เสือสมิง ตอนที่ 4
ภราดร กับอองไชย ขับรถมาสุดทางแล้วลงเดินเข้าป่าไป ภราดรเดินไปตามเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว
“ช่วยด้วย...ช่วยหม่อมฉันด้วย”
กินรีนอนสลบอยู่ที่ปากถ้ำ คนรูคลานออกจากในถ้ำ ใช้ไม้แหย่ๆดูว่ากินรีสลบอยู่หรือเปล่า เมื่อเห็นว่าเธอไม่ไหวติงจึงค่อยคลานเข้ามาหา กินรีค่อยขยับตัวช้า ดวงตาค่อยๆลืมขึ้น เธอเห็นใบหน้าอันสุดแสนอัปลักษณ์ของคนรูที่กำลังอ้าปากกว้าง น้ำลายยืดที่ลอยอยู่บนหน้าก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้คนรูที่กำลังชะโงกมองดูอยู่นั้น กรีดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน ทั้งกินรีและคนรูต่างก็ผวาถอยออกห่างจากกันด้วยความตกใจกลัว งะดินเดนั่งอยู่บนก้อนหินภายในถ้ำสั่งคนรู
“ลากร่างมันเข้ามา”
คนรูปรี่เข้าไปหา กินรีผวาขยับหนีถอยหลัง ร้องลั่น
“อย่านะ...อย่า...”
งะดินเดส่งเสียงออกมาดังก้อง
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมล้างแค้นก็ไม่มีประโยชน์ต่อไปอีกแล้วแล้ว ข้าจะเก็บเจ้าไว้ดูแลข้าที่นี่ตลอดไป...เอามันเข้ามา”
กินรีร้องพลางถอยกรูด ขณะที่คนรูคืบคลานเข้าไปหาท่าทางดุดันน่ากลัว กินรีถอยหลังไปจนชนกับโขดหินที่หน้าถ้ำ ไม่สามารถที่จะหนีไปที่ไหนได้อีก คนรูเตรียมกระโจนเข้าหา สองมือกางออกมา คำราม
“ช่วยด้วย!”
กินรีหวีดร้องออกมาสุดเสียง ร่างของคนรูเด้งขึ้นมาจากพื้น ลอยอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นเสียงกระสุนคตดัง ฟึ๊บ! กระสุนดินเหนียวสีดำลอยตัดอากาศพุ่งเข้าไปหาร่างของคนรูที่กำลังลอยอยู่ในท่าจู่โจม ทันใดนั้นมีหางงูตวัดออกมาจากในถ้ำ ม้วนรัดเข้าที่ร่างของคนรูแล้วกระชากกลับ หลบกระสุนคตที่พุ่งเฉียดไปอย่างหวุดหวิด คนรูถูกกระชากกลับมาแล้วเหวี่ยงกระเด็นลงไปกองที่พื้นจนกลิ้งไป กระสุนคตซึ่งพลาดเป้า กระทบเข้ากับผนังถ้ำ จนเศษหินกระจายว่อน คนรูส่งเสียงร้องกรี๊ดๆๆ ด้วยความตกใจ
“หยุดก่อนเถอะโยม...”
พระธุดงค์ยืนสง่าอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ กินรีหันไปมองดูด้วยความแปลกใจและดีใจ ก่อนจะวูบหมดสติไป พระธุดงค์มองในถ้ำ
“หยุดสร้างเวร สร้างกรรมให้มันจบกันในชาตินี้เถอะโยม”
งะดินเดมองออกมาจากในถ้ำ แววตากร้าวและแค้น
“มันไม่ใช่เรื่องของแก ภิกษุโล้น”
“ผู้ทรงศีลย่อมมีใจเมตตา อาตมาขอบิณฑบาตโยมผู้นี้ก็แล้วกัน”
ทั้งคู่จ้องหน้ากัน งะดินเดจำยอมแล้วคำรามด้วยความผิดหวัง พระธุดงค์เดินหายไปในความมืด
ภราดรกับอองไชยเดินทางมาตามป่า ภราดรเดินมาแล้วหยุด เขามองไปรอบๆ
“หลงหรือไงหมอ” อองไชยถามหยั่งเชิง
ภราดรพยายามใช้สมาธิ แล้วตัดสินเดินตรงไป
“กินรีต้องอยู่แถวนี้แน่...”
อองไชยเดินตามไปอย่างสงสัย สักครู่ภราดรก็มองเห็นอะไรบางอย่างข้างหน้า เขาส่องไฟฉายไป เห็นกินรีนอนสลบอยู่
“นั่นไงกินรี”
อองไชยรู้สึกแปลกใจที่ภราดรรู้ว่ากินรีอยู่ที่ไหน
“รู้ได้ยังไงวะ...”
ภราดรตรงเข้าไปประคองกินรีที่ไม่ได้สติ
“กินรี...กินรี...”
“พากลับบ้านก่อนดีกว่า...ท่าทางแถวนี้กลิ่นไม่ดีชอบกล”
อองไชยมองไปรอบๆแล้วช่วยประคองกินรี ภราดรอุ้มกินรีออกไป
หน้ากระท่อมที่คุมขังจงใจ หิน และแวว มีชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นสมุนโจรของเสือใจสองคนเฝ้าอยู่ คนหนึ่งยืนถือปืน อีกคนยืนมวนยาเส้น อย่างไม่สนใจอะไรมากมาย เพราะคิดว่าทั้งหมดคงจะไม่คิดหนีออกไป เพราะล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทของเสือใจทั้งนั้น...จงใจเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอยู่ในกระท่อม
“พ่อเสือนะพ่อเสือ...ไม่ฟังกันบ้างเลย”
“พี่กลัวว่าสองคนนั้นจะหนีไม่รอดใช่มั้ย” หินถาม
จงใจพยักหน้ารับอย่างกังวล
“ทั้งบาดเจ็บ ทั้งไม่รู้ทาง ต่อให้มีแก้วไปด้วย คงหนีพี่ทศยาก”
แววมองจงใจอย่างเข้าใจ
“เขาชื่ออะไรล่ะ ตำรวจคนนั้นน่ะ”
“เขาชื่อสมรักษ์ มียศสองดาวบนบ่า”
แววแค่นยิ้ม
“โอ้โห...นี่ริชอบนายตำรวจเลยหรือ”
“ไม่ได้บอกว่าชอบเขาเลยนะน้าแวว แค่บอกว่าเป็นห่วง ไม่อยากให้เป็นอะไรเท่านั้น”
“นั่นแหละ มันก็คล้ายๆกันนั่นแหละ ถ้าไม่ชอบ จะกล้าเสี่ยงถึงขนาดนี้เร๊อะ”
จงใจเปลี่ยนเรื่อง
“เราอย่าพูดเรื่องอื่นเลย มาช่วยกันคิดหน่อยว่าจะช่วยสองคนนั้นได้อย่างไร”
“นี่ยังคิดจะหาเรื่องกันอีกหรือ”
“ข้าเป็นห่วงไอ้แก้วมันนะแม่”
หินลุกขึ้นยืน แววมองหน้าลูกชายงงๆ ไม่เข้าใจ หินเดินไปรอบๆกระท่อมเพื่อหาทางออก แต่ก็ไม่เจอ เขาเดินมาหยุดอยู่หน้ากองตะกร้าหวายที่มีคนเอามากองทิ้งไว้ เตะอย่างแรงระบายความโมโห ตะกร้าหวายกลิ้งกระจายออกมาจากกัน เห็นรูเล็กๆที่ข้างฝา หินหยุดชะงัก มองดูช่องเล็กๆนั้นอย่างครุ่นคิด จงใจเหลือบมามองเห็นเข้าพอดี หญิงสาวเดินเข้ามองรูเล็กๆนั้น แล้วหันมามองหินเห็นสายตาของเด็กชายมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ทั้งสองคนมองตากัน จงใจพยักหน้าเบาๆ
“แกกำลังคิดเหมือนข้าใช่มั้ย”
“ใช่”
แววอ่อนใจ
“เอาจนได้นะพวกเอ็ง”
เสือทศกับสมุนโจร 5 คนอาวุธครบมือ ขี่ม้าออกมาจากชายป่ามาถึงลำห้วย สมุนโจรคนหนึ่งซึ่งเป็นพรานแกะรอย กระโดดลงมาจากหลังม้า สำรวจดูร่องรอยบริเวณนั้น
มันมองเห็นรอยเท้าม้าซึ่งย่ำลงไปบนพื้นดินที่เปียกแฉะ ปรากฏอยู่ที่ริมห้วยจนเป็นรอย คนแกะรอยนำทางเดินกลับมา
“ทั้งสองคนนั้น มาทางนี้จริงๆพี่ทศ ตอนนี้ สงสัยข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของห้วยแล้วล่ะ”
“งั้นก็อย่าช้า...ไปเว้ยพวกเรา ข้ามไปเอาตัวพวกมันกลับมาให้ได้”
เสือทศขี่ม้าลุยลงไปในห้วย เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง สมุนทุกคนกระตุ้นม้าลุยตามไปอย่างฮึกเหิม
หินมองแม่แล้วตัดสินใจบอก...
“ข้าจะหนีออกไปช่วยแก้วมันนะแม่”
“นี่เอ็งจะหนีออกไปจริงๆเหรอ ข้าเสียไอ้แก้วไปคนหนึ่งแล้วนะ...หรือ เอ็งจะให้แม่เสียพวกเอ็งไปทั้งหมดใช่มั้ย”
“แม่...ถ้าเรามัวแต่นั่งอยู่ในนี้ ตำรวจคนนั้นกับแก้วมันหนีไม่รอดแน่”
จงใจเห็นด้วย
“ใช่น้าแวว เราจะมัวมารอให้แก้วโดนจับกลับมาไม่ได้นะ”
แววถอนใจ
“แล้วพวกเอ็งสองคนมีแผนอะไร ที่จะออกไปช่วยมันล่ะ”
ทั้งสองคนส่ายหน้าพร้อมกัน แววหน้าเหวอ
“อ้าว...”
จงใจเสียงอ่อย
“ตอนนี้แค่ให้หินมันหนีออกไปจากหมู่บ้านให้ได้ก่อน ตามหาแก้วให้เจอจะได้ช่วยกันหลบหนี”
หินเดินไปที่ช่องเล็กๆ ก้มลง หมายมุดออกไป จงใจเรียกไว้
“หิน...”
หินหันหน้ากลับมา จงใจมองหินอย่างกังวลและห่วงใย
“ระวังตัวด้วยนะน้อง...”
หินพยักหน้า แววตากังวล แต่ก็ฝืนยิ้มให้
“ครับพี่...”
หินเดินจากไป แววเป็นห่วงลูกชายมาก จงใจเข้ามากอดและกุมมือไว้ แววอุ่นใจขึ้น
สมรักษ์นั่งมาบนหลังมาแล้วทรุดลง แทบตกจากหลังม้าแต่ยังมีสติ
“อุ๊ย...โอย...”
แก้วหันหลังมาตามเสียงแล้วหยุดม้า
“หมวด...ไหวไหม...มาหยุดพักก่อนเถอะ”
แก้วลงจากม้าตนเองมาจูงม้าของสมรักษ์ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“พักที่นี่ก่อนก็ได้...หมวดลงมาก่อนระวัง...”
“ดีเหมือนกัน...”
แก้วประคองสมรักษ์ลงมาจากม้าอย่างทุลักทุเล จังหวะหนึ่งแก้วพลาดล้มลงพอดีทั้งคู่ล่วงลงมาด้วยกันกอดกันกลม ใบหน้าของสมรักษ์หอมเข้าที่แก้มของแก้วอย่างจัง แก้วหน้าแดง แล้วรีบผละออก สมรักษ์สงสัย
“ขอโทษที...เป็นอะไรหรือน้องชาย แค่นี้ทำเขิน”
แก้วหาทางกลบเกลื่อน
“เอ่อ...คือว่า...ผม...จักกะจี้น่ะครับ ผู้ชายกับผู้ชาย...บื๊อ...กลัวฟ้าผ่า”
สมรักษ์ชำเลืองมองแก้วแล้วหัวเราะ เขารู้อยู่แก่ใจว่าแก้วเป็นผู้หญิง
“เหรอ...แต่ฉันไม่กลัวหรอก ฉันชอบหอมผู้ชาย มา มาให้ฉันหอมอีกทีซิ”
แก้วหน้าแดงผุดลุกขึ้นท่าทางเขิน สมรักษ์มองอย่างเอ็นดู
“ฉันล้อเล่นน่ะแก้ว...ไม่ต้องมาปิดฉันหรอก ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าแก้วเป็นผู้หญิง”
แก้วชะงัก
“เอ่อ...หมวดรู้...”
“ใช่...เธอคิดว่าตำรวจไทยโง่หรือไง”
“ปะ...เปล่า...จ้ะ แก้วแค่ระวังตัว”
สมรักษ์หัวเราะทั้งๆที่เจ็บ เขาเอ็นดูแก้วเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“ดีแล้ว...ต่อไปนี้ก็แสดงบทเด็กผู้ชายไปเรื่อยๆก็แล้วกัน”
“ได้จ้ะ...เอ๊ย...ได้ครับ”
สมรักษ์ยิ้มให้
ภราดรกับอองไชย พากินรีที่สลบอยู่ไปที่บ้าน แม่หมอเข้ามาดูแล พะอูมองภราดรกับอองไชยอย่างไม่เป็นมิตร
“หมอว่าไปเจอกินรีในป่างั้นรึ” แม่หมอถาม
“ใช่ครับ...”
“หมอรู้ได้ยังไงว่ากินรีกำลังมีภัย และอยู่ที่ไหน”
ภราดรพูดความจริง
“เอ่อ...ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน เหมือนกับมีอะไรสักอย่างนำทางผมไป”
แม่หมอแปลกใจ
“อะไร...มีอะไรมาบอก...”
อองไชยนั่งคันปากอยู่นานรีบแทรกเข้ามา
“นี่ยาย...จะซักอะไรนักหนา ช่วยนังหนูนี่ให้ฟื้นก่อนดีกว่า ข้าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน”
แม่หมอมองอองไชยตาขวาง
“เจ้าอยากรู้ไปทำไม...มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า...หมดธุระของพวกเจ้าแล้ว...กลับไปได้แล้วหมอ”
“เอ่อ...ผมว่าให้ผมช่วยปฐมพยาบาลกินรีก่อนดีไหมครับ”
แม่หมอหัวเราะ
“มีข้าคนเดียวที่ทำให้กินรีฟื้นได้...กลับไปได้แล้ว”
ภราดรยังดื้อ
“ผมจะไม่กลับ จนกว่ากินรีจะปลอดภัย”
พะอูมองหน้าภราดรอย่างเอาเรื่องและส่งเสียงขู่
“ฮือ...อา...”
แม่หมอดุ
“พะอู”
พะอูสงบลง แม่หมอมองหน้าภราดรอย่างเข้าใจ แล้วหลับตาบริกรรมคาถา สูดเอาแสงบางอย่างออกจากตัวกินรีไป อองไชยมองอย่างตะลึงแล้วรำพึง
“ที่แท้ยายก็คือ...”
แม่หมอหันขวับมาที่อองไชย
“เจ้ากล้าเอ่ยชื่อข้าหรือ”
แววตาแม่หมอน่ากลัว อองไชยนิ่งไป กินรีค่อยๆฟื้นขึ้นมา ภราดรโล่งใจ
“กินรี...ฟื้นแล้วหรือ...เป็นยังไงบ้าง”
กินรีชะงัก
“หมอ...”
อองไชยภามทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า...”
กินรีมองอองไชยยังไม่ทันตอบ แม่หมอแทรกเข้ามา
“กลับไป...ได้แล้วก่อนที่ข้าจะโมโห”
ภราดรกับอองไชยจำต้องออกไปพร้อมกัน
กินรีมองตามภราดรอย่างอาลัยแต่เก็บความรู้สึกไว้
ระหว่างที่ขับรถกลับ ภราดรถามอองไชยอย่างสงสัย
“คุณรู้จักแม่หมอด้วยหรือ”
“ไม่...ข้าไม่รู้จักหรอก แต่ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของซะยาที่สืบเชื้อสายมาจากพวกพุกามสมัยก่อน”
“เรื่องนั้นใครๆก็รู้...ไม่เห็นแปลกตรงไหน”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้อะไรมา แต่ข้าเดาว่าเจ้าไม่มีทางรู้เหมือนที่ข้ารู้ นังยายเฒ่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็น อยู่ห่างๆนางไว้ ข้าเตือนเจ้าเพราะอยากให้เจ้าอยู่รักษาคนไปนานๆ”
“แล้วหลานสาวกับหลานชายล่ะ”
“มันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน...แต่ดูๆไปแล้วยายเฒ่านั่นท่าทางจะเอ็นดูเจ้าถึงได้ให้ประคำเส้นนี้กับเจ้า”
ภราดรเอามือคลำประคำและกำลังจะถามต่อ แต่ทันใดนั้น เสือตัวใหญ่กระโจนผ่านหน้ารถจน เขาต้องหักหลบจนรถลงไปข้างทาง
“เฮ้ย...”
อองไชยลงจากรถด้วยสัญชาตญาณ มองตามเสือไปแล้วบอกภราดร
“นังยายเฒ่าเอ๊ย...นึกว่าข้าจะกลัวหรือ...ข้าไปก่อนล่ะ”
อองไชยรีบตามเสือไปและหายไปในความมืด ภราดรมองตามแล้วหันกลับมาสตาร์ทรถแต่มันไม่ติด เขาเซ็งมาก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ...”
สมรักษ์พักเหนื่อยจนค่อยยังชั่วแล้ว แก้วดูแลอยู่ข้างๆ
“ไปกันต่อเถอะแก้ว ฉันค่อยยังชั่วแล้ว”
“ได้ครับหมวด”
แก้วจัดแจงพยุงสมรักษ์แล้วลุงขึ้น หญิงสาวหน้าแดงและหลบไม่ให้เขาเห็นความเหนียมอาย
กินรีรู้สึกดีขึ้น แม่หมอยังคอยประคบประงม แม่หมออาการหนักเพราะรักษากินรีแต่เก็บอาการไว้
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“จ๊ะยาย”
พะอูแสดงท่าทางว่าเป็นห่วงกินรีมาก
“พะอูก็เป็นห่วงพี่...อะไรนะ พี่หลับไม่ได้สติเลยหรือ”
“อือ...อา...”
แม่หมอมองหลานสาว
“ใช่...เป็นเพราะเจ้าโดนมนต์ของท่าน ดีนะที่เจ้ายังมีบุญที่ช่วยรักษาผู้คนไว้คอยค้ำจุนไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่รอด”
กินรีนึกถึงเหตุการณ์แล้วสงสัย
“ท่าน...ท่านคือใครกันทำไมถึงน่าเกลียดน่ากลัวอย่างนั้น”
แม่หมอตัดบท
“ลืมเรื่องนี้ไปซะ จำไว้อย่างเดียวว่า ตราบใดที่ยายยังมีชีวิตอยู่จะไม่มีใครมาทำร้ายเจ้าทั้งสองคนได้”
กินรีกับพะอูงงแต่ยังไม่ทันถามอะไรแม่หมอก็สำรอกเอาเลือดสีดำพุ่งออกมา ทั้งคู่ตกใจ
“ยาย...”
“ยายไม่เป็นไร”
“นี่ยายกลืนบาปให้หนูหรือ...โธ่ยายก็รู้ว่ายายทำอย่างนี้แล้วจะเป็นยังไง”
“ยายตายเพราะช่วยเอ็งยังดีกว่า ตายโดยไม่ได้ทำอะไรเลย”
แม่หมอบอกอย่างมุ่งมั่นจริงจัง
ม้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สมรักษ์นอนฟุบอยู่บนแผงคอม้าอย่างอิดโรยและอ่อนแรงเต็มที แก้วขี่ม้าเดินเข้ามาใกล้ๆ คว้าบังเหียนม้าของสมรักษ์ขึ้นมาถือไว้ มองอย่างกังวล
“ไหวไหมครับหมวด”
สมรักษ์ยกมือขึ้นมาโบกให้รู้ว่า เขาไม่เป็นอะไร
“ไหว....ฉันยังไหว ไปต่อเถอะ”
“ถ้าเราไปไม่ไหว จะพักก่อนก็ได้นะครับ เราข้ามแม่น้ำเข้ามาถึงเขตบ้านสางแล้ว”
“ดี...ไปกันต่อเถอะ”
สมรักษ์พยายามชันร่างให้ลุกขึ้นมาแล้วจะไสม้าอกไป แต่ว่าก็ฟุบลงไปอีก
“หมวด”
เสียงร้องของแก้วทำให้ม้ายกสองขาหน้าขึ้นมาส่งเสียงร้องก้องไปทั้งป่าด้วยความตกใจ แก้วพยายามกระชากบังเหียน ฉุดรั้งม้าเอาไว้ไม่ให้แตกตื่น ร่างของเขาที่ฟุบอยู่บนหลังม้า ทำท่าจะร่วงลงพื้น แก้วตัดสินใจกระโดดลงจากหลังม้าของตนเอง แล้วรั้งแผงคอม้าตัวที่สมรักษ์ขี่เอาไว้จนมันหายพยศ ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่ข้างหลังสมรักษ์
ทันใดนั้นเสียงปืนดัง เปรี้ยง! ม้าที่สมรักษ์และแก้วขี่อยู่ร้องลั่นด้วยความตกใจ ส่วนอีกตัวหนึ่ง วิ่งหนีไปทันที แก้วชักม้าจะหนี
เสือทศและลูกน้องชักม้าออกมาจากที่ซ่อน ดักเอาไว้ทุกทาง ปืนทุกกระบอกเล็งมายังคนทั้งสอง เสือทศขี่ม้าเข้ามาใกล้ ปืนสั้นในมือ เล็งมาที่ศีรษะของสมรักษ์
“นัดเมื่อกี้ ข้ายิงขู่ แต่ถ้าเอ็งคิดจะฝ่าออกไป คราวนี้ ข้าจะไม่ขู่ แต่...จะยิงหัวไอ้ตำรวจนี่ให้กระจุยเลย...! รวมทั้งเอ็งด้วยนังแก้ว”
แก้วตกใจ ชักม้าหันรีหันขวางไม่รู้จะฝ่าออกไปทางไหน
เสือทศถือปืนสั้นเล็งมายังสมรักษ์ ใบหน้าของเสือร้ายยิ้มแสยะอย่างยียวน เพราะถือว่าตนได้เปรียบ อย่างไรเสียเด็กอย่างแก้วก็ไม่มีวันหนีพ้น
“ทีนี้ละเอ็งเอ๊ย...ข้าจะจับพวกเอ็งกลับไปถลกหนังทั้งเป็น ให้พวกชุมโจรมันดูคนทรยศจะต้องรับกรรมยังไง”
แก้วโต้
“ข้าไม่ได้ทรยศใคร ข้าเพียงแต่ช่วยเหลือเขา ไม่ให้ตายในชุมโจรเราเท่านั้น”
“แต่มันเป็นตำรวจ เอ็งก็รู้ ว่าพวกเราเป็นใคร แล้วทำไมเอ็งถึงเห็นคนนอกดีกว่าคนที่เอ็งเติบโตมาด้วย”
“ข้าไม่เคยเห็นใครดีกว่าใคร ข้าแค่ช่วยพาพี่เขาไปส่งแทนเท่านั้น”
แววตาของเสือทศส่อประกายอำมหิตขึ้นมาทันที เพราะเหมือนโดนจี้ใจดำอย่างนึกรู้ว่าจงใจชอบสมรักษ์
“ถ้าอย่างนั้น มันก็ยิ่งสมควรตาย !”
เสือทศขยับนิ้วชี้ที่อยู่ในโกร่งไกปืน จะเหนี่ยวออกไป แก้วรู้ว่าทศต้องยิงแน่ จึงรีบชักม้าให้หมุนตัวกลับ เอาตนเองเป็นโล่กำบังสมรักษ์ไว้ เธอกอดสมรักษ์แน่น ทันใดเสียงหน้าไม้ดังควั่บ ประสานกับเสียงปืน
เปรี้ยง !!!
“โอ๊ย !”
เสือทศร้องอย่างเจ็บปวด สะบัดมือเร่าๆ ปืนกระเด็นตกลงไปบนพื้น ส่วนที่ข้อมือมีลูกธนูขนาดเล็กจากหน้าไม้เสียบอยู่จนทะลุไปอีกข้างหนึ่ง สมุนโจรทุกคน หันขวับไปยังพุ่มไม้ ช่วยกันสาดกระสุนปืนเข้าใส่แบบไม่เล็งเป้า
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
แก้วลืมตาขึ้นมา เห็นทุกคนกำลังหันไปยิงใส่เจ้าของหน้าไม้ลึกลับไม่หันมาสนใจ เธอจึงกระทืบโกลนกระแทกเข้าสีข้างม้า ควบพาสมรักษ์หนีออกไปทันที เสือทศหันมาเห็นเข้า แต่ตนเองไม่มีปืนในมือ เพราะตกอยู่ที่พื้น
“เฮ้ย นังแก้วมันหนีไปแล้ว ยิงสกัดมันไว้”
เสือทศตะโกนลั่น พลางกระโดดลงจากหลังม้า เพื่อหยิบปืนที่ตกอยู่ขึ้นมา คนแกะรอยหันไปเห็น จึงยกปืนยาวขึ้นเล็งประทับบ่า กะว่าถ้าลั่นตูมออกไป เป็นได้ร่วงทั้งสองคน
หน้าไม้พุ่งออกมาจากใต้โคนไม้ แล่นเข้าไปปักฉึกเข้าที่ไหล่ของคนแกะรอย
“โอ๊ย !!!”
เปรี้ยง !!!
กิ่งไม้ที่บนเหนือหัวของแก้วกับสมรักษ์ซึ่งควบม้าออกไป หักร่วงลงมาเพราะกระสุนปืนลูกซอง คนแกะรอยพลัดร่วงลงจากหลังม้าด้วยความเจ็บปวด แก้วกับสมรักษ์ขี่ม้าหายออกไป
เสือทศถือปืนในมือ สอดส่ายสายตาไปมา มองหาคนที่ลอบทำร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในความมืดอย่างโกรธแค้น
“มึงเป็นใครกันวะ อย่ามาลอบกัด แน่จริงออกมาสู้กันเลย ”
แทนคำตอบ ลูกธนูจากหน้าไม้ดอกหนึ่งพุ่งออกมา ปักฉึกที่ต้นไม้เหนือหัวเสือทศขึ้นไปไม่ถึงครึ่งฟุต
“เฮ้ย !”
เสือทศร้องลั่นด้วยความตกใจ รีบดึงม้าเข้ามาบังตนเองเอาไว้ ป่าทั้งป่าเงียบสนิท หลังจากที่เสียงปืนที่รัวเป็นข่าวตอกแตกเมื่อครู่นี้สงบลง มีแต่เงาตะคุ่มของต้นไม้ และเงาเคลื่อนไหวของลูกน้องเสือทศ ที่ไม่กล้าจะยิงบุ่มบ่ามอีกต่อไป
ทุกคนซุ่มเงียบ ไม่กล้าโผล่หัวขึ้นมาให้เป็นที่สะดุดตา เพราะกลัวว่าจะโดนสอยเอาง่ายๆ เสือทศมองดูเส้นทางที่แก้วกับสมรักษ์หายลับไปในป่าอย่างโกรธแค้น สายตามองกวาดไปมาเพื่อจะดูว่าลูกน้องอยู่ตรงไหนบ้าง
เสือทศยกมือข้างที่โดนยิงขึ้นมา กัดฟันแน่น ขณะที่หักหางลูกดอกออกไป แล้วดึงพรวดเดียวจนหลุดออกมา
“ฮ้ายยย !”
เสือทศร้องลั่น ขณะที่ฉีกชายเสื้อออกมา พันเข้าไปบาดแผลที่ข้อมือก่อนที่จะผูกแน่นเพื่อห้ามเลือด ทั้งเจ็บปวด ทั้งเดือดดาล แล้วยกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องหมอบกับพื้น ส่วนตนเอง ค่อยๆแอบถอยออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ
ภราดรยืนหัวเสียอยู่ข้างรถ เขาสตาร์ทไม่ติด
“ทำไมรถราชการมันต้องเป็นแบบนี้ทุกคันนะ...แล้วจะกลับยังไงเนี่ย”
มีแสงไฟจากรถจี๊ปวิ่งตรงมา ภราดรใจชื้นแล้วออกไปยืนโบก รถจี๊ปจอด จ่าชิตมากับตำรวจอีกสองนาย
“อ้าวหมอ...รถเป็นอะไรครับ”
“รถสตาร์ทไม่ติดครับ”
“ไป...งั้นผมจะช่วยลากไป”
ยังไม่ทันที่จ่าชิตจะทำอะไรก็ได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกล จ่าชิตรีบสั่ง
“หมู่พาหมอกลับไปก่อน” จ่าชิตหันมาพยักหน้ากับอีกคน “ตามผมมา”
“ผมจะไปด้วยครับ” ภราดรรีบบอก
“อย่าเลยหมอ ผมว่าหมอกลับไปรอทำแผลให้พวกผมดีกว่า...ไป...”
จ่าชิตนำตำรวจตามเสียงปืนไป ภราดรมองตามอย่างเป็นห่วง
หินซ่อนตัวอยู่หลังโคนไม้ใหญ่ เล็งหน้าไม้ไปยังกลุ่มสมุนของเสือทศที่กำลังก้มๆเงยๆหลบซุ่มรอจังหวะ คนแกะรอยเลือดไหลเต็มตัวนั่งเอาหลังพิงโคนไม้อยู่ไม่ไกลจากเพื่อนฝูง หินส่ายหน้าไม้ ไปยังทุกๆคนอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งถึงม้าของเสือทศแต่ไม่เห็นเสือทศบนหลังม้าแล้ว หินตกใจพยายามจะมองหาว่าเขาไปไหน
“หายไปไหนวะ...”
ทันใดนั้นเสือทศเอาปืนสั้นจ่อเข้าที่ท้ายทอยของหิน
“มองหาข้าอยู่ใช่มั้ย ไอ้หิน!”
หินหันกลับมามองอย่างตกใจ เสือทศฟาดปืนใส่หินสลบไปทันที
แววที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นอย่างตกใจ
“ลูก...”
