xs
xsm
sm
md
lg

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 7

ทางด้านดนัยซึ่งมาตามหาเพ็ญพร พอมาถึงสุขาของวัด ก็ไปยืนชะเง้ออยู่แถวหน้าห้องน้ำหญิง แล้วกวาดตามองหาเพ็ญพร เพราะไม่คิดว่าเธอจะไปทำอะไรที่ห้องน้ำชาย ขณะนั้นมือปืนก็เดินออกมาจากห้องน้ำชาย พอเจอดนัยก็ชะงักหน่อยๆ อย่างมีพิรุธ ก่อนจะปลีกตัวไปอย่างรวดเร็ว

ดนัยสังหรณ์ใจประหลาด เขม้นมองไปที่ห้องน้ำชายด้วยความสงสัย ระหว่างนั้นเสียงระฆังยกสาม ดังแว่วเข้ามา
ย้งและจำเริญกำลังประจันหน้ากันอยู่กลางเวที ขณะที่ไชโยเริ่มพากย์
“ยกสามเปิดฉากแล้วครับพ่อแม่พี่น้อง ขณะนี้นักมวยทั้งคู่กำลังดูเชิงจดจ้องๆ กันอยู่ ท่าทางสุขุมลุ่มลึกทั้งสองฝ่าย”
“นายย้งมุมน้ำเงิน เพิ่งทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาจากยกสองมาถึงยกนี้คงไม่ประมาทแน่นอน ส่วนนายจำเริญ ที่เพิ่งโดนหักเหลี่ยมไป เห็นทีต้องเอาคืนให้ได้เช่นกัน” โอฬารว่า

จำเริญรอจนได้จังหวะก็พุ่งเข้าเล่นงานย้ง แต่ก็ถูกย้งตอบโต้อย่างดุเดือด
ไชโยทึ่ง “โอ้โหเอาแล้วไงครับ พูดไม่ทันขาดคำ ทั้งสองฝ่ายก็ประเคนอาวุธแลกกันอย่างดุเดือด ใกล้โค้งสุดท้ายแล้วครับ ใส่กันไม่ยั้งไม่มีคำว่าถอยครับ ตาต่อตาฟันต่อฟัน โอ้ย”
โอฬารงงย้อนถามกันเอง “มันส์? สะใจ”
ไชโยรีบบอก “เอ็งเหยียบตีนข้าทำไมไอ้หมู่”
“อ้าวโทษ แบบว่าเค้าลุ้น อิอิ” โอฬารหัวเราะคิกคัก
ย้งชกกับจำเริญสักพัก จู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกมีอาการตาฟางเหมือนเห็นภาพหลอน ย้งพยายามสะบัดหน้าเรียกสติแล้วถอยหนีไปรอบๆ
โอฬารงง “อ้าวอะไรกันครับนั่น นายย้งที่ห้าวๆอยู่ตะกี๊ เกิดอาการถอดใจเป็นฝ่ายเดินหนีซะแล้วครับ”
“เสี่ยจำเริญเดินตามไปติดๆ ครับ ท่าทางคงอยากปิดเกมเต็มแก่ส่วนนายย้งดูงงๆ เบลอๆครับ สงสัยจะเมาหมัด” ไชโยบรรยาย
เก่งตะโกน “ไอ้ย้ง เอ็งถอยทำไมวะ ไอ้ย้ง”
ย้งหันมาทางเก่ง แต่สายตาพร่าเลือนไปหมดด้วยความงุนงง พอหันกลับไปก็เจอจำเริญอัดเข้าเต็มรัก
“โอ้โห ตายครับตาย เจออัดซะหน้าหัน นายย้งโดนต้อนเข้าไปติดมุมอีกแล้วครับ เหมือนยกแรกไม่มีผิด ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นครับแต่รอบนี้ นายย้งแหลกคาหมัดแน่ๆ”
ย้งโดนจำเริญรุมซ้อมอย่างไม่มีทางสู้ วาสนาทนดูไม่ได้เลยป้องปากเชียร์
“ย้ง สู้เค้า สู้เค้า”
ย้งได้ยินเสียงวาสนาก็พยายามออกหมัดตอบโต้จำเริญ แต่จำเริญเบี่ยงหลบแล้วล็อกแขนย้งพาดไว้กับบ่าของตน เก่งเห็นจังหวะนั้นก็เดาออกทันทีว่าจำเริญจะทำอะไร
เก่งตะโกน “ระวัง”
ย้งชักแขนออกไม่ทัน จำเริญอัดกำปั้นใส่แขนของย้งสุดแรงจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบ
ไชโยลืมตัว “ตายโหง”
โอฬารแก้ให้ “หงส์ปีกหักแล้วครับท่านผู้ชม งานนี้ถ้าไม่หักก็ร้าวแน่นอนครับ”
เถ้าแก่ตงใจหล่นวูบ “ไอ่หยาอาย้ง อาย้งลูกอั้ว”
หมวยใหญ่ทนไม่ไหวแล้ว “น้องเก่ง พอเถอะ ลื้อบอกอาย้งอีเลิกชกได้แล้วอั้วทนดูไม่ล่ายเลี้ยว”
เก่งกัดฟันอย่างลังเล “ไอ้ย้ง”
จำเริญพูดกับย้ง “นี่สำหรับที่เอ็งถีบหน้าข้าไอ้ย้ง”

จำเริญเหวี่ยงแข้งจรเข้ฟาดหางอัดคอย้งผลัวะ ร่างย้งเซล้มไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ตาคงเริ่มเข้ามานับ ขณะที่ย้งพยายามจะยืนขึ้น
ตาคงนับ “หนึ่ง...”
วาสนาใจหาย “ย้ง”
ตาคงนับ “สอง”
เก่งตะโกนบอกย้ง “ไอ้ย้งยอมแพ้เถอะ ถ้าเอ็งไม่ยอม ข้าจะโยนผ้า”
ตาคงนับ “สาม”
ย้งกัดฟัน “อย่าโยน ถ้าเอ็งเป็นเพื่อนข้า เอ็งอย่าโยนนะไอ้เก่ง”
เก่งบอก “แต่ข้าทนไม่ได้แล้ว ขืนชกต่อไป เอ็งตายแน่”
ตาคงนับ “สี่”
ย้งบอก “ไม่ !! ถ้าเอ็งโยนล่ะก็ เอ็งกับข้าขาดกันไอ้เก่ง”
เก่งชะงักกึก เถ้าแก่ตง หมวยใหญ่ และวาสนามองมาที่เก่งซึ่งยืนนิ่งงัน
ตาคงนับ “ห้า”
“ไอ้ย้งนี่เอ็ง”
ตาคงนับ “หก”
“ถ้าเห็นข้าเป็นเพื่อน เอ็งต้องเชื่อใจข้า ข้าจะสู้ สู้ให้ถึงที่สุด”
ย้งพยายามฉุดตัวยืนขึ้นขณะที่ตาคงยังนับไม่หยุด “เจ็ด แปด เก้า…”
ในที่สุดย้งกระชากแขนกับเชือก เสือกตัวขึ้นมายืนได้สำเร็จ
ตาคงอึ้ง ถามเมคชัวร์ “จะสู้อีกเหรอวะไอ้ย้ง”
ย้งกร้าว “สู้” หันไปจ้องหน้าจำเริญ “สู้ตายโว้ย”
ผู้ชมชาวบ้านไม้งามเฮลั่น ขณะที่จำเริญขบกรามด้วยความโกรธ ตาคงมองหน้าเถ้าแก่ตงผู้เป็นสหายด้วยความลังเล
หมวยใหญ่สงสารน้องใจจะขาด “ป๊า! ลื้อห้ามอาตี๋สิ อาย้งอีสู้ไม่ไหวหรอก”
เถ้าแก่ตงบอกท่าทีแน่วนิ่ง “ปล่อยมัน ชีวิตมัน มันตัดสินใจเอง ถ้ามันกล้าสู้ ก็แปลว่ามันเอาอยู่”
ตาคงตัดสินใจฟันมือให้สัญญาณชกต่ออีกครั้ง
“ชก”
จำเริญพุ่งเข้ามาเป็นพายุบุแคม แล้วลงมือถลุงย้งต่อทันทีอย่างไม่เลี้ยง

ในขณะเดียวกันนั้นเพ็ญพรนั่งหมดสติอยู่เริ่มรู้สึกตัวเพราะเสียงของดนัยที่ประคองเธออยู่
“เพ็ญพร เพ็ญพร” เพ็ญพรปรือตา คือยๆ ลืมตา “เกิดอะไรขึ้น”
เพ็ญพรตั้งสติ “มีคนร้าย ชั้นเห็นมันพกปืนเข้ามาในงาน”
“หน้าตาเป็นยังไง จำได้รึเปล่า”

เพ็ญพรพยายามรวบรวมสตินึกถึงรูปพรรณสันฐานของคนร้าย

ดนัยประคองเพ็ญพรกลับมาที่จุดนั่งวีไอพี ธัมโมรีบเข้าไปดู และรับฟังเรื่องราวเสร็จแล้ว กำนันศรเดินเข้ามาสมทบ

“มีอะไรเหรอครับผู้กอง”
“ผู้หมวดเพ็ญพรเจอกับคนร้ายครับ เธอคิดว่ามันคงแฝงตัวเข้ามาในงานเพราะมีแผนบางอย่าง” ธัมโมว่า
“คิดมากไปล่ะมั้ง คนร้ายที่ไหนกัน” กำนันบอก
“แต่ชั้นเห็นมันมีปืนนะคะกำนันศร” เพ็ญพรมั่นใจ
กำนันศรแดกดันสามคน “เฮอะ บ้านป่าเมืองเถื่อน ใครๆ ก็พกมีดพกปืนทั้งนั้นล่ะผู้หมวด งูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะ ไม่เห็นแปลกตรงไหน”

ดนัยเหน็บกลับอยู่ในที “รู้สึกว่ากำนันจะใจเย็นเหลือเกินนะครับ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือว่ามีอะไรปิดบังรึเปล่าครับ”
กำนันศรมองดนัยอย่างไม่พอใจ ธัมโมเห็นท่าไม่ดีรีบระงับศึก
“ผมว่าพี่ดนัยพาหมวดเพ็ญพรไปพักก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะไปบอกลูกน้องให้ช่วยหามือปืน”
ดนัยได้แต่พยักหน้า
ส่วนบนเวที นักมวยทั้งสองฝ่ายกำลังพักยกสาม สภาพของจำเริญแค่เหนื่อยล้า แต่ย้งถึงขั้นบวมปูดไปทั้งหน้า

