เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 4
ภายในห้องสวีท จักรปาแก้วไวน์ทิ้งด้วยความโกรธ
“ไอ้เมฆา สักวันฉันต้องฆ่าแกให้ได้”
“เตือนแล้วว่าอย่าใจร้อน เสียเวลาเปล่า”
เสียงวิญญูดังขึ้น จักรแปลกใจที่วิญญูเข้ามาได้ทั้งที่เขาไม่เคยบอกวิญญูในเรื่องนี้เลย
“รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ แล้วเข้ามาได้ยังไง”
“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้”
“ก็กำจัดไอ้เมฆาไง”
วิญญูเดินมารินไวน์ยกดื่ม
“บอกแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา แต่อีกไม่นานหรอก... อีกไม่นาน”
“ฉันต้องรออีกนานแค่ไหน”
“เสาร์นี้เราจะได้ของมาอีกชิ้น. เพชรยอดสังข์ เพื่อการกลับมาของเทวาศาตราวุธ สังข์ไชยมงคล”
“ถึงแพรไพลินจะยอมเดินแบบมงกุฏเพชร แต่แพรคงไม่ยอมขโมยเพชรมาให้เรา”
“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้”
วิญญูพูดด้วยสายตาเชื่อมั่น
บ้านทอรุ้ง เวลากลางคืน ครามกำลังเปิดโน้ตบุ๊ก ดูแบบแปลน คุ้มกันมงกุฏเพชรมิสเวิลด์แปซิฟิก ทอรุ้งถือชุดเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ใส่ในชุดคลุมไว้เข้ามาหา
“ทำอะไรอยู่คะ”
“กำลังดูแผนคุ้มกันมงกุฏเพชรมิสเวิลด์แฟซิฟิก”
ครามสงสัยว่า ทอรุ้งถือถุงใส่เสื้ออะไร ทอรุ้งยิ้มอวด
“ชุดแต่งงาน”
“เอ...ของใครน้า”
ครามวางมือจากแปลนงาน เข้ามากอดทอรุ้ง...
“ชุดเจ้าสาวของฉัน ส่วนชุดเจ้าบ่าวไม่รู้ของใคร”
ครามคว้าชุดเจ้าบ่าวแล้วเดินออกไป
“คุณจะเอาชุดไปไหน”
“ก็เอาไปให้เจ้าบ่าวของคุณไง”
ครามเดินออกไป ทอรุ้งแปลกใจ
ในเวลาต่อมา ประตูห้องเปิดออก ทอรุ้งมองด้วยความแปลกใจแล้วหัวเราะออกมา ครามอยู่ในชุดเจ้าบ่าว
“หัวเราะอะไร นี่คือเจ้าบ่าวที่จะใช้ชีวิตกับคุณตลอดชีวิตนะ”
“เคยเห็นแต่เจ้าสาวเห่อชุดแต่งงาน เพิ่งเคยเห็นผู้กองมือปราบเห่อชุดเจ้าบ่าว”
“ใส่ชุดเกราะกันกระสุนเบื่อแล้ว อยากใส่ชุดเจ้าบ่าวกับเค้าบ้าง ผมหล่อมั้ย”
“ไม่”
ครามหน้าเสีย ทอรุ้งพูดต่อ
“แต่น่ารัก”
ครามยิ้มดีใจแล้วผลักทอรุ้ง
“ตาคุณเปลี่ยนชุดแล้ว”
“วันก่อนฉันเคยลองแล้ว”
“แต่วันนี้คุณยังไม่ได้ลอง”
“ไม่เอา ขี้เกียจ”
ครามอมยิ้มบอก
“เจ้าสาวจะเปลี่ยนเอง หรือจะให้เจ้าบ่าวเปลี่ยนให้ครับ”
ทอรุ้งยิ้มงอน ๆ จำต้องยอมทำตามความต้องการของคราม
ครามยืนอยู่บนดาดฟ้า ยืนมองดวงดาวบนท้องฟ้า ครามรู้ว่าทอรุ้งเดินขึ้นมาก็หันไป...ถึงกับตะลึง... ทอรุ้งในชุดเจ้าสาว เดินตรงมา ครามเดินเข้ามาจับมือทอรุ้ง
“เราจะได้แต่งงานกันจริง ๆ ใช่มั้ย”
“จริงสิคะ รึว่าคุณจะเปลี่ยนใจ”
“ใครจะยอมเปลี่ยนใจจากเจ้าสาวที่สวยที่สุด”
ทอรุ้งเขินอาย...มองดูดาวแล้วบอก
“ดาวสวยจัง”
“แต่วันนี้ดาวหม่น เพราะดาวดวงนี้สว่างไสวกว่าดาวทุกดวงบนท้องฟ้า”
“โบราณว่าไว้..รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ เชื่อไม่ได้ นี่เป็นทั้งตำรวจแล้วก็ลิเกเลยนะ”
ทั้งสองหัวเราะด้วยกัน ครามเข้ามาโอบกอดทอรุ้ง
“ผมอยากให้คุณได้สวมมงกุฏเพชรนั่น มันสวยงามและมีค่าเหมาะกับเจ้าสาวของผม”
“มงกุฏไหนก็ไม่มีค่าเท่ากับมงกุฏที่ได้รับจากคนที่ฉันรักหรอกค่ะ”
“ผมสัญญา วันแต่งงานผมจะนำมงกุฏดอกไม้ที่สวยที่สุดมาสวมให้คุณ”
ทอรุ้งยิ้มทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดคราม ทั้งสองยืนกอดกันท่ามกลางแสงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ..
รายงานสดของสกายนิวส์เน็ตเวิร์ค น้ำใสยืนอยู่หน้าโรงแรมหรูมาก
“สวัสดีค่ะ...เบรกกิ้งนิวส์ของสกายนิวส์เน็ตเวิร์คคืนวันนี้ เราจะรายงานข่าวการเดินแบบเครื่องเพชรแห่งเอเชียแปซิฟิกประจำปีนี้ค่ะ”
น้ำใสที่ยืนรายงานข่าว ด้านหน้าโรงแรมมีผู้คนดูภูมิฐานเดินกันไปมา
“ไฮไลต์ของงานวันนี้อยู่ที่การเปิดตัวมงกุฏเพชรมิสเวิลด์แปซิฟิก ก่อนจะนำไปใช้ในการประกวดมิสเวิลด์แปซิฟิกที่ประเทศออสเตรเลีย"
มงกุฏเพชรถูกนำออกมาจากห้องนิรภัยของธนาคาร และนำมาใส่กล่องเพื่อนำมายังงานนี้ ตำรวจและครามคอยอารักขาและป้องกันแบบเต็มที่
“ความพิเศษของเพชรที่นำมาประดับยอดมงกุฏคือ.. เพชรเม็ดนี้เคยประดับอยู่บนยอดสังข์ไชยมงคล โบราณวัตถุที่ถูกทำลายไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว คุณค่าของเพชรเม็ดนี้จึงไม่สามารถประเมินค่าได้ค่ะ"
น้ำใสที่กำลังรายงานสด
“อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะถึงเวลาเดินแบบเพชรแห่งเอเชียแปซิฟิก สามทุ่มตรง ดิฉันจะนำภาพสดมารายงานอีกครั้ง ช่วงนี้ขอตัดเข้าข่าวประจำสถานีก่อนค่ะ เดี๋ยวพบกันค่ะ”
น้ำใสถอดหูฟัง แล้วเดินไปหาดาบแหบที่ทำหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยที่มุมหนึ่ง
น้ำใสเดินเข้ามาหาดาบแหบและจ่าหวานที่ยืนตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงแรม
“จ่า.. เค้ามารึยัง” น้ำใสถาม
“เค้าไหน” ดาบแหบถาม
จ่าหวานรู้ทันบอก
“ก็หมวดแสงกล้า แฟนน้องนักข่าวไง”
“หมู่ก็พูดเกินไปก็แค่เพื่อนสนิท”
“ยังไม่เห็นเลยครับ คงไปรับสมิง”
“จ่ารู้เหรอว่าหมวดไปรับสมิง”
“ไม่เห็นด้วยตาแต่สัมผัสได้ด้วยใจ แต่รับรองว่ามาแน่ เพราะหมวดมีหน้าที่อารักขานางแบบ”
“คนสวย” จ่าหวานมองไปมุมหนึ่งถึงกับเคลิ้ม
น้ำใสหันไปมองตามสายตาดาบแหบกับจ่าหวาน เห็นแพรไพลินเดินมากับกุ๊บกิ๊บที่คอยดูแลแพรไพลินอย่างเว่อร์
“ก้าวบันไดระวังนะคะคุณนางแบบ”
“อะไรของเธอ”
“อย่าลืมสิว่าคุณหมอเป็นนางแบบใหญ่ กุ๊บกิ๊บทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวต้องดูแลให้ดีที่สุด โดยเฉพาะช่วงขาและเท้า เพราะนางแบบใช้อวัยวะส่วนนี้ในการทำมาหากิน"
แพรไพลินส่ายหัวแล้วรีบเดินเร็วเข้าไปด้านใน
“ระวังค่ะ ระวังล้ม”
กุ๊บกิ๊บวิ่งตามแพรไพลินแต่พลาดท่าล้มซะเอง
“ว๊าย”
พวกดาบแหบและจ่าหวานหัวเราะ กุ๊บกิ๊บอายมากรีบเดินออกไป น้ำใสมองหาแสงกล้าแล้วบ่นฮุบ
“เมื่อไหร่จะมา”
แสงกล้ายืนนิ่งหงุดหงิดดูนาฬิกาข้อมือด้วยความไม่พอใจที่จ่าสมิงไม่ลงมาตามเวลาที่นัดไว้
“คิดว่าอาวุโสกว่า ต้องให้เด็กรอรึไง”
แสงกล้าเดินไปยังห้องของสมิง
ภายในห้อง สมิงนั่งดูคัมภีร์โบราณ โดยมีของสิ่งหนึ่งวางอยู่ในพาน จ่าสมิงรับรู้ได้ว่า แสงกล้ากำลังจะเดินมาที่ห้องก็หยุดกึกทันที
แสงกล้าเดินมาถึงหน้าห้อง ผลักประตูเข้าไป ไม่เจอใครก็ร้องเรียก
“สมิง สมิง อยู่ไหน”
จ่าสมิงเดินออกมาในชุดผ้าขาวม้าผืนเดียว ถือขันใส่สบู่และยาสระผม
“คร้าบ แหม..คนกันเอง วันหลังเรียกพี่หมิงก็ได้”
จ่าสมิงเดินมาประจันหน้ากับแสงกล้าที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ สมิงยังระรื่นไม่รู้ตัว
สมิงอมยิ้มแกล้งดัดเสียง
“ลองเรียกซิ พี่หมิง... พี่หมิงครับ”
แสงกล้าไม่เล่นด้วย ออกอาการหงุดหงิด
“ผมรอเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ”
“ผมก็รอ แต่รอฤกษ์อาบน้ำ”
สมิงเดินออกไปจากห้อง แสงกล้าแปลกใจ
“จะไปไหน”
สมิงเดินมาที่กลางลาน แล้วเตรียมตัวอาบน้ำ
“บ้าไปแล้วเหรอ จะมาอาบน้ำ แต่ไม่มีน้ำ”
“หมวดเห็นนั่นไหม”
แสงกล้างยหน้ามองบอก
“ดวงจันทร์”
“อย่าเรียกดวงจันทร์ เพราะนั่นนามสกุลพุ่มพวง ฮ่า ๆ ๆ”
แสงกล้าหน้าเครียดไม่ขำด้วย
“ไม่ขำเหรอหมวด ผมจะบอกอะไรให้นา วันนี้เป็นมหามงคลฉัตรชัย แสงจันทร์ที่สาดส่องจะทำให้กายใจผ่องแผ้วแคล้วคลาดภัยพาล มาเถิด...มาอาบแสงจันทรา แล้วเจ้าจะเป็นพญาเกรียงไกรไชโย...”
สมิงทำท่าอาบแสงจันทร์ ถูตัว สระผมโดยไม่ใช้น้ำ
แสงกล้าทนไม่ไหว
“จะทำอะไรก็ทำ จะบ้าก็บ้าให้สุด ผมทำงานคนเดียวก็ได้”
แสงกล้าจะเดินออกไปแล้วหันกลับมาหาสมิง
“เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมหมวด”
แสงกล้าชี้หน้าจ่าสมิง
“หลังจากวันนี้ผมไม่มีคู่หู ! พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานกับผม กลับไปเป็นสายสืบอย่างเดิม”
จ่าสมิงจับมือแสงกล้าไว้ แล้วหยิบถุงกำมะหยี่ใส่ของชนิดหนึ่งยัดมือแสงกล้า
“ฝากให้คุณหมอคนสวยด้วย”
“อะไร”
“เอาน่า...ฝากให้คุณหมอ”
“ไม่รับฝาก”
จ่าสมิงพูดเสียงจริงจังกว่าปกติ
“นี่เป็นคำขอร้อง จากลูกน้องที่หมดบุญที่จะได้ร่วมงานกัน”
แสงกล้ารับถุงกำมะหยี่นั้นมาจากจ่าสมิง เขายกถุงนั้นขึ้นมาดู
จ่าสมิงยังไม่วายหลุดโลกยืนอาบแสงจันทร์ต่อไป
“โอ้เมื่อแสงจันทร์สาดกาย แสนสบายสุขใจเป็นหนักหนา สาดส่องแสงให้ทั่วกายา ดั่งเกราะหนากันภัยให้ข้าเทอญ”
แสงกล้ารับไม่ได้ เดินออกไป
แสงกล้าหัวเสียถือถุงกำมะหยี่ที่สมิงให้มาอย่างไม่พอใจจะเดินเข้าไปในโรงแรม
“มาแล้วเหรอเพื่อนรัก” น้ำใสทักทาย
“หลีกไป ฉันจะไปทำงาน”
“แล้วสมิงคู่ใจไม่มาด้วยเหรอ”
“บ้าไปแล้ว”
“ว้ายจริงเหรอ”
แสงกล้ายื่นถุงของสมิงให้น้ำใส
“ฉันให้...”
