แรงปรารถนา ตอนที่ 5
คืนนั้น สุอาภานั่งนิ่งอยู่ภายในรถที่พิทยากำลังขับแล่นมาตามทาง ด้านนอกขณะนี้เสียงฟ้าร้องครืนๆ พิทยาหันไปมองเธอ ด้วยสีหน้าลังเลแล้วก็ตัดสินใจ
“ผมรู้เรื่องทุกอย่างจากคุณพราวแล้ว ผมอยากรู้จากปากคุณ ว่ามันเป็นความจริงรึเปล่า”
สุอาภาชะงักไปนิดนึงแต่ทำเป็นไม่เข้าใจ
“เรื่องอะไร”
“คุณรู้อยู่แก่ใจยังต้องให้ผมพูดอีกทำไม”
“เพราะฉันไม่รู้ ฉันถึงถาม”
พิทยาเอารถจอดเข้าข้างทาง ฝนเริ่มตกลงมา พิทยาหันมา
“คุณทำตัวเองให้เป็นข่าวกับนายภูวดลเพื่อช่วยผมกับรวี”
สุอาภาสีหน้านิ่งมาก
“ฉันเนี่ยนะจะทำเพื่อนาย ทั้งๆที่นายเพิ่งด่าฉันไปอย่างเจ็บแสบ หลงตัวเองไปหน่อยแล้วมั้ง”
สุอาภารีบหลบตาไปทางอื่น
พิทยามองอย่างรู้ทัน
“คุณโกหกผมไม่สำเร็จหรอกคุณแต”
สุอาภากลืนน้ำลายพยายามซ่อนพิรุธ
“ผมรู้จักคุณดี เวลาที่คุณโกหกคุณจะหลบตา กำมือ”
สุอาภาอึ้ง ตกใจรีบคลายมือออก
“แล้วก็แกล้งทำเป็นโวยวาย อารมณ์เสีย”
สุอาภาหันขวับไปทางพิทยา แล้วแกล้งทำหงุดหงิด
“นายผิดแล้วนายพิทยา อย่ามาทำเป็นว่ารู้จักฉัน! ไม่รู้ฉันขึ้นรถมากับนายได้ยังไง ฉันไปดีกว่า”
สุอาภารีบลงจากรถเพราะกลัวพิทยาจับความรู้สึกได้ พิทยารีบตามลงไปทันที
ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง สุอาภาเร่งฝีเท้าเดินฝ่าสายฝน โดยมีพิทยาตามมาติดๆ
“คุณแต..กลับไปขึ้นรถ!”
เธอไม่สนใจ รีบเดินต่อไป เขาเข้ามาคว้าแขน สุอาภาหันไป
“เดินตากฝนแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ฉันจะไม่สบายหรือเป็นอะไร มันก็เรื่องของฉัน ฉันจะกลับบ้านเอง ปล่อย!”
พิทยาไม่ตอบ ลากสุอาภากลับมาที่รถ สุอาภายื้อตัวเองเอาไว้
“ฉันบอกให้ปล่อย!”
พิทยาไม่ปล่อย สุอาภาก้มลงกัดแขนพิทยา พิทยาตกใจร้องลั่น
“โอ๊ย!”
พิทยาปล่อยมือจากแขนสุอาภา สุอาภารีบวิ่งออกไป พิทยาร้อนใจรีบขึ้นรถแล้วขับตามสุอาภาไปทันที พิทยาเปิดกระจกขับรถขนาบข้างสุอาภา
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”
“พูดจาไม่รู้เรื่องเหรอ บอกว่าไม่ขึ้น!”
สุอาภารีบจ้ำเดินต่อไป แต่เพราะเดินเร็วส้นเลยหัก เธอเกือบล้ม ดีที่ทรงตัวได้ทัน เธอตัดสินใจถอดรองเท้า พิทยาเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น พอจะขับตามไป ก็มีรถออกมาจากซอยมาขวางหน้าเอาไว้
พิทยาเบรกเอี๊ยดด้วยความหัวเสีย แล้วก็ไม่เห็นสุอาภาแล้ว
สุอาภาเดินมาตามทาง เริ่มเจ็บเท้าและเริ่มหนาว ฝนยังตกไม่หยุด เธอมองหารถแท็กซี่
“ไม่มีแท็กซี่ผ่านมาซักคัน “
สุอาภาเห็นแท็กซี่กำลังแล่นมาทางฝั่งตรงข้าม ด้วยความรีบจะข้ามถนนเลยไม่ได้มอง ทำให้ไม่เห็นรถที่แล่นมาเสียงบีบแตรดังลั่น สุอาภาหันขวับไปมองด้วยความตกใจ ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก นึกว่าโดนชนแน่
แต่ทันใดนั้นพิทยาเข้ามาคว้าตัวสุอาภาหลบรถคันนั้นได้ทัน เขากอดเธอแน่น เธอนิ่งงันไปที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วพิทยาก็ดึงสุอาภาออกมามอง พร้อมกับลูบหน้าลูบผมเธอด้วยความเป็นห่วงสุดๆ
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
สุอาภาพยักหน้าแต่พอขยับตัว กลับเจ็บเท้า
“โอ๊ย!”
พิทยาก้มมองที่เท้าของสุอาภา
“ต้องโดนอะไรตำแน่ๆ”
“เดินไหวรึเปล่า”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาประคองสุอาภาเดิน แต่สุอาภากลับไม่ไหว
“ขึ้นหลังผม”
สุอาภาหันไปมอง พิทยาเดินมาตรงหน้า
“ขึ้นมาสิ”
สุอาภาขึ้นหลังพิทยา เขาแบกเธอเดินไปท่ามกลางฝนที่ตกลงมาโปรยปราย เธอลอบมองเขาอย่างรู้สึกดี
ภายในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเวลากลางคืน สุอาภานั่งอยู่บนเตียงอย่างหมดสภาพมีผ้าขนหนูคลุมตัวอยู่ ที่เท้ามีผ้าพันแผล พิทยาที่ยืนข้างๆก็มีผ้าขนหนูคลุมตัวเช่นกัน
“รอซักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเตรียมวัคซีนป้องกันบาดทะยัก”
สุอาภาตกใจถาม
“ต้องฉีดยาด้วยเหรอ”
“ค่ะ...”
พยาบาลรีบเดินออกไป สุอาภาหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พิทยาหันไปมองอย่างรู้ทัน
“โตจนป่านนี้ยังกลัวเข็มอยู่อีก”
สุอาภาพูดไม่ออก ตัวสั่นด้วยความกลัว พิทยาเอื้อมมือมาจับมือสุอาภาเอาไว้
“ไม่ต้องกลัวจับมือผมไว้”
สุอาภาพยักหน้า ไม่นานพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมเข็ม สุอาภาเห็นแล้วจะเป็นลม พยาบาลถลกแขนเสื้อ เอาแอลกอฮอล์ทาเตรียมฉีดยา เธอสีหน้าหน้าแย่มาก พิทยากระชับมือที่เย็นเจี๊ยบของเธอไว้ สุอาภาเงยหน้ามองเขาเหมือนเด็กน้อยน่าสงสาร พยาบาลเอาเข็มฉีดยาขึ้นมา สุอาภาเบือนหน้าหนี
พิทยาจับหัวเธอมาซบกับหน้าอกตัวเองคอยปลอบประโลม เธอบีบมือเขาแน่นด้วยความกลัวจับใจ
พิทยาขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วหันไปหยิบยาที่วางด้านหลังให้สุอาภา
“ทานยาให้ตรงเวลาด้วยนะ”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูด
“ฉันไปล่ะ”
สุอาภากำลังจะออกไป แต่พิทยาจับแขนเอาไว้
“เลิกยุ่งกับนายภูวดลซะ คุณไม่มีทางตามเค้าทัน”
สุอาภาไม่พูดอะไรลงจากรถ ค่อยๆกะเผลกเข้าไปในบ้าน พิทยาถอนหายใจด้วยความกังวลใจ
ภูวดลที่กำลังอาบน้ำยืนคิดเรื่องสุอาภากับพิทยา ภาพย้อนกลับไป... ภูวดลกระชากไหล่พิทยาหันมาแล้วต่อยเปรี้ยง! ภูวดลจะเข้ามาซ้ำ สุอาภารีบห้าม พร้อมตะคอกใส่หน้าเสียงดัง
“อย่านะ!”
ภูวดลชะงักเห็นแววตาความห่วงใยที่สุอาภามีให้พิทยาก็รู้สึกแปลกใจ
ภูวดลปิดน้ำยกมือลูบหน้าด้วยความสงสัยสุดๆ
เช้าวันต่อมา สุอาภาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกำลังจะเดินกะเผลกออกไป แต่นพเปิดประตูเข้ามา
“ป๋า...”
