แรงปรารถนา ตอนที่ 2
วันถัดมา ภายในร้านกาแฟเก๋ๆแห่งหนึ่ง สุอาภาเปิดเฟซบุ๊กผ่านทางไอโฟน เข้าไปหน้า wall ของรวีพรรณ ดูประวัติของรวีพรรณ เบอร์โทรศัพท์และรูปถ่าย สายตาเธอเห็นรูปรวีพรรณที่ถ่ายกับสินีนาฎในฟิตเนสแห่งหนึ่ง สุอาภาดูที่เช็กอินเห็นชื่อ สถานที่ฟิตเนสแห่งนั้น ด้วยสีหน้าและแววตาเจ้าเล่ห์
ภายในฟิตเนส เวลาเช้า รวีพรรณกับสินีนาฎกำลังเดินอยู่บนลู่วิ่ง ด้านหลังเห็นสุอาภาเดินเข้ามา เธอยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นรวีพรรณกับสินีนาฎ ก่อนจะเดินมาข้างๆ ทำเป็นมองไม่เห็นรวีพรรณกับสินีนาฎ และหยิบโทรศัพท์โทร.หาพิทยา
สุอาภาส่งเสียงหวานถาม
“พิทอยู่บ้านเหรอ”
ทั้งคู่ได้ยินเสียงก็หันไปมองและผงะเมื่อเห็นว่าเป็นสุอาภา
สุอาภาเดินมาขึ้นลู่วิ่งข้างๆ จงใจพูดเสียงดังให้รวีพรรณได้ยิน
“ทานข้าวเช้ายัง...ยังไม่ได้ทาน นี่ถ้าแตอยู่ข้างๆจะตีให้ พิทต้องหาอะไรทานรู้มั๊ย เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ แตเป็นห๊วงเป็นห่วง... จะไม่ให้ห่วงได้ไง พิทก็รู้ว่าพิทเป็นคนสำคัญสำหรับแตเสมอ”
รวีพรรณได้ยินก็ผงะ แต่สินีนาฎฟังแล้วหงุดหงิด สุอาภาหันมาทำเป็นตกใจที่เห็นรวีพรรณ
“แค่นี้ก่อนนะ
สุอาภาทำเป็นกดวางสาย
“อ้าวคุณรวี...แหม บังเอิญจัง มาที่นี่บ่อยเหรอคะ”
สินีนาฎเสนอหน้าตอบแทน
“ใช่”
สุอาภาไม่พอใจชะโงกหน้ามองสินีนาฎแล้วบอก
“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ”
สินีนาฎหน้าเสีย สุอาภาหันมาทางรวีพรรณ
“แตก็มาบ่อย แต่แปลกที่เราไม่ยักเจอกัน จะว่าไปเราสองคนก็ชอบอะไรเหมือนๆกันเลยนะคะ”
สุอาภาพูดให้รวีพรรณคิดว่า เธอหมายถึงพิทยา!! รวีพรรณเงียบ สินีนาฎมองค้อนสุอาภา
สุอาภากดเครื่องให้ทำงานแล้วก็เดินไปพูดไป
“อ้อ...เมื่อกี้ที่แตคุยกับพิท อย่าคิดมากนะ แตกับพิทสนิทกันตั้งแต่เด็ก เรามักเป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้เสมอ”
สุอาภายิ้มพร้อมยักไหล่ รวีพรรณพูดไม่ออก สินีนาฎสุดทน
“ก็แค่เพื่อน ไม่ใช่แฟน”
สุอาภาเริ่มไม่พอใจบอก
“คุณก็เหมือนกัน...ก็แค่เพื่อน ไม่ใช่แฟน ออกรับแทนอย่างกับเป็นแฟนพิทซะเอง เอ...หรือว่าคุณแอบชอบแฟนเพื่อน”
สินีนาฎหน้าถอดสี
สุอาภามองด้วยความสงสัยแล้วแกล้งปิดปากทำหน้าตกใจ “โอ้ มายก๊อด” สินีนาฎเหวอไป รวีพรรณหันไปมองแล้วก็ผงะ
“ระวังจะโดนแทงข้างหลังนะคะคุณรวี”
สินีนาฎเห็นว่า สู้ไม่ได้เลยตัดบท
“รวี!...กลับกันเหอะ บรรยากาศแถวนี้ชักไม่น่าอยู่แล้ว”
สินีนาฎกับรวีพรรณปิดเครื่องแล้วพากันเดินออกไป สุอาภาหันไปมองตามแล้วอมยิ้มขำด้วยความสะใจ ก่อนจะเพิ่มความเร็วแล้วก็วิ่งๆๆๆ บนลู่
สินีนาฎกับรวีพรรณจ้ำเดินออกมาภายนอกฟิตเนสด้วยกัน สินีนาฎโมโหมาก
“พูดออกมาได้ว่าฉันแอบชอบพิท!! ไม่รู้ใช้อะไรคิด รวีอย่าไปเชื่อที่นังนั่นพูดนะ”
รวีพรรณไม่ได้สนใจเพราะกังวลเรื่องพิทยา
“ฉันไม่เชื่อเค้าหรอก”
สินีนาฎโล่งใจ
“รวี...ฉันว่าเธอต้องโทรไปถามพิทให้รู้เรื่องว่ามันยังไงกัน”
รวีพรรณหันไปมองสินีนาฎอย่างครุ่นคิด
พิทยาที่กำลังดื่มกาแฟอยู่แทบสำลัก ขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์
“เค้าพูดกับรวีแบบนั้นเหรอ ผมไม่ได้คุยกับเค้าเลยนะรวี เดี๋ยวผมจะจัดการเค้าให้เอง”
พิทยาวางสายด้วยความโมโหสุดๆ แล้วก็กดโทรออกไปหาสุอาภา
สุอาภาที่กำลังวิ่ง ได้ยินเสียงมือถือที่วางตรงแผงด้านหน้าดังขึ้น เห็นชื่อพิทยาก็ยิ้มร้าย หยุดวิ่ง ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ ยังไม่ทันที่สุอาภาจะพูดอะไร เสียงพิทยาก็ดังลอดออกมา
“คุณคิดจะทำอะไรของคุณ!”
สุอาภาทำเสียงกวน
“ฉันทำไร”
พิทยาโมโหมาก
“คุณโกหกรวีว่าคุยกับผม ทำแบบนี้ทำไม”
สุอาภายิ้มบอก
“เพื่อความสนุกไง”
พิทยาอึ้ง
“ในเมื่อนายกล้าปฏิเสธไม่แต่งงานกับฉัน ฉันก็จะทำให้นายได้รู้รสชาติของการถูกทิ้งว่ามันเป็นยังไง”
พิทยาตกใจ
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ความสนุกชุดใหญ่กำลังจะตามมา”
สุอาภาวางสาย พิทยาผงะไปเล็กน้อย สีหน้าดูลังเลว่า สุอาภาจะทำอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า สุอาภาหรี่ตาผุดสีหน้าร้ายกาจออกมา
ภูวดลเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้า มาดดี เท่มาก พนักงานสาวๆต่างพากันหันไปมองด้วยแววตาชื่นชม สะกิดกันดู ไม่นานผู้จัดการเดินมาหาภูวดล
“สวัสดีครับคุณภูวดล เชิญทางนี้ครับ”
ภูวดลพยักหน้ารับ ผู้จัดการพาภูวดลเดินมาตามทาง ผ่านมุมต่างๆภายในห้างฯ ใหญ่โต หรูหรา
ทั้งสองคนยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่รวมกับโต๊ะพนักงานคนอื่นๆ ภูวดลหันไปถามผู้จัดการ
“เนี่ยนะที่ทำงานของผม”
ผู้จัดการถึงกับหน้าเสียบอก
“ท่านประธานสั่งเอาไว้ครับ”
ภูวดลโมโหสุดๆ
ภายในห้องทำงานภาสันต์ในห้างสรรพสินค้า เลขาฯเอาแฟ้มมาวางบนโต๊ะ ภาสันต์จับมือเลขา เลขาผงะ ภาสันต์มองด้วยแววตาเจ้าชู้
“ขอบใจ”
ภาสันต์ไม่จับมือเปล่า มีลูบหลังมือด้วย เลขายิ้มอย่างยินยอม ทันใดนั้นภูวดลเปิดประตูพรวดเข้ามา
“พ่อ!”
ภาสันต์รีบปล่อยมือ เลขาฯรีบก้มหน้าเดินออกไป ภูวดลหันไปมองตามเลขาฯแว๊บนึง แล้วก็เดินมาตรงหน้าภาสันต์
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”
“ผมจะไปรู้เหรอครับว่าพ่อกับเลขาฯกำลังประชุมลับกันอยู่”
“ไอ้ภู!” ภาสันต์เรียกเสียงดัง ภูวดลนิ่งไป
“แกมีอะไร” ภาสันต์ถาม
“ผมยอมมาทำงานตามที่พ่อบอกแล้ว ทำไมผมถึงไม่มีห้อง”
“อย่านึกว่าเป็นลูกฉันแล้วจะได้สิทธิ์พิเศษเหนือกว่าคนอื่น แกยังไม่มีประสบการณ์เพราะฉะนั้นแกต้องเริ่มต้นจากศูนย์”
“ถ้างั้นผมไม่ทำ”
“แกไม่ทำ...ฉันก็ไม่ให้เงินแก ถ้ามีปัญญาก็ไปหาเงินเอง แล้วแกจะได้รู้ว่ากว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท มันยากเย็นแค่ไหน”
ภูวดลอึ้ง พูดไม่ออก จำต้องรับข้อเสนอของพ่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภายในบ้านสวนจันทร์จำนง เวลากลางวัน เธอกำลังดูแบบที่พิทยาร่างมาให้ ด้วยสีหน้าพอใจ ก่อนจะเงยหน้ามองพิทยา
“ฉันพอใจมาก”
พิทยายิ้มด้วยความดีใจ
“เด็กๆที่มูลนิธิคงจะดีใจที่จะได้มีห้องสมุดใช้” จันทร์จำนงพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะร่างแบบสำหรับการก่อสร้างเลยนะครับ” พิทยาบอก
จันทร์จำนงพยักหน้า ระหว่างนั้น ป้านวล เดินเข้ามาคุกเข่าข้างๆจันทร์จำนง
“อาหารกลางวันเสร็จแล้วค่ะคุณท่าน”
จันทร์จำนงหันไปทางพิทยา
“คุณพิทอยู่ทานข้าวด้วยกันนะ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมมีงานเอาไว้โอกาสหน้านะครับ”
“รับปากคนแก่แล้ว ห้ามคืนคำล่ะ เห็นฉันแก่อย่างนี้ แต่ความจำฉันยังสาวอยู่”
พิทยายิ้มขำรับปาก
“ครับ”
จันทร์จำนงมองพิทยาด้วยแววตาที่เอ็นดูมาก
ป้านวลเดินออกมาส่งพิทยาพร้อมกับส่งตะกร้าใส่มะม่วงให้ พิทยาหันมารับ
“ขอบคุณครับ มะม่วงที่ให้ไปคราวที่แล้วยังทานไม่หมดเลย”
“ป่านนี้ไม่เน่าแล้วเหรอคะ ถ้าไงเอามาให้ป้าทำมะม่วงกวนให้ได้นะคะ”
“ครับ ผมลาล่ะครับ”
พิทยาไหว้ป้านวล และกำลังจะขึ้นรถ รถภูวดลแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าป้านวล พิทยากับป้านวลหันไปมอง ภูวดลก้าวลงจากรถ เห็นพิทยาก็ผงะเพราะจำได้
ภูวดลหันไปยกมือไหว้ป้านวล
“สวัสดีครับป้านวล”
ป้านวลรับไหว้ ภูวดลหันไปมองพิทยาอีกครั้ง ป้านวลรีบแนะนำ
“นี่คุณพิทยา สถาปนิกที่ออกแบบห้องสมุดให้กับมูลนิธิของคุณท่านค่ะ ส่วนนี่คุณภูวดล หลานคุณท่านค่ะ”
“สวัสดีครับ”
ภูวดลเดินมาตรงหน้า
“สวัสดีครับคุณพิทยา ฝากความคิดถึงถึงคุณรวีด้วยนะครับ”
ภูวดลยิ้มๆแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านกับป้านวล พิทยางงและแปลกใจสุดๆ
ภายในบ้าน บนโต๊ะอาหาร จันทร์จำนงนั่งทานข้าวอยู่กับภูวดล
“พ่อเราน่ะทำถูกแล้ว”
“ถูกยังไงครับคุณย่า ขนาดผู้จัดการห้าง ยังมีห้องทำงาน แต่ลูกเจ้าของห้างฯกลับต้องมานั่งทำงานร่วมกับพนักงานคนอื่นเนี่ยนะครับ”
“ไอ้เรื่องห้องเรื่องโต๊ะทำงาน ย่าว่ามันก็แค่สิ่งยึดติด จะมีห้องหรือไม่มีห้อง มันก็คนทำงานเหมือนกัน”
ภูวดลเซ็งบอก
“คุณย่าไม่เข้าข้างผมเลย คุณย่าไม่รักผมแล้วเหรอ”
“อ๊ะๆ อย่ามาพูดกับย่าแบบนี้นะ ย่ามีเราเป็นหลานคนเดียว ถ้าไม่ให้ย่ารักเรา แล้วจะให้ย่าไปรักหมาที่ไหน”
ภูวดลลุกมาคุกเข่าข้างจันทร์จำนงแล้วกอดสีหน้าออดอ้อน
