xs
xsm
sm
md
lg

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2

อาคารสถาบันเนติเทคโนโลยี สำนักงานสืบสวนพิเศษ รูปทรงทันสมัยตระหง่านอยู่เบื้องหน้า รถสำนักงานสืบฯ แล่นเข้ามาจอด ดาบแหบเอากุญแจไขกุญแจมือแสงกล้าออก

“อย่าหนีอีกนะหมวด ผมไหว้ละ...ยอมไปตรวจดี ๆ เหอะ” ดาบแหบพูดพลางยกมือไหว้
แสงกล้ารับไหว้แทบไม่ทัน ดาบแหบเอาใบส่งตัวใส่ในมือแสงกล้า
“เอ้านี่..ใบส่งตัว ให้หมอเค้าตรวจแล้วเซ็นรับรองซะ แค่นี้หมวดก็จะหมดทุกข์หมดโศกทำงานสืบสวนได้อย่างเดิมแล้ว”
ดาบแหบชะโงกหน้าไปเปิดประตูให้แสงกล้าแล้วพยักเพยิดให้แสงกล้าลงไป
แสงกล้าถอนหายใจยาว แต่ก็ยอมลงไปแต่โดยดี
“เดี๋ยวผมจะเอารถไปจอด แล้วเจอกันครับหมวด”
ดาบแหบขับรถออกไป แสงกล้าสีหน้าเบื่อๆ ยืนมองชื่อป้าย “สถาบันเนติเทคโนโลยี สำนักงานสืบสวนพิเศษ” พลางนึกถึงเหตุที่เขาต้องมาที่นี่
“ฉันจะส่งตัวนายไปตรวจสอบสภาพจิตที่เนติเทค" รวิบอก
"อะไรนะ"
"ก้าวร้าว อีคิวต่ำ ขาดการอดกลั้น ถ้าไม่ผ่านการตรวจสภาพจิตจากเนติเทคฯ ตกแม้แต่คะแนนเดียว สิบผู้การอินทนนท์ก็ช่วยอะไรนายไม่ได้ เตรียมย้ายไปทำงานธุรการได้เลย"
แสงกล้าอึ้งๆ
"ตรวจสภาพจิต"
แสงกล้ามองป้ายสถาบันฯแล้วถอนหายใจยาวก่อนเดินเข้าไปยังอาคารเนติเทคฯ

วันเดียวกัน อีกมุมหนึ่งที่หน้าเนติเทคฯ มีเตียงเข็นศพของเหล่าบอดี้การ์ดของอนันต์หลายคนเข้าทุกศพมีผ้าคลุมปิดหน้า เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงานกับหัวหน้าที่เข้ามาตรวจเอกสาร
“มาจากบ้านรองอนันต์ทุกศพ”
“ค่ะ ตายประหลาดทุกคน สำนักงานสืบฯ ต้องการผลชันสูตรด่วน”
เจ้าหน้าที่เข็นเตียงเข้าไป หัวหน้าชะงักเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข็นอีกเตียงหนึ่งเข้ามา
"รองนายกอนันต์"
รองนายกรัฐมนตรีอนันต์ อนัตวานิชกุลยังไม่ตาย แต่อาการเหมือนสลบไม่ได้สติ คมศรเดินนำเข้ามาพร้อมกับบอกหัวหน้าเจ้าหน้าที่
“สลบไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อคืน คงต้องเอาตัวมารักษาที่นี่”
คมศรเดินคุมเจ้าหน้าที่นำรองนายกฯอนันต์เข้าไปด้านในสถาบันเนติเทค

เคาน์เตอร์ด้านในสถาบัน เนติเทคฯ กำลังวุ่นวายกับเคสที่เพิ่งรับมาจากบ้านรองอนันต์ เจ้าหน้าที่กำลังโกลาหลกับงานเอกสารและระบบคอมพิวเตอร์ กุ๊บกิ๊บกำลังกำชับดูแลให้แต่ละคนทำงาน
แสงกล้ากำลังละล้าละลังอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่มีใครสนใจเขาสักคน และเขากำลังจะหงุดหงิด เพราะแต่ละคนเดินผ่านเขาไปหมด แสงกล้าจะยื่นเอกสารในมือแต่ไม่มีใครสนใจ
"ผมมาติดต่อ"
เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ แสงกล้าชักจะฉุน
กุ๊บกิ๊บเดินเข้ามาหาเอกสารที่เคาน์เตอร์แล้วชะงักมองหน้าแสงกล้า เธอยิ้มถูกใจ แสงกล้าดีใจที่มีคนสนใจ
"ผมมาจากสำนักงานสืบฯ"
กุ๊บกิ๊บยิ้มหวานแนะนำตัว
“กุ๊บกิ๊บค่ะ กุ๊บกิ๊บโสดสนิท ไร้คู่ ไร้คนรู้ใจ082 122 2213 ค่ะ”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาแทรกพูดกับกุ๊บกิ๊บ
“เคสสำคัญเข้ามาแล้วค่ะกิ๊บ”
“แต่น่าเสียดายเรากำลังยุ่ง รอสักครู่ใหญ่ ๆ เลยนะคะ เดี๋ยวจะมายุ่งด้วย อย่าใจร้อนนะคะรูปหล่อ จุ๊บ ๆ” กุ๊บกิ๊บพูดกับแสงกล้า
กุ๊บกิ๊บเดินออกไปอีกด้าน แสงกล้าถึงกับเหวอไป ออกอาการหงุดหงิดเต็มที่แล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์นั้นเอง

ศพบอดี้การ์ดถูกวางเรียงอยู่ในห้องชันสูตรของสถาบันเนติเทคฯ แพรไพลินเดินเข้ามาพร้อมกับไอแพดในมือ เธอกำลังเปิดดูรายงาน อ่านแล้วนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
“ทุกศพ อวัยวะภายในถูกทำลายอย่างรุนแรง”
“ถ้าดูฟิล์มเอ็กเรย์จะยิ่งแปลกใจมากกว่านั้น” เสียงคมศรดังเข้ามา
แพรไพลินหันไปมอง
"คมศร"
"สวัสดีครับแพร"
"หมอค่ะ กรุณาเรียกฉันว่า หมอ”
ทั้งสองมองหน้ากันเหมือนมีความหลังที่เคยชอบพอระหว่างกัน

ที่คอมพิวเตอร์ทันสมัยตรงมุมหนึ่งภายในบริเวณห้องชันสูตร คมศร สุริยนเคาะคีย์บอร์ดแล้วชี้ให้ พญ. แพรไพลินดูภาพเอ็กเรย์อวัยวะภายในศพแต่ละราย … หน้าจอคอมพิวเตอร์ทันสมัย แสดงฟิล์มเอ็กซเรย์
“ทุกศพ อวัยวะภายในถูกทำลายอย่างรุนแรง ฉีกขาดแบบไร้สาเหตุ” คมศรบอก
“เป็นไปไม่ได้”
“ผมก็คิดแบบนั้น ถึงต้องส่งมาให้เนติเทคฯ ชันสูตรศพโดยด่วนที่สุด”
บนจอคอมฯ แสดงภาพอวัยวะภายในมีรอยฉีกขาดเต็มไปหมด หลายภาพ หลายศพ
 
แพรไพลินมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ นาฬิกาดิจิตอลที่กำแพงด้านหนึ่งแสดงเวลาที่ผ่านไป ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยนั่งเบื่อหน่ายอยู่หน้าเคาน์เตอร์พลางชะเง้อมองหาคนสนใจ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงวุ่นวายอยู่
 
แสงกล้าเบื่อหน่ายจนต้องโวยเบา ๆ "โว๊ย" ก่อนถอนหายใจทิ้งตัวเองพิงพนักด้วยความไม่พอใจ ไม่สบอารมณ์ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

ภายในห้องตรวจห้องหนึ่ง รองนายกรัฐมนตรี อนันต์ อนันตวานิชกุลยังคงหลับไม่ได้สติ มีสายน้ำเกลือระโยงระยางอยู่ แพรไพลินกำลังตรวจเบื้องต้น คมศรยืนอยู่ทางด้านข้าง เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งคอยช่วยแพรไพลิน
"คุณก็รู้ว่าเนติเทคฯ ไม่รับดูแลคนไข้"
"รู้"
“รู้แล้วทำไมไม่ส่งรองอนันต์ไปโรงพยาบาล”
“นี่เป็นกรณีพิเศษ ท่านอนันต์เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พรรคไททิวัตถ์ไม่ต้องการให้สื่อรู้ว่าโดนทำร้าย"
"คมศร จะมีสักครั้งมั้ยที่คุณไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิต" แพรไพลินพูดอย่างไม่พอใจ
คมศรยิ้มขรึมบอก
“การเมืองเป็นงานของผม เหมือน ๆ กับที่คุณชอบทำหน้าซีเรียส ทำงานสืบสวนหาหลักฐานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีเวลาเหลือให้ใครนั่นแหละ"
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลมองคมศรด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้ คมศรพูดล้อๆ อย่างอารมณ์ดี
“ถามจริง ๆ เถอะ ชีวิตคุณนอกจากหายใจแล้ว เคยทำอย่างอื่นนอกจากงานมั้ย”
แพรไพลินนิ่งแล้วพูดขึ้น
“ก่อนจะถามฉัน คุณลองถามตัวเองก่อนดีกว่า”
คมศรเหมือนพยายามไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย แพรไพลินฉีดยาใส่ทางสายน้ำเกลือให้รองอนันต์
พอดีกับกุ๊บกิ๊บเดินเข้ามาพอดี แพรไพลินหันไปสั่งกุ๊บกิ๊บ
“ฉันเพิ่งให้ยาไปทางสายน้ำเกลือ.. อีกสักพักน่าจะดีขึ้น ดูอาการให้ด้วย”
"เดี๋ยวก่อนแพร"
แพรไพลินสีหน้าไม่พอใจที่คมศรพูดเหมือนคุ้นเคย
“หมอค่ะ”
คมศรอึกอักถาม
"เอ้อ..ครับ... หมอ หมอจะไปไหนครับ"
“คุณบอกเองว่าฉันต้องทำงานสืบสวน 24 ชั่วโมง ฉันต้องไปทำหน้าที่ค่ะ”
แพรไพลินหันไปพูดกับกุ๊บกิ๊บ
“ถ้าท่านรองฯ ฟื้นแมสเสจตามฉันด้วย”
แพรไพลินหันมาพูดกับคมศรอีก
“คุณก็น่าจะกลับไปทำหน้าที่ตัวเองเหมือนกัน รองอนันต์ฟื้นเมื่อไหร่ฉันจะให้กิ๊บติดต่อไป ไปเถอะ ภารกิจสำคัญของชาติรอคุณอยู่ อย่าเสียเวลาอยู่ที่เนติเทคฯ”
แพรไพลินมองคมศรด้วยสีหน้า แววตาเย็นชาแล้วจึงเดินออกไปเลย คมศรมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“แหะ ๆ จ๋อย อดีตกิ๊กก็แบบนี้แหละค่ะ น่าเบื่อน่ารำคาญ น่าจะหากิ๊กใหม่ ๆ นะคะ”
คมศรขรึม ๆ มองหน้ากุ๊บกิ๊บที่โปรยยิ้มหวานแล้วไม่ตอบอะไรเดินออกไป กุ๊บกิ๊บมองตามด้วยความเสียดาย

ร.ต.ต.แสงกล้านั่งรอจนหมดความอดทนแล้วลุกพรวดขึ้นทันที กำลังจะเข้าไปหาเรื่องกับเจ้าหน้าที่เนติเทคฯ ที่กำลังค้นเอกสารอยู่ตรงเคาน์เตอร์
"นี่คุณ ผมนั่งรอจะชั่วโมงแล้วนะ"
"ค่ะ” เจ้าหน้าที่พูดน้ำเสียงนิ่งๆ และไม่ได้กวนแต่ไม่สนใจ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็เดินหนีออกไปหน้าตาเฉย แสงกล้าชักไม่สบอารมณ์
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ เดี๋ยว จะให้รอไปอีกนานเท่าไหร่ เดี๋ยว... โว๊ย”
แพรไพลินเดินเข้ามาพอดีที่เคาน์เตอร์ มองซ้ายมองขวาหาเจ้าหน้าที่เพื่อจะหาเอกสาร
แสงกล้าหันมาเห็นพอดีก็ถาม
“จะมาติดต่ออะไรเหรอน้อง พี่บอกไว้เลยนะ รออีกยาว ทางที่ดีออกไปเอาเสื่อเอาเต้นท์มากางเลยดีกว่า”
“คุณ”
“พี่ก็เป็นเหยื่อ ที่ต้องมาติดต่อไอ้สถาบันโรคจิตนี้เหมือนน้องไง”
"สถาบันโรคจิต"
“ใช่ นี่ถ้าไม่โดนบังคับ พี่ไม่มีวันมาหรอก ไอ้เนติเทคผ่าศพตรวจซากเน่า ๆ เนี่ย ไม่รู้ทำงานอยู่กับซากขึ้นอืดได้ไง คนทำงานแบบนี้ได้มันต้องเป็นพวกคนบ้า พวกโรคจิตเท่านั้น น้องว่ามั้ย”
ระหว่างที่แสงกล้าพูดถึงสถาบันฯ แพรไพลินไม่แสดงออกว่าไม่พอใจเพราะเธอเป็นหมอโรคจิต แต่จ้องเหมือนกำลังวิเคราะห์จิตแสงกล้ามากกว่า
“แล้วคุณมาทำไม”
"ตรวจสภาพจิต"
แพรไพลินชะงักหันไปมองหน้าแสงกล้า เขาต้องรีบพูดระล่ำระลัก ออกตัวพัลวัน
“เฮ้ย..อย่ามองอย่างนั้น พี่ไม่ได้เป็นโรคจิต แต่เจ้านายบังคับให้มาตรวจอีคิว”
"ตรวจทำไม"
“ก็เพื่อดูว่าควบคุมอารมณ์ได้เหมาะสมกับการทำงานรึเปล่า เค้าหาว่าพี่ก้าวร้าว เจ้าอารมณ์ คุมอารมณ์ไม่อยู่”
“อ้อ แล้วความจริงไม่”
“ไม่! ก้าวร้าวอะไร พี่อารมณ์ดีจะตาย”
“แค่เห็นรออย่างสบายใจ ก็พอจะรู้แล้วค่ะว่าเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ก้าวร้าว ร่ำรวยอารมณ์ขัน"