“เท้าเจ็บขนาดนี้ ยังจะออกไปไหนอีก”
“แตมีธุระนิดหน่อยค่ะ”
“เดี๋ยวนี้มีความลับกับป๋าแล้วเหรอ”
สุอาภาเข้ามากอดอ้อนบอก
“แตไม่ได้มีความลับกับป๋านะคะ เรื่องบางเรื่องถ้าแตจัดการเองได้ แตก็ไม่อยากให้มันรกสมองป๋า ป๋ามีเรื่องเครียดเยอะแล้ว”
สุอาภาผละออกมามองหน้า นพลูบหัวสุอาภาด้วยความรักและเป็นห่วง
“ลูกสาวป๋าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอเนี่ย ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แตก็ควรจะรู้ว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ และที่สำคัญอย่าทำให้ป๋าต้องเป็นห่วง”
“เจ้าค่ะคุณป๋า”
สุอาภากอดนพอีกครั้ง จากหน้ายิ้มก็เปลี่ยนเป็นความกังวล นพเองก็เช่นกัน
มุมหนึ่งในบ้าน บวร วรรณวดี ณี ยืนตรงหน้านพ
“ไอ้แตมันไม่ยอมรับอะไรเลยเหรอป๋า”
นพพยักหน้าพลางถอนหายใจ
“ปากแข็งจริงๆเด็กคนนี้ ขนาดพิทถามก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา เราจะทำยังไงกันดีคะ ต่ายเป็นห่วงน้อง”
นพสีหน้ากังวลใจสุดๆ
ยามเช้าที่บ้านสวนจันทร์จำนง สุอาภายืนไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้มองสุอาภาแปลกใจ
“คุณนายพอมีเวลาคุยกับฉันซักครู่มั้ยคะ”
จันทร์จำนงมองสุอาภาสงสัย
ที่มุมหนึ่ง จันทร์จำนงนั่งลงตรงข้ามกับสุอาภา
“มีอะไรก็พูดมาเลย”
“คุณนายรู้จักผู้หญิงที่ชื่อพิมมั้ยคะ”
จันทร์จำนงชะงัก แต่ยังไม่แน่ใจว่าคนเดียวกับที่รู้จักรึเปล่า
“พิมไหน”
“พิม นามสกุล พิพัฒนะค่ะ”
จันทร์จำนงรู้ทันทีว่าเป็นพิมเดียวกัน
“คุณถามทำไม”
“ผู้หญิงที่ชื่อพิม เป็นแม่ของพิท และฉันคิดว่าพ่อของพิทก็คือคุณภาสันต์ค่ะ”
จันทร์จำนงตะลึงงัน สุอาภามองจันทร์จำนงอย่างมีลุ้น
จันทร์จำนงยังอึ้งกับสิ่งที่สุอาภาบอก เสียงสุอาภาตอกย้ำเข้ามาอีก
“ผู้หญิงที่ชื่อพิม เป็นแม่ของพิท และฉันคิดว่าพ่อของพิทก็คือคุณภาสันต์ค่ะ”
จันทร์จำนงเซจะเป็นลม ป้านวลเห็นก็รีบเข้ามาประคอง
“คุณนายคะ”
ป้านวลค่อยๆพยุงจันทร์จำนงให้นั่งลง
“เดี๋ยวฉันไปเอายาหอมมาให้นะคะคุณนาย”
จันทร์จำนงหันไปทางนวลยิ้มอย่างตื้นตันจนน้ำตาคลอ
ไม่ต้อง... นวล ฉันเจอหลานคนโตของฉันแล้ว”
ป้านวลมองจันทร์จำนงด้วยแววตาสงสัย พลางนึกย้อนกลับไป
ในอดีต ที่บ้านภาสันต์ เวลากลางวัน ศรีพิไลเห็นหน้าภาสันต์ที่บวมช้ำก็ตกใจมาก
“ตายแล้ว! หน้าแหกขนาดนี้จะหายทันวันแต่งงานของเรารึเปล่า”
“สรุปว่าห่วงผม หรือว่าห่วงจะไม่ทันวันงานแต่งงานกันแน่”
จันทร์จำนงยืนอยู่ด้วย
“ทำไมถึงต้องทำร้ายกันขนาดนี้”
ภาสันต์อึกอักบอก
“เข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับแม่”
“เข้าใจผิดนิดหน่อยอะไรกัน บอกแม่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ภาสันต์เหลือบมองศรีพิไล...ไม่กล้าพูด
จันทร์จำนงหันไปทางศรีพิไล
“แม่ศรีพิไล...เรารู้ใช่มั๊ย”
ศรีพิไลกลืนน้ำลายเอื๊อก จันทร์จำนงพูดต่อ
“ถ้าไม่บอก แม่จะไปถามนพเอง”
ศรีพิไลโพล่งออกไป
“คุณนพเค้าหาว่าสันต์ทำผู้หญิงท้องค่ะคุณแม่”
จันทร์จำนงอึ้งหันขวับไปทางภาสันต์
“แล้วเราทำจริงรึเปล่า”
ภาสันต์พูดไปก็ดูล่อกแล่กไป
“โธ่..แม่ครับ ผมกำลังจะแต่งงาน แล้วผมจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง ไอ้นพมันแค้นที่ผู้หญิงไม่เลือกมัน ก็เลยมาพาลเอากับผม ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนดีมั่วผู้ชาย มีผัวมาแล้วไม่รู้กี่คน เผลอๆคงเป็นเมียไอ้นพมันด้วยซ้ำ มันถึงโกรธผมมากขนาดนี้”
“คุณสันต์พูดจริงนะคะคุณแม่ ศรีเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นครั้งสองครั้ง ดูจากลักษณะแล้วคงอยากจับคุณสันต์นั่นแหละค่ะ”
จันทร์จำนงหันไปมองภาสันต์อีกครั้ง ภาสันต์หลบตาดูมีพิรุธมากๆ ทำให้จันทร์จำนงไม่เชื่อในสิ่งที่ภาสันต์พูด
หลายเดือนต่อมา ที่โรงพยาบาล พิมนอนอุ้มลูกอยู่บนเตียงสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข จันทร์จำนงที่ยืนอยู่ตรงประตู...พอเห็นพิมก็ชะงักไปนิดนึง เพราะพิมดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยมาก พิมหันมาเห็นจันทร์จำนงก็แปลกใจ
“คุณพิมใช่มั้ย”
พิมนิ่วหน้าแล้วถาม
“ค่ะ คุณ...”
“ฉันคือแม่ของภาสันต์ ขอฉันเข้าไปได้มั้ย”
พิมอึ้งมาก
“เชิญค่ะ”
จันทร์จำนงเดินเข้ามา
“ฉันตามหาคุณอยู่นานโข กว่าจะรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่”
“คุณมีธุระอะไรกับฉันค่ะ”
จันทร์จำนงยังไม่ทันพูดอะไร พอเห็นหน้าเด็กก็ทำเอานิ่งไปด้วยความตะลึง จนพิมแปลกใจ
“เหมือนมาก หน้าเค้าเหมือนภาสันต์ตอนเด็กๆมาก”
พิมผงะ...จันทร์จำนงหันไปมองพิม
“ถึงลูกชายฉันเค้าจะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเค้าเป็นลูกของภาสันต์ ฉันต้องขอโทษเธอแทนลูกชายฉันด้วย ฉันจะช่วยเหลือเธอกับลูกทุกอย่าง”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่คุณกำลังเข้าใจผิด นี่ไม่ใช่ลูกของคุณภาสันต์”
“อย่ามาปิดบังฉันเลย ฉันสืบประวัติของเธอมาหมดแล้ว ฉันรู้ว่าชีวิตของเธอลำบากมากตัวคนเดียว ไร้ญาติขาดมิตร ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องเลี้ยงหลานฉันตามลำพังเด็ดขาด”
พิมน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
“คุณนายคะ นี่ไม่ใช่ลูกของคุณภาสันต์จริงๆ เด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน ลูกของฉันคนเดียวค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร แต่เธอจะปล่อยให้ลูกเธอไปตกระกำลำบากกับเธอไม่ได้นะ”
“เค้าเป็นลูกของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เค้าลำบากแน่ค่ะ”
จันทร์จำนงจะพูด แต่พิมรีบตัดบท
“ขอบคุณคุณนายอีกครั้งสำหรับความปรารถนาดีที่มีให้ฉัน คุณนายกลับไปเถอะค่ะ ฉันต้องให้นมลูกแล้ว”
จันทร์จำนงถอนใจบอก
“เอาเถอะ วันนี้เธอยังไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจว่าเธอคงจะโกรธลูกชายของฉันมาก แต่ฉันจะกลับมาใหม่”
พิมยกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้ พร้อมกับมองพิทยาแววตารักใคร่ก่อนจะเดินออกไป
จันทร์จำนงพูดกับป้านวลที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
“แม่ของพิทยาเป็นผู้หญิงใจเด็ดที่สุดตั้งแต่ฉันเคยพบมา หลังจากวันนั้น ฉันก็กลับไปหาพวกเค้าอีก แต่เค้าสองคนแม่ลูกหายตัวไป ฉันเฝ้าเพียรพยายามตามหา แต่ก็ไม่เจอ นี่เป็นเรื่องที่ฉันรู้สึกผิดมาตลอดชีวิต คิดแต่ว่าถ้าเจอพวกเค้าอีกเมื่อไหร่ ฉันจะชดใช้ให้พวกเค้าทุกอย่าง แล้วสวรรค์ก็เห็นใจฉัน ในที่สุดฉันก็ได้เจอหลานของฉัน ไม่น่าเชื่อเลยนะนวล ว่าเด็กคนนั้นคือคุณพิทยา”
“แล้วคุณจะบอกคุณภาสันต์เลยรึเปล่าคะ”
“ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ฉันรู้จักนิสัยลูกชายของฉันดี เค้าเป็นคนที่ห่วงหน้าห่วงตาในสังคมมาก เพราะฉะนั้นฉันต้องหาโอกาสดีดี ในการเปิดตัวพิทยา หลานชายของฉัน”
จันทร์จำนงสีหน้ามุ่งมั่น
ภายในห้องประชุมของมูลนิธิจันทร์จำนง พิทยากำลังคุยเครียดกับผู้รับเหมา
“ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ผมอยากให้คุณทำโรงเรือนชั่วคราว แล้วก็เอาแผ่นพลาสติกหรือผ้าใบมาคลุมปูนซีเมนต์ เพราะความชื้นจะทำให้ปูนจับเป็นก้อน พอเอามาใช้ มันจะไม่แข็งแรง พวกเหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ ก็ต้องทำโรงเรือนชั่วคราวด้วยเหมือนกัน ไม่งั้นขึ้นสนิมแน่”
“ได้ครับ ผมจะสั่งลูกน้องให้รีบจัดการ”
พิทยาพยักหน้า ผู้รับเหมาเดินออกไป สวนกับจันทร์จำนงที่เดินเข้ามา จันทร์จำนงมองพิทยา..แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด
“คุณพิทยา”
พิทยาหันไปเห็นจันทร์จำนงก็ยกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้
“เร่งงานขนาดนี้ เพราะเบื่อหน้าฉันรึเปล่าห๊ะ!”
“ไม่ใช่นะครับ พอดีผมต้องไปดูงานอีกสองสามที่”
“รับงานเยอะขนาดนี้ ระวังร่างกายจะทรุดนะ”
“มันจำเป็นครับ ผมมีเวลาพิสูจน์ตัวเองให้คุณพ่อคุณแม่รวีเห็นแค่เดือนเดียว ทุกวินาทีของผมก็เลยเป็นเงินเป็นทอง ถึงจะไม่สบายก็ต้องอดทน”
จันทร์จำนงมองเห็นใจแล้วก็นึกอะไรออก
“คุณพิทยา อีกไม่กี่วันจะมีงานมอบทุนการศึกษาของทางมูลนิธิ...เชิญคุณมาด้วยนะ”
“ผมขออนุญาตดูเวลาอีกทีจะได้มั้ยครับ แล้วผมจะให้คำตอบ”
จันทร์จำนงน้ำเสียงหนักแน่น
“งานนี้ฉันอยากให้คุณมาจริงๆ ถือว่าฉันขอร้อง”
พิทยาชะงักไปมองจันทร์จำนงด้วยความสงสัย
แรงปรารถนา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ภายในบ้าน สุอาภาค่อยๆกะเผลกเดินออกมา
“ป้าณี ป้าณี หายไปไหนนะ”
สุอาภาพยายามเดินต่อแต่จะล้ม พิทยาพุ่งเข้ามาประคองรับเอาไว้ เธอหันไปเห็นเขาก็ชะงัก
“จะเดินไปไหน”
“จะไปเอาน้ำมาทานยา”
“ผมเอาให้ รอตรงนี้”
พิทยาพาสุอาภามานั่งแล้วก็เดินออกไป เขาเอายาให้เธอทาน
“ทำไมดูเป็นหนักกว่าเมื่อวาน”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง นายมาที่นี่ทำไม ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกนะ”
“ผมมาดูคุณ”
สุอาภาผงะแล้วก็ทำเป็นพูดกวน
“ดูว่าฉันจะตายเหรอยังน่ะเหรอ”
“ความจริงคุณน่าจะเป็นแผลที่ปากจะได้ไม่ต้องพูดมาก”
สุอาภาเอาหมอนบนโซฟาปาใส่พิทยา
“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว!”