“ถ้าอย่างนั้นคุณย่าช่วยพูดกับพ่อให้ผมนะครับ..แล้วผมสัญญาว่าผมจะตั้งใจทำงาน นะครับคุณย่า”
จันทร์จำนงถอนหายใจ จำนนกับลูกอ้อนของภูวดล
ในเวลาต่อมา มุมหนึ่งภายในออฟฟิศของรวีพรรณ พิทยามองหน้าเธอด้วยความอึ้งตะลึง
“คุณภูวดลเป็นผู้ชายที่แม่รวีจะให้แต่งงานด้วย”
รวีพรรณพยักหน้าแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พิทยาถึงกับวางช้อนเพราะกินข้าวไม่ลง
“รวีขอโทษที่ไม่ได้บอกพิท คือ..รวีไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไง”
พิทยาหน้าเสียบอก
“ผมแพ้แล้วใช่มั๊ย เพราะดูท่าทางผมไม่มีอะไรสู้เค้าได้ซักนิด”
“พิทไม่ได้แพ้นะคะ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี รวีเคยเห็นผู้หญิงตบแย่งเค้า รวีพยายามจะเล่าให้แม่ฟัง แต่แม่ก็ไม่ยอมฟังกลับเยินยอผู้ชายคนนั้นไม่ขาดปาก”
พิทยาจับมือรวีพรรณเป็นห่วง
“ถ้าไงรวีต้องดูแลตัวเองดีดีนะครับ อย่าเข้าใกล้เค้าเด็ดขาด ผมจะพยายามสร้างฐานะ เร่งพิสูจน์ตัวเองให้แม่รวีเห็นให้ได้”
รวีพรรณกระชับมือเขาแน่นให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เวลากลางคืน ภายในห้องนอนของสุอาภา พราวพิไลกำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โน๊ตบุ๊ก โดยมีสุอาภายืนกำกับ
“คนจบกราฟฟิคดีไซน์ ทำได้แค่เนี๊ยะ! เอาให้มันเนียนหน่อยสิ”
“นี่เพื่อนนะ ไม่ใช้ลูกจ้าง มาถึงก็จิกหัวใช้” พราวพิไลบอก
“ช่วยไม่ได้ แกอยากซวยเกิดมาเป็นเพื่อนฉันทำไม”
“ไอ้แต ฉันถามจริงเหอะ คิดว่าวิธีนี้เวิร์กแล้วใช่ป่ะ”
“เวิร์กอย่างแรง รีบๆทำต่อได้แล้ว”
พราวพิไลหันไปกำลังจะทำต่อ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น แล้วณีเปิดเข้ามาพร้อมกับถาดวางน้ำส้มสองแก้ว สุอาภาก็รีบปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊กแล้วหันไปพร้อมกับพราวพิไล ทั้งคู่หน้าตามีพิรุธมาก
ณีผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะวางถาดน้ำส้มลงบนโต๊ะ
“ทำอะไรกันอยู่คะท่าทางมีลับลมคมใน”
ณีจ้องมาที่โน๊ตบุ๊กด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น สุอาภารีบเข้ามาบังสายตา
“ไม่มีอะไรค่ะ ป้าออกไปได้แล้ว”
สุอาภารีบดันณีออกไปจากห้องแล้วปิดประตูพร้อมกับล็อกพลางถอนหายใจ
รุ่งขึ้น ที่ออฟฟิศ รวีพรรณกำลังประชุมกับผู้บริหาร รวีพรรณตั้งใจฟังมาก พลันมือถือเธอที่วางบนโต๊ะสั่น เธอเหลือบมองเห็นมีข้อความเข้ามาจากเบอร์แปลกก็กดเปิดดู แล้วก็ผงะเพราะเป็นรูปพิทยากอดกับสุอาภา รูปนี้เป็นรูปตัดต่อที่พราวพิไลทำขึ้นนั่นเอง
รวีพรรณอึ้ง แล้วข้อความก็เข้ามาอีก เป็นรูปพิทยากับสุอาภาใกล้ชิดกัน รวีพรรณถึงกับหน้าซีด ตัวสั่นเทา ผู้บริหารที่นั่งหัวโต๊ะ หันมาทางเธอ
“คุณรวี”
รวีพรรณยังนิ่งจนต้องเรียกซ้ำ
“คุณรวีครับ”
“คะ”
“คุณมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้ครับ”
รวีพรรณอึ้งเพราะไม่ได้ฟัง
“เออ..ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทันได้ฟังอย่างละเอียด พูดอีกครั้งได้มั๊ยคะ”
ผู้บริหารมองหน้ากันแปลกใจ รวีพรรณสีหน้าแย่มาก
รวีพรรณเข้ามาในห้อง สีหน้าเครียด ก่อนจะเอามือถือที่มีรูปสุอาภากับพิทยาขึ้นมาดูอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจอย่างแรง
ภายในร้านอาหาร พิทยารีบเข้ามานั่งข้างรวีพรรณที่สีหน้านิ่งมาก
“ขอโทษนะรวีที่มาช้า รวีนัดผมออกมากะทันหัน มีอะไร”
รวีพรรณเอามือถือไปวางตรงพิทยา เขาหยิบมาเห็นรูปก็ตะลึง ยังไม่ทันอธิบาย
“ยังมีอีกหลายรูป”
พิทยาก้มมองแล้วสไลด์ดูรูปด้วยความอึ้งมาก พลันเสียงสุอาภาที่เคยพูดกับเค้าดังขึ้น
“ในเมื่อนายกล้าปฏิเสธไม่แต่งงานกับฉัน ฉันก็จะทำให้นายได้รู้รสชาติของการถูกทิ้งว่ามันเป็นยังไง... นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ความสนุกชุดใหญ่กำลังจะตามมา”
พิทยาโมโหสุอาภามาก รีบหันไปอธิบายให้รวีพรรณฟัง
“นี่เป็นรูปตัดต่อนะรวี ผมพิสูจน์ให้คุณเห็นได้ ผมกับคุณแต..ไม่มีอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้พยายามจะทำให้เราเลิกกัน รวีต้องเชื่อใจและมั่นใจในตัวผมนะครับ”
รวีพรรณมองพิทยาแล้วนิ่งไป
เวลาต่อมา พิทยาเดินดุ่มๆเข้ามาในบ้านสุอาภาด้วยแววตากร้าว พร้อมตะโกนเรียก
“คุณแต! ออกมาเดี๋ยวนี้ คุณแต”
เสียงดังของพิทยา ทำให้ณีต้องรีบออกมา
“คุณพิท”
พิทยาหันไปไหว้ณี
“คุณแตอยู่ไหนครับป้า”
ณีตกใจกับน้ำเสียงที่ทรงพลังของพิทยา
พิทยาเดินออกมาเห็นสุอาภากำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่ริมสระ ณีเดินตามมาติดๆด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณพิท”
“ผมขอคุยกับเค้าสองคนนะครับ”
พิทยาเดินไปเลย ณีหน้าเสีย คิดๆๆว่าจะทำยังไงดีแล้วก็เดินออกไป เขาเดินลุยเข้ามาคว้าหนังสือที่เธอกำลังอ่านออกมาวาง เธอผงะเมื่อเห็นพิทยาแล้วลุกขึ้นยืน
“มาทำไม”
พิทยาเอามือถือตัวเองหันมาชูรูปที่พราวพิไลตัดต่อให้เธอดู สุอาภามองแล้วก็นิ่งไป
“แสดงว่าแฟนนายมาฟ้องนายแล้ว แหม..ทั้งขี้หึงขี้ฟ้อง ผู้หญิงแบบนี้นายทนไหวเหรอ”
“เงียบ!” พิทยาตวาด สุอาภาชะงักไม่พอใจ
“ผมจะพูดกับคุณครั้งนี้ครั้งเดียว เลิกยุ่งกับรวี!!”
สุอาภายื่นหน้าท้าทายบอก
“ฉันไม่เลิก!”
“แล้วต้องให้ผมทำไง”
สุอาภาขยับมาประจันหน้าบอก
“นายก็เลิกกับเค้าสิ”
“มันเป็นไปไม่ได้”
“งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกันที่จะให้ฉันเลิกรังควานแฟนนาย”
สุอาภายิ้มเยาะแล้วหันหลังจะเดินออกไป เขาโมโหมาก คว้าแขนเธอเอาไว้แล้วจับให้หันมา สุอาภาผงะ
“ปล่อย!”
พิทยาบีบแขนสองข้างของสุอาภาแน่น
“ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะพูดออกมา ว่าจะเลิกยุ่งกับรวี”
สุอาภาทำหน้ากวนบอก
“จ้างให้..ก็ไม่พูด”
“ผมจะฟ้องคุณอา”
สุอาภาผงะ
“ไอ้ขี้ฟ้อง!”
พิทยาไม่สนใจ ปล่อยสุอาภาแล้วเดินออกไป สุอาภาชักใจเสีย
“คิดว่าป๋าจะเชื่อนายเหรอ”
พิทยาหยุดเดินหันมา
“เดี๋ยวก็รู้ว่าจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ”
พิทยาพูดแบบถือไพ่เหนือกว่าแล้วหันหลังเดินต่อ สุอาภาหัวเสียอย่างแรง หยิบหนังสือขึ้นมาปาไปโดนหลังพิทยาเต็มๆ อั่ก! เธออึ้งที่โดนเขาหันมาจ้องตาขวาง เธอชักกลัวแต่ทำเป็นไม่สน
“สมน้ำหน้า”
พิทยากำมือแน่นโมโหสุดๆ ขยับตัว สุอาภาตกใจรีบหันหลังวิ่งหนี ทันใดนั้น เธอลื่นแล้วก็ตกลงไปในสระว่ายน้ำตกใจ ร้องเสียงดังลั่น
“อ๊าย”
พิทยาตกใจ
วรรณวดีเดินหิ้วของเข้ามาในห้องรับแขก ณีรีบเดินหน้าตาตื่นออกมาหา
“พิทมาเหรอป้า”
“ค่ะ คุณพิทมา”
วรรณวดีมองหน้าณีที่สีหน้าแย่ๆก็แปลกใจ และสงสัย
“แล้วทำไมป้าทำหน้าแบบนี้”
สุอาภาพรวดขึ้นมาจากน้ำ แล้วก็แกล้งทำเป็นตะคริวกิน
“ช่วยด้วย”
พิทยามองด้วยสายตาไม่ค่อยเชื่อ สุอาภาแกล้งจะจมน้ำ
“ตะคริวกินขาฉัน...โอ๊ย”
สุอาภาแกล้งจมลงไป พิทยามองซักพัก เห็นสุอาภานิ่งก็ใจไม่ดีคิดว่าจริง รีบถอดรองเท้า กระโดดน้ำ รีบว่ายไปคว้าตัวสุอาภาขึ้นมา สุอาภาแกล้งหมดสติ พิทยาเป็นห่วงมาก
“คุณแต คุณอย่าเป็นอะไรนะ...คุณแต!”
พิทยาหน้าเสียอย่างแรง แล้วสุอาภาก็หัวเราะ ลืมตา ออกมา เขาปล่อยมือเธอทันที
“คุณแกล้ง”
“ใช่...ฉันแกล้ง นายก็ยังหลอกง่ายเหมือนเดิม”
สุอาภายิ้มมุมปาก พิทยาหัวเสียมาก กวักน้ำสาดหน้าสุอาภาอย่างแรง โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวจนสำลัก
“ไอ้พิทบลู!”
สุอาภาสาดน้ำใส่หน้าพิทยา พิทยาสาดกลับ สองคนสาดน้ำใส่กันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร แต่ดูท่าทางสุอาภาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า
สุอาภาสุดทนบอก
“โอ๊ยหยุด..หยุดได้แล้ว!”
พิทยาหยุดแล้วจ้องหน้าเธอด้วยสายตาตากร้าว
“ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้ อย่ายุ่งกับรวีอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้าย”
“ทำไม” สุอาภาโมโห ผลักอกพิทยาถาม
“นายจะฆ่าฉันเหรอไง”
“ถ้าทำแล้วไม่ผิดกฎหมาย ผมอาจจะทำไปนานแล้ว”
สุอาภามีแววตาเจือด้วยความน้อยใจและเสียใจ
“รักเค้ามาก”
“ใช่...ผมรักรวีมาก มากที่สุด ถ้าใครทำร้ายรวี ก็เท่ากับทำร้ายผมด้วย”
สุอาภากัดกรามแน่นด้วยความเสียใจ แต่ต้องอดกลั้นไม่แสดงออก
วรรณวดีกับณีเข้ามาเห็นพิทยากับสุอาภาในสระก็แปลกใจ
“พิท!”
“คุณหนู!”