แสงกล้ามองหน้าแพรไพลินเหมือนชะงักว่ามันประชดกูรึเปล่าวะ แต่แพรทำหน้าเฉย ๆ จนเดาไม่ออก

แสงกล้ากำลังคุยกับแพรไพลินด้วยท่าทางสนิทสนม โดยไม่รู้ว่าเธอเป็นผอ.อยู่ที่นี่

“ไอ้สถาบันเนติเทคเนี่ย แค่ได้ยินชื่อ ผอ.ก็หนาวแก่แล้ว”
“หนาวแก่”
แพรไพลินนิ่วหน้ามองแสงกล้า
“ดอกเตอร์ไพลิน โฮ... ไพลิน ชื่อแก่โคตร ถ้าเดาไม่ผิดที่พนักงานทำงานช้า แบบนี้คงมัวแต่ไปตำน้ำ ป้อนอาหารป้าไพลินอยู่ ฮ่า ๆ ๆ”
แสงกล้าเมาท์แบบมันปาก หัวเราะร่าแต่พอหันไปทางแพรไพลินกลับเหวอเพราะเธอหน้าเรียบเฉย
“เค้าคงไม่ได้ชื่อไพลินมั้ง”
“ชื่อไพลินจริง ๆ ฮึ ๆ ได้เมาท์ยายป้าไพลินกับน้องแล้ว พี่อารมณ์ดีขึ้นเยอะ ป้าไพลินโรคจิต ฮ่า ๆ ๆ”
“ไม่ได้ชื่อไพลิน”
“ยังจะมาเถียงอีกน้อง ไม่แน่...บางทีชื่อเต็มอาจชื่อยายแก่ไพลิน ฮึ ๆ”
แพรไพลินดึงป้ายชื่อออกมา ชูไปที่หน้าแสงกล้าแล้วบอก
“ผอ.เนติเทค คือ ดอกเตอร์แพรไพลิน นวิยากุล ไม่ได้เป็นป้าหรอกค่ะ”
แสงกล้ามองรูปตรงป้ายชื่อ แล้วเทียบหน้ากับแพรไพลินแล้วเริ่มเหวอที่จุดไต้ตำตอตรง ๆ
แพรไพลินนิ่งดุ ขณะที่แสงกล้าพยายามเก็กไม่ออกอาการเหวอ

กุ๊บกิ๊บเดินมาส่งคมศรถึงที่รถ เปิดประตูรถให้ด้วยอีกต่างหาก
“จะไปแล้วจริง ๆ เหรอคะ แหม...อาลัยอาวรณ์ยังไงก็ไม่รู้”
คมศรแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“ฮึ ๆ กุ๊บกิ๊บรีบกลับเข้าไปดูอาการรองอนันต์ดีกว่า ไม่ทำตามคำสั่ง เดี๋ยวจะโดนหมอแพรดุนะครับ"
กุ๊บกิ๊บสะดุ้งบอก
“เออจริงด้วย งั้นจำใจลา อาลัย บ๊ายบาย”
คมศรยิ้มรับ ปิดประตูขับรถออกไป
“ตาย ๆ ๆ มัวแต่โปรยเสน่ห์ ลืมท่านรองได้ไง”
กุ๊บกิ๊บรีบวิ่งออกไป

รองอนันต์ยังนอนสลบไม่ได้สติอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือแขวนอยู่เหนือเตียง โดยมีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งกำลังดูสายน้ำเกลืออยู่

วันเดียวกัน เวลากลางวัน ภายในโถงขมังเวทย์ที่มืดดำทะมึนดูน่ากลัว เขานั่งตระหง่านอยู่ที่กลางโถง หลับตาคล้ายกำลังทำสมาธิ ก่อนเปิดดวงตาเบิกโพลงอย่างน่ากลัว!

ภายในห้องตรวจ จู่ๆ รองนายกรัฐมนตรี อนันต์ อนันตวานิชกุลก็เปิดตาขึ้น แต่เหม่อลอยเหมือนไม่มีชีวิต เขาหันขวับไปมองทางเจ้าหน้าที่ฯ ที่กำลังตรวจสายน้ำเกลืออยู่ เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มดีใจถาม
“ฟื้นแล้วเหรอคะท่านอนันต์”
รองอนันต์ไม่ตอบ แต่กลับซัดโครมเข้าที่หน้าเจ้าหน้าที่จนล้มไปทั้งเสาน้ำเกลือ สลบเหมือดไปทันที
รองอนันต์กระชากสายน้ำเกลือออกจากท่อนแขน แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

ในมุมมืด ขมังเวทย์เบิกตาโพลงน่ากลัว รอบตัวปรากฏคล้ายมีคลื่นคุณไสยฯ กระจายออกไปทั่ว

สมิงกำลังเอาโซ่ออกจากซีร็อคโก้ที่มาจอดไว้ที่ลานจอดฯ โดยจอดคู่กับปิ๊คอัพขนของ เขารับรู้ได้ถึงคลื่นคุณไสยฯ ที่ขมังเวทย์ปล่อยออกมา สมิงตัวแทบทรุดเอามือจับขมับตัวเองราวปวดหัวหนัก

ร.ต.ต.แสงกล้า อภิไชยนั่งอยู่ตรงหน้า พญ แพรไพลิน นวิยากุลภายในห้องตรวจสภาพจิต ทั้งสองกำลังทำบททดสอบจิต โดยแพรไพลินชูใบรูปกราฟฟิก แล้วให้แสงกล้าบอกว่าเป็นรูปอะไร แสงกล้าท่าทางกวนประสาทเต็มที่
“รูปสาวสก๊อยซ์กำลังจูจุ๊บกับเด็กแว๊นซ์ จุ๊บ ๆ จุ๊บ ๆ”
แพรไพลินนิ่ง ๆ ไม่แสดงความโกรธเพราะเธอเป็นจิตแพทย์ เธอชูรูปต่อไป แสงกล้านั่งกระดิกเท้าสบายใจตอบ
“นกฮูกหนุ่มกำลังถ่ายรูปนู๊ด”
ดูรูปต่อไป
“หมอสาวโรคจิตกำลังแอบดูเว็บโป๊”
แพรไพลินถอนหายใจยาวเหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์ ก่อนชูรูปเป็นรูปสุดท้าย
"ตำรวจหนุ่มเสน่ห์แรงกำลังร่ายบทพิศวาสกับหมอสาว"
แพรไพลินวางใบรูปบนโต๊ะแบบระงับอารมณ์
“หมวดแสงกล้า ถ้าคิดว่าการทำให้ฉันรำคาญแล้วจะได้ลายเซ็นผ่านละก็ คิดผิด”
“พี่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น”
แสงกล้าหยิบใบส่งตัวออกมา วางบนโต๊ะแล้วหยิบปากกาส่งให้แพรไพลิน
“รีบเซ็นให้พี่ผ่านการตรวจสภาพจิตดีกว่าน้อง เสียเวลา พี่มีงานต้องทำอีกเยอะ”
“จะให้ผ่านได้ยังไง ในเมื่อหมวดแสดงออกถึงความก้าวร้าว อีคิวต่ำ ไม่เหมาะจะทำอาชีพตำรวจ”
“นี่น้อง น้องคิดว่าตัวเองเป็นอะไร อายุแค่นี้เก่งมาจากไหนถึงจะมาประเมินจิตใจชาวบ้าน ไอ้ใบปริญญาที่ซื้อมาแปะข้างฝา หลอกได้แต่พวกตาแก่นิยมสาวเอ๊าะเท่านั้นแหละ”
"อะไรนะ"
“มีดีแค่สวยจริง ๆ เด็ก ๆ แบบนี้เป็น ผอ.เนติเทคได้ไง อีหรอบนี้พี่ขอเดา ถ้าไม่มีพ่อเป็นผู้การ ก็มีผัวเป็นผู้กำกับ ฮึ ๆ”
“ขอแสดงความเสียใจด้วย คุณไม่ผ่านการตรวจสภาพจิต”
แพรไพลินเอาปากกาติ๊กตรงช่อง “ไม่ผ่าน” แล้วเซ็นชื่อทันที แพรไพลินส่งใบประเมินให้แสงกล้า แสงกล้ารับมาดูแล้วโวยลั่น
“เฮ้ย ๆ ๆ ได้ไง อนาคตของพี่ทั้งชีวิตนะ”
แพรไพลินแกล้งย้อนคำแสงกล้า
“พี่ทำตัวเองค่ะ หมดธุระแล้ว เชิญกลับได้”
แพรไพลินนิ่ง ๆ มองแสงกล้าอย่างเหนือชั้น
“ฉันไม่ได้เป็นเด็กอย่างที่หมวดเข้าใจ แค่ปรายตาฉันก็รู้แล้วว่าหมวดนิสัยยังไง ผ่านอะไรมาบ้าง"
แพรไพลินมองแสงกล้าด้วยแววตาค้นหา และพูดรัวอย่างเร็วมาก
“แผลเป็นที่ปลายคิ้ว โตในโรงเรียนเด็กกำพร้าท้าชกกับเค้าไปทั่ว”
แพรไพลินจับมือขวาแสงกล้าขึ้นมาดูแล้วบอก
“กระดูกนิ้วเคยหักเพราะชกกำแพง เก็บกดมากเหรอ”
แพรไพลินพูดพลางยิ้มเยาะก่อนเชยคางแสงกล้าขึ้นมองแล้วบอก
“ขอบตาดำคล้ำ เครียดจนขึ้นสมอง นอนไม่หลับสักคืน ต้องพึ่งยานอนหลับขั้นรุนแรง ฮึ ๆ ชอบบริโภคความเครียดเป็นอาหารมื้อดึกก็ไม่บอก”
แสงกล้าอึ้งไปทันทีกับความเก่งกาจ สามารถของหมอสาวตรงหน้า
"เฮ้ยๆๆ เป็นหมอดูหรือหมอผีวะ"
“จากสำเนียง คำพูด กริยา และ ท่าทางการแสดงออก ตอนอยู่โรงเรียนนักเรียนนายร้อย หมวดสอบตกวิชาภาษาและวัฒนธรรมไทยทุกปี”
“โอเค พี่ยอม น้องเก่ง น้องเลิศ แต่น้องต้องแก้คำวินิจฉัย ยังไงพี่ก็ต้องผ่านการตรวจ" แสงกล้าพูดพลางชูใบส่งตัว
“ไม่ ฉันประเมินอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว”

แสงกล้าจ้องแพรไพลินอย่างเอาเรื่อง แต่แพรไพลินไม่สนใจหยิบงานอื่นมาทำต่อ

แสงกล้าชูใบส่งตัวอีก

"น้องครับ ถ้ารู้ว่าพี่ก้าวร้าวก็ไม่ควรทำให้พี่โมโห แก้ใบประเมินให้ซะดี ๆ"
แสงกล้าลุกขึ้นตรงเข้ามาใกล้แพรไพลินที่กำลังจะลุกขึ้นเดินหนี แสงกล้ารุกไล่ต่อทันที
"พี่ไม่ยอมให้น้องไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะเซ็นให้พี่ผ่าน"
แพรไพลินถอย แสงกล้าเดินรุกเข้าไปหาอย่างเอาเรื่อง


รองอนันต์เดินดวงตาแข็งกร้าวมาตามทางเดิน เหมือนกำลังมุ่งไปที่ใดที่หนึ่ง
ใบหน้าขมังเวทย์ในมุมมืดของโถงพิธี ขรึมขลังดูน่ากลัว

ดาบแหบกำลังป้ออยู่กับสาวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่หัวเราะด้วยความสนุกสนาน ที่มุมด้านหลัง รองอนันต์กำลังเดินผ่านไป ดาบแหบหันไปเห็นพอดี ก็นิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“รองนายกฯ”
ดาบแหบรีบตามไป
ดาบแหบตามมาทันรองอนันต์ที่มุมหนึ่งของตึก
“เดี๋ยวก่อนครับท่าน ท่านจะไปไหนครับ”
รองอนันต์หันขวับมา ไม่พูดไม่จาชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าและท้อง ดาบแหบทรุดตัวลง ก่อนจะโดนเตะเสยอีกทีจนสลบเหมือด

ขมังเวทย์ยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ

สมิงเบิกตาโพลงจับสัมผัสรับรู้ได้ถึงคลื่นนี้ รีบลุกขึ้นและขึ้นรถยกขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีรถปิ๊คอัพคันหนึ่งพ่วงออกไปด้วย

รองอนันต์ก้มลงหยิบปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวของดาบแหบ ยกขึ้นมากระชากไกปืนแล้วเดินต่อไป เจ้าหน้าที่คนหนึ่งปราดเข้ามาจะห้าม รองอนันต์ยิงเปรี้ยงเข้าที่ไหล่ ทรุดลงไปทันที รองอนันต์เดินต่อไป

แสงกล้าเดินเข้าไปหาแพรไพลิน แพรเดินถอยหลังชักกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“ยังไงก็ไม่ผ่าน ทำแบบนี้ยิ่งจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง”
"ผมทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทำงานที่สำนักงานสืบฯ ผมไม่ยอมให้ทุกอย่างพังเพราะหมอฝึกหัดแน่ ๆ"
“หมวดมีอะไรดีมากกว่าความก้าวร้าวเจ้าอารมณ์”
แสงกล้าหยุดยืน จ้องแพรไพลินแล้วจึงเหลียวไปมองรอบ ๆ ห้องทำงานแล้วชี้หน้า
“จบดอกเตอร์ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 25 บ้าเรียนเพื่อลบปมด้อยบางอย่างของตัวเอง”
แสงกล้ายิ้มยั่วเดินวนรอบตัวแพรไพลิน
“ทำตัวแปลกแยก บ้าแฟชั่นแต่งตัวไม่เหมือนหมอเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ อาจจะเป็นเพราะมีปัญหาทางบ้าน พ่อแม่แยกกัน คนอย่างคุณไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากใคร”
“กล้าดียังไงมาสรุปชีวิตฉันแบบนั้น”
แสงกล้ามองไปรอบห้อง
“รึไม่จริง คนบ้าอะไร ทั้งห้องทำงานไม่มีรูปถ่ายครอบครัวสักใบ จำได้มั้ยว่าถูกกอดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"
“อย่าพยายามยั่วโทสะฉัน มันไม่ได้ผล”
"ถึงผมไม่ได้จบจิตแพทย์ก็รู้ว่าคุณเป็นโรคจิต ขาดความรัก ไม่เคยไว้ใจใคร เพราะชีวิตไม่เคยคิดจะรักใครสักคน”
“หยุดนะ! หยุดได้แล้ว”

