เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 9
แสงกล้ากับแพรไพลินเดินออกมาที่นอกทาวน์โฮม เห็นรถของสำนักงานสืบสวนพิเศษมาจอดอยู่แล้ว มีเจ้าหน้าที่ฯ หลายคน ดาบแหบกับจ่าหวานพร้อมอาวุธครบ กำลังยืนรออยู คมศรที่ยืนอยู่หันมาทางแสงกล้า
“พร้อมแล้วหมวด”
“ออกเดินทางกันเลย เราจะแยกกันไปสองคัน คุณไปรถตู้กับท่านเลขา"
แสงกล้าสั่งและบอกแพรไพลิน เธอชะงักนิดหนึ่ง
“ผมจะไปกับทีมปฏิบัติการ คุณทั้งสองคนต้องคอยสนับสนุน”
คมศรชะงักนิดหนึ่งเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจากอาการของแสงกล้า
แสงกล้าเดินเข้ามาเอามือแตะที่ไหล่คมศร มองด้วยแววตาจริงจัง
"ฝากดูแลหมอแพรด้วย"
แสงกล้าพูดจบก็เดินนำสมิงกับเจ้าหน้าที่ฯ ขึ้นรถคันแรกไปทันที รถสำนักงานสืบฯ คันแรกแล่นออกไป คมศรมองตามนิดหนึ่ง แล้วจึงเดินออกไปกับแพรไพลินเพื่อไปขึ้นรถตู้อีกคันหนึ่ง
ภายในรถเคลื่อนย้าย แสงกล้ากำลังตรวจสอบอาวุธด้วยแววตาเครียด สมิงจ้องมองอาการของแสงกล้าแล้วเข้าใจ
"หมวดตัดสินใจถูกต้องแล้ว เราไม่ควรเอาคนรักมาเสี่ยงในสถานการณ์แบบนี้"
แสงกล้าเหลียวมามองสมิง นึกแปลกใจที่สมิงพูดเหมือนรู้ใจเขา
แพรไพลินมองไปทางด้านหน้ารถตู้ แล้วนิ่วหน้า
“เราจะไปไหน...”
“เนติเทคฯ ครับ หมวดแสงกล้าสั่งให้นำดอกเตอร์กับท่านเลขาไปวิเคราะห์สถานการณ์ที่นั่น"
คมศรชะงักไปทันที นึกรู้ความคิดของแสงกล้า
“เปลี่ยนเส้นทาง ตามรถแสงกล้าไป”
"เสียใจด้วยครับดอกเตอร์ ภารกิจนี้รหัสแดง นอกจากหัวหน้าชุดแล้ว ใครจะเปลี่ยนคำสั่งกลางคันไม่ได้"
แพรไพลินกับคมศรจำต้องปล่อยให้เป็นไปตามคำสั่งของแสงกล้า
บนถนนที่มืดมิด รถสำนักงานสืบแล่นสาดไฟ ฝ่าความมืดออกไปอย่างรวดเร็ว โดยรถตู้คันที่แพรไพลินนั่งอยู่ ขับแยกเส้นทางออกไปอีกทางหนึ่ง
สมิงมีสีหน้าจริงจัง หันมามองแสงกล้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่บ้าบอเหมือนเคย
“สังหรณ์ใจว่างานนี้หนักกว่าที่เราคิด”
สมิงส่งแมกกระสุนอักขระให้แสงกล้า
“จัดหนัก จัดเต็ม ชุดนี้สำหรับพญามาร”
แสงกล้ารับแมกกระสุนมา สีหน้าฮึกเหิม
ผู้หญิงลึกลับใส่ชุดดำทั้งชุดขี่มอเตอร์ไซค์วิ่งฝ่าความมืดเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมอาวุธต่างๆ ครบมือ
บริเวณคลังสินค้าอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับที่เดิม บริเวณหลังคาคลังสินค้าที่เปิดออก เห็นพระจันทร์ดวงกลมกำลังเคลื่อนตัวขึ้นมา ใกล้จะตรงกับตำแหน่งกลางฟ้าเต็มทีแล้ว
ร่างวิญญูที่มีศาสตราวุธทั้งสามชิ้นล้อมอยู่ รวิยืนมองอารักขาอยู่ห่างออกไป
แสงจันทร์เป็นลำยาวค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้ศาสตราวุธทั้งสามชิ้น ยิ่งแสงจากดวงจันทร์เคลื่อนเข้าใกล้มากขึ้นเท่าไร ศาสตราวุธก็แวววาวประหนึ่งจะเกิดฤทธานุภาพ
รวิที่ยืนอยู่ชะงักไปนิดหนึ่ง ด้วยรู้สึกได้ว่ากำลังจะเกิดสิ่งผิดปกติด้านนอกอาคาร รวิกระชากปืนออกมา ดึงลูกเลื่อนออกเตรียมพร้อมแล้วเดินออกไป
บริเวณภายนอกคลังสินค้า แสงกล้ากับสมิงนำกองกำลังแบ่งออกเป็นสองชุด เคลื่อนที่เร็วฝ่าความมืดมาทางซ้ายและขวาของภายนอกคลังสินค้า
บริเวณภายนอกคลังฯ มีเหล่าลูกน้องเหล่าร้ายยืนระแวดระวังอยู่ในจำนวนที่มากกว่าถึง 3-4 เท่า
แสงกล้ากระชับปืนในมือมั่น มองไปด้านสมิงที่ซุ่มอยู่อีกทาง ส่งสัญญาณมือให้แยก บุกเดี่ยวกันไปเล่นงานเหล่าร้ายแต่ละข้าง
แสงกล้าบุกเดี่ยวเข้าไปเล่นงานเหล่าร้ายได้ 3-4 คน ท่ามกลางความเงียบ
สมิงเล่นงานเหล่าร้ายในฟากตัวเองได้ไปหลายคน
ร่างวิญญูที่อยู่บนแท่นที่มีศาสตราวุธรายล้อมกำลังถูกแสงจันทร์ส่องมาถึง
ทันทีที่แสงจันทร์ส่องมาถึง ศาสตราวุธทั้งสามก็บังเกิดฤทธานุภาพให้เห็น ส่องประกายวาววับเข้าสู่ร่างวิญญู ที่หน้าผาก เหล็กไหลทมิฬที่อยู่ภายในส่องเป็นประกายและสั่นพลิ้ว
วิญญูยังคงไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น แต่สีหน้าจากซีดเผือดกลับกลายเป็นมีสีเลือดมากยิ่งขึ้น
แสงกล้ากับสมิงหันมาส่งสัญญาณให้จ่าหวานกับดาบแหบที่หลบอยู่ทางแนวทางด้านหลัง
จ่าหวานกับดาบแหบพาเหล่าเจ้าหน้าที่ฯ ลุกขึ้นสาดกระสุนเข้าใส่เหล่าร้ายที่เหลือทันที บุกฝ่าเพื่อเข้าไปภายในคลังสินค้า
แสงกล้าและสมิงนำกองกำลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปภายในคลังสินค้าได้สำเร็จ
ภายในคลังสินค้าแห่งแรก แสงกล้ากับสมิงนำกองกำลังบุกเข้ามาภายในคลังสินค้า แต่ต้องชะงักด้วยความตกใจ ภายในคลังสินค้าโล่งและว่างเปล่า ไม่ปรากฏร่องรอยของศาสตราวุธ และแท่นชาร์จพลังของขมังเวทย์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
แสงกล้าหยิบเครื่อง GPS ภาคสนามแบบมีเสาขึ้นดู
"พิกัดจีพีเอสตรงทุกอย่าง"
"พญามารไม่ได้อยู่ที่นี่"
“นึกแล้วว่าพวกแกต้องมา”
แสงกล้า สมิง จ่าหวาน ดาบแหบ และเจ้าหน้าที่ต่างมองไปรอบ ๆ แต่ไม่ปรากฏร่างของรวิให้เห็น ได้ยินแค่เพียงเสียงเท่านั้น
“แสงกล้า หมวดมาช้าไปนิด ฉันผิดหวังในตัวแกมาก”
สมิงกระซิบแสงกล้า
“มันรู้ตัว ย้ายทุกอย่างออกไปหมดแล้ว”
กลุ่มของแสงกล้าที่อยู่ในพื้นที่โล่ง ถูกกระหน่ำยิงมาจากทุกทิศทุกทางทางด้านบนของคลังสินค้า ทั้งหมดแตกฮือกระจายกันหาทางหลบ แต่รอดยากเพราะอยู่ในพื้นที่โล่ง รวิกำลังนำเหล่าร้ายซุ่มโจมตี ยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฯ ตายเป็นใบไม้ร่วง
แสงกล้าและสมิงตกเป็นรองเพราะโดนล้อมไว้หมดแล้ว
อานุภาพของศาสตราวุธทั้งสามกำลังดึงเหล็กไหลทมิฬออกจากหน้าผากของวิญญู
เหล็กไหลทมิฬลอยอยู่เหนือศีรษะวิญญูแล้วสลายไปในพริบตา ! ร่างของวิญญูบังเกิดแสงล้อมรอบตัว บาดแผลและอาการบาดเจ็บต่างๆ หายไปสิ้น
ใบหน้าวิญญูกลายเป็นใบหน้ากากของขมังเวทย์ครอบคลุมอยู่
ขมังเวทย์ดีดร่างตัวเองขึ้นมาจากแท่นชาร์จพลัง
แสงกล้ากับสมิงและเจ้าหน้าที่พยายามต่อสู้ฝ่าวงล้อมของเหล่าร้ายที่กระหน่ำยิงออกมา
สมิงบอกกับแสงกล้า
“หมวด...ผมรู้วิธีทำให้พวกเรารอดแล้ว”
"ยังไง"
“เลือดเข้าตา... ล่อแม่มแบบตรงไปตรงมา ปลายเท้าชนปลายเท้าเลยดีกว่า ตามมานะหมวด"
สมิงบ้าเลือดลุกขึ้นมาจากที่ซ่อน วิ่งออกมาจากกำบัง ยิงกระหน่ำเข้าใส่กลุ่มเหล่าร้ายแบบไม่นับ
แสงกล้าลุกขึ้นยิงตาม จ่าหวาน กับ ดาบแหบ เอาบ้าง
คราวนี้เหมือนได้ผล เหล่าร้ายร่วงกันเป็นใบไม้ร่วง สมิงคว้าระเบิดมือขึ้นมาดึงสลัก แล้วโยนเข้าใส่ที่ผนังด้านหนึ่งของคลังฯ ... ระเบิด ตูม !!! เกิดเป็นช่องว่างสามารถหนีออกไปได้
“ทางเปิด... รีบไป”
แสงกล้า กับ สมิง ยิงต่อสู้กับเหล่าร้ายและรวิ
จ่าหวาน ดาบแหบ ประคองพาลูกน้องที่เหลืออยู่กำลังจะหนีออกไปทางผนังด้านที่ถูกระเบิดพัง
แต่ก่อนที่จะถึง บังเกิดแสงวาบไปทั่วทั้งช่องผนัง คลื่นพลังงานทะลุเข้ามาปะทะร่างของเจ้าหน้าที่ลอยเคว้งไปคนละทิศละทาง
สมิงกับแสงกล้าจ้องไปที่ผนังที่ถูกระเบิดนั้น ร่างของขมังเวทย์ตรงออกมา ลมพายุพัดเร็วแรงรอบๆ ตัว ทำลายข้าวของโดยรอบไปทั่ว
"พญามารฟื้นแล้ว"
รวิหันไปเห็นร่างของขมังเวทย์ที่เป็นปกติ เธอยิ้มยินดี
"ท่าน...”
รวิกับเหล่าร้ายที่ซุ่มอยู่ ยิงกระหน่ำลงมายังกลุ่มแสงกล้าอีกครั้ง คราวนี้ล้มตายไปอีกหลายคน ที่เหลือกระจัดกระจายหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนไม่มีทางรอด
“ฆ่ามันให้หมด... อย่าให้เหลือ”
เจ้าหน้าที่ของ แสงกล้า จ่าสมิง และพวกโดนกำจัดไปทีละคนๆ จนเหลือแค่ แสงกล้า สมิง จ่าหวาน ดาบแหบ เท่านั้น และไม่มีทางจะรอดแล้ว
เหล่าร้ายคนหนึ่งเหยียดแขนตรง กำลังเล็งปืนในมือตรงไปยังแสงกล้าที่ต่อสู้อยู่อีกทางหนึ่ง โดยแสงกล้าไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกลอบยิง คนร้ายกำลังจะกระแทกนิ้วลงที่ไกปืน ส่งกระสุนออกไป ....
ฉับพลัน... เกิดเสียงเปรี้ยง !
กระสุนนัดหนึ่งวิ่งแหวกอากาศ พุ่งตรงเข้าเจาะกลางกบาลเหล่าร้ายคนนั้นทันที
ร่างหญิงในชุดดำกำลังโรยตัวลงมาจากหลังคาคลังสินค้าที่เปิดออกรับแสงจันทร์
หญิงในชุดดำยิงกระหน่ำเข้าใส่กลุ่มคนร้ายที่กำลังลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ฯ คนร้ายล้มตายกันเป็นแถบ
รวิโกรธมาก ยิงเข้าใส่หญิงในชุดดำนั้น หญิงในชุดดำหลบกระสุนรวิไปได้อย่างหวุดหวิด จังหวะนั้นเองที่แว่นตาหลุดออกมาจากใบหน้าของเธอ ... ปรากฏภาพใบหน้าของหญิงชุดดำนั้น คือ ผบ.นภา ! แววตาของเธอแข็งกร้าวจริงจัง
แสงกล้าหันไปเห็นใบหน้าจริงจังของนภา
“ผบ.นภา !”
รวิหันไปมองหญิงลึกลับชุดดำ นิ่วหน้าสงสัยยังเห็นไม่ชัดเจนว่าเป็นนภา
“ผบ.นภา”
นภา ฐานรัฐในชุดดำยิงเข้าใส่ร่างขมังเวทย์ กระสุนพุ่งเข้าใส่ร่าง แต่กลับไม่โดนขมังเวทย์เลยสักนิดเดียว
นภาหันไปทางแสงกล้าบอก
“รีบหนีออกไป !”
การต่อสู้ของขมังเวทย์กับนภาเป็นไปอย่างเร้าใจ แม้นภาจะทำอะไรขมังเวทย์ไม่ได้ แต่ก็เบี่ยงเบนความสนใจจากขมังเวทย์ไปจากกลุ่มแสงกล้าและสมิงได้
แสงกล้ากับสมิงยิงต่อสู้กับรวิและพวกที่กำลังโจมตีอยู่ทางด้านบน ทั้งหมดสามารถล่าถอยจเกือบจะถึงผนังด้านที่โดนระเบิด จ่าหวานกับดาบแหบสามารถหนีออกไปได้แล้ว
ขมังเวทย์หันไปมองทางแสงกล้ากับสมิงอย่างไม่พอใจ พุ่งตรงเข้าเล่นงานสมิงกับแสงกล้าแบบประชิดตัว
นภายิงเข้าใส่ขมังเวทย์อีก แต่คราวนี้กลับโดนตอบโต้จากรวิ จนต้องรีบกระโดดหลบไปอีกทางหนึ่ง สมิงกับแสงกล้าโดนขมังเวทย์บีบคอจากมือทั้งสองข้าง ทั้งสองคนตัวลอยจากพื้น
นภาพยายามจะถลาออกมาช่วย แต่กลับโดนยิงสะกัดจากรวิจนโงหัวไม่ขึ้น
สมิงกับแสงกล้า โดนบีบคอจนเกือบจะหมดลม สมิงพยายามจะยกปืนขึ้นยิง แต่ขมังเวทย์ส่งสายตาสะกดมายังมือของสมิง ทำให้สมิงยกมือไม่ขึ้น
“อ๊าก” สมิงร้อง
ดาบแหบกับจ่าหวานวิ่งหน้าตั้งอยู่กลางถนนเปลี่ยว ทั้งสองหันมาพูดกัน
“เฮ้ย... กลับไปช่วยหมวดกับจ่าหมิง” ดาบแหบว่า
“แล้วทำไมดาบไม่ไปล่ะ” จ่าหวานบอก
แต่แล้วทั้งสองต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นแสงไฟจากรถคอนเทนเนอร์วิ่งพุ่งเข้ามาใส่ทั้งคู่ที่ร้องขึ้นพร้อมกัน
“เฮ้ย !”
