xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 21
 

“นี่เป็นการจบปัญหาของฉันกับมานพ ถ้าหมวดจะถอนตัวเพราะไม่อยากเสี่ยงผมก็ไม่ ว่าอะไร”
 

“ผมทำงานรับใช้เจ้าสัว ถ้าเจ้าสัวคิดจะลุยผมก็ต้องลุยด้วยอยู่แล้ว”
“งั้นหมวดคงต้องระวังตัวเองด้วย เพราะงานนี้ต้องพึ่งฝีมือตัวเองกันทุกคน”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ..ผมเอาตัวรอดได้แน่”
เจ้าสัวพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปพร้อมกับนนท์ก่อน ธงรบมองตามเจ้าสัวครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ก่อนหน้านี้...ในห้องผู้ป่วยสมิงยังนอนนิ่งมีเครื่องช่วยหายใจ และสายน้ำเกลือระโยงรยางค์ หมอบอกกับธรบว่า...
“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่ ผู้การเริ่มมีอาการตอบสนองขึ้นมาบ้าง แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ แล้ว อาการก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก”
“งั้นผมถามจริงๆเถอะครับหมอ..ผมยังพอมีความหวังอยู่รึเปล่า”
หมอหนักใจ
“หมอตอบคุณได้ยากจริงๆครับ ผู้การเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ผมเองก็ อยากให้มีปาฏิหาริย์”
ธงรบนิ่งไป แล้วมองผู้การอย่างครุ่นคิด
“ครับ..ผมเข้าใจ บางทีเราก็พึ่งอะไรไม่ได้นอกจาก ต้องพึ่งปาฏิหาริย์ งั้นถ้าผมจะขออยู่กับผู้การสักครู่จะได้มั้ยครับ”
“เชิญครับ”
หมอเดินออกไปแล้วปล่อยให้ธงรบอยู่กับสมิงตามลำพัง ธงรบเข้าไปยืนข้างสมิงนิ่งมองอย่างหนักใจ
“ผมรู้ว่าคนอย่างอาไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆและคิดว่าอากำลังสู้เพื่อที่จะได้กลับมา แต่นี่มันนานเกินไปแล้วนะครับอา ถ้าอาไม่กลับมาช่วยผมกับไอ้หยก งานนี้เราคงได้ เจอกันอีกทีก็บนสวรรค์โน่น”
สมิงยังแน่นนิ่งไม่ไหวติง มีแต่เสียงเครื่องช่วยหายใจที่ดังครืดคราด ธงรบก้มลงไปพูดข้างๆหู
“ที่ผมรับปากอาไว้ ผมคงต้องขอโทษด้วย ผมไม่อยากให้ไอ้หยกมันหมดอนาคต ผมจะ แก้แค้น พวกมันให้อาและจะปลดแอกไอ้หยกให้พ้นจากวังวนของพวกอาชญากรเลวๆ พวกนี้ซะที”
ธงรบบอกแล้วเดินออกไป ทิ้งสมิงที่นอนพึ่งเครื่องช่วยหายใจเอาไว้อย่างนั้น

เจ้าสัวเล้ง กับทุกคนเดินทางมาถึงบริเวณตู้คอนเทนเนอร์...
“ฟังฉันให้ดี ฉันรู้ว่าพวกเราหลายคนมีความแค้นที่เห็นเราโดนฆ่ากันไปต่อหน้าต่อตา แต่ความแค้นที่มาพร้อมกับความกระหายอยากจะตอบโต้ มันไม่ได้ช่วยทำให้ทุกอย่าง ดีขึ้น แต่จะทำให้เลือดนองพื้นอย่างไม่จำเป็น จงมีสติและรอคำสั่งจากฉัน !!”
เจ้าสัวประกาศ พวกลูกน้องทุกคนเฮรับคำสั่ง อย่างพร้อมเพรียง ส่วนธงรบเข้ามาคุยเบาๆ
“เจ้าสัวครับ...พวกมันนัดเจ้าสัวมาที่นี่ ผมว่าจะทำให้เราตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ผมอยากไปสำรวจดูแถวนี้ดูหน่อย”
เจ้าสัวพยักหน้ารับ
“ขอบใจหมวด”
ธงรบเดินออกไปทิ้งเจ้าสัวกับพรรคพวกให้รอมานพกัน

ธงรบปีนขึ้นมาบนด้านบนของตู้คอนเทเนอร์ที่อยู่ในจุดที่สูงสุด สามารถมองเห็นทุกคนด้านล่าง ได้ชัดเจน แล้วค่อยๆประกอบปืนสไนเปอร์ติดลำกล้องอย่างใจเย็น เมื่อประกอบปืนสไนเปอร์เสร็จก็เล็งผ่านลำกล้องลงไปข้างล่างกวาดไปทั่วๆเพื่อเช็คความพร้อมก่อนจะหยุด เป้าในลำกล้องไว้ที่เจ้าสัวเล้ง

ตงขับรถเข้ามาจอดพร้อมกับเก่งและลูกน้อง หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาสมทบ ที่หน้าเล้าจน์ ตงส่งสัญญาณมือให้เก่งกับลูกน้องอ้อมเข้าไปอีกทาง ส่วนหยกไปอีกทาง
“ช่วยลูกสาวฉันออกมาให้ได้ ถ้าพวกมันคิดจะสู้ก็ยัดลูกปืนใส่กบาลพวกมันให้หมด”
เก่งรับคำสั่งแล้วพาคนเดินเข้าไป หยกหันมามองหน้าตง
“เสี่ยรออยู่ข้างนอกนี่แหละ เดี๋ยวผมจะพาคุณแพรออกมาเอง”
“ขอบใจแกมากไอ้หยก”
หยกเดินเข้าไป ตงยิ้มร้ายที่จะได้เล่นงานพวกพยัคฆ์เมฆา

หยกเข้ามาอีกด้านของเล้าจน์เพื่อหาทางลอบเข้าไป แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ที่พกมาสั่นเพราะ มีสายเรียกเข้า หยกหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์ธงรบ...ธงรบยังประจำอยู่ที่ปืนลอบยิงและโทรศัพท์หาหยก
“แกอยู่ไหนแล้วไอ้หยก”
“ผมมากับเสี่ยตงกำลังหาทางช่วยคุณแพรอยู่ครับ แล้วทางหมวดล่ะครับ”
“อีกไม่นานพวกมันต้องได้เผชิญหน้ากันแน่ ถ้าแกช่วยคุณแพรได้แล้ว ก็รีบพาคุณแพร หนีไปซะ แล้วปล่อยให้ไอ้ตงมาลุยกับพวกมันที่นี่”
หยกสงสัย
“นี่หมวดคิดจะทำอะไร”
“ถ้าไอ้พวกตัวใหญ่ๆตายพร้อมกันทีเดียว ก็เท่ากับฉันได้แก้แค้นให้ผู้การและช่วยปลด แอกแกให้เป็นอิสระจากวงจรอุบาทว์พวกนี้ซะทีไง”
หยกชะงักกับคำพูดของธงรบแต่พอจะถามต่อธงรบก็ตัดสายไป

“หมวด...หมวด !”
หยกใจคอไม่ดีไม่อยากให้ธงรบตัดสินใจทำแบบนั้น แต่ไม่ทันไรเสียงปืนก็ดังขึ้นจากข้างในเล้าจน์

ในเล้าจน์เก่งกับลูกน้องตัวเองเปิดฉากยิงต่อสู้ กับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาจนข้าวของในเล้าจน์กระจุย หยกรีบตามเข้ามาในสถานการณ์ตึงเครียด ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาคนหนึ่งโผล่มาจะเล่นงาน หยกเลยต้องงัดเชิง มวยออกมาสู้กับพวกมัน คนแรกจัดการไปได้ไม่ยากเย็นอีกคนเข้ามาพร้อมกับอาวุธเป็นมีด หยกเกือบพลาด ท่าเสียที ดีที่เก่งหันมาช่วย
“ฉันรับมือพวกมันทางนี้เอง แกรีบเข้าไปตามหาคุณหนู”
หยกพยักหน้ารับแล้วลุยเข้าไปด้านใน

ส้มเช้งพากิ่งเหมยเข้ามานั่งในบ้านหลังจากไปวัดกันมา กิ่งเหมยดูไม่ค่อยสบายใจ
“ฉันว่าเดี๋ยวฉันไปหาน้ำเย็นๆมาให้แกกินก่อนดีกว่า เผื่อแกจะสบายใจขึ้นมามั่ง”
ส้มเช้งบอกแล้วหันไปพยักหน้ากับคมทวนเพื่อให้คมทวนช่วยพูดกับกิ่งเหมย
“อย่าไปคิดมากเลยนะกิ่งเหมย ถ้าพระท่านว่าฤกษ์ยังไม่ควรแต่งตอนนี้ก็รอกันไปสักพัก ก่อนแล้วกัน”

“เหมยไม่ได้ห่วงเรื่องที่พระท่านเตือนว่า ยังไม่ควรรีบแต่งกันตอนนี้หรอกค่ะน้าคมทวน”

“เหมยไม่ได้ห่วงเรื่องที่พระท่านเตือนว่า ยังไม่ควรรีบแต่งกันตอนนี้หรอกค่ะน้าคมทวน”

“แต่ห่วงที่ท่านเตือนว่าตอนนี้ ไอ้หยกดวงไม่ดีกำลังมีเคราะห์น่ะเหรอ”
“เหมยสงสัยหยกตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ดูเขาอารมณ์ดีแล้วก็อยากเอาใจจนผิดสังเกต”
ส้มเช้งเอาน้ำเข้ามา
“แกก็คิดมากน่า...มันก็รักแกดีแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่”
“แต่หยกพูดกับฉันแปลกๆจริงๆนะ”

คมทวนสงสัย
“แปลกยังไงล่ะกิ่งเหมย”
“เมื่อคืนนี้หยกทำเหมือนกับว่า เวลาที่จะอยู่ด้วยกันจะไม่มีอีกแล้ว”
คมทวนนิ่งไปแล้วคิดกังวล แต่ก็ปกปิดไม่ให้กิ่งเหมยรู้
“ไม่ใช่หรอกกิ่งเหมย ไอ้หยกมันก็คงพูด อ้อนให้กิ่งเหมยสงสารมัน นิสัยมันก็เป็นอย่างนี่แหละ อย่าไปเอาอะไรกับมันนักเลย”
คมทวนพูดปลอบใจแล้วตบบ่ากิ่งเหมยให้คลายกังวล

คมทวนเดินออกมาข้างนอกบ้าน พร้อมกับส้มเช้งที่ออกมาส่ง
“ช่วยดูกิ่งเหมยด้วยนะส้มเช้ง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะน้า มันหน้าที่ฉันอยู่แล้ว”
“งั้นเข้าไปเถอะ”
ส้มเช้งรับคำแล้วเดินกลับเข้าไป คมทวนหันมาครุ่นคิดกังวลเป็นห่วงลูกชาย

หยกตามหาดุจแพรตามห้องต่างๆ แต่ระหว่างทางเจอลูกน้องพยัคฆ์เมฆาโผล่เข้ามาแล้วยิงใส่ หยกต้อง กระโจนหลบ แล้วซุ่มหลอกล่อออกมาสู้กับมันด้วยมือเปล่า จนสามารถจัดการมันได้อย่างไม่ยากเย็น ทันใดนั้นมีอีกคนโผล่เข้ามาพร้อมกับมีดพกแล้วโถมเข้าเล่นงาน หยกหันไปสู้กับมันแล้วพลาดท่าถูกมันกระซวก แทงเข้าที่สีข้าง หยกชะงักแล้วรีบกระแทกมันออกไปก่อนจะเล่นงานจนมันสลลบเหมือด หยกก้มมองดูที่ท้องตัวเองซึ่งถูกแทงรีบเอามือปิดปากแผลเอาไว้แล้วฝืนความเจ็บไปตามหาดุจแพรต่อ

ดุจแพรนั่งดูดวงแขที่ถูกล่ามโซ่และมีปืนที่ขโมยมาอยู่ในมือ ดวงแขยกปืนเล็งไปทั่วแล้วทำท่ายิง
“ปัง...ปัง...ปัง...พวกผู้ชายเลวๆต้องตายให้หมด...ตาย...ตาย...ตาย...ฮ่าๆๆๆ ปัง...ปัง...ปัง”
ดวงแขหันปากกระบอกปืนมาทางดุจแพรทำท่าเหมือนจะยิง ดุจแพรตกใจหลับตาปี๋
“ปัง !!...ฮ่าๆๆ ไม่ต้องกลัว...ผู้หญิงฉันไม่ฆ่าหรอก...ฉันจะฆ่าแต่ผู้ชายเลว...เพราะพวกมัน” ดุจแพรนึกขึ้นแล้วเริ่มตื่นกลัวร้องไห้ “พวกมัน...พวกมัน...ฮือๆๆๆ...กลัวแล้ว...ออกไป...อย่าเข้ามา ใกล้ฉัน...ไปให้พ้น...กลัวแล้ว”
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น...ให้ฉันช่วยคุณมั้ย ขอปืนให้ฉัน แล้วฉันจะพาคุณหนีไปจากที่นี่”
ดวงแขชูปืน
“ขอ...ขอไอ้นี่น่ะเหรอ”
“ใช่...ขอให้ฉันนะ...ฉันช่วยคุณได้จริงๆ”
ดุจแพรลองเสี่ยงเข้าไปใกล้แล้วยื่นมอขอปืน ดวงแขเหมือนจะไว้ใจและจะยื่นปืนให้ แต่ทันใดนั้นลูกน้องพยัคฆ์ เมฆาก็รีบเข้ามา ดวงแขรีบถอยไปหลบ
“คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วคุณดุจแพร”
“จะพาฉันไปไหน”
“ไม่ต้องถาม !!”
ลูกน้องจะฉุดกระชากลากถูดุจแพรแต่เธอไม่ยอมไปกับมัน
“ไม่...ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...ปล่อยนะ...บอกให้ปล่อย”
ดุจแพรดิ้นจนมันรำคาญมันเลยชกเข้าที่ท้องทำเอาเธอจุกตัวงอ ดวงแขเห็นแล้วตกใจจ้องตาเขม็ง ลูกน้องเบ้หน้า
“หาเรื่องเจ็บตัวเองช่วยไม่ได้”
ลูกน้องจะเข้าไปพาตัวดุจแพรออกไปกับมันแต่เสียงปืนก็ดังขึ้น...เปรี้ยง !! ลูกน้องสะดุ้งเฮือกเพราะโดนยิงเข้า กลางหลังด้วยฝีมือของดวงแข
“ตาย...ผู้ชายชั่วๆต้องตายให้หมด...ฮ่าๆๆๆ”
ดวงแขลั่นไกใส่มันอีกหลายนัดติดๆกันอย่างบ้าคลั่ง ดุจแพรเห็นประตูที่เปิดอยู่เลยตัดสินใจหนีออกไป ดวงแขเข้ามายืนมองลูกน้องพยัคฆ์เมฆาที่นอนหายใจรวยริน เธอจ่อปืนด้วยแววตาโหดเหี้ยม

ดุจแพรรีบวิ่งออกมาตามทางแล้วชะงักเพราะเสียงปืนที่ดังออกมาจากห้องที่เพิ่งหนีออกมา เปรี้ยงๆๆๆ เธอหน้าเสียรู้ดีว่าในนั้นได้เกิดเรื่องสยองขึ้นแล้ว และเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่
“อย่านะ...ไปให้พ้น !!”
“ผมเองครับคุณแพร”
“หยก !!”
ดุจแพรโผเข้าไปกอดหยกด้วยความตื่นกลัวทันที
“หยก...ช่วยฉันด้วย...ฮือๆๆ...ช่วยฉันด้วย”
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับคุณแพร...คุณปลอดภัยแล้ว” หยกบอกอย่างหนักแน่น

ตงเข้ามาที่โถงเล้าจน์ ที่สภาพเละเทะที่ถูกเก่งกับลูกน้องถล่มอย่างสะใจ ลูกน้องคนหนึ่งของพยัคฆ์เมฆาถูก เก่งลากคอมาให้ตง
“เจ้านายของพวกลื้อมันประมาทคนอย่างไอ้หมาบ้าตงเกินไป อย่าคิดว่าอั้วจะลอบกัดไม่ เป็น เพราะนี่แหละคืองานถนัดที่ทำให้อั้วขึ้นมายิ่งใหญ่ได้เว้ย”
ตงชักปืนออกมาแล้วยิงแสกหน้ามันตายคาที่ก่อนจะหัวเราะสะใจ
“แล้วลูกสาวฉันล่ะ”
เสี่ยตงถามหาไม่ทันไร หยกก็พาดุจแพรเข้ามา
“ป๋า !!”
“แพร”
สองพ่อลูกโผเข้าหากันอย่างดีใจ ส่วนหยกยืนหน้าซีดๆเพราะบาดเจ็บแผลที่ถูกแทงแต่พยายามทนไม่แสดง อาการเจ็บออกมาให้ใครเห็น
“มันทำอะไรแพรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะป๋า...แต่มันขู่แพรว่าถ้าไม่ยอมแต่งงานกับมัน มันจะฆ่าป๋า ฆ่าทุกคนที่แพรรู้จัก ให้ตายให้หมด”
“อย่างมันก็ดีได้แค่ขู่เท่านั้นแหละ เพราะมันจะต้องตายด้วยน้ำมือป๋าก่อน”
หยกขัดขึ้น
“เสี่ยครับ...ผมว่าถ้าตอนนี้เสี่ยกับคุณแพรปลอดภัยแล้ว เสี่ยก็ควรจะรีบ ไปจากที่นี่”
“แกไม่ต้องมาห้ามฉันหรอกไอ้หยก...นี่มันโอกาสดีครั้งเดียวที่ฉันจะได้ตลบหลังจัดการ กับพวกมัน”
ดุจแพรอึ้ง

“ป๋า !!... แพรโดนพวกมันเล่นงานขนาดนี้แล้วป๋ายังไม่คิดเลิกอีกเหรอ ไหนป๋าสัญญากับ แพรแล้วไง”

ตงนิ่งไม่ตอบ ดุจแพรเข้าไปทุบอก

“ป๋าต้องเลิกเดี๋ยวนี้...แพรขอร้องล่ะ...ป๋าต้องเลิก”
“ป๋าขอโทษนะ...ทางเดียวที่จะทำให้ป๋าเลิกเป็นมาเฟียได้...คือตายเท่านั้น” ตงหันไปสั่งลูกน้อง “พาคุณหนูกลับไป”
ลูกน้องรีบเข้ามาจับแขนดุจแพรทันที