รองอนันต์เดินถือปืน แววตานิ่งดูน่ากลัว เดินตรงไปยังทางขึ้นดาดฟ้าของอาคารเนติเทคฯ กลุ่มเจ้าหน้าที่วิ่งกรูตามหมายจะห้าม รองอนันต์หันหลังขวับกลับมาทันที วาดปืนในมือยิงเปรี้ยงเข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ เปรี้ยง ๆ ๆ


แพรไพลินเหลืออดชี้หน้าด่าแสงกล้า
“ออกไป! ฉันบอกให้คุณออกไป”
“พอเจอเข้ากับตัวเองก็รับความจริงไม่ได้ เปลี่ยนคำวินิจฉัยซะเรื่องจะได้จบๆ"
เสียงเคาะประตูดังรัว กุ๊บกิ๊บเปิดประตูโผล่พรวดออกมาด้วยสีหน้าตกใจมาก
“ขออนุญาตค่ะหมอ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ท่านรองนายกฯ คลุ้มคลั่งยิงคนไปทั่ว ตอนนี้กำลังอยู่บนดาดฟ้าค่ะ"
แพรไพลินกับแสงกล้าตกใจรีบออกไปทันที

บริเวณดาดฟ้า รองอนันต์ท่าทางลอย ๆ มองไปทั่ว มีเจ้าหน้าที่หลายคนล้อมอยู่ในลักษณะระแวดระวัง รองอนันต์ยิงเปรี้ยงๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย เจ้าหน้าที่ต่างหวาดกลัวหลบลูกปืนเป็นการใหญ่
รองอนันต์ตาขวาง ตรงไปยังขอบดาดฟ้า เจ้าหน้าที่ชะงัก
"อย่านะครับท่าน อย่าโดด"
แสงกล้าวิ่งขึ้นมากับแพรไพลิน ท่าทางตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แพรไพลินทำท่าจะเข้าไป กุ๊บกิ๊บห้าม
“อย่าค่ะหมอแพร มันอันตราย”
แพรไพลินไม่มีท่าทางจะหวาดกลัว กลับเดินตรงเข้าไปเผชิญหน้ากับรองอนันต์ที่ถือปืนอยู่เวลานี้
“ท่านอนันต์ พอเถอะค่ะ”
อนันต์ท่าทางไม่ฟัง วาดปืนในมือเหยียดตรงมายังแพรไพลิน
“จิตวิทยาของหมอไม่ได้ผลหรอก” แสงกล้าบอก
แพรไพลินหันมาทางแสงกล้าดุด้วยเสียงกร้าว
“หุบปาก!”
แพรไพลินหันไปทางรองอนันต์อีกครั้งแล้วพูดกล่อม
"นี่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่าน ท่านกำลังเครียด ทำจิตใจให้สบาย ไม่มีใครจะทำร้ายท่านสักคนนะคะ"

รองอนันต์ไม่มีวี่แววว่าจะรับฟัง กำปืนแน่นพร้อมจะระเบิดกระสุนเข้าใส่แพรไพลินทุกเมื่อ

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ภายในมุมมืด ขมังเวทย์แววตาแข็งกร้าว นิ่ง ริมฝีปากขยับกำลังร่ายมนตร์ รังสีคุณไสยฯกระจายออกไปทั่วบริเวณ

สมิงรีบขับรถยกลัดเลาะมาตามถนนอย่างรวดเร็ว ภายในรถสมิงนิ่วหน้าปวดหัวอีกครั้ง เมื่อได้รับรังสีคุณไสยฯ และพยายามกัดฟันขับรถต่อไป

ในโถงพิธี ขมังเวทย์กำลังทำพิธีน่ากลัว

รองอนันต์เบิกตากว้าง ร้องลั่น
"อ๊าก"
รองอนันต์กำลังเอาปืนจ่อตรงไปยังแพรไพลิน ก่อนกระแทกนิ้วลงที่ไกปืน ยิงเปรี้ยง...
“หมอ...ระวัง”
แสงกล้ากระโดดพุ่งตัวออกมา เอาร่างรับกระสุนแทนแพรไพลินที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
กระสุนทะลุที่หัวไหล่แสงกล้าเลือดพุ่งกระฉูด
“หมวดแสงกล้า”
แพรไพลินตรงเข้าประคองแสงกล้าที่ล้มลงกับพื้น แสงกล้ายังคงเอาตัวบังแพรไพลินเอาไว้ไม่ให้รองอนันต์ยิง
"คุณช่วยชีวิตฉัน"
แสงกล้ายิ้มนิดๆบอก
“ยังไม่ใช่เวลาซึ้งครับหมอ”
รองอนันต์วาดปืนในมือเหยียดตรง กำลังจะยิงเข้าใส่ทั้งคู่

ขมังเวทย์ยังคงทำพิธีต่อเนื่อง รังสีอำมหิตกระจายไปทั่ว
สมิงขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนนำรถมาจอดที่ลานจอดรถหน้าเนติเทค
สมิงลงมาจากรถแล้วมองซ้ายมองขวา ฉับพลันก็แหงนหน้าตั้งบ่าขึ้นมองไปบนดาดฟ้าอาคารเหนือหัวตัวเอง คล้ายล่วงรู้ว่า กำลังมีเหตุการณ์วิกฤตเกิดขึ้นตรงนั้น

รองอนันต์เบิกตากว้างอีกครั้ง และกดไกปืนยิงเข้าใส่แสงกล้ากับแพรไพลิน แสงกล้าจ้องเขม็งไปยังรองอนันต์ แล้วตะโกนก้อง
“หยุด ! เลิกบ้าได้แล้ว”
น่าแปลกที่จู่ ๆ รองอนันต์ที่ตาแข็งกร้าวกลับชะงักกับเสียงที่ดูมีอำนาจเร้นลับบางอย่างของแสงกล้า
“เป็นถึงรองนายกฯ ทำอะไรสิ้นคิด ถ้าจะบ้าก็ฆ่าตัวตายไปเลย อย่าทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนแบบนี้”
แววตาที่เหม่อลอยของรองอนันต์ชะงัก คล้ายสติกำลังจะกลับคืนมา
“เลิกบ้าซะที ท่านคือรองนายกรัฐมนตรีนะครับ”
แสงกล้าจ้องไปยังอนันต์เขม็ง อำนาจในดวงตาของแสงกล้าอยู่เหนืออำนาจสั่งการของขมังเวทย์ รองอนันต์คล้ายคืนสติกลับมา

สมิงคล้ายรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนดาดฟ้า เขาชะงัก

โถงพิธี ขมังเวทย์มีสีหน้าแปลกใจ แววตาเครียด
“เด็กหนุ่มคนนั้น พลังลึกลับ แกไม่มีวันเอาชนะฉัน”

แสงกล้ายังคงจ้องเขม็ง รองอนันต์มีสีแววตาเปลี่ยนไป
"ส่งปืนมาให้ผม"
รองอนันต์เหมือนกลับมามีสติ สีหน้างง ๆ
"เกิดอะไรขึ้น ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
“ไม่มีอะไรครับ ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว แค่ท่านส่งปืนมาให้ผม”
รองอนันต์ส่งปืนให้แสงกล้า ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย แสงกล้าละสายตาจากรองอนันต์ หันไปส่งปืนให้เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ เพราะตัวเองบาดเจ็บอยู่

ขมังเวทย์ทำพิธีอยู่ขั้นเด็ดขาด

ควันดำวูบตรงเข้าที่ใบหน้าของรองอนันต์ ดวงตากลับเบิกกว้างและร้องลั่น
"อ๊าก"
ทุกคนหันขวับไปมองด้วยความตกใจ รองอนันต์หันหลังกลับ วิ่งตรงไปยังปลายดาดฟ้าทางด้านหลัง แสงกล้าหันไปมองแต่ไม่ทันแล้ว
“อย่าครับท่าน...อย่า”
รองอนันต์กระโดดจากดาดฟ้าลงเบื้องล่างอย่างเต็มแรง แพรไพลินร้อง
“ไม่!”

สมิงที่กำลังแหงนหน้า คอตั้งบ่ามองไปยังดาดฟ้าเบื้องบน สีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นร่างรองอนันต์กำลังแหวกอากาศร่วงลงมาจากด้านบน

ขมังเวทย์เบิกตาขึ้นอย่างอย่างรวดเร็ว ยิ้มพอใจที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไป สีหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เสียงหัวเราะกึกก้อง

“ฮ่า ๆ ๆ”

การประชุมคณะรัฐมนตรี ณ พรรคไทธิวัตถ์ อยู่ในห้องประชุมอาคารทันสมัย ที่ทำการพรรค ดร. เมฆา ฐานรัฐ นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ โดยมี คมศร สุริยน เลขาส่วนตัวนั่งอยู่ทางด้านหลัง เหมือนเป็นทีมงานสนับสนุนเมฆา

ที่โต๊ะประชุมยังมีคณะรัฐมนตรีนั่งเรียงรายกันอยู่ จักร อมตฤธา ที่ปรึกษาพิเศษนั่งอยู่ด้านตรงข้ามกับเมฆา โดยมีทีมงานอีกส่วนหนึ่งนั่งอยู่ทางด้านหลัง
“ผมขอมติจากคณะรัฐมนตรี ไม่อนุมัติสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์” เมฆาบอก
“คุยกับรองอนันต์รึยัง” จักรถาม
"ยังไงผมก็ไม่อนุมัติ"
"แล้วคุยกับรองอนันต์รึยังล่ะ"
“ผมยืนยันไปแล้วว่าจะไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ”
“ท่านอนันต์ไปไหน ทำไมไม่เข้าประชุมทั้ง ๆ ที่เป็นนัดสำคัญ”
"เอ้อ... คือ"
"ท่านอนันต์ถือเป็นแกนนำของพรรค เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ถ้าคณะรัฐมนตรีลงมติโดยไม่มีรองนายกฯ ภาพลักษณ์ดอกเตอร์เมฆาในสายตาสังคมภายนอกจะไม่สง่างามนะครับ"
คมศรที่นั่งอยู่ทางด้านหลังเมฆา ชะงักนิดหนึ่งเมื่อได้รับสัญญาณโทรศัพท์ เขารีบกดรับทางหูฟังแล้วสีหน้าไม่ค่อยดี เมฆาชำเลืองเห็นอาการ นึกรู้ว่าคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน คมศรวางหูโทรศัพท์แล้วหันมาทางที่ประชุมทั้งหมด
"ขออนุญาตครับ"
คมศรกระซิบกับเมฆา บอกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับรองอนันต์ เมฆามีสีหน้าตกใจ
“มีเรื่องอะไรปิดปังเหรอ” จักรถาม
เมฆาบอกกับที่ประชุม
“ขอพักประชุม 30 นาที มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นที่เนติเทค”
ดร. เมฆา ฐานรัฐรีบเดินออกไปกับคมศรทันที จักร อมตฤทธามองตามด้วยสีหน้าสะใจ เพราะเขารู้ว่า ขมังเวทย์กำลังทำอะไรอยู่!

เมฆาสีหน้าเครียดเดินคู่มากับคมศรในบริเวณทางเดินพรรคไทธิวัตถ์
“เกิดเรื่องแบบนี้กับรองอนันต์ได้ยังไง"
“สำนักงานสืบฯ แจ้งเข้ามาว่าท่านอนันต์คลุ้มคลั่งฆ่าตัวตายเองครับ” คมศรบอก
“ตอนนี้ใครดูแลสำนักงานสืบสวนพิเศษ”
“ผ.บ.รวิ... เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อสองเดือนที่แล้ว”
“สั่งให้เตรียมรายงานเรื่องทั้งหมด ผมจะเข้าไปสำนักงานสืบบ่ายวันนี้”
“แล้วที่ประชุมคณะรัฐมนตรี”
"แจ้งยกเลิก... ผมต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมรองอนันต์ถึงได้คลุ้มคลั่งแบบนั้น"
เมฆาเดินออกไป คมศรเดินแยกออกไปกับทีมงาน สั่งงานทำตามคำสั่งเมฆาทันที

พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ ยืนอยู่กลางห้องประชุมด้วยท่าทางเครียด ครามกับนายตำรวจสืบสวนคนอื่น ๆ ต่างอยู่ในห้องประชุมด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“ทำไมเนติเทคฯ รับตัวรองอนันต์เข้ารักษาโดยที่ฉันไม่รู้”
“ดอกเตอร์แพรไพลินแจ้งว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน เลขาท่านนายกฯ กำลังจะทำจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการ แต่มีเรื่องซะก่อน” ครามบอก
รวิหันไปถามอีกคน
“ทำไมรองอนันต์ถึงคลุ้มคลั่ง”
ผู้กองคนหนึ่งเคาะคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนโต๊ะประชุม
"ตามบันทึกของเนติเทค ยังไม่มีการรักษารองอนันต์เลยครับ ดอกเตอร์แพรไพลินตรวจเพียงเบื้องต้นเท่านั้น"
"แค่ตรวจอย่างเดียว"
“ตรวจเบื้องต้น และให้ยาบำรุงทางสายน้ำเกลือ”
รวิชะงักเมื่อได้ยินรายงาน เธอนิ่วหน้าคิดนิดหนึ่งแล้วออกคำสั่งเฉียบขาด
“สั่งสอบสวนโดยด่วน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแพรไพลินให้ยาอะไรกับรองอนันต์”
“ผบ.กำลังสงสัยผู้อำนวยการเนติเทคนะครับ”
รวิตบโต๊ะเปรี้ยงแล้วหันไปชี้หน้าครามอย่างระเบิดอารมณ์