ทั้งคู่ผงะ สุอาภาก็รีบขึ้นจากสระ ณีรีบเข้ามารับ สุอาภาปัดมือณีออก แล้วเดินลิ่วๆๆออกไป พิทยานิ่งไปซักพักก่อนจะขึ้นจากสระ หันไปเห็นวรรณวดีมองหน้าเขาอยู่
“เล่าให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
พิทยามองหน้าแล้วนิ่งคิดว่าจะบอกดีหรือไม่
สุอาภาเข้ามาในห้องน้ำด้วยความโมโหสุดๆ กวาดข้าวของบนอ่างล้างหน้าตกพื้นเสียงดัง!! แล้วก็เงยหน้ามองตัวเองในกระจก
“นายกับฉันจะได้เห็นดีกัน”
สุอาภาโกรธมากจนหอบตัวโยน
สุอาภาเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เจอวรรณวดีนั่งรออยู่ก็ผงะ
“เราทำแบบนั้นกับพิททำไม”
สุอาภาชะงักบอก
“ทำตัวเป็นเด็ก แค่นี้ก็ต้องฟ้อง”
“เราต่างหากที่เด็ก พิทไม่ได้ฟ้อง พี่เป็นคนบังคับให้เค้าเล่าให้ฟัง เลิกเอาแต่ใจตัวเองซักทีเถอะแต”
“พี่ต่ายไม่เป็นแต พี่ต่ายไม่เข้าใจหรอก”
“ทำไมพี่จะไม่เข้าใจ พี่รู้ว่าเราเป็นคนที่ใครขัดใจไม่ได้ แต่นี่เราโตแล้ว เราต้องมีเหตุผลสิ มันบาปมากนะแต การที่แตจะทำให้คนรักกัน เค้าเลิกกัน”
“แตไม่กลัวบาป แล้วแตก็ไม่สน ใครทำให้แตเจ็บ มันต้องเจ็บกว่าเป็นพันเท่า”
สุอาภาพูดจบก็สะบัดหน้า เดินออกไป วรรณวดีได้แต่ถอนหายใจที่พูดแล้วน้องไม่ฟัง
มุมหนึ่งที่บ้านสุอาภาในเวลากลางคืน วรรณวดียืนมองหน้านพที่นั่งอยู่ มีบวรนั่งข้างๆ
“ป๋าต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด” วรรณวดีบอก
นพหันไปมองหน้าบวร บวรสะดุ้ง
“ป๋ามองหน้าผมทำไม เรื่องนี้เพราะป๋าคนเดียว”
นพกลืนน้ำลายอย่างรู้สึกผิด
“ก็..ป๋าไม่นึกว่ามันจะบานปลายไปแบบนี้ แล้วเราจะทำยังไงดี”
“อย่ามาเหมารวมพวกเราสิคะป๋า ป๋านั่นแหละที่ต้องคิดว่าจะทำยังไง ให้เรื่องระหว่างพิทกับแตไม่ไปกันใหญ่มากกว่านี้”
นพเครียดสุดๆ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
เช้ารุ่งขึ้น สุอาภาใส่ที่ปิดตากำลังนอนหลับ พลันเสียงมือถือดังขึ้น สุอาภาเอื้อมมือมากดรับ น้ำเสียงงัวเงียมาก
“ฮัลโหล”
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอแก” พราวพิไลถามผ่านทางโทรศัพท์
สุอาภาถอดผ้าปิดตาออกหันไปดูเวลาเที่ยงกว่า
“มีอะไร”
“เย็นนี้แกไปงานเปิดโรงแรม...กับพ่อแกรึเปล่า”
“ฉันไม่ไป”
“แต่ฉันว่างานนี้แกควรไปนะ”
สุอาภานิ่วหน้าด้วยความสงสัย พราวพิไลพูดต่อ
“งานนี้เค้าเชิญแขกระดับวีไอพีมาทั้งนั้น ทั้งไฮโซ เซเลบ รับรองนักข่าวเต็มงาน และหนึ่งในแขกวีไอพีก็คือครอบครัวของรวีพรรณ และที่สำคัญ นายพิทยาก็ไปงานนี้ด้วยในฐานะสถาปนิกผู้ออกแบบ”
สุอาภาถึงกับสนใจทันที ลุกขึ้นนั่ง
“ได้ยินอย่างนี้ อยากไปขึ้นมาบ้างเหรอยัง”
สุอาภานิ่งคิด
แรงปรารถนา ตอนที่ 2 (ต่อ)
เวลาต่อมา ที่มุมหนึ่งในบ้าน นพเหวอมากแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองกับคำพูดของลูกสาว
“แตรู้ค่ะว่าแตผิด แตทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แตอยากขอโทษพิทค่ะ”
นพอึ้งมาก
“นี่ป๋าไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย”
สุอาภาเข้ามาจับแขนนพบอก
“แตพูดจริงค่ะ อย่างที่พี่ต่ายว่า แตโตเป็นผู้ใหญ่ แตต้องมีเหตุผล แต่ถ้าให้แตเดินไปขอโทษพิทตรงๆ พิทคงเดินหนีแตแน่ แตก็เลยอยากขอช่วยเหลือจากป๋า”
นพมองลูกสาวอย่างสงสัย สุอาภาเป็นหน้าซื่อ
รวีพรรณกำลังจัดสูทให้พิทยาอยู่ในร้านเสื้อผู้ชาย ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“เอาตัวนี้แหละค่ะพิท ดูหรูดี”
พิทยามองตัวเองในกระจก แล้วก็ดูป้ายราคาที่ติดตรงแขนเสื้อ แล้วก็ผงะตกใจ
“13,000”
พิทยาถอดเสื้อออกทันที แล้วหันไปทางรวีพรรณ
“ผมว่ามันแพงเกินไป”
“รวีซื้อให้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้ ผมจะให้รวีออกเงินได้ไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ก็เราเป็นแฟนกัน”
“แต่ผมเป็นผู้ชาย”
“พิทคิดมาก งานคืนนี้รวีอยากให้พิทดูดีที่สุด พ่อกับแม่ของรวีจะได้รู้สึกดีกับพิทนะคะ”
พิทยายังไม่ทันพูดอะไร รวีพรณเอาสูทจากมือพิทยาส่งให้พนักงาน
“เอาตัวนี้แหละ”
รวีพรรณกำลังจะหยิบเงิน แต่พิทยาหยิบบัตรเครดิตออกมาให้พนักงานก่อน รวีพรรณหันไปมอง
“ผมจัดการเอง”
พนักงานรับบัตรมาแล้วเดินออกไป รวีพรรณยิ้ม แต่พิทยาลอบทำหน้ากลุ้มใจ
พิทยาหิ้วสูทที่แขวนกับไม้แขวนเสื้อกลับเข้ามาในห้องทำงาน เขาเอาสูทแขวนกับชั้นในห้อง ยืนมองแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายเงิน พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
ประตูเปิดออก พิทยาชะงัก
“คุณอา”
พิทยายืนอยู่กับนพ...
“เย็นนี้คุณอาจะให้ผมไปรับคุณแตก่อนไปงานเหรอครับ”
“ใช่ ฉันมีธุระแถวนั้นพอดี พอเสร็จธุระก็ว่าจะไปที่โรงแรมเลย ช่วยฉันหน่อยนะ”
พิทยานิ่งมองหน้านพ ไม่ตอบ
ภายในห้องรับแขก สุอาภาเดินลงบันได เห็นพิทยายืนรออยู่ก็ยิ้มร้ายนิดนึง เขาหันไปเห็นเธอที่กำลังเดินลงบันไดก็ชะงักไปเล็กน้อยเพราะวันนี้เธอมาแนวลูกไม้หวานปนเซ็กซี่ เขาไม่กล้ามองเธออย่างเต็มตา
เธอเดินมาหาเขา และหันไปมองรถพิทยาที่จอดด้านหน้าแล้วก็หันมาบอก
“เดี๋ยวเอารถฉันไป”
สุอาภาเดินออกไป พิทยาหันไปมองตามรู้สึกแปลกใจที่สุอาภาไม่วีนใส่
พิทยาทำหน้าเอือม เปิดประตูข้างหลังรถของสุอาภาให้เธอนั่ง
“เชิญ”
สุอาภาเดินอ้อมรถขึ้นนั่งด้านหน้าข้างพิทยา พิทยาเหวอมาก งงสุดๆ
“ออกรถสิ”
พิทยาขับรถออกไป
พิทยาขับรถไปก็เหล่มองเธอด้วยความระแวง สุอาภารู้ทันความคิดของพิทยา
“อย่านึกว่าที่ฉันยอมนั่งหน้ากับนาย จะหมายความว่าฉันยกโทษให้นายสำหรับเรื่องเมื่อวาน”
พิทยานิ่งไปเพราะรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก
“ใครกันแน่ที่ควรพูดประโยคนี้ ผมต่างหากที่ไม่ยกโทษให้คุณ แต่ที่มาเพราะเป็นคำสั่งคุณอา”
พิทยาหันไปขับรถต่อ สุอาภาสีหน้าร้ายมองพิทยา
เวลาเย็น ภายนอกโรงแรม ผู้คนมากมาย ไฮโซมากหน้า นักข่าวถ่ายรูป แสงแฟลชสว่างวาบเป็นระยะๆ
รมณี รวีพรรณ ณรงค์ยืนอยู่ รมณีชะเง้อคอยาวรอใครบางคน จนรวีพรรณแปลกใจ
“คุณแม่นัดใครไว้เหรอคะ”
ยังไม่ทันตอบ ศรีพิไล ภูวดล ภาสันต์ก็เดินเข้ามา
“มาโน่นแล้ว”
รวีพรรณหันไปเห็น ก็อึ้ง
รมณีเดินเข้ามาหาศรีพิไลเอาแก้มแนบแก้มใส่กัน ก่อนจะหันไปทักทายภาสันต์
ภูวดลยกมือไหวรมณีกับณรงค์ รวีพรรณไหว้ศรีพิไลกับภาสันต์
“พ่อดลว่าวันนี้หนูรวีสวยมั้ย”
“สวยมากครับ”
ภูวดลส่งตาหวานเป็นประกายให้ รวีพรรณเมินไปทางอื่น ภูวดลไม่ค่อยพอใจ รมณีเห็นก็รีบแก้สถานการณ์
“พ่อดลชมซึ่งหน้าแบบนี้ ยัยรวีเขินจนพูดไม่ออกแล้ว”
รวีพรรณก็ยิ่งนิ่ง จนรมณีก็ต้องแอบหยิกต้นแขน รวีพรรณเจ็บ หันมาเห็นแม่ถลึงตาใส่ รวีพรรณเลยต้องฝืนยิ้มออกมา
อีกด้านหนึ่ง พราวพิไลยืนอยู่กับนักข่าว
“พี่ๆ ทุกคนขา วันนี้คอยจับตาดูกระแตให้ดีนะคะ รับรองมีเซอร์ไพรส์”
นักข่าวท่าทางสนใจกันมาก ระหว่างนั้นพราวพิไลเห็นรถสุอาภาแล่นเข้ามา
“โอ๊ะ...มาแล้วค่ะ”
พวกนักข่าวหันไปมอง
รถสุอาภาแล่นมาจอดด้านหน้าโรงแรม สุอาภาลงจากรถ พิทยาตามลงมา คนรับรถเดินมาขึ้นรถสุอาภาขับออกไป พิทยาหันหลังเดินมาหาสุอาภา
ระหว่างนั้นนักข่าวกรูกันเข้ามารุมถ่ายสุอาภา สุอาภาเข้ามาควงแขนพิทยาทำท่าออเซาะทันที พิทยาเหวอ
นักข่าวฮือฮา รัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง สุอาภาโพสท่าใกล้ชิด สนิทแนบแน่นกับพิทยาไม่หยุดจนพิทยาตั้งตัวไม่ติด
รวีพรรณ รมณี ภูวดล ภาสันต์ ศรีพิไล ณรงค์เห็นนักข่าวกำลังรุมใครซักคนก็แปลกใจ
“ใครมา ทำไมให้ความสนใจกันมากขนาดนี้” รมณีว่า
ทุกคนชะเง้อมอง ไม่นานกลุ่มนักข่าวแหวกออก เผยให้เห็นพิทยากับสุอาภาที่ควงกันอยู่ รวีพรรณอึ้ง หน้าชาไปทั้งแทบ คำพูดของพิทยาดังขึ้น
“รวีต้องเชื่อใจและมั่นใจในตัวผมนะครับ”
รวีพรรณรู้สึกเสียใจมาก ภูวดลลอบมองรวีพรรณอย่างสังเกต รมณีหันไปมองรวีพรรณแล้วก็ยิ้มดีใจ
ศรีพิไลยังคงสนใจสุอาภา
“นั่นมันยัยไฮโซอะไรน้า..ที่ชอบมีข่าวแรงๆ” ศรีพิไลว่าแล้วพยายามนึก
“ก็ยัยสุอาภายังไงล่ะ เด็กใจแตกหาส่วนดีไม่เจอ นี่ขนาดในที่สาธารณะยังกล้าทำขนาดนี้ ถ้าลับหูลับตาคนจะกล้าทำขนาดไหน รมณีจงใจพูดให้รวีพรรณรู้สึก
“แล้วผู้ชายที่มาด้วยเป็นใคร”
“เด็กในบ้าน”
“ตายแล้ว...เด็กในบ้านนางก็ไม่เว้นเหรอเนี่ย”
ศรีพิไลประหลาดใจสุดๆ รมณีปรายตามองรวีพรรณเพื่อดูปฏิกิริยาเห็นลูกสาวมองพิทยากับสุอาภาแล้วก็กำมือแน่นไม่พอใจ รมณียิ้มพอใจ ภูวดลหันไปเห็นรวีพรรณพอดี ภาสันต์ไม่ได้สนใจพิทยา แค่มองผ่านๆ
พิทยาได้สติจะเอามือออกจากการเกาะกุมของสุอาภา แต่สุอาภากอดแขนแน่น
พิทยากระซิบถาม
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ทำให้แฟนนายเห็นไง” สุอาภากระซิบตอบ
พิทยารีบหันไปมองหาแล้วก็เห็นรวีพรรณยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง กำลังจ้องเค้ากับสุอาภาอยู่ เขาตกใจมาก รีบดึงแขนสุอาภาออก แต่เธอดันแกล้งเซจะล้ม พิทยารีบประคองรับโดนอัตโนมัติ สุอาภาคล้องคอพิทยาทันที นักข่าวรัวชัตเตอร์ไม่หยุด
รวีพรรณสุดทนกับภาพตรงหน้ารีบจ้ำเดินออกไป ภูวดลหันไปมองตามรวีพรรณแล้วก็เดินตามไป
พิทยาหันไปไม่เห็นรวีพรรณแล้วก็หน้าเสีย รีบพยุงสุอาภาให้ลุกขึ้นยืนแล้วก็รีบเดินออกไปทันที สุอาภาหันไปลอบยิ้มสะใจกับพราวพิไล
ภายในโรงแรม พิทยาเดินเข้ามามองหารวีพรรณไปรอบๆ สีหน้าหน้าแย่มากแต่หารวีพรรณไม่เจอ พอจะหันไปเดินหาต่อก็เจอนพที่เดินมาหาพอดี พิทยาหยุดกึก
“พิท ยัยแตขอโทษเราแล้วใช่มั้ย” นพถาม
พิทยานิ่งงันไป นพนึกว่าที่เงียบแปลว่าใช่!!
“ขอบใจที่ไม่โกรธน้อง ฉันจะได้สบายใจ”
พิทยารู้ทันทีว่าทั้งหมดเป็นแผนของสุอาภา เขาโมโหมาก แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร สุอาภากับพราวพิไลก็เดินเข้ามาด้วยกัน สุอาภาเข้ากอดนพ
“ป๋า”
พิทยาหันไปมองสุอาภาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอลอยหน้าลอยตาใส่ ยั่วโมโหเขาเป็นเท่าทวีคูณ
พราวพิไลยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะป๋า”
“สวัสดีจ๊ะหนูพราว ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นนะเราน่ะ”
“พราวรักป๋าก็ตรงนี้แหละค่ะ”
นพกับพราวพิไลหัวเราะคึกคัก ผิดกับเขาที่ดูร้อนรนกังวลใจมาก สุอาภาเห็นก็ยื่นหน้ามากระซิบ
“แค่นี้คงไม่ทำให้แฟนนายฆ่าตัวตายหรอก”
พิทยาหันขวับมองสุอาภาอย่างไม่พอใจและกังวลใจมากขึ้นจนทนไม่ไหว
“คุณอาครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
นพพยักหน้าไม่ติดใจอะไร พิทยาออกไป สุอาภาเบ้หน้าหมั่นไส้ จังหวะนั้นเอง ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์เดินเข้ามาด้วยกัน
“ไม่รู้หนูรวีกับพ่อดลหายไปไหนด้วยกัน” ศรีพิไลว่า
“เด็กๆก็คงอยากมีเวลาจุ๋งจิ๋งกันสองต่อสองนั่นแหละค่ะ จริงมั้ยคุณ” รมณีบอกพลางหันไปถามณรงค์
ศรีพิไล รมณี ณรงค์ เออออห่อหมก มีแต่ภาสันต์ที่เซ็งและเบื่อ แล้วก็เดินผ่านหลังนพออกไปโดยที่ไม่เห็นกัน
มุมหนึ่ง ภายในโรงแรม รวีพรรณยืนน้ำตาซึม ภูวดลยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ รวีพรรณหันไปเห็นก็ผงะไปนิดนึง แต่ตัดสินใจไม่รับผ้าเช็ดหน้าจากเขา ใช้มือตัวเองปาดน้ำตาอย่างจองหอง แล้วจะเดินหนีไป
ภูวดลไม่พอใจ เปลี่ยนแผนเป็นพูดแทงใจดำรวีพรรณ
“คุณดูออกใช่มั้ย ว่าสองคนนั้นมีอะไรลึกซึ้งกว่าแค่จับมือถือแขนอย่างที่คุณเห็น” รวีพรรณชะงัก หันกลับมามองภูวดล
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ภูวดลยิ้ม รวีพรรณหลบตา
“แสดงว่าคุณดูออก ผู้ชายน่ะเล่ห์เหลี่ยมสารพัดนะครับ ลองเจอเหยื่อดีดีก็จ้องจะตะครุบด้วยกันทั้งนั้น”
รวีพรรณจ้องหน้าภูวดล
“ถ้าเป็นคุณ ฉันจะเชื่อ”
ภูวดลผงะ รวีพรรณพูดต่อ
“เพราะฉันเคยเห็นผู้หญิงสองคนทะเลาะตบตีกันเพราะคุณ”
ภูวดลยิ้มไม่สะเทือน
“ผมมันคนประวัติไม่ดีในสายตาคุณ แต่คนประวัติไม่ดีอย่างผม หน้าฉากหลังฉากเหมือนกัน และถ้าเจอผู้หญิงดีๆที่ถูกใจ ผมก็พร้อมที่จะหยุด” ภูวดลพูดพลางจ้องตารวีพรรณอย่างมีความหมาย
รวีพรรณอึ้งไปกับแววตาที่จริงจังของภูวดล
“ไม่เหมือนคนแสนดีอย่างพิทยา ที่พอลับหลังก็ไว้ใจไม่ได้ คุณเป็นคนดีมากจนผมไม่อยากเห็นคุณเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนั้น”
รวีพรรณรวบรวมความเข้มแข็ง
“แต่ชั้นเชื่อใจ ไว้ใจพิท เรื่องวันนี้ชั้นเชื่อว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
พิทยาเดินตามหารวีพรรณเข้ามา ภูวดลมองเห็นก่อน คิดแผนการร้ายขึ้นมาทันที
“แล้วถ้าเรื่องเข้าใจผิดมันเกิดขึ้นกับคุณบ้างล่ะ พิทยาจะเชื่อใจคุณเหมือนที่คุณเชื่อใจเค้ามั้ย”
ภูวดลดึงตัวรวีพรรณเข้ามาใกล้ รวีพรรณไม่ทันตั้งตัว ภูวดลกระชับกอดเธอแน่น
ทันใดนั้นมีมือมากระชากไหล่ภูวดล เขาหันไปเจอพิทยาต่อยหน้าอย่างแรงเปรี้ยง! รวีพรรณแทบช็อก
“พิท!”
ภูวดลใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ซึมมุมปาก
“จำไว้นะคุณรวีพรรณ คนเรามันป็นยังไง ก็คิดว่าคนอื่นจะเป็นแบบนั้น นายคนนี้คิดไม่ซื่อกับคุณ ก็เลยคิดว่าคุณจะทำเหมือนกัน”
“นายล่วงเกินรวี”
พิทยาขยับจะไปเอาเรื่องภูวดล แต่รวีพรรณดึงตัวไว้
“อย่านะพิท”
“และอีกอย่างที่คุณต้องรู้ คนอย่างภูวดล ไม่ยอมให้ใครต่อยฟรีๆ”
ภูวดลใช้โอกาสตอนรวีพรรณจับพิทยาไว้เป็นเป้านิ่งต่อยพิทยาเข้าเต็มๆ นักข่าวคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ก็หน้าตาตื่นวิ่งออกไป
นักข่าวรีบออกมาตามเพื่อนนักข่าวคนอื่น
“ข่าวใหญ่เว๊ย!! คุณภูวดลเปิดศึกกับคนที่มากับคุณสุอาภา”
นักข่าวรีบกรูกันออกไป ศรีพิไล รมณี ภาสันต์ ณรงค์ที่อยู่แถวนั้นได้ยินพอดี ก็หันมามองหน้ากัน
“ตาดล!”
ทั้งหมดรีบเดินออกไป สวนทางกับสุอาภา นพ และพราวพิไลที่ยืนอยู่ สามคนหันไปเห็นผู้คนแตกตื่นก็แปลกใจ สุอาภารีบจับนักข่าวคนหนึ่งเอาไว้แล้วถาม
“เกิดไรขึ้น”
นักข่าวมองหน้าสุอาภา
พิทยาไม่ยอม หันมาต่อยภูวดล รวีพรรณเหรอหราทำอะไรไม่ถูก เขากำลังจะเข้าไปซ้ำอีกครั้ง แต่พวกนักข่าว ภาสันต์ ศรีพิไล รมณี ณรงค์ก็กรูกันออกมา
ศรีพิไลเห็นก็ตกใจ
“ตายแล้ว!”
ภาสันต์เข้าไปผลักอกพิทยาด้วยความโมโห
“หยุด!”
ภาสันต์ผลักแรงมากจนทำให้พิทยาเซ รวีพรรณรีบเข้ามาจับแขนพิทยาอย่างเป็นห่วง รมณีเห็นก็ไม่พอใจ หันไปมองณรงค์ที่หัวเสียไม่แพ้กัน ศรีพิไลมองรวีพรรณกับพิทยาแปลกใจ
“ยัยรวี...มานี่!”
รวีพรรณหันไปมองพิทยาด้วยสายตาละล้าละลัง รมณีเข้ามาฉุดแขนเธอให้ออกห่างจากพิทยา
“แม่บอกให้มานี่!”
รวีพรรณต้องไปตามแรงของรมณี พิทยาหันไปมองทุกคน ศรีพิไลหันไปมองภูวดลที่โดนต่อยปากแตกก็แทบใจสลาย นักข่าวถ่ายรูปไม่หยุด ภาสันต์จ้องหน้าพิทยา
“ฉันเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด!”
พลันเสียงนพดังขึ้น
“มันจะไม่ใหญ่คับฟ้าไปหน่อยหรือครับ คุณภาสันต์”
ทุกคนหันไปเห็นนพ สุอาภา พราวพิไลเดินมาทางฝั่งพิทยา ภาสันต์กับศรีพิไลเห็นนพก็ผงะ
นพกับภาสันต์มายืนประจันหน้ากัน
“คนของแกเหรอ” ภาสันต์ถาม
“นี่พิทยา ลูกชายฉัน!”
ศรีพิไลแปลกใจ ภูวดลมองพิทยา
ภาสันต์ยิ้มเยาะ
“ลูกชาย นั่นสินะ ชั้นน่าจะดูออก จากความอันธพาลและนิสัยชอบยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น...เหมือนพ่อมัน!”
สุอาภา พิทยา พราวพิไลไม่พอใจ พิทยาเดินออกมา
“ถ้าคุณจะว่าก็ว่าผมคนเดียว คุณอาไม่เคยสอนให้ผมเป็นอันธพาล”
“ตกลงลูกหรือหลานกันแน่”
รมณีสุดทนเดินออกมาแล้วพูดขึ้น
“ไม่ใช่ทั้งลูกทั้งหลาน เป็นแค่เด็กกำพร้าที่คุณนพเอามาเลี้ยง แต่ดูท่าทางการศึกษาและการอบรมสั่งสอนคงไม่ได้ทำให้ลืมกำพืดต่ำๆที่มีอยู่ในตัว”
พิทยาจุก นพอึ้ง รวีพรรณมองพิทยาสงสารแต่ไม่กล้าทำอะไร ภูวดลลอบยิ้มมุมปาก สุอาภาหัวเสียแทน เดินมาตรงหน้ารมณี แล้วถาม
“ถึงพิทเค้าจะไม่มีพ่อไม่มีแม่...แล้วมันไปหนักส่วนไหนของคุณไม่ทราบ!”
ตึง! นพสะใจมาก พราวพิไลอมยิ้ม พิทยาหันไปมองสุอาภาตกใจนึกไม่ถึง รมณีแทบเต้นเร่าๆออกมา รวีพรรณกับคนอื่นพากันอึ้ง
“คนจะดีหรือไม่ดี มันไม่ได้อยู่ที่กำพืด แต่มันอยู่ที่การกระทำ แล้วพวกผู้ใหญ่ที่ชอบดูถูกคน ได้รับการศึกษาหรือมีกำพืดมาจากที่ไหนเหรอคะ คุณเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะมีสมองคิดอะไรได้มากกว่านี้นะคะ”
รมณีปากคอสั่นด้วยความโกรธ
“นะ...นัง...นังเด็กบ้า...!”
นพชี้หน้า
“อย่ามาขึ้น “นัง” กับลูกสาวผม! แต ขอโทษยายเค้าซะ”
รมณีตกใจสะดุ้งกับคำว่า”ยาย”
“นี่! ฉันอายุน้อยกว่าคุณอีกนะ”
“อ้อ...โทษๆ เห็นริ้วรอยมันขึ้นเต็มไปหมด คงเป็นเพราะแสดงอารมณ์เยอะเกินไป” นพว่า
รมณีฉุนกึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก
“ขอโทษป้าเค้าซะลูก”
สุอาภาไหว้ลวกๆพร้อมพูดกระแทกใส่หน้าจนรมณีสะดุ้ง
“โทษค่ะเผอิญที่บ้านไม่ใช่ผู้ดี ก็เลยทำได้แค่นี้”
รมณีหน้าแดง ควันออกหู นพแอบขำ แล้วก็โอบไหล่สุอาภาหันไปทางพิท
“ไปลูก กลับบ้านต่ำๆของเรากัน”
นพกับสุอาภาเดินออกไป พิทยากับรวีมองหน้ากันแว๊บนึง แล้วพิทยากับพราวพิไลก็เดินตามนพกับสุอาภาออกไป
ศรีพิไลโวยทันที
“ทำไมคุณปล่อยให้พวกมันกลับไป ฉันไม่ยอมนะ”
“เงียบ! แค่นี้ผมก็อายจะแย่แล้ว” ภาสันต์บอก
ภาสันต์เดินออกไป รมณีรีบเข้ามาหาศรีพิไล
“ศรี...”
“เธอกับฉันต้องคุยกันยาว”
รมณีหน้าถอดสี แล้วศรีพิไลกับภูวดลก็ตามภาสันต์ออกไป รมณีกับณรงค์หันไปมองรวีพรรณด้วยสายตาตำหนิ
ภายในห้องรับแขกค่ำคืนนั้น นพกำลังคุยโทรศัพท์ ด้านหลังมีพิทยา สุอาภา ต่าย และบวร นั่งกันอยู่
“ขอบคุณมากครับท่าน”
นพวางสาย...หันมาบอก
“สบายใจได้ พ่อโทรให้ผู้ใหญ่ช่วยปิดข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้แล้ว”
“เฮ้อ น่าเสียดาย ที่ผมไม่ได้ไปด้วย ไม่งั้นล่ะก้อ...” บวรกำหมัด
“พี่ใหญ่จะทำอะไรเค้า” วรรณวดีถาม
“ก็จะรีบชิ่งออกไปก่อนคนแรกน่ะสิ”
ทุกคนร้อง “โธ่”
พิทยารู้สึกผิด ลุกเดินมาไหว้นพ
“ผมขอโทษนะครับคุณอา ที่นำปัญหามาให้”
“เอาเถอะๆ”
นพตบบ่าพิทยา
“ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่าคิดมาก”
พิทยาสบายใจ แล้วก็หันไปทางสุอาภา ยังไม่ทันพูดอะไร สุอาภาก็ลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องขอบคุณ ที่ฉันพูดออกไปไม่ได้พูดเพื่อต้องการปกป้องนาย แต่ฉันเป็นคนเดียวที่ดูถูกนายได้ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ จำไว้ว่าคนอย่างนายมันก็แค่เศษฝุ่น..ที่ไม่มีค่าอะไรเลย”
พิทยาผงะ นพ บวร วรรณวดีอึ้งมาก
“ยัยแต!” นพว่า
สุอาภาไม่สนใจ จ้ำเดินออกไป
นพเป็นห่วงความรู้สึกพิทยา
“พิท...อย่าถือสาน้องนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว”
พิทยาพยายามฝืนยิ้ม นพ บวร ต่าย มองพิทยาด้วยความเห็นใจมาก
ในเวลาเดียวกัน รวีพรรณ รมณี ณรงค์เดินกลับเข้ามาด้วยกัน รวีพรรณกำลังจะเดินเข้าไป แต่รมณีเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนยัยรวี”
รวีพรรณสีหน้าเซ็งหยุดเดินแล้วก็หันมา ณรงค์เห็นท่าไม่ดีก็เลยเดินมาจับแขนรมณี
“ผมขึ้นห้องก่อน”
รมณีพยักหน้า ณรงค์เดินออกไป เหลือรมณีกับรวีพรรณสองคนในห้องรับแขก
“ลูกเห็นแล้วนะว่านายพิทยา มันก็ไม่ต่างอะไรจากแมงดาตัวหนึ่งที่ต้องให้ผู้หญิงปกป้อง ออกรับแทนกันขนาดนี้ แม่ว่าคงถึงไหนถึงไหนกันแล้วล่ะ”
รวีพรรณเริ่มจะทนไม่ได้บอก
“แม่คะ แม่เลิกดูถูกพิทซักที พิทกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรกัน”
“ลูกรู้ได้ไง! ลูกอยู่กับมัน 24 ชั่วโมงเหรอ”
รวีพรรณเงียบ รมณีเดินมาใกล้
“ลับหลังมันก็คงกินกันเองนั่นแหละ เปิดตาให้กว้างจะได้แยกแยะออกว่าอะไรคือหิน อะไรคือเพชร”
“แล้วถ้าเพชรมีตำหนิล่ะคะ”
“ลูกหมายความว่ายังไง”
ยังไม่ทันที่รวีพรรณจะพูด เสียงมือถือรมณีก็ดังขึ้น รมณีเห็นชื่อที่หน้าจอก็ผงะ
“ศรี...”