”นังลิ้นจี่หน้าโง่ ดันผสมยาในน้ำดื่ม แล้วนักมวยที่ไหนมันจะทานน้ำเยอะแยะกันวะ มิน่า..ถึงไม่ล้มซะที”
“แค่จิบมันก็เป๋แล้วนะครับเสี่ย ผมว่ายกนี้มันไม่รอดหรอกครับ” มิ่งบอก
“น้ำดื่ม? ยา? นี่พูดเรื่องอะไรกันครับ” ยอดฉงน
เพลินตาบอกตัดบท “เอาน่ายอดไม่ต้องสนใจหรอก ขอให้พี่ชายชั้นชนะ ชั้นจะตบรางวัลให้เธออย่างงาม”
ยอดมองเพลินตาอย่างลังเล เริ่มรู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยกับการโกงของจำเริญ
ที่มุมของย้ง เก่งดูแลย้งตามหน้าที่ของพี่เลี้ยงนักมวย แต่ย้งกุมแขนข้างที่ถูกเสี่ยจำเริญต่อยด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ไอ้ย้งเอ็งเป็นยังไงบ้าง” เก่งถามอย่างสงสัย
“ข้า.. ข้าตาลายไปหมดเลยไอ้เก่ง แถมยังใจสั่น เหมือนจะเป็นลมเลยว่ะ
“เป็นไปได้ยังไงวะ”
เก่งครุ่นคิดแล้วมองไปที่กระติกน้ำเกลือแร่ของวาสนาอย่างสงสัย พลอยทำให้วาสนาที่ยืนอุ้มกระติกน้ำอยู่ชักหวั่นใจ
หมวยใหญ่ขัดขึ้นก่อน “เรื่องนั้นช่างมันก่อนเหอะน้องเก่ง อั้วว่ารีบให้น้ำ แล้วนวดแขนอีก่อนดีกว่า แขนอีช้ำไปหมดเลี้ยว”
เก่งได้สติ “เถ้าแก่ ส่งน้ำมันมวยให้ผมหน่อยครับ”
เถ้าแก่ตงบอกหน้าตาเฉย “หมด”
เก่งตกใจ “หา”
หมวยใหญ่หงุดหงิด “อาป๊า นี่ลื้อไม่มีขวดอื่นเหรอ”
“อ้าว ก็ขวดนี้มันเหลือ อั้วก็เลยหยิบมาแค่นั้น อั้วไม่รู้นี่ว่าจะใช้เยอะ” เถ้าแก่ว่า
หมวยใหญ่เซ็งเป็ด “ไอ๊หยา ลื้อนี่เค็มไม่เข้าเรื่องจริงๆ อาป๊า”
เก่งนึกสักพัก “ อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมมียานวด”
เก่งควักยานวดที่ธัมโมให้ตอนอยู่ในคราบนางสิงห์ ออกมา แล้วเทนวดให้ย้ง
จังหวะนั้น ธัมโมกำลังสั่งการพวกพลตำรวจ
“คอยจับตาผู้ชายที่มีลักษณะอย่างที่ว่าไว้ให้ดี ถ้าเจอเมื่อไหร่ให้ลากตัวมาสอบสวนได้เลย เข้าใจมั้บ”
เหล่าตำรวจประสานเสียง “ครับผม”

ธัมโมพยักหน้าอย่างมั่นใจก่อนจะเหลียวไปดูที่เวที แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเก่งเทยานวดแขนให้นายย้ง
ธัมโมเขม้นมอง เห็นขวดยานวดชัดเจนว่าเป็นยี่ห้อเดียวกับที่เขาให้นางสิงห์
“ฮึ่ย เป็นไปไม่ได้ ก็ยาขวดนั้น…….เราให้นางสิงห์ไปแล้วนี่”
ธัมโมทำท่าเหมือนจะเดินไปถามนายเก่ง แต่แล้วเสียงระฆังดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
บนเวทีจำเริญและย้งกำลังเผชิญหน้ากันในยกสี่ เห็นจำเริญเดินหน้าใส่ย้งทันที
ไชโยเปิดฉากบรรยาย “มาถึงยกสี่ไม่มีพูดพล่ามทำเพลงกันแล้วครับท่านผู้ชม เสี่ยจำเริญ
เปิดฉากปุ๊บก็บุกถลุงนายย้งทันที”
“นายย้งท่าทางคงจอดป้ายนี้แน่นอนครับ ดูจากสภาพไม่หือไม่อือไม่กระตือรือร้นแบบนี้ เห็นแล้วผิดหวังจริงๆ”
ย้งพยายามตอบโต้จำเริญ แต่ก็พลาดเป้า ก่อนจะโดนจำเริญกระแทกเข่าลอยจนหงายล้มไป
ไชโยร้อง “เอาแล้วครับท่านผู้ชม นายย้งล้มไปอีกแล้ว”
“ท่าทางงานนี้หลับสนิทจริงๆ แล้วครับ นอนนิ่งไปเลย” โอฬารว่า
วาสนาตกใจ ห่วงย้งจับจิต “ย้ง”
จังหวะนั้นเองทุกอย่างในกรอบสายตาของย้งพร่าเลือนหายไป กลายเป็นความทรงจำสมัยวัยเด็กพร่างพราย

ที่ลานหน้าเสาธงโรงเรียนวันนั้น บรรดานักเรียนรุ่นพี่ กำลังรุมแกล้ง ด.ญ.วาสนา โดยการโยนตุ๊กตาเล่นไปมาเหมือนลิงชิงบอล
ด.ญ.วาสนาของคืน “เอาตุ๊กตาของเค้ามานะ เอาคืนมา”
รุ่นพี่ไม่ยอม “เก่งจริงก็แย่งให้ได้สิโว้ย นังลูกไม่มีแม่”
“เอามานะ บอกให้เอามา”
รุ่นพี่อีกคนแกล้งต่อ “ตุ๊กตานี่ไม่ใช่ของแกซะหน่อยยัยโง่ พ่อแกมันชอบรีดไถชาวบ้าน”
อีกคนก็ร่วมด้วยรุ่น “จริงด้วย เงินที่ซื้อตุ๊กตาเป็นเงินของพ่อแม่พวกเรา”
เสียงด.ช.ย้ง ดังนำมาก่อน “พวกแกหยุดได้แล้ว”
ทุกคนหันไปเห็น ด.ช.ย้ง สวมหน้ากากกระดาษรูปไอ้มดแดง ตรงคอผูกผ้าเช็ดหน้า ยืนจังก้าย้อนแสงอยู่
“คืนของเล่นให้เค้าไปเดี๋ยวนี้นะ”
รุ่นพี่ทั้งหมดมองหน้ากัน ตุ๊กตาถูกทิ้งลงพื้น ทั้งหมดเดินกรูกันมาหา ด.ช.ย้ง
“มึงเจ๋งใช่มั้ย” หัวโจกถาม
ไอ้มดแดงหรือ ด.ช.ย้ง นิ่งไปสักพักก่อนจะตัดสินใจ…พยักหน้า
จากนั้นก็มีเสียงตุบตับโครมครามดังไม่ขาดสาย ด.ญ.วาสนากอดตุ๊กตาพลางมอง ด.ช.ย้งที่โดนรุมกระทืบอยู่จนฝุ่นตลบ
เวลาผ่านไป ด.ช.ย้งนั่งหน้าปูดอยู่ที่อัฒจันทน์ หน้ากากไอ้มดแดงขาดห้อยรุ่งริ่งอยู่ที่คอ เห็น ด.ญ.วาสนา อุ้มตุ๊กตาเดินขึ้นมาหา
“เราชื่อวาสนา เธอชื่ออะไรเหรอ”
“ย้ง”
“เราเป็นเพื่อนกันนะ นายย้ง”
ด.ญ.วาสนาว่าแล้วก็ส่งถุงน้ำหวานที่ถือมาให้นายย้ง
“เธอพูดจริงเหรอ”
ด.ช.ย้งถามสภาพหน้าเยิน ด.ญ.วาสนาพยักหน้า ขอคำมั่นสัญญา
“มีนายอยู่ด้วย ชั้นจะได้ไม่เหงา แต่นายต้องสัญญานะ ว่านายจะต้องอยู่ใกล้ๆชั้นตลอดเวลา
ถ้าชั้นมีปัญหาอะไร นายต้องปกป้องชั้นนะ นายย้ง”

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ย้งและวาสนาเติบโตเป็นหนุ่มสาวด้วยกัน
เสียงด.ญ.วาสนาตอนเด็กๆ ดังต่อเนื่อง “ มีนายอยู่ด้วย ชั้นจะได้ไม่เหงา แต่นายต้องสัญญานะ ว่านายจะต้องอยู่ใกล้ๆชั้นตลอดเวลาถ้าชั้นมีปัญหาอะไร นายต้องปกป้องชั้นนะ นายย้ง”
ย้งช่วยวาสนาตอกตะปูติดรูปถ่ายตอนรับปริญญาไว้ที่อนามัย จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งวาสนาทำงาน
วันหนึ่ง ย้งกับวาสนาติดฝนด้วยกันอยู่ในเพิงเล็กๆ วาสนาเช็ดหน้าให้อย่างอ่อนโยน ย้งยิ้มยิงฟันมีความสุขที่ได้นั่งเบียดใกล้ชิดกับวาสนา

วาสนาหันมายิ้มหวานหยดให้ย้ง

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ย้งลืมตามาเห็นแสงไฟบนเวที และเห็นเป็นใบหน้าตาคงที่กำลังนับตัวเอง ภาพในกรอบสายตาย้งค่อยๆปรับชัดขึ้นๆ เหมือนว่ายาเริ่มอ่อนฤทธิ์ลงแล้ว