ตงออกมาพร้อมกับเก่งและหยก ส่วนดุจแพรถูกลูกน้องพาแยกตัวไปขึ้นรถอีกคัน
“ป๋า...แพรขอร้อง...ป๋าต้องหยุด...อย่าทำแบบนี้เลย...แพรขอร้อง”
ตงหันหลังให้ลูกสาวหน้านิ่งไม่สนใจตะโกนสั่งเสียงเข้ม
“รีบๆพาลูกสาวฉันไปซะทีสิเว้ย”
ลูกน้องรีบพาดุจแพรขึ้นรถแล้วขับออกไป หยกยืนมือกุมท้องแล้วเดินเข้ามาคว้าแขนตง
“เสี่ย...ผมเตือนเสี่ยจริงๆนะ เสี่ยไม่ควรจะไปที่นั่น”
“อะไรของแกอีกวะไอ้หยก ฉันเป็นเจ้านายแก แกก็ต้องฟังคำสั่งฉันสิเว้ย”
“แต่ถ้าเสี่ยไปที่นั่น...จุดจบของเสี่ยคือตายอย่างเดียว”
“วันนี้ฉันกราบไหว้เทพเจ้ามาแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องตายมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันกลัวอีก ต่อไป แต่การไม่ได้แก้แค้นต่างหากที่จะทำให้ฉันอับอายฟ้าดิน”
ตงแกะมือหยกแล้วหันไปพยักหน้ากับเก่ง เก่งรีบชักปืนมาจ่อหลังหยก
“แกรับปากเสี่ยว่าจะช่วยถล่มพวกมัน...ถ้าแกขี้ขลาด แกก็ไม่คู่ควรกับการเป็นมาเฟียอีก ต่อไปแล้วไอ้หยก”
สถานการณ์ตึงเครียด หยกมองหน้าตงเขม็งอย่างตัดสินใจ
“แล้วถ้าผมจะบอกเสี่ยว่าผมไม่ใช่มาเฟียและไม่เคยคิดจะเป็นด้วย เสี่ยจะเชื่อผมรึเปล่า”
ตงชะงัก
“แกว่าไงนะไอ้หยก”
หยกอาศัยจังหวะที่ตงกำลังสงสัยหันไปใช้ความถนัดแย่งปืนจากมือเก่งมาแล้วพลิกจับเก่งมาจ่อปืนใส่แทน
“ไอ้หยก !!”
หยกทุบต้นคอเก่งทีเดียวทรุดหมดสติอย่างไม่ยากเย็น ตงชักปืนออกมาแต่ช้ากว่าเพราะหยกเล็งใส่แล้ว
“อย่าเลยครับเสี่ย...ทิ้งปืนเสี่ยไปซะ...ผมสั่งให้ทิ้งปืน !!”
ตงเจ็บใจยอมโยนปืนทิ้ง
“นี่แกเป็นบ้าอะไรของแกวะไอ้หยก หรือว่าแกคิดร่วมมือกับพวก มันทรยศหักหลังฉัน”
“ถ้าจะบอกว่าผมหักหลังเสี่ยล่ะก็...ใช่แล้วครับ แต่ผมไม่ได้ร่วมมือกับพวกมาเฟีย”
“งั้นแกร่วมมือกับใคร”
“ผมปล่อยให้เสี่ยตายไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะกิ่งเหมยเป็นสายเลือดของเสี่ย แต่เพราะ โทษของเสี่ยคือการต้องไปชดใช้กรรมในคุก”
ตงอึ้ง
“ไอ้หยก...อย่าบอกนะว่าที่จริงแล้วแกก็เป็น...”
“ครับเสี่ย...ผมเป็นตำรวจ”
หยกบอกความจริงตงแล้วแล้วก็ใช้ปืนตบหน้าตงจนหน้าหันแล้วจัดการทุบต้นคอทีเดียว ตงสลบ เหมือดแน่นิ่ง หยกลดมือลงแล้วจับที่ท้องตัวเองที่มีเลือดซึมออกมา

หยกจัดการจับตงกับเก่งที่หมดสติมาใส่กุญแจมือขังไว้ในตึกร้างที่มีรั้วตาข่ายกั้นเอาไว้ก่อน แล้วรีบ โทรหาธงรบ
“ว่าไงหยก...ช่วยคุณแพรได้แล้วใช่มั้ย”
“คุณแพรปลอดภัยแล้ว”
“ดี...งั้นแกปล่อยก็ให้ไอ้เสี่ยตงมาลุยกับพวกมันที่นี่ ฉันจะจัดการจบชีวิตชั่วๆของพวกมัน ให้หมดทีเดียว”
“คงไม่ได้แล้วครับหมวด”
“ทำไมวะไอ้หยก”
“เพราะเรายังเป็นตำรวจ เรายังต้องเคารพกฎหมายอยู่น่ะสิครับ ตอนนี้เสี่ยตงรู้ความ จริงแล้วว่าผมเป็นใคร เราควรจะปล่อยให้กฎหมายเล่นงานพวกเขา”
ธงรบหงุดหงิด
“ไอ้หยก...ถ้าผู้การไม่ฟื้นขึ้นมา แกกับฉันก็คือคนไม่มีตัวตน ถ้าไม่ใช้วิธีของฉัน จัดการกับพวกมัน แกจะไม่ได้กลับไปหากิ่งเหมย”
“ไม่ครับ...การจะชนะความเลวต้องเอาชนะด้วยความดีไม่ใช่ต้องเลวเหมือนกับมัน ทำเหมือนกับมันแล้วอ้างว่าคือการทำดี”
ธงรบนิ่งเจ็บใจที่หยกไม่เห็นด้วยกับวิธีการของตัวเอง ระหว่างนั้นรถของพวกมานพขับเข้ามาในบริเวณลานเก็บ ตู้คอนเทนเนอร์ ธงรบหันไปเห็นก็บอกหยกทางโทรศัพท์
“เสียใจด้วยนะไอ้หยก...พวกมันมากันแล้ว นี่คือวิธีการจัดการกับพวกมันของฉัน แกอย่า มายุ่ง!!”
เสียงธงรบเงียบไปหยกพยายามกดกลับไปแต่เขาไม่รับสายแล้ว หยกกุมท้องที่เลือดซึมออกมาแล้วเจ็บใจ
“โธ่เว้ย!!”

รถวิ่งมาจอดนิ่งสนิทตรงหน้าเจ้าสัวเล้ง เมื่อประตูรถเปิดออก มานพในมาดเนี้ยบและร้ายกาจก็ก้าวลงจาก รถพร้อมกับโหงวที่ต่างจ้องเขม็งกับเจ้าสัวเล้งอย่างเคียดแค้น ลูกน้องทุกคนของเล้งแสดงอาการพร้อมลุยกับลูกน้องของพยัคฆ์เมฆาที่เริ่มดาหน้าออกมาจากทุกทิศทุกทางรอบๆบริเวณ ซึ่งมีจำนวนคนที่มากกว่าเห็นๆ ชาญเข้ามากระซิบมานพ
“นายครับ...คนของเราที่เล้าจน์โทรมาบอกว่าไอ้เสี่ยตงบุกไปช่วย คุณดุจแพรออกไปได้แล้ว”
มานพเจ็บใจ
“ทำงานกันยังไงวะ...ฉันบอกให้เฝ้าให้ดีไง”
โหงวตัดบท
“ช่างมันเถอะน่ามานพ เดี๋ยวแกจัดการไอ้เล้งเสร็จแล้ว การตามล่าไอ้ตงก็แค่เรื่องขี้ผง”
มานพพยักหน้ารับเห็นด้วยกับโหงว ก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับเจ้าสัวเล้งตัวต่อตัว
“สวัสดีครับเจ้าสัวเล้ง...เอ๊ะ...หรือว่าต้องให้ผมเรียกว่าพ่อ”
“แกไม่มีสายเลือดของฉัน เลือดของแกมันเป็นเลือดของหมาจิ้งจอกไม่ใช่มังกร”
โหงวยิ้มหยัน
“จนถึงวันนี้แล้วแกยังหยิ่งผยองอยู่อีกเหรอวะไอ้เล้ง แหกตากว้างๆ ดูดีๆ ตอนนี้พยัคฆ์ เมฆาของมานพยิ่งใหญ่กว่ามังกรวารีของแกแล้ว”
เจ้าสัวนิ่งมองผ่านมานพไปที่พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาซึ่งยกกันมาด้วยจำนวนมากกว่าเยอะ

“ฉันไม่ปฏิเสธว่าคนอย่างแกมันเจ้าเล่ห์จนสร้างให้มานพกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกได้ แต่ก็ อย่างที่ฉันเตือนแกนั่นแหละมานพ วงการนี้มันเหมือนขุมนรก ถ้าไม่รีบปืนขึ้นมาแกก็ ต้องทนอยู่ในนรกไปตลอดชีวิต”

“หึๆ...ฮ่าๆ...” มานพหัวเราะเยาะเย้ย “เฮ้ยพวกเรา...ได้ยินมั้ย เจ้าสัวเล้งแห่งมังกรวารี พญามังกรที่ยิ่งใหญ่ เกิดรักตัวกลัวตายอยากจะปีนขึ้นจากขุมนรกจนต้องมาขอเจรจา กับพยัคฆ์หน้าใหม่อย่างฉัน...ฟังแล้วมันทุเรศมั้ยวะ...ฮ่าๆ”
 

พวกพยัคฆ์เมฆาพากันหัวเราะเยาะอย่างดูถูกดูแคลน เลยยิ่งเป็นการกระตุ้นให้พวกเจ้าสัวทุกคนกัดฟันกรอดๆ

ธงรบอยู่บนตู้คอนเทรนเนอร์แน่วแน่ขยับปืนสไนเปอร์เล็งเป้าไปที่เจ้าสัวเล้งแล้วค่อยๆเลื่อนไปที่มานพ สลับกันอย่างตัดสินใจ
“แก...กับ...แก...ใครจะแจ็คพ็อตคนแรก...ไอ้พวกมาเฟีย”
ธงรบเลือกไปเลือกมาแล้วเลื่อนไปที่มานพ
“แกก่อนแล้วกัน...แกทำให้อาสมิงต้องโคม่า ทำให้หมวดณรงค์ต้องตาย ฉันจะแก้แค้น ให้พวกเขาเอง”
ธงรบนิ้วแตะไกแต่ยังไม่พร้อมยิง เพราะต้องรอจังหวะที่แน่นอนกว่านี้

หยกบิดมอเตอร์ไซค์พุ่งมาตามถนนอย่างรีบร้อน หน้าของเขาเริ่มซีดเพราะเสียเลือดไปมาก แต่ก็ฝืนความเจ็บปวด บิดคันเร่งเพิ่มความเร็วเพื่อไปยับยั้งธงรบให้ทัน

พวกลูกน้องเจ้าสัวเล้งไม่พอใจการดูถูกเหยียดหยามจากพวกมานพเลยแสดงอาการฮึดฮัด เจ้าสัวต้องตะโกนสั่ง
“ฉันสั่งแล้วไง...ทุกคนต้องมีสติและรอคำส่งฉันเท่านั้น”
คำสั่งของเจ้าสัวทำให้ลูกน้องทุกคนยอมเย็นลง แต่มานพกลับยิ่งได้ใจ
“ฮ่าๆๆ...แกมันเก่งได้แค่นี้แหละวะไอ้เล้ง กลัวฉันจนขึ้นสมอง ฮ่าๆ”
“ในสมองฉันไม่มีคำว่ากลัว มีแต่คำว่าสามัญสำนึก ที่ฉันมาพบแกวันนี้เพราะไม่ต้อง การให้มีการนองเลือดเกิดขึ้นกับทั้งคนของฉัน” เจ้าสัวเสียงดังส่งไปถึงลูกน้องพยัคฆ์เมฆา “และคนของแกด้วย !! เราทุกคนต่างก็มีคนรักรออยู่ที่บ้าน ฉันถึงไม่อยากให้มีใครต้อง มาตายเพื่อตอบสนองความบ้าอำนาจของคนคนเดียว”
คำพูดของเจ้าสัวเหมือนเป็นการเตือนสติคนของพยัคห์เมฆาให้ฉุกคิด โหงวรีบกระซิบเตือนมานพ
“เตี่ยว่าลื้อรีบจัดการมันซะตอนนี้เลยดีกว่า ก่อนที่ไอ้เล้งจะปลุกระดมให้คนของเราฟังมัน”
มานพพยักหน้ารับแล้วขยับเดินเข้าไปหาใกล้ๆ เจ้าสัวเองก็ก้าวเข้ามาประจันหน้า

ธงรบขยับเป้าในกล้องเล็งตามมานพที่เดินเข้ามาหาเจ้าสัวเล้ง แต่พออยู่ในระยะเหมาะที่จะลอบยิง มานพกับจ้าสัวดันยืนอยู่ในระยะที่มีลูกน้องมาบังเป้า ธงรบเจ็บใจ
“โธ่เว้ย!!”
ธงรบต้องขยับเป้ารอเวลาเหมาะๆอีกครั้ง

เจ้าสัวเล้งกับมานพประจันหน้ากันและเริ่มต่อรอง
“เอาล่ะไอ้เล้ง...ในเมื่อวันนี้แกอยากเจรจาต่อรองเพื่อไม่ให้มีคนต้องตายเพราะสงคราม ครั้งนี้ ฉันก็เห็นด้วย แต่มันก็ต้องอยู่ที่ขอเสนอที่แกจะว่ามา เพราะลูกน้องฉันทุกคนต้อง กินต้องใช้ ฉันเลี้ยงพวกมันด้วยเงิน ไม่ได้เลี้ยงด้วยหญ้า”
“เท่าที่แกโกงฉันไปมันก็มากพอแล้วมานพ”
“ฉันรู้ว่าแกมีอยู่เท่าไหร่ แค่นั้นมันยังส่วนน้อย ถ้าแกยอมยกหุ้นที่เหลือของแกให้ฉันอีก แล้วก้มกราบเท้ายอมให้พยัคฆ์ได้เหยียบมังกรล่ะก็ ฉันจะทำตามที่แกขอมาทุกอย่าง”
เจ้าสัวอึ้ง นนท์เจ็บใจชี้หน้าด่าทันที
“ไอ้มานพ...แกมันไอ้ทรพี เจ้าสัวเลี้ยงแกมาอย่างดี แต่แกกลับทำเนรคุณสั่งให้เขากราบ เท้าแก...นรกขุมที่ลึกที่สุดมันถึงจะเหมาะกับแกแล้ว!!”
เจ้าสัวเสียงดัง
“หยุดได้แล้วนนท์ !”
นนท์ชะงัก
“เจ้าสัว”
“ถ้าฉันทำตามที่แกว่ามา...แกรับปากแน่นอนใช่มั้ยว่าจะหยุด”
“ก็ถ้าพญามังกรอย่างแกกล้ากราบเท้าฉันล่ะก็...ฉันก็กล้ารับปากแกเหมือนกัน”
เจ้าสัวนิ่งมองมานพอย่างตัดสินใจแล้วก้าวเท้าเข้าหา นนท์และลูกน้องทุกคนพากันตกใจ
“เจ้าสัว...อย่าทำอย่างนั้นเลยครับ”
ลูกน้องเจ้าสัวตะโกนห้าม
“อย่านะครับเจ้าสัว”
เจ้าสัวเดินเข้าใกล้มานพจนกระชั้นชิด มานพระแวงกลัวตุกติกเลยขยับถอย

ธงรบมองจากเป้าเล็งเห็นมานพขยับออกมาพ้นจากลูกน้องที่บังเป้าอยู่ ธงรบเลยได้โอกาสนิ้วแตะไกเตรียมยิง
เจ้าสัวเล้งหยุดตรงหน้ามานพและจ้องเขม็งด้วยสายตาจริงจัง พวกลูกน้องเจ้าสัวพยามร้องขอ นนท์ไม่ยอม
“ขอร้องล่ะครับเจ้าสัว...พวกเราพร้อมตายเพื่อเจ้าสัว แต่เราจะไม่ยอมเห็นเจ้าสัวต้องเสีย เกียรติเพื่อคนอย่างมัน”
“พวกเราพร้อมสู้ครับเจ้าสัว”
โหงวจ้องหน้าเจ้าสัว
“ว่าไงล่ะไอ้เล้ง...ลีลาอะไรอยู่ได้ พญามังกรอย่างแกรับคำท้าแล้วถ้าไม่กล้าก็เป็นได้แค่ ไอ้จิ้งจกเท่านั้นแหละเว้ย”
เจ้าสัวกำหมัดแน่นมองมานพที่ฉีกยิ้มท้าทายอย่างกวนสุดฤทธิ์...นิ้วมือของธงรบแตะไกพร้อมยิงมานพ เจ้าสัวกำหมัดแน่นแล้วสูดลมหายใจลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหมือนคนที่ยอมแล้ว โหงวยิ้มชอบใจเพราะรอเวลานี้มาตลอด แต่จังหวะนั้นเองแสงแดดซึ่งสะท้อนจากลำกล้องเล็งของธงรบส่องมา โดนหน้าโหงวพอดี โหงวหันขวับไปมองเห็นธงรบกำลังเล็งสไนเปอร์มาที่มานพ
“มานพ...หลบไป ไอ้เล้งมันเล่นสกปรก”
โหงวรีบผลักมานพให้พ้นวิถีปืนจังหวะพอดี...เปรี้ยง !! กระสุนพลาดเป้าไปโดนลูกน้องมานพตาย”
มานพโกรธจัด
“ไอ้เล้ง !! ฆ่าพวกมันให้หมด”

พวกลูกน้องมานพเฮโลเสียงดัง แล้ววิ่งเข้าใส่กลุ่มของลูกน้องเจ้าสัวที่พร้อมลุยอยู่แล้ว ทั้งสองกลุ่มเข้าโรมรันตีฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายและชุลมุนวุ่นวาย มานพกับชาญและโหงวอาศัยจังหวะนั้นถอยออกมาให้ลูกน้องลุยกันไป เจ้าสัวกับนนท์เห็นว่ามานพกำลังจะหนีจึงรีบตาม

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 21 (ต่อ)