รมณีหันไปทางรวีพรรณ
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันต่อ”
รมณีเดินออกไป รวีพรรณได้แต่ถอนหายใจ
รวีพรรณสีหน้าเศร้า คิดหนักเข้ามาในห้องนอน นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบรูปถ่ายตัวเองกับพิทยาขึ้นมาดู คำพูดของภูวดลดังขึ้นมา
“คุณดูออกใช่มั้ยว่าสองคนนั้นมีอะไรลึกซึ้งกว่าแค่จับมือถือแขนอย่างที่คุณเห็น - - ผู้ชายน่ะเล่ห์เหลี่ยมสารพัดนะครับ ลองเจอเหยื่อดีดีก็จ้องจะตะครุบด้วยกันทั้งนั้น”
ตามมาด้วยคำพูดของรมณี
“ลูกเห็นแล้วนะว่านายพิทยา มันก็ไม่ต่างอะไรจากแมงดาตัวหนึ่งที่ต้องให้ผู้หญิงปกป้อง ออกรับแทนกันขนาดนี้ แม่ว่าคงถึงไหนถึงไหนกันแล้วล่ะ”
รวีพรรณเครียดมากถึงมากที่สุด พลันเสียงมือถือดังขึ้น เธอหันไปเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาก็นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะกดรับสาย
“ค่ะพิท”
“ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านคุณ”
รวีพรรณชะงัก รีบเดินไปเปิดม่าน เห็นเขายืนอยู่จริงๆ และเงยหน้าขึ้นมา
“ลงมาหาผมหน่อยนะครับ ผมอยากคุยด้วย”
“อย่าเลยค่ะ เกิดคุณแม่เห็นเข้า พิทจะเดือดร้อน พิทกลับไปก่อนนะ”
พิทยาสีหน้าหน้าเศร้ามากบอก
“ก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ แล้วผมจะโทรมานัดอีกที”
“ค่ะ”
พิทยาวางสาย มองรวีพรรณไม่วางตาแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป รวีพรรณปิดหน้าต่างด้วยความรู้สึกสับสน
ด้านภูวดลเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวยืนอยู่หน้ากระจกที่เต็มไปด้วยไอน้ำ เขายกมือปาดไอน้ำออก ก่อนจะมองรอยช้ำที่มุมปากด้วยแววตาโกรธแค้น
“ไอ้พิทยา!”
แรงปรารถนา ตอนที่ 2 (ต่อ)
วันถัดมา ภายในสวนสาธารณะ พิทยายืนรอรวีพรรณด้วยใจที่จดจ่อ ไม่นานเธอเดินเข้ามา เขายิ้ม แต่รวีพรรณหน้าตาหมองมากเพราะไม่ได้นอน เธอเดินมายืนตรงข้ามเขา
รวีพรรณเห็นรอยช้ำที่มุมปาก
“เจ็บมากมั้ยคะ”
พิทยาส่ายหัวบอก
“ไม่ครับ ไม่เจ็บเลย ผมอยากอธิบายที่รวีเห็นผมกับคุณแตเมื่อวาน ผมไม่นึกว่าคุณแตจะกล้าทำแบบนั้น”
“ความจริงพิทก็รู้จักกับเค้ามานาน พิทน่าจะรู้ว่าเค้าเป็นยังไง”
พิทยาผงะ
“รวี...”
รวีพรรณหันหลังให้เขา
“บางครั้งรวีก็อดคิดไม่ได้ว่าพิทกับคุณสุอาภามีบางอย่างต่อกัน”
พิทยารีบพูด
“ผมบอกรวีแล้วไงว่าผมกับเค้า..ไม่ได้มี...”
เธอหันมาพูดต่อทันที
“รวีไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น คนที่ควรจะเป็นฝ่ายพูดเพื่อช่วยพิทควรจะเป็นรวี ไม่ใช่เค้า!! แต่รวีกลับไม่กล้า...ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาพิทตอนที่คุณแม่ดูถูกพิท ด้วยซ้ำ”
พิทยารีบจับมือรวีพรรณ
“ผมไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้เลยนะรวี ผมรู้ว่าคุณเองก็ตกอยู่ในสภาวะที่ลำบากใจ กับเรื่องของเรา เรื่องแม่คุณแล้วไหนจะเรื่องผู้ชายคนนั้นอีก”
รวีพรรณดึงมือออก ทำให้พิทยาใจเสีย
“รวีไม่รู้จะทนกับเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน และรวีก็รู้ว่าพิทไม่มีทางที่จะตัดขาดกับครอบครัวของคุณสุอาภาได้ เพราะคุณนพมีบุญคุณกับพิทมาก”
พิทยานิ่งเงียบครุ่นคิด
“เพื่อความสบายใจของรวี...ผมจะลาออกจากบริษัทคุณอา”
รวีพรรณมองพิทยาอย่างอึ้งๆ
ภายในออฟฟิศ นพอ่านจดหมายลาออกของพิทยาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเงยหน้ามองพิทยาที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เพราะยัยแตใช่มั้ย”
พิทยานิ่งไปซักพักแล้วบอก
“ผมกับคุณแตเข้ากันไม่ได้ ผมเลยพิจารณาตัวเองเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย”
“เลิกเรียกยัยแตว่าคุณทีเถอะ เคยเรียกยังไงก็เรียกแบบนั้น ไปยกย่องทำไมนักหนา ทั้งๆที่ก็อายุน้อยกว่าเรา”
“ไม่ดีมั้งครับ ให้ผมเรียกแบบนั้นไว้ให้ติดปากดีกว่า”
นพถอนใจลุกขึ้นยืนเดินมาข้างพิทยา
“นี่แปลว่าถือสายัยแต ทำอย่างนั้นเหนื่อยเปล่า เพราะยัยแตนิสัยไม่ดีหลายอย่าง ขนาดฉันยังปวดหัว”
พิทยาลุกขึ้นยืนพลางบอก
“แต่ผมตัดสินใจแล้ว”
พิทยามองนพด้วยสีหน้าจริงจัง นพดันจดหมายคืนให้พิทยา เขาชะงัก
“ฉันไม่อนุมัติ นี่เป็นคำสั่ง...!”
พิทยาอึ้ง
“แต่ผม...”
“หรือต้องให้ฉันขอร้องมากกว่านี้”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่”
“ฉันเป็นเจ้าของบริษัท ไม่ใช่ยัยแต ยัยแตไม่มีอำนาจจะบีบให้เธอต้องลาออก กลับไปทำงานต่อ งานที่นี่ยังต้องการเธออีกมาก”
พิทยาถึงกับพูดไม่ออก เพราะน้ำเสียงที่เฉียบขาดของนพ
ภายในห้องนั่งเล่น เวลากลางคืน สุอาภา บวร วรรณวดีหันไปมองนพด้วยสีหน้าตื่นตะลึง โดยเฉพาะสุอาภาอึ้งมากกว่าเพื่อน ไม่นึกว่าพิทยาจะใช้วิธีนี้
“ลาออก!” ทุกคนโพล่งขึ้นพร้อมใจ
บวรและวรรณวดีหันไปมองน้องสาวด้วยสายตาตำหนิ สุอาภาชะงัก
“ทุกคนมองแตด้วยสายตาแบบนั้นทำไม”
“เหตุผลเดียวที่พิทคิดจะลาออกก็คือเรานั่นแหละยายแต!” บวรบอก
“ใส่ร้าย!”
“ใส่ร้ายที่ไหน แกน่ะชอบไปแกล้งเค้า แกล้งแต่ละครั้งก็รุนแรงมากขึ้น นับว่าพิทยังมีความอดทนสูง เพราะถ้าเป็นพี่ แกเจอซัดไปนานแล้ว”
สุอาภาโมโหลุกพรวดขึ้นมายืน
“ใช่สิ แตมันนิสัยไม่ดี นายนั่นดีที่สุดอยู่คนเดียว”
สุอาภาพูดจบก็จ้ำเดินออกไป วรรณวดีจะตามไป นพรีบห้าม
“ปล่อยให้อยู่คนเดียวซักพักเถอะ เผื่อว่าจะคิดอะไรเองได้”
ทุกคนได้แต่ทอดถอนใจ
สุอาภาเข้ามาในห้องนอน สีหน้าหงุดหงิดหัวเสียมาก
“ทำมาเป็นลาออก ฉันรู้หรอกว่านายทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ ชิ”
สุอาภานิ่งไปสักพัก แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออก หรี่ตาร้ายกาจ ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา
วัน - เวลาเดียวกัน ภายในห้องนอน รวีพรรณกำลังเก็บเอกสารใส่กระเป๋าไปคุยโทรศัพท์ไป
“รวีเกริ่นกับรุ่นพี่ที่เปิดบริษัทสถาปนิกให้พิทแล้ว เค้ากำลังต้องการสถาปนิกพอดี พิทโทรไปหาเค้าตอนนี้ได้เลย”
พิทยาสีหน้าลำบากใจมาก
“คุณอาไม่อนุมัติให้ผมลาออก”
รวีพรรณอึ้ง พิทยารู้สึกแย่มาก
“แต่รวีไม่ต้องกังวลนะ ผมจะไม่ให้คุณแตไปรบกวนรวีอีก และผมสัญญาว่าผมจะอยู่ห่างจากเค้าให้มากที่สุด”
รวีพรรณเซ็งมากที่พิทยาไม่สามารถหลุดพ้นจากครอบครัวนี้ได้เลย
เช้าวันถัดมา บนโต๊ะอาหารเช้า
ทุกคนสำลักข้าวพร้อมกัน แม้แต่ณีก็ยังยืนตาค้าง สุอาภามองทุกคนอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรกันไปหมดคะ แตแค่บอกว่าจะขอไปฝึกงานที่บริษัทป๋า”
บวรเอื้อมมือไปจับหน้าผากน้องสาว
“ตัวไม่ร้อน”
สุอาภาปัดมือบวรออก
“แตไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
“แล้วนึกยังไงถึงจะไปฝึกงาน นี่ไม่ใช่นิสัยแตซักนิด” วรรณวดีถาม
สุอาภาแกล้งทำสำนึกผิดบอก
“แตนั่งคิด นอนคิดทั้งคืน แตทำกับพิทเกินไปอย่างที่พี่ใหญ่ว่าจริงๆ แตอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแตโตแล้ว”
บวรชะงัก
“แกเชื่อที่ฉันพูด”
สุอาภาทำหน้าซื่อพยักหน้าบอก
“แถมยังคิดได้เอง”
ทุกคนร้อง “เหรอ” ขึ้นพร้อมกัน
ทุกคนมองสุอาภาแบบไม่เชื่อ สุอาภาผงะ
“ทุกคนไม่เชื่อแต”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน สุอาภาอึ้ง แล้วก็หันไปทางนพ...แกล้งทำเป็นน้อยใจ
“ใครไม่เชื่อแตก็ไม่เป็นไร แต่ป๋าต้องเชื่อแตนะคะ ป๋าไม่รักแตแล้วเหรอ ทำไมชีวิตแตถึงได้เกิดมาอาภัพนัก จะเป็นคนดีกับเค้าทั้งที ยังไม่มีใครสนับสนุน”
ทุกคนยังนิ่ง สุอาภาเห็นท่าไม่ดีเลยใช้ไม้สุดท้าย ทำดราม่าใส่
“ในเมื่อเป็นคนดีไม่ได้ แตก็จะเป็นคนเลวเหมือนเดิม”
สุอาภาจะลุกเดินออกไป เธอลุ้นว่าจะมีใครง้อเธอมั้ย แต่ไม่มี เธอเซ็งมาก
สุอาภาบ่นเสียงเบา
“ทำไมไม่มีใครเรียกเราเลย”
สุอาภาหัวเสียแล้วก็แกล้งร้องไห้โฮเสียงดังวิ่งขึ้นห้องไป ทุกคนมองอย่างรู้ทัน
“ดูยังไง๊ยังไง มันก็แกล้ง อย่าเชื่อมันเชียวนะป๋า” บวรบอก
“คุณท่านคะ แต่ป้าว่าบางทีคุณหนูอาจจะสำนึกแล้วจริงๆก็ได้” ณีบอก
“ไม่มีทาง!” บวรว่า
“คุณใหญ่ให้โอกาสคุณหนูบ้างสิคะ”
“หยุด...ไม่ต้องเถียง”
บวรกับณีเงียบไปทันที วรรณวดีถาม
“แล้วป๋าจะเอาไงคะ”
นพมีสีหน้าครุ่นคิด
ภายในห้องทำงานของพิทยายามนั้น เขากำลังมองนพด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ฉันอยากฝากยัยแตให้มาฝึกงานกับเธอ”
พิทยาอึ้งมาก
“ฝึกงาน เออ ผมว่าให้คุณแตไปฝึกงานแผนกอื่นดีกว่า เพราะว่าแผนกผมเป็นงานออกแบบ คุณแตคงไม่ถนัด”
“ฉันไม่ไว้ใจให้ลูกสาวฉันไปแผนกอื่น เธอก็รู้ฤทธิ์เดชของยัยแตดี มีเธอคนเดียวที่รับมือได้”
พิทยาสีหน้าลำบากใจมาก
“แต่ผมกลัวว่าคุณแตจะไม่ได้อะไร ถ้าฝึกงานกับผม”
“ฉันก็ไม่ได้หวังจะให้มันได้อะไรมากมาย แค่มันคิดจะทำอะไรดีๆบ้าง คนเป็นพ่ออย่างฉันก็ชื่นใจจะแย่”
“ผมพูดตรงๆนะครับคุณอา ผมไม่สบายใจที่ต้องอยู่ใกล้คุณแต”
“พิท...ฉันรู้ว่าเธอลำบากใจ เพราะยัยแตทำกับเธอไว้หลายอย่าง แต่ฉันมองไม่เห็นคนอื่นที่พอจะพึ่งได้เลยจริงๆ ยัยแตยังเด็กมาก เวลาทำอะไรถึงไม่ค่อยคิด เธอให้โอกาสลูกสาวฉันอีกซักครั้งเถอะ ถ้ามีเธอคอยสั่งสอนอยู่ข้างๆ บางทียัยแตอาจจะกลับตัวได้จริงๆ ถือว่าทำเพื่อฉันนะ ฉันขอร้อง”
พิทยากลืนไม่เข้า คายไม่ออก เหมือนคนน้ำท่วมปากที่ปฏิเสธออกมาไม่ได้
ที่มุมหนึ่งในออฟิศ นพอาคิเทค พิทยาหันไปมองสุอาภาด้วยสายตาไม่ไว้ใจอย่างแรง สุอาภาทำเป็นยิ้มหน้าใสซื่อ นพยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองคน
“ฉันอนุญาตให้เธอใช้งานยัยแตได้เต็มที่ ถ้ายัยแตทำอะไรไม่ถูกต้อง สั่งสอนได้เลยโดยไม่ต้องนึกว่าเป็นลูกฉัน”
“ป๋าอ่ะ พูดแบบนี้ เดี๋ยวพิทก็ได้ใจ ใช้งานแตไม่หยุดหรอกค่ะ”
นพหัวเราะชอบใจบอก
“ป๋าไปทำงานก่อน ฝากน้องด้วยนะพิท”
พิทยามีสีหน้ากล้ำกลืนมาก
“ครับ...”