จงใจนอนหนุนตักแววอยู่สะดุ้งตื่น เห็นแววหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลโทรมเธอผุดลุกขึ้นนั่งทันที
“เป็นอะไรไปหรือน้าแวว”
“น้าฝันไม่ดี...ฝันเห็นหินกับแก้วเลือดท่วมตัวเลย”
จงใจรีบโอบกอดเอาไว้ เพราะรู้ว่าแววเป็นห่วงลูก
“หินกับแก้วเป็นคนดี น้าแววอย่ากังวลเลย สองคนนั้นจะต้องกลับมาหาเราจ๊ะ”
แววร้องไห้ ความรู้สึกอัดอั้นใจ พรั่งพรูออกมา
“น้ากลัวเหลือเกินหนู กลัวว่า น้าจะไม่ได้เจอหินกับแก้วอีกแล้ว”
“หนูสัญญาน้าแวว พรุ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูจะขอพ่อออกไปตามหาหินกับแก้ว” จงใจแววตาเด็ดเดี่ยว
แววน้ำตานองหน้า พึมพำเบาๆ
“หิน...แก้ว...อย่าเป็นอะไรไปนะลูก...”
เสือใจตั้งใจจะเข้ามาหา ยืนฟังอยู่หน้ากระท่อมแล้วตัดสินใจเดินกลับไป
เสือสมิง ตอนที่ 4 (ต่อ)
สมรักษ์ฟุบอยู่กับแผงคอม้า แก้วนั่งอยู่ด้านหลัง คอยประคองเอาไว้ไม่ให้เขาพลัดตกลงไป ม้าห้อตะบึงฝ่าพุ่มไม้ใบหญ้าและเถาวัลย์ที่ขึ้นอยู่รักครึ้มอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อหนีมาไกลแล้ว ม้าจึงค่อยๆผ่อนแรงลง จนกระทั่งหยุดนิ่งสนิท
ร่างของแก้วและสมรักษ์ค่อยๆรูดลงมาจากหลังม้า หล่นร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น สมรักษ์นอนแน่นิ่งในขณะที่แก้วพยายามที่จะลุกขึ้นมา
ไหล่ของแก้วมีเลือดไหลออกมาเพราะกระสุนเม็ดเล็กๆของปืนลูกซอง เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวด เขย่าตัวสมรักษ์ ร้องเรียกเบาๆ
“หมวด...หมวด”
สมรักษ์นอนนิ่งไม่ไหวติง แก้วเขย่าด้วยความตกใจ
“หมวด ฟื้นสิ อย่าทำแบบนี้ ข้ากลัวนะ...!”
แก้วพยายามปลุกให้เขาฟื้นขึ้นมา แต่ทว่าไม่เป็นผล ในที่สุดก็ถอดใจ ซบหน้าลงกับร่างของเขาร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ...ห่างออกไปพอสมควรมีแสงสว่างวูบวาบจากไฟฉายสองกระบอก แก้วเงยหน้าขึ้นไปเห็น แล้วก้มหลบในความมืด แสงไฟเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยแล้วแก้วจึงพยุงสมรักษ์ขึ้นม้าค่อยๆออกไป...
จ่าชิตส่องไฟฉายแล้วมองหาแต่ไม่เห็นใครจึงหันมาบอกหมู่
“ไปทางนี้ เสียงปืนหยุดแล้วนี่...ระวังนะ”
ทั้งคู่เดินไปอย่างระมัดระวัง
หินถูกมัดเท้าผูกโยงห้อยหัวอยู่กับกิ่งไม้ เริ่มรู้สึกตัว เสียงสมุนโจรดังเข้ามาในหู
“แล้วนี่เราจะทำอย่างไรดีกับไอ้เด็กเนี่ย”
หินลืมตามองเห็นลูกสมุนโจรของเสือทศกำลังนั่งล้อมรอบกองไฟข้างริมห้วย เสือทศนั่งใช้มือที่ไม่บาดเจ็บ สลัดลูกโม่ปืนเข้าที่แล้วเล็ง แต่ไม่ถนัด เขาอารมณ์เสีย หันมองหิน แล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาหา...สมุนหันมามองลูกพี่แล้วหันมามองตากัน
“เป็นเรื่องล่ะ เฮ้ย...ช่วยกันห้ามหน่อย เดี่ยวไอ้หินก็ตายหรอก”
ทุกคนผุดลุกขึ้น เดินตามเสือทศมา ยกเว้นคนแกะรอย ที่ยังคงนั่งเฉยอยู่ เสือทศเดินเข้าไปใกล้ หินที่หน้าแดงก่ำ เหงื่อไหลหยดเต็มหน้า แววตาตื่นกลัว เสือทศมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเดือดดาล ชี้ให้หินดูที่ข้อมือของตนซึ่งพันผ้าเอาไว้ แต่ยังมีคราบเลือดสีแดงเปียกชุ่มอยู่
“เอ็งเห็นมั้ย ว่าเอ็งทำอะไรลง หา...ไอ้หิน”
เท้าของเสือทศตวัดเตะเปรี้ยง ร่างของหินแกว่งไปตามแรงเตะ แล้วแกว่งกลับมา เสือทศคว้าตัวเอาไว้ จะเตะซ้ำ แต่ลูกน้องที่เดินมาทัน ห้ามเอาไว้
“พี่ทศ พอเถอะ เดี่ยวมันก็ตายเสียก่อนหรอก”
“ตายซะได้ก็ดี ไอ้ระยำ ดูมันทำกับข้า กับไอ้เรืองสิวะ”
เรืองซึ่งเป็นคนแกะรอยนั่งมองมาทางเสือทศ เขามีอาการบาดเจ็บที่ไหล่ ไม่สามารถถอนลูกธนูออกมาได้ ยังคงปักคาอยู่ ลูกสมุนพยายามขอร้อง
“ยังไงก็เห็นแก่น้าแววเถอะพี่ พี่ก็รู้ว่าพ่อเสือเขาเกรงใจน้าแววอยู่นา...”
แววตาของเสือทศอ่อนลง ขณะที่พยักหน้าเบาๆแล้วชี้หน้าหิน
“ก็ได้...เห็นแก่พ่อเสือ แต่เอ็งจำไว้ ข้าไม่ปล่อยเอ็งแน่”
ขาดคำเสือทศก็หันหลังให้ เดินออกไป ทุกคนเดินตาม ยกเว้นลูกสมุนคนหนึ่งที่มองหินอย่าเวทนา
“ข้าช่วยเอ็งได้เท่านี้แหละไอ้หิน ที่เหลือคงต้องหวังให้พ่อเสือช่วยเอ็งล่ะ เพราะว่าพี่ทศเอาเอ็งตายแน่...”
สมุนคนนั้นเดินจากไป หินซึ่งห้อยหัวโตงเตงอยู่เครียดกังวล ขณะเดียวกันนั้นพุ่มไม้ด้านหลังของหินสั่นไหวเล็กน้อย สายตาใครบางคนมองมาที่หิน
อองไชยไล่ตามเสือมาในป่าแล้วมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองไปรอบๆแต่ไม่เห็นร่างของเสือแล้ว เขาหัวเสียแววตากร้าว
“เจ้าเล่ห์นักนะมึง...ไอ้เสือผี”
เช้าวันใหม่...กินรี พะอู มะค่า เดินกลับมาจากไร่ ช่วยกันเข็นปอกะเจามาเต็มรถ
“วันนี้ได้ปอกะเจา มาเต็มเลย ข้าว่าจะทักกระสอบไปขายในเมือง” มะค่าบอกอย่างยิ้มแย้ม
พะอูทำท่าว่าจะช่วยด้วย มะค่ายิ้มให้
“จะช่วยข้าถักหรือ ขอบใจนะ ข้าจะแบ่งส่วนแบ่งให้”
พะอูหัวเราะชอบใจ กินรียิ้มเมื่อเห็นพะอูมีความสุข แต่ระหว่างทางคนที่สวนไปมาต่างไม่อยากเดินใกล้พะอู กินรีมองน้องอย่างสงสารที่ทุกคนทำท่ารังเกียจน้อง
ม้าเดินอย่างอิดโรยมาตามถนนกลางหมู่บ้าน ผู้ใหญ่สนเดินผ่านมากับจ่อยเห็นสมรักษ์และแก้วนอนสลบอยู่บนหลังม้าก็ตกใจ
“เฮ้ย...นั่นหมวดสมรักษ์นี่”
ทุกคนรีบวิ่งไปดู...กินรีเห็นคนมุงดูอะไรกันจึงรีบเดินมาแหวกทางเข้าไป
“หมวดสมรักษ์...พาไปหายายก่อนผู้ใหญ่”
ผู้ใหญ่สนพยักหน้ารับ
กลุ่มเสือทศพักอยู่ริมห้วย ลูกสมุนยังนอนหลับอยู่ เสือทศเดินมาใช้เท้าเตะเบาๆที่ทุกคนเพื่อปลุกให้ตื่น
“เฮ้ย...ตื่นได้แล้วเว้ย สายแล้ว”
ทุกคนตื่นขึ้นมา ขยี้ตาก่อนที่จะแยกย้ายกันไปล้างหน้าที่ริมห้วย
“ล้างหน้า ล้างตาเสร็จแล้วไปดูไอ้หินมันด้วยนะ เดี่ยวข้าจะลากมันกลับชุมเสือเอง”
เมื่อพูดถึงหิน ทุกคนจึงนึกขึ้นได้ หันไปมองยังต้นไม้ที่มัดหินโยงเอาไว้เมื่อคืน เห็นเหลือแต่เชือกห้อยแขวนอยู่ แต่ไม่มีร่างของหินอยู่ตรงนั้น ทุกคนหันมามองหน้ากัน อย่างตกใจ
“พี่ทศ...!”
“ไอ้หิน !”
เสือทศและสมุนรีบเข้าไปที่ใต้ต้นไม้ เสือทศหันไปมองรอบๆป่าแต่ไม่พบสิ่งปกติอะไร
“เห็นมั้ย พวกเอ็งเอาแต่หลับ แทนที่จะช่วยกันเฝ้ายามไว้ ปล่อยให้มันหนีไปได้ ไอ้ระยำเอ๊ย!”
เสือทศหงุดหงิดงุ่นง่าน พาลเตะก้อนหินเพื่อระบายอารมณ์
“ช่วยกันออกตามหาเร็ว...”
ทุกคนกระวีกระวาดเก็บของ ขณะที่เสือทศเคียดแค้น
แววกับจงใจถูกขังอยู่ในกระท่อม ลูกน้องเอาข้าวเข้ามาให้ เสือใจเดินเข้ามามองไม่เห็นหินก็เดาเหตุการณ์ได้
“หาเรื่องกันอีกแล้ว...เมื่อไหร่จะเลิกเสียที”
“ฉันเป็นห่วงนังแก้วมัน ไอ้หินมันหนีออกไปตามพี่มัน เห็นใจฉันเถอะพี่เสือ”
จงใจร้อนใจเป็นห่วงหิน
“จ๊ะพ่อ...ดูสิป่านนี้ยังไม่กลับเลย เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
เสือใจกังวลแต่ยังเก็บอาการ
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเอ็งแส่หาเรื่องกัน มันจะมีเรื่องแบบนี้หรือ หาเรื่องกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน ดีแล้วปล่อยให้มันตายๆไปจะได้จบเรื่อง”
“พ่อเสือ...ใจดำ ใจร้าย พวกเราแค่ช่วยคน พ่อยังมาทำกับจงใจกับน้าแววแบบนี้ พ่อไม่รักจงใจแล้วล่ะสิ...เอาสิจะทำยังไงก็เชิญ จงใจไม่รักพ่อเสือแล้ว”
จงใจระบายออกมาด้วยความน้อยใจ เสือใจโมโหจะเดินเข้าไปตบ
“จงใจ...”
จงใจมองหน้าพ่อท้าทาย
“เอาสิพ่อตบจงใจเลย...ตีจงใจเลย...เอาให้หนำใจ...ถ้าหินกับแก้วเป็นอะไรไปจงใจจะไม่ยกโทษให้พ่อเลย”
เสือใจหยุดชะงัก มองแววแล้วตัดสินใจออกไปนอกกระท่อมอย่างหัวเสีย จงใจกอดกับแววร้องไห้...เสือใจเดินออกมาหน้ากระท่อมนิ่งคิดตัดสินใจสักครู่แล้วสั่งลูกน้อง
“ไปตามไอ้ชินกับไอ้เข้มมา”
ร่างของที่ไร้สติของสมรักษ์ถูกวางลงกลางบ้าน แม่หมอ แก้ว กินรี ผู้ใหญ่สนดูอาการอยู่ พะอูกับมะค่า และจ่อยมองอยู่ห่างๆ แม่หมอหันมาถามแก้วหน้าเคร่งเครียด
“เอ็งเป็นใคร ตำรวจนี่เป็นอะไรมา”
“เอ่อ...ข้า...ชื่อแก้ว อยู่หมู่บ้านทางเหนือติดบ้านกะเหรี่ยงแดง หมวดบาดเจ็บผ่านมาทางบ้านข้าให้พามาส่ง...ระหว่างทาง...เอ่อ...”
แก้วอึกอักทำท่าจะไม่เล่าต่อ ผู้ใหญ่สนซักเสียงดุ
“ระหว่างทางทำไม...”
“เอ่อ...หมวดแกอาการทรุดหนักจ้ะ...”
แก้วโกหก แม่หมอไม่ค่อยเชื่อ จะซักต่อแต่กินรีขัดขึ้น
“เดี๋ยวค่อยซักไซ้ได้ไหมยาย ฉันว่าช่วยรักษาหมวดสมรักษ์ก่อนดีกว่า ดูสิตัวร้อนจี๋เลย”
ผู้ใหญ่สนเห็นด้วย
“นั่นสิแม่หมอ ฉันว่าเราช่วยรักษาหมวดก่อนดีกว่า”
แม่หมอส่ายหน้า
“คงไม่ได้หรอก”
กินรีตกใจและแปลกใจ
“ทำไมล่ะยาย”
“วันนี้มันเป็นวันข้างแรม เจ้าแม่หน้าทองจะไม่ลงประทับร่าง”
กินรีนึกขึ้นได้ว่าจริงอย่างที่ยายว่า
“จริงด้วย...”
ผู้ใหญ่สนหนักใจ
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ แม่หมอ”
“พาไปหาหมอภารดร”
แก้วค้านทันที
“พาไปได้ยังไง แค่กว่าจะมาถึงนี่ได้หมวดก็จะตายอยู่แล้ว”
แม่หมอคิดๆ กินรีเลยเสนอแนะ
“งั้นก็ต้องไปพาหมอมาที่นี่”
พะอูแววตากร้าวเมื่อได้ยิน มะค่าสะกิดแล้วส่ายหน้าให้นิ่งไว้ แม่หมอหันไปหาผู้ใหญ่สน
“ผู้ใหญ่ไปตามหมอภราดรมา”
“เห็นจะไม่ได้หรอกข้ากับไอ้จ่อยต้องรีบไปประชุมที่อำเภอ”
แก้วหน้าเสียเป็นกังวล
“หมอภราดรอยู่ที่ไหนข้าไปตามเอง”
กินรีขีดขึ้น
“ใจเย็นเถอะ...เธอเพิ่งเดิน ทางมาทั้งคืนควรจะพักก่อน เรื่องนี้พี่จะจัดการเอง”
แม่หมอไม่พอใจ เช่นเดียวกับพะอู
“กินรี...”
