xs
xsm
sm
md
lg

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 3

แพรไพลินเดินผ่านเคาน์เตอร์ที่กุ๊บกิ๊บยืนอยู่ กุ๊บกิ๊บกำลังจะรายงาน
“หมอแพรคะ สำนักงานสืบฯ ต้องการให้เราจัดทีมดูแลเคสภัยพิบัติ”
“รอคุยกับรักษาการ ฉันไม่มีหน้าที่ที่นี่แล้ว”
“อะไรนะคะหมอ”
แพรไพลินเดินออกไป กุ๊บกิ๊บมองตาม

แพรไพลินเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หยิบกล่องเปล่าจากพื้นเพื่อมาเก็บของในห้องทำงาน แพรไพลินมองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นรูปถ่ายของเธอกับเพชรแท้ในวันรับปริญญา สีหน้าเธอเรียบเฉยขณะที่เพชรแท้ฉีกยิ้มกว้างราวกับมีความสุขมาก

อดีตเมื่อหลายปีก่อน ในวันรับปริญญา ณ ลานกว้างของมหาวิทยาลัย แพรไพลินในชุดครุยยืนคู่กับเพชรแท้ ท่ามกลางช่างภาพและนักข่าวที่รุมกันถ่ายรูป
เพชรแท้ปรายตามองแพรไพลินด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ แต่ระงับอาการเพราะอยู่ต่อหน้านักข่าว
แพรไพลินไม่แม้แต่จะฝืนยิ้ม ยืนนิ่งเรียบเฉย แม้ว่านักข่าวและช่างภาพจะบอกให้ยิ้มก็ตาม
เพชรแท้ นักธุรกิจสาวใหญ่ เป็นตัวแทนของนักธุรกิจที่มุ่งหวังแต่ตัวเลขและตัวเงินในบัญชี มากกว่าความดีงามในสังคม มีอดีตเลวร้ายโดนผู้มีอำนาจหลอกใช้จนแทบจะหมดเนื้อหมดตัว จึงหันหลังให้กับความดีงาม หันมาทำร้ายสังคมเพื่อถีบตัวเองให้เป็นใหญ่

มุมหนึ่งในบ้าน วันเดียวกัน เพชรแท้มองหน้าแพรไพลินด้วยความไม่พอใจ
“ทำไม จะยิ้มให้สมกับความภูมิใจไม่ได้เหรอ วันนี้เป็นวันจบปริญญาของแกนะ ฉันอุตส่าห์พานักข่าวไปทำข่าวตั้งมากมาย"
“หนูไม่ได้ต้องการแบบนั้น คุณแม่ทำไปก็เพื่อหน้าตาเพื่อฐานะทางสังคมของคุณแม่"
“แต่แกก็อยู่ในสังคม วันนึงแกต้องยอมรับ”
“ไม่มีทางค่ะ หนูจะไม่ทนกับชีวิตทุนนิยมอย่างคุณแม่ เงินไม่ใช่คำตอบของทุก ๆ เรื่อง ชีวิตคนน่าจะมีค่ามากกว่านั้น"
แพรไพลินเดินออกไปทันที ปล่อยให้เพชรแท้ยืนโกรธอยู่อย่างนั้น
“แกจะไปไหน กลับมาก่อนแพร กลับมาก่อน นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งพ่อ...ทั้งลูก”

ภายในห้องทำงาน แพรไพลินเก็บรูปลงในกล่องพร้อมกับแฟ้มเอกสารอีกสองสามแฟ้ม เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แพรไพลินชำเลืองไปมองโทรศัพท์ด้วยสายตาครุ่นคิดกับชื่อ “เพชรแท้” ที่ปรากฏอยู่
แพรไพลินสูดลมหายใจแรงตัดสินใจ
“แพรพูดค่ะ...อะไรนะคะ แม่คิดถึงหนู”

ภายในบ้าน เพชรแท้ยิ้มท่าทางเหมือนจะอบอุ่นแต่แววตาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
“ยังไงเราก็เป็นแม่ลูกกัน กลับมาทานข้าวเย็นกันหน่อยสิลูก เราไม่ได้พบกันหลายเดือนแล้วนะ"
“แม่ต้องการอะไรจากหนู บอกมาเลยดีกว่าค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปทานข้าวให้เสียเวลาหรอก"
เพชรแท้พยายามสงบอย่างเต็มที่
“พูดดี ๆ กับแม่บ้างได้มั้ย กำลังมีปัญหาใช่มั้ย”
“แม่รู้”
“แค่ฟังน้ำเสียงก็พอจะรู้ มีอะไรปรึกษาแม่ได้นะ”
“แม่ช่วยอะไรหนูไม่ได้หรอกค่ะ”
“อย่างน้อยแม่อาจจะเป็นผู้ฟังที่ดี”
“แม่เคยฟังใครคะ”
“แพร ที่ผ่านมาเราอาจจะมีเรื่องไม่เข้าใจกัน แต่หนูให้โอกาสแม่บ้างได้มั้ย ในเวลาที่ไม่มีใคร แม่อยากให้หนูรู้ว่า ยังมีแม่ที่รักและหวังดีกับหนูมากที่สุด”
แพรไพลินถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“พรุ่งนี้ กลับมาทานข้าวกับแม่สักมื้อนะจ๊ะ เพื่อแม่”
แพรไพลินครุ่นคิดถือหูโทรศัพท์นิ่งอยู่ตรงนั้น
“นะจ๊ะลูก แม่จะรอ สวัสดีจ้ะ”
เพชรแท้วางหูโทรศัพท์ แววตาครุ่นคิดเจ้าแผนการ ก่อนหยิบแฟ้ม “โครงการดาวเทียมดวงใหม่ Diamond Karat Networks” มาเปิดดู

เวลาเย็น แพรไพลินเดินมาที่รถพร้อมกับกล่องที่ขนมาจากห้องทำงาน เธอเปิดประตูรถแล้วเอากล่องขึ้นไปไว้ที่ข้างคนขับ แพรไพลินขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
บนกล่องนั้นมีถุงพลาสติกขนาดเล็กที่ใส่ลูกกลมวางอยู่ตรงนั้น

ในเวลาเดียวกัน บริเวณมุมโถงพิธีกรรม ขมังเวทย์ลืมตาขึ้นมาทันทีคล้ายรับรู้ได้ว่า แพรไพลินเอาลูกกลมกลับไปวิเคราะห์ที่บ้าน
“ดอกเตอร์แพรไพลิน”
ขมังเวทย์หลับตาเพ่งหาที่อยู่ของแพรไพลิน

ที่เคาน์เตอร์เนติเทคฯ ในเวลากลางคืน แสงกล้าทุบโต๊ะเปรี้ยงด้วยความไม่พอใจ ชี้หน้าเสียงแข็งใส่กุ๊บกิ๊บ
“หมายความว่ายังไง ป้าไพลินโดนพักงาน”
“แหม ๆ ๆ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องตวาดกุ๊บกิ๊บด้วยล่ะคะ”
“อนาคตผมอยู่ที่ป้าไพลิน”
“อันนี้กุ๊บกิ๊บก็ไม่ทราบ เอาไว้คุยกันเองดีมั้ยคะ”
“เค้าจะกลับมาทำงานเมื่อไหร่”
“แหะ ๆ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“มีวิธีไหนมั้ยที่ผมจะเจอป้าไพลิน”
แสงกล้ามองกุ๊บกิ๊บอย่างเอาเรื่อง ท่าทางกุ๊บกิ๊บดูหวาด ๆ

รถของแพรไพลินขับรถเข้ามาจอดที่ทาวน์โฮมทันสมัย เธอลงมาจากรถพร้อมกับหยิบกล่องลงมาด้วย แต่ไม่ได้หยิบเอามือถือลงมาด้วย เสียงมือถือเรียกเข้าระบุว่ามาจาก “เนติเทคฯ”
แพรไพลินเดินเข้าไปในที่พัก

กุ๊บกิ๊บวางหูโทรศัพท์ แล้วหันมาส่ายหัวกับแสงกล้า
“เสียใจค่ะ หมอแพรไม่รับสาย”
แสงกล้าจ้องหน้ากุ๊บกิ๊บเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ กุ๊บกิ๊บไม่กล้าสบสายตา จ๋อยสนิท
“ก็หมอไม่รับสาย แล้วจะให้กุ๊บกิ๊บทำยังไงล่ะคะ”
สีหน้ากุ๊บกิ๊บดูกระอักกระอ่วนใจ


ภายในห้องทำงานของแพรไพลินในทาวน์โฮม ที่โต๊ะกลางคล้ายห้องแลปย่อย ๆ ตั้งอยู่ บนโต๊ะมีอุปกรณ์เทคนิคฯ วิเคราะห์หลักฐานย่อม ๆ วางอยู่หลายชิ้น แพรไพลินนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้น ข้างตัวมีกล่องที่เก็บของมาจากเนติเทคฯวางอยู่
พญ แพรไพลิน นวิยากุลยังครุ่นคิดเรื่องจะไปหาแม่ดีหรือไม่ นึกถึงคำพูดที่คุยกับเพชรแท้ทางโทรศัพท์
“แพร.. ที่ผ่านมาเราอาจจะมีเรื่องไม่เข้าใจกัน แต่หนูให้โอกาสแม่บ้างได้มั้ย”
“ให้โอกาส”
“ในเวลาไม่มีใคร แม่อยากให้หนูรู้ว่า ยังมีแม่ที่รักและหวังดีกับหนูมากที่สุด”
แพรไพลินถอนหายใจยาวเหมือนกำลังกังวลใจ คำพูดเตือนสติของนภา ฐานรัฐเข้ามาในความทรงจำ
“หนูแพร หนูอยู่ในท้องแม่เพชร เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมาตลอด 10 เดือน เชื่อฉันเถอะ ระหว่างแม่กับลูกไม่มีอะไรทำลายความผูกพันระหว่างกันไปได้ ปรับความเข้าใจกับแม่ซะเถอะนะ"
แพรไพลินเริ่มสับสนว่า จะไปตามที่เพชรแท้นัดหรือไม่ ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์บ้านโทร.ไปยังมือถือเพชรแท้ แต่สายไม่ได้เปิด
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณาฝากข้อความหลังจากได้รับเสียงสัญญาณ”
“แม่คะ พรุ่งนี้เย็นเจอกันค่ะ”
แพรไพลินวางหูโทรศัพท์ ยิ้มบาง ๆ คล้ายดีใจที่ตัดสินใจได้แล้ว

ในแคปซูลชาร์จพลังของขมังเวทย์ เขานอนอยู่บนนั้น พร้อม ๆ กับแววตาที่เบิกกว้าง เขากำลังทำพิธีกรรมที่ดูสภาพแล้วทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม

แพรไพลินตัดสินใจหยิบกล่องเอกสารและหยิบถุงพลาสติกที่ใส่ลูกกลมออกมา เอาปากคีบคีบลูกกลมออกมาจากถุง จ้องตรงไปที่ลูกกลมนั้นก่อนใช้กล้องส่องสองตาที่ทันสมัยมอง เธอใช้เวลาไปกับการส่องกล้อง คีย์โน้ตบุ๊กหาทดสอบสารประกอบลูกกลมๆนั้น

ขมังเวทย์ลืมตา ลุกขึ้นยืนอย่างน่าเกรงขามและดูโหดร้ายเมื่อพบที่หมายแล้ว

แสงกล้าวิ่งออกมาจากภายในตึกเนติเทคฯ ไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่ลานจอดแล้วสตาร์ทเครื่องบิดออกไปอย่างรวดเร็ว
บนท้องฟ้าเหนือทาวน์โฮม ปรากฏเมฆดำสนิทเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว บดบังดวงจันทร์ที่อยู่เบื้องบน บริเวณนอกทาวน์โฮมมืดสนิท เงาอันน่ากลัวของขมังเวทย์ปรากฏทาบไปยังพื้นดินเบื้องล่าง

ภายในห้อง แพรไพลินกำลังใช้สารประกอบบางอย่างทำปฏิกริยากับลูกสะกด เมื่อสารหยดลงไปแล้วฟู่นิดหนึ่ง แพรไพลินนิ่วหน้ารำพึงกับตัวเอง
“มีส่วนประกอบของแคลเซี่ยม”
แพรไพลินสีหน้าครุ่นคิดสงสัยเป็นอย่างมาก หันไปกดโน้ตบุ๊กด้านข้างด้วยความสงสัย
“มันคืออะไรกันแน่”
ซอกประตูห้องปรากฏควันบาง ๆ ลอดเข้ามา เริ่มลอยขึ้นไปทั่วทั้งห้อง
แพรไพลินชะงัก เอามือแตะปลายจมูกเมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นผิดปกติ
“อยากจะรู้ไปทำไม”
แพรไพลินหันไปตามเสียงแล้วชะงัก ทั้งหวาดกลัวและตกใจ
ประตูห้องเปิดออก..เห็นร่างหนึ่งออกมา ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏต่อหน้า คือภาพจำแลงของขมังเวทย์ในรูป พญ. แพรไพลิน นวิยากุล !!
"ใคร?"

