ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 7
พัชรีรีบวิ่งหนีก่อนจะมาถึงรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดไว้ เธอรีบใส่หมวกกันน็อคแล้วกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซด์ ก่อนจะสตาร์ท อำนาจวิ่งตามมาทันแล้วตั้งท่าจะยิง พัชรีรีบบิดคันเร่งขี่มอเตอร์ไซด์พุ่งใส่อำนาจ อำนาจที่กำลังจะยิงก็รีบหลบ พัชรีขี่มอเตอร์ไซต์ออกไปอย่างรวดเร็ว อำนาจมองตามด้วยความแค้นก่อนจะรีบวิ่งออกไป
พัชรีขี่มอเตอร์ไซด์เข้ามาในโรงแรมแต่ถูกยามห้ามไม่ให้เข้า พัชรีทะเลาะกับยามเสียงดังลั่น เธอโมโหจนต้องถอดหมวกกันน็อคออก ขณะพัชรีกำลังเถียงกับยาม รถของอำนาจก็แล่นเข้ามาจอด เขามองพัชรีกับยามที่กำลังทะเลาะกันแล้วยิ้มร้าย
ปีเตอร์โวยวายใส่พัชรีที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่ที่โซฟา
“วันหลังจะทะเลาะกับใครคิดถึงหน้าเราบ้าง เราน่ะอายสุดๆ เลยนะพัชรี”
“ขออภัยเพคะ คือพัชรีรีบ เลยไม่ทันได้เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อน”
“แล้วเรื่องที่สืบเป็นยังไงบ้าง” ปีเตอร์ถาม
“ชัวร์เลยเพคะ”
“ชัวร์ว่า”
“ก็นายชรินทร์เป็นคนฆ่านายสุเมธแน่ๆ พัชรีได้ยินมาเต็มสองหู”
ปีเตอร์ได้ฟังแล้วก็เครียดจึงทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความหนักใจ
“แสดงว่านี่ก็เป็นงานใหญ่ ถ้าจะจับคนอย่างนั้นให้ได้ เราก็ต้องมีหลักฐานแน่นหนา”
“รูปไงเพคะ อาจจะมีรูปอื่นที่ใช้เป็นหลักฐานได้”
“งั้นรีบโทรไปถามที่ร้าน ว่าซ่อมเสร็จรึยัง”
พัชรีรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ปีเตอร์รีบเข้ามาฟังใกล้ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“จะโทรมาถามเรื่องเอสดีการ์ดที่มาซ่อมไว้ .....ว่าไงนะยังไม่เสร็จ ....กลับไปเมืองจีน กลับไปได้ยังไง ไม่รู้ว่าข้อมูลในนั้นมันสำคัญมากแค่ไหน.......ยังไงก็ต้องรอ ...อีกสองอาทิตย์ ... บ้าที่สุด”
พัชรีวางโทรศัพท์ด้วยความโมโห ปีเตอร์หน้าเครียด
“สองอาทิตย์ เจ้าชายจะรอไหวรึเปล่านะ ...” ปีเตอร์โพล่งออกมา
“ว่าไงนะเพคะ”
“มะ..ไม่อะไรหรอก ... ว่าแต่ตอนที่เธอเข้ามา นอกจากยามไม่มีใครเห็นเธออีกแน่นะ”
“ไม่มีแน่นอนเพคะ” พัชรียิ้มอย่างมั่นใจ
ในห้องทำงานของชรินทร์ ชรินทร์มองหน้าอำนาจด้วยความแปลกใจ
“คนของเจ้าชายงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ ก็นังนี่ที่มันเป็นนักข่าว แล้วมันปลอมตัวเข้าไปสืบในผับของเราไงครับ เมื่อวานมันก็ปลอมตัวเป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง”
“ทำไมเจ้าชายต้องส่งนักข่าวมาตามเรา หรือว่าเจ้าชายรู้เรื่องอะไร” ชรินทร์สงสัย
“แต่เจ้าชายกับไอ้สุเมธไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันนะครับ เจ้านาย หรือว่า... ไอ้สุเมธจะมีเชื้อเจ้าของนิวแลนด์”
“หน้าแบบนั้นน่ะ เชื้อเจ้าจากนิวแลนด์” ชรนิทร์ทำหน้าเซ็งก่อนจะเอามือเบิ๊ดกะโหลกอำนาจ “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามีสมองไว้แค่คั่นหู ...หัดใช้ความคิดซะบ้าง”
“แล้วเจ้านายคิดออกมั้ย” อำนาจย้อนถาม
“คิดออกแล้วจะมายืนกลุ้มอยู่ทำไมล่ะ ...” ชรินทร์ชี้หน้าอำนาจ “แกต้องไปสืบให้รู้ว่า เจ้าชายส่งคนมาตามเรื่องชั้นทำไม”
“ครับเจ้านาย”
อำนาจรีบออกไป ชรินทร์ครุ่นคิดด้วยสายตาชั่วร้าย
ป้ายคณะลิเกยายขมถูกขึงใหม่จนแลดูสวยงาม ยายขมยืนอยู่ตรงหน้าโซว์ ขิง รุ้ง และตุ๊ก ยายขมกวาดสายตามองทุกคนสีหน้าปลาบปลื้ม
“ในที่สุดก็มาถึงวันที่เปิดวิกอีกครั้ง ขอบใจทุกคนที่ตั้งใจ และพยายามอยากให้คณะลิเกของข้ากลับมา โดยเฉพาะ” ยายขมพูดกับโซว์ “เอ็งไอ้โซ่ ขอบใจที่เอ็งอยากอนุรักษ์ลิเกเอาไว้ ข้าขอให้ทุกคนทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องสนใจว่าผลจะเป็นยังไง” ยายขมยื่นมือออกไปตรงกลางวง “สู้!!”
โซว์ ขิง รุ้ง ตุ๊ก ยืนมือมาจับมือยาย
ทุกคนพูดพร้อมกัน “สู้!!!”
ขิงกับโซว์ยิ้มให้กัน
แก้วกับยอดแอบมองโซว์ ขิง ตุ๊ก รุ้ง และยายขมอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ได้สู้จนตายแน่!! ฮึๆๆๆๆ” แก้วยิ้มร้าย
ยอดเดินมาหา แก้วหันไปถาม
“เรียบร้อยมั้ย”
“โอเคครับพี่” ยอดตอบ
“ออกไปรอดูความหายนะของมันได้แล้ว”
แก้วกับยอดเดินออกไป
รุ้งแต่งตัวสวยอยู่หน้ากระจก เธอหันมาใส่รองเท้าแล้วก็สะดุ้งพร้อมกับกรี๊ดลั่น
“อ๊ายย!!”
ทุกคนตกใจหันมาเห็นเท้าของรุ้งเลือดออก รุ้งทรุดนั่งลงบนพื้น
“ตายแล้ว!! อะไรกันเนี่ย” ยายขมตกใจ
ขิงรีบเข้ามาดูรองเท้า “มีเศษแก้วในรองเท้า”
“ฝีมือไอ้แก้วอีกแน่ๆ” โซว์บอก
“มันจะจองล้างของผลาญเราไปถึงไหน” ตุ๊กไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรยาย ชั้นเล่นได้” รุ้งพยายามยืนขึ้น “สบายมาก”
-รุ้งล้ม ขิงกับตุ๊กรีบมาประคอง
“ยืนยังไม่ไหว แล้วจะเล่นได้ยังไง ไอ้ตุ๊กพามันโรงพยาบาลก่อน” ยายขมสั่ง
“ไม่นะยาย ชั้นเล่นได้จริงๆ ชั้นไม่ไป ชั้น..ไม่...”
ทันใดนั้นรุ้งก็เป็นลม ทุกคนตกใจร้อง เฮ้ย!!
“รีบพาไปเร็วไอ้ตุ๊ก”
ตุ๊กอุ้มรุ้งพาเดินออกไป ยายขม ขิง และโซว์มองหน้ากันด้วยความวิตกกังวล
คนดูในโรงลิเกร้องหาศรรัก ๆๆๆ กันจนดังลั่น แก้วกับยอดยิ้มร้ายให้กัน
“ศรรัก ออกมาซักทีสิวะ รอนานแล้วนะเว้ย” แก้วตะโกน
ขิง ยายขม และโซว์แอบดูอยู่หลังเวที ขิงหันมายายขมด้วยสีหน้าวิตก
“คนดูเริ่มโวยแล้วยาย ทำไงดี”
“ยายจะออกไปบอกว่าเรายกเลิก แล้วจะคืนเงินให้คนดู”
“ไม่ได้นะยาย เราจะทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเราจะขาดความน่าเชื่อถือ ยังไงคืนนี้เราต้องแสดง” โซว์ยืนยัน
“พูดอะไรไม่คิด ไม่มีนางเอก แล้วจะเล่นได้ยังไง”
โซว์คิดแล้วหันไปมองขิงก่อนจะยิ้มออกมา
“ไม่มีนางเอก แต่เรามีผู้หญิงอีกคน”
โซว์หันไปมองขิง ยายขมก็หันไปมองขิง
“ชั้นเหรอ?!” ขิงถาม
โซว์พยักหน้า ขิงส่ายหน้าไม่หยุด
“ไม่!! ชั้นไม่เล่นเป็นนางเอก ชั้นทำไม่ได้”
โซว์รีบเข้ามาพูด “ขิง..”
“นายไม่ต้องกล่อมชั้นเลย ยังไงชั้นก็ทำไม่ได้! ไม่มีวัน! ไม่มีทาง!”
ขิงจะเดินหนี โซว์จับไหล่ขิงให้หันมาแล้วมองหน้าเธอด้วยแววตาจริงจัง
“ขิง ฟังชั้นนะ ชั้นมั่นใจว่าเธอทำได้” โซว์บอก ขิงหน้าเสีย “เธอเคยต่อบทให้ชั้นไง จำไม่ได้เหรอ เธอเล่นได้แน่ๆเชื่อชั้นสิ”
ขิงส่ายหัว “ชั้นทำไม่ได้จริงๆ ชั้นขอโทษ”
ขิงก้มหน้า โซว์ถอนหายใจด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ยายขมเข้ามาสะกิดโซว์ โซว์หันไปมองยายขม ยายขมพยักหน้า โซว์เดินออกไป ยายขมเข้ามาจับมือขิง ส่วนขิงก็มองหน้ายาย
“ขิง..ขิงมักบอกยายเสมอๆว่าคณะลิเกคือความฝันของตา ขิงอยากให้คณะลิเกกลับมาโด่งดังอีกครั้ง ใช่มั้ยลูก”
ขิงตอบรับ “จ๊ะ”
“ในเมื่อเรามีโอกาสทำความฝันของตาให้สำเร็จอีกครั้ง ขิงจะปล่อยให้มันผ่านไปเหรอ” ยายขมถาม โซว์มองขิงอย่างลุ้นๆ “ยายรู้ว่าขิงทำได้ ลิเกมันอยู่ในสายเลือดของขิงแล้ว ทำเพื่อยาย เพื่อตา ทำเพื่อคณะของเรานะลูกนะ”
ขิงนิ่งไปพักหนึ่ง “ขิงขอโทษจ๊ะยาย ขิงทำไม่ได้จริงๆ”
โซว์ผิดหวัง ยายขมปล่อยมือจากขิงด้วยสีหน้าเครียด
“ยายจะไม่บังคับเอ็ง ยายจะออกไปบอกคนดูว่าคณะลิเกปิดแล้ว ปิดตลอดกาล”
ขิงตกใจ เธอมองหน้ายายขมก่อนจะหันไปมองโซว์ด้วยสีหน้าเครียดและครุ่นคิด
คนดูเริ่มไม่พอใจว่าทำไมยังไม่เริ่มแสดงซักที แก้วกับยอดหันมายักคิ้วให้กัน แก้วขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แล้วหันไปทางคนดู
“พ่อแม่พี่น้อง ไอ้คณะลิเกนี้มันหลอกลวง ไว้ใจไม่ได้ คราวที่แล้วก็เล่นห่วยๆมาครั้งนึงแล้ว แล้วพ่อแม่พี่น้องคิดว่าครั้งนี้มันจะเล่นให้เราดูได้เหรอ มันก็แค่โฆษณาชวนเชื่อ หลอกเอาเงินพ่อแม่พี่น้อง ป่านนี้พวกมันคงเชิดเงินหนีไปแล้ว”
คนดูเริ่มฮือฮาเราะเห็นด้วย “เออใช่ เออจริง แล้วไงเนี่ย จะทำยังไง”
“พี่แก้ว ชั้นว่าบุกเข้าไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่าว่าพวกมันยังอยู่หรือชักดาบไปแล้ว” ยอดเสนอ
แก้วชูมือหันไปทางคนดูเพื่อปลุกระดม “พวกเรา..ลุย!!”
คนดูเฮลั่น คนถ่ายวีดีโอที่เป็นคนลัดลดาทั้งสองคนมองหน้ากัน
“ไปบอกคุณลัดลดาเหอะว่าไม่เวิร์ค”
คนถ่ายวีดีโอทั้งสองคนกำลังจะกลับ แต่จู่ๆ เสียงดนตรีไทยโหมโรงก็ดังขึ้น คนถ่ายวีดีโอชะงัก แก้ว ยอด และคนดูชะงัก ทั้งหมดหันไปเห็นโซว์รำออกมาด้วยท่วงท่าสวยงาม คนดูเริ่มสนใจ ทั้งหมดค่อยๆนั่งลงแล้วตั้งใจดู คนถ่ายวีดีโอรีบตั้งกล้องถ่าย
แก้วกับยอดอึ้ง คนดูที่นั่งหลังแก้วกับยอดไม่พอใจจึงพูดกับเขา
“นั่งสิเว๊ย คนจะดูลิเก”
แก้วกับยอดทำหน้าเหรอหรา ทั้งสองรีบนั่งลงแล้วกระซิบกัน
“ทำไมมันเป็นงี้วะ นังรุ้งมันบาดเจ็บ ลิเกไม่นางเอกแล้วมันเล่นได้ยังไง”
“ฉันอยู่กับพี่ตรงนี้จะรู้ได้ไง”
แก้วกับยอดหันไปดูโซว์ด้วยความไม่พอใจ โซว์นั่งลงบนตั่งกลางเวที
“สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง...พอดีว่ารถติด ก็เลยมาช้า”
คนดูหัวเราะชอบใจ แม่ยกกรี๊ดไม่หยุด
“รักษาเสียงกันหน่อยนะจ๊ะแม่ๆๆทั้งหลาย ฉันเป็นห่วง ถ้าแม่ๆเสียงแหบ ฉันคงเจ็บจี๊ดๆไปถึงหัวใจ”
แม่ยกกรี๊ดสลบ แก้วกับยอดหัวเสีย
“ฉันขอแนะนำตัวเลยนะจ๊ะ ฉันเป็นกษัตริย์อยู่เมืองสองบุรี ออกเดินทางรอนแรมมาหลายคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว คงต้องขอพักซักชั่วยาม แล้วจึงค่อยออกเดินทางต่อ”
โซว์ทำท่าปาดเหงื่อ ระหว่างนั้นเสียงดนตรีไทยก็ดังขึ้น ไม่นานขิงในชุดนางเอกลิเกก็รำออกมา คนดูถึงกับตะลึงไปกับความสวย โซว์หันไปมองก็ตกตะลึงเหมือนกัน แก้วกับยอดอ้าปากค้าง
“ใครวะไอ้ยอด?” แก้วถาม
ยอดเพ่งมองแล้วก็ตกใจ “น้องขิง!!”
