แรงปรารถนา ตอนที่ 4
พิทยาเดินเข้ามาในโรงพยาบาลท่าทางรีบเร่ง เจอสุอาภาซึ่งแกล้งนั่งหน้าซีดรออยู่แล้ว
“ฉันไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงก็เลยต้องโทร.เรียกนายมากะทันหัน ขอโทษทีนะ นี่นายทำอะไรอยู่รึเปล่า”
“เปล่า...คุณเป็นอะไร”
“ปวดท้อง นายขับรถพาฉันไปส่งบ้านที ฉันขับรถกลับไม่ไหว”
สุอาภาแกล้งกุมท้องทำหน้าเจ็บปวด เขาประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน
“เดินไหวมั้ยเนี่ย”
สุอาภาพยักหน้า พิทยาพาเธอเดินออกไป เธอมองเขาแล้วก็ยิ้มมุมปากที่เขาหลงเชื่อ
พิทยาประคองสุอาภาเข้ามาในบ้าน
“ป้าณี... ป้าณี สงสัยป้าณีไม่อยู่”
บ้านเงียบ สุอาาภาแกล้งปวดท้องขึ้นมาอีก “โอ๊ย!”
พิทยามองเธออย่างเป็นห่วงก็เลยอุ้มสุอาภาขึ้นมา เธอตกใจแล้วพิทยาก็พาเดินออกไป
ภายในห้องนอน พิทยาเอาผ้าห่มให้สุอาภา สุอาภาอึ้งๆ แล้วพิทยาก็มองอย่างเป็นห่วงก่อนจะผละออกมา
“ผมจะลงไปอยู่ข้างล่างจนกว่าจะมีคนกลับมา มีอะไรโทรเรียกก็แล้วกัน”
พิทยาหน้าเศร้ามาก สุอาภาจับแขนพิทยาเอาไว้
“เดี๋ยวพิท! นาย..เออ...คืนดีกับคุณรวีเหรอยัง”
“ยัง รวีกำลังจะหนีผมไปเมืองนอก”
แววตาพิทยาฉายความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด จนสุอาภาตกใจ
“นายเสียใจมากใช่มั้ย”
พิทยาพูดไม่ออก อยู่ดีดี น้ำตาก็รื้นขึ้นมาคลอในเบ้าตา สุอาภาอึ้งที่ได้เห็นน้ำตาของเขา แต่เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
“คุณนอนพักเถอะ”
พิทพูดจบก็รีบหันหลังเดินออกไปพร้อมกับน้ำตาที่หยดลงมา สุอาภาเห็นน้ำตาหยดนั้นพอดีก็ถึงกับรู้สึกผิดมาก
ในห้องรับแขก พิทยาเดินออกมาเจอนพที่กลับเข้ามาพอดี
“อ้าว...พิท”
พิทยายกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณอา”
“ทำไมอยู่นี่”
“คุณแตปวดท้องมากครับ ผมก็เลยพากลับมา”
นพตกใจถาม
“แล้วเป็นอะไรมากมั้ย”
“คุณแตไปหาหมอแล้วครับ ตอนนี้นอนอยู่”
นพพยักหน้าสบายใจแล้วสังเกตสีหน้าพิทยา
“แล้วเรา...ไม่สบายด้วยรึเปล่า”
พิทยาชะงักไปนิดนึง
“คุณอาครับ เรื่องที่จะไปสู่ขอรวี ผมว่า...ไม่ต้องไปหรอกครับ”
“ทำไม หรือว่าแม่เค้ามาพูดอะไรกับเธอ”
“ไม่ใช่ครับ รวีกำลังจะไปดูงานที่ต่างประเทศ แล้วอีกอย่างผมก็ยังไม่ได้บอกเค้าเรื่องนี้ เพราะว่าเค้าไม่ยอมพูดกับผม”
นพครุ่นคิด
“ถ้างั้นก็ไปซะวันนี้เลย ไม่ต้องสนฤกษ์มันแล้ว”
“อย่าเพิ่งเลยครับคุณอา คุณแตกำลังไม่สบาย ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน”
นพอึ้ง
“ยังมีแก่ใจห่วงคนอื่นอีกนะ”
“คุณแตไม่ใช่คนอื่นนี่ครับ ถ้าไงผมขอตัวกลับก่อน”
พิทยาไหว้นพ นพรับไหว้แล้วพิทยาก็เดินออกไป นพสีหน้าสงสัย
ภายในห้องนอน สุอาภานั่งดูรูปคู่ตัวเองกับพิทยาสมัยประถมแล้วคิดถึงความหลัง พลันเสียงบิดลูกบิดประตูดังขึ้น สุอาภาตกใจ รีบล้มตัวนอน เอารูปไว้ใต้หมอน แล้วหลับตาโดยไม่รู้ว่ามุมกรอบรูปยื่นออกมา
นพเปิดประตูเข้ามาเห็นสุอาภาหลับก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ ลูบผมลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเห็นมุมกรอบรูป นพแปลกใจ..ค่อยๆหยิบออกมาดู แล้วก็ชะงักไปที่เห็นว่าเป็นรูปคู่สุอาภากับพิทยาตอนเด็ก นพนิ่งมองสุอาภาอย่างรู้ใจแล้วก็วางรูปไว้ที่ชั้นข้างหัวเตียงก่อนจะเดินออกไป สุอาภาลืมตาขึ้นมา อึ้งไปที่พ่อเห็นรูป
ภายในห้องนอนรพีพรรณ เธอรูดซิปกระเป๋าเดินทางหันไปหยิบพาสปอร์ตกับตั๋วเครื่องบินขึ้นมาดูพลางถอนหายใจ
เวลากลางคืน นพเอาข้าวต้มเข้ามาวางบนโต๊ะ แล้วหันไปทางสุอาภาที่นั่งอยู่บนเตียง
“ไม่เห็นลูกลงไปทานข้าว ป๋าก็เลยเอาข้าวเข้ามาให้ ลุกขึ้นมานั่งทานตรงนี้ไหวมั้ย”
สุอาภานิ่งไปอย่างรู้สึกผิดแล้วลุกเดินมาหานพ
“ป๋าคะ..ความจริง แตไม่ได้เป็นอะไร”
นพเงียบ...มองอย่างรู้อยู่แล้ว สุอาภาอึ้ง
“ป๋ารู้”
“แตเป็นลูกป๋า ป๋ามองปร๊าดเดียวก็รู้แล้วว่าแตคิดอะไร แตแกล้งพิทเค้าทำไม”
“แตไม่ใช่คนเกเรตลอดเวลานะคะป๋า เพียงแต่แตระงับอารมณ์ไม่ได้”
สุอาภายิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งแรงขึ้นแรงขึ้น
“เค้าชอบพูดไม่ดีกับแต เจอหน้าก็เก็กใส่ ไอ้สายตาเย็นชาแบบนั้นน่ะ แตเกลียดนัก ทีแต่ก่อนตอนยังอยู่บ้านเรา เค้าไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เค้าออกจากบ้าน แล้วไปเป็นแฟนกับแม่รวีพรรณนั่นแหละ เค้าก็เปลี่ยนไป”
“แตแตแต”
นพบีบแขนสุอาภาเบาๆเพื่อให้ใจเย็น
“ป๋าไม่อยากให้แตคิดกับพิทแบบนี้ พิทเป็นคนดี ดีมาก ดีซะจนป๋าไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้หลงเหลืออยู่ เค้าไม่ได้ดีเพราะป๋าหรือเพราะใคร แต่เค้าดีด้วยตัวเอง ป๋าไม่อยากให้แตทำร้ายเค้า เพราะชีวิตทั้งชีวิตของพิทถูกทำร้ายมามากแล้ว โดยเฉพาะจากพ่อบังเกิดเกล้าที่ไม่เคยยอมรับเค้า”
สุอาภาผงะ อึ้งไปเลย เพราะไม่เคยรู้มาก่อน
“ป๋าอยากให้แตไปขอโทษพิท ก่อนที่เรื่องมันจะแย่ลงไปมากกว่านี้ แล้วก็อย่าไปยุ่งกับเค้าอีก แตทำเพื่อป๋าได้มั้ย”
นพพยายามเตือนสติ สุอาภานิ่งงันไปด้วยความสับสน ลังเล
ภายในห้องนอน พิทยานอนก่ายหน้าผากนอนไม่หลับ คิดหนักมาก หันไปหยิบมือถือมากดเปิดดูรูปคู่ตัวเองกับรวีพรรณ
คำพูดของรวีพรรณและสินีนาฎดังขึ้นในความคิด
“บางที..เราอาจจะต้องอยู่กับตัวเองกันซักพัก”
สินีนาฎทำเห็นใจบอก
“ตายจริง ท่าทางครั้งนี้รวีจะโกรธพิทมากจริงๆ พิทที่เป็นแฟนกลับไม่รู้แต่คนที่รู้ดันเป็นคุณภูวดล”
พิทยาลุกขึ้นนั่ง สีหน้ามุ่งมั่นว่าเค้าจะเสียรวีพรรณไปไม่ได้เด็ดขาด
เช้าวันถัดมา คนใช้เปิดประตูเจอพิทยายืนอยู่
“ผมมาหารวี”
“คุณรวีออกไปสนามบินแล้วค่ะ”
พิทยาตกใจ
“เครื่องออกกี่โมง สายการบินอะไร”
บนถนนแถวแอร์พอร์ทลิ้งค์ รถติดยาวในช่วงเวลาเร่งด่วน พิทยาร้อนใจมาก หันไปมองรอบๆ ไม่เห็นทางไป พลางดูเวลาเห็นแปดโมงกว่า เขาร้อนรนมากขึ้นแต่รถก็ไม่ขยับซักที พิทยาหันไปเห็น “แอร์พอร์ทลิ้งค์” พิทยาตัดสินใจ
ภูวดลกับรวีพรรณเดินมาหารมณีกับณรงค์
“เช็กอินเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นก็เข้าไปเถอะลูก” รมณีบอก
“ครับ”
ภูวดลหันไปมองรวีพรรณ แล้วรวีพรรณกับภูวดลก็ยกมือไหว้รมณีกับณรงค์
พิทยารีบเข้ามาในแอร์พอร์ตลิ้งค์ มาที่ตู้จำหน่ายเหรียญอัตโนมัติ พิทยาจ่ายเงิน ได้เหรียญโดยสาร แล้วก็รีบนำเหรียญเดินเข้าไปด้านในทันที พิทยาสีหน้าร้อนรนกังวลใจ พลางดูเวลา เห็นว่าเก้าโมงกว่า ไม่นานรถไฟมาจอด...พิทยารีบเข้าไปในรถ
รวีพรรณกับภูวดลกำลังเข้าแถวเพื่อเข้าไปด้านใน ภายในรถไฟฟ้า พิทยาแทบจะนั่งไม่ติด ในใจพร่ำบอกว่าขอให้รวีพรรณอย่าเพิ่งไป
ที่สนามบิน พิทยามาถึง รีบวิ่งไปที่ Departures Boards แล้วมองดู เห็นว่าเที่ยวบินที่รวีพรรณเดินทางนั้น เขียนว่า “Gate Closed” พิทยาแทบจะทรุดลงไปกองตรงนั้น สีหน้าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
ภูวดลหยิบตะกร้าใส่มะม่วงขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะหันไปมองจันทร์จำนง
“ไม่มีมะม่วงที่ไหนจะอร่อยเท่ากับสวนของคุณย่าอีกแล้วล่ะครับ งานนี้ผมอ้วนแน่เลย”
จันทร์จำนงมองหลานชายแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู เขาหันไปเห็นมะม่วงอีกตะกร้า
“แล้วอีกตะกร้าของใครครับ”
“คุณพิทยา ย่ากำลังจะให้คนไปส่งให้คุณพิทยาที่ออฟฟิศ”
ภูวดลชะงัก คิดนิดนึงแล้วบอก
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเอาไปให้เอง”
ภูวดลทำเป็นยิ้มจริงใจ ทั้งๆที่คิดร้ายบางอย่าง
ภายในห้องทำงาน พิทยายืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความคิดถึงรวีพรรณ ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น พิทยาหันไปเห็นนพเปิดประตู...เดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษโน๊ตในมือ
“อาโทรไปขอฤกษ์กับพระผู้ใหญ่ที่นับถือมาแล้ว ฤกษ์ดีที่เหมาะกับการสู่ขอคือวันพฤหัสหน้า”
นพยื่นกระดาษไปตรงหน้าพิทยา เขาเงียบ
“สีหน้าไม่ตื่นเต้นยินดีใดใด ทำเอานพแปลกใจ”
“หรือพิทว่ามันช้าเกินไป”
“ไม่ใช่ครับ”
พิทยาอึกอัก กำลังจะพูดก็หันไปเห็นปวีณายืนตรงประตู
“มีคนมาขอพบคุณพิทค่ะ”
นพหันไปมองตามไม่นานก็เห็นภูวดลเดินมา ภูวดลพูดกับปวีณา
“ขอบคุณครับ”
ปวีณาพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป พิทยาอึ้ง นพชะงัก ภูวดลยกมือไหว้นพ นพรับไหว้ตามมารยาท แล้วภูวดลก็เอาตะกร้าใส่มะม่วงเข้ามาวางบนโต๊ะ
“คุณย่าฝากมาให้”
“ฝากขอบคุณคุณนายจันทร์จำนงด้วย”
“ผมจะบอกคุณย่าให้”
ภูวดลทำเป็นนึกได้
“อ้อ เมื่อเช้าผมไปส่งคุณรวีไปทำงานที่อเมริกา บอกไว้เผื่อคุณไม่รู้ ถ้าคุณรวีถึงที่นั่นเมื่อไหร่ เธอจะโทรมาบอกผม คุณไม่ต้องห่วง”
นพชะงัก พิทยานิ่งไปพูดไม่ออก ภูวดลยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะหันไปไหว้นพแล้วเดินออกไป นพหันมาทางพิทยาด้วยความโมโหแทน
“อาว่าไม่ต้องดูฤกษ์มันแล้ว”
นพฉีกกระดาษทิ้งทันที พิทยามองนพด้วยสีหน้าแปลกใจ
เวลาต่อมา คนใช้เดินเข้ามาหารมณีกับณรงค์ที่นั่งทานอาหารกันอยู่
“คุณผู้หญิงคะ คุณนพกับคุณพิทยามาขอพบค่ะ”
รมณีกับณรงค์หันมามองหน้ากันด้วยความอึ้ง และไม่นานใบหน้ารมณีก็เปลี่ยนเป็นร้ายทันที
ภายในห้องรับแขก นพ พิทยานั่งตรงข้ามกับรมณีกับณรงค์
“จะมาสู่ขอยัยรวีเหรอคะ”
นพกับพิทยาผงะ
“คุณนี่เก่งจริงๆ ผมยังไม่ทันพูดอะไรก็รู้แล้ว เลี้ยงลูกกรอกเอาไว้รึเปล่าครับ” นพว่า
รมณีหน้าตึงขึ้นมาทันที
“คุณนพ!”
นพยิ้มๆ
“ผมล้อเล่นน่ะครับ ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียด ทำตัวสบายๆกันดีกว่า เพราะวันนี้ผมถือว่าเป็นวันมงคล”
“มงคลไปคนเดียวเถอะ เพราะสำหรับพวกเรา มันคือวันอัปมงคล”
นพชักสีหน้าไม่พอใจ พิทยาอึ้ง
“ยังไงผมกับคุณรมณีก็ไม่มีวันยกยัยรวีให้”
ณรงค์ปรายตามองพิทยา
“อย่าใจแคบกันนักเลย พวกคุณก็ทราบว่าเด็กเค้ารักกัน”
“เคยรักกัน อย่าให้ฉันต้องพูดอะไรอีกเลยจะเข้าท่ากว่าเพราะมันเกี่ยวพันกับลูกสาวของคุณด้วย”
นพกับพิทยาชะงักและนิ่วหน้า
“มันเกี่ยวอะไรกับยัยแตลูกสาวผม”
“ถามนายพิทยาดูเอาก็แล้วกัน ฉันรังเกียจที่จะพูด ใครทำอะไรไว้ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ”
“ผมบอกกับรวีไปหลายครั้งแล้วว่าผมกับคุณแต...เราไม่ได้มีอะไรกัน”
รมณีสวนขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ได้มีอะไร แล้วทำไมยัยรวีถึงต้องรีบร้อนไปเมืองนอก แถมยังไม่บอกเธอซักคำ”
พิทยาผงะ...พูดไม่ออก
“ลูกสาวฉันต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับเธอมามากเกินพอแล้ว ยัยรวีเองก็ชักไม่แน่ใจว่าถ้าต้องลงเอยกันไป แล้วจะเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหน ลูกสาวฉันอ่อนต่อโลกมาก คงจะเล่นบทสามคนผัวเมียกับเธอไม่ไหวหรอก!”