น้ำใสดีใจรีบรับ
“ให้ฉันเหรอ ขอบใจนะ”
“สมิงฝากมาให้”
“ว้าย...ของคนบ้า”
น้ำใสยื่นถุงคืนให้แสงกล้า ทีมงานเข้ามาตามน้ำใส
“ไปเซ็ทกล้องในงานได้แล้ว”
“เดี๋ยวเจอกันในงาน” น้ำใสบอกแสงกล้าแล้วออกไปกับทีมงาน
แสงกล้ามองถุงแล้วพูดกับตัวเอง
“ใครจะอยากได้ของคนบ้า”
แสงกล้ามองเห็นถังขยะ จึงเดินเอาถุงโยนทิ้งแล้วเดินเข้าไปงานทันที
แสงกล้าเดินเข้าไปในลิฟท์ซึ่งมีคนอื่นอยู่ภายในลิฟท์นั้น ประตูลิฟท์จะปิด แต่พนักงานกดเปิดลิฟต์
แสงกล้าแปลกใจ
“คุณทำของตกไว้ครับ”
พนักงานยื่นถุงคืนให้แสงกล้า
“พี่เอาทิ้งเอง”
“แต่มันตกจากกระเป๋าพี่นะครับ”
แสงกล้าแปลกใจ คนอื่น ๆ หันมามองแสงกล้าเพราะทำให้เสียเวลา แสงกล้าจึงรับถุงมา
“ขอบใจ”
ประตูลิฟท์ปิดลง แสงกล้ามองถุงกำมะหยี่ด้วยความไม่เข้าใจ
แสงกล้าเดินอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องแต่งตัวนางแบบ เขามองถุงในมือ
“ฉันโยนทิ้ง..ยังมีหน้ามาบอกว่าทำตก คิดจะทำดีเอารางวัลพนักงานดีเด่นรึไง”
แสงกล้าจะทิ้งที่ถังขยะอีก แต่ดาบแหบและจ่าหวานเข้ามารายงานตัว
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับหมวด” ดาบแหบบอก
“แล้วผู้กองครามล่ะ”
“กำลังนำมงกุฏเพชรมาที่งานครับ” จ่าหวานว่า
มุมหนึ่งของโรงแรม รถตำรวจวิ่งเข้ามาจอด ตามมาด้วยรถของบริษัทเพชร ปิดท้ายด้วยรถตำรวจ
ครามนำทีมเข้ามาล้อมรถขนเครื่องเพชร พนักงานนำกล่องเครื่องเพชรลงมาจากรถ ครามเป็นผู้นำรับกล่องมงกุฏเพชรเดินเข้าไป โดยทีมตำรวจอารักขาอย่างแน่นหนา
ครามเดินเข้าโรงแรม ของจักร อมตฤทธาวิ่งเข้ามาจอด ลูกน้องเปิดประตูให้ เขาออกมายืนมองทีมของครามนำกล่องใส่เพชรเดินเข้าไปในโรงแรม
จักรหยิบเพชรปลอมขึ้นมา วิญญูเดินเข้ามายืนข้างจักร
“เอาเพชรปลอมไปให้นางแบบได้แล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง” วิญญูบอก
จักรไม่สบอารมณ์นักที่มีวิญญูคอยบงกาเขาเดินเข้าไปในงานและยืนมองไปยังตำแหน่งห้องแต่งตัวนางแบบ
ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกที่หน้าห้องแต่งตัว
“หมวดไม่เข้าไปข้างในเหรอ” ดาบแหบถาม
“จะให้ฉันไปช่วยนางแบบแต่งหน้ารึไง”
จ่าหวานพูดสีหน้าทะเล้นสุดๆบอก
“เผื่อนางแบบต้องการคนช่วยรูดซิป”
กุ๊บกิ๊บเปิดประตูออกมาเจอหน้าแสงกล้าพอดี
“ผู้หมวดสุดหล่อนั่นเอง กุ๊บกิ๊บโสดสนิท.. ไร้คู่ ไร้คนรู้ใจ ยังรอเสียงโทรศัพท์จากหมวดอยู่นะคะ รีบโทรมา 082 122 2213 ค่ะ”
“จำเบอร์ได้ครับ”
“จำได้ด้วย แหม...มีใจก็ไม่บอก เอ่อ อยากคุยต่อแต่ไม่ไหวค่ะ ต้องรีบไปเด็ดดอกไม้ ทางเดินไปห้องน้ำหน้ากั๊วน่ากลัว กุ๊บกิ๊บอยากได้บอดี้การ์ดอารักขา”
“ด้วยความยินดีครับ ดาบแหบ จ่าหวานดูแลคุณกุ๊บกิ๊บด้วย”
กุ๊บกิ๊บอึ้ง ดาบแหบและจ่าหวานเข้ามาประกบทันที
ดาบแหบกับจ่าหวานว่า
“ตำรวจไทยยินดีรับใช้ครับ”
กุ๊บกิ๊บไม่อยากไป แต่ปวดฉี่จำต้องออกไป ดาบแหบและจ่าหวานตามไป แสงกล้ายืนยิ้มในความตลกของกุ๊บกิ๊บ แต่แล้วได้ยินเสียงจากข้างใน
“กิ๊บ กิ๊บ”
แสงกล้าคิดและตัดสินใจ
แพรไพลินกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องแต่งตัว ตะโกนบอกกุ๊บกิ๊บ
“ขอกิ๊บติดผมหน่อย”
แสงกล้าเข้ามาในห้อง ยืนเก้ ๆ กัง ๆ หันไปหยิบกิ๊บส่งให้ แพรไพรลินไม่ได้หันมามอง จับมือแสงกล้าบอก
“ขอบใจนะ”
แสงกล้าจะหันกลับ แต่แพรไพลินเรียกไว้
“ช่วยรูดซิปให้หน่อยสิ”
แสงกล้าอึ้ง แต่ตัดสินใจเดินไปแล้วช่วยรูดซิบด้านหลังให้แพรไพลิน
“ขอบใจมากนะ”
แพรไพลินหันกลับมายิ้มเพราะคิดว่าเป็นกุ๊บกิ๊บ แต่เมื่อเจอหน้าแสงกล้ายืนอยู่ก็ตกใจ
“คุณ !”
แสงกล้ามองแพรไพลินในชุดที่สวยมาก ก็ตกตะลึง....
“เข้ามาทำอะไรในห้องแต่งตัว ออกไปนะ”
“อย่าคิดว่า ผมอยากอยู่ใกล้คุณนะ ผมก็แค่มาดูแลเพชรบนหัวคุณต่างหาก”
“ปากอย่างใจอย่าง ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นพวกฉวยโอกาส”
“พูดงี้ เดี๋ยวก็ทำจริงซะหรอก”
แสงกล้าแกล้งแหย่จะเข้าไปกอด แพรไพลินถอยห่าง
“มงกุฏยังมาไม่ถึง คุณออกไปได้แล้ว”
แสงกล้าส่งถุงของจ่าสมิงให้แพรไพลิน
“สมิงฝากของมาให้”
แพรไพลินแปลกใจเปิดถุงดูเป็น “เบี้ยแก้” (ลักษณะเป็นหอย เหมือนเงินโบราณ อาจจะมีอักขระบางอย่างลงไว้เพื่อความขลัง)
“เล่นตลกอะไร เอาเปลือกหอยมาให้ฉัน”
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นอะไร เค้าฝากมาให้ ผมก็ทำตามหน้าที่ ไม่ชอบก็โยนทิ้งไปซะ"
แพรไพลินกำเบี้ยแก้ไว้
“เสร็จธุระแล้วก็ออกไปได้แล้ว”
แสงกล้าจะออกไป เพชรแท้และจักรเข้ามาในห้องพอดี
“ลูกแพรสวยมาก จริงมั้ยคะคุณจักร”
“ครับ น้องแพรสวยงามราวกับเจ้าหญิงเหมาะสมกับมงกุฏที่จะสวมใส่”
“ขอประทานโทษครับท่าน ห้องรับรองอยู่ทางด้านโน้นครับ” แสงกล้าบอก
“แกก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ยังกล้าไล่ฉันอีกเหรอ”
“ห้องนี้สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะนางแบบเท่านั้น ตามแผนปฏิบัติการของสำนักงานสืบสวนพิเศษ ผมจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ครับ”
“เป็นแค่หมวดทำอวดดี ถ้าอยากเป็นใหญ่เป็นโตก็ฝากเนื้อฝากตัวกับท่านรองไว้ แล้วแกจะสบาย” เพชรแท้บอก
“คุณแม่คะ ออกไปเถอะค่ะ”
เพชรแท้ส่งเสียงตำหนิ
“ยายแพร”
“พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับแพรเป็นการส่วนตัว”
“งั้นแม่ไปรอในห้องเดินแบบนะจ้ะ”
เพชรแท้จะออกไป แล้วก็หันไปสั่งแสงกล้า
“ไม่ได้ยินรึไง ท่านรองต้องการคุยเรื่องส่วนตัวกับลูกสาวฉัน”
แสงกล้าอึดอัดใจไม่อยากปล่อยให้แพรไพลินอยู่ตามลำพัง
“นายออกไปได้แล้ว”
แสงกล้าจึงออกไปจากห้องพร้อมกับเพชรแท้
“มีเวลาให้แค่สองนาทีเท่านั้นนะคะ”
จักร อมตฤทธายิ้มพอใจที่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพัง
แสงกล้าออกมาข้างนอกหน้าห้องแต่งตัว เพชรแท้หันมาเล่นงานทันที
“เป็นตำรวจใหม่ก็หัดเอาใจผู้ใหญ่ไว้แล้วจะได้สบาย อย่าทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง"
เพชรแท้เดินออกไปทางด้านห้องเดินแบบ แสงกล้าแปลกใจและสงสัยว่าจักรมีเรื่องคุยอะไรกับแพรไพลิน
กุ๊บกิ๊บจะเดินกลับไปหาแสงกล้า
“คุณกุ๊บกิ๊บเด็ดดอกไม้ได้กี่ดอกครับ” ดาบแหบถาม
“สองดอก ว้าย...จ่าอย่ามาทะลึ่งนะ”
“วันหน้าเก็บมาฝากผมบ้างนะครับ ผมชอบ...” จ่าหวานบอก
“แต่ขอโทษนะคะกุ๊บกิ๊บไม่ชอบคนมีอายุ กุ๊บกิ๊บชอบสัญญาบัตรติดดาวเท่านั้น”
แล้วมีเงาดำวิ่งผ่านทุกคนไป...เงาดำพุ่งเข้าชนกุ๊บกิ๊บ กุ๊บกิ๊บร้องลั่น
“ว้าย”
แสงกล้าได้ยินเสียงร้องของกุ๊บกิ๊บก็รีบวิ่งออกไป
ปรากฎเงาดำเป็นร่างคนที่กำแพง แล้วเงาดำก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านประตูเข้าไปด้านใน
ภายในห้องแต่งตัว แพรไพลินกำลังแต่งหน้าเพิ่มเติมที่กระจก
“มีเรื่องอะไรจะคุยคะ”
จักรหยิบเพชรปลอมขึ้นมาส่งให้แพรไพลิน
แพรไพลินเห็นจักรถือเพชรในกระจกก็แปลกใจก็หันกลับมาถาม
“เพชรอะไร”
“พี่อยากให้น้องแพรเอาเพชรเม็ดนี้ เปลี่ยนกับเพชรที่มงกุฏ”
แพรไพลินอึ้ง โดยไม่รู้ว่า เงาดำปรากฎอยู่ด้านหลังเธอได้กลายร่างเป็นขมังเวทย์ยืนอยู่ด้านหลัง
แพรไพลินตกใจกับคำพูดของจักร
“จะให้เปลี่ยนเพชร”
“ใช่ มันไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่...”
แพรไพลินจะปฎิเสธ แล้วก็เหมือนถูกมนต์สะกด เธอหยุดกึก...ทันที
แสงกล้าวิ่งเข้ามาหากุ๊บกิ๊บในมุมหนึ่งของทางเดินในอาคาร
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ไม่รู้สิคะ จู่ ๆ ก็มีเงาดำพุ่งมาชนกุ๊บกิ๊บ”
“เงาดำ”
แสงกล้านึกถึงเหตุการณ์ที่เผชิญหน้ากับขมังเวทย์ที่มีเงาดำพุ่งเข้าใส่
“กุ๊บกิ๊บตกใจ กุ๊บกิ๊บเสียขวัญ..โอย จะเป็นลม”
กุ๊บกิ๊บทรุดตัวหวังให้แสงกล้ารับตัวไว้ แต่แสงกล้ากลับรีบวิ่งกลับไปที่ห้องแต่งตัว
กุ๊บกิ๊บทรุดลงกับพื้นร้อง “โอ๊ย...”
จักร อมตฤทธาถือเพชรเข้ามาหาแพรไพลิน
“ว่าไง น้องแพรช่วยพี่ได้ไหม”
“ทำแบบนี้ได้ยังไง มันเท่ากับเป็นการขโมยเพชรมูลค่ามหาศาล ที่ขอให้มาเดินแบบให้ ก็เพื่อทำสิ่งนี้ใช่มั้ย"
ทั้งจักรและขมังเวทย์ต่างแปลกใจว่า ทำไมแพรปฏิเสธ!! ขมังเวทย์พยายามเพ่งจิต แพรไพลินชะงัก เหมือนถูกมนต์สะกด แต่แล้วเธอกลับโวยวายเหมือนเดิม
“ฉันไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของใคร ฉันไม่เดินแบบแล้ว”
ขมังเวทย์เพ่งมองก็รับรู้ว่า แพรไพลินมีเบี้ยแก้ !
เบี้ยแก้ในมือของแพรไพลิน ปรากฏแสงเรืองรองขึ้นมาโดยแพรไพลินไม่รู้ตัว
“รีบทำอะไรสักอย่างสิ” จักรพูดขึ้น
แพรไพลินแปลกใจว่าจักรพูดกับใคร
“คุณพูดกับใคร”
แพรไพลินหันหลังไปทันที แต่ไม่เจอใคร เพราะขมังเวทย์ใช้มนตร์พรางตัวไว้ เสียงขมังเวทย์กระซิบที่ข้างหูจักร
“เอาของในมือมันออกมา !”
