เสือสมิง ตอนที่ 21
เสือทศเดินมาที่จงใจแล้วเริ่มแทะโลม ด้วยการเชยคาง
“ว่าไงจ๊ะ จงใจ เอ๊ะ...เรียกจงใจเฉยๆไม่ได้สิต้องเรียกว่าคุณจงใจ ตอนนี้มีพ่อเป็นเศรษฐีแล้วนี่”
จงใจสะบัดคางออกแววตากกร้าวไม่กลัว
“ไปไกลๆเลย คนอย่างแกไม่มีสิทธิมาแตะตัวฉัน ไอ้คนเนรคุณ แก...แกฆ่าพ่อเสือ”
เสือทศขึ้นเสียง
“พ่อเสือรนหาที่เองต่างหาก อีกอย่างท่านพรานก็เป็นคนฆ่า ไม่ใช่พี่”
เสือทศบันดาลโทสะเงื้อมือหมายจะตบจงใจ แต่มีเสียงเสี่ยรงค์ดังมาข้างหลัง
“ทำอะไรน่ะเสือทศ”
เสือทศหันไปเห็นเป็นเสี่ยรงค์ แล้วหยุดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“มานี่...สิหนู”
เสื่อรงค์สั่ง จงใจเดินตามเสี่ยรงค์ไป
“แกทำอะไรกับพ่อฉัน”
เสี่ยรงค์โกหก
“ก็ทำให้หนูมีพ่อแค่คนเดียวน่ะสิ”
“นี่แก...แกฆ่าพ่อฉัน...ไอ้ชั่ว”
จงใจระเบิดความแค้นด้วยการทุบตี เสี่ยรงค์ปัดป้อง เสือทศเข้ามาห้ามและดึงจงใจออกไป
“พอได้แล้ว”
จงใจทรุดลงไปนั่งร้องไห้เสียใจ สมรักษ์เห็นเหตุการณ์ตลอด เขารีบเดินมาปลอบใจ เสี่ยรงค์ไม่ว่าอะไรเดินแยกไป เสือทศมองตามแววตากร้าวในใจไม่พอใจเสี่ยรงค์และสมรักษ์
แม่หมอนั่งอยู่ในห้องบูชาอย่างโดดเดี่ยว บนหิ้งบูชาไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย แต่แม่หมอยังคงจุดธูปบูชา
“ขอให้วิญญาณบรรพบุรุษแห่งบาเยงโบ จงคุ้มครองทุกคนด้วย”
ร่างของแม่หมอเปลี่ยนใบหน้ามาเป็นแม่ผีฟ้า สิ้นเสียงแม่หมองะดินเดก็ปรากฏกายขึ้น เขาหัวเราะเสียงดัง
“ยอมเผยตัวแล้วหรือคะยี ไม่ใช่สิ....แม่ผีฟ้า แห่งพุกาม”
“มันถึงเวลาแล้วไงเล่า...งะดินเดจอมกบฏ”
แม่ผีฟ้าลุกขึ้นอย่างขึงขังไม่กลัว
“เจ้ารอวันนี้มา 800 ปี ข้าก็เช่นเดียวกับเจ้า แต่จุดประสงค์ของการรอคอยมันคนละอย่าง เจ้ามันทำเพื่อล้างแค้น ข้าทำเพื่อความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์”
“สิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างสงบสุขก็คือ ทำลายบาเยงโบซะ”
“เจ้าไม่มีวันเอาชนะบาเยงโบได้หรอก”
“ได้สิ...วันที่ข้าเจอหลุมศพของมันวันนั้นข้าจะกำชัยไปนิรันดร์”
แม่ผีฟ้ายิ้มเยาะ
“เจ้ารู้หรือว่ามันอยู่ที่ไหน”
“มันอาจจะมีมนต์บังตาข้า แต่จะมีคนตามหามันให้ข้า ไอ้พวกคนโลภพวกนั้นมันจะช่วยให้ข้าครองโลกนี้อีกครั้ง...”
“ดูเจ้ามั่นใจเสียจริงๆ”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว...เมื่อข้าได้ครอบครองดาบ และหน้ากากทอง ก็จะไม่มีใครเทียบเทียมข้าได้ ...ส่งหน้ากากทองมาให้ข้าได้แล้ว”
แม่ผีฟ้าหัวเราะอย่างเป็นต่อ
“มันไม่ได้อยู่ที่ข้า...มันอยู่กับคนที่มันควรจะอยู่”
“ชะเวมะรัตหรือ...เช่นนั้นเจ้าก็หมดความหมายแล้ว”
แม่ผีฟ้านั่งนิ่งแววตาไม่กลัวพร้อมรับสถานการณ์
“ข้ารอวันนี้มา 800 กว่าปีแล้ว”
งะดินเดแววตากร้าวแล้วซัดอาคมใส่แม่ผีฟ้าจนร่างกระเด็นไปกระแทกฝาบ้าน แม่ผีฟ้าตั้งสติสู้ในคราบของแม่หมอ ท่าทางคล่องแคล่วเหมือนกับที่สู้กับอองไชย
แม่หมอกระโดดลงมาข้างล่างแล้วต่อสู้กับงะดินเด จนกระทั่งแม่หมอพลาดพลั้งถูกงะดินเดฆ่าตาย แต่ร่างของแม่ผีฟ้าหายไป งะดินเดแวตากร้าวแล้วสลายไป
กินรีที่หลับไปด้วยความเพลียใต้ต้นไม้ใหญ่ สะดุ้งตื่นขึ้นอย่างตกใจ
“ยาย...”
มะค่าพลอยตกใจไปด้วย
“เป็นอะไรพี่กินรี ร้องเสียดังเลย”
“พี่ฝันเห็นยาย...”