นพฉุกกึก พิทยาเองก็ตกใจในคำพูดของรมณี
“หยุดดูถูกลูกสาวผมกับพิทได้แล้ว! ถึงภายนอกยัยแตจะดูแรง แต่แกไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางแน่นอน ยิ่งกับพิท...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ คุณอย่าจับแพะมาชนแกะ หาข้ออ้างในการปฏิเสธไม่ให้พิทแต่งงานกับลูกสาวคุณดีกว่า” นพพูดด้วยความโมโห
พิทยาเครียดมากรู้สึกแย่สุดๆ
“ฉันพูดทุกอย่างตามที่เห็น คุณเองก็ต้องระวังตัวไว้เหมือนกัน เคยได้ยินนิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าใช่มั๊ย ชาวนาใจดีกอดงูเห่าเพราะกลัวมันจะหนาวตาย แต่สุดท้ายมันก็แว้งกลับมากัดชาวนาตายจนได้ สันดานงูพิษ ต่อให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงมันจนเชื่องแค่ไหน มันก็ยังเป็นงูพิษอยู่วันยังค่ำ”
รมณีมองหน้าพิทยา พิทยาได้แต่กำมือแน่นอย่างสุดจะทนได้อีกต่อไป
“เรากลับกันเถอะครับคุณอา”
พิทยามองหน้านพขอร้องให้กลับ รมณีกับณรงค์สะใจ นพฉายแววตาติเตียนไม่พอใจไปยังทั้งคู่
“บางทีการเหยียบคนอื่นให้ต่ำลง ก็ไม่ได้ทำให้คนเหยียบสูงขึ้นเท่าไหร่จริงมั๊ยครับ”
รมณีกับณรงค์ถลึงตาไม่พอใจ พิทยายกมือไหว้รมณีกับณรงค์แล้วก็เดินออกไปกับนพ
ภายในรถ พิทยานั่งหน้าเศร้า เสียใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง หันไปมองนอกหน้าต่าง นพมองพิทยาอยากจะปลอบโยนแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้พิทยาบาดเจ็บมาก นพได้แต่เอามือพาดไปบนไหล่ของพิทยา บีบแรงๆอย่างให้กำลังใจ พิทยาน้ำตาแทบร่วง
รถนพจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ภายในรถ..พิทยาหันมาไหว้นพ
“พิท...อย่าเพิ่งท้อแท้ อาจะจัดการเรื่องนี้ให้พิทเอง
“ไม่ครับคุณอา ผมจะไม่นำความเสื่อมเสียมาให้คุณอาอีก ลำพังเค้าย่ำยีผม ผมทนได้ แต่ผมไม่สามารถทนเห็นพวกเค้าย่ำยีคุณอาได้ ผมขอบพระคุณคุณอามากนะครับที่กรุณาทำเพื่อผมมากขนาดนี้”
นพมองพิทยาด้วยความเห็นใจ พูดไม่ออก พิทยาเดินเข้าไปในบ้าน
พิทยาเดินหน้าเศร้าเข้ามาในบ้าน สีหน้าทดท้อกับชีวิต ก่อนจะทรุดลงนั่งนิ่งลงบนโซฟา แววตามีน้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา
นพกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เจอวรรณวดีกับบวรที่เดินออกมาพอดี แตาเมื่อเห็นสีหน้านพก็แปลกใจ
“ป๋าเป็นอะไรคะ”
นพมองหน้าสองคนแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
สองพี่น้องมองหน้านพด้วยความอึ้ง
“ยัยคุณนายรมณีไม่ยอมยกลูกสาวให้พิท”
ทั้งสองคนตกใจมองหน้ากัน
“ทำไมล่ะคะ พิทบกพร่องตรงไหน”
“เค้าใช้ยัยแตเป็นข้ออ้าง คิดว่ามันกับพิทมีอะไรเกินกว่าความเป็นพี่เป็นน้อง”
บวรฟังแล้วก็โมโห
“ใช้อะไรคิดวะ! คิดบ้าๆ คิดทุเรศๆ”
“แล้วพิทเป็นไงบ้างคะป๋า”
“ตั้งแต่ป๋าเลี้ยงพิทมา มีวันนี้แหละที่พิทดูแย่มากที่สุด ป๋าเห็นสภาพพิทแล้วใจมันจะขาด สงสารมันจริงๆ”
ต่ายกับบวรฟังแล้วก็เศร้าตามไปด้วย สุอาภาที่แอบฟังอยู่ได้ยินทุกอย่าง และรู้สึกเป็นห่วงพิทยาขึ้นมาทันที
สุอาภาเดินเข้ามาในบ้านพิทยา เห็นเขานั่งอยู่ในท่าเดิม เธอเจ็บปวดหัวใจและรู้สึกผิดจริงๆ ก่อนจะเดินมาหา
“พิท...”
พิทยาผงะไปเล็กน้อย สุอาภานั่งลงข้างๆพิทยา
“ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณรมณีไม่ยกคุณรวีให้นาย”
“มันไม่ใช่ความผิดคุณ มันผิด...ที่ผมเกิดมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ มันผิด..ที่ผมไม่ได้ร่ำได้รวย และที่สำคัญมันผิด...ที่ผมคือนายพิทยา”
“พิท! นายจะดูถูกตัวเองแบบนี้ไม่ได้ นายไม่ผิดที่นายเกิดมาโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ นายไม่ผิดที่นายไม่ได้รวย และนายก็ไม่ผิดที่นายคือพิทยา นายเป็นคนดี..ดีมากที่สุดในโลก คนพวกนั้นตาบอดที่มองไม่เห็นตรงนี้ของนาย นายห้ามสิ้นหวังเด็ดขาด รอให้คุณรวีกลับมาก่อน ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้เค้าฟัง ให้เค้าเข้าใจว่านายรักเค้ามากแค่ไหน”
สุอาภาจับมือเขาแล้วบีบแน่นเป็นการปลอบใจ พิทยาบีบมือตอบก่อนจะหันไปมองทางอื่น
สุอาภามองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวด
ไม่นานหลังจากนั้นสุอาภานั่งเหม่ออยู่ในผับ มีพราวพิไลที่นั่งอยู่ข้างๆ คอยยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ผู้ชายที่เดินไปเดินมา พราวพิไลถอนใจเมื่อเห็นหน้าเพื่อน
“นี่ไอ้แต...แกชวนฉันมาเที่ยว หรือชวนฉันมางานศพ หน้าเศร้าอยู่ได้”
สุอาภาหันไปกำลังจะพูด แต่ภูวดลเดินเอาเครื่องดื่มสองแก้วมาให้สุอาภากับพราวพิไล
“สวัสดีคร๊าบ...สาวๆ”
สุอาภาหันไปเห็นภูวดลก็ยิ่งเซ็ง ผิดกับพราวพิไลที่ดี๊ด๊ามาก
“คุณภูวดล!...โลกกลมจังเลยนะคะ บังเอิ๊ญบังเอิญ”
“ผมว่าไม่ใช่เพราะความบังเอิญหรอกครับแต่เป็นเพราะพรหมลิขิตมากกว่า”
ภูวดลส่งสายตาหวาบวามทำเอาพราวพิไลยิ้มชอบใจ สุอาภาลุกขึ้น ภูวดลกับพราวพิไลหันไปมอง
“แต...จะไปไหน”
“ฉันรู้สึกพะอืดพะอม อยากจะอ้วก”
สุอาภาปรายตามอง ภูวดลสุดทน พอสุอาภาจะเดินออกไป เขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้ เธอหันขวับมามองด้วยความตกใจ
“ผมมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณสุอาภา เวลาที่เราเจอกัน คุณถึงพูดจาแดกดันผมทุกครั้ง”
สุอาภาดึงแขนออกจากมือภูวดล
“ใช่...ฉันรังเกียจคุณ! เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง”
พราวพิไลเห็นท่าไม่ดีก็ชักเสียวๆ
ภูวดลยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆพอได้ยินกันสองคน
“แล้วตัวคุณดีกว่าผมซักเท่าไหร่กันเชียว ถ้าผมเป็นชายชั่ว คุณก็เป็นหญิงเลว ผมว่าเราก็เหมาะสมกันดีไม่ใช่เหรอ”
“ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่คนดี 100% แต่ฉันก็ยังมีสำนึก ไม่เหมือนคนบางคนที่หน้าด้านหน้าทน ทำไม่รู้ไม่ชี้ แย่งของของคนอื่นให้มาเป็นของของตัวเอง”
“คุณเองก็ไม่ต่างจากผมหรอก แต่เผอิญว่าผมเป็นคนมีรสนิยม...ก็เลยได้เพชร ส่วนคุณ... ตาต่ำไปหน่อย ก็เลยได้ก้อนดินอย่างไอ้พิทยามา” ภูวดลพูดพลางส่งสายตาเหยียด
สุอาภาโมโหมาก...คว้าแก้วน้ำบนโต๊ะสาดใส่หน้าภูวดลอย่างแรง เขาชะงัก พราวพิไลตกใจ คนแถวนั้นหันมามองภูวดลเป็นตาเดียว ทำให้เขาอับอาย แล้วสุอาภาก็จ้ำเดินออกไป
“ขอโทษนะคะ”
พราวพิไลพูดกับภูวดลก่อนรีบตามเพื่อนออกไป ภูวดลกำมือแน่นด้วยความโมโหโกรธแค้นสุดๆ
พราวพิไลรีบตามสุอาภาออกมา
“ไอ้แต...ทำไมแกต้องรุนแรงกับคุณภูวดลเค้าขนาดนั้นด้วย”
“แกไม่ได้ยินที่เค้าพูดกับฉันเหรอ”
“แล้วเค้าพูดอะไรกับแก”
“โอ๊ย ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก”
พราวพิไลนิ่วหน้าถาม
“แต...แกเป็นอะไรกันแน่! แกถึงมู๊ดดี้ขนาดเนี้ย ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อน เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!”
สุอาภามองหน้าพราวพิไล
พราวพิไลฟังเรื่องราวจากสุอาภาจบลงก็อึ้งมาก
“ป่านนี้คุณพิทไม่ตายไปแล้วเหรอ”
“กะอีแค่ถูกปฏิเสธ ไม่ทำให้พิทตายหรอก”
“นี่แกเป็นห่วงเค้าจริงๆใช่มั้ย”
สุอาภาพยักหน้า พราวพิไลมองเพื่อนสงสัยแล้วก็เลยลองหยั่งเชิง
“แต่จะว่าไป การที่คุณรมณีไม่ยกคุณรวีพรรณให้พิท มันก็เข้าแผนแกเป๊ะ ไอ้ที่อดทนทำเป็นเพื่อนแสนดีกับเค้ามาตลอด มันก็ไม่เสียเปล่า ในที่สุดก็สมหวัง แกน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ”
สุอาภานิ่งงันไป
“ฉันก็นึกว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่พอเอาเข้าจริง เวลาฉันเห็นพิทเสียใจ ฉันกลับรู้สึกเสียใจยิ่งกว่า ฉันแย่มากที่ทำกับพิท ตอนนั้นฉันเอาแต่โมโหก็เลยทำอะไรลงไปโดยไม่คิด แล้วดูสิว่า ตอนนี้ทุกอย่างมันเลวร้ายไปหมดเพราะฉัน..ฉันคนเดียว”
สุอาภาพูดแล้วจะร้องไห้ พราวพิไลจับไหล่สุอาภา
“ที่แกเป็นแบบนี้ เพราะแกรักเค้าจริงๆใช่มั้ย”
สุอาภาอึ้ง เงียบไปชั่วอึดใจแล้วหันไปมองพราวพิไล
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่า...ฉันอยากให้เค้าเป็นของฉัน อยากให้เค้าอยู่ใกล้ๆ อยากสัมผัสจับต้องตัวเค้า อยากเห็นเค้าตลอดเวลา นี่เรียกว่ารักรึเปล่าพราว”
“โธ่...แต”
พราวพิไลดึงสุอาภาที่หน้าเศร้าสุดๆเข้ามากอดด้วยความสงสาร
เวลากลางคืน ภายในห้องรับแขก ศรีพิไลกำลังโทรศัพท์สีหน้าดีใจ
“นี่เป็นข่าวดีที่สุด แล้วไว้หนูรวีกลับมา เราค่อยนัดเจอกัน”
ศรีพิไลหันไปเห็นภูวดลที่หัวเสียกลับเข้ามา ศรีพิไลแปลกใจ ลุกเดินมาหา
ภูวดลมาพร้อมกับกลิ่นเหล้าฉุนจนศรีพิไลต้องผงะ
“เพิ่งสี่ทุ่ม ทำไมกลับไวจังเลยล่ะลูก นี่ลูกดื่มหรืออาบมาเนี่ย”
ภูวดลหงุดหงิดบอก
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับแม่”
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยนะลูกรัก แม่มีข่าวดีที่จะทำให้ลูกแฮปปี้”
ภูวดลหันไปมองแล้วถาม
“อะไรครับ”
“วันนี้ไอ้พิทยามันพาคุณนพไปสู่ขอหนูรวี”
ภูวดลฉุนกึก
“นี่นะครับเรื่องที่ทำให้ผมแฮปปี้”
“ฟังให้จบก่อนสิ รมณีไม่ยกหนูรวีให้มัน แถมยังตอกพวกมันกลับหน้าหงาย เรื่องที่ไอ้พิทยาแอบไปมีกิ๊กมีกั๊กกับนังสุอาภา นี่มันคงไม่กล้ามายุ่งกับหนูรวีอีกแล้ว แม่ล่ะสะใจจริงๆ แฮปปี้ขึ้นมั้ยล่ะจ๊ะลูกจ๋า”
ภูวดลยิ้ม รู้สึกดีขึ้นมาอย่างมาก...ก่อนจะนึกอะไรออก
แรงปรารถนา ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันต่อมา เสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น สุอาภาเห็นเบอร์ไม่คุ้นก็แปลกใจ แต่ก็กดรับสาย ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังออกมา
“สวัสดีครับคุณกระแต”
สุอาภาชะงัก สีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“คุณภูวดล”
ภูวดลยิ้มมุมปาก
“ดีใจจังที่คุณจำเสียงผมได้”
สุอาภาหน้าตึง
“โทร.มาทำไม”
“ผมโทรมาขอโทษเรื่องเมื่อคืน ผมเมาก็เลยพูดจาอะไรออกไปโดยไม่คิด”
“แค่นี้ใช่มั้ยที่จะโทรมา”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
สุอาภานิ่วหน้าถาม
“เรื่องอะไร”
ภูวดลเดินมาแต่งตัวหน้ากระจกภายในห้อง พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ก็แผนของคุณที่ทำให้นายพิทยาไว้วางใจ แล้วก็ค่อยๆแทรกซึมทำลายความสัมพันธ์ของคุณพิทยากับคุณรวียังไงล่ะครับ ในที่สุดคุณก็ทำสำเร็จ”
สุอาภาเงียบ อึ้งไปเลย
“แสดงว่าผมพูดถูก...ถึงทำให้คุณพูดไม่ออก”
สุอาภาโมโหมาก ภูวดลหน้ากวน
“นี่ถ้าคุณพิทยารู้ เค้าจะโกรธคุณมากขนาดไหนน้า อาจจถึงขั้นขอไม่มองหน้าคุณอีกเลยตลอดชีวิต”
สุอาภาตกใจ
“อย่านะ”
ภูวดลยิ้มพอใจ
“กลัวเหรอ”
สุอาภาทำใจดีสู้เสือ
“ไม่ได้กลัว เพราะยังไงพิทก็ไม่มีทางเชื่อคุณ!”
“ถึงจะไม่เชื่อ แต่มันก็ต้องมีลังเลกันบ้าง จะลองดูมั้ยล่ะ”
สุอาภาเริ่มกลัว
“อย่านะ!”