“ห๊ะ!!” แก้วหันขวับไปมองขิงอีกครั้ง “น้องขิงของข้า”
โซว์มองอย่างตกตะลึง ขิงหยุดรำแล้วเพลงก็หยุดเล่น
“เราเป็นสาวชาวบ้าน ออกมาเก็บผักเก็บผลไม้ วันนี้อากาศร้อนเหลือเกิน สงสัยเป็นเพราะภาวะโลกร้อนแน่ๆ”
ขิงรำไปรอบๆ โซว์มองขิงตาค้างแล้วไม่ยอมพูดบทของตัวเอง ขิงยิ้มค้างแล้วมองโซว์อย่างงงๆ
ขิงพูดทั้งๆ ที่ยิ้มอยู่ “ตานายพูดแล้ว”
โซว์รู้ตัว “เออ แม่นางผู้นี้เป็นใครกัน ไฉนเลยจึงมีนางแก้วนางสวรรค์มาเดินเล่นในป่า เราต้องรู้ให้ได้”
คนดูตั้งใจดูด้วยความสนุก โซว์รำเข้าไปหาขิงข้างๆ ขิงหันไปเห็นโซว์ก็ทำท่าตกใจ
“เจ้าเป็นใคร”
“เราเป็นกษัตริย์จากเมืองสองบุรีมีนามว่าสิงห์ทอง แล้วเจ้าล่ะเป็นคนหรือว่าเป็นนางฟ้า”
ขิงเอียงอาย โซว์ยิ้มแล้วรำเข้ามาเกี้ยวพาราสี แม่ยกชอบใจ แก้วไม่พอใจขยับตัวจะลุก ยอดจับแขนแก้วแน่น
“พี่แก้วจะไปไหน?” ยอดถาม
“ข้าหึงเว๊ย มันจีบน้องขิงของข้า” แก้วบอก
“มันเป็นการแสดงพี่แก้ว การแสดง”
คนดูที่นั่งข้างๆ แก้วโวยลั่น “ถ้าจะคุยกันก็ออกไป”
แก้วกับยอดไม่กล้าพูดต่อ
บนเวทีโซว์กำลังเข้าฉากรักกับขิง โซว์โอบขิง ขิงตกใจหันไปมองโซว์
ขิงกระซิบ “นอกบทแล้ว”
โซว์กระซิบตอบ “คนดูเค้าชอบ เราก็ต้องเล่นเต็มที่”
โซว์เชยคางขิงขึ้นมาแล้วจ้องหน้า ขิงเขินจนหน้าแดง แม่ยกกรี๊ดไม่หยุด
ทันใดนั้นยายขมที่แต่งชุดโจรติดหนวดก็ออกมา
“ปล่อยมือจากน้องข้าเดี๋ยวนี้!!”
คนดูตื่นเต้นส่งเสียงลุ้น โซว์กับขิงหันไปมอง
“เจ้าเป็นใคร” โซว์ถาม
“ฮ่าๆๆๆ” ยายขมหัวเราะจนสำลัก “แค่กๆๆๆ” โซว์กับขิงมองอย่างเป็นห่วงแต่ยายขมก็เล่นต่อได้ “เราคือหัวหน้าโจรผู้ยิ่งใหญ่ เราขอท้าประดาบกับเจ้า ไอ้หน้าละอ่อน”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา”
โซว์ชี้หน้ายายขม ทั้งสองคนจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
เสียงดนตรีไทยบรรเลงสนุกสนาน โซว์กับยายขมจ้องหน้ากันไปมา ทั้งสองเดินวนไปวนมา ทันใดนั้นทั้งคู่ก็โจนเข้ามาฟันดาบกันไม่หยุด ขิงตื่นเต้น
“เจ้าชายระวังเพคะ”
ยายขมกับโซว์ฟันดาบตามจังหวะดนตรีแล้วก็หยุดหอบเหนื่อยพร้อมกันก่อนจะฟันดาบกันต่อ แล้วก็หยุดหอบเหนื่อยพร้อมกัน โซว์กับยายขมฟันดาบกันต่อ แต่ยายขมเหนื่อยมากจึงยกมือห้าม
“ข้าไม่ไหวแล้ว ลมจะจับ”
คนดูหัวเราะชอบใจ โซว์หันมาประคองกอดขิงไว้ในอ้อมกอด
“ไปอยู่เมืองสองบุรี ไปเป็นราชินีให้เรา”
“เพคะเจ้าชาย”
คนดูปรบมือเฮลั่นเพราะอินกันสุดๆ
คนดูร้องตะโกน “หอมแก้มๆๆๆๆ”
แก้วตกใจรีบโวยลั่น
“ไม่นะ แก้วไม่ให้หอม แก้วไม่ยอม”
คนดูตะโกนต่อ “หอมแก้ม หอมแก้ม หอมแก้ม หอมแก้ม”
โซว์มองขิง ขิงเขินๆ โซว์ยิ้มแล้วหอมแก้มขิง ขิงหน้าแดงซ่านด้วยความอาย คนดูเฮลั่น แก้วมองอย่างเจ็บใจสุดๆ
โซว์กับขิงจับมือยายขมเหวี่ยงไปรอบๆ
“เราทำสำเร็จแล้วนะยาย” โซว์บอก
“คนดูกลับมาชอบคณะลิเกของเราอีกครั้งแล้ว” ขิงดีใจ
“โอย โอย พอแล้ว ข้าเวียนหัว” ยายขมบอก
โซว์กับขิงหยุด ยายขมเซจะล้ม โซว์กับขิงรีบเข้ามาประคองทำให้มือของทั้งสองจับโดนกัน สองคนมองหน้ากัน ยายมองโซว์กับขิงด้วยความสงสัย โซว์กับขิงรู้สึกได้ว่ายายมองจึงรีบผละกันออกมา
“ขอบใจเอ็งสองคนมากที่ทำให้คณะลิเกกลับมาอีกครั้ง” ยายขมพูด โซว์กับขิงยิ้ม “แต่..” โซว์กับขิงหุบยิ้ม “เอ็งกับข้ามีเรื่องต้องสะสาง” โซว์หน้าถอดสี “เอ็งฉวยโอกาสหอมแก้มนังขิง” ขิงเขิน
“คนดูเค้าขอร้อง ฉันก็ไม่อยากขัด” โซว์แก้ตัว
“แต่ก็เอาเถอะ ครั้งนี้ข้าให้อภัย เพราะคนดูชอบ”
ยายขมยิ้มร่า โซว์กับขิงมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาพร้อมกัน ขิงรู้ตัวก็รีบเมินหน้าไปทางอื่นเพราะยังอายอยู่ โซว์ยิ้มชอบใจ
เวลาผ่านไป ตุ๊กกับรุ้งที่มีผ้าพันแผลที่เท้านั่งมองเงินตรงหน้าสีหน้าตื่นตะลึง ตุ๊กหยิบเงินขึ้นมาสูดดม
“เงินจริงๆเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้เงินเยอะมากขนาดนี้ นังรุ้ง ท่าทางแกจะตกกระป๋องแล้วล่ะ” ตุ๊กว่า
“ไม่จริง มันฟลุคหรอก หรือไม่คนที่มาดูวันนี้ก็ต้องเป็นพวกไม่มีรสนิยม เทสต่ำ”
“เอ็งน่ะสิเทสต่ำ คนดูเค้าอินไปกับไอ้โซ่แล้วก็นังขิง ยังเชียร์ให้หอมแก้มกันเลย” ยายขมบอก
รุ้งตกใจ “ห๊ะ!” เธอหันไปจับแขนโซว์เขย่า “แล้วเจ้าชายหอมแก้มนังขิงรึเปล่า”
“หอม” โซว์ตอบ
“อ๊ายยยย รุ้งไม่ยอม แบบนี้ต้องล้าง”
รุ้งจะหอมแก้มโซว์ โซว์ตกใจ ตุ๊กรีบเข้ามาดึงคอเสื้อรุ้งออกมา
“นังรุ้ง เอ็งจะบ้ารึไง ข้าไม่แปลกใจซักนิดว่าทำไมเอ็งถึงเป็นนางเอกไม่รุ่ง เพราะเอ็งเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ เอ็งเหมาะจะเป็นอีกนางมากกว่า”
“นางอะไร??”
“นางร้าย!!”
รุ้งโมโห “อ๊ายย!!!”
“นั่นไง พวกนางร้ายมันชอบกรี๊ด” ยายขมบอก
รุ้งรีบเงียบ โซว์หัวเราะ
“เจ้าชายเพคะ รุ้งไม่เป็นนางร้ายนะ รุ้งอยากเป็นนางเอกของเจ้าชาย”
“แต่ผมเห็นนางร้ายในละครมักสวยกว่านางเอกนะ” โซว์บอก
“จริงเหรอ”
“จริงสิ เป็นนางร้ายได้แต่งตัวเปรี้ยวกว่านางเอก จะมีแฟนกี่คนก็ไม่มีใครว่า แถมยังปล้ำพระเอกได้ด้วย”
รุ้งยิ้ม “จริงด้วย งั้นเค้าเป็นนางร้ายก็ได้ อิอิ”
โซว์ขำๆ แล้วก็นึกขึ้นได้จึงหันไปหยิบพวงมาลัยที่ได้จากแม่ยกส่งให้ยาย
“ยาย...ชั้นให้”
“แม่ยกเค้าให้เอ็ง เอ็งจะเอามาให้ข้าทำไม”
“ถ้าไม่ใช่เพราะยายอดทนกับชั้น ช่วยสั่งสอนชั้น ชั้นก็คงไม่มีวันนี้หรอก ยายเก็บไว้เถอะนะ ให้ชั้นได้ตอบแทนยายบ้าง”
ยายขมมองโซว์ด้วยความซึ้งใจ
“คณะลิเกเราดังแบบนี้ เราก็มีโอกาสได้ไปเล่นในโรงแรมของคุณลัดลดาแล้วสิ” ขิงบอก
ทุกคนพยักหน้าเออออเห็นด้วย
ขิงนั่งหน้ากระจกโดยกำลังเช็ดเครื่องสำอางค์แล้วเธอก็ชะงักมองที่แก้มตัวเอง ขิงจับแก้มตัวเองแล้วคิดถึงตอนที่ถูกโซว์หอม แล้วหน้าของเธอก็แดงซ่านขึ้นมาอีก
“บ้าเอ๊ย”
ขิงถูไปที่แก้มจนเป็นรอยแดงเถือก ทันใดนั้นก็มีมือมาสะกิดที่ไหล่ ขิงหันไปเห็นหน้าโซว์อยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ จนเกือบจะถูกโซว์หอมแก้มอีกรอบ ขิงตกใจผลักโซว์จนกระเด็น
“คนฉวยโอกาส!!” ขิงว่า
“ฉวยโอกาสอะไรของเธอ” โซว์งง
“นายกำลังจะหอมแก้มฉัน”
โซว์หัวเราะ “หลงตัวเองไปป่าว ที่ฉันหอมแก้มเธอบนเวทีมันเป็นแค่การแสดง แก้มตอบๆอย่างเธอ ไม่เห็นน่าหอมซักนิด”
“ไอ้บ้า!! ออกไปเลยไป เข้ามาก็ไม่รู้จักเคาะประตู ไม่มีมารยาท”
“เอ้า เอาเข้าไป ด่าพอเหรอยัง ฉันจะได้พูดธุระของฉัน”
“อะไร?”
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ” โซว์ชวน ขิงผงะ “ไปกันสองคน”
ขิงจะปฏิเสธ “ไม่..”
โซว์ไม่ฟัง “เจอกันหน้าบ้านตอนเก้าโมงเช้านะ”
โซว์ยิ้มหวานให้ขิงทำให้ขิงพูดไม่ออก แล้วโซว์ก็เดินออกไป
ยามเช้าที่บ้านยายขม โซว์แต่งตัวหล่อยืนรอขิงอยู่ที่หน้าบ้าน เขายกนาฬิกาขึ้นดูก็เห็นว่าเก้าโมงแล้วทันใดนั้นก็มีคนมาปิดตาโซว์ โซว์ยิ้มเพราะนึกว่าขิง
รุ้งยื่นหน้ามาข้างๆ “ทายสิใครเอ่ย”
โซว์ได้ยินเสียงก็รู้ว่าใครจึงหน้าเจื่อน “รุ้ง”
รุ้งปล่อยมือ “รู้ได้ไงว่าเป็นเค้า”
โซว์หันไปเจอรุ้งยิ้มหวานแต่โซว์ยิ้มไม่ออก รุ้งมองโซว์ด้วยความแปลกใจ
“เจ้าชายจะไปไหน”
“เอ่อ จะไปตลาด”
รุ้งกระโดดควงแขน “ดีเลย รุ้งไปด้วยนะ ของใช้หมดพอดี”
“เออ” โซว์คิดหาทางออก “ไปด้วยก็ได้ แต่ต้องไปแต่งตัวก่อนนะ”
“ยังต้องแต่งอีกเหรอ นี่ก็สวยแล้วนะ”
“ไม่สวย” โซว์บอก รุ้งผงะ “รุ้งต้องแต่งหน้าอีก แต่งเข้มๆ ทาตาสีฟ้าๆ ทาแก้มสีชมพู ทาปากสีแดงๆ ชั้นชอบผู้หญิงปากแดง”
“จริงเหรอ ได้เลย รอไม่เกินสิบนาที เจอกัน”
รุ้งรีบเข้าไป โซว์ถอนใจโล่งอกไม่นานขิงก็เดินออกมา โซว์รีบจับแขนขิงลากออกไป
“จะรีบไปไหนเนี่ยห๊ะ!!” ขิงถาม
“เหอะน่า”
ระหว่างนั้นรถสองแถวแล่นมาพอดี โซว์รีบพาขิงขึ้นรถ ไม่นานรุ้งในสภาพหน้าขาว ตาฟ้า แก้มชมพู ปากแดงก็เดินออกมา
“รุ้งมาแล้วค่ะเจ้าชาย” รุ้งมองไม่เห็นโซว์ “อ้าว หายไปไหนแล้ว”
รุ้งหันมาเจอตุ๊ก ตุ๊กเห็นรุ้งก็สะดุ้งโหยง
“ใครปล่อยลิงมาแถวนี้วะ”
“ไอ้บ้า! ชั้นเอง น้าเห็นเจ้าชายของฉันมั้ย”
“เห็นนั่งสองแถวออกไปกับไอ้ขิง สงสัยจะไปเที่ยวกันมั้ง”
รุ้งตกใจ ทันใดนั้นเสียงยายขมก็ดังขึ้น
“เอ็งว่าอะไรนะ!”
ตุ๊กกับรุ้งหันไปมองยายขมที่ยืนเท้าเอวหน้าโหดอยู่
ยายยืนจ้องหน้าแล้วด่าตุ๊ก
“แกปล่อยให้มันสองคนออกไปด้วยกันได้ยังไง”
“ใช่ ปล่อยออกไปด้วยกันได้ยังไง” รุ้งเสริม
“ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ออกไปกันแค่สองต่อสอง ใครเห็นเข้ามันจะไม่ดี” ยายขมว่าต่อ
“ใช่ ไม่ดีมากๆๆๆ” รุ้งเสริม
ยายขมรำคาญ “นังรุ้ง!”
“จ๋า”
“ข้ากำลังพูดกับไอ้ตุ๊ก เอ็งสอดขึ้นมาทำไม”
รุ้งก้มหน้าจ๋อย ไม่กล้าพูดต่อ
“แม่ก้อ ซีเรียสไปรึเปล่า ไอ้โซ่กับนังขิงมันออกไปด้วยกันสองต่อสองก็ไม่เห็นจะเป็นไร คนรักกันชอบกัน” ตุ๊กบอก
ยายขมกับรุ้งพูดพร้อมกัน “ไม่ได้!!”