“ช่วยคนสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ยายดูหมวดไปก่อนนะเดี๋ยวฉันมา”
พะอูทำท่าว่าจะไปด้วยกินรีห้าม
“ไม่เป็นไรหรอกพะอู พี่ไปคนเดียวจะคล่องตัวกว่า”
กินรีลุกออกไป แม่หมอกังวล
อองไชยนุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียว มีรอยสักลายพร้อยไปทั่วตัวนั่งเช็ดปืนลูกซองอยู่อย่างเอาใจใส่ เขาหันมามองหินที่อยู่ในสภาพอิดโรย เสื้อผ้าขาดวิ่น นอนเอนหลังพิงโคนไม้อยู่
“ฟื้นแล้วหรือเอ็ง”
หินพยักหน้า ยังไม่หายมึนงง ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ลุงช่วยข้ามาหรือ”
อองไชยหันไปมองรอบๆ แล้วหันกลับมา
“แล้วนอกจากข้า แถวนี้ เอ็งยังมองเห็นใครอีกมั้ย”
หินส่ายหน้า
“นั่นไง เมื่อไม่มีใคร ก็ข้านี่แหละ ไปทำอะไรเข้าล่ะ ไอ้พวกนั้นมันถึงจับโยงอย่างนั้น นี่ดีนะที่ข้าไปเห็นเข้า ไม่งั้นเอ็งเลือดลงหัวตายแน่”
หินนิ่งเงียบ เพราะไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเหลือตนเป็นใคร แต่ด้วยความปลอดภัยของชุมโจร จึงไม่อาจจะบอกใครได้ อองไชยมองดูเด็กหนุ่มรุ่นกระทงอย่างแปลกใจที่จู่ๆก็เงียบไป
“อ้าว...เฮ้ย...เงียบเลย ข้าถามไม่ตอบ เป็นอะไรไปวะเอ็ง”
หินยิ้มเจื่อนๆ
“ข้าคิดถึงบ้านน่ะ ขอบคุณนะลุงที่ช่วยข้าไว้”
อองไชยมองดูหินอย่างเอ็นดู
“แล้วนี่บ้านเอ็งอยู่ที่ไหนล่ะ ทำไมถึงไปโดนเขาจับมาอย่างนั้น”
“บ้านข้าอยู่ไกลออกไปหลังเทือกเขาโน่นน่ะ พอดีข้าไม่ถูกกับพวกมัน พวกมันก็เลยแกล้งข้า”
อองไชยหัวเราะอย่างรู้ทัน เพราะก่อนหน้าที่เขาจะช่วยหินมาเขาเห็นเสือทศ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหิน ด้วยท่าทางเดือดดาล ชี้ให้หินดูที่ข้อมือของตนซึ่งพันผ้าเอาไว้ แต่ยังมีคราบเลือดสีแดงเปียกชุ่มอยู่
‘เอ็งเห็นมั้ย ว่าเอ็งทำอะไรลง หา...ไอ้หิน!’
อองไชยนั่งจ้องหินนิ่ง
“เอ็งนี่เก่งนะ ที่กล้าลุยกับไอ้พวกนั้น ข้าเชื่อว่าเอ็งเก่งพอตัว แต่เรื่องโกหกนี่ เอ็งไม่เก่งเอาซะเลย”
หินหน้าตื่น
“เปล่านะลุง ข้าไม่ได้โกหกอะไรลุงเลย”
“เออ...ช่างเอ็งเถอะ ข้าไม่คาดคั้นเอ็งหรอก คนเรา มันก็ต้องมีเรื่องที่จะต้องปิดบังกันบ้างล่ะ แล้วนี่เอ็งจะทำยังไงต่อไอ้หนู”
หินนิ่งคิด เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“ข้าจะกลับไปหาแม่ข้า”
“ถ้าเอ็งกลับไป ไอ้คนนั้น มันเอาเอ็งตายแน่ ข้าดูออกว่ามันแค้นเอ็งมากที่ไปทำร้ายมัน”
“แต่ข้าไม่มีที่ไป ข้าห่วงแม่ข้า แม่เหลือข้าคนเดียวแล้ว ยังไงข้าก็ต้องกลับไป”
อองไชยพยักหน้าเข้าใจ มองดูหินอย่างเอ็นดู รู้สึกต้องชะตาขึ้นมาอย่างประหลาด
“เอาเถอะ ข้าเข้าใจ เอ็งกลับไปบ้าน ไปหาแม่เอ็ง ข้าเชื่อว่าคนดีพระย่อมคุ้มครอง”
อองไชยล้วงเอาพลุอันเล็กๆอันหนึ่งออกมาจากย่าม โยนให้
“แต่ถ้าหากว่า เหลือบ่ากว่าแรง อยากให้ข้าช่วยละก็ เอ็งจุดพลุอันนี้ยิงขึ้นฟ้า ข้าจะตามไปช่วยเอ็งทันที”
หินหยิบเอาพลุอันนั้นขึ้นมาดู ก่อนที่จะหันมายกมือไหว้มองด้วยความตื้นตันในบุญคุณ
“ขอบคุณครับลุง”
อองไชยยิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่ไม่ชอบเห็นใครทำร้ายเด็กหรือคนที่ไม่ทางสู้ เอ็งกลับไปหมู่บ้านของเถอะ ข้าก็จะเข้าป่าล่าสัตว์ของข้าต่อ”
อองไชยลุกขึ้นยืน พลางตวัดสายปืนลูกซองขึ้นคล้องไหล่ ทำท่าจะเดินจากไป แต่ด้วยความห่วงใย จึงเดินกลับมาที่หินอีกครั้งล้วงเอามีดหมอด้ามงาช้างขึ้นมาจากย่าม ลูบไล้บนฝักของมันเบาๆอย่างเสียดาย ก่อนที่จะยื่นส่งให้
“เอ็งเอามีดหมอข้าไป มีดเล่มนี้มีวิญญาณโหงพรายมากมายสิงอยู่อย่าชักออกมา ถ้าไม่จำเป็น”
หินรับมีดหมอมาถือไว้ มองดูมีดในมืออย่างกล้าๆกลัวๆ
“แล้วลุงไม่ใช้มันหรือครับ”
“เอ็งเอาไปเถอะ ข้าเห็นเอ็งไม่มีอาวุธติดตัว ไม่แน่ บางทีมันอาจจะช่วยเอ็งได้ ใครจะไปรู้”
อองไชยเอื้อมมือมาตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนที่จะหันหลังให้ เดินหายเข้าไปในป่าอย่างเงียบงัน
หินก้มลงมองมีดในมือซึ่งสั่นระริกขึ้นมาเบาๆ ราวกับว่ามันมีชีวิต
[ต่ อ จ า ก ต อ น ที่ แ ล้ ว]
จ่าชิตกับตำรวจเดินตามหาสมรักษ์มาตามป่า อย่างไม่ลดละ ตำรวจรุ่นน้องถาม
“นี่เราจะตามหาหมวดต่อหรือจ่า”
“ก็น่าจะดูอีกสักพักถ้าไม่ได้อะไรก็คงต้องกลับ เสียงปืนเมื่อคืนมันเป็นของใครนะ”
จ่าชิตเดินนำไปแล้วสายตาก็มาสะดุดกับกองไฟที่เพิ่งดับไปของเสือทศ เขารีบเข้าไปตรวจดู
“เมื่อคืนมีคนมาค้างแรมที่นี่...ท่าทางคงเพิ่งไปสินะ”
“พวกพรานมั้งจ่า”
“ไม่หรอก ดูรอยเท้ามีตั้ง 5 - 6 คน พรานคงไม่แห่กันมาล่าสัตว์มากขนาดนี้หรอก”
ตำรวจเข้าใจ จ่าชิตเตือนแววตาเข้ม
“ระวังตัวกันหน่อยก็แล้วกัน...ไป...”
เสือทศกับลูกสมุนเดินตามล่าหินมาตามแนวป่าอย่างไม่ลดละ เสือทศเจ็บใจมากกว่าเจ็บมือ ลูกน้องเข้ามาถาม
“เราจะตามไอ้หินไปถึงไหนพี่ ร่องรอยไม่มีใครตามแล้วนะ”
“ตามไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอ ข้าต้องเอาเลือดหัวมันมาล้างตีนข้าให้สาสม”
ลูกน้องเงียบด้วยความเกรง แล้วเดินต่อไป
เดือนจดรายชื่อคนไข้ที่มาแจ้งขอรับการรักษา ระรินเช็ครายการยาอยู่ที่ตู้ยา ขณะเดียวกันนั้น กินรี เดินขึ้นมาบนสถานีอนามัย คนไข้ที่เดือนกำลังคุยด้วยเสร็จธุระ กลับออกไปนั่งรอที่ม้ายาว เดือนจำกินรีได้
“อ้าว...กินรี มีอะไรให้ช่วยหรือ”
“จะมาขอยารักษาบาดแผลให้กับคนเจ็บนะค่ะ”
“แล้วทำไมถึงไม่เอาคนคนเจ็บมาให้หมอตรวจล่ะ”
“ตอนนี้คนเจ็บอาการสาหัส ฉันแค่อยากได้ยาไปรักษาแผลก่อน”
ระรินกำลังยืนหันหลังให้และสาละวนอยู่กับตู้ยา หันขวับมาทันทีที่ได้ยินเสียงกินรี ระรินชักสีหน้าหมั่นไส้ปิดตู้ยาดังปัง จนทำให้ทั้งเดือนและกินรีหันมามองดูอย่างแปลกใจ ระรินเดินเข้ามาหาทั้งสองคน สายตามองดูกินรีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อ๊ะ...แม่มด หมอผี ตอนนี้ถึงกับบุกมาถึงอนามัยเชียวเหรอแล้วทำไมคราวนี้หล่อนถึงไม่รักษาเองล่ะ หรือว่าถูกเขาจับได้แล้วว่าเป็นพวกหลอกลวง”
กินรีพยายามอดทน
“มันยังไม่ใช่เวลาที่เราจะรักษา อีกอย่างฉันต้องการมาส่งข่าวให้คุณหมอด้วย”
“ส่งข่าวให้คุณหมอทราบ หรืออยากจะลงมาหาคุณหมอกันแน่ ยายแม่มด”
เดือนปราม
“ริน...อย่าพูดกับเขาอย่างนั้นสิ เขามีสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษานะ”
ระรินเชิดหน้าขึ้นทันที
“ถามดูหล่อนสิ ว่ามีบัตรประชาชนมั้ย เป็นคนไทยหรือเปล่าหมู่บ้านนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนพม่า คนกะเหรี่ยง ทั้งนั้น”
ระรินเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับกินรี เดินวนไปมา ใช้สายตาสำรวจดู อย่างเกลียดชัง
“ที่นี่ เป็นสถานีอนามัย รักษาแต่คนไทยที่มีบัตรเท่านั้น ส่วนคนต่างด้าว เราไม่รับผิดชอบ”
“ฉันไม่รู้หรอกว่า พ่อแม่ฉันมาจากไหน แต่ฉันเกิดบนแผ่นดินไทยพูดภาษาไทย นับถือพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน เพราะฉะนั้น อย่ามาดูถูกเราว่าเป็นคนต่างด้าว เพราะพวกเราเป็นคนไทยเหมือนกับ พวกคุณทุกคน อีกอย่างฉันจะเอายาไปให้หมวดสมรักษ์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง”
เดือนหันมาถามอย่างตื่นเต้น
“หาหมวดสมรักษ์เจอแล้วหรือ”
ระรินหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แต่แค่วูบเดียวก็กลับคืนเป็นปกติ กินรีมองหน้า
“ถ้าที่นี่ไม่จ่ายยาให้ ฉันก็จะไปบอกตำรวจที่โรงพัก ให้ขึ้นไปรับคนของเขาลงกลับมารักษาเองก็แล้วกัน”
กินรีหันหลังให้ เดินออกไป เดือนหันไปมองหน้าระรินด้วยสายตาที่ตำหนิ แต่อีกฝ่ายสะบัดเสียงใส่
“ใครจะไปรู้ล่ะว่านังแม่มดนั่นจะมาขอยาไปรักษาหมวดสมรักษ์...”