“ก็ถ้าจู่ ๆ คนปกติกลายเป็นคนวิกลจริตหลังจากได้รับยาบำรุง เป็นผู้กอง...ผู้กองจะสงสัยมั้ย"

วันเดียวกัน ภายในห้องส่ง ข่าวด่วนจากสกายนิวส์ ผู้ประกาศข่าวชาย-หญิงกำลังรายงานข่าวรายงานข่าวการตกตึกของ อนันต์ อนันตวานิชกุล รองนายกรัฐมนตรี

“ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม มีรายงานว่า ท่านอนันต์เกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ยิงคนนับสิบ ก่อนจะกระโดดลงมาจากดาดฟ้าชั้นบนของอาคารเนติเทคฯ ค่ะ"

ภายในบ้านอมตฤทธา จักรกับวิญญูกำลังยืนอยู่หน้าจอทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่ ดูการรายงานข่าวนี้เช่นกัน จักรยิ้มพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วิญญูยิ้มอย่างเจ้าแผนการแล้วมองหน้าจักร
“ขอแสดงความยินดีกับรองนายกฯ คนใหม่” วิญญูบอก
“รองอนันต์เพิ่งตาย.. ยังเร็วไปมั้ง”
“ตำแหน่งรองนายกคนใหม่ จะมีใครเหมาะสมเกิน จักร อมตฤทธา ฮึ ๆ ๆ”
หน้าจอทีวี ผู้ประกาศชายกำลังรายงานในหน้าจอ
“ขณะนี้เรากำลังรอรายงานจากคุณน้ำใส ผู้สื่อข่าวภาคสนามของเราที่อาคารเนติเทคฯ และจะตัดเข้ารายงานสดทันทีที่พร้อมครับ"
ผู้ประกาศหญิงจับที่หูฟังบอก
“สัญญาณสดจากเนติเทคฯ พร้อมแล้ว ขอเชิญคุณน้ำใสเลยค่ะ”
วิญญูกับจักรชะงัก สนใจกับข่าวนี้ทันที

บริเวณหน้าเนติเทคฯ น้ำใสกำลังรายงานข่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น ด้านหลังเป็นกลุ่มนักข่าวหลายคน มีรถยกคันที่สมิงขับจอดอยู่ทางด้านหลังด้วย
“ขอบคุณค่ะคุณยุทธและคุณตติยา ขณะนี้ดิฉันกำลังยืนอยู่ที่บริเวณลานจอดรถ ซึ่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ร่างของท่านรองนายกอนันต์ตกลงมาที่นี่ค่ะ"
น้ำใสเดินไปยังบริเวณจอดรถ จนเห็นรถยกของสมิงมีรถกระบะที่ลากพ่วงมาอยู่ทางด้านหลัง
บนหลังรถกระบะบรรทุกฟูกที่นอนมาเต็มคันรถ
“ไม่น่าเชื่อว่าท่านอนันต์จะรอดชีวิต”

ช่วงที่รองอนันต์ดิ่งแหวกอากาศลงมา ก็ตกลงมาบนรถบรรทุกฟูกที่สมิงขับมาจอดไว้
“เพราะร่างตกลงมายังรถบรรทุกฟูกที่นอนคันนี้ค่ะ”


CUT /
วิญญูขณะชมข่าวหน้าทีวีถึงกับหน้าเครียดขึ้นมาทันที ทั้งเขากับจักรเคลื่อนตัวเข้าใกล้หน้าจอทีวีเบื้องหน้า
“เป็นไปได้ยังไง”
วิญญูนิ่วหน้าเมื่อมองไปที่จอโทรทัศน์ เห็นสมิงยืนกอดอกแอบอยู่ โดยไม่รู้ว่ามีทีวีกำลังถ่าย
วิญญูจ้องเขม็งไปยังสมิงคล้ายรู้สึกได้ในกระแสบางอย่าง

บริเวณหน้าลานจอดรถเนติเทคฯ ที่น้ำใสกำลังรายงานข่าวอยู่ตรงนั้น สมิงยืนมุงเป็นประชาชนคนธรรมดาปะปนไปกับคนอื่นๆที่รายล้อมด้วยนักข่าวหลายคน
“ในเบื้องต้นไม่มีใครทราบว่ารถยกคันนี้มาจอดที่นี่ได้ยังไงค่ะ”

ขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ดร.เมฆา ฐานรัฐ ที่มีมอเตอร์ไซค์ตำรวจนำกำลังแล่นอยู่บนถนน ภายในรถ เมฆาหน้าไม่สู้ดีนัก กำลังคุยกับแพรไพลินที่อยู่ในห้องผ่าตัดผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนท์ คมศรนั่งอยู่ด้านหน้า
“อาการอนันต์เป็นยังไงบ้าง”
แพรไพลินที่อยู่ตรงมอนิเตอร์ด้านหน้า
“ศีรษะได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ขาหักทั้งสองข้าง เรากำลังรอผลซีทีสแกนสมองอยู่ค่ะ"
เมฆามีสีหน้าเครียดขึ้นบอก
“ชีวิตของอนันต์ขึ้นอยู่กับคุณ ดอกเตอร์แพรไพลิน”
“ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจากคุณมากที่สุด อย่าทำให้ผมผิดหวัง”
“ค่ะท่านนายก”
เมฆากดสวิชท์ เครื่องมอนิเตอร์บนรถดับวูบไป เมฆาท่าทางเป็นกังวลใจ คมศรหันมารายงาน
“สำนักงานสืบสวนพิเศษพร้อมประชุมกับท่าน บ่ายโมงวันนี้ครับ”
“เลื่อนเวลานัดเป็นอีกครึ่งชั่วโมง ฉันต้องการไปเยี่ยมอนันต์”
“ครับท่านนายก”

คมศร สุริยน กดโทรศัพท์โทร.ออกผ่านบลูทูธที่ติดอยู่ตรงหู

ภายในห้องทำงาน จักร อมตฤทธาหันขวับมาชี้หน้าวิญญูด้วยความไม่พอใจ

“เป็นไปได้ยังไง”
วิญญูนิ่งขรึมบอก
“มันเป็นไปแล้ว”
จักรระเบิดอารมณ์ใส่วิญญู
“ทุเรศสิ้นดี พูดจาไม่มีความรับผิดชอบ ทำแบบนี้ต่อไปฉันจะเชื่อถือแกได้ยังไงวิญญู”
วิญญูเงยหน้าขึ้นมา ท่าทางยังขรึมเคร่งอยู่ จ้องตรงเขม็งไปยังจักรที่กำลังโฉ่งฉ่าง ก่อนพูดนิ่งๆ
“ให้เกียรติกันหน่อย”
“จักร อมตฤทธา ให้เกียรติเฉพาะกับคนที่สมควรให้”
จักรชี้หน้าวิญญูพูดเสียงกร้าว
“แกต้องรับผิดชอบความผิดพลาดครั้งนี้”
วิญญูยิ้มเหี้ยมก่อนส่งคลื่นรังสีอำมหิตบางอย่างส่งออกมา ลำตัวของจักรถูกกระชากอย่างรุนแรง บริเวณลำคอคล้ายมีรอยบีบเกิดขึ้นทันทีทันใด จักร อมตฤทธาร้องด้วยความเจ็บปวด
“อ๊าก”
บอดี้การ์ดที่รายล้อมจักรอยู่ต่างกระชากปืนออกมาและจ่อเข้าไปที่วิญญู วิญญูปราดตาหันขวับไปยังเหล่าบอดี้การ์ด ทันใดทุกคนมีอาการเหมือนจักร เหมือนกำลังโดนบีบคอ
“ฉันคือคนที่แกต้องให้เกียรติในทุกกรณี”
ร่างของจักรและบอดี้การ์ดทุกคนต่างร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกพลังนั้นยกลอยสูงขึ้นจากพื้น
“อ๊าก...ฉันผิดเอง”
“อะไรนะ”
“ฉันขอโทษ ให้อภัยฉันเถอะ ฉันขอโทษ”
“ฮึ ๆ มันก็เท่านั้น”
จู่ ๆ ร่างของจักรและเหล่าบอดี้การ์ดก็เหมือนหลุดจากพันธนาการ ร่วงหล่นลงพื้นโครมใหญ่
วิญญูสีหน้าเครียดนิ่งแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม
“มันก็แค่อุปสรรคระหว่างทาง ยังไงซะ...ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม”
ดวงตาเต็มไปด้วยความหมายของวิญญูกำลังจ้องที่ไปสมิงที่ยืนมองน้ำใสรายงานข่าวอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์
“มันเป็นใคร”
สมิงกำลังให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าสมถะ
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกเป็นใคร”

สำนักงานสืบสวนพิเศษ ภายในห้องประชุม วันเดียวกัน
คราม หัวหน้าหน่วยกลยุทธ์กำลังกดบีบีอยู่ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานสืบฯ
หน้าจอโทรศัพท์ ครามกำลังส่งข้อความ “กำลังประชุมอยู่... เย็นนี้เจอกันนะครับทอรุ้ง...” จากนั้นครามก็รีบเก็บโทรศัพท์นั้นทันที
ดร. เมฆา ฐานรัฐ นั่งอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะประชุม กำลังฟังการบรรยายสถานการณ์จากผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษ พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์
“ตอนที่สำนักงานสืบฯ รับตัวรองอนันต์มาเมื่อคืน ท่านหมดสติไม่รู้สึกตัวแล้วค่ะ”
“ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วทำไมไม่มีใครแจ้งผม”
รวิอึกอักหันไปทางคมศร สุริยน
“คือว่า...”
“อนันต์เป็นรองนายกฝ่ายความมั่นคง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเค้า ผมควรจะต้องรู้เป็นคนแรก”
คมศรรีบออกรับทันที
“สำนักงานสืบฯ แจ้งแล้วครับ แต่ผมเห็นว่าเช้าวันนี้มีประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสำคัญ ผมเลยไม่ได้แจ้งท่านนายกฯ"
เมฆาจ้องคมศรด้วยแววตาไม่พอใจนิดหนึ่ง แต่ไม่มากเพราะเมตตาเลขาฯ คนนี้อยู่ เมฆาหันไปเปลี่ยนเรื่องพูดกับรวิ
“แล้วอาการคนของอนันต์”
“บาดเจ็บสาหัสโดยไม่ทราบสาเหตุค่ะ แต่ประเด็นสำคัญก็คือหลังจากเนติเทคฯ รับตัวท่านอนันต์เข้ารักษา กลับทำให้ท่านคุ้มคลั่งถือปืนยิงกราดไปทั่ว"
“อาการเหยื่อเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เสียชีวิตก็บาดเจ็บสาหัสค่ะ” รวิบอก
เมฆาถอนหายใจยาวอย่างกลุ้มใจ หันไปสั่งคมศร
“ดูแลญาติพี่น้องพวกเค้าทั้งหมดด้วย”
จากนั้นหันมาพูดกับรวิ
“ผมต้องการให้คุณตั้งคณะทำงานสอบสวนเรื่องนี้ด่วนที่สุด เราต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรองอนันต์"
“ดิฉันมอบหมายให้ผู้กองครามรับผิดชอบค่ะท่านนายกฯ”
“ขอเวลาผมไม่เกิน 7 วัน ผลการสอบสวน...”
ครามพูดยังไม่ทันจบ เมฆาก็พูดสวนทันที
“ไม่ต้อง งานนี้ไม่เหมาะกับคุณ”
ครามและรวิต่างชะงัก เพราะคาดไม่ถึงว่าเมฆาจะขัดเรื่องนี้
เมฆาออกคำสั่ง
“ผบ.รวิ... ผมต้องการให้คุณรับผิดชอบชุดสอบสวนด้วยตัวเอง รายงานความคืบหน้าให้ผมรู้ทุกวัน"
ครามหันมามองหน้าเมฆาด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป

เมฆากับคมศรเดินออกมาจากห้องประชุม เมฆาหันไปพูดกับคมศรด้วยสีหน้าดุ ๆ
“ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกนะคมศร”
“เอ้อ...”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอต้องรายงานฉันทุกเรื่อง เธอเป็นเลขาส่วนตัวของดอกเตอร์เมฆา ไม่ได้ทำงานการเมืองให้พรรคไททิวัตถ์ ฉันคำนึงถึงความเป็นมนุษย์มากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง”
“ผมขอโทษ”
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ”
“เอ้อ...ผมรับปากท่านครับว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
เมฆาพยักหน้าพอใจ ขณะที่คมศรรู้สึกผิดจริง ๆ
“ดูแลดอกเตอร์แพรไพลินให้โอกาสได้ทำงานต่อไป ฉันไม่เชื่อว่าแพรไพลินมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการคลุ้มคลั่งของรองอนันต์"
คมศรนึกสงสัย
“ท่านนายกคงมีเหตุผลที่ทำแบบนี้”
“สัญชาตญาณคมศร สัญชาตญาณล้วน ๆ”
ครามกำลังเดินออกมาจากห้อง เมฆาหันไปเห็นแล้วเรียก
“ผู้กองคราม”
ครามชะงัก สีหน้ายังมีความไม่พอใจอยู่
“ครับ”
เมฆามองหน้าแล้วนึกรู้
“ไม่พอใจที่ผมถอดคุณออกจากหน้าที่สอบสวนใช่มั้ย”
ครามมองหน้าเมฆาแต่ไม่ตอบคำถาม จ้องหน้าเมฆาเหมือนต้องการเหตุผล
“ทุ่มเทให้กับงานน่ะดี แต่เธอต้องไม่ละเลยกับคนสำคัญใกล้ตัว วันอังคารหน้าเธอจะต้องแต่งงานกับทอรุ้งแล้วนะ"
ครามเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เข้าใจเมฆามากขึ้น
“พักบ้างก็ได้ เธอยังมีเวลาทำงานอีกทั้งชีวิต งานแต่งงานมีได้แค่วันเดียว ตอนนี้เธอควรให้เวลากับคนรักมากที่สุด"
ครามยิ้มอย่างเข้าใจ
“ครับ ขอบคุณมากครับท่านนายกฯ”