แพรไพลินชะงัก ครู่หนึ่งภาพที่เห็นเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าขมังเวทย์ที่ยิ้มเหี้ยมอยู่
“อย่าเสี่ยงกับอำนาจที่ไม่ควรไปเกี่ยวข้อง”
แพรไพลินพยายามยกมือขึ้น จะเอื้อมมือไปกดปุ่มที่สวิชท์กันขโมยที่ซ่อนอยู่ที่มุมหนึ่งของโต๊ะกลางนั้น
“ไม่ หมอไม่คิดจะกดปุ่มกันขโมยหรอก ไม่”
แพรไพลินยกมือไม่ขึ้น ร่างทั้งร่างราวกับเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ ต้องนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ขณะที่ขมังเวทย์เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แพรไพลินทำได้เพียงมองขมังเวทย์ที่เดินเข้ามาหาเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัว แค่มาเอาของคืน”

บนถนนเปลี่ยว แสงกล้าสีหน้ามุ่งมั่นจริงจังบนรถมอเตอร์ไซค์แบบเท่คันหนึ่งกำลังแล่นฝ่าความมืดเข้ามา แฮนด์มอเตอร์ไซค์มีเครื่องรับสัญญาณ GPS ติดอยู่
ก่อนหน้านี้ ...ที่เคาน์เตอร์เนติเทคฯ แสงกล้าส่งเครื่อง GPS ให้กุ๊บกิ๊บพร้อมกับสั่งเสียงกร้าว
“ใส่พิกัดจีพีเอสของบ้านหมอไพลิน”
“แต่ว่า”
“ไม่มีคำว่าแต่”
กุ๊บกิ๊บกลัวแสงกล้า จำต้องป้อนรหัสตัวเลขจีพีเอสลงในเครื่องนั้น!!
แสงกล้าบิดมอเตอร์ไซค์เต็มแรง

ภายในห้อง ขมังเวทย์หยิบลูกสะกดออกมาจากแท่นทดสอบของแพรไพลิน แล้วหันมามองหน้าแพรไพลินด้วยใบหน้าเรียบ ส่งน้ำเสียงทรงพลังคล้ายกำลังสะกดจิต
ขมังเวทย์จับลูกสะกดมาที่ด้านหน้าแพรไพลินที่จ้องเขม็ง
“เมื่อผ่านคืนวันนี้ไปแล้ว หมอจะจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย"

แสงกล้ากำลังรีบขี่ลัดเลาะมาที่บ้านแพรไพลินอย่างรวดเร็ว

ขมังเวทย์เดินเข้ามาจนติดเก้าอี้ แพรไพลินแววตาลุกโพลงอย่างหวาดกลัว จะขยับตัวหนีแต่ก็ทำไม่ได้ ขมังเวทย์ไล้นิ้วไปตามใบหน้าของแพรไพลินอย่างชื่นชม
“เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้”
แพรไพลินหวาดกลัวมาก ขมังเวทย์ก้มช้อนตัว อุ้มแพรไพลินขึ้นมาทันที ท่ามกลางความตกใจของแพรไพลิน
“เพื่ออนาคต”
ขมังเวทย์อุ้มแพรไพลินออกไปจากห้องนั้น

มุมหนึ่งของถนนเปลี่ยว แสงกล้าบิดรถฝ่าความมืดเข้ามา แต่เมื่อละสายตาไปมองที่เครื่องจีพีเอส แล้วเงยหน้ากลับขึ้นมามองทางก็ต้องตกใจ
“เฮ้ย ๆ ๆ”
รถยนต์คันหนึ่งพุ่งออกมาตัดหน้ามอเตอร์ไซค์ของแสงกล้า เขาหักหลบเต็มแรงจนรถไถลล้มลงกับพื้น น่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง

ขมังเวทย์อุ้มแพรไพลินที่ขยับไม่ได้ แต่ยังมีสติอยู่ เดินไปตามทางเดินในทาวน์โฮม แสงกล้าพยายามยกรถขึ้นมาสตาร์ท แต่สตาร์ทไม่ติดไปต่อไม่ได้ เขาตัดสินใจดึงเครื่องจีพีเอสออก แล้วออกวิ่ง เพื่อไปยังโฮมทาวน์ของแพรไพลิน

แพรไพลินนอนอยู่บนโซฟาเบทในห้องนั่งเล่น สายตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว แต่ร่างไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับ
ขมังเวทย์นั่งอยู่ด้านหน้าโซฟานั้น ในมือถือลูกสะกด จ้องไปยังดวงตาของแพรไพลินเพื่อร่ายเวทมนตร์บางอย่าง
ขมังเวทย์เหยียดแขนตรงเอาลูกสะกดไปสัมผัสบริเวณหน้าผากของแพรไพลิน แล้วไล้ไปตามใบหน้า ดวงตา แก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปาก ปลายคาง
แพรไพลินสีหน้าหวาดกลัว ตัวสั่นเทา
“ไม่ ไม่นะ” แพรไพลินร้องเสียงแผ่วเบามากจนแทบไม่ได้ยิน
ขมังเวทย์เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เหยียดแขนอ้อมตัวแพรไพลินราวกอดรัด กระซิบที่ข้างหู
“หลับซะ”
แพรไพลินปิดเปลือกตาทันที สลบไม่ได้สติอยู่กับอ้อมกอดของขมังเวทย์

แสงกล้าวิ่งมาถึงที่หน้าทาวน์โฮมของแพรไพลิน หยุดยืนมองเข้าไปด้านในแล้วนิ่วหน้าชะงัก
ในห้องนั่งเล่นทาวน์โฮม แสงกล้าเห็นเหมือนขมังเวทย์กำลังจะทำร้ายแพรไพลิน แสงกล้ายกวิทยุขึ้นทันที
“สำนักงานสืบฯ เกิดเหตุฉุกเฉินที่บ้านพักหมอแพรไพลิน ขอกำลังสนับสนุนด่วน”
แสงกล้ารีบดึงตัวเองข้ามรั้วทาวน์โฮมเข้าไป

ภายในห้องนั่งเล่น ขมังเวทย์ยิ้มพอใจประคองศีรษะแพรไพลิน ตั้งตรงกับโซฟาเบทนั้น ริมฝีปากขมุบขมิบเร่ายมนตรา มือของขมังเวทย์ข้างที่ถือลูกสะกด เคลื่อนลูกกลมไปยังบริเวณท้ายทอยของแพรแตะฝัง
“หยุดนะ”
แสงกล้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นทางประตูกระจกริมรั้ว เขากำลังจ่อปืนตรงไปยังร่างขมังเวทย์
ขมังเวทย์หันขวับมามอง
“แกอีกแล้วเหรอ”
แสงกล้าเห็นและจำได้
“แก.. แกเป็นคนขโมยตรีศูลวัชระ วันนี้แกไม่มีทางหนีไปง่าย ๆ แน่”
“เหรอ”
ขมังเวทย์ลุกขึ้นยืนมาเผชิญหน้ากับแสงกล้าแบบพร้อมจะต่อสู้ ก่อนเคลื่อนตัวเข้ามาประชิดแสงกล้าอย่างรวดเร็ว แสงกล้ายิงเข้าใส่ขมังเวทย์ทันที เปรี้ยง !
ลูกกระสุนออกจากปากกระบอกปืนแสงกล้ากำลังจะพุ่งเข้าใส่ขมังเวทย์
ขมังเวทย์จ้องเขม็งตรงไปยังลูกกระสุนนั้น ลูกกระสุนหยุดกึ่กที่กลางแสกหน้าของขมังเวทย์
ขมังเวทย์ถลึงตาเข้าใส่ ลูกกระสุนถอยกลับ แหวกอากาศอย่างรวดเร็ว กำลังกลับไปยังตำแหน่งเดิม
ลูกกระสุนถอยกลับเข้าไปยังลำกล้องของปืนแสงกล้า ลำกล้องปืนระเบิดคามือแสงกล้าจน
ปืนหลุดจากมือ
“หมวดไม่ควรเข้ามาขวางชะตากรรม”
ขมังเวทย์เล่นงานแสงกล้าด้วยมือเปล่า แสงกล้าพยายามต่อสู้ แต่ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ช้ากว่าขมังเวทย์ไปหนึ่งท่วงท่าเสมอ
แสงกล้าล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นห้อง ไม่มีทางสู้ขมังเวทย์ได้
แพรไพลินยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาเบทในห้องนั้น แสงกล้าหันขวับไปมองแพรไพลินด้วยความเป็นห่วง ขมังเวทย์เห็นอาการแสงกล้าก็ถามและยิ้มเหี้ยม
“เป็นห่วง หลงรักเค้ารึ”
ขมังเวทย์ดึงร่างแสงกล้าขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไปด้านนอกเต็มแรง ขมังเวทย์ตามออกไป


บริเวณนอกทาวน์โฮม แสงกล้าพยายามพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นกัดฟันสู้กับขมังเวทย์ แต่แสงกล้าสู้ขมังเวทย์ไม่ได้ล้มคว่ำไปอีก
ขมังเวทย์เดินเข้ามาบีบคอแสงกล้ายกลอยสูงขึ้น แสงกล้าตัวลอยเหนือพื้น
ขมังเวทย์จ้องเขม็งตรงเข้าไปยังดวงตาของแสงกล้า เหมือนพยายามจะสะกด
“หลังจากวันนี้ไป แกจะต้องลืมเรื่องทั้งหมด”
แสงกล้าจ้องตอบขมังเวทย์แบบไม่กลัว และไม่มีท่าทางจะโดนสะกดได้เลย
“แกเป็นใครกันแน่”
ขมังเวทย์บันดาลโทสะเหวี่ยงร่างแสงกล้าไปกระทบกับต้นไม้โครมใหญ่ แสงกล้าลงไปกองกับพื้น
“อโหสิด้วย มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่แกจะรู้เรื่องทั้งหมดไม่ได้”
“อ๊าก...”
ก่อนแสงกล้าจะหมดแรง เสียงไซเรนตำรวจดังเข้ามา ขมังเวทย์ชะงักไปนิดตัดสินใจเหวี่ยงร่างแสงกล้าลอยหวือออกไปไกล
ขมังเวทย์เดินหนีออกไปเพราะไม่อยากปะทะกับตำรวจให้เรื่องราวใหญ่โตมากไปกว่านี้
แสงกล้าสะบัดศีรษะพยายามเรียกสติกลับคืนมา
“หมอแพรไพลิน”
แสงกล้ารีบกัดฟันวิ่งกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยแพรไพลิน

แสงกล้าสะโหลสะเหลเพราะบาดเจ็บจากการต่อสู้ เข้ามาหาแพรไพลินและประคองตัวเธอขึ้นมา
“หมอแพร เป็นยังไงบ้าง”
แพรไพลินยังไม่ได้สติ ยังสลบอยู่อย่างนั้น
“หมอแพร หมอแพร”
แสงกล้าตัดสินใจอุ้มร่างแพรไพลินขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น

ถนนนอกทาวน์โฮม รถตำรวจหลายคันจากสำนักงานสืบแล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบลงมาจากรถด้วยท่าทางระแวดระวัง
แสงกล้ากำลังอุ้มแพรไพลินก้าวเดินออกมาจากภายในทาวน์โฮม ท่าทางแสงกล้าบอบช้ำจากการต่อสู้เป็นอย่างมาก
“ช่วยหมอแพรไพลินด้วย”
แสงกล้าล้มลงตรงนั้นกับร่างแพรไพลิน ตำรวจกรูเข้ามาช่วย

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล แพรไพลินยังหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ ด้านข้างมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่
ห้องพักอีกห้องหนึ่ง แสงกล้าได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว แต่อาการบอบช้ำยังมีให้เห็นอยู่ ข้าง ๆ มีทั้งสายน้ำเกลือและเครื่องวัดชีพจร แสงกล้าที่สลบไม่ได้สติ ขมวดคิ้วเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน

ในอดีต ป้ายด้านหนึ่งของกำแพงยิมฯมีข้อความ “การแข่งขันยูโดเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2544” น้ำใสกับเพื่อนกำลังเชียร์นักกีฬาที่แข่งขันอยู่อย่างสนุกสนาน
“แสงกล้าใกล้แข่งแล้ว”
“เชียร์ออกนอกหน้าเลยนะน้ำใส” เพื่อนบอก
ที่อัฒจันทร์ ผู้การอินทนนท์ในชุดสูทลำลองนั่งอยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กำลังดูการแข่งขันอยู่
“แสงกล้าเป็นตัวเก็งเลยนะครับผู้การ สมแล้วที่ท่านให้การอุปการะ”
“เรียนจบปีนี้แล้วใช่มั้ย”
“ใช่ครับ คงดีใจ ถ้ารู้ว่าผู้การมาดูการแข่งขันครั้งนี้ด้วย”
ผู้การอินทนนท์ยิ้มพอใจ หันไปมองบริเวณแข่งขัน น้ำใสกำลังตะโกนเชียร์อย่างสนุกสนาน
แสงกล้าในชุดยูโด กำลังต่อสู้แข่งขันกับคู่แข่งหลายราย เขาใช้ลีลายูโดอันหลากหลาย เอาชนะได้อย่างสวยงามรายแล้วรายเล่าเมื่อเอาชนะทุกครั้งน้ำใสกระโดดตัวลอยดีใจทุกครั้ง ในที่สุดแสงกล้าได้รับการชูมือเอาชนะคู่แข่งคนสุดท้ายได้ แสงกล้ากระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ
ที่แท่นรับเหรียญรางวัล แสงกล้าขึ้นรับเหรียญจากผู้การอินทนนท์ที่ยิ้มยินดี น้ำใสตบมือลั่นอย่างออกนอกหน้า
“ขอแสดงความยินดีด้วย”
“ถ้าไม่ได้ท่าน เด็กกำพร้าอย่างผมคงไม่มีโอกาส”
“อนาคตของเธอยังอยู่อีกไกล เรียนจบปีนี้แล้วใช่มั้ย”
“ใช่ครับท่าน”
“สอบเข้าเรียนต่อตำรวจนะ ฉันจะสนับสนุนเธอเต็มที่”
แสงกล้ายิ้มให้กับผู้การอินทนนท์

ในงานรับกระบี่ของแสงกล้าร่วมกับนักเรียนนายร้อยฯ คนอื่น ๆ ผู้การอินทนนท์มองแสงกล้าด้วยสายตาชื่นชม

แสงกล้าเดินเข้ามาในห้องทำงานของผู้การอินทนนท์ในสำนักงานสืบฯ อินทนนท์ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
แสงกล้าเดินเข้ามาแล้วก้มลงกราบ อินทนนท์ต้องรีบเข้ามาประคองไว้
“ขอบคุณมากครับผู้การ ท่านเป็นเหมือนพ่อของผม”
อินทนนท์หันไปเปิดลิ้นชัก หยิบปืนและบัตรประจำตัวของแสงกล้าลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนส่งให้
“ขอต้อนรับหมวดแสงกล้าเข้าทำงานในสำนักงานสืบสวนพิเศษ ตั้งใจทำงาน เป็นตำรวจที่ดีให้สมกับที่ฉันตั้งความหวังไว้”

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล แสงกล้าค่อย ๆ ลืมตาฟื้นคืนสติ มองไปรอบ ๆ ตัว นิ่วหน้านึกเป็นห่วงแพรไพลิน
“หมอแพร หมอแพรกำลังอยู่ในอันตราย”
แสงกล้าลุกขึ้นมาจากเตียงดึงสายน้ำเกลือออกจากท่อนแขน หันไปเปิดลิ้นชักผู้ป่วยที่หัวเตียง
แล้วหยิบปืนออกมากระชากลูกเลื่อน เหน็บไว้ข้างเอวแล้วเดินออกไปทันที

แสงกล้าเดินไปตามทางเดินในโรงพยาบาล ไล่มองหาห้องพักของแพรไพลิน เมื่อพบชื่อ พญ. แพรไพลิน นวิยากุล ที่หน้าห้องแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป

ในห้องพักของแพรไพลิน เตียงของแพรไพลินมีม่านปิดล้อมอยู่รอบเตียง มองไม่เห็นภายใน แสงกล้านิ่วหน้าเพราะปรากฏแสงสว่างจ้าสะท้อนออกมาเหนือและใต้ผ้าม่าน มีกลุ่มควันบาง ๆ ลอยตลบอบอวลอยู่ภายในผ้าม่านนั้น แสงกล้าผิดสังเกตรีบกระชากปืนออกมาเหยียดตรงเตรียมพร้อมเข้าประชิด เขาเดินเข้าไปที่ผ้าม่านนั้นอย่างรวดเร็วแล้วรูดม่านออกอย่างรวดเร็ว
แสงกล้าเห็นขมังเวทย์กำลังทำพิธีกรรมอยู่ที่ปลายเตียงของแพรไพลิน รอบเตียงเต็มไปด้วยเทียนจุดส่องสว่างเป็นทิวแถว บรรยากาศเต็มไปด้วยความขรึมขลังและน่ากลัว
ขมังเวทย์หันขวับมาทันที
“แกมาไม่ทัน มันสายไปแล้ว”
“ไม่” แสงกล้าตะโกนลั่น
แสงกล้ากระหน่ำยิงปืนในมืออย่างไม่ยั้ง เปรี้ยง ๆ ๆ กระสุนถูกร่างขมังเวทย์สั่นไหวไปตามแรงกระแทกของกระสุนปืน เลือดสาดเต็มร่าง

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 3

กระสุนนัดหนึ่งพุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าขมังเวทย์ หน้ากากหน้ามนุษย์ที่ขมังเวทย์ใส่อยู่แตกกระจายออก แสงกล้าตาลุกวาวด้วยความตกใจ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะเห็นใบหน้าของตัวเอง ซ่อนอยู่ภายในหน้ากากของขมังเวทย์นั้น !