ดุจแพรถูกลูกน้องของตงพาเข้ามาส่งถึงในห้องนอน ป้าจั่นตามมา

“พวกแกไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันดูคุณหนูเอง”
พวกลูกน้องออกไป ป้าจั่นรีบดูแลดุจแพร
“โชคดีนะคะที่ไม่เป็นอะไรกลับมา เดี๋ยวคุณหนูรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ ป้าเตรียมกระ เป๋าสัมภาระของคุณหนูไว้ให้แล้ว พร้อมที่จะไปส่งคุณหนูที่สนามบินได้ทันที”
“ไปสนามบิน ? นี่ป๋าสั่งให้เตรียมส่งฉันไปแล้วเหรอ”
“ค่ะ..สถานการณ์ตอนนี้คุณหนูจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยก็จะ ไม่มีใครปกป้องคุณหนูได้อีก”
“ถ้าป๋าสั่งป้าไว้แบบนี้ก็หมายความว่า...”
ป้าจั่นหน้าเศร้าๆ
“ค่ะ..เสี่ยพร้อมจะสู้ตายและอาจจะไม่ได้กลับมาหาคุณหนูอีก”
ดุจแพรชะงัก
“ป๋า...”
ดุจแพรหน้าเสียทรุดนั่งลงที่เตียงด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า

ในศาลเจ้ากิ่งเหมยมาจุดธูปเทียนไหว้เทพเจ้า ขอพรให้หยกปลอดภัย
“ถ้าจะเกิดเคราะห์หามยามร้ายอะไรขึ้นกับหยก ก็ขอให้เกิดขึ้นกับฉันแทนด้วยเถอะ”
กิ่งเหมยนิ่งตั้งจิตอธิษฐาน โดยไม่รู้ว่าเทียนที่จุดอยู่นั้น อยู่ๆก็ดับวูบไปเหมือนลางร้ายกำลังจะเกิด
“กิ่งเหมย”
เสียงดุจแพรดังขึ้น กิ่งเหมยแปลกใจ
“คุณแพร..นั่นคุณเหรอคะ”
ดุจแพรเข้ามาช่วยพยุง
“ใช่แล้วจ้ะ..ฉันเอง”
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง ก็ไหนหยกบอกฉันว่าคุณไปเมืองนอกแล้ว”
“หยกบอกเธอแบบนั้นเหรอ”
“ค่ะ..แสดงว่าหยกโกหกฉัน..ทำไมคะคุณแพร..เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหยกต้องโกหก ฉันด้วย..บอกมาฉันมาสิคะคุณแพร เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับหยกใช่มั้ย”
ดุจแพรจับมือกิ่งเหมยมาบีบ รู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก

หยกขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาถึงบริเวณที่พวกลูกน้องสองแกงค์ ยังเปิดฉากตีรันฟันแทงกันอย่างชุลมุน ลูกน้องของพยัคฆ์เมฆากลุ่มหนึ่งหันมาเห็นหยก พวกมันก็พากันเดินเอาเรื่องเข้ามาล้อม
หยกสู้กับพวกมันโดยที่ยังอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์ 2-3 คนโดนหยกเล่นงานไปได้ไม่ยากเย็น แต่เพราะแผลที่ถูก แทงที่ท้องทำให้หยกเริ่มอ่อนแรง พวกมันอีกคนเลยเข้ามากระชากหยกลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วใช้ดาบจัดการ
เปรี้ยง !! เสียงปืนดังขึ้นคนที่จะจัดการหยกถูกยิงตายล้มลง หยกหันไปมองที่ต้นเสียงจึงเห็นว่าเป็นธงรบ ที่ช่วยเขาเอาไว้นั่นเอง
“หมวด !!”
หยกจะรีบลุกขึ้น แต่เจอธงรบยิงปืนใส่พื้นขวางหยกเอาไว้ไม่ให้ตามเขาไป
“โธ่เว้ย !!...อย่าทำอย่างนั้นนะหมวด”
หยกเอามือกุมท้องแล้วรีบเดินตามไปห้าม

ลานตู้คอนเทนเนอร์...เจ้าสัวเล้งกับนนท์ไล่ตามพวกมานพเข้ามาอีกด้านหนึ่งแต่ไม่เจอตัว
“ระวังนะครับเจ้าสัว”
นนท์พยายามเข้ามาช่วยระวังให้เจ้าสัว เพราะดูรอบๆบริเวณแล้วรู้สึกไม่ไว้ใจ ลูกน้องเจ้าสัวที่มาด้วยคนหนึ่งถูกชาญโผล่เข้ามาข้างหลังเงียบๆ แล้วใช้มีดกระซวกเข้ากลางหลังก่อนจะล้มลงตาย
เจ้าสัวหันขวับไปเจอมานพกับพรรคพวก มันรวมทั้งโหงวยกปืนจ่อพร้อมกับพวกเจ้าสัวเป็นการประจันหน้ากันปืนต่อปืน
“หึ...กล้ามากนะไอ้เล้ง คนที่กล้าเรียกตัวเองว่าใช้คุณธรรมปกครองคน แต่พอถึงเวลาจน ตรอกมันก็ใช้วิธีสกปรกเหมือนกันแหละโว้ย”
“ฉันไม่ได้สั่งให้มันไปลอบยิงมานพ” เจ้าสัวโต้
“ก็เห็นอยู่ทนโท่..แกอย่ามาปากแข็งหน่อยเลย”
“ถ้าฉันจะหมาลอบกัดแกล่ะก็ ป่านนี้แกมีจุดจบไม่ต่างจากแม่แกแล้วมานพ”
มานพเจ็บใจ
“ไอ้เล้ง..จุดจบของแกอยู่ในมือฉันต่างหากเว้ย”
มานพนิ้วแตะไกจะยิง แต่ปืนทุกกระบอกจากเจ้าสัวและพวกก็จ่อไปที่มานพ พร้อมเพรียงเหมือนกัน สถานการณ์ตึงเครียดถ้าเสียงปืนดังขึ้นนัดเดียวมีตายกันเกลื่อนแน่
“ใจเย็นๆมานพ..ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้เป็นใจให้เรา” โหงวปราม
“จะกลัวทำไม...มันต่างหากที่ต้องกลัวเรา ตอนนี้มันก็แค่มังกรที่กำลังจะสิ้นลาย”
มานพผลักโหงวไปไกลๆ ไม่ให้มายุ่งอีกเพราะฮึกเหิมเต็มที่
“มานพ..ถ้าแกไม่ฟังฉัน แกจะต้องเสียใจ”
มานพยิ้มร้ายชั่วสุดๆ
“มาถึงตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องฟังแกแล้วไอ้เป๋”
มานพยกปืนจ่อโหงว แล้วลากคอมันมาประจันหน้ากับเจ้าสัว
“นี่แกจะทำอะไรฉัน..ฉันเป็นเตี่ยแกนะเว้ย”
“ที่ฉันยอมเรียกไอ้เป๋อย่างแกว่าเตี่ย เพราะอยากให้แกคิดว่าฉันกตัญญู แต่ที่จริงแล้วฉัน อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าแกทุกครั้งที่แกมาจ้ำจี้จ้ำไชสั่งสอนฉันเหมือนเป็นไอ้โง่ตลอด”
“แก..แกมันไอ้ทรพี”
“อย่ามาว่าฉันทรพีหน่อยเล้ย..ขนาดแกทำงานให้ตระกูลของไอ้เล้งแกยังกล้าหักหลังแล้ว ฉันจะไว้ใจได้ไงว่าแกจะไม่หักหลังฉัน..หึๆๆแต่จะว่าไปก็ต้องขอบใจแกที่ช่วยสั่งสอนให้ฉันรู้จักเล่ห์เหลี่ยมทันคน และรู้ว่าต้องใช้ไม้เด็ดจัดการกับเล้งยังไง”
มานพพูดไปก็ถีบโหงวไปหาเจ้าสัว โหงวล้มลงตรงหน้าเจ้าสัวอย่างงุนงง เจ้าสัวเองก็แปลกใจ
“เอาสิไอ้เล้ง..ปากกระบอกปืนของแกจะเล็งมาที่ฉันหรือจะเล็งไปที่มัน เพราะมันไม่ใช่ เหรอที่ทำให้ลูกเมียของแกต้องตาย โอกาสแก้แค้นที่แกรอคอยมาทั้งชีวิตอยู่ตรงหน้า แกแล้วไง..ปืนก็อยู่ในมือแก จะรออะไรอยู่ล่ะไอ้เล้ง”
เจ้าสัวนิ่งมองโหงว ปืนในมือที่เล็งมานพอยู่เกิดความลังเลไม่รู้จะลั่นไกใส่ใครก่อน
“คิดให้ดีเลยไอ้เล้ง..ถ้าระเบิดเสียงปืนนัดแรกด้วยการยิงใส่ฉัน พวกฉันก็จะถล่มพวก แกเละ แกก็จะหมดสิทธิ์ได้จัดการกับศัตรูที่ฆ่าลูกเมียแก..คิดให้ดีไอ้เล้ง..ฮ่าๆ”
“เจ้าสัว..อย่าหลงกลมันนะครับ” นนท์เตือน

เจ้าสัวเครียดตกอยู่ในสถานการณ์ต้องตัดสินใจ ถ้ายิงโหงวก่อนก็เปิดโอกาสให้ตัวเองถูกมานพยิง แต่ถ้ายิง มานพก่อนตัวเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน

ธงรบถือปืนสไนเปอร์เข้ามาตามหาพวกเจ้าสัวเล้งกับมานพ แต่ระหว่างทางเจอหยกเดินเซมือกุมท้องเข้ามาขวาง

“อย่า..อย่านะครับหมวด..ผมไม่ยอมให้หมวดใช่วิธีนี้จัดการกับพวกมาเฟียเด็ดขาด”
“แกอย่ามาขวางฉันเลยไอ้หยก..นี่เป็นทางรอดเดียวที่จะช่วยให้แกพ้นจากพวกชั่วๆ”
“ไม่ครับหมวด..มันจะต้องมีวิธีอื่น คนทำผิดกฎหมายก็ต้องให้กฎหมายลงโทษ”
“ฉันไม่มีความหวังนั้นอีกแล้วไอ้หยก เพราะฉันไม่เชื่อว่าอาสมิงจะรอด”
“แต่ผมยังมีความหวังเพราะผู้การกับผมคิดเหมือนกันมาตลอด พวกเราต้องเชื่อมั่นและ ศรัทธาในการทำดี แม้ตัวจะต้องตายเพราะทำความดีแต่ศรัทธานั้นก็ต้องอยู่ต่อไป”
หยกพูดด้วยแรงฮึดอย่างจริงจังและหนักแน่น ทำเอาธงรบนิ่งครุ่นคิดอย่างหนักใจ หยกพยายามเดินเข้าหาธงรบแต่เลือดก็หยดออกมาจากแผลที่ท้องเป็นจุดๆ ธงรบเห็นเข้าก็ตกใจ
“หยก..เกิดอะไรขึ้นกับแก”
ธงรีบดึงมือหยกออกมา ก็พบว่าที่ท้องหยกชุ่มโชกไปด้วยเลือด
“ผม..ผมถูกแทงมาครับ..แต่ผมยังไหว”
“ไหวอะไรของแกวะ..เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ผมต้องไหวครับหมวด..ผมต้องยุติสงครามของพวกมาเฟีย เราต้องใช้กฎหมายจัดการ กับพวกมันเท่านั้น”
ธงรบมองหยกแล้วเครียด
“เราต้องช่วยกันนะครับหมวด..เพราะเราคือทีมเดียวกัน”
ธงรบกับหยกนิ่งมองหน้ากัน

เจ้าสัวเล้งกับมานพยังชิงไหวชิงพริบ จ่อปืนตัดสินใจกันไม่ได้
“ว่าไงไอ้เล้ง...มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตัดสินใจลำบากเลยไม่ใช่เหรอ ทุกคนที่แกรักต่างก็ ต้องตายด้วยน้ำมือของมัน ถ้าเป็นฉันล่ะก็ฉันไม่ยอมเสียเวลากับการจ้องหน้ามันอย่าง เดียวหรอก”
“ไอ้เล้ง..เรื่องระหว่างแกกับฉัน เราไปตกลงกันทีหลังได้ ไว้ชีวิตฉันไปก่อนแล้วรีบจัดการ กับมานพ ไม่งั้นได้ตายกันหมดนี่แน่”
“หุบปากไปซะไอ้โหงว แกฆ่าลูกเมียฉัน ฆ่าพราวแสง ทำลายตระกูลของฉันด้วยความ เลวทรามต่ำช้าของแก แกไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
เจ้าสัวหันปากกระบอกปืนไปที่โหงว นั่นเลยทำให้มานพยื่นปากกระบอกปืนไปจ่อที่หัวเจ้าสัวทันที ทุกคนชะงักอึ้ง
“เสร็จฉันล่ะไอ้เล้ง..แค่รู้ว่าจุดอ่อนของแกอยู่ตรงไหน ก็รู้แล้วว่าจะเล่นงานแกยังไง”
เจ้าสัวหันไปมองมานพด้วยแววตาอาฆาตเจ็บใจ พวกลูกน้องเจ้าสัวไม่มีใครกล้าทำอะไรในวินาทีวิกฤติแบบนั้น ชาญกับพวกพยัคฆ์เมฆาเอาปืนจ่อพวกนนท์
“ฉันนับถึงสามเมื่อไหร่..หนี้แค้นของแกกับไอ้โหงวที่รอวันสะสางมาเป็นสิบๆปีก็จะจบลง ส่วนแกก็จะได้ตามไปอยู่กับคนในตระกูลของแกในปรโลก ไปบอกทุกคนว่าแกแก้แค้น สำเร็จแล้ว...หนึ่ง...สอง...”
มานพยิ้มร้ายนิ้วแตะไกปืน พร้อมระเบิดสมองเจ้าสัวเต็มที่ แต่ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น…ตู้มมมม
ทุกคนตกใจเสียงระเบิดหันไปเห็นหยกกับธงรบพากันเข้ามา โดยธงรบเป็นคนโยนระเบิดใส่เพื่อเบี่ยงความสนใจ ส่วนหยกเดินใช้ปืนยิงใส่ไล่ให้พวกมันหนีกระเจิดกระเจิง
“ไอ้หยก !!” มานพอึ้งๆ
“รีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะครับนาย” ชาญเตือน
มานพเจ็บใจที่ถูกหยกกับธงรบมาขัดขวางจึงยิงสวนไปสองสามนัด ก่อนจะล่าถอยตามชาญกับพวกลูกน้องไป เจ้าสัวหันมาเห็นว่าโหงวอาศัยจังหวะชุลมุนหนีก็หันไปสั่งนนท์ กับลูกน้องตัวเอง
“นนท์..แกตามไปจัดการมานพ ฉันจะตามไอ้โหงวไปเอง”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์กับลูกน้องพากันตามมานพกับพวกพยัคฆ์เมฆาไป ส่วนเจ้าสัวก็ไล่ตามโหงว ธงรบกับหยกเข้ามามองตามพวกมัน ธงรบหันมาเป็นห่วงหยก
“ยังไหวอยู่นะไอ้หยก”
“ครับหมวด”
ธงรบตบบ่าหยกแล้วรีบตามพวกมานพไป ส่วนหยกมองไปทางที่เจ้าสัวกับโหงวหายไปด้วยกัน

เจ้าสัวไล่ตามโหงวมาอีกบริเวณแต่อยู่ๆโหงวก็หายไป แต่เจ้าสัวมั่นใจว่ามันต้องไปไหนไม่ไกล โหงวที่แอบซุ่มอยู่ด้านหลังเล้งชักมีดพกออกมาแล้วจ้องเล้งอย่างร้ายกาจ มันแกล้งโยนหินให้กระทบกับตู้ คอนเทนเนอร์เพื่อเบี่ยงความสนใจ พอเจ้าสัวเผลอมันก็จู่โจมเข้าข้างหลังเอามีดจ่อคอหอย
“ลื้อพลาดแล้วไอ้เล้ง ที่ลื้อไม่ยิงอั้วตอนที่ยังมีโอกาส”
“ไอ้จิ้งจอกเฒ่า !! แกต่างหากล่ะที่พลาด สุดท้ายไอ้มานพก็หักหลังแกก่อนที่แกจะหัก หลังมัน แกมันน่าสมเพทที่สุดแล้ว”
โหงวเจ็บใจยิ่งโกรธแค้นเจ้าสัว เลยจะปาดคอแต่เจ้าสัวกลับยกมือขึ้นมาใช้มือเปล่ากำมีดจนเลือดซึมผ่านมือ
“คนในตระกูลของฉันต้องตายเพราะฝีมือแกมามากพอแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่แกต้อง ชดใช้ให้พวกเขา”
เจ้าสัวกำมีดแน่นจนเลือดโชก ก่อนจะกระทุ้งศอกใส่จนโหงวจุกตัวงอ เล้งบิดมือมันจนมีดพกหลุดจากมือแล้วเตะเสย
โหงวล้มหงายหลังตึง แต่มันก็พยายามฮึดลุกสู้ด้วยเชิงมวยที่พอจะมีอยู่บ้าง ทั้งคู่เปิดฉากแลกหมัดกันไปพอหอม ปากหอมคอ แต่เพราะโหงวขาเป๋เลยทำให้สู้เจ้าสัวไม่ได้ สุดท้ายก็โดนเจ้าสัวถีบกระเด็น ล้มลุกคลุกคลาน เจ้าสัวก้มลงหยิบมีดพกของโหงวขึ้นมาแล้วจ้องมันด้วยสายตาเคียดแค้นสุดๆ
“เล้ง..ลื้อ...ลื้อใจเย็นๆก่อนนะ..อั้ว..อั้วขอโทษ เรื่องที่ผ่านมาอั้วผิดไปแล้ว”
“กว่าแกจะสำนึกผิดได้..มันก็ต้องตอนที่แกกำลังจะโดนฉันเชือดคออย่างนั้นเหรอไอ้โหงว”
“อย่าทำอะไรอั้วเลยนะ..ขอให้อั้วได้ไถ่โทษที่อั้วทำไว้กับลื้อด้วย อั้วช่วยได้จริงๆนะ อั้วรู้ จักไอ้มานพดี อั้วสร้างมันขึ้นมากับมือ ถ้าลื้อให้โอกาส อั้วจะเล่นงานมันให้ลื้อเอง”
“หึ..นี่น่ะเหรอคนที่อยากจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ ถึงเวลาดีก็เอาเข้าตัว แต่ถึงเวลาชั่วก็เก่ง แต่ทรยศหักหลัง คนประเภทแก..มันไม่สมควรได้รับโอกาส”
เจ้าสัวจิกหัวโหงวขึ้นมาแล้วเล่นงานด้วยหมัด เข่า ศอกอัดสั่งสอนอย่างเต็มที่เพื่อให้สามสมกับความคับแค้นที่ สะสมมานาน จนโหงวแทบจะหมดสภาพเล้งจึงจิกหัวมันขึ้นมาแล้วเอามีดจ่อคอหอยพร้อมจัดการ
“อั้ว...อั้วขอโทษอาเล้ง..ยก..ยกโทษ..ให้..ให้อั้วด้วย...อั้ว..อั้วผิดไปแล้ว”
“ลูกเมียฉันต้องตายทั้งๆที่กำลังมีความสุข พราวแสงก็ต้องถูกยิงตายต่อหน้าต่อตาฉัน ความผิดของแกมันไม่สมควรได้รับการยกโทษ”
เจ้าสัวจะฆ่าโหงว แต่โหงวรีบร้องขอชีวิตด้วยเงื่อนไขสุดท้าย
“แต่อั้วรู้ความลับเรื่องสายเลือดที่แท้จริงของลื้อนะไอ้เล้ง !!”

