เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 6
ตอนนี้แพรไพลินทั้งสองคนยืนอยู่คนละฝั่ง มีแสงกล้ายืนตรงกลาง ทั้งคู่พูด“ยิงมันเลย” ขึ้นพร้อมกันจนแสงกล้าสับสน
แสงกล้าแยกแยะไม่ออกว่า ใครเป็นตัวจริงตัวปลอม สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสนจนต้องตัดสินใจถามคำถามเพื่อให้แพรไพลินทั้งสองคนตอบ
“หมอแพร ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน”
แพรไพลินตัวจริงถาม
"อะไรนะ"
"ผมถามว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน"
“หน้าสิ่วหน้าขวานยังเล่นไม่เลิก อีคิวต่ำแบบนี้อย่าหวังว่าฉันจะเซ็นใบผ่านให้คุณเลย”
แสงกล้าได้ยินประโยคนี้ก็ตัดสินใจวาดปืนอย่างรวดเร็วยิงใส่ร่างแพรไพลินปลอมทันที... เปรี้ยง !
กระสุนปืนอาคมพุ่งเข้าใส่อกของแพรไพลินปลอม แทงทะลุฝังเข้าไปด้านในจนเลือดสาด
สมิงจ้องเขม็งไปยังกระสุนที่แสงกล้ายิง คล้ายปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดเข้าไปในกระสุนนัดนั้น
บังเกิดแสงวาบไปทั่วร่างแพรไพลินตัวปลอมจนกลายร่างเป็นขมังเวทย์
ร่างของขมังเวทย์ทรุดลง สีใบหน้าเต็มไปด้วยความจ็บปวดมาก จากนั้นก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อรวบรวมพลังทั้งหมด
ฉับพลัน...บังเกิดเมฆหมอกบดบังไปทั่วทั้งผืนแผ่นฟ้า กลางวันกลับกลายเป็นกลางคืน ฟ้าแลบแปลบปลาบ ลมพายุพัดสาดเข้าใส่บริเวณนั้นจนแพรไพลินกับแสงกล้าแทบยืนไม่อยู่ สายฟ้าฟาดลงที่บริเวณนั้น...เปรี้ยง ! ร่างของขมังเวทย์หายวับไปทันที
ท้องฟ้าที่มืดมิดกลับกลายเป็นสว่างอีกครั้ง พายุหายไป สภาพอากาศกลับเป็นปกติ
“ทำไมคุณถึงเลือกยิงถูกคน” แพรไพลินถาม
“คุณไม่ตอบคำถามแต่เลือกจะด่าผม คนที่จริงจังกับทุกคำถามคงมีแต่ดอกเตอร์แพรไพลินเท่านั้นแหละ”
“ทำยังกับรู้ใจฉันอย่างนั้นแหละ”
"แล้วรู้รึเปล่า"
แพรไพลินเขินนิดๆบอก
“เอ้อ... ยังไงก็ขอบใจคุณมากนะ”
“ความจริงน่าจะขอบคุณฮีโร่ตัวจริง” เสียงของจ่าสมิงดังขึ้น
แสงกล้ากับแพรไพลินหันไปเจอสมิง ท่าทางอ่อนระโหยอยู่ไม่น้อย
“สมิง”
“ไม่นึกสงสัยบ้างเหรอว่าทำไมจู่ ๆ กระสุนอาคมถึงใช้ได้น่ะ”
“เป็นเพราะสมิง” แสงกล้าบอก
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง คิดทำเรื่องสำคัญถ้าใจไม่ศรัทธา มันจะสำเร็จได้ยังไง”
“ยิ่งพูดยิ่งเพี้ยน หยุดเหอะ เดี๋ยวดอกเตอร์เธอจะคิดว่าผมเพี้ยนเหมือนกัน”
“ยังมีเรื่องเพี้ยนให้ตกใจอีกเรื่อง” สมิงบอก
“เรื่องอะไรเหรอคะสมิง”
สมิงหันไปยิ้ม ๆ กับแพรไพลิน
“หมออยากรู้จริง ๆ เหรอครับ”
จ่าสมิงหันไปยิ้มกับแพรไพลินแล้วยกมือขึ้น ดีดนิ้ว...แป๊ะ ! แล้วจู่ ๆ ร่างแพรไพลินก็หมดสติร่วงลงทันที แสงกล้าหันไปเห็นตกใจ “เฮ้ย...”
“อย่ามัวแต่ตกใจ ปล่อยให้นางเอกล้มครืนไปได้ไง เป็นพระเอกต้องทำไง ทำไมต้องให้สอน"
แสงกล้าเงอะ ๆ งะ ๆ สมิงถลึงตาใส่ แสงกล้าจึงเดินเข้าไปอุ้มแพรไพลินขึ้นมาจากพื้น
“ไป...เข้าไปในบ้าน ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”
จ่าสมิงเดินนำแสงกล้าเข้าไปในบ้าน แสงกล้าอุ้มแพรไพลินเดินตามเข้าไปด้วยท่าทางงง ๆ
ปรากฏเงาดำรอบหมุนวนเวียนไปรอบ ๆ บริเวณห้องโถงพิธี แล้วจึงรวมเป็นร่างร่างขมังเวทย์นอนตัวงอกองอยู่ที่พื้น ที่หน้าอกเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด ขมังเวทย์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ที่ทาวน์โฮม ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยอุ้มร่างแพรไพลินมาวางไว้ที่โซฟาเบดตัวหนึ่ง สมิงรีบออกคำสั่งทันที
“ให้หมอแพรนอนคว่ำ”
"ทำไม"
“ทำตามบอกเถอะน่า เรามีเวลาไม่มาก ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนพญามารจะมีพลังกลับมา"
"พญามารอะไรอีก ก็มันตายไปแล้วเห็น ๆ"
“ตายง่าย ๆ นั่นมันยุงแล้วหมวด !!! ไม่ใช่พญามาร เร็ว.. จับนอนคว่ำ !”
แสงกล้าจำต้องนำร่างของแพรไพลินนอนคว่ำตามคำสั่งของสมิง
จ่าสมิงหยิบตลับสีผึ้งออกมาจากย่ามข้างตัว เขารีบเปิดตลับสีผึ้งออกแล้วเอานิ้วปาดสีผึ้ง วาดรูปยันต์เหนือศีรษะของแพรไพลินอย่างรวดเร็ว บังเกิดเส้นสายสว่างตามนิ้วของสมิงที่วาดลงไป รูปยันต์ขรึมขลังชัดเจน !
ในโถงพิธีฯ ขมังเวทย์นอนนิ่งอยู่ในแค็ปซูลชาร์จพลัง เลือดไหลท่วมออกจากอกด้วยความเจ็บปวด เขาหันไปมองด้านหนึ่งของโถงพิธี สังข์ไชยมงคลวางอยู่ตรงนั้น เขาเหยียดแขนออกคล้ายกำลังจะไขว่คว้าบางอย่างไปยังตำแหน่งเพชรบริเวณยอดสังข์ที่เริ่มส่งแสงเรื่อเรืองขึ้นมาอย่างช้า ๆ อานุภาพของเพชรส่องประกายไปทั่ว
ในทาวน์โฮมฯ จ่าสมิงกำลังบริกรรมคาถายืนอยู่เหนือร่างของแพรไพลิน ลูกสะกดที่ฝังอยู่บริเวณท้ายทอยของแพรไพลินปรากฏขึ้นให้เห็น แสงกล้ามีสีหน้าตกใจที่ได้เห็น จ่าสมิงยังคงพร่ำบ่นมนตราที่ริมฝีปากอย่างสุดกำลัง เพื่อจะเอาลูกสะกดนั้นออกมาจากท้ายทอยแพรไพลิน
ในโถงพิธีฯ ร่างขมังเวทย์ได้รับพลังจากเพชรยอดสังข์ กระสุนอาคมค่อย ๆ ลอยออกมาจากอก
ขมังเวทย์คว้ากระสุนออกมาขว้างทิ้งไปทันที
ในทาวน์โฮม สมิงดึงลูกสะกดออกมาจากท้ายทอยแพรไพลิน ร่างของเธอกระตุกเล็กน้อย แล้วหมดสติไปอย่างเดิม สมิงชูลูกสะกดให้แสงกล้าดู ก่อนจะใช้สองนิ้วบีบลูกสะกดอย่างเต็มแรงจนแหลกสลายไปทันที
สมิงหันไปพูดกับแสงกล้า
“หวุดหวิดไป เกือบไม่ทันแล้ว”
ในโถงพิธีฯ เลือดที่ไหลออกบริเวณอกไหลกลับเข้าร่างขมังเวทย์ บาดแผลสมานกลายเป็นเนื้อเดียวตามปกติ เขาลุกขึ้นยืนตัวตรง สีหน้าสดใส ไร้ความเจ็บปวดใดใด มีแต่แววตาที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้น
“ไอ้สมิง”
ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยวางร่างแพรไพลินที่ยังหลับไม่ได้สติลงบนเตียงนอนในห้องนอน จ่าสมิงยืนปิดผ้ายันต์ที่มีอักขระเต็มไปหมดที่ประตูหน้าห้อง
"เมื่อกี้จ่าบอกว่าพญามารยังไม่ตาย"
“ใช่... แค่บาดเจ็บสาหัส กลับไปหลบเลียแผลใจ”
"แต่มันโดนไปเยอะนะ"
"อย่าลืมสิว่ามันมีเพชรยอดสังข์ พลังมืดของมันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนของศาสตราวุธที่ครอบครอง"
“แล้วมันจะกลับมาสะกดหมอได้อีกรึเปล่า”
“แหม... ห่วงกันจริ๊ง”
“ตอบคำถาม !อย่าเพิ่งกวนโทสะ” แสงกล้าบอก
“ฝังเบี้ยแก้ไว้ทั่วบ้าน ติดผ้ายันต์นี้อีกแผ่น น่าจะป้องกันได้อยู่”
แสงกล้าทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างร่างแพรไพลิน พลางส่งสายตามองเธอด้วยความเป็นห่วง
“อีกนานมั้ยกว่าเธอจะฟื้น” แสงกล้าถาม
“น่าจะพรุ่งนี้เช้า ฟื้นขึ้นมาคงงงไปพักใหญ่ จำเหตุการณ์เมื่อบ่ายไม่ค่อยจะได้”
"อีกแล้วเหรอ"
จ่าสมิงบิดเนื้อ บิดตัวแก้เมื่อย แล้วขยับเหมือนจะเดินออกไป
“โอย... วันนี้เล่นเอาหมดแรง”
“อ้าว...เดี๋ยวก่อนจ่า จะไปไหน"
“เหนื่อย ! จะกลับไปนอน” สมิงบอก
“เฮ้ย... แล้วหมอแพรนี่ล่ะ”
“กิ๊กใครก็ดูแลกันเองสิ ผมไม่เกี่ยว ฮึ ๆ ๆ”
สมิงยิ้มกลั้วหัวเราะแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้แสงกล้าเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่ในห้องนอนของแพรไพลินนั่นเอง
บ้านเมฆา เวลากลางคืน
นภา ฐานรัฐเดินเข้ามาในบ้าน พร้อม ๆ กับเปิดไอแพดอ่านข้อมูลมูลนิธิการกุศลอยู่ แม่บ้านเดินเข้ามารายงาน
“คุณหญิงรัชฏานัดประชุมที่มูลนิธิพรุ่งนี้เช้าค่ะ”
“ไม่ไปละ คุยเรื่องละครเวทีแน่ ๆ เบื่อจะคุยแล้ว”
“แล้วที่โรงพยาบาลเด็ก”
“เดี๋ยวฉันไปเอง ต้องออกแรงเองไม่งั้นคงผลักดันโครงการไม่ได้ผล”
นภาปิดไอแพด แล้วมองไปทางห้องทำงานของ ดร. เมฆา
"ท่านนายกฯ มีแขกเหรอ" นภาถาม
“ผู้การอินทนนท์ค่ะ”
นภามีสีหน้าสงสัย
“ผู้การอินทนนท์?”
นภาสงสัยว่าเมฆามีอะไร ทำไมถึงต้องคุยกับอดีตผู้บังคับบัญชาของเธอ!!
ภายในห้องทำงานที่บ้าน ดร. เมฆา ฐานรัฐส่งกล่องฮาร์ดดิสก์ให้ ผู้การอินทนนท์รับมามอง
“รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในฮาร์ดดิสก์”
“ทำไมต้องเป็นผม ผมเกษียณแล้วนะครับดอกเตอร์”
เมฆายิ้มๆแล้วบอก
“ถ้าไม่ใช่ผู้การ ผมคงต้องใช้สตรีหมายเลข 1”
“นภา?”