ภูวดลยิ้มพอใจ
“ฉันต้องทำยังไง คุณถึงจะไม่บอกพิท”
ภูวดลหน้าเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
บรรยากาศปาร์ตี้ซัมเมอร์ริมสระว่ายน้ำในร้านอาหารกึ่งผับ ผู้คนมากมายกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน
สุอาภาเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ สีหน้าหวาดระแวง ไม่นานภูวดลเดินมาหาสุอาภา
“ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติมางานปาร์ตี้ของผม”
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้เต็มใจมา เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาขอบคุณ”
สุอาภาจะเดินเข้าไป ภูวดลจับแขนสุอาภาเอาไว้ เธอหันขวับ
“เดี๋ยว...ผมว่าคุณใส่ชุดนี้ไม่เหมาะนัก”
สุอาภาก้มมองตัวเอง แล้วก็เงยหน้ามองภูวดลแปลกใจ
สุอาภาในชุดดูเซ็กซี่ในธีมซัมเมอร์เดินออกมา ภูวดลมองด้วยสายตาโลมเลียจนเธอรู้สึกได้ ถึงกับกลัวขึ้นมานิดๆ
“คุณเป็นคนสวยจริงๆนะครับคุณสุอาภา น่าเสียดายที่ความสวยของคุณ ยังไม่มีใครได้เชยชม”
ภูวดลจับปลายผมเธอขึ้นมาจะหอม ยิ่งทำให้เธอขยะแขยงรีบผละออกห่าง แต่เขาจับแขนสุอาภาแล้วดึงมาประชิดตัว
“จะทำอะไร”
“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะปล้ำคุณ คนอย่างผม...ไม่ชอบฝืนใจใคร แต่คุณอย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันของผม คุณต้องทำให้ผมพอใจ ไม่อย่างนั้นข้อตกลงของเราก็สูญเปล่า”
สุอาภาหัวเสียแต่ไม่กล้าทำอะไร ภูวดลยิ้มแบบถือไพ่เหนือกว่า แล้วก็ผลักสุอาภาตกสระว่ายน้ำโดยที่ไม่ทันตั้งตัว สุอาภาพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจแทบสำลักน้ำ
ภูวดลหัวเราะสะใจ แล้วก็กระโดดน้ำตามลงไปว่ายน้ำใกล้ๆ สุอาภาฝืนใจมาก ภูวดลสีหน้าพอใจแล้วก็ลอบมองไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา...สีหน้าเจ้าเล่ห์มีแผนการ
มุมหนึ่งภายในผับ เวลาต่อมา สุอาภาใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแล้วเอาชุดที่ภูวดลให้มาคืน
“หวังว่าคงจะทำตามที่ตกลงกันเอาไว้”
ภูวดลไม่ตอบ สุอาภาจ้ำเดินออกไป ไม่นานผู้ชายคนที่ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเดินมาหาภูวดล พร้อมกับยื่นกล้องถ่ายรูปให้ ภูวดลรับมากดเปิดดูด้วยสีหน้าพอใจมาก
พิทยากำลังทำงาน...เสียงเมสเสจดังขึ้น เขาหยิบมือถือเห็นเป็นคลิปเสียงเลยกดเปิดฟัง...เสียงบทสนทนาระหว่างภูวดลกับสุอาภาดังออกมา
“ผมโทรมาแสดงความยินดี”
“เรื่องอะไร”
“ก็แผนการของคุณที่ทำให้นายพิทยาไว้วางใจ แล้วก็ค่อยๆแทรกซึมทำลายความสัมพันธ์ของคุณพิทยากับคุณรวียังไงล่ะ ในที่สุดคุณก็ทำสำเร็จ... แสดงว่าผมพูดถูก...ถึงทำให้คุณพูดไม่ออก... นี่ถ้าคุณพิทยารู้ เค้าจะโกรธคุณมากขนาดไหนน้า อาจจะถึงขั้นขอไม่มองหน้าคุณอีกเลยตลอดชีวิต”
“อย่านะ”
“กลัวเหรอ”
“ไม่ได้กลัว เพราะยังไงพิทก็ไม่มีทางเชื่อคุณ”
“ถึงจะไม่เชื่อ แต่มันก็ต้องมีลังเลกันบ้าง จะลองดูมั้ยล่ะ”
“ฉันต้องทำยังไง คุณถึงจะไม่บอกพิท”
พิทยาอึ้ง ตะลึงงัน เหมือนโดนตีแสกหน้าอย่างแรง! แล้วไม่นานเสียงเมสเสจก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขากดเปิดเป็นภาพที่สุอาภาไปปาร์ตี้กับภูวดล ยิ่งคอนเฟิร์มชัดว่า บทสนทนานั้นเป็นเรื่องจริง แล้วเสียงมือถือพิทยาก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“เสียงและภาพชัดเจนดีมั้ย แกนี่มันน่าสงสาร สูญเสียคนรัก แถมยังถูกคนที่ไว้ใจหลอกซะจนเชื่อสนิท แบบนี้เค้าเรียกว่าโง่รึเปล่านะ ฮ่าๆๆๆ”
พิทยากำมือแน่นด้วยความโกรธและแค้นมาก
ภูวดลวางสาย...สีหน้าพึงพอใจสุดๆ มีความสุขมากมายที่ได้ทำลายพิทยากับสุอาภาไปพร้อมๆ กัน
พิทยาวางมือถือลงบนโต๊ะด้วยมือที่สั่นเทา ไม่นานสุอาภาเปิดประตูเดินเข้ามา เธอไม่รู้เรื่องที่เขารู้แล้ว
“โทษนะพิทที่ฉันมาเลท เมื่อคืนไอ้พราวมันลากฉันให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนมัน ก็เลยตื่นสาย”
พิทยาเลือดขึ้นหน้าลุกขึ้นมายืน
“เลิกโกหกซักที!”
สุอาภาสะดุ้งตกใจ
“ผมรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว”
พิทยาเปิดคลิปเสียงภูวดลกับสุอาภา เธอแทบช็อก รีบปิดทันที
“นายอย่าเชื่อที่ผู้ชายคนนั้นพูด ฉันไม่ได้ทำ...”
พิทยาพูดสวนขึ้นมาทันที
“ถ้าคุณไม่ได้ทำ แล้วคุณออกไปกับเค้าทำไม! แสดงว่ามันเป็นความจริง คุณไม่เคยหยุดคิดที่จะทำให้ผมกับรวีเลิกกัน คุณเจตนาจะทำลายเราสองคนมาตลอด คุณหลอกลวงผมด้วยคำพูด คุณทำดีกับผมเพราะคุณเสแสร้งแกล้งทำ!”
สุอาภาหน้าซีด สีหน้าแย่ แก้ตัวไม่ถูกและรู้สึกโมโหที่โดนภูวดลหักหลัง
“นายฟังฉันก่อน”
“ผมจะไม่ฟังคุณอีกแล้วสุอาภา! คุณทำลายความไว้ใจที่ผมมีให้คุณจนหมดสิ้น จิตใจคุณทำด้วยอะไร มีความสุขมากใช่มั้ยที่เห็นผมกับรวีมีปัญหากัน คนอย่างคุณเคยรู้สึกอะไรกับใครเค้ามั่ง คุณมันเป็นคนไม่มีหัวใจ !”
สุอาภาสะดุ้ง หน้าชากับถ้อยคำของพิทยา
ที่หน้าห้อง กรองทิพย์กับปวีณาได้ยินเสียงก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ
“นั่นเสียงคุณพิทยา” ปวีณาบอก
“กับคุณสุอาภา ท่าทางไม่ค่อยดีแล้ว แป๋วรีบไปตามคุณนพกับคุณใหญ่มาเถอะ”
ปวีณาพยักหน้าแล้วก็รีบออกไป กรองทิพย์หันไปมองที่ประตูห้องพิทยาด้วยสีหน้าเป็นห่วงและกังวลมาก ภายในห้องสุอาภาพยายามจะอธิบาย พิทยายิ่งโมโห..กำมือแน่น
“ฉันยอมรับว่าทุกอย่างที่นายพูดคือความจริง แต่พอฉันทำลงไปแล้ว ฉันก็รู้สึกผิดจริงๆ ฉันขอโทษ”
“คำขอโทษของคุณไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น พอกันที ผมจะไม่ขอพบเจอหน้าคุณอีก”
สุอาภาใจแทบสลาย พิทยาเดินไปเปิดประตู กรองทิพย์สะดุ้งโหยง แล้วเขาก็จ้ำเดินออกไป สุอาภาหันขวับไปมองตาม
“พิท...เดี๋ยวก่อนพิท”
สุอาภารีบเดินตามพิทยา กรองทิพย์งงมากว่าเกิดอะไรขึ้น
พิทยาเข้ามาในลิฟท์ กดเลขชั้นและกดปิด แต่สุอาภาแทรกตัวเข้ามาในลิฟท์ในทันที ประตูลิฟท์ปิดพอดี เขาผงะจะกดชั้นอื่นเพื่อออกไป แต่เธอยืนขวางไว้แล้วหันไปกดลิฟท์ให้หยุด!
พิทยาในแววตากร้าวจ้องหน้าสุอาภา ทำเอาเธอใจสั่นแต่พยายามไม่หลบตา
“ออกไป! ก่อนที่ผมจะอดใจไม่ไหว แล้วทำอะไรลงไป”
“นายจะตบตีฉัน จะฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ยอม แต่อย่ามาพูดว่าจะไม่ขอเจอหน้าฉันอีก! ฉันรู้ว่าฉันมันเลวมากในสายตาของนาย แต่ครั้งนี้ ฉันสำนึกแล้วจริงๆ ฉันขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำลงไป”
สุอาภาพูดด้วยความเสียใจและเจ็บปวด พิทยายืนมองสุอาภานิ่ง
ลิฟท์ด้านนอก นพ บวร ปวีณา กรองทิพย์ยืนอยู่ด้วยกัน เห็นเลขชั้นหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ลิฟท์หยุดตรงที่ชั้นนี้หลายนาทีแล้วค่ะ”
กรองทิพย์บอก นพกับบวรมีสีหน้ากังวลใจ
“ตามรปภ.มาเปิดลิฟท์” นพบอก
“ครับ” บวรรับคำ
บวรรีบออกไป นพมีสีหน้าหนักใจ ปวีณากับกรองทิพย์มองหน้ากันเป็นห่วง ภายในลิฟท์ พิทยากับสุอาภายังคงจ้องหน้ากัน สายตาสุอาภาเว้าวอนและขอร้องมากๆ
“หลีกไป...”
สุอาภาส่ายหัว
“ไม่ ฉันจะไม่ออกไป จนกว่านายจะยกโทษให้ฉัน!”
“ผมบอกให้หลีก”
“ไม่ !”
พิทยาโมโหมากกระชากไหล่สุอาภาเข้ามาจ้องหน้าด้วยความโกรธแค้นจนเธออึ้งไป
“ชีวิตผมต้องมาวอดวายเพราะคุณ! แล้วคิดว่าคำพูดแค่ไม่กี่คำ จะทำให้ผมอภัยให้คุณได้งั้นเหรอ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย คุณสร้างรอยแผลลึกให้กับผมแล้ว ต่อให้มันหายเจ็บ มันก็มีแผลเป็น ไว้เตือนให้ผมรู้ว่ารอยแผลนี้มันได้มายังไง”
สุอาภาน้ำตารื้นด้วยความปวดร้าว จนแทบจะทรงตัวยืนต่อไปไม่ไหว
“จำไว้นะสุอาภา...คุณเป็นมารชีวิตของผม ผมเกลียดคุณ เกลียดยิ่งกว่าคนทุกคนที่ผมเคยเกลียด”
สุอาภาน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
“คุณทำให้ผมสูญเสียคนที่ผมรัก แล้วคุณยังทำให้ผมกลายเป็นคนอกตัญญูที่ไม่สามารถอยู่ทดแทนบุญคุณของคนที่เลี้ยงผมมาได้อีก”
พิทยากระแทกสุอาภาจนหลังชนกำแพงข้างลิฟท์เสียงดังปัง!!
สุอาภาอึ้งถาม
“นายหมายความว่ายังไง นายคิดจะทำอะไร”
พิทยาไม่ตอบ
“อย่ามายุ่งเกี่ยวกับผมอีก เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะระงับโทสะได้ดีแค่ไหน”
พูดจบ..ประตูลิฟท์เปิด พิทยาหันไปเห็นรปภ.เป็นคนเปิดประตู นพกับบวร ปวีณากับกรองทิพย์ ทุกคนอึ้งกับภาพที่เห็น พิทยาพอเห็นนพก็ได้สติ...ปล่อยสุอาภา
“มันเกิดอะไรขึ้น”
สุอาภากับพิทยาสงบนิ่ง
ภายในห้องทำงานของนพ เขาวางมือถือพิทยาลงบนโต๊ะ หลังจากที่ได้ยินเสียงและเห็นภาพ
“การที่นายภูวดลทำแบบนี้เพราะต้องการให้เธอกับยัยแตมีปัญหากัน”
“ผมทราบถึงจุดประสงค์ของเค้า และผมก็ไม่ได้คล้อยตามในสิ่งที่เค้าทำ แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าคุณแตตั้งใจทำให้ผมกับรวีเลิกกันจริงๆ และสิ่งนี้ทำให้ผมไม่สามารถอภัยให้คุณแตได้อีก”
นพนิ่งงันอย่างรู้สึกผิดแทนลูกสาวตัวเอง
“แล้วถ้าฉันจะขอโทษเธอแทนยัยแต”
“ไม่ครับคุณอา...คนที่ก่อเรื่องนี้คือคุณแต”
“แต่น้องก็สำนึกผิดแล้ว และถ้าหนูรวีกลับมา อาจะเป็นคนพายัยแตไปขอโทษหนูรวีด้วยตัวเอง และจะอธิบายทุกอย่างให้หนูรวีฟัง อามั่นใจว่าหนูรวีจะต้องเชื่อคำพูดของอา”
“ทุกอย่างมันสายไปแล้วครับ ต่อให้รวีเชื่อ แต่คุณรมณีกับคุณณรงค์ได้หมดความเชื่อถือในตัวผมไปแล้ว”
“หมายความว่า เธอจะไม่มีวันอภัยให้ลูกสาวฉัน”
พิทยานิ่งเงียบ นพมองพิทยาด้วยความเครียด
สุอาภาสีหน้าหน้าเศร้ามาก มีบวรนั่งอยู่ข้างๆคอยปลอบใจและมองด้วยความสงสาร
“พิทเกลียดแตแล้วพี่ใหญ่ ตอนนี้แตรู้สึกเหมือนมีเข็มนับร้อยทิ่มเข้ามาที่ตัวและหัวใจจนมันปวดร้าวไปหมด”
สุอาภาน้ำตาไหล บวรเข้ามาโอบสุอาภาให้กำลังใจ
“เค้าทำเหมือนแตเป็นตัวอะไรซักตัวที่ไม่มีค่า เค้าว่าแตเป็นมาร ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เค้าพูด แตมันนิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัว เลว ชั่ว”
“หยุดได้แล้วแต! แตจะว่าตัวเองให้รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้อีกทำไม”
“ถ้าพิทตบแตซักฉาด แตก็คงไม่เจ็บเท่านี้หรอกพี่ใหญ่”
สุอาภาซบไหล่บวรร้องไห้ บวรได้แต่ตบบ่าน้องเบาๆแล้วถอนหายใจออกมา
นพเปิดประตูเข้ามา สุอาภากับบวรหันไปมอง
“พิทว่าไงป๋า”
นพเดินหน้าเครียดเข้ามา
“พิทขอลาออก”
สุอาภาช็อกไปเลยแล้วก็ลุกขึ้น
“แตจะไปพูดกับพิท”
นพรีบห้าม
“อย่าแต ตอนนี้พิทกำลังร้อนเหมือนไฟ ส่วนลูกก็เหมือนน้ำมัน อย่าไปเติมเชื้อไฟให้มันลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้อีกเลย”
สุอาภาเศร้าสุดๆ นพได้แต่จับแขนปลอบใจลูกสาว
ติดตาม "แรงปรารถนา" ตอนที่ 4 (ต่อ) เวลา 12.00 น.