ทั้งสองโดดหลบกระเจิงไปที่ข้างทาง รถคอนเทนเนอร์จอดที่ข้างทางอย่างรวดเร็ว ประตูรถเปิดออก ผู้การอินทนนท์ชะโงกหน้าออกมา
“รีบขึ้นรถ !”
ขมังเวทย์กำลังบีบคอทั้งสมิงและแสงกล้าด้วยมือทั้งสองข้าง นภากำลังยิงต่อสู้กับรวิและลูกน้องอย่างเร้าใจ แสงกล้ากำลังจะยกปืนที่บรรจุกระสุนอาคมจ่อไปที่ขมังเวทย์
ขมังเวทย์หันขวับมายังแสงกล้าจะใช้สายตาสะกดแสงกล้า แต่กลับทำอะไรแสงกล้าไม่ได้ !
“ทำไมข้าถึงทำอะไรแกไม่ได้”
ขมังเวทย์มองไปที่คอของแสงกล้า เห็นล็อกเก็ตที่แสงกล้าห้อยอยู่ ซึ่งขณะนี้พลิกจากด้านที่เป็นหิน
มาอยู่ในด้านที่เป็นกระจกสะท้อนแสงแวววับ แม้จะเก่ามากแล้วก็ตาม
สมิงเห็นขมังเวทย์กำลังจ้องไปที่สร้อยล็อกเก็ตนั้น สมิงมองตามสายตาขมังเวทย์ไปเห็นล็อกเก็ต
บนคอแสงกล้าแบบถนัดตา สมิงก็นิ่วหน้าตกใจเหมือนกับขมังเวทย์
อดีตเมื่อ 20 ปีก่อน บริเวณบ้านจอมแสง ไตรรัตน์ ผู้เป็นอาจารย์ของวิญญูและมงคลเป็นคนสวมล็อกเก็ตนี้บนคอของเด็กทารกคนหนึ่งเพื่อรับขวัญ ทั้งมงคลและวิญญูร่วมอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย
จอมแสงยิ้มรับขวัญลูกน้อย
“ใส่ติดตัวไว้ เป็นมงคลแก่ชีวิต” ไตรรัตน์ว่า
ล็อกเก็ตบนคอเด็กทารกปรากฏแสงวาววับราวกับมีฤทธานุภาพอยู่
ขมังเวทย์จ้องไปยังล็อกเก็ตนั้นเขม็งเหมือนจำได้ แสงกล้าที่กำลังโดนบีบคออยู่ ยกแขนวาดปืนในมือเหยียดตรงใบหน้าขมังเวทย์ แล้วยิง...เปรี้ยง !
กระสุนอักขระพุ่งตรงเข้ากลางแสกหน้าขมังเวทย์จนหน้ากากแตกกระจาย
ขมังเวทย์ร้องอย่างเจ็บปวด
“อ๊าก”
ขมังเวทย์ดันร่างของสมิงและแสงกล้าออกไปอย่างสุดแรง เอามือกุมหน้าไว้ด้วยความเจ็บปวด ร่างของสมิงกับแสงกล้าลอยหวือออกไปล้มคว่ำอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของคลังฯ ทั้งคู่พยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมา
“จ่า...เป็นไงบ้าง” แสงกล้าถาม
“อิ่มเอมเป็นสุขมั้งหมวด โดนซะขนาดนี้”
ทั้งสองหันไปมองขมังเวทย์ เห็นใบหน้าชัดเจนว่า เป็นคนๆ เดียวกับวิญญู!!
“วิญญู”
“คิดไว้ไม่มีผิดว่าต้องเป็นมัน”
ขมังเวทย์ตั้งตัวได้ส่งสายตาอำมหิตเข้าใส่แสงกล้ากับสมิง บังเกิดคลื่นลมวนเวียนรอบๆ ตัว
สมิงกับแสงกล้าลุกขึ้นตั้งรับพร้อมเผชิญหน้า
แต่แล้วระหว่างเผชิญหน้ากันอยู่นั่นเอง อินทนนท์ขับรถคอนเทนเนอร์พังกำแพงเข้ามาทางด้านหลัง พุ่งชนขมังเวทย์จนร่างลอยคว้างออกไปอีกทางหนึ่ง
“ขึ้นรถ”
แสงกล้าชะงักไปนิดหนึ่ง หันไปมองทางด้านนภาที่กำลังยิงต่อสู้อย่างดุเดือดกับรวิกับลูกน้อง
“ไม่ต้องห่วงผบ.นภา !”
สมิงกับแสงกล้ารีบขึ้นมาทางด้านหลังคอนเทนเนอร์ ที่เปิดออกโดยจ่าหวานและดาบแหบ
แสงกล้ากับสมิงหันไปยิงต่อสู้กับสมุน จ่าหวานกับดาบแหบรีบปิดประตูหลังตู้คอนเทนเนอร์
ผู้การอินทนนท์รีบขับรถคอนเทนเนอร์แล่นออกไป
ที่มุมหนึ่งของคลังสินค้า นภายิงต่อสู้กับรวิและเหล่าร้ายอย่างเร้าใจ
ขมังเวทย์ค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆหลังจากที่โดนรถพุ่งชนเมื่อครู่ พร้อมหันมาจะเล่นงานนภา
“ดอกนี้.. สำหรับเมฆา !”
นภาหันขวับมาเผชิญหน้ากับขมังเวทย์ กระชากเครื่องยิงลูกระเบิดที่สะพายอยู่ทางด้านหลังออกมา ประทับเล็งแล้วยิงเข้าใส่ร่างขมังเวทย์
ลูกระเบิดออกจากเครื่องยิงพุ่งเข้าใส่บริเวณหน้าขมังเวทย์ ระเบิด..ตูม ! เปลวไฟและควันพวยพุ่งกระจาย รวิตกใจถลาออกมาหาขมังเวทย์ด้วยความเป็นห่วง
“ท่าน...”
พอควันสงบ เสียงมอเตอร์ไซค์ก็แผดเสียงลั่น นภาบิดเครื่องมอเตอร์ไซค์หนีออกมา ผ่านช่องผนังที่โดนระเบิดอย่างเหนือชั้น !!
รวิที่กำลังประคองร่างขมังเวทย์ลุกขึ้น ทั้งสองหันไปมองด้วยสายตาไม่พอใจ
นภาขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากด้านในของคลังสินค้า สมุนเหล่าร้ายวิ่งขึ้นรถตามเธอออกมา ระดมยิงเข้าใส่แบบไม่นับ เธอเหลียวไปยิงต่อสู้กับเหล่าร้ายด้วยมาดเท่ เล่นงานเหล่าร้ายจนย่ำแย่ตามมาไม่ได้
นภาขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าความมืดออกไปอย่างรวดเร็ว
รถคอนเทนเนอร์วิ่งพุ่งผ่าความมืดมาตามถนนเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว ทางด้านหลัง นภาขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาอย่างกระชั้นชิด ประตูด้านหลังคอนเทนเนอร์เปิดออก นภาขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปบนคอนเทนเนอร์อย่างรวดเร็ว
ภายในเนติเทคฯ เวลากลางคืน พญ. แพรไพลิน นวิยากุลยืนฟังรายงานจากกุ๊บกิ๊บด้วยท่าทางไม่สบายใจ คมศรสังเกตเห็นอาการนี้อย่างชัดเจน
“มีรายงานว่าเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงที่คลังสินค้าแถบลาดกระบังค่ะ”
“คลังสินค้าเครือไดมอนด์กะรัตใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ ตามรายงานแจ้งว่าเกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ทราบจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต"
แพรไพลินถามคมศร
“แสงกล้าวิทยุเข้ามาบ้างมั้ย”
“ไม่”
แพรไพลินท่าทางไม่ค่อยสบายใจ คมศรสังเกตเห็นอาการนี้
“คุณเป็นอะไร ดูไม่ค่อยสบายใจ”
แพรไพลินไม่ตอบรีบออกไป คมศรเดินตาม
แพรไพลินรีบเข้ามายังห้องคอมพิวเตอร์ของเนติเทคฯ รัวคีย์บอร์ดเร็ว สายตานิ่งพยายามไม่แสดงอาการห่วงใยแสงกล้านัก แม้ความจริงจะห่วงอยู่ไม่น้อย
ภาพมุมสูงจากดาวเทียมกำลังสอดส่ายหาภาพบริเวณคลังสินค้าฯ
“จะหาภาพจากกล้อง CCTV อีกทำไม ไม่ได้ผลหรอก ผบ.รวิตัดสัญญาณไปหมดแล้ว"
“อาจจะมีกล้องบางตัวที่ยังทำงาน”
แพรำพลินรัวคีย์บอร์ดต่อ
“ไร้สาระน่า เป็นไปไม่ได้ !”
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่คลังสินค้า”
“ราไม่มีทางรู้อะไรมากกว่านี้ นอกจากพวกเค้าจะติดต่อกลับมา”
แพรไพลินไม่ฟัง รัวคีย์บอร์ดเร็วอย่างมีความหวัง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เธอมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
“ดูคุณไม่เหมือนแพรไพลินคนเดิม”
แพรไพลินฉุนขึ้นมาทันทีเมื่อโดนจี้จุดที่ตัวเองปิดบังไว้ เธอระงับอารมณ์ไม่อยากแสดงออก
“ฉันก็ยังเป็นฉัน หยุดสงสัย ช่วยฉันหาทางช่วยพวกจ่าสมิงดีกว่า”
“แน่ใจเหรอว่าคุณเป็นห่วงจ่าสมิง”
“ฉันห่วงงานที่กำลังทำอยู่”
คมศรสีหน้าขรึมและจริงจังบอก
“แพรไพลิน ผมไม่ใช่เพิ่งคบกับคุณ แต่อาการคุณไม่ปกติเป็นเพราะแสงกล้าใช่มั้ย”
แพรไพลินไม่พอใจไม่ตอบแต่ยังรัวคีย์บอร์ดอยู่
“ไม่น่าเชื่อว่าหมวดแสงกล้าจะมีอิทธิพลกับจิตใจคุณมากขนาดนี้”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”
“รู้ตัวรึเปล่าว่าตั้งแต่หมวดคนนั้นเข้ามาในชีวิต คุณเปลี่ยนแปลงไปมาก”
คมศรมองแพรไพลินด้วยสายตาผิดหวัง แต่เธอไม่สนใจ ละสายตาจากคมศรไปยังเครื่องคอมฯดังเดิม เขาถอนหายใจยาวเดินออกไปจากห้องอย่างเจ็บช้ำในใจ
คมศรเดินมาพิงผนังด้านตรงข้ามห้องคอมพิวเตอร์ด้วยแววตาเครียด ส่งสายตามองผ่านกระจกไปยังห้องคอมพิวเตอร์ เห็นแพรไพลินกำลังตั้งใจค้นหาข้อมูลโดยไม่เห็นความหวังดีของเขาเลยแม้แต่น้อย
คมศรถอนหายใจยาว นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับแพรไพลินแล้วเศร้าใจ
รถคอนเทนเนอร์จอดอยู่ที่ลานจอดรถเปลี่ยวหลังร้านกาแฟฯ ที่เงียบสงัด ดาบแหบกับจ่าหวานยืนเฝ้าระวังสถานการณ์โดยรอบอยู่
ทั่วทั้งบริเวณลานจอดรถนั้น มีกล้องวงจรปิดหลายตัวติดตั้งอยู่ และสัญญาณไฟกำลังทำงาน
ภายในฐาน ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยหันไปมองผบ. นภากับผู้การอินทนนท์ พลางมองไปทางจ่าสมิงที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาค้นหาด้วยเช่นกัน
“ผบ.นภา... ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น ผบ.กับศรัทธาเป็นคนๆ เดียวกันใช่มั้ย”
“ทั้งใช่และไม่ใช่”
สมิงบ่นเบาๆ
“เอา.. เอาเข้าไป กลัวไม่งง”
แสงกล้าหันมาจ้องหน้าสมิงเป็นทำนองตำหนิ สมิงยิ้มเจื่อนๆ หัวเราะแหะๆ
“ศรัทธา เป็นชื่อเรียก แทนความเชื่อมั่นในการทำความดี ขอเพียงเราศรัทธาที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและถูกต้อง ความดีจะไม่มีวันดับสูญ คนดีจะไม่มีวันหายไปจากสังคมไทย" ผู้การอินทนนท์บอก
“แนวคิดศรัทธาในการทำความดี จะถูกปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่น ค่านิยมของการทำดีเพื่อสังคมจะต้องคงอยู่ตลอดไป"
ในอดีต … ดร. เมฆา ฐานรัฐเรียกผู้การอินทนนท์เข้ามาหาเพื่อปรึกษาตั้งหน่วยงานนี้ นภาพูดต่อ
“ดอกเตอร์เมฆาตั้งหน่วยงานลับ...ศรัทธาขึ้น เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งการทำความดีในสังคม ปกป้องคนดีให้ปลอดภัยจากคนชั่วที่นับวันจะมากขึ้น กฏหมายปกติเอาตัวมาลงโทษไม่ได้"
ในอดีต ดร. เมฆาส่งกล่องฮาร์ดดิสก์ให้ ผู้การอินทนนท์รับมามอง
“รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในฮาร์ดดิสก์”
“ทำไมต้องเป็นผม ผมเกษียณแล้วนะครับดอกเตอร์”
เมฆายิ้มๆแล้วบอก
“ถ้าไม่ใช่ผู้การ ผมคงต้องใช้สตรีหมายเลข 1”
“นภา”
“ผมไม่อยากทำงานกับคนในครอบครัว นอกจากนภา ผมไว้ใจผู้การมากที่สุด”
อินทนนท์นิ่งไปพักหนึ่งคล้ายกำลังตัดสินใจ
“ขอศึกษารายละเอียดก่อนนะครับ ยังไม่รับปากว่าจะทำหรือไม่ทำ”
“ฝากด้วยก็แล้วกัน... ผมเชื่อในการตัดสินใจของผู้การครับ”
ปัจจุบัน ผู้การอินทนนท์มีสีหน้าจริงจัง แววตาดูเครียดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายมากขึ้น”
ภาพของคนดีอย่าง ร.ต.อ.คราม ทรัพย์เอนกกับทอรุ้งต้องเสียชีวิต, ดอกเตอร์เมฆาถูกลอบสังหาร
“ฉันจึงไม่ลังเลใจที่จะทำสร้างหน่วยงานพิเศษนี้ ตามความฝันของดอกเตอร์เมฆา” ผู้การอินทนนท์บอก
แสงกล้ามองไปรอบๆ ตัวเห็นอุปกรณ์สื่อสารทันสมัย จอภาพหลายจอภาพที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
“ผบ.นภา ถือเป็นหนึ่งใน ศรัทธา”
“ฉันรับทำงานนี้... เพื่อสังคม” นภาบอก
“แต่ ผบ.ตกลงมาจากตึกโรงพยาบาล เสียชีวิตไปแล้ว”
สมิงมองนภาอย่างนึกรู้ทัน
“อย่าเชื่อในทุกอย่างที่เห็นสิหมวด เพราะความจริงอาจจะมีมากกว่านั้น”
จ่าสมิงหันไปทางผู้การอินทนนท์แล้วถาม
“ผู้การอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดใส่มั้ยครับ”