กินรีเดินกลับลงมาจากสถานีอนามัย ภราดรกับประเดิม เดินมาจากอีกมุมหนึ่งทั้งสองเดินพบกันที่ตรงหน้าบันไดพอดี ภราดรแปลกใจที่ได้เห็นกินรีที่นี่ กินรีเองก็เช่นเดียวกัน เธอดีใจที่ได้พบเขา
“อ้าว...คุณ มาทำอะไรที่นี่ละครับ”
“ฉันมาขอยาไปรักษาหมวดสมรักษ์”
ภราดรดีใจปนแปลกใจ
“เจอหมวดสมรักษ์แล้วหรือครับ...ไป...ผมจะไปดูให้เอง”
กินรียิ้มรู้สึกอบอุ่น ระรินเดินตามลงมาเพราะเห็นภราดรคุยกับกินรี ภราดรจึงหันไปสั่งระริน
“ผมจะไปดูอาการหมวดสมรักษ์ที่บ้านสางนะ ฝากคุณระรินดูแลทางนี้ด้วย”
ระรินไม่พอใจ
“แต่วันนี้จะมีคนไข้ที่นัดไว้หลายรายนะคะ”
“ผมถึงฝากให้คุณดูไง”
“ให้เดือนดูก็ได้ ระรินจะไปกับหมอ”
ภราดรเสียงแข็งใส่
“นี่คุณจะมาทำงานหรือมาเล่นขายของ...เข้าใจเรื่องหน้าที่ไหม”
ประเดิมอมยิ้มเยาะๆ ระรินมองหน้ากินรีอย่างเคียดแค้น ภราดรหันไปหากินรี
“ไปกันเถอะครับ”
ทั้งหมดขึ้นรถไป ระรินมองตามอย่างอาฆาตแค้นกินรี
สมรักษ์นอนแน่นิ่งอยู่บนเสื่อกลางห้องโถง แม่หมอ และแก้ว นั่งเฝ้าอยู่ด้วยความเป็นห่วง แก้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าให้กับสมรักษ์อย่างห่วงใย แม่หมอมองดูแก้วที่แต่งตัวเป็นผู้ชายอย่างแปลกใจ
“ดูเหมือนว่าเอ็งจะห่วงใยผู้หมวดมากเลยนะ”
“ข้าแค่ไม่อยากให้เขาเป็นอะไร เขาเป็นคนที่พี่ข้ารักมากๆ พี่ข้าฝากให้ดูแลเขาเป็นอย่างดี”
“อ้อ...เข้าใจล่ะ”
ทั้งสองคนนั่งนิ่งเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง แม่หมอมองดู นิ้วมือที่เรียว เล็ก สวย เหมือนผู้หญิงของแก้วที่ชุบผ้าลงในอ่างน้ำแล้วบิดให้หมาด ก่อนที่จะนำขึ้นมาเช็ดให้สมรักษ์ แม่หมอมองยิ้มๆรู้ทัน
“เอ็งไปเจอหมวดเขาได้ยังไง”
“พวกข้าไปอาบน้ำ ก็พอดีเจอเข้า”
“เมื่อกี้เอ็งยังไม่ได้ตอบข้าว่าระหว่างทางเอ็งเจออะไร”
แก้วเงยหน้าขึ้นมามองแม่หมอนิดหนึ่ง ก่อนที่จะหลบสายตา ลงไปสนใจกับสมรักษ์ เพื่อปกปิดพิรุธ
“หมู่บ้านข้า เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยง แถวนั้น มีพวกโจรเยอะ พวกมันจะปล้นเรา ข้าก็เลยพาเขาหนีมา”
แม่หมอมองแก้วอย่างพิจารณา นอกจากปืนยาวกระบอกเดียว นอกนั้นก็ไม่มีของมีค่าอะไรเลย
“เอ็งก็ไม่มีของมีค่าติดตัวเลยนี่หว่า พวกมันจะปล้นหาอะไรกัน”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน...แล้วนี่พี่สาวคนนั้น เขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ยายรู้มั้ย”
แม่หมอมองออกไปข้างนอก
“คงไม่นานหรอก จากที่นี่ เดินเท้าเข้าไปในเมือง ใช้เวลาไปกลับก็ราวๆสามชั่วโมงเอ็งไม่ต้องกังวลไปหรอก”
แก้วหันไปดูแลอาการสมรักษ์ต่อ
พะอูชะเง้อมองกินรีอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน มะค่าเข้าใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกพะอู เดี๋ยวพี่กินรีก็กลับ”
พะอูทำท่าไม่พอใจที่ภราดรจะมา มะค่าสงสัย
“ข้าไม่เข้าใจเอ็งจริงๆว่าทำไมถึง จงเกลียดจงชังหมอภราดรนัก”
พะอูทำท่าทางบอกว่าไม่มีเหตุผล
“ถ้าเป็นเรื่องหน้ากากนั่น เอ็งก็ไม่น่าจะเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ทำทำนายก็เป็นแค่คำทำนาย ข้ายังไม่เห็นพวกหมู่บ้านเราเดือดร้อนเลย”
พะอูยังไม่ทันตอบ เขาเห็นรถของหมอภราดรวิ่งมาแต่ไกล พะอูหน้าเข้ม มะค่าดีใจ
“นั่นไงมากันแล้ว”
เสือทศกับสมุนหมอบซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆบนไล่เขา เหนือเส้นทางเกวียน เพื่อดักรอใครบางคนที่จะผ่านมา เสือทศหันไปมองเรือง เรืองนั่งหน้าซีดพิงขอนไม้อยู่ใกล้ๆกัน หน้าไม้ดอกนั้นยังคงปักอยู่ที่ไหล แต่เลือดที่เคยไหลโทรมตอนนี้แห้งกรังไปแล้ว
“เอ็งไหวมั้ยวะไอ้เรือง”
“ไหวพี่...ยังไง ข้าก็ขอรออยู่ตรงนี้กับพี่ จนกว่าจะจับตัวไอ้เด็กเวรนั่นได้ก่อน”
“ดี...อดทนไว้ แผลแค่นั้นไม่ถึงตายหรอก”
เสือทศมองดูข้อมือตนเองที่พันผ้าเอาไว้ แล้วมองออกไปยังชายป่าเบื้องหน้า
“แต่ไอ้หิน จะต้องชดใช้พวกเราอย่างสาสม”
ทุกคนซุ่มรออย่างอดทน ปืนในมือเตรียมพร้อมที่จะยิงใส่ทันทีที่เห็นใครโผล่ออกมา เสือทศปาดเหงื่อที่เริ่มไหลลงมาเข้าตา ขณะที่เพ่งมองไปแนวป่าที่เบื้องหน้า ไม่นานนักหินก้าวออกมาจากชายป่า เดินลัดเลาะมาตามทางเกวียนอย่างระมัดระวัง เสือทศซึ่งจับตามองอยู่ ยกมือขึ้นทำสัญญาณให้ลูกน้องทุกคนหมอบลงกับที่
“ดูมันไปก่อน ถ้าข้าไม่สั่ง อย่าเพิ่งยิง”
“ครับพี่”
เสือทศทำสัญญาณให้กระจายกันโอบล้อมออกไป
ภราดรฉีดให้สมรักษ์ที่แขน กินรี แม่หมอ และแก้ว มองอยู่ข้างๆ ภราดรหันมาบอกทุกคน
“หมวดไม่เป็นอะไรแล้ว โชคดีจริงๆที่น้องคนนี้พามาหาหมอได้ทัน”
แก้วโล่งใจ
“ขอบคุณครับหมอ...”
พะอูกับมะค่ามองอยู่ห่างๆที่หน้าประตู สักครู่สมรักษ์ค่อยๆฟื้นขึ้นมาเห็นภราดร
“หมอ...”
ภราดรยิ้มให้
“ฟื้นแล้วหรือครับ”
“ขอบคุณหมอมากครับ”
“คนที่ต้องขอบใจน่าจะเป็นกินรีกับน้องชายคนนี้มากกว่า”
สมรักษ์หันไปบอกกินรี
“ขอบใจนะกินรี“
กินรียิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
แก้วรู้สึกน้อยใจที่สมรักษ์ไม่ได้ทักเธอ แต่แล้วสมรักษ์ก็เอื้อมมือมาจับมือเธอแล้วพูดแบบกลบเกลื่อน
“ขอบใจนะไอ้น้องชาย”
แก้วหน้าแดงหลบสายตา ภราดรนึกได้
“หมวดเจอจ่าชิตไหม”
“จ่าชิต...เขาออกตามหาผมหรือ”
“ใช่ครับ...ท่าทางจ่าเขาเป็นห่วงหมวดมาก เมื่อคืนผมยังเจอเขาอยู่เลย เขาออกไปตามหมวดกับตำรวจอีกนายหนึ่ง”
สมรักษ์รู้สึก ซึ้งใจจ่าชิตทั้งๆที่ไม่ค่อยถูกกัน
หินเดินมาตามทางอย่างระมัดระวัง พวกเสือทศต่างล้อมเข้ามาอย่างช้าๆ โดยที่หินไม่รู้สึกผิดสังเกตแววตาเสือทศเข้มและย่ามใจ หินยังคงเดินมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง เสือทศแอบซุ่มอยู่กับสมุนที่เล็งปืนไปยังหิน เสือทศยกมือขึ้นช้า ในขณะที่ลูกน้องส่ายปากกระบอกปืนหาเป้าหมาย เสือทศตวัดมือลง พร้อมกับลูกน้องคนนั้นเหนี่ยวไก
“เปรี้ยง!”
กระสุนพลาดเป้า กระทบเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆจนเปลือยไม้กระจุย หินกระโดดเข้าหลบหลังต้นไม้ พร้อมกับเสียงปืนนับสิบนัดที่แผดรัวขึ้นมา ต้นไม้ที่เหนือศีรษะโดนยิงจนพรุน หินตัดสินใจวิ่งออกจากที่ซ่อนไปข้างหน้า เสียงปืนยิงไล่ตามหลัง ต้นไม้ใบหญ้าปลิวกระจายว่อนเพราะลูกกระสุน หินวิ่งแล้วถลาหัวทิ่มไปข้างหน้า ก่อนที่จะล้มลง กลิ้งหลุนๆลงไปตามไหล่เขา เสือทศลุกขึ้นมาจากที่ซ่อนอย่างพอใจ
“เสร็จกูล่ะ...ลงไปตามล่ามัน”
ร่างของหินกลิ้งตกลงไปตามไหล่เขากระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ก่อนที่จะนอนแน่นิ่งสลบไป
เสือสมิง ตอนที่ 4 (ต่อ)
จ่าชิตกับตำรวจเดินมาตามทางด้านล่างไหล่เขา ทั้งคู่ได้ยินเสียงปืน
“ทางโน้น”
ทั้งคู่รีบวิ่งไปตามเสียงปืนทันที
เสือทศกับสมุนต่างลงไปตามไหล่เขา
“ระวังนะโว้ย อย่าประมาทมัน...จับเป็นให้ได้”
ลูกสมุนรับรู้...
หินยังคงนอนนิ่งอยู่ เขาได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมาก จ่าชิตกับตำรวจก็วิ่งตรงมาที่หิน
“มีคนอยู่นั่น...”
จ่าชิตกับตำรวจมาถึงตัวเห็นว่าหินบาดเจ็บและสลบอยู่
“ไอ้หนู...ไอ้หนู...” จ่าชิตเข้าไปประคอง
ทันใดนั้นด้านหลังของทั้งคู่ เสือทศกับลูกน้อง ยืนมองอยู่หน้าเหี้ยม
“เจอกันอีกแล้วนะ...คุณตำรวจ”
จ่าชิตกับตำรวจหันไปตามเสียง เสือทศกับสมุนซัดทั้งคู่ด้วยพานท้ายปืนจนสลบไป
เสือทศเอาน้ำสาดเข้าใส่ จ่าชิต ตำรวจ และหินที่ยังหมดสติและถูกโยงอยู่กับต้นไม้ ทั้งสามคนฟื้นขึ้นมา เสือทศเดินวนไปรอบๆอย่างพอใจละยียวน
“ยินดีต้อนรับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทุกท่าน...โชคดีจริงๆ ซื้อ1 ได้ 2...”
“ฉันก็ว่าฉันโชคดี ที่ได้เจอแก และคิดว่าจะเอาแกกับไอ้พวกสวะพวกนี้เข้าคุกด้วยกันเลย”
เสือทศตรงเข้าไปซัดเข้าที่ปลายคางจ่าชิตทีหนึ่ง แล้วหัวเราะลั่น
“จะตายอยู่รอมร่อ ยังทำปากดี”
จ่าชิตไม่กลัวแววตาเข้ม เสือทศตรงไปที่หิน
“ก่อนอื่นต้องชำระหนี้กับเอ็งก่อนไอ้หิน...”
เสือทศลงมือซ้อมหินจนน่วม สมุนต้องห้าม
“พอเถอะพี่...ฉันว่าเอามันไปชำระความที่ชุมเสือดีกว่า มันตายตรงนี้พ่อเสืออาจจะไม่พอใจ”
จ่าชิตหูผึ่งแล้วหันไปบอกเสือทศ
“ดี...จะได้ลากคอเสือใจไปเข้าคุกด้วยกันเลย”
เสือทศผละจากหิน แล้วตรงมาที่จ่าชิต เขาแสยะยิ้มตรงหน้า
“ใครบอกว่ากูจะพามึงไป...”
เสือทศพูดเป็นปริศนาแล้วพยักหน้าให้สมุน พร้อมเดินออกมาห่างๆ สมุนเข้าใจแล้วเตรียมปืนจะยิงจ่าชิต ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น เปรี้ยง...ทุกคนตกใจแล้วหันไปทางเสียง คนที่ยิงปืนคือเสือใจ ที่ขี่ม้าเข้ามากับเสือเข้มและเสือชิน
“พ่อเสือ” เสือทศตะลึง
จ่าชิตพึมพำ
“ไอ้ใจ”
จ่าชิตจ้องเสือใจเขม็ง ภาพอดีตปรากฏขึ้น...จ่าชิตนั่งกินเหล้าอยู่ที่หน้าบ้านตอนเย็น นวลเมียจ่าชิตกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ใจกับโฉโฉ่หละเมียชาวพม่าของใจเดินเข้ามาเยี่ยมอย่างอารมณ์ดี ในมือของใจมี เนื้อเก้งและผักป่าหลายอย่าง จ่าชิตทักทายอย่างมีไม่ตรี
“อ้าว...ไอ้ใจ...ไปไงมาไงวะ มานั่งก่อน”
ใจกับโฉแหละเข้ามานั่งแล้วยื่นของให้
“เอ้า...นี่เนื้อเก้ง กับผักหวานป่า ไข่มดแดง ข้าเอามาฝากเอ็ง...ไอ้ชิต”
“เออ...ขอบใจโว้ย กำลังหากับแกล้มอยู่เชียว”
โฉโฉ่หละ นั่งอย่างสงบเสงี่ยม
“เอาเข้าไปในครัวไปโฉโฉ่หละ นวลอยู่ข้างในน่ะ”
ใจหันมาสั่งเมีย
“เก้งเอาผัดเผ็ดมานะ ส่วนไข่มดแดงแกงกับผักหวาน”
โฉโฉ่หละยิ้มรับ
“จ๊ะพี่”
โฉโฉ่หละเข้าไปด้านในพร้อมอาหารที่นำมา จ่าชิตกับใจคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบกัน
“เป็นยังไงวะ ที่ปางไม้ งานหนักไหม”
“ก็หนักเหมือนกัน แต่เสี่ยรงค์แกจ่ายดี”
“แล้วโฉโฉ่หละ เมียเอ็งล่ะ แต่งแล้วอยู่ในปางด้วยกันหรือ”
“เปล่าหรอก นังโฉโฉ่หละมันทำงานรับใช้ในบ้านเสี่ยรงค์”
“อืม...ก็ดี...อีกหน่อยก็ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองกันล่ะวะ”
“เออ...มาดื่ม...กันดีกว่า”
ทั้งคู่ดื่มกันอย่างมีไมตรี
เสือใจเดินลงมาจากม้า เสือเข้มและเสือชินตามมา เสือใจเดินตรงมาดูหินโดยไม่สนใจจ่าชิต หน้าเขาสลดเมื่อเห็นสภาพหิน
“นี่มึงทำกับพี่น้องมึงถึงขนาดนี้เลยหรือได้ทศ”
เสือทศไม่ทันแก้ตัวเสือใจก็ตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง
“พ่อ...”
“เอามันลงมา”
เสือเข้มกับเสือชินกระวีกระวาดเอาหินที่อ่อนระรวยเจียนตาย หายใจแผ่วลงมา เสือใจตรงมาที่จ่าชิตแล้วมองหน้า
“ไม่ได้เจอกันซะนานนะไอ้ใจ”
“20 ปีมั้ง”
เสือทศรู้สึกแปลกใจที่ทั้งคู่รู้จักกัน เสือใจท่าทีเย็นชา
“นี่ตำรวจเขายังไม่เลิกตามล่าข้าอีกหรือ”
จ่าชิตหัวเราะ
“เอ็งเป็นโจร...ข้าเป็นตำรวจ เอ็งจะให้ข้าปล่อยเอ็งไว้ทำพ่อรึ...ไอ้ใจ...ไม่ใช่สิ...เสือใจ...”
