ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 5
เอมิกาเดินออกมากับวเรศ
“ถ้าไม่ได้คุณช่วยเอาไว้ ฉันโดนตบแน่ๆ” เอมิกาบอก
“ทางที่ดีเธออย่าไปบ้านนั้นอีก ฉันว่าคุณอาอเนกคงไม่ยอมให้เรื่องจบง่ายๆ ระวังตัวไว้ด้วย เพราะฉันไม่สามารถช่วยเธอได้ตลอดเวลา” แววตาของวเรศบอกว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ
เอมิกาอึ้งไปกับน้ำเสียงและท่าทางห่วงใยของวเรศ “ค่ะ”
วเรศหยิบมือถือของเอมิกาออกมาส่งให้ “เธอทำตกไว้ในรถทัวร์วันนั้น”
เอมิการับมาอย่างดีใจ “ขอบคุณนะคะ ฉันนึกว่าฉันทำหายไปแล้วซะอีก”
วเรศแซวขำๆ “ทีหลังก็อย่าขี้เซาให้มันมากนักสิ”
วเรศขึ้นรถแล้วขับออกไป เอมิกามองตามวเรศอย่างรู้สึกดีกับเขา
พีรพลหันไปทางชื่นฤทัยที่กำลังพอกครีมอยู่หน้ากระจกด้วยสีหน้าแปลกใจ
“คุณจะให้ตั้มร้องเพลงคู่กับน้องอรในงานกาล่าดินเนอร์??”
ชื่นฤทัยหันมา “ใช่ คุณจะต้องแปลกใจทำไม”
“ตั้มไม่มีทางยอมตกลง”
ชื่นฤทัยไม่พอใจ “คุณรู้ได้ไง คุณไม่ใช่หลานตั้มซักหน่อย โทรบอกหลานตั้มให้ฉัน!”
พีรพลอึกอัก “ผมว่าอย่าเลย ผมรู้จักนิสัยหลานชายผมดี ตั้มเป็นคนไม่ชอบการแสดง แล้วยิ่งเรื่องร้องเพลง ตั้มยิ่งไม่ชอบใหญ่”
“ตกลงจะไม่ช่วยฉันใช่มั๊ย” ชื่นฤทัยถาม พีรพลเงียบ “ได้...งั้นฉันจะโทรบอกตั้มเอง ตั้มไม่มีทางปฏิเสธฉัน คุณคอยดู”
ชื่นฤทัยหยิบมือถือออกมากดโทรออก พีรพลได้แต่ถอนหายใจ
วเรศกำลังคุยโทรศัพท์กับชื่นฤทัย
“ร้องเพลงการกุศลเหรอครับ?” วเรศถาม
ชื่นฤทัยจีบปากจีบคอคุย โดยมีพีรพลคอยเฝ้ามองด้วยความอยากรู้
“ใช่จ๊ะ อาบอกกับคุณหญิงไฉไลเอาไว้ ว่าตั้มกับน้องอรจะร้องเพลงคู่กัน ตั้มเข้าใจใช่มั๊ยว่าอาบอกผู้ใหญ่แล้ว ถ้าผิดคำพูด มันจะเสียมารยาท”
พีรพลมองชื่นฤทัยอย่างไม่ค่อยพอใจที่เธอบังคับวเรศ
วเรศเซ็ง “เข้าใจครับ”
“แสดงว่าหลานตั้มตกลงแล้วนะ” ชื่นฤทัยสรุปเอง วเรศเหวอ “พรุ่งนี้มาซ้อมร้องเพลงที่บ้านของอานะจ๊ะ”
ชื่นฤทัยวางสายแล้วหันไปมองพีรพลแบบเยาะๆ
“หลานตั้มตกลง ฉันบอกคุณแล้วเห็นมั๊ย”
พีรพลเหวอ อึ้ง และงงมาก
เช้าวันต่อมา เอมิการับตะกร้าจ่ายกับข้าวมาจากสมพิศ ส่วนนากกำลังเตรียมอาหารเช้า
“รีบไปรีบกลับนะเอ็ง อย่าเถลไถล” สมพิศสั่ง
“จ้า..แล้วฉันจะซื้อหมูปิ้งเจ้าโปรดของป้ามาให้ด้วยนะ” เอมิกาบอก
สมพิศชอบใจแต่ทำเป็นเก็ก “เออ...”
เอมิการีบเดินออกไป นากเข้ามายืนข้างๆสมพิศ
“ใครเอ่ยชอบของฟรี?”
สมพิศหันมาตอบแบบลืมตัว “ข้าไง” นากยิ้ม สมพิศนึกได้ว่านากด่า “ไอ้นาก!” สมพิศจะด่าต่อ
นากชี้หน้า “อ๊ะๆ ถ้าป้าด่าฉันล่ะก้อ เอาเงินที่ยืมฉันไปคืนมาเลยนะ”
สมพิศรีบปิดปากตัวเองแล้วก็ค้อนขวั่บ พร้อมสะบัดหน้าเดินออกไป นากอมยิ้มขำๆ
เอมิการีบเดินมาหาปองเทพที่รออยู่กับรถแท็กซี่ ปองเทพมีท่าทางลุกลี้ลุกลน
“รีบไปเร็วเอม”
เอมิการีบขึ้นรถ ปองเทพหันไปทางคนขับ
“ไปมหาวิทยาลัย...” ปองเทพบอกคนขับแท๊กซี่
รถแท็กซี่แล่นออกไป
ดร.เพี้ยนถือไอแพดของเอมิกาเพื่ออ่านเรื่องของเอมิกาอยู่ โดยมีปองเทพนั่งข้างๆ
“นี่เธอจะเขียนละครที่เกี่ยวกับคนใช้จริงๆเหรอเนี่ย?”
เอมิกาตอบอย่างมั่นใจมาก “ใช่ค่ะ”
“แน่ใจนะแม่ชะเอม ว่าเอาแน่แล้ว”
“แน่ใจที่สุดอย่างที่ไม่เคยแน่ใจอะไรมาก่อนในชีวิตนี้เลยค่ะ” เอมิกาตอบ
ปองเทพเสริม “ตอนนี้เอมได้ข้อมูลมาเยอะมากเลยนะครับด๊อก”
เอมิกาเหยียบเท้าปองเทพเพราะกลัวปองเทพจะหลุดพูด ปองเทพร้องลั่น
“โอ๊ย!!”
ดร.เพี้ยนงง “เป็นอะไรของเธอ”
“มดกัดครับ”
ปองเทพหันไปมองเอมิกาด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“เธอไปหาข้อมูลจากไหน?”
“ก็จากคนใช้ตามบ้านต่างๆ” เอมิกาบอก
“ถ้าเธออยากทำเรื่องนี่จริงก็ตามใจ แต่ฉันขอย้ำอีกครั้งว่าเธอต้องลงให้ลึกถึงจิตวิญญาณของพวกเค้าจริงๆ”
“ทราบแล้วค่ะ รับรองด๊อกเตอร์จะไม่ผิดหวังเมื่อได้เห็นผลงานของเอม”
ดร.เพี้ยนมองเอมิกาแบบไม่ค่อยมั่นใจ
“แล้วฉันจะคอยดู” ดร.เพี้ยนดูนาฬิกาข้อมือ “ต้องไปแล้ว ฉันมีนัดที่สุขุมวิท เดี๋ยวรถติด”
“ทางเดียวกันพอดีเลยค่ะ เอมกับป่องติดรถไปด้วยนะคะด๊อก”
“ได้ๆ เอ่อ..แล้วเธอไปทำอะไรที่สุขุมวิท ?”
เอมิกาอึกอัก “เอ่อ..”
เอมิกากับปองเทพมองหน้ากันเหรอหรา
เอมิกาพูดออกมา “ไปหาญาติ”
จังหวะเดียวกับที่ปองเทพพูด “ไปหาเพื่อน”
เอมิการีบแก้ “คือ ป่องไปหาญาติ ส่วนเอมไปหาเพื่อนค่ะ แหะๆๆ”
รถดร.เพี้ยนจอดที่ริมถนนสุขุมวิท เอมิกากับปองเทพหันไปไหว้
“ขอบคุณมากค่ะ”
“อือ โชคดี” ดร.พี้ยนอวยพร เอมิกากับปองเทพกำลังจะลง “เอ้อ” เอมิกากับปองเทพหันมา “ว่าจะชมตั้งนานแล้ว กระเป๋าถือของเธอ สวยแปลกตาดีนะ”
เอมิกามองตะกร้าจ่ายกับข้าวแล้วก็ยิ้มแหย “อ้อค่ะ...”
เอมิกากับปองเทพรีบลงจากรถ แล้วดร.เพี้ยนก็ขับรถออกไป เอมิกาหันมาทางปองเทพ
“ป่องเข้าบ้านไปเลยนะ เราจะไปจ่ายตลาดก่อน แล้วจะรีบตามเข้าไป”
“อือ..”
ปองเทพกับเอมิกาเดินไปคนละทาง
ดร.เพี้ยนขับรถเพื่อหาบ้านชื่นฤทัยเลยทำให้ต้องขับช้าๆ
“บ้านนุศาเจริญ...”
ดร.เพี้ยนมองหาตามสองข้างทางไปเรื่อยๆ ปองเทพใส่หมวกกันน็อค ซ้อนมอไซด์วินแล่นมาตามทาง รถดร.เพี้ยนค่อยๆขับมาช้าๆ รถมอเตอร์ไซด์ที่ปองเทพนั่งแล่นตามมา แต่ปองเทพไม่ได้สนใจมองรถดร.เพี้ยน มอเตอร์ไซด์แซงหน้ารถดร.เพี้ยนแล้วขี่ห่างออกไป
รถมอเตอร์ไซด์วินจอดหน้าบ้าน ปองเทพลงจากรถแล้วจ่ายเงิน เขารีบเดินเข้าไปในบ้าน รถมอเตอร์ไซด์วินกลับรถแล้วแล่นออกไปสวนกับรถดร.เพี้ยนที่แล่นมาจอดหน้าบ้านพอดี
“เจอแล้ว” ดร.เพี้ยนจอดรถ แล้วกดมือถือโทรออก “คุณชื่น ผมถึงแล้วนะครับ”
เอมิกายื่นถุงหมูปิ้งให้สมพิศ
“ขอบใจ”
นากแซว “น้องชะเอมนี่ได้แต่คำขอบใจ แต่ไม่เคยได้เงินเล้ย”
สมพิศหันขวับ “ชะเอมเค้ามีน้ำใจเว๊ย ไม่เหมือนเอ็งหรอกไอ้นาก วันๆ ดีแต่ทวงตังค์ข้า”
“อ่ะแหมอ่ะแหม เดี๋ยวนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เป็นกลองเป็นกีตาร์ เป็นจีจ้ากับจาพนมเลยน้า” นากแซว
สมพิศทำหน้าไม่ถูก เอมิกาอมยิ้ม ระหว่างนั้นบรรจงก็เดินเข้ามา
“นังชะเอม” เอมิกา สมพิศและนากหันไป “คุณชื่นสั่งให้แกเอาน้ำไปให้แขกที่ห้องคาราโอเกะ”
“คุณชื่นสั่ง หรือแกสั่งห๊ะ!” นากสวน
“เอ๊ะพี่นากนี่ยังไงนะ หาเรื่องฉันได้ตลอด” บรรจงว่า
“ใครจะสั่งก็ไม่เป็นไร ฉันไปเอง” เอมิกาบอก
เอมิกาลุกเดินมารินน้ำใส่แก้วแล้วเดินออกไป บรรจงหันไปมองนากแบบเย้ยๆ นากไม่พอใจ
ดร.เพี้ยนยืนอยู่ตรงหน้าวเรศ อรวิลาส และชื่นฤทัย
“การที่เราจะร้องเพลงเพราะหรือไม่นั้น ข้อสำคัญประการหนึ่งก็คือการออกรูปปากให้ชัดเจน ดูผมเป็นตัวอย่างนะครับ” ดร.เพี้ยนออกรูปปากชัดมาก “อา อี อู เอ โอ ทุกคนทำไปพร้อมๆกับผมเลยครับ”
วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส ดร.เพี้ยนพูดพร้อมกัน
“อา อี อู เอ โอ อา อี อู เอ โอ อา อี อู เอ โอ”
“Stop!!” ดร.เพี้ยนเสียงดัง ทั้งสามคนสะดุ้ง “ต่อไป เราจะฝึกการออกเสียง ให้เสียงออกมาจากในท้อง โดยวิธีหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พร้อมกัน”
ทุกคนหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เอมิกากำลังจะเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟในห้องคาราโอเกะ
เอมิกาเดินถือถาดวางแก้วน้ำเข้ามาในห้องคาราโอเกะซึ่งดร.เพี้ยนกำลังยืนหันหลัง เอมิกาไม่ได้สนใจมอง เพราะมัวแต่สนใจวเรศ อรวิลาส และชื่นฤทัยที่กำลังหัวเราะอย่างตั้งใจ เอมิกามองแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้โดยเฉพาะวเรศที่กำลังหัวเราะ วเรศหันมาเห็นเอมิกาเขาก็รู้สึกอาย แต่เขาก็ยังทำตามคนอื่นอยู่ จังหวะนั้นเองที่ดร.เพี้ยนหันมาทางเอมิกาพอดี ทั้งสองคนป๊ะหน้ากันเต็มๆ
เอมิกากับดร.เพี้ยนแทบช็อค!! ดร.เพี้ยนอ้าปากค้างแต่ก็ไม่มีคำพูดใดใดออกมา เพราะเขากำลังตกใจอย่างแรง เอมิกาทำถาดแก้วน้ำหล่นแตกดังเพล้ง วเรศ ดร.เพี้ยน ชื่นฤทัย และอรวิลาสตกใจ
“ตายแล้ว!! ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ห๊ะชะเอม” ชื่นฤทัยว่า
ดร.เพี้ยนผงะ เขามองหน้าเอมิกาแล้วนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาคุยกับเอมิกา
“เอมจะไปเป็นคนใช้ค่ะ!!”
“เธอจะบ้าเหรอเอมิกา คิดอะไรบ้าๆ!! ......ยังไงฉันก็ไม่ให้เธอไปเป็นคนใช้!! เลิกคิดเรื่องนี้ แล้วก็หาอะไรที่มันเป็นไปได้ เข้าใจ๊!!”
ดร.เพี้ยนถามเอมิกา “นี่เธอจะเขียนละครที่เกี่ยวกับคนใช้จริงๆเหรอเนี่ย?”
เอมิกาตอบอย่างมั่นใจมาก “ใช่ค่ะ”
“แน่ใจนะแม่ชะเอม ว่าเอาแน่แล้ว”
“แน่ใจที่สุดอย่างที่ไม่เคยแน่ใจอะไรมาก่อนในชีวิตนี้เลยค่ะ”
ปองเทพแทรกขึ้น “ตอนนี้เอมได้ข้อมูลมาเยอะมากเลยนะครับด๊อก”
“เธอไปหาข้อมูลจากไหน?”
“ก็จากคนใช้ตามบ้านต่างๆ”
ดร.เพี้ยนทั้งอึ้งและตะลึงงัน เอมิกาเหงื่อแตกซิกคิดในใจว่า “ซวยแล้วกู” ดร.เพี้ยนจ้องหน้าเอมิกาไม่เลิก วเรศเห็นอาการของดร.เพี้ยนกับเอมิกาก็แปลกใจ เอมิการีบก้มหน้างุดแล้วถอยกรูดไปยืนตรงประตู
“ขอโทษค่ะ ฉันรีบไปเอาผ้ามาเช็ดก่อนนะคะ” เอมิกาบอก
เอมิการีบหันหลังวิ่งออกไปทันที ดร.เพี้ยนยังยืนนิ่งเพราะไม่นึกว่าเอมิกาจะมาเป็นคนใช้จริง วเรศหันไปมองดร.เพี้ยนแล้วครุ่นคิด ชื่นฤทัยเดินมาข้างๆดร. เพี้ยน
“ด๊อกเตอร์โดนอะไรมั๊ยคะ” ชื่นฤทัยถาม ดร.เพี้ยนยังนิ่ง “ด๊อกเตอร์!”
วเรศแปลกใจกับท่าทางของดร.เพี้ยน
ดร.เพี้ยนได้สติ “ห๊ะ!! อ่า..ผมไม่โดนอะไรครับ” ดร.เพี้ยนนึก “แต่..แต่ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
เอมิการีบเดินมาหลบมุมทั้งๆ ที่ยังหน้าตาตื่น เธอหอบเหนื่อยเพราะลุ้นมาก
“ดร.เพี้ยนมาที่นี่ได้ไง?” เอมิกาคิด “กรรมของเอมิกาแล้วไง”
เอมิกามีสีหน้าแย่มาก นากเดินมาเห็นก็จับไหล่เอมิกา เอมิกาสะดุ้งโหยง
“ว๊าย!!” เอมิกาหันไปเห็นนากก็โล่งอก “พี่นาก!”
“น้องชะเอมเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนี้” นากถาม
เอมิกาอึกอัก “เออ..คือ..ฉันทำแก้วแตกต่อหน้าแขกของคุณชื่น”
นากผงะ “หา!”
เสียงบรรจงหัวเราะดังขึ้น “ฮ่าๆๆๆ”
เอมิกากับนากหันไปเห็นบรรจงเดินมา
“แค่เสิร์ฟน้ำยังทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรกินห๊ะชะเอม!!” บรรจงว่า
“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะแกใช้น้องชะเอม ก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก”
บรรจงโมโหจึงเท้าเอวพูด “อย่ามาโทษฉันนะพี่นาก!! นังชะเอมของพี่มันห่วยต่างหาก แกโดนคุณชื่นไล่ออกแน่!”
เอมิกาหน้าเสีย นากหันมาพูด
“คุณชื่นไม่ใช่คนใจดำ เรื่องแค่นี้คุณเค้าไม่ไล่ออกหรอก น้องชะเอมไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”
“หมั่นไส้เว๊ย!”