ผู้การอินทนนท์นิ่งไม่ตอบ
วันนั้น … ในห้องดับจิต วิญญูยืนมองตู้เก็บศพนภา ลิ้นชักเลื่อนออกมาทันที เขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ ลิ้นชักนั้น ยืนมองร่างนภาเพื่อตรวจให้แน่ใจ
นอกประตูด้านในห้องดับจิต อินทนนท์กำลังจ้องมองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาระทึก
ผู้การอินทนนท์เห็นทีมช่วยชีวิตพร้อมอุปกรณ์อยู่ในรถเข็นพร้อมจะเข็นออกไป นาฬิกาดิจิตอลนับถอยหลัง 4 นาที
หมอนพและทีมงานช่วยชีวิตมีท่าทางกังวัลใจ หมอนพหันมากระซิบกับอินทนนท์
“เรามีเวลาไม่เกิน 4 นาที... มิเช่นนั้นหัวใจจะหยุดเต้นถาวร”
แสงกล้ามีสีหน้าเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หันไปถามอินทนนท์
“ผู้การใช้ยากระตุ้นทำให้หัวใจหยุดเต้นเพื่อหลอกไอ้วิญญูว่า ผบ.นภา เสียชีวิต”
“ใช่.. เป็นการเสี่ยงมากเพราะเรามีเวลาไม่เกิน 4 นาที ที่จะทำให้หัวใจกลับมาเต้นใหม่อีกครั้ง"
ภายในห้องดับจิต วิญญูเพ่งมองตรงไปยังตำแหน่งหัวใจของนภา หัวใจด้านใน...หยุดเต้นโดยสิ้นเชิง ! วิญญูยิ้มเหี้ยมพอใจ
ทางด้านนอกประตูห้องดับจิต ผู้การอินทนนท์กับหมอนพต่างหันขวับไปดูนาฬิกาดิจิตอลที่นับเวลาถอยหลัง เลขนาฬิกาดิจิตอลลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่นาทีเศษ
วิญญูยืนมองอาการของนภาอย่างค้นหาเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ
นาฬิกาดิจิตอลเวลาลดลงจนเหลือเพียงแค่ 30 วินาที
วิญญูตรวจดูรอบๆ จนมั่นใจ จึงขยับจะเดินออกไป
“ไปรอในนรกก่อน อีกไม่นานไอ้เมฆาจะตามไป ฮึ ๆ ๆ”
ศพนภานอนนิ่งที่ไร้วิญญาณ วิญญูเดินออกไปจากห้องดับจิต
อีกด้านหนึ่งของห้องดับจิต ประตูเปิดออกผู้การอินทนนท์เข้ามาพร้อมกับทีมช่วยชีวิต พร้อมอุปกรณ์ปั๊มหัวใจ อุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มอัตรา
ตัวเลขดิจิตอลเหลือเวลา 10 วินาที ผู้การอินทนนท์ยืนนิ่งมอง ทีมแพทย์ฯ ฉีดยาตรงเข้าไปยังหัวใจและปั๊มหัวใจของนภา กราฟหัวใจนภาเต้นขึ้นมาเป็นปกติ ผู้การอินทนนท์มองเหตุการณ์กู้ชีพนั้น ยิ้มพอใจ
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ในสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้นภา ฐานรัฐสีหน้าและแววตาดูเครียดและแข็งกร้าว
“มีใครรู้เรื่องนี้บ้างมั้ยครับ” สมิงถาม
“ไม่มี นอกจากฉันกับทีมงาน” อินทนนท์บอก
“ผบ.ทำให้ทุกคนคิดว่าตายแล้วเพื่อทำงานใต้ดินเล่นงานรองจักรกับพวก” แสงกล้าบอก
แสงกล้ามองไปรอบๆ เห็นอุปกรณ์พิเศษในฐานนภา
“ถ้าเดาไม่ผิด อุปกรณ์พวกนี้เชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่ายสำนักงานสืบสวนพิเศษโดยผบ.รวิไม่เคยรู้” แสงกล้าว่า
“ถึงตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ เพราะมันเห็นหน้าฉันแบบเต็มๆ ความลับเรื่องความตายคงไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว”
นภาพูดจบก็ชี้ไปที่จอภาพวงจรปิดแสดงภาพภายในโรงพยาบาล เห็นวิญญู, รวิ, ลูกน้อง และเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ กำลังเดินอยู่ตรงทางเดินโรงพยาบาล
ภายในห้องดับจิต ลูกน้องปราดเข้าไปดึงลิ้นชักที่เก็บศพของนภาออก สายตาทุกคนเห็นว่า ลิ้นชักมีแต่ความว่างเปล่า
“นังนภายังไม่ตาย” วิญญูพูดขึ้น
“มันวางแผนหลอกเรามาตลอด...ฉันจะตามล่ามันมาให้ท่านเอง” รวิบอก
“ไม่ต้อง !”
รวิชะงักหันไปมองวิญญูด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“อยู่เฉยๆ ทำเรื่องที่ควรทำ ตามหาจักระนารายณ์ ศาสตราวุธชิ้นสุดท้ายให้พบ ส่วนนังนภากับพวก.. ฮึๆ ฉันมีวิธีทำให้พวกมันออกมาหาพวกเราเอง”
วิญญูยิ้มเหี้ยมแววตามีเลศนัย หันขวับมาจ้องที่กล้องวงจรปิดภายในห้องดับจิตราวกับรู้ว่ามีใครจับตามองอยู่
วิญญูที่จ้องมาที่กล้องวงจรปิดราวกับรู้ว่า มีใครจับตามองอยู่ เขาเอื้อมมือมาดึงกล้องหลุด ภาพในกล้องวงจรปิดภายในฐานนภากลายเป็นพร่าดำไปทันที
“ต่อไปเราคงทำงานยากขึ้น” นภาบอก
“แต่ก็ยังดีที่เรารู้แผนการทั้งหมดของพวกมันแล้ว รองจักรต้องการสร้างอำนาจความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองด้วยการรวบรวมศาสตราวุธทั้ง 4 ชิ้น เพราะเชื่อตามคัมภีร์เทวาศาสตราวุธโบราณว่า หากใครครอบครองแล้วจะยิ่งใหญ่ในทุกสิ่ง"
“ไอ้จักรก็แค่เหยื่อของการถูกหลอกใช้” จ่าสมิงว่า
“จ่าพูดอย่างนี้หมายความว่า...” แสงกล้าพูดขึ้น
“คนที่ต้องการยิ่งใหญ่... เป็นคนเหนือคนคือไอ้พญามารวิญญู !”
“พูดเหมือนเคยรู้จักมัน” แสงกล้าบอก
จ่าสมิงพูดน้ำเสียงจริงจังพลางชี้ไปที่ล็อคเก็ต
“รู้จักสิ... รู้จักดีด้วย ยังมีอีกหลายเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้ เรื่องราวนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับล็อคเก็ตบนคอของหมวด”
แสงกล้าจับล็อคเก็ตบนคอจ้องมองอย่างตั้งใจ
ในอดีต บริเวณที่พักของจอมแสง เธอกำลังเลี้ยงดูทารกที่มีล็อคเก็ตที่ห้อยอยู่
“หมวดแสงกล้า... หมวดไม่ใช่เด็กกำพร้าธรรมดาๆ อย่างที่เข้าใจมาตลอดชีวิต แต่หมวดเป็นลูกชายคนเดียวของ โชติฌาณ ศิษย์ผู้พี่สายไสยเวทย์ขาว ของผมเอง"
“จ่ารู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นเด็กคนนั้น แค่สร้อยเส้นเดียวเนี่ยนะ”
สมิงจับล็อกเก็ตบนคอแสงกล้าจ้องมองอย่างตั้งใจ
“ไม่ใช่แค่ล็อคเก็ต แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาต่างหาก”
เหตุการณ์การปะทะกันแต่ละครั้งระหว่างแสงกล้ากับขมังเวทย์ ทุกครั้งขมังเวทย์ไม่สามารถใช้เวทมนตร์บังคับแสงกล้าได้เลย
“ผมสงสัยมานานแล้วว่าทำไมพญามารไม่สามารถบังคับหมวดได้เลยสักครั้ง”
แสงกล้ากำล็อคเก็ตเส้นนั้นไว้แล้วมอง
“เพราะล็อคเก็ตเส้นนี้”
“ไม่ใช่แค่เพราะล็อคเก็ต แต่เป็นเพราะความเป็นสายเลือดไสยเวทย์ขาว ! พญามารบังคับคนที่มีไสยเวทย์ติดมากับสายเลือดไม่ได้”
“หมายความว่า”
“หมวดเป็นทายาทโดยตรงของโชติฌาณ.. เจ้าแห่งไสยเวทย์ขาว !”
ทุกคนชะงักไปกับการเปิดผยความจริงครั้งนี้ของสมิง
ในอดีต สถานที่ในบรรยากาศขรึมขลัง เวลากลางวัน วิญญู, มงคล, โชติฌาณ กำลังนั่งสมาธิอย่างตั้งใจหน้าไตรรัตน์
ไตรรัตน์จ้องมองคนทั้งสามพร่ำสอนอย่างตั้งใจ
“ศิษย์เอกของอาจารย์ไตรรัตน์ ปรมาจารย์ไสยเวทย์มีสามคน ฉัน พี่โชติฌาณและ วิญญู อาจารย์สั่งสอนให้พวกเรามุ่งมั่นใช้ไสยเวทย์ขาวเพื่อทางดีงามช่วยเหลือคนที่ประสบทุกข์ ในบรรดาลูกศิษย์ของอาจารย์ไตรรัตน์ทั้งสามคน พี่โชติฌาณมีคุณธรรมสูง... อาคมไสยเวทย์ขาวจึงสูงส่ง มีความก้าวหน้าไปไกลกว่าทุกคน"
โชติฌาณพบรักกับจอมแสง ทั้งสองยิ้มแย้มหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ท่ามกลางแววตาไม่พอใจของวิญญู
“ไม่เพียงก้าวหน้าทางไสยเวทย์ ... พี่โชติยังเป็นที่รักของคนที่รายล้อม หนึ่งในนั้นคือแม่ของหมวด ทั้งสองรักกันโดยไม่รู้มาก่อนเลย ว่าความรักจะสร้างความไม่พอใจให้กับใครบางคน"
ทุกคนฟังเรื่องราวที่สมิงเล่าและจ้องหน้าแสงกล้าอยู่ตลอด
“ความก้าวหน้าของพี่โชติสร้างความไม่พอใจให้กับวิญญู มันคิดยิ่งใหญ่จึงเปลี่ยนความคิด ก้าวเข้าสู่ไสยเวทย์ดำในเวลาเดียวกับที่หมวดลืมตาดูโลก !”
วิญญูได้ตำราและฝึกปรือวิชาไสยเวทย์ดำ
“เมื่อได้ตำราไสยเวทย์ดำ ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป วิญญูเปลี่ยนพฤติกรรมจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากดีกลายเป็นชั่ว จากคนรู้จักโลก..ลดละกิเลส กลับถูกครอบงำด้วยอำนาจมืด กลายเป็นพญามารทำทุกอย่างเพื่อสนองกิเลสที่รุมเร้าจิตใจ"
ที่มุมหนึ่งในอดีต ไตรรัตน์และโชติฌาณถูกแทงตายนอนจมกองเลือดอยู่ทางหนึ่ง อีกมุมหนึ่ง วิญญูยืนนิ่ง แววตาแข็งกร้าวไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
สมิงน้ำเสียงสลดลง
“วิญญูฆ่าทุกคนที่จะเป็นอุปสรรคต่อการก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ ทั้งอาจารย์ไตรรัตน์และพี่โชติฌาณพ่อของหมวด ในเวลานั้น คนที่มันคิดจะกำจัดรายต่อไป คือสายเลือดไสยเวทย์ขาวคนเดียวที่เหลืออยู่"
วิญญูก้าวออกไปด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม
สมิงรีบมาที่พักของจอมแสงที่กำลังดูแลทารกแบเบาะอยู่ จอมแสงหันมามองด้วยแววตาแปลกใจ
“รีบหนีเร็ว อยู่ไม่ได้แล้วจอมแสง” มงคลบอก
“ทำไม”
“พญามารกำลังมา... มันจะมาทำร้ายจอมแสงกับลูก หนีไป”
“แล้วพี่โชติ”
“พี่โชติตายแล้ว”
“อะไรนะ”
“พี่โชติตายแล้ว ตายเพราะน้ำมือของมัน เธออยู่ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเธอกับลูกต้องเป็นอันตรายมากกว่านี้ รีบหนีไปเร็ว"
จอมแสงผงะไปด้วยความตกใจ
ที่ริมหน้าผา เวลากลางคืน มงคลยืนประจันหน้ากับวิญญูด้วยสายตาไม่เกรงกลัวกันเลยแม้แต่น้อย
“แกเอาตัวจอมแสงไปไว้ที่ไหน “ วิญญูถาม
“อย่ารู้เลย ต่างคนต่างอยู่กันไปเถอะ พี่จะจองเวรจองกรรมไปถึงไหน”
“ไม่ได้จองเวร แต่มันเป็นวิถีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจพี่ให้เป็นเหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย คุณธรรมในตัวพี่มันหายไปไหนหมด"
“ฮึๆ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณธรรมหมายความว่ายังไง ตอนนี้แกกับฉันนิยามคำว่าคุณธรรมต่างกันลิบลับ”
“ถึงเราไม่ได้เป็นพี่น้องกันโดยสายเลือด แต่ฉันรักและนับถือพี่เหมือนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ทำไมเราต้องมาเข่นฆ่ากันด้วย"
“บนโลกใบนี้ มหาคุณไสยฯ ต้องมีอยู่เพียงแค่หนึ่ง !”
วิญญูลอยตัวกลางอากาศ มงคลยืนจ้องประจันหน้า
“พี่กำลังปล่อยให้กิเลสครอบงำจิตใจ แท้จริงแล้วบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรจีรัง ทุกอย่างมีเกิด ต้องมีดับ มันเป็นสัจธรรมของโลก !”
วิญญูไม่ฟัง ทั้งสองคนมองดูเชิงกันแล้วกระชากปืนยิงใส่ แต่กระสุนของทั้งสองฝ่ายก็มาชนและระเบิดตรงกลาง...ปัง !
ทั้งสองยิงปืนรัวใส่กันอีกครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย แต่ในที่สุดมงคลโดนวิญญูเล่นงานจนย่ำแย่เพราะสู้ไสย์เวทย์ดำไม่ได้ จนกระอักเลือดล้มคว่ำไป
“อย่าทำชั่วทำเลวอีกเลย กลับมาเป็นคนเดิมเถอะ !”
