xs
xsm
sm
md
lg

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แสบสลับขั้ว ตอนที่ 7

ทั้งหมดเดินตามกันเข้ามาในห้องทำงานครรชิต โดยเซียนนำหน้าตามด้วยครรชิตปิดท้ายด้วยน้ำเพชร

“คุณต้องใจเย็นกว่านี้ มีอย่างหรือ ชี้หน้าตัวเองว่าเหมือนหมีควาย” ครรชิตบอก
“ไม่ใช่หน้าผม หน้าไอ้นายเซียน ไอ้เซียนมันยังว่าผมว่าเหมือนน้าผี”
“หนูน้ำ ไปประจำหน้าที่ได้แล้ว อย่ามาที่นี่บ่อยๆ ใครเขาจะสงสัย”
“ค่ะ”
น้ำเพชรเดินไป ครรชิตทรุดตัวลงนั่งแล้วถอนใจเฮือก
“ผมจะลองขับรถชนไอ้เซียน”
ครรชิตสะดุ้ง
“ไม่ได้! มันเสี่ยงเกินไป”
“ผมยอมเสี่ยง ถ้าไม่สำเร็จก็ให้มันตายไปเลย”
“แล้วคุณพ่อคุณจะว่ายังไง”
“ท่านไม่ว่าอะไรหรอก คุณพ่อเคารพการตัดสินใจของผม”
“คุณปลาใหญ่”
“ผมตัดสินใจแล้ว ผมไม่อยากอยู่ในร่างไอ้หมีควาย”

ดาริกานัดเจอกับรัญญาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้รัญญาฟัง
“เกิดมายังไม่เคยได้ยินใครด่าตัวเองแบบนี้เลย ต่างคนต่างด่า”
“ช่วงนี้อากาศคงร้อนน่ะ”
รัญญาและดาริกา สั่งกาแฟกับขนมแล้วเดินมานั่ง
“นายเซียนก็หล่อ ปลาใหญ่ก็หล่อ”
“แกต้องเลือกเอาคนนึง”
“ฉันก็ต้องเลือกปลาใหญ่อยู่แล้ว ปลาใหญ่ทั้งหล่อทั้งรวย แต่งงานด้วยคงสบาย นายเซียนหล่อแต่จน ฉันไม่อยากทนกัดก้อนเกลือกิน”
“แล้วปลาใหญ่ชอบแกหรือเปล่า”
“มีใครบ้างที่ไม่ชอบสาวสวยทรงเสน่ห์อย่างฉัน”
ดาริกายิ้มอย่างมั่นใจ

ขณะนั้นอลิสากำลังก้มหน้าก้มตาตะไบเล็บ ในหูเงียบหูฟังเอียงคอไปมาตามจังหวะเพลง ใครคนหนึ่งเดินตรงมาแล้วหยุดที่หน้าโต๊ะ อลิสาเงยหน้าขึ้นมองแล้วสะดุ้ง ยิ้มเจื่อนๆ
“คุณจันทร์...”
อลิสาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“แล้วไง...นึกว่าฉันเป็นแม่มดหรือยะ ถึงได้ทำหน้าอย่างนั้น”
“ค่ะ...เอ๊ย ไม่ใช่ค่ะ”
จันทร์ทิพย์ถลึงตามอง จากหน้าไล่เรื่อยลงมาถึงมือซึ่งยังถือตะไบเล็บ อลิสารีบวางตะไบเล็บลง
“ฉันก็เพิ่งรู้ว่าคุณก้องเขาจ้างเลขามานั่งตะไบเล็บ”
“อ้า ...”
จันทร์ทิพย์ตบโต๊ะปังจนอลิสาสะดุ้งเฮือก
“อยู่ต่อหน้าฉันยังบังอาจอ้าอีก” อลิสาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ให้ได้ จันทร์ทิพย์บีบคางอลิสาอย่างแรง “ห้ามอ้า ต้องหุบ หุบให้สนิท”
จันทร์ทิพย์ผลักอลิสาเซจนเกือบล้ม แล้วเดินเข้าห้องไป อลิสาถอนใจเฮือกแล้วบ่นเบาๆ
“ฉันไม่ใช่หอยนี่ยะ ถึงจะได้ต้องหุบให้สนิท”

จันทร์ทิพย์เข้ามาในห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เกริกก้อง รัญญาลอบค้อนแว่บหนึ่ง
“น้องรันกำลังคุยกับคุณพ่อเรื่องอะไรคะ”
“รันพาริก้ามาแนะนำให้รู้จักกับปลาใหญ่แล้วค่ะ”
“คงถูกใจคุณปลาใหญ่ใช่มั้ยละคะ ริก้าสวยออกขนาดนั้น”
“ไม่รู้ซิคะ... แต่ที่ทำให้รันมึนก็คือว่า นายเซียนด่าตัวเองว่า เหมือนหมีควาย ส่วนปลาใหญ่ก็ด่าตัวเองว่าเหมือนน้าผี”
“แสดงว่าต่างคนต่างก็เกลียดตัวเอง ซึ่งชักจะทำให้เข้าเค้าเข้าไปทุกที” เกริกก้องบอก
“แล้วริก้าล่ะคะ ชอบใคร”
“แหม ก็ต้องปลาใหญ่ซิคะ ปลาใหญ่ทั้งหล่อทั้งรวย”
“แต่จะใช่ตัวจริงหรือเปล่าเท่านั้น”
ตลอดเวลาที่ทั้งจันทร์ทิพย์กับรัญญาคุยกัน เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

ทางด้านปกรณ์ ปกรณ์เดินไปเดินมาอย่างใคร่ครวญครุ่นคิดสลับกับค่อยๆ แง้มประตูแอบดูสายพิณ ซึ่งขณะนั้นสายพิณกำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน
“เอายังไงดี”
ปกรณ์นิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วทำหน้านึกได้ รีบเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งกดโทรศัพท์ภายใน
“สายพิณ ผมปวดหัวมากช่วยเอายาเข้ามาให้หน่อย”
“ค่ะ...”
ปกรณ์วางโทรศัพท์แล้วรีบทำเป็นเอนพนักเก้าอี้ หลับตาแล้วคอยหรี่มองไปที่ประตู...ทุกอย่างเงียบสนิท
ปกรณ์อยู่ในอิริยาบถนั้นครู่หนึ่ง จนในที่สุดลุกขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวเดินไปที่ประตู ปกรณ์ค่อยๆ จับลูกบิดประตู แล้วยื่นหน้าเข้าไปจะแนบ ทันใดนั้นประตูถูกผลักเข้ามาอย่างแรงกระแทกเข้ากับหน้าปกรณ์โครมใหญ่
“โอ๊ย...”
ปกรณ์เซเสียหลักหกล้ม สายพิณซึ่งถือถาดยาและน้ำเข้ามาทำท่าเสียหลักแบบเนียนๆ ทำน้ำหกราดไปบนหัวปกรณ์อีก
“อุ๊ยตาย ขอโทษค่ะ” ปกรณ์ยกมือกุมหน้า แล้วครางเบาๆ ด้วยความเจ็บ “เป็นยังไงบ้างคะ”
ปกรณ์เอามือออกจากหน้าเห็นเลือดออกจมูกและตรงขมับปูดช้ำเลือดช้ำหนอง สายพิณกลั้นหัวเราะเต็มที่
“ต๊าย เละเลย”
ปกรณ์ค่อยขยับตัว
“อูย...ย...มาช่วยพยุงพี่หน่อยซิ”
“เจ็บขนาดนี้แล้วยังจะชีกอ”
สายพิณพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะวางของลงบนโต๊ะแล้วเดินมาช่วยประคองปกรณ์ให้ลุกขึ้น ปกรณ์ถือโอกาสโอบไหล่แน่น สายพิณหน้าตาถมึงทึงอย่างไม่พอใจแล้วยกส้นสูงกระแทกลงไปบนเท้าปกรณ์เต็มแรง
“โอ๊ย”
“ต๊าย ขอโทษค่ะ เวลาตกใจฉันมักซุ่มซ่ามทำอะไรไม่ถูก”
ปกรณ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สายพิณขยับจะตามมา
“อย่า...ได้โปรดออกไป ก่อนที่ผมจะบอบช้ำมากกว่านี้”
“ได้ค่ะ”
สายพิณเดินออกไปทันที ขณะที่ปกรณ์นิ่วหน้าเจ็บ