บรรจงเชิดใส่แล้วก็เดินออกไป นากจับบ่าเอมิกาเพื่อปลอบใจแล้วก็เดินไป เอมิกากังวลใจเรื่องดร.เพี้ยนขึ้นมาทันที
“ป่านนี้ดร.จะบอกความจริงกับคุณชื่นหรือยังนะ?”
เอมิกาเครียดและคิดหนัก
ปองเทพปาผ้าที่กำลังซักลงในกะละมังพร้อมกับทำตาโตด้วยความตกใจ น้ำจากกะละมังกระเด็นเข้าหน้าเอมิกาเต็มๆ จนเธอต้องปาดน้ำที่หน้าออก
“ดร.เพี้ยนมาที่นี่!”
เอมิการีบปิดปากปองเทพ
เอมิกาพูดเสียงเบา “ทำไมชอบทำเสียงดังนักห๊ะ!!”
ปองเทพเอามือเอมิกาออก “ก็คนมันตกใจอ่ะ” ปองเทพลนลาน “ไม่ได้การล่ะ เกิดด๊อกบอกทุกคนว่าเอมเป็นใคร? จบเห่แน่” ปองเทพจับมือเอมิกา “เราต้องหนีนะเอม หนีไปตอนนี้เลย”
เอมิกาแกะมือปองเทพออก “มีสติหน่อยได้มั๊ยป่อง” ปองเทพเงียบ “แล้วถ้าดร.เพี้ยนยังไม่ได้บอกใครล่ะ?” ปองเทพคิดตาม “สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็เสียเปล่าน่ะสิ”
“มันก็จริง” ปองเทพลูบคาง
“เพราะฉะนั้นป่องต้องช่วยเราไปแอบดูว่าสถานการณ์ในบ้านตอนนี้เป็นยังไง?” เอมิกาบอก
ปองเทพหันขวับ “แล้วทำไมต้องเป็นเรา?”
“เพราะดร.ไม่รู้ว่าป่องอยู่ที่นี่ แล้วก็อย่าให้ดร.เห็นป่องเด็ดขาด..เข้าใจ๊!!”
เอมิกาทำหน้าโหด ปองเทพกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ดร.เพี้ยนด้อมๆมองๆ หาเอมิกาไปรอบๆ บ้าน
“แม่ชะเอมหายไปไหน? อย่าให้เจอนะ!”
ดร.เพี้ยนเดินหา แต่เขามีท่าทางลับๆล่อๆ จนดูเหมือนโจร ระหว่างนั้นจุ่นเดินถือถังน้ำมาเห็นด้านหลังของดร.เพี้ยน เขาผงะและมองด้วยความสงสัย
“ไค(ใคร)วะ??” จุ่นนึก “หรือว่า..จะเป็นขโม (ย)”
จุ่นครุ่นคิด เขามองถังน้ำในมือ แล้วก็ค่อยๆย่องไปข้างหลังดร.เพี้ยน ดร.เพี้ยนไม่ได้ยินเสียงเพราะเอาแต่ชะเง้อมองหาเอมิกา ทันใดนั้นจุ่นก็เอาถังน้ำครอบหัวดร.เพี้ยน ดร.เพี้ยนร้องลั่น
“เวยยยย!!”
จุ่นถีบบั้นท้ายดร.เพี้ยนจนหน้าถลาคะมำไปบนพื้น
“ไอ้หัวขโม(ย)..ตายซะ!!”
จุ่นเข้าไปจัดการดร.เพี้ยน
นากยืนอยู่กับผ้าขี้ริ้วในมือ วเรศ ชื่นฤทัย และอรวิลาสยืนอยู่ตรงหน้า
“ชะเอมไม่ค่อยสบายฮะ” นากบอก
วเรศดูจะไม่ค่อยเชื่อ
“ป่วยการเมืองซะมากกว่าล่ะมั๊ง เมื่อกี๊ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย” อรวิลาสบอก
“ชะเอมอาจจะป่วยจริงก็ได้นะลูก ไม่งั้นเมื่อกี๊มันคงไม่มือไม้อ่อน ทำแก้วตกแตกหรอก” ชื่นฤทัยพูด
วเรศถามขึ้น “ต้องพาไปหาหมอมั๊ย”
“นากถามแล้วฮะ น้องชะเอมบอกว่านอนพักเดี๋ยวก็หาย”
อรวิลาสแบะปากเพราะไม่เชื่อ แล้วทันใดนั้นเสียงดร.เพี้ยนก็ดังโหวกเหวกขึ้นมา วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส และนากหันขวับไปมอง
“เสียงใคร?!” วเรศถาม
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย
วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส และนากวิ่งหน้าตาตื่นออกมา ทั้งหมดมาเจอจุ่นกำลังกระชากคอเสื้อดร.เพี้ยนที่มีถังครอบหัวและนอนอยู่บนพื้น ทุกคนตกใจมาก
ชื่นฤทัยตะโกนออกมา “หยุด!!”
จุ่นหันมาแล้วปล่อยคอเสื้อดร.เพี้ยน ดร.เพี้ยนหงายหลังลงไปนอนแผ่บนพื้น ปองเทพแอบย่องมาดู
“แกทำอะไรห๊ะไอ้จุ่น!” ชื่นฤทัยถาม
“ขโม(ย) ครับคุณนาย ผมเห็นมันกำลังด้อ(มๆ)มอ(งๆ) ผมก็เลยซัดมันจนหมอบอย่างที่เห็น คุณนายไม่ต้องขอบคุณผมหรอกนะครับ” จุ่นบอก
“ขโมยบ้านแกสิ นี่มันครูสอนการแสดงของฉัน!!” ชื่นฤทัยบอก
“อ๋อครับครูสอนการแสดง” จุ่นตกใจ “ห๊า..า..า..า!!!”
วเรศรีบเอาถังน้ำออกจากหัวดร.เพี้ยน ดร.เพี้ยนแว่นเบี้ยว ตาเหล่ และลิ้นห้อย จุ่นผงะและหน้าเสีย เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก ทุกคนตกใจ ปองเทพอ้าปากค้าง
จุ่นคุกเข่าอยู่บนพื้นพร้อมกับยกมือไหว้ท่วมหัว วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส และดร.เพี้ยนนั่งอยู่ นากนั่งอยู่บนพื้นข้างๆ ชื่นฤทัย
“จุ่นกราบขอโทษครับ จุ่นมีตา แต่หามีแววไม่ ถึงเห็นท่านเป็นขโม(ย)”
“ไม่เป็นไร” ดร. เพี้ยนหันไปทางชื่นฤทัย “ผมผิดเองที่ทำตัวมีพิรุธ คือ ผมหาห้องน้ำไม่เจอ”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้ายังไงวันนี้ ผมขอตัวกลับก็แล้วกันนะครับ ไว้พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่” ดร.เพี้ยนบอก
ทุกคนพยักหน้าแล้วยกมือไหว้ลาดร.เพี้ยนที่มีสีหน้าเจ็บปวด
เอมิกาอยู่กับปองเทพ
“ดร.เพี้ยนถูกพี่จุ่นอัด!!” เอมิกาตกใจ ปองเทพพยักหน้า “ตายแล้ว!”
“ยัง..ด๊อกยังไม่ตาย!!” ปองเทพบอก
“แล้วป่องว่าคนพวกนั้นเค้ารู้เหรอยังว่าเราเป็นใคร?”
“เท่าที่ดู...เราว่าด๊อกน่าจะยังไม่ได้บอกพวกเค้า”
เอมิกากังวลใจ พลันเสียงเรียกเอมิกาก็ดังขึ้น
“เอมิกา..”
เอมิกาไม่รู้ตัว “เรียกเราทำไม?”
ปองเทพหน้าแหย “เราไม่ได้เรียก”
เอมิกาเหวอแล้วก็นึกอะไรได้ เอมิกากับปองเทพหันขวับไปก็เห็นดร.เพี้ยนยืนตาเขียวปั๊ดอยู่นอกรั้ว
“ด๊อกเตอร์!!”
“แหม…..มาเป็นแพ็คคู่เลยนะ” ดร. เพี้ยนว่า
ปองเทพกับเอมิกาก้มหน้าจ๋อย
“ออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้!!”
ชื่นฤทัย อรวิลาส และวเรศยังยืนคุยกัน โดยมีนากอยู่ข้างๆ
“คุณแม่จะไปดูนัง..” อรวิลาสนึกได้ว่าวเรศอยู่ “เออ..ชะเอมทำไมคะ เค้าไม่เป็นอะไรหรอก ดูถึกจะตายไป”
“ไม่ได้หรอกลูก คนอยู่บ้านเดียวกันก็ต้องช่วยกัน ถึงชะเอมจะเป็นคนใช้ แต่เราก็ต้องดูแล” ชื่นฤทัยบอก
อรวิลาสฮึดฮัดเพราะไม่ค่อยพอใจ วเรศคิดนิดนึงเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเอมิกาเป็นอะไร?
“ผมไปด้วยครับคุณอา เกิดชะเอมเป็นหนัก จะได้ช่วยกัน” วเรศเสนอ
ชื่นฤทัยพยักหน้า แล้วทั้งหมดก็เดินไปด้วยกัน
ดร.เพี้ยนนั่งจ้องหน้าเอมิกากับปองเทพราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนเอมิกากับปองเทพนั่งไหล่ลู่ คอตก
“ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่มั๊ยว่าห้ามมาเป็นคนใช้เด็ดขาด!!”
“ที่เอมมาเป็นคนใช้เพราะเอมทำตามที่ดร.บอกนะคะ” เอมิกาพูด ดร.เพี้ยนงง “ดร.บอกว่า” เอมิกาเลียนเสียงและท่าทางของดร. เพี้ยน “ถ้าเธอนึกว่าคนใช้เกิดมาเพื่อคลานเข่าเสิร์ฟน้ำหรือคอยช่วยคุณนายด่าลูกสะใภ้ หรือช่วยเมียหลวงตบเมียน้อยล่ะก้อ แปลว่าเธอรู้จักแต่คนใช้ในละคร แล้วบทละครที่เธอจะเขียนส่งฉันเพื่อเป็นโปรเจคปลายปี ก็คงจะมีแต่เรื่องผิวๆที่ไม่ได้มีแก่นสารอะไร” เอมิกากลับมาพูดแบบเดิม “ถูกมั๊ยคะ”
ดร.เพี้ยนรับคำ “ถูก...”
เอมิกาพูดแบบดร.เพี้ยนต่อ “ถ้าเธอจะเล่นเรื่องคนใช้ เธอต้องเข้าถึงชีวิต วิญญาณของพวกเค้า ไม่ใช่ทำท่าปัญญาชนไปใส่เสื้อปะคนจน” เอมิกากลับมาพูดแบบเดิม “ถูกมั๊ยคะ”
ดร.เพี้ยนยอมรับ “ถูก...”
“เพราะฉะนั้นการที่เอมมาเป็นคนใช้ เอมก็ทำถูกแล้ว ถูกต้องมั๊ยคะ”
ดร.เพี้ยนเผลอยอมรับ “ถูก!!”
เอมิกากับปองเทพยิ้ม แล้วดร.เพี้ยนก็นึกขึ้นได้
“เอ๊ย!! ไม่ถูก...เธออย่ามามั่วนะแม่ชะเอม”
“เอมไม่ได้มั่วนะคะ นั่นเป็นสิ่งที่ดร.บอกเอมเอง หรือว่าดร.จะกลืนน้ำลายตัวเองคะ” เอมิกาถาม
เอมิกาหันไปทางขอเสียงสนับสนุนจากปองเทพ
“จริงมั๊ยป่อง”
“จริงครับด๊อก” ปองเทพหันไปทางดร. เพี้ยนแล้วทำหน้าจริงจัง “ด๊อกเป็นถึงอาจารย์ เป็นนักวิชาการ พูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นสิครับ”
เอมิกาพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
ดร.เพี้ยนผงะ “เออ..อ่า...มะ..มัน...มันก็ใช่ ฉันเป็นคนพูด แต่ฉันไม่ได้บอกให้เธอมาเป็นคนใช้”
“แต่ถ้าเอมไม่มาเป็นคนใช้ แล้วเอมจะทำตามที่ดร.พูดได้ไง” เอมิกาสวน
เอมิกากับปองเทพถามพร้อมกัน “ถูกมั๊ยคะ / ครับ”
ดร.เพี้ยนตอบรับ “ถูก”
เอมิกากับปองเทพยิ้มที่ดร. เพี้ยนโดนหลอกให้ตอบอีกแล้ว
“แม่ชะเอม! นายปองเทพ!”
เอมิกากับปองเทพสะดุ้ง แล้วเอมิกาก็ทำหน้าน่าสงสาร
“ดร.ขา...ดร.เห็นใจเอมเถอะนะคะ”
ปองเทพพยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วยครับด๊อก ตอนนี้นายอภิเชษฐ์นำหน้าเอมไปหลายช่วงตัวแล้ว”
เอมิกาพยักหน้าหงึกๆ “ถ้าเอมไม่ทำแบบนี้ เอมก็จะไม่มีทางเอาชนะอภิเชษฐ์ได้ รางวัลของดร.มันยิ่งใหญ่มากสำหรับเอม” เอมิกาพยายามเยินยอ “มันคือความฝัน ความหวังทั้งหมดในชีวิตของเอม ถ้าเอมไม่ได้รางวัลนี้ เอมคง..”
เอมิกาแกล้งก้มหน้าร้องไห้กระซิกๆ ปองเทพทำเป็นปลอบใจ
“คงเสียใจ..” เอมิกาว่า
ดร.เพี้ยนมองเอมิกาพลางถอนหายใจ เอมิกาพูดต่อ
“แต่ถ้าดร.อยากให้เอมยกเลิกก็ได้ค่ะ ช่างความฝันความหวังของเอมเถอะ เอมจะพยายามทำใจ แต่มันคงจะยากกว่าจะทำใจให้ยอมรับได้ ไปป่อง..ไปบอกความจริงกับทุกคนกัน”
เอมิกากับปองเทพทำท่าจะเดินออกไป ดร.เพี้ยนครุ่นคิด
วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส และนากเดินมาด้วยกันตามทางในบ้าน
เอมิกา ปองเทพที่ทำท่าเหมือนจะเดินกลับไปยังมีสีหน้าลุ้นระทึก ในที่สุดดร.เพี้ยนก็ตัดสินใจ
“เอาล่ะ” เอมิกากับปองเทพหยุดแล้วรีบหันมา “ตกลง ฉันยอมให้เธอกับนายป่องเป็นคนใช้”
เอมิกากับปองเทพทำท่าเยส!
เอมิกากับปองเทพเข้ามากอดดร.เพี้ยน ดร.เพี้ยนตกใจ
“เยยยย! ปล่อย!”
เอมิกากับปองเทพรีบปล่อยดร.เพี้ยนแล้วยิ้มแหย ดร.เพี้ยนขยับเสื้อแล้วพูด
“แต่เธอสองคนต้องรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดี..แล้วก็ห้ามบอกให้พ่อแม่เธอรู้เด็ดขาด ไม่งั้นฉันซวยแน่ๆ!!!! เข้าใจมั๊ย!”
เอมิกากับปองเทพรับคำหนักแน่น “ค่ะ/ครับ”
“ส่วนดร.ก็ห้ามหลุดให้คุณชื่นรู้เด็ดขาดนะคะว่าเอมกับป่องเป็นใคร?” เอมิกากำชับ
ดร.เพี้ยนมองหน้าเอมิกากับปองเทพพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
นากเปิดประตูเข้าไปในห้องเอมิกาที่อยู่ในเรือนคนใช้แต่ไม่พบเอมิกา ทุกคนแปลกใจ
“อ้าว?” นากหันไปทางวเรศ ชื่นฤทัย และอรวิลาส “น้องชะเอมไม่อยู่ฮะ”
วเรศอึ้งมากกว่าคนอื่น ชื่นฤทัยแปลกใจ ส่วนอรวิลาสเบ้หน้า
“เห็นมั๊ยคะอรบอกแล้วว่าเค้าไม่เป็นอะไร ป่านนี้คงหนีออกไปเที่ยวข้างนอกแล้วล่ะค่ะ แกล้งป่วยเพราะขี้เกียจมากกว่า”
ระหว่างนั้นเสียงเอมิกาก็ดังขึ้น
“มีอะไรกันเหรอคะ?”
ทุกคนหันไปเห็นเอมิกา วเรศชะงักไปเล็กน้อย
ชื่นฤทัยถามทันที “ไปไหนมา?”