วิญญูไม่ฟัง ซัดมงคลอีกครั้งจนกระอักเลือด หมดลมล้มคว่ำไป วิญญูยิ้มพอใจ
สายตาสมิงที่ใกล้หมดสติเห็นร่างวิญญูจ้องเขาเขม็งแล้วเดินจากไป ก่อนภาพทั้งหมดจะดับวูบ
สมิงสีหน้าจริงจังขณะเปิดเผยความจริงที่แสงกล้าแทบล้มทั้งยืน
“หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ผมคิดว่าพญามารตายไปแล้ว.. คิดไม่ถึงว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง"
“แล้วจอมแสงไปไหน ทำไมแสงกล้าถึงต้องไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
บริเวณป่ารกริมหน้าผา เวลากลางวัน จอมแสงอุ้มพาแสงกล้าวัยทารกหนีมาด้วยความหวาดกลัว
พายุลมแรงโหมกระหน่ำเหมือนกำลังมีความเลวร้ายไล่ล่าเธออยู่อย่างไม่ลดละ จอมแสงหันหลังกลับไปมองด้วยความหวาดกลัว วิญญูปรากฏร่างขึ้นอย่างน่ากลัว
“ไม่... อย่า...อย่าทำอะไรฉันกับลูกเลย ฉันกลัวแล้ว”
วิญญูสะบัดแขนเต็มแรง ฟ้าผ่าเปรี้ยง ! เข้าที่ต้นไม้ใหญ่จนล้มลงฟาดเข้าใส่ร่างจอมแสงตกลงหน้าผาไปพร้อมกับเด็ก
“ว๊าย”
“จอมแสงโดนไอ้วิญญูทำร้ายจนตกหน้าผาไปพร้อมกับลูก ผมเองก็นึกว่าแสงกล้าตายไปพร้อมกับจอมแสงแล้ว"
วิญญูมองภาพนั้นด้วยความพอใจ
จ่าสมิงเดินเข้าไปแตะไหล่แสงกล้า พูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและจริงจัง
“เมื่อก่อนเราอาจจะสู้กับพญามารแบบไร้ทิศทาง โอกาสจะชนะมันมีน้อยเต็มที แต่วันนี้เรามีความหวังแล้ว”
สมิงจ้องไปที่แสงกล้า นภากับอินทนนท์หันมาจ้องแสงกล้าอย่างจริงจัง
“คนๆ เดียวที่จะสามารถล้มพญามารได้ ต้องเป็นสายเลือดไสยเวทย์ขาวโดยตรงของโชติญาณ นั่นคือหมวดแสงกล้า !”
แสงกล้ามีสีหน้าและแววตาเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ว่าภาระที่ยิ่งใหญ่อยู่กับตัวเอง
บริเวณสะพานสวย เวลาเช้ามืดใกล้พระอาทิตย์ขึ้น สีหน้าของร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยดูจริงจังและเครียดเมื่อนึกถึงคำพูดของจ่าสมิง
“วิญญูเป็นคนฆ่าพี่โชติฌาณพ่อของหมวด...”
ในความคิดของแสงกล้า จินตนาการเห็นโชติฌาณโดนวิญญูแทงเลือดพุ่งออกจากร่าง
“มันอยู่เบื้องหลังความเลวร้ายของสังคมไทยในทุกวันนี้”
เหตุการณ์ที่ ร.ต.อ.คราม ทรัพย์เอนกเสียชีวิต, ดร. เมฆา ฐานรัฐนอนอาการปางตาย ผบ. นภาโดนโยนออกมาจากตึก
แสงกล้ามายืนอยู่ที่กลางสะพาน ทอดสายตามองสายน้ำที่ไหลผ่านอยู่เบื้องล่างเหมือนกำลังสับสนกับความคิดและความเชื่อมั่นของตัวเองที่เป็นความหวังในทุกอย่าง รวมถึงความแค้นใจเรื่องที่วิญญูฆ่าพ่อของเขา
“ความหวังเดียวของเราที่เหลืออยู่ ในยามที่พญามารกำลังจะได้ครอบครองเทวาศาสตราวุธทั้งสี่ คนๆ เดียวที่จะสร้างความถูกต้องได้ คือสายเลือดโดยตรงของไสยเวทย์ขาวที่เหลืออยู่...หมวดแสงกล้า !”
แสงกล้าแววตาเต็มไปด้วยการครุ่นคิดยืนนิ่งอยู่ที่กลางสะพานบนบรรยากาศพระอาทิตย์กำลังขึ้นเหนือท้องน้ำ
เช้าวันเดียวกัน ที่บ้านพัก สมิงยืนนิ่งใช้สมองครุ่นคิด มองภาพถ่ายเก่าขาวดำของวิญญูในวัยหนุ่มที่ถืออยู่ในมือ สมิงถอนหายใจยาว พึมพำกับตัวเอง
“หมวดแสงกล้า... ถึงคุณจะเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ แต่คุณคงฆ่าไอ้วิญญูไม่ได้แน่นอน ชะตากรรมกำหนดมาอย่างนั้น !”
สมิงพูดกำกวมแบบนั้นด้วยสีหน้าและแววตาเครียด เขายังคงยืนนิ่ง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต... บริเวณที่พักของจอมแสง เวลากลางวัน จอมแสงกำลังเลี้ยงดูแสงกล้าอยู่
“เพราะหมวดเป็นลูกชายคนเดียวของไอ้วิญญู ศิษย์ผู้พี่สาย ไสยเวทย์ขาวของผม”
วิญญูเดินเข้ามาหาจอมแสง ทั้งสองยิ้มแย้มกันแบบคนรัก
“พี่โชติฌาณกับไอ้วิญญูเป็นคนๆ เดียวกัน”
ความที่สมิงเล่าให้แสงกล้าและทุกคนฟังว่า วิญญู, มงคล, โชติฌาณ กำลังนั่งสมาธิอย่างตั้งใจหน้าไตรรัตน์ที่พร่ำสอนอย่างตั้งใจ แท้ที่จริงแล้วมีเพียงมงคลกับวิญญูนั่งอยู่กับไตรรัตน์เท่านั้น
“ความจริงแล้วศิษย์อาจารย์ไตรรัตน์ มีแค่สองคน”
ครั้นเวลาผ่านไป บุคคลิกของวิญญูก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“แต่พี่โชติฌาณฝ่าฝืนคำสั่งอาจารย์ ฝึกไสยเวทย์ดำจนถูกอำนาจมืดครอบงำจิตใจ"
เรื่องเล่าจากอดีตที่ว่า ไตรรัตน์และโชติฌาณถูกแทงตายนอนจมกองเลือดนั้น วันนั้น มีเพียงไตรรัตน์นอนตายอยู่คนเดียว วิญญูยืนนิ่ง แววตาแข็งกร้าวไม่มีความอ่อนโยน
“พี่โชติฆ่าอาจารย์เพื่อความยิ่งใหญ่ของตัวเอง”
วิญญูก้าวออกไปด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม
สมิงรีบมาที่พักของจอมแสงที่กำลังดูแลทารกแบเบาะอยู่ จอมแสงหันมามองด้วยแววตาแปลกใจ
“รีบหนีเร็ว อยู่ไม่ได้แล้วจอมแสง พี่โชติฆ่าอาจารย์ไตรรัตน์ตายแล้ว คนต่อไปที่จะโดนฆ่าคือไอ้หนูนี่”
จอมแสงตกใจ
“ทำไมพี่โชติทำอย่างนั้น”
“ไสยเวทย์ดำครอบงำจิตใจพี่โชติกลายเป็นพญามารไปแล้ว เค้ากำลังจะมาทำร้ายจอมแสงกับลูก หนีไป"
“พี่โชติจะทำร้ายลูกตัวเองได้เชียวเหรอ” จอมแสงถาม
“พญามารทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง มีเพียงเด็กคนนี้ที่จะทำให้อำนาจไสยเวทย์ดำเสื่อมลง เค้าต้องฆ่าเด็กคนนี้แน่ๆ”
“แล้วพี่ล่ะ”
มงคลเน้นย้ำ
“พี่จะถ่วงเวลาไว้เอง จำไว้นะจอมแสง พี่โชติกลายเป็นพญามารไปแล้ว เค้าเป็นพ่อที่ฆ่าลูกได้ แต่ลูกชายคนนี้ จะไม่มีวันจะฆ่าพ่อตัวเองได้ ชะตากรรมกำหนดมาอย่างนั้น !”
"อะไรนะ"
“เด็กคนนี้เมื่อโตขึ้น จะสามารถทำให้ไสยเวทย์ดำเสื่อมลง เธอกับลูกต้องหนีไป รีบหนีไปเร็ว"
จอมแสงผงะไปด้วยความตกใจ
...จนถึงเหตุการณ์ที่จอมแสงโดนวิญญูไล่ล่าแล้วตกหน้าผาไป วิญญูยิ้มพอใจ
จ่าสมิงสีหน้าเครียดมาก เมื่อคิดถึงเรื่องราวความจริงที่ผ่านมา
“หมวดแสงกล้า ฉันจำเป็นต้องปิดเรื่องอดีตไม่ให้หมวดรู้ ถ้าพญามารครอบงำเอาหมวดไปเป็นพวกอีกคน โลกใบนี้คงสูญสิ้น !”
ภาพ CCTV มุมสูงที่ปรากฏบนจอวงจรปิดในห้องคอมพิวเตอร์ตอนเช้ามืด พญ แพรไพลิน นวิยากุลเห็นร่างของแสงกล้าชัดเจน ภาพกำลังซูมเข้าไปเห็นเป็นใบหน้าของแสงกล้าเพื่อความแน่ใจ
“หมวดแสงกล้า”
แพรไพลินรีบลุกเดินออกไปจากห้องคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจ และมองไม่เห็นว่า มีอะไรวางอยู่ทางด้านหน้า
ที่หน้าห้องนั้นมีแก้วกระดาษใส่กาแฟร้อน วางอยู่พร้อมกับขนมชิ้นเล็กๆ ข้างๆ แก้วมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง เขียนข้อความไว้สั้นๆ “กาแฟนมถั่วเหลือง... เป็นห่วง จาก คมศร” วางอยู่ด้วย
วันเดียวกัน น้ำใส ภูมิภักดิ์นั่งฟุบหลับอยู่ที่หน้าห้องพักแสงกล้า ในสภาพเหมือนไม่ได้นอน มาเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องนี้ทั้งคืน แสงกล้าเดินเข้ามาเห็น ตรงเข้าไปสะกิดเรียก
“น้ำใส... น้ำใส”
น้ำใสอาการงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าแสงกล้าปลอดภัยและกลับมาบ้านแล้วก็ยิ้มยินดี
“แสงกล้า”
“มาทำไม”
“ฉันไม่ได้ข่าวนายเลยตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อคืนสายข่าวรายงานว่าเกิดถล่มกันที่คลังสินค้าย่านลาดกระบัง น่าจะเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณพวกนั้น ฉันติดต่อนายไม่ได้ ก็เลยเดาว่าต้องเป็นภารกิจนายแน่ๆ"
“แล้วไง”
“ก็ฉัน... ฉันเป็นห่วงนาย”
น้ำใสรีบลุกขึ้นกลบเกลื่อนบอก
“เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุยกันนะ"
แสงกล้าเปิดประตูห้อง น้ำใสเดินนำเข้าไปด้วยท่าทางยินดีที่เห็นแสงกล้าปลอดภัย เขามองน้ำใสด้วยสายตาค้นหา
ภายในห้องรับแขกในห้องพัก แสงกล้าออกมาจากห้องน้ำใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ เช็ดหน้าเช็ดตา น้ำใสเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟร้อนที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ
“มาแล้ว..กาแฟร้อนผสมโกโก้ของชอบของนาย จิบสักนิดช่วยให้หายง่วงได้เยอะเลยนะ"
แสงกล้ารับมาจิบแล้วบอก
“ขอบใจ”
“รสชาติไม่หวานเกินไป เน้นนมสด ไม่ใส่ครีมเทียม”
“เธอจำได้”
“อ๊ะ...แน่นอน ฉันไม่เคยลืมเรื่องนายสักเรื่อง”
แสงกล้ามองน้ำใสจนเธอชักเริ่มรู้สึกเขินๆ รู้ตัวว่าทำตัวออกอาการหลงรักเพื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำใส ยิ้มเมื่อนึกถึงความหลัง
“แหม...ก็เราสนิทกันตั้งแต่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไง เราโตมาด้วยกัน มีเรื่องราวระหว่างเราเกิดขึ้นมากมาย ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ สุขใจ หรือทุกข์ใจ นายเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิทของฉันนะแสงกล้า”
แสงกล้าเดินออกมาหยุดที่ริมหน้าต่าง ตระหนักว่าควรจะพูดกับน้ำใสแบบตรงไปตรงมาในความสัมพันธ์
“น้ำใส”
น้ำใสยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดีบอกเสียงหวาน
“จ๋า...ว่าไงจ๊ะที่รัก”
แสงกล้าชะงักไปนิด หันมามองน้ำใสด้วยสายตาตำหนิ น้ำใสหัวเราะแหะๆ ทำหน้าจ๋อย
“เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน”
น้ำใสยิ้มๆ ไม่รู้ว่าแสงกล้าจะจริงจังถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ เขาถอนหายใจยาวเหมือนกำลังพยายามรวบรวมคำพูดไม่ให้น้ำใสเจ็บช้ำ แต่เมื่อเขามองลงไปทางด้านล่างก็เห็นแพรไพลินเอารถมาจอดที่ลานหน้าตึก และกำลังจะเดินขึ้นมา เขาชะงักไปทันที ไม่อยากให้ทั้งสองคนมาเจอกันในตอนนี้
“ว่าไง มีอะไรเหรอ พูดมาสิฉันรอฟังอยู่”
“เอ้อ คือ ฉันอยากกินโจ๊ก”
“อะไรนะ”
“ฉันอยากกินโจ๊ก... ไปซื้อโจ๊กที่หลังตึกให้หน่อยสิ ลงไปทางบันไดหลังนะ ร้านที่อยู่ติดกับหลังตึกน่ะ”
“อ๋อ... ร้านป้ายุ้ย ได้เลย รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้ โจ๊กหมูสับไม่ใส่เครื่องใน ใส่ขิงเยอะๆ ของชอบของนาย"
น้ำใสเดินออกไปอย่างร่าเริง แสงกล้ามองตามด้วยสายตาไม่ค่อยสบายใจนัก
น้ำใสเดินออกมาจากหน้าห้องแสงกล้า และเดินออกไปทางซ้ายเพื่อไปทางบันไดหลัง แพรไพลินขึ้นมาทางบันไดหน้า มาทางด้านขวา เดินตรงเข้ามาที่ห้องแสงกล้า เธอประตูนิดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
แพรไพลินเปิดประตูเข้ามา แสงกล้าที่รออยู่แล้วชะงักนิดหนึ่งแล้วยิ้มให้ นึกรู้ว่าเธอมาเพราะไม่พอใจเรื่องที่เขาทิ้งไว้กับคมศรเมื่อคืน แต่แสงกล้าพยายามทำเนียนยิ้มกลบเกลื่อนแบบขรึมๆ
“คุณ...มาแต่เช้าเลย คิดถึงผมเหรอ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” แพรไพลินบอก
“เรื่องอะไร”
“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไม ผมทำอะไร”
“ไม่ต้องมาทำไก๋ คุณทิ้งฉันไว้กับคมศร แล้วออกไปทำงานเสี่ยงชีวิต ไม่สนใจฉันเลยสักนิด”
“ก็เพราะสนใจและใส่ใจน่ะสิ ถึงได้ทำแบบนั้น”
“อะไรนะ”
“เอ้อ...ผมไม่อยากให้คุณเสี่ยง มันอันตรายเกินไป”
“พูดเหมือนฉันไม่เคยเสี่ยง แล้วเป็นไง เพราะคุณไม่ให้ฉันไปด้วยถึงโดนถล่มจนย่ำแย่ ภารกิจล้มเหลว ผู้คนล้มตายไปมากมาย ถ้าคุณยอมให้ฉันไปด้วย ฉันต้องเห็นความผิดปกติ ล้มเลิกภารกิจก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแบบนี้”
“ผมเสียใจ”
“ฉันไม่ต้องการคำว่าเสียใจ แค่อยากให้คุณสนใจความรู้สึกคนอื่นบ้าง จะทำอะไรเคยนึกบ้างมั้ยว่ามีคนที่คอยเป็นห่วง ไม่สบายใจมากแค่ไหนเพราะรู้ว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ช่วยอะไรไม่ได้”
แสงกล้ากระอักกระอ่วนกลัวน้ำใสจะกลับมา เขาเดินเข้ามาจับไหล่แพรไพลินจะให้ออกไปจากห้อง
“เอ้อ ผมว่าเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า คุยกันที่นี่คงไม่เหมาะ”
แพรไพลินปัดมือแสงกล้าที่จับเธออยู่และระบายความรู้สึกต่อไป
“คุณสนใจแต่ความรู้สึกตัวเอง บ้าระห่ำไม่เข้าท่า ไม่เคยฟังความคิดเห็นคนอื่น เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวเองสำคัญมากแน่ไหน ใครบางคนจะอยู่ได้ยังไง ถ้าคุณเป็นอะไรไป” แพรไพลินเผลอหลุดพูดออกไป
แสงกล้าชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ ประโยคที่เธอเผลอยอมรับว่าชอบเขา
“ใครบางคนที่คุณพูด หมายถึง...”
