เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 7
ทุกคนเดินเข้ามาในศาลเจ้า ก็เห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งนั่งหันหลังถือธูปไหว้ที่หน้าประตูศาล แพรไพลินจะเดินเข้าไปหาแต่แสงกล้าสั่งให้หยุดไว้ และเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปหาเอง แสงกล้าเรียกชื่อ
"ศรัทธา"
หญิงคนนั้นยังคงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไร แสงกล้าเรียกอีกครั้ง “ศรัทธา”
“หมวดไม่รู้จักนิสัยคนแก่...วัยนี้ต้องผมเอง”
สมิงเดินเข้าไปใกล้แล้วตะโกนเสียงดัง
“ศรัทธา!”
หญิงชราหันหน้ามาทันที
“เห็นมั้ยล่ะ คนแก่หูตึงต้องตะโกนใส่หู”
จ่าสมิงหัวเราะพอใจที่ประสบความสำเร็จ แต่แล้ว..หญิงชราหันมาโวยวายต่อว่าสมิงเป็นภาษาใบ้
“แบ่แอ่...”
หญิงชราเอาธูปไล่จี้สมิงจนต้องวิ่งหลบไปหลังแสงกล้า
“โอ๊ย ๆ ๆ เฮ้ย เป็นใบ้!”
หญิงชราเดินเอาธูปปักที่กระถางแล้วหันมาโวยวายกับสมิง ก่อนจะเดินออกไป แสงกล้าพูดเย้ยจ่าสมิง
“วิธีของจ่านี่เจ๋งจริ๊ง”
“เราแยกย้ายออกสำรวจในนี้เถอะ อาจจะพบของที่ศรัทธาต้องการให้เรา”
ทุกคนเห็นด้วย แยกกันออกตามหาของที่ซ่อนไว้ในศาลเจ้า
ที่ตึกหลังหนึ่งเหนือศาลเจ้า หญิงลึกลับคนหนึ่งกำลังยืนส่องกล้องดูเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนจะหยิบปืนพกออกมาจากเอว กระชากลูกเลื่อนเตรียมพร้อม
ทุกคนกลับเข้ามารายงานผล
“ไม่พบอะไรเลย” แสงกล้าบอก
“อาจจะมีใครเล่นตลกกับเรา” แพรไพลินว่า
“มองโลกในแง่ดี...เทพเทวดาคงอยากให้เรามาทำบุญ”
สมิงเดินนำกลับเข้าไปในศาลเจ้า
แพรไพลิน , แสงกล้าและสมิงกำลังนั่งถือรูปไหว้พระประธาน ทุกคนนิ่งสงบ ไหว้พระด้วยความศรัทธาบูชา เสียงเขย่าเซียมซีดังขึ้น แพรไพลินและแสงกล้าเหลียวไปมองเห็นจ่าสมิงกำลังเขย่ากระบอกเซียมซี สมิงเหลือบหันไปมองทั้งคู่ หยุดเขย่าแล้วอมยิ้ม
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ การเสี่ยงเซียมซีอาจจะช่วยเราก็ได้ใครจะรู้”
จ่าสมิงยกมือไหว้แล้วเขย่าเซียมซี แสงกล้าส่ายหัวอย่างระอาที่สมิงเล่นไม่เลิก
ที่มุมสูงเหนือศาลเจ้า หญิงลึกลับเหยียดแขนตรงเล็งปืนไปยังสมิง จ่าสมิงไม่รู้ตัวยังคงเขย่ากระบอกเซียมซีอย่างตั้งใจ หญิงลึกลับกระแทกนิ้วลงไกปืนยิง... เปรี้ยง ! กระสุนแหวกอากาศตรงเข้าไปยังสมิงอย่างรวดเร็วเฉียดใบหน้าสมิงไปอย่างหวุดหวิด กระสุนตรงเข้าไปกระแทกติ้วเซียมซีชิ้นหนึ่ง จนปลายแตกกระจุย หัวติ้วที่เป็นหมายเลขตกลงพื้น สมิงสะดุ้งสุดตัวหันไปมองติ้วที่ตกลงพื้น
“เฮ้ย... ทำไมเจ้ารุนแรงนักวะ !”
ที่มุมสูงเหนือศาลเจ้า หญิงลึกลับจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมด ยิ้มพอใจแล้วเดินออกไป
สมิงหยิบติ้วที่ตกพื้น แสงกล้าและแพรไพลินเข้ามา
“ได้เลขเด็ดไปซื้อหวยเหรอจ่า” แสงกล้าถาม
“ศรัทธาให้มา ผมตั้งใจเขย่าเซียมซี ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา” สมิงบอก
สมิงมองหมายเลขติ้วในมือ เบอร์ 3 เดินตรงไปยังตู้
แสงกล้าและแพรไพลินลุ้นว่าจะพบอะไร!! จ่าสมิงเดินไปที่ตู้แล้วดึงลิ้นชักคำทำนาย...พบถุงใส่ปลอกกระสุนปืนนัดเดียวที่เหลืออยู่ !! สมิงยกถุงอวดแสงกล้าและแพรไพลิน
“นี่คือของที่ศรัทธาหามาให้เรา”
แพรไพลินรีบรับถุงมาดู แกะกระดาษที่อยู่ด้านในออกอ่าน
"ปลอกกระสุนอีกนัดหนึ่ง มีเอกสารระบุชัดเจนว่าเป็นหลักฐานจากสำนักงานสืบฯ”
ทุกคนหันไปมองรอบๆบริเวณศาลเจ้า ทุกคนดีใจที่ได้หลักฐานมาอีกครั้ง
คืนนั้น แพรไพลินนำปลอกกระสุนปืนมาทำการวิเคราะห์ในห้องแลปที่ทาวน์โฮม เธอทำการวิเคราะห์ และประมวลผล
ภายในห้องรับแขก... แสงกล้าเดินไปมาอย่างละล้าละลัง กังวลใจ จนต้องมองลุ้นเข้าไปในห้องที่แพรไพลินกำลังตรวจสอบ ที่ประตู แพรไพลินเดินออกมา
"ผลการวิเคราะห์เป็นไงบ้างครับ"
“ได้ลายนิ้วมือออกมาจากปลอกกระสุนแล้ว กำลังใช้โปรแกรมตรวจสอบว่าเป็นของใครค่ะ”
"พักทานข้าวก่อนเถอะ ผมเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว"
"ฉันยังไม่หิว คุณทานก่อนเถอะ ฉันต้องการหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด"
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลเดินกลับเข้าไปในห้องแลป แสงกล้ารอลุ้น หันไปบอกสมิง
“จ่า...เรากำลังจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว ไปลุ้นกันดีกว่าว่ามันเป็นใคร”
จ่าสมิงนอนกรนอยู่ที่โซฟา แสงกล้าส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ตะโกนเสียงดังใส่หูสมิง
“สมิง...ไฟไหม้”
จ่าสมิงถลาลุกขึ้นทันที
“ไฟไหม้ ๆ ๆ”
จ่าสมิงหันซ้ายหันขวาจึงรู้ว่าถูกหลอก แสงกล้าเท้าเอวจ้องสมิงพลางหัวเราะ
ในห้องแลป ภาพที่ปรากฎบนจอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพบุคคลต่าง ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แสงกล้าและแพรไพลินมองลุ้นว่า ผลการวิเคราะห์จะตรงกับใคร แล้วภาพก็ปรากฎหน้าของจักร อมตฤทธา
“รองจักร!” แพรไพลินพูดขึ้นอย่างคิดไม่ถึง
“คิดไว้ไม่มีผิด มันเป็นตัวการที่ฆ่าผู้กองครามและขโมยเพชรยอดสังข์” แสงกล้าบอก
“รวมทั้งอาจอยู่เบื้องหลังการพยายามฆ่าท่านนายกฯเมฆากับคุณนภา” จ่าสมิงบอก
"หลักฐานนี้คงเพียงพอในการจับกุมมันได้" แสงกล้าว่า
“แต่เราไม่มีอำนาจพอที่จะทำการจับกุมรักษาการนายกนะหมวด” สมิงบอก
แสงกล้าฉุกคิด และกังวลใจในเรื่องนี้
“ฉันมีคนที่จะช่วยพวกคุณได้!”
แสงกล้าและสมิงสงสัยว่าเป็นใคร
วันใหม่ ภายในห้องประชุมพรรคไทธิวัตถ์ เวลากลางวัน จักร อมตฤทธานั่งกลางห้องประชุม
"ผมเรียกคณะกรรมการพรรคประชุมด่วนในวันนี้ เพื่อจะแจ้งให้ทราบว่า ผมจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนดอกเตอร์เมฆา เพื่อเสถียรภาพในการบริหารพรรค"
กรรมการคนหนึ่งไม่เห็นด้วยบอก
“แต่ผมคิดว่าไม่เหมาะ ควรจะ...”
จักรมองอย่างท้าทาย
"ผมมาแจ้งให้ทราบ ไม่ต้องการความคิดเห็น ...รึว่ามีใครคัดค้าน"
จักรมองข่มจนกรรมการนั่งเงียบ ทุกคนเกรงกลัวบารมีของจักรต่างนิ่งเงียบและเห็นด้วย
ประตูห้องประชุมถูกเปิด จักรและวิญญูแปลกใจหันไปมอง
"ผมไม่เห็นด้วย"
คมศร แสงกล้าและตำรวจเข้ามาในห้องประชุม
“คมศร... ไปนอนเฝ้าดอกเตอร์เมฆาดีกว่า อย่ามายุ่งกับเรื่องภายในพรรค”
“แต่ผมปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยฆ่าผู้กองครามและขโมยเพชรยอดสังข์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่ได้”
บรรดากรรมการพรรคในห้องประชุมส่งเสียงฮือฮาตกใจ
"พวกแกมีหลักฐานอะไร"
แสงกล้าโชว์ใบหมายศาล
“หมายศาลอนุมัติจับกุม... เรามีหลักฐานชัดเจนว่าดีเอ็นเอในปลอกกระสุนที่ยิงผู้กองคราม..เป็นของรองจักร !”
จักร อมตฤทธาตกใจไม่คิดว่าแสงกล้าจะมีหลักฐานสำคัญ
“เชิญไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่สำนักงานสืบฯด้วยครับ”
“คงเป็นการเข้าใจผิด ฉันพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ พิสูจน์ตัวเอง !”
จักรเดินออกไปกับแสงกล้าเหมือนเต็มใจ แต่ภายในใจกลับโกรธแค้นที่คมศรและแสงกล้าบุกมาจับต่อหน้ากรรมการพรรคฯ
ก่อนออกจากห้อง จักรชำเลืองมองไปยังวิญญูที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง วิญญูมองเหมือนรู้ว่าต้องทำอะไร
แสงกล้าเดินคุมจักรมาที่รถตำรวจ จักรหันมาทางแสงกล้าแล้วบอก
“กล้ามากที่เล่นงานคนอย่างฉัน แล้วแกจะรู้ว่าจุดจบคืออะไร”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ! เอาตัวขึ้นรถ” แสงกล้าบอก
ตำรวจเชิญจักรเดินขึ้นรถไป วิญญูจะเดินไปขึ้นรถของตัวเอง แต่หันไปเจอกับสมิงที่ยืนอยู่ ทั้งสองประจันหน้ามองกัน พอดีกับรถของวิญญูมาเทียบ วิญญูจึงเดินขึ้นรถเพื่อตามจักรไป
สมิงมองตามด้วยความสนใจ แสงกล้าเห็นอาการของสมิงก็เข้ามาถาม
"มีอะไรเหรอจ่า"
“เปล่า”
"รีบไปกันเถอะ"
แสงกล้าจะเดินขึ้นรถไป แต่คมศรเข้ามา
“ทำอย่างนี้ไม่กลัวถูกเล่นงานเหรอ”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย คนที่ควรกลัวคือคนที่ทำชั่ว”
คมศรกังวลใจแล้วบอก
“มันจะไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดน่ะสิ”
แสงกล้าแปลกใจว่าคมศรกังวลใจเรื่องอะไร
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ตบโต๊ะจ้องหน้าร.ต.ต.ตแสงกล้ากับพญ. แพรไพลิน น้ำเสียงกร้าวไม่พอใจมาก
“ทำอะไรลงไป ! เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไง ถึงทำงานข้ามหน้าข้ามตาฉันแบบนี้”
“หลักฐานที่มีอยู่เพียงพอต่อการจับกุม ผมไม่อยากเสียเวลากับขั้นตอนราชการยุ่งยาก" แสงกล้าบอก
“แต่พวกคุณอยู่ใต้บังคับบัญชาฉัน” รวิหันไปหาแพรไพลินแล้วพูดต่อ
“แพรไพลิน...ฉันสงสัยว่าข้อสรุปของเธอผิดพลาด”
“ดิฉันวิเคราะห์ละเอียดทุกขั้นตอน ลายนิ้วมือที่ปลอกกระสุนปืนเป็นของรองจักรแน่นอน"
“เธอระบุว่ารองจักรเป็นคนผิด เพราะเธอมีปัญหาส่วนตัวกับท่าน”
“ผ.บ.คะ นี่ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว”
“เธอปฎิเสธว่าไม่มีอคติกับท่านรองนายกฯ”
“ดิฉันยอมรับว่ามีปัญหาส่วนตัว แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ ไม่เกี่ยวข้องกับทัศนคติหรืออคติ”
“เพื่อความโปร่งใส ฉันจะตั้งกรรมการตรวจสอบหลักฐานขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง ใช้คนกลางที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ... และที่สำคัญ ไม่มีอคติ!”
แพรไพลินและแสงกล้ามองรวิด้วยสายตาผิดหวัง ขณะที่รวิจ้องหน้าทั้งสองคนอย่างไม่เกรงกลัว
ภายในห้องส่งทีวี “วิเคราะห์.. ข่าวด่วนการเมือง Sky News Network” มาพร้อมกับตัวอักษรโลโก้สถานีและภาพกราฟฟิคสวยงาม มีภาพจักร ที่โดนจับกุม น้ำใสเดินเข้ามาพร้อมกับการวิเคราะห์ข่าว
“ข่าวด่วนวันนี้... เรียกได้ว่าล้มกระดานการสอบสวนกันเลยค่ะ เมื่อสำนักงานสืบสวนพิเศษ เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับสำนักงานเนติเทคโนโลยี หน่วยงานในสังกัด เรื่องหลักฐานการจับกุม นายจักร อมตฤทธา รองนายกรัฐมนตรี ในข้อหาอาชญากรรมที่ยังไม่เป็นที่เปิดเผย...”