สายพิณเดินมาที่โต๊ะทำท่าสะใจแล้วทรุดตัวลงนั่ง เวลาผ่านไปครู่หนึ่งประตูห้องเปิดออกสายพิณหันไปมองเห็นปกรณ์ค่อยๆ กระโผลกกระเผลกก้าวออกมา โดยสวมแว่นดำ สวมหมวกปิดรอยปูดที่ขมับ
“อ้าว! คุณกรณ์”
“ผม...ไม่ค่อยสบาย ต้องกลับก่อน”
ปกรณ์รีบเดินกระเผลกออกไป สายพิณมองตามอย่างสะใจ
สายพิณโทรบอกครรชิต ครรชิตหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“เรอะ เลยกลับไปเลยเรอะ โอเค...แต่หนูก็ต้องระวังตัวนะ” ครรชิตวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมามองเซียนซึ่งนั่งมองอยู่ “เด็กคนนี้ไม่เลว”
“ผมว่าเขาประมาทเกินไป ทำอย่างนั้นเท่ากับเพิ่มความแค้นให้ปกรณ์เอาอย่างนี้ หาตำแหน่งใหม่ให้ดีกว่าเพื่อความปลอดภัย”
“ดีเหมือนกัน” ครรชิตกดโทรศัพท์ใหม่ “สายพิณ หนูมาที่ห้องลุงหน่อยนะ” ครรชิตวางโทรศัพท์ลง “เรียบร้อย”
“ทำไมต้องเรียกเขามาที่นี่”

“เท่าที่ดู สายพิณค่อนข้างดื้อ แล้วก็เชื่อมั่นในตัวเองมาก คงต้องอธิบายกันนานหน่อย”

ในขณะที่ครรชิตและเซียนกำลังปรึกษากันอยู่ สายพิณเดินเข้ามา เซียนมองสายพิณอย่างตำหนิ

“ทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
สายพิณชะงักมองเซียนอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธจัด
“กล้าดียังไง”
“เพราะฉันเป็นผู้บริหารที่นี่น่ะซิ”
สายพิณเบิกตากว้าง จ้องมองเซียนราวกับจะให้มอดไหม้ เซียนเองก็จ้องตอบสายพิณเขม็ง ครรชิตมองทั้งสอง คนสลับกัน พยายามจะห้ามไม่ให้เกิดเรื่อง
“เดี๋ยว ใจเย็นๆ กันก่อน”
“ไม่เย็นจนกว่านายปลาใหญ่จะถอนคำพูด”
“นี่เธอคิดว่าเธอเป็นใคร”
“ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ที่ถึงจะยากจน แต่ก็มีศักดิ์ศรี”
“อย่าชักเรือใบให้เสีย”
ครรชิตกระแอม
“อย่าชักใบให้เรือเสียครับ”
เซียนไม่ได้ฟังและไม่ได้มองครรชิต
“นี่ไม่ได้เกี่ยวกับความยากจนหรือร่ำรวยไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศักดิ์ศรี แต่มันเกี่ยวกับเรื่องมารยาท โดยเฉพาะระหว่างผู้บริหารกับลูกจ้าง”
“ผู้บริหารกับลูกจ้าง ฮะ ฮะ อยากจะหัวเราะให้ตึกถล่ม ช่วยกรุณาก้มลงมองตัวเองก่อนซิว่า เวลานี้อยู่ในสถานะอะไร ...คุณกับฉันมันก็ลูกจ้างเหมือนกันนั่นแหละ...ปลาใหญ่”
“ได้โปรด ได้โปรดใจเย็นๆ ก่อน” ครรชิตบอกแต่ไม่มีใครฟัง
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามใครๆ ดูซิว่า ตอนนี้ นายเป็นใคร คุณปลาใหญ่ผู้สูงส่งหรือว่านายเซียนผู้ต่ำต้อย”
“ฉันไล่เธอออกเดี๋ยวนี้” เซียนชี้หน้าสายพิณ
“ไม่ออก แล้วที่ไม่ออกนี่ก็ไม่ใช่เพราะอยากจะอยู่ที่นี่จนเนื้อตัวสั่น แต่เพราะฉันต้องอยู่เพื่อคอยดูแลพี่เซียน ... และพาพี่เซียนกลับเข้าร่างเดิมให้ได้”
“สาธุ ขอให้มันจริงเถอะ”
“คอยดูไปก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนจ้องมองกันเขม็ง

เซียนเดินอย่างหงุดหงิดสุดๆ มาที่หน้าลิฟท์ ประตูลิฟท์เปิดออกแล้วเอ็กซ์ก้าวออกมา เซียนเดินเข้าไปอย่างไม่ได้สนใจตรงกันข้ามกับเอ็กซ์ซึ่งจ้องเซียนเขม็งจนประตูลิฟท์ปิด
ขณะนั้นสายพิณยังอยู่กับครรชิต ครรชิตมองสายพิณอย่างตำหนิ
“หนูไม่ควรพูดกับคุณปลาใหญ่อย่างนั้น”
“เขาก็ไม่ควรพูดกับหนูอย่างนั้นค่ะ”
“หนูเอ๊ย! เขาเป็นเจ้าของบริษัท...”
“ใครจะเชื่อล่ะคะ”
“ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญ สำคัญที่เขารู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง”
สายพิณนิ่งไปครู่หนึ่ง
“พิณเป็นคนไม่ยอมใคร ต่อไปนี้พิณจะพยายามเลี่ยงๆ ไม่พบกับเขา จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน”
“ก็ดี” สายพิณหันหลังเดินออกไป ครรชิตถอนใจเฮือก “เฮ้อ แรง แรงจริงๆ”

เอ็กซ์มาหาเกริกก้องที่ห้องทำงาน เกริกก้องจึงสั่งให้เอ็กซ์ไปจัดการกับเซียน
“แกไปจัดการมันได้เลย ไม่ต้องมาถามซ้ำซาก”
“แล้วใครจะขับรถให้ท่านล่ะครับ”
“คนขับรถบริษัทเยอะแยะไป ไปได้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องขึ้นมาหาฉัน”
“ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร แต่จำไว้ก็แล้วกัน”
ขณะนั้นเซียนชะเง้อคอเรียกแท็กซี่อยู่หน้เบริษัท แต่ก็ถูกคนอื่นเรียกดักหน้าไปก่อน เซียนถอนใจเฮือกอย่างหงุดหงิด ระหว่างนั้นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าเซียน แล้วเอ็กซ์ส่งหมวกกันน็อคให้
“จะไปไหน”
“กลับบ้าน”
“จะไปส่งให้” เซียนลังเลก่อนปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร”
“ขึ้นมาเถอะน่า”
เซียนตัดสินใจขึ้นซ้อนหลังเอ็กซ์ และสวมหมวกกันน็อค เอ็กซ์ขี่รถออกไป รปภ. หันไปมองเห็นพอดีอย่างไม่สนใจนัก