“ผมไม่อยากทำงานกับคนในครอบครัว นอกจากนภา ผมไว้ใจผู้การมากที่สุด”
อินทนนท์นิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังตัดสินใจ
“ขอศึกษารายละเอียดก่อนนะครับ ยังไม่รับปากว่าจะทำหรือไม่ทำ”
"ฝากด้วยก็แล้วกัน ... ผมเชื่อในการตัดสินใจของผู้การครับ"
ผู้การอินทนนท์มีท่าทางอึดอัดใจ ขณะที่เมฆามองอย่างเชื่อมั่น
ภายในห้องนอนเวลาต่อมา เมฆาสวมชุดนอน กำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านข้อมูลงานในไอแพดอยู่บนโซฟาเบดในห้องนอน
นภาเดินเอาชาร้อนเข้ามาวาง เมฆายิ้มให้แล้วก้มลงอ่านต่อ นภาเดินอ้อมมานวดบ่าให้เมฆาเบา ๆ
"ถ้าฉันเดาไม่ผิด ดอกเตอร์เมฆากำลังวางแผนทำอะไรกับผู้การอินทนนท์แน่ ๆ"
เมฆายิ้มแล้วบอก
"เป็นความลับ"
"เดี๋ยวนี้มีความลับกับภรรยาแล้วเหรอคะ"
"เฉพาะตอนนี้ ผมสัญญาว่าถ้าทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่าง คุณจะรู้เป็นคนแรก"
"ขอบคุณค่ะ"
"ผมเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก”
“จริงเหรอคะ”
เมฆาวางไอแพด เอื้อมมือไปแตะมือนภาอย่างอบอุ่น
"มีคู่คิคู่ชีวิตที่ สวย ฉลาด เก่ง แถมเอาใจเป็นที่หนึ่ง"
เมฆาจูบมือนภาเบาๆ นภาเลื่อนลงมาโอบเมฆาไว้
"สวยไม่เถียง ฉลาดก็ไม่เถียง เก่งน่ะ แน่นอนอยู่แล้ว แต่เอาใจ...ยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเท่าไหร่"
เมฆาขยับดึงนภามานั่งใกล้ ๆ แล้วโอบไว้
“คุณแน่ใจได้เลยนภา ตลอดชีวิตผม คุณคือคนที่สำคัญที่สุด”
"ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติฉัน"
"ผมต่างหากที่ได้รับเกียรติจากคุณ ถ้าผมไม่มีคุณเป็นกำลังใจ เป็นคนที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขเคียงข้างไปด้วยกัน ผมอาจจะก้าวมาไม่ถึงจุดสูงที่สุดของชีวิต”
เมฆาจูบมือนภา เธอเอนตัวลงซบที่ไหล่เมฆา
“สำหรับฉัน ความสุขของคนที่ฉันรักเป็นสิ่งมีค่าที่สุดค่ะ”
ดร. เมฆา ฐานรัฐยิ้มโอบนภาไว้ด้วยความหวานชื่น เข้าใจกัน
เช้าวันใหม่ ในห้องนอนทาวน์โฮมแพรไพลิน แสงกล้าเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพาดคอ เช็ดหน้าเช็ดตาเรียบร้อยแล้ว เขาเดินมาหยุดที่เตียง เห็นแพรไพลินยังคงหลับไม่ได้สติ เขาปิดปากหาวเหมือนยังง่วงอยู่
แสงกล้าเปิดผ้าม่าน มองไปด้านนอก ดูตรวจตราความเรียบร้อย หยิบปืนขึ้นมากระชาก เตรียมพร้อม
แสงกล้าทิ้งตัวลงนั่งพิงผนังด้านหนึ่ง นั่งเฝ้าแพรไพลินอยู่ตรงนั้นจนงีบหลับไป
แพรไพลินยังนอนอยู่บนเตียงแล้วลืมตาฟื้นขึ้นมาอย่างงัวเงียจำอะไรไม่ได้ เธอลุกเดินไปเข้าห้องน้ำจากเตียงคนละด้านกับที่แสงกล้านั่งพิงผนังอยู่
แสงกล้ายังงีบหลับที่เดิม แพรไพลินล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว และเดินงัวเงียออกจากห้องน้ำ
เธอเดินอ้อมเตียงมาอีกข้างหนึ่ง จนสะดุดขาของแสงกล้าที่นั่งอยู่กับพื้น
แสงกล้าตกใจด้วยสัญชาติญาณกระชากโอบตัวแพรไพลินทันที ทั้งสองล้มลงกับเตียงในสภาพที่แสงกล้าอยู่ด้านบนแพรไพลิน
ทั้งเขาและเธอต่างชะงักเมื่ออยู่ในสภาพใกล้ชิดกันแบบนี้ ทั้งคู่จ้องตากันอย่างลึกซึ้ง
แสงกล้าเริ่มรู้สึกตัวร้องอุทาน “อุ้ย !”
"เข้ามาในห้องนอนฉันได้ยังไง ออกไปนะ"
แพรไพลินผลักแสงกล้าออกเต็มแรง เอาเท้ายันร่างแสงกล้าที่ไม่ทันตั้งตัวจนตกเตียงไป
“โอ๊ย... เจ็บนะ มาถีบผมทำไมเจ๊ไพลิน !” แสงกล้าพูดพลางลุกขึ้น
“ก็คุณเข้ามาในห้องนอนฉันทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
"เฮ้ย ๆ ๆ คนเป็นห่วงเป็นใย รู้บ้างมั้ยเนี่ย ตกลงคุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ"
แพรไพลินนิ่วหน้าพยายามทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เมื่อวาน.. ฉันเอาปลอกกระสุนปืนมาวิเคราะห์ที่นี่ คุณเข้ามาถามสถานการณ์ทั้งหมด แต่มันไม่ใช่คุณ !”
แพรไพลินเอามือจับขมับตัวเองคล้ายปวดหัว
"ฉันจำได้แค่นี้...”
แพรไพลินจ้องหน้านึกบางอย่างได้อีก
“คุณมาช่วยฉันไว้"
“ถูกต้อง” แสงกล้าบอก
“คุณไล่ไอ้โจรนั่นออกไป”
“ถูกต้อง”
“แต่ไอ้โจรนั่นมันมีฤทธิ์มาก คุณคงต้องเสี่ยงอันตรายกว่าจะช่วยฉันได้”
“ถูกต้อง”
แพรไพลินจ้องหน้าแสงกล้าแล้วนิ่วหน้าอีกครั้ง
"แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณเป็นตัวจริง บางทีไอ้วายร้ายนั่นมันอาจจะปลอมหน้ามาอีกก็ได้"
“อันนี้ไม่ถูกต้องแล้ว”
แสงกล้ายิ้ม ๆ จะแกล้งยั่วจึงกระชากตัวแพรไพลินมาโอบไว้ทันที
“เปิดโอกาสให้ใกล้ชิดสะกิดใจ คราวนี้จำพี่สุดที่เลิฟได้รึยังคะ ดอกเตอร์ไพลิน”
แพรไพลินเห็นสร้อยคอพระที่แสงกล้าใส่ไว้ประจำ เธอมั่นใจแล้วว่าเป็นเขาจริง ๆ
“โอเค ๆ เชื่อแล้วว่าเป็นตัวจริง บ้าอย่างนี้มีคนเดียว”
แพรไพลินดึงตัวเองออกและผลักแสงกล้าออก
“ไป ๆ ๆ ออกไปห่าง ๆ ฉันได้แล้ว”
"น้องแพรมีอันตราย ให้พี่อยู่ใกล้ ๆ ดีกว่า"
"ทะลึ่งแล้ว เดี๋ยวโดน"
“อะไรกัน อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วย จะขอบคุณสักคำก็ไม่ได้”
"ขอบคุณ"
แสงกล้าอมยิ้ม
“อะไรนะ”
"ขอบคุณ"
"ผมไม่ค่อยได้ยิน"
“ฉันขอบคุณมากค่ะ พอใจรึยัง”
“ยัง คุณติดหนี้ผมมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ต้องชดใช้กันมากหน่อย”
"จะให้ฉันทำอะไรก็บอกมาจะได้เคลียร์ ๆ กันไป ไม่ต้องติดค้าง"
แสงกล้ายิ้ม ๆ จะแกล้งยั่วแพรไพลินเลยเอานิ้วแตะที่ริมฝีปาก แล้วทำหน้ากรุ้มกริ่มกับแพรไพลิน
“French kissเพื่อเป็นการปลอบขวัญ”
“French kiss”
แสงกล้ายิ้มรับคำ พร้อม ๆ กับยื่นหน้าเข้ามาหาแพรไพลินซะอย่างนั้น
แพรไพลินนิ่ง ๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“ตกลง เรามา French kiss กัน”
"เฮ้ย...”
แพรไพลินเอามือดึงร่างแสงกล้ามากอดหน้าตาเฉย แสงกล้าถึงกับเหวอ แพรไพลินแกล้งทำเสียงแผ่ววาบหวาม
“อย่าเกร็งสิ เดี๋ยวไม่ได้อรรถรส”
เธอดึงร่างแสงกล้าลงมานั่งที่เตียงแล้วบอก
“จะคิสทั้งทีต้องมีพร็อบประกอบด้วย”
ทั้งสองคนมานั่งกันอยู่บนเตียงดูล่อแหลมมาก
“ทำไมก๋ากั่นซะขนาด”
แพรไพลินยิ้มยั่วยวน
“เอาน่า หมวดแสงกล้า มีใครเคยบอกมั้ยว่าริมฝีปากหมวดสวย น่าจูบมาก"
เธอแกล้งจ้องตาเขาอย่างยั่วยวน เขาถึงกับอึ้งและอ่อนระทวยไปเมื่อเห็นแววตาของเธอ เธอดึงร่างเขามากอดไว้ ทั้งสองเคลื่อนหน้าเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบรรยากาศแห่งความพิศวาส
เขาหลับตาเหมือนกำลังจะประทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของแพรไพลิน แล้วจู่ ๆ เธอก็แววตาเบิกกว้าง ราวกับแม่เสือจะตะครุบเหยื่อ
“โอ๊ย” แสงกล้าร้องลั่นด้วยความเจ็บ
แพรไพลินเอาที่ช็อตไฟฟ้า ช็อตเข้าที่เอวของเขาอย่างจัง จนตัวสั่นเทาไปตามแรงช็อตไฟฟ้า
“เป็นไงคะคุณพี่ French kiss ดูดดื่มดีมั้ยคะ”
แสงกล้าตัวเกร็งสะบัดเต็มแรงด้วยแรงไฟฟ้าช็อตแล้วล้มแน่นิ่งไป แพรไพลินปรายตามอง
"ลุกขึ้นมาเถอะ แผนนี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก"
แสงกล้ายังคงนิ่งไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น
"ฉันเป็นหมอ ฉันรู้ดีว่ากระแสไฟแค่นี้ทำอะไรหมวดไม่ได้หรอก ฉันบอกให้ลุกขึ้นมา”
แสงกล้ายังหลับตาไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น แพรไพลินชักใจไม่ค่อยดีแต่ยังไม่ไว้ใจอยู่ เธอเอานิ้วมาอังที่จมูกของแสงกล้าแล้วนิ่วหน้านิดหนึ่ง
แพรไพลินพูดเสียงแผ่ว
“ไม่หายใจ”
แพรไพลินตกใจรีบเอามือแตะที่คอของแสงกล้าเพื่อตรวจชีพจรให้แน่ใจ แสงกล้าลืมตาขึ้นทันที คว้าข้อมือเธอที่จับชีพจรอยู่ที่ตรงคอ แล้วดึงเข้ามาหาตัว กอดเต็มแรง
“แกล้งพี่ต้องโดนลงโทษ”
แสงกล้าหอมแก้มแพรไพลินแบบเต็ม ๆ ทันที ทั้งซ้ายขวา ซ้ายขวาจนเธอตกใจ
“ว้าย”
แพรไพลินผลักแสงกล้าออกเต็มแรง แสงกล้าหัวเราะชอบใจ
"กลิ่นดอกเตอร์หอมชื่นใจ ... ฮ่า ๆ ๆ"
แสงกล้ายิ้มหัวเราะแล้วเดินหนีออกไป แพรไพลินชี้หน้าแสงกล้าแบบอาย ๆ แล้วเอามือเช็ดแก้มไปมา
ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยเดินสำรวจห้องแลปในทาวน์โฮมที่ยังมีร่องรอยของการต่อสู้ แต่ไม่พบอะไรที่เป็นหลักฐานได้เลย เขาเปิดโน้ตบุ๊กของแพรไพลิน พบว่าข้อมูลภายในเครื่องหายไปทั้งหมด โหลดอะไรไม่ขึ้นเลย มีแต่เคอร์เซอร์กระพริบถี่ ๆ
"เรียบร้อย เครื่องคอมพิวเตอร์ของหมอเดี้ยงสนิท ไม่เหลือข้อมูลอะไรเลย"
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลพยายามหาหลักฐานประกอบอื่น ๆ แต่ไม่พบ
"ปลอกกระสุนที่ฉันได้มาก็หายไปด้วย"
แสงกล้านึกขึ้นได้เรื่องคมศรขึ้นมาได้ ก็พูดประชด
“น่าเสียดาย สุดที่เลิฟอุตส่าห์หามาให้”
"อะไรนะ"
"ปละ...เปล่า พอดีเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเห็นภาพบาดตาบาดใจ"
"อย่าเพิ่งไร้สาระน่า”
แพรไพลินพยายามกดคีย์บอร์ดจะโหลดข้อมูลกลับคืนมา แต่ไม่ได้ผล โน้ตบุ๊กดับพรึ่บไปอีก
"ท่าทางจะกู้ข้อมูลมายากแล้วล่ะ เราคงต้องเริ่มกันใหม่"
แพรไพลินนิ่งคิดและนิ่วหน้าพยายามรื้อฟื้นความจำ
“น่าเสียดาย ก่อนเกิดเรื่อง ฉันน่าจะพบความจริงเกี่ยวกับฆาตกรที่ฆ่าผู้กองครามแล้ว แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย"
“งานนี้คงขอหลักฐานใหม่เพิ่มจาก ผ.บ.รวิ ลำบาก”
แพรไพลินมีสีหน้ามุ่งมั่นบอก
“ลำบากยังไงฉันจะต้องพิสูจน์ให้ได้ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
แพรไพลินกำลังเดินออกมาส่งแสงกล้าที่หน้าทาวน์โฮมเพื่อเดินทางกลับ
“แหม บอกตามตรงนะ ผมละภูมิใจในความมุ่งมั่นของแฟนผมคนนี้จริง ๆ มันต้องกล้า ซ่าส์ มีกึ๋นอย่างงี้ สมกับเป็นดอกเตอร์ขวัญใจผม”
"ใครเป็นแฟนคุณ"
"ก็...ก็"
“พูดจาเลอเทอะ ไปเช็กสมองหน่อยมั้ย ฉันทำใบส่งตัวให้”
“เปลี่ยนเป็นเช็กคลื่นหัวใจได้มั้ย อยากให้ดอกเตอร์รู้ว่า หัวใจผมมันเต้นจังหวะ ไอ...ไอ...”