เมฆากับครามมองหน้ากันด้วยความเข้าใจ คมศรชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินประโยคที่เมฆาบอกให้ว่า ควรให้เวลากับคนรักมากที่สุด

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

เวลาเย็นใกล้ค่ำ ทอรุ้งเดินเข้ามาทางทางหน้าบ้านกับครูแจน ท่าทางเหนื่อยๆ แต่เอางานเอาการ

“คงต้องรบกวนครูแจนดูแลเรื่องสอนเด็ก ๆ ในชุมชนด้วย”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่ต้องกังวล หนูทอรุ้งสั่งพี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะคะ ช่วงที่หนูไม่อยู่รับรองไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแน่ ๆ” แจนบอก
“เอ้อ..แล้วเรื่อง”
“ไม่มีอะไรต้องห่วง เตรียมจัดงานแต่งงานเถอะ ทำใจให้สบายนะคะ”
ทอรุ้งยิ้มเขิน
“เด็ก ๆ คงดีใจที่พี่ทอรุ้งของพวกเขาจะได้มีความสุขซะที พี่ขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปจัดการเรื่องทุนของเด็ก ๆ อีก... ไปล่ะค่ะ”
ทอรุ้งยิ้มส่งครูแจนที่เดินออกไป เธอจึงหันหลังกลับมาเพื่อจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นควันโขมงออกมาจากทางด้านหลังบ้าน พร้อมกับมีเปลวไฟลุกพรึ่บ ๆ หลาย ๆ ครั้งออกมาเป็นระยะ ๆ
ทอรุ้งตาตื่นตกใจร้อง
“ไฟไหม้”
ทอรุ้งรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที เห็นเปลวไฟแว่บ ๆ จ้ามาจากหลังประตูด้านหนึ่ง
“ไฟไหม้ ทำไงดี”
ทอรุ้งมองซ้ายมองขวา อารามที่กำลังตกใจต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงรีบคว้ากระป๋องน้ำถูพื้นที่วางอยู่ตรงประตูหลังบ้าน สาดเข้าไปที่หลังบ้านเต็มแรง
“เฮ้ย.. ใครสาดน้ำมาวะ” ครามร้องขึ้น
ครัวแบบเปิดหลังบ้าน ครามอยู่ที่หน้าเตาไฟกำลังถือกระทะผัดผักบุ้งไฟแดง ตัวเปียกโชกไปทั้งตัว
ทอรุ้งเดินไปเห็นเข้าร้องเบา ๆ
“ว๊าย.. มาได้ไงคะ”
“ก็มาทำผัดผักบุ้งให้กินไง หมดๆ ๆ หมดกัน ผักบุ้งไฟแดงแสนอร่อยของฉัน”
ทอรุ้งเหวอไป ขณะที่ครามออกอาการงอน ๆ

ภายในห้องนั่งเล่น เวลากลางคืน ครามอาบน้ำสระผมแล้ว แต่ยังมีอาการงอนๆอยู่ ทอรุ้งกำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวให้ครามแบบรู้สึกผิด
“ใครจะไปนึก ผู้กองมือปราบมาทำกับข้าวให้เด็กสลัมกิน”
“เด็กสลัมที่ไหน เป็นเจ้าของมูลนิธิครูอารีแล้วนะ ทำเป็นลืม”
ทอรุ้งยิ้ม ๆ เดินอ้อมมามองทางด้านหน้าถาม
“หายโกรธฉันแล้วใช่มั้ย”
ครามแกล้งทำหน้างอบอก
“ยัง”
ทอรุ้งยกนิ้วก้อยขอคืนดี
“โธ่ หายโกรธเถอะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ...นะ”
“หายโกรธก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไร”
ครามยิ้ม ๆ แล้วเอียงแก้ม ชี้นิ้วไปที่แก้มตัวเอง ทอรุ้งยิ้มเขิน
“เร็ว ไม่งั้นไม่หายโกรธ”
ทอรุ้งยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะก้มไปหอมแก้มครามอย่างเอียงอาย ครามหัวเราะชอบใจดึงตัวทอรุ้งมากอดไว้ด้วยความรัก แล้วล้มไปด้วยกันบนโซฟาเบทตรงนั้น
“อุ๊ย ปล่อยนะคะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อยง่าย ๆ หรอก ต้องเอาคืนให้สาสมก่อน”
ครามนอนกอดทอรุ้งแล้วหอมแก้มซ้ายขวาไปมา เสียงหัวเราะลั่น ให้บรรยากาศน่ารัก

ท้องฟ้าที่มีแสงดาวแพรวพรายให้บรรยากาศโรแมนติก ครามกับทอรุ้งนอนเคียงข้างดูดาวอยู่ด้วยกันที่ระเบียงบ้าน
“ทำไมวันนี้มีเวลามาทำกับข้าว”
“ท่านนายกฯสั่ง”
ทอรุ้งงอนๆบอก
“อ้อ... ถ้าไม่สั่งก็ไม่มางั้นสิ”
“ใช่”
“เชอะ...จำไว้เลย”
“แน่ะ ๆ วันนี้ไม่มีสิทธิงอนผมนะ”
ทอรุ้งยิ้มบอก
“ไม่งอนก็ได้”
“ดอกเตอร์เมฆาสั่งให้ผมให้เวลากับแฟนมากกว่านี้”
“สมควร แล้วคุณไม่ห่วงงานที่สำนักงานสืบฯ แล้วเหรอ”
“ห่วง...แต่ผมห่วงคุณมากกว่า”
ทอรุ้งมองครามด้วยสายตาซาบซึ้งใจ
“สำนักงานสืบฯ มีมือปราบเข้ามาใหม่ หมวดแสงกล้า ท่าทางเข้าท่าเลยล่ะ”
“ชื่อน่าสนใจ เอ... สงสัยต้องเข้าไปจีบหมวดคนใหม่ซะแล้ว”
“ห้ามเด็ดขาดนะ”
“ฉันชอบกินเด็ก”
“ไม่ได้”
“ทำไม”
“เพราะผมหึง”
ครามคว้าทอรุ้งมากอดไว้ด้วยความรัก ทอรุ้งยิ้ม ไม่เลิกยั่วคราม
“ยิ่งห้ามฉันยิ่งอยากกิน ง่ำ ๆ ๆ”

“กินใช่มั้ย...กินใช่มั้ย”

ครามแกล้งหอมแก้มทอรุ้งซ้ายขวาไม่หยุด ทอรุ้งปัดป้องแต่พองาม หัวเราะลั่น

“พอแล้ว ๆ ๆ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแล้ว ไม่ไปกินเด็กแล้ว กลัวแล้วค่ะท่านผู้กองพอแล้ว แก้มฉันช้ำไปหมดแล้วค่ะ”
ครามยิ้ม ๆ แล้วมองหน้าทอรุ้งอย่างจริงจัง
“ทอรุ้ง คุณรู้มั้ย คุณมีความหมายที่สุดในชีวิตของผม ตั้งแต่ได้พบคุณ ชีวิตของผมเปลี่ยนไป คุณทำให้ชีวิตผมมีค่ามากขึ้น"
“คุณก็มีค่าสำหรับชีวิตฉันเช่นกันค่ะ”
“คงจะจริงอย่างที่หลายคนบอก ชีวิตคนเรารอที่จะพบใครสักคน คนที่เป็นคู่แท้ เข้ากันได้ในทุก ๆ เรื่อง พร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุข มีชีวิตร่วมกันตลอดไป"
“ไม่มีใครอยู่คู่ใครได้ตลอดไปหรอกนะคะ”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้”
“ฉันพูดความจริง ชีวิตที่ผ่านมาทำให้ฉันได้คิด คนเราเกิดมาเพื่อใช้เวลาช่วงหนึ่งบนโลก ไม่ว่าจะสุข จะทุกข์ จะสมหวังหรือผิดหวัง ยังไงทุกคนก็ต้องจากโลกใบนี้ไป ค่าของคนจึงอยู่ที่เราใช้ชีวิตเป็นประโยชน์เพื่อใคร มีค่าแค่ไหนตอนที่มีชีวิตอยู่"
“ผมไม่อยากคุยเรื่องการจากลา อย่าพูดอะไรเป็นลางแบบนี้สิทอรุ้ง”
“ไม่มีอะไรเป็นลางร้ายหรอกค่ะ เราต้องทำใจให้ยอมรับกับความจริงต่างหาก วันนึง เราก็ต้องจากกัน ไม่ช้าก็เร็ว สำคัญอยู่ที่วันที่เราอยู่ด้วยกัน เราทำความดีให้แก่กันมากแค่ไหน เพื่อให้สมกับโอกาสที่ได้มาพบกัน”
ทอรุ้งกระชับครามกอดไว้เหมือนสั่งเสีย
“ผู้กองคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณคือที่รักที่สุดในชีวิตของทอรุ้งค่ะ”
“เช่นกันครับ ชีวิตผมจะไม่มีวันรักใครได้อีกแล้ว นอกจากคุณ”
ทั้งสองยิ้มกอดกันด้วยความรักตรงนั้น

อาคารเนติเทคฯ เวลากลางคืน บริเวณทางเดินหน้าห้องผ่าตัด พญ. แพรไพลิน นวิยากุลเดินออกมาหลังจากทำการผ่าตัดรองนายกรัฐมนตรี อนันต์ อนันวานิชกุลเสร็จเรียบร้อย กุ๊บกิ๊บเดินเข้ามาหา แพรไพลินร้องสั่ง
“แจ้งท่านนายกฯ ด้วย อาการรองอนันต์ดีขึ้นแล้ว”
“จะเป็นปกติเมื่อไหร่คะ”
“น่าจะอีกสักวันสองวัน เพื่อความปลอดภัยฉันสั่งให้ย้ายตัวท่านอนันต์ไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลตำรวจพรุ่งนี้เช้า แจ้งท่านนายกด้วย"
“ค่ะหมอ”
กุ๊บกิ๊บเดินออกไป

แพรไพลินเดินต่อไปจนถึงที่หน้าเคาน์เตอร์เดิม พอแสงกล้าเห็นแพรไพลินเดินมาก็ถลาเข้าไปหาทันทีพร้อมใบส่งตัว เขาผ่านการทำแผลที่ถูกยิงจากรองอนันต์เรียบร้อยแล้ว แพรไพลินมองเห็นก็ถาม
“หมวด...ยังอยู่อีกเหรอ”
“อยู่รอคุณนั่นแหละ”
“รอฉัน รอทำไม ต้องการอะไรจากฉัน”
แพรไพลินยิ้มแล้วแกล้งทำไก๋
“อ๋อ..คงอยากได้คำขอบคุณที่ช่วยชีวิต...ขอบคุณ...โอเคมั้ย”
แพรไพลินทำท่าจะเดินหนี แต่แสงกล้าถลาไปขวางไว้บอก
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เรายังมีเรื่องต้องสะสางกันก่อน"
แสงกล้าดึงข้อมือแพรไพลินเดินมาที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับส่งใบส่งตัวพร้อมปากกาให้แพรไพลิน
“คุณต้องแก้คำวินิจฉัย ผมต้องผ่านการประเมินผล”
“เหตุผล”
“เพราะผมพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมจะทำงานต่อในสำนักงานสืบฯ สถานการณ์วันนี้คลี่คลายเพราะผม"
“ก็ได้ ฉันจะเซ็นให้”
แสงกล้ายิ้มยินดี แพรไพลินเอาปากกามาเขียนใหม่ขยุกขยิกรวดเร็ว ส่งคืนแสงกล้าแล้วเดินออกไปทันที
“พอใจแล้วนะ ฉันกลับละ”
แพรไพลินเดินจากออกมาทันที แสงกล้ารับใบประเมินผลมาอย่างสบายใจ แล้วยกขึ้นมาอ่าน
“ผ่านแบบมีเงื่อนไข ทำงานต่อได้โดยต้องเข้าตรวจสุขภาพจิตต่อเนื่องทุกเดือน เฮ้ย ๆ ๆ กลับมาก่อนหมอ หมายความว่ายังไง” แสงกล้าโวยวาย
“ตามนั้น พบกันใหม่เดือนหน้าค่ะ”
“เฮ้ย...”
แพรไพลินยิ้มเย้ยบอก
“ปรับปรุงทัศนคติแล้วมาตรวจทุกเดือน ฉันช่วยคุณได้แค่นี้ค่ะ”
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลเดินออกไปทันที แสงกล้าฉุนขาดแต่ทำอะไรไม่ได้ ร้องโว๊ยออกมาเบา ๆ


แพรไพลินจะเดินมายังลานจอดรถ เมื่อเธอผ่านเสาทางเดิน ที่ด้านหลังเธอเห็นเงาวูบดำวาบผ่านไป
แพรไพลินชะงัก หันกลับไปดูแล้วไม่เห็นอะไร ทางด้านหลังเสา ขมังเวทย์โผล่ออกมาจ้องมองไปที่แพรไพลิน ก่อนเอามือปาดไปที่เสาต้นสุดท้ายที่เธอเพิ่งเดินผ่านไป เส้นผมของแพรไพลินอยู่ในมือขมังเวทย์

ขมังเวทย์ยิ้มพอใจ ขณะที่เธอไม่รู้สึกอะไรกับความผิดปกตินั้น ตัดสินใจขึ้นรถสตาร์ทขับออกไปทันที

พ.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยอารมณ์เสียด้วยความโกรธ เดินออกไปจากอาคาร เนติเทคฯทางประตูด้านหนึ่ง ทางเดินที่ทอดยาวมืดสลับสว่าง บรรยากาศขรึมขลังชวนน่ากลัว ร่างของขมังเวทย์เดินผ่านตามช่องทางเดิน ผ่านเสาทางเดิน ทีละต้น..ทีละต้น ชวนน่ากลัว

