xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13

เมฆจูงตะวันฉายเดินออกมา พอนึกได้เขาก็รีบปล่อยมือตะวันฉายทันที ตะวันฉายเห็นเมฆก็รู้สึกใจสั่นหวั่นไหวแต่ยังแอบไว้ฟอร์มอยู่
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน”
เมฆหวั่นไหวไม่แพ้กันแต่พยายามห้ามใจตัวเอง
“คุณเป็นไงบ้าง” เมฆถาม
“สบายดีค่ะ คุณล่ะ”
“ก็ดี ไม่คิดว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่” เมฆบอก
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่เหมือนกัน เพิ่งรู้ว่าคุณเหงาขนาดนี้”
เมฆสะอึกเพราะรู้สึกเสียหน้า
“เปล่า ที่ผมมาเพราะพี่จอมขอให้มา แต่จริงๆผมไม่จำเป็นต้องมีใคร ผมก็อยู่ได้”
ตะวันฉายได้ยินก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
“งั้นเราลากันตรงนี้นะ” เมฆบอก
เมฆเดินออกไป ขณะที่ตะวันฉายทนไม่ไหวจึงตะโกนไล่หลังเมฆ
“คนบ้า คุณเห็นฉันเป็นอะไรห๊ะ นึกจะรักก็รัก นึกจะทิ้งก็ทิ้ง ทำอะไรนึกถึงใจฉันบ้างมั้ย”
เมฆชะงัก เขาหันมาเห็นตะวันฉายยืนร้องไห้อยู่ก็หน้าเสีย
“ที่ผมทำไป ผมทำเพื่อคุณนะซัน ผมรู้ว่าคุณไม่เคยรักผม คนที่คุณรักคือ...พี่ธีร์”
ตะวันฉายชะงักและหน้าเสียทันที
“คุณรู้?”
“ใช่ ผมรู้ เพราะอย่างนี้ผมถึงไม่อยากให้คุณต้องฝืนใจอยู่กับผมไง”
“คุณคิดเองเออเองทุกอย่าง คิดจะถามฉันซักคำบ้างมั้ย”
“ผมจะถามเพื่อให้ตัวเองเจ็บอีกทำไม ถ้าคุณรักพี่ธีร์ ผมก็ไม่อยากจะเป็นตัวแทนของเค้า”
ตะวันฉายมองเมฆด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวเมฆมาก
“คุณเมฆ นี่คุณหึงแม้แต่พี่ชายตัวเองที่ตายไปแล้วเนี่ยนะ รู้ตัวรึเปล่าว่าคุณเป็นคนที่ใจแคบที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”
“สำหรับผม ถ้าไม่ได้ทั้งหมดใจ ก็อย่ามารักกันเลย”
“งั้นฟังไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าฉันเคยรักพี่ธีร์ แต่มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะรักใครอีกไม่ได้ พี่ธีร์คือรักครั้งแรกของฉัน แต่กับคุณ ฉันคิดเสมอว่าคุณจะเป็นรักสุดท้าย”
เมฆได้ฟังก็หน้าเสียไปอย่างคาดไม่ถึงที่จะได้ยินเช่นนั้น
“จนกระทั่งตอนนี้ ฉันมั่นใจแล้วว่า ฉันรักคนผิดมาตลอด เชิญอยู่กับอดีต อยู่กับใจแคบๆของคุณต่อไปเถอะ ลาก่อน”
ตะวันฉายพูดจบก็เดินออกไปทันที เมฆยืนเศร้าอยู่ตรงนั้น
เอวา นิค และยุทธการยืนมองอยู่อย่างคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยินเหมือนกัน

ตะวันฉายนั่งเหม่อมองไปที่แม่น้ำด้วยความเสียใจ เธอร้องไห้และเช็ดน้ำตาตลอดเวลา ยุทธการ นิค และเอวานั่งอยู่กับเธอด้วย
“ซัน ไม่ต้องเสียใจไปนะ ยังไงแกก็มีฉันกับไอ้นิคอยู่” เอวาปลอบ
ตะวันฉายหันกลับมามองเอวากับนิค
“ถ้าช่วงนี้แกไม่โอเค ฉันจะยกเลิกเรื่องทำงานแล้วอยู่เป็นเพื่อนแกก็ได้นะ” นิคบอก
“ขอบใจพวกแกมากนะที่อยู่ข้างฉันเสมอ แต่พวกแกไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะกลับรีสอร์ท” ตะวันฉายบอก
ยุทธการ นิค และเอวาตกใจ
“คิดดีแล้วเหรอซัน” เอวาถาม
“ดีที่สุดแล้วล่ะ”
“พี่เมฆนี่ไงวะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ตอนคุณอิงฟ้าทิ้งเขาไปแต่งงานกับพี่ชายดันอภัย แต่กับแกที่ชอบพี่ชายเขามาก่อนแล้วตอนนี้รักเขาๆกลับไม่อภัย” นิคว่า
“ป่วยการหาคำตอบอื่น เพราะไงทุกสิ่งที่เขาแสดงออกมามันก็คือคำตอบเดียวคือ เขาไม่รักฉัน ทางที่ดีคือฉันต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีเขา และฉันก็ต้องอยู่อย่างมีความสุขด้วย”
ตะวันฉายพยายามแสดงให้ดูว่าเธอเข้มแข็ง ยุทธการที่ยืนนิ่งคิดอยู่ตัดสินใจเดินมานั่งข้างๆ ตะวันฉาย
“ถ้าซันคิดว่าตัดคุณเมฆได้จริงพี่ก็เห็นด้วย เพราะพี่อยากจะขอให้ซันทำอะไรให้พี่สักอย่างเพื่อพี่ชายคนนี้”
ทุกคนมองยุทธการด้วยความสงสัย
“พี่ยุทธจะให้ซันทำอะไรคะ”
“แต่งงานกับพี่นะ” ยุทธการบอก
นิค เอวา และตะวันฉายพูดพร้อมกัน “แต่งงาน!”
“ก็ซันไม่ได้รักคุณเมฆแล้วนี่ แล้วซันก็ไม่มีใครในใจอีกแล้วไม่ใช่เหรอ”
ตะวันฉายอึ้ง “พี่ยุทธ!!”
“พี่พูดจริงๆนะซัน พี่อยากดูแลซัน พี่ไม่อยากเห็นซันร้องไห้อีกต่อไปแล้ว”
ตะวันฉายนิ่งอึ้งเพราะนึกไม่ถึงกับสิ่งที่ยุทธการพูด

นิคกับเอวาลากยุทธการมาที่มุมหนึ่งของบ้านสวน
“นี่พี่ยุทธคิดจะทำอะไรคะ” เอวาถาม
“ก็ขอซันแต่งงานไง” ยุทธการตอบ
“อันนั้นเอวาได้ยินค่ะ แต่มันใช่เวลาไหม ตอนนี้ซันกำลังเจ็บพี่ก็เห็น”
“เพราะพี่เห็นซันเจ็บน่ะสิพี่ถึงต้องดูแลซัน”
เอวาชะงักและเริ่มคิดตาม
“แต่พี่ยุทธก็รู้ว่าซันรักพี่เมฆ พี่จะยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักพี่เหรอครับ” นิคถาม
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ตอนนี้ที่พี่ต้องการก็คือทำยังไงก็ได้ให้ซันหายเจ็บโดยเร็วที่สุด”
“แม้ว่าสุดท้ายคนที่ต้องเจ็บก็คือพี่ยุทธก็ตาม?” เอวาถาม
“ใช่ แต่มันก็คุ้มที่พี่จะทนเพื่อซัน”
นิคกับเอวามองยุทธการเหมือนจะบอกว่าไม่เห็นด้วย

เมฆนั่งดูรูปธีรภพที่ตั้งอยู่ในห้อง
เขานึกถึงวันที่ตะวันฉายเข้ามาเปลี่ยนกรอบรูปและเอาดอกไม้มาตั้งใกล้ๆรูปธีรภพ
เมฆถอนใจ แล้วอิงฟ้าก็เดินเข้ามานั่งมองหน้าเมฆจนเมฆต้องหลบตา
“มีอะไรเหรอฟ้า” เมฆถาม
“นั่นเป็นคำถามของฟ้า นิคกับเอวาโทรเล่าให้ฟ้าฟังหมดแล้ว เมฆทำไมถึงต้องตัดคุณซันขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าเมฆไม่ได้รักเขา”
“ผมไม่ได้รักเขา”
“โกหก แล้ววันที่เมฆเรียกทุกคนให้มาช่วยกันเตรียมทุกอย่างเพื่อขอความรักคุณซันล่ะ”
“ก็แค่ละครฉากหนึ่งที่ผมอยากจะแก้เผ็ดเขา”
“งั้นตอนนี้เมฆก็คงสะใจที่ทำสำเร็จ”
“ใช่”
“แปลกนะคำตอบของเมฆคือสะใจ แต่ที่ฟ้าสัมผัสได้คือเมฆกำลังเจ็บปวด เจ็บจากสิ่งที่เมฆทำเองกับมือ ฟ้าหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเร็วๆนี้นะ”
“ตอนนี้ทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว ผมจะไม่เปลี่ยนอะไรอีกหรอกฟ้า”
อิงฟ้าลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ
“รู้ไหมว่าฟ้าไม่เคยผิดหวังในตัวเมฆเท่านี้มาก่อนเลย ถ้าเมฆยังหลอกตัวเอง แล้วก็ทำร้ายคุณซันแบบนี้ ซักวันเมฆเองนั่นแหละที่ต้องจะเสียใจ”
อิงฟ้าเดินออกไป เมฆมองตามด้วยความเศร้าใจ