“โธ่...นึกว่าอะไร”
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะสนทนากันต่อจ่าชิต แก้ว กับหินก็เดินเข้ามาทั้งสองคนมีน้ำกับผลไม่ป่ามา
“เอ้า...กินกันก่อน”
มะค่ามองอย่างเบื่อๆ
“ว้า เบื่อจังเลย”
ประเดิมยิ้มให้
“ทนกินไปก่อนนา..มะค่า มาน้าปอกให้”
ประเดิมปอกผลไม้ให้อย่างเอาใจ เขาหันไปเห็นจ่าชิตนั่งเหงาๆ แก้วเข้าไปหากินรี
“พี่กินรี กินซะ”
กินรีพยักหน้ารับ แล้วล้วงเอาหน้ากากทองออกมาจากย่ามพลางลูบมันอย่างทนุถนอม จ่าชิตมานั่งเศร้าคนเดียวเขาคิดถึงพะอู ประเดิมเข้ามาปลอบ
“เป็นอะไรไปหรือจ่า”
“เปล่าหรอก...ฉันแค่เสียดายเวลา...เวลาแห่งความสุขมันมาได้แค่ครู่เดียวลูกฉันก็ต้องจากไป”
ประเดิมรู้สึกเห็นใจ
“ฉันเข้าใจจ่า...กินอะไรบ้างเถอะ เรายังต้องมีงานอีกเยอะ”
จ่าชิตพยักหน้าแค้นๆ
“แน่นอน ฉันต้องฆ่าไอ้ปีศาจเฒ่าด้วยมือของฉันเอง”
อองไชยกับสมรักษ์นำขบวนคาราวานมาที่หมู่บ้านของชนกลุ่มน้อย ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว ทุกอย่างเงียบสงบ
“เป็นไปได้ยังไง หมู่บ้านใหญ่ขนาดนี้ไม่มีคนอยู่สักคน” สมรักษ์แปลกใจ
เสี่ยรงค์ ศักดา เสือทศ เดินเข้ามาดูสถานการณ์
“หรือว่าถูกทหารรัฐบาลโจมตี”
“ไม่...ไม่ใช่ ไม่มีร่อยงรอยการต่อสู้เลย”
เสือทศแสดงความโอ้อวดโดยการสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย...ลองไปดูให้ทั่วซิ”
เสือทศนำเสือเรือง เสือชินและทหารรับจ้างออกไปดูรอบๆ
ระรินนั่งพักอยู่ข้างๆภราดรด้วยสีหน้าหวาดๆ
“ที่นี่ดูแปลกๆวังเวงน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ทั้งคน ผมไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปหรอกครับ”
ระรินยิ้มแล้วซบลงที่ไหล่ภราดร
สมรักษ์เดินมาขออนุญาตเสี่ยรงค์
“ขอผมคุยกับจงใจหน่อยได้ไหม”
เสี่ยรงค์มองดูสมรักษ์ ในใจเห็นว่าสมรักษ์เป็นคนสุภาพและจริงใจ
“ได้สิ...”
สมรักษ์เดินเข้าไปหาจงใจที่กำลังนั่งเหม่อ
“จงใจ”
“หมวด...เอ่อ...เขาไม่ว่าหรือ”
“เสี่ยรงค์อนุญาต”
จงใจมองไปทางเสี่ยรงค์แล้วรู้สึกดี
“หมวดเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไร..จงใจล่ะ”
“จงใจกลัว”
จงใจมองตาสมรักษ์แบบซึ้งใจ สมรักษ์เอื้อมมือมากุมให้ความอบอุ่น เสียงเสือทศดังมาทางด้านหน้า
“ไม่มีใครเลยเสี่ย...”
“ฉันไปก่อนนะ...”
สมรักษ์ลุกออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สมรักษ์เดินเข้ามาสมทบ เสี่ยรงค์ อองไชย ศักดา และเสือทศ
“ผมกับคนของผมดูทุกซอกทุกมุมแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย”
“ผมว่ามันดูแปลกๆนะ”
“เอาไงดีท่านพราน”
อองไชยมองไปรอบๆบรรยากาศดูเงียบผิดปกติจริงๆ แล้วตัดสินใจ
“นี่ก็จะค่ำแล้ว คืนนี้เราจะพักที่นี่”
สมรักษ์มองรอบๆอีกครั้งแล้วยังไม่ค่อยไว้ใจพลางสั่ง
“เราต้องจัดเวรยาม”
เสือทศไม่พอใจ
“แกคิดว่าแกอยู่ในฐานะที่จะสั่งใครได้หรือไง”
“ทำตามเขาบอก...เสือทศ”
เสี่ยรงค์สั่งทันที เพราะคิดเหมือนสมรักษ์ แล้วเดินแยกไป เสือทศท่าทางไม่พอใจ แล้วเดินจากไปกับลูกน้อง เสือเรืองและเสือชินก็แสดงท่าทางไม่พอใจสมรักษ์
บริเวณริมลำธารที่พักเสี่ยรงค์เดิม จ่าชิตเลือกมุมก่อไฟในที่อับข้างก้อนหินโดยแก้วค่อยช่วย หินกับประเดิมถือฟืนเดินเข้ามาให้แล้ววางฟืนลง
“ทำไมจ่ามาก่อไฟตรงนี้ ที่อื่นมีเยอะแยะกว้างกว่าสะดวกกว่าด้วย” ประเดิมสงสัย
“จริงด้วย แคบก็แคบทำอะไรก็ยาก”
“ขืนก่อที่ลานโน่นพวกมันก็เห็นน่ะสิ เอ็งสองคนลองมองไปทางหมู่บ้านนั้นสิ”
เสือสมิง ตอนที่ 21 (ต่อ)
หินกับประเดิมมองไปทางหมู่บ้านที่พวกเสี่ยรงค์พัก เห็นมีกลุ่มควันเป็นหย่อมๆ โรยขึ้นมาบนท้องฟ้า ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
“ตอนนี้ยังไม่มืดเราเห็นควัน แต่ถ้ามืดแล้วจะเห็นกองไฟชัดเลย...กินรีอยู่ไหนนะ”
กินรีเดินเข้ามาพร้อมกับไม้ไผ่ที่ทำหลามข้าวเรียบร้อยแล้วจะเอามาเผา
“อยู่นี่จ้ะ...ฉันเอาข้าวมาหลามน่ะ”
ไฟที่จ่าชิตจุดลุกโชน หินหับมะค่าเอาข้าวหลามที่กินรีทำมาวางเรียงที่กองไฟ
“ดูจากการก่อไฟแล้วคืนนี้พวกมันคงพักที่นั่น...ดูๆไปก็น่าแปลก”