ภาพประกอบเสียงบรรยายของน้ำใส เป็นภาพการจับกุมจักร ทั้งในห้องประชุมพรรคฯ , การนำตัวออกมาจากที่ทำการพรรค , การนำตัวไปที่สำนักงานสืบสวนพิเศษฯ
“เที่ยงวันนี้.. รองนายกฯ จักร เพิ่งจะโดนจับเพราะผลการวิเคราะห์หลักฐานชิ้นหนึ่งของ ดอกเตอร์แพรไพลินแห่งเนติเทคฯ รองจักรถูกนำตัวมาที่สำนักงานสืบสวนพิเศษทันที"
น้ำใสที่กำลังวิเคราะห์ข่าวด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงฉาดฉาน
“แต่พอตกบ่าย ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวกลับโดนปฏิเสธจาก ผบ.รวิ แห่งสำนักงานสืบสวนพิเศษ เพราะเชื่อว่าดอกเตอร์แพรไพลินวินิจฉัยผิดพลาด ขณะนี้จึงต้องบอกว่า.. รองนายกฯ จักร เป็นผู้บริสุทธิ์... จนกว่าผลการตรวจสอบหลักฐานอีกครั้งจากผู้เชี่ยวชาญกลางจะออกมา เราคงต้องจับตาดู อย่ากระพริบตา..ว่าคดีนี้จะสรุปผลออกมาอย่างไรค่ะ”
แสงกล้าขับรถมาส่งแพรไพลินที่หน้าทาวน์โฮม
“คุณไม่ต้องกังวลใจ ไม่ว่าใครจะตรวจสอบ หลักฐานจะมัดคนผิดเอง”
“ใช่..ถ้าทีมชุดใหม่ทำงานอย่างอิสระไม่ถูกครอบงำ”
“คุณไปพักเถอะเหนื่อยมามากแล้ว”
แพรไพลินยิ้มรับจะเดินไป แต่เป็นลมด้วยความอ่อนเพลีย
"คุณแพร"
แสงกล้ารีบเข้าไปประคองแพรไพลินและอุ้มเข้าไปในบ้าน
ภายในห้องรับแขก เวลากลางคืน แพรไพลินนอนอยู่ที่โซฟา แสงกล้าเดินเข้ามาพร้อมอ่างใส่น้ำ นั่งลงชุบน้ำ บิดผ้า เช็ดหน้าตาให้ให้แพรไพลิน เขามองเธอที่นอนเป็นลมอยู่ด้วยความสงสาร
แพรไพลินค่อย ๆ รู้สึกตัว มองเห็นเป็นหน้าผู้ชายตรงหน้าเป็นใบหน้าของขมังเวทย์ แพรไพลินตกใจ ผลักแสงกล้าจนตกจากโซฟา
"อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน"
แพรไพลินดีดตัวขึ้นมามองเห็นแสงกล้าก็ตกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ.. เจ็บสิครับ”
"ฉันขอโทษ...ฉันคิดว่าคุณเป็น"
"เป็นใคร"
“ผู้ชายคนนั้น”
แสงกล้าตกใจเล็กน้อยที่แพรไพลินเห็นเขาเป็นขมังเวทย์
“คุณคงฝันร้าย ตื่นก็ดีแล้ว มานี่”
แสงกล้าจับมือแพรไพลินเดินออกไป
แพรไพลินเดินมาที่โต๊ะอาหารเห็นอาหารวางอยู่มากมาย
"เมื่อวานคุณไม่ได้ทานอะไรเลยไม่ให้เป็นลมได้ไง"
“ทำเองเหรอ”
แสงกล้าพยักหน้า "อืม"
“โกหก”
“เฮ้อ...รู้อีกแล้ว”
“หลบสายตา เสียงลมหายใจไม่ปกติแสดงถึงการปกปิดซ่อนเร้น”
“คบกับหมอโรคจิตนี่ลำบากจัง”
“เอามาจากไหน”
“เชิญทานครับ ผมซื้อมาจากร้านมีชื่ออร่อยทั้งนั้นเลย”
แสงกล้าตักอาหารให้แพรไพลิน
"แกงเขียวหวานป้าแจ๋วหน้าซอย ผัดเผ็ดปลาดุกลุงเม้ง หมูทอดเจ๊ใฝ ต้มจืดตำลึง ไม่รู้ว่าใครทำ"
"เอ้า...ไหนบอกว่าซื้อจากร้านมีชื่อ"
"ร้านรถเข็นข้างถนน แต่คนเข้าคิวซื้อเยอะ คิดว่าน่าจะอร่อย"
แสงกล้าตักอาหารแต่ละอย่างให้แพรไพลิน
“ทานเยอะ ๆ นะ”
“นี่..จะให้ฉันทานข้าวหรือทานแต่กับ”
แสงกล้าหัวเราะที่ลืมตัวตักอาหารให้เยอะมาก เขาหยิบโถมาตักข้าวให้แพรไพลิน
"ทานด้วยกันสิ"
แสงกล้ายิ้มลงมือทานข้าวด้วยความเอร็ดอร่อย กินไม่หยุด
"ตกลงซื้อให้ฉันหรือว่าซื้อมากินเอง"
“ผมก็หิวเหมือนกัน รีบกินเร็ว...มีภารกิจต่อ”
แสงกล้าตักอาหารกินต่อไป แพรไพลินแปลกใจว่าเขาจะทำอะไร
ในเวลาต่อมา แสงกล้าขับรถพาแพรไพลินมายังที่สวยงามแห่งหนึ่ง เธอลงจากรถมองตรงไป รู้สึกชื่นชอบกับความสวยที่แปลกตา...
แพรไพลินเดินตรงมาหยุดมองวิวที่สวยงาม แสงกล้าเดินเข้ามายืนข้างแพรไพลิน
"พาฉันมาที่นี่ทำไม"
"อิ่มกายแล้วก็อยากให้คุณอิ่มใจด้วย ที่คุณเป็นลมไม่ได้เกิดจากท้องว่างอย่างเดียว แต่คุณเครียดกับงานมากเกินไป"
“ไม่ให้เครียดได้ไงล่ะ... คุณก็รู้ว่าอะไรเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการทำงานของเรา”
แสงกล้าทำท่าให้เงียบ แล้วทำเสียงกระซิบเบาๆ
"ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก … ผมชวนคุณมาพักผ่อนไม่ได้ชวนมาคุยเรื่องงาน"
แสงกล้าหันหน้ามาถามแพรไพลิน
“คุณชอบมั้ย”
แพรไพลินมองมาทางแสงกล้า
“ชอบมาก”
แสงกล้ายิ้มดีใจ เธอเดินตรงมาหาแสงกล้าแล้วเดินเลยไปด้านหลังซึ่งเป็นวิวที่สวยงาม
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีที่สวยงามแบบนี้ด้วย”
แสงกล้าผิดหวังที่แพรไพลินสนใจวิว...ไม่ได้หมายถึงตัวเขา
แพรไพลินยืนมองวิวด้วยความสบายใจ
“ฉันอยู่กรุงเทพมานาน แต่ไม่เคยมาที่นี่เลย”
“ของสวยมักถูกซ่อนไว้เหมือนความดีในจิตใจผม ที่ซ่อนไว้จนคุณไม่เคยเห็น”
"เก็บไว้จีบแฟนนายเถอะ"
"ผมยังไม่มีแฟน"
"นักข่าวคนเก่งไง”
“เพื่อนครับ ไม่เหมือนคุณหรอก มีแฟนเป็นถึงเลขาท่านนายกฯ แถมมีว่าที่คู่หมั้นเป็นถึงรักษาการนายกฯ”
"เลิกพูดเลยนะ ไหนบอกว่าจะทำให้ฉันหายเครียดไง"
แพรไพลินเดินหนีไปอีกมุม เขารู้สึกผิดที่ไปแหย่ทำให้เธอไม่พอใจ... เธอยืนเหม่อมองวิว เขายืนมองอยู่ห่างๆ
แพรไพลินยังคงคิดกังวลใจเรื่องงาน แสงกล้าเดินเข้ามา
“ยังไม่เลิกกังวลใจเรื่องงานอีกเหรอ”
“ฉันพยายามแล้วนะ....แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“อย่าเพิ่งกังวลไปเลย อีกไม่กี่วัน... ความจริงก็ปรากฎแล้ว”
“ฉันก็ได้แต่หวัง...ว่าทุกอย่างจะเป็นความจริง”
แสงกล้ายิ้มให้กำลังใจแพรไพลิน ท่ามกลางวิวที่สวยงาม เขากับเธอยืนเหมือนเป็นคู่รักกัน
ภายในห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล เวลากลางคืน ดร. เมฆา ฐานรัฐ ยังคงไม่ได้สติ มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมด คมศร สุริยนยืนมองหมอและพยาบาลที่ตรวจเช็กความดันประจำวันของเมฆา
“อาการเหมือนเดิม” หมอบอก
“ท่านนายกฯมีสิทธิ์จะฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราใช่มั้ยครับหมอ”
“ตราบใดที่เรายังผ่าหัวกระสุนออกมาไม่ได้ อาการคงจะทรง ๆ อยู่อย่างนี้”
“แล้วเมื่อไหร่”
"กระสุนในร่างของท่านนายกฯยังเคลื่อนที่อยู่ตลอด ทีมแพทย์กำลังประชุมหาทางออกเรื่องนี้อยู่ บางทีเราอาจจะต้องพึ่งปาฏิหาริย์”
หมอเดินออกไปกับพยาบาล คมศรหันมามองเมฆาที่นอนหลับนิ่ง
“ผมไม่เชื่อปาฏิหาริย์ แต่ผมเชื่อว่าท่านจะไม่ยอมแพ้ ท่านต้องรอดเพื่อความถูกต้องในบ้านเมืองของเรานะครับ”
เมฆายังคงหลับไม่ได้สติ
ทางเดินในโรงพยาบาล หมอ พยาบาล เดินไปที่เคาน์เตอร์ด้านหนึ่ง บนทางเดินที่ทอดยาวออกไป มีเงาทาบทับมาบนพื้น เป็นร่างของคน ๆ หนึ่ง ปลายรองเท้าหนังเงาวับก้าวมาบนพื้น...
ภายในห้องพักฟื้น คมศรดึงม่านในห้องปิดลง และมองความเรียบร้อยรอบ ๆ ห้องเพื่อความแน่ใจ แล้วจึงเดินออกไป … ใบหน้าที่ยังนอนนิ่งไม่ได้สติ มีเงาของคนทาบลงมาบนหน้าเมฆา ส่งสายตามองนิ่งมองและเอื้อมมือมาใกล้จับเมฆาไว้
คมศรเดินออกมาแล้วนึกได้ว่าลืมห่มผ้าให้เมฆา
"ลืมห่มผ้า"
คมศรรีบหันหลังเดินเร็วกลับไป
เงาดำยิ่งทาบทับมาบนหน้าเมฆา มือเอื้อมไปใกล้หน้าอก คมศรเดินเร็วมาบิดลูกบิดและผลักประตูเข้าไป คมศรเดินเข้ามา เห็นเมฆานอนนิ่งบนเตียง คมศรก้มลงมองเห็นผ้าห่มปิดที่อกเมฆาเรียบร้อย เขานิ่วหน้าอย่างสงสัย กระชากปืนออกมาเล็งเตรียมพร้อม มองไปรอบห้อง
คมศรชำเลืองมองเห็นเงาคนที่ประตู จึงวาดปืนจ่อไปอย่างรวดเร็วจนพยาบาลตกใจ
"ว๊าย"
คมศรรีบเก็บปืนแล้วถาม
“ขอโทษครับ เห็นใครผ่านออกไปรึเปล่า”
“ไม่มีนะคะ ดิฉันเดินมาก็ไม่เห็นมีใคร”
คมศรมองอย่างไม่แน่ใจก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว พยาบาลเมื่อจดบันทึกลงในแฟ้มคนไข้เสร็จจึงเดินออกจากห้องไป
ผ้าม่านด้านหนึ่งเปิดออก ร่างคน ๆ หนึ่งเดินเข้าไปหาเมฆา มือจับที่ใบหน้าของเมฆา ไล้ไปที่แก้ม คล้ายมีความผูกพันกันมาก เมฆาไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น
หลายวันต่อมา น้ำใสกำลังรายงานข่าวอยู่ที่ด้านหน้าเนติเทคฯ ด้านข้างมีรถถ่ายทอดสด และนักข่าวมากมายกำลังรายงานข่าวอยู่เช่นกัน
“วันนี้แล้วนะคะ ที่สำนักงานสืบสวนพิเศษจะแถลงสรุปผลคดีจับกุมรองนายกฯ จักร อมตฤทธา ซึ่งผลการตรวจสอบปลอกกระสุนจากเนติเทคฯ ของดอกเตอร์แพรไพลิน ระบุว่ารองนายกฯ เป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าตำรวจและโจรกรรมเพชรยอดสังข์ แต่ ผ.บ.รวิ แห่งสำนักงานสืบสวนพิเศษแต่งตั้งผู้ชำนาญการพิเศษเข้ามาตรวจสอบหลักฐานอีกครั้ง เนื่องจากไม่แน่ใจในข้อสรุปของดอกเตอร์แพรไพลิน...”