จนเมื่อผ่านเสาต้นสุดท้าย ร่างขมังเวทย์กลายเป็น พญ. แพรไพลิน นวิยากุลที่ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว
หลอดไฟฟ้าบนเพดานติด ๆ ดับ ๆ เงาที่สลับไปมากับไฟที่ติดๆดับๆนั้น เป็นใบหน้าของขมังเวทย์ทาบอยู่บนหน้าแพรไพลิน

พญ. แพรไพลิน นวิยากุลขับรถเข้ามาจอดที่หน้าทาวน์โฮม เธอนิ่วหน้าอย่างแปลกใจเมื่อเห็น คมศร สุริยนยืนรออยู่
“คมศร มาทำไม”
“ผมเป็นห่วง”
“ห่วง”
“ทำไม เพื่อนจะห่วงเพื่อนบ้างไม่ได้เหรอ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันบอกคุณไว้เลยนะคะ อย่าพยายามรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ มันสายเกินไปแล้ว เราทั้งสองคนต่างให้ความสำคัญกับงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว"
“คุณลืมเรื่องของเราได้จริง ๆ เหรอ”
แพรไพลินบอก “จริง” แล้วจะเดินเลี่ยงจะเข้าบ้าน
“เราเคยคุยกันเข้าใจแล้วนะคะ อย่าเสียเวลากับอดีตอยู่เลย ท่านเลขานายกรัฐมนตรี”
คมศรมองตามแพรไพลินที่เดินเข้าไปในทาวน์โฮมด้วยสายตาผูกพันเป็นอย่างยิ่ง

แพรไพลินเดินเข้ามาภายในห้อง ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยแววตาเครียดขึ้นมานิดหนึ่ง คิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับคมศรในอดีต แล้วถอนหายใจยาว พยายามตัดใจไม่ให้คิดมากเรื่องนี้

คมศร สุริยนยังคงนั่งอยู่บนรถที่จอดอยู่หน้าทาวน์โฮมของแพรไพลิน เขาหยิบไอแพดมาเปิดดู ภาพคู่ระหว่างเขากับแพรไพลินที่ยิ้มแย้มแจ่มใสในอริยาบถต่าง ๆ หลายภาพสวยงาม เหมือนเป็นคู่รักวัยรุ่นไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ
คมศรนิ่ง ก่อนเปิดโปรแกรมเมล เปิดเมลเก่าฉบับสุดท้ายของแพรไพลินที่ส่งให้เขาเมื่อ 2 ปีก่อน ปรากฏเป็นวิดีโอคลิปที่แนบมาด้วย คมศรกดเปิดวิดีโอนั้น
แพรไพลินที่ถ่ายมาจากกล้องโน้ตบุ๊ก สีหน้าเรียบเฉยคล้ายไม่มีความรู้สึก
“คมศร ระหว่างเราให้มันจบลงเพียงแค่นี้เถอะ คุณกับฉันมีอนาคตที่ดีรออยู่ วันนี้เวลานี้ ฉันต้องการทุ่มเทกับงานให้มากที่สุด ฉันไม่พร้อมจะรักใคร คุณคงเข้าใจนะคะคมศร”
คมศร สุริยนสีหน้าเครียดกว่าที่เคยเป็น พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ

ขมังเวทย์ในรูปของแพรไพลินเดินเข้ามาในบริเวณทางเดินหน้าห้องพักฟื้นของ อนันต์ อนันตวานิชกุล รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีตำรวจเฝ้าอยู่ เมื่อแพรไพลินเดินผ่าน ตำรวจสำนักงานสืบที่เฝ้าอยู่ที่หน้าห้องลุกขึ้นยืนตรงทำความเคารพ แพรไพลินหยุดแล้วหันไปยิ้มพยักหน้าให้
อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของแพรไพลินก็บังเกิดเป็นเงาดำทาบหน้าอยู่
ภายในห้อง รองอนันต์ลืมตาขึ้นมาทันทีด้วยอำนาจไสยศาสตร์ พลางดื้นพราดๆทุรนทุรายราวกับโดนทุบหัว เตียงคนไข้สั่นรัว ร่างอนันต์บิดตัวด้วยความปวดร้าวทรมานเป็นอย่างยิ่ง
สัญญาณชีพจรรองอนันต์เต้นแรงขึ้นๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกราฟตีขึ้นจนสุดเกจ์ แล้วเปลี่ยนไปเป็นหัวใจหยุดเต้นทันที

บริเวณเคาน์เตอร์เวลากลางคืน ว่างไม่มีคน แพรไพลินเดินผ่านเข้ามา กุ๊บกิ๊บเดินเข้ามาเห็นก็ทักทาย
“หมอแพร กุ๊บกิ๊บนึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
แพรไพลินยิ้ม ๆ พยักหน้าเหมือนทักทาย แล้วเดินตรงออกไปทันที กุ๊บกิ๊บแปลกใจนิดหนึ่งก่อนมองตาม
คืนเดียวกัน ภายในห้องตัดต่อ สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ฯ น้ำใสกำลังคุมช่างเทคนิคตัดต่อสกู๊ปข่าวอยู่ ภาพในเนื้อข่าวเห็นเป็นรูป เมฆา รองอนันต์ จักร และวิญญู ช่างเทคนิคหันมาถาม
“แน่ใจแล้วเหรอที่จะทำสกู๊ปนี้น่ะ”
“แน่ใจสิ ความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในพรรคไททิวัตถ์ เป็นที่น่าสนใจของประชาชนแน่ๆ"
ที่ประตูเอกวีร์เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พอได้แล้ว กลับบ้านกันได้แล้ว”
“อะไรกันคะบ.ก.” น้ำใสถาม
“ผมบอกให้คุณเลิกทำงานกันได้แล้ว” เอกวีร์ย้ำ
“แต่สกู๊ปข่าวการเมืองรับอรุณพรุ่งนี้ยังไม่เสร็จ”
“ใช้ของเก่า”
“แต่ฉันกำลังวิเคราะห์ปมขัดแย้งระหว่างท่านนายกฯ กับกลุ่มทุนการเมือง”
“เลิกได้แล้ว ผมไม่ให้ออก”
“อะไรนะคะ”
“ทำตามที่สั่ง”
เอกวีร์หันไปชี้หน้าช่างเทคนิคบอก
“ถ้าสกู๊ปนี้ออนแอร์พรุ่งนี้ ฉันจะเอาเรื่องคนตัดต่อ"
เอกวีร์พูดจบก็เดินออกไปเลย
“เดี๋ยวก่อนสิคะบ.ก. เดี๋ยวก่อน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
น้ำใสไม่ยอม เดินตามเอกวีร์ออกไป
เอกวีร์เดินไปตามทางเดินในสถานีฯอย่างรวดเร็ว น้ำใสไม่ยอมเดินตามมาเอาเรื่อง
“บ.ก.ทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะคะ สกู๊ปอันนี้ฉันทำมาทั้งเดือน ขออนุมัติบ.ก.ไปแล้วด้วย”
“เดือนก่อนอนุมัติ แต่เดือนนี้ไม่”
น้ำใสเดินมาขวางหน้าไว้แล้วถาม
“ทำไม..คะ ฉันต้องการคำอธิบาย”
“เบื้องบนขอมา”
“อะไรนะ”
“ผมพูดชัดแล้วนะน้ำใส พอเถอะ เบื้องบนไม่ต้องการให้เราแตะเรื่องความขัดแย้งระหว่างดอกเตอร์เมฆากับกลุ่มทุน คุณมีหน้าที่นำเสนอข่าว แต่ต้องไม่ทำสกู๊ปเจาะลึก"
“แต่ว่า”
“อย่าสร้างความลำบากใจให้ผมเลยนะน้ำใส ทำตามคำสั่ง ผมขอร้อง”

เอกวีร์จ้องหน้าน้ำใสด้วยสีหน้าจริงจังแล้วเดินออกไป น้ำใสมองตามด้วยแววตาไม่พอใจ

คืนเดียวกัน สมิงเดินเข้ามาในหมู่ตึกแฟลตฯ ที่รายล้อมด้วยชุมชนแออัด ยิ้มแย้มทักทายกับผู้คน ทำเหมือนเป็นชาวบ้านทั่วไป ที่มุมหนึ่ง ขมังเวทย์ปรากฏกายอยู่ตรงนั้น กำลังเฝ้ามองสมิงด้วยความสนใจ

ขมังเวทย์หันขวับไปทางอีกมุมหนึ่งที่ไกลออกไป เห็นกลุ่มนักเลงกำลังเล่นยาเสพติดอยู่หลายคน ท่าทางเป็นคนจรจัด
ควันและเงาดำวูบวาบฉวัดเฉวียนวนเวียนเข้าไปใกล้ในบรรยากาศน่ากลัว จู่ ๆ เหล่านักเลงที่กำลังเล่นยาอยู่นั้นเงยหน้าขึ้น ตาลุกวาวดูน่ากลัวขึ้นมาทันที

สมิงเดินเข้ามา ป้าลำไยเดินเข้ามาทักอย่างคุ้นเคย
“ไอ้หมิง เป็นไงงวดที่แล้วถูกหวยรึเปล่า”
“เฉียดว่ะป้า ตีเลขผิดไปสองเบอร์ หวุดหวิด”
“แล้วตอนนี้ทำมาหากินอะไร ทำไมหน้าตาแช่มชื่นเหมือนมีเงิน”
“รับจ้างเค้าไปเรื่อย แต่อาทิตย์นี้โชคดี คนมาจ้างไปขับรถยก ฮึ ๆ”
วัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“น้าหมิง..ของที่ฝากซื้อได้ปะ”
“อันนี้เลย ยากระษัยเส้นตราฮิปโปถือกีตาร์ แก้เมื่อย เคล็ดขัดยอก เจริญอาหาร อาการป่วยของเอ็งหายแน่นอน"
“จริงดิ”
“จริง แต่กินยานี้แล้ว แกต้องอยู่ในศีลในธรรม รักษาศีลห้า เลิกเหล้า เลิกยาเสพติดด้วยนะ"
“ขอบคุณน้าหมิง”
วัยรุ่นรับยาแล้วเดินออกไป สมิงยิ้ม ๆ แล้วเดินหลุดออกไปทางหนึ่ง ป้าลำไยพูดไล่หลัง
“เพิ่งเข้ามาอยู่ แต่มีน้ำใจแท้ๆ”
สมิงเดินจากออกไปอย่างอารมณ์ดีทักทายคนไปทั่ว

สมิงเดินเข้ามาภายในร้านแผงยาดอง ผ่านหน้ากลุ่มนักเลงสองคนที่เล่นยามองตาขวาง เขม่นสุดๆ
คนขายทักทายสมิงอย่างคุ้นเคย
"กลับมาแล้วเหรอสมิง วันนี้กลับค่ำนะ”
“ไปปฏิบัติภารกิจพิทักษ์โลกมา ฮ่ะ ๆ”
“ว่าเข้านั่น”
สมิงยิ้มร่า หยุดยืนปัดฝุ่นที่จับอยู่ตามเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงนั่งด้วยท่าทางสบายใจ
"ขอน้ำแข็งใส่น้ำหวานสักแก้วเถอะ น้ำแดงนะ...หวาน ๆ หน่อย"
นักเลงทั้งสองคนที่กำลังเทเหล้าเข้าปากสำลักพรวด หัวเราะลั่นร้าน
"ข้านึกว่าแมน ดันกลายเป็นลูกหมายังไม่อดนม" นักเลงคนแรกบอก
"โถ...เด็กยังไม่อดนมจะกินน้ำหวาน" นักเลงคนที่สองว่า
คนขายหันมาทางนักเลง แล้วเอ่ยปากเตือน
“ไอ้ห้อย..ไอ้โหนไปหาเรื่องเค้าทำไม วันนี้เอ็งสองคนเป็นอะไร ตาขวางพิกล"
“เป็นนักเลง”
นักเลงคนแรกตาดุเข้าใส่ จนคนขายต้องหลบสายตา จ๋อย ๆ ไป ถือน้ำหวานไปวางให้สมิง
สมิงหันไปพูดกับคนขาย
“ขอบใจจ้ะ แล้วเป็นไง ทำยาดองสูตรใหม่ไร้แอลกฮอลล์ตามสูตรของฉันรึยัง เวิร์กนะ"
“มันแปลก ๆ น่ะสมิง กลัวไม่มีคนกิน”
“เลิกขายเหล้าเถอะ บาปนะ”
สมิงหันมาทางนักเลงแล้วพูดขึ้น
“เอ็งสองคนก็เหมือนกัน เลิกกินเหล้าเหอะ น้ำนรก...มันเป็นบาป กินเข้าไปมีแต่ขาดสติ ทำบาปทำกรรมกับชาวบ้านมากขึ้น”
นักเลงสองคนหันขวับมาจ้องตาเขม็งใส่ สมิงสบสายตาสองคนแล้วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป คล้ายรับรู้บางอย่าง
“เห็นมั้ย เริ่มจะขาดสติแล้วเห็นมั้ย เลิกกินเหอะ”
คนขายเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเดินหนีไปอีกทางเพราะคิดว่าคงจะมีเรื่องแน่ ๆ
"โธ่ ไอ้มัคนายกหลงยุค หนอย มาถึงกินน้ำหวาน เทศน์สั่งสอนชาวบ้าน ขำตายล่ะ" นักเลงคนแรกบอก
"ฉันพูดความจริง เฮ้อ คนเดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรไปหมดแล้ว ศีลธรรมหายไปไหนหมด จะพูดจะจาอะไรไม่เคยฟัง ทำตัวเป็นนักเลงระรานคนไปทั่ว"
นักเลงสองคนลุกพรวดขึ้นทันที ตรงเข้ามาหาแล้วกระชากตัวสมิงขึ้นมา
“เฮ้ย ๆ ๆ จะทำอะไร ข้าไม่สู้คนนะ”
“วันนี้พวกข้าอยากชกหน้าไอ้แก่” นักเลงคนแรกบอก
สมิงโดนกระหน่ำชกหน้าหลายครั้ง พอถลามาทางนักเลงอีกคน สมิงก็โดนนักเลงคนที่สองเตะเสยเข้าไปอีกหลายดอก ตกอยู่ในสภาพถูกซ้อมย่ำแย่ ชาวบ้านที่มามุงดูกัน ต่างซุบซิบกันและหันมาทางคนขาย
“วันนี้ไอ้ห้อยไอ้โหนมันเป็นอะไร”
“ท่าจะเมายา”
“ไม่เข้าไปห้ามหน่อยเรอะ เดี๋ยวสมิงก็แย่หรอก”
“ไม่เอา...ไม่เสี่ยง”

