้าวจะป้อน แต่รำพึงทนไม่ได้เอามือปิดปาก วิ่งไปอ้วก ที่หัวบันได ขุนพิทักษ์และจวงตกใจรีบตามไปดูและลูบหลังให้
                “ตายแล้วทูนหัวของบ่าว”
                “น้องรำพึงเป็นอะไร”
                จังหวะนั้นคุณหญิงมณีกับแจ่มเดินขึ้นเรือนมาเห็นสภาพอลหม่านก็เอะใจ! รำพึงอ๊วกอยู่ซักพักอาการก็ทุเลา จวงรีบส่งขันน้ำให้บ้วนปาก
                “น้องเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ขุนพิทักษ์ถาม
                “น้องเหม็น ได้กลิ่นแกงแล้วอยากจะสำรอก”
                พูดไม่ทันขาดคำก็มีอาการพะอืดพะอมอีก จวงทำท่าพะอืด พะอมตาม ขุนพิทักษ์โวย
                “นังจวงยืนเซ่ออยู่ทำไม ไปตามหมอ สิวะ จะให้เมียข้าตายก่อนรึไง”
                คุณหญิงมณีก้าวเข้ามากับแจ่ม
                “ไม่ถึงตายหรอกพ่อพิทักษ์ อาการแบบนี้ มันอาการของคนแพ้ท้อง” 
                “แพ้ท้อง” จวงช็อก
                รำพึงช็อกไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ต่างกับขุนพิทักษ์ที่ดีใจมาก
                “ลูก... น้องรำพึงจะมีลูก ลูกของข้า” 
                ขุนพิทักษ์ดีใจเข้าไปกอดรำพึง แต่รำพึงยังอึ้ง ตารำพึงสบกับตาคุณหญิงมณีที่มีแววตาไม่ยินดียินร้าย
 
                ภายในห้อง คุณหญิงมณีแววตาครุ่นคิดนั่งลง
                “ท้องตามกันมาติดๆ นี่มันลูกอิจฉาชัดๆนะเจ้าคะคุณหญิง แต่ก็ดีนะเจ้าคะ คุณหญิงจะได้มีหลานทีเดียวสองคนเลย” แจ่มยิ้มดีใจ
                คุณหญิงถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วนึกถึงคำพูดของสม
                “เพราะข้ารู้ความลับของคุณรำพึง”
                รำพึงหน้าเสีย ตกใจหนัก
                “ไม่จริง อย่าไปฟังมัน มันกำลังหลอกเราค่ะคุณพี่”
                คุณหญิงมณีถามทันที
                “ความลับอะไรไอ้สม”
                “คุณรำพึงเล่นชู้กับขุนไว”
                ทุกคนตะลึงกันหมด!หันมองรำพึงเป็นตาเดียว
 
                และภาพที่รำพึงช็อกไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ต่างกับขุนพิทักษ์ที่ดีใจมาก
                “ลูก...ลูก น้องรำพึงจะมีลูก ลูกของข้า” 
 
                คุณหญิงมณีที่นั่งอยู่มีสีหน้าไม่สบายใจ
                “ข้าก็ขอให้เป็นหลานข้าจริงๆเถอะ”
                                                                                                                                                               
                ภายในห้องหอ รำพึงเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น จวงมองอย่างงงๆ
                “คุณรำพึงเป็นอะไรเจ้าคะ ตั้งแต่เข้าห้องมา จวงยังไม่เห็นคุณรำพึงหยุดเดินเลยนะเจ้าคะ”
                “โอ้ย...จะเป็นบ้าน่ะสิ มาท้องอะไรตอนนี้ล่ะเนี่ย”
                “อ้าว...ทำไมล่ะเจ้าคะ ท้องตอนนี้สิเจ้าค่ะดีที่สุด เพราะจะได้ปาดหน้าแซงนังชุ่มมัน”
                “แล้วถ้าเด็กที่ออกมาหน้าเหมือนไอ้ขุนไวขึ้นมา คนที่จะโดนปาดคอก็คือข้า”  
                จวงนึกได้
                “อุ๊ยตาย บ่าวลืมไปเจ้าคะว่าคุณรำพึงมีสองผะ..(ผัว)” จวงเผลอปาก
                รำพึงเขวี้ยงของใส่จวง
                “อีจวง...อีบ้า”
                จวงเข้าประจบ
                “ใจเย็นๆสิเจ้าคะ ยังไงตอนนี้คุณรำพึงก็มัดใจท่านขุนพิทักษ์ได้ทั้งคน อย่างอื่นก็ไม่น่าจะมีปัญหานะเจ้าคะ”
                “อย่าให้ไอ้ขุนไวมันรู้เรื่องเด็ดขาด ไม่งั้นมีปัญหาแน่”