เอมิกาโกหกแบบเนียนมาก “ฉันออกไปซื้อยาที่ร้านกลางซอยมาค่ะ”
วเรศพยายามมองอย่างจับผิด
“โธ่..น้องชะเอม ยาหมดทำไมไม่บอกพี่ พี่จะได้ไปซื้อให้” นากว่า
“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรบกวนพี่”
“แล้วนี่เป็นอะไรมากมั๊ย ต้องไปหาหมอรึเปล่า” ชื่นฤทัยถาม
“ไม่ต้องค่ะ เอมทานยาเข้าไปแล้ว เดี๋ยวก็คงดีขึ้น ขอบคุณคุณชื่นมากนะคะ”
ชื่นฤทัยพยักหน้าแบบไม่ติดใจสงสัยอะไร แต่อรวิลาสหมั่นไส้มาก
“ถ้างั้นเธอก็พักเถอะ” ชื่นฤทัยบอก
ชื่นฤทัยกับอรวิลาสเดินออกไป วเรศยังคงมองเอมิกา แต่เอมิกาพยายามทำนิ่ง แล้ววเรศก็เดินออกไป เอมิกาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 5 (ต่อ)
เวลาต่อมา เอมิกากับนากนั่งอยู่บนพื้น เอมิกามองชื่นฤทัยด้วยสีหน้าประหลาดใจมาก
“คุณชื่นจะให้ฉันไปงานร้องเพลงการกุศลด้วยเหรอคะ?” เอมิกาทวนคำของชื่นฤทัย
ชื่นฤทัยตอบนิ่งๆ “ใช่”
“แต่ปกติฉันเห็นคุณชื่นจะให้พี่นากไป”
“เธอมีปัญหารึเปล่านาก ถ้าฉันจะเปลี่ยนให้ชะเอมได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” ชื่นฤทัยถาม
นากยิ้ม “ไม่มีปัญหาเลยฮะ อะไรที่เป็นความต้องการของคุณชื่น นากสนับสนุนทุกอย่าง”
ชื่นฤทัยยิ้มพอใจแล้วก็หันไปทางเอมิกา
“ฉันดูออกว่าเธอเป็นคนฉลาด เรียนรู้งานเร็ว” ชื่นฤทัยชม เอมิกายิ้มรับ “คิดซะว่าได้ออกไปเที่ยวก็แล้วกัน ถือเป็นรางวัลสำหรับคนเก่งอย่างเธอ”
เอมิกายกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะ”
ชื่นฤทัยหยิบเงินให้เอมิกา “ไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่สำหรับออกงาน”
“อุ๊ย..ไม่เป็นไรค่ะ ฉันใส่อะไรก็ได้” เอมิกาบอก
“เธออาจจะได้ แต่สำหรับฉัน..ไม่ได้ คนใช้ของคุณชื่นฤทัยต้องดูดี เพราะเธอก็คือหน้าตาของฉันเหมือนกัน รับไปซะไม่ต้องพูดมาก”
เอมิกายังไม่กล้ารับเงิน นากสะกิดแล้วส่งซิกให้เธอรับเงิน เอมิกาเลยไหว้อีกครั้งแล้วรับเงินมาไว้กับตัว ชื่นฤทัยยิ้มพอใจ
สมพิศกับจุ่นมองเอมิกาด้วยหน้าตาตื่นเต้น แต่บรรจงมองเอมิกาด้วยความอิจฉา
“คุณชื่นให้เงินเอ็งไปซื้อเสื้อผ้าใหม่!!” สมพิศตื่นเต้น
“โอ้..มายก๊อด..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด น้องชะเอ(ม)นี่โชคดีแท้ๆ ชาติก่อนทำบุญมาด้วยอะไร” จุ่นว่า
บรรจงหงุดหงิด “เงินแค่พันเดียว ทำเป็นตื่นเต้นกันไปได้ แล้วอีกอย่างคุณชื่นเค้าก็ให้แกไปถือของ ไม่ได้พาแกไปออกงานเฉยๆ อย่าได้ใจนักเลย”
“ฉันรู้ว่าคุณชื่นไม่ได้ให้ฉันไปเฉยๆ และมันก็เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ในการที่จะต้องถือของและดูแลเจ้านาย ฉันไม่เคยรู้สึกได้ใจอะไรเลย” เอมิกาบอก
นาก สมพิศ และจุ่นขำ บรรจงค้อนขวั่บ จุ่นเงียบกริบแล้วรีบยกมือปิดปาก
“แกนี่มันขี้อิจฉาจริงๆนังจง!!” นากว่า
“ฉันไม่ได้ขี้อิจฉา!” บรรจงบอก
“แล้วขี้อะไร?? ขี้เหนียว ขี้เกียจ ขี้เหม็น” นากแขวะ
สมพิศ จุ่น และเอมิกาหัวเราะ
นากยังพูดต่อ “ขะ..ขี้...”
“หยุด!!” บรรจงร้องลั่น
ทุกคนเงียบ บรรจงเถียงสู้ไม่ได้เลยตัดบท
“พี่จุ่น... ฉันง่วงแล้ว”
“ง่วงก็ไปนอนเซ่ มาบอกพี่ทะไม??” จุ่นถาม
บรรจงโมโหมากเลยเข้ามาบิดหูจุ่น “ไอ้พี่จุ่นน!”
จุ่นเจ็บมาก “โอ๊ยยยยยย!!! พี่เจะ..นะ โอ๊ย โอ๊ย”
บรรจงลากจุ่นให้เดินออกไป นากกับสมพิศส่ายหัว เอมิกาได้แต่ถอนหายใจ
“นี่แสดงว่าคุณนายเค้าเอ็นดูเอ็งมาก บุญของเอ็งแท้ๆ” สมพิศบอก
เอมิกายิ้มอย่างรู้สึกดี
เอมิกากำลังพิมพ์ข้อความลงในแทปเลต
“คุณชื่นฤทัย ภายนอกดูเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง เหมือนจะเป็นคนที่เข้ากับคนยาก แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่มีจิตใจดี ใจกว้าง ให้โอกาสคน”
เอมิกาพิมพ์ไปยิ้มไป แล้วอยู่ดีดีเธอก็หุบยิ้มเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ เอมิกาถอนหายใจด้วยความเครียด
“นี่ถ้าคุณชื่นรู้ว่าเราหลอกเค้า เค้าจะโกรธเรามั๊ยนะ”
เอมิกาเริ่มกังวลใจ
อรวิลาสกำลังฝึกร้องเพลง โดยเริ่มจากเทสเสียง
“ลา..ลา..ล้า..า..า..า แฮ่ม..!! ไม่ดีไม่ดี...” อรวิลาสทำเสียงต่ำ “โด....” อรวิลาสขึ้นเสียงสูง “โด.....!!”
อรวิลาสหันไปเห็นปองเทพยืนอยู่ในความมืดก็ตกใจจนสำลัก
“แค่กแค่กแค่ก..!”
ปองเทพตกใจรีบเดินมาหา “คุณอร!!”
“มายืนมืดๆตรงนั้นทำไม ฉันตกใจหมด”
ปองเทพยิ้มแหย “ขอโทษครับ ผมได้ยินเสียง ก็เลยเดินมาดู นึกว่าคุณอรส่งซิกเรียกผมอีกน่ะสิครับ”
“ฉันไม่มีเรื่องอะไรกับนาย แล้วฉันจะเรียกนายอีกทำไม?!! ฉันกำลังฝึกร้องเพลงสำหรับงานร้องเพลงการกุศลที่จะมีขึ้นในอีกสองสามวันข้างหน้าย่ะ”
“อ๋อ อืมม์ แต่ผมว่าคุณอรยังร้องเพี้ยนอยู่นะครับ”
อรวิลาสแปลกใจ “นายรู้ได้ไง?”
ปองเทพผงะ “เออ...คุณอรลืมไปแล้วเหรอว่าผมอ่ะนางโชว์เก่า”
“เออ..จริงด้วย” อรวิลาสนึกได้ “แต่..นางโชว์ เค้าลิปซิ้งกันไม่ใช่เหรอ”
ปองเทพชะงัก “ก็มีบ้างที่ผมต้องร้องเพลงด้วยเสียงจริง”
อรวิลาสคิดนิดนึง “ถ้างั้น..นายก็ต้องช่วยฉัน”
ปองเทพงง “ช่วย?”
“ช่วยสอนฉันร้องเพลง”
“แต่ผมเห็นคนมีมาสอนคุณ”
“ฉันเป็นคนหัวช้า..เรียนรวมกับคนอื่นแล้วตามไม่ทัน”
ปองเทพพึมพำพร้อมขำ “มิน่าป่านนี้ถึงยังเรียนไม่จบ”
อรวิลาสเท้าเอว “ฉันได้ยินนะ!!” ปองเทพยิ้มแหย “ฉันถือว่านายตกลงเลยก็แล้วกัน พรุ่งนี้สามทุ่ม เจอกันที่นี่”
อรวิลาพูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไป ปองเทพได้แต่ถอนหายใจ
วันต่อมา ดร.เพี้ยนกำลังสอนแอคติ้งให้วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส เอมิกาเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ ดร.เพี้ยนกับเอมิกาเหลือบมองกัน วเรศสังเกตเห็น เอมิการีบคลานเข่าออกไป
ตกกลางคืน อรวิลาสแหกปากร้องเพลง ปองเทพเอามือจับท้องอรวิลาสด้วยความลืมตัวจึงถูกอรวิลาสตีมือดังเพี๊ยะ!! ปองเทพสะดุ้งเพราะเจ็บมือ
วันถัดมา ดร.เพี้ยนจัดท่าจัดทางให้วเรศกับอรวิลาสในท่าจับมือหันหน้าเข้าหากัน ชื่นฤทัยมองด้วยความชื่นชม เอมิกาแอบมองเห็นก็รู้สึกใจแป้ว
ตอนกลางคืน อรวิลาสร้องเพลง ปองเทพฟังแล้วเครียด เขาส่ายหัวยกมือโบกไปมาว่าใช้ไม่ได้ อรวิลาสหงุดหงิด แล้วอรวิลาสก็พยายามซ้อมร้องเพลงคนเดียวอยู่ในห้องนอน
วันต่อมา วเรศกับอรวิลาสกำลังซ้อมร้องเพลงคู่ ชื่นฤทัยกับดร.เพี้ยนโยกตามเพราะอินไปกับเพลงที่ทั้งคู่ร้อง แต่แล้วดร.เพี้ยนกับชื่นฤทัยก็รู้สึกแปร่งๆกับเสียงของอรวิลาส
“หยุดก่อนหยุด” ดร.เพี้ยนบอก วเรศกดปิดเพลง “ทำไมเสียงคุณอรมันแหบแบบนี้ล่ะครับ”
อรวิลาสหน้าเสีย
ชื่นฤทัยเป็นห่วง “นั่นสิลูก”
“เออ..อร..คอแห้งน่ะค่ะ” อรวิลาสแก้ตัว
“ผมว่าวันนี้พอเท่านี้ก็ได้นะครับ เพราะว่าเราก็ซ้อมกันมามากแล้ว” วเรศบอก
“ไม่เป็นไร อรไหว ซ้อมต่อเถอะค่ะ”
อรวิลาสเริ่มกังวลกับเสียงของตัวเอง
อรวิลาสแว๊ดใส่ปองเทพ
“ทำไมเสียงฉันแหบ!!?”
“ก็ผมบอกคุณอรไปแล้วว่าอย่าหักโหม การทำอะไรมากไป มันก็ไม่ดีนะครับ” ปองเทพบอก
“ไอ้คนใช้น้าแป๊ะ!! นี่นายด่าฉันเหรอ?!”
“ผมไม่ได้ด่าครับ ผมแค่บอกให้ฟัง แล้วอีกอย่างผมชื่อป่อง เรียกคนใช้น้าแป๊ะอยู่นั่นแหละ”
“ก็ฉันจะเรียกคนใช้น้าแป๊ะมีอะไรมั๊ย” อรวิลาสสำลัก “แค่กแค่กแค่ก”
“ใช้เสียงดังก็เป็นงี้แหละครับ” ปองเทพบอก อรวิลาสหงุดหงิด “ผมว่าคืนนี้คุณอรควรงดใช้เสียงนะครับ ไม่อย่างนั้นเกิดวันงานพรุ่งนี้ไม่มีเสียงขึ้นมา มันจะแย่”
“แช่งฉันเหรอ?!!”
อรวิลาสตีแขนปองเทพดังเพียะ ปองเทพสะดุ้งโหยง แล้วอรวิลาสก็ก้าวฉับๆออกไป ปองเทพส่ายหัวด้วยความเอือมระอา
“เอาแต่ใจสุดๆ นิสัยแบบนี้ถึงไม่มีแฟน!”
อรวิลาสกดเปิดเพลง สีหน้าและแววตาของเธอมุ่งมั่นในการซ้อมร้องและเต้นอยู่คนเดียว
ที่โรงแรม วเรศ อรวิลาส ชื่นฤทัย พีรพล หนูอ้อย และเอมิกาเดินเข้ามาด้วยกัน เอมิกาหิ้วชุดและกระเป๋าเดินตามเข้ามาระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่โรงแรมก็เดินมาหาชื่นฤทัย
“สวัสดีค่ะคุณชื่น..”
ชื่นฤทัยรับไหว้ “สวัสดีค่า”
“การแสดงของคุณชื่น คุณอร คุณวเรศ อยู่ลำดับที่สามนะคะ หนูเตรียมห้องแต่งตัวไว้ให้แล้ว เชิญทางนี้เลยค่ะ”
“ผมกับลูกไปรอที่โต๊ะนะ” พีรพลบอก
ชื่นฤทัยพยักหน้า แล้วเอมิกา วเรศ อรวิลาส และชื่นฤทัยก็เดินตามเจ้าหน้าที่ออกไป
เจ้าหน้าที่พาชื่นฤทัย วเรศ อรวิลาส และเอมิกาเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว พนักงานหันไป
“เชิญตามสบายนะคะ พอใกล้ถึงคิว หนูจะมาตาม”
ชื่นฤทัยรับคำ “จ๊ะ”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป ชื่นฤทัยหันไปทางอรวิลาส
“น้องอร..ไปเปลี่ยนเสื้อกัน”
เอมิกาส่งชุดให้ชื่นฤทัยกับอรวิลาส
ชื่นฤทัยพูดกับเอมิกา “เธอเฝ้าของอยู่ในนี้ ห้ามออกไปไหนล่ะ”
เอมิการับคำ “ค่ะ”
ชื่นฤทัยกับอรวิลาสเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ วเรศหันมาทางเอมิกา เอมิการีบหันไปทางอื่นเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไง บรรยากาศเงียบงัน วเรศนั่งลงที่หน้ากระจก เอมิกาหันไปมองเห็นหน้าวเรศก็ครุ่นคิด
“...คุณตั้มคะ” เอมิกาเรียก วเรศหันไป “ฉันว่าคุณแต่งหน้าซักหน่อยมั๊ย”
วเรศแปลกใจ “ทำไม?”
“ก็เวลาสปอร์ตไลท์ส่องหน้าคุณบนเวที หน้าคุณจะซีดนะสิคะ เติมแป้งกับทาปากสีอ่อนๆซักนิดนึงจะดีกว่า”
วเรศเบ้หน้า “แต่ฉันเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายก็ต้องแต่งหน้าค่ะ ฉันเคยมีประสบการณ์มาก่อน”
เอมิกาผงะที่หลุดปาก วเรศจ้องหน้า
“หมายความว่ายังไงที่ว่าเธอเคยมีประสบการณ์มาก่อน”
เอมิกาคิด “เออ..ก็..ตอนที่ฉันเป็นโคโยตี้ไงคะ ฉันเห็นพวกนักเต้นที่เป็นผู้ชาย เค้าก็ต้องแต่งหน้า ผู้ชายแมนๆเลยนะคุณ”
วเรศคิดตาม “แต่ฉันแต่งหน้าไม่เป็น”
“ฉันแต่งให้เอง ฉันพอมีเครื่องสำอางค์พกติดกระเป๋านิดหน่อย”
วเรศไม่ค่อยไว้ใจ เอมิกาพยายามยิ้มแสดงความจริงใจ
“ฉันไม่แต่งหน้าให้คุณดูเหมือนละครลิงหรอก” เอมิกาบอก
วเรศมองเอมิกาอย่างตัดสินใจ
เวลาต่อมา วเรศนั่งใส่ที่คาดผมดูน่าเอ็นดู เอมิกาเริ่มแต่งหน้าให้เขา เธอทาแป้งให้วเรศ วเรศรู้สึกแปลกๆเขินๆ เลยนั่งยุกยิก
“นั่งเฉยๆสิคะ” เอมิกาบอก
“ก็คนไม่เคยนี่”
เอมิกายิ้มแล้วก็ตั้งใจแต่งหน้าให้วเรศ จนหน้าเอมิกาเข้าไปใกล้หน้าวเรศมาก วเรศใจเต้นไม่เป็นส่ำ เอมิกาทาแป้งเสร็จก็หันไปหยิบลิปมันแบบมีสีขึ้นมา เขาหยิบพู่กันป้ายไปที่ลิปสติกก่อนจะหันมาทางวเรศ
เอมิกาบอกวเรศ “อ้าปาก”
วเรศอ้าปากกว้างมาก
เอมิกาขำ “อ้าปากนิดเดียวก็พอ”
วเรศอ้าปากแคบมาก
“นี่ก็นิดเกินไป” เอมิกาทำให้ดู “แบบนี้ค่ะ”
เอมิกาอ้าปากนิดนึงให้วเรศดู วเรศเห็นว่าเอมิกาดูเซ็กซี่ก็เริ่มหน้าแดง เอมิกาแปลกใจ
“ฉันไม่ได้ทาแก้มให้คุณซักหน่อย ทำไมคุณหน้าแดงเงี้ย”
วเรศตกใจรีบแก้ตัว “ฉันร้อน”
วเรศรีบถอดสูทออกแล้วทำเป็นร้อน เอมิกาไม่ได้ติดใจอะไร เธอทาปากให้วเรศ วเรศเริ่มรู้สึกแปลกๆกับเอมิกามากขึ้น
แว่นเดินถือกล้องเข้ามาในงานพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับดร.เพี้ยนไปด้วย
“ครับด็อกเตอร์ ถึงแล้วครับ ไม่ต้องห่วงรับรองผมจะเก็บภาพโชว์ของลูกศิษย์ดร.ไม่ให้ตกหล่น....” แว่นพูดเสียงเอือมๆ “ชื่ออรวิลาส โชว์ลำดับสาม ...ไม่ผิดแน่ครับไม่ผิด”
แว่นเดินคุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ
ชื่นฤทัยกับอรวิลาสมองหน้าวเรศด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นี่ชะเอมแต่งหน้าให้หลานตั้มเหรอ?” ชื่นฤทัยถาม
เอมิการับคำ “ค่ะ”
“แต่งได้เป็นธรรมชาติมาก” ชื่นฤทัยชม
อรวิลาสพูดเสียงแหบนิดๆ “อรว่าฟลุคมากกว่า”
“ฝีมือระดับนี้ ไม่ฟลุคหรอก แต่งหน้าให้ฉันที เอาให้สวยงามดูเป็นธรรมชาติแบบนี้เลยนะ” ชื่นฤทัยขอ
“ได้ค่ะ”
ชื่นฤทัยนั่งลง เอมิกาแต่งหน้าให้ชื่นฤทัยด้วยท่าทางชำนาญมากจนวเรศชักเอะใจ อรวิลาสฮึดฮัดไม่พอใจ เธอคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแต่ก็สำลัก
“แค่กแค่กแค่ก..”