ตาคงนับ “หก...เจ็ด...แปด...เก้า”
วาสนาตะโกนก้อง “ย้ง”
ย้งดีดตัวขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกนับสิบ ทุกคนในสนามมวยพากันตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง
“อาป๊า อาย้งอีลุกขึ้นมาอีกแล้ว” หมวยใหญ่หนักใจ
เถ้าแก่ตงเซ็ง “ลุกมาเจี๊ยะตีนอีกยก ลื้อแน่จริงๆ อาย้ง”
เก่งเองก็อึ้ง “ยังสู้อีกเหรอวะ”
ตาคงถามย้ง “เอ็งอยากตายเหรอวะไอ้ย้ง นอนต่อเหอะ เดี๋ยวข้าหยิบหมอนให้”
“ขออีกยกเถอะลุง เดี๋ยวค่อยตาย” ย้งบอก
ย้งจ้องหน้าจำเริญตาเขม็ง ตาคงมองอีกฝั่งอย่างหนักใจ ก่อนจะฟันมือให้สัญญาณ
“ชก”
ย้งกับจำเริญสืบเท้าเข้าหากันอย่างดุดัน
“เอ็งจบแล้วไอ้ย้ง อย่าทำเป็นอวดเก่งไปหน่อยเลยวะข้ารู้ว่าตอนนี้เอ็งตาลาย ใจสั่น ไม่มีแรงสิท่า”
ย้งอึ้ง รู้ทันที “นี่เอ็ง เอ็งวางยาข้า? ไอ้จำเริญ”
จำเริญเยาะ “เออ ข้าทำได้ทุกอย่างเพื่อกำจัดเอ็งไปจากชีวิตข้าไปจากชีวิตของวาสนา”
จำเริญเปิดฉากระดมอาวุธเล่นงานใส่ย้งอีก ย้งเป็นฝ่ายถอยร่น ไชโยพากย์อย่างอินจัด
“ยกสี่เหลือเวลาอีกแค่สองนาทีเท่านั้นครับและคาดว่าคงเป็นสองนาทีสุดท้ายในชีวิตของนายย้งด้วยเช่นกัน”
“ท่าทางเสี่ยจำเริญกำลังต้อนนายย้งเข้ามุมอีกรอบครับ งานนี้ถ้าหลังติดเสาอีกเมื่อไหร่ นายย้งได้กลายเป็นหมูบะช่อเมื่อนั้น” โอฬารบอกกับท่านผู้ชม
“ไอ้ย้ง ฉากออกไป อย่าเข้ามุม ฉากออกไป” เก่งตะโกน
แต่แล้วย้งถอยมาเข้ามุมจนได้ หลังเบียดเข้ามุมเสาพอดี
“เสร็จข้าล่ะไอ้ย้ง”
จำเริญหมายมั่น เงื้อหมัดชกใส่ย้งสุดแรงเกิด ทั้งหมวยใหญ่ วาสนา เถ้าแก่ตง ต่างเบือนหน้าไม่อยากดูภาพหฤโหดนั้น แต่แล้ว..ย้งฉากหลบออกจากมุม ทำให้จำเริญเสียหลักหน้าทิ่มเข้าไปแทน ขณะที่ย้งโยกมาปิดทางกักจำเริญไว้คามุมนั้น พอจำเริญจะผละออกมาก็เจอหมัดย้งอัดเข้าเต็มๆ
มิ่งไม่เชื่อสายตา “เฮ้ย อะไรกันวะ”
ยอดทึ่ง “ไอ้ย้งมันวางแผนเอาไว้ มันเป็นกับดัก”
เพลินตาตะโกนบอก “เฮีย! รีบออกจากมุมเร็วเข้า”
จำเริญพยายามฉากออก แต่ไม่สำเร็จเพราะโดนย้งอัดเป็นพายุบุแคม จำเริญถึงกับต้องกอดล็อคยกเอาไว้
“ไอ้ย้ง มึง…”
“คืนนี้ ถ้าเอ็งไม่ตาย ข้าก็ม้วย ไอ้จำเริญ”
ตาคงเข้าแยก แล้วให้สัญญาณชกใหม่อีกรอบ เห็นจำเริญเปิดฉากอัดใส่ย้งทันที แต่ย้งก็เดินหน้าเข้าหาจำเริญอีก โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะออกอาวุธสกัดยังไงก็ไม่สน เห็นหางคิ้วกลายเป็นแผลแตกเลือดไหลอาบ
หมวยใหญ่ครวญคร่ำห่วงน้องมาก “ไอหยาอาย้ง หน้าแหกเลี้ยว”
เถ้าแก่ตงครวญ “อาเก่ง ลูกอั้วมันทำอะไรของมันวะ ทำไมอีถึงบ้าเลือดแบบนี้”
“ไอ้ย้งมันมองไม่เห็นเถ้าแก่ ทางเดียวที่จะเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ก็คือต้อนให้อีกฝ่ายเข้ามุม” เก่งบอก
“แล้วย้งจะชนะรึเปล่า” วาสนาถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ถ้ามันทนได้ มันต้องชนะ” เก่งมันใจ
ยอดตะโกนบอกเกม “เสี่ย อย่าเข้ามุม ถอยออกมา”
พอจำเริญได้ยินเสียงเตือนก็จะฉากออก แต่แล้วกลับโดนย้งเตะจนเด้งเข้ามุมทันที จำเริญออกหมัดสู้ ย้งออกหมัดแลก สองฝ่ายกระหน่ำอาวุธกันสุดชีวิต
“นาทีสุดท้ายมาถึงแล้วท่านผู้ชม ยกนี้ชี้ชะตาแน่นอนครับ” ไชโยพากย์ไปตามองเวทีเขม็ง
“ดูเหมือนทั้งสองฝ่าย จะแลกหมัดกันอย่างดุเดือด งานนี้กระบวนท่าไม่เกี่ยวแล้วครับ เล่นอึดกันอย่างเดียว” โอฬารใส่อารมณ์
“รอบนี้ใครเหนียวกว่าคนนั้นเป็นฝ่ายชนะแน่นอน” ไชโยว่า
จำเริญโดนย้งชกจนเลือดกบปากกบจมูก และก็เริ่มบ้าเลือด
“มึงจะแลกกับกูใช่มั้ยไอ้ย้ง ได้เลย”
จำเริญเหวี่ยงหมัดอัดหน้าย้ง แล้วยกเท้าถีบยอดอกซ้ำจนย้งเซไปกลางเวที ก่อนที่ตัวเองจะปรี่ตามเข้าลุย
“มึงเข้ามาเลย กูไม่หลบมึงแล้ว แน่จริงมาแลกกัน”
จำเริญกับย้งแลกอาวุธกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกวินาทีที่ผันผ่านไปไม่มีใครยอมหยุดมือ
ด้านตำรวจยังคงค้นหามือปืนกันอยู่ ขณะที่ธัมโมเองก็อดเหลียวไปดูบนเวทีไม่ได้ ด้วยความนับถือในหัวใจของย้ง
โอฬารดูนาฬิกาและประกาศอย่างระทึกขวัญ “อีกสามสิบวินาทีครับ จับตาดูให้ดี”
จำเริญเดินหน้าตาถมึงทึงเข้าหา “ไอ้ย้ง”
วาสนาห่วงย้งนัก “ย้ง”
จำเริญอัดย้งจนคว่ำไปกับพื้นแล้วปรี่เข้าซ้ำ “อย่าอยู่เลยมึง”
ตาคงรีบห้าม “เดี๋ยวๆ นับก่อน นับก่อน”
จำเริญตะคอกใส่หน้า “ไม่ต้องแล้วโว้ย หลีกไป”
จำเริญผลักตาคงกรรมการออก แล้วตรงมาหาย้งที่กำลังยันตัวลุกขึ้น
“กูจะฆ่ามึง ไอ้ย้ง ไอ้กระจอก”
ชีวิตย้งยินคำนี้มานับไม่ถ้วน…ใครก็เรียกมันแบบนั้น และครั้งนี้ต้องเป็นครั้งสุดท้าย ย้งคำราม
“ไอ้จำเริญ”
โดยที่ไม่มีใครคาดถึงว่าย้งจะยันตัวขึ้นมาแล้วบวกหมัดสวนจำเริญจังๆ ร่างจำเริญลอยละลิ่วก่อนจะล้มลงกระแทกไปกับพื้นแน่นิ่ง
เพลินตาตะโกนเสียงดัง “เฮีย”
“แน่นิ่งไปแล้วครับท่านผู้ชม เสี่ยจำเริญของเราโดนหมัดบวกเข้าหน้าเต็มๆ งานนี้นอนนิ่งไปเลยครับ” โอฬารทึ่ง
ไชโยสั่งกรรมการ “เอ้านับสิกรรมการ ยังไม่หมดยก รีบนับเร็ว”
ตาคงรีบเข้ามานับสิบ ท่ามกลางความลุ้นระทึกของทุกฝ่าย เห็นเสี่ยจำเริญพอได้สติก็พยายามลุกขึ้น ขณะที่ย้งก็เซไปพิงเชือกอย่างหมดแรงเช่นกัน
ตาคงนับ “หนึ่ง สอง สาม”
“เฮียพยายามเข้า รีบยืนเร็ว” เพลินตาร้องบอก
มิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ “สู้มันครับเสี่ย รีบลุกขึ้นมาครับ”
ตาคงนับต่อ “สี่ ห้า”
จำเริญคำราม “ไม่แพ้ กูไม่มีทางแพ้มึง ไอ้กระจอกย้ง”
“หก เจ็ด” ตาคงนับอย่างระทึก
หมวยใหญ่ยกมือไหว้ท่วมหัว “เจ้าประคู๊ณ เจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าป่าเจ้าเขา อย่าให้มันลุกขึ้นมาได้เลย ลูกไหว้ล่ะ สาธุ”
จำเริญยืนเซขึ้นมาเกาะเชือก
“แปด เก้า”
จำเริญลงไปกองกับพื้น
“สิบ”
ตาคงฟันมือไขว้ยุติการชก ท่ามกลางเสียงยินดีของชาวบ้านและพวกของย้งทุกคน ทั้งสองฝ่ายกรูกันขึ้นไปบนเวที
เพลินตารีบเข้ามาดูอาการจำเริญ “เฮีย เฮียเป็นยังไงบ้าง”
“ไอ้ย้ง เอ็งชนะแล้ว เอ็งทำได้แล้ว” เก่งตะโกนก้อง
เถ้าแก่ตงระรื่น “อาย้งลูกป๊า ลื้อแก้แค้นสำเร็จแล้ว”
หมวยใหญ่ดี๊ด๊า “อาย้ง ลื้อทำได้ ต่อไปไม่มีใครกล้าเรียกลื้อว่าไอ้กระจอกอีกแล้ว” หมวยใหญ่ป่าวประกาศอย่างภูมิใจ “คนนี้น้องชายอั้วนะ อาย้งน้องชายอั้ว ไม่ใช่ไอ้กระจอก”
วาสนายิ้มแย้ม “ดีใจด้วยนะย้ง”
ย้งยิ้มด้วยความอ่อนล้าโรยแรง ขณะเดียวกันเก่งก็ละสายตาลงไปด้านล่างเวที เห็นพวกชาวบ้านแห่กันมามุงที่หน้าเวทีเต็มไปหมด จนเผยให้เห็นธัมโมที่กำลังยืนยิ้มอยู่ด้วยความยินดี โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าขณะนั้นมือปืนที่ทุกคนตามหาได้ปรากฏมาทางข้างหลัง พร้อมกับชักปืนออกมาเล็งใส่

เก่งตกใจตะโกนลั่น “ผู้กอง ระวัง”

ในขณะที่มือปืนกำลังเหนี่ยวไกยิง หมายจะส่งลูกกระสุนคร่าชีวิตผู้กองธัมโมนั้น แต่แล้วเก่งก็กระโจนมารวบตัวธัมโมหลบไปได้อย่างทันท่วงที เสียงปืนดัง เปรี้ยง!