แสงกล้าสบตาแพรไพลิน เพชรแท้เดินเข้าบ้านมาพอดี สีหน้าเข้มมองมาด้วยความไม่พอใจ
"ทำไมยังตามป้วนเปี้ยนลูกสาวฉันไม่เลิก"
แสงกล้าหันไปเห็นเพชรแท้
“ไอเกลียดยูโซมัช เวรี่มัชแหง ๆ ... ลองหน้าแบบนี้”
เพชรเท้าเดินเข้ามาใกล้ แสงกล้ายิ้มนำไป
“ไปห่าง ๆ ลูกสาวฉัน”
“ห่างไม่ได้ ผมชอบอยู่ใกล้คนเก่งไม่ภูมิใจเหรอครับที่มีลูกสาวทั้งเก่ง ทั้งสวย" แสงกล้าพูดพลางหัวเราะ
“ไม่มีใครเคยสอนมารยาทให้รึไง”
“ถ้าจะด่าถึงพ่อถึงแม่ก็ต้องบอกตรง ๆ ผมกำพร้า ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนมาตั้งแต่เกิด"
แพรไพลินพูดขัดขึ้น
“แม่มาทำไมคะ มีอะไรจะมาสั่งแพรเหรอคะ”
"เข้าไปคุยกันข้างใน"
เพชรแท้มองแพรไพลินด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนปรายตามองแสงกล้าแบบเหยียด ๆ
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ภายในทาวน์โฮม แพรไพลินมองแม่ที่หน้าตาซีเรียส
“ทำไมถึงไม่คบกับคุณจักร ไอ้หมวดบ้า ๆ บอ ๆ นี่มันช่วยให้ชีวิตแกดีขึ้นได้รึไง"
"เพราะแพรคิดไม่เหมือนแม่ไงคะ แพรไม่คบคนที่ผลประโยชน์"
"คุณจักรเค้าชอบแก"
"แต่แพรไม่ชอบ เกลียดด้วยซ้ำ"
"ทำเพื่อแม่ไม่ได้ใช่มั้ย"
"ถ้าแม่จะจับแพรใส่กล่องผูกโบว์ ส่งเป็นของกำนัลให้คนที่ทำธุรกิจด้วย แม่ไม่น่าเสียเงินส่งแพรเรียนถึงดอกเตอร์”
"เพราะแม่อยากให้ของขวัญชิ้นนี้ ทั้งสวยทั้งมีสมอง มีคุณค่าที่จะไม่เป็นแค่ของเล่นชั่วคราว"
แพรไพลินมองแม่ เพชรแท้เดินเข้าหา
“แม่รู้ว่าบังคับลูกไม่ได้ แต่แม่ก็พลาดงานประมูลดาวเทียมดวงใหม่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะนั่นคืออนาคตทุกอย่างในชีวิตแม่”
แพรไพลินชะงักนิดหนึ่ง เพชรแท้พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“แพร...แม่ไม่ได้บังคับให้ลูกแต่งงานกับคุณจักร แค่เอาใจ...ยอมไปไหนมาไหนกับเค้าบ้าง แค่ทำให้เค้าพอใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าลูกยอมเสียสละทำให้แม่ถือว่ามันคือความกตัญญูจากลูกนะ"
เพชรแท้เล่นเกมส์กดดันและแสร้งยิ้มอารีแล้วเดินออกไป แพรไพลินสีหน้าเครียด
เพชรแท้เดินฉับ ๆ ไปขึ้นรถ พอรถออก แสงกล้าค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากมุม ๆ หนึ่ง มองไปที่แพรไพลินที่มองตามรถแม่ออกไปด้วยสายตาเครียด
แพรไพลินสีหน้าเครียดหันมา เห็นแสงกล้าเข้ามายืนมองอยู่เงียบๆ
"ทำไมยังไม่กลับไปอีก หรือจะรอสมน้ำหน้าฉัน"
“ผมไม่ได้มาสมน้ำหน้าคุณ ถึงไม่มีพ่อแม่ แต่ผมก็นึกออกว่าความทุกข์ที่คุณเจอมันเป็นยังไง”
"ขอบคุณที่เข้าใจฉัน"
“ถ้าจะมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ ขอแค่คุณเปิดใจรับฟังความคิดของผมบ้างก็พอ”
แพรไพลินกับแสงกล้าที่มองสบตากัน อย่างรู้สึกใกล้ชิดและผูกพันกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
"ผมกลับบ้านดีกว่า คุณจะได้พักผ่อน"
แพรไพลินพยักหน้ารับรู้ แสงกล้าหันหลังเหมือนจะเดินออกไปแล้วเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
"อ้อ... ผมลืมบอกไปอีกเรื่องนึง"
"อะไรคะ"
แสงกล้าอมยิ้มแล้วบอก
“กลิ่นแก้มดอกเตอร์หอมชื่นใจมั่ก ๆ"
แพรไพลินซัดเพี้ยะเข้าที่แขนของแสงกล้า แล้วยิ้มเขิน ๆ
"บ้า"
"นี่แหละ... ผมอยากได้รอยยิ้มแบบนี้แหละ ยิ้มให้เยอะ ๆ เจ๊ไพลิน โลกจะลดมลพิษทางอารมณ์ ถ้าเรามีรอยยิ้ม เจ๊มีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม บ๊ายบาย”
แสงกล้าทำท่าทะเล้นกรุ้มกริ่มเข้าใส่แพรไพลินก่อนเดินออกไป ทิ้งให้แพรไพลินมองตามแล้วยิ้ม ๆ เธอกำลังชอบผู้ชายคนนี้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
วันใหม่ เวลากลางวัน ณ อาคารที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ภายในที่ประชุมประกอบด้วย เมฆา ศมศร จักร และรัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ นับ 10 คน
ดร. เมฆา ฐานรัฐ สีหน้าเครียด คมศรขยับตัวอย่างอึดอัด ส่วนองค์ประชุมอื่นๆภายในห้องกำลังฟังจักร อมตฤทธาด้วยแววตาเห็นด้วยและคล้อยตาม
“ผมขอเสนอให้โครงการส่งดาวเทียมดวงใหม่เป็นวาระเร่งด่วนประจำวันนี้ เราต้องพิจารณาผ่านโครงการ เพื่อหาบริษัทฯจัดซื้อเป็นกรณีพิเศษ”
“แต่ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องพิจารณา แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ เป็นเรื่องที่รอมานานแล้ว” จักรหันมายิ้มเหี้ยมอย่างเหนือชั้นกว่า
“ท่านต้องทำตามมติที่ประชุม รัฐมนตรีทุกคนมีความเห็นคล้อยตามความต้องการของผม"
คมศรเข้ามาส่งแฟ้มโครงการดาวเทียมวางให้หน้าดร. เมฆา ที่นั่งนิ่ง สีหน้าบึ้งตึง ตรงข้ามกับจักรที่ยิ้ม คณะรัฐมนตรีแต่ละคนแววตาเหม่อลอยต้องมนต์สะกด
ภายในโถงพิธีกรรมในบรรยากาศขรึมขลังและน่ากลัว ขมังเวทย์กำลังจ้องมองไปที่เพชรยอดสังข์ที่เปล่งประกายแสงวาววับ
ดร. เมฆา ฐานรัฐนั่งมองคณะรัฐมนตรีทุกคนที่กำลังนิ่งฟังจักรพูด
“เราจำเป็นต้องเพิ่มดาวเทียม เพื่อผลประโยชน์ของประเทศในทุกด้าน”
ด้านหลังเมฆาที่นั่งหน้าเครียดอยู่ มีเงาควันดำปรากฏขึ้นมา เงาควันดำล่องลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง เงาดำนั้นกำลังทาบทับลงมาที่ใบหน้าคณะรัฐมนตรีแต่ละคน และทุกคนเพื่อครอบงำความคิดและจิตวิญญาณ
รัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่โดนมนต์ดำครอบงำบอก
"ความเห็นของท่านจักรน่าสนใจมาก”
รัฐมนตรีอีกคนหนึ่งสนับสนุน
“ผมสนับสนุน เพราะเป็นการทำเพื่อประเทศชาติอย่างจริงจัง”
“โครงการนี้ลงทุนเพื่อประเทศชาติ ขอให้พวกเราผ่านมติครม.เพื่อดำเนินการอย่าเร่งด่วนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน”
จักรพูดเสร็จแล้วหันขวับจ้องเขม็งไปทางเมฆา และพูดเน้นย้ำเหมือนสะกดจิตให้ทำตาม
“ผมต้องการให้ท่านนายกฯผ่านมตินี้...เพื่อความเป็นเอกฉันท์!”
ดร. เมฆา ฐานรัฐที่นั่งอยู่ ปรากฏควันดำก่อเป็นร่างของขมังเวทย์จาง ๆ ค้ำหัวเมฆาเพื่อชี้นำความคิดของนายกรัฐมนตรี
ภายในโบสถ์ในบรรยากาศเงียบสงบ นภา ฐานรัฐใบหน้าผ่องผุด งดงาม พนมมืออยู่หน้าพระประธานองค์ใหญ่
“ชีวิตนี้ลูกไม่อธิษฐานขอสิ่งใด นอกจากขอให้คุณความดีคุ้มครองผู้มีศีล ผู้เสียสละ และผู้มีจิตยึดมั่นในความดี”
สีหน้าแววตาของนภามุ่งมั่น อธิษฐานจิตอย่างแรงกล้า
ควันดำที่ค้ำร่างเมฆา จู่ ๆ ก็โดนอำนาจบางอย่างก่อตัวขึ้นสลายเงานั้นจนล่องลอยออกจากเมฆาในทันที
ภายในโบสถ์ นภายังพนมมืออยู่หน้าพระประธานองค์ใหญ่กล่าวคำอธิษฐานอย่างจริงจังต่อไป
“ให้ความดีเป็นที่พึ่งของทุกชีวิต ให้ความดีเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับคนที่คิดทำประโยชน์สุจริตแก่ประเทศชาติ ให้ความชั่วความเลวที่เกาะกินอยู่บนแผ่นดินนี้สูญหาย พ่ายแพ้แก่พระบารมี และคุณความดีที่ปกปักษ์รักษาประเทศไทย ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน.. ความดีจะไม่มีวันพ่ายแพ้ !”
เงาดำเหมือนถูกผลักกระเด็นออกไปจากเมฆา แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว
"ขอให้เราลงมติกันเลย" จักรว่า
“เราจะไม่ลงมติจากคนแค่หยิบมือในห้องนี้”
จักรชะงัก
“ ผมอยากให้เราทำประชามติ เสียงจากประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่าโครงการสำคัญเร่งด่วนจริงหรือไม่"
ดร. เมฆา ฐานรัฐกวาดตามองทุกคนอย่างเป็นคำสั่งสิ้นสุด
นภาก้มกราบอย่างสวยงาม ก่อนจะเงยขึ้นมองพระพักตร์ที่นิ่งสงบ เยือกเย็นของพระประธานในอุโบสถเบื้องหน้า
เมฆาเดินเร็วออกจากห้องประชุม คมศรเดินตาม
"ทำประชามติทั้งประเทศ"
“แต่มันจะนานนะครับ ผมกลัวว่ารองนายกจักรจะรอไม่ไหว”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ ให้รอไป!”