ยายขมหันขวับไปมองรุ้ง รุ้งนึกได้จึงรีบก้มหน้า ยายขมหันไปทางตุ๊ก
“เอ็งนะเอ็งไอ้ตุ๊ก ไว้ใจไม่ได้เล้ยยยยย ไม่ดูแลหลานซักนิด”
ยายขมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้ม
ขิงกับโซว์ลงจากรถสองแถว โซว์หันไปมองทะเลแล้วยืดแขนเพื่อสูดอากาศเข้าจนเต็มปอด
“อากาศดีจังเลย”
โซว์หันไปเห็นร้านขายของที่ระลึกก็ตื่นเต้น
“ทางโน้นเค้าขายอะไร ไปดูกันเหอะ”
“ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน ขายของที่ระลึกธรรมดาๆ” ขิงบอก
“แต่ฉันไม่เคยเห็นนี่น่า ไปกันเถอะ”
โซว์จับมือขิงแล้วพาเดินไป ขิงอึ้งๆ เธอก้มมองมือโซว์ที่จับมือตัวเองแล้วก็ยิ้มเขินๆ แต่ก็ยอมให้โซว์จับ
ขิงกับโซว์เดินซื้อของที่ระลึก โซว์กับขิงลองเสื้อ แล้วทั้งสองก็ตัดสินใจซื้อเสื้อลายเดียวกัน โซว์กับขิงใส่เสื้อลายเดียวกันเดินออกมา ทั้งสองหันมายิ้มให้กัน แล้วทั้งสองก็ไปลองหมวก โซว์เอาสร้อยคล้องคอให้ขิง ขิงเอาผ้าคลุมรัดคอโซว์ โซว์แกล้งทำลิ้นห้อย ขิงหัวเราะ
โซว์กับขิงซื้อไอติมแล้วผลัดกันชิม ขิงปากเลอะ โซว์เช็ดปากให้ ขิงอึ้งๆ แต่ก็แอบยิ้ม ขิงกับโซว์เดินซื้อของกินตามรายทาง โซว์กับขิงขี่จักรยานแข่งกัน ขิงผลัดมาซ้อนท้ายจักรยานโซว์ ทั้งสองคนสนุกสนานสุดๆ
โซว์วิ่งลงน้ำด้วยสีหน้าร่าเริงสดใสเหมือนเด็กๆ ขิงมองโซว์แล้วก็ยิ้มก่อนจะเดินตามมา
“นายนี่มันเหมือนเด็กเลยนะ เห็นอะไรก็ตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นไปหมด” ขิงบอก
“ประเทศฉันไม่มีทะเลนี่ นิวแลนด์เป็นประเทศที่อยู่บนที่ราบสูง มีแต่ภูเขากับน้ำตก”
ทันใดนั้นโซว์ก็สาดน้ำใส่ขิง ขิงสะดุ้ง โซว์หัวเราะ
“นายโซ่!!” ขิงฉุน
ขิงไม่ยอมจึงสาดน้ำกลับ แล้วทั้งสองคนก็สาดน้ำใส่กันไปมา ขิงสะดุดพื้นทรายจนล้มไปด้านหน้า โซว์ตกใจจึงรีบเข้ามารับ ทำให้ขิงล้มทับโซว์ ทั้งสองคนผงะแล้วนิ่งกันไป ทันใดนั้นโซว์ก็ได้ยินเสียงเจ๊ตสกี
“นั่นเจ็ตสกีใช่มั้ย”
“ใช่”
ทั้งสองรีบผละจากกันแล้วลุกขึ้นมายืน โซว์หันมามองขิง
“เล่นกันมั้ย” โซว์ถาม
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 7 (ต่อ)
โซว์ขี่เจ็ตสกี โดยมีขิงซ้อนท้าย
ขิงสอนโซว์ “นายเอาสายนี้ใส่ข้อมือเอาไว้ เวลาหล่นน้ำ แล้วสายนี้หลุด เครื่องยนต์จะดับไปเอง เราจะได้ไม่เป็นอันตราย นี่ปุ่มสตาร์ท กดนี่ แล้วก็บิดแฮนด์เหมือนขี่มอเตอร์ไซด์ เข้าใจ๊!!”
“อื้อ เอาล่ะนะ”
โซว์ทำตามที่ขิงบอก เขากดปุ่มสตาร์ทแล้วบิดแฮนด์ เจ็ตสกีแล่นออกไป ขิงตกใจเพราะยังจับไม่ดีจึงรีบกอดโซว์แน่น
“เวยยย!!”
โซว์สนุกสนานสุดๆ เขายิ้มเริงร่า โซว์ขี่เจ็ตสกีไปเรื่อยๆ โดยมีขิงซ้อนท้าย โซว์หันไปยิ้มให้ขิง ขิงยิ้มตอบ โซว์แกล้งเลี้ยวแรงๆ ทำให้ขิงหล่นน้ำ แล้วโซว์ก็หัวเราะก่อนจะยื่นมือไปช่วยขิง ขิงจับมือโซว์แล้วดึงลงทะเล ขิงหัวเราะ โซว์ปีนขึ้นเจ็ตสกีก่อนจะดึงขิงขึ้นมา แล้วขี่เจ็ตสกีต่อ
อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตก ลาบ ข้าวเหนียว ฯลฯ รุ้งเด็ดน่องไก่ขึ้นมากินไม่หยุด
รุ้งกินไปร้องไห้ไป “เจ้าชายนะเจ้าชาย โกหกรุ้ง แล้วแอบหนีไปเที่ยวกับนังขิง ใช่สิ รุ้งมันเก่าไปแล้วนี่ ใครจะไปสู้คนใหม่ได้” รุ้งร้องลิเก “อันตัวเราแสนเศร้าเจ็บปวดนัก ด้วยคนรักมาตีจากให้ช้ำอก” รุ้งร้องไห้หนักขึ้น “ฮือๆๆๆ เจ้าชาย” แล้วรุ้งก็ร้องเป็นเพลงออกมา “ทำไมถึงทำกับรุ้งได้....ฮือๆ โฮๆๆ”
คนในร้านมองรุ้งเป็นตาเดียวว่าเธอเป็นอะไร รุ้งหันขวับมาด่ากราด
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยอกหักเหรอยะ”
รุ้งหันมาก้มหน้าก้มตากินต่อจนปากมัน บริเวณใกล้ร้านส้มตำ แก้วกับยอดกำลังซื้อกล้วยแขกอยู่
แก้วยิ้มหวานกรุ่มกริ่มใส่แม่ค้า “แม่ค้ามีแฟนยังจ๊ะ”
“แฟนไม่มีจ๊ะ มีแต่ผัว!” แม่ค้าตอบ
แก้วสะดุ้ง “อุ้ย!”
ยอดขำก๊าก “ฮ่าๆๆๆ”
แก้วเอากล้วยแขกยัดปากยอดจนยอดตาเหลือก “หัวเราะอะไรไอ้ยอด!!”
ยอดเหลือบไปเห็นรุ้งนั่งอยู่ในร้านส้มตำก็รีบสะกิดแก้ว แก้วหันมองตามยอดพอเห็นรุ้งนั่งร้องไห้ก็มองด้วยความสงสัย
รุ้งสั่งขี้มูกฟืดใหญ่ก่อนจะหยิบข้าวเหนียวขึ้นมาปั้นด้วยความแค้น
“นังขิง นังทรยศ นังบ้า บังอาจมาแย่งเจ้าชายของฉันไปหน้าด้านๆ ฉันขอให้แกกับเจ้าชายเที่ยวกันอย่างไม่มีความสุข”
ระหว่างนั้นแก้วกับยอดเข้ามานั่งตรงข้าม รุ้งเงยหน้ามอง
“ไอ้แก้ว ไอ้ยอด ถ้าจะกวนประสาทกันล่ะก้อ ไสหัวไปเลยไป คนกำลังอารมณ์ไม่ดี” รุ้งว่า
“ฉันไม่ได้มากวนประสาท แต่เมื่อกี๊ฉันได้ยินเธอพูดว่าน้องขิงไปเที่ยวกับใครนะ?” แก้วถาม
“ไม่บอก”
แก้วโมโห เขาลุกขึ้นมายืนแล้วยกมือขึ้น รุ้งตกใจ
“จะบอกไม่บอก”
“แกจะทำอะไรฉัน!!”
แก้วดีดหน้าผากรุ้งอย่างแรงจนรุ้งสะดุ้งโหยง
“โอ๊ย!!”
“จะบอกมั้ย!!?”
รุ้งมองแก้วด้วยความสยอง
แก้วเตะกะละมังกระเด็นไปไกลด้วยความโมโห ทำให้ยอดที่กำลังกินกล้วยแขกถึงกับสะดุ้ง
แก้วกระชากคอเสื้อยอดแล้วตะคอกใส่หน้า “ฉันเกลียดมัน แกได้ยินฉันมั้ยไอ้ยอด ฉันเกลียดมัน”
“ได้ยินชัดแถมยังได้น้ำลายมาเต็มหน้าเลยพี่” ยอดบอก แก้วปล่อยมือจากยอดแล้วทำหน้าฮึดฮัด “ทำไมพี่ไม่ไปตามน้องขิงของพี่กลับมาล่ะ”
“แกรู้เหรอว่ามันไปไหน?” แก้วถาม
“ไม่รู้” ยอดบอก
“เออ นั่นสิ ไม่รู้ ไม่รู้แล้วจะให้ฉันไปตามน้องขิงที่ไหน สมองมีรู้จักคิดมั่งสิวะ” แก้วโมโห “เจ็บใจโว๊ย”
แก้วเตะไปที่ต้นไม้แล้วก็สะดุ้งเพราะเจ็บเท้าเอง
“โอ๊ย อุ๊ย!! บ้าเอ๊ย ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้โซ่...รอให้กลับมาก่อนเถอะ ฉันเอาแกตายแน่!!”
แก้วอาฆาตสุดๆ ส่วนยอดกินกล้วยแขกอย่างไม่สนใจ ถุงกล้วยแขกที่ยอดถือมีรูปโซว์กับขิงที่ปลอมเป็นผู้ชายอยู่ ซึ่งเป็นข่าวประกาศจับเมื่อเดือนที่แล้วนั่นเอง
ขิงกับโซว์ที่ตัวเปียกทั้งคู่ก้าวขึ้นมาจากทะเล ทั้งคู่เหนื่อยแต่ก็สนุก โซว์หันไปเห็นผมขิงเปื้อนทรายจึงปัดให้ ขิงหันมาถามด้วยความตกใจ
“ทำไร?!!”
“ผมเธอเปื้อนทราย”
ขิงชะงักแต่ก็ยอมให้โซว์ปัดทรายออกให้ หน้าของทั้งสองคนใกล้กันมากๆ โซว์มองขิงตาไม่กระพริบ มือของเขาค่อยๆหยุดปัดทราย ขิงมองโซว์แล้วใจเต้นไม่เป็นส่ำ โซว์ค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขิงเหมือนจะจูบ ทันใดนั้นภาพวันที่เขาคุยกับปีเตอร์ก็ย้อนกลับมา
“เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย ที่ทำให้เจ้าชายไม่อยากจะไปจากที่นี่” ปีเตอร์ถาม
“ไม่ใช่ซักหน่อย เจ้าก็รู้ว่าเรื่องผู้หญิงเราช่างเลือกขนาดไหน ยายนั่นหน้าตาก็ธรรมดา รูปร่างก็อย่างกับผู้ชาย แถมนิสัยไม่ดีอีก เราจะไปชอบทำไม”
ปีเตอร์จ้องตาโซว์ อย่างรู้ทัน
“ไม่ชอบก็ดี เพราะเจ้าชายจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด เพราะพระองค์ก็คงรู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่คืนสู่ฐานันดร และกลับนิวแลนด์ เมื่อนั้นพระองค์จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม ที่พระราชาทรงเลือกให้”
โซว์ได้สติจึงรีบผละออกจากขิงแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปอาบน้ำกันเถอะ”
โซว์รีบหันหลังเดินออกไปพร้อมกับพยายามตัดใจ ขิงมองตามโซว์แล้วก็งงว่าเขาเป็นอะไร
ขิงกับโซว์ที่อยู่ในชุดใหม่เดินออกมาเจอกัน โซว์ไม่ค่อยมองหน้าขิง
“ไปกินข้าวกัน ฉันหิวแล้ว” ขิงชวน
“ได้สิ”
“กินไรดี” ขิงคิด “อืมม์ อาหารทะเลดีมั้ย นายเคยกินรึเปล่า”
“ไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่หรอก”
“งั้นอาหารทะเลนะ”
“อื้อ”
แล้วโซว์ก็เดินไปเลย ขิงเกาหัวด้วยความงง
“อะไรวะ ไม่รอเลย นี่ รอชั้นด้วยสิ”
โซว์เดินหนี ขิงรีบเดินตาม
ณ ร้านอาหารทะเลริมหาด อาหารเต็มโต๊ะ ทั้งกุ้งเผา ปูนึ่ง ปลาทอด ฯลฯ ละลานตาเต็มไปหมด ขิงเลียปากด้วยความหิว
“กินล่ะนะ”
ขิงหยิบกุ้งมาแกะหัวแล้วเอามาดูดเสียงดัง โซว์มองท่าทางขิงแล้วก็อมยิ้ม ขิงเงยหน้าเห็นโซว์มองอยู่ก็ชะงัก
“มองอะไร?” ขิงถาม
โซว์รู้ตัวก็รีบปฏิเสธ “เออ เปล่า”
โซว์รีบแกะกุ้งแต่น้ำกระเด็นเข้าหน้า เขาร้องลั่นด้วยความตกใจ “เฮ้ย!!”
ขิงหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ นายนี่เหมือนเด็ก แค่แกะกุ้ง ยังแกะไม่ได้”
ขิงหยิบกระดาษเช็ดหน้าให้โซว์ โซว์ตกใจรีบดึงกระดาษมาจากมือขิงทำให้ขิงผงะ
“ไม่ต้อง ชั้นเช็ดเอง” โซว์บอก
ขิงมองโซว์ด้วยความไม่เข้าใจ
“มานี่” ขิงดึงกุ้งมาจากโซว์ “ชั้นแกะให้เอง”
ขิงแกะกุ้งให้ โซว์มองขิงอย่างเครียดๆ
“ไม่ต้องแกะให้ชั้นหรอก เธอกินของเธอเถอะ รีบกิน จะได้รีบกลับ ชั้นเหนื่อยแล้ว”
โซว์ก้มหน้าก้มตากินแต่ข้าว ขิงมองโซว์อย่างไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร
อาหารยังเหลืออยู่เต็มโต๊ะ โซว์หันไปเรียกพนักงาน พนักงานเดินเข้ามาหา
“เช็คบิล แล้วก็ห่ออาหารพวกนี้กลับให้ด้วย”
“ไม่ต้อง” ขิงรีบบอก
“ทำไม จะได้เอากลับไปฝากยายกับน้าตุ๊ก”
“กินไม่หมดแล้วเอาไปฝากคนอื่น น่าเกลียด” ขิงพูดกับพนักงาน “รีบเช็คบิลเลย พี่รีบ อยากกลับบ้าน เหนื่อยแล้ว” ขิงย้อนคำพูดของโซว์
พนักงานเดินออกไป โซว์อึ้ง ส่วนขิงพูดโดยไม่มองหน้า
“จัดการด้วย ชั้นไปรอข้างหน้า”
ขิงลุกเดินออกไปเลย โซว์รู้สึกผิดแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเขาพยายามหักห้ามใจตัวเองอยู่
โซว์เดินตามออกมา ทันทีที่โซว์เดินออกมา ขิงก็เดินไปเลย โซว์เหวอแล้วรีบเดินตาม
“ขิง...” โซว์เรียกแต่ขิงไม่หยุดเดิน “ขิง”
ขิงไม่สนใจ โซว์ดึงแขนให้ขิงหันมา
“เป็นอะไร? โกรธอะไรชั้น” โซว์ถาม
ขิงดึงแขนตัวเองออกจากมือโซว์ “ชั้นต้องถามนายมากกว่าว่านายเป็นไร” โซว์ผงะ “ตอนมาแรกๆก็หนุกดี แต่อยู่ดีๆนายก็ทำเหมือนรำคาญชั้น ไม่อยากอยู่ใกล้ชั้น ไม่อยากมองหน้าชั้น นายต่างหากโกรธอะไร เป็นผู้ชายก็แมนๆหน่อย พูดออกมาเลย อย่ามาทำเหมือนเด็กผู้หญิง โกรธแล้วไม่พูด ไม่ชอบเว้ย”
โซว์อึ้ง “โอ้โฮ ใส่เป็นชุด เกือบคิดตามไม่ทันแน่ะ”
“จะบอกได้ยังว่าเป็นไร?!!”
“เออ” โซว์ไม่กล้าบอก “ชั้นไม่รู้”
“เอ้า ไม่รู้ บ้าป่ะเนี่ย ตัวเองเป็นไรไม่รู้”
“คือ..มันสับสน”
“สับสนอะไร”
“ก็บอกว่าไม่รู้ไงเล่า”
ขิงเริ่มฉุน “ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน”
ขิงเดินจ้ำออกไปด้วยความโมโห โซว์มองตามขิงด้วยสีหน้าเครียด
“จะให้ชั้นบอกเธอได้ยังไงว่าชั้นชอบเธอ”
โซว์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้มสุดๆ
ที่บ้านกำนัน แก้วกินอะไรไม่ลง ยอดจึงมองด้วยความเป็นห่วง
“พี่แก้ว กินอะไรหน่อยเถอะพี่ ถ้าพี่ไม่กิน พี่ไม่มีแรงไปสู้ไอ้หน้าวอกนะพี่”
“แกเลิกพูดได้แล้ว ชั้นจะทรมานตัวเอง ทำให้น้องขิงเห็นว่าชั้นรักเค้ามากขนาดไหน ชั้นจะอดข้าวจนกว่าน้องขิงจะกลับมา”
แก้วทำหน้าตามุ่งมั่นมากๆๆ ยอดคว้าถุงกล้วยแขกบนโต๊ะขึ้นมากินด้วยความเอร็ดอร่อย แก้วมองแล้วกลืนน้ำลายเพราะความหิว
“ไอ้ยอด ไอ้กล้วยแขกนี่เมื่อไหร่มันจะหมดซักที เห็นกินมาตั้งแต่กลางวันแล้วนะ” แก้วถาม
“มันอร่อยนี่พี่ พี่กินมั้ย อุ๊ย ลืมไปว่าพี่ไม่กิน”
“อย่ามายั่วนะเว้ย ไสหัวออกไปกินข้างนอกเลยไป”
ยอดลุกจะเดินออกไป พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปโซว์บนถุงกล้วยแขก ยอดตกใจแล้วจ้องอีกทีก็ร้องออกมา “ใช่เลย” ยอดหันขวับหน้าตาตื่นเดินมาหาแก้ว
“พี่แก้ว ชั้นเจอไอ้โซ่แล้วพี่”
แก้วลุกพรวด “ไหนวะ มันอยู่ไหน นี่มันกล้ามาเหยียบถิ่นข้าเลยเหรอวะ”
ยอดเอาถุงกล้วยแขกไปตรงหน้าแก้ว แก้วผงะเพราะเห็นรูปโซว์บนถุงกล้วยแขก แก้วรีบดึงมาดูด้วยความตกใจ
“ไอ้โซ่!!”