ตะวันฉายยังนั่งเหม่ออยู่ที่ศาลาริมน้ำ ยุทธการเดินเข้ามาแล้วเอาจานขนมจีบร้อนๆ มาร่อนตรงหน้าเธอ
“กลางวันก็ไม่ได้กินข้าว ตอนนี้เริ่มหิวหรือยัง”
ตะวันฉายยิ้มเจื่อนๆ “อย่าบอกว่าพี่ยุทธทำเอง”
“โหยยย...นี่ซันดูถูกกันเกินไปแล้ว พี่อุตส่า....ขับรถไปซื้อมากับมือ ที่ตลาดน้ำของน่ากินเยอะแยะเลย อันนี้แค่ตัวอย่าง ไปพี่เตรียมไว้เพียบ”
ยุทธการจูงมือตะวันฉายให้เดินไปที่โต๊ะแล้วให้ตะวันฉายนั่งก่อนจะปูผ้ากันเปื้อนให้ ตะวันฉายมองอาหารเต็มโต๊ะแต่ก็ไม่รู้สึกอยากกิน
“พี่ยุทธ...เอ่อ...ซันยังไม่หิว พี่ยุทธไม่โกรธซันนะ”
“ซันไม่กินน่ะพี่ไม่โกรธซันหรอก แต่ถ้าซันไม่สบายขึ้นมาพี่จะโกรธตัวเองมาก”
“งั้นไว้เย็นๆซันค่อยทานได้ไหม”
“ไม่ได้ เพราะเย็นนี้พี่จะพาซันไปทานข้าวนอกบ้านเพื่อเป็นการฉลอง”
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
ยุทธการยิ้มแต่ไม่ตอบ ตะวันฉายรู้สึกอึดอัดเพราะไม่อยากไป

ตะวันฉายยืนอยู่กับยุทธการที่หน้าผับที่เมฆเล่นดนตรีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“ทำไมต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ” ตะวันฉายถาม
“อ้าว ทำไมล่ะ ซันกลัวอะไร หรือกลัวคุณเมฆจะ...”
“ไม่ค่ะ ซันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
ตะวันฉายจับมือยุทธการแล้วพาเดินนำเข้าไปด้านใน

ยุทธการกับตะวันฉายนั่งอยู่ที่โต๊ะ ตะวันฉายมีสีหน้าเป็นกังวล เธอมองหาเมฆไปเรื่อยๆ
“มองหาคุณเมฆเหรอ” ยุทธการถามขึ้น
ตะวันฉายรีบปฏิเสธ “เปล่า มองหา นิค กับเอวา”
นิคกับเอวาที่กำลังจะเดินไปที่บาร์เห็นยุทธการกับตะวันฉายก็ดีใจ
“ซัน พี่ยุทธ เมื่อกลางวันไม่เห็นบอกเลยว่าจะมา”
“ก็อยู่ๆพี่เกิดคิดได้ว่าพี่น่าจะฉลองที่พี่ได้มีโอกาสดูแลซันอีกครั้ง” ยุทธการบอก
นิคกับเอวาตกตะลึง
นิคใจเสีย “จะดีเหรอครับพี่ยุทธ”
“ดีสิ ดีที่สุดเลย ทำไม หรือพวกแกห้ามฉันเข้า” ตะวันฉายย้อนถาม
“ซัน...แกเข้มแข็งอย่างท่าทางของแกจริงๆเหรอ” เอวาสงสัย
พูดไม่ทันขาดคำ เมฆก็เดินเข้ามาเห็นตะวันฉาย ทั้งคู่อึ้งกันไป ยุทธการยิ้มให้ เมฆยิ้มตอบแต่ทำไม่สนใจก่อนจะเดินไปขอน้ำดื่มที่บาร์
นิคกระซิบกับเอวา “มันดีที่สุดตรงไหนวะ”
เอวาถอนใจหนักเพราะเซ็งไปกับนิคด้วย
เมฆได้รับขวดน้ำก็เดินผ่านมา ยุทธการรีบเรียกไว้
“คุณเมฆครับ เดี๋ยวหลังเลิกงานแล้วจะไปไหนหรือเปล่าครับ”
“มีอะไรเหรอครับ” เมฆถาม
“ผมอยากจะชวนไปหาอะไรทานกันต่อครับ”
นิค เอวาและตะวันฉายเหวอไปทันที
“พี่ยุทธ ทำไมต้องชวนคนอื่น” ตะวันฉายถาม
พอได้ยินตะวันฉายพูดแบบนั้นเมฆก็รีบปฎิเสธ
“ต้องขอตัวนะครับ เพราะสัญญากับหมอกไว้ว่าจะกลับไปอ่านนิทานให้เค้าฟัง ผมไม่อยากโกหกลูก”
ตะวันฉายรู้ว่าโดนเมฆเหน็บก็เจ็บใจจึงทำเป็นมองไปทางอื่น
“ไม่เป็นไรครับ เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ ผมกับซันต้องได้ทานข้าวกับคุณอยู่แล้ว” ยุทธการบอก
เมฆเดินเข้าไปทางห้องพักนักดนตรีโดยที่ไม่มองตะวันฉายเลย ตะวันฉายมองตามอย่างเจ็บใจ

ตะวันฉายแอบมานั่งร้องไห้อยู่บนชักโครกในห้องน้ำหญิง เธอปาดน้ำตาที่ไหลมาด้วยความเจ็บใจ แล้วหยิบแหวนที่เมฆให้จากในกระเป๋าขึ้นมาดู
“เข้มแข็งไว้ซัน อย่าไปร้องไห้เพราะคนแบบนั้น”
ตะวันฉายผุดลุกขึ้นก่อนจะเปิดฝาชักโครกแล้วทำท่าจะทิ้งแหวนลงไป แต่แล้วก็ชะงักเพราะทิ้งไม่ลง เธอได้แต่ร้องลั่นด้วยความเจ็บใจ

ตะวันฉายเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วจะกลับไปที่โต๊ะ เธอมองไปที่หลังเวทีแล้วตัดสินใจเดินไปบริเวณทางเข้าห้องพักแล้วแอบแง้มประตูดู
ตะวันฉายเห็นนิคกับเอวากำลังเตรียมตัวอยู่ เธอปิดประตู พอหันกลับก็เจอเมฆยืนอยู่ ตะวันฉายผละจะเลี่ยงออกไป เมฆยืนขวางประตูไว้ ตะวันฉายหันมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ใกล้ชิดกับอ้อมอกของเมฆเสียแล้ว ทั้งสองคนรู้สึกหวั่นไหวด้วยกันทั้งคู่ ตะวันฉายรู้ตัวก็พยายามจะเลี่ยงออกไป
“หลีก!”
เมฆผละออกห่างจากตัวตะวันฉาย
“คุณมาทำอะไรตรงนี้” เมฆถาม
“ฉันมาหาเอวา กับนิค”
“แล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะไปหาพี่ยุทธ”
เมฆมองตะวันฉายด้วยความรู้สึกอาลัยแต่ทำปากแข็ง
“ผมว่าต่อไปนี้คุณอย่ามาที่นี่ดีกว่า”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”
“เพราะผมไม่อยากเจอคุณ”
“ฉันก็ไม่ได้มาเพื่อจะเจอคุณ เพราะตอนนี้คุณไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตฉันแล้ว หลีก !!”
ตะวันฉายจะเดินออกไป แต่เมฆดึงมือของเธอไว้ ตะวันฉายสะบัดมือของเมฆออกทันที
“ปล่อยนะ!!”
“ถ้าคุณยังมาที่นี่อีก ผมจะลาออก”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ”
“ซัน เลิกทำให้ผมรู้สึก...”
ตะวันฉายสวนทันที “รู้สึกอะไร?”
เมฆจะพูดว่าหวั่นไหวแต่ก็ไม่ยอมพูด “รู้สึกอะไรก็ช่าง มันเรื่องของผม”
“พอเถอะคุณเมฆ ต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่ได้มั้ย ในเมื่อคุณบอกเองว่าไม่อยากเห็นฉัน งั้นก็ช่วยคิดว่าฉันเป็นอากาศ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก เพราะฉันเองก็ไม่อยากยุ่งกับคุณเหมือนกัน”
ตะวันฉายพูดจบก็ผลักเมฆแล้วเดินออกไป
เมฆเปรย “คิดว่าเป็นอากาศเหรอ ใช่สิ ผมถึงขาดคุณไม่ได้ไง”
เมฆมองตามตะวันฉายอย่างจ๋อยๆ