“แปลกอะไรหรือจ่า”
จ่าชิตรู้สึกผิดสังเกตอะไรบางอย่างแต่เก็บไว้ในใจ
“ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นเราก็บุกไปช่วยพวกนั้นคืนนี้เลยสิ”แก้วเสนอ
จ่าชิตนิ่งคิดอย่างตัดสินใจ
ระริน กับภราดร แยกมาพักที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านยกพื้นสูงมีนอกชานกว้างตามแบบบ้านของพวกกระเหรี่ยง ระรินทิ้งตัวนอนอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วบ่น
“เฮ้อ...เหนื่อยจังเลย รู้งี้นอนอยู่ที่บ้านก็ดีแล้ว”
“แต่ผมว่าก็ดีนะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง มาบ่นตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ”
“นี่หมอ...ไม่ต้องพูดบ้างก็ได้นะ”
ระรินออกแววร้าย แต่ภราดรยอม เบิ้มเดินมาเรียก
“คุณระรินครับ อาหารเย็นพร้อมแล้ว”
ระรินชะโงกหน้าออกมา
“เดี๋ยวฉันตามไป”
ขณะเดียวกัน ประเดิมมาซุ่มดู
สมรักษ์นั่งกินอาหารกระป๋องอยู่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง อองไชยเดินมาคุยด้วย
“กินคนเดียวไม่เหงารึ...”
“จะกินด้วยกันก็ได้...มาสิ”
สมรักษ์มีน้ำใจ อองไชยทรุดลงนั่งข้างๆ เบื้องหน้ามีกองไฟ
“ขอบใจ แต่ข้าอิ่มแล้ว เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยังสบายดี พอมีแรงนำทางให้พวกนาย”
อองไชยนั่งเรื่อยเปื่อย สมรักษ์กินอาหารกระป๋องพลางถามสิ่งที่สงสัย
“ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ นายพราน”
“เรื่องอะไร”
“นายรู้อยู่แก่ใจ...นายเป็นพรานผ่านเส้นทางพวกนี้มามากมายทำไมต้องเอาฉันมานำทาง ไม่มีฉันพวกนายก็ไปกันได้อยู่แล้ว”
“แล้วเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
อองไชยพูดทิ้งเป็นปริศนา แล้วลุกไป สมรักษ์มองตามอย่างแปลกใจ
บริเวณลานของหมู่บ้านมีการจัดเป็นโต๊ะอาหารยาวสำหรับพวกเจ้านาย เสี่ยรงค์นั่งข้างจงใจ หัวโต๊ะอีกฟากศักดานั่งอยู่กับเสือทศ มีลูกน้องเสิร์ฟอาหารและเหล้า แม้ว่าจะเป็นการเดินป่าแต่ก็สะดวกสบาย
“เป็นยังไงลูกดูสีหน้าไม่ดีเลย”
จงใจมองเสี่ยรงค์แล้วขบกรามพูดเบาๆ
“ฉันไม่ใช่ลูกแก”
ลูกน้องเอาอาหารมาเสิร์ฟการสนทนาจบลง ศักดาถามย้ำกับเสือทศ
“นายวางคนอยู่เวรยามเรียบร้อยแล้วหรือ”
“มันเป็นกิจวัตรของพวกเรา ในชุมเสือเรามีการจัดเวรยามทุกวัน เรื่องแบบนี้ฉันทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้วไม่ต้องห่วงหรอกผู้กอง”
“อย่างนั้นก็เบาใจ ค่อยนอนหลับสนิทหน่อย”
ศักดาน้ำเสียงดูเยาะๆ เสือทศไม่สนใจ ดื่มเหล้าแล้วมองไปที่จงใจ
“จงใจจะไม่กินอะไรสักหน่อยหรือ”
“ฉันกินไม่ลง ฉันขอตัวไปนอนก่อนได้ไหม”
ระรินกับภราดรเดินเข้ามา
“จะรีบไปไหนล่ะ แม่น้องสาวกำมะลอ” ระรินค่อนขอด
จงใจที่กำลังจะเดินไปหยุดกึก
“ฉันไม่ใช่น้องสาวคุณ ฉันอิ่มแล้วขอตัวนะ”
จงใจเดินออกไป เสือทศจะลุกตามไป เสี่ยรงค์ขัดทันที
“ไม่เป็นไรหรอกเสือทศ ลูกสาวฉัน ฉันจัดการเอง เรามาคุยกันเรื่องแผนการต่อไปดีกว่า”
เสือทศหยุด ไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เสี่ยรงค์พยักหน้าให้เบิ้มตามจงใจไป
จงใจเดินน้ำตารินมาที่บ้านพักที่ไม่ห่างจากลานที่กินข้าวนัก เธอทรุดนั่งที่นอกชานหน้าบ้าน เบิ้มเดินตามมาห่างๆ
“ไม่ต้องตามมาคุมก็ได้น้า..ฉันไม่หนีหรอก”
“มันเป็นคำสั่งครับคุณหนู”
จงใจเห็นว่าเบิ้มนอบน้อม จึงขอร้อง
“นี่น้า ฉันขอพบหมวดสมรักษ์หน่อยสิ”
“เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ”
“ฉันเข้าใจ...งั้นฉันขออยู่คนเดียวได้ไหม ฉันไม่หนีหรอก..ถึงหนีก็คงหนีไม่พ้น”
เบิ้มเข้าใจแล้วปล่อยให้จงใจอยู่คนเดียว
เสี่ยรงค์ มองระรินอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมลูกไปพูดอย่างนั้นกับน้องล่ะ”
“รู้สึกพ่อจะแน่ใจเสียเหลือเกินนะว่า นังเด็กนั่นเป็นน้องของหนู”
“ใช่ พ่อแน่ใจแล้ว”
ระรินหัวเราะหยัน
“พ่อเอาอะไรมาพิสูจน์”
“พ่อรู้ของพ่อก็แล้วกัน”
ภราดรแทรกด้วยความหวังดี