เช้าวันใหม่ ณ ที่ว่าการ ขุนไวเดินเข้ามาในกรมอย่างสง่าผ่าเผย ขุนไวพูดกับข้าราชการชั้นผู้น้อย
                “การเดินทางไปพระนครของท่านเทศาฯครั้งนี้ เตรียมเอกสารงานต่างๆให้ไปให้ครบ อย่าให้ขาด จะได้ไม่ขายหน้าชาวพระนคร”
                ขุนพิทักษ์เดินเข้ามา พอเห็นหน้าขุนไวก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
                “เอ็งมาที่นี่ทำไม”
                “ท่านเทศาเมตตาให้ข้ากลับมาช่วยงานท่าน” ขุนไวบอก
                “แต่เอ็งถูกขับออกจากเมืองไปแล้ว”
                “แต่ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว และกำลังยืนอยู่ตรงหน้าไอ้คนขี้โกงที่แย่งของคนอื่นอย่างน่าไม่อาย”
                ขุนพิทักษ์โกรธพุ่งกระชากคอขุนไว ขุนไวกระชากตอบ
                “เอ็งเก่งจริงก็กลับมาแย่งไปให้ได้สิวะ...ไอ้คนขี้แพ้!”
                ขุนไวนึกถึงคำพูดของรำพึง
 
                “แต่มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำกับน้อง วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ขุนพิทักษ์ตายอย่างทุกข์ทรมานที่สุด”
                รำพึงโอบกอดขุนไว 
                “และที่สำคัญ คุณพี่จะได้ไม่ต้องแปดเปื้อนให้ใครครหาได้ เมื่อขุนพิทักษ์ตาย เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไงคะ”   
 
                ขุนไวต้องพยายามระงับอารมณ์ ผลักขุนพิทักษ์ออกไป
                “ผยองกับชัยชนะในวันนี้ให้พอใจเถอะ” 
                “แน่นอน เพราะข้ากับน้องรำพึงมีความสุขกันมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่ข้ากับน้องรำพึงกำลังจะมี...(ลูก)”
                ระฆังตีเป๊งขัดจังหวะพอดี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเรียก ขุนไวและขุนพิทักษ์หันไปตามเสียง
                “ขุนพิทักษ์”
                “ขอรับท่านเจ้าคุณพิศาล”
                “ท่านเทศาอยากได้รายงานภูมิประเทศทางเมืองฝั่งตะวันตก ท่านช่วยไปหาแล้วเอาไปให้ฉันที่ห้องทำงานทีนะ”
                “ขอรับท่านเจ้าคุณ”
                ขุนพิทักษ์จำต้องออกไปพร้อมกับท่านเจ้าคุณพิศาล  
                “กอบโกยความสุขเอาไว้เยอะๆ เถอะไอ้พิทักษ์ ก่อนที่จะไม่มีวันนั้นอีกต่อไป”
                ขุนไวมองขุนพิทักษ์อาฆาต
 