ทั้งสองชะงักกันไปนิดหนึ่ง แล้วจู่ๆ น้ำใสก็โผล่พรวดเปิดประตูเข้ามา
“แสงกล้า...โจ๊กร้านป้ายุ้ยขายหมดแล้ว นายน่าจะบอกฉันตั้งแต่เมื่อตอนเช้ามืด ฉันจะได้ลงไปซื้อให้ก่อน"
น้ำใสชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าแพรไพลินอยู่กับแสงกล้า
แพรไพลินชะงัก มองแสงกล้าด้วยแววตาเจ็บช้ำแต่พยายามระงับ ไม่แสดงออกมากมาย
“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงทิ้งให้ฉันอยู่กับคมศร ไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง จะเป็นห่วง เป็นกังวลมากแค่ไหน”
“ไม่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
“แสงกล้า ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว ขอโทษที่มารบกวนเวลาพวกคุณแต่เช้า ฉันไปละค่ะ”
แพรไพลินเดินออกไปทันที แสงกล้าจะเดินตามออกไป แต่น้ำใสที่ไม่รู้เรื่องขวางทางอยู่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแสงกล้า หมอแพรมานานแล้วเหรอ”
แสงกล้าละล้าละลังไม่รู้จะทำยังไงเพราะน้ำใสก็ยังอยู่ตรงนั้น ขณะที่แพรไพลินเดินออกไปไกลแล้ว
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
แพรไพลินเดินออกมาจากตึกด้วยความเจ็บช้ำ เธอเดินตรงเข้ามาที่ลานจอดรถหน้าตึกที่พักของแสงกล้า เปิดประตูรถขึ้นนั่ง เธอน้ำตาคลอ พยายามระงับไม่แสดงอารมณ์ของตัวเอง แต่ทนไม่ได้จนน้ำตาต้องไหลออกมา เธอพ่ายแพ้ต่อใจตัวเอง ร้องไห้ซบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างน่าสงสาร
ภายในโรงพยาบาล วันเดียวกัน คมศรยืนอยู่ที่หน้าเตียงดร.เมฆา ฐานรัฐ ด้วยสีหน้าและแววตาเป็นห่วง หมอกับพยาบาลกำลังตรวจเมฆาอยู่
หมอเห็นกระสุนในร่างเมฆายังคงเคลื่อนที่ไปมาอย่างไร้ทิศทาง หลังตรวจดูอาการเสร็จ สีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
“อาการท่านนายกดีขึ้นมั้ยครับ”
“ยังเหมือนเดิม กระสุนในร่างของท่านนายกยังคงเคลื่อนที่ ผ่าเอาออกมาไม่ได้”
“เราต้องรออีกนานแค่ไหน”
“หมอเองก็ตอบไม่ได้”
หมอแตะไหล่คมศรเป็นเชิงปลอบใจแล้วพูดต่อ
“เราทำดีที่สุดได้แค่รักษาไปตามอาการ การผ่าตัดมันเสี่ยงเกินไป"
หมอกับพยาบาลเดินออกไป คมศรสีหน้าไม่ค่อยดีเดินเข้าไปหาเมฆา
“ฟื้นสิครับ ท่านต้องฟื้น ตอนนี้พวกเราต้องการท่านมากที่สุด”
ประตูห้องเปิดผลัวะออกมาอย่างไม่เกรงใจ จักร อมตฤทธาเดินเข้ามาพร้อมกับดาหลาและลูกน้อง
คมศรจ้องหน้าดาหลาด้วยสายตาไม่พอใจ
“เธอถูกจับไปแล้ว ออกมาได้ยังไง”
“เพราะฉันไม่ผิดยังไงล่ะ !”
“ไอ้หมวดแสงกล้ากล้าดียังไงมาจับคนของฉันโดยพลการ แกเองก็เหมือนกัน มาทำอะไรที่นี่ ลืมไปแล้วเหรอว่า ตอนนี้เป็นเลขาใคร" จักรพูดพลางชี้หน้าคมศรอย่างไม่พอใจ
คมศรจ้องหน้าจักรด้วยแววตาไม่พอใจแต่พยายามระงับอารมณ์
“ก็แค่หวังว่านายกตัวจริงจะฟื้นขึ้นมาสร้างความถูกต้อง”
“ฮึๆ แต่ก็ต้องสิ้นหวัง !”
จักรเดินปราดเข้ามาข้างร่างเมฆาที่ไม่ได้สติอยู่เวลานี้ แล้วเดินไปรอบๆ ร่างเมฆาพลางหัวเราะชอบใจ
“ท่านนายกฯ คงกำลังหลับสบายจนลืมไปแล้วว่าต้องทำงานเพื่อชาติ ฟื้นสิครับท่าน...ฟื้นเร็ว ทุกคนรอการกลับมาของท่านอยู่ ฮ่าๆ”
คมศรทนไม่ไหว ปราดเข้ามาขวางจักรไม่ให้เข้าใกล้ร่างเมฆา
“พอเสียทีเถอะ ! พอได้แล้ว...จะทรมานคนป่วยไปถึงไหน”
จักรจ้องหน้าคมศรแล้วบอก
“อีกไม่นานหรอก เพราะฉันกำลังจะอนุเคราะห์ท่านเมฆาให้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบ !”
จักรผลักร่างคมศรไกลออกไป แล้วหันไปพยักหน้ากับดาหลากับสมุน ทั้งหมดตรงเข้ามาดึงอุปกรณ์ที่ระโยงระยางออก
“จะทำอะไร.. หยุดเดี๋ยวนี้นะ !”
คมศรโดนจักรปราดเข้ามาเอาปืนจ่อ คุมตัวไว้ไม่ให้ขัดขวาง
“จะขัดขวางทำไม ฉันต้องการจะช่วย”
“จะทำอะไร”
“เคลื่อนย้ายตัวดอกเตอร์เมฆานำไปผ่าตัดเอากระสุนออก ท่านนายกจะได้ฟื้นตามที่พวกแกต้องการยังไงล่ะ"
“ไม่ได้นะ หมอบอกว่ามันอันตรายเกินไป”
“ไม่เสี่ยงแล้วจะรู้เหรอ เอาตัวออกไป” จักรพูดแล้วสั่งดาหลา
พวกดาหลานำตัวเมฆาที่ยังไม่ได้สติออกไป คมศรได้แต่มองอย่างเป็นห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้
“จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนทุกสื่อฯ คณะแพทย์พิเศษตัดสินใจผ่าตัดด่วนดอกเตอร์เมฆาภายใน 24 ชั่วโมง เราจะเอากระสุนออกมาจากร่างของท่านนายกฯให้ได้"
“ทำแบบนั้นดอกเตอร์เมฆาอาจตายได้”
“แล้วไง ตายในหน้าที่ น่าภูมิใจ ! ฮ่าๆ ๆ”
จักรหัวเราะเย้ยเดินออกไปด้วยความสะใจ คมศรยืนนิ่งเครียดอยู่ตรงนั้นแบบหาทางออกไม่ได้ ที่มุมหนึ่งของห้อง กล้องวงจรปิดถ่ายภาพทั้งหมดไว้
จอภาพภายในฐานของนภา แสดงภาพเหตุการณ์ทั้งหมดภายในห้องพักฟื้นของเมฆา นภากับผู้การอินทนนท์ยืนนิ่งด้วยความเครียด
“วิญญูประกาศสงครามกับเราแล้ว” นภาบอก
“พวกมันใช้ตัวดอกเตอร์เมฆาเป็นเหยื่อล่อ ต้องการให้เราบุกไปชิงตัวออกมาเพื่อกำจัดพวกเรา” อินทนนท์บอก
“ไม่มีทางเลือก ฉันปล่อยให้เมฆาตายไม่ได้”
“แต่ว่า...”
“ไม่ใช่เพราะเค้าเป็นสามีฉันนะคะผู้การ แต่เพราะดอกเตอร์เมฆายังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าเค้าฟื้น...ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่านี้ เราปล่อยให้เค้าตายไม่ได้”
นภามีสีหน้าเครียดนึกเป็นห่วงเมฆาเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ผู้การอินทนนท์จำนนด้วยเหตุผลของนภา
ภายในห้องพัก ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยเดินแตะไหล่น้ำใส ภูมิภักดิ์พาเดินมายังเก้าอี้ริมระเบียง น้ำใสเดินตามต้อยๆ เขายกเก้าอี้มาให้น้ำใสนั่ง ส่วนตัวเองนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้า
“เรามีเรื่องจะต้องคุยกันอย่างจริงจังแล้วน้ำใส”
“ฉันพร้อมจะฟังทุกเรื่องไม่ต้องหน้าเครียดเสียงเข้มแบบนี้ก็ได้ นายทำหน้าปกติก็น่าร้ากจะแย่อยู่แล้ว”
"ฉันจริงจังนะน้ำใส"
น้ำใสยิ้มเจื่อนๆ นิ่งฟังแสงกล้าแต่โดยดี
“ที่ผ่านมา ฉันขอบคุณมากที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน ตั้งแต่เล็กจนโตคงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่สนใจและเข้าใจฉันมากที่สุด”
“ก็เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ ตอนอยู่มูลนิธิเด็กกำพร้านายคอยช่วยเหลือปกป้องฉันทุกอย่าง จะไม่ให้ฉันรักเพื่อนคนนี้ได้ยังไง”
แสงกล้าชะงักไปทันทีเมื่อน้ำใสพูดคำว่ารัก เธอยิ้มเจื่อนเขินๆ ไปนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดปากออกไป
“ความรักมักเกิดจากความผูกพัน นายเคยได้ยินมั้ย”
"ฉันรู้"
น้ำใสยิ้มน้อยๆ ดีใจที่แสงกล้ารู้ใจเธอว่าคิดยังไง
“ฉันรู้ในทุกสิ่งที่เธอทำ ทุกความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้ น้ำใส ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้ฉัน ฉันขอบคุณมาก”
น้ำใสยิ้มดีใจมาก
“ฉันนึกว่านายไม่สนใจ ไม่ใส่ใจมาตลอด ... นายรู้ด้วยเหรอ”
แสงกล้าพยักหน้ารับคำ ก่อนรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยที่ต้องตัดความสัมพันธ์คู่รักกับน้ำใสเพราะไม่ต้องการให้เธอเจ็บมากไปกว่านี้
“วันนี้... คงถึงเวลาที่ฉันจะบอกความรู้สึกที่มีกับเพื่อนรักคนนี้แล้ว”
น้ำใสสลดลงเมื่อได้ยินคำว่า “เพื่อนรัก” เต็มๆ สองหู
“ความดีของเธอยังอยู่ในความทรงจำฉัน แต่ฉันไม่เคยมองเธอเป็นอื่นเลย สำหรับแสงกล้า..น้ำใสคือน้องสาวตัวเล็กน่ารัก น่าทะนุถนอมในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนเดิม คนที่ฉันพร้อมจะปกป้องดูแลให้พ้นจากอันตราย พร้อมที่จะรักน้องสาวคนนี้ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง”
"น้องสาว"
"ยิ่งเวลาผ่านไป ฉันยิ่งมั่นใจ น้ำใสคือน้องสาวที่น่ารักของแสงกล้า ไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น"
น้ำใสอึ้ง พูดไม่ออก น้ำตาคลอเบ้า น้ำตากำลังจะไหลพรากออกมา แต่เธอพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ให้เข้มแข็ง และฝืนยิ้ม
“ขอบคุณจ้ะ ขอบคุณมากที่เปิดหัวใจ”
"ฉันทำให้เธอเสียใจ"
“เปล่า...เปล่าซะหน่อย แค่รู้ตัวเร็วจนตั้งรับไม่ทัน”
“ฉันขอโทษ”
“เฮ่ย... ไม่ต้องขอโทษ ไม่มีอะไรจริงจังขนาดนั้น ฉันเข้าใจ คนเราเมื่อไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่ ฉันก็พอจะรู้อยู่แล้วล่ะว่านายมองฉันเป็นแค่น้องสาว ฉันทำใจได้...”
แสงกล้าจ้องหน้าน้ำใสอย่างค้นหา เธอพยายามร่าเริงกลบเกลื่อน
“อย่าจ้องแบบนั้นดิ ฉันไม่เป็นไรหรอก รีบออกไปตามหาหัวใจของนายเถอะ” น้ำใสพูดพลางผลักแสงกล้าออกไป แสงกล้าอึกอักด้วยยังรู้สึกห่วงน้ำใส
“ไปสิ...หมอแพรไพลินกำลังเข้าใจนายกับฉันผิด รีบไปปรับความเข้าใจก่อนที่จะสายเกินไป"
“เธอไม่เป็นไรแน่นะ”
“ไปเถอะ”
แสงกล้าเดินเลี่ยงออกไป น้ำใสน้ำตาไหลอาบแก้มมองตามแสงกล้าออกไป เธอพูดกับตัวเองเน้นย้ำด้วยความเจ็บช้ำทั้งรอยยิ้ม
“สำหรับนาย น้ำใสคือน้องสาวที่น่ารักของพี่แสงกล้ามาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แต่สำหรับน้ำใส ตั้งแต่เล็กจนโต แสงกล้าไม่ใช่แค่พี่ชาย แต่เค้าคือคนที่ฉันรักมาตลอดตั้งแต่แรกพบ ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากนายได้หรอกแสงกล้า”
น้ำใสน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เพียงแต่กดดันในความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลาต่อมา ภายในทาวน์โฮมแพรไพลินกลางวัน พญ. แพรไพลิน นวิยากุลกำลังกดโน้ตบุ๊กทำงานเพื่อให้คลายความรู้สึกว้าวุ่นใจเรื่องที่เห็นแสงกล้ากับน้ำใสอยู่ในห้องเดียวกัน เธอถอนหายใจยาว ตระหนักว่า ตัวเองไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ สัญญาณการติดต่อทางออนไลน์ดังขึ้น แพรไพลินชะงักหันไปมองกล่องข้อความที่ป๊อบอัพขึ้นมา
เธออ่านตัวอักษรที่ปรากฏขึ้น “อยากเห็นหน้าคนน่ารักมั้ย ถ้าอยากกด S”
แพรไพลินครุ่นคิด นึกรู้ว่าน่าจะมาจากแสงกล้า แต่ก็ยังไม่วายกดปุ่ม S
ภาพบนหน้าจอ.. เปลี่ยนเป็นรูปเด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัย 4-6 ขวบ พร้อมกับตัวอักษร “S” ที่ยังค้างอยู่บนมุมหน้าจอซ้าย ที่ใต้รูปมีข้อความ “ลูกใครเอ่ย? ไม่อยากเดากด L กับ P”
แพรไพลินกดปุ่ม L กับ P ภาพบนหน้าจอที่เป็นรูปเด็กหญิง...ตัวอักษร P วิ่งไปอยู่ตรงมุมจอบนด้านขวา ตัวอักษร L วิ่งไปอยู่ตรงกลางระหว่าง S กับ P แล้วเปลี่ยนเป็นตัวหนังสือแบบเต็มๆ เติมคำ S L และ P ให้สมบูรณ์ กลายเป็น “Saengkla Love Praepailin”
"แสงกล้าเลิฟแพรไพลิน...”