จักรเดินเข้าไปหาแพรไพลิน แล้วจะเอาเบี้ยแก้ในมือ แพรไพลินตกใจถาม
“จะทำอะไร”
“เอาของในมือมาให้พี่”
“เป็นบ้าอะไรไปแล้ว ปล่อยนะ ออกไปได้แล้ว”
จักรจะเข้ามาแย่งเบี้ยแก้ในมือ แต่แสงกล้าเปิดประตูเข้ามาแล้วกระชากตัวจักรออกไป
เงาดำของขมังเวทย์หายไปในทันที
“ท่านจะทำอะไร”
“ฉันกำลังคุยกับคู่หมั้นของฉัน แกไม่เกี่ยว ออกไป”
แสงกล้าอึ้งเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่า แพรไพลินเป็นคู่หมั้นกับจักร
“คุณนั่นล่ะออกไป”
ครามถือกล่องใส่มงกุฏเข้ามาในห้อง พร้อมกับทีมงาน
“มงกุฏมาแล้วครับ”
“ถึงเวลาคุณหมอแพรไพลินต้องเดินแบบแล้วค่ะ” ทีมงานบอก
ครามและทีมงานแปลกใจที่เห็นจักรและแสงกล้าอยู่ในห้อง จักรรีบเก็บอาการ
“ถึงเวลาเดินแบบแล้ว พี่ไปรอดูน้องแพรที่เวทีนะ”
จักร อมตฤทธาผิดหวังที่ทำอะไรไม่ได้ เดินหัวเสียออกไปจากห้อง แสงกล้าเป็นห่วงแพรไพลินจึงถาม
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
แพรไพลินพยายามตั้งสติแล้วบอก
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
“ขอเชิญเจ้าหน้าที่รอด้านนอกค่ะ” เจ้าหน้าที่บอก
พ.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยและครามเดินออกไป เหลือเพียงแพรไพลินและทีมงานอยู่ในห้องแต่งตัวเท่านั้น
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 4
ครามเดินออกมาพร้อมแสงกล้า หันไปถามด้วยสีหน้าสงสัย
“มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไร ผมแค่สงสัยว่า คุณจักรมีเรื่องอะไรกับหมอแพรไพลิน”
“สองคนนั่นเป็นคู่หมั้นกัน อย่าไปสนใจเลย คงเป็นเรื่องส่วนตัว เออ..แล้วสมิงล่ะ”
“ปล่อยไปตามทางคนบ้าเถอะผู้กอง ยิ่งทำงานยิ่งเพี้ยนมากขึ้นทุกที ผมไม่ไหวแล้ว ขอลุยเดี่ยวดีกว่า” แสงกล้าบอก
“เหลือเวลาอีกห้านาทีงานจะเริ่ม หมวดกับทีมไปประจำตำแหน่งในงานได้แล้ว ทางนี้ผมจะคุมทีมนางแบบเอง"
“ครับ”
แสงกล้าเดินไป ดาบแหบและจ่าหวานตามแสงกล้าเข้าไปในงาน
มุมหนึ่งของอาคาร จักร อมตฤทธาโวยวายใส่ขมังเวทย์
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้หญิงคนนั้นมีของป้องกัน”
“เท่ากับว่าเราต้องพลาดเพชรยอดสังข์นั่น”
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ขมังเวทย์บอก
“จะให้ฉันไปนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนได้ไง เพชรยอดสังข์กำลังจะหลุดจากมือ”
“เข้าไปในงาน”
ขมังเวทย์ส่งเสียงเข้มแฝงด้วยอำนาจมากจนจักรรู้สึกเกรงกลัว จึงรีบเดินไปยังบริเวณจัดงาน
ขมังเวทย์คิดจะทำอะไรบางอย่าง
ภายในห้องประชุมใหญ่เพดานสูงมาก ในเวลากลางคืน ผู้คนทยอยเข้าไปนั่งประจำที่
เพชรแท้เดินเข้ามายิ้มรับกล้องบอก
“มาเชียร์ลูกสาวค่ะ คุณหมอแพรไพลินเดินแบบชุดฟินาเล่”
น้ำใสกระซิบสั่งให้ช่างกล้องจับภาพทุกคนในงานไว้ให้ครบ
“เก็บภาพไฮโซ ไฮซ้อให้ครบจะเอาไปทำข่าวกอสซิปด้วย”
ช่างกล้องตามจับภาพ น้ำใสเห็นแสงกล้าเดินมาก็เข้ามาทักทาย
“ยิ้มหน่อยสิคะหมวดคนเก่ง”
แสงกล้าไม่สนใจ เดินดูบรรยากาศโดยรวม
“ฉันเสียภาษีให้รัฐ รัฐเอาเงินไปจ่ายนาย นายก็ต้องมาคุ้มกันดูแลฉันบ้างสิ”
แสงกล้าหันไปพูดกับช่างภาพ
“ช่วยเก็บภาพไว้ให้ครบทุกมุมเลยนะ”
“อะไรกัน ไม่ดูแลแล้วยังมาใช้งานอีก ถ้าเป็นคนอื่นไม่ทำให้หรอก นี่เห็นว่ารักกัน”
แสงกล้ามองหน้า น้ำใสรีบต่อประโยค
“เป็นเพื่อนกันไม่งั้นไม่ช่วยหรอก เออ.. ถุงนั่นอยู่ไหน ชักอยากได้แล้วล่ะ เผื่อเป็นสร้อยทองหรือแหวนเพชร"
“อยากได้เหรอ เปลือกหอย!”
“เปลือกหอย เอามาทำอะไร”
“ถ้าอยากรู้ก็ไปถามไอ้คนบ้าสมิงเองสิ”
แสงกล้ายิ่งพูดถึงสมิงยิ่งโมโห เดินออกไปตรวจบริเวณงาน
ภายในห้องแต่งตัว ทีมงานสวมมงกุฏให้แพรไพลินเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญสแตนบายได้เลย”
ทีมงานเดินนำแพรไพลินออกไปจากห้อง เบี้ยแก้ถูกวางอยู่บนโต๊ะ เงาดำวูบพัดเข้ามาในห้อง กวาดเอาเบี้ยแก้ไปกระแทกกระจกแต่งหน้าจนเป็นรอยแตกร้าว เบี้ยแก้ตกพื้น
ร่างขมังเวทย์ปรากฎกายเดินเข้ามาเหยียบเบี้ยแก้แล้วยิ้มมองกระจกอย่างพอใจ
ไฟในห้องประชุมหรี่ลง เสียงเพลงเดินแบบดังขึ้น นายแบบและนางแบบต่างออกมาเดินแบบเครื่องเพชรด้วยท่วงท่าสง่างาม
น้ำใสคุมช่างกล้องถ่ายภาพในงาน
เพชรแท้และจักรนั่งติดกัน ทั้งคู่มองการเดินแบบอยู่ เพชรแท้ตื่นเต้นได้ชมเครื่องเพชรสวย
จักรคิดกังวลเรื่องขโมยเพชรยอดสังข์
แสงกล้ายืนมองจักร แล้วก็มองสถานการณ์โดยรอบเพื่อป้องกันเหตุร้าย
พนักงานทำความสะอาดเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อเก็บกวาด เห็นกระจกแต่งหน้าร้าว...เห็นเบี้ยแก้ตกอยู่ที่พื้น ทันใดนั้นกระจกที่ร้าวนั้นก็แตกละเอียดร่วงลงมา จ่าสมิงที่ปลอมตัวเป็นพนักงานทำความสะอาดถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ
บริเวณห้องเดินแบบ นายแบบและนางแบบเดินโชว์เพชรแล้วเดินกลับเข้าไป ครามเดินเข้ามาหาแสงกล้าแล้วบอก
“จับตาไว้ให้ดีนะ”
“ผมไม่ยอมให้ใครมาขโมยเพชรได้แน่นอน”
ครามยิ้มล้อบอก
“ฉันหมายถึงจับตานางแบบต่างหาก รับรองว่างามไม่มีที่ติ”
เสียงดนตรีเปลี่ยนทำนอง ไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง...
แพรไพลินแต่งชุดสวยสวมมงกุฏเพชรมิสเวิลด์แปซิฟิกเดินออกมาอย่างสง่างาม แสงกล้ายืนมองตกตะลึงในความงามของแพรไพลินอย่างไม่กระพริบตา ครามเห็นอาการของเพื่อนตำรวจแล้วก็แอบอมยิ้ม
“รักคนมีเจ้าของ มันเจ็บนะหมวด”
“ผมอึ้งของแปลกต่างหาก ไม่คิดว่าหมอโรคจิตจะกลายร่างเป็นนางแบบได้”
แสงกล้ากลบเกลื่อนแล้วมองแพรไพลินเดินแบบด้วยท่วงท่าสวยและสง่างามดุจนางแบบมีชื่อ
ทันใดนั้น เสียงเพลงเริ่มติดขัด ตะกุกตะกัก ทุกคนในงานเริ่มแปลกใจ ตามด้วยไฟก็กระพริบติด ๆ ดับ ๆ แสงกล้าและครามมองหน้ากัน ด้วยสัญชาติญาณ ทั้งสองคนกระชากปืนออกมาเตรียมพร้อม
ไฟที่เวทีช็อตแล้วดับลง
“ช่วยด้วย” เสียงแพรไพลินดังขึ้นกลางเวที
แสงกล้าตะโกนสั่งการ
“ส่องไฟฟอลโล่”
ทีมงานส่องไฟฟอลโล่ไปกลางเวที ทุกคนตกตะลึง ขมังเวทย์ในชุดดำยืนคุมแพรไพลินที่กลางเวที
ทุกคนตกใจกลัว ส่งเสียงร้องฮือฮากันยกใหญ่ จักร อมตฤทธายิ้มอย่างพอใจ และหาจังหวะเดินหนีออกไป เพื่อให้ขมังเวทย์จัดการแย่งชิงเพชรยอดสังข์บนมงกุฏเพชรมิสเวิลด์แปซิฟิก
น้ำใสสั่งช่างกล้อง
“จับภาพกลางเวที”
ทีมงานช่างรีบหันกล้องมาจับภาพ...
ครามตะโกนสั่งขมังเวทย์
“ปล่อยตัวคุณแพรไพลินเดี๋ยวนี้”
ขมังเวทย์ผลักแพรไพลินล้มกลางเวที ริมฝีปากขมุบขมิบร่ายมนตรา
ฉับพลันบังเกิดเงาดำวูบผ่านทุกคนในห้อง ทำให้แต่ละคนหยุดนิ่งค้างไว้ด้วยมนตร์สะกด ยกเว้นแสงกล้าเพียงคนเดียวที่ยังเคลื่อนไหวได้ เขามองไปยังบรรยากาศรอบ ๆ ตัว
“วันนี้ฉันไม่ปล่อยให้แกรอดไปได้แน่”
แสงกล้ายิงปืนรัวใส่ขมังเวทย์แบบไม่ยั้ง เปรี้ยง ๆ ๆ แต่ขมังเวทย์สะบัดผ้าคลุม ทำให้กระสุนพุ่งไปโดนกำแพงห้องทั้งหมด แสงกล้าตกใจที่ทำอะไรไม่ได้ หันไปหาครามที่ยืนนิ่ง แสงกล้าเข้าไปคว้าตัวคราม
“ผู้กอง”
ฉับพลัน พลังในตัวแสงกล้าก็ส่งผ่าน ทำให้ครามกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
“ผมเป็นอะไร”
ขมังเวทย์แปลกใจที่พลังในตัวแสงกล้าทำลายเวทมนต์ได้!!
ครามและแสงกล้าถือปืนเคลื่อนที่เร็วไปล้อมขมังเวทย์ไว้ ทั้งคู่เหยียดปืนเล็งตรงไปยังขมังเวทย์
ยิงไม่ยั้งนับสิบนัด กระสุนพุ่งหายเข้าไปในตัวขมังเวทย์ที่ยืนนิ่ง และหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ฮึ ๆ ๆ”
ขมังเวทย์ค่อย ๆ เหยียดแขนทั้งสองข้างออกข้างลำตัว พร้อม ๆ กับหงายฝ่ามือทั้งสอง กระสุนที่ฝังในร่างกายปรากฎขึ้นที่มือทั้งสองข้าง!
ขมังเวทย์ซัดกระสุนปืน 4 – 5 นัดในมือซัดใส่แสงกล้า เปรี้ยง ๆ ๆ
แสงกล้ากระโดดหลบ ครามเป็นห่วงแสงกล้าจะวิ่งเข้าไปช่วย
“แสงกล้า…”
ขมังเวทย์ใช้กระสุนอีก 4-5 นัดในมือซัดใส่คราม เปรี้ยง ๆ ๆ ครามโดนกระสุนเข้าใส่เต็มร่าง จนร่างครามสะบัดไปมา หยุดนิ่ง แล้วทรุดตัวลง
“ผู้กอง...”
แสงกล้าฮึกเหิมลุกขึ้นถือปืนประจันหน้าอีกครั้ง
“ระดับแกอย่าสู้กับฉันเลย สู้กับคนของฉันดีกว่า ฮึ ๆ ๆ ๆ”
ขมังเวทย์เพ่งไปยังแพรไพลินที่ทรุดตัวอยู่ ลูกสกดที่ฝังอยู่บริเวณท้ายทอยแพรไพลินเริ่มทำงาน เธอลุกขึ้นยืน แววตาเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าว ยืนตาขวางมองแสงกล้า แสงกล้าบอก
“หนีออกมา”
ขมังเวทย์โยนปืนสองกระบอกส่งให้ แพรไพลินรับปืนด้วยมือซ้ายและขวา
“ฆ่ามันซะ !” ขมังเวทย์สั่ง
“อย่าไปฟังมัน ทิ้งปืน”
แพรไพลินยิงปืนสองมือใส่ แสงกล้าวิ่งหลบกระสุน และกระโดดเข้าไปหลบที่มุม ๆ หนึ่ง
“ออกมายิงต่อสู้สิ ออกมาเลย”
ขมังเวทย์หัวเราะชอบใจที่แสงกล้าไม่กล้ายิง แพรไพลินเหยียดปืนทั้งสอง หาจังหวะยิงแสงกล้า แต่แสงกล้าหลบไม่ออกมา...