อีกด้านหนึ่งที่ด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาร่วมมุงดูการรายงานข่าวของน้ำใส
นักข่าวทีวีที่มีชื่อเสียง กำลังรายงานข่าวเช่นกัน
“อีกไม่กี่นาทีเราจะรู้กันแล้วว่า รองนายกฯจักร นักการเมืองที่กำลังปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ จะสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ การสอบสวนของดอกเตอร์แพรไพลินถือว่า เป็นการเขย่าระบบการสอบสวนจริง ๆ ครับ เพราะขัดแย้งกับต้นสังกัดสำนักงานสืบสวนฯ อย่างรุนแรง เรียกได้ว่าเดิมพันกันด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานกันเลยล่ะครับ เพราะตามสายงานแล้ว... เนติเทคอยู่ภายใต้การบริหารของสำนักงานสืบฯ ผลจะเป็นอย่างไรต่อไป อีกไม่กี่นาทีเราคงจะทราบกันครับ"
ผู้หญิงคนเดิมที่ด้านหลังกำลังจ้องตรงไปยังการรายงานข่าว และอาคารเนติเทคเบื้องหน้า
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลขับรถเข้ามาจอดที่บริเวณลานจอดรถ เธอกำลังพูดโทรศัพท์มือถือ
"มาถึงแล้ว กำลังจะเข้าไปที่ห้องแถลงข่าว"
แพรไพลินปิดโทรศัพท์แล้วรีบลงจากรถ และเดินเข้าไปยังภายในเนติเทค ดาหลาออกมาจากที่ซ่อน เดินตรงเข้าไปยังรถแพรไพลิน กดรีโมทเปิดประตูรถแล้วหยิบมัดไดนาไมค์ติดโทรศัพท์มือถือออกมาติดลงที่ใต้คอนโซลรถแพรไพลิน
อีกด้านหนึ่งของอาคารจอดรถ ผู้หญิงคนเดิมยืนมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ภายในห้องแถลงข่าว พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ ผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะแถลงข่าว ดร.พญ.แพรไพลิน นวิยากุล ผู้อำนวยการ สถาบันเนติเทคโนโลยี่นั่งอยู่ข้างหนึ่ง ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง โดยมีนักข่าวเตรียมทำข่าวอยู่เต็มห้องประชุม รวิพูดขึ้น
“ดิฉันขอสรุปผลการสอบสวนคดีท่านรองนายกฯ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษยืนยันว่า เกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์ปลอกกระสุนของดอกเตอร์แพรไพลิน ! ท่านจักร อมตฤทธา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้”
ผู้สื่อข่าวส่งเสียงฮือฮา แพรไพลินหันมามองรวิกับผู้เชี่ยวชาญด้วยความตกใจ
“เป็นไปไม่ได้” แพรไพลินเสียงแผ่ว
“ด้วยหลักฐานปลอกกระสุนชิ้นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษพบว่าผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ท่านรองนายกฯ เชิญดอกเตอร์แอทกินส์ค่ะ” รวิพูดพลางหันไปทางฝรั่ง
ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งกดคอมพิวเตอร์ด้านหน้า ด้านหลังจอภาพปรากฏภาพปลอกกระสุนในมุมต่าง ๆ หลายมุมประกอบกราฟิคทันสมัย
ผู้เชี่ยวชาญพูดเป็นภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยว่า
“โปรแกรมวิเคราะห์ลายนิ้วมือของดอกเตอร์แพรไพลินผิดพลาดเพราะจากการตรวจสอบของเราพบว่า กระสุนนัดนี้ถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่ใช่รองนายกฯ"
ภาพบนหน้าจอเป็นภาพของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ควบคุมวงจรปิด
“หมายความว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นคนฆ่าผู้กองคราม และโจรกรรมเพชรไปอย่างนั้นเหรอคะ" น้ำใสถาม
"หลักฐานระบุอย่างนั้น" ผู้เชี่ยวชาญบอก
ผู้สื่อข่าวต่างฮือฮากัน
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
บริเวณเสาด้านหนึ่งของลานจอดรถ ผู้หญิงคนเดิมกำลังติดอุปกรณ์บางอย่างเหนือเสาต้นหนึ่งในลานจอดรถ บริเวณใกล้เคียงกับที่รถแพรไพลินจอดอยู่ เสาอีกต้นที่ขนานกันมีอุปกรณ์ที่คล้ายกันติดอยู่ด้วย
ภายในห้องแถลงข่าว พญ. แพรไพลิน นวิยากุลกำลังโต้แย้งกับผู้เชี่ยวชาญพิเศษต่อหน้านักข่าวและผบ. รวิ
“เนติเทคตรวจสอบทุกอย่างจนแน่ใจ เป็นลายนิ้วมือของรองนายกจักรแน่นอน”
"ถ้าผลการตรวจขัดแย้งกันแบบนี้จะมีทางออกยังไงครับ" นักข่าวถาม
"เพื่อความโปร่งใส สำนักงานสืบฯ ยินดีให้เนติเทคตรวจสอบหลักฐานชิ้นนี้อีกครั้ง แต่ขอให้เปลี่ยนไปใช้วิธีเดียวกับวิธีของดอกเตอร์แอทกินส์”
รวิวางซองพลาสติกใส่ปลอกกระสุนลงที่โต๊ะแล้วเลื่อนส่งไปให้แพรไพลินที่มองด้วยสายตาไม่เชื่อถือ
“ผมแน่ใจว่าผลสรุปต้องเป็นแบบเดียวกัน ยอมรับเถอะครับดอกเตอร์.. คุณผิดพลาด” ดอกเตอร์แอทกินส์บอก
รวิกล่าวกับผู้สื่อข่าว
“สำนักงานสืบฯ จะติดตามหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้มารับผิด แต่เนื่องจากผู้ต้องสงสัยปัจจุบันยังต้องบำบัดทางจิตฯ จึงอาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวน"
"หมายความว่าท่านรองนายกจักรพ้นผิดใช่มั้ยคะ" น้ำใสถาม
“ก็ในเมื่อท่านไม่ได้เป็นคนทำจะปรักปรำท่านได้ยังไง”
บรรดาผู้สื่อข่าวส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง แพรไพลินมีสีหน้าไม่เห็นด้วย
“ถ้าจะมีคนผิดก็คือคนที่ทำงานผิดพลาด วิเคราะห์หลักฐานมักง่ายป้ายสีให้กับคนดี”
รวิพูดพลางปรายตามาทางแพรไพลิน
“ท่านผ.บ.จะดำเนินการเรื่องนี้ยังไงต่อไปคะ” น้ำใสถาม
“กำลังตัดสินใจ แต่เชื่อเถอะว่าฉันไม่ปล่อยให้พวกทำงานชุ่ยลอยนวลแน่ “
พ.ต.ต. รวิ อิงคพัฒน์กับ พญ. แพรไพลิน นวิยากุลจ้องหน้าแบบไม่ยอมกัน
ที่อาคารจอดรถ ผู้หญิงคนเดิมติดตั้งเครื่องตัวสุดท้ายที่เสาต้นหนึ่งเรียบร้อย เธอเดินออกไป
เครื่องส่งสัญญาณทั้งหมดมีสี่ตัวติดตั้งคนละมุม เป็นสี่เหลี่ยมรอบรถแพรไพลิน
ภายในห้องทำงานในเนติเทคฯ แพรไพลินยกซองพลาสติกมองดูปลอกกระสุนปืนที่ได้มา โดยไม่ทำการวิเคราะห์ลายนิ้วมือใหม่
“คุณจะไม่ทำการวิเคราะห์อีกครั้ง”
“ไม่มีประโยชน์... ปลอกกระสุนนี้ไม่ใช่ของจริง”
“หมายความว่าผู้เชี่ยวชาญพิเศษวิเคราะห์ลายนิ้วมือจากปลอกกระสุนปลอม”
"ใช่"
“แน่ใจได้ยังไง”
“ฉันรู้จัก ผ.บ.รวิ ดี ถ้าไม่มั่นใจเค้าไม่ส่งให้ฉันตรวจสอบอีกครั้งหรอก”
“ลืมไปว่าเค้าเป็นพี่สาวคุณ”
แสงกล้าเผลอพูดแล้วก็ชะงักเพราะเห็นแพรไพลินหน้าเสียนิดหนึ่งเพราะเป็นปมในชีวิตเธอ
“มีการสร้างหลักฐานเท็จ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นแพะรับบาป”
“คุณจะยืนยันได้ยังไงว่ามีการเปลี่ยนปลอกกระสุน”
กุ๊บกิ๊บเข้ามาในห้อง
“ของที่สั่งมาแล้วค่ะ”
กุ๊บกิ๊บส่งแผ่นซีดีที่ก็อปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้แพรไพลิน แสงกล้าหันไปเหมือนกำลังจะถามว่าคืออะไร
“ภาพบันทึกวิดีโอวงจรปิด ฉันติดตั้งกล้องไว้ในห้องเก็บหลักฐานเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงปลอกกระสุน” แพรไพลินบอก
"ใครจะกล้าเปลี่ยน"
“อีกไม่นานเราก็จะรู้ว่าใคร”
แพรไพลินนำซีดีใส่ในเครื่องเล่น แล้วกดปุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทำการเล่นภาพนั้นบนจอฯ
บริเวณทางเดินในสำนักงานสืบสวนพิเศษ รวิโทรศัพท์คุยกับจักร โดยมีเจ้าหน้าที่ฯ เดินตาม 3 คน “ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครเอาผิดกับท่านได้อีกแล้ว”
พ.ต.ต.รวิ อิงคพัฒน์ยิ้มพอใจปิดโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเดินนำไปตามทางเดิน
แพรไพลินและแสงกล้ามองไปยังภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นคนเดินเข้าไปในห้องเก็บหลักฐาน
“นั่นไง...มีคนเข้าไปเปลี่ยนหลักฐาน กุ๊บกิ๊บซูมภาพเข้าไป”
กุ๊บกิ๊บกดซูมภาพเข้าไป ทุกคนเพ่งมองแล้วก็ตกใจ
“คุณ” แสงกล้าโพล่งขึ้น
ในจอมอนิเตอร์ แพรไพลินเดินเข้าไปในห้องหลักฐานแล้วหยิบเอาปลอกกระสุนจริงใส่กระเป๋า เอาปลอกกระสุนปลอมทิ้งไว้ แสงกล้าหันไปมองแพรไพลิน
“ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องเก็บหลักฐาน”
“แล้วใครล่ะคะ รึว่าดอกเตอร์มีฝาแฝด” กุ๊บกิ๊บว่า
แพรไพลินหันไปมองแสงกล้าคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา เธอนึกถึงตอนที่ขมังเวทย์ปลอมตัวเป็นแสงกล้าเข้าไปหาแพรไพลินที่ทาวน์โฮม ฝ่ายแสงกล้ามองแพรไพลิน แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาเช่นกัน ขมังเวทย์ปลอมตัวเป็นแพรไพลินในการต่อสู้กับแสงกล้า
แสงกล้าและแพรไพลินมองหน้ากันรู้ดีว่าเป็นฝีมือของขมังเวทย์ แล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
“ไสยดำ!”
แพรไพลินกำลังเดินนำออกไปยังมุมหนึ่งของเนติเทค แสงกล้ากับกุ๊บกิ๊บเดินตาม
"คุณจะไปไหน"
“ไปยืนยันกับนักข่าวว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญได้หลักฐานปลอม”
“ทำแบบนั้นก็เท่ากับฆ่าตัวตาย คุณจะยิ่งตกที่นั่งลำบาก เพราะในวิดีโอวงจรปิด คุณเป็นคนเปลี่ยนหลักฐาน”
“ฉันพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ฉัน”
“ด้วยวิธีไหนล่ะ”
แพรไพลินชะงักไปนิดหนึ่ง เผชิญหน้ากับแสงกล้าที่กำลังมองด้วยสายตาค้นหา
“เราบุ่มบ่ามไม่ได้...ต้องคิดและวางแผนให้รอบคอบ”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เดินเข้ามาหาทุกคนพร้อมกับวินและเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ
"ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก ถึงเวลาพักของพวกคุณแล้ว"
รวิพยักหน้าไปยังวินที่เดินตามมา วินตรงเข้าไปปลดอาวุธของแสงกล้า ดึงเอาป้ายคล้องคอของทั้งแสงกล้าและแพรไพลินออก
ทั้งคู่ชะงัก แสงกล้าถลาเข้าไปจะเล่นงานวินที่ยึดอาวุธไป แต่แพรไพลินยกมือห้ามกั้นตัวแสงกล้าไว้ก่อน
“ถ้าอยากให้เรื่องมันเลวร้ายกว่านี้ ก็เอาสิแสงกล้า” วินบอก
แสงกล้าจำต้องชะงัก รวิจ้องทั้งสองคน
“คุณทั้งสองคนทำงานบกพร่องอย่างรุนแรง ฉันขอสั่งพักงานจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดทางวินัย”
รวิหันมาสั่งกุ๊บกิ๊บ
“ถ้าฉันพบดอกเตอร์แพรไพลินกับหมวดแสงกล้าเข้ามาในเนติเทคอีกถือว่าเธอบกพร่องในหน้าที่”
รวิเดินออกไป กุ๊บกิ๊บอึดอัดใจที่รับคำสั่งควบคุมไม่ให้แพรไพลินและแสงกล้าเข้ามาในเนติเทค
แพรไพลินและแสงกล้าผิดหวังที่ถูกสั่งพักงาน หมดหนทางจับตัวจักร
แสงกล้าและแพรไพลินเดินออกมาที่ลานจอดรถ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจที่ทำอะไรไม่ได้
ทางด้านบนระเบียงอาคาร รวิยืนมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าและแววตาสับสนกับการกระทำของตัวเองที่กำลังจะทำให้แพรไพลินตาย
แพรไพลินหยุด เงยหน้าขึ้นมองรวิที่กำลังมองลงมา สายตาทั้งคู่จ้องกันอย่างจับผิด
รวิพูดโทรศัพท์ผ่านหูฟังบลูทูธที่ใส่อยู่
“ดูภาพวงจรปิดอยู่ใช่มั้ยคะ”
ภายในห้องทำงานของจักร อมตฤทธา ที่โน้ตบุ๊กของจักร ปรากฏภาพวงจรปิดภายในอาคารจอดรถ เห็นแพรไพลินกับแสงกล้ากำลังเดินตรงไปยังรถของแพรไพลินที่ถูกวางระเบิด
“น้ำเสียงรู้สึกผิด อย่าบอกนะว่าอาลัยอาวรณ์น้องสาวนอกไส้”
จักรพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือมาถือไว้ เหมือนกำลังเตรียมจุดระเบิด
ใบหน้าของรวิ แววตาไม่ค่อยมั่นใจนัก จ้องไปที่แพรไพลินที่กำลังจะเดินเข้าไปสู่ความตาย
"แล้วท่านล่ะคะ รู้สึกดีนักเหรอที่จะต้องระเบิดคู่หมั้นของตัวเอง"
สายตารวิ เห็นแพรไพลินเดินตรงไปที่รถกับแสงกล้า
จักรจ้องไปที่ภาพวงจรปิดบนเครื่องโน้ตบุ๊กของตัวเอง
“มันเป็นวิถี ถ้าแพรไพลินไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับผม เธอก็ไม่ต้องโดนแบบนี้”
จักรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดหมายเลขโทรศัพท์เตรียมจะเปิดระบบระเบิดในรถแพรไพลิน
แพรไพลินกับแสงกล้าเดินมาถึงที่รถคันที่มีมัดไดนาไมค์ที่ยังคงซ่อนอยู่ในคอนโซลรถ
“ผมขับรถไปส่งเอง”
"ขอบคุณค่ะ"
แสงกล้าฝืนยิ้มเพื่อรักษาบรรยากาศ
“อยากทานอะไร เดี๋ยวทำให้กิน”
แพรไพลินฝืนยิ้มเช่นกัน
"ไม่อยากท้องเดินค่ะ"
แพรไพลินส่งกุญแจให้เขา ทั้งสองคนเปิดประตูขึ้นรถ แสงกล้าสตาร์ทเครื่องยนต์ กำลังจะขับรถออกมา
จักรกด Send ที่โทรศัพท์มือถือตัวเอง ส่งสัญญาณออกไป
ภายในรถแพรไพลินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แพรไพลินหยิบไอโฟนตัวเองขึ้นมา เห็นว่าเป็น Video Call เธอรับสาย
โทรศัพท์ที่ติดไดนาไมท์อยู่ แต่หน้าปัดโทรศัพท์นิ่ง ๆ ไม่มีเสียงเรียกเข้า
จอไอโฟนปรากฏเป็นภาพเงาซีลูเอท ไม่เห็นหน้าคนโทรมา และเสียงถูกบิดจนจำไม่ได้
“หยุดรถ!”
“คุณเป็นใคร” แพรไพลินถาม
“ฉันบอกให้หยุดรถ ถ้ารถคันนี้แล่นออกจากพื้นที่ลานจอด รถจะต้องระเบิดทั้งคันแน่!”
“หมายความว่ายังไง” แสงกล้าถาม
“คำตอบอยู่ที่ใต้คอนโซล”
ที่ห้องทำงาน จักรกำลังพยายามกดโทรศัพท์ย้ำ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ระเบิดทำงาน แต่ระเบิดยังไม่ทำงาน จักรกดมือถือถี่ยิบด้วยความไม่พอใจ พลางหันมามองหน้าจอมอนิเตอร์ด้วยแววตาไม่พอใจมาก
รถแพรไพลินหยุดกึ่กที่กลางลานจอดรถ รายล้อมไปด้วยเสาสี่ต้นที่นภาติดเครื่องส่งสัญญาณรบกวนโทรศัพท์มือถือของจักร
กล่องสัญญาณ ปรากฏไฟกระพริบถี่ ๆ เหมือนกำลังทำงานอยู่
ภายในรถแพรไพลิน แสงกล้าดึงไดนาไมค์ติดโทรศัพท์มือถือออกมา แพรไพลินเห็นระเบิดแล้วตกใจ
“ระเบิด ระบบจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ !”
โทรศัพท์ไอโฟนของแพรไพลินวูบดับลง แพรไพลินหันไปมองรวิที่ยังจ้องอยู่ที่ริมระเบียง
จักรโกรธมากที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่ทำงาน จึงขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้นอย่างบันดาลโทสะ
“มันเป็นใคร ! ใครช่วยไอ้แสงกล้ากับนังแพรไพลิน”
ฉับพลัน หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้านหน้าจักร ที่เป็นภาพวงจรปิดแสดงภาพลานจอดรถ ภาพล้มซ่าหายไป ! จักรหันมามองด้วยความแปลกใจ แล้วจู่ ๆ หน้าจอก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับตัวหนังสือ… พิมพ์ขึ้นมาทีละตัว “ความดีไม่มีวันตาย...”