นนท์กับพวกไล่ตามพวกมานพและเปิดฉากยิงใส่กันดุเดือด นนท์ไล่ตามหลังมาแล้วเปิดฉากสู้ด้วยเชิง มวยกับชาญ ส่วนมานพมาทีหลังก็เจอกับมานพ สองคู่งัดเชิงมวยสู้กัน แต่ลูกน้องมานพขับรถคันใหญ่ เข้า

มาแล้วกราดยิงใส่เพื่อช่วยเหลือเจ้านายทำให้นนท์กับธงรบต้องหยุดสู้แล้วหลบ มานพกับชาญรีบไปขึ้นรถ แล้วหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิด

เจ้าสัวเล้งชะงักอึ้งจากเรื่องที่โหงวอ้าง ว่ารู้เรื่องสายเลือดแท้จริงของเขา
“แกว่าไงนะไอ้โหงว”
“ลูกชายแท้ๆของลื้อไงไอ้เล้ง สายเลือดมังกรวารีของลื้อมันยังไม่ตาย อั้วรู้ว่ามันเป็นใคร”
“นี่แกจนตรอก ถึงกับคิดปั้นเรื่องโกหกมายื้อชีวิตเลยเหรอไอ้โหงว”
“อั้วไม่ได้ปั้นเรื่องโกหก..แต่สายเลือดของลื้อยังมีชีวิตอยู่จริงๆ อั้วตามสืบเรื่องนี้มาจนรู้ แล้ว ตอนที่ลื้ออาการหนักอยู่ที่โรงพยาบาล อั้วแอบเอา DNA ของลื้อกับมันไปตรวจ แล้วผลก็บอกมายืนยันว่า..มันเป็นสายเลือดคนสุดท้ายของมังกรวารีจริงๆ”
“ไม่จริง..แกกำลังปั่นหัวฉัน”
“ถ้าลื้อไม่เชื่อ...ลื้อก็ฆ่าอั้วเลย ความจริงเรื่องนี้จะได้ตายไปพร้อมกับอั้ว ส่วนสายเลือด ลื้อก็จะถูกไอ้มานพตามล่า แต่ถ้าลื้อไว้ชีวิตอั้ว..มังกรวารีของลื้อก็จะมีผู้สืบสกุล”
เจ้าสัวนิ่งมองโหงวอย่างตัดสินใจเด็ดขาด
“คำพูดของไอ้จิ้งจอกเฒ่าอย่างแกไม่มีค่าอะไรกับ ฉันอีกแล้ว”
เจ้าสัวกำลังจะปาดคอโหงว ทันใดนั้นหยกก็ตามเข้ามาห้าม
“หยุดนะครับเจ้าสัว..หน้าที่ตัดสินความผิดคนอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ”
เจ้าสัวชะงัก
“หยก”
“ไว้ชีวิตอั้วนะไอ้เล้ง..อย่าให้ความจริงต้องตายไปกับอั้ว”
เจ้าสัวกำลังตัดสินใจลังเล หยกถือปืนเดินเข้ามาต้องการห้ามเจ้าสัว จังหวะนั้นโหงวเลยตัดสินใจบอกความจริงเล้งเพื่อ ดึงความสนใจเจ้าสัวให้ไปที่หยกแทนตัวเอง
“สายเลือดของลื้อที่เหลืออยู่ก็คือ..ไอ้หยก”
เจ้าสัวชะงักอึ้งหันไปมองหยก โหงวเลยอาศัยจังหวะนั้นกระแทกศอกใส่เจ้าสัวแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทันที
“ไอ้โหงว !!”
เจ้าสัวงจะตามโหงวไป แต่หยกกลับล้มลงเพราะหมดเรี่ยวแรง เจ้าสัวรีบเข้าไปดูอาการทันที
“หยก..หยกเธอเป็นอะไร”
หยกตาปรือมองเล้งเป็นภาพเบลอๆ เจ้าสัวรีบดูที่ท้องก็พบว่าเลือดชุ่มโชกจนน่าตกใจ
“หยก..นี่เธอ !!”
ไม่ทันขาดคำหยกแน่นิ่งไม่ไหวติงอาการไม่น่าไว้ใจ เจ้าสัวพยายามเขย่าตัวเรียกสติ
“หยก...หยก...เธอจะตายไม่ได้นะ...อยู่กับฉันสิหยก..เธอห้ามตายนะหยก !!”

กิ่งเหมยถือไม้เท้าเดินออกมาหน้าเครียดๆคนเดียวที่หน้าศาลเจ้า ทั้งโกรธหยกและเป็นห่วงในความรู้สึกเดียวกัน ดุจแพรตามออกมา
“อย่าไปโกรธหยกเลยนะกิ่งเหมย เขาจำเป็นต้องโกหกเธอเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง”
“แต่เขาสัญญากับฉันแล้วนะคะคุณแพร”
“งั้นคนที่เธอควรจะโกรธก็คือฉันไม่ใช่เขา เพราะฉันต่างหากที่เป็นต้นเหตุ”
“ไม่ค่ะคุณแพร..ฉันกับเขาตัดสินใจที่จะมีอนาคตร่วมกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แล้วฉัน จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”
กิ่งเหมยพูดไปก็น้ำตาคลอเสียใจและน้อยใจหยกจนดุจแพรอดสงสารไม่ได้จนต้องดึงกิ่งเหมยมากอดปลอบใจ
“ฉันขอโทษนะกิ่งเหมย คนดีพระย่อมคุ้มครอง หยกจะต้องไม่เป็นอะไร”
ดุจแพรโอบกอดปลอบใจกิ่งเหมย ระหว่างนั้นดุจแพรเห็นคนของพ่อเข้ามาจึงชะงักไป
“มีอะไรเหรอคะคุณแพร”
“คนของพ่อมาตามฉัน เราเข้าไปข้างในก่อนเถอะกิ่งเหมย”
ดุจแพรรีบพากิ่งเหมยเข้าไป ลูกน้องเสี่ยตงเดินมาเฝ้าทางเข้า

ดุจแพรส่งกิ่งเหมยให้ส้มเช้ง
“คอยอยู่ดูแลกิ่งเหมยด้วยนะส้มเช้ง”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะคุณแพร ถ้าพ่ออยากให้คุณหนีไปต่างประเทศ คุณก็รีบไปเถอะ”
“แต่จะให้ฉันทิ้งเธอกับหยกไปในเวลาแบบนี้ได้ยังไง”
“แต่ถ้านายมานพได้ตัวคุณไปอีก..คุณอาจจะไม่โชคดีอีกแล้วก็ได้นะคะ”
ดุจแพรเครียดๆ ส้มเช้งช่วยพูด
“เชื่อไอ้เหมยเถอะค่ะ..ถ้าคุณปลอดภัย ไอ้เหมยจะได้หมดห่วงไปอีกคน”
ดุจแพรมองกิ่งเหมยอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นลูกน้องเสี่ยตงเข้ามา
“ฉันรู้แล้วว่าต้องไป ไม่ต้องมาตามถึงที่หรอก”
ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาจับแขนดุจแพร ส่วนอีกคนเดินผ่านเธอไปที่กิ่งเหมย
“เสี่ยไม่ได้สั่งให้เรามารับตัวคุณหนูคนเดียวแต่สั่งให้พาตัวกิ่งเหมยไปด้วย”
ลูกน้องจับแขนกิ่งเหมย แล้วจะพาตัวไปด้วย ส้มเช้งตกใจ
“นี่..ปล่อยเพื่อนฉันนะ...บอกให้ปล่อย”
ส้มเช้งยื้อยุดกับมันแต่ก็สู้แรงมันไม่ได้ถูกผลักกระเด็นจนล้มก้นจ้ำเบ้า แถมมันยังเอาปืนมาขู่อีก
“อย่ายุ่งดีกว่า...เสี่ยแค่ต้องการคุยกับกิ่งเหมย..รับรองว่าปลอดภัยแน่”
ดุจแพรแปลกใจ
“ป๋าฉันกลับมาแล้วเหรอ...แล้วหยกล่ะ หยกกลับมาด้วยรึเปล่า”
“เสี่ยให้มาบอกแค่นี้ครับคุณหนู ไปถึงแล้วก็จะรู้เอง”
กิ่งเหมยตัดสินใจ
“งั้นฉันจะไป..คุณแพรคะ”
ดุจแพรรีบเข้ามาที่กิ่งเหมย ปัดมือลูกน้องแล้วจับมือเธอเอง
“ไม่ต้องห่วงนะกิ่งเหมย..หยกต้อง ปลอดภัย”
ดุจแพรช่วยพากิ่งเหมยออกไปด้วยกัน ส้มเช้งมองตามรู้สึกกังวล

หน้าห้องผ่าตัดหมอ ออกมาหาเจ้าสัวเล้งที่รออยู่อย่างใจจรดจ่อ
“อาการเขาเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“แผลที่ถูกแทงมาไม่ค่อยลึกมากและโชคดีที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ แต่อาการที่น่าเป็นห่วง ก็คือเขาเสียเลือดไปมาก ตอนนี้ต้องรีบให้เลือดเขาก่อน”
“งั้นก็รีบช่วยเขาเลยครับหมอ”
“ปัญหามันอยู่ที่กรุ๊ปเลือดของเขาน่ะสิครับ ที่โรงพยาบาลเราตอนนี้ไม่มีกรุ๊ปเลือดเนกาทีฟที่ตรงกับเขาเหลืออยู่เลย”
“ว่าไงนะ !! แต่ผมปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปไม่ได้นะหมอ”
หมอสีหน้าจนใจก่อนที่เจ้าสัวจะนึกขึ้นได้

“งั้นหมอช่วยเอาเลือดผมไปตรวจได้มั้ยครับ..บางทีถ้าโชคชะตาไม่กลั่นแกล้ง ผมอาจจะ ช่วยชีวิตเขาได้”

นนท์สงสัย

“หมายความว่ายังไงครับเจ้าสัว”

ตงกำกุญแจมือที่หยกใช้ล็อคเขากับเก่งเอาไว้ที่ตึกร้าง เขานึกถึงคำพูดของหยก
“แล้วถ้าผมจะบอกเสี่ยว่าผมไม่ใช่มาเฟียและไม่เคยคิดจะเป็นด้วย เสี่ยจะเชื่อผมรึเปล่า”
“แกว่าไงนะไอ้หยก”
หยกอาศัยจังหวะที่ตงกำลังสงสัย หันไปใช้ความถนัดแย่งปืนจากมือเก่งมา แล้วพลิกจับเก่งมาจ่อปืนใส่แทน เก่งจะขัดขืด
“ไอ้หยก !!”
หยกทุบต้นคอเก่งทีเดียวทรุดหมดสติอย่างไม่ยากเย็น ตงชักปืนออกมาแต่ช้ากว่าเพราะหยกเล็งตงแล้ว
“อย่าเลยครับเสี่ย..ทิ้งปืนเสี่ยไปซะ..ผมสั่งให้ทิ้งปืน !!”
ตงเจ็บใจยอมโยนปืนทิ้ง
“นี่แกเป็นบ้าอะไรของแกวะไอ้หยก หรือว่าแกคิดร่วมมือกับพวก มันทรยศหักหลังฉัน”
“ถ้าจะบอกว่าผมหักหลังเสี่ยล่ะก็..ใช่แล้วครับ แต่ผมไม่ได้ร่วมมือกับพวกมาเฟีย”
“งั้นแกร่วมมือกับใคร”
“ผมปล่อยให้เสี่ยตายไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะกิ่งเหมยเป็นสายเลือดของเสี่ย แต่เพราะ โทษของเสี่ยคือการต้องไปชดใช้กรรมในคุก”
ตงอึ้ง
“ไอ้หยก..อย่าบอกนะว่าที่จริงแล้วแกก็เป็น...”
“ครับเสี่ย..ผมเป็นตำรวจ”
ตงเจ็บใจสุดๆ กัดฟันใส่พูดใส่กุญแจมือ
“ถ้าคิดว่ากุญแจมือแค่นี้แกจะขังฉันไว้ได้ล่ะก็..แกคิดผิดแล้วไอ้หยก !!”
ตงปากุญแจมือทิ้งอย่างหัวเสีย ระหว่างนั้นเก่งเข้ามารายงาน
“คุณหนูกับคุณกิ่งเหมยมาถึงแล้วครับเสี่ย”
ตงจิกหน้าเอาเรื่องลุกพรวดขึ้นทันที

ดุจแพรนั่งอยู่กับกิ่งเหมยที่ห้องโถง ตงรีบเดินเข้ามา
“ป๋า..นี่มันอะไรกันคะ หยกอยู่ไหน แล้วทำไมป๋าต้องให้กิ่งเหมยมาที่นี่ด้วย”
“ป๋ามีเรื่องต้องคุยกับกิ่งเหมย ส่วนแพร..รถรอรับเราไปสนามบินอยู่แล้ว”
“ไม่ค่ะ..แพรจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ตงนิ่งไป
“ว่าไงล่ะคะป๋า..”
กิ่งเหมยร้อนใจ
“เรื่องเกี่ยวกับหยกใช่มั้ยคะคุณถึงต้องตามฉันมา”
“ใช่..ฉันมีเรื่องกับไอ้หยกเลยต้องพาเธอมาที่นี่”
“หมายความว่ายังไง..แพรไม่เข้าใจ หยกอยู่ไหนกันแน่คะป๋า”
“ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ถ้ากิ่งเหมยอยู่กับฉัน มันก็ต้องดิ้นรนมาเพื่อให้ฉันจัดการกับมัน”
กิ่งเหมยตกใจ
“ทำไม..หยกเขาไปทำอะไรให้คุณ”
“มันทรยศหักหลังฉัน ปลอมตัวเข้ามาทำงานจนฉันไว้ใจเพื่อที่วันนี้มันจะลากคอฉัน เข้าคุกไง”
ดุจแพรกับกิ่งเหมยตกใจ เสี่ยตงสีหน้าเจ็บใจโกรธแค้นสุดๆ
“ไอ้หยกมันเป็นสายให้ตำรวจ มันหลอกฉันมาตลอด !!”

หยกนอนรักษาตัวอยู่บนเตียง เล้งยืนมองหยกอยู่ข้างๆเตียงขณะที่หยกยังไม่ได้สติ หมอเข้ามาดูอกาการของหยกอีกครั้งแล้วบอกเจ้าสัวเล้ง
“อาการตอนนี้ถือว่าปลอดภัยแล้วครับเจ้าสัว”
“ขอบคุณมากนะครับหมอ”
“เพราะเลือดของเจ้าสัวต่างหากล่ะครับ ที่ช่วยเขาไว้ได้”
“แล้วเรื่องที่ผมขอร้องให้หมอช่วยเร่งตรวจให้ผมโดยด่วนเลยล่ะ ตกลงได้ความว่ายังไง”
“อ๋อ..ผมรอผลจากแล๊บอยู่ครับ เดี๋ยวขอโทรเช็คก่อนนะครับ”
หมอถอยออกมาจากเล้งนิดนึงแล้วกดโทรศัพท์โทรออกไปขอทราบผลตรวจ เจ้าสัวยืนมองหยกด้วยแววตาครุ่นคิด
“เจ้าสัวครับ..ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว เขาเป็นสายเลือดของเจ้าสัวจริงๆครับ”
เจ้าสัวอึ้งปนดีใจ
“หยก..เธอคือสายเลือดของฉัน..ขอบคุณฟ้าดิน..ขอบคุณเทพเจ้า”
เจ้าสัวน้ำตาคลอดด้วยความดีใจ เข้าไปเอามือลูบหน้าหยกแล้วถอดหยกครึ่งชิ้นที่สวมคออยู่ออกมามอง
“ขอบใจเธอด้วยนะพราวแสง”

มานพหงุดหงิดหัวเสีย นั่งลงที่โต๊ะทำงานครู่หนึ่งชาญตามเข้ามา
“ว่าไง..สรุปแล้วเราเสียคนของเราไปเท่าไหร่”
“ไม่น้อยเลยครับนาย พวกที่ปะทะกับไอ้เล้งก็หลายสิบ แล้วยังพวกที่โดนไอ้ตงมาตลบ หลังช่วยคุณแพรออกไปอีก”
มานพตบโต๊ะ
“โธ่เว้ย..ทำงานยังไงวะ แกไปดูให้ฉันเลยนะไอ้ชาญ ไอ้พวกไหนที่มันไม่มีฝีมือ ก็ตะเพิดมันไปให้หมด แล้วคัดเอาพวกมือดีๆมาเสริม มันอยากได้เท่าไหร่ฉันจ่ายไม่อั้น”
“ได้ครับนาย”
“เดี๋ยว..แล้วไอ้โหงวล่ะ โดนไอ้เล้งจัดการไปรึยัง”
“เท่าที่ได้ข่าวมา..มันหนีรอดไปได้ครับ”
มานพตกใจ
“หา !! ไอ้จิ้งจอกเฒ่าอย่างมันจะปล่อยไปให้รอดไม่ได้เด็ดขาด ส่งคนไปตามล่ามันแล้ว เก็บมันซะ”
“ครับนาย”
มานพหัวเสียที่แผนการวันนี้พลาดไปหมดทุกอย่าง
“ถึงวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างฉัน..แต่วันอื่นๆก็ยังเป็นวันของฉันอยู่ พวกแกทุกคนที่คิดขัด ขวางฉัน จงเตรียมรับการแก้แค้นจากฉันได้เลย”