ตกกลางดึก ขิงชะเง้อมองหาโซว์
“หายไปไหน?” ขิงคิดแล้วก็ใจไม่ดี “หรือว่าเราด่ามากไปหน่อย เลยน้อยใจ โดดทะเลตายไปแล้ว” ขิงตกใจ “ไม่มั้ง อะไรจะใจน้อยขนาดนั้น แต่ก็ไม่แน่” ขิงหันไปมองหาโซว์แต่ก็ไม่มีวี่แวว “ไปไหนของนายนะ”
ทันใดนั้นคนขับรถก็เดินมาหาขิง
“รถเที่ยวสุดท้ายแล้วนะน้อง จะไปมั้ย”
“เออ รออีกหน่อยได้มั้ยพี่ เพื่อนยังไม่มาเลย” ขิงบอก
คนขับนิ่งและเริ่มลังเล ไม่นานก็มีคนขึ้นไปนั่งบนรถจนรถเต็มพอดี ขิงเหวอ
“เสียใจด้วยนะน้อง ค้างที่นี่ซักคืนแล้วกัน”
ขิงพูดไม่ออก คนขับรถขึ้นรถแล้วขับออกไป ขิงหน้าเสียเพราะยืนอยู่คนเดียว เธอใจเสียสุดๆ
ขิงยังคงเป็นห่วง “โซ่..นายอยู่ไหน?”
ขิงเดินตามหาโซว์มาเรื่อยๆ ตามทาง เธอเห็นคนเดินไปเดินมาแต่ก็ไม่เห็นโซว์ ทันใดนั้นก็มีมือมาแตะไหล่ขิง ขิงตกใจจึงจับมือคนนั้นบิดโดยสัญชาตญาณ โซว์ที่โดนบิดมือร้องลั่น
“โอ๊ย!”
ขิงหันไปเห็นโซว์ก็ดีใจจึงรีบปล่อยมือ
“โซ่! นายหายไปไหนมา!! ชั้นเป็นห่วงนายแทบแย่รู้มั้ย”
โซว์ไม่พูดอะไร เขาเอาช่อดอกไม้ออกมาจากด้านหลัง ขิงเห็นก็ถึงกับผงะ
“ที่หายไป เพราะไปซื้อดอกไม้?!!” ขิงถาม โซว์พยักหน้า ขิงโมโห “บ้ารึเปล่า!! หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยได้มั้ย ไม่ใช่ทำอะไรปัญญาอ่อน เพราะนาย ทำให้เราพลาดรถเที่ยวสุดท้าย กลับบ้านไม่ได้แล้ว” ขิงหยุดหอบเพราะความเหนื่อย “แล้วซื้อดอกไม้มาทำไมเนี่ย”
ซื้อมาให้เธอ” โซว์บอก ขิงหน้าแดงซ่าน “แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านดอกไม้เลย ชั้นเดินหาอยู่ตั้งนาน ขอโทษนะที่ทำให้ขึ้นรถไม่ทัน”
ขิงพูดไม่ออก เธอได้แต่ยืนตะลึงเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้รับดอกไม้จากผู้ชายมาก่อน โซว์มองขิงด้วยความแปลกใจ
“ขิง..เป็นอะไร” โซว์ถาม ขิงยังนิ่ง “ยังโกรธชั้นอยู่เหรอ”
ขิงได้สติ “ห๊ะ! เปล่า” หยิบดอกไม้มาจากมือโซว์ “วันหลังเอาดอกกุหลาบขาวนะ ชั้นไม่ชอบกุหลาบสีแดง มันน้ำเน่า!”
โซว์ยิ้ม “หายโกรธชั้นแล้วใช่มั้ย” ขิงพยักหน้าแทนคำตอบ โซว์ถามต่อ “แล้วคืนนี้เราจะนอนที่ไหนกันดี”โซว์มองหน้าขิง ขิงทำสีหน้าครุ่นคิด
ยายขมลุกขึ้นเท้าเอววีนใส่ตุ๊ก
“เพราะเอ็งคนเดียวไอ้ตุ๊ก มืดค่ำขนาดนี้แล้วไอ้โซ่กับนังขิงมันยังไม่กลับมาอีก”
“ใจเย็นสิแม่ ชั้นว่ามันสองคนคงกำลังกลับมาแหละ”
“ขอให้มันจริงเถอะ ถ้าไอ้โซ่มันทำอะไรหลานสาวข้า แกหัวแบะแน่ไอ้ตุ๊ก!!”
“แล้วเกี่ยวไรกับชั้นล่ะแม่” ตุ๊กถาม
“ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะเอ็งไม่รู้จักห้ามมัน”
ยายขมหัวเสียเพราะโมโหสุดๆ ระหว่างนั้นแก้วกับยอดก็เดินเข้ามา
“สวัสดียามค่ำจ้าทุกคน” แก้วทัก
ยายขมกับตุ๊กหันไปมองด้วยความตกใจ
“ไอ้แก้ว!! ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน เอ็งมาทำไม?” ยายขมถาม
“ชั้นไม่ได้มาทวงหนี้” แก้วบอก
“วันนี้พี่แก้วมาดี ไม่ได้มาร้าย” ยอดเสริม
ยายขมกับตุ๊กมองหน้ากันด้วยความสงสัย แก้วพยักหน้าให้ยอด ยอดยื่นถุงกล้วยแขกไปให้ยายขม
“ซื้อกล้วยแขกมาให้เหรอ” ยายขมถาม
“ใช่” แก้วตอบแล้วก็นึกได้ “ไม่ใช่!! ยายดูรูปบนถุงสิ”
ยายขมกับตุ๊กดูรูปบนถุง ตุ๊กถึงกับตกใจ
“นี่มัน...ข่าวกินเนื้อหมา อุ๊ยยยย สยอง”
“ข่าวนั้นแหละ” แก้วนึกขึ้นได้ “ไม่ใช่ ดูอีกข้าง!”
ยายขมกับตุ๊กพลิกถุงมาอีกข้างแล้วก็เห็นรูปโซว์กับขิงที่ปลอมเป็นผู้ชาย
“เห็นเหรอยัง” แก้วถาม
“เห็นแล้ว ใครวะ” ตุ๊กถามกลับ
แก้วแทบล้มทั้งยืน
“พระเอกลิเกของยายไง!! เห็นมั้ยว่าไอ้โซ่มันเป็นฆาตกร!!” แก้วพูดด้วยความโมโห
ยายขมตกใจสุดขีด “ห๊ะ!”
ตุ๊กหน้าเสียพลางคิดในใจว่าซวยแล้วกู
ยายขมตะตอกใส่หน้าตุ๊กด้วยความโมโห
“อะไรนะ!! เอ็งรู้อยู่แล้วว่าไอ้โซ่มันเป็นฆาตกร!! แล้วทำไมเอ็งไม่บอก ยังพามันเข้ามาในบ้านข้า ให้ข้าช่วยเหลือมัน โอ๊ย ตายๆๆๆ แล้วนี่นังขิงก็ออกไปกับมันสองคนอีก”
“แม่ใจเย็นๆ ฟังชั้นพูดก่อน”
“ไม่ฟังเว๊ย ไอ้ลูกเวร” ยายขมเอาไม้เกาหลังตี ตุ๊กวิ่งหนี “ไม่เคยช่วยอะไรข้าเลย มีแต่นำความเดือดร้อนมาให้ นี่ถ้าไอ้บ้านั่นมันฆ่าหลานข้าตาย ข้าจะฆ่าเอ็งด้วยอีกคนไอ้ตุ๊ก ไอ้ลูกไม่รักดี ไอ้ลูกเลว ไอ้ลูกชั่ว...”
“โอ๊ย” ตุ๊กจับไม้เกาหลัง “พอได้แล้วแม่”
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
ยายขมกับตุ๊กยื้อไม้เกาหลังกันไปมา แต่ตุ๊กแรงเยอะกว่าจึงดึงมาได้สำเร็จ ยายขมโมโหสุดๆ
“ไอ้ตุ๊ก!!”
ยายขมต่อยเปรี้ยงเข้าที่หน้าตุ๊ก ตุ๊กถึงกับล้มตึง ยายขมตกใจที่ตัวเองทำแรงไป
“ไอ้ตุ๊ก” ยายขมรีบเข้ามาดู “ไอ้หมาตุ๊ก” ตุ๊กยังนิ่ง “ตายล่ะหว่า”
ยายขมหน้าเสีย เธอมองตุ๊กด้วยความเป็นห่วง
รุ้งดูข่าวจากถุงกล้วยแขกแล้วก็มีสีหน้าช็อค แก้วกับยอดหัวเราะสะใจ
“สมน้ำหน้า หน้ามืดตามัวไปหลงรักไอ้ฆาตกร ดีนะแกไม่โดนมันฆ่า” แก้วบอก
“ไม่จริง ชั้นไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ” ยอดว่า
ยอดดึงถุงกล้วยแขกคืนมาจากรุ้ง
“พรุ่งนี้ชั้นจะเข้าเมืองไปแจ้งความ ชั้นก็จะได้เงินค่าหัว รวยเละล่ะทีนี้ กลับเว๊ยไอ้ยอด ฮ่าๆๆๆ” แก้วสะใจ
ยอดหัวเราะด้วย “ฮ่าๆๆๆ”
แล้วแก้วกับยอดก็เดินออกไป รุ้งทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“เสด็จพี่ไม่น่าทำกับหม่อมชั้นอย่างนี้เลย โฮๆๆๆ”
ขิงกับโซว์ยืนอยู่กับพนักงานโรงแรม
“ขอเช็คห้องพักซักครู่นะคะ” พนักงานบอก
โซว์รับคำ “ครับ”
โซว์กับขิงเดินมาตรงที่นั่ง ขิงหันมาพูดกับโซว์
“ชั้นขอไปห้องน้ำก่อนนะ”
โซว์พยักหน้า ขิงเดินออกไป โซว์จึงนั่งรอ
ทันใดนั้นก็มีนักท่องเที่ยวสองคนเดินมา ทั้งสองเห็นโซว์ก็ผงะเพราะจำได้ ทั้งสองรีบเข้ามาถวายบังคม โซว์ตกใจ
“เจ้าชายโซว์ใช่มั้ยกระหม่อม” นักท่องเที่ยวทัก
โซว์ตกใจรีบจับไหล่สองคนให้ลุกขึ้นยืน “ใช่ เราเอง”
นักท่องเที่ยวก้มลงไปจับเท้า คนในโรงแรมมอง โซว์ยิ้มๆ แล้วรีบจับทั้งสองคนให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องพิธีรีตองมากนักก็ได้ เรามาเที่ยวเป็นการส่วนตัว ไม่อยากให้ใครรู้”
“ช่างเป็นเจ้าชายที่ติดดินโดยแท้”
ทั้งสองคนก้มลงไปลูบเท้าโซว์อีก โซว์รีบดึงสองคนขึ้นมายืน ขิงออกมาเห็นพอดี เธอจึงมองโซว์กับนักท่องเที่ยวอย่างงงๆ
“เรารู้ว่าท่านสองคนภักดีกับเรา แต่อย่าทำแบบนี้ เราอึดอัด” โซว์บอก
“งั้นหม่อมชั้นขอทูลลา”
“ตามสบาย”
นักท่องเที่ยวยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบเดินออกไป โซว์ถอนใจโล่งอกแต่พอหันมาเจอขิงยืนอยู่เขาก็สะดุ้ง
“ใคร?” ขิงถาม
“เออ ไม่รู้สิ เค้ามาถามทาง ไปดูก่อนนะว่าได้ห้องพักเหรอยัง”
โซว์รีบเดินออกไป ขิงมองโซว์อย่างสงสัย
พนักงานเดินพาโซว์กับขิงเข้ามาในห้องที่เป็นเตียงเดี่ยว
“เหลือห้องนี้ห้องเดียวค่ะ”
ขิงกระซิบกับโซว์ “ถ้างั้นไปหาที่อื่นเหอะ”
“เราหามาตั้งสี่ห้าโรงแรมแล้วนะ มันเต็มหมดเธอก็เห็น ชั้นไม่ไหวแล้ว นอนๆไปเถอะ ทำเป็นไม่เคยนอนห้องเดียวกันไปได้”
ขิงตกใจจนหน้าแดง “นายโซ่!!”
พนักงานอมยิ้ม
“เชิญตามสบายนะคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” ขิงรีบบอก
พนักงานเดินออกไป ขิงหันไปตีแขนโซว์ดังเพียะ! โซว์สะดุ้ง
“โอ๊ย! ตีทำไม?”
“พูดแบบนั้นได้ไง เดี๋ยวเค้าก็เข้าใจว่าชั้นกับนาย...” ขิงไม่กล้าพูดต่อ
โซว์ยิ้มกริ่ม “เธอกับชั้นทำไม?”
“ก็...”
“เป็นสามีภรรยากัน” โซว์พูดต่อเอง
“กล้าพูดออกมาอีกนะ”
โซว์ยิ้มๆ “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน จะกลัวทำไม เอ..หรือว่าเธอแอบคิดอะไรกับชั้น”
“บ้า” ขิงเดินจ้ำเข้าไปในห้อง โซว์หัวเราะ “คืนนี้นายนอนพื้น ชั้นนอนเตียง” ขิงบอก
“อะไร? ชั้นก็อยากนอนเตียงเหมือนกันนะ เอางี้” โซว์เข้ามาโอบขิง ขิงตกใจ “คิดว่าตัวเองเป็นบอยแล้วกัน เราจะได้อาบน้ำด้วยกัน นอนด้วยกัน”
ขิงกระทืบเท้าโซว์อย่างแรงจนโซว์สะดุ้งโหยง
“โอ๊ย!”