แสงกล้าเดินตามแพรไพลินมาตามทางเดินที่ทอดยาวในเนติเทคฯ ในมือแพรไพลินถือไดนาไมค์ติดมือถือมาด้วย ตอนนี้สายไฟถูกกระชากขาดไปหมดเพื่อไม่ให้ระเบิดทำงาน
"คุณจะไปไหน" แสงกล้าถาม
"ฉันจะไปพูดกับเค้าให้รู้เรื่อง"
"ใคร"
แพรไพลินไม่ตอบ เดินนำแสงกล้าไป
ภายในห้องประชุมเนติเทคฯ ระเบิดไดนาไมค์ถูกแพรไพลินขว้างลงบนโต๊ะหน้า พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นแพรไพลินจ้องเธอเขม็ง
“ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือคุณ !”
รวิจ้องแบบไม่เกรง
"หลักฐาน"
“ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน แค่สามัญสำนึกฉันก็รู้แล้วว่าใครทำ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรับรู้สามัญสำนึกของใคร เธอไม่มีหน้าที่ที่นี่แล้ว... ออกไป”
“พี่รวิ ฉันเข้าใจว่าพี่โกรธเกลียดฉันกับครอบครัวมากแค่ไหน แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า พี่จะอาฆาตพยาบาทถึงขนาดจะฆ่าฉัน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวได้"
“จะแปลกอะไร ถ้าฉันไม่เคยนับเธอว่าเป็นน้อง”
“ถ้าต้องการจะประกาศสงครามอย่างนั้นก็ได้ ต่อไปนี้ฉันจะถือว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมโลก นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ฉันจะทำให้คุณรู้ว่า ถ้าฉันร้าย ฉันร้ายมากกว่าที่คุณคิดหลายร้อยเท่า”
แพรไพลินเดินออกไปเลยด้วยความโกรธ รวิมองตามออกไปสายตาเกือบสลด แต่พอเห็นแสงกล้าจ้องหน้ารวิ เธอก็เปลี่ยนไปเป็นร้ายกาจอย่างเดิม
"มีอะไร"
“ก็แค่อยากจะบอก ผ.บ.รวิ คุณไม่ใช่คนเลวอย่างที่ผมคิด คุณมันชั่วเกินกว่าจะเรียกว่าคน แพรไพลินเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ คุณยังคิดฆ่าเธอได้ ผมจะรอดูวันที่คุณแผ่นดินกลบหน้า ไม่เหลือใครสักคนบนโลก”
แสงกล้าชี้หน้ารวิแล้วเดินออกไป รวิพิงพนักเก้าอี้ สีหน้าเครียดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นพลางถอนหายใจยาว
คืนวันเดียวกัน บริเวณวิวทิวทัศน์สวยงามยามค่ำ แพรไพลินยืนน้ำตาคลอสะเทือนใจมองตรงไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าเสียใจกับเรื่องราวทั้งหมด แสงกล้ายืนอยู่ด้านข้างๆมองเธอด้วยความสงสาร
“ผมเข้าใจว่าคุณสะเทือนใจที่คนในครอบครัวคิดฆ่ากันได้ แต่พูดอะไรบ้างสิ คุณยืนนิ่ง ๆ แบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
แพรไพลินน้ำไหลอาบแก้ม เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกำลังอดกลั้นเต็มที่
“กลับไปซะเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
แสงกล้ายังยืนนิ่งไม่ออกไป มองแพรไพลินอยู่อย่างนั้น
"ฉันบอกให้กลับไป"
“ไม่”
แพรไพลินหันมามองใบหน้าจริงจังของเขา
“ในสถานการณ์แบบนี้ เพื่อนไม่มีวันทิ้งเพื่อน”
"เพื่อน"
แสงกล้าอมยิ้ม
"หรือคุณจะให้ผมเลื่อนฐานะเป็นอย่างอื่นล่ะ"
แพรไพลินชะงักคลายเครียดไปได้บ้าง เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ มองตรงไปยังวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า
“ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เพียงแต่ตอนนี้เรายังหาไม่เจอ มันก็แค่นั้น"
แสงกล้าเอื้อมมือไปจับมือแพรไพลินไว้เพื่อให้กำลังใจ แพรไพลินกำมือเขาไว้ พลางมองตาด้วยสายตาขอบคุณ
ทั้งสองคนจับมือให้กำลังใจกัน ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืน
วันใหม่ ภายในสำนักงานสืบสวนพิเศษ เอกสารคำสั่งย้ายถูกวางบนโต๊ะ ดาบแหบกับจ่าหวานยืนดูแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาไม่พอใจ
“หมายความว่าไง ย้ายไปอยู่ฝ่ายธุรการ” ดาบแหบถาม
“ให้ไปทำงานเสมียน จัดคิวเข้าเวรของพนักงานเนี่ยนะ” จ่าหวานว่า
“ได้ไง..เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเราทำงานสืบสวนมาทั้งชีวิต” ดาบแหบบอก
"ผู้บังคับบัญชาเห็นว่า ถ้าแกสองคนยังทำงานเดิมต่อไป จะเป็นผลเสียต่อสำนักงานสืบฯ"
“กลัวเราเป็นหอกข้างแคร่น่ะสิ!” จ่าหวานบอก
วินชี้หน้าจ่าหวานทันทีด้วยความไม่พอใจ
วินเลื่อนใบคำสั่งไปตรงหน้าทั้งสองคน
“เป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชา พวกแกมีหน้าที่ต้องทำตาม เซ็นรับทราบคำสั่งแล้วปฏิบัติตาม”
จ่าหวานกับดาบแหบหันมามองหน้ากัน แล้วมองหน้าวินด้วยสีหน้าและสายตาไม่พอใจ
“หรืออยากจะโดนพักราชการ...เลือกเอา”
จ่าหวานกับดาบแหบจำต้องเซ็นรับทราบในคำสั่งอย่างเสียไม่ได้
ในเวลาต่อมา จ่าหวานกับดาบแหบนั่งห้อยขา ตาละห้อยมองแม่น้ำที่ไหลผ่านเบื้องหน้า
"พิมพ์ดีดไม่เป็นสักตัว จะให้ข้าเป็นเสมียนได้ไง" จ่าหวานบอก
“ความยุติธรรมหายไปไหนหมด คนทำดีไม่ได้ดี หมอแพรโดนย้ายคนชั่วลอยนวล !” ดาบแหบว่า
ทางด้านหลังของจ่าหวานกับดาบแหบ มีร่างใหญ่ร่างหนึ่งก้าวเข้ามายืนค้ำทั้งสองคนอยู่
“ปัญหาทุกอย่าง ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูดหรอกนะ”
จ่าหวานกับดาบแหบได้ยินเสียงคุ้น ๆ เงยหน้าขึ้นมองแล้วชะงักด้วยความแปลกใจ
ดาบแหบกับจ่าหวานเรียกขึ้นพร้อมกัน
"ผู้การอินทนนท์"
“อย่าดูถูกงาน แค่งานธุรการก็ทำประโยชน์ สร้างความดีให้สังคมได้”
ผู้การอินทนนนท์มาดเท่ พูดด้วยประโยคชวนให้คิดว่า จะให้จ่าหวานกับดาบแหบทำอะไร
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์นั่งอยู่ในห้องทำงาน คิดเรื่องราวในอดีตระหว่างตัวเองกับวิญญู เธอหันไปมองภาพถ่ายตัวเองในชุดผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษ เธอเดินไปหยิบรูปนั้นมาดู ภาพในความทรงจำย้อนเข้ามาในความคิด
ในอดีต รวิในชุดผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษ กำลังคุยกับวิญญู สายตามองวิญญูอย่างเทิดทูน
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้ฉันก้าวขึ้นมาถึงวันนี้”
"คนมีความสามารถอย่างเธอ คู่ควรกับตำแหน่งนี้อยู่แล้ว"
“ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย มีอะไรที่ฉันจะทดแทนท่านได้บ้างมั้ย”
วิญญูเอามือกระชากรวิเข้ามาสวมกอดเต็มแรง เอานิ้วไล้ที่แก้ม
"แล้วเธอจะรู้เองว่าควรจะทำอะไร ฮึ ๆ ๆ"
"ฉันยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน"
“ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่เป็นตลอดไป”
วิญญูดึงรวิเข้ามากอดแล้วจูบอย่างหนักหน่วง มือของวิญญูที่ประคองอยู่ที่ท้ายทอยของรวิ ปรากฏเห็นลูกกลมขาวเกลี้ยงส่องประกายวาบๆ วิญญูกำลังฝังลูกสะกดเข้าในศีรษะของรวิโดยเธอไม่รู้ตัว
“ต่อไปนี้ เธอกับฉันจะผูกพันกันไปตลอดชีวิต”
ใบหน้าของรวิเต็มไปด้วยความรักในตัววิญญู โดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกทำให้เป็นทาสตลอดไป
กลางวัน วันเดียวกัน ภายในห้องแล็ป ในทาวน์โฮม แสงกล้าและแพรไพลินนั่งเครียดที่ถูกสั่งพักงาน พยายามหาทางออกให้กับตัวเอง
“เราต้องหาทางเล่นงานพวกนั้นบ้าง ไม่อย่างนั้นมันก็จะลอยนวลอยู่อย่างนี้” แสงกล้าบอก
จ่าสมิงเดินเข้ามาพร้อมถือถุงอาหารมากมาย พร้อมกับดาบแหบและจ่าหวาน
“ได้เวลาฉลองกันแล้วครับพี่น้อง”
แสงกล้าหันมามองสมิงด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ
“ไม่ใช่เวลามาเล่นตลก ไม่เห็นรึไงว่ากำลังเครียด”
สมิงเข้าไปแหย่
“เครียดเรอะ ! นำเสนอนี่เลยครับ... น้ำใบบัวบกคั้นสดแก้ช้ำใจ แต่ถ้าช้ำหัวใจต้องให้ใครสักคนช่วย” สมิงพูดพลางชายตาไปทางแพรไพลิน
“ไม่ขำ”
ดาบแหบหน้าจ๋อยบอก
"อุ้ย... เครียดจริง"
"อยู่ต่อดีมั้ยเนี่ย" จ่าหวานว่า
“ได้พักแบบไม่มีกำหนดยังไม่ดีใจกันอีก จะได้ไปเที่ยวให้หนำใจ ไม่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง" สมิงบอก
“ฉันไม่อยากทิ้งคดีนี้ อยากจับตัวคนร้ายให้ได้ ขืนปล่อยให้มันปลอมตัวเป็นใครก็ได้ ทุกอย่างมีแต่แย่ลง" แพรไพลินว่า
“จริงสิ”
สมิงควักปืนออกมาเล็งที่แสงกล้าและแพรไพลินแล้วบอก
“หนึ่งในนี้อาจจะเป็นไสยดำแปลงตัวมาก็ได้"
สมิงเดินไปหาแพรไพลินแล้วบอก
"คนนี้ตัวจริง เห็นแล้วชื่นใจ"
สมิงเล็งปืนไปที่แสงกล้าแล้วบอก
“แกเป็นไสยดำ!”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แสงกล้าตัวจริง...เค้าแขวนพระ”
แพรไพลินหันไปมองที่สร้อยพระของแสงกล้า
สมิงสนใจจริง ๆถาม
“พระ... รุ่นไหน”
สมิงจะเข้าไปดูพระที่สร้อยของแสงกล้า แต่แสงกล้านึกขึ้นได้ถาม
“จ่าเก่งเรื่องคาถาอาคม ทำไมถึงไม่รู้ว่าไอ้พญามารเป็นใคร”
"ก็มันใส่หน้ากาก หนำซ้ำยังแปลงหน้าไปๆ มาๆ ได้ยังกะจิ้งจก ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นใคร" สมิงบอก
"ถ้าเรากระชากหน้ากากมันออกมาได้ อาจจะเล่นงาน..เอาผิดมันง่ายขึ้น" แพรไพลินว่า
"แต่มันเปลี่ยนหน้าตัวเองได้นะ" แสงกล้าว่า
“การแปลงหน้าของมันเป็นมหาคุณไสยขั้นพญามาร เกิดจากอำนาจของสังข์ไชยมงคล”
สมิงพูดแล้วคิดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อไป
“แต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นคน เป็นคนยังไงก็ต้องมีพลาด”
สมิงนิ่งคิด แล้วคิดได้พูดต่อแบบนิ่ง ๆ
“น้ำมันสักพราย”
“หมายถึงอะไรคะ”
“ตามตำราไสยเวทย์...น้ำมันสักพรายเป็นมหาคุณไสยสายขาวใช้แก้การแปลงกายปลอมร่าง!”
“คราวนี้ถ้าเรากระชากหน้ากากมันออกมา เราจะรู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงของมันเป็นใคร"
“แต่คาถานี้ต้องสักที่กลางหน้าผากเท่านั้น หมวดคิดว่ามันจะยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งให้ผมสักเหรอครับ"
“แสดงว่าถ้าทำให้มันหยุดนิ่งได้ สมิงก็สักคาถาได้”
“จิ๊บ ๆ”
แสงกล้าหันไปหาแพรไพลินที่ทำหน้าแปลกใจ
"คุณต้องช่วยพวกเรา งานนี้ต้องรวมพลังระหว่างวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์”
“คุณจะทำให้มันปรากฏตัวออกมาได้ยังไง” แพรไพลินถาม
“เทวาศาสตราวุธ มันต้องการเทวาศาสตราวุธที่เหลืออีกสองชิ้น!”
แสงกล้ามีสีหน้าเชื่อมั่น คล้ายมีแผนการอะไรอยู่ในใจ
วันใหม่ … ภายในห้องส่งสถานีโทรทัศน์ ขึ้นภาพอินเตอร์ลูด ตัวหนังสือไตเติ้ลขึ้นสวยงามรายการสนทนาบันเทิง “ศิลปสนทนา” น้ำใส ภูมิภักดิ์กำลังดำเนินรายการนั่งคู่กับเจนภพ เทวสถิตย์
“สวัสดีค่ะท่านผู้ชม วันนี้รายการศิลปสนทนาจะร่วมพูดคุยกับ คุณเจนภพ เทวสถิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปร่วมสมัยแห่งเอเชีย มูลนิธิไททัศน์ ค่ะ”
"สวัสดีครับท่านผู้ชม"
“ทราบว่าทางศูนย์ศิลปพบร่องรอยหลักฐานบางอย่าง เกี่ยวกับเทวาศาสตราวุธชิ้นที่เหลือ พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยคะว่าเป็นยังไงมายังไง”
น้ำใสกำลังคุยอยู่กับเจนภพ...
เมื่อหลายวันก่อน ภายในห้องทำงานของน้ำใสในสถานีโทรทัศน์ สกายนิวส์เน็ตเวิร์ค แสงกล้าเข้ามาขอความช่วยเหลือ
“ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
"อะไรนะ...จะให้ฉันช่วยจับไอ้โจรขมังเวทย์นั่นน่ะเหรอ"
“เธอเป็นสื่อ... ก็แค่สร้างเรื่องให้เชื่อได้ว่า พบเทวาศาสตราวุธอีกชิ้นนึงแล้ว !”