เสือใจรู้ว่าจ่าชิตประชด จึงโมโหขึ้นมา เอาปืนจ่อที่หน้า
“เอ็งก็รู้ว่าข้าเป็นโจรเพราะใคร...ใครบังคับให้ข้าเป็นโจร”
“ข้าเตือนเอ็งแล้วว่าให้เลิกซะ อย่าเล่นกับเสี่ยรงค์...มันไม่มีทางจบหรอก เอ็งก็รู้ว่าเสี่ยรงค์เขาเป็นคนยังไง”
เสือทศมองทั้งคู่ไม่เข้าใจว่าคุยอะไรกันแต่ที่แน่ๆทั้งคู่รู้จักกัน และเสี่ยรงค์ต้องมีอะไรสักอย่าง เสือทศรีบยุ
“ยิงมันทิ้งเลยพ่อ”
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง...” เสือใจหันไปหาจ่าชิต “เอ็งคงมาตามไอ้นายตำรวจนายของเอ็งสินะ...มีคนเอาไปส่งให้แล้ว เอ็งสบายใจได้....พวกเรา...กลับ ไอ้เข้มเอาไอ้หินขึ้นม้าไปด้วย”
เสือทศแปลกใจ
“แล้วตำรวจสองคนนี่ล่ะพ่อเสือ”
“ปล่อยมันไป”
เสือใจเดินนำไป เสือทศและทุกคนเดินตามออกไป ทิ้งให้จ่าชิตกับตำรวจถูกแขวนอยู่อย่างนั้น จ่าชิตมองตามเสือใจแววตาเข้ม ตำรวจลูกน้องบ่น
“มันปล่อยเรายังไงเนี่ยจ่า...ยังถูกมัดอยู่เลย”
จ่าชิตมองตำรวจอย่างเซ็งๆ
เสี่ยรงค์มาที่ปางไม้ เมื่อพบเบิ้มจึงถามเรื่องเสือสมิงทันที
“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีครับ ไม่มีอะไร”
เสี่ยรงค์พอใจแล้วนึกถึงอองไชย
“ไอ้พรานอองไชยนั่นมันก็แน่เหมือนกัน...นี่มันไปไหนของมัน”
“ไม่รู้มัน ไอ้หมอนี่มันแปลก นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป”
“ช่างมันเถอะ...มันทำงานให้เราได้ก็พอ...ข้างในเรียบร้อยดีไหม”
“งานกำลังเดินครับ”
เสี่ยรงค์พอใจ
ฝิ่นดิบถูกลำเลียงเข้าไปในกระท่อมหลังใหญ่ที่ใช้เป็นโรงงานผลิตเฮโลอีน ชาวมอญสองคน ที่จ่าชิตเคยช่วยทำงานอยู่ด้วย เสี่ยรงค์กับเบิ้มเดินเข้ามา
“เฮโลอีนชุดแรกจะส่งได้เมื่อไหร่”
“ก็น่าจะสิ้นเดือนล่ะครับ”
“สิ้นเดือนเลยหรือวะ ตอนนี้ทั้งโลกกำลังต้องการมากเลยนะ...ทำไมช้าจัง”
เบิ้มอธิบายด้วยความจนใจ
“ไอ้เรื่องผลิตมันไม่เท่าไหร่ล่ะครับ แต่วัตถุดิบนี่สิ มันหายาก”
เสี่ยรงค์เข้าใจ
“ฝิ่นน่ะหรือ...อืม...มันไม่น่าจะหายากนะ เอาเหอะยังไงก็เร่งๆหน่อยก็แล้วกัน และเก็บที่นี่ไว้เป็นความลับด้วย ใครหลุดออกไปยิงทิ้งอย่างเดียว”
“ครับเสี่ย”
เสี่ยรงค์นิ่งคิดเรื่องฝิ่นดิบ
รถตำรวจมาจอดที่หน้าบ้านแม่หมอ มีตำรวจสองคนลงมาจากรถ มะค่าชะโงกดูเห็นรถตำรวจมาจอดแล้วบอกแม่หมอ
“ตำรวจมาแล้วจ้ะ...ยาย”
แม่หมอหันมาถามสมรักษ์
“ค่อยยังชั่วพอจะกลับแล้วใช่ไหมหมวด”
“ครับ...ขอบคุณทุกคนมากครับ”
ตำรวจสองนายขึ้นมาบนบ้าน
“เป็นยังไงบ้างครับหมวด ผู้ใหญ่สนไปบอกให้มารับครับ”
“ผมไม่เป็นอะไร...ไปกันเถอะ”
สมรักษ์ลุกไป แก้วมองตามหน้าสลด เขาไม่ได้พูดถึงเธอเลย แต่แล้วสมรักษ์ก็หันมาเรียกแก้ว
“น้องชาย...ไปพักกับพี่ก่อน...ไป...”
แก้วดีใจลุกตามไป แม่หมออมยิ้มรู้ว่าแก้วเป็นผู้หญิง สมรักษ์หันมาหาภราดร
“ไปก่อนนะหมอ...”
“ตามสบาย แล้วผมจะไปดูอาการให้นะ”
สมรักษ์ ตำรวจ แก้ว ออกไป ภราดรหันมามองกินรีตาหวาน หญิงสาวเอียงอาย แม่หมอรีบพูดทำลายบรรยากาศ
“หมอก็กลับไปได้แล้ว”
ภราดรเข้าใจหน้าจ๋อย
“ผมลาล่ะครับ”
ภราดรก้าวลงมาจากบ้าน ด้านนอกฟ้ามืดครึ้มอย่างรวดเร็ว จนทุกคนตกใจ แม่หมอชะงัก
“เกิดอะไรขึ้น”
ลมเริ่มพัดกรรโชก ทันใดนั้นพะอูเกิดอาการเหมือนกับว่าได้ยินเสียงอะไรมากรอกหู แล้ววิ่งเข้าไปในป่าอย่างคลุ้มคลั่ง กินรีตกใจ
“พะอู”
กินรีวิ่งตามไป ภราดรตามไปด้วย แม่หมอร้องห้าม
“อย่าไปกินรี...”
แม่หมอจะตามไป แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกระทุ้งเข้าที่หน้าอกจนกระเด็น มะค่าต้องเข้ามาดู
“ยาย...”
แม่หมอจดสายตามองจ้องกินรีกับภราดรที่เดินเข้าในป่าอย่างกังวล
พะอูวิ่งมาตามป่าอย่างคุ้มคลั่ง เหมือนกับว่ามีอะไรเรียกเขา ห่างออกไปกินรีกับภราดรวิ่งตามมา
“พะอู” กินรีร้องเรียก
พะอูวิ่งหายไปในป่าภราดรกับกินรีตามมาแล้วกินรีหยุด ตรงทางขึ้นเขา
“หยุดทำไมกินรี” ภราดรสงสัย
กินรีสีหน้าไม่ดี
“คุณหมอรออยู่ที่นี่ อย่าขึ้นไปเลยค่ะ กินรีจะไปตามเอง”
“ทำไมล่ะ...ไม่ได้ผมปล่อยให้กินรีไปคนเดียวไม่ได้หรอก”
ภราดรแสดงความเห็นใจและเป็นห่วงอย่างจริงจัง
งะดินเดสีหน้าเกรี้ยวกราดอยู่ในถ้ำ เพราะต้องการให้ภราดรขึ้นมา
“ห้ามมันทำไมชะเวมะรัต เอามันขึ้นมา...เอามันมาสังเวยข้า”
คนรูซุกอยู่ในซอกหินข้างๆ เตรียมพร้อมรับคำสั่ง ทันใด ป่าบังเกิดลมแรงกรรโชกมีเสียงกรีดร้องของปีศาจแบบที่ภราดรเคยได้ยิน
“เสียงนั่น...มัน..มันเคยมาหาผมแล้ว”
ภราดรหยิบเอาประคำที่แม่หมอให้ออกมาจากคอ
“ไปกินรี ไม่ต้องกลัว ไปช่วยพะอูกัน”
“ค่ะ”
ภราดรกุมมือกินรีแล้วพาวิ่งไป
งะดินเดนั่งหลับตานิ่งอยู่ในถ้ำ...
“มาแล้วหรือ...มา..เข้ามา..เราจะได้ล้างแค้นด้วยกัน”
พะอูเดินถือมีดที่เป็นอาวุธคู่กาย เข้าไปภายในถ้ำ สีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่ใคร่พอใจนัก คนรูปรี่เข้าไปขวาง พะอู แววตาดุดัน แล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ถอยไปซะ ถ้าแกยังไม่อยากตาย!”
พะอูตกใจที่พูดได้อย่างที่คิด
“หา...ข้าพูดได้”
งะดินเดสั่ง...
“ทำตามที่ลูกข้าบอก...”
คนรูส่งเสียงร้องวี๊ดๆ แล้วกลับเข้าไปในถ้ำ
“ไม่ต้องแปลกใจ ต่อหน้าข้าเจ้าจะพูดได้ ชะเวโบ”
พะอู จ้องงะดินเดเขม็ง
“ท่านเรียกข้ามา...ทำไม ท่านเป็นใคร ทำไมทำเหมือนรู้จักข้าดี”
“ข้ารู้จักเอ็งดี และข้าเองก็รู้ ว่าเอ็งรออะไรอยู่ เราทุกคน รอวันนี้ วันที่กงกรรม กงเกวียนเวียนมาถึง โอกาสที่ข้าจะได้แก้แค้นให้ลูกข้ามาถึงแล้ว...”
งะดินเดส่งเสียงหัวเราะก้องไปทั้งถ้ำ น้ำเสียงนั้นทั้งเคียดแค้นชิงชัง โหยหวนด้วยความเศร้าสลดสลับกันไป
แม่หมอนั่งอยู่ในห้องบูชา มองไปที่เจ้าแม่หน้าทอง
“ข้าไม่อยากทำแบบนี้เลย ท่าน...”
แม่หมอตัดสินใจบริกรรมคาถา เพื่อให้ญาณออกจากร่าง มะค่านั่งดูตัวสั่นด้วยความกลัว
“นังมะค่า...กลับไปบ้านซะ”
“มะ..ไม่..จ๊ะยาย ฉันจะอยู่ดูแลยาย”
แม่หมอหันมามองมะค่าอย่างขอบใจ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าถูกตัวข้าเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“เข้าใจจ้ะยาย”
แม่หมอหลับตาบริกรรมคาถาต่อ
ภราดรกับกินรี วิ่งขึ้นไปบนเขา ปรากฏเงาปีศาจพุ่งเข้ามาบีบคอภราดรหมายเอาชีวิต กินรีจะเข้าไปช่วยแต่ก็โดนเงาปีศาจซัดเข้าที่ใบหน้ากระเด็นฟุบไป
“กินรี...”
ภราดรเอาประคำที่แม่หมอให้ออกมาฟาดไปที่เงาปีศาจ ทันใดประคำขาดกระเด็นไป เพราะใช้ไม่ได้ผล
“คิดว่าของแบบนี้จะทำอะไรข้าได้หรือ บาเยงโบ” เงาปีศาจหัวเราะก้อง
ภราดรหายใจไม่ออก และแปลกใจที่เขาถูกเรียกว่าบาเยงโบ กินรีรู้สึกตัวจะเข้าไปช่วย บังเกิดลมต้านเข้ามาอย่างแรง แม่หมอปรากฏกายอยู่ตรงหน้าพร้อมกับห้ามเสียงเข้ม
“อย่า...กินรี”
“ยาย...”
“แม่หมอ...”
แม่หมอใช้เวทมนต์ซัดเงาปีศาจจนมันสลายไปมีเสียงร้องกรี๊ด
“กรี๊ดดดดด...”
ทุกอย่างสงบลง แม่หมอแววตากร้าว ภราดรกับกินรีกุมมือกันไว้
“ยาย...พะอู...” กินรีเป็นห่วง
“ยายจัดการเอง...”
แม่หมอหันไปมองบนเขาแววตากร้าว
งะดินเดลืมตาโพลง เมื่อแม่หมอท้าทาย
“คะยี....เจ้ามันบังอาจนัก...จะมาต่อกรกับข้าหรือ.... มา...”
พะอูได้ยินคำว่าคะยี จึงรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“ยาย...แกจะทำอะไรยาย”
“ก็แค่สั่งสอนมัน...”
พูดจบงะดินเดใช้อิทธิฤทธิ์ บันดาลให้เกิดลำแสงพุ่งออกไป ร่างของแม่หมอถูกลำแสงพุ่งมาชนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่อย่างจัง กินรีเข้าไปประคอง
“ยาย...ยายเป็นอะไร”
“ยายไม่เป็นอะไร...”
แม่หมอสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนกินรีแล้วลุกขึ้น มองไปที่ภูเขาแล้วส่งเสียงกร้าว
“ข้าจะไม่ยอมให้ท่านทำร้ายลูกหลานอีกต่อไปแล้ว”
แม่หมอใช้เวทมนต์ ส่งลำแสงไปที่ถ้ำ แววตากร้าวดุจผีดิบกระหายเลือด ภราดรมองตะลึง
งะดินเดนั่งบริกรรมาคาถาอยู่ที่หน้าแท่นในห้องอาคม ชะเวโบเคาะประตู งะดินเดลืมตาขึ้นเป็นดวงตาของเสือ แล้วค่อยๆกลายเป็นดวงตาปกติ ชะเวโบเข้ามาข้างใน
“ท่านพ่อ...พ่ออยู่หัวบาเยงโบ...”
“ข้ารู้แล้ว บอกมหาอำมาตย์ว่าเดี๋ยวข้าตามไป”
ชะเวโบไม่แปลกใจที่พ่อของเขารู้ แล้วออกไป งะดินเดยิ้มอย่างรู้ทัน
ในท้องพระโรง...เหล่าผู้เข้าเฝ้าถวายบังคมบาเยงโบที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ด้านขวาเป็นมเหสีชะเวมะรัต ด้านซ้ายเป็นพระสนมอิระวดี
“ขอพ่ออยู่หัวทรงพระเจริญ”
ทุกคนส่งเสียงดังพร้อมกัน มหาอำมาตย์ถวายรายงาน
“ท่านงะดินเดมาแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
“เข้ามาสิ...”
งะดินเดหมอบคลานเข้ามา
“ถวายบังคมพ่ออยู่หัว ขอทรงพระเจริญพระพุทธเจ้าข้า”
“หาต้องพิธีการไม่ ท่านพ่อตา”
“ขอบพระทัย...ไม่ทราบว่าพ่ออยู่หัวมีธุระอันใด”
“ดาบที่ข้าสั่งเสร็จแล้วหรือไม่”
“ข้าพระพุทธเจ้ากำลังดำเนินการอยู่ ยังขาดมวลสารศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง พระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบรู้สึกพอใจ
“ขาดเหลือหรือเดือนร้อนอันใด ก็บอกให้ท่านมหาอำมาตย์ช่วยจัดหาให้นะ”
“พระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบมองไปที่ราชครูและมหาอำมาตย์
“ตอนนี้พวกทางเหนือเริ่มแข็งข้อ ไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการ พ่ออยู่หัวมีพระประสงค์จะออกไปกำราบพวกมันด้วยพระองค์เอง” มหาอำมาตย์รายงาน
งะดินเดรู้สึกแปลกใจ
“เหตุใดพ่ออยู่หัวจึงต้องออกทัพด้วยพระองค์เอง”
“ข้าต้องให้ความสำคัญกับพวกมันหน่อย หาไม่แล้วพวกมันอาจจะดูแคลนข้าคิดว่าไม่มีปัญญา”
“พ่ออยู่หัวดวงแข็งในช่วงนี้เหมาะกับการทำศึก” ราชครูกราบทูลอย่างมั่นใจ
บาเยงโบมองงะดินเด
“ข้าอยากให้ท่านพ่อตาช่วยอาบน้ำเสกมหาว่านพิพัฒน์ ให้ข้าด้วย”
“ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบมองทุกคนแล้วประกาศอาญาสิทธิ์
“ด้วยข้ายังไม่มีรัชทายาท และมหาอุปราช ระหว่างที่ข้าออกทัพ ข้าจะแต่งตั้งท่าน...ราชครูให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน”
งะดินเดผิดหวังมากที่ตนองไม่ได้ถูกคัดเลือก
เย็นนั้น...งะดินเดกลับมาที่โรงเหล็กกับชะเวโบ เขาไม่พอใจเรื่องการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการมาก
“บาเยงโบเห็นข้าเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง เหตุใดหาแต่งตั้งข้าสำเร็จราชการไม่”
“พ่ออยู่หัวข้ามหัวท่านพ่อเกินไป ถ้าจะนับไปเราก็ถือว่าเป็นพระญาติเช่นกัน” ชะเวโบไม่พอใจเช่นกัน
งะดินเดพาลไปที่ชะเวมะรัต
“ชะเวมะรัต...ลูกนะลูก ทำไมลูกไม่ทำอะไรบ้างเลย”
“พี่สาวข้าคงหลงระเริงในตำแหน่งน่ะสิ หาได้สนใจครอบครัวไม่”
งะดินเดเครียด
“งานนี้ข้าไม่ยอมแน่ ข้าต้องสำเร็จราชการแทนราชครูเฒ่านั่น”
“ท่านพ่อจะทำยังไง...”