วเรศ ชื่นฤทัย กับเอมิกาหันไปมองอรวิลาสที่กำลังไอหน้าดำหน้าแดง ไอไม่หยุดจนน้ำหูน้ำตาไหล
ชื่นฤทัยตกใจ “ลูกอร!!”
ชื่นฤทัยรีบลุกมาช่วยตบหลัง อรวิลาสยิ่งไอ วเรศรีบเอากระดาษให้อรวิลาสเช็ดปาก แล้วอรวิลาสก็ค่อยๆหยุดไอ
“เป็นไงลูก”
อรวิลาสจะพูดว่า “โอเคแล้วค่ะ” แต่กลับไม่มีเสียงออกมา เธอตกใจมากจึงจับแขนชื่นฤทัยเขย่า วเรศกับเอมิกาแปลกใจ
“น้องอร...!! ทำไมไม่พูดออกมาล่ะลูก” ชื่นฤทัยถาม
อรวิลาสพยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ เอมิกามองแล้วก็นึกออก
“หรือว่า..เสียงคุณอรหายไปคะ!”
ชื่นฤทัย วเรศ และอรวิลาสหันไปมองเอมิกา แล้วชื่นฤทัยกับวเรศก็หันมามองอรวิลาส อรวิลาสพยักหน้า ด้วยสีหน้าแย่มากเหมือนจะร้องไห้ อรวิลาสพยายามจะพูดแต่ก็ไม่มีเสียงเลย เอมิการีบเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบกระดาษกับปากกาออกมาส่งให้อรวิลาส
“แบบนี้ง่ายกว่าค่ะคุณอร” เอมิกาบอก
อรวิลาสชะงักไปนิดนึงแล้วก็รับกระดาษกับปากกามาเขียน ก่อนจะหันไปทางทุกคน
“ไม่มีเสียง อรก็ร้องเพลงไม่ได้แล้ว” วเรศอ่าน
ชื่นฤทัย วเรศ และเอมิกาตกใจ ทั้งสามหันไปทางอรวิลาสที่แบะปากจะร้องไห้
“จริงด้วย...” ชื่นฤทัยคิดหนัก “จะทำยังไงดี?”
ทุกคนเครียดมาก ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามา
“อีกสิบนาทีออกไปสแตนบายนะคะ”
ทุกคนเหวอ เจ้าหน้าที่เดินออกไป
“ผมว่าเราต้องยกเลิกคิวของผมกับอรนะครับ” วเรศบอก
เอมิกานึกอะไรออก “ไม่ต้องค่ะ ฉันมีวิธีที่จะทำให้คุณอรได้ร้องเพลงกับคุณ”
ทุกคนหันไปมองเอมิกาด้วยความสงสัย
ชื่นฤทัยกำลังร้องเพลง บนเวทีด้านหลังมีป้ายติดว่า “งาน ร้องเพลงการกุศลหารายได้ช่วยเหลืออุปกรณ์การศึกษาเด็ก” พีรพลกับหนูอ้อยถือป้ายไฟเขียนว่า “ชื่นฤทัย” ที่มีรูปหัวใจต่อท้ายชื่อ หนูอ้อยลุกขึ้นโยกตามเพลง ชื่นฤทัยร้องจนจบเพลง ทุกคนปรบมือ แต่พีรพลกับหนูอ้อยปรบมือดังมากกว่าคนอื่น
“คุณแม่เก่งที่สุดเลยค่ะ” หนูอ้อยชม
ชื่นฤทัยยิ้มขอบคุณ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ ชื่นฤทัยรีบมาข้างเวที วเรศ อรวิลาส และเอมิกายืนอยู่ด้วยกัน
“เธอมั่นใจนะชะเอมว่าวิธีของเธอจะได้ผล” ชื่นฤทัยถาม
“มั่นใจล้านเปอร์เซนต์เลยค่ะ” เอมิกาหันไปทางอรวิลาส “คุณอรไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ ร้องไปตามปกติ ที่เหลือฉันจัดการเอง”
อรวิลาสพยักหน้า วเรศมองด้วยความสงสัยว่าทำไมเอมิกาจัดการทุกอย่างได้เกินคนใช้ขนาดนี้ แล้ววเรศกับอรวิลาสก็ควงกันเดินออกไป เอมิกามองลุ้นๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
อินโทรเพลง “อย่ามองมาได้มั๊ย” ดังขึ้น ชื่นฤทัยไปนั่งข้างๆ พีรพลกับหนูอ้อยแล้วมองแบบลุ้นมากจนนั่งไม่ติด พีรพลแปลกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ”
ชื่นฤทัยนิ่งคิดแล้วก็กระซิบบอกพีรพล พีรพลตกใจ
“ห๊ะ!!”
พีรพลหันไปมองอรวิลาสแบบลุ้นไปด้วยอีกคน อรวิลาสเริ่มร้องเพลง
“อย่ามองมาได้มั้ย หยุดส่งยิ้มได้มั้ย เก็บเอาไว้ไกลไกลอย่างเดิม”
เอมิกาเป็นคนร้องเพลงใส่ไมโครโฟนอยู่ข้างเวที เอมิกามองวเรศตลอดราวกับไปยืนร้องอยู่ข้างๆวเรศ
“เธอจะรู้บ้างมั้ย แค่อะไรเล็กเล็ก ทำให้คิดยังไงกับเธอ”
วเรศแอบมองเอมิกาอย่างตกตะลึงเพราะเสียงเอมิกาเพราะมาก
“เพราะทุกทีที่เธอ กระเถิบมาใกล้กัน ใจฉันก็ลอย ที่เห็นเธอคอย สบตากับฉันอย่างนั้น”
วเรศกับเอมิกาสบตากันพอดี ชื่นฤทัยกับพีรพลโล่งอกหันมายิ้มให้กัน แล้วทั้งคู่ก็ปรบมือร่วมกับแขกคนอื่นๆ
เอมิกาเริ่มเต้นเพราะอิน “ขอได้มั้ย เธออย่ามาใกล้ฉันเลย ขอได้มั้ยเขยิบออกไปนิดเลย เขินฉันเขินจนเกินจะเก็บแล้วเธอ ก่อนจะเผลอจนฉันอาจพูดบางคำออกไป ขอได้มั้ยเธออย่ามาใกล้ฉันเลย ขอได้มั้ยเขยิบออกไปนิดเลย เขินฉันเขินจนเกินจะเก็บแล้วเธอ กลัวเธอรู้ความจริงว่าฉันนั้นคิดอย่างไร”
เอมิกามองวเรศด้วยแววตามีความหมาย วเรศหันไปเห็นสายตานั้นพอดี เอมิกาเขิน วเรศผละออกห่างจากอรวิลาส อรวิลาสเดินมาทางฝั่งเอมิกา ส่วนวเรศเดินไปฝั่งตรงข้าม
“อย่าเฉียดมาได้มั้ย” วเรศร้อง “ หยุดตรงนั้นได้มั้ย อย่าแกล้งฉันเล่นเล่นอยู่เลย เธอไม่รู้ใช่มั้ย แค่เธอมองเฉยเฉย ฉันก็เคลิ้มไปไกลเท่าไหร่ เพราะทุกทีที่เธอ กระเถิบมาใกล้กัน ใจฉันก็ลอย ที่เห็นเธอคอย สบตากับฉันอย่างนั้น”
วเรศกับเอมิกาเผลอยิ้มให้กัน เพราะอินไปกับเนื้อเพลง
วเรศกับเอมิกาประสานเสียง “ขอได้มั้ยเธออย่ามาใกล้ฉันเลย”
วเรศกับอรวิลาสเข้ามาจับมือกัน
“ขอได้มั้ยเขยิบออกไปนิดเลย เขินฉันเขินจนเกินจะเก็บแล้วเธอ ก่อนจะเผลอจนฉันอาจพูดบางคำออกไป”
วเรศกับอรวิลาสหันหลังชนกัน วเรศหันไปทางเอมิกาที่ยืนอยู่ข้างเวที เหมือนทั้งสองกำลังร้องเพลงคู่กัน
“ขอได้มั้ยเธออย่ามาใกล้ฉันเลย ขอได้มั้ยเขยิบออกไปนิดเลย เขินฉันเขินจนเกินจะเก็บแล้วเธอ กลัวเธอรู้ความจริงว่าฉันนั้นคิดอย่างไร”
วเรศกับเอมิกาส่งสายตาให้กันตลอด
วเรศหมุนตัวอรวิลาสก่อนที่ตัวเองจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น อรวิลาสนั่งตักแล้วเอามือคล้องคอวเรศ เพลงจบในท่านั้น ทุกคนปรบมือรวมทั้งเอมิกาด้วย ชื่นฤทัย พีรพล และหนูอ้อยลุกขึ้นปรบมือชอบใจ
ชื่นฤทัยหันไปทางแขกคนอื่น “ลูกสาวเดี๊ยนเองค่ะ วู้วู้”
อรวิลาสโล่งอกแล้วหันไปยิ้มให้วเรศ เอมิกายิ้มด้วยความสบายใจ
วเรศกับอรวิลาสกลับลงมาที่ข้างเวที เอมิกายืนยิ้ม อรวิลาสมองๆเอมิกาแล้วก็พูดแบบไม่มีเสียง
“ขอบใจ”
เอมิกาดีใจ “ไม่เป็นไรค่ะ”
อรวิลาสเดินไป วเรศเดินมาตรงหน้าเอมิกา เอมิการู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง
“เพิ่งรู้ว่าเธอร้องเพลงใช้ได้” วเรศชม
เอมิกาชะงัก แล้ววเรศก็เดินออกไป
“ฉันเนี่ยนะ ร้องเพลงใช้ได้ เค้าเรียกร้องเพลงเพราะต่างหาก อยากชมก็ชมมาเหอะ..จะฟอร์มจัดไปทำไมนะคุณเลขา เฮ้อ”
เอมิกาอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่วเรศชม
วเรศเดินเข้ามายืนปัสสาวะ ไม่นานแว่นก็เข้ามายืนปัสสาวะข้างๆวเรศ วเรศหันไปเห็นแว่นก็ชะงักเพราะรู้สึกคุ้นแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน วเรศมองแว่นไม่วางตา จนแว่นรู้สึกตัวจึงหันไป
แว่นผงะ “มองผมทำไม?”
“เราเคยเจอกันรึเปล่า” วเรศถาม
แว่นมองวเรศอย่างระแวงแล้วก็รีบใส่กางเกงโดยไม่ตอบอะไร แล้วเขาก็รีบเดินออกไป วเรศพยายามคิด
“เคยเจอที่ไหน?” วเรศเดินมาล้างมือแต่ก็ยังคิดอยู่ “นึกออกแล้ว!”
เอมิกากำลังเก็บของ วเรศเดินเข้ามา
“ชะเอม” วเรศเรียก เอมิกาหันไป “ฉันเจอเพื่อนเธอด้วยนะ”
เอมิกางง “เพื่อนฉัน ใคร?”
“ก็คนที่อ้วนๆ ใส่แว่นไง”
“อ้วนๆใส่แว่น” เอมิกาทวนคำ
เอมิกานึกออกก็ตกใจจนอ้าปากค้างแล้วทำของหล่นใส่เท้าวเรศ วเรศสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย!”
เอมิการีบเก็บของ “ฉันขอโทษ”
วเรศแปลกใจ “ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย”
เอมิกาอึกอัก “เออ..ฉันไม่คิดว่าคุณจะจำเพื่อนฉันคนนี้ได้น่ะสิ”
“อาชีพเลขาอย่างฉัน ทำให้ฉันเป็นคนจำอะไรแม่น ใครพูดอะไร หรือเจอใครแค่ครั้งเดียวฉันก็จำได้แล้ว”
วเรศจ้องหน้าเอมิกา เอมิกาหน้าเสียแต่ทำเป็นหัวเราะแห้งๆ
“โอ้โฮ..สุดยอด แบบนี้คุณไม่มีทางเป็นอัลไซเมอร์แน่นอนเลย เหอะๆๆ” เอมิกาหัวเราะเก้อ
วเรศมอง “นี่จะเอาของไปไหน?”
“คุณชื่นให้ฉันเอาของไปเก็บที่รถ”
“ฉันช่วย”
วเรศเอาของไปถือทันที โดยที่เอมิกายังหน้าเสียอยู่เพราะกลัวแว่นเจอแล้วเธอจะซวย
เอมิกากับวเรศหิ้วของเดินออกมา เอมิกามองหาแว่นไปรอบๆ ด้วยท่าทางระแวดระวังมาก แล้วเธอก็เห็นแว่นกำลังถ่ายรูปอยู่ เอมิกาตกใจแล้วคิดว่าจะทำยังไงดี แว่นหันมา เอมิการีบดึงวเรศให้หันมาทางเธอทำให้ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน เอมิกาใช้วเรศเป็นที่บังตัวเธอเอาไว้ ในขณะที่วเรศหันหลังให้แว่น
“เธอเป็นอะไร?” วเรศถาม
เอมิกาเหลือบไปมองแว่นที่อยู่ด้านหลังวเรศ วเรศแปลกใจว่าเอมิกามองอะไรเขาจึงกำลังจะหันไป แต่เอมิกาจับหน้าวเรศให้หันมาทางตัวเอง วเรศแปลกใจ
“ฉันจะบอกคุณว่า ฉัน” เอมิกานึก “เออ ฉัน...ฉันยังไม่ได้เช็ดเครื่องสำอางค์ที่หน้าให้คุณเลย”
“จริงสิ ฉันลืมไปเลย”
เอมิกายิ้มแฉ่ง แว่นหันมา เอมิกาตกใจมาก วเรศรู้สึกเหมือนเอมิกามองอะไรจึงพยายามจะหันไปมอง เอมิการีบพูด
“คุณตั้ม!”
วเรศหันมาทำให้หน้าของเขาเกือบจะชนกับหน้าเอมิกา ทั้งคู่ชะงัก เอมิการีบเอามือออกจากหน้าวเรศ เธอเหล่มองแว่นที่เดินออกไปแล้วก็โล่งอก
“เธอจะให้ไปเช็ดหน้าที่ไหน” วเรศถาม
“ไม่ต้องเช็ดแล้วก็ได้ค่ะ” เอมิกาบอก วเรศงง “เอาของไปเก็บที่รถเลยก็แล้วกัน รีบไปเถอะค่ะ เกิดคุณชื่นเห็นฉันยังถือของอยู่ ฉันจะโดนดุ”
เอมิการีบเดินออกไปจากตรงนั้น วเรศมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอะไรของเค้า?”
ที่คอนโดมีเนียม วเรศกำลังจะแปรงฟัน เขาเงยหน้ามองตัวเองในกระจกแล้วก็นึกถึงตอนที่เอมิกาแต่งหน้าให้ ตอนที่หน้าของเขาอยู่ใกล้กับหน้าเอมิกา แล้วเขาก็รู้สึกแปลกๆ วเรศรีบสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป
วเรศพูดกับตัวเองในกระจก “คิดอะไรก็ไม่รู้?!”
วันรุ่งขึ้น เอมิกาเอาน้ำผึ้งผสมมะนาวร้อนมาวางบนโต๊ะตรงหน้าอรวิลาส อรวิลาสมอง
“น้ำผึ้งผสมมะนาวค่ะคุณอร ดื่มแล้วรับรองเสียงคุณอรจะกลับมาใสกิ๊งเหมือนเดิม” เอมิกาบอก
อรวิลาสทำเมินไปทางอื่นและไม่พูดอะไร เอมิกาเหวอเพราะรู้สึกหน้าแตก
“ถ้าคุณอรอยากได้เพิ่ม บอกฉันนะคะ”
เอมิกาเดินออกไป อรวิลาสหันไปมองตามเอมิกาด้วยแววตาที่อ่อนโยนลงก่อนจะหันไปมองน้ำผึ้งผสมมะนาวแล้วกำลังจะกิน จู่ๆ บรรจงก็เข้ามาคว้าแก้วใบนั้นแล้ววางแก้วของตัวเองลงบนโต๊ะแทน อรวิลาสแปลกใจ
“ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาวของจงดีกว่าเจ้าค่ะ เกิดนังชะเอมมันใส่ยาพิษให้คุณอรทาน จะทำไงเจ้าคะ”
อรวิลาสผงะแล้วพูดเสียงแหบ “ฉันว่าชะเอมคงไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้นหรอก”
บรรจงอึ้ง “นี่คุณอรเข้าข้างมันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันไม่ได้เข้าข้าง ถ้าเค้าคิดไม่ดีกับฉัน เมื่อวานเค้าคงไม่ช่วยฉัน”
“มันช่วยเพราะต้องการเอาหน้าต่างหาก คุณอรตามมันไม่ทันหรอก”
อรวิลาสไม่พอใจ “นังจง..แกด่าว่าฉันโง่เหรอ?” อรวิลาสทำเสียงดังมากไปเลยไอออกมา
“ว๊าย!! ไม่ใช่นะเจ้าคะ จงมิบังอาจว่าคุณอรหรอกค่ะ จงน่ะเป็นบ่าว ส่วนคุณอรน่ะเป็นนาย”
อรวิลาสหยิบแก้วของเอมิกาขึ้นมาดื่ม บรรจงกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ
บรรจงเทน้ำผึ้งผสมมะนาวที่ตัวเองชงให้อรวิลาสทิ้งลงอ่างล้างจานด้วยความหัวเสีย
“ขนาดคุณอรยังเริ่มรู้สึกดีกับมัน!!” บรรจงฮึดฮัด “ทำไมถึงเล่นงานนังชะเอมไม่ได้ซักที” บรรจงครุ่นคิด “หรือว่ามันมีของดีอะไรพกติดตัว?”
บรรจงหันไปก็สะดุ้งโหยงเพราะเห็นจุ่นยืนอยู่
“พี่จุ่น!! มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อตะกี๊...น้องจงพูดอยู่กับใค(ร) อย่าบอกน้าว่าน้องจงเลี้ยงกุมารเอาไว้...”