ครรชิตพยายามกดโทรศัพท์หาเซียนแต่ก็ไม่มีใครรับ ครรชิตพยายามอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนใจเฮือก
“ทำไมไม่รับ”
ครรชิตกดเบอร์ใหม่ ชายสี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเดินเลี่ยงไปรับโทรศัพท์อีกมุมหนึ่ง
“ครับ...คุณครรชิต”
“เห็นคุณปลาใหญ่...ฉันหมายถึงคุณปลาใหญ่ในร่างนายเซียนน่ะ”
“อ๋อ! ออกไปข้างนอกครับ”
“แล้วทำไมไม่ตามไป”
“อ้าว...” ชายสี่ทำหน้างง
“ตามไปดูซิ แล้วโทรมาบอกด้วย”
ครรชิตวางโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด

ชายสี่เดินออกมาหน้าบริษัทแล้วชะเง้อมองหาเซียนแต่ไม่เห็น
“หาใคร” รปภ.ถามชายสี่
“นายเซียน เห็นบ้างหรือเปล่า”
“เห็นซ้อนรถพี่เอ็กซ์ไปแน่ะ”
ชายสี่ชะงักรีบโทรบอกครรชิตทันที
“ว่าไง!…” ครรชิตผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ “อะไรนะ”
ครรชิตฟังแล้วรีบเดินออกไป
ครรชิตรีบมาหาปลาใหญ่ที่ห้อง น้ำเพชรผุดลุกขึ้นเช่นกันด้วยสีหน้าแววตาตกใจ
“ตายละ ทำไมคุณปลาใหญ่ถึงไปกับเขา”
ครรชิตเดินเข้าไปในห้อง น้ำเพชรรีบตาม
“โง่นี่หว่า”
ปลาใหญ่บอก น้ำเพชรตบโต๊ะทันที จนปลาใหญ่สะดุ้ง
“สามหาว! คุณปลาใหญ่น่ะฉลาดกว่านายไม่รู้กี่เท่า”
“ฉลาดแล้วไปกับไอ้เอ็กซ์ทำไม ก็มันน่ะนอกจากจะเป็นคนของคุณอาก้องแล้วยังเป็นศัตรูคู่ปรับของคุณเซียนเขาอีก”
“เป็นศัตรู” ครรชิตกับน้ำเพชรอุทานออกมาพร้อมกัน ปลาใหญ่พยักหน้ารับ
“อื้อ”
น้ำเพชรรวบคอเสื้อปลาใหญ่
“แล้วทำไมไม่บอก”
“ก็ไม่มีใครถามนี่”
“รู้มั้ยไอ้เอ็กซ์มันจะพาคุณปลาใหญ่ไปที่ไหน”
“จะไปรู้ได้ยังไง”
“นายเซียน นายพอใจใช่มั้ยที่คุณปลาใหญ่ตกอยู่ในอันตราย นายคิดจะเคลมตัวตนและทรัพย์สมบัติของคุณปลาใหญ่ใช่มั้ย”
“เปล่า...”
“คอยดูนะ ถ้าคุณปลาใหญ่เป็นอะไรไป ฉันเอานายตายแน่”
“หนูน้ำ มาคิดกันก่อนว่าจะไปตามคุณปลาใหญ่ได้ที่ไหน”
“พวกชาย4 รู้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไอ้พวกนั้นไม่รู้หรอก ไอ้เอ็กซ์มันไม่ได้อยู่แถวนั้น”
“แล้วนายรู้จักมันได้ยังไง”
“ดวลแข่งรถกัน ผลัดกันแพ้...ผลัดกันชนะ...แต่ส่วนมากผมชนะ เพราะผมเก่ง”
“โกงด้วย”
น้ำเพชรบอกต่ออย่างรู้ทัน ปลาใหญ่เกาท้ายทอย
“จ๊ะจ๋า...เขาเรียกว่าฉลาดกว่า”
น้ำเพชรมือสั่นอยากจะตบ ปลาใหญ่รีบกระโดดไปที่ประตูทำท่าราวกับกลัวจัด
“ฉันอยากจะฆ่านายนัก” น้ำเพชรย่างสามขุมเข้ามา จังหวะนั้นครรชิตนึกบางอย่างได้
“เอาอย่างนี้”

น้ำเพชรกับปลาใหญ่หันมามองทันที

ครรชิตและน้ำเพชรมาหาเกริกก้อง แต่อลิสายืนเชิดหน้าปรายตามองทุกคน

“คุณก้องสั่งไว้ว่าไม่ให้ใครเข้าพบค่ะ”
“ทำไมจะพบไม่ได้” น้ำเพชรถามอย่างไม่พอใจ
“ใจเย็น หนูน้ำ” ครรชิตบอก อลิสายิ้มเยาะ
“ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเองซะก่อน เธอน่ะแค่พนักงาน ส่วนคุณก้องเป็นประธานบริษัท”
“เธอก็พูดเกินไป คุณก้องเป็นรองประธาน ส่วนประธานคือคุณปลาใหญ่”
“แน่ใจหรือค่ะว่า คุณปลาใหญ่ยังอยู่”
น้ำเพชรโกรธจัด เหวี่ยงกำปั้นจะตบอลิสา ครรชิตรีบจับไว้
“อย่า”
“อย่ามาทำป่าเถื่อนที่นี่นะยะ”
ปลาใหญ่เดินเข้ามา วางท่าสง่างาม
“นั่นอะไรกัน” ทุกคนหันมามอง “คุณครรชิต ทำไมยังไม่เข้าไปพบคุณอาก้องอีก”
ครรชิตกระแอมนิดหนึ่ง ทำท่าเคารพนบนอบประสานมือทันที
“เลขาคุณก้องไม่ให้เข้าพบครับ”
น้ำเพชรซึ่งรีบทำท่าเคารพนบนอบเช่นกัน ลอบมองปลาใหญ่อย่างแปลกใจ
“ทำไมรึ” ปลาใหญ่เบือนหน้ามองอลิสา อลิสามองปลาใหญ่อึกอัก ชักลังเล
“ก็ ...”
“แน่ะ แล้วยังทำยืนจังก้าต่อหน้าผู้ใหญ่อีก” อลิสารีบปรับท่ายืนแล้วประสานมือทันที ปลาใหญ่หันมาทางครรชิต “ผมจัดการเอง”
ปลาใหญ่เดินไปที่ประตู เปิดเข้าไปด้วยท่าทางสง่า ครรชิตเหลือบสบตาน้ำเพชรซึ่งมองตามอย่างไม่ไว้ใจนัก