พิทยาเอาหมอนมาวางที่เดิม สุอาภาหยิบหมอนฟาดพิทยา
“ฉันบอกให้ออกไปไง! ไปสิ...บอกให้ออกไป ไป ไป!”
พิทยายังยืนมองนิ่ง สุอาภาจะฟาดอีก เขายกมือขึ้นมาปัดป้อง
สุอาภาฟาดไม่หยุด พิทยาสุดทนแย่งหมอนมาจากมือสุอาภา แต่เธอไม่ปล่อย สองคนยื้อกันไปยื้อ กันมาจนหมอนขาด ขนเป็ดกระจุยกระจายออกมา ติดบนหัวสุอาภากับหัวพิทยา สองคนหันมาเห็นก็ชะงัก..แล้วก็ขำก๊ากออกมาพร้อมกัน ก่อนจะค่อยๆหยุดหัวเราะ
พิทยาเอาขนเป็ดออกจากหัวสุอาภา สุอาภาใจเต้นไม่เป็นส่ำที่เค้ามาอยู่ใกล้ๆ เขากับเธอมองหน้ากัน สุอาภาหันไปเห็นภูวดลที่ยืนอยู่ก็ตกใจมาก
“คุณภูวดล”
พิทยาหันไปเห็นภูวดลก็หน้าตึง มองสองคนด้วยความสงสัย
“ผมโทรมาคุณไม่รับสาย ผมก็เลยตัดสินใจมาหาคุณที่นี่ ประตูคุณไม่ได้ล็อก ผมก็เลยเดินเข้ามา นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า”
สุอาภารีบลุกขึ้นยืน
“ขัดจังหวะอะไรกัน! คุณมาน่ะดีแล้ว ฉันกำลังเบื่อมาก พาฉันออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ” สุอาภาพูดพลางปรายตามองพิทยา
“ได้สิครับ”
“เจ็บขนาดนี้ยังจะออกไปไหนอีก”
สุอาภาหันไปตวาด
“ไม่ต้องยุ่ง! คุณภูวดล ช่วยฉันหน่อยค่ะ”
สุอาภายื่นมือไปให้ ภูวดลเข้ามาประคองสุอาภาเดินออกไป พลางหันมามองพิทยาด้วยสีหน้าร้าย พิทยาเป็นกังวลห่วงสุอาภา
สุอาภามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าหวาดระแวงก่อนจะเดินเข้ามาห้องคอนโดฯหรูริมน้ำ ภูวดลปิดประตู สุอาภาสะดุ้งเล็กๆแล้วก็หันไป
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ผมเพิ่งซื้อห้องนี้เมื่อวาน ก็เลยพาคุณมาดู คุณชอบมั้ย”
สุอาภาเดินไปดูวิวแม่น้ำที่ริมหน้าต่าง
“ก็สวยดีค่ะ”
ภูวดลเดินมายืนข้างหลังแล้วกอดสุอาภาเอาไว้ โดยที่เธอไม่ทั้งตั้งตัว ทำให้สุอาภาตกใจมาก
“ถ้าคุณเบื่อ ไม่มีอะไรจะมานอนค้างที่นี่ก็ได้นะ ผมจะเอากุญแจไว้ให้” ภูวดลกระซิบที่ข้างหู
สุอาภาพยายามอดกลั้นเพราะรังเกียจมากเหลือเกิน แล้วก็รีบผละออกจากเขา พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันหิวแล้ว ไหนล่ะคะอาหาร”
ภูวดลผายมือ
“เชิญทางนี้ครับ ผมให้คนเตรียมไว้แล้ว”
สุอาภารีบเดินกะเผลกนิดๆออกไป ภูวดลมองตามสุอาภาด้วยสีหน้าร้ายอย่างมีแผนในใจ
ภายในร้านอาหารของรพีพรรณ เวลากลางวัน เธอกำลังใช้ทัพพีคนน้ำซุปในหม้อ...พิทยายืนเหม่อ นึกเป็นห่วงสุอาภา เธอตักซุปขึ้นมาใส่ช้อนแล้วหันไปทางพิทยา
“พิทคะ พิท”
พิทยาได้สติหันมา รวีพรรณยื่นช้อนไปตรงหน้า
“ชิมให้รวีหน่อยสิคะ รวีไม่แน่ใจว่ามันเค็มไปรึเปล่า”
พิทยากินจากช้อนที่รวีพรรณถืออยู่
“โอเคแล้วครับ อร่อยมาก”
รวีพรรณยิ้มดีใจ พิทยายืนเหม่อต่อ
“งั้นขอชามให้รวีหน่อยค่ะ พิท...ขอชามหน่อยค่ะ”
พิทยาหันไปหยิบชามส่งให้ รวีพรรณมองพิทยาสงสัย
“พิทดูเหม่อๆตั้งแต่มาถึงแล้ว เป็นอะไรรึเปล่า”
พิทยาฝืนยิ้ม
“เปล่า”
รวีพรรณไม่เชื่อ
“ไม่จริง พิทต้องเป็นอะไรแน่ๆ บอกรวีมาเถอะค่ะ”
พิทยามองรวีพรรณอย่างลังเล
ภายในคอนโดฯ สุอาภารวบช้อน ภูวดลเงยหน้ามอง
“คุณแตอิ่มเหรอครับ ทานนิดเดียวเอง”
“ค่ะ ฉันอิ่มแล้ว”
ภูวดลลุกมานั่งข้างๆซะแนบชิด ทำเอาสุอาภาชะงัก
“คุณจะทำอะไร”
“ผมจะถ่ายรูป”
ภูวดลยกกล้องขึ้นมาแล้วยื่นหน้าไปข้างๆหน้าสุอาภา สุอาภาเกร็งมาก แล้วเขาก็หันไปหอมแก้มเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะกดถ่ายแชะ! สุอาภาตกใจหันขวับ
“คุณภูวดล! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“เราจูบกันมาแล้วแค่หอมแก้ม คุณจะโวยวายทำไม อ้อ..หรือว่าไม่ชอบหอมแก้ม อยากทำอย่างอื่นก็ได้นะ”
ภูวดลเอาหลังมือลูบแขนสุอาภา สุอาภารีบลุกขึ้นยืนทันที
“อย่าคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงง่ายๆ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่คุณเคยเจอ”
ภูวดลลุกขึ้น โอบเอวเธอดึงเข้ามา สุอาภาพยายามขืนตัว
“ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณง่าย แต่เราคบกันอยู่ แล้วคนคบกันจะจูบ หรือจะทำมากกว่านี้ มันก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
ภูวดลเข้ามากอดและซุกไซร้สุอาภาทันที สุอาภาตกใจมากรีบผลักภูวดลออกไปอย่างแรง
“หยุดนะคุณภูวดล!”
“เนี่ยเหรอที่บอกว่าชอบผม ผมชักสงสัยแล้วนะว่าผมกำลังโดนคุณหลอกอยู่รึเปล่า”
สุอาภาหน้าถอดสีก่อนรีบเปลี่ยนท่าที
“ฉันชอบคุณจริงๆนะคุณภูวดล แต่คุณเล่นจู่โจมแบบนี้ ฉันก็ตกใจน่ะสิ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ พาฉันไปชมห้องคุณดีกว่านะ”
ภูวดลทำเป็นเชื่อสุอาภาแล้วพาเดินออกไป สุอาภาหันมาลอบถอนหายใจ ภูวดลเหล่มองเธอด้วยแววตาไม่หวังดี แล้วก็แอบกดรูปที่ถ่ายเค้าหอมแก้มสุอาภาส่งออกไป
รวีพรรณมองหน้าพิทยาหลังจากที่รู้เรื่องทุกอย่าง
“ที่คุณแตเป็นข่าวกับคุณภูวดลเพราะต้องการดึงคุณภูวดลให้ออกห่างจากรวีเหรอคะ”
พิทยาพยักหน้า แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงเมสเสจดังขึ้น พิทยาเอามือถือมากดเปิดเห็นรูปภูวดลหอมแก้มสุอาภาก็ชะงักกึก โมโหทันที
“บ้าเอ๊ย!”