“บ้าเหรอพี่จุ่น ฉันก็บ่นของฉันไปเรื่อยนั่นแหละ”
จุ่นไม่ได้สงสัยอะไร บรรจงหันมาลอบถอนหายใจที่จุ่นไม่ได้ยินอะไรเลยแล้วเธอก็คิดอะไรชั่วๆออก
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 5 (ต่อ)
บรรจงแอบเข้ามาในห้องนอนอรวิลาส เธอปิดประตูเสียงเบาที่สุดแล้วรีบมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดลิ้นชัก หยิบกล่องกำมะหยี่ออกมาเปิด บรรจงเห็นสร้อยเพชรจึงหยิบสร้อยออกมาแล้วใส่ผ้าเช็ดหน้าห่อเอาไว้ แล้วก็รีบเก็บกล่องกำมะหยี่เข้าที่เดิม
บรรจงพึมพำ “นังชะเอมแกเสร็จแน่!!”
บรรจงยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
บรรจงย่องมาตามทาง เธอหันไปมองรอบๆ ก็ไม่มีใคร บรรจงรีบย่องมาที่หน้าห้องนอนของนาก แล้วก็รีบเปิดประตูแล้วผลุบเข้าไปในห้องทันที บรรจงมองหาที่ซ่อนสร้อยเพชรแล้วก็มองไปที่หมอนบนเตียง
ปองเทพส่งยาอมให้อรวิลาส อรวิลาสมอง
“ยาอมสมุนไพร อมแล้วชุ่มคอชื่นใจคร๊าบบ” ปองเทพบอก
อรวิลาสรับมาเปิดออกแล้วดมพร้อมกับเบ้หน้า
“ยี้ เหม็น” อรวิลาสคืนให้ปองเทพ “เอาคืนไปเลย”
“ไอ้เหม็นๆเนี่ย ยาทั้งนั้นนะครับคุณอร ครั้งนึงตอนผมต้องแสดง” ปองเทพชะงัก “เออ..ผมหมายถึงตอนร้องเพลงเป็นนางโชว์ ผมไม่มีเสียง พออมไอ้นี่ปั๊บ หายปุ๊บ”
อรวิลาสมองอย่างลังเล
“ลองดูเถอะนะครับ”
อรวิลาสรับยาอมมา “ถ้าฉันอมแล้วไม่หาย ฉันจะเอาทั้งกระปุกยัดปากนายเลยคอยดู”
ปองเทพสะดุ้ง อรวิลาสพูดจบก็เดินออกไป ปองเทพส่ายหัว
“โหดจังวุ๊ย!!”
อรวิลาสเข้ามาในห้อง เธอวางกล่องยาอมไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็สังเกตว่าลิ้นชักปิดไม่สนิท อรวิลาสเปิดลิ้นชักออกแล้วก็ตกใจสุดขีด
บรรจงแกล้งทำเป็นประหลาดใจต่อหน้าอรวิลาส
“สร้อยเพชรคุณอรหายไป?!!” บรรจงทำตกใจ
“ใช่..ไม่รู้มันหายไปได้ไง ฉันจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ใส่คืองานเมื่อคืน แล้วฉันก็เก็บไว้ในลิ้นชัก”
บรรจงทำเป็นคิด “แสดงว่าต้องมีขโมย” อรวิลาสผงะ “และคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร ต้องเป็นนังชะเอมแน่ๆ” อรวิลาสตกใจ บรรจงพูดต่อ “เห็นเหรอยังเจ้าคะว่ามันไม่ได้คิดดีกับคุณอรเลย”
อรวิลาสครุ่นคิดตามคำพูดของอรวิลาส เธอลังเลและสับสน บรรจงลอบมองอรวิลาสด้วยสีหน้าร้าย
จานส้มตำถูกวางบนโต๊ะในห้องครัว ทุกคนนั่งล้อมวงอยู่ยกเว้นบรรจง จุ่นกำลังจะเอื้อมไปหยิบกิน แต่เจอนากตีมือดังเพี๊ยะ จุ่นสะดุ้ง
“เดี๋ยวก่อน!!” นากลุกขึ้นยืน “ขอให้ทุกคนยืนขึ้น” เอมิกากับจุ่นยืนขึ้นมาแบบงงๆ “เพื่อร่วมสดุดีให้กับส้มตำจานแรกในรอบสิบปีที่ป้าพิศทำมาให้กิน...ฟรี!!”
เอมิกา นาก และจุ่นยกมือเฮ..
“หยุด!” สมพิศเสียงดัง ทั้งสามคนผงะ “คิดว่าข้าจะยอมเสียตังค์เลี้ยงพวกเอ็งเหรอ? ทั้งมะละกอ พริก มะนาว ถั่วฝักยาวมาจากสวนหลังบ้าน ส่วนกุ้งแห้งกับถั่วก็เป็นของที่มีอยู่แล้วในตู้เย็น”
ทั้งสามคนอุทานพร้อมกัน “โธ่..”
“ไม่ทิ้งคอนเซปจริงๆ งก! เค็ม! เหนียว!” นากว่า
“งั้นก็ไม่ต้องกิน” สมพิศดึงจานไปเก็บ
นากรีบยื้อเอาไว้ “แค่นี้ทำงอน”
“แล้วจะกินมั๊ย”
นากกับจุ่นพูดพร้อมกัน“กินจ้า”
“เออ ก็แค่นั้นแหละ”
สมพิศยิ้มๆ เอมิกาเองก็มีความสุขที่ได้เห็นทุกคนรักกัน ขณะที่ทุกคนกำลังจะจกส้มตำกิน บรรจงก็เดินเข้ามา
“อย่าเพิ่งกิน!”
ทุกคนหันไปมองแบบอ้าปากค้าง บรรจงหันไปทางเอมิกา
“คุณอรเรียกแกให้ไปพบที่ห้องรับแขกเดี๋ยวนี้!”
เอมิกาอึ้ง จุ่นกับสมพิศมองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่นากนิ่งๆ เหมือนรู้อะไรบางอย่าง
เอมิกานั่งบนพื้น บรรจงนั่งบนพื้นข้างๆอรวิลาส ส่วนชื่นฤทัยนั่งถัดออกไป นาก จุ่น และสมพิศแอบดูอยู่ที่ด้านหลัง จุ่นกับสมพิศดูอยากรู้อยากเห็นมากๆ
“สร้อยเพชรฉันหาย!” อรวิลาสบอก
เอมิกาตกใจ
สมพิศกับจุ่นมองหน้ากันแล้วอึ้ง ส่วนนากมีสีหน้าครุ่นคิด
บรรจงหันไปทางเอมิกา
“และแกก็เข้าไปทำความสะอาดห้องคุณอรเมื่อเช้า” บรรจงพูดต่อ
เอมิการีบหันไปอธิบายกับอรและชื่น “ฉันไม่ได้เป็นคนเอาไปนะคะ”
“ฉันก็คิดว่าเธอไม่ได้เอาไป แต่ในเมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ก็คงต้องทำไปตามขั้นตอน” ชื่นฤทัยบอก
“เดี๋ยวก็รู้ว่าแกเอาไปรึเปล่า” อรวิลาสว่า
เอมิกาผงะ.. จุ่นกับสมพิศสีหน้าไม่ค่อยดี ส่วนนากครุ่นคิด
เอมิกา อรวิลาส ชื่นฤทัย นาก สมพิศ บรรจง และจุ่นเข้ามาอยู่ในห้องของเอมิกากับนาก
“จงค้นเลยนะเจ้าคะ”
อรวิลาสพยักหน้า บรรจงเริ่มค้นห้อง เอมิกาหน้าเสีย
เอมิกาคิดในใจ “สร้อยน่ะไม่มีแน่ แต่ถ้าเจอไอแพดล่ะก้อ..ซวย!!”
เอมิกามีสีหน้าแย่มากเพราะลุ้นสุดตัวจนหายใจแทบจะไม่ออก สมพิศกับจุ่นเองก็มองลุ้น นากแค่ยืนมองนิ่งๆ ชื่นฤทัยพลอยตื่นเต้นไปด้วย บรรจงค้นตามตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก ชั้นแต่ก็ไม่มี
บรรจงทำเป็นหันมาที่เตียงแล้วมองไปที่หมอน บรรจงหยิบหมอนขึ้นมาอย่างมั่นใจว่าเจอแน่ แต่ละคน จ้องมองด้วยความตั้งใจสุดๆ
บรรจงหยิบหมอนขึ้นมาด้วยความมั่นใจว่าเจอสร้อยเพชรของอรวิลาสแน่นอน แต่ละคนจ้องมองด้วยความตั้งใจมาก แต่ทว่าพอเปิดหมอนออกพบว่าใต้หมอนกลับไม่มีอะไรเลย บรรจงเหวอ เธอพลิกหมอนไปมาแล้วก็ชะโงกหน้าไปดูหลังหัวเตียงแต่ก็ไม่มี บรรจงหน้าเสีย
บรรจงพึมพำ “ทำไมไม่มี?”
บรรจงหน้าเสียแล้วหันมาทางทุกคน
“ไม่เจอ” นากพูดแล้วหันไปทางชื่นฤทัยกับอรวิลาส “ก็แสดงว่าชะเอมไม่ได้เป็นคนเอาไปนะฮะ”
บรรจงไม่ยอมแพ้ “แต่เรายังหาไม่ทั่วเลยนะคะคุณชื่น บางที” บรรจงคิด “อาจจะอยู่ใต้เตียง”
เอมิกาตกใจ บรรจงก้มลงไปใต้เตียงก็เห็นกระเป๋าเลยดึงออกมา เอมิกาหน้าถอดสีเพราะเก็บไอแพดไว้ในนั้น บรรจงหันไปมองเอมิกา
“หรือว่าจะอยู่ในกระเป๋าใบนี้” บรรจงพูด
ทุกคนหันไปมองกระเป๋า บรรจงเปิดซิบ เอมิกาเหงื่อตกและเครียดมาก เธอคิดในใจว่าแย่แน่ๆ ทันใดนั้นเอมิกาก็ยกมือแล้วร้องเสียงดัง
“หยุด!”
บรรจงเบรคเอี๊ยด ทุกคนหันขวับไปมองเอมิกา
“นั่นมัน...กระเป๋าเปล่า” เอมิกาบอก
“ถึงจะเป็นกระเป๋าเปล่า ยังไงก็ต้องดู” บรรจงยืนยัน
เอมิกาคิด “ถ้าอย่างนั้น...เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของฉัน”
เอมิกาดึงกระเป๋ามาจากบรรจงแล้วคว่ำกระเป๋าแต่มืออีกข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋าแล้วดันไอแพดเอาไว้ไม่ให้หล่นลงมา เอมิกาทำเป็นเขย่าเทแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา
“เห็นหรือยังคะว่าไม่มีอะไรเลย”
เอมิกาลุ้นสุดตัว บรรจงหน้าซีดและแปลกใจสุดๆ
“ฉันว่าชะเอมไม่ได้เอาไปหรอก บางทีมันอาจจะหล่นอยู่ในห้องลูกก็ได้” ชื่นฤทัยบอก
เอมิกาโล่งอก อรวิลาสหันไปทางชื่นฤทัยแต่ยังลังเล บรรจงทั้งเซ็งทั้งแปลกใจว่าสร้อยหายไปไหน นากมองบรรจงเหมือนรู้อะไรบางอย่าง
ทุกคนเข้ามาในห้องของอรวิลาส
ชื่นฤทัยพูดกับอรวิลาส “ลองนึกดีดีว่าลูกเอาไว้ที่ไหน?”
อรวิลาสพยายามนึก “อรจำได้ว่าเอาไว้ในลิ้นชักจริงๆนะคะคุณแม่”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนใจมองอรวิลาส นากก็ค่อยๆแอบเอาสร้อยเพชรออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วใส่ลงไปในตะกร้าผ้าก่อนจะแกล้งทำเป็นเห็น
“โอ๊ะ!” นากร้อง ทุกคนหันไป “มีอะไรอยู่ในตะกร้าก็ไม่รู้ฮะ?”
อรวิลาสรีบเดินมาดูแล้วก็เห็นสร้อยเพชร เธอหยิบขึ้นมา สมพิศกับจุ่นยิ้ม อรวิลาสกับชื่นฤทัยดีใจ บรรจงอ้าปากค้างและงงว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เอมิกาโล่งอก
“ที่แท้ก็ทำหล่นในตะกร้า” อรวิลาสบอก
อรวิลาสหันไปมองเอมิกาอย่างรู้สึกผิดนิดหน่อยที่เข้าใจเอมิกาผิดไป
เอมิกา นาก สมพิศ และจุ่นเดินกลับมาที่เรือนคนใช้ด้วยกัน บรรจงเดินรั้งท้ายโดยยังคงครุ่นคิดว่าสร้อยกลับไปอยู่ที่ห้องอรวิลาสได้ยังไง นากหยุดเดินทำให้คนอื่นๆ หยุดตาม
นากพูดกับบรรจง “สงสัยอยู่ใช่มั๊ยว่าทำไมสร้อยคุณอรที่แกเอามาซ่อนไว้ในห้องฉัน ถึงกลับไปอยู่ในห้องคุณอร”
บรรจงเผลอตอบ “ใช่..”
ทุกคนถลึงตาใส่บรรจง บรรจงอึ้งที่หลุดปาก “พะ..พะ..พี่.พี่พูดอะไร?!!”
นากเดินมาประจันหน้า “ฉันเห็นแกแอบเข้ามาในห้องฉัน พอฉันเข้าไปดู..ถึงได้เห็นว่าแกเอาสร้อยเพชรมาวางใต้หมอนน้องชะเอม”
บรรจงหน้าซีด เอมิกาหันไปมองบรรจงอย่างไม่พอใจ สมพิศกับจุ่นมองบรรจงอึ้งๆ
“ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะเล่นแรงแบบนี้!!” สมพิศว่า
“นั่นเซะ พี่จุ่นผิดหวังในตัวน้องจงมาก” จุ่นบอก
“นี่ทุกคนเชื่อที่พี่นากพูดเหรอ?!” บรรจงถาม
ทุกคนตอบออกมายกเว้นเอมิกา “เออ..!”
บรรจงสะดุ้ง “ถ้าไม่มีหลักฐาน อย่ามาปรักปรำ”
“เอาเถอะๆ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่ติดใจใครทั้งนั้น” เอมิกาบอก
“น้องชะเอมนี่นางฟ้ามาเกิดชัดๆ ไม่เหมือนคนบางคน ยังไง๊ยังไงก็เป็นได้แค่แม่มด” นากหันไปมองบรรจง บรรจงหันไปมองเอมิกาเพราะโมโห แล้วเธอก็เดินฉับๆ ออกไปเพราะสู้ไม่ได้
บรรจงเข้ามาในห้องด้วยความโมโห
“นังชะเอม!! ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน”
บรรจงกำมือแน่นด้วยความเคียดแค้น
อรวิลาสยื่นลิปสติคมาให้ปองเทพ ปองเทพตกใจ
“คุณอรเอามาให้ผมเหรอ?” ปองเทพถาม
“ไม่ใช่..ฉันอยากฝากนายเอาไปให้ชะเอม” อรวิลาสบอก
“อ้าว?? แล้วทำไมคุณอรไม่เอาไปให้เองล่ะครับ”
“ไม่ล่ะ นายเอาไปให้ดีแล้ว รับไปสิ” อรวิลาสยัดใส่มือปองเทพ
“แล้วคุณอรจะให้ผมบอกชะเอมว่าคุณอรให้เนื่องในโอกาสอะไร”
“ไม่ต้องบอก”
“ไม่บอกไม่ได้หรอกครับ เพราะชะเอมถามผมแน่ๆ”
อรวิลาสนิ่งไปซักพักแล้วก็ถอนหายใจ
“ฉันรู้สึกผิดกับชะเอม” อรวิลาสบอก ปองเทพชะงัก “ฉันคิดว่าชะเอมขโมยสร้อยเพชรฉันไป”
ปองเทพตกใจ “โอ๊ย..ไม่มีทางหรอกครับ ชะเอมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น บ้านเค้าก็มี...” อรวิลาสมอง “เออ..มีการอบรมสั่งสอนไม่ให้ลูกหลานเป็นขโมยน่ะครับ”
“ฉันรู้ว่าฉันมองชะเอมผิดไป ฉันก็เลยอยากหาอะไรให้เค้า ฉันจะได้สบายใจขึ้น”
ปองเทพเอาลิปสติคคืนอรวิลาส “ผมว่าคุณอรเอาไปให้ชะเอมเองเถอะ”
“ไม่อ่ะ...มันเสียหน้า”
“ทำไมถึงคิดว่าเสียหน้าล่ะครับ” ปองเทพถาม อรวิลาสเงียบ “แค่เพราะคุณเป็นเจ้านาย แล้วชะเอมเป็นคนใช้เหรอครับ”
อรวิลาสผงะที่ปองเทพพูดเหมือนอ่านใจเธอออก
พวกคนใช้กำลังกินข้าวอยู่ในครัว บรรจงจะจิ้มกับข้าว นากก็แย่ง พอหันไปจะจิ้มอีกจาน สมพิศก็แย่ง บรรจงไม่พอใจ บรรจงหันไปทางจุ่นที่กำลังจะอ้าปากกิน
“พี่จุ่น!!”
จุ่นอ้าปากค้างแล้วจำต้องเอาอาหารมาวางในจานบรรจง ระหว่างนั้นอรวิลาสก็เดินมา ทุกคนหันไปเห็นก็ตกใจ
“คุณอร..!!”