“ไอ้บ้า!!” ขิงว่า
ขิงเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปัง โซว์หัวเราะ
ขิงนอนไม่หลับเลยนอนดูทีวี ส่วนโซว์นอนอยู่บนพื้น ขิงเปลี่ยนช่องไปมา โซว์รำคาญเพราะง่วงมากจึงหันขวับมามองขิง
“นี่! ถ้าไม่รู้จะดูอะไร ก็ปิดเหอะ ชั้นจะได้นอน”
“นายจะนอนก็นอนไปสิ ชั้นนอนไม่หลับ”
ขิงไม่สนใจ เธอยังเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ โซว์โมโหจนทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาแย่งรีโมทไปจากมือขิงแล้วกดปิด ขิงไม่พอใจแย่งรีโมทคืนมาแล้วกดเปิด โซว์แย่งมากดปิด ขิงแย่งมากดเปิด โซว์จะแย่งรีโมท แต่ขิงยื้อไว้
“เอามา” โซว์บอก
“ไม่ให้”
ทั้งสองคนดึงกันไปดึงกันมา ทันใดนั้นโซว์ก็เสียหลักล้มลงบนเตียงไปทับตัวขิง ปากทั้งสองคนแตะกัน ขิงกับโซว์อึ้ง ขิงรีบผลักโซว์ออกไปแล้วหยิบรีโมทมากดปิดโทรทัศน์ก่อนจะล้มตัวลงนอน
“นอนแล้ว” ขิงบอก
ขิงรีบคลุมโปง โซว์ยืนนิ่ง เขาจับปากตัวเองแล้วก็หน้าแดง ขิงที่อยู่ในผ้าห่มก็จับปากตัวเองแล้วหน้าแดงซ่านด้วยความเขิน เธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง
ทะเลยามเช้าเต็มไปด้วยความสดใส ขิงพลิกตัวกลับมาแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เธอเห็นโซว์ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ขิงผงะแล้วมองปากโซว์เป็นอันดับแรกแล้วเธอก็ตกใจรีบเอาผ้าห่มปิดปากตัวเองเอาไว้ ก่อนจะพยายามมองไปทางอื่น
“ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันรถเที่ยวเช้า” โซว์บอก
โซว์เดินออกไป ขิงรีบลุกลงมาแต่รีบมากไปหน่อยเลยตกเตียงดังโครม โซว์หันขวับมามอง ขิงพรวดขึ้นมายืนในสภาพหัวยุ่ง เธอรีบเข้าห้องน้ำด้วยความเขิน โซว์อมยิ้มพร้อมทั้งทำสายตาเอ็นดู
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 7
เวลาผ่านไป ขิงกับโซว์กลับเข้ามาในบ้าน ทั้งสองผงะเมื่อเจอยายขมยืนกอดอกรออยู่ ขิงกับโซว์หน้าเสีย เพราะคิดว่ายายคงโกรธที่เมื่อคืนหายไปทั้งคืน
“ยาย..ชั้นขอโทษที่เมื่อคืนไม่ได้กลับมา พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะยาย” ขิงบอก
“อย่าโกรธขิงเค้าเลยนะครับ ผมผิดเอง เพราะผมมาช้า ทำให้พลาดรถเที่ยวสุดท้าย ถ้ายายจะลงโทษก็ลงโทษผมเถอะครับ”
ยายขมมองสองคนนิ่งแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ขิงกับโซว์แปลกใจ ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“ทำไมยายไม่พูดอะไรเลย” โซว์แปลกใจ
“ไม่พูดแบบนี้ อันตรายสุดๆ เคยได้ยินมั้ย ลมสงบก่อนพายุจะมา นิ่งขนาดนี้ สงสัยจะสึนามิเลยล่ะ”
ไม่นานยายขมก็เดินออกมาพร้อมกับเล็งปืนยาวมาที่โซว์ โซว์กับขิงถึงกับตาเหลือก
“น่านไง เห็นมั้ย ชั้นบอกแล้ว” ขิงว่า
“ไอ้โซ่!! ตายซักเถอะ” ยายขมร้องลั่น
โซว์กับขิงยืนตัวแข็ง ทันใดนั้นตุ๊กก็รีบออกมายืนขวาง
“ช้าก่อนแม่”
“หลีกไปไอ้ตุ๊ก” ยายขมสั่ง
“ชั้นไม่หลีก”
“ไม่หลีก..เละ!”
ตุ๊กตะโกนลั่น “ไอ้โซ่มันไม่ใช่ฆาตกรนะแม่!”
ขิงกับโซว์มองตุ๊กด้วยความสงสัย
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะมีประกาศจับมันได้ยังไง” ยายขมถาม
ขิงกับโซว์ถึงบางอ้อแล้วก็ตกใจ
“ยายรู้แล้วเหรอน้า” ขิงถาม
“ห๊ะ! นี่เอ็งก็รู้ด้วยเหรอนังขิงว่าไอ้นี่มันเป็นฆาตกร” ยายขมถามหลานสาว
ขิงยิ้มแหยๆ แล้วก้าวเท้าออกมาสารภาพผิด “ในภาพมันมีผู้ชายสองคนใช่มั้ยจ๊ะยาย อีกคนคือขิงเอง”
ยายขมตกใจแล้วลดปืนลง “ห๊ะ!!!”
ยายขมมองขิง โซว์ และตุ๊กด้วยความไม่พอใจ ทั้งสามก้มหน้าจ๋อย
“พวกเอ็งนะพวกเอ็ง คิดว่านี่คือการเล่นขายของเหรอไง เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ อมพะนำกันอยู่ได้ ทำไมไม่บอกให้ข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะได้ช่วยกันแก้ไข”
“ชั้นกำลังจะบอก แต่แม่ไม่ฟังชั้นเลย ชกเปรี้ยงเดียว สลบถึงเช้า” ตุ๊กตัดพ้อ
“ข้าหมายถึงทำไมไม่บอกตั้งแต่พวกเอ็งมาถึงห๊ะ!!” ยายขมว่า
“ชั้นกลัวยายไล่โซ่ออกไปจากบ้านก่อนน่ะสิจ๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะโซ่ ชั้นคงไม่รอดกลับมาหายายได้หรอก เค้าช่วยชั้นไว้ตั้งหลายครั้ง” ขิงบอก
ยายขมหันไปมองโซว์ด้วยสายตาที่อ่อนลงพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แต่เอ็งสองคนไม่ได้ทำจริงๆใช่มั้ย”
“ขนาดมดชั้นยังไม่กล้าฆ่าเลย ชั้นกับโซ่ถูกใส่ร้ายจริงๆ” ขิงบอก
ทันใดนั้นรุ้งก็เดินเข้ามายืนตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ทุกคนหันไปมองรุ้งอย่างงงๆ
รุ้งถลามาซบอกโซว์ “รุ้งนึกแล้วว่าเจ้าชายของรุ้งต้องไม่ใช่ฆาตกร ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาสามีของลูก”
“นังรุ้ง! ไอ้โซ่มันเป็นผัวเอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่” ตุ๊กถาม
“ไม่เกินสามวัน” รุ้งบอก
ทุกคนตกใจ “เฮ้ย!!”
“ล้อเล่น” รุ้งนึกขึ้นได้ “ตายแล้ว!!”
“ยังไม่มีใครตายเว๊ย” ยายขมว่า
“ไม่ใช่ยาย เมื่อคืนไอ้แก้วมันบอกว่าวันนี้มันจะไปแจ้งความจับเจ้าชายน่ะสิ”
ทุกคนมีสีหน้าตื่นตระหนกเพราะช็อคไปตามๆกัน
แก้วกำลังหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความสะใจสุดๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ”
แก้วยืนอยู่ข้างๆ รถกะบะกับยอด
“วันนี้จะเป็นวันตายของไอ้โซ่ ไปเว๊ยไอ้ยอด”
ยอดขึ้นรถแล้วขับออกไป แต่แก้วยังยืนอยู่ที่เดิม แล้วเขาก็เห็นว่ายอดขับรถออกไปแล้ว แก้วตกใจ
“ไอ้ยอด!! รอด้วยสิวะ”
ยอดรีบถอยรถกลับมา แก้วรีบขึ้นรถ แล้วยอดก็ขับออกไป
รถกะบะเก่าๆแล่นมาตามทางช้าๆ ขิงที่นั่งในรถร้อนใจจึงหันไปเร่งตุ๊กที่เป็นคนขับ ส่วนโซว์นั่งข้างหลัง
“เร็วหน่อยสิน้า ขืนขับแบบนี้คงไม่ทันไอ้แก้วมันหรอก”
“มันเร่งได้เท่านี้เองนี่หว่า 50 กิโลเต็มที่แล้ว” ตุ๊กบอก
ขิงกับโซว์มองหน้ากันด้วยความเป็นกังวล
ขิงยืนอยู่กับคนงานบ้านกำนัน
“พี่แก้วออกไปแล้วจ๊ะ” คนงานบอก
ขิงตกใจ “ออกไปนานรึยัง”
“ประมาณห้านาทีแล้ว”
ขิงรีบขึ้นรถ เธอหันไปมองตุ๊กกับโซว์
“ไอ้แก้วมันไปแล้ว จะตามทันมั้ยน้า”
“เต่ายังชนะกระต่าย ครั้งนี้เราก็ต้องชนะเว๊ย!” ตุ๊กประกาศลั่นแล้วก็รีบขับรถออกไปทันที
แก้วกับยอดกำลังดื่มน้ำอ้อยด้วยสีหน้าสดชื่น
แก้วพูดกับแม่ค้า “น้ำอ้อยหวานยังไม่เท่าหน้าแม่ค้าเลยนะ”
แม่ค้ายิ้มอาย
“พี่เหมาทั้งคันเลยนะจ๊ะวันนี้ อยากจะเหมาแม่ค้าด้วย แต่ไม่รู้ว่าแม่ค้าจะยอมมั้ย เฮอะๆๆ”
แก้วกับยอดหันมาหัวเราะ ทั้งสองชนน้ำอ้อยแล้วดื่ม
ขิง โซว์ และตุ๊กช่วยกันมองหารถแก้ว
“ชั้นว่าไอ้แก้วคงไปไกลแล้วล่ะ ไม่เห็นเลย” โซว์ถอดใจ
“อย่าเพิ่งถอดใจสิ คนอย่างไอ้แก้ว มักประมาทเสมอ” ขิงบอก
ขวดน้ำอ้อยเปล่าๆ นับสิบขวดวางเรียงอยู่ แก้วเรอออกมาเสียงดังเพราะดื่มเข้าไปจนอิ่ม แล้วเขาก็ส่งยิ้มหวานให้แม่ค้าต่อ ยอดสะกิด
“พี่แก้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วนะ รีบไปเหอะ”
แก้วพยักหน้า “พี่ไปก่อนนะจ๊ะน้องอ้อยหวาน แล้ววันหลังพี่จะมาอุดหนุนอีกนะ”
แม่ค้าพยักหน้าแล้วยิ้มเขิน แก้วกับยอดขึ้นรถแล้วขับออกไป รถของตุ๊กเลี้ยวมาพอดี ขิงมองเห็นรถแก้ว
“ไอ้แก้วอยู่นั่น รีบตามไปเร็วน้า!”
ตุ๊กรีบขับรถตามไปทันที
แก้วทำหน้าตาทุรนทุรายเพราะปวดฉี่ เขาหันไปทางยอดที่กำลังขับรถ
“ไอ้ยอด..แวะยิงกระต่ายก่อน”
ยอดหน้าตื่นตกใจพร้อมกับหันไปมองหากระต่ายข้างทาง “แถวนี้มีกระต่ายด้วยเหรอพี่ ไหนอ่ะไหนอ่ะ มันอยู่ไหน?”
แก้วเขกหัวยอด “ข้าหมายถึงปวดฉิ๊งฉ่องเว้ย จะราดอยู่แล้ว สงสัยดื่มน้ำอ้อยมากไป จอดเร็วเข้า!!”
ยอดรีบเลี้ยวรถจอดเข้าข้างทาง
ขิงเห็นรถแก้วจอดอยู่ข้างทางก็รีบหันไปบอกตุ๊ก
“นั่นรถไอ้แก้ว จอดเร็ว”
“เค้าจอดรถทำไม?” โซว์สงสัย
ขิง โซว์ และตุ๊กมองรถแก้วด้วยความสงสัย
แก้วกับยอดยืนฉี่นาน ยอดฉี่เสร็จก่อนจะหันไปทางแก้วที่ยังฉี่ไม่หยุด แล้วอยู่ดีๆแก้วก็เกิดปวดอึขึ้นมา
“โอ๊ะ!! ไอ้ยอด เอ็งไปรอที่รถก่อน ข้าศึกบุกอีกทาง ไม่ไหวแล้ว”
แก้วปวดท้องสุดๆ เขารีบวิ่งเข้าพงหญ้าพร้อมกับตดเสียงดัง ยอดส่ายหัว
“พี่แก้วนะพี่แก้ว น้ำอ้อยทำพิษซะแล้ว เฮ้อ”
ยอดเดินกลับมาที่รถแล้วก็ผงะเพราะเห็นตุ๊กยืนอยู่
“ไอ้ตุ๊ก! แกมายืนทำอะไรตรงนี้??” ยอดถาม
“อยากยืนมีอะไรป่ะ” ตุ๊กตอบกวนๆ
“พูดแบบนี้จงใจหาเรื่องนี่หว่า”
“เออ วันนี้อยากมีเรื่องเว๊ย อากาศมันร้อนต้องหาที่ระบาย”
ยอดถลกแขนเสื้อด้วยความโมโหสุดๆ
“ได้เลย!! คนอย่างไอ้ยอด ไม่ชอบให้ใครมาหยาม วันนี้เอ็งจะได้รู้จักไอ้ยอด หมัดเทวดา”
ยอดเต้นฟุตเวิร์คไปมา ด้านหลังขิงกับโซว์ย่องมาที่รถ ทั้งสองรีบเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง ยอดฮุคซ้าย ฮุคขวา ตุ๊กส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนจะต่อยยอดดังเปรี้ยง!! ยอดถึงกับมึน
ยอดเห็นเลือดกำเดาตัวเองไหลก็ตกใจ “ละละละเลือด..เลือด!!”
ยอดเป็นลมเพราะกลัวเลือด ตุ๊กเข้ามายืนดู
“อ้าวเฮ้ย ทำไมง่ายเงี้ย” ตุ๊กเอานิ้วจิ้มๆ “ยอด ไอ้ยอด”
ยอดไม่รู้สึกตัว ตุ๊กรีบตามไปสมทบกับขิงและโซว์ ทั้งสองคนกำลังหาถุงกล้วยแขกใบนั้นอยู่
“หาถุงกล้วยแขกเจอรึยัง” ตุ๊กถาม
“ยังเลยน้า” ขิงชะงักแล้วหันไป “อ้าว แล้วไอ้ยอด”
“สลบไปแล้ว”
“งั้นน้าตุ๊กช่วยดูต้นทางให้ทีนะครับ” โซว์บอก
ตุ๊กหันไปมองหาแก้ว
แก้วอึเสร็จแล้วก็สบายใจ
“เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว” แก้วชะงักเพราะนึกขึ้นได้ “ไม่มีกระดาษ แล้วจะใช้อะไรเช็ดก้น”
แก้วหน้าซีด เขาหันไปเห็นใบไม้บริเวณนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก
ขิงกับโซว์หาถุงกล้วยแขกจนไปเจอมันตกอยู่บนพื้นรถ ขิงดีใจรีบหยิบขึ้นมา
“เจอแล้วน้า!”
ขิงกับโซว์หันมายิ้มให้กัน แล้วก็ต้องผงะเพราะหน้าอยู่ใกล้กัน ตุ๊กเห็นก็รีบบอก
“เฮ้ยๆๆ นี่ไม่ใช่เวลามาตะลึงตึงตึง รีบไปได้แล้ว ก่อนที่ไอ้แก้วจะมาเห็น”
ตุ๊ก ขิง และโซว์รีบลงจากรถ แก้วเดินกลับมาเห็นพอดีก็ตกใจ
“เฮ้ย!” ขิง ตุ๊กและโซว์ผงะ “พวกแก!” แก้วเห็นถุงกล้วยแขกในมือของขิง “ถุงกล้วยแขก!”
ตุ๊ก ขิง โซว์รีบวิ่งไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหน้า แก้วโวยวาย
“จะไปไหน!”
ตุ๊กรีบขับรถออกไป แก้ววิ่งตามแล้วไปสะดุดยอดที่นอนอยู่จนล้มกลิ้ง แก้วหันมาเห็นยอด
“ไอ้ยอด” แก้วเข้ามาตบหน้ายอดสองสามที “ไอ้ยอด ตื่นสิเว๊ย”
ยอดตื่นขึ้นมาอย่างมึนๆ “พี่แก้ว!! ช่วยยอดด้วย ยอดกลัวเลือด”
“โธ่เอ๊ย! ไอ้บ้า!! น้องขิงได้ถุงกล้วยแขกไปแล้ว รีบขับรถตามไปเร็วเข้า!!!”
ยอดยังคงเหรอๆหราๆ แต่ก็รีบลุกขึ้น แก้วกับยอดรีบขึ้นรถ แล้วยอดก็ขับออกไป
ขิงกับโซว์หันไปเห็นรถแก้วขับตามมา ขิงร้อนใจจึงหันไปบอกตุ๊ก
“เร็วสิน้า ขับช้าเป็นเต่า”
“อย่ามาโทษข้านะเว้ย รถเก่ามันเร่งไม่ขึ้น”
“บอกให้เอาไปซ่อมตั้งนานแล้วก็ไม่รู้จักไปทำ”
“มีเงินไปซ่อมที่ไหนวะ”
โซว์รีบห้าม “ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ ยังไงเราก็พวกเดียวกัน”
ขิงหันไปมองรถแก้วด้วยความกังวลใจ
แก้วเองก็ร้อนใจจึงหันไปสั่งยอด
“กดปุ่มเทอร์โบเลยไอ้ยอด พวกมันตายแน่!”