วงของเมฆกำลังเล่นดนตรี เมฆแอบเหลือบมองตะวันฉาย ตะวันฉายค้อนใส่เมฆแล้วหันไปคุยเล่นยิ้มกับยุทธการอย่างร่าเริง เมฆหมั่นไส้จึงเล่นคีย์บอร์ดแรงขึ้นโดยเปลี่ยนเป็นเพลงเร็วและแรงแบบกะทันหัน นิคกับเอวามองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วพยักหน้าส่งซิกให้กันก่อนจะปรับดนตรีตามเมฆ
เวลาผ่านไป ยุทธการเอากระดาษมาเขียน ตะวันฉายจะมองแต่ยุทธการไม่ให้ดูได้แต่ยิ้มให้เธอ แล้วเรียกพนักงานมารับกระดาษไปส่งให้วงเมฆ
“พี่ขอเพลงน่ะไม่มีอะไรหรอก” ยุทธการบอก
ตะวันฉายยิ้มรับ
วงเมฆเล่นจบ คนดูปรบมืออย่างชอบใจรวมทั้งยุทธการด้วย แต่ตะวันฉายแอบเบ้หน้าให้เมฆ
นิคพูดใส่ไมค์
“วันนี้ผมมีคุณตำรวจหล่อใส สไตล์เกาหลี เค้าจะขอขึ้นมาแจมกับเราซักเพลง” นิคผายมือไปทางยุทธการ “พี่ชายที่น่ารักของพวกเรา เชิญพี่ยุทธครับ”
ตะวันฉายมองยุทธการอย่างงๆ เพราะไม่รู้มาก่อน ยุทธการเดินขึ้นไปบนเวที นิคส่งกีต้าร์ของเขาให้
“ผมขออนุญาตร้องเพลงให้กับผู้หญิงคนหนึ่งนะครับ”
ยุทธการร้องเพลงจนจบ คนดูปรบมือ
“ที่จริงที่ผมร้องเพลงนี้ไม่ใช่แค่เพื่อบอกความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอ แต่ผมอยากจะบอกเธอว่า.....ซัน แต่งงานกับพี่นะ”
เมฆ นิค เอวา และตะวันฉายอึ้งไป นิคกับเอวาสะกิดกันให้คอยแอบดูเมฆ เมฆยืนช็อค
คนดูทั้งเฮทั้งกรี๊ด และเป่าปากกันเฟี้ยวฟ้าว
ยุทธการคืนกีตาร์ให้นิค แล้วเดินผ่านเมฆลงเวทีกลับไปที่โต๊ะก่อนจะยื่นแหวนให้ตะวันฉาย ตะวันฉายเหลือบมองเมฆ พอเห็นตะวันฉายมองมาเมฆก็หันหน้าหนีทำเป็นเก็บโน้ตไม่สนใจ ตะวันฉายฉุนที่เมฆไม่สนใจเลยหันมายิ้มให้ยุทธการ
ตะวันฉายตัดสินใจถอดแหวนของเมฆออกพร้อมกับรับแหวนของยุทธการมาใส่แทน เมฆที่ทำเป็นไม่สนใจเห็นตะวันฉายถอดแหวนของตัวเองก็ชะงัก เขาเจ็บปวดมากจึงเดินลงจากเวทีไปท่ามกลางเสียงปรบมือของคนทั้งผับ
นิคแอบคุยกับเอวา
“นี่พี่ยุทธเขาทำอะไรของเขาอ่ะ”
นิคยักไหล่ “พี่ยุทธน่ะฉันว่าไม่ต้องสงสัย เขาก็ชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว วันนี้ซันมันไม่มีใครเขาก็ต้องจีบเป็นธรรมดา แต่ที่ฉันสงสัยคือไอ้ซัน”
“จริงด้วย ปกติซันมันรักคนยากจะตาย ทำไมวันนี้มันเร็วไปไหม เมื่อกลางวันยังไม่เห็นจะตอบอะไรพี่ยุทธ พอกลางคืนรับปากแต่งงานเฉยเลย”
“ไปถามมันกันดีกว่า ฉันก็อยากรู้ว่ามันคิดอะไร”
นิคกับเอวาเก็บของแล้วรีบลงจากเวทีไป

เมฆเดินเข้ามาในห้องพักนักดนตรี นักดนตรีอีกวงยิ้มให้แล้วเดินออกไปที่เวที เมฆถือสมุดโน้ตมาวางที่โต๊ะแล้วทรุดตัวลงนั่งด้วยความเศร้าใจ ยุทธการเปิดประตูเข้ามาเห็นเมฆ แต่เมฆไม่ทันได้สนใจ
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณเมฆก่อนครับ” ยุทธการพูด
เมฆสะดุ้ง “เอ่อ...อะไรนะครับ”
“ก็ที่วันนี้ผมขอซันแต่งงาน คุณเมฆไม่โกรธใช่ไหมครับ”
“ผมจะโกรธทำไมล่ะครับ”
“แสดงว่าคุณเมฆไม่ได้รักซันอย่างที่ซันว่า”
เมฆนิ่งไม่ตอบ
“งั้นคุณเมฆคงไม่ว่าอะไรถ้าผมกับซันจะแต่งงานกัน”
“เอ่อ...ครับ มันไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว”
“อย่าพูดขนาดนั้นสิครับ ยังไงคุณเมฆก็ต้องเกี่ยว เพราะผมนับคุณเป็นเพื่อนคนหนึ่งแล้ว”
“ขอบคุณครับ งั้นผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
“จะให้ดี ช่วยเล่นดนตรีในงานแต่งงานของเราได้ไหมครับ ผมอยากได้คุณเมฆ นิคแล้วก็เอวามาเล่น คนอื่นผมไม่เอาครับ ให้เกียรติเราสองคนด้วยนะครับ”
เมฆอึดอัดจนพูดไม่ออก

นิคกับเอวาลากตะวันฉายมาคุยที่มุมหนึ่งของลานจอดรถ
“ทั้งหมดนี่ คิดดีแล้วเหรอ” นิคถาม
“ดีไม่ดีก็ตอบไปแล้วอ่ะ” ตะวันฉายบอก
“ซัน ฉันว่าแกสิ้นคิดมากๆเลยว่ะ ถ้าแกรักพี่ยุทธฉันจะไม่ว่าเลย แต่นี่แกรักพี่เมฆ”
“ใครบอกล่ะ ความรักของฉันที่มีต่อเค้ามันหมดไปแล้ว ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า รักคนที่เค้ารักเราดีกว่า คนที่ฉันจะรักคือพี่ยุทธ ไม่ใช่นายเมฆอีกต่อไปแล้ว”
ตะวันฉายหันไปเห็นเมฆยืนอยู่เธอก็ชะงักทันทีเพราะยังแคร์ความรู้สึกเมฆอยู่
“ยินดีด้วยนะ” เมฆพูด
ตะวันฉายหยิบแหวนของเมฆจากกระเป๋ายัดใส่มือคืนให้เมฆ
“แหวนของคุณค่ะ มันคงไม่เหมาะกับฉัน คุณเก็บไว้ให้ผู้หญิงที่คนอยากแต่งงานด้วยจะดีกว่า”
เมฆรับแหวนมาจากมือตะวันฉายอย่างจ๋อยๆ
ตะวันฉายทนมองหน้าเมฆไม่ไหวเพราะรู้สึกปวดใจไม่แพ้กัน เธอเลยตัดใจเดินออกไปทันที นิคและเอวาทำตัวไม่ถูกจึงรีบผละออกไป เมฆมองตามตะวันฉายด้วยความเสียใจ

นิคกับเอวานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ด้วยกัน เอวานั่งเหม่อไม่ยอมกิน
“ฉันมองไม่ออกเลยว่าสามคนนี้จะจบลงยังไง” เอวาเปรยขึ้น
“โห...ไอ้ซันคืนแหวนพี่เมฆ แล้วไปรับแหวนพี่ยุทธนี่ยังไม่เรียกว่าจบอีกเหรอวะ”
“แกว่ามันจะเป็นแบบนี้เหรอ ไอ้ซันมันจะมีความสุขกับคนที่มันรักแบบพี่ชายเนี่ยนะ แล้วพี่เมฆจะมีความสุขที่เสียไอ้ซันไปเหรอ ตลอดเวลาที่อยู่กันมาพี่ยุทธไม่เห็นความดีความน่ารักของเพื่อนเราบ้างรึไง”
“แกถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครวะ”
เอวากินต่อไม่ลง นิคเลยคีบลูกชิ้นในชามเอวามากิน เอวารีบตีมือแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

เมฆเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างเศร้าๆ ขณะที่เสียงของอิงฟ้าดังก้องในความคิดของเขา
“ถ้าเมฆยังหลอกตัวเอง แล้วก็ทำร้ายคุณซันแบบนี้ ซักวันเมฆเองนั่นแหละที่ต้องจะเสียใจ”
เมฆหันไปทุบผนังแล้วทรุดลงร้องไห้ด้วยความเสียใจ
เขานึกถึงภาพตอนที่ยุทธการเดินไปยื่นแหวนให้ตะวันฉาย ตะวันฉายถอดแหวนเมฆแล้วใส่แหวนของยุทธการ

ตะวันฉายนั่งซึมที่เตียงนอนดูแหวนของยุทธการที่นิ้วตัวเอง
“ไอ้ซันเอ๊ย...แกทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย”
ตะวันฉายนั่งนิ่งน้ำตาไหล ในขณะที่เมฆก็พิงตัวกับโซฟาแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนกัน

วันต่อมา นิค เอวา และตะวันฉายกำลังดูรูปไอเดียจัดงานแต่งงานกันอยู่ นิคกับเอวามีสีหน้าตื่นเต้น ทั้งสองหยิบรูปนั้นรูปนี้ที่กองอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู
“พี่เอารูปพวกนี้มาให้ซันดูเผื่อเป็นไอเดียงานแต่งของเรา ซันอยากได้งานสไตล์ไหน” ยุทธการถาม
“ซันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตะวันฉายตอบ
ยุทธการยิ้ม “ไม่เป็นไร งั้นเอาเรื่องดนตรีก่อน พี่อยากได้วงของพวกเราไปเล่น
“วงพวกเรานี่...พี่ยุทธหมายความว่าไงคะ”
“ก็คุณเมฆ นิค เอวาไง”
ตะวันฉาย นิค และเอวาแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เอ่อ...พี่ยุทธครับ แล้วพี่เมฆตอบตกลงแล้วเหรอครับ?” นิคถาม
“อ้าว คุณเมฆมาพอดี สงสัยได้คำตอบแล้ว”
ตะวันฉายตกใจ “นี่พี่ยุทธเรียกเขามาด้วยเหรอ”
เมฆเดินเข้ามาในร้านแล้วเดินมานั่งตรงข้ามตะวันฉาย ทั้งสองพยายามไม่มองหน้ากัน นิคกับเอวารู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่เมฆกับตะวันฉายต่างมึนตึงใส่กัน
เอวาพูดขึ้น “พี่เมฆ...ตกลงพี่จะ”
เมฆรีบสวนขึ้น “ที่ผมมาวันนี้ก็อยากจะบอกคุณยุทธการว่าผมคงไม่เล่นดนตรีให้นะครับ ยังไงผมก็ขอแสดงความยินดีตรงนี้เลยแล้วกัน”
“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณเมฆอยากมาร่วมงานผมก็ยินดีนะครับ”
เมฆลุกขึ้นแล้วเดินไปโดยไม่สนใจตะวันฉาย ตะวันฉายมองตามหลังเมฆไปอย่างเศร้าๆ ยุทธการแอบมองตะวันฉายอย่างสังเกต

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13 (ต่อ)