ทุกคนรีบหยุดกินข้าวแล้วลุกขึ้นยืน บรรจงรีบเสนอหน้าเข้าไปหา
“คุณอรมีอะไรให้จงรับใช้ตะโกนเรียกเอาก็ได้นี่เจ้าคะ ทำไมต้องมาเอง”
“ฉันไม่ได้มาหาเธอ ฉันมาหาชะเอม” อรวิลาสบอก
บรรจงเหวอ ทุกคนชะงัก เอมิกาแปลกใจและกลัวจะโดนด่า แต่แล้วอรวิลาสก็ยื่นลิปสติคมาให้เอมิกา
“ขอโทษที่เข้าใจเธอผิด” อรวิลาสพูด
เอมิกาอึ้ง ทุกคนอ้าปากค้างเพราะตกตะลึงมาก
“รับไปสิ จะให้ฉันถืออีกนานมั๊ย”
เอมิการีบรับของ “ขอบคุณมากค่ะ”
อรวิลาสหันหลังเดินออกไป นาก สมพิศ และจุ่นรีบหันมาทางเอมิกาแล้วยิ้มดีใจ
“เอ็งนี่โชคดีจริงๆ ร้อยวันพันปีคุณอรไม่เคยให้ของใคร” สมพิศว่า
เอมิกายิ้มแฉ่ง ยกเว้นบรรจงที่รู้สึกอิจฉามาก
นากนอนกรนอยู่ข้างๆ เอมิกาที่กำลังเอาผ้าห่มคลุมโปงเพราะพิมพ์แทปเลตอยู่ เอมิกาลบนิสัยของอรวิลาสที่เคยวิเคราะห์ทิ้งไปหมดจนเหลือแต่ชื่อ “อรวิลาส”
เอมิกาพึมพำ “ฉันต้องมองคุณใหม่แล้วคุณอร”
เอมิกายิ้ม
ที่คอนโดมีเนียมของวเรศ เอมิกาใส่ผ้ากันเปื้อนและใส่หมวกสำหรับทำอาหาร เธอกำลังค้นซุปในหม้อ ในท่าทีที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนมากๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังขึ้น
“ที่รักจ๊ะ”
ใครคนหนึ่งเข้ามากอดเอมิกาจากด้านหลัง เอมิกาหันไปก็เห็นว่าเป็นวเรศ เอมิกาหน้าตาตื่นตกใจสุดๆ เธอรีบผละออกห่าง
“คุณตั้ม!!”
วเรศทำหน้าร้าย “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกชะเอม!”
วเรศยื่นหน้ามาใกล้ เอมิกาตาโตตกใจ
เอมิกาดิ้นไปดิ้นมาและแหกปากร้องลั่นอยู่บนเตียง
“ไม่มมมมมมมมมมมมมมม!!!!
เอมิกาดิ้นจนตกเตียงดังโครม เธอสะดุ้งตื่นและลืมตา ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆ
“ฝัน..เฮ้อ ทำไมฝันถึงอีตานั่นได้เนี่ย” เอมิกาคิด “หรือว่าจะมีอะไร??”
เอมิกามองชื่นฤทัยด้วยสีหน้าตื่นตกใจมาก
“คุณชื่นจะให้ฉันไปทำความสะอาดคอนโดคุณตั้ม!!!”
ชื่นฤทัยพยักหน้า “แม่บ้านของหลานตั้มกลับต่างจังหวัด เธอไปทำวันนี้วันเดียวเท่านั้นแหละ”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ”
“ฉันเห็นเธอดูสะอาดสะอ้าน หลานตั้มน่าจะโอเคกับเธอมากกว่าคนอื่น”
เอมิกามีสีหน้าแย่มากเพราะปฏิเสธไม่ออก ชื่นฤทัยเอากระดาษโน๊ตให้เอมิกา
“นี่ที่อยู่หลานตั้ม เดี๋ยวเธอนั่งแท็กซี่ไปเลยนะ แล้วก็มาเบิกค่ารถกับฉัน”
เอมิการับกระดาษโน๊ตมาด้วยสีหน้ากังวลใจสุดๆ
เวลาต่อมา เอมิกามาคุยเฟซไทม์กับนงลักษณ์
“ดั่งคำโบราณว่าไว้ “เกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น” เผลอๆอีตาคุณเลขาเนี่ยแหละเนื้อคู่แก” นงลักษณ์ว่า
เอมิกาตกใจมาก “ไอ้บ้า!! ไม่มีทาง! ทำไมฉันถึงฝันแม่นแบบนี้”
“แกฝันว่าอะไร?”
“ฝันว่าฉันอยู่ที่คอนโดเค้าน่ะสิ”
นงลักษณ์ตกใจ “เฮ้ย!! นี่แกแอบไปกิ๊กกับเค้าถึงในฝันเลยเหรอเนี่ย? ร้ายนะยะ”
“ไม่ใช่ซักหน่อย มันเป็นฝันร้ายมากกว่า ฉันจะทำไงดีอ่ะนง ปฏิเสธคุณชื่นก็ไม่ได้ และ ฉันก็ไม่อยากอยู่กับเค้าสองต่อสอง”
“เป็นฉัน..ฉันก็ไม่อยากอยู่” นงลักษณ์แกล้งแหย่เอมิกา “เค้าออกจะหล่อขนาดนี้ กลัวอดใจไม่ไหว”
“เลิกแซวซักที...ฉันเครียด!”
“โอเคๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ แกก็ไม่ต้องพูดกับเค้ามาก รีบทำความสะอาดให้เสร็จ จะได้จบ..โอป่ะ”
เอมิกาถอนหายใจ
เอมิกาเดินเข้ามาในคอนโดด้วยท่าทางลับๆล่อๆ เธอมองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็มีมือมาสะกิด เอมิกาหันไปเจอวเรศก็ตกใจ
“คุณตั้ม! ทำไมคุณมาอยู่เนี่ย”
“ฉันก็ลงมารอเธอน่ะสิ” วเรศบอก
วเรศเดินไป เอมิกายังยืนเฉยจนวเรศต้องหันมาพูด
“ตามฉันมา”
เอมิกาเดินตามวเรศไป
วเรศกับเอมิกายืนอยู่ในลิฟต์ เอมิกายืนด้านหลังโดยคอยลอบมองวเรศเป็นระยะๆ อย่างรู้สึกไม่สบายใจเพราะไม่อยากอยู่กับวเรศสองคน ทันใดนั้นลิฟต์ก็กระตุกแล้วก็นิ่งไป เอมิกาตกใจถอยไปจนหลังชนฝา
“เกิดอะไรขึ้น?”
วเรศถอนใจ “น่าจะลิฟต์ค้าง!!”
“ห๊ะ!!! ลิฟต์ค้าง!”
เอมิกามีสีหน้าแย่มาก วเรศกดปุ่มฉุกเฉิน
“ฉันอยู่มาหลายปี ไม่เคยเจอลิฟต์ค้าง แต่พอเธอมาเท่านั้นแหละ” วเรศบอก
เอมิกาไม่ค่อยพอใจ “ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าลิฟต์มันจะค้าง อาจจะเป็นวันซวยของคุณก็ได้” วเรศหันไปมอง เอมิกาบ่น “โอ๊ย...ร้อน..ร้อนมาก ร้อนจนจะหายใจไม่ออกแล้ว” เอมิกาตกใจเพราะเธอกลัวที่แคบ
“ก็เงียบสิ ยิ่งพูดมันก็ยิ่งใช้ออกซิเจนเยอะ แล้วมันก็จะทำให้อากาศในนี้น้อยลง”
เอมิกามองวเรศอย่างไม่พอใจ แล้วเธอก็นั่งลงบนพื้น หลังจากเงียบไปได้ซักพักเอมิกาก็พูดขึ้น
“เมื่อไหร่จะมีคนมาช่วยเนี่ย?? รอนานแล้วนะ”
“เพิ่งผ่านไปสองนาที”
“นาฬิกาคุณตายป่าว แค่สองนาทีเองเนี่ยนะ”
“ทำไมถึงได้บ่นนักห๊ะ!! ผีเจาะปากให้มาพูดเหรอไง”
เอมิกาลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว “อ้าว..ทำไมพูดจาหาเรื่องกันแบบนี้ล่ะคะ??”
เพราะลุกเร็วเกินไปทำให้เอมิกาหน้ามืด แต่วเรศไม่ได้สนใจมองเพราะมัวแต่มองไปที่ประตูลิฟต์ว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาช่วย เอมิกาเริ่มมึน เธอหันไปมองวเรศก็เห็นภาพวเรศเบลอ แล้วเอมิกาก็ยืนไม่อยู่ เธอเซไปทางวเรศ แต่วเรศดันขยับไปกดปุ่มฉุกเฉินอีกครั้งทำให้เอมิกาเซไปกระแทกผนังลิฟต์ดังปัง วเรศหันมาด้วยความตกใจ เอมิกากุมแขนด้วยความเจ็บ
“อุ๊ยย!!!”
“เธอเอาตัวกระแทกลิฟต์แบบนั้น คิดว่ามันจะช่วยทำให้ลิฟต์ขยับได้งั้นเหรอ?!! มันจะพังมากกว่าเดิมก็เพราะเธอเนี่ยแหละ” วเรศว่า
“ฉันไม่ได้จะทำแบบที่คุณว่า ฉันหน้ามืด จะเป็นลม”
วเรศเหวอ “อ้าว?”
“ไอ้เราก็นึกว่าจะมีคนช่วยประคอง!!”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเธอจะเป็นลม วันหลังก็บอกก่อนสิว่า จะเป็นลมแล้ว ฉันจะได้เตรียมตัวทัน”
“มันไม่ตลกเลยนะคะคุณตั้ม”
เอมิกาลูบแขนด้วยความเจ็บไม่นานลิฟต์ใช้ได้ วเรศกับเอมิกายิ้มดีใจ ทั้งสองเผลอหันมายิ้มและพูดพร้อมกัน “ลิฟต์มาแล้ว..”
ทั้งคู่ชะงักเพราะหน้าอยู่ใกล้กันก็เลยผละแล้วหันหน้าไปทางอื่น
วเรศเดินเข้ามาในห้อง เอมิกาเดินตามมา พอเห็นห้องวเรศเธอก็ชะงักไปเล็กน้อยเพราะห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
“ห้องคุณยังสะอาดอยู่เลย ฉันว่าไม่ต้องทำความสะอาดเพิ่มก็ได้มั๊ง” เอมิกาบอก
“สะอาดที่ไหน”
วเรศเอานิ้วปาดฝุ่นบนชั้นให้เอมิกาดูแล้วก็ปัดฝุ่นในมือทิ้ง
“เธอนี่เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรจากภายนอกจริงๆ” วเรศว่า
เอมิกาอึ้ง
“อุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ในห้องเก็บของด้านนั้น” วเรศผายมือไป
เอมิกาหันไปมองตามแล้วก็หันมา “คุณจะออกไปไหนก็ออกไปได้เลยนะคะ ไม่ต้องเฝ้าฉันหรอก”
“วันนี้วันหยุด ฉันไม่มีธุระที่ไหน”
เอมิกาชะงัก วเรศกำลังจะเดินไปแล้วก็นึกอะไรได้ออกก่อนจะหันกับมา
“อ้อ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ฉันด้วย ผ้าอยู่ในตู้เสื้อผ้าห้องนอนในลิ้นชัก ฉันจะอยู่ห้องทำงาน มีอะไรก็เรียก”
วเรศพูดจบก็เดินเข้าไปในห้อง เอมิกาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อออออ”
เอมิกาเอาผ้าคาดผมพร้อมกับเอาหูฟังใส่หูแล้วกดเปิดเพลง เสียงเพลงดังออกมา เอมิกาเปิดเครื่องดูดฝุ่นแล้วก็เริ่มทำความสะอาดห้องตามมุมต่างๆ โดยทำไปเต้นไปตามจังหวะเพลง
วเรศค่อยๆเปิดประตูมาแอบดู เขาเห็นเอมิกาดูดฝุ่นไปส่ายก้นไปก็ถึงกับผงะ วเรศทำหน้าปุเลี่ยนๆ พร้อมกับส่ายหัวก่อนจะเข้าไปทำงานในห้อง เอมิกายังคงเต้นต่อไปอย่างมีความสุข
เอมิกากดปิดเครื่องดูดฝุ่นแล้วก็เอาหูฟังออก พลันเสียงออดก็ดังขึ้น เอมิกาเดินไปเปิดประตูก็เห็นฝรั่งยืนอยู่ ฝรั่งแปลกใจที่เห็นเอมิกา วเรศเดินออกมาที่ด้านหลังเอมิกาพอเห็นฝรั่งเขาก็จะเดินมาหา แต่เอมิกาพูดกับฝรั่งเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาก่อน
“มีอะไรให้ช่วยค่ะ”
วเรศอึ้งและตัดสินใจแอบฟัง
ฝรั่งพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเอมิกา “ผมอยู่ห้องข้างๆ คุณเป็นแฟนตั้มเหรอ”
เอมิกาตกใจ วเรศแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
เอมิการีบพูดเป็นภาษาอังกฤษกลับไป “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ ฉันเป็นแม่บ้าน”
“อ๋อ แล้วตั้มอยู่มั๊ย”
“อยู่ในห้องทำงานค่ะ เดี๋ยวฉันไปตามให้”
“ไม่เป็นไร เค้าคงยุ่งอยู่ ผมถามคุณก็ได้ เห็นคุณพูดภาษาอังกฤษได้ดี ผมจะไปสีลม จากตรงนี้ไปยังไง”
“ขึ้นรถไฟฟ้า แล้วไปลงสถานีศาลาแดง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณต้องเปลี่ยนรถที่สถานีสยามรึเปล่า”
“โอ้..ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ โชคดีนะคะ”
ฝรั่งยิ้มแล้วก็เดินออกไป เอมิกาปิดประตูแล้วก็หันมาเจอวเรศ เธอผงะ
“เออ เค้ามาถามทาง...” เอมิกายังพูดไม่ทันจบ วเรศก็แทรกขึ้น
“ฉันได้ยิน พูดภาษาอังกฤษเก่งนะ”
เอมิการีบแก้ตัว “ฉันก็พูดไปแบบงูๆปลาๆ”
“แต่ฉันว่าไม่ พูดได้ถูกต้อง แถมสำเนียงยังดีซะด้วย” วเรศว่า เอมิกาหน้าถอดสี “เธอเรียนจากที่ไหน”
“ลูกเจ้านายเก่าสอนฉันค่ะ”
“ลูกเจ้านายเก่า?” วเรศทวนคำ เอมิกาพยักหน้า “เค้าสอนเธอหลายอย่างแล้วนะ ดูท่าเค้าจะเป็นเจ้านายที่ดี แล้วทำไมเธอถึงลาออก”
เอมิกาคิด “เออ พอดี...เค้าย้ายไปเมืองนอกทั้งครอบครัวน่ะค่ะ ฉันก็เลยตกงาน”
วเรศจะถามต่อ เอมิการีบเปิดเครื่องดูดฝุ่นจนเสียงดังลั่น
เอมิกาตะโกนบอก “ฉันทำงานต่อนะคะ”
เอมิการีบลากเครื่องดูดฝุ่นไปอีกทาง วเรศนิ่วหน้ามองเอมิกาด้วยความสงสัยสุดๆ
ชื่นฤทัยวางเอกสารไปตรงหน้าอรวิลาสที่นั่งจ๋อย
ชื่นฤทัยดุ “สอบวัดผลความรู้ภาษาอังกฤษมาสองครั้ง ก็ตกทั้งสองครั้ง!! แล้วแบบนี้จะไปเรียนเมืองนอกได้ยังไง”
อรวิลาสเงยหน้า “อรบอกแม่แล้วว่าอรโง่ภาษาอังกฤษ เรียนไปก็ไม่ทำให้อรเก่งขึ้นหรอกค่ะ”
“ลูกก็ต้องพยายามสิ รู้มั๊ยว่าลูกเพื่อนแม่แต่ล่ะคนตอนนี้ กำลังจะเรียนจบปริญญาตรี แต่ลูกยังไม่ได้เริ่ม ทั้งๆที่ลูกอายุ 21 แล้ว”
อรวิลาสพูดไม่ออก ชื่นฤทัยถอนหายใจ
“แม่ล่ะเหนื่อยกับลูกจริงๆ”
ชื่นฤทัยพูดจบก็เดินออกไป อรวิลาสมีสีหน้าเศร้ามาก
ปองเทพกำลังรดน้ำต้นไม้ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ปองเทพชะงัก
“สงสัยหูฝาด”
เสียงร้องไห้ดังมากขึ้น ปองเทพสะดุ้งโหยงและเริ่มหน้าเสีย
“ใครมานั่งร้องไห้ตรงนี้วะ?? หรือว่า” ปองเทพตกใจ “จะเป็นผี!!!” ปองเทพคิดต่อ “แต่กลางวันแสกๆ ไม่น่าจะใช่”
ปองเทพคิดแล้วก็ปิดก๊อกน้ำก่อนจะค่อยๆย่องไปตามที่มาของเสียงจนเห็นอรวิลาสนั่งหันหลังตัวสั่นเพราะสะอื้นอยู่ ปองเทพแปลกใจจึงเดินเข้าไปข้างๆ
“คุณอร…”
อรวิลาสหันหน้ามาในสภาพมาสคาร่าเลอะแก้ม ปองเทพตกใจ
“คุณร้องไห้!!?”
อรวิลาสพยายามกลั้น “ฉันไม่ได้ร้อง ฝุ่นมันเข้าตา”
“อย่ามาหลอกผมเลย น้ำตาไหลขนาดนี้เนี่ยนะครับฝุ่นเข้าตา”
อรวิลาสแบะปากแล้วก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“ฮือๆๆ โฮๆๆ”
ปองเทพตกใจรีบลงไปนั่งข้างๆ
“คุณอร...คุณเป็นอะไร?”
อรวิลาสสะอื้น “นายว่า...ฉันโง่มั๊ย?”
“ก็.....”
“นี่นายก็คิดว่าฉันโง่เหรอ” อรวิลาสว่า ปองเทพอ้าปากค้าง “ทำไมนะ ทำไมฉันถึงทำอะไรไม่เคยสำเร็จ นายรู้มั๊ยว่าคนอายุเท่าฉัน เค้าเรียนจบมหาลัยกันแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้เริ่มเลย”
“แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโง่หรอกครับ แต่เรียกว่าไม่มีความพยายามต่างหาก”
อรวิลาสฉุนกึกหันขวับ “นายคนใช้น้าแป๊ะ!!”