นพหันมากอดกับลูกสาวคนเล็ก สุอาภาหอมแก้ม นพเดินออกไป เธอหันมายิ้มซื่อกับพิทยา
“ไม่คิดจะยิ้มให้ฉันบ้างเหรอ”
พิทยาหรี่ตามอง
“จะมาไม้ไหน”
“ไม่มาไม้ไหนล่ะ วันนี้ฉันมาแบบจริงใจที่สุด ไม่มีการซ้อนแผนอะไรทั้งนั้น ฉันอยากสมานฉันท์ ที่ผ่านมาฉันทำผิดกับนายไว้มากโดยเฉพาะเรื่องคุณรวีพรรณ ที่ฉันเคยพูดว่าฉันจะทำให้นายกับเค้าเลิกกัน ฉันพูดไปเพราะฉันโกรธ แต่ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว เรามาเริ่มต้นใหม่กันใหม่นะ”
พิทยามองไม่เชื่อ แล้วสุอาภาก็ยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า พิทยามองเธออย่างลังเล
“จะไม่เกี่ยวก้อยซักหน่อยเหรอ”
“20 ปีที่ผ่านมากับคำพูดแค่นี้ มันไม่ช่วยให้ผมรู้สึกดีกับคุณขึ้นมาหรอก”
สุอาภาอึ้ง พิทยาหันหลังเดินออกไป เธอเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้
“ได้ทีล่ะทำเป็นข่ม..ชิ ได้ใจไปก่อนเหอะนายพิทยา”
สุอาภาหน้าร้ายกาจมาก
ที่ออฟฟิศ กรองทิพย์ยืนอยู่กับสุอาภา
“คุณแตมีอะไรเรียกพี่ได้ตลอดเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ปวดท้อง ปวดตับ”
สุอาภายิ้มบอก
“ขอบคุณค่ะพี่ทิพย์”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
บวรเดินเข้ามา สุอาภากับกรองทิพย์หันไป
“สวัสดีค่ะคุณผู้จัดการ” กรองทิพย์ทักทาย
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกชื่อ ไม่ต้องระบุตำแหน่ง”
“แหม...ก็มันชินนี่คะคุณใหญ่ พี่ขอตัวไปทำงานนะคะ”
บวรยิ้มๆ แล้วกรองทิพย์ก็เดินออกไป บวรหันมาทางน้องสาว
“พี่มาเยี่ยมไ
สุอาภาทำกวนบอก
“แตไม่ได้ป่วย ทำไมต้องมาเยี่ยม”
“ไอ้นี่”
บวรขยี้หัวสุอาภา
“โอ๊ย! พี่ใหญ่ ผมเสียทรงหมดแล้ว”
“มาทำงาน ไม่ได้มาทำสวย ตั้งใจทำงาน อย่าให้เสียชื่อป๋า เสียชื่อพี่ เข้าใจ๊”
บวรขยี้หัวสุอาภาอีกครั้ง
“ไปได้แล้ว!”
บวรหัวเราะชอบใจแล้วเดินออกไป สุอาภาถอนหายใจ รีบเซ็ทผม
ในห้องชงกาแฟ ปวีณาเดินมายืนข้างๆกรองทิพย์ที่กำลังชงกาแฟด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง
“แป๋วว่าเค้าต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ถึงเข้ามาฝึกงาน”
“ไอ้มีแผน หรือไม่มีแผน พี่ไม่รู้ พี่รู้อย่างเดียวว่า ตอนนี้พี่สงสารคุณพิทมาก ก็อย่างว่าแหละ บุญคุณคุณนพท่วมหัวขนาดนี้ คุณพิทคงไม่กล้าปฏิเสธ เฮ้อ...มันคงเป็นเวรเป็นกรรมที่ทำร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน”
ปวีณาฟังกรองทิพย์จบแล้วก็เป็นห่วงพิทยาขึ้นมาเหมือนกัน
สุอาภากำลังคุยโทรศัพท์หัวเราะคิกคักอยู่ที่โต๊ะทำงาน พิทยาเดินมาทางด้านหลัง
“คุณแต...”
สุอาภาไม่ได้ยิน เอาแต่เมาท์ เขาดึงมือถือออกมา เธอผงะหันไปมอง แล้วพิทยาก็กดปิด สุอาภาไม่พอใจอย่างแรง
“นี่เวลาทำงาน ไม่ใช่เวลาคุยโทรศัพท์”
สุอาภายื่นมืออกไป
“เอาคืนมา”
“ผมจะคืนให้ ก็ต่อเมื่อคุณทำงานให้ผมเสร็จแล้ว”
พิทยาวางเอกสารบนโต๊ะบอก
“ซีร๊อกซ์เอกสารแปดชุด สำหรับการประชุมสิบเอ็ดโมงเช้านี้”
พิทยาพูดจบก็เดินออกไป สุอาภาหัวเสีย หันไปเห็นพนักงานคนหนึ่งเดินมาพอดี ฌธอยื่นเอกสารให้
“นี่...เอาไปซีร็อกซ์ 8 ชุด”
พนักงานหน้าเหวอ
พิทยาเดินมากดน้ำ เห็นพนักงานกำลังถ่ายเอกสารที่เค้าสั่งสุอาภทำก็ผงะ ไม่พอใจขึ้นมาทันที
สุอาภาเอาเอกสารมาให้พิทยาที่ยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมกับยื่นมือออกไป
“งานเสร็จแล้ว ขอมือถือคืน”
พิทยาไม่พูดอะไร หยิบเอกสารขึ้นมาฉีกและทิ้งลงขยะ สุอาภาตกใจ
“นายฉีกทำไม”
“ผมสั่งคุณ ไม่ใช่ให้คุณไปสั่งคนอื่น”
สุอาภาหน้าถอดสี
“เห็นด้วยเหรอ”
พิทยาหันไปทางพนักงานคนอื่น
“ทุกคนฟังทางนี้ ต่อไปอย่าให้ผมเห็นใครช่วยงานคุณสุอาภาอีก”
สุอาภาไม่พอใจจะด่า แต่พิทยาหันมาพูดเสียงดัง
“ฟังผม! ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่คุณเข้ามาขอฝึกงาน คุณมีเหตุผลอะไร ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดี แต่ช่วยกรุณาทำตัวเป็นลูกที่ดี ให้คุณพ่อคุณชื่นใจซักครั้งเถอะ”
พิทยายื่นเอกสารต้นฉบับให้อีก สุอาภาพูดไม่ออกอับอายมาก พิทยาเดินกลับเข้าไปในห้อง
สุอาภายืนอยู่ที่เครื่องถ่ายเอกสารด้วยความโมโหที่แพ้พิทยา
“ทำมาเป็นสั่งสอนฉัน..ชิ!”
สุอาภามองเครื่องถ่ายเอกสารแล้วก็นิ่งไปเพราะความงงที่เห็นมีปุ่มหลายปุ่ม
“ทำไมปุ่มเยอะแบบนี้”
พิทยาดูเวลาเห็นเวลาใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ผู้ร่วมประชุมทยอยกันเข้ามาในห้อง พิทยาเริ่มเป็นกังวล
สุอาภายืนเอ๋อ หน้าเสียอยู่เพราะกระดาษที่ถ่ายเอกสารออกมาหลายสิบแผ่น
“เฮ้ย”
พิทยาเดินออกมาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ รีบเข้ามา
“ทำอะไรของคุณ”
“ฉันไม่รู้”
พิทยามองหน้าจอเครื่องถ่ายเอกสาร
“คุณกดไป 100 แผ่น”
สุอาภาตกใจ พิทยารีบดึงปลั๊กออก ปวีณาเดินผ่านมาเห็นพอดีเลยหยุดดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าทำไม่เป็นก็บอกสิ อย่าทำอวดฉลาด” พิทยาบอก
ปวีณาลอบยิ้มสะใจ ก่อนรีบเดินมาเสนอตัวช่วย
“ให้แป๋วช่วยมั้ยค่ะคุณพิท”
“ฝากด้วย”
พิทยามองสุอาภาอย่างเอือมๆ สุอาภาเกลียดแววตาของเขามาก แล้วก็หันไปเห็นปวีณายืนมอง
“มองอะไร”
“กรุณาหลีกทางหน่อยค่ะ คุณบังเครื่องถ่ายเอกสารอยู่” ปวีณาบอก
สุอาภาผงะแล้วก็เดินออกไป ปวีณายิ้มเยาะ ชายตามองแล้วก็หันมายิ้มให้พิทยา
“คุณพิทมีอะไรให้แป๋วช่วย บอกมาได้เลยนะคะ”
“ขอบใจแป๋ว”
สุอาภาจ้ำเดินออกไป แป๋วยิ้มอย่างมีความสุข
สุอาภากลับมาที่โต๊ะ พิทยาตามมาคืนมือถือให้ เธอรับมือถือมาแล้วก็เอากระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“จะไปไหน”
“ไปกินข้าว”
“นี่ยังไม่ถึงเวลาพัก คุณต้องเข้าไปจดรายงานการประชุมให้ผม ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปทำมาหากินอะไรแล้ว”
พิทยาพูดจบเดินออกไป เสียงพิทยาทำให้พนักงานแถวนั้นได้ยิน หันมามองสุอาภาเป็นตาเดียวแล้วพากันซุบซิบ เธอหันขวับไปมอง พวกพนักงานวงแตก!! รีบแยกกันเดินออกไป สุอาภาเจ็บใจสุดๆ
ภายในห้องประชุม พิทยากำลังประชุมกับพนักงาน สุอาภานั่งตรงมุมห้องพยายามจด แต่จดไม่ทัน สุอาภาหน้าแย่มาก
ในเวลาต่อมา ในห้องทำงานของพิทยา เขาอ่านรายงานการประชุมที่สุอาภาจดสีหน้างงงวย
“ก.ป.ป ? ส.ป.น ? ค.ก.ส.ล.? อะไรของคุณ!! มีแต่ตัวย่อ”
“ก.ป.ป. การเปลี่ยนแปลง ส.ป.น สถาปนิก ค.ก.ส.ล. คอนกรีตเสริมเหล็ก ฉันจดไม่ทันเลยต้องใช้ตัวย่อ”
“พิมพ์มาให้ผม ไม่เอาอักษรย่อ และต้องเสร็จภายในบ่ายโมงวันนี้”
สุอาภาชะงักกึกบอก
“แต่นี่มันเที่ยงแล้ว ฉันต้องไปทานข้าวก่อน”
พิทยาเสียงเข้มบอก
“เสร็จก่อน แล้วค่อยไปทาน”
สุอาภาตั้งท่าจะเถียง พิทยาพูดต่อ
“อย่ามาตีโพยตีพาย คุณเลือกที่จะเข้ามาฝึกงานเองอย่าลืม และในเมื่อคุณอาฝากคุณให้ผมดูแล ผมก็ต้องทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ผมทานข้าวเสร็จกลับมา มันต้องอยู่บนโต๊ะ ออกไปได้แล้ว”
สุอาภาพูดไม่ออก คว้ารายงานการประชุมที่ตัวเองจดแล้วเดินกระแทกส้นออกไป พิทยาลอบยิ้มพอใจ
ผ่านเวลามา สุอาภานั่งกินแซนวิชอยู่ที่โต๊ะ
“แซววิชพี่ใหญ่อร่อยที่สุด”
“ไม่ใช่แซนวิชพี่..แซนวิชร้านกาแฟข้างล่าง แต..เราอย่าวืดวือให้มันมากนักนะ”
“พี่ใหญ่...แตกำลัง fail อยู่นะคะ ให้กำลังใจกันบ้าง”
“แล้วที่เอาแซนวิชมาให้เนี่ย ไม่ได้เรียกว่าให้กำลังใจอีกเหรอ”
สุอาภายิ้มแล้วก็เริ่มอ้อน
“พี่ใหญ่...พี่ใหญ่ช่วยแตพิมพ์รายงานการประชุมหน่อยนะ นะคะพี่ใหญ่คนดี”
บวรรีบผละออกห่าง
“อ๊ะๆ ไม่ต้องเลย ฉันไม่หลงกลแกหรอกไอ้แต ไปกินเป็ดปักกิ่งดีกว่า”
บวรหัวเราะเย้ยๆแล้วก็เดินออกไป สุอาภาหัวเสียมากมาย
รมณี ศรีพิไล ภูวดลนั่งทานอาหารกลางวันด้วยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“น้าดีใจจริงๆที่พ่อดลเข้าใจยัยรวีของน้า รวมทั้งเธอด้วยนะศรี” รมณีว่า
“ฟังจากเธอเล่า ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะร้ายกาจมากขนาดนี้ หวังจะเกาะหนูรวีเพื่ออัพฐานะให้ตัวเอง แล้วหนูรวีก็ซื่อแสนซื่อ ไปหลงเชื่อมันได้ยังไง”
“ฉันถึงต้องพยายามกีดกันทุกวิถีทางยังไงล่ะ”
“คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะกระชากหน้ากากไอ้หมอนั่นออกมาให้คุณรวีเห็นโดยเร็วที่สุด” ภูวดลบอก
รมณีจับแขนภูวดล
“ได้ฟังแบบนี้น้าก็สบายใจ ขอบใจมากนะจ๊ะ”
ภูวดลลอบยิ้มร้ายกาจ
ภายในห้องทำงานของรวีพรรณ เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น เธอกำลังทำงานเงยหน้าขึ้นมา
“เชิญค่ะ”
ประตูเปิดออก ภูวดลที่ถือช่อดอกไม้เดินเข้ามา รวีพรรณผงะ ลุกขึ้นยืน
“คุณภูวดล”
“ดอกไม้ครับ”
สีหน้ารวีพรรณลำบากใจมาก
“เอาคืนไปเถอะค่ะ”
“ถือเป็นการขอโทษที่ผมทำให้เกิดเรื่องวุ่ยวายในวันนั้น”
“แล้วทำไมวันนั้นคุณไม่พูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนคะ”
“เพราะ...ผมหวังว่าสถานการ์ณตึงเครียดระหว่างคุณกับแฟน มันจะทำให้คุณหันมามองผมบ้าง”
รวีพรรณมองภูวดลอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองของผมเหมือนคุณ ผมบอกแล้วไงครับ ถึงผมจะเป็นคนประวัติไม่ดี แต่ถ้าเจอคนที่ดี...ผมก็พร้อมจะหยุด”
“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“ผมกำลังสารภาพความรู้สึกกับคนมีเจ้าของ”
รวีพรรณอึ้ง งง ไปไม่เป็น ภูวดลเดินแผนต่อ
“คุณน้ารมณีเล่าเรื่องของคุณกับคุณพิทยาให้ผมฟังหมดแล้ว และผมก็เข้าใจสถานการณ์ของคุณดี การถูกกีดกันจากคนรัก คงทำให้คุณไม่มีความสุข”
รวีพรรณอึ้งมาก ภูวดลวางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะ
“ดอกไม้ช่อนี้เป็นดอกไม้แห่งมิตรภาพ ที่เพื่อนคนหนึ่งต้องการให้กำลังใจเพื่อนอีกคนหนึ่ง ผมกลับนะครับ”
ภูวดลทำเป็นยิ้มจริงใจแล้วก็เดินออกไป ทันทีที่หันหลังก็ลอบทำหน้าร้ายกาจออกมาทางสีหน้า
รวีพรรณมองช่อดอกไม้บนโต๊ะด้วยความประหลาดใจ
แรงปรารถนา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ตกตอนบ่าย พิทยากำลังอ่านรายงานการประชุมที่สุอาภาพิมพ์ ไม่นานเธอเปิดประตูเดินเข้ามา
“มีอะไรกับฉันอีก”
พิทยาเงยหน้าบอก
“เอาไปพิมพ์มาใหม่”
สุอาภาฉุน
“นายจงใจแกล้งฉันใช่มั้ย!”