ตัวหนังสือ “ลูกใครเอ่ย” เปลี่ยนเป็นประโยค “ภาพจำลองทายาทแสนน่ารัก ในอนาคต”
ที่มุมซ้ายและขวาของภาพเด็ก ซ้อนภาพแสงกล้ากับแพรไพลินในปัจจุบัน
แพรไพลินมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แล้วรำพึงออกมา
"คนบ้า...จะเอายังไงกับฉันเนี่ย"
ภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไปเป็นโปรแกรมคุยกันผ่านจอคอมพิวเตอร์ เห็นเป็นหน้าแสงกล้ายิ้มพูดคุยกับแพรไพลิน
“ยิ้มหน่อยสิ... ไม่เคยมีใครบอกเหรอ คุณมีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม”
“จะมากวนเวลาฉันทำไมอีก ไม่มีอะไรทำรึไง”
“มีแต่ไม่ทำ ผมมีภารกิจสำคัญต้องสะสาง”
"อะไร"
“ปรับความเข้าใจกับคนรัก เค้ากำลังเข้าใจผมผิด”
แพรไพลินนิ่งสีหน้าเครียด แต่ความจริงกำลังมองสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวแสงกล้าเพราะอยากรู้ว่าเขาติดต่อมาจากไหน
"คุณอยู่ที่ไหน"
แสงกล้ายิ้มแล้วบอก
“ไม่บอก ! ผมมาเพราะประโยคที่คุณบอกว่า เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวผมสำคัญมากแน่ไหน”
แพรไพลินอ้ำอึ้งพูดไม่ออก เขาพูดต่อจ้องที่หน้าจอด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง
แพรไพลินเคยพูดใส่เขาว่า
“เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวเองสำคัญมากแน่ไหน ใครบางคนจะอยู่ได้ยังไง... ถ้าคุณเป็นอะไรไป”
แสงกล้าถาม
“ใครคนนั้น คือคุณใช่มั้ย"
แพรไพลินอึ้งๆ แต่ยังไม่พอใจอยู่
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณ”
"ถ้าใครคนนั้นคือคุณ... ผมขอบคุณมากที่เป็นคนๆ นั้นในหัวใจของคุณและอยากบอกว่าเราคิดเหมือนกัน"
แพรไพลินอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่ยังไม่วายเดินออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไป แสงกล้าที่อยู่ในจอภาพมองตามแล้วเรียกหาลั่น
"เดี๋ยวก่อน...จะไปไหน เดี๋ยวก่อนสิครับ เรายังคุยกันไม่จบเลย"
แสงกล้ากำลังพูดผ่านโทรศัพท์อยู่ที่สนามข้างทาวน์โฮมของแพรไพลิน
"แพรไพลิน...จะไปไหน"
หน้าต่างด้านบนของทาวน์โฮมถูกเปิดออก แพรไพลินยื่นหน้าออกมา
"เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน... กลับไปได้แล้ว"
"คุณกำลังเข้าใจผมผิด"
แพรไพลินไม่ฟัง สาดน้ำโครมลงมาจากทางด้านบน แสงกล้าเปียกมะลอกมะแลกไปหมดทั้งตัว
"โอ๊ย เล่นอะไรเนี่ย ทำยังกับเป็นเด็กๆ"
“ฉันไม่ได้เล่น ฉันเอาจริง ถ้าไม่ยอมกลับคราวหน้าจะเป็นน้ำร้อน !”
แพรไพลินปิดหน้าต่างหันกลับออกไปทันที
"ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมอธิบายความจริง"
แสงกล้าเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างเงยหน้าขึ้นไปมองหา แพรไพลินเปิดหน้าต่างออกมาพร้อมกับสาดน้ำร้อนควันโขมงเข้าใส่แบบไม่ยั้ง แสงกล้าโดดหลบไปได้
“เฮ้ย ! น้ำร้อน”
“คราวหน้าไม่พลาด กลับไป !”
แพรไพลินปิดหน้าต่างโครม
“ให้มันรู้ไปสิ...ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
แสงกล้าคิดนิดหนึ่งแล้วเดินออกไป
แพรไพลินเดินกลับมาภายในทาวน์โฮมด้วยความรู้สึกสับสนในจิตใจ ไม่แน่ใจว่าจะโกรธหรือไม่โกรธแสงกล้าดี เธอรำพึงกับตัวเอง
“คุณจะมาหา มาทำให้ฉันสับสนทำไม”
“ถ้าอยากหายสับสน คุณก็ฟังผมหน่อยสิ” เสียงแสงกล้าดังขึ้น
แพรไพลินหันขวับมาเห็นเขาเดินเข้ามาภายในทางระเบียงที่เปิดออก
"คุณเข้ามาได้ไง"
“เดินเข้ามาทางระเบียง”
"แต่ระเบียงล็อกกุญแจ"
เขาชูกุญแจในมือแล้วยิ้มเย้ยน่ารัก
“ผมปั๊มกุญแจไว้ตั้งแต่ครั้งที่แล้วเพราะเป็นห่วงกลัวใครมาทำร้ายคุณ”
“คนบ้า !กล้าดียังไงมาปั๊มกุญแจบ้านฉันโดยพลการ ออกไปนะ”
เธอหันไปหาเหยือกน้ำที่วางไว้เตรียมรินทาน ยกขึ้น
"อย่าสาดนะ"
เธอเอาน้ำสาดหน้าเขาเต็มแรง เขาเอามือลูบหน้าที่โดนน้ำสาดเต็มๆ
"เลยสงกรานต์มาหลายเดือนแล้ว เลิกสาดน้ำซะทีเหอะ"
“ออกไป”
“คุณกำลังเข้าใจผมผิด ช่วยฟังความจริงหน่อยได้มั้ย” แสงกล้าพูดเน้นย้ำ
“คุณควรจะให้ความสำคัญกับคนที่รักและหวังดีกับคุณ
“ฉันไม่ใช่คนสำคัญ จะเข้าใจผิดอะไรก็ปล่อยไปเถอะ”
เขาเดินเข้าไปหาเธอเอามือสองข้างแตะที่ไหล่ทั้งสองข้างเธอและจ้องหน้าจริงจัง
“ผู้หญิงคนที่อยู่ข้างหน้า สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตผม เมื่อชั่วโมงที่แล้วเธอบอกว่า เธอคงอยู่ไม่ได้ ถ้าผมเป็นอะไรไป”
แพรไพลินถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก
"บอกผมสิ... ว่าคุณไม่ได้พูดแบบนั้น"
"ฉัน"
"บอกผมสิ ว่าคุณโกหก ไม่ได้หมายความอย่างที่พูด ถ้าคุณกล้าบอกว่าโกหก ผมจะเดินออกไปจากชีวิตคุณทันที"
แพรไพลินพูดไม่ออก เมื่อโดนแสงกล้าจ้องอย่างจริงจังขณะนี้ เขาตรงเข้าไปสวมกอดแพรไพลินทันที เธอพยายามดิ้นขัดขืนแต่ไม่เป็นผล เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่อ่อนโยน
“ผมมาที่นี่เพื่อจะสารภาพ...ที่ผมไม่ยอมให้คุณออกไปทำงานด้วยเพราะผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้เช่นกัน ถ้าผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้เป็นอะไรไป"
"แล้วน้ำใสล่ะ คุณเอาน้ำใสไปไว้ที่ไหน"
“น้ำใสคือน้อง แต่แพรไพลินคือชีวิต”
แพรไพลินหยุดดิ้นทันที ด้วยแพ้ใจของผู้ชายคนนี้
“ชั่วชีวิต...ผมอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต ไม่เคยต้องห่วงใยใคร หรือมีใครห่วงใยตอบ ไม่เคยคิดจะผูกพันรักใคร จนกระทั่งมาพบกับคุณ ดอกเตอร์แพรไพลิน”
แพรไพลินชะงักไปนิดหนึ่ง สายตาที่มองแสงกล้าอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
“คุณมีค่ามากที่สุดในชีวิตผม... ผมไม่มีวันจะยอมสูญเสียคุณไป ผมรักคุณ...แพรไพลิน รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ขอบคุณมากที่เรารักกัน”
แสงกล้ากอดแพรไพลินด้วยความรักอย่างที่สุด แขนของแพรไพลินที่ตอนแรกแนบตัวไม่กอดแสงกล้า เปลี่ยนเป็นกอดตอบแสงกล้าด้วยพ่ายแพ้ต่อความรักที่เขามอบให้
แพรไพลินกับแสงกล้ากอดกันอยู่ตรงนั้น เขาจูบที่หน้าผากแพรไพลินด้วยความรู้สึกรักและผูกพันอย่างที่สุด
วันเดียวกัน... ภายในโถงขมังเวทย์ เทวาศาสตราวุธทั้งสามชิ้นวางอยู่บนแท่นสูงแยกจากกัน วางจัดเรียงห่างกันเป็นรูปสามเหลี่ยม พื้นด้านล่างกลางสามเหลี่ยม ปรากฏเป็นโมเดลขนาดย่อมของแผนที่ภาพนูนประเทศไทย มีตึกรามบ้านช่องทิวเขาและแม่น้ำ
วิญญูยืนอยู่มองอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าพอใจ รวินั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ด้านหน้ารวิมีโน้ตบุ๊กพร้อมอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่างทันสมัย
"แน่ใจเหรอคะว่าจะได้ผล" รวิถาม
“แน่นอน... แค่รอเวลา ทันทีที่พระอาทิตย์อยู่กลางฟ้า เทวาศาสตราวุธทั้งสามจะนำเราไปยังจักระนารายณ์”
ประตูห้องโถงเปิดออก จักร อมตฤทธากับดาหลาเดินเข้ามา
“เตรียมเรื่องขนย้ายไอ้เมฆาเรียบร้อย พร้อมจะผ่าตัดด่วนตามแผนที่วางไว้” จักรบอก
"คมศรว่าไง"
“มันไม่ยอมแถลงข่าว ขู่จะแฉกับสื่อฯ แต่ไม่ต้องเป็นกังวล วินจัดการกักบริเวณมันเรียบร้อยแล้ว” ดาหลาว่า
วิญญูจ้องตรงไปที่ศาสตราวุธทั้งสาม
“อีก 24 ชั่วโมง วันแรม 8 ค่ำ...ฤกษ์โลกาวินาศจะเป็นวันพิพากษาไอ้เมฆา วิญญาณมันจะต้องดับสูญ"
"แล้วจักระนารายณ์"
"เรากำลังจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน"
วิญญูชี้ให้จักรดูตรงหน้า เห็นแสงอาทิตย์ส่องผ่านทอดยาวเคลื่อนที่จากหน้าต่างด้านข้างเข้ามา เรื่อยๆ จนกระทบกับตรีศูลวัชระ แสงหักเหตรงเข้าไปยังเพชรยอดสังข์ไชยมงคล บังเกิดเป็นประกายเจิดจ้า แสงเข้าไปกระทบกับภาพอนันตคทา หมุนหักเหสวยงาม แล้วทอดยาวตรงเข้าไปยังแผนผังโมเดลประเทศไทย
แสงส่องพุ่งตรงไล่ไปเรื่อยๆ จากด้านบนภาคเหนือ ลงไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ภาคกลางนิ่ง
รวิมองภาพเบื้องหน้า แล้วกดปุ่มรัวคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ปรากฏภาพลอยเหนือโมเดลประเทศไทยชี้พิกัดและตัวเลขดิจิตอลหมุนรัว
"ระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานสืบสวนฯ กำลังระบุที่ตั้งที่แน่ชัด"
จักรมองวิญญูกับรวิอย่างทึ่งๆ
“เมื่อมหาไสยเวทย์ถูกรวมกับเทคโนโลยี... อะไรก็หยุดเราไม่ได้ !” วิญญูบอก
รวิอ่านข้อมูลจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก เมื่อประมวลผลเสร็จ
“เทวาศาสตราวุธทั้งสามระบุพิกัดชัดเจนแล้ว” รวิบอก
สายตาทุกคู่พุ่งตรงมาจ้องที่รวิซึ่งกำลังอ่านค่าพิกัดจากคอมพิวเตอร์
อุทยานประวัติศาสตร์ฯ ที่กว้างขวางและดูขรึมขลัง ท้องฟ้าเบื้องบนมีเมฆดำมาบดบัง แล้วบังเกิดสายฟ้าและฟ้าแลบแปลบปลาบ
“อุทยานประวัติศาสตร์นักรบ”
สนามกลาง มีศิลปปูนปั้นขนาดไม่ใหญ่นัก 4-5 ชิ้นวางเรียงรายอยู่ที่กลางอุทยานประวัติศาสตร์ฯ
ใต้ฐานปูนปั้นชิ้นหนึ่งที่สวยงามมีจักระนารายณ์ฝังอยู่โดยปะปนไปกับปูนปั้น จนแยกแทบไม่ออกว่าเป็นศาสตราวุธชิ้นสำคัญ
“จักระนารายณ์ซ่อนอยู่ที่อนุสรณ์สถาน สัญญลักษณ์แห่งชัยชนะ ภายในสวนอุทยานประวัติศาสตร์”
จักร อมตฤทธาตาลุกวาวด้วยความพอใจที่รู้ที่ซ่อน รวิกดโน้ตบุ๊ก หน้าจอกำลังรายงานการวิเคราะห์
“ตามประวัติ อุทยานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการต่อสู้เพื่อพิทักษ์สมรภูมิ รวบรวมวัตถุโบราณ สัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ไว้หลายยุค” รวิบอก
“แต่ไม่มีใครรู้ว่าชิ้นหนึ่งคือ...จักระนารายณ์” จักรว่า
"ถูกต้องค่ะ"
วิญญูเดินเข้ามาแตะไหล่รวิ
"ทำงานได้ดีมากรวิ"
วิญญูบอกและหันไปสั่งจักร
“ฉันจะไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ เราต้องได้จักระนารายณ์มาก่อนที่พวกมันจะไหวตัวทัน”
“แล้วนังนภากับพวกล่ะ”
“มันไม่มีเวลาคิดขัดขวางเราหรอก ตราบใดที่ยังมีห่วงในจิตใจ...พวกมันไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ เพราะเรากำลังจะตีเข้าที่กลางหัวใจ !” วิญญูพูดด้วยสีหน้าเหี้ยม
ภายในฐาน เวลากลางคืน นภากำลังเปิดดูรูปเธอกับเมฆาในโทรศัพท์มือถือ ภาพเหล่านั้น แสดงอริยาบทต่างๆ ทั้งออกงาน ไปเที่ยวด้วยกัน ในกิจกรรมและช่วงเวลาต่างๆ
นภาครุ่นคิด แววตาเต็มไปด้วยความกังวลใจเป็นห่วงเรื่องเมฆา
เหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เมฆากับนภาได้อยู่ด้วยกันที่ริมทะเล ภาพเต็มไปด้วยความผูกพัน นภามองหน้าเมฆาในรูปถ่ายด้วยความรักและผูกพัน น้ำตาคลอ...ร้องไห้น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามตัดใจเช็ดน้ำตาที่คลออยู่
จบตอนที่ 9 ใน ทีวี ที่เหลือจากนี้ คือเรื่องราวที่ไม่ได้ออกอากาศ!!!