แสงกล้าลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ กายแล้วเหนื่อยหอบ เมื่อรู้ว่าความจริงแล้วเขาฝันไป... หมอกับพยาบาลเปิดประตูเข้ามาดูอาการ
“หมดสติไปนานเลยนะ”
หมอตรวจดูอาการแล้วยิ้ม ๆ อย่างเมตตา จดบันทึกใส่ชาร์ตแล้วส่งให้พยาบาลไป พลางหันมาคุยกับแสงกล้า
“กระดูกเหล็กไม่หักเลยสักชิ้น หมออนุญาตให้คุณออกจากโรงพยาบาลไปไล่จับคนร้ายได้แล้ว"
“เอ้อ แล้วอาการของ”
หมอยิ้มนึกรู้ว่าจะถามอะไรก็บอก
“หมอแพรไพลินไม่เป็นอะไรมาก แค่หมดสติไป”
แสงกล้าพยักหน้ารับรู้ แต่ใจเป็นห่วงแพรไพลินอย่างไม่รู้ตัว

ภายในห้องพักโรงพยาบาล แพรไพลินยังมีอาการมึน ๆ งง ๆ แล้วนิ่วหน้าพยายามระลึกความจำ ครามยืนอยู่เบื้องหน้ากำลังซักถาม
“ฉัน ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
“หมอหมดสติอยู่ในบ้านพัก หมวดแสงกล้าเป็นคนอุ้มพาคุณหมอออกมา”
แพรไพลินยังคงจำไม่ได้ มีภาพบางช่วงเช่น ภาพของขมังเวทย์ ภาพการตรวจลูกสะกด แต่แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว จำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้
แพรไพลินนิ่วหน้าเหมือนพยายามเรียกความจำแต่ทำได้ยากเต็มที
“ฉันจำไม่ได้จริง ๆ”
“เมื่อคืนนี้หมวดแสงกล้าวิทยุแจ้งสำนักงานสืบฯ ว่าหมอกำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนบุกรุกเข้าไปในบ้าน” ครามบอก
ภาพที่แพรไพลินจำได้เป็นช่วงที่ปะทะคารมกับ ผู้บัญชาการ รวิ อิงคพัฒน์
“ฉันจำได้แค่ถูกพักงานจากเนติเทคฯ แล้วขับรถกลับบ้าน”
ภาพการพูดโทรศัพท์กับเพชรแท้ … ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอจำได้
ครามบันทึกปากคำของแพรไพลินลงในไอแพด สีหน้าไม่ค่อยสบายใจที่ไม่ค่อยได้รายละเอียดเท่าไรนัก
แสงกล้าเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเดินมาหน้าห้องผู้ป่วย เห็นป้ายชื่อแพรไพลินที่หน้าห้อง เขาลังเลแล้วตัดสินใจจะเปิดประตู ครามเปิดประตูออกมาเจอแสงกล้าพอดี
“เอ้าแสงกล้า จะมาเยี่ยมคุณหมอแพรไพลินเหรอ”
แสงกล้ารีบกลบเกลื่อนทำไก๋ทันที
“ปละ.. เปล่า ผมได้ข่าวว่าเขาปลอดภัยดีก็แล้วไป ผมกำลังจะกลับไปสำนักงานสืบฯ”
“ไปด้วยกันเลย เพราะฉันต้องสอบปากคำนายด้วย”
ครามลากแสงกล้าออกไป ทั้งๆที่แสงกล้าอยากจะเข้าไปเยี่ยมดูอาการแพรไพลิน

ภายในห้องพัก พยาบาลกำลังตรวจดูสายน้ำเกลือแล้วหันมายิ้มกับแพรไพลิน
“อาการเป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“ยังมึน ๆ ศีรษะนิดหน่อยค่ะ”
โทรศัพท์หัวเตียงดังขึ้น พยาบาลรับสาย
“ห้องพักหมอแพรไพลินค่ะ”

คมศร สุริยนเดินอยู่ในบริเวณพรรคไททิวัตถ์ พูดโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ผมคมศรพูด.. หมอแพรฟื้นรึยัง”
พยาบาลหันมาบอกแพรไพลิน
“หมอคะ ท่านเลขาฯ”
แพรไพลินสวนทันทีเพราะรู้ว่าเป็นคมศร
“ฉันปวดหัว อยากนอนพักจ้ะ”
แพรไพลินหลับตาทันที ไม่อยากคุยกับคมศร
“คุณหมอยังเพลียมากค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”
คมศรชะงัก สีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้พูดกับแพรไพลิน
“ฝากเรียนหมอด้วย.. ว่าผมโทรมา ขอบคุณครับ”
คมศรปิดโทรศัพท์มือถือ นิ่งมองที่หน้าจอมือถือเห็นวอลล์เปเปอร์ของโทรศัพท์เป็นรูปถ่ายคู่ระหว่างเขากับแพรไพลินครั้งยังรักกัน
พยาบาลวางหูโทรศัพท์แล้วมองไปที่แพรไพลิน เมื่อเห็นว่าเธอหลับจึงเดินเลี่ยงออกไป
แพรไพลินลืมตาขึ้นมาทันทีที่พยาบาลเดินออกไป บอกกับตัวเองว่า
“คมศร... ระหว่างเรามันจบลงแล้ว”
สีหน้าแพรไพลินยังครุ่นคิด

ในเวลาต่อมา แสงกล้าและครามเดินเข้ามาในสำนักงานสืบฯ
“จะสอบปากคำผมทำไม ผมไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย” แสงกล้าบอก
ครามแกล้งพูดแหย่แสงกล้า
“นายเป็นตัวละครที่น่าสงสัยที่สุด เพราะนายไม่เคยสนิทสนมกับคุณหมอแพรไพลิน แต่บุกไปหาคุณหมอกลางดึก"
“ผมจะไปคุยเรื่องใบตรวจสุขภาพจิต”
“นายไม่พอใจที่เค้าไม่อนุมัติให้ผ่านการตรวจสภาพจิต นายก็เลยคิดล้างแค้น แต่ฉันตัดประเด็นนี้ทิ้งไป เพราะนายไม่ใช่คนอาฆาตแค้นผู้หญิง เหลืออยู่ประเด็นเดียวเท่านั้น คดีชู้สาว”
“สมมุติฐานผู้กองผิดแล้วล่ะ ผมเคยเจอหน้าเขาแค่สองครั้งจะมีเรื่องชู้สาวได้ไง”
“ขึ้นเสียงสูง หลบตา สัญชาติญาณของผู้ร้ายปากแข็ง”
แสงกล้าหันมาสู้หน้าบอก
“ผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่สเป็กผมทำตัวเป็นคุณหมอโรคจิตรู้ไปซะทุกเรื่อง ขืนคบด้วยผมคงประสาทกิน"
“ฉันแค่แหย่เล่น เอ..รึว่านายคิดจริง”
แสงกล้าแก้เขินด้วยการเปลี่ยนมาถามเรื่องคดีความ
“คดีไปถึงไหนแล้วครับ ได้แบะแสของคนร้ายรึยัง ผมจำได้แม่นว่าไอ้คนที่บุกเข้าไปในบ้านหมอแพรไพลิน เป็นคน ๆ เดียวกับที่เข้าไปขโมยตรีศูลวัชระ”
ครามชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินแสงกล้าเล่าให้ฟังแบบนั้น

ภายในห้องสมุดเก่าๆแห่งหนึ่ง สมิงกำลังเปิดหนังสือพิมพ์เก่าอ่านข่าวย้อนหลัง พาดหัวข่าวระบุ “โจรกรรมอุกอาจ ตรีศูลวัชระ” สมิงลดหนังสือพิมพ์เก่าลง
“หนึ่งในเทวาศาตราวุธหายไป”
สมิงคิดนิดหนึ่งแล้วนึกถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งประสบกับลูกสะกดในท้ายทอยของนักเลงสองคน และเขาทำลายไปก่อนหน้านี้
สมิงสีหน้าครุ่นคิด
“ไสยศาสตร์ดำ... มันกลับมาแล้ว”
สมิงเปิดหนังสือพิมพ์ต่อไป หยุดตรงหน้าข่าวสังคม
“เพชรยอดสังข์บนมงกุฏมิสเวิลด์แปซิฟิก จะนำมาจัดแสดงในเมืองไทยต้นเดือนหน้า - - รึว่าพวกมันกำลังตามล่าเทวาศาสตราวุธทั้งสี่”
สมิงมีสีหน้าไม่ค่อยดีวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วเดินออกไป

ที่โต๊ะทำงาน แสงกล้ากำลังอ่านข้อมูลในอินเทอร์เนต ค้นหาข้อมูลของเทวาศาสตราวุธ
“เทวาศาสตราวุธทั้งสี่..ประกอบไปด้วย ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักระนารายณ์ สังข์ไชยมงคล” แสงกล้าอ่านด้วยความไม่เชื่อถือ
“เฮ้ย...ยังมีเรื่องตลกแบบนี้ด้วยเหรอ”
แสงกล้ากำลังจ้องดูหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น

ในมุมหนึ่งของห้องสมุด สมิงกำลังค้นคัมภีร์ทางไสยเวทจากชั้นเก่า ๆ ในห้องสมุด เขาพลิกไปจนถึงหน้า ๆ หนึ่ง
“หากผู้ใดหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ในคืนเดือนดับ...”

แสงกล้ากดปุ่มเลื่อนเพจอ่านข้อความในอินเตอร์เน็ต
“ศาสตราวุธใหม่ที่ได้จะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าอาวุธทุกชิ้นในโลก - - เฮ้ย..นี่มันหนังเอ็กซ์เมน หรือว่าแฮรี่พอตเตอร์กันแน่!”

“ผู้ครอบครองยังจะมีพลังเหนือคน!!” สมิงอ่านข้อความนั้นต่อ

“ครองใจและมีอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล!” แสงกล้าอ่านต่ออย่างไม่เชื่อถือ
สมิงสีหน้าเครียด จริงจังและเป็นกังวลใจเรื่องนี้

ครามยกกาแฟมาให้แสงกล้าที่โต๊ะทำงาน เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนที่นิ่งอึ้งอยู่หน้าคอมก็ถามขึ้น
“เป็นไง...คดีลึกลับน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ”
แสงกล้าปิดจอคอมพิวเตอร์แล้วหันมาหัวเราะกับคราม
“บ้ากันใหญ่แล้ว แค่มีของสี่อย่างจะทำให้มีอำนาจเป็นเจ้าโลก อย่างนี้พวกผู้นำประเทศบ้าอำนาจไม่ต้องสะสมอาวุธสงครามให้เสียเวลาหรอก นิทานหลอกเด็ก”
“แต่ตอนนี้มันกำลังหลอกผู้ใหญ่อย่างเรา เพราะผบ.รวิสั่งให้นายทำคดีนี้” ครามบอก
“อะไรนะ” แสงกล้าน้ำเสียงไม่พอใจ
สมิงยืนหลับตาก้มหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสีหน้าจริงจังมาก
“ข้าขอสัญญา...ข้าจะพิทักษ์และปกป้องไม่ให้ไสยศาสตร์ดำช่วงชิงเทวาศาสตราวุธไปได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตข้า”

พ.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยโยนแฟ้มลงต่อหน้าผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษ ครามตามเข้ามาก็ตกใจ
“สำนักงานสืบว่างนักเหรอ ถึงต้องมาทำคดีนิทานหลอกเด็กแบบนี้”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ ปรายตามองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นายมีสิทธิ์ตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชาเหรอ”
“คิดไว้ไม่มีผิด พวกที่ได้อำนาจมาโดยมิชอบ มักจะหลงในอำนาจ โดยไม่รู้ว่าอำนาจที่แท้จริงมันต้องมาจากทั้งพระเดชและพระคุณ"
“ฉันไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมแพรไพลินถึงลงความเห็นให้นายไปตรวจสภาพจิตทุกเดือน"
แสงกล้าชะงักนิดหนึ่งเมื่อรวิพูดแบบนี้ เพราะตัวเองยังมีชนักปักหลังอยู่
“ผมไม่ทำคดีนี้ !”
“นายไม่มีสิทธิเลือกเพราะมันเป็นคำสั่ง ! ถ้าคิดว่าตัวเองแน่จริงสมกับตำแหน่งเรียนดีเกียรตินิยมเหรียญทอง นายต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้”
“อย่าคิดว่าผมยอมทำงานนี้เพราะกลัวคุณ แต่ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองต่างหาก!”
แสงกล้าจะเดินออกไปจากห้อง
“ขอให้สำเร็จนะ ฉันส่งสายสืบมือดีให้นายแล้ว”
รวิกดส่งอีเมล์ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เสียงปิ๊บดังขึ้นที่โทรศัพท์ แสงกล้ามองมือถือและรู้ว่ารวิส่งอีเมล์มา
แสงกล้าเดินออกจากห้อง ครามเดินตามไป รวิยิ้มที่มีอำนาจสั่งแสงกล้าได้..