ยอดกดปุ่มเทอร์โบ รถของแก้วพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว ตุ๊ก ขิง และโซว์เห็นรถแก้วแล่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ขิงกับโซว์ตกใจจนตาโต
“มันใกล้เข้ามาแล้วน้า” ขิงบอกตุ๊ก
รถแก้วแซงหน้าขึ้นไปจอดขวางรถตุ๊กเอาไว้ ตุ๊กเบรครถดังเอี๊ยด ขิง โซว์ และตัวตุ๊กหน้าแทบคะมำ แก้วกับยอดก้าวลงมาแล้วแสยะยิ้มร้าย
ตุ๊กรีบถอยรถหนี แก้วกับยอดตกใจ “เฮ้ย” ทั้งสองรีบขึ้นรถแล้วเลี้ยวไปดักหลังรถตุ๊ก ตุ๊กขับหนีไปด้านหน้า ยอดขับอ้อมมาดักหน้า ตุ๊กถอยหลังหนีไปหนีมาจนรถตุ๊กเครื่องดับ ขิง โซว์ และตุ๊กตกใจ
“เฮ้ย!!”
แก้วกับยอดลงจากรถมายืนมองแล้วกวักมือเรียก ตุ๊ก ขิง โซว์ มองแก้วกับยอดด้วยใจเต้น แล้วก็ตัดสินใจลงจากรถ
ขิง โซว์ ตุ๊ก และแก้วกับยอดยืนประจันหน้ากัน
“น้องขิงจ๊ะ คืนถุงกล้วยแขกมาให้พี่แก้วซะดีๆ พี่แก้วไม่อยากใช้กำลังกับน้องขิงนะจ๊ะ” แก้วบอก
“ฝันไปเถอะว่าชั้นจะคืนให้แก” ขิงตอกกลับ
ขิงรีบเปิดประตูรถแล้วหยิบถุงกล้วยแขก แก้วกับยอดพุ่งเข้าไปหาทันที โซว์ผลักแก้วจนกระเด็นหงายหลังไปชนยอดล้มลงไปกับพื้น แก้วโมโหจึงตะโกนสั่ง
“ไอ้ยอด รีบไปเอาถุงกล้วยแขก!!”
ยอดลุกขึ้นแล้วพุ่งไปหาขิง ขิงตกใจทำอะไรมาถูกจึงเอาถุงยัดใส่ปากตุ๊ก ตุ๊กตาเหลือก ขิงอุดปากตุ๊กไม่ให้คายออกมา ตุ๊กเลยต้องกลืนเข้าไป ตุ๊กหน้าแดงและพูดไม่ออก แก้วกับยอดหน้าเหวอ
“ไอ้ตุ๊กมันกินถุงไปแล้วพี่” ยอดบอก
โซว์หันไปมองตุ๊กอย่างอึ้งๆ
แก้วโมโห “บ้าเอ๊ย”
“แกไม่มีหลักฐานแล้วไอ้แก้ว” ขิงบอก
“พี่แก้วนี่ไงหลักฐาน พี่แก้วอ่านข้อความจนครบแล้ว เห็นกับตาว่าไอ้ฆาตกรที่ทางการหมายหัวคือไอ้โซ่!”
“คิดว่าคนจะเชื่อแกเหรอ ถ้าแกเอาเรื่องนี้ไปพูด ชาวบ้านจะหาว่าแกขี้โม้ กุเรื่องเอง แล้วมันไม่ได้เสียที่แกคนเดียว แต่มันจะเสียชื่อถึงวงศ์ตระกูลของแก ชาวบ้านเค้าจะด่าไปถึง พ่อแม่ของแก ปู่ย่าตายายของแก” ขิงว่าเป็นชุด
แก้วกำมือแน่นอย่างสุดทน “พอได้แล้วน้องขิง หยุดด่าบรรพบุรุษของพี่แก้วซักที พี่แก้วเจ็บปวด”
แก้วทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างเจ็บปวดสุดๆ
“กลับเถอะน้า” ขิงบอกตุ๊ก
ตุ๊กได้แต่พยักหน้าแต่พูดอะไรไม่ออก เขาเดินออกไปกับขิงและโซว์ แก้วก้มหน้านิ่ง ส่วนยอดมองเจ้านายอย่างเป็นห่วงจึงเข้ามาดูใกล้ๆ
“พี่แก้ว พี่แก้วเป็นไรมั้ยจ๊ะ”
แก้วเงยหน้าขึ้นมามองตามโซว์ด้วยสีหน้าอาฆาตแค้นสุดๆ ยอดเห็นแล้วยังสยอง
ยายขมกับรุ้งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“โชคดีนะที่เอ็งตามไอ้แก้วมันทัน ไม่งั้นได้ติดคุกหัวโตกันทั้งคู่แน่ แล้วไอ้ถุงกล้วยแขกอยู่ไหน ข้าอยากเห็น”
ขิงยิ้มแหยๆ โซว์ยิ้มแล้วตอบ
“อยู่ในท้องน้าตุ๊กครับ” ยายขมกับรุ้งผงะ
“คือขิง..ไม่รู้จะเอาถุงกล้วยแขกไปซ่อนไว้ไหนก็เลยยัดใส่ปากน้าตุ๊ก” ขิงเล่า
“น้าตุ๊กก็เลยต้องทานยาถ่ายเข้าไป เพื่อจะเอามันออกมา” โซว์บอก
“ถ้ามันออกมาแล้ว ขิงจะเอามาให้ยายดูนะจ๊ะ”
ยายขมจะอ้วก “ไม่ต้องไม่ต้อง ข้าไม่อยากเห็นแล้ว”
“รุ้งดีใจมากเลยนะคะที่เจ้าชายไม่เป็นไร ไม่งั้นรุ้งคงจะต้องเสียใจไปจนตาย” รุ้งบอก
“ขอบใจมากนะรุ้ง” โซว์พูด
“คำขอบคุณอย่างเดียวไม่พอค่ะ ขอเป็นจุ๊บจุ๊บได้มั้ย”
โซว์ทำหน้าไม่ถูก ขิงหมั่นไส้เลยเดินออกไป ยายขมเอาไม้เกาหลังเขกหัวรุ้ง
“โอ๊ย! ยายอ่ะ” รุ้งเจ็บหัว
“กระแดะจริงๆนะเอ็ง” ยายขมว่า
โซว์ยิ้มแต่หันไปก็ไม่เห็นขิงแล้ว
ขิงปาหินลงในบึงด้วยความโมโหหึง
ขิงพูดเลียนเสียงรุ้ง “คำขอบคุณอย่างเดียวไม่พอ ขอเป็นจุ๊บจุ๊บได้มั้ย”
ทันใดนั้นเสียงโซว์ก็ดังขึ้นใกล้ๆ
“ได้สิ”
ขิงหันไปเห็นโซว์ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ขิงตกใจจึงเผลอตบหน้าโซว์ดังเพียะ! โซว์ตกใจ
“โอ๊ย!! ตบหน้าชั้นทำไม”
“สมน้ำหน้า อยากยื่นหน้ามาใกล้ๆทำไม ชั้นก็ตกใจน่ะสิ”
“ชั้นเจ็บนะ” โซว์บอก ขิงมองอย่างไม่เชื่อ “เจ็บจริงๆ”
ขิงมองโซว์อย่างลังเลว่าจะเชื่อดีไหม แต่โซว์ยังมีสีหน้าไม่ดี
“ไหนดูสิ”
ขิงเดินมาดูหน้าโซว์ใกล้ๆ โซว์มองขิงแล้วยิ้มตาเป็นประกาย
“ขอบใจนะ” โซว์บอก
ขิงผงะ “ขอบใจชั้นทำไม?”
“ที่เธอช่วยชั้น”
“ชั้นไม่ได้ช่วยนาย ชั้นช่วยตัวเองต่างหาก”
“ผู้หญิงอะไรปากแข็ง” โซว์ว่า
“ชั้นไม่ได้ปากแข็ง”
“อ่ะอ่ะ ไม่ปากแข็งก็ได้”
โซว์มองหน้าขิงตาไม่กระพริบจนขิงหน้าแดงซ่านด้วยความอาย
“มองอะไร เดี๋ยวโดนอีกข้างหรอก” ขิงเงื้อหมัด
โซว์ขำกับท่างทางแก้เขินของขิง ขิงโมโหแล้วทำท่าจะต่อย โซว์จับมือขิงเอาไว้ ขิงตกใจจึงรีบบอก
“ปล่อย!!”
ขิงจะผลักโซว์แต่กลับถูกโซว์ดึงตัวเข้ามากอด ขิงหันไปก็ผงะเพราะเห็นหน้าโซว์ห่างกับหน้าตัวเองไม่ถึงคืบ โซว์เองก็นิ่งไป ทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน แล้วขิงก็เหยียบเท้าโซว์อย่างแรง โซว์สะดุ้งและปล่อยตัวขิง
“โอ๊ย!!”
ขิงรีบเดินออกไปด้วยความเขินสุดๆ โซว์มองตามขิงแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู
ลัดลดาเอารูปที่ถ่ายกับปีเตอร์ให้พนักงานที่ทำเล็บให้เธอดู พนักงานฮือฮาและตื่นเต้น
“คุณดาด้าน่าอิจฉาจังเลยค่ะ ได้ถ่ายรูปคู่กับเจ้าชาย ท่าทางจะสนิทกันน่าดูเลยนะคะ”
“ไม่ได้สนิทกันธรรมดานะ แต่สนิท” ลัดลดาพูดเน้น “มาก We are close friend “
พนักงานพากันตื่นเต้น ทันใดนั้นติ๊งโหน่งก็โผล่เข้ามาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“โกหก!”
ลัดลดากับพนักงานหันไปไปเห็นติ๊งโหน่งยืนเท้าเอวสีหน้าเอาเรื่อง
“หน้าด้าน! น่าไม่อาย ทุกคนอย่าไปหลงเชื่อ นังดาด้ามันแอบอ้าง ชอบทำตัวซี้กับเจ้าชาย” ติ๊งโหน่งว่าเป็นชุด
ลัดลดาโมโหลุกขึ้นมายืนทั้งๆที่มือยังเปียก “นี่นังติ๊งต๊อง แกอิจฉาใช่มั๊ยที่ชั้นมีรูปคู่กับเจ้าชาย”
“ทำไมชั้นต้องอิจฉา ชั้นมีรูปคู่กับเจ้าชายเป็นร้อยรูป” ติ๊งโหน่งบอก ลัดลดาอึ้ง “ไง ปากค้างไปเลยสิ ฮ่าๆๆ ชั้นรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว ที่แกเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าไปทะเลกับเจ้าชายสองต่อสอง แกไปทำธุระต่างหาก แกมันก็แค่คนรู้จักของเจ้าชาย แต่ชั้นนี่สิตัวจริงเสียงจริง เพราะชั้นคือว่าที่เจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์”
ลัดลดากำมือแน่นด้วยความโมโห “ไม่จริง ชั้นต่างหากคือเจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์ ชั้นกับเจ้าชายเรามีโปรเจคลับระหว่างกัน” ลัดลดาบอก ติ๊งโหน่งอึ้งตะลึง “อยากรู้ล่ะสิว่าอะไร ชั้นไม่บอก”
ติ๊งโหน่งพุ่งเข้ามาบีบคอ “แกต้องบอก”
ลัดลดาบีบคอติ๊งโหน่งกลับ “บอกใบ้ให้นิดนึงก็ได้ โปรเจคนี้จะเกิดขึ้นที่โรงแรมของชั้น ฮ่าๆๆ”
ติ๊งโหน่งเลือดขึ้นหน้า “อ๊าย นังลัดดลาแกตาย ตาย อ๊ายยย”
ลัดลดาหายใจไม่ออกจึงบีบคอติ๊งโหน่งกลับ สองคนบีบคอกันไปมาด้วยความวุ่นวายสุดๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าห้าม พนักงานแตกกระเจิง ติ๊งโหน่งหายใจไม่ออกจึงกระทืบเท้าลัดลดา ลัดลดาสะดุ้งและปล่อยมือ ติ๊งโหน่งหันไปคว้ายาทาเล็บมาป้ายหน้าลัดลดา ลัดลดากรี๊ด
“อ๊ายยยย!” ลัดลดาไม่ยอมแย่งยาทาเล็บมาป้ายหน้าติ๊งโหน่งกลับ
“อ๊ายยย!! หน้าสวยๆของฉัน..!” ติ๊งโหน่งกรี๊ดลั่น
ติ๊งโหน่งกระโดดเข้าใส่ลัดลดา ลัดลดารีบหลบแล้ววิ่งหนีพร้อมทั้งแหกปากร้องไปด้วย
ลัดลดาหนีออกมาจากสปา ติ๊งโหน่งวิ่งตามออกมา พนักงานรีบเดินมาปิดประตูแล้วล็อค ติ๊งโหน่งหันไปคว้าถังขยะด้านหน้าขึ้นมาทุ่มใส่ลัดลดา ลัดลดาเบี่ยงตัวหลบแล้วร้องโวยวายดังลั่น
“นังติงต๊อง แกบ้าไปแล้วเหรอ...?!! ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย อ๊าย!”
ติ๊งโหน่งจะเข้ามาจัดการลัดลดา ลัดลดาเห็นไม้ม็อบหน้าร้านจึงคว้าขึ้นมาฟาดๆๆ ติ๊งโหน่งรีบหลบแล้วม้วนหน้าไปเอาฝาปิดถังขยะมาเป็นโล่
ติ๊งโหน่งงัดไม้ม็อบลัดลดาจนกระเด็น ลัดลดาตกใจจึงหันหลังวิ่งหนี ติ๊งโหน่งกระโดดเกาะหลังทำให้ลัดลดาหน้าคว่ำไปบนพื้น เธอพยายามคลานหนี แต่ติ๊งโหน่งนั่งทับแล้วจิกผมลัดลดาจะโขกบนพื้น ลัดลดาตกใจสุดๆ “อย่านะ!! อย่าจับหน้าฉันกระแทกพื้นนะ ฉันเสียเงินเป็นแสนกว่าจะได้หน้านี้มา”
“กลัวแล้วชิมิ ขอร้องฉันซี่....เฮอะๆๆ”
ลัดลดาบีบน้ำตา “ฉันขอร้องล่ะติ๊งโหน่ง อย่าทำร้ายหน้าฉันเลย ใบหน้านี้ฉันรักยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ถ้าเธออยากทำร้ายฉัน ก็ทำที่อื่น”
“น้ำเสียงดูไม่เต็มใจขอร้องฉัน เพราฉะนั้น ...”
ติ๊งโหน่งกำลังจะดันหน้าลัดลดากระแทกพื้น
ลัดลดาจึงรีบพูด “ติ๊งโหน่งสุดสวย”
ติ๊งโหน่งชะงักเพราะบ้ายอ เธอยอมปล่อยมือ ลัดลดาหันมาพูดต่อ
“ติ๊งโหน่งผู้แสนดีและน่ารัก ว่าที่เจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์”
ติ๊งโหน่งลุกขึ้นยืนหันหลังแล้วบิดไปมาด้วยความเขินอาย ลัดลดาค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วถอดรองเท้าออกมา
“ชมเค้าซึ่งๆหน้าแบบนี้ เค้าเขิน แต่จะว่าไปมันก็เป็นความจริง อิอิอิ” ติ๊งโหน่งเขิน
ลัดลดาปารองเท้าใส่ติ๊งโหน่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ติ๊งโหน่งหันมาเห็น ติ๊งโหน่งจึงหลบได้ทัน รองเท้าข้างนั้นถูกปาไปโดนตำรวจจราจร ลัดลดาอึ้ง ติ๊งโหน่งรีบปิดตาแล้วชี้ไปที่ลัดลดา
“คนนี้ที่ปารองเท้าใส่คุณตำรวจค่ะ”
ตำรวจจราจรหันมามอง ลัดลดายิ้มแหยๆ แล้วก็รีบวิ่งหนีออกไปทันที ตำรวจจราจรรีบไล่ตาม
“หยุดนะ! หยุดหยุด!” ตำรวจจราจรร้องเรียก
ติ๊งโหน่งหัวเราะด้วยความสะใจสุดๆ
ลัดลดาแหกปากร้องไห้เสียงดังลั่นอยู่ในห้องขังที่เธออยู่กับนักโทษหญิงที่ดูน่ากลัวมากๆ ลัดลดาหันไปมอง นักโทษคนนั้นร้องขู่ ลัดลดาเกาะลูกกรงแน่นแล้วประกาศกร้าว
“นังติ๊งโหน่ง ถ้ามีแกต้องไม่มีฉัน!”