ธัมโมตะลึง “นายเก่ง”
เก่งเห็นมือปืนเล็งมาจะยิงซ้ำรีบบอก “ผู้กองหลบ”
จังหวะนั้น เก่งพลิกตัวกลิ้งหลุนๆ ไปกับธัมโม ขณะที่มือปืนสาดกระสุนตามจนพื้นพรุน
ชาวบ้านร้องตะโกนแตกตื่นกันจ้าละหวั่น มีคนหนึ่งเบียดชนเพลินตาจนเซหวิดล้ม ยอดรีบประคองไว้
“ไม่เป็นไรนะครับคุณเพลินตา”
เพลินตาสบตายอดอย่างปลื้มใจ ขณะที่มิ่งซึ่งคุ้มกันจำเริญอยู่รีบตะโกนเรียกสมุน
“เฮ้ย มัวทำอะไรอยู่โว้ย รีบคุ้มกันเสี่ยน้อยเร็ว”
ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้าน ดนัยเบียดตัวมาเหนี่ยวไกยิงใส่มือปืนเข้าที่บ่า มือปืนหันไปยิงตอบโต้หลายนัดก่อนจะวิ่งหนีไป
“คนร้ายอยู่ทางนี้ รีบตามไป” ธัมโมสั่งการ
ไชโยรีบบอกคู่หู “หมู่ ขอกำลังเสริมด่วน”
“ทั้งหมด ตามข้าพเจ้ามา”
จบคำโอฬาร พวกตำรวจไล่ล่ามือปืนไปติดๆ เพ็ญพรเข้ามาสมทบ แต่ดนัยรีบกั้นไว้
“สารวัตร”
“คุณรอตรงนี้ ผมจัดการเอง”
ธัมโมมองเก่งที่ยังอยู่ในอ้อมแขนตน “นายเก่ง นายถูกยิงรึเปล่า”
เก่งส่ายหน้า
“ขอบใจมากนะ”
ธัมโมสบตากับเก่งอย่างซึ้งใจ ว่าแล้วชักปืนรีบวิ่งตามคนร้ายไป
กำนันศรหันไปบอกเบิ้ม “ไอ้เบิ้ม”
“ครับพ่อกำนัน”
“แผนสอง”
เบิ้มรู้โดยไม่ต้องพูดซ้ำ ก้าวถอยหลัง..ก่อนจะฉากหายไปในความมืดทันที

มือปืนวิ่งหนีมาพลางยิงปืนขึ้นฟ้า ทำเอาชาวบ้านบริเวณนั้นแตกฮือไปคนละทาง บางคนที่กำลังสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่ก็ทิ้งรถวิ่งโกยอ้าวไม่ทันได้ดับเครื่อง พวกพ่อค้าแม่ขายก็โดดหนีทิ้งรถกระบะขายของหนีไปเช่นกัน
มือปืนฉวยโอกาสนั้นฉกรถกระบะขับหนีไปต่อหน้าดนัยและพวกตำรวจ
“มันหนีไปแล้วครับสารวัตร” ไชโยหันไปเห็น
ดนัยสั่งทันควัน “รีบไปเอารถมาเร็ว”
ธัมโมเพิ่งวิ่งมาถึง และเห็นมอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่ยังติดเครื่องไว้ก็รีบตะโกน
“สารวัตร”
ดนัยหันมาอย่างรู้กัน

ส่วนภายในวัด ชาวบ้านวงแตกเดิน วิ่งกันพล่านเพื่อรีบหนีกลับบ้าน แต่เก่งยังง่วนอยู่กับกระเป๋ากีฬาเพื่อหาอุปกรณ์ของตัวเอง
เก่งบ่นอุบ “โธ่ ไปซุกไว้ไหนวะเนี่ย ก็จำได้ว่าเอามานี่หว่า” พอค้นจนเจอหน้ากากของนางสิงห์ ก็ยิ้มออกมาได้ “เจ๋งเป้ง”
เก่งสะพายกระเป๋าเพื่อจะหาที่เปลี่ยนชุด แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเจอกับเพ็ญพรที่ยืนจ้องหน้าเธออยู่ด้วยความสงสัย
ท่ามกลางผู้คนที่เดินหนีกันอลหม่านนั้น เก่งกับเพ็ญพรจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนที่เก่งจะทำเป็นไม่สนใจ เดินเร็วรี่หนีหายไปในความมืด
เพ็ญพรชะเง้อมองตาม

มือปืนกำลังขับรถกระบะหนีมาตรงถนนนอกหมู่บ้าน โดยมีดนัยกับธัมโมขี่มอเตอร์ไซด์ตามมาติดๆ มือปืนมองกระจกหูช้าง พอเห็นตำรวจทั้งสองไล่ตามมา ก็ชักปืนตวัดพาดหลังไป
“ธัมโมระวัง!!” ดนัยร้องบอก
ธัมโมรีบเบี่ยงมอเตอร์ไซค์หลบทางปืน จังหวะเดียวกับที่มือปืนโผล่มือตัวออกมาเหนี่ยวไกยิงตูมๆ
“ผมจัดการเอง”
ดนัยชักปืนเล็งใส่รถกระบะของคนร้าย แต่กระสุนพลาดเป้าหมายไปหมด นัดแรกโดนกระจกหูช้างที่คนร้ายใช้มองพวกตน จนมันต้องรีบหดมือกลับไป ส่วนนัดต่อๆ มาดันไปโดนของบนรถแทน
ดนัยเจ็บใจ “โธ่ อะไรกันวะ”
ธัมโมออกไอเดีย “เล็งที่ล้อดีกว่าครับสารวัตร”
ดนัยนึกขึ้นได้เหนี่ยวไกยิงใส่ล้อรถจนยางระเบิด
รถคนร้ายแล่นจอดตกข้างทาง ธัมโมจอดรถห่างๆ ก่อนจะชักปืนพาดนัยย่องไปดูที่รถคนร้ายแต่พอกระชากประตูออกมาดูก็พบว่าคนร้ายหายไปแล้ว เหลือเพียงรอยเลือดหยดอยู่
ดนัยมองหาสักครู่หนึ่ง “มันอยู่นั่น”
ธัมโมมองไปเห็นคนร้ายวิ่งกุมแผล หนีลัดทุ่งมุ่งหน้าไปที่ป่าเห็นภูเขาเบื้องหน้าลิบๆ

มือปืนวิ่งกุมแผลหกล้มหกลุกมาอย่างหมดสภาพ ก่อนจะตะโกนหาพวก
“เฮ้ย ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนโว้ย ตำรวจตามมาแล้ว” เงียบกริบ มันตะโกนซ้ำ “เฮ้ย ไหนบอกให้มารอแถวนี้ไง”
เสียงเบิ้มดังเข้ามา “ข้าอยู่นี่”
มือปืนหันไปทางเสียง ดวงตาของมันเบิกโพลงเมื่อเห็นเบิ้มกับสมุนอีก 2-3 คน ซึ่งสวมผ้าปิดพรางใบหน้ากำลังถือปืนเล็งอยู่ พวกมันสาดกระสุนใส่ร่างมือปืนจนดับดิ้นจมกองเลือด
ดนัยกับธัมโมเพิ่งตามมาถึง พอเห็นเหตุการณ์เข้าก็ยืนตะลึง
“ไอ้ธัมโม!” เบิ้มสั่งสมุน “ฆ่ามัน”
ธัมโมกับดนัยรีบหลบหลังต้นไม้หรือโขดหิน ขณะที่พวกของเบิ้มสาดกระสุนเข้าใส่
“มันวางกับดักพวกเรา” ดนัยคิดไปนั่น
ธัมโมมองศพมือปืนอย่างพิเคราะห์ “ไม่ใช่หรอกครับพี่ เป้าหมายคงเป็นไอ้มือปืนนั่นมากกว่า”
ดนัยชักหวั่น “รีบเผ่นเหอะ ขืนช้า มีหวังโดนยำใหญ่แน่”
ทันทีที่ธัมโมพยักหน้า ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยิงใส่คนร้ายเพื่อเปิดฉากหลบหนี จังหวะที่คนร้ายหลบกระสุนนั้นดนัยก็ตะโกนขึ้น
“ไป”
ธัมโมวิ่งนำออกไป ดนัยยิงสะกัดอีกสองสามนัดก่อนจะวิ่งตาม ขณะที่เบิ้มโงหัวขึ้นมาจากที่กำบังหลังเสียงปืนซา
“เฮอะ หนีข้าไม่พ้นหรอกโว้ย”
เบิ้มคว้าลูกระเบิดมือออกมา ถอดสลัก แล้วปาใส่ดนัยกับธัมโมทันที
ลูกระเบิดหมุนคว้างกำลังลอยละลิ่วลงตรงจุดที่ธัมโมและดนัยกำลังวิ่งอยู่
ธัมโมหันมาด้วยความเอะใจ “พี่ดนัย หมอบ”
ดนัยหันมามองอย่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นลูกระเบิดกำลังร่วงลงมาตรงหน้า
แต่แล้วจังหวะนั้นเอง ลูกตุ้มโซ่ของนางสิงห์ตวัดพันกิ่งไม้ พร้อมๆ กับนางสิงห์ชุดดำกระโจนพุ่งตัวลงมาขวางทางลูกระเบิด และตวัดเท้าเตะลูกระเบิดกระเด็นไปหล่นใส่พวกเบิ้มอย่างรวดเร็ว
เบิ้มตาค้าง “เฮ้ยหลบ”
ระเบิดทำงาน ตูม เสี่ยงสนั่นหวั่นไหว
ธัมโมตะลึง “นางสิงห์ชุดดำ”
“ผู้กอง ทางนี้ชั้นจัดการเอง”
นางสิงห์ว่าก่อนจะโผนเข้าเล่นงานพวกเบิ้มทันที ขณะที่พวกมันยังมึนงงจากแรงระเบิด บางคนไม่ทันได้ยกปืนเล็งใส่ ก็ถูกนางสิงห์เตะต่อยจนกระเด็นไป
ดนัยมองดูความสามารถของนางสิงห์อย่างตกตะลึง พอเห็นธัมโมจะเข้าไปช่วยก็รั้งตัวไว้
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
ธัมโมอึกอักนิดนึง “นางสิงห์ชุดดำ เป็นพวกเดียวกับเราครับ”
ดนัยนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
ด้านนางสิงห์ต่อสู้กับคนร้ายอย่างดุเดือด จังหวะหนึ่งเบิ้มทำท่าชักปืนเล็งใส่
“เฮ้ย ทางนี้โว้ยนางสิงห์”
นางสิงห์หันมาเห็นปืนก็รีบตีลังกาหลบ เบิ้มยิงไปหลายนัดแต่ไม่โดน ทว่าจังหวะที่มันเตรียมจะยิงซ้ำนั้น ธัมโมก็ยิงปืนของมันจนกระเด็นหลุดมือไป พอเบิ้มเห็นว่าธัมโมกับดนัยย้อนกลับมาก็รีบบอกลูกน้อง
“ไอ้เวร รวมหัวกันนี่หว่า” สั่งสมุน “เฮ้ยเผ่นก่อนโว้ย เผ่น”
เบิ้มกับสมุนพากันวิ่งหนีไป ธัมโมทำท่าจะวิ่งไล่ตามไปแต่ดนัยกลับพุ่งมาที่นางสิงห์
ดนัยเล็งปืนไปที่นางสิงห์ “วางอาวุธ แล้วยกมือขึ้น”
“พี่ดนัย!” ธัมโมตกใจ
“ชั้นเคยได้ยินข่าวของผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นโจร” ดนัยกร้าว