รวีพรรณแปลกใจ
“พิทเป็นอะไร”
รวีพรรณเอามือถือพิทยามาดูเห็นภาพก็ชะงัก พิทยาและรวีพรรณลุกขึ้น
“ผมจะไปหาไอ้ภูวดล มันทำแบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วพิทรู้เหรอว่าเค้าไปที่ไหนกัน”
พิทยาชะงักไป แล้วก็ร้อนรนมาก
“แล้วรวีจะให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก รวีก็รู้”
“รวีรู้ค่ะ แต่รวีเชื่อว่าคุณแตต้องเอาตัวรอดได้แน่”
“รวีเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ยังไงคุณแตก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”
รวีพรรณอึ้งกับอาการของพิทยาที่ทนไม่ไหวแล้วขยับตัวเดินออกไปทันที รวีพรรณงงมาก สินีนาฎเดินออกมา
“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย” สินีนาฎว่า
“พิทเค้าไม่ได้หึง เค้าแค่เป็นห่วง”
รวีพรรณพูดจบก็เดินไปทางอื่น แต่ก็อดคิดตามที่สินีนาฎพูดไม่ได้ สินีนาฎกอดอกพร้อมเบ้หน้า
“ขนาดเด็กอนุบาลยังดูออก เธอนี่มันโง่จริงๆ”
ในเวลาต่อมา พราวพิไลเอาน้ำมาให้สุอาภาที่ยังนั่งหน้าตาตื่นอยู่
“ดื่มน้ำเย็นๆให้ใจร่มๆก่อนแก โชคดีนะที่แกฉลาด เมสเสจมาบอกว่าคุณภูวดลพาแกไปที่ไหน”
“ฉันก็กลัวเหมือนกันนี่ว่าเค้าจะทำอะไร”
“แต่เค้าไม่ได้ทำอะไรแกใช่ป่ะ”
“ถ้าทำ ฉันจะมานั่งอยู่กับแกตรงนี้เหรอ”
“ระวังตัวดีดีนะแต ฉันว่าคุณภูวดลชักจะจู่โจมแกมากขึ้นแล้ว”
สุอาภาพยักหน้าแล้วก็เป็นกังวล
ภายในบ้านสุอาภา เวลาบ่าย ณีเอามือถือสุอาภามาให้พิทยา
“คุณแตไม่ได้เอามือถือไปค่ะ”
พิทยายิ่งเป็นห่วงสุอาภามากขึ้นไปอีก ไม่นานสุอาภาก็เดินกะเผลกเข้ามา พิทยาดีใจสุดๆ รีบเดินไปหาทันที เธอแปลกใจที่เห็นเขาที่นี่
“ผมเห็นรูปที่ภูวดลส่งมา เค้าไม่ได้ทำอะไรคุณใช่มั๊ย”
สุอาภาผงะ
“ฉันกับเค้ากำลังคบกัน เค้าจะกล้าทำอะไรฉัน และถึงเค้าจะทำอะไร ฉันก็เต็มใจ”
พิทยาอึ้ง สุอาภาทำไม่แยแส
“คุณหนูกลับมายังไงคะเนี่ย”
“พราวมาส่ง”
“อ้าว แล้วทำไมเป็นคุณพราวล่ะคะ”
“ไม่ต้องถามมากได้มั้ยป้า แตโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ จะซักอะไรนักหนา”
ณีหน้าเสียที่โดนหางเลขไปด้วย สุอาภามองพิทยาแล้วแกล้งทำเป็นไม่พอใจแล้วก็เดินเข้าไป พิทยาหันไปมองตามสุอาภาแล้วก็หันมาทางณี
“ป้าไปดูแลคุณแตเถอะครับ”
ณีพยักหน้าแล้วก็รีบตามสุอาภาเข้าไป พิทยาถอนหายใจโล่งอก
ในเวลากลางคืน รวีพรรณคิดหนักเรื่องพิทยากับสุอาภา
“แล้วรวีจะให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก รวีก็รู้”
“รวีรู้ค่ะ แต่รวีเชื่อว่าคุณแตต้องเอาตัวรอดได้แน่”
“รวีเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ยังไงคุณแตก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”
“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย”
รวีพรรณเริ่มเครียด ระหว่างนั้นรมณีเปิดประตูเข้ามา รวีพรรณหันไป
“วันมะรืนลูกต้องไปงานมูลนิธิคุณนายจันทร์จำนงกับแม่”
รวีพรรณทำท่าจะปฏิเสธ รมณีพูดต่อ
“งานนี้ลูกต้องไป เพราะศรีพิไลมาเชิญด้วยตัวเอง”
“จนขนาดนี้แล้ว แม่ยังไม่เลิกคิดที่จะจับคู่ให้รวีกับคุณภูวดลอีกเหรอคะ”
“งานนี้คนที่ผิดคือยัยสุอาภา ไม่ใช่พ่อดล...และก็อย่าคิดว่าข้อตกลงของเราเรื่องนายพิทยาจะเป็นโมฆะ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
“แม่คะ”
“ลูกไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด พ่อดลเล่าให้แม่ฟังว่า นังสุอาภาตามตื้อเค้าแล้วก็สร้างเรื่องให้ลูกกับพ่อดลเข้าใจผิดกัน มันพยายามจะแย่งทุกอย่างไปจากลูก ลูกอย่าไปหลงกลคิดว่ามันเป็นคนดีเชียว แม่ว่านังนี่มันต้องมีอาการทางประสาทอ่อนๆ เป็นโรคที่เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้”
รมณีพูดจบก็เดินออกไป รวีพรรณทอดถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
ภายในห้องนอน พิทยากำลังทำงานด้วยความขะมักเขม้น...เวลาผ่านไปจากเที่ยงคืน เป็นตีหนึ่ง ตีสอง ตีสาม พิทยาก็ยังไม่นอน ทั้งๆที่เริ่มเหนื่อยและง่วง
ผ่านเวลา..พิทยาฟุบหลับบนโต๊ะ เสียงมือถือปลุก พิทยาสะดุ้งตื่นเห็นเวลาหกโมงเช้า พิทยารีบลุกเดินออกไป
ไซต์งานตอนกลางวัน พิทยาทำงาน เดินดูงาน คุยกับผู้รับเหมา กลางแดดเปรี้ยง!
เวลากลางคืน ที่ไซต์งานอีกแห่ง พิทยาตากฝนทำงาน เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ
เช้าวันถัดมา พิทยากำลังทานอาหารเช้าอยู่กับนพ บวร และวรรณวดี พิทยาดูหน้าซีดๆ ไม่ค่อยสบาย
จนนพรู้สึกเป็นห่วง
“ฉันรู้มาว่าเธอทำงานหนักมาก พักซะบ้างนะพิท ห่วงสุขภาพตัวเองก่อน”
“ครับ”
ระหว่างนั้นสุอาภาเดินออกมา พอเห็นพิทยาก็ทำเมินใส่ แล้วก็หันมากอดนพพร้อมหอมแก้ม นพยิ้ม..
“มาทานข้าวมาแต”
“ไม่ค่ะ แตมีธุระ”
“ธุระอะไร” บวรถาม
“ธุระแปลว่าเป็นเรื่องส่วนตัว”
บวรแทบสำลักข้าว
“นี่แกด่าฉันว่ายุ่งเหรอ”
สุอาภายักไหล่ไม่ตอบแล้วก็เดินออกไป อย่างไม่ใส่ใจมองพิทยา บวรฉุน
“ป๋าดูมันนะ..สงสัยกำลังเป็นช่วงมนุษย์เมนส์อยู่แน่ๆ”
พิทยายังคงมองตามสุอาภาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
แรงปรารถนา ตอนที่ 5 (ต่อ)
พิทยากับนพเดินออกมานอกตัวบ้านด้วยกัน แต่พิทยาเกิดอาการเซ ดีที่ประคองตัวเอาไว้ได้ทัน นพหันไป
“แบบนี้จะไปงานของมูลนิธิคุณนายจันทร์ไหวเหรอ”
“ไหวครับ”
“ฉันว่าอย่าขับรถไปเองเลย เดี๋ยวฉันไปส่ง ฉันยังพอมีเวลา”
พิทยาคิดนิดนึง
“ครับ”
นพยิ้มพร้อมตบบ่าพิทยา
ภายในรถ พิทยาหันมาไหว้นพ
“ขอบคุณนะครับคุณอา”
นพรับไหว้แล้วก็พยักหน้า พิทยาเปิดประตูลงไป โดยไม่รู้ว่ามือถือหล่นอยู่ในรถ นพเองก็ไม่เห็น พอพิทยาลงไปแล้ว รถนพก็แล่นออกไป
ภายในมูลนิธิจันทร์จำนง เวลาเช้า ศรีพิไล ภาสันต์ ภูวดล ยืนอยู่กับรวีพรรณ รมณี และณรงค์
“ขอบใจหนูรวีมากนะจ๊ะที่มางานนี้” ศรีพิไลบอก
รวีพรรณยิ้มเจื่อน
“เดี๋ยวเราเข้าไปนั่งกันดีกว่า”
ทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องประชุม แต่เจอสุอาภารออยู่แล้ว ทุกคนชะงักงันกันไป สุอาภารีบถลาเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะทุกคน”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด
“ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่ด้วย” ศรีพิไลถาม
“แตก็มามอบทุนน่ะสิคะ คุณแม่นี่ถามแปลก แตคงไม่ได้มากินข้าวที่มูลนิธิหรอกค่ะ”
“ฉันไม่ใช่แม่แก ไม่ต้องมาเรียก”
“ชู่ว์..ไม่เอาค่ะ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวเด็กๆตกใจนึกว่าแม่มด”
สุอาภายิ้มขำ ศรีพิไลแทบอยากจะเต้นแต่ไม่กล้ากรี๊ด ภาสันต์ รมณี ณรงค์มองสุอาภาอย่างไม่พอใจ สุอาภาเดินมาจับแขนภูวดล
“ฉันจะปล่อยให้คุณทำหน้าที่ลูกกตัญญูไปก่อน แล้วไว้หลังงานเราค่อยนัดเจอกันนะคะ”
สุอาภาเอามือแตะปากตัวเองก็แตะไปที่หน้าภูวดลก่อนจะเดินออกไป ศรีพิไลหันขวับมาทางภูวดล
“ที่นังนั่นมันพูด หมายความว่ายังไง”
“คุณศรี...หยุดได้แล้ว” ภาสันต์บอกพลางหันไปทางรมณี
“เราไปนั่งกันเถอะครับ”
ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์เดินออกไปก่อน ภูวดลหันไปทางรวีพรรณแล้วผายมือ
“เชิญครับ”
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินออกไป พิทยาที่สีหน้าดูอิดโรยก็เดินเข้ามา รวีพรรณแปลกใจ ภูวดลผงะไม่พอใจ
“พิท”
พิทยาหันไปทางรวีพรรณกับภูวดล ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์หันไปเห็นพิทยาก็อึ้ง รมณีพูดกับศรีพิไล
“มันมาได้ยังไง”
พิทยายืนอยู่กับรวีพรรณและภูวดล
“ใครเชิญแกมา” ภูวดลถาม
จันทร์จำนงเดินมาหา
“ย่าเชิญคุณพิทยามาเอง”
ภูวดลหันขวับไม่พอใจ
“คุณย่าชวนมันมาทำไมครับ”
“แล้วทำไมย่าถึงจะชวนคุณพิทยามาไม่ได้ ไปเถอะคุณพิทยา ไปนั่งข้างฉัน”
จันทร์จำนงกับพิทยาเดินออกไป ภูวดลกำมือแน่นด้วยความโมโห จันทร์จำนงพาพิทยามานั่งใกล้กับสุอาภา พิทยาเห็นสุอาภาก็แปลกใจมาก สุอาภาทำเป็นไม่สนใจ
การมอบทุนการศึกษาให้เด็กมีภาสันต์กับศรีพิไลเป็นผู้มอบทุน พิทยาสีหน้าแย่ ปากซีด ตาปรือ รู้สึกมึน ก่อนจะไอขึ้นมา ภูวดลเหล่มองพิทยาแววตากร้าว สุอาภานั่งอย่างใจจดจ่อ...เฝ้ารอเวลา พลางหันไปมองหน้ากับจันทร์จำนงอย่างรู้กัน
รวีพรรณหันไปมองพิทยาด้วยความสงสัย
ภายในรถ นพเห็นมือถือพิทยาหล่นอยู่ก็หยิบขึ้นมา
“สงสัยจะเป็นมือถือของพิท...กลับไปที่มูลนิธิก่อน” นพบอก
คนขับพยักหน้ารับแล้วก็รีบเลี้ยวรถกลับไปทันที
จันทร์จำนงเดินมาตรงหน้าไมค์ ทุกคนปรบมือ
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแจกทุนของมูลนิธิ ซึ่งเราทำกันมาเป็นเวลากว่าสิบปี นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ดิฉันมีความสุข และชุ่มชื่นหัวใจทุกครั้งที่ได้มีโอกาสในการให้การศึกษากับเด็กๆ แต่ปีนี้แตกต่างกว่าทุกปี ตรงที่มีคนๆหนึ่งที่ดิฉันตามหาและรอคอยเค้ามาทั้งชีวิตได้มาร่วมในงานนี้ด้วย”
ภาสันต์ ศรีพิไล ภูวดลแปลกใจว่าเป็นใคร รวีพรรณ รมณี ณรงค์ก็แปลกใจเช่นกัน สุอาภาตื่นเต้นมาก
“เค้าคือ..หลานชายคนโตของดิฉัน”
ทุกคนอึ้งมาก ภูวดลหันขวับไปมองภาสันต์กับศรีพิไลอย่างไม่เข้าใจ สุอาภายิ้ม แขกในงานพากันมองหา พิทยาก็มองหาด้วยความอยากรู้
จันทร์จำนงหันมาทางพิทยา
“หลานชายคนโตของดิฉันก็คือ...คุณพิทยา”
สุอาภายิ้มดีใจมาก ภาสันต์ ภูวดล ศรีพิไล รมณี ณรงค์ รวีพรรณ และแขกในงาน หันขวับไปมองพิทยาเป็นตาเดียว พิทยาเหวอ งง..ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แขกในงานพากันซุบซิบเสียงดัง
“คุณภาสันต์มีลูกอีกคนเหรอเนี่ย - มีลูกกับใคร - ตายแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ”
ภาสันต์ได้ยินคนพูดกันก็ไม่พอใจ ศรีพิไลลมแทบจับ ภูวดลต้องเข้ามาประคองเอาไว้ รมณี รวีพรรณ ณรงค์มองหน้ากัน ภาสันต์เดินมาดึงแขนจันทร์จำนงให้ออกห่างจากไมโครโฟน
ภาสันต์พูดแบบที่ได้ยินกันแค่สองคน
“คุณแม่พูดอะไรออกมา รู้ตัวรึเปล่า”
“จำผู้หญิงที่ชื่อพิมได้มั้ย พิทยาเป็นลูกของพิม”
ภาสันต์อึ้ง หน้าถอดสีหันขวับไปมองพิทยาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ ภาสันต์พูดเสียงดัง
“มันไม่ใช่ลูกผม!”