“ลองแบบนี้ โครงการดาวเทียมคงเป็นหมันไปอีกหลายรัฐบาล”
ดร. เมฆา ฐานรัฐเดินนำคมศรออกไปอีกทางหนึ่ง คมศรเดินตามไป จักร อมตฤทธาขยับออกมาจากมุมสุดทางเดินมองตรงมาด้วยแววตาไม่พอใจ
ภายในห้องทำงาน ดร. เมฆา ฐานรัฐที่กำลังเช็คทวิตเตอร์จากมือถือ แล้วเงยหน้ามองคมศรที่บอกว่า
“เราอาจจะขวางโครงการดาวเทียมได้ แต่คุณจักรคงมีอีกหลายเรื่องที่จะเสนอ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกคมศร มีอีกหลายวิธีที่เราจะทำให้โครงการไม่โปร่งใสไม่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมตกไป”
เมฆายิ้มมองคมศรพูดด้วยแววตา สีหน้ามีความหวังมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม
“ที่จริงฉันก็เห็นด้วยว่าต้องมีดาวเทียมเพิ่ม แต่ไม่ใช่เวลานี้ ที่ปากท้องประชาชนกับการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เงินเป็นพันล้านเราควรจะเอามาพัฒนาคุณภาพชีวิตคน ให้การศึกษากับเด็กด้อยโอกาส เพื่ออนาคตพวกเค้าจะได้ไม่ต้องถูกหลอกจากพวกมีการศึกษา พวกที่เป็นคนเก่ง..แต่ไม่ใช่คนดี ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง"
ดร. เมฆา ฐานรัฐสีหน้าจริงจัง
ถายในห้องโถงบ้านจักร จักรยืนหน้าบึ้งตึงต่อหน้าเพชรแท้ที่เข้ามาคุยเรื่องโครงการดาวเทียม รอบข้างมีนักธุรกิจการเมืองเกี่ยวข้องอีก3คน
“ไหนคุณว่าจะผ่านมติ ครม.ได้วันนี้ ธุรกิจเสียหายนะคะ”
“อย่าลืมว่าพวกเราอุดหนุนคุณเท่าไหร่ ตอบแทนกันแค่นี้ ทำไมถึงช้านัก” นักธุรกิจการเมืองคนแรกว่า
จักรสีหน้านิ่ง ไม่โต้เถียง ยอมปล่อยให้นักธุรกิจนายทุนพูด
“เคยมีคนเตือน แต่ผมก็มั่นใจว่า คุณจะไม่เหมือนพ่อ” นักธุรกิจคนที่ 2 บอก
“คุณก็รู้ว่าความดีมันกินไม่ได้ ประสบการณ์ตรงเลยไม่ใช่เหรอ”
จักรแววตาวาบขึ้นมาด้วยความโกรธ หันขวับไปทางกลุ่มเพชรแท้กับนักธุรกิจทันที
“เอ้อ... ฉันว่าเราพูดแค่นี้คุณจักรคงจะเข้าใจแล้ว ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของคุณจักรดีกว่านะคะ”
เพชรแท้เห็นท่าไม่ดี รีบพยักหน้าให้นักธุรกิจที่เหลือเดินเลี่ยงออกไปพร้อม ๆ กัน จักรหันมาเห็นลูกน้อง ลูกน้องรีบหลบออกไปอย่างรู้อารมณ์ สีหน้าจักรเต็มไปด้วยความเครียด
จักรเดินเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จ้องตรงไปยังรูปถ่ายใบหนึ่งบนโต๊ะ ภาพของจักรกับพ่อวัยกลางคนถ่ายรูปคู่กันอย่างสนิทสนม เขาคิดถึงเรื่องราวระหว่างตัวเองกับพ่อ
ในบ้านหลังเก่าที่เป็นเรือนไม้สมฐานะของชนชั้นกลาง บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่โตนัก อาวุธ อมตฤทธานักการเมืองน้ำดี พ่อของจักร วัยกลางคน กำลังโต้เถียงอยู่กับนักธุรกิจนายทุนพรรค
“ผมช่วยโครงการฮั้วประมูลตัดถนนของท่านไม่ได้” อาวุธบอก
"แต่ผมเป็นนายทุนพรรค"
“ก่อนท่านจะสนับสนุนเรา ผมเคยแถลงนโยบายพรรคให้รู้แล้ว พรรคเราจะเน้นการทำงานเพื่อประชาชนอย่างซื่อสัตย์ เราจะไม่ทำงานการเมืองในระบบเก่า เพราะมันคือต้นเหตุของการทุจริต โกงกินประเทศชาติตัวเอง"
จักร อมตฤทธาในสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นแอบหลบฟังอยู่อีกด้าน
ที่สนามกอล์ฟในอดีต จักรมองอาวุธ ผู้เป็นพ่อกำลังหวดวงสวิง
“พ่อปฏิเสธนายทุนพรรค ไม่กลัวเลือกตั้งคราวหน้าจะลำบากเหรอครับ”
“ลำบากยังไง ก็ดีกว่าให้พ่อโกงชาติเพื่อนายทุน”
อาวุธจับบ่าสองข้างของจักร แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จำไว้นะลูก ตลอดชีวิตของเรา อย่าให้อำนาจเงินอยู่เหนือความถูกต้อง”
"ครับ"
“เราต้องทำให้อาชีพนักการเมือง คือที่พึ่งที่แท้จริงของประชาชน”
“ครับพ่อ ผมจะเป็นอย่างที่พ่อเป็นสอน ผมจะเป็นนักการเมืองที่ไม่คอรัปชั่นทำเพื่อประชาชนทุกคน"
จักรยิ้มกับพ่อ
ที่ด้านหลัง มือปืนที่ปลอมเป็นแคดดี้กระชากปืนออกจากถุงกอล์ฟที่แบกมาแล้ว เล็งยิงเปรี้ยง...เข้าที่ด้านหลังอาวุธ
กระสุนลั่นเปรี้ยง เจาะกะโหลกอาวุธ เลือดกระเซ็นเข้าหน้าจักร อาวุธล้มลงทรุดหน้าลงกับพื้นหญ้า เลือดข้นไหลนองบนหญ้าเขียว
"พ่อ ... พ่อ"
จักรก้มลงพลิกร่างพ่อที่ไร้วิญญาณ ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
"พ่อ"
จักร อมตฤทธาถือรูปถ่ายคู่กับพ่อในมือ แววตาของจักรเต็มไปด้วยความคั่งแค้น
“ผมขอโทษที่ผิดสัญญา แต่ชีวิตและความตายของพ่อเป็นข้อพิสูจน์สำหรับผม แค่ความดีอย่างเดียวไม่ทำให้ชีวิตอยู่รอด”
จักรวางรูปพ่อตัวเองลง สีหน้าเข้มมากขึ้น
“ผมไม่ต้องการจะตายเหมือนพ่อ พ่อภูมิใจเถอะ ผมเป็นได้ดีกว่าที่พ่อสอนแน่นอน เพราะเงินกับอำนาจคือเพื่อนที่ดีที่สุด”
แววตาจักร อมตฤทธาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและชิงชังต่อโลก
วันใหม่ เวลากลางวัน ภายในห้องส่ง... “เรื่องด่วนเรื่องเด่น.. วิเคราะห์การเมืองไทย” โดยสกายนิวส์ เน็ตเวิร์ค ภายในห้องส่ง น้ำใสกำลังยืนรายงานข่าวสกู๊ปด้วยสีหน้าจริงจัง กราฟิกด้านข้างปรากฏภาพหน้าดร. เมฆา ฐานรัฐประกบกับจักร อมตฤทธาในลักษณะที่กำลังเผชิญหน้ากัน
“ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมา มีประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองนะคะ แหล่งข่าวของเราจากทำเนียบยืนยันว่า เกิดการขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างดอกเตอร์เมฆา ฐานรัฐ นายกรัฐมนตรี และ นายจักร อมตฤทธา รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง ในประเด็นร้อน สัมปทานดาวเทียมดวงต่อไปของประเทศ ดอกเตอร์เมฆายืนกรานจะผลักดันงานด้านการพัฒนาการศึกษาก่อน ในขณะที่นายจักรต้องการยิงดาวเทียมให้เร็วที่สุด ซึ่งผลการประชุมล่าสุดก็คือ ดอกเตอร์เมฆาใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี สั่งให้ทำประชามติทั่วประเทศ ในประเด็นเรื่องนี้เราจะเจาะลึกอีกครั้งช่วงข่าวภาคค่ำวันนี้ค่ะ”
บริเวณทางเดินในทำเนียบ วันเดียวกัน ดร. เมฆา ฐานรัฐเดินออกมา คมศร สุริยนเดินรายงาน
“เราเริ่มเดินหน้าเรื่องประชามติทั่วประเทศแล้วครับ มีนักวิชาการหลายคนออกมาคัดค้านเรื่องซื้อดาวเทียมทันที สื่อหลายช่องก็พากันเล่นประเด็นนี้”
“ดี... ฉันต้องการให้เสียงคัดค้านดังขึ้นดังขึ้น ไม่ต้องปิดข่าวนะคมศร”
“แต่ภาพพจน์ของรัฐบาลอาจจะติดลบนะครับ”
“ฉันไม่สนใจภาพพจน์ ฉันสนใจความจริง เรายังมีงานอื่นๆที่จะทำให้ประชาชนได้อีก...แล้วเรื่องที่ให้จัดการ”
"เรียบร้อยครับ"
“ขอบใจมาก”
"ท่านแน่ใจเหรอครับ"
ดร. เมฆายกมือเป็นเชิงห้าม
“พวกคุณทำหน้าที่ของคุณไป แต่อย่ารบกวนความเป็นส่วนตัวของฉัน”
"ครับ"
ดร. เมฆาเดินไปขึ้นรถ คมศรพูดกับไมค์ติดปกเสื้อสั่งการ
“ท่านนายกฯกำลังไปที่หมาย ระดับการรักษาความปลอดภัยปกติ ย้ำ ปกติ ท่านต้องการความเป็นส่วนตัว"
บริเวณชายหาดของบ้านพักส่วนตัวริมทะเลของดร. เมฆา ทิวทัศน์สวยงาม เมฆาเดินเข้ามาผ่านประตูด้านนอกสู่ระเบียง นภาในชุดสวย พริ้ว เบาบางหันมา เมฆายิ้ม
“เซอรไพร์สอะไรเหรอคะ ถึงต้องให้คนพาฉันมาถึงนี่” นภาถาม
“ผมไม่ลืมว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
นภายิ้มอายบอก
“อายุขนาดนี้แล้ว จะมาสนใจอะไรกับวันเกิด”
“ผมสนใจทุกเรื่องของคุณนะนภา เพียงแต่บางครั้งผมก็แบ่งเวลาไม่ได้ ผมอาจจะบ้างานมากไป แต่ว่า...”
"พอแล้วค่ะ"
นภาเอามือแตะไปที่อกเมฆาแล้วซบลง
"ฟังเสียงทะเลสิคะ"
เมฆายิ้ม รู้แล้วว่านภาไม่อยากให้พูดเรื่องเครียดๆ ทั้งคู่ยืนโอบกอดกันมองบรรยากาศริมทะเลสวยงาม
รถตู้ขนาดใหญ่กำลังวิ่งอยู่บนถนนเลียบหาดสวยงาม ภายในรถ ปราบ บอดี้การ์ดส่วนตัวของจักรหยิบปืนมาตรวจสอบความเรียบร้อย จากนั้นกระแทกแมกกาซีนเข้าไปในปืนแล้วพูดโทรศัพท์
“ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด จะถึงที่หมายภายใน 5 โมงเย็นครับ”
จักรวางหูโทรศัพท์ ด้านข้างวิญญูยืนนิ่งสายตาไม่ค่อยเห็นด้วย
"เตือนแล้วนะ ว่ามันยังไม่ถึงเวลาจบชีวิตของคนดี"
“แต่ฉันรอไม่ได้แล้ว แทนที่จะมายืนไม่เห็นด้วย รีบไปทำหน้าที่ของตัวเองมันจะดีกว่ามั้ย”
จักรพูดพลางหันไปตะคอกเข้าใส่วิญญู แต่พอเห็นแววตาอำมหิตของวิญญู จักรถึงกับต้องหลบสายตาแทบไม่ทัน
เมฆาในชุดลำลอง หรู ดูดี เดินกุมมือมากับนภา
นภาเตะน้ำทะเลเล่น เมฆายืนมอง นภาโบกมือ เมฆาเดินลงมา เห็นสองคนดูปูลม ดูปลา
สองคนเดินกุมมือกัน เดินไปตามริมหาดแนวยาว
บอดี้การ์ดมองระวังห่าง ๆ แต่งตัวลำลองเหมือนนักท่องเที่ยว
บนระเบียงด้านหนึ่ง คมศรนั่งดูดน้ำมะพร้าว ใส่แว่นกันแดด มองมา
ที่ริมหาด เมฆากับนภาเดินมายืนมองทะล
“ผมจะเก็บความสุขวันนี้ไว้เป็นพลัง เป็นกำลังใจของชีวิต”
“ตอนฉันไม่อยู่เหรอ”
"นภา พูดอะไรแบบนั้น"
"ก็คุณน่ะ พูดซะเครียดเลย"
นภามองไปเห็นนักท่องเที่ยวชายหญิงคู่หนึ่งเดินมา พอนภามอง สองนักท่องเที่ยวก็ทำชี้ชวน
มองไปทางอื่น
นภาหันกลับมาแล้วแกล้งก้มเก็บเปลือกหอย แต่ลอบมองเห็นสองนักท่องเที่ยวมองตรงมาที่เมฆา
นภากำหอยขึ้นมาโยนแล้วหันบอกเมฆา
“เราไปดูทางโน้นกันดีกว่า”
นภาดึงมือ เมฆาเดินตามไป นักท่องเที่ยวสองคนกุมมือเดินตามมาห่างๆ นภาตัดสินใจแกล้งล้มลง กุมข้อเท้าบอก
"เหยียบอะไรไม่รู้ สงสัยจะเปลือกหอยค่ะ"
"มา ผมดูให้"
เมฆาย่อตัวลงปัดทรายที่เท้า นภามอง นักท่องเที่ยวสองคนเดินมาใกล้ นภาทำเป็นก้มดูเท้า แต่ลอบมอง นักท่องเที่ยวเดินผ่านเลยไป นภาหันมายิ้มกับเมฆา
"กลับไปที่ห้องดีกว่าค่ะ"
นภาให้เมฆาพยุงขึ้นแล้วหันหลังเดินไปที่ห้อง
นักท่องเที่ยวสองคนหันกลับมากระชากปืน เล็งตรงมายังทั้งคู่ บนหาด บอดี้การ์ดที่เฝ้าระวังขยับจะลงมา แต่เจอมือปืนพุ่งเข้าล็อกจากด้านหลัง ปาดคอร่วงลงทุกคน แล้วลากศพอำพรางใต้ต้นไม้อย่างเร็ว
นภามองไปที่ต้นไม้เคลื่อนไหว แต่ไม่มีร่างคนก็มองสงสัย สายตานภามองไปที่หาดทราย...เห็นเงาทอดยาวของสองมือปืนที่เหยียดแขน เงานั้นมีปืนอยู่ในมือชัดเจน
มือปืนกำลังจะเหนี่ยวไก นภาหันกลับมา
"หลบ"
มือปืนยิงแต่นภากระชากเมฆาวิ่งหลบไปทางหาดหน้ารีสอร์ต มือปืนไล่ยิงด้วยปืนเก็บเสียงหลายนัด นภาพาเมฆาวิ่งหลบ มือปืนวิ่งมามองหา แต่เจอหมัดเมฆาชกเข้าหน้ามือปืนชาย ส่วนมือปืนหญิงหันมาเจอนภาจับทุ่มลงไปกองกับพื้น
เมฆาจะหยิบปืน แต่มือปืนชายลุกขึ้นถีบเมฆากระเด็น นภาเหยียบเข้าที่กลางอกมือปืนหญิง มือปืนชายกำลังจะยิงเมฆา แต่นภาใช้ปืนในมือของมือปืนหญิง เหนี่ยวกระสุนเข้ากลางอกมือปืนชาย เมฆามอง
"นภาระวัง"
นภาหันไปเห็นมือปืนหญิงกำลังจะเหวี่ยงมีดในมือเข้าใส่เธอ นภาเหนี่ยวไกปืนใส่มือปืนหญิงเข้าทะลุท้อง ขาดใจตาย
"ไป...”
เมฆาคว้ามือนภาวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที
เมฆากับนภาวิ่งมาจะเข้าไปที่ในบ้านพักริมทะเล คมศรวิ่งพรวดออกมา
“ในบ้านไม่ปลอดภัย”
คมศรวิ่งนำทั้งคู่ไปยังริมหาดอีกด้านหนึ่ง
“บอดี้การ์ดท่านนายกฯหายไปไหนหมด"
คมศรไม่ตอบ เมฆาถาม
“เรือจอดอยู่ที่ไหน”
คมศรหันมาด้วยแววตากระด้างถือปืนเล็งมาที่เมฆา นภาตกใจรีบกระชากปืนออกมา แต่ช้ากว่าคมศรที่ยิงปังเข้ากลางอกเมฆาเต็มๆ
”คมศร...”
นภาช็อก เมฆาหันมามองคมศรอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ภายในห้องพักของรีสอร์ต คมศร สุริยนตัวจริงสะบัดหัว และยังมีอาการมึนงงเพราะถูกรมยา เขาเดินโผมาที่ระเบียง
"ท่านนายกฯ”
คมศรกวาดสายตามองไปทั้งหาด ไม่เห็นใครก็รีบกดเรียกบอดี้การ์ด
"ใครอยู่ที่หาด ตอบด้วย ทุกหน่วยที่หาดตอบด้วย ท่านนายกฯอยู่ตำแหน่งไหน"
ไม่มีเสียงตอบ คมศรชักเอะใจ
"ท่านนายกฯ”
บริเวณริมหาดอีกด้น ดร. เมฆา ฐานรัฐที่ถูกยิง ค่อย ๆ ทรุดลงมองคมศร
“ทำไม ต้องเป็นเธอ คมศร”
“เพราะคนดีอย่างท่าน สมควรตายด้วยน้ำมือลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด”
เมฆากับนภามองคมศรด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ขมังเวทย์ในร่างของคมศรเดินเข้าหา นภากำปืนในมือแน่น พอคมศรเข้ามาใกล้ นภายิง...เปรี้ยง !