“เรื่องนี้ไม่ยากหรอกครับ เห็นว่าตอนนี้พวกฝรั่งเขาคิดค้นเรื่องการพิสูจน์ลักษณะทางพันธุกรรมได้แล้ว เสร็จงานคราวนี้เราไปพิสูจน์กันก็ได้”
ระรินค้อนขวับ
“หมอเงียบไปเลย มันไม่ใช่เรื่องของหมอ”
ภราดรหยุดกึก เสือทศตัดบท
“สงสัยเรื่องที่เราคุยกันคงสรุปได้แล้ว เหลือแต่เรื่องครอบครัวซึ่งผมคงไม่เกี่ยวข้องฉะนั้นผมขอตัวนะครับ ขอไปดูความเรียบร้อยของเวรยามหน่อย”
เสือทศลุกไป คิดไปหาจงใจ
จงใจนั่งซึมอยู่ที่ที่พัก ในใจนึกถึงสมรักษ์ ทันใดมีหินก้อนเล็กๆปลิวมาถูกไหล่ เธอหันขวับไปทางทิศที่หินปลิวมา
“ฉันเองพี่...พี่จงใจ...”
จงใจได้ยินเสียงจึงเดินเข้าไปบริเวณที่มืดที่หินซ่อนอยู่
“ใครน่ะ”
“ฉันเองพี่หิน...”
จงใจดีใจเรียกหินเสียงดังเล็กน้อย
“หิน...”
“เบาๆสิพี่ อยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวคนสงสัย”
“หินมาได้ยังไง”
“ฉันมากับมะค่า มะค่าดูต้นทางอยู่”
มะค่าดูต้นทางห่างจากหินไปพอสมควรเธอทั้งปัดทั้งตบยุง จงใจดีใจ
“หินมาช่วยพี่ออกไปใช่ไหม”
“ใช่...แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จ่าชิตให้ฉันมาส่งข่าวว่าคืนนี้พอพระจันทร์ตรงหัวพวกเราจะมาช่วย”
“ได้...ได้..หินระวังตัวด้วย”
ยังไม่ทันที่หินจะจากไป เสือทศก็ส่งเสียงมาอย่างไม่ให้ใครตั้งตัว
“คุยกับใครอยู่น่ะจงใจ”
จงใจสะดุ้งเสือทศเดินเข้ามาประชิดตัว หินไหวตัวหลบเข้าไปในมุมมืดของเสาเรือน
“เปล่านี่ ฉันไม่ได้คุยกับใครเสียหน่อย”
“แต่พี่ได้ยิน...หรือว่าจะเป็นไอ้หมวดนั่น...”
เสือทศก้มเข้าไปใต้ถุนดูไปตามเสา หินหลบอยู่ในเสาที่ห่างที่สุดแต่เสือทศก็เดินกำลังจะถึงหิน แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเคลื่อนที่ผ่านพงหญ้าบริเวณที่จงใจยืนอยู่
“ใคร...ใครน่ะ”
เสือทศหยุดกึกเขาเกือบเดินถึงหินอยู่แล้ว เสือทศรีบมาที่จงใจที่ท่าทางสั่นกลัว
“มีอะไร จงใจ...”
“ไม่รู้สิ...มันวิ่งผ่านพงหญ้าไป”
เสือทศมองไปรอบๆ แล้วเห็นหญ้าสั่นไหว อยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เสือทศกระชับปืนแล้ววิ่งตามไป
“รีบขึ้นบ้านซะ”
จงใจพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วแล้วมองไปที่หินซ่อนอยู่ แต่ไม่มีหินอยู่ตรงนั้นแล้ว
หินลอบออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้วแล้วรีบมาหามะค่า แต่มะค่าไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“เกือบซวยแล้วกู...มะค่า...อ้าวไปไหนแล้ว”
หินมองหามะค่าแล้วยิ้มใจคิดอะไรบางอย่าง มะค่าเดินมาหา
“มะค่า...แหมไม่คิดเลยว่าเธอจะเก่งอย่างนี้ หลอกล่อไอ้เสือทศซะหัวหมุนไปเลย ฉันนึกว่าฉันจะไม่รอดซะแล้ว”
มะค่างง
“หินพูดเรื่องอะไร”
“อ้าว...ก็ที่มะค่าวิ่งผ่านพงหญ้าไปไง”
“ทำอะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
หินก็งง
“แล้วเธอไปไหนมา”
“ฉันไปฉี่”
หินสงสัยนึกว่าไอ้สิ่งนั้นมันคืออะไร
เสือสมิง ตอนที่ 21 (ต่อ)
สมรักษ์นอนเล่นอยู่ที่นอกชาน ห่างออกมามีทหารรับจ้างของเสือทศเฝ้าอยู่หลายคน ประเดิมกับจ่าชิตลอบเข้ามาในมุมมืด จ่าชิตทำสัญญาณมือให้ประเดิมรออยู่ตรงนี้ส่วนตัวเองเคลื่อนตัวไปที่สมรักษ์ที่อยู่บนที่พัก
“นิ่งไว้นะหมวด ไม่ต้องหันมา” จ่าชิตอยู่ข้างหลังสมรักษ์แล้วพยายามกระซิบบอกให้เป็นปกติ
“จ่า” สมรักษ์จำเสียงได้
“ออกไปคุยกันหน่อย”
จ่าชิตลอบหายไป สมรักษ์แกล้งลุกเดินออกไปข้างนอก ทหารรับจ้างถาม
“จะไปไหนหมวด”
“ฉันปวดท้อง จะไปชายป่าโน่นหน่อย”
สมรักษ์ขยับตัวจะไป ทหารรับจ้างจะเดินตามไปด้วย
“ไม่ต้องไปส่งหรอก แค่นี้ฉันไปถูก”
“มีคำสั่งให้คุมตัวหมวดตลอดเวลา”
“นี่จะไม่ให้ปลดทุกข์คลายทุกข์บ้างเลยหรือ นายตามฉันไปมันไม่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย ฉันปล่อยไม่ออก ส่วนนายเหม็น ...น่า..ฉันไม่หนีหรอก”
“ได้...อย่าไปนานนักล่ะ”
ทหารรับจ้างปล่อยสมรักษ์ไป
สมรักษ์เดินมาตามป่าหลังพงไม้ใหญ่ เห็นว่าจ่าชิตกับประเดิมรออยู่
“หมวด หมอเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดี พวกมันฆ่าเสือใจแล้วจริงหรือ”
จ่าชิตสลดลง ประเดิมพยักหน้าช้าๆช่วยยืนยัน
“จริง...”