ภายในห้อง เกริกก้องเอนหลังพิงพนักมองมาด้วยสีหน้าแววตาเฉยเมย
“เข้ามาทำไม”
ปลาใหญ่เดินมาทรุดตัวลงนั่ง
“ผมต้องการรู้ว่านายเอ็กซ์มีบ้านพักอยู่ที่ไหน”
เกริกก้องหัวเราะลั่น
“แกก็น่าจะรู้นี่”
ปลาใหญ่ตีหน้าตาย
“ผมหมายถึงบ้านจริงๆ ของเขา ไม่ใช่ที่พักในบ้านของผม อ้อ... แล้วคุณอาควรจะให้เกียรติผม อย่าเรียกผมว่า “แก” เพราะผมคือประธานของบริษัทนี้”
เกริกก้องชะโงกหน้ามามองเยาะๆ
“แน่ใจเรอะ ไอ้เซียน”
ปลาใหญ่ชะโงกหน้าเข้าไปหาเช่นกัน
“ผมคือปลาใหญ่”
“ฉันไม่เชื่อ”
“งั้นก็เรียกประชุมถามทุกคนว่าผมเป็นใคร...” ปลาใหญ่เอนตัวกลับไปพิงพนัก ขยับขาตามความเคยชิน “ส่วนป้ายหน้าห้องคุณอาที่เขียนว่า ประธานกรรมการน่ะ...กรุณาเปลี่ยนเป็นรองประธานกรรมการด้วย ไม่อย่างนั้นผมจะให้คนอื่นมาเปลี่ยน”
เกริกก้องชำเลืองมองขาปลา
“ปลาใหญ่ไม่เคยนั่งสั่นขาแบบนี้”
“นั่นมันเรื่องของผม คุณอามีหน้าที่ตอบคำถามผม”
“ถ้าฉันไม่ตอบล่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมจะไปแจ้งความเพราะมีพยานเห็นว่า นายเซียนซ้อนท้ายไอ้...เอ๊ย นายเอ็กซ์คนของคุณอาไป”
ปลาใหญ่ลุกขึ้น ยื่นหน้ามาทำตาขยิบๆ แบบปลาใหญ่ “คุณอาอยากเห็นแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ”
ปลาใหญ่เดินออกไป เกริกก้องมองตามด้วยสายตาอาฆาต

น้ำเพชรและครรชิตรออยู่หน้าห้องด้วยท่าทางกระวนกระวาย มีท่าทางโล่งใจทันทีเมื่อปลาใหญ่เปิดประตูออกมา
“ว่าไง...ครับ...”
“คุณครรชิต ช่วยติดตามด้วยว่า คุณอาเปลี่ยนป้ายหน้าห้องเป็นรองประธานด้วยถ้าไม่เปลี่ยนภายใน 3 วัน ก็ให้คนของเขามาเปลี่ยนให้”
ปลาใหญ่เดินไป ครรชิตและน้ำเพชรรีบเดินตาม อลิสารีบเดินเข้าไปในห้อง

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
อลิสาเดินเข้ามาหาเกริกก้อง
“วอนซะแล้ว” นัยน์ตาเกริกก้องเป็นประกายอาฆาตจนอลิสาสะดุ้ง
“อุ๊ย คุณก้อง อลิสาไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
“ฉันหมายถึงไอ้ปลาใหญ่”
“ใช่ค่ะ เมื่อกี้ยังสั่งให้อลิสาเปลี่ยนป้ายหน้าห้องใหม่”
“ไม่ต้องเปลี่ยน อยากจะดูซิว่า มันจะทำยังไง”
เกริกก้องตวาด

ปลาใหญ่ ครรชิต น้ำเพชรเดินเรียงกันเข้ามาในห้องทำงานของปลาใหญ่
“นายเซียน นายต้องรับผิดชอบ” น้ำเพชรบอก
“โอ๊ย ผมไม่เกี่ยวก็แฟนคุณดันทะเร่อทะร่าไปกับเขาเอง” ปลาใหญ่รีบบอก
“พูดให้ดีๆ นะ ถ้าหากนายไม่ทุเรศมาแย่งร่างของคุณปลาใหญ่”
“มันเป็นเรื่องของชาตากรรม”
“ชาตากรรมบ้าบอน่ะซิ”
“เอาละ...เอาละ...อย่าเพิ่งทะเลาะกัน มาช่วยแก้ปัญหาก่อนว่าจะไปตามคุณปลาใหญ่ได้ที่ไหน”
“ต้องเรียกประชุมชาวชุมชนให้ช่วยกันตามหา”

น้ำเพชรกับครรชิตรีบไปที่วินมอเตอร์ไซค์เพื่อให้กลุ่มเพื่อนของเซียนช่วย
“ใครมีความคิดอะไรบอกมา” ครรชิตถาม
“ป้าสือ ถอดหัวออกไปตามหาเลย”
“ไอ้บ้า ไอ้มอม ปากเอ็งมอมเหมือนชื่อเลย ไอ้ ...”
“พอก่อน ต้องช่วยกันตามหาไอ้เซียนก่อนแต่เรื่องนี้ต้องอย่าให้คุณสายไหมของข้ารู้เด็ดขาด” ลุงป่องบอก
“แล้วไอ้เซียนตัวแสบล่ะ”
“ก็ทำท่าเป็นประธานอยู่บริษัทกันคนอื่นสงสัย”
“สายพิณ...ใช่ แล้วสายพิณล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วย”
“ไอ้เซียนกำลังอธิบายเรื่องให้ฟัง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”
“หมอแม่น หมอแม่นอาจจะรู้”
“งั้นไปเลย”
“เดี๋ยวก่อน” ทุกคนหันมาทางครรชิต “ไม่ต้องแห่ไปกันหมดนี่ก็ได้”
“ไปให้หมดนี่แหละค่ะ” น้ำเพชรบอก
“ฉันพาไปเอง ไป” กระสือเดินนำ ทั้งหมดตามกันไป

หมอแม่นถึงกับตกใจเมื่อเห็นทุกคนแห่กันมาหาที่บ้าน
“เฮ้ย แห่กันมาทำไม”
“บ้านนายเอ็กซ์อยู่ที่ไหน”
“จะไปรู้ได้ไง ฉันไม่ใช่เมียมันนี่”
“รู้แล้ว อย่างหมอแม่นน่ะไม่ใช่เมียมันแน่ แต่เป็นยายมัน”
“ไอ้ปากมอม”
“นายเซียนบอกว่าหมอแม่นสนิทกับมัน เพราะฉะนั้นหมอแม่นต้องรู้”
“จะบ้าเรอะ คุณหนู”
น้ำเพชรควงกำปั้นทันที
“จะบอกหรือไม่บอก”

น้ำเพชรถามด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 7 (ต่อ)