“ผมไม่ได้แกล้ง คุณพิมพ์ผิดหลายคำ”
“นายอ่านเองคนเดียว พิมพ์ผิดก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
“ไม่ได้!! อย่าทำอะไรแบบขอไปที จะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
พิทยาหยิบเอกสารยื่นไปตรงหน้า สุอาภาไม่สนใจ
“ฉันไม่ทำ!”
สุอาาภาหันหลังเดินหนี พิทยาลุกขึ้นยืนบอก
“ถ้างั้นก็กลับบ้านไปซะ”
สุอาภาหยุดเดินหันมา พิทยาพูดต่อ
“คุณทำงานไม่ได้หรอกถ้ายังใช้อารมณ์มากกว่าสติ”
สุอาภาอึ้ง โมโหแล้วก็จ้ำเดินออกไป พิทยาส่ายหัวเอือมๆ คิดว่าสุอาภาคงจะถอดใจแล้ว
“คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องทำไม่ได้” พิทยาพึมพำ
เวลากลางคืน .... สุอาภานั่งอยู่กับบนเตียง วรรณวดีกำลังพับเสื้อผ้า
“พี่ต่ายเคยทำงานออฟฟิศมาก่อนใช่ป่ะ”
วรรณวดีเงยหน้ามองแล้วตอบ
“ใช่ ถามทำไม”
“แตอยากรู้ว่าพวกพนักงานออฟฟิศ เค้าทำไรกันบ้าง แตไม่อยากให้ใครดูถูกว่าเรื่องง่ายๆแตก็ทำไม่เป็น”
สุอาภาแววตามุ่งมั่นขึ้นมา จนทำให้วรรณวดีแปลกใจ
เช้าวันต่อมา พิทยาเข้ามาในห้องทำงานก็ผงะที่เห็นสุอาภายืนวางแฟ้ม..แก้วกาแฟร้อน และแซนวิช
บนโต๊ะ สุอาภาหันมายิ้มแย้มสดใสเหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มอร์นิ่งค่ะบอส รายงานการประชุมเมื่อวาน กาแฟร้อน กับแซนวิชทูน่า อาหารเช้าค่ะ”
สุอาภาพูดจบก็เดินผ่านหน้าพิทยากำลังจะออกไป แต่นึกขึ้นได้ เลยหยุดเดินหันมา
“ถ้ามีอะไรให้ฉันรับใช้ก็บอกนะคะบอส”
สุอาภาขยิบตาหนึ่งข้าง พิทยาสะดุ้ง แล้วเธอก็เดินออกไป เขางงสุดๆ เริ่มระแวงว่าเธอจะมาไม้ไหน เดินมาที่โต๊ะ หยิบแก้วกาแฟกับแซนวิชขึ้นมา
“วางยาเรารึเปล่า”
พิทยาตัดสินใจทิ้งสองอย่างลงถังขยะไม่กล้ากิน
พิทยาเดินออกมาที่หน้าห้องทำงาน
“คุณแต”
สุอาภารีบลุกขึ้นมาหาพิทยาพร้อมกระดาษโน๊ต
“บอกมาเลยค่ะว่าบอสต้องการอะไร”
สุอาภากระพริบตาปริบๆ
“กลางวันนี้เตรียมตัวออกไปไซต์งานกับผม”
พิทยาพูดจบก็เข้าไปในห้อง สุอาภานิ่งไป สีหน้าสงสัย
“ไซต์งาน”
เวลากลางวัน บริเวณตึกที่กำลังเริ่มก่อสร้าง สุอาภายืนอยู่ด้วยสีหน้างงงัน หันไปทางพิทยาที่ตามหลังมาพร้อมหมวกนิรภัย 2 ใบ
“ไง...ถอดใจตอนนี้ยังทันนะ”
“ใครว่าชั้นถอดใจ ชั้นกำลังตื่นเต้นกับงานใหม่ๆต่างหาก”
สุอาภากับพิทยาจ้องหน้าแบบไม่มีใครยอมใคร พิทยาเอาหมวกใส่หัวตัวเอง อีกใบก็ยื่นให้สุอาภา
“ใส่ซะ”
“ฉันไม่ใส่ ขืนใส่ ผมก็พังพอดี”
สุอาภาคืนหมวกให้พิทยา แล้วเดินฉับๆเข้าไป พิทยาถอนหายใจอย่างเอือมๆ
พิทยาเดินเข้าไปด้วยความคล่องแคล่วทั้งๆที่ทางเดินขรุขระ มีทั้งอิฐหินดินทรายแอ่งน้ำและฝุ่นคละคลุ้ง สุอาภาสีหน้าแย่มากเดินตามพิทยาอย่างทุลักทุเลเพราะรองเท้าส้นสูงที่ใส่
พิทยาหยุดเดินหันไปมอง แล้วก็เห็นก้อนอิฐหล่นลงมาจากด้านบน พิทยาตกใจมาก รีบเข้าไปคว้าตัวสุอาภาดึงเข้ามากอดแน่น ก้อนอิฐหล่นลงพื้นข้างตัวสุอาภาพอดี สุอาภาหน้าเสีย หันไปมองเขาที่กอดตัวเองอยู่
“คราวนี้จะใส่หมวกได้ยัง” พิทยาเสียงดุ
สุอาภาพูดไม่ออก แล้วเขาก็นึกได้ว่ากอดเธออยู่ พิทยารีบปล่อย แล้วเอาหมวกใส่หัวให้เธอก่อนจะรีบเดินออกไปเพราะไม่อยากใกล้ชิด สุอาภายังหวาดเสียวไม่หาย รีบตามพิทยาไปติดๆ
บริเวณตึกที่กำลังก่อสร้าง พิทยากำลังคุยกับผู้รับเหมา สุอาภายืนมองเขาอยู่ข้างๆ พิทยากับผู้รับเหมาเดินไปตามมุมต่างๆ พิทยาคล่องแคล่วมาก เธอเดินตามพิทยาด้วยความเหนื่อยเพราะตามไม่ทัน เลยหยุดเดิน ปาดเหงื่อ
พิทยาหันไปมองสุอาภาแล้วก็ยิ้มเยาะ เธอหันไปเห็นรอยยิ้มของพิทยาก็ไม่พอใจ
“นึกว่าเดินอยู่บนแคตวอล์กเหรอไง”
พิทยาพูดจบก็หันไปเดินกับผู้รับเหมา สุอาภาโมโหมากที่พิทยาว่าเธอต่อหน้าคนอื่น
สุอาภาตะโกนไล่หลัง
“แล้วนายจะรีบเดินไปไล่ควายที่ไหนห๊ะ”
พิทยาหันขวับ ผู้รับเหมาอึ้งแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ พิทยาอายๆ ยิ่งเดินหนี
สุอาภาหันไปเห็นผู้รับเหมาใส่รองเท้าบู๊ทดูกระฉับกระเฉง
“เดินบนแคทวอล์กใช่มั้ย...งั้นต้องเจอคอลเลคชั่นใหม่ของปีนี้...พี่คะขอยืมรองเท้าบู๊ทหน่อยได้มั้ยคะ”
สุอาภาใส่รองเท้าบู๊ทที่ผ่านการใช้งานมาไม่ใช่น้อยอย่างไม่รังเกียจ แล้วเอารองเท้าส้นสูงใส่ถุงที่ผู้รับเหมาเตรียมมาให้ เธอเดินเข้าไปหาพิทยาที่กำลังดูงานอยู่..แล้วยัดถุงรองเท้าส้นสูงใส่มือพิทยา พิทยาผงะ
“อ้าวเฮ้ย อะไรวะ”
สุอาภาหันไปทางผู้รับเหมาบอก
“ลุยต่อเลยค่ะ”
สุอาภาเดินนำไปก่อน พิทยากับผู้รับเหมาหันไปมอง แล้วเธอก็นึกขึ้นได้หันกลับมา
“ไปทางไหนคะ”
ผู้รับเหมาอมยิ้มแล้วก็ผายมือไปด้านข้าง
“ทางนี้ครับ”
ผู้รับเหมาเดินนำเธอเดินตาม พิทยามองสุอาภาและมองถุงใส่รองเท้าในมือ แล้วก็ส่ายหัวก่อนจะเดินตามไป
ผ่านเวลามาพอสมควร พิทยากับสุอาภาเดินออกมาด้วยกัน แต่เธอเมื่อยขามาก พิทยาหันไปมองเธอที่ยังเดินตามมาไม่ถึง
“เร็วสิคุณ” พิทยาบอก
สุอาภาเริ่มหงุดหงิด
“เดี๋ยวสิ!เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ทีเดินชอปปิ้งล่ะเดินได้เป็นวันๆ”
สุอาภาเดินมาถึงพิทยา
“นั่นมันเดินในห้างฯ แอร์เย็น ไม่ได้เดินตากแดดตากลมแบบนี้”
“แค่วันแรกก็บ่นขนาดนี้ ผมว่าคุณเลิกฝึกงาน กลับไปอยู่บ้านเหอะไป”
“คนอย่างฉันไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ”
สุอาภาถอดหมวกคืนพิทยาก่อนจะเชิดใส่ แล้วเดินออกไป
พิทยากับสุอาภาขึ้นมานั่งในรถ พิทยาเอามือถือออกมาวางตรงที่ใส่ของข้างตัว แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ผมลืมเอกสาร คุณรอในนี้”
พิทยาออกจากรถแล้วเดินเข้าไป สุอาภานั่งเซ็งๆ แล้วก็นวดที่น่องตัวเองด้วยความเมื่อย พลันเสียงมือถือพิทยาดังขึ้น เธอหันไปเห็นชื่อ “รวี” ก็ชะงัก...ยิ้มมุมปาก
ในห้องทำงาน...รวีพรรณยืนอยู่ริมหน้าต่างรอสาย ไม่นานมีคนรับสาย รวีพรรณยังไม่ทันพูด เสียงสุอาภาดังขึ้น
“พิทไม่อยู่ตรงนี้ค่ะคุณรวี”
รวีพรรณอึ้งมากที่ได้ยินเสียงผู้หญิง คิดว่าเป็นสุอาภา แต่ไม่แน่ใจ
“คุณ”
สุอาภาทำเป็นหัวเราะอย่างมีจริต
“ฉันกระแตค่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไหนหรอก”
รวีพรรณหน้าถอดสี รู้สึกคุกรุ่นในใจขึ้นมาทันที
“คุณรวีอย่าเข้าใจฉันกับพิทผิดนะคะ ตอนนี้ฉันมาฝึกงานกับพิท เพิ่งเริ่มงานวันนี้วันแรก”
รวีพรรณอึ้งเข้าไปอีก มือกำโทรศัพท์แน่น
“ตายจริง...นี่พิทยังไม่ได้บอกคุณเหรอ”
รวีพรรณพยายามอดกลั้น “ค่ะ...”
สุอาภาทำเสียงโอเวอร์นิดๆ
“อย่าโกรธพิทนะคะ แตว่าพิทคงยุ่งจน...ลืม”
รวีพรรณหน้าถอดสี … สุอาภาหันไปเห็นพิทยากำลังเดินออกมา
“ถ้าไงเดี๋ยวฉันบอกเค้าให้ว่าคุณโทรมา”
สุอาภาวางสายแล้วก็กดลบชื่อรวีพรรณทิ้ง ก่อนจะวางมือถือไว้ที่เดิม พิทยาเดินมาขึ้นรถ เห็นสุอาภายิ้มก็แปลกใจ
“ยิ้มอะไร”
“อยู่ดีดีก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา”
สุอาภายิ้ม พิทยางงๆ แล้วก็ขับรถออกไป … รวีพรรณกดวางสายด้วยความไม่พอใจ
พิทยากำลังขับรถ สุอาภานั่งข้างๆ เอามือกุมท้อง หน้าเหยเกเพราะว่าหิว พิทยามองอย่างรู้ทัน
“เดี๋ยวเราแวะหาอะไรทานก่อนกลับออฟฟิศก็แล้วกัน นี่เรายังไม่ได้ทานกลางวันกันเลย”
“ก็ได้”
สุอาภาทำฟอร์มเฉย แต่หันไปลอบยิ้มดีใจ พิทยาเหล่มองเห็นสีหน้าเธอที่สะท้อนทางกระจกรถก็อดยิ้มไม่ได้
พิทยาเดินนำสุอาภามาที่ร้านข้าวแกงริมถนน เธอเดินตามมาอย่างงงๆ เห็นพิทยาเข้าไปยืนดูกับข้าวที่หน้าตู้ สุอาภาก็อึ้ง ตรงรี่เข้าไปหาพิทยาอย่างไม่พอใจ
“นายพาฉันมาทานข้าวร้านนี้”
พิทยาหันมาบอกแล้วยกนิ้วโป้ง
“ใช่ ... อร่อยอย่างนี้เลย มีกับข้าวให้เลือกหลายอย่าง ราคาก็ถูก น้ำเปล่าก็ฟรี”
พิทยาไม่สนใจหันไปเลือกอาหาร สุอาภาหัวเสียสุดๆ
“ฉันไม่ทานที่นี่”
คนเริ่มหันมามอง พิทยาหันไปเห็นเธอเบ้หน้า
“ร้อนก็ร้อน แถมยัง...สกปรก”
แม่ค้าได้ยินของขึ้นทันที
“อ้าว..พูดงี้ก็สวยสินังหนู”
สุอาภาตกใจ พิทยารีบไกล่เกลี่ย
“ขอโทษครับพี่”
พิทยาดึงสุอาภาออกห่างจากแม่ค้า
“ผมเพิ่งบอกไปหยกๆเมื่อวานว่า คุณต้องใช้สติมากกว่าอารมณ์ ผม-จะ-ทาน-ที่-นี่! คุณไม่ทานก็เรื่องของคุณ!”