“ไอ้สารเลวเอ๊ย...จ่ามีแผนยังไง”
“เราต้องไปให้ถึงสุสาน”
สมรักษ์แปลกใจ
“นี่จ่าบ้าสมบัติกับเขาเหมือนกันหรือ”
“เปล่า....ตอนนี้ผมยังบอกอะไรไม่ได้ หมวดทำตามที่ผมบอกก็แล้วกัน พวกผมจะตามดูอยู่ห่างๆ”
“ได้...”
“หมวดรีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวพวกมันจะสงสัย แล้วผมจะติดต่อมา”
สมรักษ์รับรู้แล้วต่างคนต่างแยกกันไป
ระรินกับภราดรกลับมาที่พักซึ่งมีสองห้อง ตรงกลางเป็นทางเดินแล้วมีชานบ้าน
“โอ๊ยร้อนจังเลย ขออาบน้ำก่อนนะ”
“ตามสบายครับ พวกคนงานตักน้ำเอาไว้ให้แล้ว”
ระรินรับรู้แล้วไปที่หลังบ้าน ภราดรเดินเล่นที่หน้าบ้านแล้วนั่งมองพระจันทร์อย่างเพลิดเพลินในใจคิดเรื่อยเปื่อย
กินรีกับแก้วลอบเข้ามาหา เธอยืนดูอยู่ตั้งนานแล้ว กินรีตัดสินใจที่จะมาเผชิญหน้ากับภราดรเธอก้าวออกมาจากมุมมืด
“หมอ”
“กินรี”
ทั้งคู่จ้องหน้ากัน....
อดีตเมื่อ 800 ปีที่แล้ว..บาเยงโบนั่งพักผ่อนเสวยอาหารว่างอยู่ที่ศาลาในราชอุทยาน อิระวดีเอาอกเอาใจอยู่ไม่ห่าง รอบข้างมีนางกำนัลและทหารราชองครักษ์คอยดูแลและรักษาความปลอดภัย
“เดี๋ยวนี้พ่ออยู่หัวไม่ค่อยเสด็จมาหาน้องเลย ฤาพระมเหสีชะเวมะรัตเหนี่ยวรั้งไว้” อิระวดีถามอย่างน้อยใจ
“หาได้เป็นเช่นนั้นดอกพระสนม พระสนมก็รู้ว่างะดินเดก่อเหตุเยี่ยงไร”
อิระวดีได้จังหวะใส่ไฟ
“นั่นสิเพคะ ดีนะที่พ่ออยู่หัวไหวทันพวกเรา หม่อมฉันเลยปลอดภัย”
“ตั้งแต่บัดนั้นชะเวมะรัตก็คอยหลบหน้าข้าตลอด”
“จริงหรือเพคะ หรือว่าพระมเหสีเกรงในพระอาญา ที่พ่อตัวเองก่อ”
บาเยงโบหน้าเสีย ในใจนึกเป็นห่วงชะเวมะรัต อิระวดีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พูดต่อ...
“กฎมณเฑียรบาลตราไว้ว่ามันผู้ใดบังอาจก่อการกบฏต่อราชบัลลังก์ มันผู้นั้นต้องต้องรับโทษ 7 ชั่วโคตร”
“เรื่องนี้ข้ารู้ดี แต่เรื่องนี้ยังหาได้ไต่สวนไม่อย่าเพิ่งร้อนรนไปชี้ว่าผู้ใดผิดถูก”
ห่างออกไปชะเวมะรัตเดินผ่านมา เมื่อเห็นบาเยงโบจึงคิดจะเลี่ยง
“พระมเหสี เดี๋ยว” บาเยงโบเรียกไว้
ชะเวมะรัตจำใจต้องหยุดแล้วถวายความเคารพ
“ถวายบังคมพ่ออยู่หัว ขอทรงพระชนม์หมื่นๆปี”
“หาต้องพิธีการ...พระมเหสี เจ้าหลบหน้าข้ามา3 – 4 ราตรีแล้ว”
“หม่อมฉันหาได้หลบหน้า แต่รู้สึกละอายที่ตระกูลหม่อมฉันกระทำ...”
“อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั้น...ชะเวมะรัต”
อิระวดีแทรกเข้ามา
“ใช่ พระมเหสีจะตระหนกไปใย ในเมื่อยังได้หามีการพิจารณาไต่สวน รออีกสองราตรีเมื่อมีการไตร่สวนแล้วสิ้น เมื่อนั้นจะได้รู้กันว่าใครเป็นเยี่ยงไรใครจะรับโทษเยี่ยงไร....หม่อมฉันทูลลาเพคะพ่อยู่หัว”
อิระวดีเชิดหน้าเดินจากไป ชะเวมะรัตมองตามอย่างเศร้าๆ บาเยงโบรู้สึกสงสารชะเวมะรัตเพราะรู้อยู่แก่ใจว่านางต้องมีความผิดไปด้วย
ทหารของกรมวังกลุ่มหนึ่งเดินมากลางตลาด แล้วประกาศโดยนายทหารคนหนึ่ง
“อ้าว...พวกข้าไพร่ชาวบ้านร้านช่องฟังทางนี้”
ชาวบ้านต่างๆพากันมามุง นายทหารผู้นั้นประกาศต่อ
“...บัดนี้ได้เกิดการกบฏคิดร้ายต่อพ่ออยู่หัวบาเยงโบ จึงขอประกาศให้พวกเอ็งทุกตัวคนระวังมันผู้ก่อการ นั่นคือมหาราชครูงะดินเด ซึ่งบัดนี้ได้ถูกถอดยศศักดิ์ตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว ผู้ใดพบหน้าหรือแจ้งเบาะแสให้ทางการทราบจะมีรางวัลตามประกาศที่ติดอยู่ตรงนี้”
ทหารชั้นผู้น้อยเอาใบประกาศจับติดที่เสากลางตลาด ผู้คนต่างไปมุงดูใบประกาศเป็นรูปวาดใบหน้างะดินเด ห่างออกไปงะดินเดในชุดคลุมใบหน้าลอบมองอยู่
ในคุก...โซ่ตรวนที่ใช้พันธนาการชะเวโบ เป็นตรวนอาคมมีแสงเรือง ชะเวโบเดินงุ่นง่านด้วยความกลัวและไม่พอใจ ด้านนอกมีทหารเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด ชะเวมะรัตเดินเข้ามากับนางกำนัล ทหารด้านหน้าทำความเคารพ
“ถวายบังคมพระมเหสีชะเวมะรัต”
“ตามสบายเถอะท่านผู้คุม ข้าขอเยี่ยมนักโทษได้หรือไม่”
หัวหน้าผู้คุมตอบ
“กราบทูลพระมเหสีพ่ออยู่หัวได้ทรงกำชับนักหนาว่า ห้ามผู้ใดเข้าเยี่ยมนักโทษผู้นี้”
ชะเวมะรัตสลดลง
“เรื่องนั้นข้ารู้ดี หากแต่ข้าขอสนทนากับผู้เป็นน้องชายสักสองสามประโยค เยี่ยงหน้าที่ของผู้เป็นพี่สาวพึงกระทำได้หรือไม่”
“ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นข้าพระพุทธเจ้าจะยอมอนุญาตให้เพียงแต่เวลาตามที่ขอเท่านั้น พระพุทธเจ้าข้า”
“ขอบใจท่านมาก”
ชะเวมะรัตเดินเข้าไปด้านในตามลำพัง ชะเวโบดีใจรีบวิ่งมาเกาะลูกกรง
“ท่านพี่...ท่านมาช่วยข้าแล้วใช่ไหม...ปล่อยข้าไปสิ บอกทหารปล่อยข้าไป บอกพ่ออยู่หัวว่าข้าสำนึกแล้ว ข้าจะไม่เชื่อท่านพ่ออีกแล้ว”
ชะเวโบฟูมฟาย ชะเวมะรัตปลอบใจ
“พี่หาได้มาช่วยเจ้าให้พ้นจากการกระทำอันเป็นความผิด พี่เพียงจะมาบอกเจ้าว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพี่จะไม่ทิ้งเจ้าและจะร่วมทุกข์กับเจ้าตามกระบวนการทั้งสิ้น”
“ท่านพี่พูดเยี่ยงไร ข้าหาได้เข้าใจไม่”
“อีกสองราตรีเข้าก็จะเข้าใจเอง”
ชะเวมะรัตตัดใจเดินออกไป ชะเวโบร้องฟูมฟาย”
“เดี๋ยวท่านพี่...อย่าเพิ่งไป...อย่าทิ้งข้าไป”
ไม่มีประโยชน์ชะเวมะรัตไม่เหลียวหลังกลับมา
บาเยงโบนั่งเครียดอยู่บนพระแท่นบริเวณที่ฝึกทหารราชองครักษ์ ขณะที่มีทหารกำลังฝึกอยู่ไกลๆ รอบข้างมีสมุหนายก และสมุหกลาโหมนั่งเป็นที่ปรึกษาหารืออยู่ ทั้งหมดสนทนามานานพอสมควร
“ข้าจะทำเยี่ยงไรดี มันช่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ จะทำเยี่ยงไรที่ไม่ให้กระเทือนไปถึงพระมเหสีชะเวมะรัต”
“กฎก็คือกฎ ตามราชประเพณีโบราณก็ถือปฏิบัติกันมาเยี่ยงนี้ การประหาร 7 ชั่วโคตรถือเป็นโทษมหันต์อันสูงสุด หาได้มีการยกไว้สำหรับการอภัยโทษไม่ เรื่องนี้ลำบากจริงๆ” สมุหนายกออกความเห็น
สมุหกลาโหมโพล่งขึ้นมา
“ยกเว้นจะไม่มีตัวคนร้าย หรือจับคนร้ายไม่ได้”
สมุหกลาโหมพูดเป็นนัย ทุกคนมองหน้ากัน หัวหน้าราชองครักษ์เข้ามารายงาน
“ถวายบังคมพ่ออยู่หัว บัดเดี๋ยวนี้ได้ติดประกาศจับงะดินเดให้เห็นกันทั่ว แต่ยังหาได้จับตัวมารับโทษทัณฑ์มิได้”
บาเยงโยรับรู้ในใจคิดอะไรบางอย่าง
เสือสมิง ตอนที่ 21 (ต่อ)
พระราชวังยามค่ำคืน...ชะเวมะรัตนั่งสวดมนต์ไหว้พระอยู่ในหอไตร มีนางกำนัลคอยอยู่ด้านหน้า ชะเวมะรัตปักธูปจังหวะเดียวกับบาเยงโบเดินเข้ามาในหอไตร
“ใยพระมเหสีดูเศร้านัก”
ชะเวมะรัตถวายความเคารพ
“ขอพ่ออยู่หัวมีพระชนม์หมื่นปี มิทราบว่ากิจอันใดเพคะ”
“ข้ามาหาเมียข้าต้องมีกิจอันใดด้วยหรือ...ดูสีหน้าเจ้าเศร้าหมองท่าทางจะไม่สบายใจเห็นจะเป็นด้วยเรื่องพ่อเจ้าใช่หรือไม่”
“ถ้าใช่ก็ใช่เพียงเสี้ยวเดียว หากเหตุที่กระหม่อมเศร้าเป็นเพราะตระกูลของกระหม่อมทำเรื่องเสื่อมเสียอันเป็นสาหัส และพร้อมที่จะรับโทษในอีกราตรีข้างหน้า”
“เรื่องยังไม่เกิดเจ้าจะตีตนไปใย...ทำใจให้สบายเถอะมเหสีเรา”
ชะเวมะรัตมองบาเยงโบอย่างแปลกใจ
ชะเวโบที่ถูกคุมขัง ทั้งเครียดและหงุดหงิด
“ท่านพ่อนะท่านพ่อ..ทำไมถึงทิ้งข้าได้ พี่ข้าก็ไม่ยอมช่วยเลย...โธ่โว้ย...”