วันใหม่...กิ่งเหมยเดินไปเดินมากระวนกระวายอยู่ในห้องที่ถูกขังเอาไว้ ระหว่างนั้นดุจแพรเข้ามาหา
“กิ่งเหมย”
“คุณแพร..นี่คุณยังอยู่ที่นี่อีกเหรอคะ ฉันนึกว่าคุณจะไปแล้ว”

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ป๋าบังคับฉันไม่ได้หรอก”
“งั้นคุณช่วยพาฉันไปคุยกับเขาได้มั้ย ฉันอยากขอร้องเขาเรื่องหยก”
ดุจแพรหนักใจ
“ครั้งนี้คงไม่ได้แล้วล่ะกิ่งเหมย ป๋าโกรธมากที่โดนหยกหักหลังแฝงตัวมาเป็น สายสืบเพื่อจับป๋า ยังไงป๋าก็คงไม่ไว้ชีวิตหยก”
ระหว่างนั้นตงกับเก่งเข้ามา
“ใช่..พูดถูกแล้วยัยแพร เพราะคนอย่างป๋ายอมตายมากกว่ายอมถูกจับ”
“งั้นถ้าคุณคิดจะฆ่าหยก..คุณก็ต้องฆ่าฉันด้วย”
“ฉันไม่ฆ่าสายเลือดของฉันหรอกกิ่งเหมย...จัดการไอ้หยกเสร็จแล้วฉันจะ ส่งเธอกับยัยแพรไปอยู่ต่างประเทศ”
กิ่งเหมยปัดมือตง
“ฉันนึกว่าการที่ฉันยอมรับว่าคุณเป็นพ่อ จะทำให้คุณเป็นผู้เป็นมนุษย์ขึ้น มาบ้าง แต่ฉันคิดผิดหัวใจคุณมันก็เป็นได้แค่เดรัจฉาน”

ตงฉุนจัดเงื้อมือตบหน้ากิ่งเหมยทันที..เพี๊ยะ !! ดุจแพรตกใจ

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 21 (ต่อ)

“ป๋า !!...ป๋าทำกับกิ่งเหมยแบบนี้ได้ยังไง”

“ป๋าเป็นพ่อมัน ป๋ามีสิทธิ์ แกก็อีกคน ถ้ายังขวางไม่ฟังคำสั่งป๋าอีก แกก็จะโดนแบบ น้องสาวแก”
“เอาสิคะ แพรรู้ว่าสิ่งเดียวที่ป๋ารักมากที่สุดก็คือลูก ถ้าป๋ากล้าก็ทำเลย”
ตงจ้องดุจแพรตาเขม็งจะตบสั่งสอนดุจแพรอีกคน แต่ทำไม่ลงลดมือลง แล้วดันดุจแพรหลบไปเพื่อฉุดกระชากกิ่งเหมยให้ไปกับตัวเอง
“ป๋าจะพากิ่งเหมยไปไหน..ปล่อยกิ่งเหมยเดี๋ยวนี้นะ”
ดุจแพรจะตาม แต่เก่งเข้ามาขวางทางตาหน้าดุไม่ยอมให้ตามไป
“หลบไปนะไอ้เก่ง”
เก่งขวางแข็งขืนไม่ขยับ เสียงกิ่งเหมยร้องขอให้ช่วยดังลั่น
“คุณแพร..คุณแพร...”

คมทวนตกใจมาก เมื่อรู้เรื่องกิ่งเหมยจากส้มเช้ง
“ว่าไงนะ ไอ้เสี่ยตงให้คนมาพากิ่งเหมยไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหรอ”
“จ้ะน้า..ฉันเป็นห่วงไอ้เหมยมันจริงๆ ถึงคุณแพรรับปากว่าจะดูแลให้ แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจ ไอ้เสี่ยตง ยิ่งไอ้หยกก็หายไปด้วยแบบนี้”
“ไอ้หยกก็หายไปด้วยอีกคนเหรอ”
“ใช่จ้ะน้า”
“ข้าว่ามันชักจะยังไงๆแล้ว เอ็งไม่ต้องห่วงนะ รออยู่ที่นี่ เดี่ยวข้าจะไปดูเอง”
คมทวนบอกส้มเช้ง แล้วรีบออกจากบ้านไปทันที

คมทวนรีบเดินออกมาตามทางเดินในตรอก ก่อนจะชะงักเมื่อเจอเจ้าสัวเล้งกับลูกน้องที่ก้าวมายืนขวาง
“ไอ้เล้ง..นี่แกอีกแล้วเหรอ”
“ฉันมีธุระต้องคุยกับแก”
“ธุระอะไรอีก..ก็ไหนแกรับปากกับฉันไว้ว่าแกจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
“ใช่..ฉันรับปากแกไว้เพราะแกทำให้ฉันเชื่อว่านายหยกคือลูกชายของแกกับพราวแสง แต่ในเมื่อแกโกหก..ฉันก็ต้องกลับมาหาแก”
คมทวนอึ้ง
“โกหก..โกหกอะไร”
“ฉันรู้ความจริงแล้วคมทวน หยกคือลูกชายของฉันที่เกิดกับพราวแสง”
เจ้าสัวชี้หน้าคมทวนอย่างไม่พอใจ คมทวนคิดว่าเจ้าสัวคงมาเพื่อเล่นงานเลยรีบถอยแล้วหนีออกไปทันที
“ไอ้คมทวน !!”
เจ้าสัวกับลูกน้องรีบไล่ตาม

ธงรบเข้ามาดูอาการหยกที่ข้างเตียงเห็นหยกกำลังรู้สึกตัว
“หยก..แกเป็นไงบ้าง”
“หมวด..นี่..นี่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เจ้าสัวเล้งช่วยชีวิตแกไว้..เดี๋ยวฉันจะไปตามหมอ”
“ไม่ต้องครับหมวด..ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
“แกแน่ใจนะ”
“ครับ..ว่าแต่..เรื่องเสี่ยตงที่ผมบอกหมวดไว้ล่ะ”
“ฉันตามไปดูตามที่แกจับมันไว้..แต่ไม่เจอตัว คิดว่ามันคงหนีรอดไปได้แล้ว”
“ตอนนี้มันรู้แล้วว่าผมเป็นตำรวจ มันต้องหาทางเล่นงานผมแน่”
หยกบอกธงรบแล้วพยายามลุกจากเตียง แต่ธงรบปรามไว้
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เสี่ยตงให้คนอารักขาแกเอาไว้ มีคนของเขาเดินเพ่นพ่านอยู่ ข้างนอกเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงให้ความสำคัญกับแกขึ้นมาเป็นพิเศษ”
“ผมไม่ได้ห่วงตัวเองหรอกครับหมวด..ถ้าเสี่ยตงรู้สถานะที่แท้จริงของผมแล้ว..ผมรู้ว่า เขาจะเล่นงานผมยังไง”
ธงรบมองหยกอย่างสงสัย

หน้าห้องคนไข้ ลูกน้องเจ้าสัวเล้งคนหนึ่งนั่งเฝ้าอยู่ ระหว่างนั้นหยกที่เอาเสื้อผ้าของธงรบมาใส่และ สวมหมวกปิดหน้าเดินออกมา ลูกน้องหันไปมอง
“เรียบร้อยแล้วเหรอหมวด”
หยกชะงักแล้วผงกหัวรับก่อนจะเดินออกไปตามทาง ลูกน้องมองตามแต่ไม่ผิดปกติอะไรหันไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ระหว่างนั้นนนท์เข้ามา
“เป็นไงบ้าง”
“หมวดธงรบแวะมาดูอาการนายหยก เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เองครับ”
นนท์พยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปดูหยกในห้องพัก

นนท์เข้ามาดูหยกบนเตียงคนไข้แต่รู้สึกผิดปกติเลยเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่นอนอยู่ไม่ใช่หยก แต่เป็นธงรบ
“หมวด..นี่หมวดมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง..แล้วนายหยกอยู่ไหน”
“ไอ้หยกมันมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ มันฝากขอบใจเจ้าสัวด้วยที่ช่วยชีวิตมันไว้”
ธงรบตอบนนท์ไปยักคิ้วกวนไป แต่นนท์หงุดหงิด

คมทวนวิ่งมาตามทางในตรอกแต่เจอลูกน้องเจ้าสัวเล้งโผล่มาขวางทาง เขาจึงต้องงัดเชิงมวยออกมา สั่งสอนลูกน้องเล้งจนมันสู้ไม่ได้ แต่คมทวนก็ไปต่อไม่ได้เพราะเจอลูกน้องอีกคนเอาปืนจ่อแล้ว เจ้าสัวเดินเข้ามา
“สันดานมาเฟียอย่างแก..มันไม่เคยมีสัจจะ”
“ฉันไม่ได้มาเพื่อจะแก้แค้นที่แกโกหกฉันนะไอ้คมทวน”
“งั้นแกต้องการอะไร..อ๋อ..ถ้ารู้ความจริงเรื่องไอ้หยกแล้วคิดจะมาขอให้ฉันยกไอ้หยกให้ แกล่ะก็..ไม่มีทาง !!”
“แต่หยกเป็นสายเลือดของฉัน”
“แต่ฉันเลี้ยงมันมา แล้วพราวแสงก็ขอให้ฉันเป็นพ่อมัน กำชับฉันด้วยว่าอย่าให้ไอ้หยกรู้ ความจริงว่าใครคือพ่อที่แท้จริงของมัน”
“ทำไม..ทำไมพราวแสงถึงต้องกีดกันไม่ให้ฉันได้เจอลูกด้วย”
“แกไม่รู้ตัวเหรอไอ้เล้ง..พราวแสงเกือบตายเพราะถูกศัตรูของแกยิง แล้วจะมีแม่คนไหน ที่อยากเห็นลูกตัวเองโตมาท่ามกลางพวกมาเฟียวะ”
เจ้าสัวชะงักไปเพราะจริงอย่างที่คมทวนบอก
“งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว ว่าตอนนั้นพราวแสงพยายามจะบอกอะไรฉัน”
“ถ้าแกเข้าใจพราวแสง..แกก็ต้องปล่อยไอ้หยกไป อย่าดึงมันให้ต้องลงไปเกลือกกลั้วกับ โลกมาเฟียสกปรกของแก วิญญาณของพราวแสงจะได้ตายอย่างสงบ”
“แต่ฉันปล่อยหยกไปไม่ได้..ตอนนี้หยกกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาช่วยฉันเอาไว้จากพวก พยัคฆ์เมฆา พวกมันกำลังหมายหัวเขาด้วย”
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเจ้าสัวดัง เขาจึงหยิบมากดรับสายจากนนท์
“ว่าไงนนท์”

นนท์แจ้งข่าวเจ้าสัวเล้ง โดยเห็นธงรบที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วถูกลูกน้องประกบเอาไว้ไม่ให้ยุ่ง

“นายหยกหนีไปจากโรงพยาบาลแล้วครับเจ้าสัว”

เจ้าสัวตกใจ
“พวกแกปล่อยเขาไปได้ยังไง”
“หมวดธงรบเป็นคนช่วยหยกครับ”
“แล้วหยกหนีไปไหน”
“หมวดธงรบบอกว่าหยกกำลังมีปัญหากับเสี่ยตง ต้องรีบไปช่วย กิ่งเหมยครับเจ้าสัว”
“งั้นฉันจะไปตามหาเขาเอง”
“เอ่อ..เดี๋ยวครับเจ้าสัว คือผมได้ข่าวไม่ค่อยดีมาอยากเตือนเจ้าสัวไว้ก่อน”
“ว่ามา”
“ผมได้ยินมาว่ามานพกำลังรวบรวมคนเพิ่มเตรียมจะกวาดล้างทุกคนที่ขวางทางมัน ใคร ทำอะไรกับมันไว้มันจะเอาคืนให้หมด เจ้าสัวควรระวังตัวด้วย”
“ขอบใจนนท์”
เจ้าสัวตัดสายนนท์แล้วหันมาที่คมทวน ที่ถามทันทีอย่างร้อนใจ
“ตอนนี้หยกอยู่ไหน”
“คนของฉันบอกว่ากิ่งเหมยกำลังเดือดร้อน หยกกำลังตามไปช่วย”
“งั้นฉันจะไปช่วยลูกชายฉัน”
คมทวนจะออกไปแต่ระหว่างนั้นสลึงกับอ่างวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“พี่..พี่คมทวน..แย่..แย่แล้วพี่”
“มีอะไรวะไอ้สลึง ไอ้อ่าง”
“เอ็ง..เอ็งเล่า...ข้า..เหนื่อย” สลึงหอบ
“เมื่อกี้นี้ฉันกับไอ้อ่างเห็นพวกนักเลงโผล่มาจากไหนไม่รู้ มากันเต็มตรอกเลย”
เจ้าสัวอึ้ง
“พวกไอ้พยัคฆ์เมฆาแน่...มันบุกมาที่นี่เพื่อกวาดล้างคนที่เกี่ยวข้องกับหยก”
สลึงอึ้งเหวอ
“อ้าว...งั้น..งั้นก็ซวย..ซวยกันหมดน่ะ..น่ะสิ”
เจ้าสัวไม่พอใจ เดินลุยไปทางที่สลึงวิ่งมา คมทวนกับทุกคนรีบตามไปด้วยทันที

อีกด้านของตรอกชาวบ้านกำลังโดนชาญ ที่พาพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาเข้ามาหาเรื่องเล่นงานซ้อมชาวบ้าน จนร้องครวญครางโอดโอย ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งรีบเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!”
“เจ้าสัวเล้ง” ชาญหันไปมอง
“พาพวกแกไปให้พ้นจากที่นี่ให้หมด แล้วกลับไปบอกไอ้มานพว่าถ้าแกมาแตะต้องคนใน ตรอกศาลเจ้าอีก มันกับชั้นได้เจอกันอีกแน่”
“หึ..ก็แค่คำโอ้อวดของไอ้แก่คนนึงเท่านั้น..พวกแกมีใครกลัวมั่งวะ”
ชาญหันไปถามลูกน้อง พวกมันหัวเราะชอบใจไม่มีใครเกรงกลัว แถมยังชักเอามีดและอาวุธมือทุกอย่างออกมา
“คราวที่แล้วไอ้หยกมาขัดขวางแกกับคุณมานพไว้ แต่คราวนี้ไม่มีมันมายุ่ง งั้นฉันก็จะจัด การแกแล้วเอาไปขึ้นรางวัลหนักๆจากนาย..ลุยเว้ย !!”
พวกลูกน้องลุยเข้าหาเจ้าสัว กับพวกลูกน้อง จนเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น คมทวนกับอ่างและสลึงตามเข้ามาเห็นก็ชะงักมอง
“อู้ยยย...พี่คมทวนพวกมันซัดกันนัวเลย ฉันว่าเราอย่าไปยุ่งเลยดีกว่า” อ่างรีบห้าม
“ไม่ยุ่งได้ไงวะ..พวกเราต้องปกป้องบ้านของเราไว้สิเว้ย จะปล่อยให้มาเฟียมาปกป้อง เราได้ไง ข้าไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณพวกมัน”
คมทวนปรี่เข้าไปช่วยเล้งตะลุมบอน กับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆา อ่างกับสลึงยืนเฉยไม่ได้เลยเข้าไปช่วยตะลุม บอนซัดกันมั่วไปหมด เจ้าสัวสู้กับชาญอย่างหนักหน่วง ส่วนคมทวนก็ซัดกับพวกลูกน้องชาญอย่างถึงพริกถึงขิง ก่อนที่ทั้งคู่จะพลาดท่าถูก พวกมันซัดจนถอยมาชนหลังกันเอง
“ที่นี่เป็นบ้านของข้ากับไอ้หยก..เอ็งไม่เกี่ยว รีบๆไปให้พ้นหน้าข้า” คมทวนหันไปสั่ง “แต่หยกช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันเป็นหนี้บุญคุณเขา”
คมทวนเจ็บใจหงุดหงิด
“ไอ้เล้ง !!”
ชาญกับพวกลูกน้องปรี่ เข้ามาพร้อมกัน คมทวนกับเจ้าสัวไม่มีทางเลือกเลยต้องร่วมมือกันสู้กับพวกมัน

กิ่งเหมยถูกเก่งผลักเข้ามาที่กลางสนามกีฬาร้าง เธอเต็มไปด้วยความกลัวและเป็นห่วงหยก
“อย่าทำอย่างนี้เลย..ฉันร้องล่ะ”
ตงกับเก่งและลูกน้องยืนมอง ไม่สนใจคำร้องขอของกิ่งเหมย
“ครั้งนี้ฉันจะไม่ฟังคำร้องขออะไรจากแกอีกแล้ว ต่อให้แกร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด หรือจะกราบเท้าฉันเป็นพันครั้ง ฉันก็จะไม่ไว้ชีวิตไอ้หยก”
“คุณเคียดแค้นที่หยกปลอมตัวมาเป็นสายสืบเพื่อจับคุณเข้าคุก แล้วทำไมคุณไม่คิดบ้าง ว่านี่เป็นการช่วยเหลือคุณ”
“ช่วยฉัน”
“ใช่..บางทีที่หยกอยากจับคุณส่งเข้าคุกเพราะเขาอาจจะไม่อยากเห็นคุณต้องถูกฆ่าตาย อย่างมาเฟียคนอื่นๆ”
“แกคิดว่าไอ้หยกมันตั้งใจอย่างนั้นจริงๆเหรอ”
“ใช่..ฉันรู้จักหยกดี คนอย่างเขาทำทุกอย่างบนความถูกต้อง ถ้าคุณยอมรับผิดตามกฎหมาย คุณยังมีโอกาสได้เห็นหน้าคุณแพรกับฉันอีก แต่ถ้าคุณยังคิดจะฆ่าหยก..จุดจบ ของมาเฟียมันต้องลงเอยยังไงคุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด”
ตงปรี่เข้าไปบีบปากกิ่งเหมย
“เธอไม่ต้องมาสอนฉันเรื่องจุดจบของมาเฟีย..ถ้าฉันยิ่งใหญ่ สุดและอยู่เหนือพวกมันทุกคน ใครก็ฆ่าฉันไม่ได้ !!”
ตงโกรธและบีบปากกิ่งเหมยอย่างแรงจนกิ่งเหมยน้ำตาคลอ ระหว่างนั้นลูกน้องเข้ามา
“เสี่ยครับ..ไอ้หยกมาแล้ว”
ตงผลักกิ่งเหมยแล้วยิ้มร้าย