หมอแม่นมองน้ำเพชรอย่างตกใจ

“จะบ้าเรอะ คุณหนู ถือว่าเป็นลูกเจ้าของร้านทองเรอะไง ถึงได้มากดขี่คุมเหงผู้ที่ด้อยกว่า ... ผู้ที่
อ่อนแอกว่า”
“และจะเป็นคนแก่ด้วย กระดูกคนแก่ยิ่งหักง่ายกว่าหักท่อนไม้ซะอีก”
“ว้าย”
“บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าไอ้เอ็กซ์มันอยู่ที่ไหน”
หมอแม่นมองทีละคนอย่างขอความช่วยเหลือแต่ทุกคนพากันส่ายหน้า หมอแม่นกลืนน้ำลาย
ขณะนั้นเอ็กซ์พาเวียนมาที่ตึกร้าง เอ็กซ์บอกเสียงดังอย่างสะใจ
“ในที่สุด ฉันก็ได้ตัวแกมาไอ้เซียน”
“ไหนแกบอกว่า แกรู้ว่าฉันคือปลาใหญ่ ไง”
เซียนถูกผูกไว้กับเสาต้นหนึ่ง โดยมีเอ็กซ์ยืนจังก้าอยู่ข้างหน้า
“ภายในน่ะช่างมันก่อน ตอนนี้ภายนอกแกคือไอ้เซียน”
“หมายความว่าแกจะฆ่าคนสองคนเพื่อความสะใจ”
“เพื่อความสะใจและเพื่อชำระสร้างความแค้นใจ ...ไปละ จะไปเอาตัวไอ้ปลาใหญ่มาอีกคน จะได้ฆ่าทีเดียวพร้อมกันเลย”
\เอ็กซ์ล้วงเทปกาวออกมาจากกระเป๋า แล้วจัดการปิดปากเซียน เซียนพยายามดิ้น
“ความจริงนี่ไม่ต้องปิดก็ได้ เพราะต่อให้ตะโกนจนคอแตกตายก็ไม่มีใครได้ยิน ยิ่งมีพายุฝนอย่างนี้ด้วย”
เอ็กซ์ผิวปากแล้วเดินออกไป เซียนพยายามดิ้นเต็มที่ เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ดังขึ้นใกล้ๆ แล้วไกลออกไป

ท่าทางเอาจริงของน้ำเพชรทำให้หมอแม่นนึกกลัวจึงยอมบอกเรื่องเอ็กซ์
“โธ่เอ๊ย ฉันยอมรับว่าสนิทกับมัน รู้แค่ว่าไอ้เอ็กซ์ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง...ถ้าช่วงไหนมีเงินขึ้นมาก็เช่าบ้านอยู่ พอไม่มีเงินก็ไปอยู่ตามใต้สะพานมั่ง ตามสวนสาธารณะบ้าง “
ครรชิตพยักหน้ากับน้ำเพชรให้ตามออกไป
ครรชิตและน้ำเพชรเดินออกจากบ้านหมอแม่น ติดตามด้วยลุงป่อง
“ถ้าเป็นจริงอย่างที่ยัยนั่นบอกก็แสดงว่าเวลานี้มันอยู่ประจำที่บ้านคุณปลาใหญ่”
“งั้นจะทำยังไงดีคะ”
ครรชิตนิ่งคิด
“ไอ้เซียนไง ให้ไอ้เซียนจัดการ สองคนนั่นรู้ไส้รู้พุงกันดี”
“จริงซิ”

ครรชิตและน้ำเพชรรีบกลับมาหาปลาใหญ่ที่บริษัท ปลาใหญ่นั่งอย่างสบายอารมณ์ด้วยการยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดอีกข้างแล้วกระดิก
“ไอ้ได้น่ะมันได้... แต่”
“ทองบาทนึงพอมั้ย หรือจะเอา 2 บาท”
สายพิณนึกฉุนที่น้ำเพชรพูดแบบนี้
“ดูถูกกันชัดๆ พี่เซียนไม่ใช่คนเห็นแก่เงินทอง”
“น้อยไปซิ...ฉันเคยยัดเงินให้ 5 พัน หายจ้อยเลย”
“จะเอายังไงก็ว่ามา นายเซียน”
“ต้องให้คุณน้ำเพชรกล่าวคำขอโทษผมก่อน”
“ไอ้บ้า”
“พี่เซียน”
“ฉันไม่มีวันขอโทษนาย”
“งั้นก็บอกลาปลาใหญ่ในร่างผมได้เลย” น้ำเพชรนิ่งอึ้ง
“หนูน้ำ เขาอยากให้ขอโทษก็หลับหูหลับตาขอโทษเขาหน่อยเพื่อเห็นแก่คุณปลาใหญ่”
“อ๊ะ อ๊ะ หลับหูหลับตาไม่ได้ครับ ต้องลืมหูลืมตามองหน้าผมอย่างสำนึกผิด แล้วพูดว่า ... คุณเซียนขา น้ำขอโทษจากใจเลยนะคะ...คุณเซียนกรุณายกโทษให้น้ำด้วย...รักนะ จุ๊บ ... จุ๊บ”
น้ำเพชรทำสีหน้าผะอืดผะอม ในขณะที่สายพิณซึ่งกำลังมองน้ำแพชรยาะๆ หันขวับไปมองปลาใหญ่ทำหน้างอใส่
“ทำไมจะต้องลงท้ายว่ารักนะ จุ๊บ ...จุ๊บ ด้วย”
“พี่อยากฟัง”
“ตัดไป”
“เฮ้ย ไอ้พิณ นี่มันไม่เกี่ยวกับแก”
“เกี่ยว พิณไม่ให้ยัยน้ำหนองพูด”
“ยังกับฉันอยากพูดนักนี่ ยัยสายสะดือ”
ครรชิตถึงกับกุมขมับเมื่อสองสาวเปิดฉากทะเลาะกัน
“ดี เพราะถ้าพูด มีตบ”
“มีตบโดยไม่ต้องพูด ก็ย่อมได้”
“อยากจะช่วยคุณปลาใหญ่มั้ย หนูน้ำ” ครรชิตถามขึ้นมา
“แน่นอนค่ะ”
“สายพิณล่ะ อยากจะช่วยร่างนายเซียนหรือเปล่า”
“อยู่แล้วละค่ะ”
ครรชิตหันมามองปลาใหญ่
“ผมไม่อยากช่วยครับ” ปลาใหญ่บอก
“...แต่นายต้องช่วย ไม่งั้น ฉันจะหันไปร่วมมือกับคุณก้องยึดมรดกมาให้หมดนายจะไม่ได้แม้แต่สตางค์แดงเดียว”
“คุณครร”
“หนูน้ำพูดตามที่นายเซียนอยากได้ยิน สายพิณ อยู่เฉยๆ อย่าขัดคอ”
“ไม่พูดไม่ได้หรือคะ”
“กลั้นใจพูดเสียหน่อย เพื่อจะได้แฟร์ๆ ทั้ง 2 ฝ่าย”
“ก็ได้ค่ะ” น้ำเพชรจำใจหันไปทางปลาใหญ่ “นายเซียน ขอให้รู้ไว้ว่า ที่ฉันจำต้องพูดเพราะเห็นแก่คุณปลาใหญ่”
“ไม่เป็นไร...ไม่ถือ...”
น้ำเพชรทำท่าผะอึดผะอม
“ไอ้...เอ๊ย คุณเซียนขา จุ๊บ จุ๊บ แหวะ”
ครรชิตถอนใจเฮือกเหนื่อยหน่าย
“หนูน้ำ...”
“ก็น้ำจำไม่ได้นี่คะ”
“โง่”
“เอ๊ะ”
“เอาละ นายเซียน...ทวนคำพูดให้เขาหนูน้ำฟังหน่อยซิ”
“ฟังดีๆ นะ...คุณเซียนขา... น้ำขอโทษจากใจเลยนะคะ คุณเซียนกรุณายกโทษให้น้ำด้วย...รักนะ จุ๊บ...จุ๊บ”
น้ำเพชรทำท่าผะอืดผะอมครู่หนึ่ง แล้วพูดเร็วๆ แบบโฆษณาช่วงท้ายเครื่องดื่มบำรุงกำลัง
“คุณเซียนขา น้ำขอโทษจากใจเลยนะคะ คุณเซียนกรุณายกโทษให้น้ำด้วย รักนะจุ๊บๆ เด็กและสตรีมีครรภ์ห้ามพูดเพราะอาจถึงแท้งได้! แหวะ”
“คุณเติม...”
“พอแล้ว... หนูน้ำเขายอมพูดแล้ว ถ้าจะเติมนิดเติมหน่อยก็ถือว่าพบกันคนละครึ่งทาง”
ปลาใหญ่มองน้ำเพชรอย่างหงุดหงิด น้ำเพชรสบตาท้าทายขณะที่สายพิณมองท่าทีของทั้ง 2 อย่างครุ่นคิด และหงุดหงิด