ที่มุมหนึ่งในสำนักงานสืบฯ ครามเข้ามาถามแสงกล้า
“ผบ.รวิส่งใครมาเป็นบั้ดดี้”
แสงกล้ากดเปิดดูโปร์ไฟล์ในอีเมล์ ที่ขึ้นเป็นภาพ “สมิง”

ภายในห้องทำงานของผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษ รวิยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องทำงาน หันไปมองจอคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีภาพแสงกล้าส่ายหัวเมื่อรู้ว่าได้สมิงเป็นคู่หู รวิหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพูด
“ไม่ต้องห่วง ทางสะดวกแล้ว ไอ้บ้าระห่ำต้องทำงานกับลูกน้องงมงาย ยังไงมันก็ไม่มีทางสืบเรื่องนี้สำเร็จ”
ที่มุมหนึ่ง วิญญูยิ้มพอใจแล้วค่อย ๆ ลดโทรศัพท์มือถือลง ด้วยสีหน้าและแววตาพอใจ

หลายวันต่อมา ในเวลากลางวัน แสงกล้าขับรถมาจอดหน้าแฟลตและก้าวลงจากรถ เมื่อเห็นมองสภาพแฟลตก็ทำใจ เขาหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าสมิงอีกครั้ง.... แล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่จ่าสมิงใช้ล้อรถโยนคล้องครอบตัวแสงกล้าก็ถอนหายใจ ไม่สบอารมณ์ เดินเข้าไปเพื่อตามตัวสมิง
แสงกล้าเคาะประตูห้องจ่าสมิง แต่ไม่มีคนเปิด
“มีใครอยู่มั้ย”
แสงกล้าเคาะอยู่นาน ก่อนตัดสินใจลองบิดประตู ประตูเปิดออก...
แสงกล้าตัดสินใจเดินเข้าไปแล้วอึ้งผงะ เพราะห้องมืดมีแต่แสงสลัวลอดผ้าม่านเข้ามา มีพระพุทธรูป ควันธูปลอยคลุ้ง

แสงกล้าพยายามเดินมองหาจ่าสมิง เดินมองไปทั่วทั้งบ้านก็ยังมองไม่เห็น
“นี่มันบ้านเหรอ”
“บ้านครับหมวด” สมิงโพล่งออกมา
แสงกล้าสะดุ้งตกใจหันขวับไปมองทางด้านหน้าประตูที่สมิงยืนอยู่ แสงกล้าจ้องแปลกใจที่จู่ๆสมิงก็โผล่เหมือนหายตัวออกมา
“ไปยืนอยู่ตรงนั้นได้ไง”
“ผมออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ เพิ่งกลับ...”
แสงกล้าพยายามไม่คิดมาก รีบตัดบท
“แต่ว่า... เอาเถอะ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงานได้แล้ว ผมให้เวลาสิบนาที !”
“นานไป ขอแค่ห้านาทีก็พอ”
จ่าสมิงเข้าไปในห้อง แสงกล้าเดินออกไปรอข้างนอก

แสงกล้ายืนดูนาฬิกาที่กำลังนับถอยหลัง....พอหมดเวลา แสงกล้าหันกลับไป จ่าสมิงแต่งชุดสีสันแสบตายืนยิ้มอยู่บอก
“ห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน”
“เราจะไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวงานวัด ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่”
“นี่ก็ใหม่นะครับ เพิ่งซื้อมายังไม่ได้ซักเลย ไม่เชื่อหมวดดมกลิ่นได้”
“ไปเปลี่ยนชุดอื่นไม่ใช่สีสันแสบตาแบบนี้”
“ไม่ได้จริง ๆ หมวด ผมขอเถอะ วันนี้เป็นวันกาลกิณีอัปปรีย์เป็นไชโย ต้องใส่สีแรง ๆ แดงส้มเหลือง จะเมลืองมงคล"
แสงกล้าระเหี่ยใจจะเดินออกไป จ่าสมิงรีบทัก
“เดี๋ยวก่อนหมวด หมวดเกิดวันอังคาร พญามารผลาญชีวา ให้ก้าวขวาพญาเดโช”
จ่าสมิงกับ ร.ต.ต. แสงกล้าต่างจ้องตากัน แสงกล้าทำเหมือนจะเปลี่ยนเป็นก้าวเท้าขวา
“น่านแหละ... ก้าวเท้าขวาออกไปทำงาน”
แสงกล้าจะก้าวเท้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวเท้าซ้าย ไม่เชื่อเรื่องงมงาย!!
“เท้าซ้าย ! ซวยแล้วกู วันนี้ไม่น่ารอด”
จ่าสมิงตั้งสติแล้วก้าวเท้าขวาเดินออกไป แสงกล้าเดินนำสมิงออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์

แสงกล้าสีหน้าเซ็งสุดๆ เดินนำมาถึงที่รถตัวเองที่จอดอยู่ พลางบ่นกับตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ชาติที่แล้วไปติดหนี้ยืมสินรึไง ถึงต้องมาชดใช้ทำงานร่วมกับคนแบบนี้ ทำคนเดียวก็ได้วะ"
แสงกล้าเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ แล้วจะสตาร์ทรถออกไป แต่พอมองกระจกมองหลังก็ตกใจ เพราะเห็นจ่าสมิงนั่งยิ้มอยู่ที่เบาะหลัง เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ !
“เฮ้ย”

รถแสงกล้าแล่นอยู่บนท้องถนน จ่าสมิงนั่งย้ายมานั่งอยู่เบาะหน้าแล้ว
“เข้ามาในรถตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตอนหมวดยืนบ่นนั่นแหละ
สมิงว่าแล้วเปลี่ยนเรื่องถามต่อ
“แล้ววันนี้เราจะเริ่มสืบตามหาตรีศูลวัชระจากที่ไหน”
แสงกล้ารู้สึกแปลกใจ
“ รู้เรื่องนี้ได้ไง... ผมเพิ่งรับคำสั่งมา นอกจากผู้กองคราม ไม่มีใครรู้สักคน"
“ทำงานจนหนุ่มปูนนี้แล้วมันก็ต้องมีสายข่าวกันบ้าง ว่าไง หมวดจะสืบหาตรีศูลวัชระจากที่ไหน”
“ร้านรับซื้อของเก่า”
“อย่าไปเลยหมวด เสียเวลา เชื่อผมเถอะ...ของแบบนี้ไม่มีใครขายให้พวกนักสะสมหรอก"
“มันก็จริง”
แสงกล้าทำทีเหมือนเชื่อความคิดของจ่าสมิง แล้วขับรถต่อไป...
แสงกล้าขับรถมาจอดที่หน้าร้านขายของเก่าโบราณ แสงกล้าลงจากรถ
“ตำรวจใหม่ไฟแรงมันต้องดื้อทุกคนสิวะ!”

แสงกล้าเอาภาพไปให้เจ้าของร้านดู เจ้าของร้านส่ายหน้าไม่มี.. อีกร้านหนึ่ง แสงกล้าเข้าไปเดินดูของโบราณล้ำค่าแต่ไม่พบ อีกร้านหนึ่ง แสงกล้าเดินมองหา เจอจ่าสมิงยืนยิ้ม แสงกล้าเดินหนีไปหาอีกมุมหนึ่ง
แสงกล้าจะเดินมาเปิดประตูรถ จ่าสมิงตามเข้ามา
“ให้ผมนำทางไปดีกว่าหมวด”
แสงกล้าคิดตัดสินใจ
“เชื่อลูกน้องสักครั้งไม่ถูกลดขั้นหรอก”
แสงกล้ารำคาญเดินเลี่ยงไปขึ้นรถ จ่าสมิงเข้าไปขับรถออกไป

ในวันเดียวกัน รถของกุ๊บกิ๊บมาจอดหน้าทาวน์โฮมเพื่อส่งแพรไพลิน
“หมอน่าจะพักอยู่โรงพยาบาลอีกสักสี่ห้าคืน ที่นั่นมีหมอหล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
“กล้ากลับมาพักที่นี่อีกเหรอ ถ้าพวกโจรมันบุกมาอีกแย่เลยนะ เอางี้เดี๋ยวกุ๊บกิ๊บโทรให้แฟนกุ๊บกิ๊บมาเป็นบอดี้การ์ดอารักขาหมอ"
“แฟน”
“ก็หมวดเจ้าเสน่ห์ที่เป็นศัตรูกับหมอแพรไงคะ กุ๊บกิ๊บเข้าใจนะคะว่าหมอไม่ชอบหน้าเค้า แต่เค้าเป็นแฟนกุ๊บกิ๊บ ถ้าหมอรักกุ๊บกิ๊บก็ขอให้เปิดใจรับแฟนกุ๊บกิ๊บด้วยนะคะ"
“เธอเป็นแฟนเค้า แล้วเค้าเป็นแฟนเธอรึเปล่า”
“ของอย่างนี้ไม่ต้องถามหรอกค่ะ แค่มองตาก็รู้ใจ”
แพรไพลินเริ่มคิดได้
“แสดงว่าเมื่อคืนก่อน เธอเป็นคนบอกที่อยู่ของฉันให้เค้าใช่ไหม”
“ว้าย...มีงานค้างที่เนติเทคฯ กุ๊บกิ๊บไปก่อนนะคะ บาย”
กุ๊บกิ๊บรีบชิ่งวิ่งไปขึ้นรถ และขับรถออกไปทันที แพรไพลินยิ้มขำในความกะล่อนของลูกน้อง

แพรไพลินเข้ามาในบ้าน...พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์แวบเข้ามาในหัวแต่เป็นช่วงสั้นๆ แพรไพลินถือลูกสะกดเข้าไปในห้องแล็บ
แพรไพลินมองไปยังห้องแล็บแล้วเดินเข้าไป

แพรไพลินเข้ามาในห้อง มองหาลูกกลมที่ทำการวิเคราะห์
“คนร้ายเข้ามาในห้องได้ยังไง”
แพรไพลินพยายามเดินแล้วคิดถึงเหตุการณ์... ภาพควันไฟสีขาวลอยคลุ้งเข้ามาในห้องทางซอกประตูเข้ามาในหัว แพรไพลินเดินไปที่ประตูแล้วมองหาที่มาของควันสีขาว
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แพรไพลินหยิบโทรศัพท์ และตัดสินใจรับสาย
“คะคุณแม่”
แพรไพลินหยุดคิดเรื่องค้นหา รีบออกไปจากบ้านทันที

จ่าสมิงขับรถมาจอดที่หน้าสำนักทรง มีป้ายขรึมขลังปิดทองเด่นชัด แสงกล้าเดินออกจากรถมายืนมองด้วยความแปลกใจ สมิงออกมายืนมองด้วยความมั่นใจ
“อย่าบอกนะว่าจะมาถามหมอดู ว่าใครเป็นคนขโมยตรีศูล”
“ไอ้คนที่เล่นงานหมวดปางตายน่ะ ไม่ใช่แค่หมอดูแน่ ๆ”
“หมายความว่าไง”
“ขี้เกียจอธิบายว่ะ แต่รู้ไว้เถอะว่าคนที่หมวดสู้ด้วยน่ะ มันสำเร็จไสยศาสตร์ดำขั้นสูงสุด เจ้าสำนักคนนี้มันต้องรู้แน่ว่าใครสำเร็จไสยดำขั้นนั้น”
แสงกล้ามองจ่าสมิงแบบอึ้ง ๆ
“เพี้ยนรึเปล่า ! เป็นอะไร”
“เป็นสายสืบ !”
สมิงเดินเข้าไป แสงกล้าไม่เดินตาม ตะโกนบอก
“จะทำอะไรก็รีบทำ ฉันรอที่นี่แหละ ให้เวลาสิบนาทีไม่งั้นฉันกลับ”
สมิง โยนกุญแจรถให้แสงกล้า
“ถ้าคิดว่ากลับได้ ก็ไม่ต้องรอ”
จ่าสมิงเดินเข้าไปในสำนัก แสงกล้าไม่พอใจที่สมิงท้าทาย
“ทำงานกับคนบ้า มีหวังต้องบ้าเข้าสักวัน”
แสงกล้าเดินไปที่รถจะขับรถออกไป แต่สตาร์ทไม่ติด แสงกล้าพยายามอีกครั้งก็ไม่สำเร็จ
“เฮ้ย...มาเสียอะไรตอนนี้วะ”
จ่าสมิงเดินตรงเข้าไปในสำนักทรง ลูกน้องในสำนักเข้ามาขวาง แต่พอเห็นสมิงก็รับรู้ได้ว่า สมิงเป็นคนมีของ ลูกน้องของนิลเจ้าสำนักเดินแหวกออกให้สมิงเดินตรงไปยังด้านใน
นิลกำลังนั่งบริกรรมหันหน้าไปหาเทวรูป สมิงเดินตรงเข้ามาหยุด
“บูชาเทพเจ้าในวันกาลกิณี มันจะอัปรีย์กันใหญ่ พอเหอะ ! แค่นี้ชีวิตมนุษย์ก็วุ่นวายพอแล้ว"
นิลหยุดบริกรรมคาถา หันหน้ามาเผชิญกับสมิง
“ที่นี่ไม่มีของที่แกตามหา”
“รู้ด้วยแสดงว่ามี”
“ไม่มี”
“งั้นแกก็ต้องรู้ว่าใครกำลังตามล่าของพวกนั้น”
“กลับไปซะ ข้าไม่อยากเอาเลือดคนมาเซ่นไหว้”
สมิงจะเดินเข้าไปด้านในของสำนัก นิลหันไปสบตาลูกน้อง
ลูกน้องคนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาต่อสู้ จ่าสมิงหลบได้ ลูกน้องพยายามต่อยทำร้าย แต่สมิงหลบได้ทุกจังหวะคล้ายล่วงรู้จังหวะการเข้าทำของลูกน้องก่อนหนึ่งจังหวะเสมอ
จ่าสมิงได้ที เล่นงานลูกน้องจนกระเด็นออกไปชนเสาจนกระอักเลือด
“เอาเลือดลูกน้องแกไปเซ่นไหว้ก็แล้วกัน”
จ่าสมิงจะเดินเข้าไปด้านใน บรรดาลูกน้องคนอื่นถือคมแฝกเข้ามาล้อมสมิงไว้
แสงกล้าเข้ามาในสำนักทรงเห็นจ่าสมิงถูกล้อมไว้ ขยับจะกระชากปืนออกมาแต่เปลี่ยนใจเก็บปืนกอดอกรอดูว่าสมิงจะแก้ปัญหายังไง
“เก่งนัก เอาตัวให้รอดแล้วกัน” แสงกล้าว่า
ลูกน้องพุ่งเข้ามาฟาดคมแฝกใส่สมิง จ่าสมิงยืนนิ่งหลับตา คมแฝกทุกอันที่ฟาดมาโดนตัวสมิง
แตกราวกับเป็นแค่เศษไม้อัด แสงกล้าตกใจ
นิลตกใจเดินเข้ามา แล้วใช้หมัดมวยต่อสู้กับสมิงตัวต่อตัว จ่าสมิงใช้ความสามารถต่อสู้จนนิลจนกระเด็นออกไป
นิลหันหน้าสบตาลูกน้องเหมือนส่งสัญญาณ ลูกน้องควักปืนออกมาแล้วเหยียดแขนตรงเล็งเข้าใส่สมิงพร้อมกัน
แสงกล้าตกใจ กระชากปืนสวยงาม ออกมายิงใส่มือลูกน้องนิล เปรี้ยง ๆ ๆ ปืนทุกกระบอกร่วงลงไปทันที แสงกล้าเข้ามาหาสมิง
“จะบ้ารึไง เข้ามาในรังโจรไม่พกปืน”
นิลฉวยจังหวะที่แสงกล้าคุยกับสมิงกระชากปืนเหยียดตรงออกมา ยิงใส่แสงกล้า...เปรี้ยง !
แสงกล้าตกใจ จ่าสมิงรีบจับมือแสงกล้าข้างที่ถือปืน ประคองเหยียดตรงยิงสวนไปยังนิล...เปรี้ยง !
ลูกกระสุนจากนิลที่กำลังพุ่งเข้ามายังแสงกล้า ถูกลูกกระสุนที่สมิงยิงสวนออกมา กระสุนกระทบกันอย่างจังแล้วแยกออกจากกัน ไม่ถูกเป้าหมาย !
สมิงปราดเข้าไปเล่นงานนิลจนได้รับบาดเจ็บ นิลล้มลง
“อย่า.. อย่าทำอะไรข้าเลย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าใครกำลังตามล่าของพวกนั้น”
“จริงดิ”
“จริง.. จริงสิ คุณไสยฯ ของมันแกร่งกล้าเกินพวกกระจอก ๆ อย่างข้าจะรู้”
สมิงจ้องนิลอย่างค้นหา ทั้งสองจ้องตากันไปมา ในที่สุดสมิงจึงเชื่อ
“เลิกเล่นไสยดำซะ มันมีแต่ทำให้ชีวิตฉิบหาย”
แสงกล้ายังคงยืนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น สมิงเดินไปหยิบกล้วยที่หิ้งบูชา ปอกกินแล้วเดินออกไปจากสำนัก