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เป้าหมายของเธอคือพวกคนร้ายต่างหากเธอช่วยงานของเรา” ธัมโมพยายามเคลียร์
ดนัยหงุดหงิด “เลิกปกป้องคนผิดได้แล้วธัมโม ไม่งั้นจะถือว่านายมีเอี่ยวกับผู้ต้องหา”
“ไม่จำเป็นต้องช่วยชั้นหรอกค่ะผู้กอง ถ้าใครหน้าไหนจะเล่นงานชั้นล่ะก็ รับรองได้เจ็บตัวแน่” นางสิงห์ประกาศกร้าว
ธัมโมรีบห้าม “อย่านะนางสิงห์ ผู้ชายคนนี้เค้าเป็นเพื่อนของชั้น”
ดนัยง้างนกปืน “หลบไปธัมโม อย่าขวางทางชั้น”
ธัมโมอึ้ง “พี่ดนัย”
จังหวะนั้นเองที่นางสิงห์สะบัดลูกตุ้มโซ่ซัดปืนของดนัยจนกระเด็นหลุดมือไปปืนลอยคว้างไปในอากาศ ขณะที่ดนัยก้มลงชักปืนสำรองจากข้อเท้า
ปืนกระบอกแรกร่วงตกพื้น ขณะที่ดนัยชักปืนออกมาเล็งไปแล้วชะงัก
นางสิงห์หายไปแล้ว ยินเพียงเสียงตะโกนที่แว่วมาจากแมกไม้โดยไม่สามารถจับทิศทางได้
“บอกเพื่อนคุณด้วยผู้กอง ถ้าขืนทำแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ชั้นจะถือว่าเค้าเป็นศัตรู”
ดนัยมองตามเสียงนางสิงห์ อย่างไม่รู้หน ก่อนจะหันมามองธัมโมอย่างเจ็บแค้น ธัมโมได้แต่ลำบากใจ

ตอนสายวันต่อมา เสี่ยเล้งอยู่ในบ้าน กำลังโวยวายใส่กำนันศรด้วยความไม่พอใจ ต่อหน้าสมุนสองฝ่าย
“ผมบอกกำนันแล้วไง ว่าอย่าแตะต้องผู้กองธัมโม!”
กำนันศรไม่แยแส ตอกหน้ากลับ “แต่มันเหยียบหน้าผม! เสี่ยจะให้ผมทนได้ยังไง ที่เสี่ยเคยบอกว่าจัดการได้น่ะ ผมไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าซักอย่าง”
“แต่กำนันควรจะฟังผมบ้าง ในเมื่อเราเป็นหุ้นส่วนกัน”
“ก็เพราะเป็นหุ้นส่วนไง ผมถึงได้ยอมเสี่ยอยู่แบบนี้ไม่อย่างนั้น…”
เสี่ยเล้งฉุน “กำนัน อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
กำนันศรย้อน “ทำไม เสี่ยคิดว่าตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว จะสั่งผมได้งั้นเหรอ” พูดเสียงเหี้ยมแววตาดุดัน “ที่นี่คือบ้านไม้งาม จำไว้นะเสี่ย คนที่ใหญ่ที่สุดก็คือผมคนเดียวเท่านั้น”

เสี่ยเล้งกับกำนันศรเผชิญหน้าสู้สายตากัน สมุนต่างหนักใจ โดยเฉพาะมิ่งและยอด

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ไม่นานนัก กำนันศรเดินนำยอดและเบิ้มกลับมาที่รถซึ่งจออยู่ตรงหน้าบ้านเสี่ยเล้ง

“พ่อกำนัน ทำแบบนี้จะดีเหรอครับ” ยอดกังวลใจ
“ข้าไม่สน คนอย่างข้าไม่เคยกลัวใคร ถ้าไอ้เล้งมันเป็นนักการเมืองได้ ข้าก็เป็นได้”
“หา! พ่อกำนันจะเล่นการเมืองเหรอครับ” ยอดอึ้ง
“เออ เป็นไงเป็นกัน งานนี้ข้าสู้ไม่ถอย” กำนันบอกอย่างมั่นใจ

ส่วนเสี่ยเล้งอยู่ที่มุมนั่งเล่นในบ้าน จิบเหล้าอย่างใช้ความคิดก่อนจะบอกกับมิ่ง
“ไอ้กำนันศร มันต้องเปิดศึกกับเราแน่ เอ็งคิดว่ายังไง”
“จะรับมือกำนันศรไม่ใช่เรื่องง่ายครับเสี่ย เราต้องมีแบ็คอัพที่ดี” มิ่งออกความเห็น
เสี่ยเล้งคิดหนัก “แต่ไอ้ผู้กองธัมโม มันไม่ยอมก้มหัวให้เรา”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะว่าตอนนี้มีตำรวจอีกนายเพิ่งมาใหม่แถมยศสูงกว่าไอ้ธัมโมซะอีก” มิ่งบอก
เสี่ยเล้งนึกสนใจ “มีครอบครัวรึยัง”

เพลินตาที่วันนี้ตื่นสายและกำลังนั่งหวีผมอยู่ หันมาบ่นกับเสี่ยเล้ง
“โธ่ป๊า ตาไม่ใช่ของเล่นนะ ถึงได้เที่ยวโยนไปให้คนนั้นคนนี้ ถ้าเกิดชาวบ้านนินทาขึ้นมา ตาจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
เสี่ยเล้งกล่อม “อย่าคิดมากสิลูก ป๊าไม่ได้บอกให้หนูไปมีอะไรกับใครที่ไหน ก็แค่หว่านเสน่ห์เท่านั้นเอง”
เพลินตาเป็นกังวล “แล้วมันจะได้ผลเหรอคะ สารวัตรคนใหม่อาจจะตงฉินยิ่งกว่าธัมโมก็ได้”
เสี่ยเล้งยิ้ม “ของแบบนี้ มันต้องลองถึงจะรู้”

เวลาผ่านไป เพลินตาอยู่ในห้องนอนตามลำพัง หญิงสาวหยิบเอาแหวนของธัมโม สลักชื่อ “ธัมโม” ออกมาดู
“ช่วยไม่ได้นะธัมโม ตาให้โอกาสคุณแล้ว แต่คุณมันดื้อเอง”
แต่อย่างไรก็ตาม เพลินตาก็ยังนึกอาลัยอาวรณ์ธัมโมอยู่ลึกๆ

สารวัตรดนัยอยู่ในห้องทำงานที่โรงพัก กำลังจ้องหน้าผู้กองธัมโมอย่างเพ่งเล็ง
“ผมต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับนางสิงห์ชุดดำ ตกลงคุณมีส่วนเกี่ยวข้องยังไงกับผู้ต้องหารายนี้”
“อย่าเพิ่งเรียกว่าผู้ต้องหาเลยครับพี่…” ธัมโมแก้ต่างแทนนางสิงห์
ดนัยเน้นเสียง “สารวัตร”
“สารวัตร คือว่านางสิงห์ชุดดำความจริงก็เป็นแค่ชาวบ้านคนนึงที่ได้รับความเดือดร้อนจากอิทธิพลเถื่อนครับ”
“นายรู้ได้ยังไง” ดนัยคาใจ
“ก็..เค้าบอกมาแบบนี้นี่ครับ”
ดนัยเหน็บ “แล้วนายก็เชื่องั้นเหรอ”
“เธอเคยช่วยงานของเรานะครับสารวัตร..ตอนที่ผมไปจับไม้เถื่อนคราวก่อน ก็เพราะเธอเป็นคนให้เบาะแส”
“แต่ว่าเธออาจจะมีเบื้องหลัง หรือมีจุดประสงค์อย่างอื่นก็ได้ถึงนายไม่จับเธอ ก็ควรจะรู้หัวนอนปลายเท้าเอาไว้ ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร” ดนัยสั่ง

ตรงระเบียงทางเดินบนโรงพัก ธัมโมเดินมาเท้าแขนกับขอบระเบียงอย่างหนักใจ และนึกถึงขวดยาน้ำมันนวดเมื่อคืนซึ่งเป็นขวดเดียวกับที่เขาให้นางสิงห์ชุดดำไปก่อนหน้านี้
ธัมโมรำพึงกับตัวเอง “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แล้วเราจะพิสูจน์ได้ยังไงวะ”
หมวดเพ็ญพรส่งเสียงนำมาก่อน “เครียดอยู่เหรอคะผู้กอง”
ธัมโมหันมาเห็นเพ็ญพรยืนหอบแฟ้มเอกสารอยู่
“อย่าคิดมากสิคะ สารวัตรดนัยก็แค่ว่าไปตามเหตุผล”
“อ๋อ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ ผมกำลังวางแผนอยู่ว่าจะหาตัวจริงของนางสิงห์ได้ยังไง”
เพ็ญพรชวนตั้งข้อสังเกต “พอมีใครที่ผู้กองสงสัยบ้างรึเปล่าคะ”
ธัมโมคิดใคร่ครวญอยู่สักครู่ “มีครับ มีอยู่คนนึง”
เพ็ญพรมองหน้าธัมโมอย่างสนใจ