หมอแม่นมาหากิมฮวยที่ร้านเพื่อบอกเรื่องน้ำเพชร
“ไอ๊หยา ลื้อว่ายังไงนะ อาแม่น”
“ขี้เกียจพูดซ้ำแล้ว เหนื่อย”
“อาน้ำไปยุ่งกับเขาทำไม อั๊วสั่งแล้วสั่งอีกว่าไม่ให้เข้าไปวุ่นวายกับคนอื่น”
“เอ๊ะ เจ๊ก็ฟังรู้เรื่องนี่ แล้วทำไมต้องมาให้ฉันพูดซ้ำ”
“มันเป็นทอ...มะ....เนียง (ธรรมเนียม)”
“ฉันเกือบตายแน่ะ ลูกสาวเจ๊ชาตินี้ถ้าจะหาผัวยาก มือหนัก...ปากร้าย... ใจโหด”
“อาแม่น... ลื้อกำลังนินทาลูกสาวอั๊ว”
“เขาเรียกว่าเอามาเล่าให้ฟัง”
“แต่แถวบ้านอั๊วเขาเรียกว่านินทา”
“งั้นก็ตามใจ ฉันไปละ”
หมอแม่นเดินออกไป กิมฮวยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาน้ำเพชร น้ำเพชรหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับ
“หม่าม้า...น้ำกำลังมีงานด่วนค่ะ เดี๋ยวกลับไปค่อยคุยกันนะคะ”
“อาหมอแม่นบอกว่า...”
“ช่างหมอแม่นเถอะค่ะ เอาไว้เย็นนี้คุยกัน ขอโทษนะคะหม่าม้า แค่นี้ก่อนค่ะ น้ำกำลังวางแผนช่วยท่านประธาน ...” น้ำเพชรกดปิดโทรศัพท์ “ต่อได้ค่ะ”
ทุกคนวางแผนกันต่อ

กิมฮวยเดินตรงมาที่เติมศักดิ์แล้วดึงไปมุมหนึ่ง
“อาเติม เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
เติมศักดิ์กระซิบกระซาบ เติมศักดิ์เสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ชักปืนออกมา
“ใครจะปล้นร้านทอง”
ทุกคนในร้านแตกฮือ ร้องกันลั่น
“ไอ๊หยา อาเติม ไม่ได้มีใครมาปล้น” กิมฮวยหันไปทางลูกค้า “ขอโทษนะฮ้า ทุกๆ คน เชิญซื้อกันตามสบายฮ่ะ !..ไป ...อาเติมเข้าไปคุยข้างใน”
กิมฮวยลากเติมศักดิ์เข้าข้างใน

ทางด้านครรชิตหลังจากร่วมกันวางแผนเสร็จ ปลาใหญ่ก็สรุป
“เรื่องไอ้เอ็กซ์ผมจัดการเอง”
ประตูเปิดออกจันทร์ทิพย์เดินเข้ามาติดตามด้วยเลขา
“อุ๊ยตาย มากองรวมกันอยู่ในนี้นี่เอง”
“ขอโทษครับคุณจันทร์ นี่คนครับ...ไม่ใช่สิ่งของถึงจะได้มากองรวมกัน”
“ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ เข้ามาวางแผนอะไรกันในนี้จ๊ะ ปลาใหญ่”
“วางแผนกำจัดคนพาล อภิบาลคนดีครับ”
จันทร์ทิพย์กับเลขา หัวเราะขบขัน
“ญาติอยู่ ไอซียู เหรอ” น้ำเพชรถาม
“บ้า ไม่รู้เด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่” เลขาจันทร์ทิพย์ต่อว่า
“ป้านั่นแหละไม่มีมารยาท มีอย่างที่ไหน หัวเราะยังกับบ้า”
“มากไปแล้ว นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าฉันนะ ปลาใหญ่เธอต้องอบรมคนของเธอ”
“ไม่เห็นจะต้องอบรม คนของคุณปลาใหญ่นิสัยดีทุกคน” สายพิณบอก
“ปลาใหญ่ ได้ยินคนของเธอพูดมั้ย”
“ได้ยินครับ”
“งั้นก็ไล่พวกมันออกไป”
“น้ำเพชร...สายพิณ ...ขอโทษคุณอาจันทร์ซะ”
สองสาวมองหน้ากันแว่บหนึ่ง
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่รับ ปลาใหญ่ พวกมารยาททรามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ เอาไว้ไม่ได้”
“ผมขอโทษแทนสองคนนี่ด้วยก็แล้วกันครับ ...” ครรชิตบอก
“คุณครรชิตนั่นแหละ ตัวดี มีตาเหมือนตาตุ่ม รับมาได้ยังไงพวกเถื่อนๆ ถ่อยๆ”
“คุณครรชิตต้องรับผิดชอบโดยการลาออกค่ะ”
“ได้ยินมั้ย...ปลาใหญ่ ไล่ 3 คนนี้ออกไปให้หมด”
“จะไม่มีใครถูกไล่ไปไหนทั้งนั้นแหละครับ...คุณอาจันทร์”
จันทร์ทิพย์หน้าตึงแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป เลขาสะบัดหน้าเดินตาม ครรชิตถอนใจเฮือกหันมาทางน้ำเพชรและสายพิณ
“พวกหนูต้องหัดสงบปากสงบคำมากกว่านี้”
“น้ำขอโทษค่ะ”
“พิณขอโทษค่ะ”
น้ำเพชรมองสายพิณไม่พอใจที่พูดตาม
“แยกย้ายกันไปทำงาน”
สองสาวเดินออกไป โดยไม่วายมองเขม่นกัน
“ทีหลังไม่ต้องมาพูดตามฉัน”
น้ำเพชรบอกเมื่อออกมานอกห้อง
“ถ้าไม่ให้พูดว่าขอโทษแล้วจะให้พูดว่า สมน้ำหน้างั้นเรอะ”
น้ำเพชรขยับจะพูดต่อ แต่พอดีประตูเปิดออก ครรชิตเดินออกมา สายพิณรีบฉีกยิ้มกับน้ำเพชร
“ไปละนะจ๊ะน้ำหนอง”
“เชิญจ้ะ สายรก”
สายพิณสะบัดหน้าไป ครรชิตมองสองสาวอย่างอ่อนใจแล้วเดินไป

จันทร์ทิพย์มาหาเกริกกองแล้วร้องห่มร้องไห้ โดยมีเลขาคอยส่งทิชชูให้และคอยรับทิชชูที่ใช้แล้วมาใส่ตะกร้า
“จันทร์ไม่ไหวแล้ว”
“อลิสา” เกริกก้องกดโทรศัพท์ภายใน จันทร์ทิพย์มองเกริกก้องและหยุดร้องไห้ทันทีทันใด “โทร.ตามปลาใหญ่ให้พบฉันหน่อย”
“ค่ะ”
เกริกก้องหันกลับมาทางจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์ร้องไห้ต่อเลขารีบส่งทิชชูให้