ปองเทพรีบปิดปาก “อุ่ย....ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณอรนะครับ”
ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 5 (ต่อ)
อรวิลาสหันมาปาดน้ำตาแล้วเศร้าต่อ ปองเทพมองอรวิลาสแล้วครุ่นคิด
“ไปเที่ยวกันมั๊ยครับ” ปองเทพชวน
อรวิลาสหันมา “บ้าเหรอไง อยู่ดีดีก็มาชวนฉันไปเที่ยว”
“ก็เที่ยวแก้เครียดไงครับ คุณมานั่งกลุ้มใจแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์ ออกไปเปิดหูเปิดตาเผื่อจะนึกอะไรออก”
อรวิลาสคิดตามแล้วก็เห็นด้วย
“แล้วนายไม่ต้องทำงานเหรอ?” อรวิลาสถาม
“เหลือรดน้ำต้นไม้เสร็จ ผมก็ว่างแล้ว”
ปองเทพยิ้ม อรวิลาสมองปองเทพแล้วก็นิ่งไป
เอมิกากำลังเอาเสื้อผ้าเข้าเครื่องซักผ้าแล้วก็ปิดฝาก่อนจะยืนนิ่ง
“มันใช้ยังไง? อยู่บ้านคุณชื่นก็ไม่เคยซักผ้า”
เอมิกามองไปที่เครื่องแล้วก็ดึงที่ใส่ผงซักฟอกออกมา เธอหยิบกล่องผงซักฟอกขึ้นมาแล้วก็กระหน่ำเท
“เอาเยอะๆ เสื้อจะได้สะอาด”
เอมิกาเทจนเกือบล้นแล้วก็ดันช่องใส่ผงซักฟอกปิด เธอหันไปเห็นปุ่มเปิดเครื่องจึงกดเปิดให้เครื่องทำงาน
วเรศกำลังดื่มกาแฟแต่พลาดทำกาแฟหกใส่เสื้อ วเรศเซ็งมาก แล้วเขาก็เดินออกไป
เอมิกาเดินออกมาจากห้องซักล้าง
“ระหว่างรอผ้าซัก ไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนดีกว่า”
วเรศถอดเสื้อที่เปื้อนกาแฟออก ทันใดนั้นเอมิกาก็เปิดประตูพรวดเข้ามาเห็นวเรศถอดเสื้ออยู่ก็ตกใจกรี๊ดดังลั่น
“อ๊ายยยย!!”
วเรศเองก็ตกใจ “เฮ้ย!”
วเรศรีบเอาเสื้อตัวใหม่มาปิดตัว เอมิการีบหันหลัง
วเรศใส่เสื้อไปพูดไปด้วย “จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู?”
“ก็ฉันไม่รู้ว่าคุณอยู่ในห้อง ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยนะ”
เอมิกาก้มหน้าก้มตาหลับตาเดินออกไปแล้วก็ชนเข้ากับกำแพงดังโครม วเรศตกใจ
“ชะเอม!”
วเรศรีบเดินมาดู เอมิกายกมือกุมหัวด้วยสีหน้าแย่
เอมิกานั่งอยู่ในสภาพหัวโน วเรศเอายาหม่องมาให้ เอมิการับมาทายาหม่องมาทา วเรศมองขำๆ
“หัวเราะอะไร?” เอมิกาถาม
“หัวเธอโนหยั่งกับลูกมะกรูด” วเรศบอก
“คุณนี่ใช้ศัพท์ได้ชรามากเลยอ่ะ” เอมิกาว่า วเรศหุบยิ้ม “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณ”
แล้ววเรศก็เหลือบไปเห็นว่ามีฟองไหลออกมาจากห้องซักผ้า วเรศสงสัย
“นั่นอะไร?!”
เอมิกาหันไปเห็นก็ตกใจมาก
“เฮ้ย!”
วเรศกับเอมิกาเปิดประตูเข้ามาก็ตกใจเพราะเห็นฟองไหลออกมาจากเครื่องซักผ้าจนเต็มพื้นไปหมด เอมิกาหน้าเสีย วเรศหันขวับไปมองเอมิกาทันที
“เธอทำอะไรเนี่ย?!”
“เออ...สงสัยฉันจะใส่ผงซักฟอกเยอะเกินไป”
วเรศหัวเสียมาก “เธอนี่มัน...” วเรศด่าไม่ออก “จริงๆเลย”
วเรศกับเอมิการีบเข้ามาในห้อง แต่พอเหยียบผงซักฟอกบนพื้นทั้งคู่ก็ลื่น วเรศกับเอมิกากำลังจะล้ม
“เวย!!”
วเรศกับเอมิการีบจับมือกันไว้เพื่อประคองตัวแล้วทั้งคู่ก็ผงะที่จับมือกัน แต่ก่อนที่จะตกอยู่ในภวังค์มากไปกว่านี้ เอมิกากลับจามใส่หน้าวเรศไปเต็มๆ
“ฮัดเช้ย!”
วเรศตกใจปล่อยมือเอมิกาแล้วก็ทำท่าจะลื่นล้ม วเรศตกใจ
“เฮ้ย เฮ้ย!!”
แล้ววเรศก็ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้น เอมิกาหน้าเหยเก
“โอ๊ยยย!” วเรศร้อง
เอมิกาหน้าเสีย
ณ ห้างสรรพสินค้า อรวิลาสเดินดูของแบบเซ็งๆ
“ของพวกนี้ฉันมีหมดแล้ว น่าเบื่อไปซะทุกอย่าง”
“แล้วคุณอยากทำอะไร??” ปองเทพถาม
อรวิลาสหันไปมองปองเทพแล้วก็นึกอะไรออก เธอหันไปมองปองเทพอีกครั้งอย่างมีเลศนัย ปองเทพมองอรวิลาสด้วยความสงสัย
อรวิลาสพาปองเทพเข้ามาในร้านเสื้อผ้าผู้หญิง
“ร้านนี้เสื้อผ้าสวยดีนะครับ” ปองเทพชม
“นายชอบเหรอ?” อรวิลาสถาม
“ก็ครับ”
“ดีเลย นายอยากได้ตัวไหน หยิบเลยนะ ฉันเป็นสปอนเซอร์ให้เอง”
ปองเทพงงมาก “แต่นี่มันร้านเสื้อผู้หญิง...”
“ก็ใช่ไง..ฉันรู้น่าว่าลึกๆนายอยากแต่งหญิง เพราะฉะนั้นฉันจะทำให้ฝันนายเป็นจริง”
ปองเทพตกใจมาก “ห๋า!!!!! เออ คือ” ปองเทพอึกอัก “ผมว่าอย่าดีกว่า”
อรวิลาสหันไปทางพนักงาน “ขอชุดที่เปรี้ยวที่สุดให้เพื่อนฉันลองหน่อย”
พนักงานรับคำ “ค่ะ”
ปองเทพหน้าเสีย พนักงานมองปองเทพแล้วอมยิ้มก่อนจะเดินออกไป ปองเทพหน้าเจื่อนสุดๆ
ปองเทพมองเสื้อผ้าหลายชุดในมือด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เขาเงยหน้ามองอรวิลาส
“มันจะดีเหรอครับคุณอร ผมว่าอย่าเลย”
อรวิลาสชักหงุดหงิด “ไหนนายบอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวให้หายเครียดไง ก็นี่แหละที่จะทำให้ฉันหาเครียด หรือว่านายจะผิดคำพูดห๊ะ!!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“ถ้าไม่ใช่ ก็รีบเปลี่ยนชุดออกมาให้ฉันเห็นเร็วๆ” อรวิลาสบอก ปองเทพยังละล้าละลัง “เร็วสิ!!”
“โอเคครับโอเค ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ปองเทพเข้ามาในห้อง อรวิลาสยิ้มพอใจแล้วเดินไปนั่งรอ
ในห้องลองชุด ปองเทพเอาชุดมาแขวนกับราวด้วยสีหน้าหนักใจมาก
“ทำไมซวยอย่างนี้วะไอ้ป่อง!! หรือเราจะบอกคุณอรไปเลยว่าเราไม่ใช่เกย์ แล้วคุณอรจะเชื่อเรารึเปล่านะ เฮ้อ...ทำยังไงดี??” ปองเทพเกาหัวไม่หยุด
ทันใดนั้น ก็มีเสียงอรวิลาสเคาะประตูดังปังปัง
อรวิลาสตะโกนเข้ามา “นี่..เสร็จเหรอยัง?!!!”
ปองเทพตกใจ “ผมเพิ่งเข้ามายังไม่ถึงสามนาทีเลยนะครับ”
“ให้ไว ฉันไม่ชอบรออะไรนานๆ” อรวิลาสบอก
ปองเทพครุ่นคิด “เอาให้รอดวันนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว” ปองเทพหันไปทำท่าสาวกับกระจก “สู้ตายฮ้า”
ปองเทพสวมชุดซึ่งมีทั้งเสื้อลูกไม้ ตาข่าย ผ้าพริ้ว ผ้ากำมะหยี่ ชุดกระโปรงสั้น กระโปรงยาว กางเกงผ้า กางเกงขาสั้น ปองเทพเดินออกมาพร้อมทั้งโพสท่าเป็นสาวแอ๊บแบ๊วคิกขุประมาณ 4-5 ชุด
อรวิลาสชอบใจมาก เธอเอาไอโฟนออกมาถ่ายรูปปองเทพเอาไว้
อรวิลาสกับปองเทพใส่ชุดแบบเดียวกันแต่คนละสีเดินออกมาจากห้องลองเสื้อแล้วโพสท่าพร้อมกัน
เวลาผ่านไป ปองเทพกับอรวิลาสมานั่งทำผมที่ร้าน
เวลาผ่านไป ปองเทพถูกจับแต่งหน้า ถูกเขียนขอบตา ทาปาก ทาแก้มอยู่ข้างๆ อรวิลาสที่กำลังแต่งหน้าเหมือนกันที่บูธเครื่องสำอางก์
ปองเทพกับอรวิลาสแต่งหน้า ทำผม และแต่งตัวกันแบบจัดเต็ม ทั้งสองเดินออกมาด้วยกันตามทางราวกับเดินอยู่บนแคตวอร์ค คนแถวนั้นมองตามเป็นตาเดียว ปองเทพเดินสะดุดเพราะไม่ถนัดสวมรองเท้าส้นสูง แต่เขาก็ทรงตัวกลับมาเดินต่อได้
อรวิลาสกับปองเทพนั่งดื่มน้ำอยู่ด้วยกัน ผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นปองเทพก็หันไปยิ้มให้เพราะนึกว่าเป็นผู้หญิง ปองเทพเหวอ ผู้ชายคนนั้นเดินจากไป
“พอนายแต่งหญิงแล้วสวยมาก เคยอยากผ่าตัดแปลงเพศป่ะ” อรวิลาสถาม
ปองเทพสำลักน้ำไม่หยุด
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ตอนนี้เราเป็นเพื่อนสาวกันแล้วนะ เพราะฉะนั้นเพื่อนย่อมต้องช่วยเพื่อน ฉันให้นายยืมเงินไปทำนมก่อนก็ได้”
ปองเทพถึงกับไปไม่ถูก “คุณอร..ผมไม่เคยมีความคิดอยากผ่าตัดแปลงเพศเลยนะครับ”
“แสดงว่านายเป็นเกย์ควีนน่ะสิ”
“ถ้าผมบอกคุณว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมเป็นแมนทั้งแท่ง”
อรวิลาสนิ่งไปสักพักแล้วก็ขำออกมา “อย่ามาโกหก ฉันไม่เชื่อนายหรอก”
อรวิลาสหัวเราะไม่หยุด ปองเทพได้แต่ถอนหายใจแล้วก็ก้มมองสภาพตัวเองอย่างปลงๆ
วเรศถือกะละมังใส่เสื้อผ้าเดินแบบไม่ค่อยถนัดออกมา เอมิกาจะเข้ามาช่วย
“ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง!!” วเรศสวนทันที เอมิกาผงะ “เธอไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ฉันจะเอาเสื้อลงไปซักที่ห้องซักผ้าของคอนโด”
วเรศส่ายหัวเพราะเซ็งมากแล้วก็เดินไป เอมิกาพ่นลมหายใจออกมา
“แค่นี้ก็ต้องโกรธด้วย”
วเรศยืนมองผ้าปูที่นอนที่เอมิกาปูให้ซึ่งยับย่นมาก
“แน่ใจนะว่าเปลี่ยนผ้าปูให้ฉันใหม่แล้ว?” วเรศถาม
เอมิการับคำ “ค่ะ”
“ทำไมมันยับย่นอย่างเนี้ย!”
เอมิกาเงียบ วเรศเดินมาดึงผ้าปูที่นอนจึงเห็นว่ามุมผ้าไม่ได้ผูกปมเอาไว้
“มิน่าผ้าถึงไม่ตึง เธอต้องผูกปมไว้แบบนี้ ไม่รู้เหรอ?”
“ไม่รู้..” เอมิการีบแก้ตัว “ก็ที่บ้านคุณชื่นมันเป็นยางยืด”
วเรศเอือม “เธอนี่แปลก อะไรที่ควรทำได้ ก็ทำไม่ได้ แต่อะไรที่ไม่น่าจะทำได้ กลับทำได้ดี อย่าง...พูดภาษาอังกฤษ”
เอมิกาหลบตาแล้วทำหน้าเหรอหรา วเรศมองนิ่ง
“มองหน้าฉัน” วเรศบอก เอมิกาไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขาเต็มๆ “ฉันจะทำให้เธอดู แล้วก็จำไว้ด้วย”
วเรศจัดการปูเตียง เขาผูกปมที่มุมทั้งสี่แล้วยัดใส่ใต้เตียง เอมิกามองด้วยความทึ่งเพราะไม่อยากจะเชื่อ เวลาผ่านไปเล็กน้อย ผ้าปูที่นอนตึงเปรี๊ยะ วเรศเอาเหรียญออกมา เอมิกามองแล้วก็สงสัย
“คุณจะทำอะไร?”
วเรศไม่ตอบ เขาโยนเหรียญลงไปบนเตียงแล้วเหรียญก็เด้ง เอมิกาเหวอ วเรศหันมาพูด
“เธอต้องปูผ้าให้ตึง จนเหรียญเด้งได้แบบนี้ถึงจะผ่าน”
วเรศเก็บเหรียญและดึงผ้าปูเตียงออก เอมิกางง
“คุณเอามันออกทำไม?”
“เพราะมันเป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำ ไม่งั้นก็กลายเป็นว่าฉันทำเองสิ”
วเรศเอาผ้าปูเตียงยัดใส่มือเอมิกาแล้วเดินออกไป เอมิกาอ้าปากค้าง
ปองเทพแต่งตัวชุดเดิมเดินมากับอรวิลาส
“นายไม่น่าเปลี่ยนชุดเลย” อรวิลาสบอก
“พอเถอะครับคุณอร ผมอายตัวเองจะแย่ แล้วอีกอย่างขืนผมแต่งตัวแบบนั้นไปในที่ที่ผมจะพาคุณไปหลังจากนี้ ผู้คนคงแตกตื่น”
อรวิลาสแปลกใจ “นายจะพาฉันไปไหน?”
ปองเทพยิ้ม อรวิลาสสงสัย
ป้าย “บ้านเด็ก.....” ติดอยู่ด้านหน้า เด็กๆกำลังตั้งใจเรียนหนังสืออยู่ในห้อง ปองเทพกับอรวิลาสยืนอยู่ด้วยกันด้านหน้า
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?” อรวิลาสถาม
“เด็กพวกนี้ ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะว่าพ่อแม่ยากจน พอถึงวันหยุด จะมีอาสาสมัครมาสอนหนังสือให้ฟรี ทั้งหนังสือ สมุด ปากกา ก็เป็นของที่คนบริจาคเข้ามา” ปองเทพเล่า อรวิลาสฟังแล้วก็ชะงัก “มันฟังดูลำบากใช่มั๊ยครับ” อรวิลาสพยักหน้า “แต่ถึงอย่างนั้นพวกเค้าก็ไม่เคยย่อท้อ ถึงแม้ว่าจะเรียนช้ากว่าเด็กรุ่นเดียวกัน”
“นายจะบอกอะไรฉันกันแน่?”
“ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้หรอกครับ ลองถ้าคุณตั้งใจจริงแล้ว ผมก็มั่นใจว่าคุณต้องทำได้”
ปองเทพให้กำลังใจอรวิลาส อรวิลาสนิ่งอึ้งก่อนจะหันไปมองเด็กๆพวกนั้นอีกครั้ง
เอมิกาปูเตียงจนเสร็จ เธอเอาเหรียญออกมาโยนลงไปบนเตียงแล้วเหรียญก็เด้ง เอมิกาทำท่าเยส!!
“สำเร็จ! ไม่นึกเลยว่าปูเตียงมันจะยากเย็นขนาดนี้”
แล้วเอมิกาก็ได้กลิ่นหอม
เอมิกาหันไปดม “กลิ่นอะไรหอมจัง”
เอมิกาเดินออกไปตามกลิ่น
วเรศใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำสเต็คอยู่ในครัว เอมิกาเดินมาเห็นวเรศก็หยุดยืนมอง วเรศทำอาหารด้วยความคล่องแคล่ว เอมิกามองด้วยความทึ่งและประทับใจที่เห็นผู้ชายทำอาหาร วเรศหันมา เอมิการีบฉีกยิ้ม
“เสร็จแล้วเหรอ” วเรศถาม
“ค่ะ..คุณไปเช็คได้เลย รับรองเหรียญเด้ง ดึ๋งดึ๋ง”
“ไม่ต้อง ไปนั่งที่โต๊ะ อาหารจะเสร็จแล้ว”
เอมิกาแปลกใจ วเรศหันไปทำอาหารต่อ
อาหารถูกวางอยู่เต็มโต๊ะ ทุกจานดูน่ากินมากจนเอมิกาต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
วเรศบอก “นั่งสิ”
“เออ อย่าเลยค่ะ ฉันเข้าไปทานในครัวก็ได้” เอมิกาปัด
“ฉันบอกให้นั่งก็นั่ง”
เอมิกาแปลกใจ “แต่ฉันเป็นคนใช้นะคะ”
“คนใช้แล้วไง?”