เวลาเดียวกัน วาสนาหิ้วชุดสังฆทานเล็กๆ เดินมาที่หน้าเรือนบ้านกำนันศร จะไปทำบุญที่วัด แต่แล้วลิ้นจี่ก็โผล่หน้ามาหาเรื่องแดกดัน
“จะไปไหนเหรอจ๊ะน้องวาสนา”
วาสนาหันมาหา “พี่ลิ้นจี่”
“วันนี้ไม่ทำงานเหรอจ๊ะ”
“วันนี้ลาหยุด จะพาย้งเค้าไปล้างซวยที่วัด”
ลิ้นจี่พยักหน้า “อ๋อเหรอ ล้างหนักๆ หน่อยนะ เพราะคนอย่างหมอนั่น ทำอะไรก็ไม่รุ่งกับเค้าหรอก”
วาสนากัดนิ่มนิ่ง “แต่อย่างน้อย เมื่อคืนเค้าก็เป็นฝ่ายชนะ ทั้งๆที่มีหมาลอบกัดบางตัวแอบวางยาเค้า”
ลิ้นจี่ไม่เข้าใจ “หมาลอบกัด? วางยา? เอ๊ะน้องวาสนาพูดถึงใครเหรอจ๊ะ”
วาสนาจดสายตาจ้องหน้าลิ้นจี่เขม็ง “จำไว้นะพี่ลิ้นจี่ ถึงชั้นจะไม่มีหลักฐานเอาผิดกับพี่ แต่สักวันบาปกรรมมันต้องตามสนองพี่แน่นอน”
ลิ้นจี่เชิดหน้าไม่สนใจ ขณะที่วาสนารีบจากไปเพราะไม่อยากเสวนาด้วย

ภายในโบสถ์วัดบ้านไม้งาม หลวงพ่อชุ่มกำลังรดน้ำมนต์ให้ย้ง หลังจากมาทำบุญถวายสังฆทาน โดยวักน้ำมนต์สะบัดพลักๆ เหมือนสาดใส่ ย้งตัวเปียกผมเปียกไปหมด
“เจริญพรนะไอ้โยมย้ง ขอให้หมดทุกข์หมดโศกหมดเคราะห์หมดภัยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปราถนา เงินทองไหลมาเทมา ทำการค้าก็ให้ได้กำไร ทำอะไรก็ขอให้ประสบผลสำเร็จ”
“เอ่อหลวงพ่อครับ ถ้ารดกันขนาดนี้ ผมว่าสาดเลยดีกว่าครับ” ย้งปากดีใส่
“อ้าว นี่หวังดีหรอกนา ไอ้เราน่ะมันซวยซ้ำซวยซ้อนเหลือเกินนี่รดเบาๆ แบบคนอื่นไม่ได้หรอก ต้องจัดหนัก เอ้า! ต่อไปของโยมวาสนา” พอถึงวาสนา หลวงพ่อกลับพรมให้เบาๆ “อายุมั่นขวัญยืน การงานก้าวหน้านะลูกแล้วก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากับไอ้ย้งมันไวๆนะ”
วาสนาท้วง “เอ่อหลวงพ่อคะ เราเป็นแค่เป็นเพื่อนกันค่ะ ไม่ได้เป็นแฟน”
“หา พูดเล่นรึเปล่าโยม? ไอ้ย้งมันโดนซะอ่วมขนาดนี้โยมว่ามันคิดทำแค่เพื่อนเหรอลูก” หลวงพ่อพูดพาซื่อ
ย้งเห็นวาสนาอึกอักรีบแก้ต่างแทน “เพื่อนครับหลวงพ่อ ที่ผมทำได้ทั้งหมดก็เพราะอยากปกป้องคุณวาสนา”
หลวงพ่อชุ่ม แซวพอขำๆ “แหม ทำดีไม่หวังผลตอบแทนเลยนะไอ้ย้ง” แล้วนึกขึ้นได้ “เออแล้วนี่ เพื่อนเอ็งที่ชื่อเก่งน่ะเค้าไม่มาด้วยเหรอ”
“มันไปขายกาแฟครับหลวงพ่อ หลวงพ่ออยากเจอเหรอครับ”
“ก็แค่อยากถามอะไรนิดหน่อย เพราะเห็นตาคงมันเล่าว่าเค้าเป็นคนสอนมวยให้เราไม่ใช่เหรอ”
“ครับ”
“ฮืม... ไอ้ท่ามวยที่เค้าสอนน่ะ อาตมารู้สึกคุ้นๆอยู่นะ มันคล้ายๆ ท่ามวยของเพื่อนอาตมาคนนึง”
วาสนาสงสัย “ใครเหรอคะหลวงพ่อ”
“ผู้ใหญ่ทอง”

วาสนากับย้งมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

ครู่ต่อมา ย้งกับวาสนาเดินคุยกันมา กำลังจะเดินออกมาจากวัดด้วยกัน

“ที่หลวงพ่อพูดมามันก็แปลกดีนะย้ง ท่ามวยของนายเก่งดันไปเหมือนกับของผู้ใหญ่ทอง มันเป็นไปได้ยังไง”
ย้งแก้ให้ “โอ้ยไม่แปลกหรอกครับ ไอ้วิชามวยมันก็เหมือนๆกันหมด ไม่เห็นต่างกันตรงไหน ผมว่าหลวงพ่อท่านคิดไปเองมากกว่า”
“จ้า ไม่กล้าเถียงหรอก พ่อนักมวยเอก เดี๋ยวนี้เก่งแล้วนี่”
วาสนาว่าแล้วทำท่าจะเดินหนีแต่ย้งคว้ามือไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิครับคุณวาสนา”

“ย้ง ปล่อยนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” วาสนาชักมืออก
“แหม นี่ใจคอคุณวาสนา จะไม่ให้รางวัลผมบ้างเลยเหรอครับที่ชกชนะเมื่อคืน” ย้งว่า
วาสนาย้อนเอา “อ้าว ก็ไหนบอกว่า ชกในฐานะเพื่อนไง”
“มันก็ใช่ครับ แต่ว่าเพื่อนคนนี้…” ย้งเขินขึ้นมา “แค่อยากเดินจับมือกับคุณวาสนา” เขินหนักแกว่งมือไปมา “ไม่รู้จะได้รึเปล่า”
เจอขอทื่อๆ วาสนาก็เลยยิ้มเขิน..แกล้งเมินหน้าหนี ปล่อยมือตัวเองให้ย้งขยับกุมตามใจ แต่ไม่ทันไรเสียงแตรรถก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ก่อนที่รถของกำนันศรจะแล่นมาจอด
วาสนาตกใจ “พ่อ”
ย้งชะงักกึก “กำนัน”
กำนันศรก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยยอดและเบิ้ม ย้งรีบปล่อยมือวาสนาทันที
กำนันศรมองวาสนาสั่งเสียงเข้ม “ขึ้นรถ”
ย้งเดินไปที่รถหน้าเฉย “ครับกำนัน”
กำนันศรตะคอก “หมายถึงลูกกู”
ย้งไหว้ แล้วเดินกลับ “อ้าว ขอโทษครับ”
วาสนางวยงง “พ่อ นี่พ่อจะทำอะไร”
กำนันศรไม่ตอบ สั่งเสียงดัง “ขึ้นรถ พ่อมีเรื่องจะคุยกับไอ้ย้ง”
วาสนาขึ้นรถไปอย่างลังเล ก่อนที่กำนันศรจะเดินมามองหน้าย้ง
“เอ็งคิดว่าเอ็งเป็นใครวะไอ้ย้ง เป็นแชมป์โลกหรือไงกล้าดียังไงมาเกาะแกะลูกสาวข้า”
“ผมบริสุทธิ์ใจนะครับกำนัน”
กำนันศรตวัดไม้เท้าปืนจ่อเข้าที่หน้าอกย้งทันที วาสนาใจหายวาบจะผลักประตูลงมาจากรถ แต่เบิ้มก็ยกมือดันไว้ ขณะที่ยอดหันมาเอานิ้วจุ๊ปาก “ชูว์” วาสนาได้แต่ฮึดฮัดดูเหตุการณ์อย่างอึดอัดใจ
“หมาขี้เรื้อนอย่างเอ็งไม่คู่ควรกับลูกสาวข้า ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม”
ย้งเถียง “แล้วทีแต่ก่อนผมก็ไปรับไปส่งคุณวาสนาทุกวัน ทำไมพ่อกำนันไม่เคยห้ามล่ะครับ”
กำนันศรฉุนนิดๆ “ตอนนั้นชาวบ้านเค้าไม่นินทากันเหมือนตอนนี้ ไม่มีใครคิดว่าไอ้กระจอกอย่างเอ็งจะกล้าจีบลูกสาวข้า”
พูดจบกำนันศรเลื่อนไม้เท้ามาที่คอหอยย้ง เล่นเอาย้งใจหายวาบ จนกระทั่งเมื่อกำนันศรลดไม้เท้าลงมันถึงได้ย้งมือกุมคอหอยด้วยความหวาดกลัว
กำนันศรขู่ทิ้งท้าย “ถ้ายังไม่อยากตาย ก็อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
พูดจบกำนันศรก็เดินกลับไปกำลังจะขึ้นรถ ย้งมองตามก่อนจะได้สติขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาของวาสนา มันก็ระเบิดความกล้าออกมา
ย้งตะโกนลั่นวัด “ไม่ยุติธรรม! ทีไอ้จำเริญทำไมมันจีบคุณวาสนาได้ แล้วไอ้ย้งคนนี้จีบไม่ได้ ทำไมไม่ให้โอกาสกันบ้างวะ”
ยอดแหลมออกมา “ไอ้เวรนี่ ปากเก่งนักใช่มั้ย”
พลางยอดจะรี่เข้าเล่นงานย้ง แต่กำนันศรไม้เท้ากั้นไว้
กำนันศรห้าม “เฮ้ยอย่าเพิ่ง” พูดกับย้ง “เอ็งอยากได้โอกาสใช่มั้ยไอ้ย้ง ก็ได้ ข้าจะให้เวลาเอ็งเจ็ดวัน หาเงินมาให้ได้สามล้าน แล้วข้าจะยกวาสนาให้เอ็ง”
วาสนาตะลึง “พ่อ”
ย้งอุทาน “สามล้าน…”
กำนันศรเยาะเย้ย “จนปัญญาสิท่า ไอ้กระจอกเอ๊ย ถุย”
รถของกำนันศรแล่นจากไปนานแล้ว ทิ้งย้งไว้เพียงลำพังกับความชอกช้ำระกำใจ