ยุทธการ นิค เอวานั่งคุยกันอยู่ในบ้าน โดยที่เอวากับนิคอารมณ์ไม่ดี
เอวาโมโห “พี่ยุทธ เอวาว่าพี่ยุทธทำเกินไปแล้วนะ นี่พี่แอบไปชวนพี่เมฆโดยไม่บอกพวกเรา ทำไมพี่ทำแบบนี้คะ”
“ใช่ครับ พี่ยุทธน่าจะให้พวกเราเป็นคนไปชวน พี่ทำเองมันทำร้ายจิตใจพี่เมฆมากเกินไป”
“ใจเย็นๆสิ ที่พี่ทำน่ะไม่ได้ทำร้ายใครหรอก พี่อยากจะช่วยมากกว่า” ยุทธการบอก
นิคกับเอวาพูดพร้อมกัน “ช่วยเหรอ?”
นิคและเอวามีสีหน้าครุ่นคิด ทั้งสองพยายามผูกเรื่องก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ๋ออออ!!”
“ตกลงที่พี่ยุทธขอซันแต่งงาน มันเป็นเรื่องโกหกใช่มั้ย” เอวาถาม
“ใครบอก มันเป็นเรื่องจริง พี่แค่อยากให้ซันกับคุณเมฆเค้าเลิกหลอกตัวเองซักที แต่ถ้าถึงที่สุด คุณเมฆเค้ายังไม่คิดจะทำอะไรเพื่อให้ได้ซันกลับมา พี่อาจจะแต่งงานกับซันจริงๆก็ได้”
“แต่ลองพี่เมฆมาออกตัวแรงแสดงความยินดีซะขนาดนี้ พี่ยุทธยังคิดว่าพี่เมฆจะทำอะไรอีกเหรอครับ” นิคถาม
“ความรักมันไม่ได้เกิดจากการครอบครองอย่างเดียวนะนิค เอาไว้นิคคอยดูก็จะรู้เอง” ยุทธการบอก
เอวาถอนหายใจเอือมๆ
“พี่ยุทธนี่เป็นตำรวจในสายเลือดเลยนะคะ ขนาดนอกงานราชการก็ทำอย่างกับวางแผนล่อซื้อยาบ้า”
“ขอให้แผนของพี่ช่วยให้ซันกับคุณเมฆลงเอยกันได้ก็แล้วกัน แต่เราสองคนต้องช่วยพี่ด้วยนะ”
นิคกับเอวายิ้มให้กับยุทธการ

เมฆ นิค และเอวานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกบ้านเมฆ
“ไม่ล่ะ ยังไงพี่ก็ไม่เล่นดนตรีในงานแต่งงานนี้” เมฆย้ำ
“ถ้าพี่เมฆไม่เล่นแล้วเราสองคนจะทำไงล่ะ” เอวาถาม
“พี่จอมไง หรือจะตามรุ่นน้องคนอื่นก็ได้เยอะแยะไป”
“โธ่...พี่เมฆ แต่มันเล่นไม่เข้ามือกันนะครับ แล้วอีกอย่างเวลาซ้อมก็แทบไม่มี เพราะพี่ยุทธเขาเร่งงานน่าดู” นิคบอก
เมฆทำฟอร์มนิ่ง “ทำไมล่ะ เขาจะแต่งวันนี้พรุ่งนี้เหรอ”
“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ครับพี่ เพราะซันมันอยากแต่งให้เร็วที่สุดก่อนผมไปนอก” นิคบอก
เมฆมีสีหน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวพี่ต้องไปคุยงานกับพี่จอม ยังไงคืนนี้ค่อยคุยอีกทีก็แล้วกัน”
เอวากับนิคมองตามไปแล้วขำ
“แผนพี่ยุทธท่าจะเวิร์คว่ะ” นิคเปรยกับเอวา

เมฆกับจอมสยามนั่งฟังเพลงเดโมอยู่ในห้องทำงานของจอมสยามด้วยกัน ในมือของจอมสยามมีเนื้อเพลงและเขาก็ร้องไปด้วย
จอมสยามร้อง “ชีวิตที่ถูกเธอทำร้ายทำลายมันพังไป จากนี้ต่อไปคงไม่มีฉันไม่มีเธอ”
เมฆเดินไปปิดเครื่องเสียงแล้วมานั่งหน้าเซ็งๆ
จอมสยามมองหน้าเมฆอย่างงงๆ เมฆก็ยังนั่งนิ่ง
จอมสยามแกล้งส่งเสียงดัง “เฮ้ย”
เมฆสะดุ้ง “เป็นไงครับพี่ โอเคไหมครับ”
“ไม่ ยังไงก็ไม่โอเค สองเพลงที่นายส่งมาทำนองมันสนุกแต่เนื้อมันทุกข์ระทมไปหรือเปล่าวะ ตอนที่เราวางคอนเซปต์กันนายบอกเองว่าจะนำเสนอมุมมองความสุขของความรัก สุขแม้ไม่ได้ครอบครอง แต่นี่มัน...”
เมฆสวนขึ้น “มันไม่มีจริงไงครับพี่จอม”
จอมสยามงง “ห๊า...”
“จนถึงวันนี้ ผมมองว่าความสุขจากความรักมันไม่มี มันมีแต่ความหลอกลวง ถ้าไม่ใช่เราถูกหลอก เราก็กำลังหลอกตัวเอง....หลอกว่าเขารักเรา”
เมฆพูดจบก็นิ่งเงียบ จอมสยามนิ่งมองเมฆอย่างงงๆ เขามองเนื้อเพลงในมือแล้วเกาหัว
“เฮ้ย...เมฆ ที่จริงไอ้ความคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องหลอกตัวเองหลอกกันไปมาอะไรกันก็ดีนะ แต่พี่ว่าเราไปทำชุดหน้าไหม”
“ไม่ครับ ผมไม่อยากทำงานที่ผมไม่รู้สึก”
“เอาไงดีวะเนี่ย”
“ผมขอโทษครับ แต่พี่จอมพักโปรเจ็คท์ผมไปก่อนก็ได้ครับ”
“ได้ไงอ่ะ มากันครึ่งทางแล้ว” จอมสยามนึกได้ “เฮ้ย...เอางี้สิ ซันไง นายให้เขาดูหรือยัง ฉันว่าซันเขาต้องช่วยนายแต่งให้ออกมาดีได้แน่ๆ”
“ไม่ล่ะครับ จะไม่มีการแต่งเพลงระหว่างผมกับเขาอีก”
เมฆลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
จอมสยามงง “อะไรของมันวะเนี่ย”
จอมสยามรีบลุกวิ่งไปที่ประตูแล้วตะโกนไล่หลังไป
“เฮ้ย...เมฆ จะทิ้งงานอย่างนี้เหรอ”

เมฆขับรถหน้าเครียดแล้วแวะจอดข้างถนน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“เอ่อ...นิคเหรอ ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“อยู่บ้านซันครับ พี่เมฆมีอะไรเหรอครับ”
“เอ่อ...คือ...พี่มีธุระจะคุยน่ะ คือเมื่อเช้าพี่ว่าจะคุยแล้วลืม”
“อ้าว...งั้นเอาไงดีครับ คือผมจะไปร้านเวดดิ้งกับซันครับ เห็นซันชวนไปเลือกชุดเจ้าสาว เพราะพี่ยุทธไม่ว่าง พี่เมฆจะไปเจอไหมครับ”
“ฮึ...ไม่เอาดีกว่า”
“น่าจะมาช่วยกันเลือกนะครับ ผมดูไม่เป็นซะด้วย เอวาก็ดันไม่ว่างอีก แต่ถ้าพี่เมฆไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร งั้นคุยกันคืนนี้ที่ผับแล้วกัน แค่นี้นะครับ”
“เฮ้ย...เดี๋ยวก่อน งั้นพี่ไปหาแกก็ได้”

นิคกดวางสาย โดยที่เอวายืนอยู่ใกล้ๆ
“เหยื่อติดเบ็ดเรียบร้อยแล้ว” นิคบอก
นิคกับเอวายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน ตะวันฉายกับยุทธการเดินมาพอดี
“แกสองคนมาทำอะไรตรงนี้ ฉันกับพี่ยุทธจะไปแล้วนะ” ตะวันฉายบอก
“ซัน แกไปกับพี่ยุทธเถอะ ฉันสองคนมีธุระด่วนน่ะ พอดีบริษัทออร์กาไนซ์เขาจะเรียกไปคุยงาน”
“อ้าว...เหรอ” ตะวันฉายพูดกับยุทธการ “หรือเราจะเลื่อนไปวันอื่นดีคะ”
“อุ๊ย...ไม่ต้องเลื่อนหรอก” เอวารีบบอก “แหม เอาเข้าจริงเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็ต้องเป็นคนเลือกชุด ไม่มีเราสองคนก็ไม่เป็นไรหรอก จริงไหมคะพี่ยุทธ”
ยุทธการยังงงๆแต่เอวากับนิคขยิบตาให้
“อ๋อ...ใช่ๆๆ เราไปกันสองคนดีกว่านะซัน ให้นิคกับเอวาไปทำงานเถอะ” ยุทธการบอก
ตะวันฉายพยักหน้าแล้วเดินไป นิครีบเข้ามาประกบยุทธการ
นิคกระซิบ “เมื่อกี้พี่เมฆโทรมาแล้วครับ”
ยุทธการยิ้มพอใจ

ยุทธการพาตะวันฉายเดินเข้ามาในร้านตัดชุดแต่งงาน พนักงานเข้ามาต้อนรับ เมฆจอดรถอยู่ห่างจากร้านแล้วลงจากรถมาด้อมๆมองๆ ส่วนนิคกับเอวาส่องกล้องมองอยู่จากร้านกาแฟที่ห่างออกไป
“แหม...พี่เมฆ มาก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมงเลยนะ” เอวาแซว
นิคกับเอวาขำกัน แล้วนิคก็กดโทรศัพท์ส่งข้อความ
ยุทธการกับตะวันฉายเดินเลือกดูชุดเจ้าสาว แล้วโทรศัพท์ยุทธการก็สั่น ยุทธการเห็นข้อความจากนิคว่า “พี่เมฆอยู่นอกร้าน”
“มีอะไรเหรอคะ” ตะวันฉายถาม
“เอ่อ....ไม่มีอะไรพอดีเพื่อนส่งเกมมาให้เล่นน่ะ”
ตะวันฉายกับยุทธการเดินเลือกชุดกันต่อ