ด้านนอกปรากฏบุรุษลึกลับแต่งกายชุดดำมิดชิด ปิดใบหน้าบุกเข้ามาแล้วเก็บยามรักษาการให้สลบ
ชะเวโบมองอย่างมีความหวัง
“ท่าน...ท่านเป็นใคร ท่านมาช่วยข้าหรือ”
ชายลึกลับไม่พูดอะไรเอากุญแจไขประตูเปิดออก แล้วใช้มนต์จากดาบอาญาสิทธิ์ของบาเยงโบสะเดาะตรวนออก
จนตรวนหลุด แล้วเก็บดาบ
“ท่านพ่อส่งท่านมาหรือ”
“ไม่ต้องพูดมาก ไปได้แล้ว”
ชะเวโบดีใจรีบลอบออกไปทันที เมื่อชะเวโบลับไปแล้วชายลึกลับก็เปิดหน้าออก เขาคือ...หัวหน้าราชองครักษ์
บาเยงโบเดินออกมาจากห้องในหอไตรกับชะเวมะรัต นางกำนัลเดินตามห่างๆ หัวหน้าราชองครักษ์รีบเข้ามาอย่างร้อนรนพร้อมดาบอาญาสิทธิ์
“พระอาญามิพ้นเกล้า”
“มีสิ่งไรรึ ท่านราชองครักษ์”
“บัดนี้ชะเวโบได้หลบหนีออกจากที่คุมขังแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบแกล้งตกใจ ชะเวมะรัตก็ตกใจ
“เป็นอย่างนี้ได้เยี่ยงไร...สั่งการลงไปให้ปิดล้อมเขตขัณฑสีมาให้หมดทั้งสิ้นค้นหาตัวมันให้เจอ”
“พระพุทธเจ้าข้า”
หัวหน้าองครักษ์จากไป ชะเวมะรัตเป็นห่วงน้องชายมาก
ชะเวโบวิ่งหนีมาตามป่าอย่างรีบเร่งและร้อนรน สักพักเห็นว่าปลอดภัยเขาจึงหยุดพัก มองไปรอบๆแล้วโล่งใจ แล้วนึกถึงงะดิเด
“ท่านพ่อ...”
ชะเวโบตั้งจิตอธิษฐานส่งพลังจิตออกไปเพื่อติดต่อกับงะดินเด ไม่นานงะดิเดก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าของเขา ท่าทางงะดินเดแปลกใจ
“ท่านพ่อ...”