หยกเดินเข้ามาในสนามกีฬาที่บรรยากาศเงียบกริบ แต่แฝงไว้ด้วยอันตราย กิ่งเหมยยืนอยู่กลางลาน หยกเห็นเธอยืนตัวสั่นน้ำตาคลอ
“กิ่งเหมย”
“หยก..อย่าเข้ามา..พวกมันรอจัดการเธออยู่ ไปซะ ไม่ต้องมาช่วยฉัน”
“ฉันไม่มีวันทิ้งเธอหรอกกิ่งเหมย เราสัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่เขาจะฆ่าเธอ”
“ฉันไม่กลัว..และเธอก็ไม่ต้องกลัวด้วย เพราะฉันจะอยู่ตรงนี้ จะสู้เพื่อเธอ !!”
หยกพูดไปก็ตั้งท่าเชิงมวยอย่างจริงจังแล้วตะโกนท้าทาย
“ฉันมาแล้วไอ้เสี่ยตง โผล่หัวออกมาสิเว้ย”
สิ้นคำไม่เท่าไหร่ตงก็ก้าวออกมาจากข้างหลังกิ่งเหมย แล้วดึงตัวกิ่งเหมยเอาไว้เป็นตัวประกัน
“แกจะสู้เพื่อลูกสาวฉันเหรอไอ้หยก..ถามฉันก่อนสักคำมั้ยว่าฉันจะยอมปล่อยให้ลูกสาว ฉันไปอยู่กินกับไอ้คนที่มันกล้าทรยศหักหลังฉัน หาไอ้หยก..ไอ้ลิ้นสองแฉก”

“กิ่งเหมยไม่เกี่ยวอะไรด้วย..เสี่ยปล่อยเธอไปดีกว่า แล้วเราค่อยมาตัดสินกันว่าใครจะ เป็นคนที่สมควรรอด”
 

“แกไม่อยู่ในฐานะที่จะมาต่อรองอะไรฉันอีกแล้วไอ้หยก สายตำรวจทุกคนที่ส่งมาหา ฉัน..ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนฆ่ามันด้วยมือฉันเอง”
 

ตงเอามือบีบคอกิ่งเหมยไว้เป็นการขู่ หยกตกใจ
“อย่านะเสี่ย !!”
“ถ้าแกไม่อยากให้กิ่งเหมยเป็นอะไร แกก็ต้องรอรับการสั่งสอนจากฉัน..ไอ้เก่ง”
เก่งเข้ามาพร้อมกับลูกน้องอีกคน เก่งโยนกุญแจมือไปให้หยก
“จัดการตัวเองซะไอ้หยก..อย่าให้ฉันต้องลงมือเอง”
หยกมองกุญแจมือที่พื้นอย่างเจ็บใจก่อนจะหยิบขึ้นมาล็อคกับข้อมือทั้งสองข้างตัวเอง ตงหัวเราะชอบใจ
“กระทืบมันให้ฉันดูหน่อยสิวะไอ้เก่ง..ฉันอยากเห็นไอ้เนรคุณมันเจ็บปวด”
เก่งเข้าไปเล่นงานหยกพร้อมกับลูกน้องอีกคน หยกถูกพันธะนาการด้วยกุญแจมือเชิงมวยและการต่อ สู้ของหยกเลยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็ยังพอสู้ได้ด้วยท่วงท่าเตะอันสวยงาม เปิดฉากสู้กันอย่างหนักหน่วง

เจ้าสัวเล้งกับคมทวนปะทะกับพวกชาญและพวกลูกน้อง ฝ่ายพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาเริ่มโดนอ่างกับสลึง และลุกน้องเจ้าสัวที่ช่วยกันเล่นงานจนเริ่มหนีเอาตัวรอด
คมทวนคว้าคอเสื้อลูกน้องพยัคฆ์เมฆาคนหนึ่งขึ้นมา แล้วกระหน่ำชกจนมันทรุดฮวบ เจ้าสัวซัดแลกหมัดอยู่กับชาญ เจ้าสัวได้เปรียบเพราะฝีมือดีกว่า แต่ชาญเล่นสกปรกชักมีดออกเล่นทีเผลอจนเจ้าสัวได้เลือดซิบ ชาญจะตามไปแทงแต่กลับโดนคมทวนกระชากตัวออกมาแล้วกระหน่ำเตะไม่ยั้งอย่างหนัก
“พอได้แล้วคมทวน.. แค่สั่งสอนมันก็พอ”
เจ้าสัวปราม คมทวนหยุดเล่นงานชาญก่อนจะกระชากคอมันขึ้นมาจ้องเขม็ง
“ไสหัวเอ็งไปให้พ้นจากถิ่นข้า..ถ้าเจอพวกเอ็งอีกครั้งเดียว เอ็งได้ลงไปนอนจมอยู่ก้นแม่ น้ำแน่..ไป !!”
คมทวนผลักชาญออกไปไกลๆ พวกมันหนีเตลิดแถมบางคนยังโดนอ่างกับสลึงช่วยกันถีบอีก เจ้าสัวเข้ามาจับบ่า
“เมื่อกี้นี้ขอบใจแกมากนะ”
คมทวนนิ่งมองเจ้าสัวแล้วปัดมือ
“ที่ฉันช่วยแก เพราะแกช่วยปกป้องบ้านของไอ้หยก แกเข้าใจใช่ มั้ยว่าที่นี่คือบ้านของไอ้หยก บ้านที่มันโตมากับฉันที่เป็นพ่อมัน !!”
คมทวนพูดไปก็เน้นย้ำจริงจังให้เจ้าสัวเข้าใจ ทั้งคู่มองหน้ากัน

หน้าสนามกีฬา...รถมานพเข้ามาจอด มานพลงจากรถอย่างเอาเรื่อง ลูกน้องเข้ามารายงาน
“ที่นี่แหละครับนายอยู่ทั้งไอ้เสี่ยตง ทั้งไอ้หยก”
มานพยิ้มร้าย
“ไปได้แล้ว...เก็บกวาดพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือก้อนกรวดแม้แต่ก้อนเดียว ให้มาตำเท้าฉันอีก”
ลูกน้องรับคำแล้วพากันเข้าไป มานพมองตามตั้งใจจะกำจัดทั้งหยก และตง!!

หยกสู้กับเก่งและพวกลูกน้องตงด้วยเชิงมวยที่เสียเปรียบกว่า เพราะถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ แต่หยกก็สู้จนสุดใจและสามารถจัดการกับลูกน้องไปได้ด้วยลูกเตะหนักๆ เหลือเก่งที่เดินรอบตัว หยกเป็นการหยั่งเชิงและหาโอกาสเล่นงาน
“แกนี่มันสู้ได้สุดใจขาดดิ้นจริงๆเลยว่ะไอ้หยก เสียเปรียบขนาดนี้แล้วยังยืนอยู่ได้อีก”
“พวกแกอาจะเห็นว่าการตีกันเป็นเรื่องสนุก แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่..ฉันสู้เพื่อความอยู่ รอดและเพื่อคนที่ฉันรักเท่านั้น”
เก่งวนรอบหยกจนเริ่มรู้ว่าจะเข้าไปชิงจังหวะได้ในตอนนี้
“งั้นแกก็ต้องเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะไอ้หยก”
เก่งปรี่เข้าไปใส่แล้วถาโถมทั้งหมัดเข่าศอกเล่นงานหยก ที่เสียเปรียบอยู่แล้ว ยิ่งเจอไอ้เก่งปล่อยของจัดหนักใส่ หยกเลยกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำโดนเล่นงานจน กระเด็นล้มกลิ้งเจ็บจุก เก่งซ้ำด้วยการเตะเข้าท้อง กิ่งเหมยได้ยินเสียงหยกร้อง ก็ตกใจมาก
“หยก !!”
“ฉันไม่เป็นอะไรกิ่งเหมย”
ไม่ทันขาดคำเก่งก็เตะเสยหยกอีกที ตงหัวเราะชอบใจ
“ป๋าว่าลูกโชคดีแล้วล่ะกิ่งเหมยที่ตาบอดมองไม่เห็นอะไร จะได้ไม่ต้องว่าเห็นมันโดน กระทืบเหมือนหมาพิการตัวนึง ฮ่าๆ”
“อย่านะ..อย่าทำร้ายเขา..ฉันขอร้อง”
“ป๋าทำเพื่อลูกนะกิ่งเหมย..มันทำงานกับป๋าตีสองหน้าหลอกป๋าได้ ก็แสดงว่ากับคนอื่น มันก็หลอกได้เหมือนกัน”
“ไม่ !!...หยกโกหกคุณเพราะนั่นคือหน้าที่ ถ้าเขาไม่เสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลก ก็คงไม่มีใคร ลากคอคนเลวเข้าคุกได้”
“กิ่งเหมย !! รอให้ฉันจัดการไอ้หยกเสร็จก่อนแล้วฉันจะอบรมสั่งสอนแก ไอ้เก่ง..เลิกสนุก ได้แล้ว..จัดการมัน !!”
“ได้เลยครับเสี่ย”
ตงลากกิ่งเหมยพาออกไปด้วยกันทิ้งให้เก่งเตรียมจัดการกับหยก
“หยก..ปล่อยฉันนะ..หยก..หยก”
“กิ่งเหมย”
เก่งชักปืนออกมาขึ้นลำเตรียมยิงหยกทิ้ง หยกจ้องปืนในมือมันเขม็ง

ตงลากตัวกิ่งเหมยออกมาด้านหน้าสนามกีฬาร้าง
“ปล่อยนะ..บอกให้ปล่อย..อย่าฆ่าหยก..ฉันขอร้อง”
“สายไปแล้วกิ่งเหมย..คนที่ทรยศหักหลังฉันโทษของมันคือตาย ไว้ฉันส่งแกกับพี่สาว ไปอยู่เมืองนอก ฉันจะหาผู้ชายที่ดีกว่ามันร้อยเท่าพันเท่าให้”
“คุณพรากฉันไปจากหยกไม่ได้หรอก”
กิ่งเหมยตัดสินใจจับมือตงขึ้นมากัดแรงๆทันทีจนตงสะบัดมือ กิ่งเหมยรีบวิ่งทั้งๆที่ตามองไม่เห็นเลย ทำให้สะดุดล้ม ขณะที่ตงยืนเจ็บมือ
“แกนี่มันดื้อด้านที่สุด..สันดานเหมือนแม่แกไม่มีผิด พูดดีๆไม่ฟังฉันก็ต้องใช้กำลัง”
ตงชักปืนออกมาแล้วจะเดินเข้าไปหากิ่งเหมย แต่ต้องชะงักเพราะเจอลูกน้องพยัคฆ์เมฆาที่โผล่เข้ามา 2-3 คน พวกมันยกปืนเล็งมาที่ตงอย่างเงียบเชียบ
“กิ่งเหมย..กลับมาหาฉัน”
“ไม่..ฉันจะไม่ให้คุณทำอะไรหยกเด็ดขาด”
“เชื่อฉันเถอะ..เดินกลับมาหาฉันแล้วเธอจะปลอดภัย”
กิ่งเหมยแปลกใจคำพูดของตง และได้ยินเสียงฝีเท้าคนหลายๆคนเดินล้อมกรอบเข้ามาใกล้ๆ
“เกิดอะไรขึ้น..ใคร”
“พวกพยัคฆ์เมฆา..พวกมันตามมาเล่นงานฉันกับหยก”
ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาลั่นไก..เปรี้ยง !! กระสุนเฉี่ยวแขนตงไปนิดเดียว ตงเลยยิงสวนกลับไป แม่นกว่าโดนมันคนหนึ่งจังๆ และก่อนจะเปิดฉากยิงใส่กันไม่หยุด ตงเข้าไปฉุดแขนพากิ่งเหมยวิ่งหนีไป กับตัวเอง พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆารีบไล่ตาม

เก่งที่กำลังจะยิงหยกทิ้งแต่เกิดชะงัก เพราะได้ยินเสียงปืนดังจากข้างนอก หยกเลยฉวยจังหวะนี้เองเข้า ยื้อแย่งปืนจากเก่ง และใช้หัวโขกจนเก่งผงะจากนั้นก็วาดลูกเตะสวยๆใส่ทีเดียวเก่งแน่นิ่ง หยกควานหากุญแจจากตัวเก่งมาไขปลดล็อคกุญแจมือจนเป็นอิสระ ระหว่างนั้นเสียงปืนยังดังต่อเนื่องไม่หยุด หยกหันมองอย่างเป็นห่วงกิ่งเหมย

ตงพากิ่งเหมยวิ่งหนีการไล่ตามของพวกพยัคฆ์เมฆามาอีกด้านหนึ่ง ตงคอยยิงไล่หลังไม่ให้ พวกมันตามเข้ามาใกล้ตัว ก่อนจะเห็นว่าถ้ามีกิ่งเหมยไปด้วยจะทำให้สู้ลำบากเลยรีบหาที่ซ่อนตัวให้
“หลบอยู่ในนี้ก่อนนะกิ่งเหมย ถ้าไปด้วยกันพวกมันต้องได้ตัวเราสองคนแน่”
ตงรีบพากิ่งเหมยเข้าไปซ่อนตัวในซอกแคบๆแล้วเอาแผ่นสังกะสีมาปิดพรางตา กิ่งเหมยรีบยิ่นมือมาจับมือ ตงอย่างอ้อนวอน
“ฉันขอร้องล่ะ..ถ้าคุณยังเห็นว่าฉันเป็นลูกสาวคุณอยู่ ได้โปรดช่วยหยก อย่าอาฆาตเขา เลย ฉันขอร้อง”

ตงนิ่งมองกิ่งเหมยที่น้ำตาคลออย่างอ้อนวอนเหมือนจะใจอ่อน แต่กลับแกะมือกิ่งเหมย

“อยู่แต่ในนี้แล้วอย่าส่งเสียงอะไรทั้งนั้น แล้วป๋าจะกลับมารับลูก”

ตงเอาสังกะสีมาปิดจนมิดชิด แล้วหันไปยิงปืนใส่พวกมันที่ตามมาก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทาง เพื่อหลอกล่อพวก มันให้ตามไป ทิ้งกิ่งเหมยให้ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบเอามือปิดหูเพราะเสียงปืนที่ดังสนั่น

ตงวิ่งถอยมาตั้งหลักเปิดฉากยิงตอบโต้ใส่พวกมัน ฝีมือตงจัดการพวกมันไปได้หลายคน แต่ยิง ไปแล้วกระสุนหมดยังเหลือพวกมันอีกคนที่ตามเข้ามา เขาจึงซุ่มรอจังหวะพอมันเข้ามาใกล้ก็โผล่ออกมาจัด การสู้กับมันด้วยมือเปล่าจนสามารถเล่นงานมันหมอบ
“ไอ้มานพมันดูถูกฉันเกินไปถึงส่งพวกกระจอกอย่างแกมาล่าฉัน”
ตงเตะเสยทีเดียวมันฟุบหมดสติ แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปก็ต้องชะงักเพราะเสียงขึ้นไกปืนจ่ออยู่ข้างหลัง
“ไอ้พวกนั้นฉันส่งมาล่อหมาบ้าอย่างแกให้ตายใจต่างหาก..ไอ้เสี่ยตง”
“มานพ !!”
ตงฮึดฮัดจะขัดขืนแต่ก็เจอมานพเอาปืนตบหน้า จากนั้นก็เล่นงานด้วยหมัดเข้าหน้า ลำตัวไปหลายทีก่อนจะโยน ให้ลูกน้องล็อคตัวเอาไว้
“ไอ้เลวเอ้ย..อย่าดีแต่หมาลอบกัดสิวะ”
“อะไรกันเสี่ยตง..ไอ้วิธีหมาลอบกัดมันเป็นวิธีที่ทำให้แกขึ้นมาใหญ่ได้ไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ เจอเข้ากับตัวเองหน่อยทำเป็นทนไม่ได้…ไปลากตัวไอ้หยกมา”
ลูกน้องรับคำสั่งแล้วพากันเดินกลับเข้าไปข้างใน

กิ่งเหมยที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเดินเข้ามาก็รีบปิดปากเงียบ สังกะสีถูกเปิดออก ทีละอัน กิ่งเหมยยิ่งตกใจไม่รู้ว่าเป็นใคร
“จ๊ะเอ๋...หลบอยู่ในนี้เองเหรอจ๊ะคนสวย”
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ..ออกไปให้พ้น”
กิ่งเหมยพยายามปัดป่ายไม่ให้พวกมันถูกตัว แต่ก็สู้แรงพวกมันไม่ได้ โดนลากตัวออกมาจากซอกหลืบ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย…”
“ไม่ต้องเรียกหาใครให้ช่วยหรอกจ้ะ..เสียงหวานๆแบบนี้เรียกชื่อพี่แทนดีกว่า”
พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาหัวเราะชอบใจได้ครู่ หยกก็โผล่เข้ามาหน้าตาเอาเรื่อง
“ปล่อยผู้หญิงของฉันเดี๋ยวนี้”
พวกมันหันมาเห็นหยกก็รีบปรี่เข้าไปเล่นงาน แต่ก็เจอหยกซัดเชิงมวยใส่ไม่ยั้งจนร้องครวญครางรายตัว
“กิ่งเหมย”
“หยก !!”
หยกดึงกิ่งเหมยมาสวมกอดปลอบใจให้หายกังวล
“ไม่ต้องห่วงนะกิ่งเหมย..ฉันอยู่นี่แล้ว”
หยกปลอบใจกิ่งเหมยได้ไม่ทันไร พวกมันอีกสองคนเข้ามาแล้วยิงปืนใส่..เปรี้ยงๆๆ เขาจึงรีบพาเธอวิ่งหนี ออกไปที่รถของตงที่จอดทิ้งไว้ด้านนอก หยกให้กิ่งเหมยเข้าไปนั่งข้างคน ขับส่วนตัวเองก็รีบไปสตาร์ทรถเพื่อพาหนี ระหว่างนั้นลูกน้องพยัคฆ์เมฆาตามยิงใส่รถไม่ยั้ง หยกสตาร์ทรถได้ก็รีบเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งแล้วพุ่งชนมันจนกระเด็นก่อนจะเลี้ยวรถหนีออกไปได้หวุดหวิด