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 3

จ่าสมิงเดินกินกล้วยมาที่รถ แสงกล้าวิ่งตามมา
“จัดการมันได้แล้ว ทำไมไม่เข้าไปค้นหาตรีศูลวัชระ”
“ไม่ได้อยู่ที่มัน”
“รู้ได้ไง”
“ฝีมือมันต่ำเกินไป”
สมิงเดินไปที่ประตูรถด้านคนขับ แสงกล้าตะโกนบอก
“รถเสียต้องกลับแท็กซี่”
สมิงไม่สนใจเข้าไปนั่งแล้วสตาร์ทรถ รถติดเป็นปกติ
“เฮ้ย..ติดได้ไงวะ เฮ้ยๆๆ รอด้วย”
จ่าสมิงจะออกรถ แสงกล้ารีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งด้วยความแปลกใจ

น้ำใสกำลังเปิดรายละเอียดโครงการประมูลดาวเทียมดวงใหม่ให้เอกวีร์ดู สีหน้าเธอจริงจัง
“จากหลักฐานที่เราได้มา รองจักรมีเครือข่ายเกี่ยวข้องกับการทุจริตประมูลครั้งใหม่แน่นอน"
“เก็บหลักฐานไว้ให้ดี ทำสกู๊ปนี้แล้วรายงานด่วนช่วงหัวค่ำได้เลย”
“หมายความว่า บ.ก.อนุมัติให้ฉันทำสกู๊ปเรื่องนี้ใช่มั้ยคะ”
“ตราบใดที่เธอยังมีหลักฐาน เก็บหลักฐานชิ้นนี้ไว้ให้ดี ไม่งั้นเราโดนฟ้องกลับแน่”
“ฉันจะเก็บไว้อย่างดีที่สุดค่ะ”
เอกวีร์ยิ้มพอใจแล้วเดินออกไป
น้ำใสรัวนิ้วลงที่คอมพิวเตอร์ แฟลชไดร์ฟที่คมศรให้นั้น เธอเสียบอยู่ที่เครื่องคอมฯ
น้ำใสเดินออกมาจากห้องตัวเอง แล้วเดินไปตามทางเดิน ดาหลายืนหลบอยู่ มองตามน้ำใสออกไป
ดาหลารัวนิ้วลงบนคอมพิวเตอร์ของน้ำใส ตัวอักษร “Virus Transfer…” ปรากฏที่หน้าจอ
ดาหลาค้นโต๊ะน้ำใสกระจุยจนเจอแฟลชไดร์ฟ เธอหักทิ้งกระจุย ที่หน้าจอคอมฯ เห็นตัวหนังสือ “Completed !!!” พร้อมๆ กับประกายไฟลุก ไฟฟ้าลัดวงจรพรึ่บ !
ดาหลายิ้มพอใจ เดินออกไป

ในเวลาต่อมา น้ำใสยืนไม่พอใจภายในห้องตัดต่อ เจ้าหน้าที่ รปภ. ต่างพยายามค้นหาหลักฐาน เอกวีร์เดินเข้ามา
“พวกมันได้อะไรไปมั้ย”
“หลักฐานทั้งหมดที่เราจะใช้แฉคดีทุจริต ไม่เหลือเลยค่ะ”
“หมายความว่า”
“เราเล่นงานรองจักรไม่ได้แล้วค่ะ”
น้ำใสไม่พอใจถอนหายใจออกมา เอกวีร์มองดูแล้วนึกรู้ แล้วแตะที่ไหล่เธอเป็นทำนองเห็นใจ
“คุณทำดีที่สุดแล้วน้ำใส”
“แต่ยังดีไม่พอ... ถึงทำอะไรมันไม่ได้”
น้ำใสไม่พอใจ เอกวีร์มองอย่างเห็นใจ


จ่าสมิงกำลังเลือกล็อตเตอรี่ที่มุมหนึ่ง...ห่างไปจากร้านอาหารตามสั่งหน้าสำนักงานสืบฯพอประมาณ
แสงกล้ากินน้ำ รอฟังเรื่องราวจากดาบแหบและจ่าหวานที่กำลังนั่งกินข้าว อาหารวางเต็มโต๊ะ
“อย่าให้ผมเล่าเรื่องมันเลยหมวด จะหาว่านินทา” ดาบแหบว่า
“ใช่...พวกผมยึดคติ ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนายไม่ขายเพื่อน” จ่าหวานบอก
“งั้นมื้อนี้จ่ากับดาบจ่ายเอง”
แสงกล้าจะลุกไป แต่ดาบแหบและจ่าหวานคว้าตัวให้นั่ง
“สำหรับหมวดถือเป็นข้อยกเว้น...ไอ้หมิงเนี่ยนะ มันเป็นคนเลี้ยงผี!” ดาบแหบบอก
แสงกล้ากำลังจ้องไปที่จ่าสมิง โดยมีดาบแหบกับจ่าหวานกำลังพากษ์อยู่
“เลี้ยงผี เหมือนที่ฉันกำลังเลี้ยงพวกจ่ากับดาบเหรอ”
“ไม่ใช่ ! หมวดไม่สังเกตเหรอ ต่อให้อยู่ในภาวะเสี่ยงตาย ไอ้หมิงก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง"
“มีอยู่ครั้งนึง ออกสายตรวจกับมัน เจอพวกคลั่งยาอาละวาด”
“ไอ้คลั่งคว้ามีดสปาต้า ฟันดะไม่เลือกหน้า ตำรวจโดนลูกหลงเจ็บกันระนาว” จ่าหวานบอก
“แต่ไอ้หมิงเดินตรงเข้าไปหา มันฟันเข้าเต็ม ๆ ฉับ ๆ ๆ แต่ไม่โดนสักดอก ไอ้หมิงไม่ได้หลบด้วย แต่ฟันยังไงก็ไม่โดน" ดาบแหบบอก
“เพราะมันเลี้ยงผี ผีจับมือไอ้บ้าให้ฟันพลาด” ดาบแหบบอก
“ไม่ใช่หรอก คนเมายามันก็ฟันมั่วไม่เกี่ยวกับเลี้ยงผี” แสงกล้ายืนยัน
“ไอ้หมิงเลี้ยงผีจริงๆ ผมกล้าสาบานต่อหน้าผัดกระเพรานี่เลย” จ่าหวานบอก
“ถึงไม่เห็นด้วยตาก็สัมผัสได้ด้วยใจ พูดแล้วขนลุกซู่” ดาบแหบบอก
“นอกจากนั้นนะ สมิงยังเป็นพวกกินนาย” จ่าหวานว่า
“ยังไง”
“มันทำงานให้ใคร เจ้านายตายเรียบ” ดาบแหบบอก

ดาบแหบเล่าต่อ
“ครั้งหนึ่งเราไล่ตามจับพวกโจรลักรถ ไอ้หมิงทำใจกล้าเดินเข้าไปเจรจา พวกโจรมันระดมยิงปืนใส่"
ภาพคราวนั้น โจรลักรถระดมยิงเข้าใส่สมิง แต่สมิงกระโดดหลบแบบเว่อร์ ๆ
“สมิงหลบได้ แต่กระสุนพุ่งเข้าใส่หัวหน้าเต็ม ๆ” จ่าหวานบอก
หัวหน้าหน่วย ล้มกองอยู่ด้านหลังสมิง
“มันบังเอิญน่า” แสงกล้าบอก
“จะบังเอิญทุกครั้งได้ไง”
จ่าหวานเล่าต่อ
“อีกครั้ง สมิงนั่งดูดโอเลี้ยงจ๊วบ ๆ ไอ้มืดติดคุกเพราะถูกสมิงจับ คิดแก้แค้นบุกมายิงถล่ม"
-ไอ้มืดโผล่ออกมายิงกระหน่ำเข้าใส่ สมิงบังเอิญก้มลงผูกเชือกรองเท้า กระสุนโดนนายตายคาที่อีกเช่นกัน
“นี่ โต๊ะตัวนี้เลย ไอ้หมิงรอดปลอดภัย เจ้านายตาย มันกินเป็นคนกินนาย!” ดาบแหบบอก
ดาบแหบพูดจบก็เจอสมิงยืนอยู่ที่โต๊ะ
“กินน้ำเยอะ ปวดฉี่ไปก่อนครับหมวด”
“บังเอิญจริง ๆ ปวดเหมือนกัน ไปด้วย”
ดาบแหบและจ่าหวานรีบชิ่งหนีไปทันที
จ่าสมิงถือล๊อตเตอรี่แล้วฉีกแยกเป็นสองใบเล็กส่งให้แสงกล้า
“ผมแบ่งให้ครึ่งนึงจะได้โชคดีร่วมกัน หมวดเป็นนายผม”
แสงกล้ารู้สึกหวั่นในใจ สะดุ้ง แม้ไม่เชื่อสิ่งที่ดาบแหบและจ่าหวานเล่าก็รู้สึกเกรงๆ
“เก็บไว้เถอะ ไม่ต้องคิดว่าเป็นหัวหน้าเป็นลูกน้องหรอก ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน”
จ่าสมิงรับล็อตเตอร์รี่คืน แล้วยิ้มให้แสงกล้า

เย็นวันเดียวกัน พญ. แพรไพลิน นวิยากุลยืนมองบ้านของเธอที่จากไปนานก่อนเดินก้าวเข้าไปในบ้าน เพชรแท้ยืนรอและอ้าแขนรอให้ลูกสาวเข้ามาโอบกอด
“แพร... แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน ขอแม่กอดให้ชื่นใจหน่อย"
เพชรแท้จะเข้ามาโอบกอดลูกสาว แต่แพรไพลินถอยห่าง
“ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“จ้ะ แล้วเย็นนี้เราจะได้ออกไปทานอาหารด้วยกัน”
แพรไพลินเดินขึ้นไปบนห้องของเธอ เพชรแท้ยืนมองด้วยความปลื้มใจที่ลูกสาวยอมกลับมาบ้าน

แพรไพลินเดินเข้ามาในห้องนอน มองสภาพภายในห้องที่ยังคงทุกอย่างไว้ เหมือนตอนที่เธออยู่ เธอเดินเข้ามาจับตุ๊กตาที่เป็นของรักของหวงของเธอ... เพชรแท้เดินเข้ามาในห้อง
“แม่สั่งเก็บของให้เหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะรู้ว่าลูกไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับของส่วนตัว”
“ขอบคุณค่ะ”
“กลับมาอยู่กับแม่ได้มั้ย”
“อยู่ข้างนอกสะดวกกว่า ใกล้ที่ทำงานด้วย”
“แต่แม่เป็นห่วง ฟังข่าวเรื่องโจรบุกเข้าไปบ้านแพรแล้วใจคอไม่ดีเลย งานที่เนติเทคฯมันอันตราย ออกมาทำงานกับแม่เถอะ"
แพรไพลินมองเพชรแท้นิดหนึ่ง เพชรแท้ชะงักไปทันทีไม่พูดต่อ เหมือนรู้ว่าจะทำให้แพรไม่พอใจ
เพชรแท้เข้ามานั่งที่เตียงนอนแล้วระบายความรู้สึก พร้อมกับเอามือลูบผ้าปูนอนบนเตียง
“แม่จะไม่ห้ามลูกแล้ว ลูกจะทำอะไรแม่ก็ยินดี แต่ขออย่างเดียวหาเวลากลับมาที่บ้านบ้าง ครอบครัวเราเหลือกันอยู่แค่สองคน ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน แม่อยากจะอยู่ดูแลลูกให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้"
เพชรแท้นั่งน้ำตาคลอที่เตียง แพรไพลินเข้ามาหา เธอจ้องหน้าเพชรแท้เหมือนกำลังพยายามค้นหาความจริง ก่อนส่งผ้าเช็ดผ้าให้เพชรแท้
“แม่เหงา ยิ่งนึกถึงวันที่ลูกเคยอยู่ที่นี่ ยิ่งทำให้แม่เสียใจที่ไม่เคยฟังลูกเลย”
แพรไพลินมองเพชรแท้ ยังไม่ค่อยปักใจเชื่อคำพูดเพชรแท้นัก แต่ก็ใช้คำพูดที่อ่อนลง
“คุณแม่คะ แพรขอโทษที่ทำให้คุณแม่เสียใจ แพรสัญญาว่าจะหาเวลากลับมาหาคุณแม่ให้บ่อยขึ้น"
“แพร...แม่รักลูกมากนะ”
เพชรแท้โผเข้ากอดแพรไพลินด้วยความดีใจ แล้วก็รีบเช็ดน้ำตา
“ใกล้จะถึงเวลาทานข้าวแล้ว ลูกไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวแม่จะไปรอข้างล่าง”
“ค่ะ”
เพชรแท้รีบออกไปจากห้อง แพรไพลินรู้สึกดีขึ้นเพราะเหมือนจะมีโอกาสปรับความเข้าใจกับเพชรแท้ได้มากขึ้น