เสียงติ๊งโหน่งร้องไห้ออกมาดังลั่นบ้าน รอบคอติ๊งโหน่งมีรอยแดง ชรินทร์นั่งฟังลูกสาวอยู่ด้วย
“คุณพ่อต้องช่วยติ๊ง คุณพ่อต้องสืบว่าเจ้าชายกับนังดาด้ามันมีความลับอะไรกัน คุณพ่อต้องช่วยติ๊งนะ”
“ใจเย็นๆลูก”
ติ๊งโหน่งลงไปนอนดิ้นที่พื้น “ติ๊งไม่เย็น ติ๊งไม่เย็น ติ๊งต้องรู้ให้ได้ว่านังดาด้ามันจะทำอะไรเจ้าชาย ติ๊งต้องรู้เดี๋ยวนี้”
ติ๊งโหน่งลุกขึ้นมากระโดดกระทืบๆ พื้นจนบ้านสั่นสะเทือนไปหมด ชรินทร์กับอำนาจแทบล้ม ชรินทร์ทนไม่ไหวจึงรีบพูด
“เอาล่ะๆ พ่อจะรีบจัดการให้”
ติ๊งโหน่งหยุดกระทืบเท้าแล้วเข้ามากอดพ่อ “ขอบคุณนะคะคุณพ่อ”
ชรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปมองอำนาจแล้วส่งซิกอะไรบางอย่าง
ชรินทร์หันมาทางอำนาจด้วยสีหน้าร้ายกาจ
“เป็นโอกาสของเราแล้วอำนาจ เราจะใช้เรื่องติ๊งเป็นข้ออ้างในการเข้าหาเจ้าชาย แกรู้ใช่มั้ยว่าจริงๆชั้นต้องการอะไร”
อำนาจรับคำ “ครับท่าน”
“ชั้นนี่ฉลาดสุดยอดจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
ชรินทร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ตุ๊กมีหน้าตาตื่นเต้นดีใจวิ่งเข้ามาในบ้าน
ตุ๊กมีหน้าตาตื่นเต้นดีใจวิ่งเข้ามาในบ้าน
“แม่ แม่จ๋า แม่”
ตุ๊กเข้ามากอดยายขมแล้วยกจนตัวลอย ยายขมตกใจ
“ว๊าย ไอ้ตุ๊ก ไอ้บ้า มากอดข้าทำไม มันจักจี๊เว้ยเฮ้ย”
เสียงดังลั่นของยายขมทำให้ขิง โซว์ และรุ้งเดินเข้ามาดู
“มีอะไรเหรอน้าตุ๊ก” ขิงถาม
ตุ๊กวางยายขมลงบนพื้นแล้วพูด “คุณลัดลดาที่เป็นเจ้าของโรงแรมแล้วก็เป็นเพื่อนเจ้าชายโทรมาบอกให้เราไปเล่นลิเกที่โรงแรม”
“ห๊ะ!! นี่ชั้นไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย” รุ้งถาม ยายขมตบหน้ารุ้งดังเพียะ! “โอ๊ย ยายตบหน้าชั้นทำไม”
“จะได้รู้ว่าไม่ได้ฝันไปไง” ยายขมบอก
รุ้งยิ้ม “เย้ เย้”
รุ้งกอดยายขม ส่วนตุ๊กกอดขิงแล้วก็ผละออกมากอดยายขม ขิงกับโซว์หันมาเจอกัน ทั้งสองจะกอดกันแล้วก็ผงะเพราะนึกได้ จึงได้แต่ยิ้มให้กันด้วยความดีใจสุดๆ
ที่บ้านกำนันเก่งยามค่ำคืน แก้วกระชากคอเสื้อยอดเข้ามาแล้วตะคอกใส่หน้าด้วยความโมโห
“แกว่าไงนะ!! คณะลิเกยายขมได้ไปเล่นในโรงแรม!
ยอดเหม็นปากแก้ว “จ๊ะพี่แก้ว”
แก้วผลักยอดออกไปด้วยสีหน้าเคียดแค้น ยอดเข้ามากระซิบข้างๆ
“ท่าทางมันจะดังจนฉุดไม่อยู่แล้วล่ะพี่แก้ว ถ้าพวกมันได้เล่นในโรงแรม ก็ต้องมีฝรั่งมาดู เผลอๆพวกมันจะได้โกอินเตอร์ ไปฮอลลีวู้ด ชั้นได้ยินมาอีกด้วยนะว่าตอนนี้พวกมันกำลังจะฉลองใหญ่”
“ไม่ต้องพูดแล้วไอ้ยอด”
“พี่ต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง อีกหน่อยไอ้โซ่มันต้องดังกว่าพี่ รวยกว่าพี่แน่ๆ”
แก้วหันมาต่อว่า “ข้าบอกให้หยุดพูดไง!! พวกมันไม่มีทางไปไหนได้ไกลหรอก ตราบใดที่ไอ้แก้วยังอยู่”แก้วมีสีหน้าอาฆาตแค้น
รุ้งในชุดจอกกิ้งออกมาสูดอากาศยามเช้า
“ต้องออกกำลังกาย ปอดจะได้แข็งแรง ร้องลิเกเพราะๆ” รุ้งร้องเสียงโอเปร่า “ฮา ฮา ฮ้า..า”
ทันใดนั้นแก้วก็เข้ามาอุดปากรุ้งจนรุ้งตาเหลือก แก้วรีบลากรุ้งเข้าไปหลบมุม รุ้งถุ้งศอกไปที่ท้องแก้ว ทำให้แก้วต้องปล่อย
“โอ๊ย!” แก้วร้อง
รุ้งหันไปมองแก้วกับยอดด้วยหน้าตื่นกลัว “แกสองคนจับตัวชั้นมาทำไม” รุ้งนึกได้ “หรือว่าพวกแกจะปล้ำชั้น ช่วยด้วย!!”
ยอดรีบอุดปาก “ไม่ใช่ พี่แก้วมีเรื่องจะเจรจากับแก”
รุ้งชะงัก ยอดยอมปล่อยมือ แก้วเดินมาตรงหน้ารุ้ง
“ชั้นได้ข่าวว่าคณะลิเกยายขมจะได้ไปเล่นในโรงแรม” แก้วบอก
รุ้งเชิด “ใช่”
“คิดดีแล้วเหรอรุ้ง” แก้วถาม
“แล้วทำไมต้องคิดไม่ดี เล่นในโรงแรม รายได้ก็จะได้มากขึ้นเป็นกอบเป็นกำ”
“มีเงิน แต่ไร้คู่ ก็น่าเวทนานะ”
“แกจะพูดอะไร พูดออกมาเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“เธอคิดดูสิถ้าไอ้หน้าวอกได้ไปเล่นลิเกในโรงแรม สาวๆสวยๆที่ดูดีกว่าเธอต้องชอบมันแน่ๆ” แก้วกล่อม รุ้งคิดตาม “แล้วอีกหน่อยเธอก็จะเป็นคนนอกสายตา แล้วเธอก็ไม่ได้สมรักกับมัน”
รุ้งเริ่มตกใจ แก้วรีบพูดต่อ
“ร่วมมือกับชั้น เธอจะได้ไอ้หน้าวอก ส่วนชั้นจะได้น้องขิงไว้เชยชม”
“ไม่! ชั้นเป็นนางเอก ชั้นจะไม่มีวันยอมร่วมมือกับตัวร้ายอย่างแก”
“แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นนางเอกแล้ว อย่าลืมสิ”
รุ้งผงะแล้วคิดตาม “จริงด้วย”
แก้วยังกล่อมต่อ “น้องขิงต่างหากที่เป็นนางเอก น้องขิงจะดังแทนเธอ แล้วไม่แน่น้องขิงก็จะได้ไอ้หน้าวอกไป ส่วนเธอก็จะตกกระป๋อง ไม่มีใครเอา ไม่มีใครสนใจ”
รุ้งทนฟังไม่ไหว “โอ๊ย หยุด หยุดได้แล้ว ตกลง ชั้นจะร่วมมือกับแก แกจะให้ชั้นทำอะไรว่ามาเลย”
แก้วกับยอดหันมายิ้มร้ายให้กัน
เสียงออดประตูห้องพักของปีเตอร์ดังขึ้น พัชรีเดินมาเปิดประตู พอเห็นอำนาจเธอก็ผงะไป
“ผมมีของจากคุณติ๊งมาให้เจ้าชาย” อำนาจบอก
“รอซักครู่”
พัชรีเดินเข้าไปหาปีเตอร์ที่กำลังจิบกาแฟอยู่ในห้อง
“เจ้าชายเพคะ มีของส่งมาจากคุณติ๊ง”
ปีเตอร์สำลักกาแฟพรวด เขารีบเดินไปหาอำนาจ อำนาจถวายบังคม
“สวัสดีครับเจ้าชาย คุณติ๊งให้ผมเอาของมาให้เจ้าชายครับ”
“อะไร” ปีเตอร์ถาม
อำนาจผายมือไปด้านหลัง ปีเตอร์เห็นรูปใหญ่ยักษ์ของติ๊งโหน่งก็ตกใจ เขารู้สึกขนพองสยองเกล้ามากๆ
“เอากลับไปเถอะ เราไม่มีที่เก็บ” ปีเตอร์รีบบอกปัด
“คุณติ๊งสั่งว่า ถ้าเจ้าชายไม่รับ เธอจะมาด้วยตัวเอง”
ปีเตอร์รีบพูด “งั้นรีบเอาเข้ามาเลย”
อำนาจหันไปทางลูกน้อง ลูกน้องขนรูปเข้าไป อำนาจชำเลืองมองพัชรีตลอดเวลา แต่พัชรีไม่กล้าสบตา
อำนาจมองไปที่กำแพงห้องแล้วสั่งลูกน้อง “ติดตรงนั้น”
ปีเตอร์ตกใจ “ไม่ติดไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ครับ ไม่งั้นคุณติ๊งจะมาเอง”
“เออ จะทำอะไรก็ทำ”
ลูกน้องกำลังติดรูปติ๊งโหน่งยิ้มแฉ่ง โดยที่ปีเตอร์ไม่รู้ว่าบริเวณดวงตาของติ๊งโหน่งในรูปมีกล้องซ่อนอยู่
อำนาจกลับลงมานั่งในรถแล้วเปิดบีบี ภาพผ่านจากกล้องงวจรปิดที่ติดตรงดวงตาของรูปติ๊งโหน่งทำให้เห็นปีเตอร์กับพัชรีชัดแจ๋ว อำนาจยิ้มร้าย ปีเตอร์นั่งลงกินข้าว พัชรีเข้ามานั่งด้วย อำนาจตั้งใจฟัง
พัชรีขยับเข้ามาใกล้ปีเตอร์
“เจ้าชายคะ เรื่องนายชรินทร์ เราจะทำยังไงกันต่อ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรที่นี่เลยนะพัชรี เรารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนจ้องเราตลอดเวลา” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์หันไปมองรูปติ๊งโหน่งแล้วก็ขนลุก
“ไปข้างนอกกันเหอะ” ปีเตอร์ชวน
พัชรีกับปีเตอร์เดินออกไปจากห้อง
อำนาจที่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่เห็นพัชรีกับปีเตอร์เดินออกไปก็เซ็งสุดๆ
“โธ่เว๊ย” อำนาจหันไปสั่งลูกน้อง “จับตาดูพวกมันไว้ มีอะไรให้รีบโทรบอก”
ลูกน้องพยักหน้ารับ อำนาจลงจากรถที่เขียนตัวรถข้างๆว่า “รับกำจัดปลวก” แล้วเดินลับๆล่อไปขึ้นรถตัวเอง
ตุ๊กกับขิงกำลังตกแต่งบ้านสำหรับงานฉลองที่จะมีในตอนเย็น โซว์หันมามองขิง ขิงหันไปเห็นโซว์มอง อยู่ โซว์รีบหลบตา ขิงเขินๆ แล้วก็หันมาเจอตุ๊กที่กำลังยื่นหน้ามาข้างๆ ขิงตกใจ
“น้าตุ๊ก! ตกใจหมด”
“เป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าเป็นเพราะหัวใจไม่ว่าง” ตุ๊กแซว
“น้าพูดอะไร?!”
“เขิน เขิน หน้าแดงเชียวนะเอ็ง”
ขิงผงะแล้วรีบเอามือถูหน้า “ขิงไม่ได้เขิน”
ขิงหันไปเห็นโซว์มองอยู่เลยตวาดเข้าให้
“มองอะไร? ทำงานไปสิ”
โซว์งง ขิงเดินออกไป ตุ๊กรีบเดินตาม
“ทำไมเอ็งชอบพูดไม่ดีกับไอ้โซ่ห๊ะ!! ทำตัวเป็นนางเอกเกาหลี ขี้วีนไปได้” ตุ๊กว่า ขิงเงียบ “ข้าว่าเอ็งหาของอะไรให้มันหน่อย ขอบใจที่มันมีส่วนทำให้คณะลิเกเรากลับมาดังอีกครั้ง”
“น้าก็หาสิ ทำไมต้องให้ชั้นหาด้วย”
ตุ๊กยิ้มแซวๆ “ข้าว่าไอ้โซ่มันคงอยากได้ของจากเอ็งมากกว่าคนอื่น”
ขิงหันขวับหน้าเหวี่ยง “ทำไม?”
ตุ๊กยิ้มกรุ่มกริ่ม “แหมๆๆ ทำเป็นซื่อ ไอ้โซ่ชอบเอ็ง”
ขิงหน้าถอดสี “บ้าเหรอน้า”
“ไม่บ้าล่ะ ข้ามองตามันก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรกับเอ็ง ผู้ชายด้วยกันดูออก” ตุ๊กบอก ขิงหลบตาตุ๊กแล้วก็ใจเต้นตึกตัก “ไอ้โซ่ท่าท่างมันจะรวยนะ ถ้าเอ็งได้แต่งงานกับมัน รับรองได้เป็นคุณนาย ข้ากับแม่จะได้สบายซักที”
ขิงทำโมโหกลบเกลื่อน “ความรักมันซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอกนะน้า ถ้าชั้นจะรักใครซักคน ชั้นต้องรักที่ตัวเค้า”
ขิงเดินฉับๆออกไป ตุ๊กมองตามอย่างเหวอๆ
“หลานข้า อุดมการณ์จริงๆ ถ้าคิดแบบนั้น” ตุ๊กตะโกนไล่หลัง “ก็เกาะคานไปเถอะ”
ขิงเดินอย่างหัวเสียเข้ามาในห้อง
“น้าตุ๊กนะน้าตุ๊ก พูดมาได้ว่าไอ้โซ่ชอบเรา” ขิงหันไปเห็นหน้าตัวเองในกระจกก็ตกใจ “เฮ้ย ทำไมหน้าแดงเงี้ย” เสียงหัวใจของขิงดังออกมา ขิงเอามือจับหัวใจตัวเอง “ใจก็เต้นแรง”
ขิงมองไปที่กระจก เธอเห็นโซว์โผล่หน้ายิ้มหวานพร้อมทำท่าศรรักปักอกใส่เธอ ขิงสะดุ้งรีบหันขวับพร้อมสะบัดหัวเพื่อสลัดภาพนั้น
“บ้าเอ๊ย!! ไม่จริง เราไม่ได้ชอบไอ้โซ่ ไม่มีทาง ไม่ไม่ไม่ ตั้งสติขิง ตั้งสติ”
ขิงหายใจเข้าหายใจออกอย่างช้าๆ เธอพยายามมีสติก่อนจะหันไปมองตัวเองที่กระจกอีกครั้ง ก็พบว่าไม่มีหน้าโซว์ลอยมาแล้ว ขิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเห็นสร้อยพระที่คอตัวเองก็ผงะ ขิงหยิบสร้อยพระขึ้นมาดู แล้วคำพูดของตุ๊กก็ดังขึ้นในหัว...
“ข้าว่าเอ็งหาของอะไรให้มันหน่อย ขอบใจที่มันมีส่วนทำให้คณะลิเกเรากลับมาดังอีกครั้ง”
“น้าก็หาสิ ทำไมต้องให้ชั้นหาด้วย”
ตุ๊กยิ้มแซวๆ “ข้าว่าไอ้โซ่มันคงอยากได้ของจากเอ็งมากกว่าคนอื่น”...