มานพรออยู่กับตง สักพักลูกน้องก็หิ้วตัวเก่งที่หมดสติเข้ามา
“แล้วไอ้หยกล่ะ” มานพถามทันที
“มันพาผู้หญิงหนีไปได้ครับ”
มานพกระชากคอมาตะคอกใส่หน้า
“ ไอ้หยกกับผู้หญิงตาบอดเนี่ยนะ แกปล่อยให้หนีไปได้ ยังไง โธ่เว้ย !!”
ตงหัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ นี่น่ะเหรอวะคนที่คิดจะขึ้นมายิ่งใหญ่แทนคนรุ่นเก่า กลับไปฝึกฝีมือใหม่อีกสัก สิบปีก่อนเถอะวะไอ้มานพ”
“ไอ้หมาบ้าตง..ท้าทายฉันอย่างนี้เขาเรียกว่าใช้หมาในปากไม่ถูก ที่ถูกทาง”
มานพจิกหัวตงขึ้นมาแล้วกระหน่ำชกแล้วซ้อมอย่างไม่ยั้งมือ เป็นการระบายความเจ็บใจอย่างโหดเหี้ยม

หยกจอดรถทิ้งเอาไว้ในซอกตึกแห่งหนึ่ง ก่อนจะเอาผ้าใบมาคลุมพรางตารถของเสี่ยตงเอาไว้ แต่ระหว่างทำไป หยกรู้สึกเจ็บแปล๊บที่บริเวณช่องท้องแถวแผลที่ยังบาดเจ็บอยู่ เห็นว่ามีเลือดซึมผ่านผ้าปิดแผล
“ทำไมเราต้องมาจอดรถทิ้งไว้ล่ะหยก”
“พวกมันอาจจะตามเรามาได้น่ะสิกิ่งเหมย”
“งั้นเราก็กลับไปที่ตรอกศาลเจ้าไม่ได้แล้วน่ะสิ”
“ใช่..ทั้งไอ้มานพ ทั้งเสี่ยตงจ้องจะเล่นงานฉันอยู่ ถ้าเรากลับไปคงไม่รอดแน่”
“แล้วทำไม่ไม่ไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจล่ะ ก็เธอยังเป็นตำรวจอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“สถานะของฉันถูกปกปิดเป็นความลับ มีแต่ผู้การคนเดียวเท่านั้นที่จะคืนให้ฉันได้ แต่ว่า ตอนนี้เขา...”
“ทำไมล่ะหยก”
“ไว้ฉันจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังระหว่างทาง แต่ว่าตอนนี้เราต้องรีบหาที่ปลอดภัยก่อน”
หยกกุมมือกิ่งเหมยแล้วบีบเบาๆให้ความมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงนะกิ่งเหมย..ฉันจะดูแลเธอไม่ให้พวกมันมาพรากเธอไปจากฉันอีก”
กิ่งเหมยยิ้มรับแล้วพยักหน้าเบาๆ สบายใจขึ้นมาได้เพราะมีหยกอยู่กับเธอ

ธงรบถูกลูกน้องของเจ้าสัวเล้งประกบเฝ้าเอาไว้ แม้แต่จะลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจพวกลูกน้องยังเข้ามา จับกดไหล่ให้นั่งเฉยๆ
“อะไรกันวะ..นั่งรอเจ้าสัวนานๆมันก็ต้องมีเมื่อยมั่งสิเว้ย”
“แกมันเจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด ลูกพี่สั่งไว้ว่าถ้าเห็นแกมีพิรุธล่ะก็ลงมือสั่งสอนได้เลย”
“หึ..ฉันเนี่ยนะเหลี่ยมจัด ไม่ใช่หรอก..พวกแกมันฉลาดน้อยกว่าฉันก็แค่นั้นเอง”
ธงรบตั้งใจกวนประสาท ลูกน้องปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อ
“ขอสักทีเถอะวะไอ้ขี้เก๊กเอ้ย”
ลูกน้องง้างหมัดจะซัดปากโดยไม่ว่าธงรบคิดเอาไว้แล้วจัดการ ใช้ความว่องไวบิดมือแย่งปืนจากเอวมันมา จ่อหน้าแล้วยิ้มกวนสุดๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าแกมันฉลาดน้อยกว่า”
ธงรบกระแทกปืนเข้าหน้าลูกน้อง แล้วจะรีบออกไปแต่ต้องชะงักเพราะเจอเจ้าสัวเข้ามาพร้อมกับลูกน้องอีก 2 คน ลูกน้องที่มากับเจ้าสัวยกปืนจ่อธงรบอย่างเอาเรื่อง ธงรบเองก็ยกปืนสู้ แต่เจ้าสัวกลับยกมือปราม
“พวกแกเอาปืนลง”
“แต่ว่า...”
“ฉันสั่ง !!”
ลูกน้องยอมทำตามลดปืนลง ธงรบจึงได้โอกาสถือปืนเดินเข้าหาเจ้าสัวจนพวกลูกน้องอดเป็นห่วงไม่ได้แต่เจ้าสัวกลับ ไม่สะทกสะท้านเดินเข้ามาหาธงรบเองและมองหน้า

“คุณเป็นคนฉลาดนะหมวด เพราะฉะนั้นก็น่าจะรู้ดีว่าการใช้ความรุนแรงกับฉันไม่ใช่ทาง ออกที่ดีเลย”
เจ้าสัวกับธงรบมองหน้ากันอย่างหยั่งเชิง
เจ้าสัวเล้งพาธงรบไปนั่งคุยด้วยกันตามลำพังในห้องทำงาน
“ท่าทางที่ร้อนตัวไม่อยากอยู่เจอหน้าฉัน เท่ากับตอกย้ำความสงสัยที่มีต่อแกมากขึ้น ฉันจะให้โอกาสแกอธิบายมาเอง”
“ผมไม่มีอะไรจะอธิบายให้เจ้าสัวฟังหรอก”
“ผมให้ทางเลือกที่ดีที่สุดต่อคุณแล้วนะหมวดธงรบ สถานการณ์ตอนนี้ก็น่าจะเห็นกับ ตาตัวเองแล้วว่าใครคือคนที่คุณควรใช้กฏหมายเล่นงานที่สุด”
ธงรบชะงักอึ้ง
“เจ้าสัว..นี่คุณ...”
ระหว่างนั้นนนท์เข้ามา
“มาพอดีเลยนนท์..เอารูปที่แกส่งให้ฉันดูให้หมวดธงรบดูอีกทีสิ”
นนท์รับคำแล้วเอามือถือเปิดรูปภาพในนั้นให้ธงรบดู เป็นรูปผู้การสมิงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ธงรบ ชะงักไป
“ให้ผมดูรูปใคร..ผมไม่รู้จัก”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 21 (จบตอน)

“แน่ใจเหรอหมวดว่าไม่รู้จัก..ถ้าคุณไม่รู้จักผู้การสมิงแล้วทำไม หมอที่โรงพยาบาลถึง ยอมบอกลูกน้องของผมล่ะว่าคุณไปเฝ้าเขาถึงข้างเตียง”

ธงรบเริ่มรู้ตัวแล้วว่าความลับถูกเปิดโปง สายตาเล็งไปที่ปืนของเจ้าสัวที่วางอยู่บนโต๊ะกะว่าเข้าตาจนต้องลุยแน่ แต่เจ้าสัวอ่านแววตาออก
“อย่าทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากๆเลยหมวด ผมเริ่มสงสัยคุณตั้งแต่วันที่คุณตามผมไป ปะทะกับมานพแล้ว ผมเลยให้นนท์ไปช่วยสืบดู แค่คุณยอมรับมาว่าคุณยังเป็นตำรวจ อยู่ และบอกผมมาว่าจะตามหาหยกได้ที่ไหน ผมสัญญาว่าผมจะปล่อยคุณไป”
ต่อให้แกง้างปากฉันด้วยปืน มาเฟียอย่างพวกแกก็จะไม่ได้อะไรจากฉัน”
“หมวด !!”
นนท์รีบเข้าไปจับธงรบมาบิดแขนดัดหลังจนเจ็บ แต่ธงรบก็ยังฝืนเจ็บทำหน้ากวนใส่และปากแข็งสุดฤทธิ์
อ่างกับสลึงช่วยกันทำแผลผลจากการปะทะกับพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆา ส่วนคมทวนนั่งหน้าเครียดครุ่น คิด ระหว่างนั้นส้มเช้งเข้ามา
“น้า..เป็นยังไงกันบ้างเนี่ย”
“เอ็งไม่มีตาเหรอไงวะนังส้มเช้ง..ต้องให้พวกข้านอนพะงาบๆเหรอไงเอ็งถึงจะช่วยดูแล” อ่างประชด
“แหม..ไม่ต้องมาอ้อนฉันเลย พวกน้าก็ดูแลกันเองไปนั่นแหละ ฉันไม่อยากเสียเวลาด้วย”
ว่าแล้วส้มเช้งก็เข้าไปที่คมทวนอย่างอยากรู้
“เป็นไงบ้างน้า..ได้ข่าวไอ้หยกกับกิ่งเหมยรึยัง”
คมทวนส่ายหน้า
“ยังเลย..แต่ข้าคิดว่าไอ้หยกกับกิ่งเหมยน่าจะปลอดภัย”
“ถ้ามันปลอดภัยแล้ว แล้วทำไมมันไม่พากันกลับมาล่ะน้า”
“มันไม่กลับมาที่นี่น่ะดีแล้วส้มเช้ง ไอ้หยกควรจะหาที่ปลอดภัยอยู่กับกิ่งเหมย ป้องกันไม่ ให้พวกมันตามล่าอีก”
“แต่มันก็น่าจะติดต่อมาบอกพวกเราหน่อยว่าพากันไปอยู่ไหน”
“ไอ้หยกมันไม่ยอมบอกใครหรอก เพราะมันไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะมัน”
คมทวนบอกส้มเช้งไป แต่ใจก็เป็นห่วงหยกไม่น้อย

หยกพากิ่งเหมยเดินเข้าไปในเรือนแพ
“เราต้องอยู่ที่นี่กันไปก่อนเหรอหยก”
“เท่าที่ฉันพอจะนึกได้ ตอนนี้ที่นี่น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว เพราะคนที่รู้จักก็มีแค่ฉันกับพ่อ”
“ป่านนี้ทุกคนคงเป็นห่วงเรา”
“แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน พวกเขาจะเดือดร้อนได้นะกิ่งเหมย”
หยกบอกไปแล้วแต่เห็นกิ่งเหมยยังกังวล จึงดึงกิ่งเหมยมากอดโน้มศรีษะเธอมาแนบอก
“ไม่ต้องห่วงนะกิ่งเหมย ถ้าเธออยู่กับฉัน ทุกคนต้องมั่นใจอยู่แล้วว่าฉันจะดูแลเธออย่าง ดีที่สุด”
กิ่งเหมยยิ้มรับแล้วสวมกอดหยก แต่รู้สึกผิดสังเกตได้ยินเสียงหยกชะงักร้องเจ็บ เพราะมือที่โอบเอวไปแตะโดน แผลที่ท้องซึ่งมีเลือดซึม
“หยก..เธอบาดเจ็บอยู่เหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกกิ่งเหมย..แค่นิดหน่อยเอง”
“ฉันไม่เชื่อหรอก คำว่านิดหน่อยของเธอเป็นเรื่องใหญ่ทุกที ให้ฉันช่วยดูให้นะ”
“เธอจะดูให้ฉันได้ยังไง..ก็ในเมื่อเธอ…เอ่อ...ไม่ต้องห่วงหรอก..ฉันไม่เป็น อะไรจริงๆ”
หยกขยี้หัวกิ่งเหมยอย่างเอ็นดูก่อนจะผละเดินออกไปแต่หยุดชะงักเอามือแตะแผลสีหน้าเจ็บตึง
ดุจแพรเดินไปเดินมากระวนกระวายใจอยู่ในห้อง ระหว่างนั้นป้าจั่นรีบเข้ามาสีหน้าตื่น
“คุณหนูคะ..รีบไปจากที่นี่เร็วเข้าค่ะ...คุณหนูอยู่ไม่ได้แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นคะป้า”
“อย่าเพิ่งถามอะไรเลย..เชื่อป้าเถอะค่ะ ออกไปทางหลังบ้านตอนนี้”
“ทำไมต้องออกหลังบ้านด้วย..หรือว่า….”
ดุจแพรพูดไม่ทันขาดคำ ชาญก็เข้ามาพร้อมกับลูกน้องอีกคนขวางทางไม่ให้ป้าจั่นพาดุจแพรออกไป
.ไม่มีใครก้าวออกไปจากบ้านนี้ได้ทั้งนั้นจนกว่าจะได้รับอนุญาต”
“นี่พวกแกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง”
ป้าจั่นเข้ามาขวาง
“ถ้าพวกแกแตะต้องคุณหนูของฉันแม้แต่นิดเดียวล่ะก็…”
“จะทำไมเหรออีแก่”
ชาญเข้าไปจิกหัวป้าจั่นมาตบหน้าผั๊วะเดียว ป้าจั่นเลือดกบปากล้มไม่ลุก
“ป้า !!” ดุจแพรตกใจ
ชาญเข้าไปจับแขนดุจแพรแรงๆแล้วมองหน้าร้ายกาจ
“อย่าให้ผมต้องลงมือกับคุณหนูอีกคน..คุณมานพพาพ่อคุณมาส่งที่นี่แล้ว เชิญตามมาดู สภาพของพ่อคุณได้”
ดุจแพรอึ้งไปทันที
ชาญพาตัวดุจแพรเข้ามาเจอมานพที่ยืนรออยู่
“คุณดุจแพรมาแล้วครับนาย”
มานพยิ้มเยาะ
“ผมบอกแล้วว่าคุณหนีผมไปไหนไม่ได้หรอก”
“ป๋าฉันอยู่ไหน..แกทำอะไรป๋า”
“ใจเย็นๆสิครับ ผมกับคุณยังมีเรื่องที่ค้างคากันอยู่ ยังไงผมก็ไม่ฆ่าพ่อคุณหรอก”
มานพยิ้มร้ายแล้วเชยคางดุจแพรมาแหย่เล่นๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องพาตัวตงเข้ามา ตงถูกหิ้วปีกพาเข้ามาในสภาพที่ดูแล้วหมดรูปเจ้าพ่อที่เคยยิ่งใหญ่ หน้าตาฟกช้ำเนื้อตัวมอมแมม เลือด เกรอะกรังเต็มตัว ดุจแพรตกใจมาก
“ป๋า !! นี่พวกแกทำอะไรเขา...ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ”
มานพพยักหน้าให้ลูกน้องปล่อยมือจากตง ดุจแพรรีบเข้าไปประครองพ่อเอาไว้เพราะตงหมดเรี่ยวแรง
“ป๋า...ป๋า..ป๋าพูดกับแพรสิ...ป๋า”
“แพร...แพร...ป๋า..ป๋า...”
ตงเจ็บระบมไปทั้งตัวจนแม้แต่จะพูดก็ลำบาก ดุจแพรกอดพ่อร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง
“แพรจะพาป๋าไปโรงพยาบาล”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณแพร..ก็แค่โดนกระทืบสั่งสอนนิดๆหน่อยๆเทียบกับ สมัยที่เขาสร้างเนื้อสร้างตัวจากกรรมกรท่าเรือขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อแล้ว ขี้ผงใช่มั้ย”
มานพจิกหัวตงขึ้นมายิ้มเยาะใส่อย่างดูถูกดูแคลน ตงจ้องมันเขม็งแต่หมดแรงที่จะตอบโต้สิ้นสภาพ
“ฮ่าๆ..เห็นมั้ยครับ แม้แต่จะจ้องตาผมเขายังไม่กล้าเลย”
ดุจแพรหันไปปัดมือมานพอย่างชิงชังสุดๆ
“ปล่อยมือแกจากพ่อฉัน..แล้วไสหัวออกไปให้หมด”
“แพร..แพร…”
“ป๋า”
ตงค่อยๆยกมือขึ้น ดุจแพรรีบประคอง ตงก็ส่ายหน้าให้ลูกสาวเข้าใจว่าไม่ควรไปยุ่งกับพวกมัน
“หมายความว่ายังไงคะป๋า”
“เชื่อ..เชื่อป๋านะ..แพร…”
ตงบอกลูกสาวแล้วเดินเหนื่อยหอบเข้าไปหามานพ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วค่อยๆยกมือพนมไหว้ท่าม กลางสายตาอันน่าตกใจของดุจแพร
“ฉัน..ฉันยอมแพ้แกแล้ว..มานพ ไว้ชีวิต..ฉัน..กับ...กับลูกสาวด้วย”
“ป๋า !!! ป๋าอย่าทำอย่างนี้”
ดุจแพรจะเข้าไปห้ามแต่โดนชาญคว้าตัวเอาไว้ เธอร้องไห้เสียใจและเจ็บปวด มานพหัวเราะชอบใจ
“แกจะให้ฉันเชื่อใจได้ยังไงว่าสันดานหมาบ้าอย่างแก จะไม่ลอบทำตัวเป็นหมาลอบ กัดฉันอีก”
“ฉัน..ฉันจะยกสิ่งที่แกอยาก..อยากได้มากที่สุดให้”

“แน่ใจนะไอ้ตง..ถ้าแกพูดออกมานั่นก็หมายความว่า แกยอมยกหัวใจดวงน้อยๆที่แกเฝ้า ทะนุถนอมมาตลอดชีวิตให้ฉัน”

“ปล่อยฉันนะหยก เดี๋ยวฉันตก”
“ดึกแล้ว..ฉันจะพาเธอไปนอน”
“ฉันเดินเองดีกว่า ปล่อยฉันเถอะ”
“เธอพิสูจน์แล้วว่าเธอดูแลตัวเองได้ก็ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้วล่ะ”
หยกยิ้มกรุ้มกริ่ม อุ้มกิ่งเหมยพาเดินจากตลิ่งเข้าไปที่เรือนแพ