พิทยาเดินหน้าเศร้าเข้ามาในห้องนอน..พลันเหลือบไปเห็นรูปคู่ตัวเองกับสุอาภาสมัยมัธยม จึงหยิบขึ้นมามองหน้าสุอาภาด้วยความโมโหมาก
พิทยาเงื้อรูปขึ้นมาจะปาทิ้งลงพื้น แต่แล้วก็ชะงักลังเล...ก่อนจะตัดสินใจเก็บใส่ลิ้นชัก ไม่อยากเห็นมันอีก
ขณะเดียวกันสุอาภาหยิบรูปวาดการ์ตูนเด็กชายกับเด็กหญิงที่มีชื่อพิทกับแตที่เคยฉีกออกครึ่งหนึ่งไปขึ้นมาดู แล้วก็ตัดสินใจเอาสก๊อตเทปมาปะให้มันกลับมาคู่กันเหมือนเดิม เธอมองภาพการ์ตูนเด็กชายเด็กหญิงแล้วก็คิดย้อนกลับไปตอนสมัยเด็กๆ
นึกถึงตอนที่พิทยากล่อมให้สุอาภานอน , ภาพเด็กสองคนวิ่งไล่จับกัน, เด็กสองคนมายืนหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่ พิทยาเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำที่เปียกหน้าให้สุอาภา สองคนผลัดกันเช็ดหน้า สุอาภาหนาวสั่น พิทยากอดสุอาภาให้หายหนาว
สุอาภาเอามือลูบไปที่ตัวการ์ตูนพิทยา แววตาเศร้ามาก แล้วก็นึกต่อ...ถึงตอนที่สุอาภาไปไซต์งานกับพิทยา ,ตอนที่ไปกินข้าวด้วยกันที่ริมถนน , ตอนที่ไปชุมชนริมน้ำ, ตอนที่ทำงานประกอบบ้านโมเดลด้วยกัน
สุอาภาเอารูปขึ้นมากอดแนบอก..น้ำตาไหลด้วยความเสียใจอย่างที่สุด
ภายในห้องรับแขก เวลากลางคืน ณีเดินลงมาพร้อมถาดอาหารเช้า นพ บวร วรรณวดีเข้าไปดู
“ไม่ทานซักคำเลยเหรอคะป้า” วรรณวดีถาม
“ค่ะ บอกว่าไม่หิว ไม่อยากทาน ขออยู่คนเดียว ตั้งแต่ป้าเข้ามาทำงานที่นี่ ไม่เคยเห็นคุณหนูเศร้าขนาดนี้เลยนะคะ” พูดแล้วน้ำตาณีทำท่าจะไหล
นพ บวร วรรณวดีมองหน้ากันพลางถอนหายใจ
“สภาพจิตใจแตตอนนี้บอบช้ำมาก ใครก็ช่วยไม่ได้ นอกจากตัวเอง”
“แล้วแตต้องเป็นแบบนี้ไปอีกกี่วันล่ะคะป๋า ถ้าเกิดน้องไม่ดีขึ้น เราจะทำยังไง”
วรรณวดีรับถาดมาจากณีแล้วบอก
“ต่ายจัดการเองค่ะ”
วรรณวดีเดินออกไป ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง
วรรณวดีเข้ามาในห้องเห็นสุอาภายังนอนอยู่บนเตียง
“แตบอกแล้วไงว่าแตไม่อยากกิน”
“ไม่อยากกินก็ต้องกิน”
สุอาภาหันขวับไปเห็นพี่สาวยืนอยู่ก็ลุกขึ้นนั่ง วรรณวดีเดินเอาถาดมาวางบนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็นั่งบนเตียงข้างสุอาภา
“พี่รู้ว่าแตเสียใจ แต่แตจะมาประชดตัวเองด้วยการไม่ทานอะไรแบบนี้ไม่ได้ ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป แตมีป๋า มีพี่ใหญ่ มีพี่...ที่อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าแตจะทำผิดซักแค่ไหน แตก็ยังเป็นน้องสาวของพี่เป็นลูกของป๋า พี่มีน้องสาวเพียงคนเดียว และพี่จะไม่มีวันยอมให้น้องสาวพี่ต้องเป็นอะไรเด็ดขาด”
สุอาภาอึ้งกับคำพูดของพี่สาวจนน้ำตาแทบร่วง วรรณวดีหันไปหยิบชามข้าวต้ม ตักข้าวต้มขึ้นมายื่นไปตรงหน้า สุอาภากินข้าวต้มทั้งน้ำตา วรรณวดีเช็ดน้ำตาให้น้องสาวแล้วตัวเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน
เช้าวันต่อมา ภายในห้องทำงาน พิทยากำลังเก็บของ โดยมีปวีณากับกรองทิพย์ช่วยเก็บ
“งานสมัยนี้ไม่ได้หากันง่ายๆนะคะคุณพิท คุณจะออกไปเตะฝุ่นเหรอไงคะ”
พิทยานิ่งไม่ตอบ กรองทิพย์หันไปตวัดสายตามองค้อนปวีณาไม่ให้พูด
“เธอก็พูดเกินไป คนเก่งอย่างคุณพิท ไม่นานก็ต้องได้งานทำ พี่จะเอาใจช่วยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ปวีณาหงุดหงิดสุดทน
“แป๋วขอถามอะไรอีกอย่างนะคะ มันคาใจ เพราะคุณสุอาภาใช่มั้ยคะ ถึงทำให้คุณพิทลาออก”
พิทยาชะงัก กรองทิพย์ตกใจที่ปวีณากล้าถาม
“พี่กับแป๋วขอตัวซักครู่นะคะ”
กรองทิพย์ลากปวีณาออกไปจากห้อง พิทยานิ่งไปซักพักแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ
ภายในห้องชงกาแฟ กรองทิพย์ตีแขนปวีณาเพียะ!! จนเธอสะดุ้งลูบแขนด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย...พี่ทิพย์ตีแป๋วทำไม”
“ยังมีหน้ามาสงสัยอีก เธอไปถามคุณพิทเค้าแบบนั้นได้ยังไง”
“ก็มันจริงนี่พี่ทิพย์ แป๋วคิดแล้วไม่มีผิด สงสัยตั้งแต่มาขอฝึกงานแล้ว นี่คงป่วนจนคุณพิททนไม่ไหวก็เลยต้องลาออก นิสัยเสียจริงๆ”
ปวีณาหัวเสียแล้วกรองทิพย์ก็หันไปเห็นบวรยืนอยู่ กรองทิพย์ตกใจมาก
“คุณใหญ่!”
ปวีณาหันไปเห็นบวรก็หน้าเสีย บวรได้ยินทุกอย่างแล้วเดินเข้ามา
“เธอไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์น้องสาวฉัน เธอคงลืมไปมั้งว่าเธอเป็นแค่ลูกจ้าง ฝากคุณทิพย์สั่งสอนให้ด้วยนะครับ คราวหน้าถ้าผมได้ยินอีกคงต้องให้มีการเซ็นต์ใบตักเตือน”
บวรหันไปมองปวีณาอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินออกไป ปวีณาโมโห หัวเสียแต่ไม่กล้าเถียง
“พูดแค่นี้นึกว่าฉันจะกลัวเหรอ”
“หยุดได้แล้วแป๋ว!”
แป๋วหน้าหงิกหน้างออย่างเซ็ง กรองทิพย์ได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมๆ
ภายในห้องทำงาน พิทยาเก็บของเสร็จ หันไปเจอบวรยืนอยู่
“คุณใหญ่!”
“ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค บวรก็พูดสวนขึ้นมา
“ให้ฉันช่วยเถอะ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ ฉันจะได้เจอกับแกอีกรึเปล่า”
พิทยานิ่งงัน บวรเดินมาตรงหน้าพิทยา
“ให้ฉันพูดอะไรหน่อยได้มั้ย แกก็รู้มาตลอดว่าฉันเป็นกลางแค่ไหนระหว่างแกกับยัยแต ถ้าแตทำผิด ฉันก็ดุด่ามันเสมอ แตยังเด็กมากทำอะไรไม่คิด เป็นคนเก่งแต่ปาก พอเอาเข้าจริงมันก็วิ่งหนีไม่ยอมสู้ ฉันยอมรับว่าครั้งนี้แตทำเกินไป แต่มันเสียใจจริงๆที่ทำให้แกกับรวีมีปัญหากัน”
“ผมขอโทษนะครับคุณใหญ่ แต่ผมให้อภัยคุณแตไม่ได้จริงๆครับ”
บวรถอนหายใจกับความใจแข็งของพิทยา
“งั้นฉันก็ขอให้แกโชคดี ฉันเห็นแกเหมือนน้องชายแท้ๆนะพิท ถ้าเดือดร้อนก็บอกฉัน ฉันพร้อมช่วยแกเสมอ”
“ขอบคุณมากครับคุณใหญ่”
บวรตบบ่าพิทยา แล้วช่วยกันยกกล่องออกไปจากห้องด้วยกัน
พราวพิไลเข้ามาในห้องนอนเห็นสุอาภายังไม่ลุกจากเตียง ก็พุ่งเข้ามากระโดดทับตัว สุอาภาสะดุ้งตกใจหันไป
“ไอ้พราว! ไอ้บ้า! ฉันตกใจหมด”
พราวพิไลลุกขึ้นนั่งคุกเข่า
“ดีใจจังที่แกด่าได้แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“พี่ต่ายโทรไปเล่าให้แกฟังเหรอ”
“อือ...พี่ต่ายเค้าเป็นห่วงกลัวแกจะเฉา เลยโทรให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อน ลุกขึ้นแต่งตัวได้แล้วจะได้ไปชอปปิ้งกัน”
“ฉันไม่ไป”
“ถ้าแกไม่ลุกไปแต่งตัวดีดี ฉันจะจับแกแก้ผ้าแล้วแต่งตัวให้”
สุอาภายังนิ่ง
“ไม่ลุกเหรอ”
พราวยื่นมือจะมาถอดเสื้อ สุอาภาตกใจรีบลุกขึ้นทันที
“แกเอาจริงเหรอเนี่ย”
พราวพิไลกอดอกและพยักหน้า สุอาภาบอก
“ลงไปรอฉันข้างล่าง”
“ก็แค่เนี้ย”
พราวพิไลลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไป สุอาภาถอนหายใจ
ในเวลาต่อมา สุอาภาเดินออกมานอกตัวบ้านกับพราวพิไล
“วันนี้ฉันจะทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้แกเอง บัญชามาได้เลยว่า คุณผู้หญิงจะไปพารากอน เอ็มโพเรียม หรือ เซ็นทรัลเวิลด์”
“ฉันไม่อยากไปห้างฯ”
พราวพิไลนิ่วหน้า
“แล้วแกจะไปไหน”
สุอาภาหันไปมองพราวพิไล
ภายในโซนออฟฟิศ ของมูลนิธิฯ พิทยาก้มหน้าไหว้จันทร์จำนงแล้วก็เงยหน้าขึ้นมา
“ผมต้องขอกราบประทานโทษที่ผมไม่สามารถช่วยงานคุณนายได้จนจบ”
“ที่ฉันว่าจ้างบริษัทของคุณ เพราะฉันต้องการให้คุณมาเป็นสถาปนิกให้ ในเมื่อคุณไม่เป็นให้ฉันแล้ว ก็ป่วยการที่ฉันจะจ้างต่อ” จันทร์จำนงบอก
พิทยาชะงัก
“แต่ทางบริษัทมีสถาปนิกเก่งๆหลายคนนะครับ”
“ฉันไม่ต้องการ”
พิทยาหน้าเสีย จันทร์จำนงพูดมัดมือชก
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะจ้างคุณให้มาดูแลงานต่อ ตกลงตามนี้แหละนะ ส่วนเรื่องบริษัทของคุณ ฉันจะคุยกับคุณนพเอง”
พิทยาไม่กล้าปฏิเสธ
“เออ...ครับ”
“คุณพิทยา คุณกับฉันมันเกินคำว่านายจ้างกับลูกจ้างไปแล้ว ฉันเห็นคุณเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ถ้ามีปัญหาอะไรก็พูดกันตรงๆ จะได้ช่วยกัน”
จันทร์จำนงจับแขนพิทยา เขามองเห็นแววตาที่เอ็นดูของจันทร์จำนงก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด
พราวพิไลทำหน้าเหวอสุดๆ ที่สุอาภาพาเธอมาที่มูลนิธิจันทร์จำนง
“ฉันขอถอนคำพูดที่บอกว่าแกไม่เป็นอะไร ฉันว่าแกเป็นมากเลยอ่ะ แกมาที่นี่ทำไมเนี่ย”
“ไม่รู้สิ...อยู่ดีดี ฉันก็คิดถึงที่นี่ขึ้นมา”
พราวพิไลสีหน้างงมาก เด็กที่เคยหกล้ม เห็นสุอาภาก็จำได้ ดีใจวิ่งเข้ามาทัก
“พี่คนสวย...”
สุอาภาหันไปเห็นเด็กก็จำได้เช่นกัน พราวพิไลมองแปลกใจ
“จำหนูได้มั้ย”
“จำได้สิ แผลหายดีเหรอยัง”
“ดีแล้วมีรอยแผลเป็นนิดเดียวเอง”
สุอาภายิ้มและพยักหน้า พราวพิไลมองเพื่อนอย่างแปลกใจที่เวลาอยู่กับเด็กแล้วกลับอ่อนโยนลงมาก พลันสายตาหันไปเห็นพิทยาเดินมากับจันทร์จำนง พราวพิไลชะงัก รีบสะกิดเพื่อน สุอาภาหันไปเห็นพิทยาก็อึ้ง
พิทยาเองก็เช่นเดียวกัน แววตาที่พิทยามองเธอยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จันทร์จำนงเห็นปฏิกิริยาของสุอาภากับพิทยาก็ได้แต่แปลกใจ พิทยารีบหันไปทางจันทร์จำนง
“ผมลาล่ะครับ”
พิทยาไม่ทักและไม่มองสุอาภาอีก รีบเดินออกไปอีกทางทันที สุอาภาเศร้ามาก จันทร์จำนงเริ่มสงสัย
แรงปรารถนา ตอนที่ 4 (ต่อ)
บริเวณม้านั่งข้าวสนามเด็กเล่น สุอาภากับพราวพิไลไหว้จันทร์จำนง
“อย่าบอกนะว่าจะมาลาฉันอีกคน”
สุอาภาชะงัก
“พิทเค้ามาลาคุณนายเหรอคะ”
“ใช่...แต่ฉันรั้งเค้าได้สำเร็จ เค้าตัดสินใจทำงานให้ฉันต่อ”
สุอาภาโล่งอกบอก
“โชคดีนะคะที่คุณนายรั้งเค้าเอาไว้ได้ ช่วยดูเค้าให้ด้วย”
“ให้คนแก่อย่างฉันดูคนหนุ่มเนี่ยนะ เธอมาดูเค้าเองดีกว่ามั้ง”
“แม้แต่หน้าฉันเค้ายังไม่มอง เค้าคงยอมหรอกค่ะ”
“ขอโทษทีเถอะนะที่ต้องถาม มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอสองคน”
สุอาภาเงียบไปอึดใจแล้วบอก
“ฉันทำผิดกับพิทเอาไว้มาก”
“แล้วเธอสำนึกผิดรึเปล่า”
“ค่ะ ถ้าพิทให้โอกาสฉันในการแก้ตัว ฉันก็พร้อมจะทำทุกอย่าง”
“แล้วทำไมต้องรอเค้าให้โอกาส”
สุอาภากับพราวพิไลชะงักมองหน้ากันแล้วก็หันกลับไปมองจันทร์จำนงอีกครั้ง
“เธอมีโอกาสอยู่ตลอดเวลาคุณสุอาภา มันอยู่ที่ว่า เธอจะใช้โอกาสอย่างไรทำให้คุณพิทยาอภัยให้เธอ ถ้าเธออดทนได้ ต่อให้ต้องใช้เวลานานเป็นเดือน เป็นปี ฉันว่ามันก็คุ้ม ดีกว่าต้องมานั่งเสียใจและโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”
สุอาภาฟังที่จันทร์จำนงพูดแล้วก็คิดตาม
บริเวณลานจอดรถ สุอาภาหันมาทางพราวพิไลด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาก
“ฉันจะทำให้พิทกับคุณรวีคืนดีกัน”
“ถ้าเค้าดีกัน คุณพิทก็จะอภัยให้แก”
“ฉันไม่หวังว่าพิทจะอภัยให้ฉันเพราะตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันทำร้ายพิทมาตลอด ครั้งนี้ฉันจะทำเพื่อเค้า ถ้าพิทมีความสุข ฉันก็มีความสุข”
พราวพิไลอึ้ง สุอาภายิ้มแววตาเริ่มมีความหวัง
หลายวันต่อมา ภายในบ้าน รวีพรรณไหว้รมณีกับณรงค์ มีภูวดลยืนอยู่ด้วย รมณีกอดรวีพรรณด้วยความคิดถึงก่อนจะผละออกจากกัน
“ลูกแม่หน้าตาสดใสขึ้นมาก เห็นแล้วแม่ก็สบายใจ ลูกต้องขอบใจพ่อดลเค้ามากๆนะเพราะตอนลูกไม่อยู่ พ่อดลมาหาพ่อกับแม่ทุกวัน”
รวีพรรณหันไปยิ้มให้ ภูวดลยิ้มตอบและรีบพูดเอาใจ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ มันไม่ได้ลำบากอะไรเลย คุณน้าทั้งสองก็เหมือนพ่อกับแม่แท้ๆของผม”
รมณีหันไปยิ้มกับณรงค์
“ฟังแล้วชื่นใจ”
“ให้ลูกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เราจะได้ออกไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน” ณรงค์บอก
“รวีขอตัวนะคะ” รวีพรรณพูดกับภูวดล
ภูวดลส่งยิ้มหวานให้ รวีพรรณดินออกไป ผ่านคนใช้ที่เดินเข้ามาพอดี
“เดี๋ยว” รพีพรรณเรียก คนใช้หยุดเดินหันมา เธอถามต่อ
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ คุณพิทยามาหาฉันบ้างรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
รวีพรรณสีหน้าผิดหวังแล้วก็เดินออกไป คนใช้หันมาทางรมณีที่พยักหน้าอย่างพอใจ
ภายในห้องนอน รวีพรรณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงมือถือดังขึ้น รวีพรรณหยิบขึ้นมากดรับสาย เสียงที่ผ่านมาทางสายทำให้เธอผงะไป
“ฮัลโหล...คุณสุอาภา”
สุอาภาอยู่กับพราวพิไล
“อย่าเพิ่งวางสายนะคะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ ออกมาพบฉันได้มั้ย”
รวีพรรณสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันคงออกไปพบคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
สุอาภารีบพูด รวีพรรณเงียบ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉัน แต่สิ่งที่ฉันจะพูด มันเกี่ยวกับพิท”
รวีพรรณวางสายไปเลย สุอาภาชะงัก
“ฮัลโหล...คุณรวี”
สุอาภากดวางแล้วหันไปทางพราวพิไล
“เค้าวางสาย”
“ก็ต้องเข้าใจเค้าแหละแก...แกทำกับเค้าไว้ซะขนาดนั้น เค้าก็คงไม่ชอบแกซักเท่าไหร่”
“แต่ยังไง ฉันก็ต้องหาทางเจอคุณรวีพรรณให้ได้”
สุอาภาสีหน้าตั้งใจและจริงจัง
เวลาต่อมา สุอาภากับพราวพิไลยืนอยู่กับคนใช้ของรวีพรรณ
“คุณรวีออกไปไหน”
คนใช้ดูอึกอักไม่อยากบอก พราวพิไลควักแบ้งค์พันออกมา คนใช้เห็นแล้วก็ตาโต
“จะบอกได้เหรอยัง”
ภายในร้านอาหารของรวีพรรณเวลานั้น รวีพรรณ ภูวดล นั่งด้วยกัน ภาสันต์นั่งหัวโต๊ะ ข้างๆ คือ ศรีพิไล ต่อด้วยรมณี และ ณรงค์ ขณะที่สินีนาฎกับพนักงานกำลังช่วยกันเสิร์ฟอาหาร
“ขาดเหลืออะไรเรียกได้เลยนะคะ”
ทุกคนหันไปยิ้ม สินีนาฎเดินออกไป
ด้านสุอาภากับพราวพิไลเดินเข้ามาด้วยกัน ในจังหวะที่สินีนาฎออกมาเห็นพอดีก็ตกใจรีบตรงเข้ามาหา
“มาที่นี่ทำไม”
“ฉันมาหาคุณรวี”
สุอาภากับพราวพิไลมองหา...เห็นรวีพรรณนั่งอยู่มุมส่วนตัวด้านใน ทั้งสองคนจะเดินเข้าไป แต่สินีนาฎยืนขวางไว้
“พวกแกห้ามเข้าไป...ออกไปจากร้านฉันได้แล้ว”
สุอาภากับพราวพิไลมองหน้ากัน แล้วพราวพิไลก็ล็อกแขนสินีนาฎเอาไว้ ทำให้ลูกค้าหันไปมองเป็นตาเดียว
“แกจับฉันทำไม ปล่อย”
“รีบไปเลยแต”
สุอาภาพยักหน้าแล้วก็รีบเดินเข้าไป สินีนาฎพยายามจะสลัดให้หลุด แต่สู้แรงพราวพิไลไม่ไหว
ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ภูวดลตักอาหารเอาใจรวีพรรณ รมณี ศรีพิไลและณรงค์ลอบยิ้มอย่างพอใจ ทันใดนั้นสุอาภาก็จ้ำพรวดพราดเข้ามา ทำเอาทุกคนวงแตก! สุอาภาปรายตามองภูวดลอย่างไม่พอใจ จนภูวดลรู้สึกได้ แต่ไม่สนใจ
“ยัยสุอาภา..มาที่นี่ทำไม” รมณีถาม
สุอาภาไม่สนใจคนอื่นมองหน้ารวีพรรณ
“คุณรวี ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“ฉันบอกคุณไปแล้วไง ว่าฉันไม่คุย กรุณาออกไปเถอะค่ะ”
“ฉันไม่ไป”
“คนเค้าไล่แล้ว ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” ศรีพิไลบอก
“ฉันไม่ได้คุยกับคุณ อย่าเสนอหน้า”
ทุกคนตกใจ ศรีพิไลแทบจะกรี๊ดออกมา ภาสันต์มองสุอาภาอย่างไม่พอใจ
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พูดมันซะตรงนี้เลยก็แล้วกัน ระหว่างที่คุณไปต่างประเทศ คุณพ่อของฉันเป็นเถ้าแก่ให้พิท..มาสู่ขอคุณกับแม่ของคุณ”
รวีพรรณตกใจ รมณีกับณรงค์หน้าเหวอ ศรีพิไลกับภูวดลผงะ ภาสันต์นิ่งมอง
“อย่าไปฟังมันนะลูก มันโกหก” รมณีบอก
“ใครกันแน่ที่โกหก ฉันพูดความจริง ให้ฉันสาบานก็ได้ คุณต้องเชื่อฉันนะคุณรวี”
รวีพรรณยังนิ่ง
“ที่ผ่านมาฉันยอมรับว่าฉันอยากทำให้คุณกับพิทเลิกกัน แต่ตอนนี้ฉันสำนึกผิด รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปทุกอย่างมันไม่ถูกต้อง ถ้าฉันอยากแย่งพิทมาจากคุณจริงๆ ฉันไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณรู้หรอกนะคะ”
รวีพรรณคิดแล้วก็เห็นด้วยกับสุอาภา หันไปทางรมณี
“แม่คะ...พิทมาสู่ขอรวีจริงเหรอคะ”
รมณีกับณรงค์มองหน้ากันแล้วพูดไม่ออก รวีพรรณรู้ทันทีว่า สุอาภาพูดจริง
“ที่คุณพ่อคุณแม่เร่งให้รวีไปเมืองนอกเพราะเหตุนี้ใช่มั้ยคะ”
“ที่แม่ทำลงไปทุกอย่างเพราะแม่หวังดีกับลูก อยากให้ลูกได้กับคนดีดี”
สุอาภาน้ำเสียงเยาะบอก
“คนดีดีอย่างคุณภูวดลน่ะเหรอคะ”
ภูวดลชะงัก ทุกคนหันไปมองสุอาภาที่หัวเราะกวนๆ แล้วก็เดินมาหา ภูวดลมองสุอาภาไม่ไว้ใจ
“คุณภูวดล นี่คุณไม่ได้บอกพวกเค้าเหรอว่าคืนก่อน คุณชวนฉันไปงานปาร์ตี้ แล้วเราสนุกสุดเหวี่ยงกันมากแค่ไหน”
สุอาภาโน้มตัวลงมาคล้องคอภูวดล ทำให้ศรีพิไล ภาสันต์ รมณี ณรงค์ รวีพรรณตกใจ ภูวดลนึกไม่ถึงว่าสุอาภาจะทำแบบนี้ ศรีพิไลลุกขึ้นโวยวาย
“ไปให้ห่างลูกชายฉันเดี๋ยวนี้”
ศรีพิไลเข้ามาฉุดแขนสุอาภาให้ออกไป เธอหันมาทำหน้ากวน
“ประโยคนี้อย่ามาบอกฉันเลยค่ะ บอกลูกชายคุณจะดีกว่า”
ศรีพิไลอ้าปากค้างหันไปมอง ภูวดลสีหน้าเจื่อน สุอาภายิ้มมุมปากอย่างสะใจ ภาสันต์สุดทนลุกขึ้นยืน
ภาสันต์พูดกับรมณีและณรงค์
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมคงขอตัวกลับก่อน”
ภาสันต์หันไปมองศรีพิไล ภูวดลแล้วก็เดินออกไปก่อน ทำให้ศรีพิไลต้องหันไปทางรมณี
“ฉันกลับก่อนนะ”
ศรีพิไลจับแขนภูวดลให้ลุกขึ้น ภูวดลมองสุอาภาด้วยความโมโห สุอาภายื่นหน้าท้าทายอย่างไม่กลัว แล้วภูวดลก็เดินออกไปกับศรีพิไล สุอาภาหันมาทางรวีพรรณ
“คุณรวีคะ ฉันยืนยันได้ว่าคนเดียวที่อยู่ในหัวใจของพิทคือคุณ ฉันกลับล่ะค่ะ”
สุอาภาหันไปไหว้แบบกวนๆกับรมณีกับณรงค์
“ลานะคะ”
สุอาภายิ้มแบบผู้ชนะแล้วก็เดินออกไป รมณีกับณรงค์ทำหน้าไม่ถูก รมณีหันไปทางรวีพรรณ
“รวี...”
“พอเถอะค่ะคุณแม่ รวีขอจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
รวีพรรณลุกเดินออกไป รมณีกับณรงค์หัวเสียมากมาย
ในเวลาต่อมา ภูวดลกับศรีพิไลเดินตามภาสันต์เข้ามาในบ้าน ภาสันต์หันขวับไปทางภูวดลด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“จำไว้นะ...แกจะไปทำอะไรกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ทั้งนั้น ยกเว้นลูกสาวไอ้นพ! อย่าไปยุ่งกับครอบครัวนี้เด็ดขาด”
ภาสันต์พูดจบก็จ้ำเดินเข้าไป ภูวดลแปลกใจมาก หันไปทางศรีพิไล
“คุณพ่อพูดถูกแล้ว”
“ก็แค่สนุกๆ ผมไม่ได้จริงจังซะหน่อย”
“จะสนุกๆก็ไม่ได้ ลูกก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่า นังนั่นมันแสบแค่ไหน ลำพังรมณี แม่ยังพูดแก้ตัวไปได้ แต่กับหนูรวี...แม่เดาไม่ออกว่าเค้ารู้สึกยังไง”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังแน่ ว่าแต่ทำไมคุณพ่อถึงดูเกลียดพ่อของสุอาภามากนัก”
“เค้ามีอดีตที่ไม่น่าจดจำต่อกัน”
“เรื่องอะไรเหรอครับไ
“เค้าเคยรักผู้หญิงคนเดียวกัน แต่ผู้หญิงคนนั้นนอนกับผู้ชายไม่เลือกจนตั้งท้อง ก็มามัดมือชกว่าพ่อของลูกเป็นพ่อของเด็กในท้องมันน่ะสิ คุณนพก็หลงนังนั่นหัวปักหัวปำ คิดว่าคุณพ่อไม่รับผิดชอบ สองคนก็เลยทะเลาะกันใหญ่โต คุณพ่อเสียใจมากที่เพื่อนรักต้องมาแตกหักกับเค้าเพราะผู้หญิงคนเดียว รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าไปยุ่งกับยัยสุอาภาอีก รับปากแม่จะได้มั้ย”
“ครับ”
ศรีพิไลเดินออกไป ภูวดลมีสีหน้าครุ่นคิด
ภายในบ้าน วันเดียวกัน พิทยากำลังดูแบบทางหน้าคอมพ์แมคบุ๊ก...พลันเสียงกดออดดังขึ้น พิทยาลุกเดินไปตรงประตู แล้วก็ชะงักที่เห็นรวีพรรณยืนอยู่
พิทยาทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ “รวี”
ภายในฟิตเนสตอนกลางวัน สุอาภากำลังออกหมัดเต็มที่ ชกมวยใส่เทรนเนอร์ไม่หยุด พราวพิไลยืนมองด้วยความเป็นห่วง ไม่นานสุอาภาก็หยุดแล้วเดินมาหาเพื่อน พราวพิไลยื่นขวดน้ำให้ เธอรับมาดื่ม สุอาภาฝืนยิ้มร่าเริง
“ป่านนี้พิทกับคุณรวีคงจะคืนดีกันแล้วเนอะ แกว่ามั้ย!”
พราวพิไลไม่ตอบ สุอาภาพูดต่อ
“ถ้าเค้าคืนดีกันได้ ฉันจะมีความสุขมากเลย”
“แกแน่ใจว่าแกมีความสุข”
สุอาภาชะงักไปแล้วก็ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ในใจร้องไห้
“แน่ใจสิ ฉันบอกแกแล้วไง ถ้าพิทมีความสุข ฉันก็มีความสุข ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
ทันทีที่สุอาภาหันหลังเดินออกไป หน้าก็เศร้าทันที
ภายในห้องน้ำในฟิตเนส สุอาภายืนให้น้ำรดหัวพลางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก...แต่ต้องกลั้นไม่ให้เสียงออกมา สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว ดูน่าสงสาร
ภายในบ้าน พิทยาจับมือรวีพรรณ แววตาที่มองเธอเป็นประกายด้วยความดีใจอย่างที่สุด รวีพรรณเองก็เช่นกัน
“ขอบคุณนะครับรวี ขอบคุณที่เข้าใจผม ผมดีใจที่สุด”
“อย่าขอบคุณรวีเลยค่ะ ถ้าพิทจะขอบคุณ ไปขอบคุณคุณสุอาภาดีกว่า เธอเล่าทุกอย่างให้รวีฟัง แล้วเธอก็มาขอโทษ...สำหรับทุกสิ่งที่ทำกับเราสองคน ครั้งนี้รวีเชื่อว่าคุณสุอาภาจริงใจจริงๆ”
พิทยาผงะแล้วนิ่งอึ้งไปอย่างนึกไม่ถึงว่าสุอาภาจะทำแบบนั้นจริงๆ
ภายในห้องรับแขกบ้านรวีพรรณ ภูวดลอยู่กับรมณีและณรงค์
“น้าคิดอยู่แล้วว่านังสุอาภามันต้องโกหกตอแหลเรื่องพ่อดล พ่อดลไม่จำเป็นต้องอธิบายให้น้าฟังเลย” รมณีบอก
“ผมดีใจนะครับที่คุณน้าเชื่อผม แต่คุณรวี...เธอคงมองผมไม่ดีไปแล้ว”
“อย่าเพิ่งเสียกำลังใจขนาดนั้น เรื่องยัยรวีน้าจะจัดการให้เอง ยังไงยัยรวีก็ต้องเชื่อพ่อเชื่อแม่มากกว่าคนอื่น” ณรงค์บอก
ภูวดลยิ้มสบายใจ ระหว่างนั้นรวีพรรณเดินกลับเข้ามา ภูวดล รมณี ณรงค์หันไปมอง ภูวดลยิ้ม แต่รวีพรรณไม่ยิ้มตอบ ทำให้ภูวดลหน้าเจื่อนไป
“คุณพ่อคะคุณแม่คะ รวีมีเรื่องอยากคุยด้วย”
ภูวดลรู้ตัวรีบบอก
“ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
รมณีหันไปทางรวีพรรณ
“ลูกอย่าเสียมารยาท พ่อดลเค้ามารอลูกนานแล้ว เอาไว้เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
“ไม่ค่ะ รวีต้องคุยตอนนี้ แต่ถ้าคุณภูวดลอยากอยู่ด้วยก็ได้นะคะ จะได้ฟังไปพร้อมๆกัน”
ทุกคนชะงักว่าอะไร...
“รวีจะแต่งงานกับพิทค่ะ”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด โดยเฉพาะภูวดลที่รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง
“พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า” รมณีบอก
รวีพรรณเน้นและย้ำอีกครั้ง
“รวีจะแต่งงานกับพิท คุณพ่อคุณแม่ได้ยินชัดแล้วนะคะ”
ภูวดลกำมือแน่นด้วยความโมโห
“ไอ้พิทยามันบอกให้ลูกมาพูดกับแม่เหรอ”
“พิทไม่ได้บอกค่ะ นี่เป็นเรื่องที่รวีตัดสินใจเอง”
“แม่ว่าถ้าเราพูดกันต่อไปจะต้องทะเลาะกันเปล่าๆ รอให้ลูกอารมณ์สงบเสียก่อน แล้วค่อยพูดกัน”
“จะพูดตอนไหนๆ หรือจะพูดกันเมื่อไหร่ รวีก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ รวีจะแต่งงานกับพิทคนเดียวเท่านั้น”
รมณี ภูวดล ณรงค์อึ้งมาก
“นี่มันเสี้ยมลูกให้เป็นได้ถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ” ณรงค์ถาม
รมณียกมือไม่ให้ณรงค์พูดต่อ
“ถ้าลูกคิดจะแต่งงานกับมัน ก็ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่อีก”
รมณีพูดด้วยความโมโหก่อนจะเดินออกไป ณรงค์ปรายแววตามองตำหนิลูกสาวก่อนจะเดินตามรมณีออกไป รวีพรรณได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่กลางห้อง ภูวดลเดินมาใกล้
“อะไรทำให้คุณอยากแต่งงานกับมันมากขนาดนี้”
รวีพรรณหันไปทางภูวดลบอก
“พิทเป็นคนที่ฉันรัก”
“รัก หรือว่า คุณกับมัน...มีอะไรกันไปถึงไหนแล้ว”
รวีพรรณฉุนกึกตบหน้าภูวดลเพี๊ยะ!!! ภูวดลอึ้งมาก เพราะไม่เคยมีใครกล้าตบเค้ามาก่อน
“พิทเค้าเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยคิดที่จะล่วงเกินฉันแม้แต่น้อย อย่าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานในการตัดสินคนอื่นสิคะ”
รวีพรรณพูดจบแล้วก็เดินออกไป ภูวดลจับหน้าตัวเองด้วยความแค้นและเจ็บใจ
“อย่านึกว่าผมจะปล่อยให้คุณไปมีความสุขกับไอ้พิทยาง่ายๆ”
เช้าวันถัดมา นพกำลังไดร์ฟกอล์ฟ สุอาภายืนปรบมืออยู่ด้วย
“ป๋าเก่งที่สุด”
สุอาภาเอาผ้ามาซับเหงื่อที่หน้าให้ นพยิ้มชื่นใจ
“ไม่ต้องมาทำปากหวาน อยากได้อะไร บอกป๋ามาตรงๆ”
“แตไม่อยากได้อะไร แค่ออกมาเป็นเพื่อนป๋าแค่เนี้ย แตก็มีความสุขแล้ว”
นพกอดแล้วหอมหน้าผาก
“จะไม่ให้ป๋ารักได้ยังไงห๊ะ”
สุอาภาผละออกมาแล้วยิ้ม
“ป๋าหิวน้ำมั้ยคะ แตไปซื้อน้ำให้”
สุอาภารีบออกไปซื้อน้ำ นพเดินมานั่งพัก ระหว่างนั้นภาสันต์ควงมากับเด็กสาวและกลุ่มเพื่อน เดินมานั่งใกล้ๆกับนพ นพหันไปเห็นก็ผงะ ภาสันต์หันมาประสานสายตากับนพ สองคนชะงักมองหน้ากันอย่างไม่ถูกชะตา นพหมดอารมณ์ขึ้นมาทันที จะลุกเดินออกไป แต่ภาสันต์พูดขึ้นมา
“ฝากบอกลูกสาวแกว่าอย่ามายุ่งกับลูกชายฉัน ต่อให้ลูกแกยั่วยวนภูวดลแค่ไหน เค้าก็ไม่สนใจผู้หญิงที่ผ่านสนามรบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนหรอกนะ”
นพหันมามองภาสันต์ด้วยความโมโห
“ไอ้ภาสันต์!”
นพพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ ภาสันต์กับคนแถวนั้นตกใจ เพื่อนภาสันต์รีบเดินเข้ามาดู สุอาภาเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ
“ป๋า!”
สุอาภารีบวางขวดน้ำบนโต๊ะแล้วเข้ามาหานพ
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปซักกี่ปี สันดานแกก็ไม่เคยเปลี่ยน ดีแต่โทษคนอื่นชอบทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าแกเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งๆที่คนเลวก็คือแก ! อย่าให้ฉันได้ยินแกพูดจาดูถูกลูกสาวฉันอีก”
นพจ้องหน้าเอาจริงจนภาสันต์ไม่กล้า ได้แต่จ้องหน้านพ นพปล่อยมือจากคอเสื้อภาสันต์ แล้วหันไปทางสุอาภา
“เรากลับกันเถอะลูก ที่นี่ชักไม่สนุกแล้ว”
นพโอบไหล่สุอาภาพาเดินออกไป ภาสันต์มองตามด้วยความโมโห
สุอาภาหันไปมองภาสันต์ด้วยความสงสัย
ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว
ตรงบริเวณลานจอดรถของสนามไดร์ฟกอล์ฟ สุอาภาจ้ำเดินตามนพออกมาเรียกไว้
“ป๋าคะ” นพหยุดเดินหันมา เธอถามต่อ
“ป๋ากับพ่อของภูวดลรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ ป๋ากับเค้าเคยมีเรื่องอะไรกันมาด้วยใช่มั้ยคะ”
“ทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันดีกว่า”
นพทำเป็นยิ้มแล้วก็รีบเดินออกไป ลับหลังลูกสาวหน้าตาชายสูงวัยเปลี่ยนเป็นเครียดทันที สุอาภาก็ยังไม่หายสงสัย
ที่ห้องทำงานภายในบ้านไม่นานต่อมา นพกำลังเปิดดูอัลบั้มรูปสมัยหนุ่มๆ มีเขาถ่ายคู่กับพิมดู นพหยิบรูปขึ้นมา มองรูปพิมด้วยความรัก พลันนึกย้อนกลับไป
ในอดีต ณ สถานที่แห่งหนึ่ง นพ และภาสันต์ ในสมัยที่ยังเป็นหนุ่มแน่นอายุประมาณ 30 ปี สองคนเหมือนจะมีเรื่องกัน
นพกระชากคอเสื้อภาสันต์ แล้วดันติดเข้ากับกำแพง หน้าตาเคียดแค้น ภาสันต์ดูตื่นกลัว
“ไอ้นพ..แกเป็นบ้าอะไรของแก! ปล่อยฉันนะเว้ย”
“ทำไมแกถึงไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับฉัน ไหนแกบอกว่าแกจะเลิกยุ่งกับพิม”
ภาสันต์ทำหน้าล่อกแล่ก
“ฉันเลิกแล้ว แต่เค้าตามตื้อฉัน แล้วแกจะให้ฉันทำไงวะ”
“เพราะอย่างนั้น แกก็เลยต้องย่ำยีเค้างั้นเหรอ”
ภาสันต์หน้าถอดสีแล้วก็ทำเป็นโวย
“เค้าให้ท่าฉันเอง”
นพเลือดขึ้นหน้า
“ไอ้สารเลว! แกโยนความผิดให้พิมได้ยังไง พิมไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”
ภาสันต์ทำเป็นฉุน
“นี่แกเชื่อผู้หญิงคนนั้นมากกว่าเพื่อนของแกเหรอ”
“ใช่! แกต้องรับผิดชอบในสิ่งที่แกทำไว้กับพิม แกต้องแต่งงานกับเค้า”
ภาสันต์ไม่พอใจบอก
“แกมั่นใจได้ไงว่าเด็กในท้องพิมเป็นลูกฉัน บางทีอาจจะเป็นลูกแกก็ได้”
นพอึ้งแล้วโกรธสุดๆเงื้อหมัดจะชกภาสันต์
“ไอ้ภาสันต์!”
ภาสันต์ผลักนพออกไปอย่างเต็มแรงก่อนที่นพจะเหวี่ยงหมัดมา นพเซ แต่ทรงตัวได้ไม่ถึงกับล้ม
“ฉันสงสัยแกกับพิมมานานแล้ว ตั้งแต่แกรู้ว่าฉันยุ่งกับเค้า แกก็พยายามกีดกันฉันกับพิมมาตลอด”
“นั่นเป็นเพราะว่าแกมีคู่หมั้นแล้ว”
“แต่เวลาฉันไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น แกไม่เห็นทำแบบนี้เลย”
นพหน้าถอดสี ภาสันต์พูดต่อ
“แล้วทำไม...กับผู้หญิงคนนี้ แกถึงดูห่วงนัก ว่าไงไอ้นพ ตอบฉันมาสิ หรือว่าแกกับเค้ามีอะไรที่ลึกซึ้งกันแล้วใช่มั้ย”
“เลิกดูถูกฉันกับพิมซักที ฉันกับพิมไม่ได้มีอะไรกัน ฉันยอมรับว่าฉันรู้จักพิมมาก่อน แต่พิมไม่รักฉัน เค้ารักแก แต่แกกลับทำร้ายพิมทั้งตัวและหัวใจ จิตใจแกมันทำด้วยอะไรวะไอ้สันต์”
“อย่ามาโทษฉัน แกหลอกฉันมาตลอด แกไม่เคยบอกฉันเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นอย่ามาบอกว่าฉันผิด!”
นพสุดทน ต่อยภาสันต์เปรี้ยง!อย่างแรง จนภาสันต์เลือดกลบปาก เขาโมโหหันมาจะเอาคืน แต่สู้นพไม่ได้ เลยเจอนพซัดไปอีกสามสี่หมัดแบบหนักๆเน้นๆจนภาสันต์อ่อนแรงล้มไปบนพื้น ในสภาพแย่ นพเดินมายืนค้ำหัว ภาสันต์เงยหน้ามองนพแววตาโกรธแค้นมาก
“ถ้าแกไม่อยากเจอหนักมากกว่านี้ รับผิดชอบในสิ่งที่แกทำกับพิมซะ”
“แกขู่ฉันเหรอ”
“ฉันไม่ได้ขู่”
น้ำเสียงนพเหี้ยมจนภาสันต์กลัว แล้วนพก็เดินออกไป ภาสันต์เอากำปั้นทุบพื้นด้วยความโมโห
ภายในห้องทำงาน นพมองรูปเขากับพิมด้วยสีหน้าเจ็บปวด พลันรู้สึกหายใจติดขัด นพจับที่หน้าอกตัวเอง ก่อนจะค่อยๆพาตัวเองมานั่งที่โซฟา เอนหลังนอน พยายามสูดหายใจลึกๆ ยังถือรูปไว้ในมือ
ภายในร้านกาแฟ เวลากลางวัน รมณีนั่งหน้าเครียดอยู่กับศรีพิไล
“ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วย แต่เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากพ่อดลด้วย”
ศรีพิไลมองรมณีด้วยความสงสัย
ภายในห้องทำงานของภูวดล เมื่อศรีพิไลพูดจบ ภูวดลก็มีสีหน้าสนใจมาก
“ลูกโอเคกับที่รมณีบอกรึเปล่า”
“ตกลงครับแม่ ผมอยากฉีกหน้าไอ้พิทยามันอยู่แล้ว มันได้กระอักเลือดแน่”
ภูวดลยิ้มเหี้ยม ศรีพิไลพอใจมาก
มุมหนึ่งในบ้าน ณีเดินถือถาดวางกาน้ำชากับแก้วน้ำชาออกมา สุอาภาออกมาเห็นพอดี
“จะเอาไปให้ป๋าเหรอคะ”
“ค่ะ”
“แตเอาไปให้เองค่ะ”
สุอาภารับถาดมาจากณีแล้วก็เดินออกไป
สุอาภาเข้ามาในห้องเห็นนพเอนหลังหลับอยู่บนโซฟา ก็เดินเอาถาดเข้ามาวางบนโต๊ะ หันไปทางนพที่นอนหลับ...สุอาภาเห็นนพถือรูปไว้ในมือก็รู้สึกแปลกใจ เดินไปค่อยๆดึงรูปออกมา เห็นรูปนพถ่ายคู่กับพิม สุอาภาชะงัก นพรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี
“ยัยแต”
“แตเอาชาร้อนมาให้ป๋าค่ะ”
นพลุกขึ้นนั่งบอก
“ขอบใจมากลูก”
นพมองหาว่า รูปอยู่ไหน สุอาภายื่นรูปไปตรงหน้า
“ป๋าหานี่อยู่เหรอคะ”
“ใช่”
“แตเห็นป๋าถือเอาไว้ก็เลยดึงออกมา เพราะจะเอาไปวางบนโต๊ะให้ ท่าทางรูปนี้คงสำคัญกับป๋ามากใช่มั้ยคะ”
นพหันไปมองสุอาภา แต่ยังไม่ตอบ
“ผู้หญิงในรูปคือใครคะ”
นพมองสุอาภาลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่ เธอมองนพด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“แม่พิท”
นพพยักหน้า แต่แววตามีความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ผู้หญิงคนนี้รึเปล่า ที่ทำให้ป๋ากับแม่ทะเลาะกันตลอดเวลา”
นพรีบหันมาอธิบาย
“พิมไม่เคยทำให้ครอบครัวเราแตกแยกเลยนะลูก ถ้าจะผิดมันก็ผิดที่ป๋า ที่ให้ความรักกับแม่ของลูกได้ไม่เต็มที่”
“แสดงว่าป๋ารักแม่พิทมาก”
“ก่อนที่ป๋าจะเจอแม่ของลูก ป๋ารู้จักกับพิมมาก่อน เค้าเป็นรักแรกของป๋า แต่ถึงป๋าจะรักเค้ามากแค่ไหน เค้าก็ไม่รักป๋า”
สุอาภามองนพด้วยความสงสารและเข้าใจ
“การแอบรักนี่มัน...ทุกข์ทรมานเหลือเกินนะคะ”
สุอาภาหันหน้าไปทางอื่นเพราะน้ำตาจะไหล นพหันไปเห็นความเศร้าในแววตาสุอาภาก็เข้าใจทันทีว่าสุอาภาก็ไม่ต่างจากเขาเมื่อก่อน
“มานั่งข้างป๋านี่มา”
แรงปรารถนา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภูวดลอึ้ง งง นักข่าวฮือฮา สุอาภาหันมายิ้มให้ภูวดลแล้วก็หันไปทางนักข่าว
“ฉันกับคุณภูวดลมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
สุอาภาหันไปจับแก้มภูวดล
“เค้างอนก็เลยทำแบบนี้ … ฉันต่างหากตัวจริง คุณรวีพรรณน่ะแค่ตัวหลอก”
นักข่าวอึ้งปะติดปะต่อเรื่องได้ทันที สุอาภาควงแขนภูวดลแนบแน่นจนเขาระแวง
“แสดงว่าคุณสุอาภากับคุณภูวดลกำลังคบกันเหรอคะ”
สุอาภาเบียดตัวเข้ามาแนบชิดภูวดล
“แตเป็นผู้หญิง จะให้แตตอบ คงไม่เหมาะมั้งคะ... บอกเค้าไปสิคะคุณภูวดล”
นักข่าวลุ้นกับคำตอบ ภูวดลเหล่มองสุอาภาอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมขอตัวซักครู่นะครับ”
ภูวดลจับแขนลากสุอาภาเดินออกไปจากตรงนั้น ยิ่งทำให้นักข่าวสงสัยและอยากรู้มากขึ้น นักข่าวคนหนึ่งมองตามภูวดลกับสุอาภาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
มุมหนึ่ง ภูวดลจับสุอาภาเหวี่ยงมาตรงหน้า พร้อมกับบีบแขนแน่น
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”
“เบามือกับฉันหน่อยสิ ฉันเจ็บนะ”
ภูวดลปล่อยมือ แต่ยังมองสุอาภาด้วยความระแวง
“ฉันพูดออกไปขนาดนั้นแล้ว ยังจะถามอีกเหรอ”
สุอาภาทำนิ่ง
“นึกว่าผมจะเชื่อที่คุณพูดเหรอไง ที่ผ่านมา คุณเกลียดผมจะตายไม่ใช่เหรอ แล้วอยู่ดีดีคุณก็มาบอกนักข่าวว่าคุณกับผมกำลังคบกัน ผมไม่ได้โง่ ผมรู้ว่าที่คุณทำแบบนี้เพื่อต้องการช่วยไอ้พิทยา เพราะถ้าข่าวนี้ออกไปเมื่อไหร่ คุณน้ารมณีจะได้เปลี่ยนใจไม่ให้คุณรวีหมั้นกับผมใช่มั้ย”
สุอาภานิ่งไปแล้วก็ทำเป็นหัวเราะออกมาอย่างมีจริต
“คุณนี่น่าจะไปเป็นคนเขียนบทละครนะ สร้างเรื่องได้เก่งจริง ที่ผ่านมาฉันแกล้งทำเป็นไม่ชอบคุณ เพราะรู้ว่าคุณเป็นเพลย์บอย มีผู้หญิงเข้าแถวให้คุณเลือกมากมาย ฉันไม่อยากเสียใจ แต่พอเห็นข่าวคุณจะหมั้น ฉันก็รู้ทันทีว่าฉันจะเสียคุณไปไม่ได้ และคนอย่างฉันก็เป็นประเภทที่ชอบความท้าทาย อยากเป็นที่หนึ่ง ถึงแม้จะเห็นว่ามีอันตรายรออยู่ก็ตาม”
ภูวดลยังมองสุอาภาอย่างไม่เชื่อ สุอาภาทำท่ายั่วนิดๆ ขยับมาใกล้เขาจนหน้าแทบจะชนกัน
“เราสองคนมีอะไรที่คล้ายกัน ถ้าคบกัน เราคงเป็นคู่ที่มีแต่คนอิจฉาและคงไปกันได้ดีมาก ฉันมีอะไรดีกว่ายัยรวีพรรณจอมจืดชืดนั่นตั้งเยอะ ไม่ต้องให้ฉันสาธยายคุณก็น่าจะรู้”
“คิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ผมเชื่อคุณ”
“แล้วต้องให้ฉันทำยังไง คุณถึงจะเชื่อ”
ภูวดลยิ้มที่มุมปาก มองสุอาภาด้วยสีหน้าร้าย สุอาภาใจเต้นลุ้นว่าภูวดลจะทำอะไร เขาดันเธอจนติดกำแพง...สุอาภาตกใจแต่พยายามคุมสติ แล้วเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เธอรู้ทันทีว่า เขาจะทำอะไรเธอ
สุอาภาจำต้องอดกลั้น...กำมือแน่น ภูวดลจูบปาก เธอต้องยอมเพื่อให้ภูวดลเชื่อและไว้ใจเธอ
นักข่าวคนนั้นถ่ายรูปภูวดลกับสุอาภาเอาไว้ แล้วก็ยิ้มพอใจ ก่อนจะเดินออกไป
ภูวดลถอนริมฝีปากออกมา สุอาภาทำเป็นยิ้มทั้งๆที่ขยะแขยงสุดๆ
“ฉันยอมให้คุณขนาดนี้ หวังว่าคุณคงจะเชื่อฉันแล้วนะ”
ภูวดลมองสุอาภาแล้วก็ยิ้มไม่พูดอะไรออกมา
สุอาภากำลังขับรถ ภาพที่ภูวดลจูบปากผุดขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แต่เพราะทำอะไรไม่ได้ เธอเลยร้องไห้ออกมาพลางเอามือเช็ดปากตัวเองไม่หยุดด้วยความรังเกียจสุดๆ
มุมหนึ่งในสวน ของมูลนิธิจันทร์จำนง รวีพรรณสีหน้าร้อนรนอยู่กับพิทยา
“เราหนีไปด้วยนะพิท ไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ รวีไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
“เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะรวี”
“ทำไม หรือว่าพิทไม่อยากแต่งงานกับรวีแล้ว”
“ไม่ใช่...ผมรักคุณ อยากอยู่กับคุณ แต่ถ้าผมพาคุณหนี พ่อแม่ของคุณจะเกลียดผมมากขึ้น เค้าจะต้องเหยียดหยามว่าเป็นเพราะกำพืดต่ำๆของผม ถึงทำให้ผมทำแบบนี้ลงไป”
รวีพรรณเงียบคิดตามแล้วก็เห็นด้วย
“ผมจะหาทางพิสูจน์ตัวเองทำให้พ่อกับแม่ของรวีให้โอกาสผมให้ได้ ผมจะทำให้ท่านเห็นว่าผมสามารถดูแลรวีได้เป็นอย่างดี อดทน รอผมหน่อยนะรวี ตอนนี้ผมกำลังเร่งสร้างฐานะเพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”
รวีพรรณพยักหน้า พิทยาดึงรวีพรรณมากอดให้กำลังใจ
จันทร์จำนงมองรวีพรรณกับพิทยาด้วยความเห็นใจ พลันครุ่นคิดอะไรได้บางอย่าง
ภายในห้องทำงานของภูวดล เขานั่งจับปากตัวเองที่จูบสุอาภาพลางยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าร้าย
“คิดว่าผมเชื่อจริงเหรอว่าคุณชอบผม รู้จักผมน้อยไปแล้วสุอาภา ในเมื่อคุณต้องการที่จะเล่นเกม ผมก็จะทำให้คุณรู้ว่า รสชาติแห่งความพ่ายแพ้ มันเป็นยังไง”
ภูวดลรู้สึกสนุกและท้าทายมาก พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น ภูวดลหันไป
“เชิญ...”