“ถ้าแกไม่ออกมา ผู้หญิงคนนี้ต้องรับเคราะห์แทน !”
ขมังเวทย์กระชากมีดยาวออกมาถือไว้ ก่อนเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้แพรไพลินมากขึ้นเรื่อย ๆ ขมังเวทย์เงื้อมีดในมือสุดแขน เหมือนจะจ้วงแทงเข้าใส่แพรไพลินที่ไม่ได้สติอยู่นั้น แสงกล้าตกใจ รีบลุกขึ้นมาห้าม
“อย่านะ อย่าทำอะไรเธอ ปล่อยตัวคุณหมอซะ”
“ฮึ ๆ ผู้ชายมีจุดอ่อนที่น่ากลัวที่สุดคือ ผู้หญิง ...ฆ่ามัน !” ขมังเวทย์พูดแล้วหันไปสั่งแพรไพลิน
แพรไพลินหันเล็งปืนใส่แสงกล้าทันที เปรี้ยง !
วิถีลูกกระสุนกำลังจะพุ่งมาใส่แสงกล้า แล้วจู่ ๆ ก็มีถังโกยขยะมาขวางทิศทางกระสุน !ไว้ได้ทันท่วงที แสงกล้าแปลกใจ...หันไปเห็นพนักงานทำความสะอาดที่ถอดหมวกออก..เผยให้เห็น “จ่าสมิง”
“สมิง”
“ผมเตือนหมวดแล้วให้อาบแสงจันทร์ก่อนแล้วจะโชคดีมีชัย”
“ช่วยคุณหมอด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ผมเป็นพระเอกไม่ปล่อยให้แฟนพระรองเจ็บแม้แต่ปลายนิ้วก้อย”
“เลิกพูดเล่นซะทีได้มั้ย”
“ไม่ได้ มันเป็นสันดาน ! เหมือนกับไอ้พญามารตัวนี้ สันดานชั่วคงแก้ไม่หายนอกจากฆ่าให้ตาย !”
ขมังเวทย์ไม่พอใจ หันไปสะกดให้แพรไพลินยิงปืนใส่สมิง
“เมื่อหัวค่ำฝากของขวัญมาเม็ดเดียวมันน้อยไป คราวนี้เอาไปซักกำมือ”
สมิงล้วงหยิบเบี้ยแก้อีกหนึ่งกำมือจากถุงผ้าที่ผูกอยู่ข้างตัว โยนเข้าใส่ร่างแพรไพลิน
“อาการน่าจะดีขึ้นนะหมอ !” สมิงว่า
เบี้ยแก้นับสิบลอยเข้าใส่ร่างแพรไพลิน แสงสว่างจ้าเกิดขึ้นโดยรอบตัวแพรไพลิน พลังการบังคับของขมังเวทย์ลดลงไปทันที แพรไพลินคืนสติและมีท่าทางอ่อนแรงลง
“ขอยืมปืนหน่อยนะหมอ”
จ่าสมิงเพ่งจิตเต็มที่ แพรไพลินหันไปยิงปืนรัวใส่ขมังเวทย์ไม่ยั้งเปรี้ยง ๆ ๆ ขมังเวทย์ถูกกระสุนอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่เป็นอะไร กระสุนทำอะไรเขาไม่ได้
“ฮึ ๆ ๆ กระสุนกระจอกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
จ่าสมิงหันขวับไปที่ข้างตัวดันโต๊ะขนาดใหญ่ข้างแคทวอร์ค กระแทกเข้าใส่ร่างขมังเวทย์
สมิงร้องลั่นเรียกพลัง “อ๊าก”
โต๊ะขนาดใหญ่พุ่งตามแรงดันของสมิง ลำตัวขมังเวทย์กระแทกเข้ากับลำโพงขนาดใหญ่ข้างเวทีเต็มแรง
บังเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่ลำโพง ช็อตร่างขมังเวทย์พรึ่บ ! ขมังเวทย์ทรุดตัวนิ่ง
แพรไพลินหลุดจากการควบคุมของขมังเวทย์ เธอล้มลง ทุกคนในงานต่างรู้สึกตัวแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แสงกล้ารีบวิ่งไปช่วยแพรไพลิน “คุณ”
แสงกล้านึกเป็นห่วงคราม รีบออกคำสั่ง
“ดาบแหบและจ่าหวานรีบพาผู้กองครามไปโรงพยาบาล”
ดาบแหบและจ่าหวานวิ่งไปพาร่างครามออกไป
ทุกคนภายในงานตกใจรีบวิ่งหนีไปเพราะเห็นว่ามีการต่อสู้ เพชรแท้เห็นแพรไพลินก็เข้าไปหา
“แพร...ลูกเป็นอะไร”
“รีบพาคุณแพรออกไปก่อนครับ คุ้มกันคุณแพรและดูแลมงกุฏเพชร” แสงกล้าสั่ง
เพชรแท้และกุ๊บกิ๊บวิ่งเข้ามาช่วยประคองแพรไพลินออกไป ตำรวจเข้ามาคุ้มกัน
น้ำใสหันไปสั่งช่างกล้อง
“เก็บภาพไว้ทุกมุม”
“ออกไปจากที่นี่ให้หมด!” แสงกล้าบอก
น้ำใสตกใจรีบพาทีมงานออกไป ทุกคนออกไปจากห้องจนหมด
แสงกล้าเดินเข้ามาหาขมังเวทย์ที่ฟุบอยู่ข้างลำโพง พลางหันไปบอกจ่าสมิง
“มันคือคนที่บุกเข้าไปขโมยตรีศูลวัชระและกำลังจะโจรกรรมเพชรยอดสังข์”
“มันต้องการเทวาศาสตราวุธ !”
ทันใดนั้นร่างขมังเวทย์ก็ลุกขึ้นแล้วลอยเหนือพื้น ท่าทางน่ากลัวมากแสงกล้าตกใจผงะถอยออกห่าง ขณะที่จ่าสมิงยืนนิ่งเหมือนกำลังเตรียมพร้อมต่อสู้
“ไม่ได้เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อมานานแล้ว อย่างนี้สิถึงจะสมศักดิ์ศรี”
ขมังเวทย์จ้องเขม็งเข้าใส่จ่าสมิง สมิงยืนเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว!!
สมิงกับขมังเวทย์กระชากปืนออกมาพร้อม ๆ กัน สั่นกระสุนพร้อมกัน เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
กระสุนทั้งสองนัดพุ่งตรงมาชนกันตรงกลางแล้วก็ระเบิด...ปัง !
“ฉันไม่มีวันให้แกเอาเทวาศาตราวุธไปทำร้ายใคร” จ่าสมิงบอก
“แต่น่าเสียดาย ที่แกคงต้องตายในวันนี้ !” ขมังเวทย์ว่า
ขมังเวทย์ใช้พลังกระชากเก้าอี้ในห้องซึ่งอยู่ด้านหลังจ่าสมิง ลอยไปกระแทกร่างสมิงที่ไม่ทันตั้งตัว..โครม ! สมิงทรุดลง... แสงกล้าตกใจ
“สมิง”
ขมังเวทย์ลอยไปยืนมองร่างสมิงที่นอนนิ่ง....
“ความประมาทเป็นหนทางสู่หายนะ”
จู่ ๆ สมิงที่แน่นิ่งไปก็ลืมตาขึ้น
“แต่ความมั่นใจเกินไป...เป็นหนทางสู่นรก !”
สมิงยิงปืนใส่ขมังเวทย์ เปรี้ยง ๆ ๆ
หัวกระสุนชนิดพิเศษลงอาคม ที่บริเวณหัวปรากฏอักขระขอมพุ่งเข้าใส่ร่างขมังเวทย์แบบเต็มๆจนล้มลงแทบพื้น เลือดไหลออกมาจากร่างหมดทางต่อสู้
ขมังเวทย์พึมพำเบาๆ
“กระสุนอาคม”
แสงกล้าดีใจ แล้วรีบวิ่งไปรื้อเอาเก้าอี้ออกจากร่างสมิง
“สมิง.. เป็นยังไงบ้าง”
“ฮึ ๆ ลองมาโดนโต๊ะล้มทับบ้างมั้ยล่ะหมวด เบ๊าเบา...”
แสงกล้าส่ายหัวระอาในความยียวนของจ่าสมิง
สมิงพยุงตัวเองลุกขึ้นบอก
“วันนี้วันพระ...พระเอกไม่ตายหรอกครับ ไป...ไปช่วยเก็บศพคนชั่วส่งนรกดีกว่า”
สมิงและแสงกล้าจะเดินไปที่ร่างขมังเวทย์ แต่ร่างนั้นได้หายไปแล้ว!
“แยกย้ายกันตามหา มันหนีไปได้ไม่ไกลหรอก”
“ไม่ไกล แต่ยังไงก็หาตัวไม่พบ”
สมิงมั่นใจว่าขมังเวทย์หนีหายไปแล้ว
แสงกล้าเดินออกมาที่ล็อบบี้โรงแรม แพรไพลินรออยู่เป็นห่วง
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผมปลอดภัยดี แต่ผู้กองครามได้รับบาดเจ็บหนัก”
“ฉันขอบคุณคุณมากนะที่ช่วยฉัน”
“ขอบคุณผิดคนแล้วล่ะครับ” จ่าสมิงบอก
“สมิงเป็นคนช่วยคุณและทุกคนไว้”
“ขอบคุณมากนะคะจ่า”
“ไปขอบคุณทำไม พวกคุณต่างหากที่ต้องโดนตำหนิ...ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้น ชีวิตประชาชนต้องตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะพวกคุณทำงานไร้ประสิทธิภาพ" เพชรแท้ว่า
“คุณแม่คะ”
“รึฉันพูดไม่จริง ไป..กลับได้แล้ว”
เพชรแท้พาแพรไพลินออกไป เธอหันมาขอบคุณแสงกล้าอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะ”
แสงกล้ายิ้มรับมองตามแพรไพลินที่เดินออกไป สมิงสะกิดแสงกล้า
“หายเหนื่อย หายเป็นปลิดทิ้ง สาวขอบคุณคำเดียว.. สดชื่น !”
แสงกล้าแกล้งกลบเกลื่อนพูดเรื่องอื่นทันที
“จ่ามาทำไม ไหนบอกว่าต้องอาบแสงจันทร์”
“อาบนานเดี๋ยวตัวเปื่อย แล้วอีกอย่าง...ผมปล่อยให้หมวดตายไม่ได้ ไม่งั้นผมจะกลายเป็นคนกินนาย !”
จ่าสมิงเดินออกไป พร้อมกับพูดเพ้อไปเรื่อย
“โอ้แสงจันทรามหาเวทย์ สุดวิเศษเลิศล้ำฉ่ำใจฉัน”
แสงกล้ามองสมิงแล้วอดขำไม่ได้ แต่ก็อดขอบคุณไม่ได้ ที่สมิงช่วยชีวิต ตะโกนออกไป
“ขอบคุณมากนะจ่า”
สมิงได้ยินก็ยิ้มออกมาแต่ทำฟอร์มไม่ได้ยิน ร่ายกลอนเดินออกไปทาง
“อยากจะอาบแสงจันทร์ทุกคืนวัน....แสนสุขสันต์หัวใจไร้โรคา”
แสงกล้าเดินออกมา เห็นน้ำใสนั่งร้องน้ำตาคลอ เขาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
“ยังไม่หายตกใจอีกเหรอ” แสงกล้าถาม
น้ำใสส่ายหัวบอก
“ไม่ได้ตกใจ”
น้ำใสพูดพลางเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลเอ่อมาอาบแก้ม
“กลัวตายล่ะสิ”
“ถ้ากลัวตายไม่มาเป็นนักข่าวหรอก”
“แล้วร้องไห้ทำไม”
“เทปที่ถ่ายทั้งหมดใช้ไม่ได้”
น้ำใสเปิดเทปให้ดู … พบว่า มีแค่คลื่น...ไม่มีภาพ!!
“อ้าว...ฉันตั้งใจจะขอเทปไปเกาะรอยจับโจร เธอก็ทำหลักฐานพังหมด”
“อย่ามาว่าฉันสิ ฉันก็เซ็งนะ นักข่าวที่ไม่มีข่าวก็เท่ากับร่างที่ไร้วิญญาณ”
“งั้นล่องลอยเฝ้าโรงแรมไปก็แล้วกัน”
แสงกล้าลุกเดินหนีจะออกไป
“เฮ้ย ไม่ปลอบใจฉันหน่อยเหรอ ฉันเสียใจนะ”
แสงกล้าทนตื๊อไม่ไหวเข้าไปสวมกอดน้ำใส
แพรไพลินนั่งอยู่ในรถกับเพชรแท้ หันมาเห็นภาพแสงกล้ากอดน้ำใสก็ชะงักนิดหนึ่ง
เพชรแท้หันไปมองอย่างแปลกใจที่แพรไพลินมองแสงกล้า เพชรแท้รีบสะกิดให้คนขับ ขับรถออกไปทันที
น้ำใสรู้สึกดีที่ได้กอดแสงกล้าจึงกอดไว้แน่น แสงกล้ารีบดันตัวออกแล้วโวยเล็กๆ
“พอ ๆ ๆ พอ.. เยอะไปแล้ว ฉันกลับล่ะ”
แสงกล้าเดินออกไป น้ำใสยิ้มดีใจที่ได้กอดแสงกล้า
ท้องฟ้าที่ใสกลับกลายเป็นเมฆดำทะมึนลอยผ่านอย่างรวดเร็ว
ขมังเวทย์นอนหลับตาจมกองเลือดอยู่ที่ในแคปซูลที่มีแสงไฟพราวเต็มไปหมด เลือดที่ไหลออกมาค่อย ๆ ไหลย้อนกลับไปแต่แล้วก็ทะลักออกมาอีก !
ขมังเวทย์ลืมตาโพลง ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง รู้ดีว่าคนที่ต่อสู้ด้วยไม่ใช่คนธรรมดา!!
สมิงนั่งนิ่ง....คิดทบทวนเหตุการณ์ที่ต่อสู้กับขมังเวทย์ … เช่นเดียวกับขมังเวทย์ที่นั่งคิดถึงทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา...