แสงกล้าพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
ภายในห้องส่ง เจนภพ เทวสถิตย์กำลังพูดอธิบายภาพวาดสีน้ำมัน ลายเส้นไทยภาพหนึ่ง เป็นรูปคทาสวยงาม เขายืนคู่อยู่กับน้ำใส
“เป็นที่น่ายินดีที่ทางศูนย์ฯได้รับภาพนี้มาโดยบังเอิญจากพิพิธภัณฑ์เอเชียร่วมสมัยแห่งซานฟรานซิสโกฯ"
"นี่เหรอคะ...อนันตคทา"
“ตอนแรกเราก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่มีหลักฐานสำคัญบางอย่าง...ทำให้เรามั่นใจว่านี่คือ อนันตคทา”
ภาพวาดอนันตคทาวางอยู่กลางห้องส่ง
ในอดีต หลังจากที่แสงกล้ามาขอความช่วยเหลือจากน้ำใสแล้ว ขณะที่แพรไพลินก็ไปขอความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการ เจนภพ อีกททางหนึ่ง
เจนภพกำลังเดินคุยอยู่กับแพรไพลินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันอยากให้ท่านสร้างเรื่องว่าค้นพบอนันตคทาแล้ว เพื่อล่อให้พวกโจรมาติดกับ”
“ถ้ามีอะไรจะช่วยได้ ผมก็ยินดี อย่างน้อยเราอาจจะได้โบราณวัตถุสำคัญที่ถูกขโมยกลับมา"
ภายในห้องส่ง ทั้งน้ำใสและเจนภพกำลังคุยกันหน้าภาพวาดอนันตคทา
“เทวาศาสตราวุธ...แต่ทำไมเป็นภาพวาด”
“ตามคัมภีร์โบราณ ศาสตราวุธไม่ได้หมายความเพียงแค่อาวุธเพียงอย่างเดียว เชื่อกันว่า..ความสำคัญของศาสตราวุธอยู่ที่อักขระโบราณที่สลักไว้ต่างหากครับ ที่จะทำให้เกิดอำนาจตามคุณไสยฯ"
“อักขระโบราณ”
เจนภพชี้ไปที่ลายอักขระโบราณที่เขียนอยู่บนภาพวาดอนันตคทา
“พอทีมงานของศูนย์ฯ เห็นอักขระเหล่านี้ เราจึงมั่นใจทันทีครับว่านี่คืออนันตคทา ศาสตราวุธอีกชิ้นหนึ่งตามคัมภีร์เทวาศาสตราวุธ”
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ที่จอโทรทัศน์ในห้องจักรกำลังเปิดดูรายการนี้อยู่เช่นกัน
น้ำใสพูดต่อไป
“เป็นที่น่ายินดีว่าโบราณวัตถุชิ้นนี้ เราชาวกรุงเทพฯ จะมีโอกาสได้ดูกันแบบเต็ม ๆ ตาในระหว่างสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก่อนที่ทางมูลนิธิจะนำไปจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดต่าง ๆ ในภาคีสมาชิกศูนย์ศิลปร่วมสมัยแห่งเอเชียค่ะ"
จักร อมตฤทธาหยิบรีโมทคอนโทรลมาปิดทีวี สีหน้าเต็มไปด้วยการวางแผน
วันใหม่ ในเวลากลางวัน ภายในอาคารศูนย์ศิลปเอเชียฯ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่ของตึก แบบเตรียมกำลังไว้พร้อม
ดาบแหบและจ่าหวานยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง ดาบแหบหยิบพระขึ้นมาไหว้บูชาคาถา
“ดาบแหบทำอะไร” จ่าหวานถาม
“แคล้วคลาดปลอดภัย” ดาบแหบบอก
“ขี้ขลาดตาขาว เราไม่ได้ไปออกรบซะหน่อย”
“ไม่ออกรบก็เหมือนออก อยู่ฝ่ายธุรการ... แต่สับเวรให้ตัวเองมาอยู่แทนคนอื่น ถ้าโดนจับได้ไม่ซวยเหรอวะ"
“เออจริง...งั้นขอบ้าง”
จ่าหวานเข้าไปจับพระของดาบแหบแล้วไหว้อธิษฐาน
ทันใดนั้นมีรถของเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเข็นรถผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ คนหนึ่งหันไปมองแล้วเรียกไว้
“หยุด!”
เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดสองคนคือแสงกล้าและแพรไพลินที่ปลอมตัวมา รีบเอาหมวกมาปิดหน้าและก้มต่ำ
"จะไปไหน ตรงนี้เป็นพื้นที่พิเศษ ห้ามคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด"
"เราได้รับคำสั่งให้ไปทำความสะอาด” แสงกล้าบอก
ดาบแหบกับจ่าหวานได้ยิน รีบเดินเข้ามาหาทันที
"ทำไมมาช้า.. รีบ ๆ เข้าไปทำความสะอาดเลยนะ"
“ยังไงกันเหรอ” เจ้าหน้าที่ถาม
"ผอ.ศูนย์สั่งให้รีบมาทำความสะอาดก่อนเปิดงานพรุ่งนี้ รีบๆ ให้เข้าไปเหอะ เดี๋ยวไม่เสร็จ"
“รีบไป....รีบออกมาล่ะ ไม่งั้นจะเดือดร้อน”
แสงกล้าและแพรไพลินรีบเข็นรถไป ดาบแหบหันไปตะโกน
“เดี๋ยว...ใส่หมวกให้เรียบร้อย”
แพรไพลินหยุดกึก ดึงเอาหมวกมาปิดผมที่โผล่ออกมา
เจ้าหน้าที่แปลกใจ
“ผ.บ.รวิสั่งกำชับห้ามใครเข้าไปเด็ดขาด ปล่อยไปได้ไง”
“ก็เค้าเพิ่งโทรมาสั่งเมื่อกี้” ดาบแหบว่า
จ่าหวานพูดกับเจ้าหน้าที่
"เอ๊าๆๆ ทำเป็นมึนไม่เข้าใจ เอ็งกล้าเสี่ยงกับ ผบ.เหรอ ไปเลย...ไปฝึกชกมวยกะข้าดีกว่าจะได้หายมึน”
จ่าหวานเอาตัวเจ้าหน้าที่ออกไป
มุมหนึ่งในตึก แสงกล้าและแพรไพลินเข็นรถหลบเจ้าหน้าที่มาได้ ก็เอารถมาจอดที่มุมหนึ่งภายในตึก สมิงออกจากรถเข็นที่ซ่อนตัวไว้
"แน่ใจเหรอว่ามันจะมา" แพรไพลินถาม
"แน่ใจที่สุด มันจะต้องเข้ามาชิงภาพวาดอนันตคทาแน่นอน" แสงกล้าบอก
“ทุกคนแยกย้ายออกไปประจำที่เถอะ” สมิงบอก
แพรไพลินกับแสงกล้าพยักหน้ารับคำ รีบกระจายออกไปในแต่ละด้าน พร้อมปฎิบัติการตามแผนที่วางไว้
แพรไพลินถอดหมวกเข้ามาในห้องควบคุมเครื่องปรับอากาศพร้อมกับสะพายเป้ใบหนึ่ง เธอถอดเป้ลง ติดตั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ที่ข้างตู้ควบคุม เสียบสายสัญญาณเส้นหนึ่งเข้าภายในตู้ควบคุมฯ
เมื่อแพรไพลินเปิดคอมพิวเตอร์ออก จึงเห็นเป็นภาพวงจรปิดในห้องต่าง ๆ ภายในศูนย์ศิลปฯ
แพรไพลินหันไปหยิบถังก๊าซขนาดเล็กออกมาจากเป้ ติดตั้งเข้าไปในบริเวณตู้เครื่องปรับอากาศด้านหนึ่ง และกดปุ่มตั้งมิเตอร์ปรับความดันของถังก๊าซที่เธอเดินท่อเข้าไปยังเครื่องปรับอากาศ
ในอดีต ห้องแลป ทาวน์โฮมแพรไพลิน แสงกล้าบอกแผนในการจัดการกับไสยดำ แพรไพลินกำลังทำการผสมยาสลบ บรรจุในถังก๊าซใบเดิม และบนโต๊ะยังมีกระสุนยาสลบที่พร้อมผลิตอีกหลายชุด
“ถึงมันจะเป็นจอมขมังเวทย์ แต่ก็ยังมีส่วนที่เป็นมนุษย์ ร่างกายของมันต้องมีจุดอ่อนที่โดนทำร้ายได้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป” แสงกล้าบอก
“ฉันหวังว่าวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์พวกนี้จะช่วยได้”
"คุณกำลังทำอะไร"
“ผสม KETAMINEHL (คีตามีน) ยาสลบชนิดรุนแรงที่สุด”
“แรงแค่ไหน”
“ช้างยังหลับกลางอากาศ”
“งั้นเหมาะเลย ผมต้องการให้คุณผสมคีตามีน 2 ชุด ชุดหนึ่งผสมกับก๊าซ ติดตั้งบนเครื่องระบายอากาศภายในห้องจัดนิทรรศการ คอยดักเล่นงานมันภายในห้องนั้น... ส่วนอีกชุดหนึ่งทำเป็นกระสุนให้ผม ผมจะเล่นงานมันด้วยกระสุนคีตามีนก่อนในชุดแรก”
ภายในศูนย์ศิลปฯ แสงกล้ากำลังบรรจุกระสุนที่มีหัวกระสุนเป็นสารเคมียาสลบอยู่ด้านบน บรรจุใส่ลงในแม็กกาซีนปืนพก สมิงเดินเข้ามาใกล้แสงกล้าโดยมีย่ามคู่ใจสะพายมาด้วย
“จ่าเตรียมน้ำมันสักพรายมาเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
สมิงพยักหน้าแตะที่ย่ามสะพายคู่ใจ
“ขอแค่มันสงบนิ่งแค่นาทีเดียว รับรองว่ามันจะไม่สามารถแปลงหน้าเป็นคนอื่นได้อีกเลยชั่วชีวิต"
ทั้งสองคนดูมั่นใจในแผนการที่วางไว้
บริเวณอาคาร เจ้าหน้าที่เดินรักษาความปลอดภัยด้านนอกอย่างรัดกุม
ท้องฟ้าที่สดใสก็กลายเป็นเมฆครึ้มดำ ลมพัดแปรปรวนคล้ายกำลังจะเกิดเหตุ
บริเวณทางเดินหน้าห้องนิทรรศการ ดาบแหบคุยวอกับเจ้าหน้าที่โดยรอบ
“สถานการณ์ข้างนอกปกติไหม”
“ทุกอย่างปกติ”
“ด้านในก็...”
สัญญาณวอผิดปกติ...ดาบแหบแปลกใจ
“สัญญาณเป็นอะไร” จ่าหวานถามพลางกระชับปืนไว้
“ได้ยินมั้ย”
ทันใดนั้นจ่าหวานกับดาบแหบก็หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ร่างของขมังเวทย์ยืนอยู่เบื้องหน้า แล้วจึงเคลื่อนที่ผ่านดาบแหบและจ่าหวานออกไป เสียงสัญญาณวอกลับมาเหมือนเดิม
“ข้างในปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ดาบแหบและจ่าหวานโล่งใจที่ทุกอย่างเป็นปกติ ตรวจสอบทั่วทั้งพื้นที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขมังเวทย์ยิ้มอย่างพอใจที่ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย และเดินตรงไปยังห้องที่จัดแสดงภาพ ระหว่างทางที่ขมังเวทย์เดินไป ไฟตามทางเดินแตกเพล้ง ! ไปทีละดวง ๆ ประตูโถงทางเข้าห้องจัดแสดงภาพเปิดออกทันทีที่ขมังเวทย์มาหยุดยืน ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องจัดแสดงอย่างทรนงไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ขมังเวทย์ก้าวเข้ามาในห้องจัดแสดงภาพฯ เขาหันมองเห็นภาพวาดมากมายติดเรียงราย
ที่ผนังห้อง เห็นมีหน้าต่างที่ปิดอยู่หลายบานภายในห้องจัดแสดงนั้น
ขมังเวทย์หยุดมองหาภาพที่เป็นภาพอนันตคทา เขาหยุดมองที่ภาพ ๆ หนึ่ง ไม่ใช่ภาพอนันตคทา เป็นแค่ภาพวิวทิวทัศน์ธรรมดา ๆ ภาพหนึ่ง ขมังเวทย์นิ่วหน้าเหมือนรู้สึกได้ถึงกระแสอะไรบางอย่าง แต่แล้วกลับปรายตามองต่อไปอีกภาพหนึ่งถัดออกไป ซึ่งเป็นภาพอนันตคทาที่เจนภพเคยนำไปแสดงทางทีวี
ขมังเวทย์ยิ้มพอใจเมื่อเห็นภาพอนันตคทาอยู่เบื้องหน้า ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ความประมาทเป็นบ่อเกิดของหายนะ” เสียงสมิงดังขึ้น
ขมังเวทย์หันหน้าไปเผชิญหน้ากับสมิง
“คำขวัญสำหรับไอ้ขี้แพ้อย่างแกไง..ไอ้มงคล !”
สมิงถลึงตาใส่ขมังเวทย์ทันที เพราะขมังเวทย์เรียกชื่อเดิมของเขา
“กระสุนปืนธรรมดาอาจจะทำอะไรแกไม่ได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่กระสุนธรรมดาล่ะ”
แสงกล้าถลาออกมาจากมุม ๆ หนึ่ง ยิงปืนในมือเปรี้ยง...ลั่นกระสุนยาสลบใส่ขมังเวทย์
กระสุนยาสลบพุ่งตรงเข้าใส่ขมังเวทย์ แต่เขาหลบวูบไปได้ แสงกล้าลั่นรัวกระสุนในมือเป็นชุด เปรี้ยง ๆ ๆ
กระสุนหลายนัดพุ่งเข้าใส่ขมังเวทย์ คราวนี้ขมังเวทย์ไม่หลบ แต่หัวเราะก้อง...
“ฮึ ๆ ๆ”
ขมังเวทย์เพ่งสายตาทำให้กระสุนยาสลบหยุดนิ่ง
“พวกแกไม่มีวันทำอะไรข้าได้ เตรียมตัวตายได้แล้ว.. ฮ่า ๆ ๆ”
กระสุนยาสลบเหล่านั้นแตกกระจายเป็นผุยผง
แพรไพลินอยู่ในห้องควบคุมฯ มองภาพหน้าจอและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“แสงกล้า สมิง!”
ภายในห้องจัดแสดงภาพแสงกล้าและสมิงผงะถอยออกมา ขมังเวทย์หัวเราะอย่างสะใจ จ้องมองด้วยแววตามุ่งร้าย
“หมดเวลาสนุกของพวกแกแล้ว”
“เฮ้ย..มันเพิ่งเริ่มต้น” สมิงบอก
“จ่า...”
แสงกล้าโยนหน้ากากป้องกันแก๊สให้ สมิงรับมาใส่ ขมังเวทย์แปลกใจ แสงกล้าดีดนิ้วให้สัญญาณกับแพรไพลิน
แพรไพลินกดปุ่มบริเวณท่อที่ติดไว้กับเครื่องปรับอากาศ ปล่อยแก๊สยาสลบทันที
เสียงฟู่จากบริเวณช่องแอร์ดังขึ้น ขมังเวทย์เงยหน้าไปมอง
ควันสีขาวพวยพุ่งจากท่อแอร์ลงมายังห้องจัดแสดงภาพ ขมังเวทย์มองด้วยความตกใจ แสงกล้าและสมิงที่ใส่หน้ากากเรียบร้อยแล้ว ยืนยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ขมังเวทย์ได้รับควันยาสลบและเริ่มออกฤทธิ์ ร่างขมังเวทย์ทรุดตัวลงกับพื้น
สมิงและแสงกล้าเดินตรงเข้ามาหา แสงกล้าหยิบปืนใส่กระสุนยาสลบเล็งจะยิงใส่ขมังเวทย์
ขมังเวทย์หันขวับมามองไปยังสมิงและแสงกล้าเหมือนมีฤทธิ์เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่โดนคลื่นพลังงาน ลอยหวือกลับไปกระแทกกำแพง ล้มคว่ำลง ขมังเวทย์หันขวับไปรอบตัวเบิกตาโพลงมองไปทั่วทั้งห้อง
บริเวณอาคาร เมฆดำเคลื่อนตัวลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว บังเกิดลมพายุอย่างรุนแรงหมุนพัดวน
ราวกับเกิดพายุลมพัดกระโชก ฉับพลันหน้าต่างภายในห้องจัดแสดงภาพ เปิดผลัวะออกทุก ๆ บาน ลมพายุพัดกระโชกผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง
แพรไพลินอยู่ในห้องคอนโทรลตกใจมาก แก๊สที่ถูกปล่อยออกมาจากท่อแอร์โดนลมพายุที่พัดเข้ามาหอบออกไปจนไม่เหลือ ขมังเวทย์อาการดีขึ้นจากแก๊สยาสลบลุกขึ้นมาอย่างเหนือชั้น
แสงกล้าและสมิงกระชากหน้ากากป้องกันแก๊สออก ขมังเวทย์จ้องมองทั้งคู่ก่อนก้าวเข้ามาเตะแสงกล้ากับสมิงตัวลอยหวือไปคนละทาง
“เชื่อแล้วใช่มั้ย...เกมจบแล้ว !”