เอมิกามองวเรศอย่างรู้สึกดี วเรศยิ้มจริงใจ
เอมิกากินอาหารเข้าไปก็รู้สึกถึงความอร่อย
“อร่อยสุดยอด คุณน่าจะไปเปิดร้านอาหารนะเนี่ย” เอมิกาชม
“ฉันก็อยากอยู่”
“อยาก..แล้วทำไมไม่เปิดล่ะคะ”
“พ่อแม่ฉันอยากให้ฉันเป็นนักการเมือง”
“แต่นี่มันชีวิตคุณ ไม่ใช่ชีวิตพ่อแม่ซักหน่อย” เอมิกาบอก วเรศชะงัก เอมิการู้ตัว “เออ...ฉันคงพูดผิดไป”
วเรศนิ่งไปเล็กน้อย “เธอพูดไม่ผิด แต่บางทีคนเราก็ไม่สามารถทำแบบที่ใจเราต้องการได้ทุกอย่าง” วเรศรีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันจะฝากอาหารไปให้อาพีกับอาชื่นด้วยนะ”
“ค่ะ”
วเรศก้มหน้ากินข้าวต่อ เอมิกามองวเรศด้วยความเห็นใจ
วเรศยื่นซองเงินให้เอมิกา
“ค่าเหนื่อยของเธอ”
“อ่า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเลี้ยงข้าวฉันแล้ว”
“อันนั้นไม่นับ รับไปซะ เธอสมควรได้”
เอมิกานิ่งไปซักพักแล้วก็ยกมือไหว้ก่อนจะรับซองมา
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันไปส่ง”
เอมิการีบพูด “ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับเอง”
วเรศพยักหน้า แล้วเอมิกาก็เดินออกไป
เอมิกาเดินออกมาพร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถือมาด้วย
“นง..ฉันออกมารอแกที่หน้าคอนโดแล้ว” เอมิกาฟัง “อีกไม่เกินห้านาที โอเค..เจอกัน”
เอมิกากดวางสายแล้วก็เดินไปรอให้ห่างจากหน้าคอนโดมีเนียม
วเรศเห็นถุงอาหารของเอมิกาวางไว้บนโต๊ะ
“ลืมจนได้”
วเรศรีบคว้าถุงอาหารแล้วเดินจ้ำออกไป
เอมิกายืนรอรถนงลักษณ์ ไม่นานรถนงลักษณ์ก็แล่นมาจอด เอมิกายิ้มแล้วก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง รถขับออกไป วเรศเห็นเอมิกาขึ้นรถไปก็อึ้งและแปลกใจมาก วเรศมีสีหน้าครุ่นคิด
นงลักษณ์ขับรถไป ขณะที่เอมิกาซึ่งนั่งข้างๆกำลังดูของในถุง
“ของครบนะ” นงลักษณ์ถาม
“โฟมล้างหน้า ครีมกันแดด ครีมทาผิว..แต้งมาก ถ้าไม่มีของพวกนี้ ผิวหน้าผิวตัวฉันพัง!”
“ย่ะ..แม่ไฮโซ ขนาดมาเป็นคนใช้ ก็ยังทิ้งชีวิตแบบคุณหนูไม่ได้ แล้วแกจะเข้าใจการเป็นคนใช้ได้จริงเหรอ?”
เอมิกานิ่ง พลันเสียงมือถือเอมิกาดังขึ้น เอมิกาหยิบมือถือที่ไม่ใช่ไอโฟนออกมา
เอมิกากดรับสาย “ฮัลโหล” เอมิกาผงะ “คุณตั้ม!”
นงลักษณ์กับเอมิกาเหล่มองหน้ากัน
“คุณรู้เบอร์มือถือฉันได้ไง” เอมิกาฟัง “โทรไปถามคุณชื่น...เออใช่ ฉันลืมอาหารเอาไว้” เอมิกาฟัง “ถ้างั้นฉันจะกลับไปเอา”
เอมิกาวางสายแล้วหันไปทางนงลักษณ์
“แกพาฉันกลับไปส่งที่คอนโดหน่อยดิ”
นงลักษณ์พยักหน้า
เวลาผ่านไป เอมิกาหันไปทางนงลักษณ์
“แกจอดส่งฉันแถวนี้แหละ ไม่ต้องไปใกล้คอนโดมาก เดี๋ยวเค้าเห็น”
นงลักษณ์จอดรถ เอมิกาลงจากรถแต่พอหันไปก็เจอวเรศยืนอยู่ เอมิกาแทบช็อค ส่วนนงลักษณ์เองก็อึ้งไม่แพ้กัน วเรศนิ่งมอง
“คุณตั้ม!” เอมิกาตกใจ
“ฉันกลัวเธอเสียเวลาขึ้นไปเอาอาหารที่ห้อง ฉันก็เลยลงมารอ” วเรศบอก
วเรศมองเข้าไปในรถ นงลักษณ์ไม่กล้าสบตา
“นั่นใคร? !” วเรศถาม
“เออ...” เอมิกาคิด “ลูกสาวเจ้านายเก่าฉันไงคะ คนที่ฉันเล่าให้คุณฟังบ่อยๆ”
นงลักษณ์ได้ยินที่เอมิกาพูดก็เหวอมาก เอมิกาหันมาทางนงลักษณ์ที่นั่งในรถ
“คุณนนนี่คะ” เอมิกาเรียก
นงลักษณ์เอ๋อ เอมิกาขยิบตาสุดฤทธิ์
“นี่คุณวเรศค่ะ” เอมิกาแนะนำ
นงลักษณ์จำต้องลงจากรถรถแล้วหันไปทางวเรศพร้อมยิ้มแฉ่ง
“สวัสดีค่ะ”
“คุณนนนี่เพิ่งกลับมาจากอเมริกา อยากเจอฉันมาก ก็เลยขอมารับฉันที่นี่ ใช่มั๊ยคะ” เอมิกาถาม
นงลักษณ์เปลี่ยนท่าทางการพูดทันที “โอ้..เยส..ใช่ค่ะใช่ นนนี่มาซัมเมอร์กับแฟมิลี่ ทูมอโร่ก็จะกลับแล้ว คิดถึงชะเอมมากก็เลยต้องมาหา”
“อ๋อครับ...” วเรศมองนงลักษณ์ “แต่ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง”
นงลักษณ์ทำเป็นหัวเราะ “หน้าฉันโหลน่ะค่ะ ใครเห็นหน้าฉันก็บอกว่าคุ้นไปหมด โอ้มายก๊อด!มั๊ยล่ะคะ โฮะๆๆ”
เอมิการีบคว้าถุงอาหารมาจากวเรศ “ฉันไปก่อนนะคะ”
นงลักษณ์กล่าวลา “บาย ซียู...”
นงลักษณ์กับเอมิการีบขึ้นรถ แล้วนงลักษณ์ก็รีบขับรถออกไปทันที วเรศงงมากและรู้สึกไม่ค่อยเชื่อ
เอมิกากับนงลักษณ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เกือบไปแล้ว โชคดีนะที่แกไหวพริบดี” นงลักษณ์บอก
“แกก็ด้วยแหละ ถ้าแกรับมุขไม่ทัน มีหวัง” เอมิกาทำท่าปาดคอ
เอมิกากับนงลักษณ์หันมามองหน้ากันอย่างสยองๆ
ปองเทพส่งถุงของให้อรวิลาส อรวิลาสรับถุงมาแล้วก็จับมือปองเทพ ปองเทพอึ้งไป
“ขอบใจมากนะ ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
“อ่า...ครับ”
อรวิลาสยิ้มแล้วก็ปล่อยมือปองเทพก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ปองเทพยกมือที่อรวิลาสจับขึ้นมามองอย่างรู้สึกอึ้งๆ แปลกๆ เขาอยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้าและรู้สึกว่าตัวเองกำลังสับสนมากๆ
แป๊ะกับพายไก่กำลังนั่งดู นางแบบและนายแบบที่กำลังเดินอยู่ที่ห้องเสื้อ โดยมีเจ๊มัม สไตล์ลิสยืนกำกับ
“หยุด โพส หมุนสองรอบ โพส เดินกลับ”
แป๊ะดูแล้วก็หงุดหงิด “พอเลยพอ!”
เจ๊มัม นางแบบ นายแบบ และพายไก่หันมา แป๊ะลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าวีน
“คิดอะไรใหม่ๆบ้างได้มั๊ยเจ๊”
เจ๊มัมชะงักเพราะไม่พอใจ
“ผ่านไปสิบปีก็ยังเดินแบบนี้ แป๊ะต้องการอะไรใหม่ๆ แหวกๆ เลิศๆ เดิ้นๆ เจ๊คิดเป็นมะ”
“เดินแฟชั่นนะยะ ไม่ใช่ถ่ายหนังฮอลลีวู๊ด ทำไมต้องเอาแหวกๆใหม่ๆด้วยห๊ะ!!” เจ๊มัมสวน
“เพราะนี่เป็นงานเดินแฟชั่นงานแรกของห้องเสื้อแป๊ะ เพราะฉะนั้นแป๊ะต้องการอะไรที่แปลกไม่เหมือนใคร แป๊ะถึงเลือกเจ๊ให้มาเป็นสไตลลิชงานนี้ ถ้าเจ๊นึกได้แต่อะไรพื้นๆ แล้วแป๊ะจะเอาเงินจ้างตัวแม่อย่างเจ๊ทำไม?!!”
พายไก่ กับบรรดานายแบบนางแบบตกใจ เจ๊มัมจิกตามองเพราะแป๊ะโกรธมาก
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปจ้างคนอื่น” เจ๊มัมบอก แป๊ะตกใจ “เพราะฉันเป็นของฉันแบบนี้”
“ไม่ได้นะ!! อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแล้ว แล้วแป๊ะจะไปหาใครได้ทัน”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าหาใครไม่ได้ ก็เอาพวกหมูป่า ฮิปโปแถวนี้” เจ๊มัมเหล่พายไก่ พายไก่สะดุ้ง “เดินแทนก็แล้วกัน” เจ๊มัมหันไปพูดกับนายแบบ นางแบบ “พวกเรา..กลับ!”
แป๊ะเข้ามาจับแขน “เจ๊จะไปก็ไปคนเดียวสิ พาเด็กไปด้วยทำไม?”
“ก็นี่มันเด็กของฉัน! ฉันไปไหน พวกเค้าก็ต้องไปด้วย”
เจ๊มัมแกะมือแป๊ะออกแล้วเดินฉับๆออกไปพร้อมกับนายแบบและนางแบบ แป๊ะเหวอมาก พายไก่รีบเสนอหน้าเข้ามาข้างๆ
“นังเจ๊บ้า!”
แป๊ะหันไปทางพายไก่ที่เอาหน้ามาใกล้ก็ตกใจ
“ว๊าย! หมูป่า...”
“ฮิปโปค่ะ เอ๊ย..พายไก่ค่ะ”
“แกจะมายืนทำซากตรงนี้ทำไม รีบโทรตามนางแบบนายแบบจากโมเดลลิ่งอื่นสิ”
“ค่ะ ค่ะ”
พายไก่รีบเดินออกไปอย่างลนลาน แป๊ะหงุดหงิดและหัวเสียมาก
เจ๊มัมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกห้องเสื้อ
“ฉันเจ๊มัมนะ...บอกทุกคนว่าถ้านังแป๊ะโทรมา อย่าไปเดินแบบให้มัน ถ้าใครไม่ฟัง ฉันจะแบน ไม่ให้ได้อยู่ในวงการนี้อีกเลย” เจ๊มัมวางสาย “ไม่รู้จักเจ้าแม่อย่างฉันซะแล้วนังแป๊ะซะ!”
เจ๊มัมทำหน้าร้าย
แป๊ะลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจมาก
“ว่าไงนะ!”
พายไก่ยืนรายงานอยู่ตรงข้าม
“ไม่มีใครว่างมาเดินแบบให้ฉัน!!?”
“ใช่ค่ะ”
“แกโทรทุกโมเดลลิ่งหรือยัง ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่ว่างกันหมด”
“พายไก่โทรจนทั่วแล้วจริงๆนะฮะ พายไก่ว่าเพราะคุณแป๊ะไปมีเรื่องกับเจ๊มัมมากกว่า ก็เลยไม่มีใครกล้าช่วยคุณแป๊ะ”
แป๊ะโมโห “มาเฟียที่สุด แล้วแบบนี้ฉันจะทำยังไง?”
พายไก่นิ่งไป แป๊ะหน้าเสียสุดๆ
ตกดึก แป๊ะเมามายกลับเข้ามาในบ้านพร้อมร้องเพลงไปด้วย
“....อยากให้เค้ารู้รรรรรร ว่ามันเจ็บ เจ็บเพียงไหน ตอบ...ฉันได้มั๊ย ว่าฉันผิด..ผิดอย่างไร”
ปองเทพวิ่งออกมาเห็นแป๊ะก็ตกใจ
“คุณแป๊ะ!! ทำไมคุณแป๊ะเมาขนาดนี้ครับ”
แป๊ะฟูมฟาย “ป่อง ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว งานแฟชั่นที่ฉันวางแผนมาหลายเดือน มันจบ..จบ!! ฮือๆๆ”
แป๊ะกอดปองเทพพร้อมซุกไซร้จนปองเทพจักจี้ เขาพยายามดันแป๊ะให้ออกห่าง
“คุณแป๊ะใจเย็นๆครับ ปล่อยผมก่อน”
“ฉันไม่ปล่อย ตอนนี้จิตฉันตกไปถึงตาตุ่ม ฉันต้องการคนปลอบใจ ป่องกอดฉันหน่อยสิ”
ปองเทพหน้าเสีย แป๊ะเบียดตัวเข้าไปหา ปองเทพจำต้องกอดแป๊ะเอาไว้แต่ก็ไม่กล้ากอดมาก
“กอดแน่นๆสิป่อง ฉันต้องการไออุ่นจากเธอ”
ปองเทพกล้ำกลืนจำยอมกอดแป๊ะแน่น ด้วยสัญชาติญาณแป๊ะก็ตะปบก้นปองเทพดังหมับ ปองเทพตกใจ “เฮ้ย!!”
ปองเทพเสียหลักถอยไปชนโซฟาแล้วล้มหงายหลังโดยมีแป๊ล้มมาะอยู่ตรงหว่างขาด้านบนพอดี ปองเทพตาเหลือกเพราะนึกว่าต้องเสียตัวแน่ๆ แป๊ะมองปองเทพตาเยิ้มและหน้าแดง
“คุณแป๊ะ อย่านะครับ”
แป๊ะค่อยๆโน้มหน้าลงมาใกล้ ลงมาใกล้ ปองเทพลุ้นจนขนลุกเกรียว
“อย่า...อย่า..า..า..า..า!!”
แป๊ะลงมาที่ซอกคอปองเทพแล้วก็นิ่งไป ปองเทพชะงัก
“คุณแป๊ะ”
แล้วแป๊ะก็กรนออกมาเสียงดัง ปองเทพโล่งอก
“เฮ้อ..หลับ....”
เอมิกามองปองเทพแล้วก็ถอนหายใจ
“น่าสงสารคุณแป๊ะนะ” เอมิกาว่า
“ใช่..เราเห็นคุณแป๊ะเตรียมงานนี้มานานแล้ว นี่เป็นความฝันของแกเลยนะ พูดแล้วก็เศร้าใจแทน”
“แล้วแกจะยกเลิกงานจริงๆเหรอ ลงทุนไปตั้งเท่าไหร่”
“แกว่าไม่มีนางแบบ นายแบบ แล้วจะมีงานเดินแบบได้ยังไง?”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกคุณแป๊ะ การที่เราเห็นความฝันตรงหน้ากำลังจะกลายเป็นจริง แล้วอยู่ดีดี มันก็พังครืนลงมา มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดสุดๆ”
ปองเทพพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเอมิกาก็นึกอะไรออก
“เฮ้ย!” ปองเทพหันมามอง เอมิกาพูด “ฉันว่าเรามาช่วยคุณแป๊ะกันเหอะ”
ปองเทพมองเอมิกาด้วยความสงสัย
แป๊ะยืนเหม่อมองอยู่ที่ริมหน้าต่างบ้านในสภาพตาบวมและหน้าโทรมเยิน เขายังแฮ้งค์จากเมื่อคืนอยู่
แป๊ะเพ้อ “หมด...หมดสิ้น..จบซึ่งแล้วทุกสิ่ง...จบสิ้นแล้วทุกอย่าง...” แป๊ะสะอื้น
ทันใดนั้นปองเทพก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลังเลและกล้าๆกลัวๆ
“คุณแป๊ะครับ” ปองเทพเรียก แป๊ะรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันไป “ผมหาคนช่วยคุณแป๊ะเรื่องจัดงานแฟชั่นได้แล้วครับ
แป๊ะอึ้งและสงสัยสุดๆ
“ใคร?!!”
นงลักษณ์แต่งตัวเป็นทอม ทั้งรัดผม ใส่แว่นหนาและแต่งตัวแฟชั่นจัดมาก เธอมากับชัยพรที่แต่งตัวเป็นเก้งกวางที่ดูน่ารัก
ปองเทพยืนอยู่กับแป๊ะ แป๊ะมองนงลักษณ์กับชัยพรอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“คุณนีโน่ ออร์กาไนซ์เซอร์มือหนึ่งของประเทศไทย แล้วนี่ก็คุณชมพู่ เลขาคุณนีโน่ครับ” ปองเทพแนะนำ
นงลักษณ์กับชัยพรยิ้มแฉ่ง