“ถ้าหามีราชครูแล้ว บาเยงโบจะเลือกใคร”
งะดินเดมีแผนร้าย
เสือสมิง ตอนที่ 4 (ต่อ)
บาเยงโบเดินเล่นมาในอุทยานกับชะเวมะรัต
“เหตุใดพ่ออยู่หัวถึงต้องออกทัพเองเพคะ” ชะเวมะรัตถามอย่างเป็นห่วง
“ข้าบอกเหตุไปแล้วไม่ใช่รึ”
“เพคะ แต่...”
บาเยงโบจ้องหน้า
“เป็นห่วงข้า”
ชะเวมะรัตหลบตาอายๆ
“ข้าเป็นกษัตริย์ หากมัวแต่อยู่ในวัง ก็หามีศัตรูเกรงไม่ เจ้าอย่าเป็นห่วงเลยข้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่ที่ข้ากังวลก็คือเจ้า...ที่อาจจะไม่เข้าใจข้า”
ชะเวมะรัตสงสัย
“หม่อมฉันจะหาเข้าใจพ่ออยู่หัวด้วยเหตุอันใด”
“ก็เรื่องที่หาได้แต่งตั้งบิดาเจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการ”
ชะเวมะรัตไม่รู้สึกอะไร และคิดว่าบาเยงโบทำถูกต้องแล้ว
“หม่อมฉันรู้ว่าสิ่งที่พ่ออยู่หัวกระทำต้องผ่านการกลั่นกรองแล้ว หม่อมฉันหาได้เข้าข้างใคร”
“เจ้าช่างเป็นมเหสีคู่เศวตฉัตรของข้าจริงๆ”
บาเยงโบจูบที่หน้าผากชะเวมะรัตแล้วพาเดินไปด้วยกัน...อิระวดียืนมองหน้านิ่งอยู่มุมหนึ่งของสวนอย่างไม่พอใจ
สมรักษ์นอนพักอยู่ใต้ถุนบ้านพักตำรวจ เขาค่อยยังชั่วแล้ว แก้วชงกาแฟจากในครัวเดินเอามาให้
“กาแฟครับหมวด”
“ขอบใจนะแก้ว...นี่อยู่กันสองคนไม่ต้องทำเป็นผู้ชายก็ได้ มันยังไงก็ไม่รู้”
แก้วพยักหน้ารับและทรุดลงนั่งข้างๆ สมรักษ์เหลือบมองแล้วถาม
“เป็นไงที่นี่ อยู่สบายดีไหม”
“สบายจ้ะ ขอบคุณหมวดมากที่ให้แก้ว อยู่ด้วย”
“อ้าว...ถ้าไม่ให้แก้วอยู่แล้วแก้วจะไปอยู่ที่ไหน กลับบ้านได้หรือ...”
แก้วชะงัก คิดว่า เขาไม่รู้ว่าที่บ้านเธอคือชุมโจร
“เอ่อ...ถ้าจะกลับก็กลับได้ ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ครับ”
“ไม่มีหรือ” สมรักษ์หัวเราะเบาๆ “ชุมโจรทั้งชุมยังบอกว่าไม่มีอะไร แถมยังโดนพวกเสือไล่ล่าแบบนั้นยังคิดว่าจะกลับไปได้อีกหรือ แก้ว”
แก้วอึ้งไป
“แสดงว่าหมวดรู้...”
“ใช่...พวกเธอเป็นคนในชุมโจรเสือใจใช่ไหม”
แก้วพยักหน้ารับอย่างจำนน
“ฉันไม่ได้อะไรกับแก้วหรอกยังไงพวกแก้วก็ช่วยชีวิตฉันไว้ แก้วอยู่ที่นี่แหละ แล้วค่อยหาทางขยับขยาย...เอ่อ...คนที่ชื่อจงใจน่ะเป็นใครหรือ”
สมรักษ์แววตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงจงใจ แก้วเห็นแล้วรู้สึกน้อยใจ
“เป็นลูกสาวพ่อเสือ”
“หา...ลูกสาวเสือใจหรือ ไม่น่าเชื่อท่าทางมีเมตตา ใจดีแล้วก็...”
สมรักษ์จะพูดว่าน่ารักแต่หยุดเอาไว้
“พ่อเสือไม่ใช่คนดุ ไม่ใช่เสือร้ายอย่างที่ใครคิดกัน ตรงกันข้ามพ่อเสือเป็นคนดีมีเมตตา สั่งสอนให้พวกเราหากินสุจริต แต่มีคนในชุมบางคนยังอยากยึดอาชีพเสือ อย่างพี่ทศกับพวก”
“แล้วเสือใจไม่ปรามหรือ”
แก้วยังไม่ทันตอบมีรถตำรวจวิ่งเข้ามาจอด ตำรวจที่ถูกเสทอทศจับพร้อมจ่าชิตลงมาหา
“สวัสดีครับหมวด นึกว่าจะไม่ได้เจอหมวดซะแล้ว”
“นั่งก่อนสิหมู่...ก็อาจจะไม่ได้เจอถ้าน้องชายคนนี้ช่วยไว้ ได้ข่าวว่าหมู่กับจ่าชิตออกตามหาผม”
“ครับ...จ่าชิตท่าทางเป็นห่วงหมวดมาก ตามทุกวัน วันหลังนี่เกือบตายดีที่เสือใจมาช่วยไว้”
สมรักษ์แปลกใจ
“เสือใจมาช่วย...เออแปลก...โจรช่วยตำรวจ”
สมรักษ์และแก้วสงสัย
ในร้านของเจ๊หมวย ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ โกไข่กำลังชงกาแฟให้กับลูกค้า 3-4 คนที่นั่งอยู่ในร้าน จ่าชิตอยู่ในเครื่องแบบตำรวจครึ่งท่อน ยกแก้วเหล้าเทลงคอรวดเดียวหมด
“เจ๊...เหล้ามาอีกขวดสิ”
เจ๊หมวย หยุดมอง พลางถอนใจยาวๆ
“เมาตั้งแต่เช้าเลยนะจ่า เดี่ยวก็โดนเขาสั่งขังเอาอีกหรอก”
“ก็ดี จะได้เปลี่ยนที่นอนบ้าง...ไปเอาเหล้ามาเถอะ”
เจ๊หมวยเดินไปหยิบเหล้ามาวางให้
“เอ้า...สดหรือเซ็น”
“อย่างหลัง...”
โกไข่พยักหน้าให้เมียเชิงอนุญาต แล้วเดินมานั่งด้วย
“ได้ข่าวว่าหมวดสมรักษ์ กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ”
“อืม...ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องตามหากันให้วุ่นวาย”
เจ๊หมวยสนใจขึ้นมา
“เออนี่...เขาว่าเสือมันฟัดหมวดสมรักษ์จริงหรือ”
“จริง...ฉันอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ฉันน่าจะยิงมันได้”
โกไข่กับเจ๊หมวยหน้าตื่น
“หายังยิงไม่ได้หรือ...ไอ้หยา...อย่างนี้ชาวบ้านจะสงบสุขได้ยังไง มันไม่ย้อนกลับมาลากคนไปกินอีกหรือ จ่า..จ่าต้องจัดการนะ...จ่าเป็นตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนนะ”
“ข้าเป็นที่พึ่งของใครไม่ได้หรอกโก เมียกับลูกข้า ข้ายังปกป้องดูแลพวกเขาไม่ได้เลย...แต่เอาเถอะข้าสัญญาว่าจะเอาหนังของไอ้เสือตัวนั้นมาแปะฝาบ้านให้ได้”
จ่าชิตบอกอย่างจริงจัง แล้วซดเหล้าลงคอ
เสือใจขี่ม้าเดินนำพวกเสือทศเข้ามาในหมู่บ้าน หินนอนสลบมาบนม้าตัวหนึ่ง ชาวบ้านเห็นเสือใจกลับมาก็พากันดีใจ
“เฮ้ย...พ่อเสือกลับมาแล้ว”
ชาวบ้านเฮโลไปต้อนรับ เสือใจสั่ง
“ไปตามลุงหมอมา แล้วบอกชาวบ้านไปรวมกันที่ลาน...”
“จ้ะ...พ่อเสือ”
ชาวบ้าน จะรีบไป เสือใจนึกบางอย่างได้รั้งไว้แล้วตัดสินใจบอก
“เดี๋ยว...ไปเอาตัวจงใจกับนังแววมาด้วย”
“ได้จ้ะ...”
ชาวบ้าน รีบออกไป เสือใจนำขบวนม้าไปที่ลานของหมู่บ้าน
จงใจกับแววนั่งเซ็งอยู่ในกระท่อม แววบ่นถึงลูกชายหน้าเศร้า
“ไม่รู้ป่านนี้หินกับแก้วเป็นยังไงบ้าง”
“หินกับแก้วต้องปลอดภัยจ้ะน้าแวว อย่าคิดมากเลย”
แววยังใจชื้นที่จงใจยังให้กำลังใจ คนคุมเปิดประตูเข้ามา โดยมีชาวบ้าน เข้ามาบอกทั้งสอง
“พ่อเสือให้ออกไปที่ลาน”
แววมีความหวังน้ำตาเอ่อ
“ลูกฉันกลับมาแล้วใช่ไหม”
ชาวบ้านนึกถึงสภาพหินแล้วพยักหน้ารับแบบกล้ำกลืน แววกับจงใจรีบวิ่งออกไปทันที
หินนอนสลบเหมือด เลือดท่วมตัวอยู่ที่แคร่กลางลานหมู่บ้าน ลุงหมอรักษาเบื้องต้นให้ เสือทศนั่งอยู่ ข้างเสือใจ รายล้อมไปด้วยเสือเข้ม เสือเรือง เสือชิน เสือดำ ชาวบ้านในชุมเสือ ทุกคนพากันซุบซิบนินทาถึงความโหดของคนที่ทำร้ายหิน
“ดูสิ...ใครกันนะทำกับเด็กขนาดนี้ได้”
“นั่นสิ...เลวจริงๆเลย”
เสือทศได้ยินกวาดสายตามองไปรอบๆ ทุกคนพากันหลบสายตาวูบวาบ แววกับจงใจแหวกผู้คนเข้ามา พอเห็นหินก็ถลาเข้าไปคว้ามากอดเอาไว้
“หิน...หิน...ใคร...ใครมันทำเอ็งถึงขนาดนี้”
แววโอบร่างของลูกชายไว้ พลางเขย่าตัวเบาๆเพื่อให้ฟื้นขึ้นมาแต่ร่างของหินยังคงอ่อนปวกเปียก สลบไสล เสือใจกล้ำกลืนแล้วมองไปที่เสือทศ จงใจเงยหน้าขึ้นมองไปยังเสือทศซึ่งกำลังยืนดูเธออยู่เหมือนกัน สองคนประสานสายตากัน สายตาของจงใจส่อแววเคียดแค้น ชิงชัง
“ฝีมือพี่ทศใช่ไหม...”
ชาวบ้านต่างฮือฮาอื้ออึงเมื่อได้ยินว่าเป็นเสือทศ เสือใจมองเสือทศตาขวาง เช่นเดียวกับแววที่มองเสือทศแบบเสียใจและไม่พอใจ เสือทศนิ่งแบบยอมรับ แล้วเดินเข้ามาหยุดยืนที่ตรงหน้า ชี้ให้ดูมือของตนเองที่พันแผลเอาไว้ ด้วยผ้า แลเห็นเลือดสีดำคล้ำแห้งกรังติดอยู่
“เด็กเหรอ...แล้วดูที่มันทำกับข้าสิ มันเอาหน้าไม้ยิงมือข้า จนเป็นแบบนี้”
จงใจแย้ง
“คนอย่างไอ้หิน มันคงไม่ยิงหน้าไม้ ใส่ใครง่ายๆหรอก ถ้าไม่จวนตัว”
“พี่แค่จะตามไอ้แก้วไปเอาตัวไอ้ตำรวจคนนั้น ตามที่พ่อเสือสั่ง”
เสือใจนั่งฟังอยู่นาน
“ใช่ ข้าสั่งให้เอ็งไปตามจับกุมพวกมันมา แต่ข้าไม่ได้ต้องการให้เอ็งไปฆ่าใคร”
หินรู้สึกตัวค่อยๆลืมตาขึ้นมามองดูแม่ น้ำตารินไหลออกทางหางตา
“แม่...”
แววดีใจ
“ฟื้นแล้วหรือลูก แม่อยู่นี่แล้ว แม่จะไม่ยอมให้ไอ้ใครหน้าไหนมาทำร้ายลูกได้อีก”
จงใจเอื้อมมือไปเสยผมให้หิน น้ำตาไหลซึม เมื่อนึกขึ้นมาว่าหินต้องเจ็บตัวเพราะเธอเองแท้ๆ
“พี่อยู่นี่แล้วนะหิน ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่มีใครทำอะไรหินได้แล้ว”
หินยิ้มอย่างอ่อนระโหย น้ำตายังคงไหลรินพูดกับจงใจเบาๆ
“แก้วกับหมวดหนีไปได้แล้วพี่...”
จงใจยิ้มให้อย่างเอ็นดู น้ำตาร่วง ด้วยความสงสาร
“ขอบใจนะ ขอบใจ...”
เสือใจยืนมองภาพนั้นอยู่ด้วยความเวทนา ก่อนที่จะหันไปมองดูเสือทศ ซึ่งยืนซึมอยู่ตรงหน้า
“ครั้งนี้เอ็งทำรุนแรงเกินไปจริงๆไอ้ทศ...”
เสือทศพยักหน้าน้อยๆ พลางก้มหน้ายอมรับผิด
“การที่คนเราจะเอาชนะใจชาวบ้านหรือใครให้ได้ มันต้องมีความเมตตา ไม่ใช่ใช้วิธีทารุณแบบนี้ ขืนเอ็งยังใช้นิสัยแบบนี้ แล้วข้าจะไว้วางใจให้เอ็งดูแลที่นี่แทนข้าได้ยังไง”
ชาวบ้านซุบซิบนินทาเบาๆ ขณะที่มองดูเสือทศด้วยสายตาที่ตำหนิ เสือทศเงยหน้าขึ้นมองเสือใจ ดวงตาเป็นประกายวาววามขึ้นมาทันที ในใจไม่พอใจแล้วพยายามหาความชอบธรรม
“แต่ฉัน...”