ทุกคนหันขวับไปทางภาสันต์กับพิทยาเป็นตาเดียว ภาสันต์เดินมาประจันหน้ากับพิทยา
“แกไม่ใช่ลูกชายฉัน! แม่ของแกมันมั่วผู้ชายไม่เลือก”
พิทยากัดกรามแน่นด้วยความโกรธ ทุกคนฮือฮา
“พอท้องขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กก็เลยพยายามจะจับฉัน ดีที่ฉันฉลาดไหวตัวทัน ถึงเอาตัวรอดไปได้ ฉันนึกว่าเรื่องมันจะจบ แต่แกกลับไม่จบมาหลอกแม่ฉัน ทำให้แม่ฉันคิดว่าแกเป็นหลาน แกกับแม่ของแกก็ไม่ต่างจากเปรตขอส่วนบุญ”
“หยุด” พิทยาโมโหมาก
ภาสันต์ไม่ยอมหยุด
“เห็นฉันรวยก็เลยอยากได้เป็นพ่อเหรอวะ ไอ้นพมันให้แกไม่พอเหรอไง นี่แสดงว่ามันเลี้ยงแกไม่ดีเลยใช่มั้ย แกถึงต้องหน้าด้านมาบอกว่าฉันเป็นพ่อ”
“ผมบอกให้หยุดไง”
พิทยากำมือแน่นจนตัวเกร็ง
“แกมันก็ไม่ต่างจากแม่ของแก ก็อย่างว่าแหละ แม่ลูกกัน เลือดมันก็เลยชั่วเหมือนกัน”
พิทยาสุดทน ดันภาสันต์จนหลังติดกำแพงแล้วตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความอัดอั้น
“พอได้แล้ว”
ทุกคนตกใจกับท่าทางของพิทยา
“คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่ผม”
ภาสันต์ยื่นเข้าไปพูดใกล้ๆ พูดเสียงเบาหน้ากวน
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ อย่าลืมว่าครั้งนึงฉันก็เคยเป็นผัวแม่ของแก”
พิทยาเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง ก็เลยเงื้อหมัดขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณและขาดสติ ภาสันต์กับทุกคนตกใจ
“พิทยา อย่า”
เสียงของจันทร์จำนง เรียกสติกลับมาให้พิทยาอีกครั้ง พิทยาเห็นแววตาที่ภาสันต์มองตัวเองก็อึ้ง รู้สึกได้ว่าเค้าเป็นพ่อจริงๆ พิทยาค่อยๆเอามือลง ภาสันต์ได้ทีผลักพิทยาเต็มแรง เงื้อหมัดขึ้นมาจะชกพิทยาด้วยความโกรธ แต่มีคนมาดึงแขนภาสันต์เอาไว้
ภาสันต์ชะงัก หันไปเห็นนพยืนอยู่ก็หน้าถอดสี พิทยา สุอาภา รวีพรรณ จันทร์จำนง รมณี ภูวดล ศรีพิไล ณรงค์และคนอื่นก็เห็นนพเช่นกัน
นพมองภาสันต์ด้วยแววตากร้าว
“ถ้าแกทำอะไรพิท...ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแก”
ภาสันต์ชะงัก นพปล่อยมือ เดินมาตรงกลางระหว่างภาสันต์กับพิทยา
“จะเรียกตำรวจมาจับฉัน...เฮอะ! ใครกันแน่ที่จะถูกจับ มีพยานตั้งหลายคนเห็นว่ามันคิดจะทำร้ายฉันก่อน”
นพหันไปทางคนอื่น
“แล้วมีใครเห็นว่าพิททำร้ายคุณภาสันต์แล้วเหรอยัง”
ทุกคนเงียบ ภาสันต์หน้าเสีย นพหันมาทางภาสันต์
“เลิกนิสัยเอาความดีเข้าตัว เอาความชั่วให้คนอื่นซักที แกก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าความจริงมันเป็นยังไง”
ภาสันต์กลืนน้ำลายเอื๊อก นพพูดต่อ
“ความจริงก็คือ...”
นพเว้นไปชั่วอึดใจ ทุกคนมองนพอย่างอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“พิทยา...ไม่ใช่ลูกของแก”
สุอาภากับจันทร์จำนงชะงัก ภาสันต์ ศรีพิไลโล่งอก ภูวดลนิ่วหน้าสงสัย รวีพรรณเองก็สงสัยเช่นกัน รมณี ณรงค์ลอบยิ้มอย่างสบายใจ
ภาสันต์หันไปทางจันทร์จำนง
“คุณแม่ได้ยินชัดแล้วนะครับ อย่าเอาผมไปเกลือกกลั้วกับไอ้เด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้อีก ผมมีลูกชายคนเดียวคือภูวดล”
จันทร์จำนงพูดไม่ออก หันไปมองสุอาภาแบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ภาสันต์หันมาทางนพ
“แล้วตกลงมันเป็นลูกใคร หรือว่ามันเป็นลูกแกกับพิม แต่แกอายก็เลยโกหกว่ามันเป็นแค่เด็กที่แกเอามาเลี้ยง”
“พิทจะเป็นลูกใครแกไม่ต้องยุ่ง เพราะแกกับเค้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน อย่ายุ่งกับพิทอีกเป็นอันขาด แกก็รู้ว่าฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อปกป้องคนที่ฉันรัก ไปพิท...กลับ!”
นพจับแขนพิทยาพาเดินออกไป นพเดินผ่านหน้าสุอาภาแล้วก็หยุดเดินหันไป
“ไว้เราค่อยไปคุยกันที่บ้าน”
สุอาภาได้แต่กลืนน้ำลาย นพกับพิทยาจ้ำเดินออกไป สุอาภาหันไปมองตามพิทยาอย่างรู้สึกผิด แล้วก็เดินตามออกไปอีกคน รวีพรรณมองพิทยาด้วยความสงสาร ภูวดลหันไปมองตามสุอาภาสีหน้าสงสัย
ภาสันต์มองจันทร์จำนงด้วยความโมโหสุดๆ
“คุณแม่เสียสติไปแล้วเหรอไงถึงพูดเรื่องแบบนั้นออกไป”
“หยุดนะภาสันต์! นี่แม่นะ”
“ผมขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจว่าคุณแม่คิดจะทำอะไร ทั้งๆที่ผมบอกคุณแม่ไปแล้วว่าผมไม่ได้ทำผู้หญิงคนนั้นท้อง”
จันทร์จำนงสวนกลับทันที
“แม่เคยไปเจอพิมมา”
ภาสันต์ชะงัก จันทร์จำนงพูดต่อ
“ตอนนั้นพิมเพิ่งคลอดพิทยา ทันทีที่แม่เห็นหน้า แม่ก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเรา หน้าตาเค้าถอดแบบออกมาจากเราราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน แม่แสดงความรับผิดชอบ แต่เค้าไม่รับ แล้วเค้าก็พาลูกหายตัวไปนับตั้งแต่วันนั้น นี่เป็นสิ่งที่ค้างคาใจแม่มาตลอดที่แม่ต้องปล่อยให้หลานของแม่ไปตกระกำลำบาก”
“ยังไงผมก็ไม่มีทางยอมรับว่ามันเป็นลูก มัน-ไม่-ใช่-ลูก-ผม!”