แพรไพลินเห็นเหตุการณ์เป็นห่วงแสงกล้าและสมิง รีบวิ่งออกไปจากห้องควบคุมทันที
ขมังเวทย์หันกลับไปมองภาพวาดอนันตคทา เขาเดินไปที่ภาพวาด แสงกล้าและสมิงผิดหวังที่ขมังเวทย์จะเอาภาพอนันตคทาไปได้ ขมังเวทย์หัวเราะอย่างพอใจ หยิบภาพวาดขึ้นมามองด้วยความชื่นชม แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นข้อความเขียนที่ไว้ที่ผนังด้านล่างภาพ “ความดีไม่มีวันตาย” ขมังเวทย์พลิกภาพวาดเห็นระเบิดติดมือถือ
บริเวณดาดฟ้าตึกใกล้เคียง หญิงลึกลับยิ้มอย่างพอใจ หญิงลึกลับกดโทรศัพท์ Send สัญญาณโทรศัพท์ออกไป
“ความดีไม่มีวันตาย !”
ภายในห้องจัดแสดงภาพขมังเวทย์จะทิ้งภาพแต่ภาพนั้นระเบิดกระจายด้วยฤทธิ์ของไดนาไมค์ ร่างของขมังเวทย์กระเด็นล้มลงกลางห้องด้วยแรงระเบิด ควันคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ประตูห้องเปิดออกแพรไพลินเข้ามาในห้อง เศษภาพวาดจากแรงระเบิดร่วงลงพื้น ใกล้เท้าแพรไพลิน เธอแปลกใจที่มีคนวางระเบิด เธอวิ่งไปยังหน้าต่างที่เปิดออก มองไปยังตึกข้างเคียงเพื่อมองหาคนจุดชนวนระเบิด
หญิงลึกลับยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินออกไปจากจุดซ่อนตัว
ขมังเวทย์ทรุดตัวเพราะถูกระเบิดอยู่ที่กลางห้อง สมิงกับแสงกล้ากำลังลุกขึ้นอยู่ห่างออกไป แพรไพลินกระชากไซริงค์โลหะที่ใส่ยาสลบออกมาพร้อมจะปักเข้าที่คอขมังเวทย์
ทันใดนั้นขมังเวทย์ก็คว้าข้อมือแพรไพลินไว้ แพรไพลินตกใจ ทั้งสองยื้อยุดกัน
แสงกล้าวาดแขนเหยียดตรงลั่นกระสุนยาสลบเข้าใส่ขมังเวทย์... เปรี้ยง ! กระสุนยาสลบพุ่งเข้าใส่ขมังเวทย์ที่ไม่ทันตั้งตัวแบบเต็ม ๆ ขมังเวทย์เริ่มเจ็บปวด สะบัดร่างแพรไพลินลอยหวือออกไป
ยาสลบแตกตัวกระจายเข้าสู่เส้นเลือดทั่วร่างกายขมังเวทย์
“พวกแก!”
ขมังเวทย์โกรธมาก ตั้งท่าจะใช้คาถาทำร้ายทุกคน แต่ต้องหยุดกึกล้มคว่ำเพราะยาสลบออกฤทธิ์
ทั้งยังสะบักสะบอมจากพิษของระเบิด
“โปรดฟังอีกครั้งนึง...ความประมาทเป็นหนทางสู่หายนะ” สมิงบอก
สมิงเดินตรงมาหาขมังเวทย์ที่เบิกตาโพลง แต่ไร้เรี่ยวแรงและยังไม่หมดสติ แต่ไม่สามารถจะทำอะไรต่อไปได้
สมิงหันไปพยักหน้ากับแพรไพลินที่ส่งกระบอกปืนยิงเหล็กไหลให้สมิง
"แกเคยฝังของ บังคับหมอแพร คราวนี้แกลองเหล็กไหลทมิฬบ้างนะ"
สมิงนำก้อนเหล็กไหลชูขึ้นอวดขมังเวทย์
“พญามาร ต้องเจอการฝังเหล็กไหลแบบบูรณาการ”
ขมังเวทย์ลืมตามองสมิง ด้วยแววตาเหี้ยมไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
สมิงบรรจุก้อนเหล็กไหลใส่กระบอกยิงที่แพรไพลินส่งให้ กระชากขึ้นลูกเลื่อน
“เมื่อคุณไสยฯ บูรณาการกับเทคโนโลยี...จึงบังเกิดสิ่งนี้ !”
สมิงแนบกระบอกยิงที่คอของขมังเวทย์ กดนิ้วลั่นไก...พรึ่บ ! ส่งเหล็กไหลทมิฬเคลื่อนตัวเข้าสู่ร่าง
ขมังเวทย์ทันที เหล็กไหลวิ่งแล่นผ่านจากต้นคอเข้าไปสู่ลำคอพุ่งเข้าไปยังหน้าผาก
ขมังเวทย์ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
"อ๊าก"
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ลงมาจากรถพร้อมกับวิน เกิดลมพายุพัด เธอได้ยินเสียงร้องของขมังเวทย์ดังลั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเอามืออุดหูด้วยความปวดหู
“ท่าน !”
รวิรีบวิ่งเข้าไปด้านในตึกทันทีพร้อมกันกับวิน
ดาบแหบและจ่าหวานได้ยินเสียงร้องของขมังเวทย์กำลังวิ่งไปยังห้องแสดงภาพ
“ได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินมั้ย” ดาบแหบถาม
“เสียงยังกะวัวถูกเชือด ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต รีบไปเก็บศพ”
ดาบแหบและจ่าหวานจะวิ่งไป แต่มองเห็นรวิกับวิน ทั้งสองคนชะงัก
"โจทย์มาแล้ว... รีบจรลีหนีหน้าดีกว่า"
"ตัวใครตัวมันเว้ย"
ดาบแหบกับจ่าหวานรีบหนีออกไปอีกทาง ไม่กล้าเผชิญหน้ารวิที่กำลังเข้ามา กลัวรู้ว่าตัวเองแอบเปลี่ยนเวรเข้ามาในบริเวณนี้ รวิยังไม่ทันเห็นดาบแหบกับจ่าหวาน หันไปสั่งวินที่ตามเธอเข้ามา
“ออกไปช่วยข้างนอก”
“แต่ในห้องจัดแสดง...”
รวิพูดสวนขึ้น
“นี่เป็นคำสั่ง!!! ฉันจะเข้าไปเคลียร์เอง ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในห้องจัดแสดงเด็ดขาด"
“ครับผม”
วินจำต้องวิ่งออกไปที่นอกตึกตามคำสั่งทันที รวิเป็นห่วงขมังเวทย์รีบวิ่งไปยังห้องจัดแสดงภาพ
ขมังเวทย์ยังคงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ช่วงเอาคืน... หนักหน่อยนะไอ้พญามาร”
สมิงที่กำลังหยิบน้ำมันสักพรายขึ้นมา
“ต่อจากนี้ไป... แกไม่มีสิทธิแปลงหน้าเป็นคนอื่นได้อีกแล้ว”
สมิงหยิบเอาน้ำมันสักพรายขึ้นมาบริกรรมคาถา ใช้นิ้วจุ่มน้ำมันสักที่กลางหน้าผากของหน้ากาก
ขมังเวทย์ ปรากฎเป็นแสงวาบตามรอยสักน้ำมัน ขมังเวทย์รู้สึกเจ็บปวดมากส่งเสียงร้องลั่น
"อ๊าก"
"ขอดูหน้าหน่อยสิว่าน่าเกลียดแค่ไหน"
ขมังเวทย์ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด หน้ากากเป็นรอยใกล้แตก ขมังเวทย์เบิกตากว้างเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง
“ใครอนุญาตให้เข้ามาในนี้ !”
เสียงรวิดังขึ้น ทุกคนหันไปทางรวิ
“พวกถูกสั่งพักงาน..ไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่”
“พวกเราวางแผนล่อจับตัวคนขโมยศาสตราวุธ”
แพรไพลินหันกลับไปชี้ตัวขมังเวทย์ แต่ร่างของขมังเวทย์หายไปแล้ว แสงกล้าตกใจจะวิ่งตามออกไปจากห้อง
“หยุดนะ ! ฉันสั่งแล้วใช่มั้ย อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่งฉัน”
“พวกเราใช้สิทธิ์ของพลเมืองในการทำความดี”
แสงกล้าจะวิ่งออกไปตามจับตัวขมังเวทย์ รวิกระชากปืนออกมาขู่แสงกล้า
“ฉันไม่สนใจว่าจะทำอะไร แต่ถ้าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเข้ามาในเขตหวงห้ามก็เท่ากับเป็นอาชญากร !”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์จ่อปืน จ้องหน้านิ่งไปที่ทุกคน
มุมหนึ่งของอาคาร ขมังเวทย์ในอาการสาหัสออกจากตัวตึกมีรอยหยดเลือดไหลเป็นทาง
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่เข้ามาเคลียร์พื้นที่ เคลื่อนย้ายภาพต่าง ๆ ออกไปเก็บไว้ยังอีกที่หนึ่งโดยมีกองกำลังอารักขาอย่างดี ด้านข้าง น้ำใสกำลังรายงานข่าวสด
“เมื่อบ่ายวันนี้ คนร้ายบุกเข้ามาขโมยภาพวาดอนันตคทาซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเทวาศาตราวุธทั้งสี่ เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งต่อสู้ป้องกันภาพนั้น แต่ระหว่างการต่อสู้ ภาพวาดนั้นถูกแรงระเบิดเสียหาย ในเรื่องนี้ คุณเจนภพ ผู้เชี่ยวชาญโบราณวัตถุจะมีคำตอบให้เรา"
น้ำใสเดินเข้าไปถามเจนภพซึ่งยืนคุมการขนส่งภาพวาดที่เหลือไปเก็บไว้
“ในข่าวร้ายก็ย่อมมีข่าวดี เราค้นพบว่าภาพวาดที่เราคิดว่าเป็นภาพอนันตคทา ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ”
"หมายความว่ายังไงคะ"
“จากหลักฐานเบื้องต้นที่เราพบในเศษภาพวาด เป็นสีน้ำมันคนละยุคสมัยกับภาพวาดอนันตคทา ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าภาพนั้นไม่ใช่อนันตคทาที่แท้จริง”
“คุณเจนภพพอจะมีข้อมูลเพิ่มเติมรึยังว่าภาพอนันตคทาของแท้อยู่ที่ไหน”
“คงต้องใช้เวลาศึกษาอีกระยะหนึ่ง หากมีอะไรเพิ่มเติม ผมจะแจ้งให้ทราบครับ”
เจนภพเดินแยกออกไปควบคุมการขนส่งภาพทั้งหมดขึ้นรถ
น้ำใสรายงานข่าวต่อเนื่อง
“ถือว่าเป็นข่าวดีที่คนร้ายไม่สามารถขโมยภาพวาดไปได้ เราก็ได้แต่หวังว่า อีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้”
น้ำใสรายงานเสร็จ หันไปสั่งทีมงาน
"พี่เข้าไปเก็บภาพด้านในด้วย"
น้ำใสส่งไมโครโฟนให้ทีมงาน แต่เมื่อหันไปมุมหนึ่ง เห็นรวิและเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวแสงกล้า,แพรไพลินและสมิงขึ้นรถไป น้ำใสมองด้วยความเป็นห่วง
วินคุมตัวแสงกล้ากับพวกเข้ามาในห้องสอบสวน แสงกล้าเดินโวยตรงเข้ามาหารวิ
“พวกเราไม่ใช่โจร!”
“เลิกใส่ร้าย กลั่นแกล้งพวกเราซะที” แพรไพลินว่า
“ใครกลั่นแกล้ง สำนักงานสืบฯ ทำตามหลักฐาน พวกนายลักลอบเข้าไปในห้องจัดแสดงหวังจะขโมยภาพ แต่พอโดนจับได้ก็อ้างว่าผู้ร้ายหนีไป” วินบอก
“เราไม่จนตรอกถึงกับขโมยภาพวาดไปขายกินหรอก” แสงกล้าว่า
“แต่ก็คุ้มนะหมวด ขายได้หลายล้าน” สมิงว่า
แสงกล้ามองดุมาที่สมิงที่ยังพูดตลกไม่รู้จังหวะ สมิงเงียบทันที
"ไม่คิดขโมยภาพไปขายกิน แต่เหตุจูงใจเกิดจากการถูกสั่งพักงาน ต้องการหักหน้าฉัน ทำให้ฉันถูกตรวจสอบเพราะบกพร่องต่อหน้าที่” รวิว่า
“จิตใจสกปรก คิดได้แต่เรื่องสกปรก ต่อให้เกลียดชังแค่ไหน เราไม่มีทางใช้แผนสกปรกอย่างนั้นแน่”
“เธอกำลังก้าวร้าวผู้บังคับบัญชา ฉันจะสั่งสอบสวนทางวินัยขั้นร้ายแรง!”
คมศร สุริยนเข้ามาในห้องสอบสวน
“ไม่ต้องตั้งกรรมการสอบให้เสียเวลาหรอก”
“คมศร คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายการทำงานของสำนักงานสืบสวนพิเศษ”
“ไม่ได้ก้าวก่าย แต่ผมเป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการครั้งนี้”
แสงกล้า แพรไพลินและสมิงแปลกใจที่คมศรออกตัวมาช่วยเหลือ
“ผมเป็นคนสั่งให้ทั้งสามคนไปป้องกันภาพวาด”
“ไม่ใช่หน้าที่ คุณไม่มีอำนาจ”
“เหลิงอำนาจจนลืมไปแล้วเหรอว่า ผมเป็นเลขาท่านนายกฯ”
“คุณต่างหากที่ยังหลงในหัวโขน ดอกเตอร์เมฆายังนอนเป็นเจ้าชายนินทราในโรงพยาบาล จะสั่งการอะไรได้”
“ก่อนถูกลอบทำร้าย ดอกเตอร์เมฆามีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่งตั้งทีมรักษาเทวาศาสตราวุธ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ"
คมศรยื่นเอกสารคำสั่งของดอกเตอร์เมฆาให้รวิอ่าน
"ทั้งสามคนนี้คือ ทีมงานภายใต้การบังคับบัญชาของผม"
จ่าสมิงหันไปยิ้มแล้วตะเบ๊ะให้คมศร
“สมิงรายงานตัวครับผม”
รวิไม่พอใจที่คมศรเข้ามาปกป้องช่วยเหลือพวกแพรไพลิน
“ผบ.รวิ คงต้องปล่อยตัวเจ้าหน้าที่พิเศษของท่านนายกฯ”
รวิไม่มีทางเลือก หันไปมองเจ้าหน้าที่ เข้ามาไขกุญแจมือให้ทั้งสามคน
“ต่อไปนี้ผมจะไม่ทนฟังคำสั่งงี่เง่าไร้สาระ น่ารำคาญ !”