กระสุนพุ่งตรงเข้าหาคมศร แต่กลับหยุดอยู่ที่กลางอากาศ แล้วตกลงพื้น นภายิงอีก...เปรี้ยง กระสุนลอยหยุดที่กลางอากาศ ตกลงพื้นอีกครั้ง
คมศรจ้องไปที่นภาเหยียดแขนตรงอย่างมุ่งมั่นตั้งใจจะยิงเข้าใส่เมฆาที่ตอนนี้นภาเอาตัวบังอยู่ คมศรจ้องหน้านภา ระหว่างหน้าของทั้งสองคน ใบหน้าของขมังเวทย์มีหน้ากากซ้อนทับอยู่บนหน้าคมศร
นภา ฐานรัฐนึกถึงคำอธิษฐานในโบสถ์หน้าพระประธาน
“ให้ความดีเป็นที่พึ่งของทุกชีวิต ให้ความดีเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับคนที่คิดทำประโยชน์สุจริตแก่ประเทศชาติ"
ขมังเวทย์ในร่างคมศรกระแทกนิ้วลงที่ไก แต่ปืนกลับไม่ทำงาน กระสุนขัดลำกล้อง
นภาเน้นย้ำ
“ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน ความดีจะไม่มีวันพ่ายแพ้ !”
คมศรถูกกระแสบางอย่างขัดขวางการกระทำของตัวเองและเริ่มถอยออกไป
ดร. เมฆา ฐานรัฐเลือดทะลักออกมาจากหน้าอก นภาหันมาประคองสามี
"เมฆา อดทนนะคะ เมฆา คุณต้องไม่เป็นอะไร เราจะอยู่ด้วยกัน"
“นภา... ผม... ฝาก”
“ไม่ค่ะ ไม่ คุณต้องไม่ตาย คนดีอย่างคุณต้องไม่ตาย ช่วยด้วย คุณพระคุณเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้คนดีต้องตาย ปกปักษ์รักษาคนที่สละความสุขเพื่อคนอื่นมาตลอดชีวิตด้วย"
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
นภาสะอื้น ขมังเวทย์ในร่างคมศร เริ่มเซถอยอย่างพ่ายแพ้ในพลังธรรมในตัวของนภาจนต้องถอยฉากออกไป คมศรวิ่งเข้ามาอีกด้านเข้าแทนที่
“ท่านนายกฯ”
นภาหันมายกปืน
"อย่าเข้ามานะ"
“คุณนภา ผมคมศรครับ นั่น ท่านนายกฯถูกยิง”
คมศรมองเมฆาด้วยความเป็นห่วง บอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งเลือดโทรมกายเข้ามา
"ที่เหลืออยู่ไหน" คมศรถาม
“ไม่เหลือ เราถูกลอบโจมตี”
คมศรกับนภามองไปรอบทันที
“ต้องรีบไปจากที่นี่”
บอดี้การ์ดถือปืนระวังให้เมฆา คมศรกดโทรศัพท์
“ผม คมศร ส่งเฮลิคอปเตอร์มาที่นี่ด่วน ด่วนที่สุดภายใน 10 นาที รหัสลับ ... พิราบร่อนลง”
นภาฟัง มองคมศรที่สั่งแล้ว ก็รู้ว่าเป็นคมศรตัวจริง
“ย้ำรหัส... พิราบร่อนลง”
นภาลดปืนในมือลง คมศรเข้ามาใกล้ ทุกคนมองเมฆาที่หน้าซีดลงเรื่อยๆด้วยความกังวลที่สุด
ที่มุมหนึ่ง ขมังเวทย์ยืนตัวเกร็งฝืนต้านไม่ยอมให้พลังลดทอน
“คุณพระคุณเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้คนดีต้องตาย ปกปักษ์รักษาคนที่สละความสุขเพื่อคนอื่นมาตลอดชีวิตด้วย"
ขมังเวทย์ตาแดงกล่ำเอามือปิดหู เสียงนภายังก้อง
“แกเอาชนะฉันไม่ได้หรอก นังนภา... ไม่มีใครเอาชนะพลังของฉันได้ ไม่มี”
เฮลิคอปเตอร์บินผ่านฟากฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
ภายในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เวลากลางคืน เมฆานอนบนเตียงที่ถูกเข็นอย่างรวดเร็วบนทางเดินในโรงพยาบาล นภาจับมือดร. เมฆาวิ่งตามอยู่ข้างเตียง คมศรสั่งตำรวจและบอดี้การ์ดที่ตามหลังมา
“กันทุกคนออกไป ปิดทั้งชั้น อย่าให้ข่าวหลุดออกไปว่าท่านนายกฯถูกลอบยิง สั่งให้ตำรวจนอกเครื่องแบบวางกำลังทั้งโรงพยาบาล”
ตำรวจกับบอดี้การ์ดรีบแยกไปปฏิบัติ
นภามองเมฆา รถเข็นกำลังจะเลี้ยวเข้าห้อง เมฆายกมือให้หยุดก่อน นภาเข้ามาใกล้ เมฆาดึงออกซิเจนออกแล้วบอก
“นภา ขอบคุณอยู่กับผม ขอบคุณที่รักผม”
“คุณอย่าทิ้งฉันนะ เมฆา อย่าทิ้งฉัน”
“ผมไม่อยากทิ้งคุณ ไม่อยากทิ้งบ้านเมือง ผมจะอดทน” เมฆาพูดพลางสูดลมหายใจ
“คุณเป็นคนดีเป็นความหวังของทุกคน เราจะสู้กับอำนาจชั่วร้าย เราจะไม่ยอมแพ้นะคะ เมฆา.. คนดีอย่างคุณต้องไม่ยอมพ่ายแพ้”
เมฆาดึงมือนภามาจูบ นภาซบหน้าลงใกล้ เมฆาเสียงแผ่ว
"ผมรักคุณ"
มือเมฆาหลุดจากมือนภาทีละน้อย เมื่อเตียงเมฆาถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด
“เมฆา คุณต้องไม่เป็นอะไร เราต้องอยู่ด้วยกัน เมฆา...ฉันรักคุณ”
สายตาเมฆาบนเตียงเข็นมองเห็นภาพนภาห่างออกมา เมฆามีสีหน้าเจ็บปวดที่บาดเจ็บและจิตใจมากพอ ๆ กัน
ประตูห้องผ่าตัดปิด นภาสะอื้น คมศรเดินเข้ามา
“เราสั่งปิดเกาะวางกำลังทางเรือล้อมไว้หมดแล้ว มือปืนมันยังหนีออกมาไม่ได้ คุณนภาจำหน้ามันได้ใช่มั้ยครับ”
นภามองจ้องคมศร
“ฉันจำได้ ฉันเห็นคนที่ยิง เธอยิงเมฆา !”
คมศรตกใจ
“ผม ผมเหรอครับที่ยิงท่านนายกฯ”
"มีหลายอย่างที่ไม่น่าเกิดขึ้น"
นภานึกถึงภาพที่เธอเห็นกระสุนหยุด
“นี่ไม่ใช่เรื่องจริง มันต้องมีอะไรสักอย่างอยู่เบื้องหลัง”
นภามองไปที่ห้องผ่าตัดแล้วหันมาบอกคมศร
“ฉันต้องเจอดอกเตอร์แพรไพลินกับหมวดแสงกล้า”
นภาออกไปทันที คมศรมองอย่างสับสน
เวลากลางคืน ภายในห้องผ่าตัด หมอกับพยาบาลพยายามยื้อชีวิตเมฆาอย่างเต็มที่ หมอคนหนึ่งบอก
“ตรวจสอบว่ากระสุนฝังอยู่ที่ไหน”
หมอ2คนที่ 2 กำลังใช้เครื่องตรวจสอบ แล้วชะงักตกใจเมื่อหันไปมองที่หน้าจอเบื้องหน้า
“อาจารย์ครับ ตำแหน่งหัวกระสุน !”
หมอคนแรกหันไปมองที่หน้าจอมอนิเตอร์ที่กำลังฉายออกมาเป็นภาพร่างของเมฆา เห็นว่ากระสุนภายในร่างของเมฆาเคลื่อนที่ได้ไปมา ไม่อยู่กับที่
“กระสุนเคลื่อนที่ได้ !”
“เราจะผ่าออกมาได้ยังไงล่ะครับอาจารย์” หมอคนที่ 2 บอก
คณะแพทย์สีหน้าตกใจกับภาพที่ได้เห็น
นภา ฐานรัฐเดินเร็วมายังทางเดินในโรงพยาบาล ที่หัวมุมจักร อมตฤทธาเลี้ยวมา เมื่อเห็นนภาก็ตรงเข้ามา
“ผมมาเยี่ยมท่านนายกฯ อาการท่านเป็นยังไงบ้าง”
“คุณรู้ได้ยังไงว่านายกฯถูกยิง”
จักรชะงัก นภากระชากปืนออกมาเล็งเข้าใส่ทันที
“ใครเป็นคนวางแผนลอบสังหารท่านนายกฯ... ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนนึงที่สมรู้ร่วมคิด ต้องการมาดูผลงานให้แน่ใจ”
จักรยิ้ม นภาจะเหนี่ยวไก
ฉับพลันร่างจักรกลายเป็นร่างวิญญู นภาตกใจมาก
วิญญูผลักร่างนภาจนถอยหวือไปกระแทกผนังโครมใหญ่ นภาทรุดลงกับพื้น แต่มือไม่ยอมปล่อยปืน นภาเงยขึ้นมาถามอีก
“แก...แกเป็นใครกันแน่”
“ฉันเป็นคนที่แกจะไม่มีวันรู้จักตัวตนที่แท้จริง !”
"แก...”
วิญญูเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ นภาตัดสินใจยิง...เปรี้ยง ! กระสุนทะลุร่างวิญญู
นภาตกตะลึงมอง วิญญูยิ้ม บาดแผลสมานกลับมาดังเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิญญูจ้องบังคับนภาจนไร้การควบคุม นภากำลังหันปากกระบอกปืนเข้าหาตัวเอง
“แก แกฆ่าครามกับทอรุ้ง”
“ฉันจะฆ่าใครก็ได้ ... ที่ฉันไม่อยากให้หายใจ” วิญญูบอก
นภาพยายามขืนปืนที่กำลังหันเข้าหาตัวเอง
“แกเป็นคนยิงเมฆา”
"ความดีจะไม่มีวันพ่ายแพ้เหรอ"
วิญญูถามพลางหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮึ ๆ ความดีมันช่วยใครไม่ได้หรอก”
วิญญูบังคับให้นภาจ่อปืนเข้าที่ปลายคางตัวเอง
“อำนาจของฉันต่างหากที่จะครอบครองโลกใบนี้ อำนาจของฉันต่างหากที่ชนะความดี ชนะคนดี อำนาจของฉันต่างหากที่จะกำหนดชะตาคนทั้งโลก”
นิ้วนภากำลังจะเหนี่ยวไก วิญญูยิ้ม นภาหลับตา
“ไม่มีอำนาจใดชนะธรรมะ ไม่มีอำนาจใดชนะความดี ความดีจะปกป้องผู้ประพฤติดี !”