สมิงโดนเหล่านักเลงรุมซ้อมจนย่ำแย่ ตัวโยนไปมา ฟุบ เจ็บปวด จุกเสียด โดยไม่ยอมตอบโต้เลยแม้แต่น้อย

เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ที่มุมสูงด้านหนึ่ง ขมังเวทย์เฝ้าดูสมิงกับเหล่านักเลง เพื่อให้เห็นกับตาว่า สมิงจะตอบโต้อะไรหรือไม่ ขมังเวทย์รำพึงเบาๆ

“ไม่ตอบโต้ ... หรือว่าสู้ไม่ได้”
ขมังเวทย์ เห็นสมิงโดนซ้อมแบบไม่มีทางสู้เลย

สมิงโดนกระหน่ำซ้อมไปหลายดอก และถูกโยนออกไปที่หน้าร้าน
“ไปให้พ้น ไสหัวไป"
สมิงลุกขึ้นบิดตัวอย่างเจ็บปวด ไม่ยอมมองหน้าใคร บรรดาชาวบ้านที่มามุงต่างมองอย่างงง ๆ
ชาวบ้านพูดกับกับคนขาย
“ทำไมสมิงไม่สู้บ้างล่ะ”
“นั่นสิ ตัวออกใหญ่โต”
สมิงยืนนิ่งจ้องเขม็งไปที่แววตานักเลงแต่ละคน
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ฉันอโหสิให้พวกแก”
“ขอบใจ.. แต่ไม่เอา” นักเลงคนแรกบอก

ขมังเวทย์ที่เฝ้าแอบมองอยู่
“ไม่ใช่.. ไม่ใช่มันแน่ๆ”
ลมพัดวูบเข้ามา ใบไม้ปลิวกระจุยกระจายไปทั่ว ร่างของขมังเวทย์ออกไปทันที

สมิงประคองร่างที่สะบักสะบอมขึ้นมายังบ้านพัก ปิดประตูห้องแล้วล้มลงที่หน้าหิ้งพระ
เล็ก ๆ ที่มีเพียงพระพุทธรูปเล็ก ๆ อยู่องค์เดียว
สมิงกัดฟันพยุงตัวเอง ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ยกมือขึ้นพนมแล้วกล่าวคำบทแผ่เมตตาดังกังวานไปทั่ว
“สัพเพสัตตา อะเวราโหนตุ.. อัพพะยาปัชฌา โหนตุ... อะนีฆา โหนตุ.. สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ”
สมิงหลับตาสวดมนต์อย่างเอาจริงเอาจังอยู่ที่หน้าโต๊ะหมู่นั้น ดูลึกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ

เวลากลางคืนต่อมา บริเวณโถงพิธี ที่แท่นแคปซูล ใบหน้าของขมังเวทย์ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ กลายเป็นวิญญูที่นอนหลับตานิ่งอยู่
จักร อมตฤทธาเดินฝ่าความมืดเข้ามา กราดสายตาผ่านความมืดรอบตัวค้นหา ก่อนจะเดินตรงไปยังมุม ๆ หนึ่ง
แสงไฟส่องลงมาเป็นทางยาวที่กลางห้อง ปรากฏวัตถุโบราณ “ตรีศูลวัชระ” วางอยู่บนแท่นกลางห้อง
จักรเดินเข้าไปหยิบดู
“ตรีศูลวัชระ.. อาวุธประจำกายของพระศิวะ ตามคัมภีร์ยุทธสงครามโบราณเชื่อว่า ตรีศูลวัชระเป็นหนึ่งในเครื่องราง เทวาศาสตราวุธ”
เสียงของวิญญูดังขึ้นมา จักรชะงักสะดุ้งตกใจนิดหนึ่ง หันมามองวิญญูแบบเกรง ๆ
“เข้ามาทำไม”
“แค่สงสัยว่าหายไปไหน”
จักรหันเป็นมองแท่นแคปซูลของวิญญูด้วยความสนใจ
“ก็แค่พักผ่อน”
วิญญูมองจักรด้วยสายตาไม่พอใจ ขณะที่จักรวางตรีศูลลงที่เดิมแล้วหันมาเผชิญหน้ากับวิญญู
“ข้อมูลที่สั่งให้ค้น ทำไปได้ถึงไหนแล้ว”

ภายในห้องของจักร เขาเดินตรงเข้ามาเคาะแป้นคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ปรากฏรูป “สังข์ไชยมงคล” อยู่กลางจอ พร้อมข้อมูลรายละเอียดเต็มพรึ่ดไปหมด
“ในอินเตอร์เน็ต เวปบอร์ดหลายแห่งรายงานข้อมูลตรงกัน ส่วนหนึ่งของเทวาศาสตราวุธเพิ่งเข้ามาในกรุงเทพฯ"
วิญญูมองหน้าจอแล้วยิ้มพอใจ
“สังข์ไชยมงคล”
จักรครุ่นคิดนิดหนึ่งแล้วบอก
“แต่สังข์โดนทำลายจากการขนส่งตั้งแต่ห้าสิบปีที่แล้ว”
จักรรัวนิ้วลงที่คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์เบื้องหน้า ภาพข่าวเก่า ๆ จากนิตยสารวัตถุมงคลมากมายที่ระบุข้อมูลตามที่พูด
“หลังจากสังข์ไชยมงคลถูกทำลาย เพชรยอดสังข์เปลี่ยนมือหลายครั้ง ถูกนำไปประดับเครื่องประดับหลายชนิด"
หน้าจอปรากฏเพชรประดับบนเครื่องประดับหลายชนิด
“เจ้าของเครื่องประดับมีอันเป็นไปทุกครั้ง และครั้งล่าสุด”
จักรรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดอีก
"เพชรยอดสังข์เพิ่งถูกนำไปประดับบนมงกุฏมิสเวิลด์แปซิฟิก ซึ่งถูกนำมาร่วมงานแฟชั่นโชว์เพชรโลกที่จะจัดแสดงในประเทศไทยอาทิตย์หน้า"
จักรรัวคีย์บอร์ดแล้วหมุนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปทางวิญญู ปรากฏภาพโปสเตอร์แฟชั่นโชว์เพชรโลก ระบุวันเวลาและสถานที่
“ถ้าเราได้เพชรยอดสังข์มาก็ไม่ต่างอะไรกับได้สังข์ไชยมงคล คุณไสยทางเทวาศาสตราวุธยังคงอยู่บนเพชรเม็ดนี้ครบถ้วน”
“หมายความว่า...”
“ฉันต้องการเพชรยอดสังข์ ยิ่งเรารวบรวมเทวาศาสตราวุธได้มากขึ้นเท่าไหร่ พลังและอำนาจที่เราต้องการก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ”

วิญญูยิ้มเหี้ยมมองหน้าจักร อมตฤทธาอย่างมีความหมาย

เหล่านักเลงที่รุมสมิงเมื่อหัวค่ำต่างหัวเราะร่าเริง เดินเมายามาตามลานมืดหลังแฟลต เงาร่างของชายคนหนึ่งเดินย้อนแสงออกมาด้วยมาดเท่ ๆ นักเลงสองคนมองอย่างเดือดดาล มองไม่เห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร

"ใครน่ะ" นักเลงคนหนึ่งถาม
สมิงนิ่งเข้มน้ำเสียงทรงพลัง
"ข้าเอง"
"ข้าน่ะใคร แก๊งค์หมาบ้าไอ้สรรึเปล่า”
"เปล่า...ไม่ใช่พวกไอ้สร แต่ข้าเป็นมัคนายกหลงยุคฯ ชอบกินน้ำหวานสั่งสอนชาวบ้านไงล่ะ”
เหล่านักเลงต่างมองหน้ากันเลิกลั่กด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมาดเหี้ยมของสมิง
“แกมาทำไม” นักเลงคนที่สองถาม
"มาโปรดสัตว์”
นักเลงคนที่หนึ่งขยับตัวกระตุกปืนออกมาอย่างรวดเร็ว กำลังจะวาดปืนเหยียดยิงออกไป แต่ไม่ทันเพราะสมิงโดดลอยพุ่งตัวเข้าประชิด ต่อสู้ด้วยมือเปล่าซัดผัวะเข้าที่ข้อมือ จนปืนหลุดกระเด็น !
เหล่านักเลงตรงเข้าไปจะเล่นงานสมิง แต่โดนสมิงเล่นงานจนหมอบไปตามๆ กัน ทำอะไรสมิงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายสมิงเล่นงานนักเลงจนสลบทุกคน สมิงยืนมาดเท่ มองผลงานตัวเอง
สมิงก้มลงที่ร่างของนักเลงคนหนึ่ง เอามือสัมผัสบริเวณท้ายทอยของนักเลงคนนั้น
สมิงดึงเศษวัสดุสีขาวกลมเท่าเหรียญสลึงออกมาจากท้ายทอยของนักเลงทั้งสองคน
“พวกเอ็งโดนสะกด ข้าต้องมาช่วยพวกเอ็งให้หลุดพ้นจากความเป็นทาส”
สมิงคิดนิดหนึ่ง แล้วพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง
“วิญญาณชั่วกลับมาแล้ว”
สมิงดูลูกกลมสีขาวด้วยจิตใจไม่ค่อยดี กริ่งเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น

ภายในห้องพระ สมิงนั่งขัดสมาธินิ่งกำลังทำพิธีทำลายลูกกลมสีขาวที่วางอยู่บนพานทองเหลืองเก่าคราบจับ
สมิงจุดเทียนแล้วจุ่มเปลวไฟลงไป บังเกิด ประกายไฟเจิดจ้า ลูกกลมลุกไหม้ทีละลูกๆ
สมิงแววตาเข้ม ดวงตาลุกโพลงมองลูกกลมที่กำลังไหม้ทีละลูก ๆ

จักรกับวิญญูยังปรึกษากันเรื่องสังข์ไชยมงคลอยู่ในห้อง วิญญูหันขวับ รับรู้ได้ถึงการโดนทำลายคุณไสยฯจากเครื่องรางตัวเอง จักรหันไปมองอาการแปลกๆของวิญญูด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนทำลายของ ๆ เรา”
“ใคร.. ไอ้แก่นั่นรึเปล่า”
“ไม่น่าจะใช่”
วิญญูประจัหษ์แก่สายตาว่า สมิงไม่ได้ต่อสู้กับนักเลงที่แฟลตฯ เลย
“ไม่ว่าจะเป็นใคร อีกไม่นานจะต้องปรากฏตัวแน่นอน ต่อไปงานของเราคงไม่ง่ายอย่างที่คิด”
วิญญูปรายตามองไปยังจักรอย่างกังวลใจไม่น้อย

ภายในห้องพระ สมิงเอาเทียนกระแทกไปยังลูกกลมที่กำลังลุกไหม้ ทำลายทิ้งไปทีละลูก ๆ
สีหน้าสมิงดูเหี้ยมและจริงจังมากกว่าที่ผ่านมา

เช้าวันใหม่ ภายในห้องส่งสกายนิวส์เน็ทเวิร์ก ผู้ประกาศข่าวชายและหญิงกำลังเสนอข่าวการตายของอนันต์ อนันตวานิชกุล รองนายกรัฐมนตรี
“สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยข่าวหนัก ๆ กันก่อนนะครับ มีรายงานข่าวจากเนติเทคฯ ว่าท่านรองนายกอนันต์เสียชีวิตแล้ว...เมื่อคืนนี้เอง หลังจากเพิ่งรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดเมื่อตอนบ่ายวานนี้” ผู้ประกาศชายบอก
“ใช่ค่ะ ในเบื้องต้นมีรายงานว่าเกิดจากหัวใจวายโดยเฉียบพลัน”

บ้านฐานรัฐในวันเดียวกัน เมฆาที่กำลังผูกเนคไทด์เตรียมตัวไปทำงาน ก็นิ่วหน้าเมื่อเห็นข่าวนี้ทางโทรทัศน์ แม้ว่า เมฆาจะทราบข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่ค่อยพอใจที่ข่าวออกสื่อได้รวดเร็ว
นภาเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ที่ถือถาดใส่กาแฟและของว่างตอนเช้า นภาเห็นอาการของเมฆาแล้วนึกรู้
“นักข่าวสมัยนี้เร็วจริง ๆ รู้เรื่องแทบจะพร้อมนายกฯ เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นแท้ ๆ”
“ไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย ผู้อำนวยการเนติเทคฯ เพิ่งแจ้งว่าอาการอนันต์ดีขึ้นเรื่อย ๆ"
“ดอกเตอร์แพรไพลินใช่มั้ยคะ”
“คุณรู้จัก”
“พบกันโดยบังเอิญตอนเกิดเรื่องที่ราชบุรีน่ะค่ะ เด็กคนนี้ท่าทางใช้ได้ เอางานเอาการ ฉลาดเป็นกรดเลยนะคะ”
“ผมกำลังคิดให้การสนับสนุนอยู่ แต่เกิดเรื่องแบบนี้ ก็น่ากังวล”
“ไม่มีคนเก่งคนไหนไม่เคยทำงานผิดพลาดนะคะ สำคัญว่าผู้บังคับบัญชาจะให้โอกาสแค่ไหน"
เมฆาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป
“ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอคะ”
“ไม่ดีกว่า ต้องรีบไปเคลียร์เรื่องอนันต์”
“แต่ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว จะเสียเวลาสักเท่าไรกันเชียว”
เมฆาชะงักนึกรู้ว่านภาจะน้อยใจ
“จิบกาแฟสักนิดนึงก็ได้ ที่พรรคไม่มีใครชงกาแฟได้ถูกใจเหมือนคุณสักคน"
เมฆาเดินไปหยิบกาแฟมาจิบ แล้วโอบนภาอย่างเอาใจ นภายิ้มบอก
“เนียนเกือบใช้ได้ แต่ไม่ได้ผลค่ะ รีบดื่มรีบไปเถอะ ฉันไม่งอนคุณหรอก ฉันเข้าใจ"
โทรศัพท์มือถือเมฆาดังขึ้น เมฆายกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วนิ่วหน้าเครียดขึ้นทันที
“ว่าไง คมศร”