เมฆเดินมาด้อมๆมองๆนอกร้าน พอยุทธการหันมา เมฆก็หลบข้างรถที่จอดด้านหน้าทันที
เมฆบ่นอุบอิบ “ไหนว่าไม่ว่างไง แล้วมาทำไมวะ”
เมฆกำลังจะก้มเพื่อคลานออกไปแต่ยุทธการก็ยืนรออยู่
“คุณเมฆมาทำอะไรแถวนี้ครับ”
เมฆจำใจลุกขึ้น “เอ่อ...ผม พอดีผมจะมาธุระน่ะครับ”
“แล้วลงไปแอบใครเหรอครับ”
“แอบ...เปล่านี่ครับเมื่อกี้ผมเดินผ่านตรงนี้แล้วเหรียญมันตกเลยมาดู เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ จะได้ไม่กวนคุณสองคน”
ยุทธการตีหน้าซื่อ “คุณเมฆทราบด้วยเหรอครับว่าผมกับซันมาเลือกชุดแต่งงาน”
เมฆตกใจ “เปล่าครับ ผมเดาเอา ก็เจอคุณแถวนี้ก็คิดว่าต้องมาเรื่องแต่งงาน”
ยุทธการยิ้ม “ครับ เดาเก่งจัง งั้นเชิญข้างในสิครับ”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไปดีกว่า”
“โธ่...ไหนๆก็มาแล้วเขาไปช่วยกันหน่อยนะครับ”
ยุทธการไล่ต้อนจนเมฆต้องเดินเข้าไปในร้าน

ยุทธการพาเมฆเดินเข้ามาในร้าน พอเห็นเมฆตะวันฉายก็แปลกใจและไม่พอใจ
“พี่ยุทธ....เรียกนายนี่มาทำไม”
“เจอกันโดยบังเอิญ พี่เลยขอให้มาช่วยเลือกชุดกัน” ยุทธการบอก
“แต่ซันว่าไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอกมั้งคะ”
“ซัน...งานนี้สำคัญกับพี่มาก พี่ขอเถอะ พี่อยากตั้งใจทำงานแต่งงานของเราออกมาให้ดีที่สุด”
ตะวันฉายนิ่งเงียบ
ยุทธการพูดกับเมฆ “คุณเมฆครับ ช่วยผมสักครั้งนะครับ”
ตะวันฉายกับเมฆนิ่ง ยุทธการแอบยิ้มพอใจ
เวลาผ่านไป ตะวันฉายเดินเลือกชุดในตู้ แล้วไปหยุดที่ชุดเจ้าสาวพองฟูฟ่องชุดหนึ่ง
“เป็นไงพี่ยุทธ ชุดนี้ดีไหม ซันอยากเป็นเจ้าสาวที่เหมือนเจ้าหญิง” ตะวันฉายบอก
เมฆขัดขึ้น “เจ้าหญิงเมืองเมาะตะมะน่ะสิ”
ตะวันฉายฉุน “นี่...นายปากเป็ด”
“คุณเมฆว่าไม่สวยเหรอครับ” ยุทธการพูดกับตะวันฉาย “ซันพี่ว่าเปลี่ยนก็ดีนะ”
ตะวันฉายเหวอไปที่เห็นยุทธการเห็นด้วยกับเมฆ เมฆยิ้มกวน
ตะวันฉายเปลี่ยนชุดไปหลายชุด แต่ละชุดสวยจนเมฆแอบอ้าปากค้าง ยุทธการมองหน้าเมฆ เมฆรีบทำสีหน้าปกติไม่ให้ยุทธการจับได้
ตะวันฉายอยู่ในชุดที่มีหมวกตาข่าย ยุทธการแกล้งเข้าไปช่วยตะวันฉายแต่งตัวจับผมแล้วเชยคางจ้องตาซึ้ง เมฆฉุนจึงมองไปทางอื่นทันที
ตะวันฉายเดินออกมาในชุดใหม่ ยุทธการเห็นก็อึ้งในความสวย เมฆก็อึ้ง
“ตกลงพี่ยุทธชอบชุดไหนคะ” ตะวันฉายถาม
“คุณเมฆว่าไงครับ”
“พี่ยุทธอ่ะ ทำไมต้องถามคนอื่น นี่มันเรื่องของเราสองคนนะคะ”
เมฆลุกขึ้น “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“เอ่อ...เดี๋ยวสิครับคุณเมฆ ช่วยผมก่อน ผมยังเลือกไม่ได้เลย” ยุทธการรีบบอก
“มีคนไม่อยากให้ผมอยู่ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม”
“แต่คุณเมฆต้องอยู่ครับ”
เมฆกับตะวันฉายถามพร้อมกัน “ทำไมครับ / คะ?”
เมฆกับตะวันฉายมองหน้ายุทธการอย่างงงๆ ยุทธการลุ้นเพราะไม่รู้จะตอบไงดี เขาเหลือบมองนอกร้านแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณ
“พี่ยุทธมองอะไร” ตะวันฉายถาม
“เอ่อ...เปล่า พี่กำลังคิดว่าซันจะใส่ชุดไหนดี”
“แต่ซันว่าพี่ยุทธบอกมาก่อนดีกว่าว่าทำไมต้องให้นายเมฆอยู่”
โทรศัพท์ยุทธการดังขึ้นทันที ยุทธการรีบกดรับด้วยความดีใจ
“ว่าไงจ่า...” ยุทธการทำเป็นตกใจ “ห๊า....เจอตัวพวกมันแล้วเหรอ ได้เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้” ยุทธการวางสาย “ซันเลือกชุดไปก่อนนะ พี่ต้องไปจับผู้ร้าย” ยุทธการพูดกับเมฆ “คุณเมฆครับฝากช่วยซันดูชุดแล้วพาไปส่งด้วยนะครับ”
ยุทธการวิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวสิพี่ยุทธ”
เมฆกับตะวันฉายมองตามไปด้วยความงงแต่พอหันมาเจอกันทั้งคู่ก็หน้าบึ้งใส่กันทันที

นิคกับเอวานั่งแย่งกันมองผ่านกล้องส่องทางไกลกัน
“เอามาฉันดูบ้าง”
เอวาแย่งกล้องไปส่อง ยุทธการเดินออกมาจากหลังร้านแล้วมานั่งข้างๆนิคกับเอวา
“ขอบใจมากนะนิค ถ้าโทรช้ากว่านี้พี่ตายแน่”
“แสดงว่าแผนพี่ยุทธไม่ได้ผลใช่ไหมครับ” นิคถาม
“โธ่...อย่าเพิ่งสรุปสิ นิค เมื่อกี้มีพี่เป็นก้าง ตอนนี้พี่ออกจากร้านแล้ว สองคนนั่นอยู่ด้วยกันลำพัง เดี๋ยวก็ต้องคุยกัน แล้วก็ดีกัน พี่มั่นใจ”
“แต่ที่เอวาเห็น เอวาว่ามันกำลังแย่กว่าตอนที่พี่ยุทธอยู่อีกนะคะ”
“ห๊า...เป็นไปไม่ได้” ยุทธการตกใจ
ยุทธการดึงกล้องส่องทางไกลมาดูแล้วก็สะดุ้งตกใจ
ยุทธการเห็นตะวันฉายกับเมฆชี้หน้าด่ากัน แถมยังโวยวายเถียงกันยกใหญ่ จนพนักงานต้องวิ่งหลบกันวุ่นเพราะตะวันฉายคว้านิตยสารจะขว้างใส่เมฆ
ยุทธการหน้าเจื่อนแล้วก็เลื่อนกล้องลง นิคหยิบกล้องมาดูแล้วสะดุ้งเหมือนกัน
“โห...นี่มันสงครามชัดๆ”

ตะวันฉายเงื้อนิตยสารเตรียมขว้างใส่เมฆ
“ตาบ้า กล้าดีไงมาว่าฉัน”
เมฆรีบวิ่งไปหลบ “ก็จริงไหมล่ะ ชุดที่เธอเลือกน่ะมันไม่ใช่ชุดเจ้าสาว เปิดหน้าเปิดหลังซะขนาดนี้มันเหมาะกับพวกนี้”
เมฆออกจากที่หลบมาพร้อมกับการฮัมทำนองเพลงเชอรี่พิ้งค์แล้วเต้นหวาบหวามเหมือนพวกอะโกโก้
“กรี๊ด...ต่ำ ต่ำมาก”
“ไม่อยากให้คนคิดไม่ดีก็เลือกชุดดีๆสิ” เมฆว่า
“ได้...งั้นนายไปเลือกมา ฉันอยากจะดูรสนิยมนายเหมือนกัน”
ตะวันฉายกับเมฆประสานตาท้าทายกัน แล้วเมฆก็เดินคอตั้งไปที่ตู้ก่อนจะผลักบานประตูไปทั้งสองด้านแล้วมองทุกชุดอย่างพิจารณา
เวลาผ่านไป พนักงานดึงม่านเปิด ตะวันฉายออกมาในชุดขาวที่ปิดตั้งแต่คอยันข้อมือจนตะวันฉายไอออกมาเพราะอึดอัด เมฆเห็นแล้วยิ้มพอใจ
“เนี่ยเหรอชุดที่ว่าของคุณ”
“ใช่”
“ขอโทษนะ ฉันแต่งงานในปี 2012 นะไม่ใช่ยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม” ตะวันฉายพูดกับพนักงาน “ขอโทษนะคะ ฉันตัดสินใจเลือกชุดเมื่อกี้ค่ะ หุ่นฉันดี ผิวฉันสวย ฉันจะโชว์” ตะวันฉายแอบเหลือบมองเมฆ
เมฆพูดกับพนักงาน “งั้นช่วยระดมฟองน้ำใส่ไปเยอะๆนะครับ ผมกลัวแขกเขาจะหาว่าเจ้าสาวหยิ่งเดินถอยหลังตลอดงาน”
“นี่...นาย...นายว่าฉัน....นิสัยไม่ดียังปากเสียอีก ตายเถอะ”
ตะวันฉายวิ่งไล่ตีเมฆไปทั่วร้าน