ผ่านเวลามาเล็กน้อย เพชรแท้ยืนรอ แพรไพลินแต่งชุดสวยเดินลงมาบันไดมา
“ชุดนี้สวยมากลูก”
“ไปกันเถอะค่ะ”
เพชรแท้ ชะเง้อมองไปทางด้านหน้าบอก
“เดี๋ยวก่อนลูก รออีกหน่อย”
“รอใครคะ ก็เราจะไปทานกันสองคนไม่ใช่เหรอคะ”
เสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน
“มาถึงแล้วล่ะ”
เพชรแท้ออกไปต้อนรับใครบางคนที่หน้าบ้าน แพรไพลินแปลกใจว่าเพชรแท้นัดใครไว้

จักร อมตฤธาเดินเข้ามาในบ้าน เพชรแท้เข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณอา”
“น้องแต่งตัวเสร็จแล้ว พร้อมจะไปแล้วค่ะ”
“แพรไม่ไปค่ะ” แพรไพลินโพล่งขึ้น
“ลูกแพร ทำไมพูดอย่างนั้น”

แพรไพลินเดินออกมามองจักรด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร เพราะเธอไม่ชอบจักรและรู้ว่าเป็นคนร้ายกาจเพียงใด
“สวัสดีค่ะ คงไม่เสียมารยาทนะคะที่จะปฎิเสธ เพราะคุณแม่ไม่ได้บอกว่าจะมีคนนอกครอบครัวไปด้วย"
“แหม.. คนอื่นคนไกลที่ไหน รู้จักมักคุ้นกันมานานแล้ว”
“ไม่ได้เจอแพรมานานหลายเดือนเลย ไป ๆ วันนี้พี่มีเรื่องสำคัญจะปรึกษา”
“แต่ฉันไม่สะดวกใจ ที่คือเหตุผลที่คุณแม่ทำดีกับแพรใช่มั้ยคะ” แพรไพลินบอกแล้วหันมาถามเพชรแท้
“แพร”
“ในเมื่อคุณแม่ทำกับแพรแบบนี้ คงไม่ใจร้ายเกินไปที่แพรจะขอตัวกลับบ้าน”
แพรไพลินจะเดินออกไป
“ใจเย็น ๆ สิครับ น้องแพรก็รู้ว่า เราเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมาตั้งแต่เล็ก ทานข้าวกับพี่สักมื้อจะเป็นอะไรไป"
“ไม่ค่ะ”
จักรยิ้มให้แพรไพลินเหมือนจริงใจ เธอจ้องตอบแล้วชะงักไปทันที เธอนิ่วหน้า คล้ายได้รับคลื่นอะไรบางอย่างเอามือจับศีรษะ
“รีบไปกันดีกว่าครับคุณอา ผมจองห้องอาหารไว้ให้แล้ว น้องแพรคงไม่ปฏิเสธหรอกครับ ใช่มั้ยครับน้องแพร”
แพรไพลินชะงัก จักร อมตฤทธาปราดเข้ามาประคองแล้วพาเดินนำออกไปเลย เธอยอมให้จักรพาเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

ภายในห้องอาหารยุโรปหรูหราแห่งหนึ่ง ทั้งหมดกำลังทานอาหารกันอยู่ จักรลอบมองความสวยของแพรไพลินด้วยแววตาพอใจ เพชรแท้ยิ้มเมื่อเห็นแววตาของจักร
“ต่อไปคุณจักรคงต้องแวะมาที่บ้านอาบ่อยขึ้น จะได้สนิทสนมกับน้องแพรมากกว่านี้ ครอบครัวของเรายังมีเรื่องที่ต้องทำร่วมกันอีกเยอะ ทั้งเรื่องธุรกิจ ทั้งเรื่องส่วนตัว"
จักรหันไปมองเพชรแท้อย่างเข้าใจความหมายที่แฝงเร้นในคำพูดนี้
“คุณอาคงหมายถึงสัปทานดาวเทียมดวงใหม่”
เพชรแท้แกล้งหัวเราะ
“ฮะ ๆ พูดตรงแบบนี้เลยเหรอคะคุณจักร”
“ผมเป็นคนตรงไปตรงมา”
แพรไพลินมีท่าทางอึดอัด แต่พยายามสะบัดศีรษะตลอดเวลาเหมือนพยายามควบคุมตัวเองอยู่
“คุณอาบอกน้องแพรเรื่องงานสำคัญของเรารึยัง”
“งานอะไรคะ” แพรไพลินถามเพชรแท้
“งานแสดงมงกุฏเพชรมิสเวิลด์แปซิฟิก น้องแพรคงช่วยเป็นนางแบบให้พี่ได้ใช่มั้ย” จักรว่า
“เป็นคำขอร้องหรือคำสั่งคะ”
“พี่รับปากกับเจ้าของงานแล้วว่า น้องแพรจะให้เกียรติมาเดินแบบฟินาเล่”
“คิดอะไร ไม่ถามฉันสักคำ”
“มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ลูก อย่าทำให้พี่จักรเสียชื่อสิ แม่เองก็เป็นกรรมการจัดงานนี้ด้วย"
“ถือว่าเป็นคำขอร้องจากพี่นะครับ”
จักรรอคอยคำตอบจากแพรไพลิน เธอมองจักรแล้วสะบัดหน้าเหมือนเรียกสติตัวเอง
“ไม่ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
แพรไพลินตัดสินใจเดินออกไปทันที จักรรีบลุกเดินตามออกไป

บริเวณสวนของร้านอาหาร วิญญูนั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมมืด ส่งสายตาเพ่งมองไปยังด้านในร้าน
ที่บริเวณประตูทางออกมายังสวนของร้านฯ แพรไพลินเปิดประตูเดินออกมา เหมือนกำลังจะเดินออกไป แต่ต้องหยุดชะงัก เพราะถูกบังคับให้หยุด...
แพรไพลินแปลกใจพยายามจะฝืนเดินต่อไป กระแสลมพัดมาวูบหนึ่ง ผมสลวยของแพรไพลินพัดไปตามแรงลม เผยให้เห็นลูกสะกดที่ท้ายทอยของแพรไพลิน
วิญญูจ้องเพ่งมองไปยังบริเวณที่แพรไพลินยืนอยู่และใช้พลังบังคับจิตใจ
จักรเดินตามแพรไพลินออกมา แล้วจู่ ๆ แพรไพลินก็หันกลับมาหาจักร
“ได้ค่ะ ฉันจะเดินแบบให้พี่จักร”
“อะไรนะครับ”
“ตกลงค่ะ ฉันจะเดินแบบในงานแสดงมงกุฏเพชร”
เพชรแท้ที่เดินตามออกมาได้ยินเข้าก็ยินดีและยิ้มกับจักร
“ถือเป็นข่าวดีที่สุดเลย”
“ขอบใจน้องแพรมากนะครับ”
“เอ้อ.. ขอตัวไปล้างหน้าก่อนนะคะ จู่ ๆ ก็รู้สึกมึนศีรษะ”
แพรไพลินเดินออกไปด้วยความแปลกใจที่ตกลงรับปากได้ยังไง

แพรไพลินจะเดินไปที่ห้องน้ำ เดินผ่านวิญูญูที่นั่งอยู่ในมุมมืด เธอหันไปมองวิญูญู รู้สึกเหมือนคนเคยเห็น ...
แพรไพลินมองดวงตาของวิญูญูเหมือนคุ้นเคย วิญญูยิ้มให้ และพอใจกับผลงานที่สามารถบังคับแพรไพลินได้

บนท้องถนน แสงกล้าขับรถและหันไปมองจ่าสมิงที่กำลังนั่งส่องพระเครื่องอยู่โดยใช้แสงภายในรถ
แสงกล้าตัดสินใจถามสมิงในเรื่องที่คาใจ
“จ่า”
“อะไรหมวดอ่อนด๋อย”
“ทำไมโดนคมแฝกตีแล้วไม่เป็นไร”
“ไม้มันโดนปลวกกิน ตีใครก็ไม่เป็นไรทั้งนั้นแหละ”
“แล้วที่ยิงกระสุนนัดนั้นล่ะ ทำไมมันแม่นอย่างนั้น”
“ฮึ ๆ ผีผลักมั้ง”
แสงกล้ามองจ่าสมิงอย่างอึ้ง ๆ ไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เขาบอก
จ่าสมิงหัวเราะ
“ฮึ ๆ คนเรามันฟลุ๊คกันได้น่า แต่จำไว้นะหมวด คนดีน่ะผีคุ้ม ทำดีให้เยอะๆ พูดดีทำดีคิดดีแล้วจะได้ดี"

จ่าสมิงมองแสงกล้าอย่างพินิจพิเคราะห์บ้าง
“มองผมทำไม” แสงกล้า
“หมวดเกิดที่ไหน”
“ไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่หรอกน่า”
“รู้แล้ว พ่อหมวดชื่ออะไร”
“ไม่รู้”
“แม่ล่ะชื่ออะไร”
“ไม่รู้!”
“บอกหน่อยน่า ผมไม่เอาชื่อพ่อแม่มาล้อหรอก”
“บอกว่าไม่รู้ก็ไม่รู้สิ!”
แสงกล้าไม่อยากตอบ เร่งเครื่องขับแรงจนสมิงหงายหลังจนต้องรีบคาดเข็มขัดนิรภัยเกาะรถไว้แน่น

ภายในห้องน้ำ แพรไพลินล้างหน้าตัวเอง เอาผ้าเช็ด พยายามนึกเหตุการณ์ที่ตกปากรับคำจักร
“ไปรับปากได้ไง ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากจะทำ”
แพรไพลินคิดถึงที่เมื่อสักครู่เดินผ่านวิญญู
แพรไพลินนิ่วหน้า ครุ่นคิดพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น”
แพรไพลินหุนหันตั้งใจจะกลับไปที่ทาวน์โฮมเพื่อค้นหาความจริง


ทาวน์โฮมแพรไพลิน ในเวลากลางคืน เธอเดินไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาหลักฐานเมื่อคืนวันก่อน ภาพที่แพรไพลินเห็นควันออกมาจากช่องประตูด้านล่าง เธอก้าวเข้าไปนั่งแทบพื้นตรวจหาหลักฐานพบคราบสารบางอย่างติดอยู่บริเวณกระจกข้างประตู เธอใช้อุปกรณ์ค่อย ๆ ขูดคราบสารนั้น ลงมายังแผ่นกระจกเพื่อจะวิเคราะห์
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในทาวน์โฮมแพรไพลินและปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา
ภายในห้องทำงาน พญ. แพรไพลิน นวืยากุลกำลังทำการทดสอบ ส่องตัวอย่างสารฯ ผ่านกล้องทันสมัย และหันเอาผลมาวิเคราะห์ในคอมพิวเตอร์
เท้าชายนิรนามผู้นั้นเดินเข้ามายังกลางบ้าน แล้วก็หยุดหันไปยังทิศทางของห้องทำงาน
แพรไพลินกำลังจะได้ผลการตรวจสาร แต่รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาในห้อง เธอตกใจหันไปเปิดลิ้นชักหยิบปืนเล็กขึ้นมา
ประตูห้องเปิดออก แพรไพลินเหวี่ยงปืนออกไป
“ผมเอง !”
แต่ช้าไปแล้ว แพรไพลินเหนี่ยวไกปืนยิงออกไป.. เปรี้ยง ! แสงกล้ายืนนิ่งล้มลงไป
“คุณ !”
แพรไพลินวิ่งเข้ามาดูอาการแสงกล้า
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
แสงกล้าแกล้งนอนสิ้นใจในอ้อมกอดของแพรไพลิน
“ผมตั้งใจจะมาดูแลคุณ แต่คุณกลับฆ่าผม”
แพรไพลินตกใจแล้วก็รู้สึกถึงความผิดปกติเพราะรับรู้ว่าชีพจรของแสงกล้ายังเต้นปกติ เธออมยิ้มอย่างรู้ทัน เธอเอาร่างแสงกล้านอนลงกับพื้น
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
แพรไพลินคว้าเอาเหยือกน้ำมาสาดใส่หน้า แสงกล้าสำลักน้ำ เปียกไปหมดทั้งตัว ร้องโวยวาย
“เฮ้ย ๆ ๆ ทำอะไรเนี่ย ไม่เห็นใจคนตายรึไง”
“คุณตาย ฉันก็รดน้ำศพให้ไง”
“เดี๋ยวผมก็ได้ตายจริงหรอก”
“เอ้า คนตายลุกขึ้นมาโวยวายได้เหรอ”
“น้องไพลิน... จงใจแกล้งพี่”
“ก็แกล้งทำเป็นตายทำไมล่ะ”
“แต่พี่ตกใจแล้วก็เจ็บด้วย ดูสิรอยกระสุนถากเนี่ย...เลือด”
“เอาเลือดชั่วออกบ้างก็ดี”
“เป็นถึงหมอพูดงี้ได้ไง ไม่มีจรรยาแพทย์ น้องต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นพี่จะฟ้องแพทยสภา"
“ฉันก็จะฟ้องหัวหน้าคุณ ว่าคุณบุกรุกยามวิกาล”
“มนุษยธรรมมีบ้างมั้ย ปล่อยให้คนไข้ยืนรอความตายตรงหน้ารึไง โอย”

ที่มุมหนึ่ง แพรไพลินเข้ามาทำแผลให้แสงกล้า
“เบา ๆ พี่เจ็บ”
“เลิกเรียกตัวเองว่าพี่ซะที ฉันจะอ้วก”
“หมอแพ้ท้องเหรอ”
“เดี๋ยวโดน” แพรไพลินพูดแล้วจงใจขยี้แผล
“โอ๊ย...เจ็บ”
“ก็เลิกเรียกพี่ได้แล้ว ฉันไม่มีวันเป็นน้องพวกทำตัวกร่าง..ใจนักเลง แต่ไม่มีความอดทน สู้ผู้หญิงไม่ได้”
“ใครบอก ผู้ชายแข็งแกร่งอึดกว่าผู้หญิง”
“ตามงานวิจัย ถ้าให้ผู้ชายตั้งท้องแล้วคลอดลูกแทนผู้หญิงได้ ผู้ชายจะขาดใจตายไปซะก่อน”
“จริงเหรอ”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น อยู่นิ่ง ๆ”
แพรไพลินเข้ามาทำแผนที่คิ้วทำให้หน้าทั้งคู่ใกล้ชิดกัน เขารู้สึกประหลาดในใจ เคลิ้มโดยไม่รู้ตัว เธอหันมามองสบตากับเขา และรีบเก็บอุปกรณ์พยาบาลเดินไปเก็บที่ชั้นวางของทันที