วิญญูชะงัก ชั่วขณะนภาเหมือนหลุดพ้นจากอำนาจ ปืนในมือกลับไปเล็งที่ร่างของวิญญู
วิญญูปัดปืนกระเด็นแล้วตรงเข้าบีบคอนภา
“วันนี้เป็นวันดับแสงของพวกแก วันที่ความดีไม่มีทางชนะอำนาจมืดได้อีกแล้ว”
นภากำลังหายขาดอากาศหายใจ
ภายในห้องผ่าตัดโกลาหลไปกับการช่วยยื้อชีวิตเมฆา ที่จอมอนิเตอร์ กระสุนยังเคลื่อนที่ไปมาภายในร่างเมฆา หมอคนแรกหันมาสั่งทีมแพทย์
“ล้มเลิกการผ่าหัวกระสุน อันตรายเกินไป”
หมอคนที่ 2 สั่งพยาบาล
“คนไข้เสียเลือดมาก ให้เลือดเพื่อประทังอาการไปก่อน”
“ถ้าเราไม่ผ่ากระสุนออกมา คนไข้อาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอด” หมอคนแรกบอก
“คงต้องวางแผนหาทางรักษากันต่อไปครับอาจารย์” หมอคนที่สองว่า
บริเวณทางเดินในโรงพยาบาล วิญญูลากนภาที่กำลังดิ้นรนขัดขืนมาตามทางเดินด้วยแรงมหาศาล
นภาพยายามจะพูด แต่ถูกวิญญูล็อกหลอดลม ไม่ยอมให้เธอเปล่งเสียงออกมาได้อีก
“อำนาจมืดจะครอบครองทุกชีวิตบนโลกนี้ ไม่มีใครขัดขวางเส้นทางของฉันได้ ที่ ๆ คนดีอย่างพวกแกจะไปอยู่รวมกัน”
วิญญูหยุดเท้าที่หน้ากระจกหน้าต่างบานใหญ่ แล้วหันมามองนภา
“มีอยู่ที่เดียว.. คือ...นรก”
วิญญูยกร่างนภาขึ้นด้วยมือเดียวแล้วโยนไปกระแทกหน้าต่าง ร่างของนภากระแทกกระจกหน้าต่างจนแตกละเอียด ร่างของเธอลอยละลิ่วทะลุหน้าต่างออกไป วิญญูยิ้มร้ายสะใจเมื่อนึกถึงจุดจบของนภา
นภาร่วงหล่นจากตัวตึกลอยดิ่งมายังข้างล่าง ร่างของเธอกระแทกลงไปที่หลังคารถยนต์ที่จอดอยู่ เสียงสัญญาณกันขโมยดังลั่น กลุ่มคนบริเวณนั้นวิ่งกรูเข้ามาดูเหตุการณ์
ร.ต.ต.แสงกล้า พญ. แพรไพลินและคมศรแหวกกลุ่มคนเข้ามาแล้วตกใจที่เห็นนภานอนนิ่งอยู่บนหลังคารถ ในลักษณะที่หัวห้อยมายังกระจกด้านหน้า
-แสงกล้า,แพรไพลิน,คมศรต่างนิ่งอึ้ง ช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ประตูห้องไอซียูถูกเปิดออก คมศร สุริยนตรงเข้าไปหาคุณหมอ ขณะที่แสงกล้าและแพรไพลินยืนรอฟังผลอยู่
"คุณนภาเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” คมศรถาม
"ผมเสียใจด้วย"
ทุกคนรับฟังผลอย่างเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เสียใจกับการสูญเสียนภา คมศรเดินออกไปทางหนึ่งของห้อง แพรไพลินแปลกใจ
“คมศร คุณจะไปไหน”
"ผมจะไปรายงานท่าน"
คมศรเดินตรงออกไปทางห้องรักษาตัวของดร. เมฆา ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชย และพญ. แพรไพลินนวิยากุลรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ดร. เมฆานอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในห้องไอซียู มีเครื่องช่วยชีวิตพันธนาการอยู่ระโยงระยางเต็มไปหมด คมศรเดินตรงเข้ามายืนรายงาน เมฆาเหมือนจะรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ท่านครับ... ผมขอแสดงความเสียใจด้วย คุณนภาจากเราไปแล้วครับ”
ร่างของเมฆาที่นอนนิ่งมีหยดน้ำตาไหลออกมา เสมือนรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ผมจะเก็บศพของคุณนภาไว้ เพราะรู้ดีว่าท่านคงต้องการจัดพิธีให้กับคนที่ท่านรักด้วยตัวท่านเอง ผมสัญญาครับ ผมจะเอาตัวพวกมันมาลงโทษให้ได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของผม”
คมศรสัญญาต่อหน้าร่างของเมฆาด้วยน้ำตานองหน้า
แสงกล้าและแพรไพลินเดินเข้ามาในห้องดับจิต ทั้งคู่มองไปยังร่างนภาบนเตียง
"ท่านนายกเป็นเจ้าชายนิทรา ภรรยาท่านต้องมาเสียชีวิต พวกมันทำอย่างนี้เพื่ออะไร" แพรไพลินว่า
“มันต้องการถอนรากถอนโคนทุกคนที่ขัดขวาง”
“ฉันไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของเรา”
“ต่อไปคงไม่เหลือพื้นที่ให้คนดีได้เดิน”
ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยเริ่มหมดหวังกับชะตากรรมบ้านเมือง และท้อแท้กับการที่คนดีต้องเสียชีวิต
คมศร สุริยนเดินเข้ามาในห้อง
"ท่านผู้การมาถึงแล้ว"
แพรไพลินและแสงกล้าหันไปที่ประตู เห็นผู้การอินทนนท์ และบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามา
“ผู้การอินทนนท์”
มุมหนึ่งในห้องดับจิต บรรยากาศเศร้าสลด ร่างของนภานอนบนเตียง
อินทนนท์เดินเข้ามายืนมองนภา สีหน้าหม่นหมองและเศร้า แต่แววตายังคงเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง
“นภา...ประเทศนี้จะจดจำคุณไว้ คุณเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งที่เข้มแข็งและกล้าหาญ คุณทำหน้าที่ปกป้องดูแลสามีจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต"
แสงกล้ายืนฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจ เดินออกไปจากห้องไป แพรไพลินมองตามแต่ไม่ได้ตามออกไป
“คุณเหนื่อยมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องพักบ้าง พวกเราจะดูแลท่านนายกแทนคุณเอง ท่านต้องฟื้น...ดอกเตอร์เมฆาต้องกลับมาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง”
ผู้การอินทนนท์เคร่งขรึม เต็มไปด้วยความเครียด
ทุกคนเดินออกมาจากห้อง... คมศรรายงานสถานการณ์
"ผมจะเก็บศพคุณนภาไว้ จนกว่าท่านนายกฟื้นแล้วค่อยทำพิธีครับ"
“ผมเห็นด้วย สามีควรทำหน้าที่ในพิธีศพของภรรยา”
อินทนนท์แปลกใจที่แสงกล้าหายไป
“หมวดแสงกล้าไปไหน”
ผู้การอินทนนท์หันมาถามแพรไพลิน เพราะคิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าแสงกล้าอยู่ที่ไหน
แสงกล้าเดินขึ้นมาที่ริมขอบดาดฟ้า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตะโกนระบายอารมณ์ออกไป
“มันไม่ยุติธรรมเลย นี่เหรอผลตอบแทนของความดี ทำไมคนทำดีต้องตาย ถ้าเป็นแบบนี้ คนจะทำความดีไปเพื่ออะไร”
"สังคมจะแย่ไปกว่านี้ถ้าคนดีท้อแท้" เสียงผู้การอินทนนท์ดังขึ้น
แสงกล้าหันกลับมาเจออินทนนท์ยืนอยู่
“ท่านผู้การก็เห็นว่า ผลลัพธ์ของคนดีคืออะไร กี่คนมาแล้ว ทอรุ้ง ผู้กองคราม ดอกเตอร์เมฆา แล้วยังคุณนภาอีก ผลตอบแทนของคนดีคือความตายเหรอครับ"
“ความตายไม่ได้หมายถึงความสูญเสียเสมอไป ถ้าเรารู้ว่าเราตายเพื่ออะไร”
แสงกล้าแปลกใจกับคำพูดของอินทนนท์
“สิ่งที่พวกเขาทำมันคือวีรกรรม เหมือนวีรชนที่สละชีวิตเพื่อกอบกู้บ้านเมืองทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องตาย ฉันเชื่อมั่นว่าผู้กองครามหรือนภามีความสุขใจ.. ภาคภูมิใจที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อยืนหยัดในความดี ปกป้องประเทศนี้”
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันบั่นทอน มันทำให้คนดีเสียขวัญและขลาดกลัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย ทำให้หยุดนิ่ง ไม่กล้าทำอะไรอีกเลย”
“การนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ที่เลวร้าย ก็เท่ากับเราสมรู้ร่วมคิดกับคนชั่ว”
“มีอะไรที่ทำให้คนดีมีความกล้าได้อีกล่ะครับ”
“ศรัทธา ศรัทธาที่เชื่อว่าความดีจะไม่มีวันตาย เหมือนอย่างที่ฉันเชื่อมั่นเสมอว่า เธอคือคนดีที่มีศรัทธา"
ผู้การอินทนนท์เอามือจับไหล่แสงกล้าทั้งสองข้างไว้ มองด้วยสายตาให้กำลังใจ
“แสงกล้า...เธอคือแสงสว่างที่จะนำความกล้าหาญ ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้อง”
แสงกล้าค่อยคลายความหดหู่ เข้าใจอะไรมากขึ้น พร้อมจะยืนหยัดสู้ต่อไป...
“ท่านครับ ท่านกลับมารับตำแหน่งในสำนักงานสืบฯ อีกครั้งได้มั้ยครับ ช่วงเวลานี้เราต้องการหัวหน้าและผู้นำที่ขาวสะอาด"
"เธอก็รู้ว่าฉันเกษียณอายุราชการแล้ว"
“แต่ท่านก็รู้ว่า ผ.บ.รวิเป็นคนยังไง”
ผู้การอินทนนท์ส่ายหัวแล้วเดินออกไป แสงกล้าตะโกนบอก
“ท่านครับ ท่านดูแลอุปการะผมเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ มาตั้งแต่เล็ก วันนี้ เวลานี้ ผมขอร้องท่านในฐานะลูกของพ่อ กลับมาทำงานต่อเถอะครับ”
อินทนนท์หันมาหาแสงกล้า
“ในฐานะพลเมืองของประเทศนี้ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้บ้านเมืองพังไปต่อหน้า และในฐานะพ่อของลูก ไม่มีพ่อคนไหนทนเห็นลูกถูกทำร้ายได้หรอก”
อินทนนท์ยิ้มให้แสงกล้าแล้วเดินออกไป...
บอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามาโค้งรับ แล้วเดินตามหลังอินทนนท์ไป
แสงกล้ามองตามแต่ไม่เข้าใจในคำพูดของอินทนนท์
แสงกล้ายืนริมหน้าต่างเห็นวิวความมืดด้านนอก บรรยากาศเหงา และเศร้าสลด เขากำลังคิดทบทวนสิ่งที่อินทนนท์พูด แพรไพลินเดินเข้ามาหา
"คุณคิดจะทำอะไรต่อไป"
“ยังไม่รู้ ผมรู้แต่เพียงว่าจะไม่ยอมแพ้ ผมจะสู้ต่อไป”
"ฉันก็จะใช้วิชาชีพของฉัน ค้นหาความจริงจับตัวคนผิดให้ได้"
"คุณไม่กลัวเหรอ คุณยังปกป้องตัวเองไม่ได้เลย"
"นั่นเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องอารักขาฉัน ถ้าฉันเกิดอะไรขึ้น ฉันจะถือว่าคุณบกพร่องในหน้าที่"
แพรไพลินยิ้มให้แสงกล้าเพื่อให้กำลังใจ แสงกล้ายิ้มรับ
“ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณได้รับอันตรายเด็ดขาด ผมสัญญา”
แสงกล้ายื่นมือให้ แพรไพลินยื่นมือมาจับ ทั้งสองมุ่งมั่นที่จะช่วยกันทำงานต่อไป
วันใหม่ น้ำใสยืนรายงานข่าว อยู่ในบริเวณที่นภาตกลงมาจากตึกของโรงพยาบาลเมื่อคืน
“ค่ำวานนี้...หลังจากเกิดเหตุ ดอกเตอร์เมฆา ฐานรัฐ เข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญอีกครั้งเมื่อ นางนภา ฐานรัฐ ภรรยาท่านนายกฯ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษถูกทำร้ายจนตกจากตึกชั้นที่ 17 ของโรงพยาบาล ทำให้เสียชีวิตในทันที”
ระหว่างรายงาน มีการตัดภาพข่าวเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข็นรถนำร่างของนภาออกจากห้องฉุกเฉิน
ณ มุมหนึ่งของชุมชน ประชาชนยืนดูข่าวจากจอตามสี่แยก เป็นภาพเจ้าหน้าที่เข็นนำร่างนภาเข้าไปยังห้องดับจิต...
“ศพของนางนภาจะถูกเก็บไว้...รอจนกว่าท่านนายกฯจะฟื้นเพื่อบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป"
บริเวณใจกลางเมือง จอทีวีที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดทีวีพร้อมกันสิบกว่าเครื่อง ในจอเป็นภาพน้ำใสรายงานข่าวมีกลุ่มประชาชนยืนมุงดูข่าว
“สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ว่างลงนั้น ทางคณะรัฐมนตรีมีมติด่วนเป็นเอกฉันท์ให้ นายจักร อมตฤทธา รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งขึ้นรักษาการแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนกว่าดอกเตอร์เมฆาจะหายเป็นปกติค่ะ”
จักร อมตฤทธาเดินตรงไปยังห้องพักในโรงพยาบาลของเมฆา วิญญูและปราบเดินตามหลัง จักรจะเข้าไป แต่คมศรดักไว้ที่หน้าประตู
“ขอโทษครับ ท่านนายกฯต้องการพักผ่อน”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้ฉันดำรงตำแหน่งอะไร”
“รักษาการแทนท่านนายกฯ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นนายกฯ”
“เจ้านายแกยังหายใจเองไม่ได้ อย่ามาทำอวดดีกับฉัน!”
คมศรยืนขวางไว้ ทั้งจักรและคมศรจ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจำต้องปล่อยให้จักรเข้าไปเพราะตำแหน่งน้อยกว่า จักรกำลังจะเดินเข้าไป แต่เห็นวิญญูเดินแยกไปอีกทาง จักรเดินเข้ามากระซิบถาม
“จะไปไหน”
“มีคนบอกว่าสตรีหมายเลข 1 กระดูกเหล็กจะไปดูให้เห็นกับตาว่าตายจริง ฉันไม่เชื่อใครนอกจากสายตาตัวเอง”
วิญญูเดินแยกออกไป จักรไม่สนใจวิญญูเดินตรงเข้าไปในห้องพักของเมฆาทันที
ภายในห้องไอซียู จักรเดินตรงมายังร่างของเมฆาที่นอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทรา
"ท่านนายกฯ ตอนนี้อำนาจการบริหารประเทศตกเป็นของฉันแล้ว ลุกขึ้นมาแสดงความยินดีกับฉันหน่อยสิ ลุกขึ้นมา”
จักรกระชากคอเสื้อเมฆาลุกขึ้นมาประจันหน้า
“บอกให้ลุกขึ้นมายังไงล่ะ ฮึ ๆ อยากขัดขวางอะไรฉันก็ลุกขึ้นมา...ตื่นมาสิ !”
จักรโยนร่างเมฆาล้มลงนอนบนเตียงแล้วหัวเราะสะใจ
วิญญูเดินตรงมาหยุดที่หน้าห้องดับจิต เมื่อวิญญูเพ่ง ประตูเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ วิญญูเดินตรงเข้าไป
ร่างของเมฆายังคงนิ่ง หายใจด้วยระบบเครื่องช่วยหายใจ สายให้เลือด สายน้ำเกลือระโยงระยาง
“ดูสภาพแกตอนนี้...น่าสมเพช ! วัชพืชยังมีวันเจริญเติบโตและมีประโยชน์กว่าผักเน่า ๆ อย่างแก คนที่หายใจเองไม่ได้ก็เท่ากับตายไปแล้ว ! ใช่..แกตายไปแล้ว ฉันไม่อยากให้แกต้องทรมานอีกต่อไป ฉันจะช่วยแกเอง !”