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13 (ต่อ)

เอวาส่องกล้องมองแล้วหันมามองหน้ายุทธการที่นั่งหน้าเครียด
“พี่ยุทธคะ สองคนนั่นอาจจะฆ่ากันก็ได้นะคะ”
“ไม่หรอก เขายังอยู่ในช่วงปรับตัว” ยุทธการบอก
สักพักโทรศัพท์ยุทธการก็ดังขึ้น ยุทธการหยิบมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ตะวันฉาย
ยุทธการยิ้ม “นี่ไง สงสัยเคลียร์กันแล้ว”
ยุทธการกดรับแต่ยังไม่ทันจะพูดเสียงตะวันฉายก็ดังออกมาจนเขาต้องเอาหูออก
“พี่ยุทธ กลับมารับซันด่วน ซันทนกับคนกักขฬะแบบนี้ไม่ไหวแล้ว”
เสียงเมฆดังเข้ามา “ผมก็เหมือนกัน อ้อ...แต่ผมนึกเพลงธีมงานที่เหมาะกับเจ้าสาวของคุณแล้วครับ ผมว่าเปิดเพลงพญาโศกตอนเดินเข้างานวนซ้ายสามรอบก็ขึ้นเวทีได้เลย”
“ไอ้บ้า ไปไกลๆเลย พี่ยุทธอยู่ที่ไหนคะ มารับซันเถอะ”
นิค เอวา และยุทธการถอนหายใจเพราะเพลียใจจริงๆ

เมฆเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าหงุดหงิดมาก เขาเดินไปหยิบกีตาร์ไฟฟ้ามากดเปิดสวิตไฟ แล้วลีดกีต้าร์อย่างบ้าคลั่ง อิงฟ้าเดินเข้ามาเห็นก็มีสีหน้าตกใจมาก
“เป็นอะไรคะเมฆ เสียงดังออกไปถึงหน้าบ้านเลย”
เมฆวางกีต้าร์แล้วนั่งหอบแฮ่กๆ อิงฟ้ามองหน้าเมฆอย่างสังเกต พลันถามอย่างลองเชิง
“ฟ้าบอกแล้วไงว่าคุณกำลังหลอกตัวเอง คุณยังรักคุณซัน แล้วจะทำแบบนี้ทำไม”
“รักแล้วไง ในเมื่อเค้ากำลังจะแต่งงาน”
“แล้วคุณจะยอมให้ผู้หญิงที่คุณรักแต่งงานกับคนที่เค้าไม่ได้รักเหรอ”
เมฆชะงักแล้วหันมาทางอิงฟ้า
“ฟ้ารู้ได้ไง ว่าซันเค้าไม่ได้รักคุณยุทธการ”
“ไม่ใช่แค่ฟ้าที่รู้หรอกค่ะ ใครเค้าก็รู้ทั้งนั้น มีแต่เมฆกับคุณซันนั่นแหละ ที่หลอกตัวเองกันอยู่ได้ ความรักไม่ใช่เกมนะเมฆ อย่าเล่นกับมัน เพราะสุดท้ายไม่ว่าเมฆหรือคุณซัน ก็ต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่”
“แต่มันสายไปแล้ว ซันเค้ากำลังจะมีความสุข คุณยุทธการเองก็เป็นคนดี แล้วเค้าก็รักซันมาตลอด บางทีเค้าอาจจะดูแลซันได้ดีกว่าผู้ชายอย่างผมด้วยซ้ำ”
“คิดได้อย่างนี้ก็ดีค่ะ งั้นฟ้าก็เอาใจช่วยขอให้เมฆทำใจได้เร็วๆแล้วกัน”
พูดจบอิงฟ้าก็เดินออกไป เมฆลุกขึ้นหยิบเนื้อเพลงที่เคยแต่งกับตะวันฉายมาดูแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่อยู่ด้วยกัน และตอนที่ตะวันฉายช่วยแต่งเพลง เมฆนั่งร้องเพลง “ไม่พูดก็เข้าใจ” ร้องไปร้องมาน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

เสียงดนตรีเพลงเศร้าๆคลอขึ้นขณะที่เมฆกำลังเล่นดนตรีอยู่ในห้องอัดอย่างเหม่อลอย เอวาและนิคเดินมาคุยกันอยู่ที่ด้านนอกห้องอัด
“ชัดเป๊ะ สภาพคนอกหักชัวร์ๆ” นิคบอก
“เห็นอย่างนี้ก็สงสารพี่เมฆเหมือนกันนะ ต้องทนเองคนที่รักไปแต่งงานกับคนอื่น”
“ช่วยไม่ได้ ก็เค้าทำตัวเองนี่หว่า”
สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของเอวาก็ดังขึ้น เอวาชะงักแล้วรับสายทันที
“ฮัลโหล”เอวาตื่นเต้น “ว่าไงนะคะพี่ยุทธ” เอวามองเมฆ “ยังไม่กลับค่ะ ได้ค่ะงั้นเดี๋ยวเอวาจัดการเอง”

เอวาวางสายพลันหันมาคุยกับนิคด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“พี่ยุทธมีงานให้เราทำอีกแล้ว”
นิคสนใจขึ้นมาทันที
“งานอะไร?” นิคถาม

เมฆ เอวา และนิคกำลังเดินออกมาหน้าผับ สักพักนิคก็หันมาพูดกับเมฆ
“พี่เมฆรีบกลับบ้านมั้ยครับ”
เมฆหันมาถามด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเหรอ”
“ผมยังไม่อยากกลับบ้าน พี่เมฆไปต่อกับผมได้มั้ยครับ”
เอวาแกล้งหันไปดุนิค
“ไปชวนพี่เมฆทำไมห๊ะ พี่เมฆเค้าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเที่ยวซะหน่อย”
เมฆสวนขึ้นทันที
“ไม่เป็นไรหรอกเอวา อยากไปก็ไป พี่ไปเป็นเพื่อนก็ได้” เมฆบอก
นิคดีใจลิงโลดมาก
“จริงเหรอครับ เยี่ยมไปเลย!!”
นิคและเอวาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์

เมฆ นิค และเอวา เดินเข้ามาในผับอีกแห่งที่บรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยสาวๆ ทั้งสามเข้าไปหาโต๊ะนั่ง
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” นิคบอก
“ฉันไปด้วยสิ” เอวาพูดกับเมฆ “พี่เมฆสั่งของกินได้เลยนะคะ”
เมฆพยักหน้ารับ
เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาวๆดังขึ้น เมฆหันไปเห็นว่ายุทธการกำลังเต้นรำอยู่กับสาวๆ โดยโอบคนนั้น หอมแก้มคนนี้ไปด้วย เมฆตกใจรีบลุกไปหลบเพื่อแอบดูทันที
“คืนนี้ผู้กองไปไหนต่อคะ” สาวคนนึงถาม
“คนโสดไปไหนก็ได้จ้ะ น้องอยากชวนพี่ไปไหนเหรอ” ยุทธการถามกลับ
“ไปคอนโดเราต่อมั้ยคะ เรามีปาร์ตี้กันต่อที่นั่น”
“ได้สิจ๊ะ จะพาพี่ขึ้นสวรรค์ ลงนรกที่ไหนก็ได้ สำหรับคนสวย พี่ยอม”
สาวๆกระดี๊กระด๊ากันยกใหญ่
เมฆกำมือแน่นด้วยความโมโห เขาจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้จึงชะงักแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายคลิปเอาไว้
ยุทธการโอบสองสาวเดินออกไป เมฆรีบหลบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ขณะเดินออกไป
“ฮัลโหลนิค พี่ต้องรีบกลับก่อน ขอโทษด้วยนะ”

รถของเมฆแล่นมาจอดที่ริมถนนหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง สักพักประตูรถก็เปิดออก เมฆลงจากรถแล้วไปซุ่มมองที่หน้าคอนโด ยุทธการควงสองสาวเดินเข้าคอนโดไป เมฆหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูป เมฆรู้สึกเป็นกังวลมาก

เมฆกำลังขับรถอยู่ ก่อนจะนึกขึ้นได้จึงรีบเลี้ยวรถไปจอดข้างทาง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดไล่ชื่อจนไปถึงชื่อ ตะวันฉาย เมฆชั่งใจสักพักก่อนจะตัดสินใจกดโทรออก

ที่บ้านสวน ตะวันฉายกำลังสวดมนต์เตรียมจะเข้านอน เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงหยิบมาดู พอเห็นเป็นเบอร์เมฆเธอก็ชั่งใจก่อนจะยอมกดรับ
“มีอะไรเหรอ”

เมฆอึกอักขณะคุยโทรศัพท์ เขาพยายามรวบรวมความกล้าคุยกับตะวันฉาย
“ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ ออกมาเจอกันหน่อยได้มั้ย”

ตะวันฉายตัดบทอย่างไม่สบอารมณ์
“มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า ฉันไม่อยากออกไป”

เมฆหงุดหงิด แต่ก็พยายามทำใจเย็น
“ผมขอเจอคุณแค่ครั้งนี้ แล้วต่อไปคุณจะไม่เจอผมอีกเลยก็ได้ แต่ออกมาเจอกันได้มั้ย ผมอยากคุยกับคุณจริงๆ”

ตะวันฉายชักสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจ

ยุทธการกำลังยืนคุยกับนิค เอวา
“เป็นไงบ้างพี่ยุทธ พี่เมฆเค้าตกหลุมพรางพี่มั้ยครับ” นิคถาม
“ของมันแน่อยู่แล้ว พี่ต้องลบคำสบประมาทพวกนายที่เกือบทำแผนแตกคราวก่อนให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อผู้กองยุทธการแย่”
“หวังว่าพี่เมฆจะปรับความเข้าใจกับซันได้นะคะ”
ยุทธการสูดลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“เราช่วยคุณเมฆจนถึงที่สุดแล้วนะ ถ้าเค้ารักซันจริง เค้าต้องปกป้องคนที่เค้ารัก แต่ถ้าเค้ายังไม่ทำอะไรอีก พี่จะถือว่าผู้ชายคนนี้ไม่สมควรที่จะได้ดูแลซันเหมือนกัน”
นิคและเอวาพยักหน้าเห็นด้วย

ที่สะพานแห่งหนึ่ง ตะวันฉายเดินมากวาดสายตามองหาเมฆ สักพักเสียงเมฆก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ขอบคุณนะที่ยอมมา”
เมฆเดินเข้ามาหาตะวันฉาย ขณะที่ตะวันฉายพยายามเก็บอาการไม่ให้หวั่นไหวกับสายตาคู่นั้น
“มีอะไรก็พูดมาเร็วๆ ฉันง่วงแล้ว จะรีบกลับไปนอน”
“ยกเลิกงานแต่งงานเถอะ” เมฆพูด
ตะวันฉายชะงักทันทีเพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ทำไมฉันต้องยกเลิกด้วย”
“คุณไม่รู้จักว่าที่เจ้าบ่าวของคุณดีพอ ความจริงแล้ว เค้าไม่ใช่คนดีเลย”
“อย่ามาว่าพี่ยุทธนะ เค้าเป็นคนดี ดีกว่าคุณร้อยเท่าพันเท่าด้วยซ้ำไป”
“นี่ไง ผมถึงบอกว่าคุณไม่ได้รู้จักเค้าดีพอ เมื่อกี้ผมเห็นเค้าอยู่กับผู้หญิง เค้าควงกันไปคอนโด เค้าไม่ได้ซื่อสัตย์กับคุณเลยนะซัน”
ตะวันฉายถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วทำท่าจะเดินออกไป
เมฆรีบคว้ามือตะวันฉายไว้
“ผมไม่ได้โกหกนะซัน นายยุทธการไม่คู่ควรกับคุณเลย คุณอย่าแต่งงานกับเค้าเลยนะ ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ถ้าคุณไม่เชื่อ ดูนี่ก็ได้”
เมฆทำท่าจะควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่ตะวันฉายตัดบททันที
“พอได้แล้วนายเมฆ แค่นายทำฉันเสียใจไม่พอรึไง นี่แม้แต่ฉันกำลังจะแต่งงานกับคนดีๆที่รักฉันจริง นายยังไม่อยากให้ฉันมีความสุขเลย นายอยากได้อะไรจากฉันกันแน่ ต้องให้ฉันเสียใจอีกแค่ไหนนายถึงจะพอใจ”
เมฆหน้าเสียแต่ก็พยายามจะอธิบาย
“แต่ผมไม่ได้โกหกนะ”

ตะวันฉายสวนขึ้น “ฟังนะ ต่อให้พี่ยุทธเป็นคนเลวแค่ไหน ฉันก็จะไม่ยกเลิกการแต่งงานเด็ดขาดเพราะฉันมีเหตุผลมากพอที่จะแต่งงานกับพี่ยุทธ”
“เหตุผลอะไรของคุณ”
“เพราะฉันรักเค้ายังไงล่ะ”
เมฆได้ยินก็สะอึกจนพูดไม่ออก เขารู้สึกเจ็บปวดกับคำนี้เหลือเกิน
“หมดธุระแล้วใช่มั้ย งั้นฉันกลับก่อนนะ”
พูดจบตะวันฉายก็เดินออกไปทันที เมฆนิ่งอึ้งด้วยความเสียใจ โดยไม่ทันได้เห็นว่าตะวันฉายเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

หลายวันต่อมา เอวาและนิคที่อยู่ในชุดไทยนั่งรออยู่ในบ้านเมฆ สักพัก อิงฟ้าก็จูงหมอก ในชุดไทยเดินเข้ามา
“รอนานมั้ยคะ” อิงฟ้าถาม
“ไม่นานค่ะ” เอวามองหมอกด้วยความตื่นเต้น “โอ้โห วันนี้หมอกหล่อที่สุดเลยครับ”
“จริงครับ”
“แน๊!!!! ไม่คิดจะปฏิเสธเลยนะ”
เอวากวาดสายตามองหาเมฆ
“พี่เมฆล่ะคะคุณฟ้า”
“บอกว่าไม่สบาย เลยขอตัวค่ะ” อิงฟ้าบอก
เอวาและนิคถอนหายใจอย่างอ่อนใจ
“หวังว่าเวลาจะช่วยพี่เมฆได้นะครับ” นิคบอก
“ค่ะ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ”
อิงฟ้าจูงหมอกเดินออกไปกับเอวาและนิค

เมฆนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยอาการกระสับกะส่ายเพราะร้อนใจมากๆ เขามองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพตะวันฉายอยู่ด้วยตลอด เมฆมีสีหน้าเศร้าพลันนึกถึงคำพูดของตะวันฉาย
“ฟังนะ ต่อให้พี่ยุทธเป็นคนเลวแค่ไหน ฉันก็จะไม่ยกเลิกการแต่งงานเด็ดขาดเพราะฉันมีเหตุผลมากพอที่จะแต่งงานกับพี่ยุทธ”
“เหตุผลอะไรของคุณ” เมฆถาม
“เพราะฉันรักเค้ายังไงล่ะ”
เมฆมีสีหน้าครุ่นก่อนจะคิดตัดสินใจได้
เมฆเปรย “คุณมีเหตุผลของคุณ ผมก็มีเหตุผลของผมเหมือนกัน”
เมฆลุกพรวดเดินออกไปทันที

เมฆเข้ามานั่งในรถ ก่อนจะปิดประตูเต็มแรงด้วยสีหน้ามุ่งมาด แล้วเขาก็รีบขับรถออกไปทันที

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตะวันฉายในชุดเจ้าสาวยืนอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว โดยมีช่างหน้าช่างผมช่วยกันดูแลจนเสร็จ
“โอ้โห...สวยมากเลยแก” เอวาชม
ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น ทุกคนสงสัยว่าใครมา เอวาเดินไปเปิดประตู
ประตูเปิดออก เมฆยืนอยู่ที่หลังประตู พอเห็นเมฆตะวันฉายก็อึ้ง
เอวาเองก็ตกใจ “พี่เมฆ”
เมฆเดินเข้ามาในห้อง
“พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับซันเขาน่ะ” เมฆบอก
“อุ๊ยได้ค่ะ งั้นเอวาไปรอที่อื่นนะคะ”
เอวาจะเดินไปแต่ตะวันฉายดึงแขนไว้
“เรายังมีอะไรต้องคุยกันอีก” ตะวันฉายถามเมฆ
เมฆพูดกับทุกคน “ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหม”
“เอาน่า เดี๋ยวฉันไปข้างล่างกับพวกพี่ยุทธ” เอวาบอก
เอวารีบเดินไปทันทีโดยที่ตะวันฉายคว้าตัวไว้ไม่ทัน
ตะวันฉายมองหน้าเมฆด้วยสายตาเขม่น “เอวา..รอด้วย”
ตะวันฉายเดินไปแต่เมฆเดินเข้ามาจับแขนไว้
“ผมขอร้อง” เมฆพูด
ตะวันฉายกับเมฆมองตากัน

ยุทธการกับนิคยืนลุ้นอยู่ในห้องจัดเลี้ยงด้านล่าง เอวารีบวิ่งลงมาหา
“เป็นไงพี่เมฆขึ้นไปแล้วใช่ไหม” นิคถาม
“โอ๊ย...หน้าตึงไปเลย ตอนนี้คงเคลียร์กันอยู่” เอวาบอก
ยุทธการมีสีหน้านิ่งคิดแล้วก็แอบอมยิ้ม

ตะวันฉายมีสีหน้าตกใจ
“อะไรนะ ยกเลิกการแต่งงาน คุณจะบ้าเหรอ” ตะวันฉายว่า
“ผมน่ะไม่บ้า แต่ถ้าคุณแต่งต่อไปคุณบ้าแน่” เมฆบอก
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“ฟังนะซัน คุณแต่งงานกับเขาไม่ได้”
“ก็แล้วทำไมฉันถึงจะแต่งไม่ได้ล่ะ นี่มันชีวิตฉันนะ คุณมาเกี่ยวอะไรด้วย ขอโทษนะคะ.....ฉันเสียเวลากับคุณมามากแล้วคุณนภทีป์”
ตะวันฉายตัดสินใจจะเดินออกไปแต่เมฆขวางประตูไว้ ตะวันฉายผลักเมฆออกเมฆดึงตะวันฉายเข้ามากอด
“คุณเมฆ นี่จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยนะ”
“คุณอยากลงไปมากใช่ไหม ได้....งั้นลงไปกับผม”
เมฆเปิดประตูแล้วลากตะวันฉายออกไปจากห้อง

ลิฟท์ลานจอดรถเปิดออก เมฆจูงตะวันฉายเดินออกมา ตะวันฉายมองรอบๆด้วยความงง
“นี่...งานแต่งงานฉันไม่ได้จัดที่ลานจอดรถนะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เมฆไม่ตอบ เขาลากตะวันฉายมาจนถึงรถแล้วเปิดรถ
“อะไรกันคุณเมฆ”
“ขึ้นรถ” เมฆสั่ง
“แล้วฉันจะขึ้นไปทำไม ฉันจะแต่งงาน...แต่งงาน...แต่งงาน”
“ผมมีบางอย่างจะให้คุณดู ไม่นานหรอก ผมสัญญา”
ตะวันฉายมองหน้าเมฆ เมฆผายมือให้เธอขึ้นรถ ตะวันฉายขึ้นรถ เมฆปิดประตูด้านคนขับขึ้นไปนั่งแล้วสตาร์ทรถ
“สตาร์ทรถทำไม” ตะวันฉายถาม
เมฆไม่ตอบ เขาขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ตะวันฉายตกใจ
“คุณเมฆ!”