แสงกล้าเดินออกไป สมิงเดินตามออกไป คมศรเดินออกไป...
แพรไพลินเดินเข้ามาหารวิ จ้องหน้าด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง!!
"ครั้งต่อไปเธอไม่รอดง่าย ๆ แบบนี้แน่"
“อย่าเสียเวลากับพวกฉันเลย เอาเวลาไปศึกษาศีลธรรมและจริยธรรมในการทำงานดีกว่า ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
แพรไพลินเดินออกไป รวิตะโกนไล่หลัง
“อำนาจแค่นั้น คุ้มครองเธอไม่ได้ตลอดหรอกแพรไพลิน !”
แพรไพลินหันกลับมาตอบรวิ
“ความดีจะปกป้องคนทำดีไปตลอดชีวิต ส่วนความตายจะเป็นเงาตามตัวคนชั่ว ตลอดไป !”
แพรไพลินเดินออกไป รวิโกรธที่เล่นงานพวกแพรไพลินไม่ได้
ทุกคนเดินออกจากตัวตึกมายังทางเดินในสำนักงานสืบ แสงกล้าเข้าไปขอบคุณคมศร
“ขอบคุณมากที่ช่วยพวกเรา”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ พวกคุณยอมเสี่ยง เพื่อประเทศ”
“แหะ ๆ ผมขอแค่ห้าขั้นก็พอ” สมิงบอก
แสงกล้ามองตาดุสมิง สมิงหลบหน้าทันที
“โชคดีที่ ผบ.รวิ ไม่สงสัยเรื่องลายเซ็นท่านนายกฯ ไม่งั้นคงต้องลุ้นกันอีกว่า โปรแกรมเลียนแบบลายเซ็นของดอกเตอร์แพรไพลินจะทำได้เนียนเหมือนจริงมั้ย”
“คมศร ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เป็นหน้าที่ของผม”
สมิงเข้ามาแหย่
“หวานเชียว เป็นหน้าที่ของคนรักเหรอ”
แสงกล้ามองตาดุอีกจนสมิงต้องถอยฉากหลบ
“อุ้ย ไม่พูดดีกว่า ไปนะ”
"จะไปไหน"
สมิงสีหน้าจริงจังขึ้นบอก
“ผมมีภารกิจสำคัญรออยู่”
"ภารกิจอะไรคะ"
“กำจัดพญามาร !”
สมิงสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิมแล้วเดินออกไป ทั้งหมดมองตาม
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
แสงกล้าเดินออกมากับแพรไพลินและคมศร แสงกล้ามองหน้ากับคมศรเหมือนคู่อริที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กันนักเรื่องการแย่งชิงคนรักกัน แพรไพลินท่าทางอึกอักวางตัวไม่ค่อยถูก
แสงกล้ากับคมศรพูดขึ้นพร้อมกัน
"เดี๋ยวผมไปส่ง"
ทั้งสองคนชะงักเมื่อพูดความต้องการพร้อม ๆ กัน แพรไพลินชะงัก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองได้"
ทั้งคู่พูดพร้อมกันอีก
"ผมเป็นห่วง"
ทั้งสองคนชะงักไปอีก
“ผมเอารถมา... ไปกับผมดีกว่า สบายกว่าแท็กซี่เยอะ”
คมศรมองแสงกล้าเหมือนกับกำลังจะบอกว่าแสงกล้าไม่มีรถ เพราะโดนจับกุมมาพร้อมแพรไพลิน
แสงกล้ามองคมศรกับแพรไพลินด้วยสีหน้าคิดมากถึงภาพเหตุการณ์ระหว่างแพรไพลินกับคมศรที่ตัวเองเคยพบมา
"มีอะไรผิดปกติ รีบโทรหาผมทันที" แสงกล้าบอก
"ขอบคุณค่ะ"
คมศรเข้ามายืนเคียงข้างแพรไพลิน
"หมวดไม่ต้องห่วงครับ...คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนหมอเอง"
"เอ้อ.. ครับ"
แสงกล้ามองความสัมพันธ์ของทั้งสองคนด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ ไป รถของน้ำใสแล่นเข้ามาเทียบ กระจกอัตโนมัติเปิดออก
"แสงกล้า"
“มาทำไม”
“มีเรื่องจะสัมภาษณ์สด”
แสงกล้ามองหาแล้วถาม
“สัมภาษณ์ ทำไมไม่มีกล้อง”
"เอ้อ คือ" น้ำใสอึกอัก
แสงกล้ามองน้ำใสอย่างรู้ทันว่า เธอหาเรื่องมารับเขา เขาหันไปมองแพรไพลินกับคมศรอย่างสะท้อนใจและพยายามตัดใจ
แสงกล้าพูดกับคมศร
"ฝากด้วยนะครับ"
แสงกล้ากับแพรไพลิน
"แล้วเจอกันครับ"
แสงกล้าตัดสินใจเปิดประตูขึ้นรถน้ำใสไป คมศรกับแพรไพลินมองตาม
แพรไพลินมองแสงกล้ากับน้ำใสนิดหนึ่ง น้ำใสขับรถออกไป
คมศรกับแพรไพลิน
“คู่นี้น่ารักดีนะ ... ไปครับ”
แพรไพลินลังเล แต่คมศรพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ให้ผมได้ทำหน้าที่เพื่อนบ้างเถอะดอกเตอร์ คิดให้น้อย ๆ หน่อยก็ได้”
แพรไพลินจำต้องยอมเดินตามคมศรออกไป
เวลากลางคืน วันเดียวกัน
ขมังเวทย์สะโหลสะเหลเข้ามาล้มคว่ำอยู่ที่กลางโถง บาดเจ็บจากระเบิด และเจ็บปวดจากเหล็กไหลที่โดนฝังอยู่ภายในหัวจนต้องเอามือกุมศีรษะร้องโหยหวน
“ โอ๊ย...”
จักร อมตฤทธาเดินเข้ามาเห็นอาการที่ขมังเวทย์นอนร้องอย่างทรมานกองอยู่ที่พื้นแล้วตกใจ
ภายในห้องสมิงบรรยากาศขรึมขลัง สมิงนอนหลับตานิ่ง บริกรรมคาถาอย่างเคร่งเครียดอยู่บนแท่นประจำตัวของตัวเอง
ขมังเวทย์กุมหัวอย่างเจ็บปวด หัวสมองกำลังถูกบีบอย่างรุนแรง ภายในหัว เหล็กไหลทมิฬที่สมิงฝังเข้าไปนั้นกำลังเปล่งประกายแสง ทำให้ขมังเวทย์เจ็บปวดอย่างรุนแรง
"อ๊าก"
จักรเดินเข้ามาถาม
"เกิดอะไรขึ้น"
ขมังเวทย์ถลาเข้ามากระชากคอเสื้อจักร
“เอาเลือดมาให้ข้า ข้าต้องการเลือด!”
"เลือด"
“เลือดเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้ตอนนี้ เลือด !”
ขมังเวทย์ทรุดตัว จักรตกใจกลัวขมังเวทย์จะตาย
จักรเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน ลูกน้องต่างกรูออกมาหาจักรเหมือนกำลังรอรับคำสั่ง ดาหลาเดินเข้ามาหาจักร
“ท่านมีอะไรใช้พวกมันคะ”
จักรมองไปเห็นลูกน้องยืนเรียงแถวพร้อมรับคำสั่ง
“ถึงเวลาที่พวกมันต้องรับใช้ท่านวิญญูแล้ว”
จักรพยักหน้ากับดาหลาอย่างรู้กัน ดาหลาพยักหน้าเข้าใจ
ดาหลากระชากปืนออกมา ยิงเปรี้ยง! กราดใส่ลูกน้องทั้งห้าคนล้มลง
“ท่านวิญญูได้เลือดจากขั้วหัวใจพวกมันแล้วค่ะ”
ดาหลาและจักร ท่าทางและสีหน้าจริงจัง
ขมังเวทย์ท่าทางเจ็บปวดอย่างรุนแรง เอามือกุมศีรษะนอนลอยกลางสระ จักรถือเหยือกใส่เลือดเดินตรงเข้า … เห็นแสงเทียนจุดไว้เรียงราย จักรเทเลือดลงสระน้ำ เลือดค่อย ๆ กระจายทั่วทั้งสระน้ำแล้วเคลื่อนตัวเข้าหาร่างของขมังเวทย์
จักรยืนมองด้วยความตกใจ
เลือดในสระน้ำซึมเข้าร่างกายของขมังเวทย์จนหมด สระว่ายน้ำที่แดงฉานเมื่อครู่กลับใสดังเดิม
ขมังเวทย์อาการจะดีขึ้น ความเจ็บปวดลดลง ลืมตาขึ้นด้วยแววตาแข็งกร้าว
"อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ย"
"แค่ชั่วคราวเท่านั้น" ขมังเวทย์พูดเสียงแผ่ว
เลือดสีดำไหลซึมผ่านร่างกายขมังเวทย์ออกมา ทำให้สระน้ำกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว ขมังเวทย์จากอาการดีขึ้นกลับทรุดลงไปอีกครั้ง หน้าตาซีดเซียวแล้วสลบลง... จักรมองด้วยความผิดหวังที่ขมังเวทย์อาการแย่เกินรักษา
สมิงลืมตาขึ้นด้วยแววตาจริงจัง
“ครั้งนี้แกรอดได้ชั่วคราวเท่านั้น รอวันพระหน้าก่อนเถอะ จัดหนัก !”
จ่าสมิงแววตาเหี้ยมไม่ขี้เล่นเหมือนอย่างเคย
คมศรมาส่งแพรไพลิน ตั้งใจจะเดินเข้าไปในบ้านด้วย แต่แพรไพลินตัดบท
"ขอบใจนะ แล้วเจอกัน"
คมศรหันมายิ้มให้แพรไพลิน
"ไล่ผมอีกแล้ว"
“ไม่ได้ไล่ แค่อยากให้ไปพักผ่อน”
คมศรมองหน้าแพรไพลิน และหันไปคุยด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนบุคลิก แต่แววตาจริงจัง
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกพูดคำว่าแล้วเจอกัน”
"ทำไม"
คมศรยิ้ม ๆ บอก
“มันทำให้ผมชอบตีความเข้าข้างตัวเอง...ว่าหมายความว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน"
แพรไพลินยิ้มให้คมศร
“แล้วเจอกัน”
"พรุ่งนี้ผมมารับนะ"
“รับไปไหน”
“ทำงานจนลืม บอกไม่ได้ เซอร์ไพร้ส์ ราตรีสวัสดิ์ครับ”
คมศรลาแพรไพลินแล้วเดินออกไป แพรไพลินแปลกใจว่าคมศรจะมารับไหน
บริเวณมุมหนึ่งใกล้ทาวน์โฮม รถคมศรวิ่งผ่านไป แสงกล้ายืนอยู่มุมหนึ่ง เขาแอบมาส่งแพรไพลิน
เมื่อเห็นแพรไพลินเดินเข้าบ้านก็อุ่นใจ ที่มุมใกล้ ๆ น้ำใสยืนพิงรถตัวเองรออยู่ หน้าตาบอกบุญไม่รับ แต่จำต้องพาแสงกล้ามาที่นี่
“ขอบใจมากนะน้ำใสที่อุตส่าห์พามาที่นี่”
“สำหรับบางคน ฉันไม่เคยขัดใจหรอก”
"อะไรนะ"
น้ำใสรีบกลบเกลื่อนและเปลี่ยนเรื่อง
“ปละ..เปล่า ฉันหิว ไปกินข้าวกัน”
น้ำใสลากแสงกล้าให้เข้าไปในรถ แล้วขับรถออกไป
น้ำใสกินอาหารที่ร้านข้างทางด้วยความเอร็ดอร่อย
"อดอยากมาจากไหน" แสงกล้าถาม
“ก็ทำข่าวที่ศูนย์ศิลปะทั้งวัน เออ.. มีความคืบหน้าอะไรอีกมั้ย”
"ใช้ฉันเป็นแหล่งข่าวอีกแล้ว"
"น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แสงกล้าพึ่งน้ำใส"
แสงกล้ายิ้ม น้ำใสตักกินมูมมามจนอาหารติดคอ สำลักไอ ตาเหลือก...อั่ก ๆ
แสงกล้ารีบส่งน้ำให้ น้ำใสรับมาดื่ม
"ขอบใจมากนะ ไม่ได้นายชีวิตฉันต้องตายแน่...ฉันเป็นหนี้ชีวิตนาย นายต้องดูแลฉันตลอดชีวิตนะ”
แสงกล้าไม่พูด แต่ส่งสายตาเย็นชามาให้น้ำใส น้ำใสถึงกับเจื่อนไป น้ำใสเปลี่ยนเรื่องพูด
"เตรียมของขวัญรึยัง"
"ของขวัญอะไร"
“แน่ะ...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กะจะเซอร์ไพร้ส์ล่ะสิ แหม ๆ น่ารักนะผู้ชายคนนี้”
น้ำใสก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป แสงกล้านิ่งคิด นึกไม่ออกว่าน้ำใสพูดถึงเรื่องของขวัญอะไร
แสงกล้าขับรถมาส่งน้ำใสที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ แสงกล้าลงจากรถเปิดประตูให้น้ำใส
น้ำใสแปลกใจ
“อารมณ์ไหนเนี่ย เปิดประตูให้ด้วย”
“ถือว่าเป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์ไปรับที่สำนักงานสืบฯ”
“ทำไมไม่ให้ไปส่งบ้าน” น้ำใสถาม
"บ้านฉันอยู่ใกล้แค่นี้เอง ให้ฉันขับมาส่งน่ะดีแล้ว เธอเป็นผู้หญิงขับรถกลับคนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ คงไม่เหมาะ"
“เป็นห่วงฉันด้วย ! แหม.. น่ารักง่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ..จุ๊บ ๆ”
แสงกล้าส่งกุญแจให้ น้ำใสยิ้มหวานแล้วเดินออกไป แสงกล้ามองตามน้ำใสแล้วยังคิดถึงเรื่องของขวัญ
"ของขวัญ ของขวัญอะไรของน้ำใส"
แสงกล้าคิดไม่ออกเดินขบปัญหานี้ไปเรื่อย ๆ
แสงกล้าเปิดประตูห้องเดินเข้ามา กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องของขวัญที่น้ำใสพูด
“ของขวัญ ของขวัญอะไร”
แสงกล้าหันรีหันขวาง มองไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งในบ้านที่ซื้อมา หน้าปกเป็นแพรไพลินถ่ายให้สัมภาษณ์มีคำโปรย “ดอกเตอร์สาว นักสืบวิทยาศาสตร์ของเมืองไทย”
“ป้า ชีวิตผมหนีป้าไม่พ้นจริง ๆ”
แสงกล้าหยิบขึ้นมาพลิก ๆ เปิดดู แล้วชะงักไปนิด
“ป้าเกิด 21 กรกฎา เฮ้ย... วันที่ 21 !”