ภาสันต์เดินออกไปเลย จันทร์จำนงได้แต่ยืนอึ้ง น้ำตาไหลด้วยความเสียใจ
รมณี ณรงค์ รวีพรรณยืนอยู่กับศรีพิไล
“ฉันกลับล่ะนะศรี ถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็บอกมาได้เลย” รมณีบอก
“ขอบใจ”
รวีพรรณไหว้ศรีพิไล แล้วก็หันไปมองภูวดลที่นั่งเครียดตรงมุมหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปกับรมณีและณรงค์ ไม่นาน ภาสันต์เดินออกมา ภูวดลรีบลุกขึ้นยืน ศรีพิไลหันมา
“กลับกันได้แล้ว”
ภาสันต์เดินออกไป ศรีพิไลเดินตาม ภูวดลหันไปเห็นจันทร์จำนงเดินออกมา ภูวดลมองย่าด้วยความเสียใจและน้อยใจ ไม่พูดอะไรออกมา ก่อนจะตามพ่อกับแม่ออกไป จันทร์จำนงทอดถอนใจด้วยความเศร้า
ริมน้ำสวยแห่งหนึ่ง นพยืนหันหลังให้พิทยาที่สีหน้าแย่มากกว่าเดิมและกำลังเริ่มเป็นไข้มีอาการหนาวสั่นเล็กๆแต่พยายามอดทน
“คุณอาครับ...ผมต้องการความจริง คุณภาสันต์เป็นพ่อของผมใช่มั้ย”
นพหันมาพร้อมกับถอนหายใจ
“เธอจะอยากรู้ไปทำไม”
“ความจริง...เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม้เราจะวิ่งหนีมันไปไกลแค่ไหน แต่มันก็ตามเราทันทุกครั้ง ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต”
นพมองพิทยาด้วยสีหน้าเห็นใจ ขยับเดินมาตรงหน้า
“ฉันรับปากแม่ของเธอเอาไว้ ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้เธอรู้”
“ไม่ว่าคุณอาจะบอก หรือ ไม่บอก ผมก็มีความทุกข์เหมือนกัน”
นพมองพิทยาอย่างชั่งใจแล้วก็ตัดสินใจ...
นพกล้ำกลืนที่จะพูดมันออกมา
“ภาสันต์เป็นพ่อของเธอ”
พิทยาแทบล้มทั้งยืนด้วยความเสียใจและเจ็บปวดเมื่อได้รับการยืนยันที่ชัดเจน
“แต่ที่ฉันต้องโกหกคนอื่น เพราะฉันทนจะเห็นเธอกับแม่ของเธอถูกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีต่อไปอีกไม่ไหว การที่เธอไม่วิ่งหนีความจริงเป็นสิ่งที่น่านับถือ แต่บางครั้ง...ความจริงที่แสนเจ็บปวด เราก็ไม่ควรเก็บมันไว้ข้างตัว”
พิทยายืนนิ่งด้วยความรู้สึกที่สับสนมาก นพหยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมายื่นไปตรงหน้าพิทยา
“รับไปซะ”
พิทยามองนพงงๆ แต่ก็รับก้อนหินมาถือเอาไว้
“ฉันอยากให้เธอคิดว่าก้อนหินก้อนนี้คือความจริง”
พิทยาชะงัก นพพูดต่อ
“โยนมันลงไปในน้ำ ทิ้งให้มันอยู่ในก้นบึ้งของแม่น้ำ เมื่อมันไปรวมกับหินก้อนอื่นที่อยู่ข้างใต้ มันก็จะกลายเป็นแค่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ไม่ได้มีค่า มีความหมายให้เธอต้องคิดถึงมันอีก”
พิทยามองก้อนหินในมือแล้วเงยหน้ามองไปที่แม่น้ำ แล้วก็ตัดสินใจโยนก้อนหินอย่างแรงให้ตกลงไปในแม่น้ำ พิทยารู้สึกโล่งขึ้นมานิดนึง นพเข้ามาโอบบ่าพิทยาพร้อมกับบีบแน่นให้กำลังใจ พิทยาหันมา
“อย่าเสียใจให้กับคนอย่างภาสันต์ เพราะเธอมีค่ามากกว่าเค้าเยอะ”
“ผมไม่ได้เสียใจที่เค้าไม่ยอมรับผมเป็นลูกหรอกนะครับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดที่สุดก็คือการที่เค้าแสดงความรังเกียจแม่ของผม”
พิทยาแทบจะร้องไห้ออกมา นพมองพิทยาด้วยความสงสารมาก หันมาดึงพิทยาเข้ามากอดปลอบใจ พิทยาพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตากลับไหลออกมาเอง
แรงปรารถนา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขก สุอาภาหน้าจ๋อยอย่างหนัก บวรกับวรรณวดีมองสุอาภาด้วยสีหน้าเห็นใจ บวรสะกิดให้วรรณวดีพูดแต่เธอส่ายหน้า บวรเลยตัดสินใจ
“แต..ต่ายมีอะไรจะบอก”
วรรณวดีหันไปถลึงตาใส่บวร บวรทำหน้าตาย
“บอกน้องไปสิต่าย”
วรรณวดีหันมาทางสุอาภา
“เออ...อย่าเศร้าไปเลยนะแต เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของแต พี่รู้ว่าแตทำลงไปเพราะหวังดีกับพิท”
“แต่พิทคงจะเกลียดแตไปแล้ว”
บวรกับต่ายถอนหายใจ ไม่นานนพกลับมา ทุกคนหันไปมอง สุอาภารีบเดินไปหาทันที
“พิทเป็นไงคะป๋า”
“คงต้องให้เวลาซักพักใหญ่ๆกว่าพิทจะทำใจได้ วันนี้พิทบอบช้ำมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ”
สุอาภาน้ำตาคลอบอก
“แตขอโทษนะคะป๋า เพราะแตเอง...แตเป็นคนทำร้ายพิท”
สุอาภาร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้นรู้สึกผิดอย่างมาก ทำเอานพ บวร วรรณวดีตกใจ
“แตแค่อยากให้พิทมีตัวตนในสายตาคุณรมณี แต่ไม่นึกเลยว่าความหวังดีของแตจะทำให้พิทเจ็บปวดอีกแล้ว แตขอโทษ แตขอโทษ....แตขอโทษค่ะป๋า” สุอาภาคุกเข่าลงตรงหน้าทุกคน
สุอาภาก้มหน้าร้องไห้ นพย่อตัวลงมาดึงสุอาภาให้ลุกขึ้นมา บวรมองสุอาภาอย่างสงสาร วรรณวดีร้องไห้ตามออกมา
“ป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่ายอย่าโกรธแตนะ ถ้ามีใครโกรธแตอีก แตต้องตายแน่ๆ ตอนนี้หัวใจของแตมันจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆแล้ว”
นพเข้ามากอดสุอาภา เธอกอดนพแน่น
“ไม่มีใครโกรธแต พวกเรารู้ว่าที่ลูกทำลงไปทุกอย่าง เพราะต้องการช่วยพิทเค้าจริงๆ อย่าร้องไห้ลูก อย่าร้องไห้นะ”
นพผละออกมาเช็ดน้ำตาให้สุอาภาแล้วน้ำตาคลอเสียเอง นพลูบหัวลูกสาว วรรณวดีทนไม่ไหวเข้ามากอดสุอาภากับนพ นพกอดลูกสาวสองคนเอาไว้ บวรเองก็น้ำตาคลออีกคน แล้วก็รีบเช็ดน้ำตาเข้ามากอด ทั้งหมดยืนกอดปลอบใจกัน
ภายในห้องนอน สุอาภานั่งสีหน้ากลัดกลุ้มมากเพราะเป็นห่วงพิทยา สุอาภาเอารูปวาดการ์ตูนพิทยาขึ้นมาดู...พลางครุ่นคิด
ภายในห้องรับแขก พิทยากำลังเปิดขวดยา...สีหน้าพิทยาดูซีดและแย่มากเพราะเป็นไข้ จนแทบจะยืนไม่อยู่ พิทยายังไม่ทันกินยา ก็เซเหมือนจะล้ม สุอาภาเข้ามาเห็นพอดีก็ตกใจ
“พิท!”
สุอาภารีบเข้ามาประคอง พิทยาหันไปมองเธอและหมดเรี่ยวแรงที่จะพูด เธอค่อยๆพาเขาไปนั่งที่โซฟา เธอเห็นสีหน้าของพิทยาก็เอามือจับไปที่หน้าผาก
สุอาภาสีหน้าวิตกมาก
“นายเป็นไข้!! นี่ยังไม่ได้ทานยาใช่มั้ย เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้”
พิทยาเสียงอ่อนแรง
“ไม่ต้อง”
“ฉันรู้ว่านายโกรธฉัน แต่หยุดโกรธฉันซักเดี๋ยวจะได้มั้ย ขอให้ฉันดูแลนายก่อน”
พิทยาพูดไม่ออก สุอาภาเดินไปเอาน้ำกับยามาให้ เขารับมากิน สุอาภาเอาแก้วน้ำวางบนโต๊ะ
“ฉันจะพานายขึ้นไปนอนบนห้อง”
“นอนพักตรงนี้ซักเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น ผมยังมีงานต้องทำ คุณกลับไปได้แล้ว”
สุอาภานิ่งงันไปซักพักแล้วก็นั่งลงข้างพิทยา พิทยาแปลกใจ
“ฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนาย”
“คุณแต...”
“ต่อให้เอารถมาลากฉัน...ฉันก็ไม่ไป”
สุอาภาสีหน้ามุ่งมั่นมากจนพิทยาอ่อนใจ
บนโต๊ะอาหาร เวลากลางคืน รมณี รวีพรรณ ณรงค์ทานข้าวบนโต๊ะอาหารด้วยกัน
“ไม่รู้นายพิทยาไปพูดกับคุณนายจันทร์อีท่าไหน ถึงทำให้แกเข้าใจว่ามันเป็นลูกของคุณภาสันต์” รมณีว่า
“คนแบบนายนั่น สร้างเรื่องได้สารพัดนั่นแหละ แต่ไอ้ที่แปลกก็คือ..คุณนายจันทร์เชื่อเข้าไปได้ยังไง แถมยังเชื่ออย่างจริงจังซะด้วย ว่านายพิทยาเป็นหลานชายแท้ๆ” ณรงค์บอก
“ฉันว่าคุณนายจันทร์นี่ก้อท่าจะเลอะเลือนซะแล้วล่ะค่ะ”
รวีพรรณฟังที่พ่อกับแม่พูดแล้วก็ได้แต่เงียบ และเป็นห่วงพิทยา เธอทำเป็นนึกอะไรออก
“เออ คุณพ่อคุณแม่คะ รวีนึกได้ว่าลืมเอกสารสำคัญไว้ที่ออฟฟิศ ต้องรีบไปเอามาอ่านคืนนี้”
“ถ้างั้นก็รีบไปเถอะลูก ขับรถดีดีล่ะ”
รวีพรรณพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป
ผ่านเวลามา พิทยานอนซมอยู่บนเตียง สุอาภาเอาผ้ามาห่มให้ นั่งดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด แต่พิทยาก็ยังหนาวสั่น ไข้ไม่ลง สุอาภาเอามือจับหน้าผากพิทยาอีกครั้ง
“ตัวยังร้อนอยู่เลย”
สุอาภาเป็นห่วงมาก พิทยาค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“ไปหาหมอเถอะนะ”
“ไม่...ไป”
“ทำไมนายถึงได้ดื้ออย่างนี้ ถ้านายเป็นหนักขึ้นมาจะทำยังไง”
“ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”
แล้วสุอาภาก็นึกอะไรออก
“รอฉันเดี๋ยว”
สุอาภาลุกเดินออกไป พิทยาไม่มีแรงจะที่ชะโงกหน้ามองว่าสุอาภาไปไหน
รวีพรรณจอดรถที่หน้าบ้านพิทยา พอมองรถสุอาภาก็ผงะ
“รถคุณสุอาภา”
รวีพรรณนิ่วหน้า เห็นประตูรั้วไม่ได้ปิดก็เดินเข้าไปในบ้านพิทยา
สุอาภาเอากะละมังมาวางบนโต๊ะ พิทยาหันไปมอง
“ฉันจะเช็ดตัวให้นาย เผื่อจะช่วยให้ไข้ลดลงได้บ้าง”
สุอาภาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อให้เขาแล้วก็ประคองเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะถอดเสื้อพิทยาออกมา
“นายนั่งอยู่อย่างนี้ก่อนนะ”
สุอาภาเอาผ้าขึ้นมาบิดน้ำออก แล้วหันมาเช็ดหน้าให้พิทยาด้วยความนุ่มนวล เขามองเธอที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกหวั่นไหว เธอองก็เช่นกันแต่ทำเป็นไม่สนใจ เช็ดตัวให้เขาต่อไป...เธอเช็ดหน้าเสร็จก็เช็ดที่แขน พอสุอาภาหันไปก็เจอหน้าพิทยาที่ใกล้ตัวเองมากๆ ทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งนาน
รวีพรรณยืนอยู่ตรงประตู เห็นพิทยากับสุอาภาก็แทบช็อก แววตาที่เขามองสุอาภาสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี เสียงสินีนาฎ กับ เสียงรมณีดังขึ้น
“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย”
“งานนี้คนที่ผิดคือยัยสุอาภา ไม่ใช่พ่อดล...”
“ลูกไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด พ่อดลเล่าให้แม่ฟังว่า นังสุอาภาตามตื้อเค้า แล้วก็สร้างเรื่องให้ลูกกับพ่อดลเข้าใจผิดกัน มันพยายามจะแย่งทุกอย่างไปจากลูก ลูกอย่าไปหลงกลคิดว่ามันเป็นคนดีเชียว แม่ว่านังนี่มันต้องมีอาการทางประสาทอ่อนๆ เป็นโรคที่เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้”
รวีพรรณกำมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ ตัดสินใจหันหลังจ้ำเดินออกไปทันที
พิทยาค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้สุอาภาเหมือนจะจูบ สุอาภาไม่ขัดขืนแต่อย่างใด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่พิทยากลับหมดสติคอพับไปตรงไหล่ของเธอ
“พิท!”
สุอาภารีบดึงพิทยาออกมาแต่เพราะตัวเขาหนักมากเลยหงายหลังนอนบนโซฟา สุอาภาเขย่าตัว
“พิท!”
รวีพรรณขับรถมาด้วยความเร็วเพราะโมโห เหยียบคนเร่งจนเข็มวัดความเร็วขึ้นไปที่ 140 และยังคงพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ภาพที่รวีพรรณเคยเห็นพิทยากับสุอาภาแว๊บเข้ามา
สุอาภากับพิทยาทำงานด้วยกันในออฟฟิศจนถึงเช้า /พิทยาได้รับรางวัล / สุอาภามาอธิบายเรื่องพิทยา
“ที่ผ่านมาฉันยอมรับว่าฉันอยากทำให้คุณกับพิทเลิกกัน แต่ตอนนี้ฉันสำนึกผิด รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปทุกอย่าง มันไม่ถูกต้อง ถ้าฉันอยากแย่งพิทมาจากคุณจริงๆ ฉันไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณรู้หรอกนะคะ”
ภาพที่พิทยาดูเป็นห่วงสุอาภามาก
“แล้วรวีจะให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก รวีก็รู้”
“รวีรู้ค่ะ แต่รวีเชื่อว่าคุณแตต้องเอาตัวรอดได้แน่”
“รวีเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ยังไงคุณแตก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”
รวีพรรณเหยียบคันเร่งจมมิดแล้วก็เห็นคนข้ามถนน รวีพรรณตกใจมาก คนข้ามถนนก็ตกใจ รวีพรรณรีบหักหลบ รถตกลงไหล่ทาง เห็นเสาไฟฟ้าตรงหน้า รวีพรรณเบรคเอี๊ยด..รถห่างจากเสาไฟฟ้าเฉียดไปเส้นยาแดงผ่าแปด รวีพรรณระเบิดอารมณ์ด้วยการร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ก้มหน้าซบกับพวงมาลัยรถ
สุอาภากำลังโทรศัพท์ถึงนพ
“แตโทร.เรียกรถพยาบาลให้มารับพิทค่ะ แตจะอยู่เฝ้าพิทเอง ป๋าไม่ต้องห่วงนะคะ”
สุอาภาวางสายหันไปมองพิทยาที่นอนหมดสติและให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง สุอาภาเดินไปนั่งข้างพิทยา..ค่อยๆจับมือและมองด้วยความเป็นห่วงจริงๆ
เช้าวันถัดมา สุอาภาฟุบหลับอยู่ข้างเตียง พิทยามีสีหน้าที่ดีขึ้น ลืมตาตื่นขึ้นมามองไปรอบๆด้วยความแปลกใจว่าเค้ามาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง ก่อนจะเห็นสุอาภานอนจับมือเค้าอยู่ข้างๆ
พิทยามองสุอาภานิ่งนาน...กำลังจะเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกลงมาตรงหน้า สุอาภาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี พิทยารีบชักมือกลับ สุอาภาเห็นพิทยาฟื้นก็ดีใจรีบลุกขึ้น
“พิท”
สุอาภานึกขึ้นได้ รีบเอามือจับไปที่หน้าผากพิทยา
“ไม่มีไข้แล้ว”
สุอาภาโล่งใจสุดๆ
“นี่คุณเฝ้าผมทั้งคืนเลยเหรอ”
สุอาภาพยักหน้า
“เห็นนายดีขึ้นฉันก็สบายใจ เดี๋ยวฉันจะออกไปบอกพยาบาลว่านายฟื้นแล้ว”
สุอาภาหันหลังจะออกไป พิทยามองสุอาภาแล้วก็ตัดสินใจ...
“คุณแต...ขอบคุณที่ช่วยดูแลผม”
สุอาภาดีใจหันมา
“ ไม่เป็นไร”
“แต่ต่อไปนี้...ถ้าไม่มีความจำเป็น เราอย่าเจอกันอีกเลยจะดีกว่า”
สุอาภาหน้าถอดสี รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมาทันที แต่ต้องทำเป็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไร
“ผมไม่ได้โกรธคุณนะ แต่ตั้งแต่รู้จักคุณ มันมีแต่คำว่าทุกข์มากกว่าสุข มันไม่เคยมีอะไรดีซักอย่าง ที่ผมต้องพูดเพราะให้คุณรู้ตอนนี้ดีกว่าทิ้งไว้ แล้วผมอาจจะรู้สึกแย่กับคุณไปมากกว่าเดิม ผมยังอยากจะเก็บความทรงจำดีที่มีอยู่ไม่มากระหว่างเราเอาไว้ เพราะครั้งหนึ่ง..คุณเคยเป็นน้องสาวที่..ผ..ที่แสนดีสำหรับผม”
ประโยคสุดท้าย พิทยาตั้งใจจะพูดว่า”ผมรัก”แล้วก็เปลี่ยนใจ เลี่ยงไปใช้คำว่า “แสนดี” แทน
สุอาภาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แต่จำต้องกล้ำกลืนฝืนทน
“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็รู้สึกไม่ต่างจากนาย ขอให้นายโชคดีก็แล้วกัน”
สุอาภาคว้ากระเป๋าแล้วก็รีบเดินออกไปทันที พิทยาเองก็เสียใจไม่แพ้สุอาภาที่ต้องพูดออกไปแบบนั้นแต่เป็นเพราะเค้ากลัวว่าตัวเองจะตกหลุมรักสุอาภาอีกครั้ง จึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
สุอาภาเดินตัวลอยมาตามทางเดินในโรงพยาบาล แล้วก็หยุด นั่งลงตรงม้านั่งข้างทางเดิน น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้ สุอาภาก้มหน้าร้องไห้อย่างหนัก
ในเวลาต่อมา จันทร์จำนงมองสุอาภาสีหน้าตกใจ
“พิทยาอยู่โรงพยาบาล”
“ค่ะ”
“แล้วเป็นหนักมากรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ คุณนายไม่ต้องห่วง แต่ว่าตอนนี้...พิทเค้าไม่อยากเจอฉันแล้ว ฉันทำผิดกับพิทซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เค้าเสียใจตลอดเวลา โดยเฉพาะครั้งนี้”
จันทร์จำนงจับมือสุอาภาปลอบใจ
“เธอไม่ได้ทำผิด เธอทำให้ฉันได้รู้ว่าหลานชายอีกคนของฉันยังมีชีวิตอยู่ คนที่ผิดคือลูกชายของฉันเองต่างหาก”
สุอาภาเงยหน้ามองจันทร์จำนงแล้วเห็นแววตาที่เศร้าหมอง
รวีพรรณหันไปมองมือถือที่กำลังดัง มีชื่อพิทอยู่ที่หน้าจอ เธอตัดสินใจไม่รับสายเพราะยังโกรธอยู่
ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศรวีพรรณ สินีนาฎกำลังถ่ายเอกสาร เสียงมือถือดังขึ้น เธอเห็นชื่อพิทยาก็ดีใจรีบรับสาย
“ว่าไงจ๊ะพิท... รวีประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรล่ะ เดี๋ยวสิบอกให้ พิทอยู่โรงพยาบาล”
“แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้ก็คงจะออกแล้ว ถ้าไงฝากสิบอกรวีด้วยก็แล้วกัน”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา เออนี่พิท..หมู่นี้พิทกับรวีทะเลาะกันรึเปล่า”
พิทยานิ่วหน้า
“ไม่นี่...มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไร สิแค่ถามดู ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว พิทไม่ต้องคิดมากนะ พักผ่อนเยอะๆ”
พิทยาแปลกใจ สินีนาฎกดวางสายแล้วเบ้หน้าร้ายกาจทันที
“ขอโทษนะพิท...เธอฝากเรื่องไว้ผิดคนแล้วล่ะ”
สินีนาฎมีความสุขที่ได้ทำให้คนแตกคอกัน
พิทยาวางมือถือไว้บนโต๊ะข้างเตียง ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น พิทยาหันไปเห็นจันทร์จำนงเดินเข้ามา ก็ชะงักกึก พิทยารีบลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือไหว้ จันทร์จำนงรีบห้าม
“นอนเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก ฉันรู้จากคุณสุอาภา ก็เลยมาเยี่ยม”
“ขอบคุณครับ”
“ขอฉันเรียกเธอว่าพิทยาจะได้มั้ย”
“ครับ”
“ถึงลูกชายฉันจะไม่ยอมรับเธอ แต่ฉัน...”