เวลานั้น ครูเพิ่มหิ้วลังกระดาษ เดินจ้ำอ้าวมาในทางเดินเล็กๆในหมู่บ้านไม้งาม ท่าทางร้อนรนจะรีบกลับบ้าน แต่แล้วก็ปะเข้ากับหมู่โอฬารที่เดินดูดโอเลี้ยงผ่านมาพอดี
“อ้าวครู หายหน้าไปซะหลายวัน ไปไหนมาครับเนี่ย”
ครูเพิ่มรีบบอก “อ๋อ ผมเข้าเมืองไปซื้อพวกอะไหล่มือสองน่ะครับ จะเอามาซ่อมรถ”
โอฬารมองจ้องอย่างจับผิด “ไอ้ที่หิ้วอยู่เนี่ยเหรอ”
“ครับใช่”
“อะไหล่แน่นะ ซุกของผิดกฎหมายเอาไว้รึเปล่า” หมู่ถามเสียงเข้ม
ครูเพิ่มหน้าเสีย “ป..ป…เปล่านะหมู่”
จู่ๆ หมู่โอฬารก็ขำคิกคัก “อะจ๊า โดนอำ แหมครู ล้อเล่นแค่นี้ถึงกับหน้าถอดสีเลยโถ…พลเมืองดีอย่างครูผมไปสงสัยหรอกครับ ทำเป็นตื่นเต้นไปได้เค้าแหย่เล่น”
หมู่โอฬารหัวเราะชอบใจ ขณะที่ครูเพิ่มยิ้มเหมือนหัวใจจะวาย

เมื่อลังกระดาษของครูเพิ่มถูกวางลงบนโต๊ะในบ้าน เชือกที่ผูกลังถูกตัดทิ้ง อะไหล่ในลังถูกยกออก และเผยให้เห็นว่า ที่แท้เป็นกล่องกระสุนที่ซ่อนอยู่ก้นลัง
เก่งหยิบกระสุนมาบรรจะใส่ปืนแล้วลองควงคล่องๆ ขณะที่ครูเพิ่มนั่งจิบเหล้าพลางซับเหงื่อเหมือนยังตื่นเต้นไม่หาย
“นี่ไอ้เก่ง เอ็งใช้กระสุนให้มันประหยัดหน่อยนะ ข้าขี้เกียจลุ้นตาราง”
“แหม ความจริงซื้อแถวนี้ก็ได้นี่ครู ไม่เห็นต้องถ่อไปถึงหมู่บ้านอื่นเลย” เก่งว่า

“ไม่ได้โว้ย ของแบบนี้มันต้องระวัง ตำรวจยิ่งหูไวตาไวอยู่ด้วย”
เก่งนึกขึ้นได้ “เออจริงสิ พูดถึงตำรวจ เรื่องที่ชั้นให้ครูสืบข่าวได้ผลเป็นยังไงบ้าง”
“สารวัตรดนัย กับหมวดเพ็ญพรน่ะเหรอ ก็ปกติทั้งคู่นะ ประวัติดี ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย”
“แต่ชั้นรู้สึกแปลกๆอยู่นะ สารวัตรน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่หมวดเพ็ญพรนี่สิ ท่าทางเค้าเหมือนกับ…”
เก่งว่าไม่ทันจบคำ ก็มีเสียงเรียกมาจากหน้าประตู
“นายเก่ง นายเก่งอยู่รึเปล่า”
ครูเพิ่มจำเสียงได้ “เสียงผู้กองธัมโม”

เก่งถึงกับอึ้งไป

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 7 (ต่อ)

เก่งเดินออกมาดูที่หน้าบ้าน แต่กลับไม่เห็นมีใคร พอจะหันหลังกลับเข้าบ้าน จู่ๆ ธัมโมที่ซุ่มอยู่ก็โผล่หน้าออกมาทัก

“จ๊ะเอ๋”
เก่งตกใจ “เย้ยย ผู้กองมาทำไมเนี่ย”
“อ้าว แล้วทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ”
“ก็แหม ตำรวจมาหาถึงบ้าน จะให้ดีใจมั้ง” เก่งประชดส่ง
“คิดมาก ที่ชั้นมาเนี่ย ก็เพราะอยากตอบแทนนายที่เมื่อคืนช่วยชั้นเอาไว้”
“ตอบแทน?” เก่งงวยงง “ที่สนามมวยน่ะเหรอ โอ้ยเรื่องเล็ก ไม่ต้องสนใจหรอกครับ”
“ไม่ได้ คนอย่างชั้นผู้กองธัมโม บุญคุณต้องมาก่อนเสมอ”
เก่งลังเล “แล้วผู้กองจะตอบแทนผมยังไง”
ธัมโมยิ้มเท่ เล่นเอาเก่งยิ่งงุนงง ระหว่างนั้นครูเพิ่มลอบชะเง้อดูด้วยความกังวล

สองคนขี่รถมาด้วยกัน บรรยากาศความรักอบอวลไปทั่วทุกที่ราวกับเป็นคู่รักก็ไม่ปาน เก่งกำลังขี่มอเตอร์ไซค์มากลางท้องทุ่งโดยมีธัมโมซ้อนท้ายเก้ๆ กังๆ เอามือวางบนบ่าของเก่ง เก้ๆ กังๆ
“ผู้กอง อย่าจับบ่าสิครับ ผมขี่รถไม่ถนัด” เก่งบ่นอุบ
“แล้วจะให้จับตรงไหนล่ะ” ผู้กองตงฉินงง
“โอ้ย แค่นี้ยังต้องถามอีก” เก่งหงุดหงิด
“ก็ชั้นไม่ค่อยได้นั่งมอเตอร์ไซค์นี่นา” ธัมโมเฉไฉ แล้วแกล้งตะปบสะโพก “จับตรงนี้ละกัน”
เก่งร้องลั่น “เย้ย อย่าจับแบบนั้นสิครับ จั๊กจี้”
โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ ธัมโมชักหงุดหงิด “โฮ่ยเรื่องมาก ชั้นขับเองดีกว่ามั้ง”
เก่งจอดรถ ธัมโมขยับมาประจำตำแหน่งแทน
เวลาต่อมาธัมโมกำลังขี่รถมาตามทาง โดยมีเก่งซ้อนท้ายใบหน้าอิ่มเอมอย่างมีความสุข
“จับดีๆ นะ เดี๋ยวชั้นจะซิ่งให้ดู”
เก่งฉวยโอกาสนั้นสวมกอดธัมโม เห็นธัมโมเร่งเครื่องหายลับไปกับถนน

ธัมโมกับเก่งกำลังเดินเข้ามาในตลาดนัดด้วยกัน
“สรุปว่าเลี้ยงผมแน่นะผู้กอง” เก่งถามย้ำ
“แน่นอน วันนี้ทั้งวัน นายอยากกินอะไร อยากไปเที่ยวที่ไหน บอกชั้น ชั้นเลี้ยงไม่อั้น”
เก่งชี้หน้า “มาบ่นทีหลังไม่ได้นะ”
ธัมโมพยักหน้ายืนยันเป็นมั่นเหมาะ เก่งเดินนำไปก่อนอย่างเบิกบานใจ

ไม่นานหลังจากนั้นธัมโมกับเก่งยืนกินไอติมแท่งด้วยกันจนปากเปรอะ ปรากฏว่าเก่งได้ไม้แดง เลยได้กินฟรีต่ออีกไม้ เก่งออกอาการลิงโลดมาก
เก่งกับธัมโมเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน ระหว่างนั้นเก่งเห็นผู้หญิงคนอื่นเลือกชุดกระโปรงแล้วก็นึกอิจฉา พอธัมโมหันมาเห็นเข้า เก่งก็แกล้งทำเป็นเลือกเสื้อผ้าแบบผู้ชาย
เวลาต่อมาเก่งกับธัมโมเล่นเกมด้วยกันที่ร้านข้างทาง เป็นเกมยิงปืนอัดลม ธัมโมยิงโชว์สักพักก็พลาด เก่งขอยิงบ้าง ปรากฏว่ายิงจนได้ตุ๊กตามาเป็นรางวัล
ธัมโมกับเก่งเดินอุ้มตุ๊กตาด้วยกัน มาถึงหน้าร้านดอกไม้ เก่งมัวแต่มองดอกไม้เพลินๆ ไม่ทันดูธัมโมที่หันมาเลยหวิดชนกัน ต่างฝ่ายต่างสบตา วินาทีนั้นธัมโมก็แวบคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

เวลานั้น ขณะที่ธัมโมหยิบน้ำมันนวดอีกขวดจากลิ้นชักส่งให้เพ็ญพรรับไปดู
“แค่ยาขวดเดียว ถึงกับเป็นพิรุธเชียวเหรอคะ”
“ยายี่ห้อนี้เพื่อนผมที่ปีนังซื้อมาฝากครับ มันไม่มีขายที่เมืองไทย”
“เพราะแบบนี้ผู้กองก็เลยสงสัยว่านายเก่งจะเป็นนางสิงห์ชุดดำ”
“ครับ ซึ่งก็แปลว่านายเก่งจะต้องเป็นผู้หญิง หรือไม่นางสิงห์ก็ต้องเป็น…แต๋ว”
เพ็ญพรคิดสักครู่ “เอาเถอะค่ะ เรื่องนี้ชั้นมีทางพิสูจน์”