ยุทธการ นิค และเอวาเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาแล้วเห็นช่างหน้าช่างผมกำลังเก็บของอยู่
“เจ้าสาวล่ะครับ” ยุทธการถาม
“ลงไปแล้วนี่คะ เมื่อกี้คุณผู้ชายที่มาคุยด้วยพาลงไปแล้ว” ช่างแต่งหน้าตอบ
“เอ่อ...แต่ก็แปลกนะคะ เห็นลากกันลงลิฟท์ขนของค่ะ ไม่ยักกะใช้ลิฟท์แขก” ช่างทำผมบอก
ช่างแต่งหน้านึกได้ “ว๊ายยยย เดี๋ยวนะคะ นี่ยังลงไปไม่ถึงอีกเหรอคะ”
ยุทธการไม่ทันตอบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ว่าไง.......ได้ ออกไปแล้วใช่ไหม....” ยุทธการคุยโทรศัพท์
“เป็นไงมั่งครับพี่ยุทธ” นิคถาม
“คุณเมฆพาซันออกจากโรงแรมไปแล้ว”
เอวาดีใจ “ว๊าวว....สุดยอด นึกว่าพี่เมฆจะไม่ทำอะไรซะแล้ว”
“คิดไม่ถึงเหมือนกันนะว่าพี่เมฆจะใช้วิธีนี้....อย่างเท่อ่ะ” นิคบอก
ยุทธการยิ้ม “หมดหน้าที่ของพี่แล้วสินะ”
ทุกคนเดินออกไปจากห้อง ช่างแต่งหน้าช่างทำผมมองหน้ากันด้วยความงง
“เจ๊...ตกลงว่าที่เจ้าสาวถูกลักพาตัวไปใช่ไหม” ช่างทำผมถาม
“เจ๊ว่าใช่นะ แต่เหมือนเขาดีใจกันเน๊อะ”
แล้วช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมก็หัวเราะกันคิกคัก
“ดีเหมือนกัน เจ้าบ่าวหล่อตี๋เกาหลีมาเองขนาดนี้ แต่งไปก็น่าเสียดาย”
“อุ๊ย...งั้นหนูลงไปขอเบอร์ก่อนดีกว่า จะได้หาโอกาสปลอบใจ น่าจ๊งจ๊าน”
ช่างแต่งหน้าช่างทำผมแย่งกันวิ่งออกไปจากห้อง

เมฆขับรถไปด้วยสีหน้านิ่ง ตะวันฉายที่นั่งข้างๆ มองด้วยความไม่พอใจ
“นี่คุณเมฆ จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะลง”
“รัดเข็มขัด” เมฆสั่ง
“ไม่รัด ฉันจะลง จอดๆๆๆๆๆ”
“จะลงทั้งชุดนี้เหรอ คนได้มองทั้งถนน”
“ฉันไม่แคร์ สวยขนาดนี้ เขาต้องคิดว่ามาถ่ายแบบ”
“เหรอ...ไหนล่ะกองถ่าย ไหนล่ะช่างภาพ”
“เอาเหอะน่า ใครจะมองก็ช่าง แต่ฉันต้องกลับไป”
เมฆตวาด “ฉันไม่ให้ไป”
ตะวันฉายอึ้ง
“รัดเข็มขัดซะเดี๋ยวตำรวจจับ” เมฆว่า
ตะวันฉายมองไปที่ถนนก็เห็นตำรวจยืนก้มๆเงยๆที่ป้อมจราจรเลยรีบเปิดกระจกลง
ตะวันฉายตะโกน “คุณตำรวจ ฉันไม่ได้รัดเข็มขัดค่ะ คุณตำรวจ...เร็ว...ฉันทำผิด”
จังหวะนั้นตำรวจหันหลังไปทำอะไรสักอย่างพอดี เมฆที่อยู่ในรถตกใจจึงรีบดึงตะวันฉายให้นั่ง แล้วขับผ่านตำรวจไปอย่างรวดเร็ว ตะวันฉายดิ้นอยู่ในรถเพราะไม่พอใจ เมฆตัดสินใจจับมือตะวันฉายไว้แน่นตะวันฉายอึ้งแล้วก็หยุดดิ้น เธอมองมือเมฆที่จับมือของเธอ
“ไว้ผมจะให้ฟัง”
ตะวันฉายกับเมฆมองตากันแล้วตะวันฉายก็ค่อยๆดึงมือออกจากมือเมฆ แล้วเธอก็ดึงเข็มขัดมาคาด ส่วนเมฆขับรถต่อไป รถเมฆแล่นออกไปทางนอกเมือง

รถของเมฆจอดอยู่ด้านหน้าโรงแรมสวยแห่งหนึ่งย่านชานเมือง เมฆเปิดประตูพาตะวันฉายเข้ามาในห้องพัก
“นี่คุณเมฆ ไหนบอกจะคุย ทำไมต้องมาที่นี่...” ตะวันฉายนึกได้ “นี่คุณมาเปิดห้องไว้ก่อน แสดงว่าคุณมีแผนจะลักพาตัวฉัน คุณจะข่มขืนฉันเหรอ ดูถูกกันมากไปแล้วนะ”
ตะวันฉายตรงเข้าไปทั้งทุบทั้งข่วนทั้งตีเมฆ เมฆต้องปัดป้องและเดินหนีเป็นพัลวัน
“เฮ้ย...ฟังผมก่อนสิ”
“ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ฉันต้องปกป้องศักดิ์ศรีของฉัน”
ตะวันฉายคว้ากากาแฟได้ก็เตรียมจะขว้าง เมฆต้องตรงเข้าไปจับมือของเธอไว้
“นี่คุณตะวันเฉา ถ้าจะทำอะไรคุณน่ะผมพากลับบ้านไม่ดีกว่าเหรอ ไม่มาไกลขนาดนี้หรอก”
ตะวันฉายชะงักแล้วก็เริ่มได้สติ เธอค่อยๆถอยออกมา
“ถ้างั้นพาฉันมาทำไม”
“คุณอย่าเพิ่งโวยวาย ดูนี่ก่อนแล้วจะเข้าใจเอง”
เมฆถอนใจแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะเปิดคลิปที่ไปแอบถ่ายยุทธการที่ Lounge ให้ตะวันฉายดู ตะวันฉายจ้องมองคลิปอย่างไม่วางตาแล้วมองหน้าเมฆอย่างอึ้งๆ

“เป็นไง เชื่อหรือยัง”
ตะวันฉายส่ายหน้า “คุณไปหาคนหน้าเหมือนมาเหรอ”
เมฆกุมขมับ “จะบ้าเหรอ คิดได้ไง”
“ก็พี่ยุทธไม่เคยเที่ยว แล้วเขาก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ฉันรู้จักเขามาตั้งแต่เกิด เขาไม่ใช่คนในคลิปแน่ๆ”
ตะวันฉายเปลี่ยนหน้าจอโทรศัพท์แล้วกดโทรออก เมฆจะเข้ามาแย่ง ตะวันฉายวิ่งหนีแต่ความที่ชุดแต่งงานฟูฟ่องเกะกะทำให้วิ่งลำบาก
“ฮัลโหล...พี่ยุทธ...”
เมฆตัดสินใจกระโดดกอดตะวันฉายจนล้มลงบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ แล้วเมฆก็ดึงโทรศัพท์มาจนได้

ยุทธการถือโทรศัพท์คุย โดยที่นิคกับเอวาอยู่ด้วย
“ซัน...ฮัลโหล...ซัน...” ยุทธการบอกกับทุกคน “สายถูกตัดแล้ว”
“แผนนี้มันจะดีแน่เหรอคะ ไม่ใช่ว่ายิ่งแย่กว่าเดิมแล้ว” เอวากังวล
“โธ่ เอวา...เพิ่งจะมาห่วง” นิคว่า
“ก็ใครจะรู้ว่าเล่นแรงขนาดลักพาตัวกันเลยนี่” เอวาบอก
“พี่ว่าคุณเมฆเป็นสุภาพบุรุษพอที่สำคัญ คุณเมฆถึงขั้นลักพาตัวซันไป แสดงว่าเขาคงรักและหวงซันมาก”
“หวังว่าคราวนี้พี่เมฆกับซันจะได้เข้าใจกันซะทีนะคะ” เอวาเป็นห่วง

ตะวันฉายนั่งหน้างออยู่ในห้องพัก เมฆเดินมาหาตะวันฉายแล้วลงนั่งข้างๆ เธอ
“เปลี่ยนเสื้อผ้าสิ ผมเตรียมไว้ในตู้แล้ว จะได้ออกไปทานข้าวกัน” เมฆบอก
“ฉันไม่หิว ฉันไม่ไป”
“ไม่หิวน่ะโอเค แต่ไม่ไปไม่ได้ ตกลงจะไปทั้งชุดฟูฟ่องเป็นขนมปุยฝ้ายหรือจะเปลี่ยนเสื้อ”
ตะวันฉายยิ้มกวน “ฉันไม่เปลี่ยน ไปมันทั้งอย่างนี้แหล่ะ ถ้าใครถามก็จะบอกว่าฉันถูกลักพาตัวมาจากงานแต่ง”
เมฆยิ้มกวนกลับ “แล้วไม่คิดว่าคนจะมองว่าคุณเป็นเจ้าสาวที่หนีตามชู้มาบ้างเหรอ”
ตะวันฉายแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บใจแล้วลุกขึ้นสะบัดกระโปรงฟาดหน้าเมฆก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดเดินเข้าห้องน้ำไป
กำลังโหลดความคิดเห็น