วันเดียวกัน พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เดินเข้ามาในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจ ด้วยท่าทางเร่งรีบ
ภายในห้องทำงานของยุมธการ เขาหันมามองรวิด้วยสายตาแปลกใจ ขณะที่รวิสีหน้าเรียบไม่มีความรู้สึกเกรงกลัว
“ผบ.รวิ... คุณกำลังจะบอกว่าผู้การอินทนนท์กับ อดีตผบ. นภาอยู่เบื้องหลังการโจรกรรมวัตถุโบราณ เทวาศาสตราวุธงั้นเหรอ"
“ดิฉันมีหลักฐานเชื่อได้อย่างนั้นค่ะ”
"อะไร"
รวิเปิดวิดีโอวงจรปิดในไอแพด แสดงบันทึกการต่อสู้เมื่อคืนวานที่คลังสินค้าให้ยุทธการดู พร้อมกับอธิบาย
"ภาพวงจรปิดขณะที่คลังสินค้าโดนถล่มเมื่อคืนนี้"
"คลังสินค้าลาดกระบังน่ะเหรอ"
“ค่ะ... รองจักรกับท่านวิญญูวางแผนเอาวัตถุโบราณทั้งสามชิ้นไปเก็บไว้ที่นั่น เพื่อล่อให้พวกเค้าเข้ามาโจรกรรม"
ภาพในไอแพดเห็นหน้านภาและอินทนนท์ชัดเจน
"แต่ ผบ.นภา เสียชีวิตไปแล้ว” ยุทธการแย้ง
“สร้างเรื่องค่ะ... สำนักงานสืบฯ เพิ่งตรวจสอบห้องเก็บศพในโรงพยาบาล ไม่พบศพ ผบ.นภา”
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ยุทธการดูภาพในไอแพดต่อไป ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นไปได้
"สำนักงานสืบฯ กำลังสืบรายละเอียดทั้งหมด มีหลักฐานเชื่อได้ว่า ผบ.นภากับผู้การอินทนนท์ร่วมกันวางแผนลอบสังหารนายกฯเมฆา"
ยุทธการถอนหายใจยาว... สีหน้าเครียดเพราะทั้งสองคนเป็นมือดีของสำนักงานสืบฯ มาโดยตลอด
"คุณต้องการให้ผมทำอะไร"
“อนุมัติหมายจับ และควบคุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” รวิบอก
“นอกจากผบ.นภากับผู้การอินทนนท์... มีใครอีกบ้าง”
“หมวดแสงกล้า จ่าสมิง เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ ส่วนหนึ่ง”
ยุทธการพยักหน้ารับรู้
“และยังมีอีกคนนึง”
"ใคร"
"เลขาคมศร... ถึงจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ แต่เรากำลังสืบหาหลักฐานในทางลึก เชื่อได้ว่าคมศรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน”
รวิสีหน้าจริงจัง ต้องการใส่ความคนทั้งหมดก่อนที่ทุกอย่างจะพุ่งเข้ามาหาตัวเองกับพวก
จักร อมตฤทธายืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงบริเวณบ้าน สายตามองไปยังลานหน้าบ้านเห็นขบวนรถเหล่าร้ายพร้อมจะออกเดินทางไปเอาจักระนารายณ์
"จัดการทางนี้ให้เรียบร้อย พวกมันต้องเข้ามาชิงตัวไอ้เมฆาแน่นอน" วิญญูบอก
"ไม่ต้องห่วง... ไปเอาจักระนารายณ์มาให้ได้เถอะ" จักรว่า
วิญญูสีหน้าและแววตามุ่งมั่นเดินนำเหล่าร้ายขึ้นรถคันหนึ่ง และนำขบวนรถออกไป
จักรยืนอยู่กับดาหลามองขบวนรถที่เคลื่อนออกไป
เวลาเดียวกัน ภายในที่พักของ สมิงกำลังนอนอยู่บนแท่นชาร์จของตัวเอง ปรอทกรอที่ห้อยอยู่ที่คอสมิงสั่นรัวเตือนเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง สมิงลืมตาขึ้นมาทันที รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ขมังเวทย์กำลังจะทำ
ฝ่ายนภาพยายามตัดใจไม่ให้คิดมากเรื่องเมฆา หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดจอภาพด้านหน้า... อินเตอร์ลูดข่าวด่วนจากสกายนิวส์เน็ทเวิร์ค
ภายในห้องส่ง ผู้อ่านข่าวชายกำลังวิเคราะห์ข่าวอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ ด้านหลังจอเป็นรูปเมฆาและตัวหนังสือ “ผ่าตัดด่วนนายกเมฆา”
“เป็นที่แน่นอนแล้วว่า คณะแพทย์ที่ปรึกษากำลังจะนำร่างของนายกรัฐมนตรี ดอกเตอร์เมฆา ฐานรัฐ ไปผ่าตัดนำกระสุนออกจากร่าง หลังจากถูกลอบยิงต้องเป็นเจ้าชายนิทราไม่ได้สติมานานนับเดือน เป็นที่น่าสังเกตว่าการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่มี นายคมศร สุริยน เลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมอยู่ด้วย”
ภาพในการแถลงข่าวปรากฏแต่โฆษกของจักรเท่านั้น
คมศรนั่งนิ่งด้วยความเครียด ถูกคุมขังและสอบสวนอยู่โดยวิน สีหน้าของคมศรไม่พอใจมาก
“รายงานข่าวที่ไม่ยืนยันแจ้งว่า เกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างเลขาคมศรกับสำนักงานสืบสวนพิเศษฯ ซึ่งกำลังสืบหาหลักฐานเรื่องการลอบสังหารดอกเตอร์เมฆา นายกรัฐมนตรี”
คมศรเหลืออดตบโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นชี้หน้าวิน
“ปล่อยฉันออกไป ผู้กองไม่มีสิทธิขังฉันไว้แบบนี้”
“เป็นคำสั่งของ ผบ.รวิ”
"แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด"
“ผบ.เชื่อว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารดอกเตอร์เมฆา และการระเบิดคลังสินค้าเมื่อคืน"
"หลักฐานอยู่ไหน ถ้าไม่มีก็ไม่มีสิทธิทำแบบนี้"
“ถ้านายกเมฆาฟื้น... ความจริงเปิดเผย คุณก็พ้นผิด”
“ผู้กองกำลังทำผิดพลาดที่สุดในชีวิต กระสุนวิ่งไปทั่วร่างแบบนั้น ดอกเตอร์เมฆาไม่มีทางรอดจากการผ่าตัดแน่ๆ”
"ไม่เชื่อฝีมือคนรักเก่าแล้วเหรอ"
"อะไรนะ"
วินเน้นย้ำบอก
“ยังไม่รู้ คนที่รับผิดชอบผ่าตัดท่านนายกฯ ในครั้งนี้คือ ดอกเตอร์แพรไพลิน ผู้อำนวยการสถาบันเนติเทคโนโลยี คนที่คุณน่าจะไว้ใจมากที่สุด"
คมศรตกใจมาก..เสียงแผ่ว
"แพรไพลินเป็นคนผ่าตัด"
คมศรชะงักไปด้วยความตกใจ วินยิ้มเหี้ยมๆ แล้วลุกขึ้น
"สงบจิตสงบใจไว้ดีกว่า แล้วทุกอย่างมันจะผ่านไป... ฮึๆ"
วินเดินออกไปทิ้งให้คมศรนั่งสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
นภา ฐานรัฐกำลังเปิดดูข่าวบนหน้าจอกลางห้อง ด้วยสีหน้าเครียดมาก อินทนนท์เดินเข้ามาพอดี ทันที่จะได้ยินการรายงานข่าวจากผู้สื่อข่าว
“ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า การผ่าตัดจะกระทำที่สถาบันเนติเทคโนโลยีภายใน 24 ชั่วโมง ท่ามกลางการมาตรการอารักขาเต็มพิกัด สนธิกำลังระหว่างสำนักงานสืบสวนพิเศษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันอันตรายจากคนที่กำลังจ้องปองร้ายดอกเตอร์เมฆา"
นภาดูว้าวุ่นและไม่สบายใจ หันไปทางอินทนนท์
“เราต้องบุกไปชิงตัวเมฆาที่เนติเทค ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
ผู้การอินทนนท์มีสีหน้าไม่สบายใจ
รอบๆ บริเวณเนติเทคฯ มีการรักษาความปลอดภัยเต็มที่ ทั้งกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่หลายสิบ
คน ชนิดที่ไม่มีทางบุกเข้ามาชิงตัวได้เลย
บริเวณทางเดินกลางเนติเทคฯ มีการเคลื่อนย้ายร่างดร.เมฆาที่ยังไม่ได้สติเข็นเข้ามาตามทางเดิน
โดยมีกุ๊บกิ๊บและพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
บริเวณมุมหนึ่ง จ่าหวานกับดาบแหบใส่หมวกหลุบหน้าป้องกันคนจำได้ แอบมองและพูดโทรศัพท์บอกนภา
“ท่านนายกฯ มาถึงเนติเทคฯ แล้ว กองกำลังอารักขาเพียบ ไม่มีทางบุกเข้ามาได้ง่ายๆ เลยครับ”
ดร. เมฆา ฐานรัฐยังสลบไม่ได้สติ วินเดินตรงเข้าไปหากุ๊บกิ๊บกับเจ้าหน้าที่
“เตรียมห้องผ่าตัดไว้ที่ด้านบนแล้ว เอาตัวท่านนายกฯ ขึ้นไปได้เลย” วินบอก
“แล้วหมอผ่าตัด” กุ๊บกิ๊บถาม
“กำลังจะมา... รีบขึ้นไปเซ็ทอัพเครื่องมือเถอะ”
ร่างของดร. เมฆากำลังถูกเคลื่อนย้ายไปยังห้องผ่าตัด
จ่าสมิงกำลังขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปตามถนนหลวงมุ่งสู่ชานเมือง เขาชำเลืองมองปรอทกรอที่สั่นระรัวไม่หยุด เขากำลังใช้ปรอทกรอตามตัวขมังเวทย์อยู่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อติดต่อโทร.หาแสงกล้า
ภายในทาวน์โฮม โทรศัพท์มือถือของแสงกล้าดังขึ้นพร้อมปรากฏชื่อคนเรียกเข้าเป็น “จ่าสมิง” แต่ไม่มีคนรับสายเพราะแสงกล้าวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ สมิงปิดโทรศัพท์มือถือด้วยอาการไม่พอใจ เก็บโทรศัพท์แล้วบิดเครื่องและมุ่งหน้าต่อไปตามปรอทกรอ
บริเวณสนามทาวน์โฮม แสงกล้ากำลังย่างไก่จากเตาบาบีคิวให้แพรไพลินควันโขมง ทั้งสองยังไม่รู้เรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น แพรไพลินยืนอมยิ้มมองแสงกล้า
"แน่ใจนะว่ากินได้"
“อ๊ะ... กินแล้วจะติดใจ” แสงกล้าบอก
“ซื้อเค้ากินไม่ง่ายกว่าเหรอ ดูๆ ไปเหมือนเผาไก่มากกว่าย่างไก่”
“จะอร่อยต้องเกรียมๆ”
"นั่นมันไหม้แล้ว"
“อันนี้กรอบนอกนุ่มใน ถ้าดอกเตอร์สาวไม่เชื่อ..ตำรวจหนุ่มท้าให้พิสูจน์”
แสงกล้าฉีกไก่ด้วยมือแล้วเอามาเป่าให้หายร้อน ก่อนจะเอื้อมไปจะป้อน เธอชะงักนิดหนึ่ง ยังเขินอยู่จะหยิบมากินเอง
"จะอร่อยมาก...ถ้ากินระบบโนแฮนด์"
เขาป้อนไก่ให้เธอกิน แพรไพลินกินแล้วอายๆ ทั้งสองยิ้มให้กัน
“จะอร่อยขึ้นไปอีก ถ้าดูดนิ้วคนป้อน”
“บ้า !”
แพรไพลินตีแสงกล้าเพี้ยะใหญ่ เขาหัวเราะร่าร้องลั่น เอาผ้าเช็ดมือไปพลาง หัวเราะไปพลาง
“มีความสุขมากเกินไปแล้ว” เสียงรวิดังเข้ามา
ทั้งสองชะงักไปทันที หันไปตามเสียงเห็นรวินำกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบเข้ามา แล้วกระชากปืนออกมาจ่อที่แสงกล้า แสงกล้าขยับทำอะไรไม่ได้
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตรงเข้ามาใส่กุญแจมือแสงกล้า เขาขยับจะต่อสู้แต่ทำไม่ได้แล้ว
“แสงกล้า... หมวดถูกจับและตั้งกรรมการสอบสวน เราเชื่อว่าหมวดกับจ่าสมิงมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการระเบิดคลังสินค้าเมื่อคืนนี้”
แสงกล้าจ้องรวิด้วยสายตาไม่พอใจ
“ทำอะไรไว้... หมวดย่อมจะรู้แก่ใจนะ”
“ผมรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง... ผบ.เองนั่นแหละ รู้ตัวบ้างมั้ยว่าทำชั่ว !”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์บันดาลโทสะเอาด้ามปืนตบหน้าแสงกล้าจนหน้าหัน เลือดออกที่มุมปาก แพรไพลินตกใจ
“แสงกล้า”
แสงกล้าหันขวับมามองหน้ารวิด้วยสายตาไม่พอใจ ทั้งสองเผชิญหน้ากัน เขาโดนกระชากตัวออกไป
แพรไพลินพูดกับรวิ
“พี่ไม่มีสิทธิทำแบบนี้”
“ฉันทำตามคำสั่งท่านผู้บัญชาการฯ ส่วนเธอ...กลับไปกับฉัน ! เธอต้องผ่าตัดกระสุนออกจากร่างดอกเตอร์เมฆา"
“เสี่ยงเกินไป อาจจะเป็นอันตรายกับท่านนายกฯ”
“นั่นเป็นความรับผิดชอบของหมอ ไม่เกี่ยวกับฉัน...”
“ฉันไม่ทำ !”
“หรือจะเสี่ยงให้คนอื่นทำ”
แพรไพลินชะงักไปทันที เพราะมันเป็นการบังคับให้เธอต้องทำเพื่อความปลอดภัยของเมฆา
“ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเถอะแพรไพลิน เพราะถ้านายกฯ เป็นอะไรไป เธอโดนข้อหาฆ่าผู้นำโดยประมาทแน่นอน !”
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์พยักหน้าสั่งให้ลูกน้องนำตัว พญ. แพรไพลิน นวิยากุลไปที่รถสำนักงานสืบสวนพิเศษที่จอดอยู่ทางด้านนอก
วันเดียวกัน น้ำใสสีหน้าหม่นหมองจากการที่โดนปฏิเสธความรักจากแสงกล้าเดินมาตามทางเดินในสถานี เพื่อนนักข่าวชายหญิงทักทาย แต่น้ำใสยิ้มแห้งๆ เหมือนไม่มีอารมณ์ร่าเริง
"เป็นอะไรน้ำใส ทำหน้าเหมือนคนอกหัก" เพื่อคนแรกบอก
"โดนใครสลัดรักมาเหรอจ๊ะ" เพื่อนอีกคนว่า
น้ำใสยิ่งจ๋อยเข้าไปอีก พูดอะไรไม่ออกเดินหนีเพื่อนออกมาเลย
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น น้ำใสยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอระบุ “Private Number” เธอนิ่วหน้าด้วยความสงสัย รับโทรศัพท์นั้นฟังเสียงปลายสายพูดนิดหนึ่งแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นตกใจทันที
“แสงกล้าโดนจับ และโดนตั้งกรรมการสอบสวน !”