ตอนขมังเวทย์และสมิงยิงปืนใส่กันและกระสุนระเบิดกลางอากาศนั้น เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในอดีตมาแล้วครั้งหนึ่ง ขมังเวทย์แปลกใจและพึมพำเรียกชื่อใครบางคนกับตัวเอง
“มงคล!”
ในอดีต … บริเวณริมผา มงคลยืนประจันหน้ากับวิญญู สายตาทั้งคู่ต่างไม่เกรงกลัวกันเลยแม้แต่น้อย
“ถึงเราไม่ได้เป็นพี่น้องกันโดยสายเลือด แต่ฉันรักและนับถือพี่เหมือนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ทำไมเราต้องมาเข่นฆ่ากันด้วย" มงคลถาม
“บนโลกใบนี้ มหาคุณไสยฯ ต้องมีอยู่เพียงแค่หนึ่ง !” วิญญูบอก
วิญญูลอยตัวกลางอากาศ มงคลยืนจ้องประจันหน้า (เหมือนช็อตในห้องประชุมเดินแบบ)
“พี่กำลังปล่อยให้กิเลสครอบงำจิตใจ แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรจีรัง ทุกอย่างมีเกิด ต้องมีดับ มันเป็นสัจธรรมของโลก!”
วิญญูไม่ฟัง ทั้งสองดูเชิงกันก่อนกระชากปืนยิงใส่กัน ครั้งนั้นแหละที่กระสุนของทั้งสองฝ่ายชนและระเบิดตรงกลาง...ปัง !
ทั้งสองต่างยิงปืนรัวใส่กันอีกครั้งจนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ครั้งนั้น มงคลโดนวิญญูเล่นงานจนกระอักเลือดล้มคว่ำไปเพราะสู้ไสย์เวทย์ดำไม่ได้
“อย่าทำชั่วทำเลวอีกเลยกลับมาเป็นคนเดิมเถอะ !”
วิญญูไม่ฟังซัดใส่มงคลอีกครั้งจนใกล้หมดสติ วิญญูจ้องมงคลตาเขม็งแล้วเดินจากไป ก่อนภาพทั้งหมดจะดับวูบ
สมิงระลึกเหตุการณ์ในอดีตก็สะดุ้งตกใจ
“พญามารไสยศาสตร์ดำ มันกลับมาแล้ว1”
ขมังเวทย์ลืมตาสะดุ้ง
“มงคล.. เป็นไปได้ไงก็มันตายไปแล้ว”
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล เวลากลางคืน
ครามที่นอนนิ่ง หมอกำลังผ่าตัด พยาบาลซับเหงื่อที่หน้าหมอ เครื่องช่วยหายใจดังขึ้นลง กราฟชีพจรต่ำลง
หมอเอากระสุนเม็ดแรกออกมาวางบนถาด กราฟชีพจรครามดีขึ้น
หมอกำลังคีบอีกเม็ดออก เสียงกราฟชีพจรตกลงทันที!!
ทอรุ้งสีหน้าตื่นตระหนกวิ่งอย่างเร็วเข้ามายังบริเวณทางเดินในโรงพยาบาล เมื่อพยาบาลก็ตรงเข้าไปคว้าตัวถามทันที
“ผู้กองครามละคะ ผู้กองครามเป็นยังไงบ้าง”
พยาบาลคนนั้นทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง ทอรุ้งรีบผละไปถามพยาบาลอีกคนทันที
“พยาบาลคะ ผู้กองครามอยู่ที่ไหน”
พยาบาลงงอีกเช่นเคย หัวหน้าพยาบาลเดินเข้ามา
“คุณคะใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งเอะอะรบกวนคนไข้คนอื่น”
ทอรุ้งฟิวส์ขาด เสียงดังขึ้น
“ฉันรู้ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล แต่คนรักของฉันโดนยิงอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน จะให้ฉันใจเย็น รอคุณทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง ถามอะไรก็ไม่รู้ อย่างนี้เหรอคะ”
เหล่าพยาบาลหน้าเสียไปตามๆกัน
“ผู้กองครามอยู่ที่ไหน”
ในห้องผ่าตัด ครามนอน กราฟชีพจรเริ่มตกลงอย่างเร็ว
ทอรุ้งหันไปถามพยาบาล
“ผู้กองครามอยู่ไหน”
มือหนึ่งมาจับที่ไหล่ ทอรุ้งสะบัดบอก
“ไม่ต้องมาห้าม”
ทอรุ้งหันกลับไปก็ชะงัก
“ผบ.นภา”
ทอรุ้งเห็นดร. เมฆา ฐานรัฐก้าวมายืนข้างนภา
“ท่านนายกฯ”
“เราได้ข่าวคราม” นภาบอก
“ไม่ต้องกังวลทอรุ้ง หมอที่เก่งที่สุดกำลังช่วยชีวิตครามอยู่”
ทอรุ้งมองนภากับเมฆาด้วยความเชื่อมั่น จนสีหน้าผ่อนคลายความเครียดลงไปได้
ในห้องผ่าตัด ครามนอนนิ่ง เครื่องช่วยหายใจยุบขึ้นยุบลงแผ่วๆ กราฟชีพจรครามต่ำลงเรื่อยๆ
หมอเร่งมือพยาบาลซับเหงื่อที่เต็มหน้า กระสุนวางลงในถาดอีก 3 เม็ด
ทอรุ้งนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด นภานั่งอยู่เคียงข้าง ดร. เมฆายืนห่างออกมามองทั้งคู่ คมศรเดินเข้ามารายงานเมฆา
“ผบ.รวิ กำลังเดินทางมา ตามคำสั่งของดอกเตอร์ครับ”
ดร. เมฆาพยักหน้ารับรู้ รอบ ๆ ชั้นมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเดินตรวจตราอยู่
นภากุมมือทอรุ้งไว้เพื่อให้กำลังใจ
“ครามต้องไม่ยอมพลาดงานสำคัญที่สุดในชีวิต”
ทอรุ้งน้ำตาเอ่อ เงยหน้ามองนภาด้วยแววตาหวาดหวั่น
“เค้ามาเชิญฉันกับท่านนายกฯให้ไปเป็นเจ้าภาพในงานแต่งงานของเค้า”
ทอรุ้งน้ำตาหยด นภาบีบมือให้กำลังใจ
“ขอแค่ครามไม่เป็นอะไร ฉันก็ดีใจที่สุดแล้วค่ะ”
เมฆาสบตานภาที่กุมมือให้กำลังใจทอรุ้ง
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เดินเร็วเข้ามา คมศรเดินเข้าไปเพื่อพามาหาเมฆา เมฆาถามรวิทันที
“ได้ความคืบหน้าอะไรบ้าง”
“เราสั่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยให้เร่งตามหาคนร้ายอยู่ค่ะ”
ดร. เมฆา ฐานรัฐหันมองรวิ ด้วยแววตาคมเฉียบขาด
“หมายความว่า ยังไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร ทำไมถึงกล้าลงมือกลางงานที่มีตำรวจเป็นร้อย แล้วตำรวจทั้งร้อย ก็ยังไม่รู้ว่าคนร้ายคนเดียวหนีไปไหนอย่างงั้นเหรอ!”
รวิเสียหน้า นภาเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ
“คนที่ลงมือขนาดนี้ได้ ต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้อย่างดีแล้วล่ะค่ะ”
รวิยิ่งเหมือนโดนนภาหักหน้า มองผ่านเมฆาไปที่นภาอย่างคุมอารมณ์เต็มที่
“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจการทำงานของเรา อดีต ผบ.นภาคงทราบดีว่า กว่าจะจับกุมและกระชากหน้ากากคนร้ายได้สักคน ตำรวจอย่างเราต้องทุ่มเทแค่ไหน"
นภาฟังแล้วรู้สึกเหมือนโดนรวิด่ากระทบเรื่องที่ในอดีตที่เมฆาเคยเป็นผู้ร้าย
“ใช่... ฉันเคยทำคดีที่ซับซ้อนที่สุด เพราะไม่รู้ว่าใต้ใบหน้าของคนดี ๆ จะซ่อนอีกหน้าที่เลวทรามเอาไว้"
นภาจ้องรวิ พูดด้วยเสียงอารมณ์ราบเรียบแต่มีอำนาจ
“แต่ฉันจะไม่เสียเวลากับการตีฝีปาก รอเล่าผลงานที่คาดว่า หรือ คิดว่าจะจับได้ เพราะทุกนาทีที่เสียไป หมายถึงโอกาสที่คนร้ายจะหนี และจะมีคนบริสุทธิ์ต้องตายเพิ่มขึ้น !”
ผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษตัวเกร็งเพราะ รู้สึกได้ว่า นภากำลังสอนมวยต่อหน้าคนทั้งหมด
รวิหันไปทางเมฆา
“ดิฉันขอตัวไปตามล่าคนร้ายก่อนค่ะ”
“รายงานความคืบหน้าทุกชั่วโมง บอกมาทางคมศร”
รวิหันไป คมศรยิ้มให้อย่างมีมารยาท
“ค่ะ ท่านนายกฯ”
รวิก้มหัวทำความเคารพเมฆา และพูดก่อนจะเดินออก
“ที่นี่จะมีคนของสำนักงานสืบเฝ้าไว้ทุกชั้น จนกว่าผู้กองครามจะพ้นขีดอันตราย”
“ไม่ใช่แค่ผู้กองครามพ้นขีดอันตราย ผมต้องการให้คุ้มกันผู้กองครามจนกว่าจะจับคนร้ายได้ !”
“ค่ะท่าน”
รวิรับคำแล้วรีบหลังออกไป นภานั่งลงข้างทอรุ้งเหมือนเดิม
ในห้องผ่าตัด กราฟชีพจรครามตกลงอีก หมอมองหน้ากัน หมอคนหนึ่งก้มลงผ่าตัดต่อไป หมอใช้ปากคีบที่ลึกเข้าไปในเนื้อ เสียงจังหวะเต้นของหัวใจแผ่วลง เส้นกราฟตกต่อเนื่อง
หมอกำลังจะคีบกระสุนเม็ดสุดท้ายออก เสียงจังหวะเต้นของหัวใจตกดังถี่ ครามนอนนิ่ง
หมอมองตากันแล้วส่ายหน้า
จังหวะเต้นของหัวใจตกดังยาว ครามที่นอนนิ่ง ไม่รู้สึกตัว
ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก ทอรุ้งลุกพรวดขึ้น นภาลุกตามเมฆา ทอรุ้งยืนฟังพยาบาลจากห้องผ่าตัด
ทอรุ้งเอามือปิดปากสีหน้าตกใจ ก่อนจะเข่าอ่อนทรุดร่างลง
นภาเข้ามารับทอรุ้งไว้ทัน เมฆาขยับเข้ามา มอง สีหน้าวิตก
ทอรุ้งสะอื้นจนตัวโยน มีนภาโอบปลอบอยู่ เมฆา คมศรมองด้วยความเห็นใจ
ภายในสำนักงานสืบสวนพิเศษ เวลากลางคืน ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยเดินไปเดินมา คิดถึงภาพการต่อสู้ของสมิงกับขมังเวทย์
ดาบแหบ จ่าหวานมองแล้วเรียก
“หมวดไ ดาบแหบเรียก
แสงกล้านึกถึงตอนแพรไพลินจะยิง ตอนขมังเวทย์จะแทงแพรไพลิน
“หมวดแสงกล้า” จ่าหวานเรียก
แสงกล้ายังวนเวียนอยู่ในความคิดของตัวเอง
“หมวดแสงกล้า รูปหล่อ พ่อรวย มีแฟนสวย เซ็กซี่ เร้าใจ” ดาบแหบบอก
แสงกล้าหันมาหาดาบแหบ จ่าหวานยิ้ม
“นั่นไง เรียกหมวดเฉย ๆไม่หัน ต้องมีออฟชั่นต่อท้าย” จ่าหวานบอก
“ผมไปก่อนนะ”
“ไปไหน เดี๋ยวอีกสิบนาที เราต้องสรุปรายงานให้ ผบ.รวิ”
“จ่ากับหมู่ก็สรุปไปเลย”
“ว่าไงล่ะครับ” จ่าหวานบอก
“ไม่มีความคืบหน้า คนร้ายยังอยู่ในระหว่างการตามจับกุม”
“หา !” ดาบแหบร้อง
“ก็ยังหาไม่เจอไงเล่า” จ่าหวานบอก
แสงกล้าไม่สนใจที่สองคนเล่นมุข พรวดออกไปทันที
แพรไพลินเดินเข้ามาในทาวน์โฮม จักรพยายามจะประคองแพรไพลินให้นั่งลง แต่เธอเบี่ยงตัวบอก
“ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“พี่เป็นห่วงน้องแพรนะครับ บอกว่าจะขับรถมาส่ง น้องแพรก็ไม่ยอม”
“ขนาดไม่ยอม ยังตื๊อตามมาถึงบ้าน”
“ก็พี่เป็นห่วง”
แพรไพลินขัดขึ้นทันที
“ทราบแล้วค่ะว่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อน”
แพรไพลินมอง จักรทำออดอ้อนด้วยสายตา