จักรดึงเครื่องช่วยหายใจออก ร่างของเมฆานิ่งสงบลง สัญญาณชีพจรช้าลงเรื่อย ๆ จักรหัวเราะชอบใจแล้วเอาเครื่องช่วยหายใจมาครอบใส่ต่อ
“ไม่ !แกยังตายไม่ได้เพราะแกเป็นคนดี ฮึ ๆ ๆ คนดีที่ยังไม่ถึงที่ตาย เพราะฉะนั้นแกต้องฟื้นมาดูความสำเร็จของฉัน แล้ววันนั้นแกต้องกระอักเลือดตายไปเอง ! ฮ่า ๆ ๆ”
จักรหัวเราะอย่างสะใจ เมฆาที่นอนนิ่งไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเลย
ภายในห้องดับจิต วิญญูยืนเพ่งมองตู้ที่เก็บศพนภา ลิ้นชักเลื่อนออกมาทันที เขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ ลิ้นชักนั้น ยืนมองร่างนภาเพื่อตรวจให้แน่ใจ ดวงตาของวิญญูเพ่งมองตรงไปยังตำแหน่งหัวใจของนภา ภาพหัวใจด้านใน หยุดเต้นโดยสิ้นเชิง ! วิญญูยิ้มเหี้ยมอย่างพอใจกับภาพนภาที่ไร้วิญญาณ
“ไปรอในนรกก่อน อีกไม่นานไอ้เมฆาจะตามไป ฮึ ๆ ๆ”
จักรเปิดประตูห้องไอซียูออกมา คมศรยืนคุมเชิงอยู่ไกลไป วิญญูเดินเข้ามาหาจักรพอดี คมศรไม่ได้ยินที่ทั้งสองคุยกัน
“นังนภาตายแล้วแน่นอน”
“ดี..ต่อไปนี้จะไม่มีใครขวางทางฉันได้อีกแล้ว”
จักรกับวิญญูเดินออกไปอย่างทรนงเหมือนได้รับชัยชนะ
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
หลายวันต่อมา จักร อมตฤทธาเดินมาที่บริเวณแถลงข่าวหน้าพรรคไทธิวัตถ์ เพชรแท้เอาช่อดอกไม้เข้าไปแสดงความยินดี
“ขอแสดงความยินดีกับท่านนายกฯด้วยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ ผมก็แค่รักษาการ”
“ถึงจะเป็นรักษาการ...แต่ก็มีอำนาจไม่ต่างจากท่านนายกฯหรอกค่ะ ท่านมีอำนาจในการอนุมัติโครงการต่าง ๆ ได้อีกมากมาย”
เพชรแท้พูดเป็นนัยให้รู้ถึงเป้าหมายในการทำโครงการเพื่อผลประโยชน์ในอนาคต
นักข่าวรุมเข้ามาถ่ายภาพ เพชรแท้ยิ้มรับพร้อมเสนอหน้าเป็นข่าว น้ำใสแทรกตัวเข้ามายิงคำถาม
“ทำไมท่านถึงแต่งตั้งคุณวิญญูเป็นเลขาฯ ตำแหน่งนี้มีหน้าที่ควบคุมสำนักงานสืบสวนพิเศษ ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่คนอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่า”
วิญญูหันมามองน้ำใสอย่างไม่พอใจในคำถามแต่เก็บอาการไว้
“ตำแหน่งนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประเทศ ผมต้องเลือกคนที่ไว้ใจมากที่สุด"
ผู้สื่อข่าวชื่อ พล ตั้งคำถามต่อ
“ทำอย่างนี้ก็เท่ากับท่านเห็นแก่พวกพ้อง”
จักรชี้หน้าถาม
“คุณอยู่ช่องไหน”
พลไม่ตอบ แต่จ้องหน้าจักรแบบไม่กลัวเกรง
“ผมจะบอกให้ทุกคนรู้ไว้ ผมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี การตัดสินใจของผมถือถูกต้องและดีที่สุด”
นักข่าวคนอื่นเริ่มกลัวและเกรง แต่ตะวัน ผู้สื่อข่าวอีกคนพูดสวนขึ้น
“ท่านมีนโยบายขยายโครงการดาวเทียมเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่ท่านนายกดอกเตอร์เมฆาสั่งให้ทำประชามติ ท่านมีเหตุผลอะไร”
“โครงการนี้จะเป็นการพัฒนาระบบการสื่อสารภายในประเทศให้ดีขึ้น”
“แต่แหล่งข่าวแจ้งว่า ท่านมีสายสัมพันธ์กับบริษัทที่รับสัมปทานดาวเทียม”
ตะวันจ้องมองไปยังเพชรแท้ นักข่าวคนอื่นๆก็หันไปจับภาพเพชรแท้
เพชรแท้ยิ้มถอยห่างจากจักร และเก็บอาการไว้
“ไม่เกรงว่าจะเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนเหรอครับ”
“คิดมากไปแล้ว ผิดตรงไหนถ้าบริษัทของคุณเพชรแท้มีประสิทธิภาพและดีที่สุด พูดกันแบบตรงไปตรงมา ถ้าเค้าเยี่ยม เค้าก็ต้องชนะในโครงการนี้”
เพชรแท้ยิ้มรับหน้าระรื่นที่จักรออกตัวเชียร์
“ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศก้าวหน้า คนทำงานได้ประโยชน์ วิน ๆ ทุกฝ่าย”
“แล้วโครงการถ่านหินล่ะครับ เพิ่งรับตำแหน่งรักษาการณ์ได้แค่เดือนเดียว ท่านจะอนุมัติอีกสักกี่โครงการ" พลถาม
ตะวันจะตั้งคำถามอีกแต่จักรไม่สนใจ เดินหนีออกไป วิญญูและบอดี้การ์ดเดินนำจักรไปที่รถ
"ท่านครับ"
จักรเดินไปที่รถ หันไปบอกวิญญูที่เดินตามมา
"จัดการเห็บหมัดพวกนี้ซะ อย่าปล่อยให้มันมากัดฉันอีก"
จักรขึ้นรถ ขบวนรถของจักแล่นออกไป วิญญูยืนนิ่ง สายตาเหี้ยมเหมือนกำลังคิดจัดการทำอะไรบางอย่าง
บริเวณลานจอดรถข้างถนนใกล้ที่ทำการพรรคฯ น้ำใสเดินเข้าไปคุยกับพล
“ถามแรงแบบนั้น เสี่ยงนะพี่”
“ถ้ากลัวคนเลวก็อย่ามาทำงานนี้ อาชีพนักข่าวนี้เป็นของคนกล้าที่พร้อมเผชิญหน้ากับความจริง"
"ถ้าทุกสำนักข่าวเป็นอย่างพี่ ประเทศเราคงดีขึ้น พี่จะไปไหน"
"เอาข่าวไปส่ง พี่ไปก่อนล่ะ"
พลกำลังจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเองที่จอดไกลออกไป แต่แล้วจู่ ๆ รถก็ระเบิดขึ้น...ตูม !
พลกระโดดหลบแทบไม่ทัน แถวนั้นโกลาหลกันยกใหญ่ น้ำใสเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ วิ่งเข้าไปหาพล
“พี่เป็นไงบ้าง”
พลตกใจรู้ดีว่า ถูกข่มขู่เรื่องข่าวจักร
วิญญูอยู่ในรถคันหนึ่ง มองมาแล้วยิ้มเหี้ยม น้ำใสเห็นวิญญู รู้ดีว่า จักรสั่งเล่นงานนักข่าว รถวิญญูแล่นออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตะวันที่นั่งอยู่บนรถรับโทรศัพท์จากน้ำใส
“อะไรนะ มันขู่กันขนาดนั้นเลยเหรอน้ำใส”
น้ำใสคุยโทรศัพท์เตือนตะวัน ด้านหลังเห็นพลและเจ้าหน้าที่ยืนตรวจสอบรถที่โดนระเบิด
“มันต้องการขู่พวกเรา ยังไงพี่ตะวันต้องระวังตัวด้วย”
ตะวันกำลังขับรถพร้อม ๆ กับพูดสมอล์ทอล์ก
“ขอบใจมาก แต่พี่ไม่กลัวพวกมันหรอก เกิดมาเป็นนักข่าวต้องไม่กลัวตาย พี่พร้อมสู้กับพวกขายชาติขายแผ่นดิน"
ทันใดนั้นก็ปรากฎเงาดำวูบผ่านหน้ารถ ตะวันตกใจหักรถหลบทันที
น้ำใสได้ยินเสียงหักรถกะทันหัน เธอตกใจมาก
"เกิดอะไรขึ้นพี่ตะวัน"
ตะวันหักรถหลบชนต้นไม้ข้างทาง กระจกหน้าแตกนิดหน่อย
“นกคงบินตัดหน้ารถ พี่หักหลบชนต้นไม้ ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”
ทันใดนั้นกระจกหน้าเริ่มปริแตกจากจุดเล็ก ๆ ลามกระจายทั่วทั้งแผ่น แล้วก็ร่วงลงหน้ารถ
น้ำใสได้ยินเสียงกระจกแตกก็ถาม
"พี่...เสียงอะไร"
“กระจกแตกน่ะ”
ตะวันคิดว่าทุกอย่างเป็นปกติ แต่แล้วเศษกระจกที่แตกทั้งหมด กลับพุ่งเข้ามาแทงร่างของตะวัน
"โอ๊ย"
“พี่ตะวัน ตะวัน” น้ำใสร้องด้วยความตกใจ
มุมหนึ่งที่ท้องถนน รถสำนักงานสืบสวนพิเศษวิ่งเข้ามา ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยรีบวิ่งลงจากรถไปหาน้ำใสที่ยืนมองร่างตะวัน เพื่อนนักข่าวซึ่งตายคาพวงมาลัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ กำลังตรวจสอบและจะนำศพออกมา
“แสงกล้า”
น้ำใสโผเข้าซบกอดร้องไห้กับแสงกล้า
“พี่ ๆ สื่อถูกข่มขู่เล่นงาน...ช่วยฉันด้วย”
"ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่นี่แล้ว"
น้ำใสกอดแสงกล้าร้องไห้อย่างเสียขวัญ จ่าสมิงเดินเข้ามามองสภาพกระจกแล้วรับรู้ได้ถึงพลังบางอย่าง สมิงหันไปมองที่รถฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับที่วิญญูนั่งอยู่ รถคันนั้นรีบวิ่งออกไปทันที สมิงรู้ว่า เป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ
สมิงหันมาที่ศพของตะวัน แล้วยืนสงบนิ่ง สวดมนต์ส่งวิญญาณ ร.ต.ต.แสงกล้ากอดปลอบใจน้ำใส และเห็นสมิงกำลังยืนสวดมนต์อยู่
ในเวลากลางคืนวันเดียวกัน ที่หน้าทาวน์โฮมของแพรไพลิน แสงกล้าเปิดประตูรถ น้ำใสถามอย่างแปลกใจ
"พาฉันมาที่นี่ทำไม บ้านใครเหรอ"
“บ้านแฟนของ...” สมิงพูดแทรกขึ้น
แสงกล้าสวนขึ้นทันที
“บ้านดอกเตอร์แพรไพลิน ฉันอยากรู้ผลการชันสูตรศพวันนี้”
แสงกล้าเดินนำน้ำใสเข้าไปในบ้าน
“หาข้ออ้างมาหาแฟนก็บอกเหอะ”
แสงกล้าเดินมาที่หน้าประตูบ้านแพรไพลิน คมศรเปิดประตูให้แสงกล้า
"คุณคมศร"
“พอดีผมทราบข่าว อยากรู้รายละเอียดทั้งหมดก็เลยรีบมาที่นี่...เชิญด้านในครับ”
แสงกล้าและน้ำใสเดินเข้าไป
“เอาละเหวย..รถไฟชนกันโครมเบ้อเร้อ” สมิงว่า
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลรายงานผลการชันสูตร โดยมีกุ๊บกิ๊บเป็นผู้ช่วย แพรไพลินเปิดคอมพิวเตอร์แสดงภาพกราฟฟิค ประกอบคำอธิบาย ภาพดูทันสมัย
“จากการชันสูตรศพพบว่า การแตกของกระจกผิดธรรมชาติ เศษกระจกไม่ได้ตกตามแรงโน้มถ่วง แต่กลับพุ่งย้อนเข้าร่างผู้ตาย”
“แล้วที่น่าแปลกใจมาก ๆ ก็คือ กระจกนิรภัย แต่กลับแตกละเอียดยิบตัดเส้นเลือดสำคัญขาดทุกเส้น” กุ๊บกิ๊บบอก
“ทุกอย่างผิดหลักอุบัติเหตุ เรียกได้ว่าผิดธรรมชาติ!”
“ไสยดำ” สมิงโพล่งขึ้น
“อีกแล้วเหรอ มันทำอย่างนี้ทำไม” แสงกล้าว่า
“กำจัดทุกคนที่ขวาง” สมิงตอบ
“ฉันมั่นใจว่ารองจักรน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนรถพี่พลโดนวางระเบิด ฉันเห็นนายวิญญู เลขารองจักรใกล้ที่เกิดเหตุ” น้ำใสบอก
“เท่ากับว่ารองจักรเกี่ยวข้องกับพวกไสยดำ” แพรไพลินว่า
“เรายังสรุปอย่างนั้นไม่ได้ แต่ก็เป็นสมมติฐานที่ต้องรีบพิสูจน์ เพราะตอนนี้ รองจักรแทรกแซงการทำงานทุกกระทรวง อนุมัติโครงการต่าง ๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง" คมศรบอก
“คณะรัฐมนตรีเห็นด้วยกับความคิดของเค้าเหรอครับ” แสงกล้าถาม
“มีคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีใครกล้าค้าน”
“สื่อก็คงไม่กล้าเล่นเรื่องนี้ เพราะกลัวถูกเล่นงานและต้องตายอย่างพี่ตะวัน” น้ำใสพูดขึ้น
“เมื่อเราคิดสู้กับคนชั่ว จงอย่ากลัวตายเพราะพญามัจจุราชกำลังยืนอยู่หลังเรา” สมิงบอก
"ฉันพร้อมเดินหน้าหาความจริง ฉันไม่สนว่าคนผิดจะเป็นใคร" แพรไพลินยืนยัน
“ถ้าพวกเราร่วมมืออย่างจริงจัง ต้องหยุดยั้งความชั่วร้ายได้!” แสงกล้าว่า
“เยี่ยม!ขอให้ทุกคนลุกขึ้นยืน ผมมีคาถาดีไว้ให้ทุกคนป้องกันตัว” สมิงบอก
“บอกมาเลยค่ะ กุ๊บกิ๊บจะท่องวันละสามครั้งก่อนอาหาร” กุ๊บกิ๊บว่า
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้ากลัว ก็ต้องทำ !” สมิงบอกคาถา
ทุกคนยิ้มออกมากับคาถาของสมิง กุ๊บกิ๊บพูดตามอยู่คนเดียว
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้ากลัว..(นึกได้) ว้าย...ไม่ทำได้มั้ยคะ”
“ต้องทำ!”
กุ๊บกิ๊บใจเสีย ทุกคนส่ายหัวกับคาถาของสมิง
ที่มุมหนึ่ง กุ๊บกิ๊บเดินออกไปจากบ้าน พร้อมถามสมิง
“สมิง มีคาถาทำให้รักให้หลงบ้างมั้ย”
“จะใช้กับใครครับ”
“สบายใจได้ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สมิงแน่”
สมิงหมดอารมณ์บอก “ไม่มี!”
สมิงเดินหนีไปที่หน้าบ้าน กุ๊บกิ๊บวิ่งตามไป
“ขอหน่อยนะ อยากมีแฟนกับเขาสักที”
ที่มุมหนึ่งแสงกล้าเดินเข้าไปลาแพรไพลิน...