แพรไพลินเก็บของเสร็จ เดินเข้ามาที่เดิม
“ทำแผลเสร็จแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว”
แพรไพลินแปลกใจที่ไม่เห็นแสงกล้า
“กลับไปแล้วเหรอ”
“ครีมเทียมอยู่ไหน”
แพรไพลินหันไปเห็นแสงกล้าถอดเสื้อ แล้วถือถ้วยกาแฟที่มุมหนึ่งของบ้าน
“ถอดเสื้อทำไม”
“ก็น้องทำเสื้อพี่เปียก พี่ไม่อยากเป็นปอดบวม”
“บอกว่าให้เลิกเรียกฉันว่าน้องได้แล้ว ฉันไม่ชอบ”
“พี่มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ เพราะน้องไพลินคิดฆ่าพี่”

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 3

แสงกล้านั่งดื่มกาแฟเหมือนเป็นบ้านของเขาเอง
“มาทำไม ต้องการอะไร”
“เป็นห่วง”
“อะไรนะ”
“เป็นห่วง กลัวน้องโดนจอมโจรชุดดำขืนใจ เดี๋ยวไม่มีคนช่วยถ่ายคลิป”
“ลามก..เอาพื้นที่ในสมองไว้เก็บสิ่งที่สร้างสรรค์บ้างเถอะ”
แสงกล้าหันมาพูดจริงจังมากขึ้น
“คุณไปทำอะไร ทำไมถึงถูกไอ้นั่นบุกมาเล่นงาน ผมเคยปะทะกับมันมาแล้ว เหมือนมันเล่นอาคม ฆ่าไม่ตาย”
“งมงาย”
“ผมก็ไม่เชื่อ แต่บางเรื่องก็เกินจะหาเหตุผล คืนนั้นคุณจำอะไรไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ”
“ใครว่าไม่มีเหตุผล มันก็แค่ใช้สารไตรคลอโรเอทิลีน”
“สารพิษ”
“สารชนิดนี้มีฤทธิ์กดประสาททำให้เมาเคลิ้ม ในอดีตเคยใช้สารนี้เป็นยาสลบในการผ่าตัด เพราะมีฤทธิ์กดประสาทรุนแรง แต่ปัจจุบันเลิกใช้ไปแล้วเพราะมีอันตรายมาก"
แพรไพลินมีสีหน้ามั่นใจในตัวเองสูง
“ไม่มีเวทมนตร์...หลักการทางวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ”
“ก็ดี แล้วรู้จักไอ้โจรนั่นรึเปล่า”
“ถ้าเป็นญาติ คงไม่มาทำร้ายกันหรอก”
“ของก็ไม่หาย งั้นมันคงมาปล้นสวาท” แสงกล้าแกล้งยั่ว
“ทะลึ่ง คุณกลับไปได้แล้ว”
แสงกล้าชูถ้วยกาแฟที่มีกาแฟเหลืออยู่
“พี่ยังดื่มไม่หมดแก้วเลย”
แพรไพลินคว้าถ้วยกาแฟแล้วเทลงใส่กระถางต้นไม้ ชูถ้วยกาแฟ
“หมดแก้วแล้ว เชิญ”

แพรไพลินผลักแสงกล้าให้ออกไปจากบ้าน แต่เขาพยายามยื้อไว้
“คุณกลับไปได้แล้ว”
แพรไพลินผลักแสงกล้าแสงกล้ายื้อไว้ทำให้ทั้งสองเซล้มกลางห้อง ทั้งสองอึ้งมองหน้ากัน
“หิวน้ำ ขอกินน้ำหน่อย”
จ่าสมิงเดินเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดี แล้วเสียงดังลั่น
“โอ๊ะ..โฮ๊ะ.. โฮ๊ะขอโทษมาผิดจังหวะ ลาก่อน”
แพรไพลินและแสงกล้ารีบลุกขึ้น
“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ” แพรไพลินกับแสงกล้าพูดขึ้นพร้อมกัน
“พยายามจะไม่คิด แต่ภาพมันฟ้อง”
“จ่าเข้ามาทำไม”
“ก็ผมง่วงแล้ว หมวดบอกว่าเข้ามาแป๊บเดียว แต่ดูท่าแล้วจะอีกนานเพราะตอนนี้ถอดแค่เสื้อ แหะ ๆ ผมกลับเองดีกว่า”
“ฉันจะกลับแล้ว”
แพรไพลินส่งเสื้อให้แสงกล้า
“เสื้อ”
“แน่ะ ๆ ๆ เป็นห่วงเป็นใยกันด้วย ผมกลับก่อนนะครับคุณหมอ ผมเป็นลูกน้องหมวด เราคงได้เจอกันอีก"
จ่าสมิงยื่นมือให้แพรไพลินจับ เธอจับมือรักษามารยาท
สมิงจับมือแล้วนิ่งอึ้ง รับรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติในร่างกายของแพรไพลิน
แพรไพลินและแสงกล้าแปลกใจที่สมิงไม่ปล่อยมือ
“ปล่อยมือได้แล้ว”
สมิงรู้สึกตัวหันมายิ้มให้แพรไพลิน
“มือนิ่มนะครับ สวัสดีครับ”
จ่าสมิงยกมือไหว้ แพรไพลินตกใจรีบรับไหว้ สมิงเดินออกไป
“ผมกลับแล้ว ถ้าอยากได้คนถ่ายคลิป โทรตามผมได้”
แพรไพลินหมั่นไส้ คว้าของใกล้ตัวปาใส่แสงกล้า แสงกล้าวิ่งออกไป

แสงกล้าเดินมาที่รถ แล้วโวยวายใส่จ่าสมิง
“อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ ไม่งั้นคุณหมอจะเสียหาย แล้วมันก็ไม่ใช่อย่างที่จ่าคิดด้วย"
แสงกล้ารอฟังคำตอบจากจ่าสมิง แต่ไม่มีเสียงตอบ
“สมิง”
แสงกล้ามองไปในรถไม่พบสมิง แล้วก็ไม่เห็นอยู่บริเวณนั้น แสงกล้ามองรอบตัว.. งงที่จ่าสมิงหายตัวไป
ภายในห้อง สมิงรื้อหาตำราโบราณมากมาย เล่มไหนไม่เจอ ไม่ใช่ก็โยนทิ้ง จนจอเล่มหนึ่ง เขาหยิบมาปัดฝุ่น จ่าสมิงคิดทำอะไรบางอย่าง ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและจริงจังกว่าที่เคยแกล้งบ้า ๆ บอ ๆ

ภายในห้องตัดต่อ เวลาเดียวกัน น้ำใสกำลังค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แล้วนิ่วหน้า
“โครงการตัดถนน 8 เลนเข้าอุทยานแห่งชาติ นำเสนอเข้าที่ประชุม รมต.ในขณะนายกเมฆาไปเยือนสิงคโปร์ นี่มันกล้าทำกันขนาดนี้เลยเหรอ”
น้ำใสรีบกดโทรศัพท์มือถือติดต่อไปยังคมศร
“ท่านเลขาฯ ออกมาพบฉันด่วน มีเรื่องสำคัญจะแจ้งค่ะ”

น้ำใสส่งแฟ้มเอกสารให้คมศรปึกใหญ่ คมศรรับมาแล้วทำหน้างงๆ
“รายละเอียดโครงการทุจริตของรองจักร เท่าที่สายข่าวของฉันรวบรวมมาได้ล่าสุด โครงการแรก... จะเซ็นอนุมัติพรุ่งนี้”
“คุณได้ข่าวมาจากไหน”
“สายข่าวของฉันค่ะ ในเมื่อเราตกลงว่าจะร่วมมือกันแฉความเลวของรองจักร ฉันจะส่งข่าวให้คุณทันทีที่รู้ เช่นเดียวกับคุณที่จะส่งข้อมูลให้ฉันทำข่าว”
“แล้วเรื่องทุจริตโครงการดาวเทียม ผมยังไม่เห็นสกู๊ปของสกายนิวส์ฯ เลย”
น้ำใสอึกอักอย่างรู้สึกผิด
“เกิดความผิดพลาดเล็กน้อยค่ะ”
“ผิดพลาด”
“ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย คนของรองจักรรู้ทัน...บุกเข้ามาชิงหลักฐานทั้งหมดไป สกายนิวส์ไม่สามารถรายงานสกู๊ปได้ ถ้าหลักฐานไม่เพียงพอ”
“นี่เป็นสาเหตุที่คุณส่งหลักฐานให้ผมเป็นแฟ้มใช่มั้ย เพื่อป้องกันการถูกทำลายแฟลชไดร์ฟหรือข้อมูลทางคอมพิวเตอร์”
น้ำใสยิ้มๆบอก
“สูงสุดคืนสู่สามัญค่ะ ท่านเลขาฯอย่าลืมทำสำเนาไว้หลายๆ ชุดนะคะ”
คมศรพลิกแฟ้มดู
“รอบคอบดีมาก ผมจะรีบแจ้งท่านเมฆาเลย”
“คงต้องเร่งหน่อยนะคะ เท่าที่ทราบ จะเซ็นอนุมัติกันพรุ่งนี้แล้ว”
คมศรพยักหน้ารับรู้และเปิดแฟ้มดูต่อไป น้ำใสจ้องหน้าคมศรที่กำลังอ่านแฟ้มด้วยสายตาชื่นชมโดยไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้น เวลากลางวัน จักร อมตฤทธาเซ็นอนุมัติโครงการการคมนาคมโปรเจกต์พันล้าน พร้อม ๆ กับการพูดโทรศัพท์มือถือ
“ถ้าคุณง่ายกับผม ทุกอย่างมันก็จะง่ายไปหมดแบบนี้แหละ เซ็นอนุมัติโปรเจกต์ให้แล้ว ขอบใจมากสำหรับเงินโอนเข้าบัญชี ฮึ ๆ"
จักรวางหูโทรศัพท์ปิดแฟ้มวางลงบนโต๊ะ
คมศรผลักประตูห้องเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู ดร.เมฆา ฐานรัฐเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของจักร
“ท่านนายก.. จะมาแสดงความยินดีกับโปรเจกต์ใหม่ของผมเหรอ หรือมาขอส่วนแบ่ง”
เมฆาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดึงเอกสารอนุมัติออกแล้วฉีกทิ้ง จักรโกรธมาก
“ดอกเตอร์ทำอะไร”
“ทำเรื่องที่ถูกต้อง”
“รู้จักให้เกียรติกันบ้าง ตำแหน่งของผมก็ไม่ห่างชั้นจากดอกเตอร์นักหรอก”
“พวกโกงชาติ !ไม่สมควรจะได้รับเกียรติ ฉันไม่ยอมให้ใครแสวงหาผลประโยชน์จากภาษีประชาชน”
“ซีเรียสไปรึเปล่า ผมอนุมัติโครงการสร้างถนน เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชนของท่านนะครับ"
“ตัดถนน 8 เลนเข้าอุทยานแห่งชาติทำลายสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า มีแต่มนุษย์สมองฝ่อกว่าสัตว์เท่านั้นที่คิดได้”
จักร อมตฤทธาโกรธจัด
“ดอกเตอร์เมฆา ลืมไปแล้วรึว่าที่มาอยู่ในจุดนี้ได้เพราะการสนับสนุนของใคร”
“จะให้เงินสนับสนุนพรรคเท่าไหร่ฉันไม่สน เพราะฉันไม่เคยเอาเงินบาปมาใช้”
“อุดมการณ์สูงส่งซะจริง ๆ แต่อย่าลืม ต้นไม้ใหญ่จะอยู่ได้ต้องมีท่อน้ำเลี้ยงที่ใหญ่และแข็งแรง"
“ท่อน้ำเลี้ยงของดอกเตอร์เมฆาคือศรัทธาของประชาชน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของประชาชน"
“โง่สิ้นดี”
“อะไรนะ”
“มีอำนาจ แต่ไม่รู้จักใช้อำนาจ ไม่เรียกว่าโง่ แล้วจะเรียกอะไร”
“เรียกว่า คน” ! ถ้ายังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า คน ความดี ศีลธรรม และคุณธรรมอย่าเล่นการเมือง ! เพราะมันจะทำให้สภาสกปรกประเทศชาติล่มจม”
ดร. เมฆา ฐานรัฐเดินออกไปจากห้อง คมศรเดินตามไป จักรมองด้วยความโกรธและเกลียดเมฆามาก

ทางเดินภายในพรรคไทธิวัตถ์ ดร. เมฆาเดินนำ คมศรเดินตามพร้อมไอแพดส่วนตัวและกำลังดูข้อมูลทั้งหมด
“มีรายงานว่ายังมีโปรเจกต์ย่อยอีกหลายสิบชิ้น ที่รองจักรรวบมาดูแลเองและจะเซ็นอนุมัติเร็ว ๆ นี้ รวม ๆ กันแล้ว งบประมาณหลายพันล้านครับ"
“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะโครงการเล็กแค่ไหน ต้องให้ฉันรับรู้ทุกเรื่อง”
“ครับท่าน”
เมฆาเดินออกไป

ในเวลาต่อมา จักรเดินโวยวายเสียงดังลั่นอยู่ในบ้าน
“ไอ้เมฆาหักหน้าฉัน มันคิดขัดขวางเส้นทางทำเงินของฉัน แกต้องจัดการมันซะ”
วิญญูมองจักรด้วยแววตานิ่ง ๆ ในใจไม่พอใจในความโฉ่งฉ่างของจักร ตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกทาง
จักรยิ่งโกรธตะโกนไล่หลัง
“ไม่ได้ยินรึไง ฉันบอกให้แกไปฆ่ามัน”