จันทร์จำนงเปิดประตูเข้ามา ภูวดลดีใจ รีบลุกเข้ามากอด
“คุณย่า ผมกำลังคิดถึงคุณย่าอยู่เลยครับ”
จันทร์จำนงดึงภูวดลออกมามองหน้าเครียด จนภูวดลรู้สึกแปลกใจ
“ที่ย่ามาหาเราเพราะข่าวการหมั้นของเรากับคุณรวีพรรณ”
ภูวดลหุบยิ้มด้วยความเซ็ง
“ย่าไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงกับทำให้มีข่าวนี้ออกมา ทั้งๆที่คุณพิทยากับคุณรวีพรรณยังไม่ได้เลิกกัน”
“นี่คุณย่าห่วงมันเหรอ”
“พ่อดล!”
“ก็มันจริงนี่ครับ คุณย่าไม่รู้หรอกว่า ลับหลังคุณย่ามันจองหองมากขนาดไหน มันคงคิดว่าการที่มันมีแบ๊กอัพดีอย่างคุณนพ จะทำให้มันหยิ่งผยองได้ ทั้งๆที่มันก็แค่เด็กกำพร้าที่หาส่วนดีไม่เจอ”
“หยุดนะพ่อดล! ย่าไม่เคยสอนให้หลานดูถูกคนแบบนี้ ย่าอยู่กับเด็กกำพร้ามาตลอด คำว่าเด็กกำพร้าไม่ได้หมายความว่าเป็นเด็กไม่ดี และย่าก็มั่นใจในสายตาของย่าว่ามองคุณพิทยาไม่ผิด ถึงแม้เค้าจะมีปมด้อย แต่เค้าก็ไม่เคยทำตัวให้มีปัญหา ตรงกันข้ามเค้ากลับมีความตั้งใจมีความพยายามในการทำตัวให้มีคุณค่าด้วยซ้ำ”
ภูวดลหัวเสียมาก
“ผมเป็นหลานแท้ๆของคุณย่านะครับ ไม่ใช่มัน! ทำไมคุณย่าถึงไม่เข้าข้างผม”
“ย่าไม่ได้เข้าข้างใคร ย่าพูดไปตามที่เห็น และย่าก็ไม่อยากเห็นเราทำผิด การแย่งผัวแย่งเมียคนอื่นมันบาปนะลูก”
ภูวดลหันไปฮึดฮัด กำมือแน่นด้วยความโกรธพิทยา จันทร์จำนงมองภูวดลด้วยสีหน้ากังวลใจ
ภายในห้องรับแขก บ้านพราวพิไล เธอนั่งลงข้างสุอาภาด้วยสีหน้าตกใจ
“มันไม่เสี่ยงไปเหรอไอ้แต! ใช้ตัวเองเข้าแลกขนาดนี้ แกก็รู้ว่าคุณภูวดลเป็นเสือผู้หญิงขนาดไหน”
สุอาภาเครียด
“ถึงเสี่ยงยังไง ฉันก็ต้องทำเพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะดึงนายภูวดลให้ออกห่างจากคุณรวีพรรณ”
“แต่ฉันเป็นห่วงแก”
“แกก็รู้ว่าฉันเก่ง ฉันเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องห่วง”
สุอาภาทำเป็นมั่นใจ แต่แววตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
รวีพรรณเข้ามาในห้องของพ่อกับแม่ ณรงค์กำลังดูแลรมณีที่นอนอ่อนเพลียอยู่บนเตียง ทั้งคู่มองลูกสาวสายตาตำหนิ รวีพรรณเดินเข้ามาคุกเข่าข้างเตียงแล้วก้มลงกราบรมณีกับณรงค์
“รวีขอโทษค่ะ”
รมณีเงียบ เมินหน้าไปทางอื่น
“คิดได้ก็ดีแล้วลูก” ณรงค์ว่า
“ค่ะ รวีคิดได้ว่ารวีไม่สมควรพูดหรือทำแบบนั้นกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องพิท..รวียังยืนยันคำเดิม คุณแม่กับคุณพ่อยังไม่เคยให้โอกาสพิทอย่างจริงจัง แล้วก็มาตัดสินพิทจากสิ่งที่ได้ยินมาจากคนอื่น รวีอยากขอโอกาสให้พิทอีกซักครั้งได้มั้ยคะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
รมณีหันขวับ ณรงค์ตกใจ ทั้งคู่เหล่มองหน้ากันแล้วรมณีก็หันมาทางรวีพรรณ
“ได้ แม่จะให้โอกาสนายนั่น ก่อนจะถึงวันหมั้นของลูกกับพ่อดลในเดือนหน้า ถ้านายพิทยาพิสูจน์ตัวเองให้พ่อกับแม่เห็นภายในหนึ่งเดือนไม่ได้ ลูกจะต้องแต่งงานกับพ่อดล”
รวีพรรณเงียบ นิ่ง อึ้ง พูดไม่ออก
ตอนเช้าวัดถัดมา พิทยามาหยิบหนังสือพิมพ์ที่เสียบอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เอามาเปิดอ่านพลางเดินเข้าไปในบ้าน แต่แล้วก็ผงะกับภาพแอบถ่ายภูวดลจูบสุอาภา พิทยาเป็นห่วงสุอาภาขึ้นมาทันที
ณีกำลังดูภาพภูวดลจูบสุอาภาและอ่านเนื้อข่าวด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงพรึงเพริด
“เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อสาวตัวจริงโผล่...หลังจากนายภูวดล เตชิตประกาศหมั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน...คุณหนูสุอาภาจอมไวไฟนั่นเอง งานนี้คงสปาร์คกันจนฉุดไม่อยู่”
ณีช็อกมาก ขณะนั้นสุอาภา นพ บวร วรรณวดีเดินเข้ามาด้วยกันที่โต๊ะอาหารเช้า
“อะไรกันณี สายป่านนี้ยังไม่ยกอาหารออกมาอีก ผมหิวไส้จะขาดแล้วนะ” บวรว่า
ณีตกใจมากรีบเก็บหนังสือพิมพ์ซ่อนด้านหลังแทบไม่ทัน พลางพูดตะกุกตะกัก
“เออ...ป้า...ป้าจะเข้าไปเอาอาหารออกมาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
ณีจะถือหนังสือพิมพ์เข้าไปด้วย
“แล้วเอาหนังสือพิมพ์ไปด้วยทำไม ฉันจะอ่าน” นพบอก
“อย่าอ่านเลยค่ะ วันนี้ไม่มีข่าวอะไรเลย”
“ถึงไม่มีข่าวอะไร ฉันก็จะอ่าน เอามานี่”
“ไม่ให้ค่ะ นียังอ่านละครไม่จบ”
คำพูดของณี เล่นเอาทุกคนเหวอไป บวรเข้าไปแย่งหนังสือพิมพ์มาจากมือณีได้อย่างง่ายดายจนณีตกใจ
“คุณใหญ่!”
“ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆครับป๋า เพราะป้านีแกมีพิรุธสุดๆ”
บวรส่งหนังสือพิมพ์ให้นพ นพรับมาเปิด ณีเสียววูบ แล้วนพก็เห็น สุอาภาเห็นแล้วก็ตกใจยิ่งกว่า ไม่นึกว่า นักข่าวจะถ่ายภาพนี้เอาไว้ได้ นพหันขวับมามอง
“นี่มันอะไรกันยัยแต”
ณีรีบชิ่งออกไปทันที
“ป้าขอตัวไปยกอาหารก่อนนะคะ”
ณีรีบออกไป บวรกับวรรณวดีแปลกใจ แล้ววรรณวดีก็เอาหนังสือพิมพ์มาดูกับบวร สองคนอึ้ง เงยหน้ามองสุอาภา
“แกเสียสติไปแล้วเหรอไอ้แต ถึงทำแบบนี้” บวรว่า
สุอาภาทำเป็นไม่แคร์
“แตไม่ได้เสียสติ แตรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่”
“ลูกก็เห็นว่าไอ้ครอบครัวนี้มันเลวทั้งตระกูล แล้วทำไม...”
สุอาภาสวนขึ้นมาทันที
“ขำๆน่าป๋า จะซีเรียสทำไม”
“แต..ป๋าไม่เคยห้าม เวลาลูกจะคบกับใครเพราะป๋าเชื่อมั่นว่าลูกของป๋า รู้จักเลือกแต่กับผู้ชายคนนี้ ป๋าขอสั่งห้าม!”
“ป๋าห้ามแตไม่ได้หรอกค่ะ แตตัดสินใจแล้วแตจะคบกับคุณภูวดล”
นพผงะเมื่อได้ยิน
“แต...ทำไมพูดกับป๋าแบบนี้!” วรรณวดีถาม
สุอาภาทำเป็นไม่สนใจแล้วก็เดินออกไป นพอึ้งมาก บวรหัวเสีย มีวรรณวดีเพียงคนเดียวที่สงสัย
สุอาภาเดินออกมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด พิทยาเดินสวนเข้ามาพอดี ก็ชะงักกึก หยุดเดิน พิทยาเดินมาตรงหน้าสุอาภา
“ไปยุ่งกับไอ้ภูวดลทำไม”
“เกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
สุอาภาจะเดินหนี แต่พิทยาจับแขนเธอไว้
“มันไม่เกี่ยวกับผม แต่มันเกี่ยวกับคุณอา เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำให้คุณอาเสื่อมเสียซักที”
สุอาภาเสียใจที่พิทยาว่า แต่ทำเป็นไม่แยแสแล้วพูดประชด
“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นนางมาร นายก็พูดเอง เพราะฉะนั้นถ้าฉันจะชั่วจะเลวมันก็ไม่แปลก นี่เป็นชีวิตของฉัน ฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้”
พิทยาเงียบ สุอาภาเดินกระแทกไหล่พิทยาออกไป พิทยาได้แต่ถอนหายใจ
ภายในห้องรับแขก พิทยา นพ บวร วรรณวดีอยู่ด้วยกัน
“ต่ายว่าน้องต้องมีแผนอะไรแน่ๆค่ะ”
พิทยา บวร นพ หันไปมองช
“แผนอะไรถึงต้องเอาตัวเข้าแลกขนาดนั้น” บวรว่า
“ทุกคนลองคิดให้ดีนะคะ เมื่อวานมีข่าวคุณภูวดลกับคุณรวีพรรณ ยัยแตก็รีบร้อนออกไป ต่ายคิดว่าแตต้องไปหาคุณภูวดล และที่แตทำแบบนี้ก็เพื่อต้องการทำให้การหมั้นระหว่างคุณภูวดลกับคุณรวีถูกยกเลิก”
“หมายความว่าแตพยายามจะช่วยพิท” บวรว่า
ทุกคนอึ้งไปตามๆกัน โดยเฉพาะพิทยา
“ถ้าแตคิดแบบที่ต่ายพูดจริงๆ ป๋าก็เชื่อ เพราะแตรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด”
นพหันไปมองพิทยาที่เป็นห่วงสุอาภาขึ้นมาทันที
“ถ้าจะให้ชัวร์ว่าต่ายคิดถูกรึเปล่า เราต้องไปคุยกับคนๆหนึ่งค่ะ”
ทุกคนมองต่ายสงสัย
ที่บ้านพราวพิไลเช้านั้น เธอถูกพิทยา นพ บวร และวรรณวดีรุมล้อมจนตัวลีบ หน้าซีด เหงื่อแตก พูดจาอึกอัก
“ที่พี่ต่ายพูดมา พราว...เออ...พราวไม่รู้เรื่องจริงๆ นะคะ”
วรรณวดีนั่งลงข้างพราวพิไล
“แน่ใจนะพราว ว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ”
พราวพิไลเสียงแผ่วเบา
“ค่ะ”
บวรนั่งลงอีกข้างของพราวพิไลบอก
“พี่มีน้องสาวคนเดียว ถ้ายัยแตเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะไม่ให้อภัยคนที่มันสมรู้ร่วมคิดกับแตเลย”
บวรจับขา พราวพิไลสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองนพกับพิทยา
“นายภูวดลคนนี้ไม่ธรรมดา คุณแตกำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับคุณพราว” พิทยาบอก
พราวพิไลเครียดมากแล้วก็ตัดสินใจ.....
รมณีกำลังดูภาพข่าวภูวดลที่จูบปากสุอาภาจากหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน...ด้วยความช็อกมาก ภายในห้องรับแขกมีณรงค์ กับรวีพรรณนั่งอยู่ด้วย
“รวีว่าคุณพ่อคุณแม่น่าจะต้องมองคุณภูวดลใหม่นะคะ”
รวีพรรณกับณรงค์พูดไม่ออก รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง
มุมหนึ่งในบ้าน เวลากลางวัน ภูวดลกำลังแก้ตัวกับศรีพิไล ภาสันต์ รมณีและณรงค์
“ผู้หญิงคนนี้พยายามตื้อผมไม่เลิก ผมปฏิเสธไปก็หลายครั้งแล้วนะครับ แต่อยู่ดีดี เค้าก็มาหาผม แล้วก็จู่โจมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เพราะมุมกล้อง มันก็เลยทำให้ดูเหมือนผมจูบเค้า”
“น้าคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นฝีมือแม่นี่ นังสุอาภามันเป็นผู้หญิงโรคจิต ไม่รู้มันจะจองล้างของผลาญลูกสาวน้าไปถึงไหน” รมณีบอก
“มันคงอิจฉาที่หนูรวีมีทุกอย่างเหนือกว่ามันน่ะสิ” ศรีพิไลบอก
รมณีกับณรงค์เห็นด้วย
ภูวดลทำเป็นสำนึกผิด
“คุณรวีคงจะโกรธผมมากใช่มั้ยครับ เฮ้อ..ผมไม่น่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย ผมจะไปอธิบายให้คุณรวีฟัง”
“อย่าเพิ่งเลยดีกว่าพ่อดลรออีกซักสองสามวัน...ให้ข่าวนี้มันเงียบไปก่อน แล้วค่อยหาทางไปอธิบายให้รวีเข้าใจ ยิ่งไปพูดตอนนี้รวีที่กำลังโกรธจะไม่ฟัง”
“ได้ครับ”
“ลูกต้องรับปากแม่นะว่าต่อไปนี้ห้ามเข้าใกล้นังคนนี้อีก...เข้าใจมั้ยลูก”
“ครับคุณแม่”
ภูวดลทำเป็นยิ้มออดอ้อน แต่ลอบทำหน้าร้ายกาจ ภาสันต์ครุ่นคิดบางอย่าง
ภายในร้านแห่งหนึ่ง สุอาภาเดินเข้ามาเห็นภาสันต์นั่งรอก็เดินมาหา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ” ภาสันต์เสียงแข็งมาก
สุอาภานั่งลงแล้วยิ้มกวน
“ทำไมล่ะคะ แตคบกับลูกชายคุณพ่อ แตก็ต้องเรียกคุณพ่อว่าพ่อสิคะ ว่าแต่คุณพ่อนัดแตออกมาพบกะทันหันเนี่ย มีอะไรเหรอคะ”
สุอาภามองภาสันต์ด้วยสีหน้าไม่กลัวเกรงใดใด
“ไปบอกพ่อของเธอว่าอย่ามาใช้วิธีนี้เพื่อแก้แค้นฉัน คิดใช้ลูกสาวตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ลูกชายฉันติดกับ ฝันไปเถอะว่าจะทำสำเร็จ”
สุอาภานิ่วหน้า งง ไม่เข้าใจ
“คุณพ่อพูดอะไร แตไม่เข้าใจ”
“ก็ไปถามพ่อเธอดูเอาเองสิ ว่ามันกับฉันเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน แล้วต่อไปนี้อย่าให้ฉันเห็นเธอมาเกาะแกะลูกชายฉันอีก!”