พิทยารีบพูดสวนขึ้นมา
“คุณนายครับ ผมไม่ใช่หลานของคุณนายหรอกนะครับ”
“เธอคงไม่พอใจ”
พิทยารีบพูดต่อทันที
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจด้วยซ้ำที่คุณนายเห็นผมเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่คนที่เป็นเหมือนพ่อผม คือคุณอานพ ท่านเลี้ยงดูผมมา ให้การศึกษา ทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนจนถึงทุกวันนี้”
“ฉันเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับนพดี นพเป็นผู้มีพระคุณ แต่ในทางสายเลือด คนที่เป็นพ่อของเธอ คือ ลูกชายฉัน”
“คุณนายจะหาว่าผมอกตัญญูก็ได้นะครับ แต่ผมไม่ได้ซาบซึ้งและสำนึกว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิด เพราะว่าผมไม่ได้เกิดมาจากความรักของคนเป็นพ่อ มีแต่แม่กับคุณอาเท่านั้นที่รักผม”
จันทร์จำนงแทบสะอึกรู้สึกแย่มาก
“พิทยา”
พิทยาลุกจากเตียง จันทร์จำนงมองแปลกใจ แล้วพิทยาก็คุกเข่าลง..ตรงหน้า พร้อมกับก้มลงกราบที่เท้า จันทร์จำนงตกใจ รีบจับแขนพิทยาสองข้าง พิทยาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับมือที่ยังไหว้อยู่
“ผมกราบขอบพระคุณคุณนายที่กรุณาผมมากขนาดนี้ และผมก็ต้องขอโทษที่ทำให้คุณนายผิดหวัง”
จันทร์จำนงอึ้ง
“ลุกขึ้นก่อนเถอะ”
พิทยาลุกขึ้นยืน จันทร์จำนงถอนหายใจแล้วบอก
“จะด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้เธอปฏิเสธฉัน แต่ฉันก็ยังเชื่อมั่นว่า เธอคือหลานชายของฉัน”
พิทยาพูดไม่ออก
“ฉันอยากให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ไร้ญาติ เธอยังมีฉันที่เป็นย่าแท้ๆของเธอ และฉันก็อยากให้เธอนึกถึงฉันบ้าง อย่าหายหน้าหายตาไป อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกผิดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉันขอเพียงเท่านี้ หวังว่าเธอคงจะไม่ใจดำกับฉันนะพิทยา”
จันทร์จำนงน้ำตาคลอเบ้า พิทยาได้แต่ยืนเงียบมองจันทร์จำนงด้วยความสับสน
“ฉันขอกอดหลานชายของฉันซักครั้งจะได้มั้ย”
พิทยานิ่งไม่ตอบ จันทร์จำนงเข้ามากอดพิทยา พลันน้ำตาไหลออกมา พิทยาเองก็น้ำตารื้น รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยราวกับลูกนกที่รอไออุ่นจากแม่ ไม่นานจันทร์จำนงผละออกมาพร้อมกับเช็ดน้ำตา
“ฉันไม่กวนเวลาพักผ่อนของเธอแล้ว ฉันกลับล่ะ”
พิทยายกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้แล้วก็หันหลังเดินหน้าเศร้าออกไป พิทยาถอนหายใจออกมา
ภายในผับ เวลากลางคืน ภูวดลกำลังเล่นสนุกเกอร์ แต่แทงลูกไม่ลงหลุม ภูวดลหัวเสียมาก สาวเดินมาหา
“ลงไปเต้นข้างล่างกับหนุงหนิงดีกว่า”
“อย่ายุ่งได้มั้ย รำคาญ!”
สาวเหวอ ภูวดลเดินไปนั่ง เพื่อนๆตามมานั่งข้างๆ
“แกเป็นอะไรของแกวะไอ้ดล! ใครทำให้อารมณ์เสีย บอกมาเดี๋ยวพวกเราไปจัดการให้” เพื่อนคนแรกบอก
“ผู้หญิง”
ภูวดลพูดอย่างฮึดฮัด เพื่อนมองหน้ากัน
“ผู้หญิงเนี่ยนะ จัดการง่ายนิดเดียว” เพื่อนอีกคนบอก
ภูวดลหันไปมองเพื่อนคนที่สองด้วยความสนใจ
“ยังไงวะ”
เพื่อนมองหน้ากันแล้วหันมายิ้มร้ายให้ภูวดล
ภายในห้องพักในโรงพยาบาล พิทยาแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาเจอบวรรออยู่
“ขอบคุณมากนะครับคุณใหญ่ที่มารับผม ความจริงผมกลับเองก็ได้”
“นายไม่ใช่คนเหล็กนะเว้ย เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวเข้มแข็งได้แล้ว มนุษย์เราถ้าจะแสดงความอ่อนแอออกมาบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
พิทยายิ้มๆ แล้วสองคนก็เดินออกไปด้วยกัน
ภายในบ้าน สุอาภานั่งเหม่อมองไปที่สระว่ายน้ำ สีหน้าเศร้ามาก วรรณวดีกับณีแอบดูอยู่
“คุณแตนั่งซึมแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะคุณต่าย ป้าล่ะสงสารคุณแตจริงๆ”
วรรณวดีมองสุอาภาอย่างเห็นใจมาก
“คงเป็นเพราะเรื่องพิทนั่นแหละ”
พลันเสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น เธอเห็นชื่อภูวดลก็เซ็ง....ไม่รับสาย แต่ภูวดลยังคงโทรมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด สุอาภาเลยตัดสินใจรับสาย
“โทรมาทำไม”
“ออกมาเจอผม”
“ฉันไม่ว่าง”
“ถ้าคุณไม่ออกมาเจอผม แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนายพิทยาก็อย่าเสียใจแล้วกัน”
สุอาภาตกใจถามทันที
“จะให้ฉันไปเจอที่ไหน”
สุอาภาสีหน้าเครียด
ภายในคอนโดฯ ภูวดลกดวางสาย แล้วหยิบขวดแก้วเล็กๆที่มีน้ำใสๆขึ้นมามองแววตาร้ายกาจ
สุอาภารีบเดินมาตามทางสีหน้าร้อนรนมาก จนวรรณวดีกับณีแปลกใจเลยเดินตามมา
“แตจะไปไหน”
“แตมีนัดกับเพื่อนค่ะ”
สุอาภาจ้ำออกไปทันที ณีกับวรรณวดีแปลกใจ แล้วณีก็เหลือบไปเห็นมือถือของสุอาภาที่วางทิ้งเอาไว้ก็รีบเดินมาหยิบ
“ดูสิคะคุณต่าย รีบขนาดจนลืมมือถือเอาไว้”
วรรณวดีคิดนิดนึงแล้วบอก
“ขอต่ายดูหน่อยค่ะ อยากรู้ว่าใครโทรมา ถึงต้องรีบร้อนออกไป”
วรรณวดีเอามือถือสุอาภามากดเปิด แล้วก็ผงะ อึ้ง
“นายภูวดล”
ณีกับวรรณวดีมองหน้ากันอย่างเป็นห่วงสุอาภา
เมื่อกลับถึงบ้าน พิทยาหันมาทางบวร
“คุณใหญ่กลับเถอะครับ ผมอยู่ได้”
“เออเออ ฉันรู้ว่าแกเก่ง”
พลันเสียงมือถือบวรดังขึ้น บวรกดรับสาย
“ว่าไงต่าย ห๊ะ!! ใจเย็นๆก่อน มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
บวรวางสาย พิทยาหันไปถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“ต่ายโทรมาบอกว่า แตรับโทรศัพท์นายภูวดลแล้วก็รีบออกไป จนลืมมือถือทิ้งเอาไว้”
พิทยาฟังแล้วก็ชักเป็นห่วง
ที่คอนโดฯ ริมน้ำ ภูวดลเปิดประตู สุอาภายืนอยู่ เขาผายมือเชื้อเชิญ
“เชิญ”
สุอาภาเดินเข้ามา ภูวดลปิดประตู สุอาภาหันมา
“มีอะไรก็รีบๆพูดมา”
“ผมหมดประโยชน์แล้วก็เลยถีบหัวผมส่งเลยสินะ อย่านึกว่าผมไม่รู้ว่า คุณเป็นคนบอกคุณย่าผมเรื่องไอ้พิทยา”
“ใช่..ฉันเป็นคนบอก เริ่มฉลาดแล้วนี่ แต่อย่ามาโทษฉันเลย เพราะคุณเล่าเรื่องพ่อของคุณกับพ่อของฉันให้ฉันได้รู้ มันก็เลยทำให้ฉันปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆได้ จนรู้ว่าจริงๆแล้ว พิทมีพ่อคนเดียวกับคุณ มันก็เท่ากับว่าพิทมีศักดิ์เป็นพี่ชายคุณด้วย”
ภูวดลโมโหโกรธแค้นมาก
“คุณทำทุกอย่างเพื่อไอ้พิทยามันจริงๆ”
สุอาภายื่นหน้าท้าทาย
“ฉันทำเพื่อพิท เพราะฉันทนเห็นพิทถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้”
“ไอ้พิทนี่มันน่าจะไปเอาผ้าถุงมานุ่ง ถึงต้องให้ผู้หญิงคอยปกป้อง”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพิท พิทไม่ได้รู้ในสิ่งที่ฉันทำ”
“นางเอกมั่กมาก แต่สงสัยนางเอกอย่างคุณ คงจะจบไม่สวยซะเท่าไหร่”
สุอาภาอึ้ง
“คุณจะทำอะไร”
ภูวดลไม่ตอบ หยิบสเปรย์ออกมาแล้วพ่นใส่หน้าสุอาภา เธอตกใจ
“ฉีดอะไรใส่หน้าฉัน!”
ภูวดลแสยะยิ้มแล้วสุอาภาก็รู้สึกหัวหนัก มึนมาก เธอรู้ทันทีว่าเธอโดนฉีดยาสลบ สุอาภาเริ่มทรงตัวไม่อยู่พยายามจะลุกขึ้น ภูวดลลุกขึ้นยืนมอง เธอฝืนไม่ไหวอีกต่อไป หมดสติ..เขารีบเข้ามาประคองรับเอาไว้ มองเธอด้วยสีหน้าร้ายกาจ