พิทยาพูดจบก็เดินออกไปสั่งอาหาร สุอาภาหัวเสียอย่างแรง พอหันไปเห็นอาหาร ท้องก็ร้องหิวขึ้นมาทันที
พิทยาก้มหน้าก้มตากินข้าวแกงข้างทาง สุอาภามองแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก! พิทยาเงยหน้า สุอาภาทำเป็นเมินหน้าไปทางอื่น พิทยาถอนหายใจ หันไปเปิดกล่อง หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวในจานแล้วยื่นไปตรงหน้าสุอาภาหันมา
“ผมให้ชิมก่อน”
“ไม่”
จังหวะที่สุอาภาอ้าปากว่า “ไม่” พิทยาก็ป้อนข้าวเข้าไปในปากจนเธอแทบสำลัก
พิทยาเสียงเบาบอก
“อย่าคายออกมานะ พี่เค้ามองอยู่เห็นมั้ย”
สุอาภาเหล่ไปเห็นแม่ค้าที่มองอยู่จริงๆก็ไม่กล้า จำต้องเคี้ยวๆๆๆ แล้วก็ชะงัก...
“อร่อยจริงด้วย”
พิทยายิ้มบอก
“เห็นมั้ยว่าอย่าตัดสินใจอะไรจากภายนอก”
“จะไม่อร่อยก็เพราะนายเนี่ยแหละ ไปบวชไป...ถ้าชอบเทศนานัก ไปสั่งให้ฉันที เอาแบบนายจานนึง”
“คุณมีขาก็เดินไปสั่งเองสิ”
สุอาภาจ้องหน้า
“ในออฟฟิศ นายเป็นเจ้านายฉัน แต่นอกออฟฟิศ ฉันเป็นลูกของคนจ่ายเงินเดือนนาย เร็วสิ!”
พิทยาถอนหายใจ แล้วก็ยอมลุกเดินออกไป สุอาภายิ้มชอบใจ
ในเวลากลางคืน สุอาภานั่งยืดขาอยู่บนเตียง โดยมีณีกำลังนวดขาให้ สุอาภาสีหน้าแย่มาก
“โอ๊ยป้าเบาหน่อย แตเจ็บ!”
“โถคุณหนูของป้า จะรอดมั้ยคะเนี่ย”
“ต้องรอดสิป้า โอ๊ย”
“ว้าย! ขอโทษค่ะ”
สุอาภาหน้าแย่สุดๆ ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย
ร้านอาหารของรวีพรรณในเวลากลางคืน เธอยืนรับถาดใส่เงินมาจากลูกค้า
“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นบัตรลดค่าอาหาร 10 เปอร์เซนต์ค่ะ” รวีพรรณพูดพลางยื่นบัตรลดให้
“ขอบคุณค่ะ” ลูกค้าบอก
รวีพรรณเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ สินีนาฎรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที
“เธอไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอ”
“เธอจะให้ฉันทำอะไร” รวีพรรณถาม
“โทรไปถามพิทว่าทำไมไม่บอกเรื่องที่ยัยนั่นเข้ามาฝึกงาน แล้วยังปล่อยให้ยัยนั่นรับโทรศัพท์ให้อีก”
“พิทสัญญากับฉันว่าจะอยู่ห่างจากคุณสุอาภาให้มากที่สุด แต่เค้าทำไม่ได้ เค้าไม่โทรกลับฉัน แล้วเธอจะให้ฉันโทรไปถามเค้าทำไม”
ระหว่างนั้นพิทยาโทรเข้ามา รวีพรรณมองที่หน้าจอมือถือ ออกนอกหน้าอีก
“พิท!”
รวีพรรณตัดสินใจกดปิดเครื่อง สินีนาฎผงะ รวีพรรณเดินออกไป สินีนาฎค่อยๆยิ้มสะใจที่เห็นสองคนนี้ทะเลาะกัน
พิทยาพยายามต่อโทรศัพท์หารวีพรรณแต่ติดต่อไม่ได้ พิทยาแปลกใจ
เช้าวันถัดมา รวีพรรณเดินออกมาที่ห้องรับแขก ก็ชะงัก ที่เห็นภูวดลกับรมณีกำลังคุยกันอย่างออกรส รมณีกับภูวดลหันไปทางรวีพรรณที่ยืนอยู่ … ภูวดลยิ้มให้ รวีพรรณมองอย่างเซ็งๆ
“ยัยรวี...”
รวีพรรณกับภูวดล
“มาทำไมคะ”
รมณีชะงัก ภูวดลยิ้มๆ
“ถามแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ ตรงๆแบบนี้ ผมชอบ ผมมารับคุณรวีไปทำงาน”
“แม่บอกพ่อดลว่าลูกเอารถเข้าศูนย์ พ่อดลก็เลยอาสามารับ” รมณีบอก
รวีพรรณพูดไม่ออก รมณีรีบสรุป
“แม่ว่าไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย”
ภูวดลลุกขึ้นยืนพร้อมผายมือ
“เชิญครับคุณรวี”
รวีพรรณจำต้องไปเพราะไม่กล้าขัดใจแม่ ภูวดลหันไปไหว้รมณีแล้วตามรวีพรรณออกไป
รมณียิ้มปลื้มมีความสุข
รถภูวดลแล่นมาจอดหน้าออฟฟิศ ในรถ ภูวดลหันไปทางรวีพรรณ
“เย็นนี้ผมมารับนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันให้เพื่อนไปส่ง ขอบคุณนะคะ”
รวีพรรณรีบลงจากรถ ภูวดลมองตามแววตาไม่ประสงค์ดี
“อีกไม่นานหรอก”
ภูวดลขับรถออกไป
ขณะที่รวีพรรณกำลังจะเดินเข้าไปในออฟฟิศ แต่กลับต้องหยุดเพราะเห็นพิทยายืนอยู่ ในมุมหนึ่งที่หน้าออฟฟิศ...ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกัน
“รวีเอารถเข้าศูนย์ แม่ก็เลยบอกให้คุณภูวดลมารับที่บ้าน”
“แล้วทำไมรวีไม่โทรบอกผม ผมจะได้ไปรับ”
“เห็นพิทงานยุ่ง ขนาดรวีโทรหาเมื่อวาน พิทยังไม่โทรกลับเลย”
พิทยามีสีหน้าแปลกใจ
“รวีโทรหาผมเหรอ”
รวีพรรณเริ่มมีอารมณ์
“ค่ะ รวีโทรหา คุณสุอาภารับสาย รวีเลยรู้ว่าเค้ามาฝึกงานกับพิท นี่ถ้ารวีไม่โทรไป พิทคิดจะบอกรวีเมื่อไหร่”
พิทยาไม่พอใจสุอาภาอย่างแรง
“ที่ผมโทรหารวีเมื่อคืน ผมจะบอกเรื่องนี้”
รวีพรรณเงียบ พิทยาเอามือถือตัวเองออกมา เปิดหาเบอร์รวีที่โทรเข้าเมื่อวาน แล้วก็หันหน้าจอมือถือไปทางรวี
“ไม่มีเบอร์รวี รวีดูได้เลย”
รวีพรรณเอามือถือพิทยามาดู ไม่มีเบอร์เธอจริงๆ
“คุณแตคงลบมันทิ้ง ผมขอโทษที่ผมทำตามสัญญาเรื่องคุณแตที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ แต่รวีต้องเชื่อใจผม อย่าไปฟังผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไร”
รวีพรรณค่อยเย็นลง พิทยาจับมือเธอ
“บางทีผมอาจจะต้องกล้ามากกว่านี้”
รวีพรรณมองพิทยาอย่างสงสัย
ภายในห้องรับแขก รมณีลุกพรวดขึ้นมายืนอย่างหัวเสีย ขณะกำลังคุยโทรศัพท์
“แม่ไม่มีวันยอมเจอมันเด็ดขาด!! เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย”
รมณีวางสาย ณรงค์ที่เดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“โมโหอะไรเหรอคุณ”
“ยัยรวีน่ะสิ โทรมาบอกว่านายพิทยาอยากขอนัดทานข้าวเย็นกับฉัน ฝันไปเถอะว่าฉันจะให้โอกาสมัน”
ณรงค์ครุ่นคิดบางอย่างแล้วบอก
“ผมว่าเจอกันอย่างเป็นทางการซักทีก็ดีนะ”
รมณีหันขวับมาถาม
“คุณณรงค์!! นี่คุณไปเข้าข้างมันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมไม่ได้เข้าข้าง ถ้าเรายังขืนกีดกันลูกกับผู้ชายคนนั้น นับวันลูกก็จะยิ่งมองพวกเราเลวร้ายมากขึ้น แต่ถ้าเราทำเป็นให้โอกาสมันซักหน่อย แล้วค่อยบอกลูกว่ายังไงก็ไม่มีทาง มันก็ถือว่าเราได้เคยให้โอกาสนั้นแล้ว”
รมณีคิดตามที่ณรงค์พูด
ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศ พิทยายิ้มด้วยความดีใจขณะคุยโทรศัพท์กับรวีพรรณ
“แม่คุณยอมทานข้าวกับผม ผมดีใจที่สุดเลยรวี แล้วเย็นนี้เจอกันนะครับ”
พิทยาวางสาย พร้อมทำท่า ร่าเริงสุดขีด
“เยส! เยส! เยส!”
พิทยาหันไปเห็นสุอาภายืนมองอยู่ ก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งขรึม
“ทำไมเพิ่งมา” พิทยาถาม
“รถติด”
“วันหลังก็ตื่นให้มันเช้ากว่านี้สิ เตรียมตัวออกไปกับผมได้แล้ว”
พิทยาหันหลังเดินออกไป แล้วก็หยุดกึก นึกอะไรออก หันมาทางสุอาภา
“อ้อ แล้วต่อไปนี้ก็ห้ามรับโทรศัพท์ผมอีก”
สุอาภาหน้าถอดสีที่พิทยารู้ เขาพูดจบก็เดินออกไป
พิทยากับสุอาภาเดินเข้ามาใน “มูลนิธิจันทร์จำนง” ด้วยกัน สุอาภาเดินหนีบขา เขาสังเกตเห็นหันไปมอง
“เป็นไร”
“ห้องน้ำอยู่ไหน”
“ด้านโน้น”
สุอาภารีบจ้ำเดินออกไป
สุอาภารีบวิ่งมาเข้าห้องน้ำ แต่มีคนเข้าอยู่ สุอาภายืนตัวบิดรอ..แล้วก็เริ่มทนไม่ไหว จนต้องเคาะประตูไม่หยุดอย่างเสียมรรยาท
“ทำไมเข้านานแบบนี้ นี่!! เสร็จเหรอยัง...นี่...!”
ไม่นานจันทร์จำนงเปิดประตูออกมามองสุอาภาอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเข้านานอย่างนี้คะยาย! ห้องน้ำสาธารณะนะคะไม่ใช่ที่บ้าน ไม่นึกถึงคนอื่นบ้างเลย”
จันทร์จำนงเหวอ สุอาภาไม่สนใจ เดินเกือบจะชน เข้าไปแล้วปิดประตูปัง!!.ใส่หน้า จันทร์จำนงสะดุ้ง รู้สึกไม่พอใจสุอาภาอย่างแรง
สุอาภาเปิดประตูออกมาใหม่ จันทร์จำนงนึกว่าจะขอโทษ
“ยายใช้ทิชชู่ซะหมดเลย ช่วยหยิบให้หน่อยสิคะ”
จันทร์จำนงมองทิชชู่ที่สำรองไว้หน้าห้องน้ำอย่างเอือมๆ
สุอาภาสบายใจมีความสุข เดินออกมาเห็นจันทร์จำนงยืนหันหลังคุยกับพิทยา เมื่อเธอเดินมาถึง จันทร์จำนงหันไป ทั้งคู่ชะงัก พิทยาแนะนำ
“นี่คุณนายจันทร์จำนงเจ้าของมูลนิธิ นี่คุณสุอาภา ลูกเจ้านายผมครับ เธอมาขอฝึกงานที่บริษัท ผมก็เลยพามาด้วย “
สุอาภาหน้าซีดมากแล้วก็ยกมือไหว้ จันทร์จำนงปรายตามองแบบไม่พอใจ แววตาที่คมคายของจันทร์จำนงทำให้สุอาภาหายใจไม่ทั่วท้อง
พิทยากับจันทร์จำนงเดินเข้ามาในที่ดิน มีสุอาภาตามหลัง พลันเสียงมือถือสุอาภาดังขึ้น เธอหยิบออกมากดรับสาย
“ไงพราว...ฉันกำลังทำงาน”
พิทยากับจันทร์จำนงคุยกัน เสียงสุอาภารบกวนสมาธิจันทร์จำนงจนเธอเหล่มองอย่างไม่ชอบใจ สุอาภาหันมาเห็นสายตาคู่นั้นถึงกับผงะ
“เธอควรสอนมารยาทในการทำงานให้กับผู้ช่วยบ้างนะ”
สุอาภาอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก พิทยาทำตาดุให้สุอาภาวางสาย
“แค่นี้ก่อนนะ”
สุอาภาวางสาย จันทร์จำนงหันไปตั้งใจฟังพิทยาต่อ สุอาภามองจันทร์จำนงอย่างไม่ถูกชะตา
จันทร์จำนงก็รู้และพอใจเสียด้วย
ทั้งสามคนเดินมาด้วยกัน
“เดี๋ยวเข้าไปคุยกับฉันต่อในห้องทำงาน”
“ครับ”
สุอาภาจะขยับตามไปด้วย แต่จันทร์จำนงหันมา
“คุณไม่ต้องไป”
สุอาภาหน้าเสีย พิทยาอึ้ง
“ฉันต้องการคนที่ทำงานจริงจัง ไม่ใช่พวกที่มาทำงานเพื่อฆ่าเวลา”
พิทยาถึงกับลอบอมยิ้ม สุอาภารู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าอย่างแรง สุอาภาไม่ยอมแพ้บอก
“งั้นฉันยิ่งต้องเข้าไปใหญ่เลยค่ะ เพราะชั้นมาเพื่อ...ทำงาน!”
“ อืมม์..โทษทีๆ”
สุอาภานึกว่าจันทร์จำนงจะลงให้ แต่ไม่ใช่
“ชั้นคงพูดไม่ชัดเจน ชั้นต้องการคนที่ทำงานจริงจังอย่างมืออาชีพ ไม่อยากเสียเวลาอธิบายกับพวกมือสมัครเล่น...อย่างคุณ!”
จันทร์จำนงเดินออกไป สุอาภาหันมาเห็นพิทยายิ้มก็ยิ่งโมโห พิทยาเดินตามจันทร์จำนงเข้าไป
“มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันเนี่ย”
สุอาภาหงุดหงิด ฮึดฮัด และทิ้งตัวนั่งลงที่ม้านั่งเต็มแรง!!!
ติดตาม "แรงปรารถนา" ตอนที่ 3