แสงกล้ายิ้มได้ คิดว่าน้ำใสเตือนเขาเรื่องวันเกิดของแพรไพลิน
คืนเดียวกัน รวิเข้ามาในบ้านจักร เห็นจักรเดินออกมา รวิเข้าไปถามอาการของขมังเวทย์
"ท่านเป็นยังไงบ้างคะ"
“ยังไม่ฟื้นเลย จวนจะเป็นซากเน่าอยู่แล้ว”
จักรเดินหัวเสียออกไป รวิคิดเป็นห่วงขมังเวทย์
ขมังเวทย์ลอยนิ่งในสระน้ำ รวิเดินเข้ามายืนนิ่งมองด้วยความเป็นห่วง รวิยืนน้ำตาไหลอย่างสงสาร
เธอคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่ขมังเวทย์เคยมีบุญคุณกับเธอ
เมื่อสิบปีที่แล้ว บริเวณใต้สะพานทางด่วนในเวลากลางคืน รวิกำลังโทรศัพท์คุยกับแม่
“แม่ เลิกกินเหล้าได้แล้ว ฉันไปซื้อกับข้าวมาให้แล้ว”
เสียงตัดสายของแม่หายไป รวิเป็นห่วงรีบเดินไป แต่เจอกลุ่มผู้ชายดักทาง รวิตกใจวิ่งหนีไป
ชายฉกรรจ์ดักทางรวิไว้จนหมดหนทางวิ่งหนี พวกมันกรูเข้ามาหา จับเธอกดลงกับพื้น กลุ่มผู้ชายเข้ามากระชากเสื้อผ้ารวิจนขาดหลุ่ยแล้วโยนทิ้ง ทั้งหมดรุมจับตัวรวิขึงพืดจะข่มขืน
เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง...ปัง ปัง ปัง ปัง!!!
รวิตกใจหันไปมองเห็นผู้ชายทรุดลงกับพื้น หัวหน้ากลุ่มที่จะข่มขืนฟุบลงกับตัวรวิ
รวิผลักออกเห็นเลือดโชก มองไปเห็นวิญญูในวัยหนุ่มถือปืนอยู่
รวิน้ำตาคลอยืนมองขมังเวทย์ รวิค่อย ๆ เดินลงมาในสระน้ำ
ในอดีต หลังเหตุการณ์ รวิซมซานกลับมาบ้านร้องเรียกหาแม่
“แม่..ฉันกลับมาแล้ว”
รวิเข้ามาในบ้านเห็นข้าวของเกลื่อนกระจายเต็มบ้าน รวิอึ้งค่อย ๆ เดินไป เห็นภาพถ่ายครอบครัวที่มีพ่อ,แม่และรวิตอนเด็กวางอยู่ที่พื้น เธอเก็บภาพถ่ายนั้นมามองดูด้วยความปวดใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมา กรี๊ดลั่น... แม่ของรวิผูกคอตาย... ภาพถ่ายครอบครัวในมือรวิ ตกพื้น แตกกระจาย...
ขมังเวทย์นอนนิ่ง รวิเดินลุยน้ำเข้ามาหาขมังเวทย์พลางลูบหน้าขมังเวทย์ด้วยความรัก
ในอดีต … รวินั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่งของบ้าน วิญญูเดินเข้ามาแตะไหล่ด้วยความสงสาร
“ไม่ต้องเสียใจ ต่อจากนี้ฉันจะดูแลเธอเอง”
รวิร้องไห้ ลุกขึ้นมากอดวิญญูไว้แน่น
“ท่าน ท่านเป็นใคร ทำไมถึงเมตตาฉัน”
วิญญูเน้นย้ำอย่างมีความหมาย
"เพราะเธอเป็นเธอ"
รวิสีหน้างงถาม
“หมายความว่ายังไงคะ"
วิญญูเน้นย้ำ
"ฮึ ๆ ฉันต้องการ ผู้ช่วย คู่คิด คนที่เกิดในวันโลกาวินาศ วันที่ โลก.. ดวงจันทร์.. และ ดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน"
รวิผงะเมื่อได้ยินประโยคแปลก ๆ นี้จากวิญญู วิญญูมีแววตาที่แข็งกร้าว
ภายในสระน้ำ รวิยกแขนขึ้น แล้วหยิบมีดออกมา... หยดเลือดไหลลงมาที่ตำแหน่งหัวใจของขมังเวทย์กระจายเป็นวงบริเวณน้ำตรงนั้น ฉับพลันเลือดทั้งหมดรวมตัวเคลื่อนที่เข้าไปในร่างของขมังเวทย์อย่างรวดเร็ว
รวิเอามือลงแล้วค่อย ๆ นอนซบที่กลางหัวใจของขมังเวทย์
“ท่านต้องหายนะคะ ท่านสัญญากับฉันแล้วว่าจะดูแลฉัน”
รวินอนซบร่างขมังเวทย์ที่นอนอยู่กลางสระน้ำด้วยความรู้สึกผูกพันเป็นอย่างยิ่ง
วันใหม่ ที่หน้าคอนโดฯ คมศรเดินตรงมาที่รถของตัวเอง ตรวจเช็คของสำคัญในกระเป๋า
เขาหยิบกล่องแหวนเปิดออกเผยให้เห็นแหวนเพชรซึ่งวางอยู่ด้านใน คมศรยิ้มจะเอาไปเป็นของขวัญให้แพรไพลิน คมศรขึ้นรถ และขับรถออกไป
เสียงกริ่งดังขึ้น แพรไพลินคิดว่าเป็นคมศร เดินมาเปิดประตูให้
"อรุณสวัสดิ์ครับ"
“คุณ...”
“คิดว่าใครล่ะ”
"เปล่า"
"เชิญครับ"
แสงกล้าจูงมือแพรไพลินออกจากบ้าน
“เดี๋ยวก่อน จะพาฉันไปไหน”
แพรไพลินเดินตรงไปข้างหน้า มองเห็นบริเวณวัดที่สวยงามมาก....
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
"อยากรู้...ก็ตามมาสิครับ" แสงกล้าบอก
แสงกล้าเดินนำ แพรไพลินยังหยุดมองอยู่ แสงกล้าเดินกลับเข้ามา
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำมิดีมิร้ายคุณหรอก นี่มันในวัดนะ”
"ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยถ้าเราอยู่กับคนที่ไม่น่าไว้วางใจ"
"ดีใจจังที่ชายคนนั้นไม่ใช่ผม"
“หน้า...” แพรไพลินจะด่าหน้าด้านใส่แสงกล้า
"อย่าครับ ในเขตวัดห้ามพูดคำหยาบ...เชิญครับ"
"คือว่าฉัน...”
แพรไพลินจะบอกความจริงบางอย่าง แต่แสงกล้าไม่ทันฟัง ก็จูงมือแพรไพลินเดินเข้าไป
"คุณ...”
คมศรยืนอยู่ที่หน้าบ้านแพรไพลินด้วยความแปลกใจที่เธอไม่อยู่บ้าน เขายืนละล้าลังอยู่ตรงนั้น
เขาเดินออกมาเจอน้ำใสยืนอยู่พอดี
“น้ำใส”
น้ำใสยิ้มทักทายคมศร เพราะเธอมาตามหาแสงกล้าที่นี่
พระสวดก่อนรับสังฆทานให้แสงกล้าและแพรไพลิน แพรไพลินแปลกใจที่แสงกล้าพามาในโอกาสอะไร พระสวดเสร็จ แสงกล้ายื่นสังฆทานให้แพรไพลิน
“ถวายท่านได้แล้ว”
แพรไพลินรับสังฆทานแล้วยื่นถวายพระ พระรับแล้วสวดต่อ
แสงกล้ายื่นเครื่องกรวดน้ำให้แพรไพลิน แพรไพลินกรวดน้ำ แสงกล้าเข้ามาจับถ้วยร่วมกรวดน้ำด้วย...
พระสวดจบ แสงกล้าและแพรไพลินรับไหว้ แสงกล้าหันไปบอกพระ
"หลวงพ่อครับ เอ่อ...”
พระนึกได้หันไปหยิบขันน้ำมนต์มาแล้วก็พูดอวยพรให้แพรไพลิน
"ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของโยม"
แพรไพลินได้ฟังก็อึ้ง ลืมสนิทว่าวันนี้เป็นวันเกิด หันไปสบตาแสงกล้า แสงกล้ายักคิ้วยิ้มรับ
"ขอให้ตั้งจิตระลึกถึงคุณบิดามารดาและผู้มีพระคุณทุกท่าน ที่ช่วยเกื้อหนุนให้โยมมีชีวิตถึงวันนี้...ขอให้ตั้งมั่นในคุณความดี ความดีเท่านั้นจะเป็นเกราะป้องกันคนดี"
"ค่ะ"
พระรดน้ำมนต์ให้แพรไพลิน แสงกล้าเขยิบเข้ามาใกล้เพื่อรับน้ำมนต์ด้วย
ที่มุมหนึ่งของวัด แสงกล้าเดินเอามือลูบหัวด้วยความสุขใจ เขาจะเดินออกไปแต่แพรไพลินเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน...ขอบใจมากนะ”
“ไม่ต้องทำซึ้ง น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะว่าผมจิตใจดีแค่ไหน”
“แต่ว่าฉัน...”
"อย่าเพิ่งชวนคุย ยังไม่เสร็จกิจ มาแล้วต้องทำให้ครบสูตร"
แสงกล้าลากแพรไพลินออกไป
แสงกล้ายืนอยู่หน้าพระประธาน ส่งทองคำเปลวให้แพรไพลิน
"อะไร"
“ทองคำเปลวเป็นชาวพุทธเปล่าเนี่ย...ไม่รู้พิธีเลย”
"ก็ฉัน"
แพรไพลินจะอธิบายความจริง แสงกล้าเดินนำมายืนหน้าพระประธาน
"เอาทองคำเปลวไปติดองค์พระ"
แพรไพลินมองทองคำเปลวในมือ คิดและตัดสินใจ..
แสงกล้ายืนรออยู่หน้าองค์พระ แพรไพลินเดินเข้ามาหยุดมองพระประธาน เขายิ้มรับให้เธอติดแผ่นทอง...เธอเดินไปด้านหลังพระประธาน
แพรไพลินคลี่แผ่นกระดาษหุ้มทองคำเปลวจะเอามาติดองค์พระ แต่ทองคำเปลวปลิวลอย แพรไพลินพยายามจะใช้มือจับแผ่น แต่แผ่นทองคำเปลวลอย มือแสงกล้ารับทองคำเปลวแผ่นนั้นไว้แล้วเดินไปยังองค์พระ เอามือที่มีทองคำเปลวแปะติดด้านหลังองค์พระ แล้วใช้มืออีกข้างไปจับมือแพรไพลินมากุมมือของเขาที่แปะทองคำเปลว...
“อธิษฐานสิ”
แพรไพลินหลับตา อธิษฐานแล้วลืมตา แสงกล้ายังคงกุมมือไว้แน่น
"เอามือออกได้แล้ว"
แสงกล้าเอามือที่กุมมือแพรไพลินออก เธอจะเดินออกไป
"เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้แผ่นของคุณ คราวนี้แผ่นของผม"
"เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ"
แสงกล้าหยิบแผ่นทองคำเปลว แล้วเอาแผ่นทองคำเปลวใส่ในมือของแพรไพลิน เขาจับมือเธอไปแปะติดที่องค์พระแล้วเอามือตัวเองประกบทับไว้ เขายิ้มให้ เธออมยิ้มในความน่ารักและกะล่อนของแสงกล้า ทั้งสองมองหน้ากัน
"ปล่อยได้แล้ว"
แสงกล้าเอามือออก แพรไพลินเดินออกไป แสงกล้ามองตาม ยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับแพรไพลิน
บริเวณหน้าโบสถ์ แพรไพลินปัดเช็ดมือที่เปื้อนแผ่นทองคำเปลว แต่ปัดออกยาก แสงกล้าเข้ามาจับมือ เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือให้ เธอมองเขาด้วยความรู้สึกดี เขาเช็ดจนสะอาดและจะเก็บผ้าเช็ดหน้า แต่เธอคว้าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมา แล้วดึงมือแสงกล้าขึ้นมาเช็ดให้ เขารู้สึกดีมาก ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ดี
คมศรและน้ำใสเดินเข้ามาและเห็นความรู้สึกของทั้งสองคน น้ำใสเรียก
"แสงกล้า"
แสงกล้าและแพรไพลินหันไปเห็นคมศรและน้ำใส
“คมศร คุณตามมาได้ยังไง” แพรไพลินถาม
คมศรโชว์มือถือบอก
“ระบบ GPS บนมือถือ”
น้ำใสประชดแสงกล้า
“คนบางคนปล่อยให้คอยเก้อ ต้องออกไปตามตัวที่บ้าน นายมาทำอะไรที่นี่"
แสงกล้ายิ้มๆแล้วบอก
“มาทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้เธอไง”
"คนนะไม่ใช่วิญญาณ"
คมศรถามแพรไพลิน
“แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่วัด คุณเป็นคาธอลิกไม่ใช่เหรอ”
แสงกล้าหันไปมองแพรไพลินด้วยความแปลกใจ
“ฉันไม่ยึดติด เพราะทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี ทำดีเหมือนกัน”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันกับคุณแพรจะเกิดวันเดียวกัน อย่างนี้ต้องฉลองใหญ่นะคะ” น้ำใสบอก
“ผมเตรียมสถานที่ไว้แล้ว” คมศรว่า
แพรไพลินแปลกใจว่าคมศรจะพาไปทานอาหารที่ไหน
ภายในห้องทำงานของ ผู้บัญชาการสืบสวนพิเศษ พ.ต.ต. หญิง รวิอิงคพัฒน์ เวลากลางวัน
รวิสีหน้าไม่ค่อยดี เธฮกำลังไม่สบายใจกับเรื่องวิญญูที่อาการยังไม่ดีขึ้น ภาพที่เขาเคยช่วยชีวิตเธอเข้ามาในความทรงจำ ภาพที่ขมังเวทย์ที่ไม่ได้สติ และเธอกรีดเลือดเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น รวิถอนหายใจยาว พยายามคิดหาทางช่วยวิญญูให้รอดชีวิต
วินเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาหา
“เนติเทคฯส่งผลการตรวจสอบระเบิดที่ศูนย์ศิลปฯมาแล้วครับ”
"ได้ผลยังไงบ้าง"
“ระเบิดจุดชนวนด้วยสัญญาณมือถือ ชนิดเดียวกับที่พบบนรถดอกเตอร์แพรไพลินเมื่อวันก่อน"
รวิคิดนิดหนึ่งแล้วถาม
“ระเบิดชนิดเดียวกันรึ มันต้องการแสดงว่า มันเป็นคนขัดขวางการระเบิดรถครั้งนั้น"
วินชะงักเมื่อได้ยินรวิพูดแบบนั้น
"ขัดขวาง ใครขัดขวางครับ”
รวิรีบกลบเกลื่อน แล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที
“เอ้อ.. เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครวางระเบิดศูนย์ศิลปฯ”
รวิเดินนำปราบออกไปจากห้องทำงานทันที
รวิเดินนำปราบเข้ามาในห้องคอมพิวเตอร์ของสำนักงานสืบฯ พลางหันไปพูด
“คนร้ายต้องทิ้งร่องรอยอะไรไว้บ้าง”
รวิหันไปสั่งเจ้าหน้าที่
“เจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของศูนย์ศิลปฯ”
“ค่ะ”
เจ้าหน้าที่รัวคีย์บอร์ด ภาพหน้าจอเปลี่ยนไปกลายเป็นระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของศูนย์ศิลปะฯ
“ฉันต้องการภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดทุกจุด ก่อนวันเกิดเหตุหนึ่งวัน”
เจ้าหน้าที่รัวคีย์บอร์ดพักหนึ่ง ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไปเป็นระบบวงจรปิด เป็นหลายมุมในศูนย์ศิลปะฯ
“ส่งภาพขึ้นหน้าจอใหญ่”
“ผบ.กำลังสืบหาอะไรอยู่ครับ”
รวิชะงัก พยายามทำตัวไม่ให้ผิดปกติ
“คนที่วางระเบิด อาจจะเป็นคนเดียวกับที่ขโมยศาสตราวุธทั้งหมดไป”
“นี่คือภาพจากกล้องด้านหน้าอาคารค่ะ” เจ้าหน้าที่บอก
ทุกคนมองไปยังภาพ