“พี่เสียใจมากนะครับ ที่เป็นคนชวนน้องแพรไปเดินแบบแล้วเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”
จักร อมตฤทธาหยั่งถามเพื่อความเชื่อมั่น
“น้องแพรจำเหตุการณ์ก่อนหน้างานแสดงแฟชั่นโชว์เพชรไม่ได้เลยเหรอครับ”
เหตุการณ์นั้นเป็นช่วงที่จักรพยายามจะให้แพรไพลินเปลี่ยนเพชรปลอมกับเพชรจริง แต่เธอไม่ยอม
แพรไพลินนิ่วหน้าเหมือนปวดหัวเมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น ภาพเหล่านั้นผ่านเข้ามาแบบไม่ปะติดปะต่อ
“จำได้ลาง ๆ เลือน ๆ”
แพรไพลินสะบัดหน้านิดหนึ่งแล้วบอก
“ฉันต้องการพักผ่อน”
แพรไพลินชักสีหน้ารำคาญ ลุกขึ้น แต่ลุกเร็วจนหน้ามืด เซ จักรเข้ามาประคองทันที
ที่นอกบ้าน แสงกล้าก้าวเข้ามามองเห็น แพรไพลินอยู่ในอ้อมกอดจักร สายตาของแสงกล้าวูบไปด้วยความผิดหวังนิด ๆ อย่างไม่รู้ตัวเอง เขาหันหลังเดินกลับออกไป
ด้านใน แพรไพลินสะบัดตัวออกห่างเพื่อเดินไปเปิดประตู จักรยังทำเป็นยืนเฉย ๆ ทำท่าอิดออด
“พี่จะให้ลูกน้องเฝ้าบ้านน้องแพรไว้ก่อน”
แพรไพลินเน้นย้ำ
“ไม่จำเป็นค่ะ กลับไปได้แล้ว”
แพรไพลินปิดประตูใส่หน้า ล็อกกุญแจ ปิดไฟและเดินขึ้นชั้นบน จักร อมตฤทธามองผ่านกระจกที่ด้านนอก ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่ค่อยพอใจนัก
แพรไพลินเดินเข้าห้องนอนและปิดประตูเสียงดัง เข้ามานั่งกุมขมับ นึกถึงตอนที่เธอยิงแสงกล้า ภาพขาดหายเป็นห้วงๆ เธอกุมขมับ ลุกขึ้นเดิน อย่างสับสน
“ฉันเป็นอะไร ฉันทำอะไรอยู่” แพรไพลินถามตัวเองไปมา
แพรไพลินไม่เป็นตัวของตัวเอง
“แพรไพลิน เธอเป็นอะไร”
ขณะที่แพรไพลินมีสีหน้าอึดอัด จู่ๆก็เสียงดังกึก ๆ ที่หน้าต่าง แพรไพลินหันขวับไปมองทันที แสงกล้ากำลังปีนอยู่นอกหน้าต่าง
“แสงกล้า มาทำไมดึก ๆ ดื่น ๆ”
แสงกล้าตะเกียกตะกาย เคาะกระจก
“ผมมีสงสัยเรื่องคืนวันนี้ คุณเป็นอะไรทำไมถึงทำแบบนั้น เปิดหน่อย”
แพรไพลินเห็นทางที่จะแกล้งแสงกล้า จึงค่อย ๆ เดินช้า ๆ ไปที่กระจกขณะที่แสงกล้าตะกายอยู่ด้านนอก
“เร็ว ๆ ไม่ใช่ตีนตุ๊กแก จะหล่นแล้ว”
แพรไพลินแกล้งทำเป็นเปิดหน้าต่างไม่อออก
“ล็อกเสีย”
แสงกล้าทำหน้าเหยเก มือที่เกาะผนังเริ่มหงิก กำลังจะหลุด แสงกล้าทำท่า
“หล่น ๆ ๆ ไม่ไหวแล้ว ช่วย....ด้วย หล่น”
แพรไพลินเห็นแสงกล้าหงายหลังลงไปก็นึกว่าตก เธอตกใจรีบเปิดล็อค ชะโงกตัวไปมองด้วยความตกใจ
“แสงกล้า”
แสงกล้าที่ยังยึดตัวไว้ดันตัวขึ้นมา... มองยิ้มกวน
“ห่วงเค้าใช่มั้ยล่ะ”
แพรไพลินโมโห จะปิดหน้าต่าง แต่แสงกล้าเทคตัวขึ้นมาดึงมือเธอยึดไว้ เขาลอดตัวผ่านหน้าต่างแคบเข้ามาด้วยความคล่อง หน้าเฉียดหน้า ปลายจมูกเฉียดกัน
แสงกล้าเข้ามายืนในห้อง แพรไพลินเอี้ยวตัวมองสบตาแสงกล้าระยะประชิด
แพรไพลินเขินสายตาคม ๆ ของแสงกล้า หันไปปิดหน้าต่าง
“เป็นถึงดอกเตอร์ ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ เปิดหน้าต่างรับชายยามวิกาล”
แพรไพลินเดินห่างแสงกล้าทำเป็นไม่สนใจ แสงกล้าเดินตามต่อปากต่อคำไม่ลดละ
“อย่างงี้ล่ะน้า คราวก่อนถึงโดนลอบทำมิดีมิร้าย หรือที่จริงก็แกล้งเปิดไว้อ่อยคนปีนเข้ามา”
แพรไพลินหยุดกึ่ก แสงกล้าหยุดแทบชนหลังเธอ
แสงกล้ามอง เห็นเครื่องช็อตไฟฟ้าที่แพรไพลินหยิบจากลิ้นชักออกมาถือ
“เฮ้ย... เล่นของแรงตลอด”
แสงกล้าจะถอย แต่แพรไพลินคว้ามือแสงกล้าไว้!
“จะไปไหน เป็นตัวลองเครื่องช็อตอันใหม่ล่าสุดของฉันก่อน”
แพรไพลินยื่นไปจะช็อตแสงกล้า แต่เขาไวกว่าจับมือเธอบิด แต่แพรไพลินไม่ยอมขืนไว้
แสงกล้าใช้แรงมากกว่า บิดจนเครื่องช็อตหลุดจากมือเธอ แล้วรวบตัวแพรไพลินมากอดไว้แน่น
เขาก้มลงข้างหูแพรไพลินที่พยายามดิ้น
“จะลงโทษน้องยังไงดีนะ”
แพรไพลินแกล้งบอก
“อย่าทำน้องเลย”
“สงสัยจะไม่ได้ คิดจะทำร้ายพี่ พี่ก็ต้องลงโทษให้สาสม”
“น้องเตือนแล้วนะ”
แพรไพลินกระทุ้งศอกเข้าท้องแสงกล้าจนจุก แต่เขายังไม่ยอมปล่อย จนเธอต้องกระทุ้งอีกที แสงกล้าเริ่มตัวงอ
แพรไพลินฉวยจังหวะจะดึงตัว แต่แสงกล้าคว้าไว้ เธอเสียหลัก สะดุด ล้มลงบนที่นอน แสงกล้าที่ดึงมือเธออยู่พลอยกระโจนลงไปด้วย
สองคนนอนบนเตียง หน้าแทบชนกัน
“เป็นการลงโทษที่นุ่ม ละมุนละไม เร้าใจที่สุด” แสงกล้าบอก
แสงกล้าแกล้งยื่นหน้ามาใกล้ แพรไพลินไม่โวยวาย ยอมให้เขายื่นหน้ามาจนเกือบชิด
แล้วแพรไพลินก็กัดปลายจมูกแสงกล้าอย่างแรง
“โอ๊ย”
ภายในห้องนอนคนไข้ในโรงพยาบาล เวลากลางคืน ทอรุ้งนั่งมองตรงไปที่เตียง ผู้กองครามนอนรับเลือดอยู่ เสียงครามดังแผ่ว ๆ ขึ้น... เรียก “ทอรุ้ง”
ทอรุ้งรีบพุ่งเข้าไป กุมมือคราม แล้วแนบใกล้หน้าเบาๆ
“คราม...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”
ครามได้ยินเสียงทอรุ้ง ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา พอเห็นหน้าคนรักก็ยิ้มอ่อนระโหย
“ดีใจที่ตื่นมาเห็นหน้าเธอเป็นคนแรก ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ แต่งงานกันเลยนะ ทอรุ้ง”
“รอดตายมาได้หวุดหวิด ยังจะตลกอีก”
“ไม่อยากรอแล้ว”
“ต้องรอ”
ครามมองทอรุ้งที่ยิ้มหวาน
“คุณเกือบจะไม่รอดแล้วรู้มั้ย ยังมีกระสุนอีกนัดหนึ่งฝังอยู่ในช่องอกใกล้หัวใจ หมอตัดสินใจยังไม่ผ่าออกตอนนี้ เพราะร่างกายคุณเสียเลือดมากเกินไป" ทอรุ้งบอก
ครามยิ้มบอก
“ผ่าพรุ่งนี้เช้าเลยได้มั้ย...บ่ายจะได้ออกไปแต่งงาน”
ครามอ้อน ทอรุ้งยิ้มลูบผมที่ปิดหน้าครามอย่างเบามือ
“ฉันรักคุณ... ห้ามคุณเป็นอะไรเด็ดขาดนะคะ สัญญานะคะคราม”
“จ้ะ...ผมสัญญา”
ทั้งสองคนสบตากันด้วยความสุขและความหวัง
ภายในห้องตัดต่อ น้ำใสนั่งตัดต่อภาพข่าวอยู่ แล้วนิ่งๆ คิดถึงแสงกล้า เธอเหลือบไปมองรูปแสงกล้าที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเอง พลางถอนหายใจยาว
“แสงกล้า... เมื่อไหร่นายจะรู้ใจฉัน”
น้ำใสหยิบโทรศัพท์มือถือมากดแมสเสจ
“คิดถึงเพื่อนจัง...ตอนนี้เพื่อนอยู่ที่ไหน...”
แล้วน้ำใสก็ตัดสินใจกดลบข้อความที่จะส่ง...
ช่างเทคนิคเดินเข้ามาบอก
“น้ำใส...สแตนบายข่าวภาคดึกได้แล้ว”
“ค่ะๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
น้ำใสถอนหายใจยาว มองรูปแสงกล้าบนโต๊ะอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป
ในห้องนั่งเล่น ที่ทาวน์โฮมของแพรไพลิน แสงกล้าเอา coldpad แปะจมูก แพรไพลินกอดอกมองเยาะๆ
“จมูกนายไม่แหว่งหรอกน่า หรือถ้าแหว่งนิดแหว่งหน่อยก็คงหล่อไปอีกแบบ”
แพรไพลินชี้นิ้วไปที่ประตูแล้วบอก
“กลับไปได้แล้ว”
“ไล่ซะจริง”
แสงกล้าทำเหลือบมองกวน ๆ แต่ไม่ยอมลุก
“ดึกแล้ว ฉันเหนื่อย”
“ก็นอนไปสิ บ้านคุณ ไม่ต้องขออนุญาตผมหรอก”
“เลิกกวนได้แล้ว ออกไป”
“คนเมื่อกี้ ไล่เค้าแบบนี้ด้วยรึเปล่า”
“คุณมาแอบดูฉัน ได้...ตรวจสภาพจิตคราวหน้า เจอดีแน่”
แพรไพลินพูดไม่ทันจบ แสงกล้าพรวดมาปิดปากแพร สองคนสบตากันหลายวินาที
“ผมมา เพราะ...”
แพรไพลินมองแววตาเข้ม ๆ ของแสงกล้า
“ผมห่วง ...”
แพรไพลินมองแสงกล้า แววตาอ่อน เริ่มรู้สึกดี
“เป็นห่วงฉัน”
แสงกล้าพยักหน้าพูดก่อนทอดเสียง
“ผมห่วง...ห่วงตัวเอง กลัวจะไม่มีใครเซ็นใบประเมินผลให้เดือนหน้า"
แพรไพลินหน้าเหวอ แสงกล้าหัวเราะกวนเสียงดัง
“คิดว่าผมจะห่วงคุณเหรอ คุณดอกเตอร์มั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว ผมจะบอกให้นะ คุณต่างหากที่ต้องตรวจสภาพจิต ใส่ชุดเซ็กซี่เว้าหน้าเว้าหลังควงปืนไล่ยิงผมกลางงาน นึกว่าเท่ตายละ”
แพรไพลินมองนิ่ง ปล่อยให้แสงกล้าทำเป็นเดินหันหลัง พูดต่อว่าแบบหยิ่งๆ
“สมองคุณต่างหากที่ผิดปกติ มันอาจจะถึงขั้นวิปริต น้ำในหูไม่เท่ากัน ก้านสมองหักเป๊าะเป๊าะ .. เนื้อเยื่อสมองถูกทำลาย หรือไม่ก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ต้องส่งไปบำบัดจิตโดยด่วน”
แสงกล้าหันมา เจอแพรไพลินสาดน้ำทั้งแก้วใส่หน้า แสงกล้ายืนอึ้งน้ำไหลลงเลอะเสื้อ
“ครั้งนี้เป็นน้ำเปล่า แต่ครั้งหน้ามันจะเป็นน้ำยาล้างส้วมโรงพยาบาลให้สมกับปากโสโครก เหม็นเน่าไร้การบำบัด"
แสงกล้าลืมตามอง แพรไพลินเดินเข้าหาแล้วใส่เป็นชุด
“คุณต่างหากที่วิปริตคิดว่าตัวเองเก่ง เจ๋ง เท่เหลือเกิน ควงปืนสู้โจร รู้ไว้เลยนะ ถ้าไม่ได้สมิง รับรองวันนี้คุณต้องเป็นคนโดนกระสุนลงไปดิ้นกระแด่ว ๆ”
แพรไพลินเดินเข้าหาจนแสงกล้าติดผนัง
“แล้วฉันนี่แหละจะผ่าพิสูจน์สมองคุณว่ามันไม่มีอะไรเลย นอกจากหยากไย่เน่าๆ”
แสงกล้ามองจ้องแพรไพลินแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
“ผมมั่นใจว่ามีดีกว่าที่คุณคิด”
“ไม่ต้องบอก ฉันเห็นกับตาแล้วว่าคนหน้าตาพื้น ๆ มีขายตามเซเว่นอย่างคุณ มันไม่มีส่วนดีอะไรเลย สมิงที่ดูเพี้ยน ๆ ซะอีกที่ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ สำหรับฉัน ฮีโร่ตัวจริงคือสมิง...ไม่ใช่คุณ !”