ธัมโมกับเก่งเดินผ่านหน้าร้านถ่ายรูป ธัมโมเห็นรูปถ่ายในตู้โชว์มีคนสวมชุดแปลกๆ มาถ่ายรูปกันก็นึกขึ้นได้
“นี่นายเก่ง”
“ครับผู้กอง”
“ถ่ายรูปกันมั้ย” ธัมโมเห็นเก่งออกอาการสงสัย รีบบอก “แบบว่าเป็นที่ระลึกไง”
ช่างกล้องพาเก่งกับธัมโมมาส่งที่ห้องถ่ายภาพ
“เลือกชุดตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมมา” ช่างกล้องว่าแล้วก็กลับออกไป
“ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหรอครับ” เก่งแปลกใจ
“อ้าวแน่นอน ถ่ายเฉยๆ ก็เซ็งแย่สิ ชั้นว่าเรามาเลือกชุดแปลกๆ กันดีกว่ามั้ย จะได้เก็บไว้ดูขำๆไง”
“ชุดแปลกๆ” เก่งงงงวย
ธัมโมหยิบชุดออกไอเดีย “เอางี้ เดี๋ยวชั้นใส่ชุดซามูไรตัวนี้ละกัน ส่วนนาย..ใส่กิโมโน”
เก่งฮึดฮัด “เฮ้ยบ้า”
“ร้องเป็นผู้หญิงไปได้ นี่อย่าบอกนะว่านายไม่กล้า หือ”
“ใครว่าไม่กล้า ใส่ก็ใส่สิ” เก่งพูดด้วยน้ำเสียงประชด “ขำๆ”

จากนั้นธัมโมกับเก่งต่างหลบไปหลังฉากกั้น ก่อนจะเห็นเก่งออกอาการลังเลนิดหนึ่ง แล้วลงมือผลัดเสื้อผ้าโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าที่ผนังมีรูเล็กๆ อยู่รูหนึ่ง และมีใครบางคนกำลังแอบดูเธออยู่

เป็นช่างกล้องกำลังยืนอยู่อย่างกระวนกระวาย ในขณะที่เพ็ญพรกำลังแอบถ้ำมองเก่ง
“ทำแบบนี้จะดีเหรอครับคุณตำรวจ มันผิดกฎหมายนะครับ” ช่างกล้องจิตตก
เพ็ญพรหันมาเอานิ้วจุ๊ปาก…ชูว์
ช่างกล้องได้แต่ถอนใจ ขณะที่เพ็ญพรหันไปแอบดูเก่งต่อ
เพ็ญพร เพ่งสายตามองไปเห็นเก่งถอดเสื้อออก
วินาทีนั้นเพ็ญพรถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นความจริงเบื้องหน้า
เพ็ญพรรำพึง “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”

ธัมโมเดินจัดเสื้อผ้าออกมาจากหลังฉากกั้นมุมแต่งตัว
“ชั้นพร้อมแล้วนะนายเก่ง นายแต่งตัวเสร็จรึยัง”
ธัมโมหันไปแล้วถึงกับตกตะลึง เมื่อเห็นเก่งในชุดหญิงสาวกำลังยืนอยู่ งดงามปานนางฟ้า
ธัมโมอึ้ง “เออ..เหมือนเนอะ”
เก่งยิ้มอยู่อย่างเอียงอาย…ขณะที่ธัมโมก็พยายามเก็บอารมณ์ไม่คิดอะไรกับหนูเก่ง แต่ก็อดเหลือบมองไม่ได้ มันจะสวยไปถึงไหนวะ
เวลาต่อมา เก่งและธัมโมถ่ายรูปคู่กัน โดยมีช่างกล้องคอยกำกับภาพ
“เดี๋ยวคุณพี่ผู้ชายเอามือวางไว้บนบ่าคุณน้องผู้หญิงเอ๊ยผู้ชายครับแล้วคุณน้องผู้หญิงเอ้ยผู้ชายก็หันหน้ามาทางนี้นิดนึง ครับ อย่างนั้นเลยครับ นิ่งๆนะครับ หนึ่ง สอง สาม”
ธัมโมมองเก่งอย่างหวั่นไหว เก่งเองก็แอบยิ้มขำที่ธัมโมประหม่าความสวยของตน ปลื้มมากมาย

พอถ่ายรูปเสร็จธัมโมกับเก่งเดินออกมาด้วยกัน แต่แล้วธัมโมก็แสร้งออกอุบายขึ้น
“เออนายเก่ง เดี๋ยวนายออกไปรอข้างนอกก่อนนะพอดีชั้นมีอะไรจะถามเจ้าของร้านเค้าหน่อย”
เก่งรับคำ “ครับผู้กอง”
ธัมโมรอจนเก่งออกไปแล้วจึงหันมาเรียกเบาไ
“เพ็ญพร ผู้หมวด”
เพ็ญพรเดินตามออกมาด้วยสีหน้าหนักใจ ธัมโมรีบดึงเธอให้หลบมุมมาทางหนึ่ง
“ว่าไงผู้หมวด สรุปว่านายเก่งเค้า…”
เพ็ญพรบอกอย่างจริงจัง “เป็นผู้ชายค่ะ ผู้ชายทั้งแท่ง”
ธัมโมทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ “หา ทั้งแท่ง”
“ค่ะ ใช่ ตกใจทำไมเหรอคะ”
“คือ…เห็นเหรอครับ” ธัมโมถามเมคชัวร์
“เห็นอะไรคะ” เพ็ญพรฉงน
ธัมโมอึกอัก “ก็..ทั้งแท่ง”
เพ็ญพรการันตี “ค่ะ เห็นชัด นายเก่งเป็นผู้ชายแน่นอน”

ธัมโมออกอาการผิดหวัง ในขณะที่เพ็ญพรมีสีหน้าพิรุธเหมือนแอบเก็บงำอะไรบางอย่างในใจ

ขณะยืนรอที่หน้าร้าน เก่งหยิบรูปถ่ายออกมาจากซองมาดู แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความพอใจ เพ่งมองภาพตัวเองกับธัมโมในรูป เหมือนเป็นสามีภรรยาก็ว่าได้

จังหวะนั้นพอธัมโมเดินกลับออกมา หนูเก่งก็รีบเก็บรูปถ่ายทำทีเป็นไม่สนใจ
“วันนี้สนุกมั้ยนายเก่ง”
“สนุกครับผู้กอง ขอบคุณมากนะครับ”
เก่งว่าพลางส่งซองรูปถ่ายให้ธัมโม
“นายเก็บไว้เถอะ ชั้นให้เจ้าของร้านเค้าอัดเผื่อแล้ว”
เก่งไม่ว่าอะไร แต่รู้สึกแปลกใจนิดหนึ่งที่ธัมโมจ้องหน้าเธอ แล้วเอื้อมมือมาเสยปลายผมให้...เบาๆ
“มีอะไรเหรอครับ ทำไมผู้กองดูเศร้าจัง”
“เสียดายเนอะ”
ว่าแล้วธัมโมว่าก็เดินหนีไปท่าทีเซ็งๆ ทิ้งให้เก่งเกาหัวอย่างงุนงงบ่นเสียงงึมงำ
“เสียดายอะไรของเค้าวะ”

บ้านไม้งามยามดึก ยินเสียงเพลงสุนทราภรณ์แว่วหวานไปทั่วทุกแห่งหน จากลำโพงเสียงตามสายส่งตรงจากบ้านกำนันศร ขัดกับบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบเหงา ชาวบ้านบ้างคนโผล่หน้ามาชะเง้อดูที่หน้าต่างด้วยความสงสัย เพราะปกติกำนันศรจะไม่กระจายเสียงเวลานี้

ภายในห้องรับแขกบ้านกำนันศรคืนนั้น วิทยุกำลังเล่นเพลงจากเทปคาสเซ็ท ขณะที่กำนันศรกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะกระจายเสียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่วาสนาซึ่งนอนไม่หลับจะเดินออกมา
กำนันศรปิดสวิทซ์เครื่องกระจายเสียงและเครื่องเล่นเทป เหมือนรู้ว่าวาสนาต้องการจะคุยธุระ
“ย้งผิดตรงไหน ทำไมพ่อต้องกีดกันเค้าด้วย”
“พ่อเชื่อว่าไอ้ย้งเป็นคนดี แล้วก็เชื่อว่ามันทำทุกอย่างเพื่อลูกแต่ขอถามหน่อยเถอะวาสนา” มองหน้าลูกสาวเขม็ง “ลูกชอบมันบ้างรึเปล่า บอกพ่อสิว่าลูกอยากแต่งงานกับมัน”
วาสนานิ่งงันไป…เธอรู้ตัวว่าชอบนิสัยย้ง..แต่ไม่เคยคิดเกินเลยไปถึงขนาดนั้น
“ที่ลูกคบกับมัน ก็เพราะลูกไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร ในสายตาพ่อ ไอ้ย้งก็เป็นแค่หมาตัวนึง ที่ลูกเลี้ยงไว้แก้เหงา พ่อพูดถูกใช่มั้ยวาสนา”
วาสนาอึ้งไปด้วยความลังเล

ย้งยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม กำลังนอนก่ายหน้าผากอย่างเหม่อลอย และครุ่นคิดถึงคำพูดของกำนันศร
“เอ็งอยากได้โอกาสใช่มั้ยไอ้ย้ง ก็ได้ ข้าจะให้เวลาเอ็งเจ็ดวัน หาเงินมาให้ได้สามล้าน แล้วข้าจะยกวาสนาให้เอ็ง”
ย้งผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความเจ็บใจ มันตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

เก่งขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้าน เห็นครูเพิ่มเดินออกมาดูด้วยความระอา
“กลับดึกเชียวนะเอ็ง หายไปไหนมาทั้งวัน”
“ไม่มีอะไร ก็แค่ไปเที่ยวน่ะครู”
“ระวังนะไอ้เก่ง เดี๋ยวความแตกขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”
ไม่ทันขาดคำเสียงเรียกดังแทรกเข้ามา “ไอ้เก่ง”
เก่งกับครูเพิ่มหันไปเห็นว่าคนที่มาเรียกคือย้ง ต่างนึกสงสัย
“ไอ้ย้ง ทำไมมาซะดึกเลยวะ”
“ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องเอ็ง” ย้งมองหน้าเก่ง
“ขออีกแล้วไอ้นี่ ต้องให้ช่วยทั้งปี คราวนี้จะขออะไรอีกวะ
“ข้าอยากเป็นโจร ข้าอยากเป็นลูกน้องเอ็ง...” ย้งเน้นคำ “นางสิงห์ชุดดำ”
ครูเพิ่มอ้าปากค้าง ในขณะที่เก่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากอ่อนหวานกลายเป็นเหี้ยมโหดดุดันในชั่วพริบตา เธอจับย้งบิดแขนแล้วเตะขาจนล้ม ก่อนจะคว้าวัตถุมีคมใกล้มือมาจ่อคอมันไว้

ครูเพิ่มตะโกนก้องร้องห้าม “ไอ้เก่งอย่า”

โปรดติดตาม นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนต่อไป พรุ่งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น