ขิงมองสร้อยพระที่คอด้วยสีหน้าครุ่นคิด
รุ้งเทน้ำปลาใส่ลงไปในหม้อ พลางคิดถึงเรื่องที่แก้วพูดกับตัวเอง
“เธอคิดดูสิถ้าไอ้หน้าวอกได้ไปเล่นลิเกในโรงแรม สาวๆสวยๆที่ดูดีกว่าเธอต้องชอบมันแน่ๆ” รุ้งคิดตาม “ แล้วอีกหน่อยเธอก็จะเป็นคนนอกสายตา แล้วเธอก็ไม่ได้สมรักกับมัน”
รุ้งตกใจ แก้วรีบพูดต่อ
“ร่วมมือกับชั้น เธอจะได้ไอ้หน้าวอก ส่วนชั้นจะได้น้องขิงไว้เชยชม”
“ไม่! ชั้นเป็นนางเอก ชั้นจะไม่มีวันยอมร่วมมือกับตัวร้ายอย่างแก” รุ้งบอก
“แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นนางเอกแล้ว อย่าลืมสิ” ยอดย้ำ
รุ้งผงะแล้วคิดตาม “จริงด้วย”
แก้วไซโคต่อ “น้องขิงต่างหากที่เป็นนางเอก น้องขิงจะดังแทนเธอ แล้วไม่แน่น้องขิงก็จะได้ไอ้หน้าวอกไป ส่วนเธอก็จะตกกระป๋อง ไม่มีใครเอา ไม่มีใครสนใจ”
ใบแก้วกับยอดเป็นภาพหลอนๆ ลอยมาหลอกหลอนรุ้ง
“ตกกระป๋อง ไม่มีใครสนใจ ตกกระป๋อง ไม่มีใครสนใจ ฮ่าๆๆๆๆ”
รุ้งยกมือขึ้นอุดหูแล้วส่ายหัว
“ไม่ ไม่จริง ไม่..ม..ม..ม..ม!!”
ยายขมเข้ามาเห็นรุ้งก็ตกใจ
“นังรุ้ง!!” ยายขมเรียก รุ้งสะดุ้งแล้วหันไปเห็นยายขมยืนอยู่ “แหกปากอะไร!!” ยายขมถาม
“เออ” รุ้งหาข้อแก้ตัว “ชั้น...เออ” รุ้งนึกออก “กำลังเทสเสียง เตรียมไปเล่นที่โรงแรมไงจ๊ะยาย” รุ้งทำเป็นไล่โน๊ต “โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด๊..ด..ด..ด..ด..!!”
เสียงของรุ้งแหลมมากจนทำให้แก้วแตกดังเพล้ง!! ยายขมกับรุ้งตกใจ หันขวับไปมอง ยายขมค้อนรุ้ง รุ้งยิ้มแหยๆ
ยายขมเห็นอาหารวางเต็มโต๊ะ “แล้วนี่ทำอะไรเยอะแยะ อย่าคิดว่าได้งานที่โรงแรมแล้วจะใช้เงินหยั่งกับเบี้ยได้นะ ยังไงก็ต้องประหยัดเหมือนเดิม รีบๆทำเข้าล่ะ ข้าหิวแล้ว”
“จ๊ะ จ๊ะ”
ยายขมเดินออกไป
ทันใดนั้นเสียงตุ๊กแกก็ดังขึ้น “ตั๊บ...แก ตั๊บ..แก” รุ้งสะดุ้งด้วยความตกใจแล้วหันไปมอง
“ตายแล้ว! ตุ๊กแกมาจากไหน”
เสียงตุ๊กแกยังดังไม่หยุด รุ้งหันไปคว้าสาก
“ไอ้ตุ๊กแกบ้า อยู่ไหนเนี่ย แม่จะตีหัวมาทำผัดเผ็ดซะเลย”
เสียงตุ๊กแกยังดังอยู่ รุ้งมองหาและรู้สึกมาเสียงจากนอกหน้าต่าง รุ้งโผล่หน้าออกไป แก้วกับยอดโผล่หัวขึ้นมาพอดี
แก้วกับยอดทำเสียงตุ๊กแก “ตั๊บแก!!”
รุ้งตกใจ “ว๊าย!”
รุ้งจะเอาสากตีหัว แก้วกับยอดตกใจ แก้วรับสากได้ทัน
“เฮ้ย! ชั้นเอง!!” แก้วบอก
รุ้งโล่งอก “ไอ้แก้ว ไอ้ยอด แล้วมาร้องตุ๊กแกบ้าบออะไร”
“ถ้าชั้นเรียกเธอ คนก็ได้ยินน่ะสิ ปล่อยให้ร้องอยู่ได้ตั้งนาน” แก้วยื่นซองยาให้ “นี่ยานอนหลับ” รุ้งผงะ “เอาใส่ในอาหารให้คนทั้งบ้านกิน พอถึงเวลาที่ทุกคนหลับ น้องขิงก็จะเป็นของฉัน ส่วนไอ้โซ่ก็จะเป็นของเธอ ฮ่าๆๆ”
รุ้งมองซองยาในมือด้วยท่าทางลังเล
รุ้งยกหม้อแกงออกมาวางบนโต๊ะที่มีอาหารวางอยู่เต็มไปหมด
“เอาอาหารออกมาหมดแล้วนะนังรุ้ง” ยายขมถาม
“จ๊ะยาย”
ยายขมยกแก้วน้ำขึ้นมา “มาจะกล่าวบทไป” ทุกคนยิ้มแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาถือ “ข้าขอขอบใจพวกเอ็งทุกคนที่เหน็ดเหนื่อย” ทุกคนยิ้ม “ซ้อมอย่างหนัก จนทำให้คณะลิเกยายขมกลับมามีชื่อเสียง เป็นที่ชื่นชอบของคนดูอีกครั้ง”
ทุกคนปรบมือแล้วร้องเย้เย้
“ข้าขอให้ทุกคนตั้งใจ ขยัน และจริงจัง เพราะโอกาสที่เราจะได้ไปเล่นลิเกในโรงแรม ไม่ได้มีกันบ่อยๆ” ยายขมพูดแล้วก็ร้องไห้ ทุกคนมองอย่างงงๆ “น่าเสียดายที่วันนี้ตาไม่ได้อยู่เห็น”
ยายขมร้องไห้ ขิงเข้ามาปลอบ
“ยาย”
“แม่ อย่ามาดราม่า เปิดงานได้ยัง ชั้นหิว” ตุ๊กตัดบท
ยายขมยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา “งั้นเรามาดื่มฉลองให้กับความสำเร็จล่วงหน้า ขอให้วิญญาณตาบนสวรรค์ได้รับรู้ถึงความสำเร็จของพวกเราด้วย เอ้า...”
ตุ๊กร้องนำ “ไชไชไช”
ทุกคนร้องตาม “โยโยโย”
ทุกคนเฮแล้วก็ดื่ม
รุ้งมีท่าทางร้อนใจ “เอ้า ดื่มกันเสร็จแล้วก็มาทานอาหารกันดีกว่า” รุ้งกุลีกุจอตักแกงให้ทุกคน “แกงเขียวหวานร้อนๆ รีบกินซะ เพราะถ้าหายร้อนจะไม่อร่อย”
“วันนี้มาแปลก บริการทุกคน ต้องการอะไรเหรอเปล่า” ตุ๊กสงสัย
รุ้งรีบปฏิเสธจนโอเว่อร์ “เปล่านะ ชั้นไม่ได้ต้องการอะไร”
ตุ๊กมองรุ้งด้วยความสงสัย
“แล้วทำไมต้องหน้าซีด เหงื่อตกขนาดนี้ แกเป็นอะไร” ตุ๊กถามต่อ
“น้าตุ๊ก ถามมาก กินๆเข้าไปเถอะ” รุ้งส่งชามแกงให้ทุกคน “กินนะจ๊ะ กินเถอะ รีบๆกินเร็ว”
“ไอ้ตุ๊กพูดถูก ท่าทางเอ็งมีพิรุธ” ยายขมว่า รุ้งหน้าเจื่อน “ใส่อะไรในแกงนี้รึเปล่า”
รุ้งตกใจจนปิดไม่มิด “เออ ใช่ ชั้นใส่” ทุกคนตกใจ “ใส่ความรักยังไงล่ะ เฮอะๆๆ” รุ้งหัวเราะกลบเกลื่อน ทุกคนมองรุ้งด้วยความสงสัย
แก้วเหยียบหลังยอดเพื่อปีนขึ้นมาแอบมองเข้าไปในบ้าน ยอดหนักสุดๆจนจะทนไม่ไหว
“พวกมันกินยังพี่” ยอดถาม
“ยัง” แก้วบ่น “นังรุ้งมันทำอะไรอยู่ ทำไมชักช้าวะ” แก้วได้กลิ่นอาหาร “กลิ่นอาหารห๊อมหอม ชักหิวแล้วไอ้ยอด ไปหาอะไรกินกันระหว่างที่รอรุ้งดีกว่า”
แก้วกระโดดลงมาจากหลังยอดแล้วเดินออกไป ยอดยืดตัวขึ้นมาแล้วก็ปวดหลังแต่ก็รีบตามแก้วไป
รุ้งตีหน้าเศร้า
“ไม่มีใครกินแบบนี้ ชั้นเสียใจนะ กินกันหน่อยเถอะ ชั้นอุตส่าห์ทำหลังขดหลังแข็ง”
ตุ๊กยิ่งสงสัยมากขึ้น “ทำไมแกต้องยัดเหยียดให้พวกเรากินด้วย”
รุ้งรีบปฏิเสธ “ไม่ได้ยัดเหยียดซักหน่อย”
“เอางี้เพื่อพิสูนจ์ว่าเอ็งไม่ได้ใส่อะไรลงไป เอ็งต้องกินให้ดูก่อน” ยายขมบอก
“เออ ใช่ กินให้ดูดิ” ตุ๊กเห็นด้วย
รุ้งอึ้ง “อ่า คือ” ทุกคนจ้องรุ้งเป็นตาเดียว “กินก็ได้” รุ้งตักขึ้นมาหนึ่งคำแล้วเสียงในใจของเธอก็ดังขึ้น “กินแค่คำเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง”
รุ้งกลั้นใจกิน
“เห็นมั้ยว่ากินได้ เลิกมองชั้นในแง่ร้ายซักที ชั้นก็แค่อยากทำอะไรให้ทุกคนบ้าง”
ตุ๊ก ยาย โซว์ ขิงเอาชามแกงมา รุ้งมองแล้วยิ้มเพราะเห็นแกงหมดหม้อ
“อุ๊ยแกงหมดแล้ว ชั้นเอาไปเติมให้นะ”
รุ้งเดินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มร้าย
แก้วกับยอดแอบเข้ามาในครัว
“ไม่มีอาหารเหลือเลยพี่” ยอดบอก เขาเห็นหม้อวางอยู่จึงเข้าไปดู “มีแต่แกงก้นหม้อ”
แก้วเดินมาดู “ก้นหม้อก็กิน หิวจนทนไม่ไหวแล้ว”
แก้วกับยอดตักแกงกินจนหมดหม้อ รุ้งเดินยิ้มเข้ามาเห็นแก้วกับยอดก็รีบบอก
“ไอ้แก้ว ไอ้ยอด เข้ามาทำไม เดี๋ยวมีคนเห็น”
“เข้ามาหาอะไรกินน่ะสิ ตอนนี้อิ่มแล้ว ข้างในเรียบร้อยแล้วนะ” แก้วถาม
“มือชั้นนี้แล้ว เรียบร้อย โอเค ว่าแต่เมื่อไหร่ยาจะออกฤทธิ์”
“ไม่ถึงห้านาที รับรองถึงสวรรค์ ฮ่าๆๆ” แก้วหัวเราะ
รุ้ง แก้ว ยอดประสานเสียงกันหัวเราะ ทันใดนั้นกับแก้วกับยอดก็เริ่มหาวแล้วก็หลับไปบนพื้น รุ้งตกใจ
“อ้าว ทำไมหลับกันก่อนล่ะ” รุ้งนึกขึ้นได้ “หรือว่า....”
รุ้งรีบดูแกงในหม้อจึงเห็นว่าหมดเกลี้ยง
“เฮ้ย! ทำไมโง่กันแบบนี้” อยู่ดีๆ รุ้งก็หาว รุ้งตกใจ “แย่แล้ว หรือว่าไอ้แกงที่เรากินไปคำเดียวมันจะ..ออก..ฤทธิ์..เหมือน..กัน”
รุ้งค่อยๆ หลับลงไปกองกับพื้นข้างๆ แก้ว
ตุ๊กกับยายขมซดแกงจนหมดหม้อ
“อร่อยนะแม่” ตุ๊กเอ่ยปาก
“รสดีจริงๆ” ยายขมยอมรับ
“งั้นยายเอาของขิงไปทานเถอะ ขิงไม่ค่อยชอบแกงเขียวหวาน” ขิงบอก
“ผมก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกันครับ ท่าทางจะเผ็ด น้าตุ๊กเอาไปกินเถอะ” โซว์ยื่นจานให้
“ขอบใจ ข้าไม่เกรงใจล่ะนะ”
ตุ๊กกับยายขมรับเอาแกงของขิงกับโซว์มากิน ขิงหันไปมองโซว์
“นี่” ขิงเรียก โซว์หันมา “ชั้นมีเรื่องจะคุยกับนาย ออกไปข้างนอก”
ขิงเดินออกไป โซว์แปลกใจแต่ก็รีบตามขิงออกไป ตุ๊กกับยายขมยังกินกันอยู่แต่แล้วก็รู้สึกง่วงขึ้นมา ทั้งสองหาวพร้อมกัน
“ทำไมอยู่ดีๆมันง่วงอย่างนี้ล่ะแม่”
“นั่นสิวะ ง๊วงง่วง”
ทันใดนั้นตุ๊กกับยายขมก็หลับคาโต๊ะ
โซว์เดินตามขิงออกมานอกบ้าน
“มีอะไรจะคุยกับฉัน” ขิงยังไม่ทันพูด โซว์ก็ชิงพูดก่อน “อ๋อ ชั้นรู้แล้ว”
ขิงงง “รู้ได้ไง”
โซว์ยิ้มๆ “เธอจะบอกรักชั้นเหรอ”
ขิงจะตีตัวโซว์ “บ้า”
โซว์จับมือขิงไว้แน่น ขิงโมโห
“ปล่อย” ขิงบอก
“ไม่ปล่อย”
“ถ้าไม่ปล่อยก็ไม่ต้องเอาของ”
โซว์ผงะแล้วรีบปล่อยมือขิง “เธอมีของจะให้ฉันเหรอ หรือว่าเป็นแหวนแต่งงาน”
“นายโซ่!”
โซว์ยิ้มแหยๆ “ล้อเล่น แหมแค่นี้ทำหน้าหงิกไปได้”
ขิงค้อนๆแล้วก็เอาสร้อยพระออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นให้โซว์ โซว์มองอึ้งๆ
“นี่เป็นพระประจำตัวชั้น ท่านอยู่กับชั้นมาตั้งแต่ชั้นเด็กๆ ชั้นให้นาย”
“มันมากไปนะขิง”
“มันไม่มากไปหรอก เพราะนายทำให้คณะลิเกของยายฟื้นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้ง แล้วอีกอย่างถ้าถึงวันที่นาย...” ขิงพูดแล้วเศร้า “ต้องกลับประเทศ นายจะได้จำ” ขิงอยากบอกว่าตัวเองแต่ก็เปลี่ยนคำพูด “ที่นี่ได้”
โซว์เครียด “ยังไงชั้นก็ไม่มีวันลืม” โซว์อยากบอกว่าขิงแต่ก็เปลี่ยนคำพูด “ทุกคน” โซว์จ้องหน้าขิงอย่างมีความหมาย “ที่นี่ เธอใส่ให้ชั้นหน่อยสิ”
ขิงพยักหน้าแล้วเอาสร้อยใส่ให้โซว์ โซว์กับขิงยิ้มให้กัน
ขิงกับโซว์เดินเล่นและพูดคุยกัน ทั้งสองหัวเราะกันอย่างมีความสุขจนมานั่งที่ม้านั่ง โซว์เงยหน้ามองดาวบนฟ้า
“คืนนี้ดาวเต็มฟ้าเลยนะขิง เธอเห็นดาวเหนือมั้ย พ่อบอกว่ามันเป็นดาวประจำตัวชั้น ถ้าเธอเห็นดาวเหนือเมื่อไหร่ ขอให้รู้ไว้นะว่าเราไม่ได้ห่างกัน”
ขิงเงียบ โซว์แปลกใจจึงหันไปเห็นขิงนั่งสัปหงกแล้วเอนมาซบไหล่โซว์ โซว์ยิ้มแล้วมองขิงอย่างเอ็นดู เขาค่อยๆประคองขิงให้นอนบนตักแล้วเอามือลูบไปที่ผมของขิง
“ชั้นจะจำเวลานี้เอาไว้ ชั้นจะไม่มีวันลืมเธอเด็ดขาด”
ขิงหลับไม่รู้เรื่อง
โปรดติดตามตอนต่อไป