                ชุ่มนั่งอยู่ที่ท่าน้ำที่เรือนท้ายสวนอย่างเศร้าสร้อย ชุ่มจับท้องตัวเองเบาๆ น้ำตาริน
                “สำออยแบบนี้นี่เอง ถึงได้หลอกผู้ชายให้ติดกับเก่งเหลือเกิน” เสียงรำพึงดังขึ้น
                “คุณรำพึง!”
                “ตกใจอะไรนักหนา...คิดว่าข้าจะมาฆ่าเอ็งรึไง”
                ชุ่มจะลุกหนี  แต่รำพึงย่างสามขุมต้อนชุ่มไปถึงปลายท่า
                จวงเชียร์บอก
                “ถีบมันให้ตกน้ำเลยเจ้าค่ะ”
                “ข้าจะมาบอกให้เอ็งรู้ไว้ ว่าข้ากำลังจะมีทายาทให้ท่านขุน ซึ่งเป็นทายาทโดยชอบธรรม ไม่ใช่ลูกทาสอย่างเอ็ง เพราะฉะนั้น อย่าสะเออะเอาไอ้ลูกทาสของเอ็งมาเทียบรัศมีลูกผู้มีบุญมาเกิดของข้า”
                ชุ่มชะงัก เท้าชุ่มแตะที่ปลายท่าน้ำเกือบตกน้ำ เท้ารำพึงยกจะถีบ แต่เสียงคุณหญิงมณีก็ดังขัดขึ้น
                “ไม่ว่าจะลูกทาสหรือลูกผู้ดี ก็เป็นหลานย่าเหมือนกัน” 
                รำพึงกับจวงหันขวับไปตามเสียง คุณหญิงมณีเดินมากับแจ่ม
                “คุณแม่!”
                รำพึงรีบปรับสีหน้าแล้วเดินเข้าไปหาคุณหญิง จวงรีบแก้ตัวทืนทันที
                “ที่คุณรำพึงเดินไปที่ท่าน้ำ” จวงว่า
                “ใครถามเอ็ง” แจ่มถาม
                จวงหน้าม้าน ค้อนแจ่ม
                คุณหญิงมณีย้อนคำรำพึง
                “แม่จะมาบอกให้หนูรำพึงรู้ไว้ว่า ลูกของชุ่มเป็นหลานคนโตที่ย่าต้องรับขวัญเป็นอย่างดี  เพราะเป็นเลือดบริสุทธ์ของวงศ์ตระกูลที่มาจากพ่อ จากแม่ ส่วนหลานคนรองแม่ยังต้องดูก่อนว่าเลือดที่ออกมาบริสุทธิ์รึเปล่าทั้งจากพ่อและจากแม่”
                รำพึงเริ่มระแวง
                “คุณแม่พูดแบบนี้ รำพึงเกรงว่าคุณพี่จะไม่พอใจนะคะ”
                “ถ้าพ่อพิทักษ์ไม่พอใจก็ให้เขามาชำระความเอากับแม่”
                คุณหญิงมณีดวงตากร้าว จนรำพึงต้องหลบตายอมแพ้และเดินออกไป แจ่มเดินไปประคองชุ่ม
                “หลบมาอยู่ถึงนี่ ยังตามมารังควานกันได้”
                คุณหญิงมณีส่ายหน้าถอนใจ
                “ข้าผิดเอง...ที่บังคับให้พ่อพิทักษ์แต่งงานกับรำพึง จนเกิดปัญหาไม่หยุดหย่อนแบบนี้”
                ชุ่มเข้าไปจับเท้าคุณหญิง
                “ถ้าจะผิดก็ผิดที่บ่าวเจ้าค่ะ ที่ไม่รู้จักเจียมตัว”
                “ชุ่มเอ็งเป็นคนดี ความดีจะคุ้มครองเอ็ง”     
                “คุณหญิงเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงท่านขุน” 
                “ข้าก็เป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าเอ็งหรอก พ่อพิทักษ์เป็นลูกชายข้า ข้าไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกข้าได้”
                คุณหญิงมณีแววตามุ่งมั่น
 
                คุณหญิงมณีเดินนำแจ่มมาอย่างเร็วไปยังที่ทำการ       
                “คุณหญิงมาทำอะไรที่ที่ว่าการเจ้าคะ”
                “ข้าจะมาพ่อพิทักษ์ไปรดน้ำมนต์กับหลวงพ่อ ถ้าปล่อยให้กลับถึงเรือนเจอแม่รำพึง  ท่าทางจะไม่ได้ไป เดินเร็วๆนังแจ่ม ข้าร้อนใจ”
                “เจ้าค่ะๆ”
                คุณหญิงมณีกับแจ่มเดินผ่านไป ขุนไวที่ยืนอยู่ ได้ยินเรื่องของคุณหญิงก็ร้อนใจเดินตามไป

จบตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น