“ไม่ต้องพูดแล้วไอ้ทศ เรื่องนี้เราจะคุยกันทีหลัง”
เสือใจพูดจบเดินมานั่งที่แคร่บนศาลาหน้าเครียด ข้างๆแคร่มีบรรดาลูกสมุน เสือดำ เสือชิน เสือเข้ม นั่งอยู่คนละมุม คอยดูแลความสงบ เสือใจกวาดสายตาไปรอบๆศาลา ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่จงใจกับแวว ซึ่งนั่งก้มหน้านิ่งอยู่
“ทุกคนฟังให้ดี ที่ข้าเรียกทุกคนมารวมกันในที่นี้ก็เพื่อจะให้ทุกคนช่วยกันตัดสินลงโทษคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของชุมเสือของเรา โดยแอบพาคนนอกเข้ามาในชุมเสือโดยพลการ”
ชาวบ้านต่างอื้ออึงและรู้ดีว่าจงใจเป็นคนทำ จงใจเงยหน้าขึ้น สายตาที่มองพ่อ มีแต่แววตัดพ้อ
“ข้ายอมรับ ว่าข้าพาคนเข้ามาในหมู่บ้านของเรา แต่เพราะเขาบาดเจ็บสาหัส ข้าไม่อยากเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา ข้าเลยพาเขามารักษา แล้วก็ให้ไอ้แก้ว มันพาส่งออกไป โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใครและหมู่บ้านนี้อยู่ที่ไหน”
ชาวบ้านซุบซิบนินทา สายตากังวล เสือใจหนักใจ
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้....กฎมันต้องเป็นกฎ ไม่ว่าใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ...ทุกคน ไม่มีละเว้นแม้แต่คนเดียว”
เสือใจเหลือบมองแวว เสือทศหาจังหวะช่วยจงใจ
“ฉันว่าพ่อเสือไตร่ตรองให้ดีก่อนดีกว่า ทุกคนก็รู้ว่าโทษของการพาคนนอกเข้ามาที่นี่มันถึงกับต้อง...เอ่อ...”
เสือทศจะพูดคำว่าเนรเทศ แต่เสือใจแทรกเข้ามาเสียก่อน
“...เนรเทศ ทุกคนที่ฝ่าฝืน”
จงใจหันมองเสือใจขวับในใจปวดร้าว แววเสียใจ จงใจโพล่งขึ้นมา
“เอาสิ...พ่อจะลงโทษอย่างนั้นก็เอาเลย แต่ต้องลงโทษจงใจคนเดียวเพราะจงใจเป็นคนพาเขามา น้าแวว หิน แก้วไม่เกี่ยว ถ้าพ่อไม่เห็นว่าจงใจเป็นลูกอีกต่อไปพ่อก็ลงโทษได้เลย แต่ต้องเป็นจงใจคนเดียวเท่านั้น”
จงใจบอกอย่างเด็ดเดี่ยว เสียใจและน้อยใจพ่อของตัวเอง
“ไม่มีพ่อคนไหนอยากทำแบบนี้หรอก...แต่มันจำเป็น พ่อเป็นคนตั้งกฎนี้ขึ้นมาเองไม่อยากใช้เท้าลบมัน” เสือใจหน้าสลด
เสือทศแทรกเข้ามาเพื่อหาทางช่วยจงใจ
“แต่ว่าพ่อเสือไม่ต้องลงโทษถึงขนาดนั้นก็ได้นี่”
“ใช่...มันอาจจะจริงอย่างเอ็งว่า แต่เอ็งลองคิดดูสิถ้าข้าลงโทษแบบไม่สมเหตุสมผล ผู้คนก็จะติฉินนินทาว่าข้าลำเอียง ไม่ยุติธรรมเห็นแก่ลูกตัวเอง”
เสือใจพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ชาวบ้านต่างตั้งใจฟังส่วนใหญ่ไม่มีใครติดใจเอาความ จงใจรู้สึกอึดอัด
“พ่อจะเอายังไงก็ว่ามาเลย จงใจพร้อมอยู่แล้ว”
เสือใจสีหน้าเข้ม พูดออกมาอย่างกล้ำกลืน
“เรื่องนี้ข้าจะไม่ยุ่ง จะปล่อยให้ทุกคนช่วยกันตัดสิน”
เสือใจหันมามองจงใจแว๊บหนึ่งแล้วเดินจากไปอย่างไม่เหลียวแล
“พ่อ...”จงใจน้อยใจ
ชาวบ้านส่งเสียงฮือฮากันขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนหันไปซุบซิบกัน เสือทศนั่งฟังอยู่นานจึงออกตัวอย่างช่วยจงใจ
“งั้นทุกคนก็ทำตามที่พ่อเสือพูด ไม่ต้องมาเกรงใจข้า ใครผิดก็ว่ากันไป...หรือคิดแล้วเห็นควรอภัยก็ไม่มีใครว่า”
เสือทศขยับปืนที่เอวแววตากร้าว มองกราดไปทั่วดูแล้วตรงกันข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง ชาวบ้านทุกคนต่างปรึกษากันสักพักก็ได้ข้อสรุป ชาวบ้านคนหนึ่งพูดแทนทุกคน
“พวกเราอภัยให้จ้ะพ่อทศ เอ่อ...พวกเราคิดว่าหนูจงใจคงไม่ตั้งจะทำผิดกฎหรอก จริงไหมพวกเรา”
ชาวบ้านคนนั้น หันไปหาเสียงสนับสนุน ชาวบ้านทุกคนต่างตอบรับ
“จริง...จริง...”
จงใจแอบถอนหายใจเล็กน้อย แต่ในใจยังน้อยใจเสือใจ
“ถ้าอย่างนั้น ก็เอาตามนี้”
เสือทศมองจงใจแล้วยิ้มให้ จงใจไม่ยิ้มตอบแต่กลับมองหิน ขณะที่ในใจรู้สึกดีใจ และโล่งใจที่สมรักษ์ปลอดภัย
มะค่านอนหลับตานิ่งแต่ยังมีลมหายใจอยู่กลางบ้านแม่หมอ พ่อกับแม่นั่งหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ แม่ร้องไห้ เขย่าตัวพยายามปลุกลูก
“อีมะค่า...เอ็งเป็นอะไรตื่นสิลูก”
แม่หมอปรามอย่างกังวล
“ไม่มีประโยชน์หรอก นังมะค่ามันถูกคุณไสยอย่างแรง”
“แม่หมอต้องช่วยลูกข้านะ...แม่หมอต้องช่วยลูกข้าให้ฟื้นนะ”
แม่ของมะค่าร้องไห้แล้วซบกับอกมะค่า พ่อมะค่ามองอย่างเศร้าสลด
“ข้าจะพยายาม” แม่หมอบอกอย่างหนักใจ
หินถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว นอนซมด้วยพิษบาดแผลอยู่บนแคร่ โดยมีจงใจคอยนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ แววต้มยาอยู่ในครัวหันมามองดูจงใจที่นั่งมองดูหินอยู่อย่างซึมๆ
“น้าขอบใจหนูมากนะที่มารับผิดแทนพวกเราทุกคน”
“จงใจไม่ยอมให้ทุกคนมาเดือดร้อนเพราะจงใจหรอก ถ้าจงใจไม่พาเขาเข้ามาที่นี่ ทุกคนก็ไม่โดนร่างแหไปด้วย...หิน แก้วก็ไม่เป็นแบบนี้”
“อย่าไปโทษตัวเองเลย เป็นใครก็ต้องทำแบบนี้ ใครจะปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตา”
จงใจยังไม่หายโกรธพ่อ
“ก็พ่อเสือไง...พ่อนะพ่อ...ใจร้ายที่สุดเลย ไม่ช่วยคนแล้วยังมาเอาผิดกับลูกตัวเองอีก”
แววยกหม้อต้มยาลงจากเตา วางพักไว้ ก่อนที่จะคีบถ่านในเตาไฟลงจุ่มในอ่างน้ำเพื่อดับถ่าน แล้วลุกเดินมายังแคร่ที่หินนอนอยู่ มองดูลูกชายและจงใจอย่างเอ็นดู พลางถอนหายใจเบาๆ
“อย่าไปโทษพ่อเสือเลยจงใจ พ่อเสือเป็นคนปกครองที่นี่ก็ต้องเป็นคนรักษากฎไม่เช่นนั้นคนมันจะตราหน้าเอาได้ว่าลำเอียงต่อไปสั่งอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
“พ่อก็คิดถึงแต่คนอื่น ไม่สนใจจงใจเลย”
“ไม่จริงหรอก พ่อเสือน่ะเขารักหนูที่สุด”
จงใจยังเถียง
“แล้วถ้าวันนี้ชาวบ้านเอาผิดหนูล่ะ...”
“พ่อเสือจะเป็นคนที่เสียใจที่สุด หัวใจของพ่อเสือต้องสลายแน่นอน เย็นมากแล้วหนูกลับบ้านไปได้แล้วล่ะ ป่านนี้พ่อเสือคงหิวแล้วมั้ง ไปหาข้าวหาปลาให้พ่อเสือกินซะไป วันนี้น้าคงไม่มีเวลาทำให้...”
แววหันมองลูกชายที่นอนซมอยู่ แล้วเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง แอบซ่อนน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเวทนาลูกทั้งสองคน จงใจเข้าใจความหมายของแวว แล้วพยักหน้า
แก้วนั่งเหงาอยู่หลังบ้านเธอคิดถึงบ้านน้ำตาเอ่อ รำพึงอยู่คนเดียว
“แม่...ฉันไม่รู้ว่าจะได้กลับไปอีกหรือเปล่า...”
สมรักษ์พอจะลุกเดินไหวเข้ามาหา
“แอบมานั่งอยู่นี่เอง”
“หมวด...หมวดจะเอาอะไรหรือ”
“เปล่า...ฉันนอนจนเบื่อแล้ว พอลุกไหวเลยอยากเดินบ้าง...คิดถึงบ้านหรือ”
แก้วพยักหน้าเบาๆ
“เอาไว้ฉันหายดีแล้วฉันจะพาแก้วไป”
แก้วดีใจ
“จริงหรือหมวด...” แล้วเธอก็ชะงักไปเมื่อนึกได้ “เอ่อ...แล้วเรื่องพ่อเสือ...”
“ถ้าเสือใจเป็นอย่างที่แก้วบอก ฉันก็มีเรื่องที่จะตกลงกับเสือใจ”
แก้วโล่งใจ แล้วกังวลขึ้นมา
“แล้ว...เสือทศ...”
สมรักษ์มองเหม่อไปข้างหน้าแววตากร้าว
“บอกแล้วไงว่าฉันจะคุยกับเสือใจคนเดียว”
สมรักษ์บอกอย่างจริงจัง
เสือใจนั่งอยู่หน้าบ้านรอลูกสาวกลับ เขาเสียใจที่ลูกทำผิดและไม่ยอมเข้าใจตัวเอง ไม่นานนักจงใจก็เดินกลับมา
“กลับมาแล้วหรือ”
จงใจเงียบ งอนเดินผ่านเข้าไปในบ้านและไปนั่งอยู่บนแคร่ เสือใจพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจ
“พ่อรู้ว่าลูกเสียใจ แต่ลูกจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าพ่อเสียใจมากกว่าลูกหลายร้อยเท่านัก พ่ออาจจะเลวในสายตาลูก แต่ในสายตาของพ่อ มีแต่คำว่ารัก...ไม่มีวันไหนหรือครั้งใดที่พ่อทิ้งความรักที่พ่อมีต่อลูกไปเลย”
“รักหรือ นี่หรือคือความรักของพ่อ ทิ้งลูกให้อยู่ในวงล้อมคนอื่นให้เขาลงโทษได้ตามอำเภอใจน่ะหรือ”
เสือใจน้ำตาคลอเบ้า จงใจนั่งนิ่งไม่มีคำพูดใดๆอีกน้ำตาเธอไหลริน เสือใจลุกเดินเข้ามายืนตรงหน้า ในมือมีไม้เรียวอันเก่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม้เรียวอันนี้พ่อเหลามันมา10 กว่าปี ได้แต่จับแล้วก็เงื้อ ไม่เคยได้ลงไม้ตีสักครั้ง”
จงใจไม่กลัวและท้าทาย
“เอาสิ...ตีเลยตีให้สาสมกับความผิดของลูก พ่อจะได้สบายใจตีให้ตายคามือเลย ลูกจะได้รู้ว่านี่แหละคือความรักของพ่อ”
“มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อตีไปแล้ว คนที่เจ็บที่สุดก็คือตัวพ่อเอง”
จงใจถึงกับอึ้งพูดไม่ออกนิ่งน้ำตาไหล เสือใจลดไม้เรียวลง
“พ่อไม่อาจจะบอกลูกได้หรอกว่าพ่อรักลูกแค่ไหน แต่ถ้าให้พ่อสิ้นลมไปเสียตรงนี้เพื่อให้ลูกของพ่อมีลมหายใจต่อไปอีกแม้เพียงนาทีพ่อก็จะทำ”
เสือใจน้ำตาเอ่อ แววตาจริงและเว้าวอน จงใจรู้สึกดีกับพ่อเธอน้ำตาอาบแก้มด้วยความเข้าใจ
“พ่อ...หนูขอโทษ”
จงใจโผเข้ากอดพ่อ เสือใจน้ำตาไหลอย่างยินดีที่ลูกสาวเข้าใจ
เสือทศนั่งหัวเสียอยู่ที่บ้าน เขากระดกเหล้าดับแค้น ข้างๆเสือเรืองอยู่ด้วย
“พ่อเสือทำเกินไปจริงๆ หักหน้าพี่ทศต่อหน้าชาวบ้าน”
เสือทศแค้นหนัก
“นั่นไม่เท่าไหร่ แต่น้องจงใจนี่สิ...แววตามันบอกว่าคงรับรักข้าไม่ได้แน่ พ่อเสือนะพ่อเสือ”
เสือชินเปิดประดูเข้ามา เอาเนื้อย่างวางบนโต๊ะ
“กับแกล้มพี่...มือเป็นยังไงบ้าง”
“เฉยๆ แต่ใจมันเจ็บหนักกว่า”
เสือชินคว้าเหล้ารินดื่ม
“อย่างว่าล่ะ...เขาเป็นนาย เราเป็นบ่าว...นายว่ายังไงก็ต้องฟัง”
“ไม่หรอก...ข้าคงไม่ยอมเป็นบ่าวตลอดชีวิตหรอก”
เสือทศซดเหล้าลงคอแววตาจริงจัง
แม่หมอนั่งเพ่งกระแสจิตที่หน้าโต๊ะบูชา
“อาคมของข้า...มันหมดแล้วจริงๆหรือนี่”
แม่หมอน้ำตาเอ่อออกมาแล้วนึกถึงอดีต....ช่วงเวลานั้น แม่ของกินรีในวัยสาวและท้องแก่กำลังครอบครูให้ตนเองต่อหน้าแท่นบูชาที่บ้านหลังนี้ เป็นการถ่ายทอดวิชา แม่ของกินรีร่ายเวทมนต์แล้วพลันแสงประหลาดพุ่งลงในลูกมะพร้าวที่เฉาะเปิดฝาไว้
“กินน้ำมะพร้าวนี่ซะ ข้าได้ถ่ายทอดอาคมลงไปในนี้ให้เจ้าแล้ว...“ลูกของข้าจะสืบทอดผีฟ้าต่อจากข้า ข้าขอให้เจ้าช่วยดูแลช่วยเหลือเขาด้วยอาคมของเจ้าจะช่วยปกป้องเขาแทนข้า เข้าใจไหมคะยี”
“เจ้าค่ะ”
คะยีก้มลงกราบแล้วเงยหน้าขึ้น
ปัจจุบัน...แม่หมอรำพึงถึงกินรี
“เจ้าอยู่ที่ไหน กินรี...ยายช่วยเจ้าต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...”
แม่หมอน้ำตาเอ่อ มองไปที่เทวรูปชะเวมะรัต
จบตอนที่ 4
อ่านต่อตอนที่ 5 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.