อลิสาโทรหาปลาใหญ่ตามที่เกริกก้องสั่ง
“... ถ้าหากคุณอาก้องอยากจะพบฉันคุณอาก้องก็ต้องมาที่นี่ เข้าใจมั้ย”
“แต่คุณก้องเป็นคุณอาของคุณปลาใหญ่”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“เอ๊ะ ก็เกี่ยวที่คุณก้องเป็นญาติผู้ใหญ่”
“เป็นก็เป็นไปซิ ไปบอกตามนี้ก็แล้วกัน” ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ แล้วเขย่าขายิกๆ “บอกว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว”

อลิสารายงานเกริกก้องตามที่ปลาใหญ่บอก เกริกก้องโกรธมาก
“ช่างกล้า”
“อย่าไปยอมมันค่ะ”
“น่าแปลกนะคะ ... ตอนที่อลิสาบอกว่า คุณปลาใหญ่ไม่ควรพูดอย่างนั้นเพราะคุณก้องเป็นญาติผู้ใหญ่ แต่คุณปลาใหญ่กลับสอนว่าเกี่ยวอะไรด้วย”
“รายงานจบแล้วก็ออกไปได้ ไม่ต้องมาคอยบิวท์อีก” อลิสาทำตาละห้อยมองเกริกก้องแล้วเดินออกไป “แม่อลิสา” อลิสาค่อยๆ หันกลับมาทำท่าสงบเสงี่ยม “ต่อไป ถ้าฉันเห็นหล่อนทำตาปรอยใส่ผัวฉันอีกละก็ ... ฉันจะเฉดหัวหล่อนออกไป”
เกริกก้องหน้าตึง อลิสาทำน้ำตาคลอ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
อลิสาเดินออกไป
“จันทร์ อย่าเยอะ”
เกริกก้องบอกลุกเดินออกไป จันทร์ทิพย์มองตามเบิกตากว้าง เลขารีบส่งทิชชูให้
“นี่ค่ะ”
“อย่าเยอะ”
“ค่ะ”
เลขาหน้าจ๋อย จันทร์ทิพย์เดินสะบัดหน้าออกไปเลขารีบตาม

เกริกก้องมาหาปลาใหญ่ที่ห้อง น้ำเพชรรีบลุกขึ้นขยับจะถาม แต่ไม่ทันเพราะเกริกก้องเดินหน้าบึ้งเข้าไปก่อน
น้ำเพชรหันกลับมาจึงเห็นจันทร์ทิพย์เดินตรงมา ติดตามด้วยเลขา น้ำเพชรอ้าปากจะพูดแต่ก็ไม่ทันอีกตามเคย จันทร์ทิพย์รีบเดินเข้าในหฟ้องปลาใหญ่ ติดตามด้วยเลขา
“เราก็ต้องเข้าไปบ้างซิ”
น้ำเพชรเดินตามเข้าไป

“อ้าว คุณอาก้องมาทันเวลานะเนี่ย ผมกำลังจะกลับอยู่พอดี”
ปลาใหญ่บอกเมื่อเกริกก้องเปิดประตูเข้ามา
“แกมันบังอาจ อวดดี”
“เถื่อน ...ถ่อย ....ดิบ”
จันทร์ทิพย์พูดต่อให้ เลขารีบกดเทปอัดเสียง น้ำเพชรยืนดูท่าทีของปลาใหญ่
“ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร และฉันจะฉีกหน้ากากแกออกมาให้ได้”
ปลาใหญ่เขย่าขาและเอนตัวพิงพนักแบบครึ่งนั่งครึ่งนอน
“แล้วผมเป็นใครล่ะครับ”
“แกคือไอ้เซียน”
“คุณก้องคงเชื่ออย่างนั้นคนเดียวมั้ง”
“ฉันก็เชื่อ”
จันทร์ทิพย์บอก ทุกคนหันมามองน้ำเพชร น้ำเพชรยักไหล่
“พวกใครพวกมัน”
ปลาใหญ่ส่งตาหวานให้น้ำเพชร
“ขอบคุณครับ” น้ำเพชรขยับจะสวน แต่พอนึกได้ก็นั่งแล้วถลึงตาใส่ปลาใหญ่ “คุณอาก้องมีธุระอะไรกับผมครับ”
“แกบังอาจหักหน้าเมียฉัน”
ปลาใหญ่ทำเป็นลุกยืน ชะโงกหน้ามองจันทร์ทิพย์แล้วทำปากจึ๊กจั๊กครุ่นคิด
“ทำบ้าอะไรน่ะ”
“ดูหน้าคุณอาจันทร์ว่าหักหรือเปล่าไงครับ ไหน... ลองหันซ้ายแล้วย้ายมาหันขวาอีกทีซิครับ”
“ไอ้บ้า คุณก้องฟังมันนะคะ”
“แกจะลองดีกับฉันเรอะ”
“ก็คุณอาหาว่าผมหักหน้าคุณอาจันทร์ ผมก็ต้องหาหลักฐาน ...”
“แกต้องไล่ไอ้ครรชิตกับพรรคพวกออกไปให้หมด”
“เห็นจะไม่ได้หรอกครับ เพราะตามพินัยกรรมของคุณพ่อหน้าแรกบรรทัดที่ 3 ท่านสั่งว่า ห้ามคุณครรชิตออกจากบริษัทเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ”
“รู้ได้ยังไง” เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์ถามออกมาพร้อมกัน
“เพราะผมเป็นบุตรชายคนเดียวของท่านไงครับ”
เกริกก้องและจันทร์ทิพย์ขบกรามแน่น ขณะที่น้ำเพชรลอบยิ้มแล้วรีบทำหน้าบึ้งทันทีที่ปลาใหญ่หันมายักคิ้วให้

ที่ตึกร้างเซียนค่อยๆ ยื่นเท้าไปเขี่ยเศษกระจกที่แตกอยู่จนกระทั่งมาถึงตัวได้เป็นผลสำเร็จเซียนค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง หมุนตัวให้มือที่ถูกมัดจับกระจกไว้ เซียนค่อยๆ ใช้เศษกระจกนั้นตัดเชือกที่มัดออกจนในที่สุดเชือกก็ขาดออก
เซียนถอนใจเฮือก
“เฮ้อ ขอบใจนะ กระจก” เซียนจัดการใช้กระจกตัดเชือกที่มัดข้อเท้าไว้ออก แล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมายืดเส้นยืดสาย “เพิ่งรู้ตัวว่าเก่ง” เซียนเดินไปมองพายุฝนซึ่งยังคงตกกระหน่ำ “สงสัยต้องรอจนกว่าฝนจะหยุด”

เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์ออกจากบริษัทโดยมีเอ็กซ์เป็นคนขับรถ ระหว่างอยู่ในรถทั้งสามปรึกษากันเรื่องปลาใหญ่กับเซียน
“ไม่รู้ป่านนี้ไอ้คุณหนูในร่างยาจกจะเป็นยังไงบ้าง”
“เดี๋ยวส่งฉันที่บ้านแล้วย้อนกลับไปฝังมันเสียเลย”
“ได้ครับ”
“ไม่เอาไว้ทรมานอีกสักหน่อยหรือคะ”
“ไม่เอา วุ่นวายเปล่าๆ ดีไม่ดีมีคนรู้เข้าก็จะเข้าคุกกันหมด”