คมศร สุริยนสีหน้าไม่ค่อยดี ถือโทรศัพท์เดินคุยเข้าไปภายในที่ทำการพรรค
“ที่พรรคเกิดเรื่องครับ”
“ทำไม มีอะไรเหรอ”
“จักรรวบรวมผู้สนับสนุน สั่งเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคภายในเช้าวันนี้”
“เพื่ออะไร”
“ต้องการให้พรรคแต่งตั้งคนทำหน้าที่แทนรองนายกอนันต์โดยด่วนที่สุด ผมสังหรณ์ใจยังไงชอบกล รีบเข้ามาที่พรรคด่วนเถอะครับท่านนายก"

คมศรสีหน้าไม่ค่อยดี

ภายในห้องประชุม พรรคไทธิวัตถ์ในเวลากลางวัน บนโต๊ะประชุมรูปวงรี มีแก้วน้ำและขนมของว่างวางอยู่ ของเหล่านี้ถูกเสกเป่ามาอย่างเรียบร้อย ดร. เมฆา ฐานรัฐ นั่งอยู่ด้านหน้าเป็นประธานในที่ประชุม กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งกล่าวสรุป

“เสนอให้ คุณจักร อมตฤทธา เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงแทนท่านอนันต์ที่เสียชีวิตไป ขอผู้รับรองครับ”
ที่ประชุมพรรคยกมือออกเสียงสนับสนุนให้จักรทั่วทั้งห้องโดยไม่มีใครคัดค้านเลย
เมฆาหันไปกระซิบกับคมศรด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมทุกอย่างถึงง่ายไปหมด”
“นั่นสิครับ ก่อนเข้าห้องประชุมก็ตกลงกันแล้วว่าจะเลื่อนการลงมติออกไปก่อน กรรมการฯ ทำเหมือนโดนยาสั่ง” คมศรพูดพลางส่งสายตามองไปยังรอบๆ
ขนมและของว่างบนโต๊ะประชุมพร่องไปหมด ยกเว้นจานของเมฆากับคมศรเท่านั้น
“ถ้าเป็นแบบนี้ เราคงขัดมติที่ประชุมไม่ได้แน่ ๆ ครับ” คมศรบอก
จักรยิ้มพอใจ หันมามองเมฆาอย่างเหนือชั้น ประกาศกับห้องประชุมทั้งหมด
“ขอบคุณมาก ผมขอรับรองว่าจะทำงานเพื่อพรรคให้ดีที่สุด กว่าที่เคยเป็นมา”
จักรชำเลืองมองมาที่เมฆาเหมือนต้องการเน้นย้ำประโยคสุดท้ายว่าเสียดสีเมฆาโดยตรง

บริเวณทางเดินพรรคฯ เมฆาและคมศรเดินออกมาจากห้องประชุม จักรกับวิญญูยืนรออยู่แล้วที่หน้าห้อง
“ไม่คิดจะแสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่หน่อยรึ”
จักร อมตฤทธามองหน้าดร. เมฆา ฐานรัฐด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่นิยมทำเรื่องที่ขัดกับความรู้สึก จะให้ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับคนที่อยู่ในโลกสีเทา...คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าคิดทำอะไรไม่ถูกต้อง จะไม่มีวันสำเร็จ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายประเทศเป็นอันขาด”
“ยะโส แต่คงยะโสไปได้อีกไม่นาน”
“ต่อให้เป็นประชาชนคนธรรมดา ฉันก็จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม ตราบใดที่ดอกเตอร์เมฆายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีวันยอมให้คนชั่วคนเลวขึ้นมาเป็นใหญ่”
จักรมองเมฆาด้วยความไม่พอใจ ก่อนชำเลืองมองไปที่วิญญูที่นิ่งจ้องเขม็งมาที่เมฆา
เมฆาหันไปทางคมศร
“สั่งหน่วยข่าวกรอง ตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ทั้งหมด ถ้ามีหลักฐานทุจริต... ส่งมาให้ฉันทันที”
“ครับท่านนายกฯ”
เมฆาชี้หน้าจักร
“ถ้าจะยืนอยู่ด้านมืด.. ขอให้มั่นใจว่าอย่าพลาด ถ้าพลาด..สองเท้าที่ยืนจะได้ก้าวเข้าไปอยู่ในคุก”
เมฆาเดินออกไปกับคมศรทันที จักรมองตามด้วยความไม่พอใจ ขณะที่วิญญูมองตามแบบนิ่งๆ
“ทำอะไรมันบ้างสิ” จักรบอก
“ไสยศาสตร์ดำฯ ทำร้ายคนที่มีคุณธรรมและความดีหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ดวงจิตเข็มแข็ง”
“คุณธรรมและความดีหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ”
“เมฆามีคุณธรรมและความดีเป็นเกราะปกป้อง ถ้าจะทำอะไร เราต้องมีพลังอำนาจมากกว่านี้"
“หมายความว่า”
“ด้วยเทวาศาสตราวุธ ไสยศาสตร์ดำจะมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง อีกไม่นานหรอกจักร เมื่อเราได้เทวาศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้น เราจะทำทุกอย่างได้ตามที่ใจต้องการ"
วิญญูพูดเน้นย้ำอย่างมีความหมาย

ในเวลาต่อมา ดร. เมฆา ฐานรัฐนั่งอยู่ด้านหลังของรถประจำตำแหน่ง ด้วยสีหน้าและแววตาดูเครียดกับเรื่องราวทั้งหมด คมศรนั่งอยู่ข้างคนขับ กำลังใช้ไอแพตตรวจดูงานทั้งหมดของเมฆา
“ยังไม่ทันได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทีมงานจักรก็เริ่มทำมาหากินแล้วครับ ดอกเตอร์”
“ยังไง”
“เสนอให้มีการประมูลดาวเทียมดวงใหม่ ล็อกสเปกเรียบร้อย ล้มเลิกโครงการเดิมที่เสนอโดยท่านรองอนันต์ครับ”
“หมายถึงเสนอให้เปลี่ยนผู้รับเหมารายใหม่น่ะเหรอ”
“ใช่ครับ ไดมอนด์กะรัตเน็ทเวิร์คของ “เพชรแท้ นวิยากุล” เป็นตัวเก็ง นอนมาแน่ ๆ ครับ”
เมฆาครุ่นคิดนามสกุลที่ฟังดูคุ้นเคย
“ นวิยากุล”
“แม่แท้ ๆ ของ ดอกเตอร์แพรไพลิน ผู้อำนวยการเนติเทคฯ ไงครับท่านนายกฯ”
เมฆาครุ่นคิดตามคำพูดของคมศร

คมศรสีหน้าเคร่งเครียด กำลังเดินอยู่บริเวณทางเดินในสถานีโทรทัศน์ สกายนิวส์เนทเวิร์ค แล้วนึกถึงคำสนทนากับดร. เมฆาก่อนหน้านี้
“จะปล่อยให้พวกมันทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
“ถ้างั้นจะทำยังไงล่ะครับ”
“เราคงต้องเป็นมิตรกับสื่อฯ”
“หมายความว่า”
“แลกเปลี่ยนข้อมูลในทางลับกับเครือข่ายการข่าวของนักข่าว เราต้องใช้ประโยชน์จากสื่อให้มากที่สุด”

คมศรเดินตรงไปยังลิฟท์ และกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบน

น้ำใสเดินเข้ามาในห้องทำงาน เปิดประตูและเปิดไฟตามลำดับ พอหันมาด้านหน้าเธอก็ต้องสะดุ้งตกใจเบาๆ

“อุ๊ย...”
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”
น้ำใสจำได้
“เลขาท่านนายกฯ”
“เรียกผมคมศรก็ได้”
“มีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”
“ถือว่านี่เป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการ”
“หมายความว่า”
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด สกายนิวส์เน็ทเวิร์คอยู่ข้างกับความถูกต้องเสมอ ผมต้องการให้เราแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน”
“ยังไง...ฉันยังไม่เข้าใจ”
“ผมจะสนับสนุนข้อมูลการทำทุจริตของรองจักรกับพวกให้สื่ออย่างคุณ ขอเพียงอย่างเดียว แฉให้คนในสังคมได้รับรู้”
“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านนายกเมฆารู้เรื่องนี้มั้ย”
คมศรสีหน้านิ่งเรียบเฉยไม่ตอบ แต่หันไปพูดเรื่องอื่นแทน
“เงื่อนไขก็คือ นี่คือการตกลงกันแบบไม่เป็นทางการ คุณจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ไม่ได้”
“ถ้าเดาไม่ผิด นายกเมฆาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่มั้ย”
คมศรไม่ตอบคำถาม
“รองจักรเสนอให้มีการประมูลดาวเทียมดวงใหม่ มีการล็อกสเปกให้กับไดมอนด์กะรัตเน็ทเวิร์คของ เพชรแท้ นวิยากุล”
คมศรวางแฟลชไดร์ฟลงบนโต๊ะน้ำใส
“รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในแฟลชไดร์ฟ... คุณคงรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป”
คมศรพูดจบก็เดินออกไปทันที น้ำใสหยิบแฟลชไดร์ฟขึ้นมา แล้วมองตามคมศรที่เดินออกไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ภายในห้องผ่าตัดในเนติเทคฯ เวลากลางวัน พญ. แพรไพลิน นวิยากุลกำลังผ่าตรวจศพรองอนันต์
พยาบาลเคาะคอมฯ ด้านข้างแล้วรายงาน
“ไม่พบสารเสพติดในร่างกายค่ะ”
แพรไพลินพยักหน้ารับรู้ ยกท้ายทอยของอนันต์ขึ้นดูแล้วนิ่วหน้า ผายมือออกด้านข้างขออุปกรณ์
“Forceps (ปากคีบ)”
กุ๊บกิ๊บส่งปากคีบให้แพรไพลิน เธอคีบวัสดุออกมาจากท้ายทอยของอนันต์ เป็นลูกกลมขาวอย่างเดียวกับที่สมิงเคยได้จากท้ายทอยของสองนักเลงและทำลายไป
“อะไรคะคุณหมอ”
แพรไพลินไม่ตอบ ชูลูกกลมนั้น.ขึ้นเพ่งมองด้วยสายตาค้นหา

วิญญูที่เดินอยู่กับจักรบริเวณพรรคไทธิวัตถ์ชะงักทันที แววตาแข็งกร้าวอย่างฉับพลัน
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนพบของ ๆ เราในตัวอนันต์”
วิญญูสีหน้าเครียด แววตาเบิกกว้าง

ภายในห้องผ่าตัด แพรไพลินใส่ลูกกลมลงในถุงพลาสติกขนาดเล็ก ปิดฝาถุง แล้วหันไปสั่งกุ๊บกิ๊บ
“ยังไม่ต้องลงบันทึกว่าพบหลักฐานชิ้นนี้”
“ทำไมคะ”
“ฉันต้องการตรวจสอบหลักฐานด้วยตัวเอง”
“แต่ว่า”
“ขอฉันตัดสินอนาคตด้วยตัวเอง มันเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่พิสูจน์ว่ารองอนันต์ไม่ได้คุ้มคลั่งเพราะยาคลายเครียดของฉัน"
แพรไพลินมองลูกกลมที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก พยาบาลเดินเข้ามาแจ้งแก่แพรไพลิน
“หมอคะ มีเรื่องด่วนค่ะ”
“อะไร”
แพรไพลินชะงักไป

แพรไพลินเดินเข้ามาในห้องประชุม พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์ ผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษนั่งด้วยมาดเท่ในฐานะผู้บังคับบัญชาอยู่ในห้องฯ
“พี่วิ”
“เรียกให้ถูก” รวิเสียงเข้ม
“ท่าน ผบ.รวิ.. ทำไมวันนี้ถึงเข้ามาหาดิฉันถึงเนติเทคฯได้”
“นั่ง”
ผู้บัญชาการ สำนักงานสืบสวนพิเศษวางหนังสือคำสั่งพักงานลงบนโต๊ะ แล้วเลื่อนไปเบื้องหน้าพญ. แพรไพลินหยิบขึ้นมาดู
“เซ็นรับทราบคำสั่ง นี่ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว คนอย่างฉัน ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก"
“แต่เท่าที่จำได้ ผบ.รวิ ไม่เคยเห็นน้องสาวลูกคนละแม่ทำอะไรถูกเลยสักครั้ง ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ฉันต้องโดนสอบทุกครั้งที่สืบเรื่องเสี่ยง ๆ”
แพรไพลินมองรวิ พี่สาวต่างมารดาอย่างค้นหาความจริงและไม่ลงให้
“ฉันเลือกไม่ได้หรอกนะที่จะเป็นลูกเมียแต่ง และเวลานี้ฉันกับแม่พูดกันนับครั้งได้” แพรไพลินบอก
รวิยิ้มเย้ยบอก
“จะพูดยังไง เธอก็ต้องถูกพักงาน จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าท่านอนันต์ไม่ได้คุ้มคลั่งเพราะยาที่เธอฉีดให้ก่อนตาย"
แพรไพลินจำใจเซ็นชื่อลงที่ใบคำสั่ง
“คุณธรรมกับอำนาจ มักจะไม่มาพร้อมกัน” แพรไพลินบอก
“เธอว่าอะไรนะ”
“ฉันแค่พูดเตือนตัวเองให้ยอมรับความจริง”
“ก็ดี”
แพรไพลินมองหน้ารวิบอก
“แต่ฉันเชื่อในสัจธรรม ความดีชนะทุกสิ่ง”

แพรไพลินจ้องรวิอย่างไม่ยอมกัน แล้วจึงหันหลังเดินออกไป รวิมองตามด้วยแววตาไม่พอใจ

ติดตาม "เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์" ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น