น้ำใสรีบเดินพูดโทรศัพท์ออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังจะไปร่วมทำภารกิจบางอย่าง
ทางเดินในเนติเทคฯ แสงกล้ากับแพรไพลินโดนคุมตัวมาพร้อมกัน ทั้งคู่เดินคู่กันมาตามทางเดิน โดยมีพ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์กับเจ้าหน้าที่ฯ นำตัวมา
“สำนักงานสืบฯ จะเอาคุณเข้าเครื่องจับเท็จของเนติเทคฯ คุณโกหกไม่ได้แน่ๆ”
แพรไพลินสีหน้าไม่ค่อยดีเข้ามากระซิบกับแสงกล้า เมื่อมองไปโดยรอบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มไปหมด
“จะทำยังไงต่อไป”
“เราต้องรอด”
"ทำไมคุณเชื่ออย่างนั้น"
แสงกล้าจ้องไปที่กล้องวงจรปิดตัวหนึ่งเหนือทางเดินของเนติเทคฯ แล้วหันไปพูดกับแพรไพลินด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น
"เพราะผมมีศรัทธา”
แสงกล้าจ้องไปที่กล้องวงจรปิดนั้น
วงจรปิดภายในฐานนภา ปรากฏภาพทางเดินกลางเนติเทคฯ เห็นแสงกล้าที่หยุดมองกล้องวงจรปิดนั้น ก่อนจะเดินออกไป
นภาที่กำลังนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ รัวคีย์บอร์ดเหมือนกำลังเตรียมหาข้อมูลเพื่อทำอะไรบางอย่าง
"คุณกำลังทำอะไร" อินทนนท์ถาม
นภาไม่ตอบ ละจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมอาวุธเต็มพิกัดบนโต๊ะ
ผู้การอินทนนท์หันไปมองกล้องวงจรปิดที่แสดงภาพภายในเนติเทคฯ
“คมศร แสงกล้า แพรไพลิน โดนจับตัวไปหมดแล้ว”
“พวกมันต้องการให้เราถึงทางตัน..ไม่มีทางออก !”
นภาหยิบปืนขึ้นมากระชากลำกล้อง...แล้วลั่นไก..แชะ !
“ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกมันตัดสินใจผิด ! ความดีไม่มีวันตาย คนดีไม่มีวันพ่ายแพ้ต่ออำนาจชั่ว”
นภาสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจ
ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยโดนใส่กุญแจมือและเดินเข้ามาในห้องสอบสวน เจ้าหน้าที่ไขกุญแจมือออกให้แสงกล้าแล้วกำลังจะเดินออกไป เจ้าหน้าที่บอก
“ผู้กองวินจะมาสอบสวนหมวดด้วยตัวเอง”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป แสงกล้าสีหน้าเครียดเมื่อพบว่าวินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหี้ยม
“ทำไมวันนี้ไม่ปากกล้าเหมือนเดิมล่ะ” วินถาม
"ผมไม่มีอะไรจะตอบ"
“แต่ฉันมีเรื่องจะถามและมีวิธีจะทำให้แกต้องตอบ”
ทั้งสองคนจ้องหน้าอย่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน
“หมั่นไส้มานานแล้ว... วันนี้เพิ่งมีโอกาส ถือซะว่าทีใครทีมันก็แล้วกันนะ หมวดแสงกล้า"
วินใส่ถุงมือดำที่เอามาด้วย จ้องหน้าแสงกล้า และเงื้อหมัดเต็มๆ ซัดเข้าใส่หน้ากล้อง... ภาพวูบไป
ภายในห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน คมศรชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงชกต่อย เหมือนคนกำลังโดนซ้อม คมศรนั่งนิ่งด้วยความเครียดไม่น้อยไปกว่ากัน เขาลุกขึ้นยืนพยายามคิดหาทางออก
พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เดินคุม พญ. แพรไพลิน นวิยากุลเข้ามาในห้องผ่าตัด กุ๊บกิ๊บกับเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมอุปกรณ์
ดร. เมฆา ฐานรัฐยังนอนนิ่งไม่ได้สตินอนอยู่บนเตียง
"เตรียมทุกอย่างให้พร้อม"
แพรไพลินมองไปทั่วทั้งบริเวณ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก รวิหันมายิ้มเยาะแบบเหี้ยมๆ
“ทำใจให้สบาย ยังไงก็เธอต้องตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าผู้นำตายโดยประมาท !”
แพรไพลินจ้องหน้ารวิด้วยสีหน้าและแววตาไม่พอใจ รวิหันไปสั่งเจ้าหน้าที่ภายในห้องทุกคน
“เราจะเริ่มผ่าตัดภายใน 2 ชั่วโมง”
รวิพูดจบเดินออกไปทันที แพรไพลินมองตามด้วยสีหน้ากังวล
โทรศัพท์มือถือของกุ๊บกิ๊บดังขึ้น กุ๊บกิ๊บมองเบอร์เรียกเข้าแล้วงงๆ เพราะขึ้นว่า Private
“กุ๊บกิ๊บพูดค่ะ...ค่ะ ดอกเตอร์แพรไพลินอยู่ที่นี่...ของหมอแพรค่ะ"
หลังกุ๊บกิ๊บคุยโทรศัพท์แล้ว ก็ยื่นสายให้แพรไพลิน
“ใครโทรมา”
"เค้าบอกว่าโทรมาจาก ศรัทธา"
แพรไพลินรับโทรศัพท์มาพูดด้วยสีหน้าและแววตาตกใจ
“แพรไพลินพูดค่ะ”
“เมฆาอยู่กับเธอใช่มั้ย”
แพรไพลินมองไปที่ร่างเมฆาที่ยังสลบไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น
ภายในฐาน นภากำลังพูดโทรศัพท์พร้อมๆ กับทำงานอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วย
"เรามีเวลาไม่มาก... ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ"
“ว่ามาเลยค่ะ”
“กำลังส่งไฟล์สำคัญไปให้ ดอกเตอร์แพรไพลิน...เธอต้องใช้ความสามารถทั้งหมด ทำตามคำสั่งที่ฉันแนบไป”
นภากดปุ่ม Send ส่งไฟล์สำคัญไปให้แพรไพลิน
น้ำใส ภูมิภักดิ์แบกกระเป๋าเหมือนกระเป๋ากล้องใบใหญ่เข้ามาในบริเวณโถงทางเข้าเนติเทคฯ เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาเหมือนจะตรวจ เธอแสดงบัตรนักข่าว
“ผู้สื่อข่าวสกายนิวส์เน็ตเวิร์คค่ะ”
"แล้วนี่อะไร" เจ้าหน้าที่ถาม
"กล้องกับอุปกรณ์ถ่ายทอดค่ะ"
เจ้าหน้าที่มองอย่างชั่งใจ น้ำใสยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
ในเวลาต่อมา ขบวนรถของวิญญู อัคนีแล่นเข้ามาตามทางในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ จนมาถึงที่ตั้งของลานศิลปปูนปั้นที่มีวางเรียงรายกันอยู่ 4-5 ชิ้น เขาเดินลงมาจากรถ จ้องมองไปยังปูนปั้นแต่ละชิ้นที่วางเรียงรายอยู่
"เริ่มงานได้...”
เหล่าร้ายพากันตรงเข้าไปยังปูนปั้นที่วางเรียงรายอยู่ด้วยอุปกรณ์ครบมือ
“หยุดนะ... จะทำอะไร” เสียงเจ้าหน้าที่อุทยานฯดังขึ้น
วิญญูหันขวับไปมอง เจ้าหน้าที่อุทยานสามคนผงะไปเล็กน้อย เจ้าหน้าที่อีกคนบอก
“ที่นี่เป็นอุทยานประวัติศาสตร์...พวกคุณไม่มีสิทธิเข้ามาทำอะไรแบบนี้”
“จริงเหรอ !”
วิญญูสะบัดมือเพียงครั้งเดียว บังเกิดคลื่นพลังงานวูบเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทั้งสามคน ปลิวกระเด็นออกไปไกลคนละทิศละทาง คนหนึ่งร่างกระทบกับผนังกำแพงเก่าของอุทยานฯ จนสลบคาที่ อีกสองคนร่างลอยไปห่างออกไปไกลลิบลับ
“จักระนารายณ์อยู่ที่ฐานสถูปแห่งชัยชนะ !”
วิญญูชี้ไปที่ศิลปปูนปั้นชิ้นหนึ่งกลางลานฯ เหล่าร้ายพากันเข้าไป เขามองไปรอบๆ บริเวณอย่างระแวดระวังภัยเต็มที่
สมิงถือปรอทกรอที่ไหวระรัว แล้วมองไปยังภาพเบื้องหน้าเห็นวิญญูกำลังควบคุมเหล่าร้ายดำเนินการนำเอาจักระนารายณ์ออกมาจากฐานสถูปแห่งชัยชนะ สมิงครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วเดินออกไป
จักร อมตฤทธาเดินเข้ามาภายในห้องคอมพิวเตอร์กับดาหลาและบอดี้การ์ด เจ้าหน้าที่พากันทำความเคารพ
"ตรวจสอบทุกๆ จุด นังนภามันต้องบุกเข้ามาชิงตัวเมฆาแน่ๆ"
จักรปราดตามองไปยังภาพจากจอวงจรปิดภายในเนติเทคฯ ทุกจุด รวิเดินเข้ามามองไปยังภาพวงจรปิดทั้งหมดเหมือนจักร เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบเต็มไปหมด
“ต่อให้เข้ามาได้... ฉันยังไม่เห็นทางเลยว่ามันจะเอาตัวออกไปยังไง”
จอภาพวงจรปิดตัวริมสุดเห็นจ่าหวานกับดาบแหบใส่หมวกหลุบหน้า กำลังคุมตัวหญิงนักเที่ยวผมสีเข้ามาตามทางเดินที่ไกลออกไป
จักรกับรวิยืนจ้องกล้องวงจรปิดแต่ละตัวอยู่ ไม่ทันมองกล้องวงจรปิดตัวที่จับภาพจ่าหวานกับดาบแหบที่พาหญิงนักเที่ยวผมสีออกไป
บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ วิญญูยืนมองด้วยแววตาแข็งกร้าว ฐานปูนปั้นปรากฏความเป็นจักระนารายณ์ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
บริเวณชั้นล่างเนติเทคฯ จ่าหวานกับดาบแหบใส่หมวกหลุบหน้ากำลังคุมตัวหญิงนักเที่ยวผมสี ผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ฯ ไปได้โดยไม่มีใครสงสัย ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทั้งสามคนยืนละล้าละลังอยู่บริเวณหน้าลิฟท์จะขึ้นไปที่ชั้นบนเนติเทคฯ กดลิฟท์แล้วยืนรอ
ลิฟท์ที่กำลังลงมาจากชั้นบน
ทันใดนั้น... ประตูลิฟท์เปิดออก ทั้งสามคนกำลังจะก้าวเดินเข้าไปกลับต้องประจันหน้ากับ ดาหลา และ เจ้าหน้าที่ฯ สามคนที่อยู่ในลิฟท์ตัวนั้น ดาหลากระชากปืนออกมาจ่อที่หน้าหญิงนักเที่ยวผมสี ขณะที่เจ้าหน้าที่ฯ หลายคนที่มากับดาหลากระชากปืนออกมาจ่อที่ดาบแหบกับจ่าหวาน
จักรกับรวิยืนจ้องวงจรมอนิเตอร์ภายในลิฟท์ตาเขม็ง
“ผบ.นภา แผนชิงตัวแบบนี้ ไม่พื้นๆ ไปหน่อยเหรอ” จักรว่า
ภายในห้องคอมพิวเตอร์ ที่หน้าจอมอนิเตอร์... เห็นหน้า จ่าหวาน ดาบแหบ ชัดเจน แต่หญิงนักเที่ยวผมสีก้มหน้าอยู่ทำให้กล้องจับภาพนั้นไม่ชัด จักรกับรวิกำลังจ้องไปที่จอภาพนั้น ด้วยสีหน้าสะใจที่จะจับนภาได้
ภายในห้องทำงาน แพรไพลินกำลังดูวงจรปิดในห้องตัวเอง เห็นจ่าหวาน ดาบแหบ กับหญิงนักเที่ยวโดนดาหลากับเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯ จับได้ และควบคุมตัวอยู่ที่หน้าลิฟท์ เธอหันไปมองหน้าจอวงจรปิดอีก 2 จอ เห็นคมศรที่ถูกคุมตัวอยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนแสงกล้ากำลังโดนวินสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดอยู่อีกห้องหนึ่ง
แพรไพลินหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลัง หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นกราฟิกชัดเจนว่า “ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เนติเทคโนโลยี Executive User” คำเตือน... ระบบนี้ใช้ได้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงสุดเท่านั้น !
เธอนำบัตรประจำตัวของตัวเองมารูดที่ข้างเครื่องคอมพิวเตอร์ กราฟิกหน้าจอกระพริบถี่ๆ
Password Access…เธอรัวคีย์บอร์ดสั่งบันทึกภาพทีวีวงจรปิดไว้อย่างรวดเร็ว กราฟิกคอมพิวเตอร์บนหน้าจอเห็นRecording กำลังบันทึกภาพอย่างชัดเจน
แพรไพลินหมุนตัวหันไปที่คอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่ง กดรัวคีย์บอร์ด หน้าจอเปลี่ยนไปเป็น Private Conversation ภาพคมศรในห้องควบคุมปรากฏบนจอโน้ตบุ๊ก แพรไพลินสีหน้ามุ่งมั่นพูดใส่ไมค์ข้างหู
"คมศร... คุณได้ยินฉันมั้ย"
ภายในห้องควบคุมตัว คมศรชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงแพรไพลิน เขาหันไปเห็นกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งที่กำลังถ่ายเขาอยู่
“ไม่ต้องตอบ แค่พยักหน้าก็พอ อย่าทำตัวเป็นที่ผิดสังเกต”
คมศรพยักหน้าน้อยๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเป็นที่ผิดสังเกต
แพรไพลินกำลังมองคมศรอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่งสายตาดูไปที่จอมอนิเตอร์อื่นด้วยเพื่อระแวดระวัง
"ไม่มีใครรู้ว่าฉันกำลังติดต่อคุณอยู่ นี่เป็นระบบลับเฉพาะที่ ผอ.เนติเทคจะใช้ได้เท่านั้น"
คมศรชำเลืองมองมาที่หน้าจอกล้อง พยักหน้าเป็นทำนองเข้าใจ
“ทีนี้ฟังฉันให้ดีๆ … อีกสักครู่ระบบไฟฟ้าของเนติเทคฯจะขัดข้อง คุณมีเวลาไม่เกิน 10 นาทีที่จะออกมาจากห้องนั้น”
คมศรมองไปรอบๆ ห้องเหมือนกำลังหาทางออกตามคำพูดของแพรไพลิน
“ห้องนี้ล็อคด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมจากคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง แต่ถ้าไฟดับ ระบบจะเปลี่ยนมาล็อกอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าสำรองในห้อง แผงวงจรอยู่ทางด้านขวาใต้ประตู”
สายตาคมศรมองไปที่แผงใต้ประตูที่ปิดอยู่
“คุณต้องต่อสายตรงระบบไฟฟ้า โดยใช้ความรู้ทางวิศวกรรมไฟฟ้าที่เคยเรียนมาประตูจะเปิดออกอัตโนมัติ"
คมศรหันไปมองกล้องวงจรปิดเหมือนสงสัยว่าแพรไพลินกำลังจะทำอะไรอยู่
แพรไพลินกำลังจ้องมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่ปรากฏเป็นใบหน้าคมศรเช่นกัน สีหน้าเธอมุ่งมั่น“เมื่อออกไปจากห้องได้แล้ว คุณคงรู้เองว่าควรจะทำอะไรต่อไป... หมวดแสงกล้าถูกคุมตัวอยู่ที่ห้องถัดไป คุณมีเวลาไม่เกิน 10 นาทีก่อนไฟฟ้าจะกลับมาเป็นปกติ"
แพรไพลินคีย์โน้ตบุ๊กบนโต๊ะรัวเร็ว ต่อเข้ากับระบบไฟฟ้าภายในเนติเทคฯ กราฟิกบนจอภาพเห็นข้อความ “เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าส่วนกลาง” แล้วเปลี่ยนเป็น “Virus Transfer..”