วิญญูเดินตรงเข้ามายังโถงพิธีกรรม มองและแตะตรีศูลวัชระวางอยู่กลางห้องอย่างชื่นชม เขาเดินตรงไปที่อีกมุมหนึ่ง หล่อสังข์ไชยมงคลที่ถูกสั่งทำขึ้นใหม่อย่างเหมือนตัวจริงวางอยู่ เขาเดินมองดูรอบๆ ด้วยความพึงพอใจ
“เมื่อเราได้เพชรยอดสังข์ฯ มาประดับบนสังข์ไชยมงคลจำลอง อำนาจคุณไสยฯ ของสังข์ไชยมงคลก็จะครบถ้วน และเมื่อนั้นเราจะต้องการ อนันตคทา กับ จักระนารายณ์ อีกแค่ 2 ชิ้น”
จักร อมตฤทธาตามเข้ามายืนขวางหน้าวิญญู
“อย่ามัวเสียเวลาหาของเก่าอยู่เลย ฉันต้องการให้แกสะกดไอ้เมฆาบังคับให้มันทำทุกอย่างตามที่ฉันต้องการ”
วิญญูตอบเสียงนิ่ง
“ตอนนี้ฉันทำอะไรดอกเตอร์เมฆาไม่ได้”
“มัวแต่อ้างว่ามันเป็นคนดีมีคุณธรรม ทำอะไรไม่ได้เลย ถามจริง ๆ เถอะว่าแกเป็นอะไรกันแน่ ไอ้หมอผีห่วย”
วิญญูหันขวับมาจ้องจักรเขม็งด้วยแววตาแข็งกร้าว แววตานี้ จักรนึกกลัวจึงรีบเดินหนีออกไป

จักรหัวเสียเดินออกมาจากห้องโถงพิธีกรรม
“ไอ้วิญญู ในเมื่อแกไม่ทำ ฉันจะจัดการเอง ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนดีก็ตายได้”
จักร อมตฤทธาหัวเสีย คิดกำจัดเมฆาด้วยตัวเอง

เวลาเย็นใกล้ค่ำ แสงกล้ากำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่อย่างตั้งใจในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พักหนึ่งน้ำใสวิ่งเข้ามาประกบอยู่ข้างๆ ส่งยิ้มให้แสงกล้าที่หันกลับมามอง
“น้ำใส...”
“ฉันมาตามนัด”
“นัด นัดอะไร”
“อะไร... อย่าบอกนะว่าลืม”
แสงกล้าไม่ตอบ แต่ทำหน้างงๆ แบบจำไม่ได้จริงๆ
“ทั้งปี เพื่อนอย่างฉันไม่เคยมีค่าพอให้จำใช่มั้ย”
“คงงั้นมั้ง ก็คนจำไม่ได้”
น้ำใสตบไหล่พลั่ก
“ก็บอกว่าจะพาฉันไปหัดยูโดเพื่อป้องกันตัว ลืมได้ไงเนี่ย”
แสงกล้านิ่งจำได้แล้ว ขณะที่น้ำใสดูกระเง้ากระงอด

ที่โรงยิมฯ แสงกล้ากับน้ำใสในชุดยูโด
“ต่อไปนี้ห้ามลืมแล้วนะ ต้องมาหัดให้ฉันทุกอาทิตย์”
“ถ้าว่างนะ”
“ไม่ว่างไม่ได้... ไม่ว่างต้องว่าง”
“จะเริ่มกันได้ยัง... เสียเวลา”
“ฉันรออยู่เนี่ย”
แสงกล้าเริ่มหัดให้น้ำใสรู้จักป้องกันตัวโดยใช้ยูโด น้ำใสดูเงอะงะ ในขณะที่แสงกล้าท่าทางมุ่งมั่น
น้ำใสเผลอแอบมองหน้าแสงกล้าด้วยแววตาแอบชอบ แต่พอแสงกล้าหันมามองหน้า น้ำใสกลับทำหน้าตาเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การฝึกยูโดในวันนั้น น้ำใสสามารถจับแสงกล้าทุ่มลงพื้นได้ เธอหัวเราะชอบใจมาก ยิ้มมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา

ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกเพื่อเข้าสู่ร้านอาหารหรูบนดาดฟ้า ดร.เมฆาและนภาเดินออกมาเพียงสองคน...
“วันนี้เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมท่านนายกฯถึงควงสตรีหมายเลขหนึ่งมาเพียงลำพัง ไม่มีบอดี้การ์ดและผู้ติดตาม"
“ผมอยากสร้างมาตรฐานใหม่ เพราะการเป็นนายกฯไม่ได้หมายถึงการมีอำนาจหรือเป็นอภิสิทธิ์ชน วันนี้เป็นวันพิเศษของเรา ผมอยากมีแค่คนในครอบครัว"
นภาเดินซบไหล่เมฆาด้วยความสุขใจ ดร.เมฆาเดินนำมาถึงลานโต๊ะอาหารบนดาดฟ้า.. นภามองไป เห็นบรรยากาศสุดหรูโรแมนติกทำให้นภามีความสุขมาก

นักดนตรีบรรเลงเปียโนที่มุมหนึ่งของร้าน เมฆายกเก้าอี้ให้นภานั่ง
“คุณยังไม่บอกฉันเลย โอกาสพิเศษอะไรคะ”
“ย้อนหลัง งานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของเรา คงไม่สายเกินไปใช่มั้ย”
“ความรักที่คุณมีให้ฉันมากพอที่จะทำให้ทุกอย่างไม่สาย คุณไม่เคยทำให้ฉันเสียใจค่ะ"
เมฆาจับมือนภา
“ผมเป็นผู้ชายโชคดีที่สุดในโลก ที่มีคุณเป็นภรรยา”
“ฉันก็ภูมิใจในตัวคุณค่ะ”
“ผมมีแขกพิเศษมาเซอร์ไพร้ส์คุณด้วยนะ”
นภา ฐานรัฐแปลกใจมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใคร ดร. เมฆาหยิบไอแพดขึ้นมาส่งให้นภา
นภารับมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในไอแพดเห็นหน้าฟ้ากับพายุผ่านโปรแกรมเฟซไทม์
“ฟ้า พายุ”

ฟ้าและพายุอยู่ในห้อง ทั้งคู่กำลังเก็บเสื้อผ้าเพื่อเดินทาง
“สวัสดีค่ะคุณแม่ คิดถึงคุณแม่ที่สุดเลย” ฟ้าทักทาย
“ปีนี้ผมกับฟ้าไปร่วมฉลองไม่ได้ ขอยกยอดไปปีหน้านะครับ” พายุบอก
“ไม่อนุมัติจ้ะ ยังไงเดือนหน้าต้องกลับมาให้แม่กอดได้แล้ว”
“ขอต่อรองเป็นสองเดือนนะคะ ฟ้ากับพายุกำลังจะไปซูดาน” ฟ้าบอก
“ไปทำไมจ๊ะ”
“พวกเราจะไปช่วยมูลนิธิ ผลิตยาสมุนไพรไทยสำหรับเด็กที่นั่นครับ ฟ้าเค้าอยากทำบุญเยอะ ๆ เพื่อกุศลของลูกในท้อง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะแม่ ฟ้าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ยังไงจะกลับไปให้คุณแม่ได้อุ้มหลานที่เมืองไทยแน่ ๆ ค่ะ"

“เราไม่รบกวนแล้วล่ะครับ..คุณพ่อจะได้จีบคุณแม่ต่อ รักนะครับ” พายุบอก
“รักคุณแม่คุณพ่อที่สุดเลยค่ะ”
นภาจะพูดต่อ แต่แล้วระบบสื่อสารก็ถูกตัด ภาพพายุและฟ้าหายไป!
“เอ้า..หลุดไปแล้ว ทำไมสัญญาณที่นี่ขาด ๆ หาย ๆ”
นภานิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติตามสัญชาติญาณตำรวจ
“งั้นผมต่อให้ใหม่”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูก ๆ จะได้เตรียมตัวเดินทาง แค่เห็นว่าเค้าสบายดี ฉันก็สบายใจแล้วค่ะ"
“ขอดื่มให้กับความสุขของทุกคนในครอบครัว”
ดร. เมฆา ฐานรัฐยกแก้วไวน์ขึ้น เช่นเดียวกับนภา
ทันใดนั้นนภาเห็นลำแสงปืนส่องทะลุแก้วไวน์เข้ามาในตำแหน่งหน้าของเมฆา นภารู้ทันทีว่า เมฆากำลังจะถูกลอบสังหาร!!

ในกล้องเล็งของปืนไรเฟิล เห็นตำแหน่งของดร.เมฆา ฐานรัฐชัดเจน นิ้วของมือปืนกำลังกดลงบนไกปืน กระสุนพุ่งออกจากลำกล้องพุ่งตรงเข้าใส่เมฆา
นภาตกใจ รีบคว้าถาดอลูมิเนียมใส่อาหารบนโต๊ะ โยนขึ้นมาขวางทางวิ่งของลูกกระสุน
ลูกกระสุนปืนที่พุ่งมากระทบโดนถาดอลูมิเนียม เมฆารอดชีวิตไปได้อย่างหวุดวิด นภารีบพุ่งเข้าไปพาเมฆาหลบ พร้อมตะโกนบอกทุกคนในร้าน
“ทุกคนหลบ”
ทุกคนในร้านต่างตกใจก้มหลบใต้โต๊ะ

บนดาดฟ้าของตึกที่ใกล้เคียง ในเวลากลางคืน มือปืนเห็นว่าพลาด จึงใช้ปืนในมือยิงเข้าใส่เมฆากับนภาอย่างไม่นับ เปรี้ยง ๆ ๆ
นภาพาเมฆาวิ่งหลบกระสุนที่พุ่งเข้ามาราวพายุ กระสุนกระทบโดนข้าวของ โต๊ะเก้าอี้ จานชาม แก้วน้ำแตกกระจาย
เมฆาพยายามโทรศัพท์ขอกำลังมาช่วยเหลือ
“โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้”
“พวกมันตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ”
นภาทำท่าจะขยับจะออกไป เมฆาถาม
“คุณจะไปไหน”
“เราต้องรู้ว่ามือปืนซ่อนอยู่ที่ไหน”
”ด้วยวิธีเอาตัวเองออกไปล่อน่ะหรือ” เมฆาถามด้วยความเป็นห่วง
นภาไม่ตอบแต่วิ่งออกไปทันที เพื่อมองหาตำแหน่งของมือปืน ยังคงมีกระสุนพุ่งเข้าใส่เธอไม่นับ เปรี้ยง ๆ ๆ นภามองทิศทางของกระสุนที่พุ่งเข้ามากระทบกับข้าวของ นภาส่งสายตามองหา
“กระสุนมาจากทิศตะวันออก”
นภาวิ่งหลบ ยังมีกระสุนยิงเข้ามาอีก
นภามองจากเงาในกระจกของร้าน สะท้อนให้เห็นตำแหน่งของมือปืนยิงมาจากฝั่งตรงข้าม
นภาลุกขึ้นยืนหมุนตัวไปเหยียดแขนตรง เล็งปืน ยิงเข้าใส่มือปืน เปรี้ยง !
กระสุนปืนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนของนภาเข้ามากลางกะโหลกของมือปืนจนตายคาที่

นภามองสำรวจไปรอบ ๆ ไม่เห็นพวกมือปืน จึงหันไปบอกเมฆา
“ปลอดภัยแล้วค่ะ เรารีบไปจากที่นี่เถอะ”
นภาพาเมฆาจะออกไปจากร้าน

ภายในห้องสวีทของโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียง จักร อมตฤทธาดื่มไวน์ยืนมองผ่านกระจก เห็นเหตุการณ์ในร้านอาหารแล้วบอก
“จะรีบไปไหน เกมยังไม่จบ”

นภาพาเมฆาจะออกไปจากร้าน แต่แล้วทุกคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์นั้นต่างก็ลุกขึ้นจากที่หลบลุกขึ้นกระชากปืนกันพรึ่บพรั่บ เหยียดแขนตรงเล็งมายังนภาและเมฆา
“มือปืนสังหาร !”
พวกนักฆ่าเล็งปืนจะยิงมาที่นภาและเมฆา ทั้งคู่ตกอยู่ในวงล้อมมือปืน
“ทิ้งปืน !” นักฆ่าสั่ง
นภาชะงักมองหน้าเมฆา ทั้งสองเหมือนกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตหาทางออกไม่ได้
“กูสั่งให้ทิ้งปืน !”
นภาจำเป็นต้องทิ้งปืน เธอโยนปืนไปไว้ตรงหน้าเหล่านักฆ่า นักฆ่าพอใจ เหยียดแขนกำลังจะยิงกระสุนเข้าใส่ร่างของนภากับเมฆา
แต่แล้ว...เสียงเปียโนก็ดังขึ้น ด้วยท่วงทำนองที่เร้าใจ ทุกคนแปลกใจหันไปมอง คมศร สุริยนลุกขึ้นยืน เมฆาตะลึงคิดไม่ถึง
“คมศร”
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ต้องทำลายบรรยากาศแห่งความสุข”
คมศรเปิดเสื้อนอก หยิบระเบิดควันออกมากระชากสลักออกแล้วโยนเข้าใส่เหล่ากลุ่มมือปืน จนควันพวยพุ่งคลุ้งเต็มไปหมด เหล่ามือปืนเริ่มโกลาหลทำอะไรไม่ได้ คมศรยิงเข้าใส่มือปืนหลายคนจนล้มคว่ำไป อีกหลายคนที่โดนควันเข้าไปตอบโต้ไม่ได้
คมศรโยนปืนให้นภาและเมฆา
“สามคนย่อมดีกว่าสองคนครับ”
เมฆา และนภา รับปืนจากคมศร ทั้งสามคนหมุนตัววาดปืนคู่ยิงใส่พวกนักฆ่า... จนนักฆ่าตายหมด.. สถานการณ์ถูกควบคุมไว้ได้

นอกบ้านดร. เมฆา ฐานรัฐ นายกรัฐมนตรี ตอนนี้มีกองกำลังอารักขาจากตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตรวจความเรียบร้อยและเตรียมพร้อมป้องกันเต็มอัตราศึก

นภาประคองเมฆามาถึงบ้าน คมศรเดินตามเข้ามา
“ขอบคุณคุณมากนภา”
นภายิ้มบอก
“ขอบคุณลูกน้องคนสนิท วอลเปเปอร์ประจำตัวของคุณดีกว่า”
นภาหันไปทางคมศรที่ยืนอยู่
“ผมขอโทษดอกเตอร์ด้วยที่ฝ่าฝืนคำสั่งแอบติดตามท่านโดยพลการ”
“ไม่ใช่แค่ติดตาม เธอยังโยนระเบิดควันไปทั่วทั้งร้านอาหารอีกต่างหาก สร้างบรรยากาศโรแมนติกได้ดีมากเลยจ้ะ..คมศร”
คมศรยิ้มเขินกับคำพูดของนภา
“ขอบใจมากคมศร นายช่วยชีวิตฉันกับภรรยาไว้ … พอจะรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
“ผมยังไม่กล้าสรุปว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ในเบื้องต้น ผมไม่ไว้ใจคนใกล้ตัวท่าน”
“จักร”
กำลังโหลดความคิดเห็น