หยกอุ้มกิ่งเหมยวางลงบนเตียงในเรือนแพแล้วแกล้งร้องซี้ดเจ็บ...
"อู้ย!”
กิ่งเหมยตกใจ
“เป็นอะไรหยก..เธอเจ็บแผลอีกแล้วเหรอ”
“ลืมตัวไปน่ะ ใช้แรงอุ้มเธอเยอะไปหน่อย สงสัยแผลจะฉีก”
“ก็ฉันบอกเธอแล้วไง ชอบทำทุกอย่างเป็นเล่นไปหมด ไหน..ขอฉันดูหน่อย”
หยกอมยิ้ม
“ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันทำแผลใหม่ก็ได้”
“ไม่ต้องเลย..ถอดเสื้ออกมาเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
“จะให้ฉันถอดเสื้อจริงๆเหรอ”
“ยังเล่นอีก..เร็วๆเข้า”
หยกอมยิ้มชอบใจเลยถอดเสื้อออก แล้วจับมือกิ่งเหมยมาแตะที่แผลที่ทำไว้อย่างดีแล้ว กิ่งเหมยเลยรู้ทัน
“หยก..นี่เธอโกหกฉันนี่”
“ว้า..รู้ทันจนได้”
กิ่งเหมยทุบแขนทันที
“ไอ้บ้า..เกลียดที่สุดชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อย ไปเลยนะ..ออกไปนอนข้าง นอกเลย ไม่ต้องเข้ามาในนี้..ไป !!”
“แหม..ก็แค่ล้อเล่นหน่อย..เห็นบอกว่าโกหกแล้วไม่โกรธนี่”
“ไม่ได้บอกว่ารับได้ทุกเรื่องซะหน่อย..ไปเลย..ไอ้บ้าหยก เอาเสื้อมานี่ด้วย ออกไปอยู่ข้าง นอกทั้งๆแบบนี้แหละ”
กิ่งเหมยฉวยเสื้อของหยกมายึดเอาไว้แล้วผลักไสหยกให้ออกไป
“ไปสิ..ออกไปเลย..ไปชิ้วๆ!”
“ไม่เอาน่ากิ่งเหมย..ฉันขอโทษ” หยกโวยวายลั่น

หยกออกมายืนกอดตัวหนาวสั่นเพราะลมเย็น
“กิ่งเหมย..ฉันขอโทษ..ฉันกลัวเธอเครียดเลยอยากล้อเล่นเฉยๆ”
กิ่งเหมยตะโกนออกมา
“ไม่ต้องบ่นเลย..คืนนี้นอนข้างนอกนั่นแหละ”
”จะนอนได้ยังไงล่ะกิ่งเหมย ข้างนอกลมมันเย็นแถมยุงยังชุมอีกนะ”
“ไม่สน..ไม่ต้องเข้ามา..เชอะ”
กิ่งเหมยบอกไปก็นั่งอมยิ้มชอบใจ หยกยืนหนาวสั่นอยู่ข้างนอก แถมยังโดนยุงกัดเต็มไปหมดเลยทั้งตบยุงทั้งยืนสั่น ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงร้อง...ฮัดชิ้วดังลั่น
“อ๊ะๆ!...ยอมแล้วก็ได้ เข้ามาได้แล้วหยก เดี๋ยวจะหวัดกินซะก่อน”
หยกเดินสั่นเข้ามามองกิ่งเหมยอย่างเคือง กิ่งเหมยยิ้มชอบใจ
“ไม่ต้อบมาทำมองเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อฉันเลย”
“รู้ได้ไงเนี่ย”
“ทำอย่างกับไม่ได้โตมาด้วยกันงั้นแหละ” กิ่งเหมยโยนเสื้อให้ “เอาไปรีบๆใส่เสื้อซะ เดี๋ยวไม่สบาย”
หยกรับเสื้อมาแล้วแต่ไม่ยอมใส่ กลับรีบเข้าไปดึงกิ่งเหมยมากอดรัดแน่น
“คิดว่าฉันจะยอมให้เธอเล่นงานฉันคนเดียวเหรอกิ่งเหมย”
หยกจัดการจั๊กจี๋แกล้งกิ่งเหมยจนดิ้นไม่หยุด
“ไม่เอานะหยก..ฉันจั๊กจี๋..ไม่เอา..ไม่เอา”
กิ่งเหมยพยายามผลักหยกแต่ยื้อยุดกันไปมา จนพลาดล้มลงไปบนเตียงทั้งคู่ หน้าทั้งคู่แนบใกล้ชิดกัน หยกมองใบหน้าของกิ่งเหมยนิ่งเนิ่นนาน ลมหายใจทั้งคู่แทบจะผสานเป็น หนึ่งเดียวกัน
“ฉันรักเธอนะกิ่งเหมย”
“เธอพูดทุกวันได้ยินทุกวันแล้ว”
“แล้วเบื่อมั้ย”
“ไม่เบื่อ..อยากได้ยินเธอพูดรักฉันทุกวันจนเราแก่เฒ่าไปด้วยกัน”
“ฉันทำได้นะกิ่งเหมย..เธอนั่นแหละทำได้อย่างฉันรึเปล่า”
“งั้นแข่งกันมั้ยล่ะ”
ทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข หยกพลิกตัวนอนลงบนเตียงแล้วใช้แขนโอบกิ่งเหมยมาซบที่แผ่นอก
“ฉันจะจำคืนนี้ไว้ไม่มีวันลืมเลยนะกิ่งเหมย เพราะมันคือคืนที่ฉันมีความสุขที่สุด”
“ฉันก็เหมือนกัน...อ้อมกอดของเธอคือกอดที่อบอุ่นที่สุดแล้ว”
กิ่งเหมยบอกหยกแล้วก็ซุกหน้าแผ่นอกแล้วหลับตาพักผ่อนอย่างสบายใจ หยกโอบกอดเธอไว้แน่นแล้วหลับตา ลงอย่างมีความสุขไปด้วยกัน
มานพก้มหน้าก้มตาเสพโคเคนอยู่ในห้องทำงานของเลาจ์ ครู่เสียงปืนก็ดังขึ้น มานพรีบหันไปคว้าปืนขึ้นมาทันที ระหว่างนั้นชาญรีบเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น..ฉันได้ยินเสียงปืน”
“คุณนายน่ะสิครับ..คุณมานพ”
“ทำไม..แม่ฉันทำไม” มานพแปลกใจ

มานพรีบตามชาญมาที่หน้าห้องที่ขังดวงแขไว้ เห็นลูกน้องตัวเองยืนบาดเจ็บเลือดอาบอยู่หน้าห้อง
“แม่ฉันเอาปืนมาจากไหน”
“ผมไม่รู้ครับนาย ผมจะเข้าไปดูแลคุณนาย แต่เจอคุณนายเอาปืนมายิงใส่ เกือบหนีออก มาไม่ทัน”
มานพไล่ตะเพิดลูกน้องแล้วจะเข้าไปในห้อง แต่ชาญรีบขวาง
“อย่าดีกว่าครับนาย คุณนายไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ถ้านายเข้าไป..ผมว่า… “
“นั่นแม่ฉันนะเว้ย...ฉันจะปล่อยให้เขาถือปืนแกว่งเล่นอยู่ได้ไง”
มานพปัดมือชาญแล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน ดวงแขกำปืนแน่นและซุกตัวอยู่ที่มุมห้องที่ขายังล่ามโซ่เอาไว้
“แม่ครับ..นี่ผมเองนะ..ผมมานพลูกชายของแม่ไง”
ดวงแขจ้องเขม็ง
“อย่าเข้ามา...ออกไป”
“ใจเย็นๆครับแม่..ผมไม่ได้มาทำร้ายแม่ ผมแค่อยากจะขอปืนคืน..คืนมาให้ผมนะครับ”
มานพค่อยๆยื่นมือไปขอปืนคืน ดวงแขมองหน้ามานพแล้วเหมือนจะจำได้ ค่อยๆคลายความดุดันลง
“ดีครับแม่..ไว้ใจผมนะ..เอาปืนคืนมา แม่ไม่ควรใช้มัน”
ดวงแขเกือบจะยื่นปืนคืนให้มานพอยู่แล้ว แต่พลันเธอกลับเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกยกปืนเล็ง
“ฉันเกลียดพวกแก..พวกแกต้องตายทุกคนไอ้ผู้ชายสารเลว”

นิ้วดวงแขแตะไกปืน มานพเหวอหน้าเสีย

อีกด้านหนึ่งลูกน้องพยัคฆ์เมฆาที่โดนดวงแขยิง เดินมือกุมแผลบ่นมาตามทาง
“ซวยชิบเป๋งนี่ถ้าไม่ใช่แม่เจ้านานล่ะก็..โดนไปแล้ว..อู้ย!”
ลูกน้องเดินบ่นไม่ทันระวังตัว โหงวที่โผล่มาข้างหลังจับมันล็อคคอ แล้วใช้มีดพกเชือดคอทีเดียวเลือดมัน สาดกระเซ็นติดผนัง
“ไอ้มานพ..ไอ้ลูกทรพี อย่าคิดว่าลื้อหักหลังอั้วแล้วลื้อจะลอยนวลได้เว้ย”
โหงวมองมีดในมืออย่างแค้นใจสุดๆ

มานพรีบวิ่งออกมาจากห้องพัก ปิดประตูอย่างแน่นหนา เสียงปืนยังดังออกมาจากในห้องพร้อมเสียง ของดวงแขที่ตะโกนลั่น
“ตาย..ไอ้พวกผู้ชายชั่วๆมันต้องตายให้หมด..ตายๆ”
“เป็นไงบ้างครับ..ผมบอกนายแล้วว่าคุณนายจำใครไม่ได้อีกแล้ว” ชาญบอก
มานพหงุดหงิด
“ โธ่เว้ย..แม่นะแม่..จัดการพวกมันเสร็จเมื่อไหร่ล่ะก็ จะส่งไปขังลืมที่โรงพยาบาล ไม่ต้องให้เห็นหน้าเลย”
มานพผลักชาญไม่ให้ขวางทางเดิน แล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงานอย่างหัวเสีย
มานพกลับมานั่งหงุดหงิด วางปืนลงบนโต๊ะทำงานแล้วมองไปที่โคเคนบนโต๊ะที่ยังเหลือจากการเสพ เมื่อครู่ มานพจะก้มหน้าเสพต่อแต่ต้องชะงักเมื่อเจอโหงวโผล่มาข้างหลังพร้อมกับปืนจ่อหัว
“ท่าทางแกจะมีความสุขเหลิดเพลินเหลือเกินนะไอ้มานพ”
“ไอ้เป๋ !!”
มานพจะคว้าปืนบนโต๊ะที่เพิ่งวางไป แต่ก็ช้ากว่าโหงวที่ใช้มีดพกปักลงไปที่มือของมานพจนยึดติดกับโต๊ะ มานพ ร้องลั่น..อ๊าก! โหงวยิ้มชอบใจรีบเอามือปิดปากมานพไม่ให้ร้องเสียงดังกว่านี้ ระหว่างนั้นชาญได้ยินเสียร้องของนายรีบมาเคาะประตูถาม
“นาย..มีอะไรรึเปล่าครับ..นาย”
โหงวเอาปืนจ่อหัวแล้วขู่
“รู้ใช่มั้ยว่าต้องพูดอะไร”
มานพมองโหงวอย่างเจ็บใจแล้วตะโกนบอกลูกน้อง
“ไม่มีอะไร..ไม่ต้องมากวนฉัน..ไปให้พ้น”
“ครับนาย”
เสียงชาญเงียบไป โหงวยิ้มชอบใจดึงมีดที่ปักมือมานพออกทำให้มานพร้องอีกครั้ง มานพเจ็บปวดและ โกรธแค้นโหงวมาก
มานพได้ผ้ามาพันมือช่วยห้ามเลือดที่ไหลจากมือ และถูกโหงวผลักให้นั่งลงที่โซฟา
“จะเอายังไงกับฉันวะไอ้เป๋..ถ้าคิดจะให้ฉันสละทุกอย่างเพื่อให้แกขึ้นมาแทนที่ฉันล่ะก็ อย่าฝันเลย”
“ลื้อคิดว่าที่อั้วกลับมาเพราะอยากจะใหญ่แทนลื้องั้นเหรอ..อั้วแก่แล้วนะเว้ยไอ้มานพ อั้วอยู่วงการนี้มานานพอแล้ว อั้วอยากสบายตอนแก่เว้ย”
โหงวพูดไปก็ตบมานพด้วยปืนจนเลือดซิบมุมปาก
“งั้นถ้าแกอยากได้เงินฉันจะจัดการให้ ฉันให้แกไม่อั้น แกจะได้สบายสมใจอยาก”
“หึๆ!..ฮ่าๆ! มานพอั้วช่วยลื้อโกงไอ้เล้งมาได้เท่าไหร่ ธุรกิจทั้งหมดของลื้ออั้วก็ช่วยจนรู้ หมดว่ามีอยู่เท่าไหร่ อั้วคงไม่อยากได้แค่เศษเงินที่ลื้อมามาปิดปากอั้วหรอก”
“นี่แก !!”
“อย่าคิดว่าลื้อจะฉลาดกว่าอั้ว ลื้อมันก็ดีแต่บ้าระห่ำ ใช้แต่กำลังมากกว่าสมอง จะบอก ให้นะ ถ้าลื้อไม่มีอั้วคอยเป็นกุนซือให้ ลื้อจะยิ่งใหญ่อยู่แค่ไม่ถึงปี จากนั้นลื้อก็จะโดน พวกเดียวกันหักหลัง สุดท้ายลื้อก็จะมีจุดจบไม่ต่างจากมาเฟียคนอื่น”
โหงวพูดไปก็เอาปืนจ่อใกล้ๆแล้วแตะไกพร้อมจะฆ่ามานพ
“งั้นฉันจะให้แกกลับมาทำงานให้ฉันเหมือนเดิม ฉันจะแบ่งผลประโยชน์ให้แกมากกว่า ฉัน อยากได้อะไรก็เอาไปเลย แล้วฉันจะเคารพแกอย่างที่ลูกชายควรเคารพเตี่ย”
มานพไม่พูดเปล่า รีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าตรงหน้าโหงวก้มหัวให้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ยกโทษให้ฉันด้วย..ฉันจะไม่เนรคุณบุพการีอีกแล้ว..ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
มานพพยายามโขกหัวลงพื้นแสดงความสำนึกผิด โหงวมองแล้วกลับยิ้มร้ายกระชากมานพขึ้นมา
“พอได้แล้วมานพ..ใครๆก็เรียกอั้วว่าเป็นไอ้จิ้งจอกเฒ่า เพราะฉะนั้น..ลื้อตบตาอั้วไม่ได้ หรอก ตายซะเถอะ..ไอ้ทรพี”

โหงวจะยิง มานพตัดสินใจใช้อีกมือจับข้อมือโหงวแล้วงัดแรงใส่กันไปมาก่อนที่ปืนจะถูกกดลง เสียงดัง..ปัง !! ทั้งคู่นิ่งมองหน้ากันได้ครู่ โหงวก็ถอยออกมาแล้วมือกุมท้องเพราะเลือดชุ่มผลจากถูกยิง
“โชคไม่ได้เข้าข้างแกแล้วไอ้เป๋เอ้ย”
โหงวทรุดฮวบ ชาญได้ยินเสียงปืนก็รีบเข้ามา

โหงวถูกชาญลากตัวที่บาดเจ็บเจียนตายมาตามทาง ก่อนจะมาหยุดที่หน้าห้องดวงแข
“มานพ..คุย..คุยกับเตี่ยก่อนเถอะ..อั้ว..เป็นเตี่ยลื้อนะ”
มานพที่เดินนำ หันมายิ้มร้าย
“ เตี่ยเหรอ..หึ..ขนาดไอ้เล้งเลี้ยงฉันอย่างดีมาตลอดชีวิต ฉันยังไม่เห็นว่า มันจะมีบุญคุณอะไรกับฉันเลย แล้วกับไอ้เป๋ที่ปล่อยให้ฉันทะลุถุงยางมาเกิดเนี่ยนะ โธ่เอ้ย..ไอ้เป๋ !!”
“งั้น..งั้นถ้าลื้อไม่อยากนับถืออั้วเป็นเตี่ย อั้วมีข้อเสนอแลกเปลี่ยน รับรองว่าอั้วช่วยลื้อได้”
“ข้อเสนออะไร”
“ลื้อยังตามหาตัวไอ้หยกไม่เจอใช่มั้ย อั้วช่วยลื้อตามหามันได้นะ”
มานพนิ่งมองอย่างสนใจ
“แกช่วยได้แน่เหรอไอ้เป๋”
“ได้สิ..ไอ้หยกกับไอ้เล้งมันก็เหมือนกัน พอเข้าตาจนมันก็ไปได้แค่ไม่กี่ที่”
“ก็ได้..ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหามันเอง เอาเป็นว่าถ้าแกบอกมา ฉันสัญญาว่าจะ ไว้ชีวิตแก แล้วให้แกได้อยู่กับเมียแกตามลำพัง”
“ลื้อสัญญาแล้วนะมานพ”
“แน่นอน...ไอ้เป๋”
มานพมองโหงวแล้วยิ้มร้าย

โหงวถูกผลักเข้ามาหาดวงแขที่ซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง โหงวเอามือกุมท้องที่เลือดชุ่มเพราะถูกยิง
“มานพ..ลื้อไว้ชีวิตอั้วแล้ว ก็ช่วยพาอั้วไปหาหมอก่อนไม่ได้เหรอไง”
“หมอไม่จำเป็นสำหรับแกแล้วไอ้เป๋”
“ลื้อหมายความว่ายังไง”
เสียงมานพเงียบไป โหงวรีบถามย้ำ
“มานพ..มานพ..โธ่เว้ย”
โหงวหัวเสียแล้วหันมาอีกทีต้องตกใจ เพราะเจอดวงแขจ้องเขม็งมือกำปืนจ่อมาที่ตัวเองอย่างน่ากลัว
“ดวงแข..จะ..จะทำอะไร..วางปืนลง”
“แก..แก..เป็นใคร”
“อั้วไอ้โหงว...ผัวลื้อไง ดูดีๆสิ...อั้วผัวลื้อ วางปืนลงนะ”
ดวงแขเอียงหน้ามองแล้วพยายามคิด..คิด..คิดก่อนจะถึงตาโตตกใจ
“เลว...พวกคนเลว..มันต้องตาย..มันต้องตาย..ตาย”
นิ้วดวงแขแตะไกปืนโหงวตกใจหน้าเสียร้องลั่น
“ อย่า..อย่า..อย่า !”
ดวงแขลั่นไกใส่โหงวไม่ยั้งเสียงปืนดังก้องหลายนัด...เปรี้ยงๆ โหงวล้มลงตายคาที่ตาถลนเลือดออกปาก
ดวงแขนั่งมองศพโหงวแล้วยิ้มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“คนชั่วตายแล้ว...มันตายแล้ว..ฮ่าๆ..คนชั่วตายแล้ว”

โปรดติดตามตอนที่ 22

กำลังโหลดความคิดเห็น