ภาสันต์พูดจบก็จ้ำเดินออกไป สุอาภาไม่เข้าใจ แต่กลับคิดถึงคำพูดของนพขึ้นมา
“ป๋ากับเค้าเคยมีเรื่องอะไรกันมาด้วยใช่มั้ยคะ”
“ทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันดีกว่า”
สุอาภาเริ่มรู้สึกเอะใจบางอย่างหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความออกไป
“ฉันอยากเจอคุณตอนนี้”
ภายในฟิตเนส ภูวดลอยู่กับสุอาภาเล่าอดีตบางอย่างของภาสันต์กับนพ
“พ่อคุณกับพ่อผมเคยรักผู้หญิงคนเดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นตั้งท้องแล้วก็มาบอกว่าพ่อผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง ทั้งๆที่ไม่ใช่ พอพ่อของคุณรู้เรื่องนี้เข้าก็โกรธพ่อผมมาก จนถึงขั้นเลิกคบกัน เค้าก็เลยเกลียดกันนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา”
สุอาภาอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน เธอนึกถึงรูปถ่ายนพกับพิม แต่คิดได้ไม่นานก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อภูวดลจับไหล่สุอาภาทั้งสองข้างให้หันมา
“ผมว่าคุณไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่พ่อผมพูดหรอก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ปล่อยให้เค้าเคลียร์กันเอง แล้วอีกอย่างคนอย่างผม ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้”
สุอาภาฝืนยิ้ม
“คืนนี้คุณไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนผมกับผมนะ แล้วหลังจากนั้นเราค่อยไปสนุกด้วยกันต่อสองต่อสอง”
ภูวดลยื่นหน้ามาหอมแก้มสุอาภา เธอจำต้องยิ้ม เขาเดินออกไป สุอาภารีบเอาผ้าขนหนูที่คล้องงคอมาเช็ดหน้า มองตามภูวดลด้วยความขยะแขยงแต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน
ภายในห้องน้ำฟิตเนส สุอาภากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับพราวพิไล
“แกคิดว่าคุณภาสันต์ พ่อของคุณภูวดลเป็นพ่อคุณพิทยา”
สุอาภาพยักหน้า
“ถ้าเป็นอย่างที่แกคิดจริง นั่นก็แสดงว่าคุณพิทไม่ใช่เด็กกำพร้า และที่สำคัญมีพ่อเป็นถึงระดับมหาเศรษฐี”
“และคนติดแต่เปลือกอย่างยัยคุณนายรมณี ถ้าได้รู้เรื่องนี้ ก็จะยอมรับพิทเป็นลูกเขยได้เอง เพราะไม่ว่าจะเป็นพิทหรือนายภูวดล ต่างก็เป็นลูกของคุณภาสันต์ด้วยกันทั้งคู่ ฉันจะทำให้คุณภาสันต์ยอมรับพิทเป็นลูกให้ได้!”
พราวพิไลมีสีหน้าลำบากใจ
“แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น แกเตรียมคำแก้ตัวสำหรับเรื่องนี้ก่อนเถอะ”
สุอาภาแปลกใจ
ในเวลากลางคืน ที่บ้านสุอาภา นพถอนหายใจหันไปทางพิทยา บวร วรรณวดี
“จนป่านนี้ยัยแตยังไม่กลับมาอีก”
“นั่นสิครับป๋า โทรไปก็ไม่รับสาย” บวรบอก
พิทยาเป็นห่วงสุอาภามากๆ แล้วก็หันไปทางวรรณวดี
“คุณต่ายลองเข้าเฟซบุคคุณแตดูมั้ยครับ เผื่อจะรู้ว่าคุณแตไปไหน”
ทุกคนมองพิทยาและเห็นด้วย
ภายในร้านอาหาร เวลากลางคืน ภูวดลกับเพื่อนชนแก้วกัน ก่อนจะร้องเฮดังลั่น สุอาภาดูไม่มีความสุข เพื่อนภูวดลหันไปทางเธอ
“คุณแตดื่มซักแก้วนะครับ”
“ฉันไม่ดื่ม”
“ปาร์ตี้เกิร์ลอย่างคุณแตเนี่ยนะครับจะไม่ดื่ม”
สุอาภาเสียงเครียด
“ฉันไม่ดื่มจริงๆค่ะ”
เพื่อนไม่กล้าตอแยต่อ ภูวดลมองสุอาภาแปลกใจว่าเป็นอะไร ดูไม่สนุกด้วย พิทยาเดินเข้ามาในร้านอาหาร มองไปรอบๆ แล้วก็เห็นสุอาภากับภูวดลนั่งด้วยกัน พิทยาเดินเข้าไปหาทันที
“คุณแต”
สุอาภา ภูวดลและเพื่อนภูวดลหันไปเห็นพิทยาก็ผงะ
“ผมมารับคุณกลับบ้าน”
“ฉันไม่ได้บอกให้มารับ”
“แต่คุณต้องกลับบ้านได้แล้ว”
พิทยาจะเข้ามา ภูวดลเข้ามาขวางทางไม่พอใจ
“คุณแตมากับฉัน ฉันไปส่งคุณแตที่บ้านเอง”
พิทยาไม่สนใจภูวดลเข้ามาฉุดแขนสุอาภาให้ลุกขึ้น สุอาภาตกใจ ภูวดลหัวเสีย จับไหล่พิทยา พิทยาปัดแขนภูวดลออกไปอย่างแรง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ!” พิทยาบอก
“แล้วเกี่ยวกับแกตรงไหน คุณแตไม่ใช่แฟนแก หรือว่ากะจะเก็บเธอไว้ทั้งสองคน”
พิทยาจ้องหน้าภูวดลด้วยความอดกลั้น ไม่อยากมีปัญหา หันไปทางสุอาภา
“กลับบ้าน!”
สุอาภาพยายามดึงแขนออก
“ฉันไม่กลับไปกับนาย ปล่อย!”
พิทยาไม่ปล่อยลากสุอาภาออกไป คนมองกันทั้งร้าน ภูวดลโมโหรู้สึกเหมือนถูกหยามน้ำหน้า รีบตามพิทยากับสุอาภาออกไป ภูวดลกระชากไหล่พิทยาหันมาแล้วต่อยเปรี้ยง!!! ภูวดลจะเข้ามาซ้ำ แต่เธอรีบห้าม พร้อมตะคอกใส่หน้าเสียงดัง
“อย่า!”
ภูวดลชะงักเห็นแววตาความห่วงใยที่สุอาภามีให้พิทยาก็รู้สึกแปลกใจ เธอรีบเข้ามาดูพิทยาที่มุมปากแตกเลือดซึม
“เป็นไงบ้าง”
“จะกลับกับผมได้เหรอยัง”
สุอาภามองพิทยาแล้วนิ่งไป ภูวดลมองสุอาภาด้วยความสงสัย
ติดตาม "แรงปรารถนา" ตอนที่ 5
สุอาภาพยายามกลั้นน้ำตา หันมาและนั่งลงข้างพ่อ นพจับหัวสุอาภาด้วยความรัก
“จำไว้นะลูก ความเจ็บปวดในชีวิตมนุษย์มันจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุ เพราะเราโตขึ้น มีความปรารถนามากขึ้นถ้าได้รับการตอบสนองมันก็ดีไป ถ้าไม่ได้มันก็จะเป็นแผลอยู่ในอกแต่ก็ไม่ถึงกับตาย คนฉลาดต้องไม่เอาเรื่องความรักความต้องการมาทำลายชีวิต”
นพกุมมือสุอาภาทั้งสองข้างเอาไว้
“เรื่องรักไม่ใช่เรื่องที่ทำให้คนเราต้องเอาชีวิตไปแขวนไว้กับมัน ใหม่ๆก็เจ็บ นานวันเข้ามันก็หาย ถึงแม้ระหว่างทางมันอาจจะไม่ราบรื่น แต่ลูกก็อย่าได้เป็นกังวล เพราะสองมือนี้..เป็นมือที่ป๋าคอยประคองมาตั้งแต่เกิด ป๋าจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกของป๋าต้องล้มไปเป็นอันขาด”
สุอาภาน้ำตาแทบรื้น ยิ้มเศร้าทั้งน้ำตา
“ป๋าจะรับแตไว้เหรอคะ แตไม่ได้ตัวเล็กๆแล้วนะ”
“ถ้ารับไม่ไหว ป๋าก็จะล้มไปก่อน เวลาแตที่ล้มลงมา ป๋าจะเป็นเบาะรองรับแตเอง”
นพยิ้มให้สุอาภาด้วยความรักและความหวังดี เธอซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า...โผกอดนพแน่น นพลูบหลังให้กำลังใจ
เช้าวันถัดมา ภายในห้องประชุมของมูลนิธิ จันทร์จำนง พิทยากำลังประชุมกับผู้รับเหมา มีแบบห้องสมุดกางอยู่บนโต๊ะ
“ใช้เสาเข็มยาว 20 เมตร เช็กให้ละเอียด ถ้าเสาต้นไหนมีรอยแตกรอยร้าวล่ะก้อ ไม่เอาเลยนะครับ เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง”
ผู้รับเหมาพยักหน้า ด้านหลังเห็นจันทร์จำนงเดินมาด้วยสีหน้าลำบากใจมาก พิทยาหันไปเห็นพอดี ก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณนาย”
จันทร์จำนงเดินเข้ามา
“อีกสองวัน ทางผู้รับเหมาจะเริ่มลงเสาเข็มเลยนะครับ”
จันทร์จำนงพยักหน้า แต่สีหน้าดูแย่ๆของพิทยา ทำให้จันทร์จำนงเข้ามาจับแขนพิทยามองด้วยสีหน้าเห็นใจ
“คุณพิท...ถ้าคุณจะกลับไปพักก็ได้นะ ฉันไม่ว่า”
พิทยาสึหน้างง ไม่เข้าใจ
“พัก ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”
“ฉันเห็นข่าวแล้ว ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันต้องขอโทษแทนพ่อดลหลานชายฉันด้วย”
“ข่าวอะไรครับคุณนาย”
จันทร์จำนงอึ้ง พิทยานิ่วหน้า
“นี่คุณยังไม่เห็นเหรอ”
บนโต๊ะอาหาร หนังสือพิมพ์ลงรูปภูวดลกับรวีพรรณในกรอบเล็กๆหน้าสังคม สุอาภากำลังอ่านข่าวนั้น โดยมีนพ บวร วรรณวดีและณีอยู่ด้วย
“ประกาศหมั้นสายฟ้าแลบระหว่างทายาทมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อ คุณภูวดล เตชิต กับนางสาวรวีพรรณ ชุมพล”
สุอาภาตกใจสุดๆ รวมถึงคนอื่นที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วย
“ข่าวมั่วป่ะเนี่ย เมื่อวานพี่เพิ่งคุยกับพิท พิทยังบอกอยู่เลยว่าเค้ากับรวีเข้าใจกันแล้ว” บวรบอก
“แตว่าข่าวไม่ได้มั่วหรอกค่ะ แต่ไอ้ที่มั่วคือคนให้ข่าวต่างหาก และคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใคร ต้องเป็นนายภูวดลแน่ๆ”
“เค้าเป็นโรคจิตรึเปล่า รู้ทั้งรู้ว่าพิทกับคุณรวีเป็นแฟนกันแต่ก็ยังทำแบบนี้” วรรณวดีบอก
“นั่นสิคะ ป้าคันปากยิกๆอยากจะด่าจริงจริ๊ง” ณีว่า
สุอาภาคิดอะไรออก...วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ แล้วขยับตัวจะออกไป ทุกคนหันไปมองตาม นพถาม
“ลูกจะไปไหน”
สุอาภาหันมาทางนพ
“ไปทำให้เรื่องนี้มันจบค่ะ”
สุอาภาจ้ำเดินออกไป ทำเอาทุกคนงงและอึ้งไปตามๆกัน
ภายในบ้านรวีพรรณ ตอนเช้า เธอเอาหนังสือพิมพ์มาวางตรงหน้ารมณีกับณรงค์ด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง
“ทำไมคุณแม่ถึงทำแบบนี้คะ”
“ในเมื่อลูกไม่เชื่อฟังแม่ แม่ก็ต้องใช้วิธีนี้” รมณีบอก
“รวีบอกได้เลยว่าไม่สำเร็จ ยังไงคนที่รวีจะแต่งงานด้วยก็คือพิท”
ณรงค์สุดทนลุกขึ้นยืนตะคอกเสียงดัง
“หยุดนะยัยรวี!”
รวีพรรณตกใจที่พ่อดุมาก
“เลิกเถียงแม่ซักที ตั้งแต่ลูกคบกับผู้ชายคนนั้น ลูกทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังมาตลอด ถ้าลูกยังเห็นพวกเราเป็นพ่อเป็นแม่ก็ทำตามที่แม่เค้าบอก”
รวีพรรณมองพ่อกับแม่ด้วยความโมโห
“ไม่ค่ะ ที่ผ่านมารวีเดินตามเส้นทางที่แม่เลือกให้ รวีไม่เคยขัดใจแม่ซักครั้ง แต่ครั้งนี้รวีขอเลือกทางเดินด้วยตัวเอง”
รมณีกับณรงค์อึ้ง รวีพรรณกำลังจะเดินออกไป รมณีเข้ามาจับแขนลูกสาวเอาไว้
“คิดจะไปหานายพิทยาใช่มั้ย แม่ไม่ให้ลูกไปหามัน... นังน้อย นังสม ออกมาเดี๋ยวนี้!”
น้อยกับสมคนใช้รีบวิ่งออกมา รวีพรรณแปลกใจว่าแม่จะทำอะไร
“พาคุณรวีขึ้นไปบนห้อง”
น้อยกับสมเข้ามาล็อกแขนรวีพรรณทั้งสองข้างจนเธอตกใจ
“นี่ไม่ใช่ยุคทาสนะคะ แม่ไม่มีสิทธิ์มาขังรวี!”
“แม่เป็นแม่ ทำไมแม่จะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อลูกเลือกที่จะอยู่กับมันก็อย่ามาโทษว่าแม่ใจร้ายก็แล้วกัน … พาขึ้นไป”
น้อยกับสมพยายามลากรวีพรรณให้เดินออกไป เธอขัดขืนอย่างเต็มที่
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”
รวีพรรณสะบัดจนหลุดออกไปได้สำเร็จก็รีบออกไปจากบ้านทันที รมณีกับณรงค์ตกใจมาก
“ยัยรวี”
รมณีทั้งโมโห ทั้งเสียใจก็เลยเป็นลมหมดสติ ณรงค์ตกใจมากรีบประคองรับเอาไว้
“คุณรมณี”
รวีพรรณขับรถไป พลางต่อโทรศัพท์หาพิทยา รอสายไม่นาน พิทยาก็รับสาย
“พิทอยู่ที่ไหนคะ”
ภายในออฟฟิศของภูวดล รปภ.กำลังห้ามนักข่าวที่ออกันเต็มหน้าประตูทางเข้าออฟฟิศ
“เข้าไปไม่ได้นะครับ”
ไม่นานภูวดลก็เดินมา นักข่าวหันไปเห็น
“คุณภูวดล!”
นักข่าวรีบเข้ามาล้อมภูวดลเอาไว้ ต่างแย่งกันถามเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น
“คุณภูวดลกับคุณรวีพรรณคบหากันมานานแล้วเหรอคะ / หมั้นสายฟ้าแลบแบบนี้ แล้วจะแต่งสายฟ้าแลบด้วยรึเปล่า”
“ใจเย็นก่อนนะครับ ทีล่ะคำถาม ผมตอบไม่ถูกแล้ว”
พลันเสียงสุอาภาดังขึ้น
“ฉันขอเป็นคนตอบคำถามนี้เองค่ะ”
ทุกคนหันไปตามที่มาของเสียง เห็นสุอาภาเดินแหวกกลุ่มนักข่าวเข้ามา ทำเอาภูวดลกับนักข่าวพากันชะงักด้วยความแปลกใจ สุอาภาเดินมาควงแขนภูวดลแนบแน่น ภูวดลเหวอ นักข่าวกดชัตเตอร์รัวไม่ยั้ง
“คุณภูวดลเค้าทำไปเพราะต้องการประชดฉันเท่านั้นเองค่ะ”