แพรไพลินยิ้มเยาะด้วยสายตา แสงกล้ากัดฟันกรอดๆ สองคนมองหน้ากันอย่างเจ็บใจ
วันใหม่ ทางเดินในแฟลตซึ่งทอดยาวออกไป เวลากลางวัน แสงกล้าเดินนำ จ่าสมิงเดินตามหลัง
พลางยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปรอบ ๆ
“รู้จักคนที่เข้ามาขโมยเพชรยอดสังข์ใช่มั้ย”
“ถามแปลกๆ ถ้ารู้จักก็ไปจับมันแล้วสิ”
จู่ ๆ สมิงก็หยุดกึก มองสาวสก๊อย 2 คนที่เดินผ่านไป แสงกล้ามองแววตาเคร่งเครียดของสมิง
“มีอะไรผิดปกติเหรอ”
จ่าสมิงยกมือกำพระในคอ แต่แสงกล้าแตะปืน
“รึว่า เป็นสายของพวกมัน” แสงกล้าถาม
สาวสก๊อยหันมามอง จ่าสมิงถึงกับเซไปชนกำแพง แสงกล้ารีบเข้าไปใกล้ถาม
“เป็นอะไร”
“หัวใจ”
“หัวใจจ่าเป็นอะไร จะเล่นมุขอะไรอีก”
“ยิงเลยจ้ะ ... ยิงศรรักปักใจหัวใจพี่หมิงมาเลยน้องเอ๊ย ขาว สวย หมวย เอ็กซ์แบบนี้ พี่หมิงยอมตาย”
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 4
แสงกล้าสีหน้าโมโหถึงกับผละจากสมิง
“ผมทนจ่าไม่ไหวแล้วนะ ผมไม่มีเวลาเล่น ผมอยากจับมันให้ได้ก่อนที่มันจะก่อเรื่องอีก”
สมิงพูดเนือยๆบอก
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ก็คนที่สู้กับจ่า มันเป็นใคร”
จ่าสมิงพูดเสียงจริงจัง
“ไสยดำ”
แสงกล้ามองสมิงที่ตอบมาด้วยความนิ่งชั่วขณะ แววตาจ่าสมิงดูมีพลังลึกลับบางอย่าง
“พวกมันกลับมาแล้ว ไสยดำ ศาสตร์ชั่วช้าที่จะทำลายล้างความดีทุกสิ่งบนโลก”
ในวันเดียวกัน ที่โถงพิธี ขมังเวทย์นอนนิ่งในแคปซูลชาร์จพลัง แล้วจู่ ๆ ก็สำลักเลือดออกมา
แสงกล้าถาม
“ไอ้ไสยดำเนี่ย มันมีพลังมากมายมหาศาล ไม่มีข้อจำกัดเลยรึไง”
“มีสิ... ทุกครั้งที่มันใช้พลังมืด มันต้องพักนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ชั่วระยะเวลา 1 ตะวัน 1 จันทรา”
ขมังเวทย์มองเลือดของตัวเองบนพื้นที่เป็นสีดำสนิท ที่มีทั้งหนอน กิ้งกือ แมงป่อง งู ผุดขึ้นมาจากกองเลือด
“ยกเว้นแต่ว่ามันได้ครอบครองศาสตราวุธทั้งสี่ เมื่อนั้น...พลังมืดของมันก็จะเป็นอมตะ !”
ขมังเวทย์ลุกขึ้นสำลักเลือดออกมาอีกก้อน สัตว์ร้ายทั้งหลายพากันเลื้อยคลานไปรอบขาของเขา
แววตาขมังเวทย์นิ่ง แต่เต็มไปด้วยความแค้นคุคั่งในดวงตา
ภายในห้องคนนอนคนไข้ ผู้กองครามนอนให้ทอรุ้งป้อนผลไม้ ครามแกล้งอ้าปากพลาดเลยไปจูบมือ ทอรุ้งอายบอก
“บ้า เดี๋ยวคนมาเห็น”
“ดี อยากให้คนอิจฉา”
ทอรุ้งยิ้มอาย ครามถามขึ้น
“หมอนัดผ่าตัดเอากระสุนออกเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้า ร่างกายคุณต้องแข็งแรงกว่านี้”
“ผมอยากเอาไอ้กระสุนเม็ดสุดท้ายออกไปจากตัวเร็ว ๆ จะได้ไปตามล่าไอ้โจรประหลาดนั่น”
“ค๊า ผู้กอง อยากหายเร็ว ๆ ก็ต้องเชื่อฟังพยาบาลส่วนตัว ห้ามดื้อ ห้ามบ่น"
“ไม่ดื้อครับ ไม่บ่น ให้กินอะไรก็กิน”
ทอรุ้งป้อนผลไม้อีกครามยิ้มแล้วแกล้งขโมยจูบมือทอรุ้งอีก สองคนหัวเราะกันสดใส
“เบื่อมั้ย ต้องมาดูแลคนป่วย”
“ไม่หรอก ต้องหัดไว้”
“หัดไว้ทำไม”
“ก็มีคนรักเป็นตำรวจไฟแรง ชอบเสี่ยงตายทุกสถานการณ์”
“ไม่เอา ไม่อยากได้ยินว่าคนรัก เรียกใหม่ คนจะแต่งงานกันแล้ว”
“เรียกอะไรล่ะ ก็ยังไม่ได้แต่ง”
“หัดไว้สิ ครามขา”
ครามทำหน้าอ้อน ทอรุ้งก้มลงกระซิบข้างหูคราม
“ครามขา”
ครามยื่นแก้มไปชนปาก ทอรุ้งหอมแก้มครามไปโดยปริยาย
น้ำใสเดินมาตามทางเดินในคอนโดฯ ในมือถือโทรศัพท์ เธอบ่นๆ ก่อนฝากข้อความ
“แสงกล้า... นายไม่ยอมรับโทรศัพท์ฉันอีกแล้วนะ ไหนบอกว่า วันนี้จะไปเจอกันที่ยิมฝึกยูโดไง เบี้ยวฉันอีกแล้ว !”
น้ำใสเดินมากดลิฟท์ด้วยสีหน้าเบื่อๆ กำลังรอขึ้นไปห้องพักตัวเอง
ประตูลิฟท์เปิดออก น้ำใสเดินเข้าไปในลิฟท์ตัวซ้าย พร้อม ๆ กับประตูลิฟท์ตัวขวาก็เปิดออก คมศรเดินออกมา แต่ทั้งสองไม่เห็นกัน
ทั้งคู่พักอยู่ในคอนโดฯเดียวกัน แต่ไม่เคยพบกัน
คมศรออกจากลิฟท์พลางพูดมือถือไปด้วย
“จัดเตรียมของให้พร้อมนะ อย่าให้พลาด ผมไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะต้องรีบไปพบท่านนายกฯ"
คมศร สุริยนเดินออกไป
วันเดียวกัน เวลากลางวัน เสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้น แพรไพลินเดินมาเปิดประตูแล้วมีสีหน้าตกใจ
“บริการแคทเทอริ่งจาก...ค่ะ”
“ฉันไม่ได้สั่ง”
พนักงานไม่ตอบ แต่เข็นรถเข็นอาหารเข้ามาภายในราวกับเป็นรูมเซอร์วิส แพรไพลินเดินตามด้วยความแปลกใจมาก
รถเข็นรูมเซอร์วิสเข็นมาเทียบโต๊ะอาหาร พนักงานนำอาหารที่มีจานครอบมาวาง แพรไพลินยังยืนงงอยู่
พนักงานยื่นไอแพดให้
“ลองเปิดดูแล้วคุณจะเข้าใจค่ะ”
แพรไพลินงง ๆ แต่รับไอแพดมาเปิดดู เห็นโปรแกรม Face Time มีการเรียกเข้า เธอกดรับปรากฏใบหน้าของคมศรที่ยิ้มให้
“เซอร์ไพรส์ครับ”
“คมศร”
คมศรยิ้มบอก
“ใช่ครับ ทำไม คุณคิดว่าเป็นท่านรองนายกจักรเหรอ”
“เปล่าค่ะ นี่คุณส่งของพวกนี้มาให้ฉันทำไม ฉันไม่ได้ป่วยนะคะ”
“เพื่อนต้องการดูแลเพื่อน ผมรู้ข่าวเรื่องเมื่อคืนแล้ว... แต่ไม่อยากไปเยี่ยมคุณด้วยตัวเองเพราะกลัวคุณจะไม่สบายใจ"
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับฉันหรอกค่ะคมศร”
“น่า...เพื่อความสบายใจของผม ปล่อยให้ผมทำไปเถอะ ทานเยอะ ๆ นะ ถือเป็นการมอบความหวังดีจากเพื่อนเก่า”
“ขอบคุณค่ะ”
“มากกว่านี้ผมก็อยากทำให้ครับ”
เสียงมือถือดังขึ้น คมศรหยิบมาดูแล้วบอก
“ท่านนายกฯ ตามตัวผมแล้ว แค่นี้ก่อนนะ... แล้วคุยกันครับ”
คมศรปิดหน้าจอมืดไป แพรไพลินนิ่งครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคมศร
ผ่านเวลาอย่างรวดเร็ว ดวงอาทิตย์ใกล้จะตกในเมืองใหญ่
ขมังเวทย์หลับตาอยู่ในแคปซูลชาร์จพลัง ในห้องโถงพิธีกรรม ท่ามกลางแสงวับไหวรอบห้อง
ภายในห้องคนไข้ ครามนอนหลับ ทอรุ้งห่มผ้าดึงขึ้นมาปิดให้ แล้วยิ้มมอง
ดร. เมฆา ฐานรัฐเดินลงมากับนภา ทั้งคู่แต่งตัวลำลองดูดี กำลังจะไปเยี่ยมคราม คมศรนั่งรออยู่ด้านล่าง
“ผมเซ็นคำสั่งย้ายดอกเตอร์แพรไพลินกลับมาทำงานที่เนติเทคฯแล้ว เราต้องการความสามารถของเธอในการคลี่คลายคดีเพชร” เมฆาบอก
“สำนักงานสืบฯ รับทราบแล้วครับท่านนายกฯ”
“ค่ำนี้ผมจะไปเยี่ยมครามก่อน แล้วถึงจะไปประชุมที่บ้านท่านธงรบ”
“ทำไมต้องไปประชุมที่บ้านท่านเลขาฯ ด้วยล่ะคะ” นภาถาม
ดร. เมฆามองนภาแล้วยิ้ม พยายามทำให้ไม่เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับนภา
นภา ฐานรัฐมองไปทางคมศร สุริยนที่ทำเป็นก้มลงเปิดดูนัดใน iPad เมฆาหัวเราะ
“ไม่ต้องไปคาดคั้นคมศรหรอก เค้าถูกสั่งว่าห้ามตอบอะไรคุณเด็ดขาด”
นภายิ้มแล้วบอก
“ฉันไม่เคยถามสักหน่อยว่าคุณไปไหน ไปทำอะไรกับใคร”
“ถามบ้างก็ได้ ผมจะได้รู้สึกว่าเมียกำลังหึง”
นภาหัวเราะอาย ๆ เมฆาหันไปบอกคมศร
“เตรียมดอกไม้เยี่ยมไข้เรียบร้อยแล้วนะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
คมศรเดินนำไปออกไปก่อน เมฆาโอบนภาไว้
“ผมตั้งใจว่า พอครามออกจากโรงพยาบาล จะรีบจัดงานแต่งงานให้เลย”
“ถ้าเกิดเค้าอยากปิดคดีให้ได้ก่อนล่ะคะ”
“แต่งงานไม่เสียเวลาหรอกนะ ทำงานบ้าบิ่นอย่างคราม ต้องมีทอรุ้งอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแล เหมือนที่ผมมีคุณ”
นภายิ้มกับเมฆาที่กระชับกอด
ในห้องนอนคนไข้ ครามนอนพักอยู่บนเตียง ทอรุ้งเดินมานั่งที่โซฟาพลางพลิกหนังสือดู เธอปิดปากหาว นั่งเท้าคางอ่านหนังสือ ตาปรือ ๆ ด้วยความเพลีย
ขมังเวทย์นอนอยู่ในแคปซูล เกิดลมพัดแรง หมุนไปรอบห้อง ริมฝีปากขมังเวทย์ขมุบขมิบร่ายมนตรา
ในเวลาเดียวกัน ในสำนักงานสืบสวนพิเศษ แสงกล้ากำลังนั่งพิมพ์รายงาน ดาบแหบกับจ่าหวานเอาแฟ้มข้อมูลมาวางให้
จ่าสมิงนั่งหลับสัปหงก เสียงกรนดังเบาๆ
จู่ๆ ลมพัดแรงเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ กระดาษเอกสารปลิวว่อน แก้วน้ำบนโต๊ะตกแตก แสงกล้าลุกพรวด สมิงลืมตาขึ้นทันทีด้วยแรงสังหรณ์บางอย่างรุนแรง
ลมพัดแรง รอบตัวขมังเวทย์เป็นมวลที่ใหญ่ขึ้น ๆ
จ่าสมิงวิ่งเร็วลงบันได แสงกล้า ดาบแหบ จ่าหวานวิ่งตาม
“สมิง จะไปไหน”
สมิงไม่ตอบ แต่มองไปรอบ ๆ หน้าต่างของสำนักงานสืบฯ กลุ่มเมฆสีดำกำลังเคลื่อนมาปกคลุมอย่างรวดเร็ว คล้ายมีเหตุร้ายจะเกิดขึ้น บรรยากาศรอบ ๆ มืดลงทันที
บริเวณหน้าบ้าน ดร. เมฆากับนภากำลังเดินมาที่รถ คมศรกับบอดี้การ์ดรออยู่ก่อนแล้ว
กลุ่มเมฆดำใหญ่เคลื่อนมาปกคลุม ท้องฟ้าครึ้มมืดลงอย่างเร็ว ใบไม้ ฝุ่นพัดว่อนไปทั่วบริเวณ
เมฆากำลังจะก้าวขึ้นรถ กิ่งไม้ใหญ่ ปลิวมาตามลมแรง กระแทกเข้าที่หัวเมฆาเหมือนคนตั้งใจตี
“โอ๊ย”
ดร. เมฆาทรุดลงทันที นภาประคองเมฆาไว้ บอดี้การ์ดปราดเข้ามาประคอง
“พาท่านเข้าบ้านก่อน”
นภาตามเมฆาที่ถูกประคองเข้าบ้านไปอย่างเร็ว คมศรรีบกดโทรศัพท์
“ตามหมอมาบ้านท่านนายกฯ เดี๋ยวนี้”
จ่าสมิงวิ่งลงมาถึงประตูหน้าสำนักงานฯ แสงกล้าดาบแหบ จ่าหวาน ตามหลังมาเป็นพรวน
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์กำลังจะออกไปข้างนอกกับวิน พอเปิดประตู ลมที่พัดแรงเหมือนแทบจะผลักรวิ ผ่านร่างสมิงวืดเดียวไปชนแสงกล้าดาบแหบ จ่าหวาน ล้มกันลงไปกับพื้น
ลมตีจากด้านนอกเหมือนกั้นไม่ให้ใครผ่านใครออกไปได้
จ่าสมิงพยายามจะออกไป ประตูปิดลงทันที
ร.ต.ต. แสงกล้าลุกขึ้นมายืนข้างจ่าสมิง มองลมพัดแรง เสียงลมกระแทกประตูดังปึงปึง
“พายุอะไรน่ะ”
ภายในโถงพิธีกรรม ลมพัดรอบขมังเวทย์ แต่เสื้อผ้า ผมยังนิ่ง ไม่ไหวติง ขมังเวทย์ลืมตาขึ้น แววตาเบิกกว้างดูน่ากลัว
CUT /
ภายในห้องคนไข้ ผู้กองครามลืมตาขึ้นทันที!!