“คุณระวังตัวด้วยนะ เรากำลังตกเป็นเป้า”
“คุณเองก็เหมือนกัน” แพรไพลินบอก
"เป็นห่วงผมด้วยเหรอ" แสงกล้าถาม
แพรไพลินยิ้มแต่ไม่ตอบ
“มีอะไรผิดปกติ รีบโทรหาผมทันที”
“ขอบคุณค่ะ”
คมศรเข้ามายืนเคียงข้างแพรไพลิน
“หมวดไม่ต้องห่วงครับ...คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนหมอเอง”
“เอ้อ... ครับ”
น้ำใสเดินเข้ามาหาแสงกล้า
“แสงกล้ากลับกันเถอะ คุณแพรมีบอดี้การ์ดดูแลแล้ว เธอเองก็ต้องไปส่งและคุ้มครองฉัน”
น้ำใสควงแขนแสงกล้าเดินออกไป แพรไพลินเห็นน้ำใสสนิทสนมกับแสงกล้ามากก็รู้สึกเจ็บลึก ๆ เดินกลับเข้าไปในบ้าน คมศรมองดูก็รู้ว่า แพรไพลินคิดอย่างไร และเดินตามเข้าไปในบ้าน
คมศรเข้าไปบอกแพรไพลิน
"ผมกลับแล้วนะ"
“ไหนบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันไง”
“ไม่อยากโดนไล่ให้เสียฟอร์ม ผมรู้หรอกว่าถ้าทำอย่างนั้นจริงก็ถูกคุณไล่อยู่ดี”
"รู้แล้วยังพูดออกมาต่อหน้าคนอื่น"
“ผมไม่อยากให้ใครเป็นห่วงคุณ มากกว่าที่ผมห่วง”
คมศรมองแพรไพลินด้วยหวังว่าเธอจะพูดอะไรให้ชื่นใจ แต่เธอกลับเปลี่ยนเรื่อง
“เดินทางดี ๆ นะ”
คมศรพูดยิ้ม ๆ แต่ไม่เครียด
“เป็นการไล่ที่สุภาพที่สุด... แต่ไม่เป็นไร ผมจะพยายามต่อไป”
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
“ฝันดีครับ”
คมศรเดินออกไป แพรไพลินมองตามแล้วพาลคิดถึงแสงกล้า
แสงกล้าขับรถของสำนักงานสืบฯมาส่งน้ำใสถึงบริเวณหน้าอพาร์ตเมนต์
“เป็นบอดี้การ์ดต้องไปส่งให้ถึงที่สิ”
“หญิงแกร่งอย่างเธอมีกลัวด้วยเหรอ”
“ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ ทำไมไม่ห่วงฉันเหมือนห่วงดอกเตอร์แพรไพลินบ้างล่ะ”
แสงกล้าอึ้ง รีบแก้ตัวเป็นอย่างอื่น
“ฉันรู้ว่าเธอเอาตัวรอดได้...ไปนอนได้แล้ว ฉันง่วง” แสงกล้าพูดพลางทำท่าหาว
น้ำใสมองเห็นก็รู้ดีว่า แสงกล้าแกล้งหาวเพื่อหาทางกลับ
“เพื่อนจะเข้านอนแล้วไม่พูดหวาน ๆ สักคำเหรอ”
แสงกล้าแสร้งพูดหวานเอาใจแบบขอไปที
“นอนหลับฝันดีนะครับ”
น้ำใสจะเดินออกไปหันกลับมาบอกแสงกล้า
“ไปเรียนการแสดงบ้างนะ แอ็กติ้งจะได้ดูสมจริงกว่านี้”
น้ำใสยืนมองที่มุมหนึ่ง ยืนส่งแสงกล้าที่ขับรถออกไปด้วยความรู้สึกรักแสงกล้า...
เวลากลางคืน ภายในทาวน์โฮม พญ.แพรไพลิน นวิยากุลนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พยายามเปิดหาข้อมูลที่เคยตรวจสอบกระสุนปืน แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ
แพรไพลินคิดถึงเหตุการณ์ที่ขมังเวทย์ปลอมตัวเป็นแสงกล้าเข้ามาทำลายข้อมูล ความจำนั้นไม่ได้ประติดประต่อ เพราะแพรไพลินจำเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้
“ข้อมูลถูกทำลายหมด แล้วจะเริ่มต้นจากอะไรล่ะ”
แพรไพลินหมดหวัง ถอนหายใจยาว ก้มหน้าฟุบกับโต๊ะคอมฯ เสียง MSN ดังขึ้น แพรไพลินลุกขึ้นมามอง เห็นข้อความทักทาง MSN
แพรไพลินอ่านข้อความ
“เสาร์นี้เจอกัน! จาก.. ศรัทธา”
แพรไพลินพิมพ์ข้อความตอบกลับถาม เพราะแน่ใจว่า เธอไม่รู้จักคนชื่อศรัทธาแน่!!
“คุณเป็นใคร?”
ข้อความปรากฎอีก “ศรัทธา”
“คุณเข้ามาได้ไง? ฉันไม่เคยแอดรับคุณ?”
ข้อความบอก
“เสาร์นี้ไปตามพิกัด GPS ที่จะส่งให้ทางเมล์ จะได้สิ่งที่ต้องการ”
"เดี๋ยวก่อน...”
แพรไพลินพิมพ์จะถาม แต่ปรากฎว่าศรัทธาออฟไลน์
แพรไพลินพยายามเสิร์ชเช็กหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบว่า ศรัทธาเป็นใคร แต่ไม่พบที่มาของแหล่งสัญญาณ ข้อความในจอระบุ “ไม่พบที่มาของแหล่งสัญญาณ”
แพรไพลินพยายามค้นหาคำว่า “ศรัทธา” จากกูเกิ้ล กลับพบประโยค “ศรัทธาไม่เคยจางหาย ความดีไม่มีวันตาย”
“ศรัทธาไม่เคยจางหายความดีไม่มีวันตาย !คุณเป็นใครกันแน่...ศรัทธา?”
แพรไพลินมีหน้าหน้าครุ่นคิด
ภายในห้องทำงานของ พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ ที่สำนักงานสืบสวนพิเศา เวลากลางคืน จักร อมตฤทธาหันกลับมาสั่งงาน
“คมศรกำลังจะรื้อคดีเพชรยอดสังข์กลับมาสอบสวนอีกครั้ง”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ปลอกกระสุนที่มีลายนิ้วมือท่าน นัดเดียวที่เหลืออยู่ถูกทำลายไปหมดแล้ว ไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัวท่านได้”
จักรชะงักไปทันที ตาวาวด้วยความตกใจ
“กระสุนนัดเดียว”
“ค่ะ... ปลอกกระสุนของท่านมีเพียงนัดเดียว”
“ใครบอกว่าคืนนั้นฉันยิงนัดเดียว... ยังเหลือปลอกกระสุนอีกนัดหนึ่ง !”
จักรมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
คืนนั้น … ในวันเกิดเหตุ ครามยิงทอรุ้งตาย แล้วหันไปมองยังจอภาพที่กล้องวงจรปิด ครามเล็งปืนไปแต่ยังไม่ทันยิง... มีเสียงปืนดังเปรี้ยง...กล้องวงจรปิดถูกยิง ปลอกกระสุนปืนกลิ้งตกพื้น ครามแปลกใจเพราะเขาไม่ได้ยิง ครามหันกลับมาเห็นจักรยืนอยู่ จักรยิงครามระยะเผาขนอีกนัดหนึ่ง....เปรี้ยง ! ครามล้มลงไปตายทันที
ปลอกกระสุนปืนของจักรปลอกที่สองกลิ้งตกพื้น ไปอีกทางหนึ่งในระยะที่ห่างจากปลอกกระสุนที่ยิงกล้องวงจรปิด
ภายในห้องทำงาน รวิรัวคีย์บอร์ดที่คอมพิวเตอร์ตรงหน้าตัวเอง เข้าไฟล์ข้อมูลของกลางและหลักฐานของสำนักงานสืบฯ รวิอ่านผลที่หน้าจอ
"มีการส่งหลักฐานเข้ามาที่สำนักงานสืบฯ สองครั้ง ครั้งสุดท้ายเป็นปลอกกระสุนอีกนัดหนึ่งที่เหลือ ส่งมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว”
“ศุกร์ที่แล้ว ! หมายความว่าปลอกกระสุนนัดนั้นยังไม่ถูกทำลาย” จักรบอก
“ยังอยู่ในห้องเก็บหลักฐานที่นี่ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”
“จะทำอะไรก็รีบ ๆ ทำ !ปลอกกระสุนนั้นเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่เชื่อมโยงมาถึงฉัน เธอจะพลาดไม่ได้ !”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ร้อนรนรีบเดินออกไปทันที จักรมองตามด้วยสายตาไม่พอใจ
รวิเข้ามาตามทางเดินในสำนักงานสืบฯ มาหยุดตรงที่หน้าห้องเก็บของกลางและหลักฐาน
เธอเอามือทาบลงบนเครื่องสแกนที่หน้าห้อง ประตูเปิดออกทันที รวิมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
รวิยืนอยู่หน้าตู้เก็บหลักฐานที่มีข้อความติดไว้ “คดีเพชรยอดสังข์” เธอกดรหัสด้านหน้า เปิดตู้ออก แต่ไม่พบปลอกกระสุนปืนของกลาง พบแต่ถุงพลาสติกเปล่า ๆ ที่ระบุด้านหน้าถุงว่า “ปลอกกระสุน”
รวิมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่งที่ปลอกกระสุนหายไป !
หลายวันต่อมา ที่ทาวน์โฮม แพรไพลินเดินมาที่รถ หยิบเครื่องนำทาง GPS มากดใส่พิกัดที่ได้รับจากศรัทธาเมื่อหลายวันก่อน
“เสาร์นี้ไปตามพิกัด GPS ที่จะส่งให้ทางเมล์ จะได้สิ่งที่ต้องการ”
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลตรวจสอบเครื่อง GPS แล้วขับรถออกไปจากบ้าน
สายลับ 2 นาย นั่งเฝ้ามองอยู่ในรถและรีบขับรถสะกดรอยตามแพรไพลินออกไปทันที
แพรไพลินจอดรถ ณ มุมหนึ่งในตรอกแล้วหยิบเครื่องนำทาง GPS ขึ้นมาดูแล้วลงจากรถ เดินไปตามเครื่องนำทางนั้นที่กำลังส่งสัญญาณกระพริบ ๆ
รถของสายลับเข้ามาจอดมองการเคลื่อนไหวของแพรไพลิน
เธอเดินไปตามตรอก สายลับสะกดรอยตามมา ระหว่างที่เดินนนั้น เธอรู้สึกว่ามีคนตามจึงเร่งฝีเท้าเดินหนี สายลับเห็นว่าแพรไพลินรู้ตัวก็รีบเดินตามไป
แพรไพลินวิ่งเร็วขึ้น สายลับวิ่งไล่ตาม เธอวิ่งหนีมาถึงมุมหนึ่ง ถูกมือของใครบางคนคว้าตัวหลบไปในซอก เธอพยายามจะดิ้น แต่ถูกมือปิดปาก แพรไพลินหันไปเจอแสงกล้า เขาส่งสัญญาณให้แพรไพลินหลบมุม สายลับวิ่งมองหาแพรไพลิน แล้ววิ่งออกไปอีกทางหนึ่ง
“คุณมาได้ไง”
“ขับรถมา”
“ไม่ใช่เวลามากวนฉันนะ”
“เดี๋ยวค่อยคุย รีบไปทางโน้น”
"แล้วพวกนั้นล่ะ"
“ลืมคาถาสมิงแล้วเหรอ ทำดีได้ดี! ทำชั่วได้ชั่ว!”
แสงกล้าพาแพรไพลินไปตามตรอกเพื่อไปตามเครื่องนำทาง GPS
สายลับที่วิ่งมาเจอทางตันไม่เจอแพรไพลิน
“หนีไปแล้ว!! กลับไปทางเดิม” สายลับคนหนึ่งบอก
สายลับ 2 คนจะกลับไป แต่ต้องผงะเมื่อเห็นจ่าสมิงยืนขวางอยู่
“จะรีบไปไหน”
“อย่าขวาง ออกไป!”
สายลับจะดันตัวสมิงออกไป แต่สมิงยังขวางไว้
“หน้าตาก็ดีอยู่หรอก ไม่น่าชั่วเลย !”
“เห้ย...อย่ามายุ่ง ออกไป!”
สายลับคว้าปืนมายิง สมิงต่อสู้จนสายลับนอนอ่วม
“เป็นคนชั่วก็ต้องโดนแบบนี้แหละ เจ็บนี้อีกนาน !”
สมิงเดินออกไป สายลับสองคนพยายามฝืนลุกขึ้น
ภายในห้องทำงาน รวิมีสีหน้าไม่พอใจมากเมื่อคุยโทรศัพท์กับสายลับ
“ไม่ได้เรื่อง รีบออกตามหาว่าพวกมันไปไหน? ไป !”
รวิวางสายไม่พอใจที่ลูกน้องทำงานพลาด
มุมหนึ่งที่ตรอกใกล้ศาลเจ้า แสงกล้าพาแพรไพลินมาถึงจุดหมายที่นัดกันไว้กับสมิง
“ว่าไง คุณมาที่นี่ได้ไง อย่าบอกนะว่าสะกดรอยตามฉันมาเหมือนพวกนั้น”
แสงกล้าส่งมือถือให้แพรไพลินอ่านข้อความ
“ไม่ใช่คุณคนเดียว...ที่ได้พิกัด GPS”
แพรไพลินอ่านข้อความในมือถือแสงกล้า... “จาก ศรัทธา”
“ไม่ต้องถามนะว่าเป็นใคร ผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าต้องมา”
“นายต้องการของบางอย่างจากศรัทธา” แพรไพลินว่า
“ก็ใช่ แต่ประเด็นหลักคือ ต้องการมาคุ้มครองคุณ ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเป็นหน้าที่ผม"
แพรไพลินอึ้งที่แสงกล้าคิดมาเพื่อช่วยเหลือ จ่าสมิงเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น
“จะจีบกันอีกนานมั้ยครับหมวด”
"ไม่ใช่อย่างที่จ่าคิดนะ"
“แล้วรู้เหรอว่าผมคิดอะไร”
แพรไพลินรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เรารีบไปตามพิกัดกันเถอะค่ะ”
ทุกคนเดินไป