“ชะเวโบ เจ้าออกมาได้ยังไง”
ชะเวโบแปลกใจ
“อ้าว..ท่านพ่อหาได้ส่งคนไปช่วยจ้ารึ”
“เปล่า...ข้าหาได้ทำเยี่ยงนั้น”
“หรือเป็นฝีมือพระสนม”
งะดินเดแววตากร้าวแค้น
“คนอย่างนางแพศยานางนั้นรึ จะมาช่วยเจ้าหนี มีแต่จะช่วยให้ตัวมันเองได้ดีเท่านั้น ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่”
“แล้วมันเป็นผู้ใด”
งะดินเดคาดเดา
“ข้าพอจะเดาได้แล้วว่ามันเป็นใคร และทำเพื่ออะไร”
อิระวดีทั้งตกใจและกังวลใจมาก เมื่อรู้ว่าชะเวโบหนีไปแล้ว
“เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ทหารออกเต็มราชวัง ชะเวโบมันหลบหนีไปได้เยี่ยงไร”
“หม่อมฉันหาได้ทราบไม่ ได้ยินพวกราชองค์รักษ์คุยกันความว่ามีบุรุษลึกลับลอบเข้ามาช่วย”
อิระวดีนิ่งคิด
“มันเป็นผู้ใดกันนะ หรือว่ามันจะเข้าคำที่ว่า ไม่มีโจรก็ไม่มีศาล”
บาเยงโบเดินมาตามทางในตำหนัก กับหัวหน้าราชองครักษ์ ที่ส่งาบคืนให้
“ดาบเล่มนี้ช่างเต็มไปด้วยพลานุภาพจริงๆพระพุทธเจ้าข้า”
“แต่ข้าก็หาได้ไว้ใจไม่ ด้วยอาคมของงะดินเดก็มีอำนาจและพลานุภาพไม่แพ้กัน”
หัวหน้าราชองครักษ์ไม่ไว้วางใจในเหตุการณ์
“พ่ออยู่หัวปล่อยเสือเข้าป่าไปแล้ว ทรงมิได้เกรงมันจะย้อนกลับมาหรือพระพุทธเจ้าข้า”
“ข้าไม่เคยประมาท และรู้จักคนอย่างงะดินเดดี แต่ทำยังไงได้...ข้ายอมให้ชะเวมะรัตผู้เป็นดุจดวงใจของข้าต้องโทษประหารตายตกไปตามกันมิได้”
บาเยงโบไม่ค่อยสบายใจนัก
บาเยงโบเดินเข้ามาในห้องบรรทม เห็นว่าชะเวมะรัตยังไม่นอน ยืนมองแสงจันทร์อยู่ที่หน้าต่าง
“ใยพระมเหสีจึงยังมิบรรทม”
ชะเวมะรัตไม่ตอบคำถาม กลับถามคำถามสำคัญ
“พ่ออยู่หัวทำเยี่ยงนี้ด้วยเหตุอันใด”
“ทำเยี่ยงไรรึ”
“พ่ออยู่หัวทรงรู้อยู่แก่ใจ จะมีผู้ใดหลบหนีออกจาห้องคุมขังได้ง่ายๆ”
“ข้าทำเพื่อเจ้า”
ชะเวมะรัตหันหน้ามามองด้วยสายตาแห่งความรัก
“หม่อมฉันรู้ดี แต่พ่ออยู่หัวกำลังจะหาเรื่องอันยิ่งใหญ่มาสู่บ้านเมือง บิดาของๆหม่อมฉันคงหายอมเลิกราง่ายๆ”
บาเยงโบถอนใจ
“การใดจะยิ่งใหญ่เท่าอานุภาพแห่งรักของเรา”
ปัจจุบัน...ภราดรยังคงจ้องมองกินรีอยู่
“กินรี เธอมาได้ยังไง...”
“กินรีมาช่วยคุณหมอ”
ภราดรอึ้งแล้วพยายามปฏิเสธ
“ไม่...กลับไปซะ...กลับไป”
เสียงระรินเรียกภราดรมาจากด้านหลัง
“คุณหมอ มาอาบน้ำได้แล้วค่ะ”
ระรินกำลังจะเดินมา แก้วรีบดึงกินรีออกไป
“ไปก่อนเถอะพี่กินรี..”
ภราดรมองตามในใจโล่ง ระรินมาถึงเห็นสีหน้าภราดรแล้วสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าหมอ”
“เอ่อ...มะ..ไม่มีอะไร...ผมไปอาบน้ำนะ”
ระรินรับรู้ไม่สงสัยอะไร
กินรีกับแก้ววิ่งหนีทหารยามลัดเลาะมาตามเรือนหลังต่างๆ มีมุมมืดที่พอจะบังกายได้ ทหารยามเดินเวรยามกันอย่างเข้มงวด ทั้งคู่รีบออกมาพอดีทำเสียงดังเป็นพิรุธ ทหารยามที่เดินยามอยู่สงสัยแล้วหันมาทางเสียง
“ใคร”
กินรีกับแก้วหลบอยู่ในเงามืดใต้ถุนบ้าน ทหารทั้งหมดแยกไป มีไฟฉายส่องนำ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะลอบออกไป เสือชินเดินนำพวกทหารรับจ้างผ่านมากิน
ก่อนที่กลุ่มเสือชินจะเดินมาถึง มีมือลึกลับมาปิดปากกินรีกับแก้วแล้วดึงเข้าไปในมุมมืด
“กินรี..นี่ฉันเอง”
กินรีกับแก้วโล่งใจ
มะค่ากับหินกลับมาที่พัก หินยังคงคิดถึงเรื่องที่มีอะไรเคลื่อนไหวในพงหญ้า
“นี่ลุงจ่า พี่กินรี พี่แก้วยังไม่มาอีกหรือ..ว้าทำงานช้าจัง” กินรีบ่น
“เออ...แม่คนเก่ง...แม่คนทำงานดี...ให้เฝ้าต้นทางดันแอบไปฉี่ซะนี่” หินมองค้อน
“อ้าวก็คนมันปวดนี่”
จ่าชิตกินรี แก้ว และประเดิม เข้ามาเขาได้ยินบางประโยคที่ทั้งคู่สนทนากัน
“เถียงอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกลุงจ่า แค่ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย”
“ผิดพลาดนิดหน่อยหรือ...เล่นเอาไอ้ทศเกือบจับฉันได้นี่นะ...”
หินประชดมะค่าแล้วนึกถึงเรื่องในพงหญ้า
“นี่ลุงจ่า ฉันว่าในหมู่บ้านนั้นมันชักยังไงๆ อยู่นะ”
“มีอะไรหรือ”
“ไม่รู้สิฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่ามันยังมีคนอื่นอยู่ในหมู่บ้านอีก”
ประเดิมกลัว
“ผีดิบอีกหรือเปล่า”
“คงไม่มั๊งพี่ประเดิม ผีดิบอะไรจะมีไปทุกที่ทุกทาง”
จ่าชิตสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่
อองไชยนั่งบริกรรมคาถาอยู่ในห้องพัก เบื้องหน้าเขามีรูปั้นชะเวมะรัตกับบาเยงโบตั้งอยู่
“จงพาข้าไปพบกับความยิ่งใหญ่ของท่านอย่างปลอดภัยด้วยเถิด”
กลางดึก ระรินนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง ทันใด มีเสียงคนเดินเข้ามา เมื่อเธอลืมตาขึ้นมองก็พบทหารชนกลุ่มน้อยที่เข้ามา เธอกรี๊ดลั่นด้วยความกลัว
จบตอนที่ 21