จากแววตาครามลึกทะลุเข้าไปตามร่างกาย ผ่านลำตัว เส้นเลือดทั้งตัวจนลงมาถึงช่วงอกหัวใจ ผ่านหัวใจไป
กระสุนนัดหนึ่งที่อยู่ด้านในนั้นเป็นกระสุนคือลูกสะกด !
ครามฉายแววตาแข็งกร้าวหันไปมองทอรุ้งที่นอนหลับ หัวพิงกับพนักโซฟา
แสงกล้ายืนข้างสมิง มองลมที่พัดแรงจากด้านนอก
“มันไม่ใช่พายุ” สมิงบอก
“อะไรนะ”
จ่าสมิงหลับตาชั่วประเดี๋ยว แล้วรำพึงออกมา
“ผู้กองคราม”
“ผู้กองครามทำไม มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้กองคราม” แสงกล้าถาม
จ่าสมิงไม่รอช้าตัดสินใจพุ่งไปเปิดประตู ลมใหญ่กระแทกเข้าอัดกลางตัวสมิง จนกลิ้งไปกับพื้น
แสงกล้าหันไปมอง สมิงเงยขึ้นมาเห็นแสงกล้ายืนอยู่ท่ามกลางลมแรง แต่ลมพัดผ่านไม่กล้ำกราย
ร่างของแสงกล้าเลย สมิงตัดสินใจตะโกน
“ไปโรงพยาบาลเร็วหมวด ไปโรงพยาบาล ...ไปช่วยผู้กองคราม”
แสงกล้าจะถามแต่สมิงจุกจนตัวงอ ลมพัดมาแรงผ่านแสงกล้าพุ่งเข้าปะทะสมิง รวิ จ่าหวาน ดาบแหบกับตำรวจคนอื่น ๆ ที่ยืนกันไม่ติดและล้มกลิ้งไปกับพื้น
แสงกล้ามองแล้วขยับจะเข้าไปช่วยดึงทุกคน แต่สมิงรีบย้ำ
“ไปช่วยผู้กองครามก่อน ไป..เร็ว”
แสงกล้าตัดสินใจวิ่งออกไปทันที
ภายในห้องคนไข้ หนังสือในมือทอรุ้งหล่นพื้น เธอสะดุ้งและมองไปที่เตียง
“คราม”
ทอรุ้งรีบมาเปิดผ้าห่ม แต่ไม่เห็นร่างคนรักบนเตียง
“คราม...คราม”
ในเวลาต่อมา แสงกล้าวิ่งเข้าที่โรงพยาบาลมา จนพยาบาลตกใจ
“ผู้กองครามอยู่ชั้นไหน”
ทอรุ้งเปิดประตูห้องคนไข้ออกมา ก็ผงะกับภาพตรงหน้า!!
ศพตำรวจสำนักงานสืบฯที่เฝ้าหน้าห้องโดนยิง นอนตายระเนระนาดอยู่บริเวณทางเดินหน้าห้อง
ทอรุ้งเข่าอ่อนแทบทรงตัวไม่อยู่
“คราม คุณอยู่ไหน”
ภายในห้องนิรภัยสีขาวสะอาด มงกุฏเพชรยอดสังข์ตั้งอยู่ในกล่องกระจกนิรภัย ผู้กองครามในชุดคนป่วยเดินเข้ามาหยุดมอง
ครามกดปิดสวิตช์ไฟ เห็นเลเซอร์รักษาความปลอดภัยพาดผ่านรอบห้อง
ผู้กองครามนิ่งมอง
ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชย เดินออกจากลิฟต์มาที่ทางเดิน เห็นศพตำรวจนอนตาย แสงกล้าสีหน้าเครียด
“ผู้กองคราม”
ผู้กองครามยืนมองเลเซอร์สีแดงในความมืด แล้วหันไปแตะที่ผนังข้างสวิตช์ไฟ เขาเลื่อนมือลูบไปบนผนังสักสองฝ่ามือแล้วหยุด
ครามวางมือลงไปที่ผนังสีขาวเรียบ ผนังขาวสะท้อนแสงขึ้นมาเป็นแผงไฟสแกนมือคราม
ช่องผนังเล็ก ๆ ด้านบนเปิดออก จอแสดงรูปหน้าคราม ตัวหนังสือ ACCESS สว่าง ครามหันไปมอง เลเซอร์รอบห้องดับลงทันที
บริเวณหน้าโรงพยาบาล รถตำรวจสาดส่องไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่แบกศพตำรวจถูกปิดคลุมผ้าขาว มาขึ้นรถนิติเทคฯ แสงกล้าเดินออกมา เห็นพญ. แพรไพลิน นวิยากุลลงจากรถที่ขับสวนเข้ามา
“เจอผู้กองครามรึยังคะ”
แสงกล้าสีหน้าเครียดมองแพรไพลิน
ภายในบ้านนายกรัฐมนตรี ดร. เมฆา ฐานรัฐนั่งพิง มีผ้าติดแผลที่หน้าผาก นภานั่งไม่ห่าง คมศรเดินเร็วเข้ามารายงาน
“ผู้กองครามหายไปจากโรงพยาบาลครับ”
“ถูกลักพาตัว” นภาถาม
“ไม่ใช่ครับ ปืนของตำรวจหายไป เนติเทคฯ สันนิษฐานว่า ผู้กองครามอาจจะฆ่าตำรวจสำนักงานสืบทั้งหมดที่เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล"
“เป็นไปไม่ได้” เมฆาบอก
ทั้งเมฆาและนภาต่างมีสีหน้าเครียดมาก
“ทอรุ้งล่ะ ทอรุ้งหายไปด้วยรึเปล่า” นภาถาม
ภายในห้องนิรภัย ผู้กองครามเดินมาหยุดมองมงกุฏเพชรยอดสังข์ แล้วกดรหัสที่ตู้ กระจกนิรภัยเปิดออก เขากำลังจะเอื้อมไปหยิบ
“อย่านะ คราม”
ครามหันไปเห็นทอรุ้งก้าวเข้ามายืนในห้อง ครามที่ตาแข็งกร้าว ชะงักไปทันทีเหมือนระลึกได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับทอรุ้ง
“ทอรุ้ง”
ครามมีอาการเหมือนคนไม่มีสติ ปวดหัว กุมหัว
“โอ๊ย...ตามฉันมาได้ยังไง”
“ฉันรู้น่ะสิว่าในชีวิตคุณ เรื่องสำคัญนอกจากฉันก็มีแค่งาน คุณมาที่นี่ทำไม”
ทอรุ้งจ้องหน้าครามอย่างค้นหา
ครามหยิบปืนออกมากำ มือสั่น ทอรุ้งมองอย่างตกใจ
“วางปืนลงก่อน”
“ไม่ ...ไม่... ผม...”
ผู้กองครามเหมือนพยายามสู้กับตัวเองไม่ให้จ่อปืนไปที่ทอรุ้ง
ทอรุ้งหันไปมองมงกุฎเพชรที่วางอยู่เบื้องหลังแล้วหันไปจ้องหน้าคราม พลางนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“คุณจะมาขโมยมงกุฏเพชรเหรอ”
ทอรุ้งเดินเข้าหา
“อย่าเข้ามานะทอรุ้ง อย่าเข้ามา”
“คุณไม่ใช่คนเลว ฉันไม่ยอมให้คุณเป็นคนเลว”
ผู้กองครามตัวสั่น เหมือนกำลังต่อสู้กับบางอย่างที่เหนือการควบคุม
“คุณเป็นคนดี คราม..คุณเป็นคนดีของทุกคน เป็นตำรวจที่ดี เป็นคนรักที่ดี คุณสละความสุขของตัวเองเพื่อความถูกต้องของสังคมมาตลอด”
มือครามที่ถือปืนตกลง เสียงครามสั่นเครือ
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณเป็นหรอกคราม”
“ทอรุ้ง”
“คราม... คุณเป็นอะไร”
“ออกไป ทอรุ้ง ออกไป”
ด้านนอกตึกที่เป็นห้องนิรภัย อาคารตั้งสูง ทะมึนในความมืด ได้ยินเสียงปืนดังรัว ปัง ๆ ๆ
กรุงเทพดูหม่นมัว เหมือนถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกแห่งความชั่วร้าย
เช้าวันใหม่ นภา ฐานรัฐลุกพรวดขึ้น มองคมศรที่มารายงาน
“ไม่จริง”
นภาเบือนหน้าไปทางอื่น ดร. เมฆา ฐานรัฐมองคมศร สุริยนแล้วถามอย่างไม่เชื่อ
“แน่ใจแล้วเหรอ”
“สำนักงานสืบฯ กับเนติเทคฯกำลังไปที่เกิดเหตุ” คมศรรายงาน
“ฉันจะไปที่ห้องนิรภัย” นภาบอก
นภาจะเดินออกไป แต่เมฆาดึงไว้
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานสืบกับเนติเทคฯดีกว่า”
“ฉันอยากเห็นด้วยตัวเอง ฉันไม่เชื่อว่าครามจะทำแบบนั้น เค้าเป็นตำรวจที่ดี ฉันรู้จักครามดีเท่า ๆ กับที่ฉันรู้จักฟ้า ลูกสาวฉัน”
เมฆามองนภาด้วยความเข้าใจ
“ฉันไม่มีวันเชื่อ!” นภายืนยัน
คมศรมองนภา แล้วหันมามองเมฆา สายตาบอกให้รู้ว่า มีเรื่องร้ายแรงมากกว่านั้น!!
ถนนของสำนักงานสืบสวนพิเศษ และรถเนติเทคฯจอดเรียงกันหน้าตึก เจ้าหน้าที่กำลังตรึงอยู่เต็มพื้นที่ เจ้าหน้าที่กำลังกั้นสายในบริเวณนั้นให้เป็น Crime Zone ที่เกิดเหตุ
ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยและพญ. แพรไพลิน นวิยากุลก้าวเข้ามาในห้องนิรภัย แสงกล้าเห็นเลือดสาดกระเซ็นเลอะผนังห้องสีขาว กลางห้องไม่มีมงกุฏเพชรตั้งอยู่แล้ว!!
แพรไพลินมองด้วยแววตาสังเกต ไม่ได้ตื่นตระหนกเกินเหตุ
ที่พื้น ศพของทอรุ้งโดนยิงเข้าที่หน้าอก เลือดไหลนอง ข้าง ๆ คือศพของคราม ที่ในมือมีปืน
“ผู้กอง...”
แพรไพลินใส่ถุงมือหยิบแว่นมาใส่ และมองการกระเซ็นของเลือด ที่เด่นชัดบนเสื้อของครามและทอรุ้ง
แพรไพลินเก็บหยดเลือดบนเสื้อ บนผนัง บนพื้นและบนมือครามที่กำปืน
“ใครฆ่าผู้กองครามกับคุณทอรุ้ง” แสงกล้าพูดขึ้น
ภายในห้องแลปเนติเทคฯ เวลากลางวัน พญ. แพรไพลินกำลังตรวจสอบผลเลือดและ DNA จากศพของครามและทอรุ้ง เธอใช้เครื่องมือที่ทันสมัยจากคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบผล
ภายในห้องเก็บศพของเนติเทคฯห้องนั้นขาวสะอาด ไฟสว่าง ร่างของผู้กองครามกับทอรุ้งถูกทำความสะอาดศพเรียบร้อย นอนเคียงกันบนเตียงที่ตั้งอยู่กลางห้อง
ดร. เมฆา ฐานรัฐประคองเดินนภาเข้ามา แล้วมองศพของกู้กองครามกับทอรุ้งอย่างนึกไม่ถึง
“คราม...ทอรุ้ง” นภาเสียงสั่นเครือ
นภา ฐานรัฐรวบรวมสติก่อนเดินมาที่เตียง ดร. เมฆามายืนมองภาพของทั้งคู่
ทางด้านหลังดาบแหบกับจ่าหวานตาแดงกล่ำเดินตามเข้ามามอง ทั้งคู่พุ่งไปที่ข้างเตียง
“ผู้กอง...ทำไมทิ้งพวกเราไป” ดาบแหบว่า
“อย่าล้อเล่นนะผู้กอง อย่าล้อพวกผมเล่น” จ่าหวานบอก
ดาบแหบกับจ่าหวานสะอื้น นภาแตะมือที่ร่างเย็นชืดของทอรุ้งแล้วพูดขึ้น
“ทำไมต้องเป็นเค้าสองคน คู่รักที่กำลังจะมีอนาคต มีความสุข ทำไมต้องเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด”
นภา ฐานรัฐน้ำตาหยดลงด้วยความเสียใจ
“เราจะลากตัวคนที่ฆ่าครามกับทอรุ้งมาให้ได้ กฎหมายจะไม่ปล่อยให้คนชั่วอยู่เหนือความดี” เมฆาบอก
“แล้วเราเอาชีวิตของครามกับทอรุ้งคืนมาได้มั้ย”
นภาสะอื้น
“มันคุ้มกันมั้ยกับคนดีสองคน แลกกับชีวิตไอ้สารเลวพวกนั้น คนดีสองคนที่เค้าควรจะมีความสุข ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า ไม่ใช่ตายในสภาพนี้”
นภาปล่อยโฮ ดร.เมฆาดึงภรรยามากอด
“เชื่อผมนะนภา ครามกับทอรุ้งจะไม่สละชีวิตอย่างไร้ค่า”