เอ็กซ์ขับรถมาส่งเกริกก้องกับจันทร์ทิพย์ที่บ้าน เมื่อมาถึงเอ็กซ์ลงจากรถรีบเดินอ้อมมาเปิดประตูรถเกริกก้องและจันทร์ทิพย์ก้าวลงมา
“รีบไปจัดการให้เรียบร้อย”
“ครับ”
เกริกก้องและจันทริ์ทิพย์เดินเข้าตึกไป เอ็กซ์ขับรถไปจอดแล้วเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับออกไป
เอ็กซ์ขับมอเตอร์ไซค์เลี้ยวออกจากซอย ปลาใหญ่ซึ่งซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปทันที
ขณะนั้นเซียนเดินมาตามถนน เหลียวมองหารถโดยสารหรือแท๊กซี่แต่ก็ไม่มี เซียนจึงเดินไปเรื่อยๆ
เอ็กซ์ขับรถมาเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวว่าถูกตามเอ็กซ์เหลือบมองทางกระจกเห็นปลาใหญ่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา
เอ็กซ์บิดมอเตอร์ไซค์หนี ปลาใหญ่บิดตาม เอ็กซ์เข้าตรอกซอกซอยปลาใหญ่ตามอย่างคล่องแคล่ว
ซียนเดินมาเรื่อยๆ จนมีแท๊กซี่คันหนึ่ง แล่นมาแต่ไกลเซียนรีบโบกมือเรียก แท๊กซี่ค่อยๆ ชะลอรถแล้วจอด
เซียนก้าวขึ้นไปแล้วถอนใจโล่งอก ขณะที่เอ็กซ์กับปลาใหญ่ยังขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามกัน ในที่สุดเอ็กซ์ซึ่งชำนาญทางมากกว่าลัดเลาะช่องเล็กช่องน้อยหนีพ้นไปจนได้ ปลาใหญ่หยุดมองไปโดยรอบด้วยความเจ็บใจ
“รอดไปจนได้”

แท็กซี่ที่เซียนนั่งมาขับรถเลี้ยวเข้าทางเปลี่ยวแคบๆ ซึ่งเซียนนั่งหลับด้วยความอ่อนเพลียคนขับชำเลืองทางกระจกหลัง แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมากด
“มาพร้อมกันหรือยัง...เออ! ดี อีกไม่เกิน 20 นาที ข้าจะพามันไปถึง แต่แปลกว่ะ ... มันไม่มีท่าทางว่าจะจำข้าได้เลย”
เซียนขยับตัว คนขับเหลือบมองแล้วรีบกดปิด
“ถึงไหนแล้วครับ” เซียนถามเมื่อลืมตาขึ้น คนขับเงียบ เซียนมองสองข้างทางอย่างแปลกใจ “ทำไมมันเปลี่ยวอย่างนี้ล่ะ”
“ทางลัดน่ะเพ่”
เซียนยังคงมีสีหน้าประหลาดใจ

แท็กซี่ขับพาเซียนมาจอดบริเวณพงหญ้า
“จอดทำไม”
“มีคนเขาอยากพบแก ...ไอ้เซียน”
ขาดคำชายวัยประมาณอายุ 20 ต้นๆ ท่าทางหน้าตาเกเรก้าวออกมาล้อมรถไว้ คนขับเปิดประตูลงไปแล้วเปิดประตูหลัง
“ออกมา ไอ้เซียน”
“ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่ใช่นายเซียน”
“ออกมานี่”
คนขับกระชากเซียนให้ออกมา เซียนถีบคนขับกระเด็นไปแล้วจะปิดประตู คนอื่นๆดึงไว้แล้วช่วยกันกระชากเซียนลงมาจนได้ เซียนถูกกระชากลากถู ผลักกลิ้งลงไปบนพื้นแล้วทุกคนกระจายล้อมเซียนไว้
“ไม่นึกไม่ฝันว่าอยู่ดีๆ เอ็งจะซวยเดินมาหาที่ตายเอง เอาเว้ย”
กลุ่มที่เข้าล้อมยกเท้าจะกระทืบ เซียนพลิกตัวหลบ แล้วจับขาชายคนหนึ่งหักให้ล้มลงกับพื้นร้องลั่น แล้วอีกขากวาดอีกคนจนล้มแล้วตัวเองพลิกตัวลุกขึ้นยืน กลุ่มชายมองหน้ากัน แล้วหันกลับมามองเซียน
“ไปหัดท่าพวกนี้มาจากไหน ปกติเอ็งมีแต่ท่ามวยวัด”
“ก็บอกแล้วว่า ผมไม่ใช่นายเซียน แล้วผมก็ไม่สู้”
“รุมมัน”
ทุกคนเข้ารุม เซียนต่อสู้ด้วยท่าคาราเต้สวยๆ แบบคนที่เรียนมาอย่างดี ปากก็พูดไปเรื่อยๆ
“ผมไม่สู้ ผมรักความสงบ”

เอ็กซ์มาที่ตึกร้างแต่ไม่พบเซียนจึงรีบโทรบอกเกริกก้อง
“มันหนีไปได้ยังไง” เกริกก้องคุยโทรศัพท์อย่างฉุนเฉียว เอ็กซ์ก้มลงเก็บเศษแก้วขึ้นมา
“คงใช้เศษกระจกตัดน่ะครับ”
“เศษกระจก”
“ครับ มีหน้าต่างกระจกแตกตกอยู่ ผมไม่ทันคิด....”
“ก็หัดคิดซะบ้างซิ ไอ้ปลาใหญ่มันฉลาด แกต้องหลบไปสักพักแล้วไม่งั้นจบเห่กันหมด”
“แล้วเจ้านายจะให้ผมไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ที่ไหนก็ได้ให้มันไกลๆ ตบตาไอ้ปลาใหญ่หน่อย เดี๋ยวแกส่งเบอร์บัญชีธนาคารมา ฉันจะโอนเงินไปให้”
“ได้ครับเจ้านาย ขอบคุณมากครับ”
เกริกก้องโยนโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
“ไอ้ปลาใหญ่มันต้องรู้ว่าเป็นเรา” จันทร์ทิพย์บอก
“เราก็ไม่ต้องไปรับซิ เซย์โนลูกเดียว”
เกริกก้องทิ้งตัวลงนั่งด้วยความหงุดหงิด

ขณะนั้นเซียนวาดลวดลายคาราเต้จัดการกับกลุ่มที่มารุมจนล้มระเนระนาดกันไปหมด ในที่สุดเซียนชนะทุกคนส่ายหน้า ทำตายิบๆ
“ไม่น่าเลย ผมบอกแล้วว่า ผมไม่สู้ ผมรักความสงบ”
เซียนเดินไปขึ้นแท็กซี่แล้วขับออกไป
“ไอ้เซียน”
คนขับแท็กซี่มองตามอย่างแค้นๆ

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 7 (ต่อ)

ครรชิตอยู่ที่สถานีตำรวจและกำลังให้ข้อมูลกับร้อยเวรอยู่ โดยปลาใหญ่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ใกล้ๆ เสียงโทรศัพท์ครรชิตดังขึ้น

“ขอโทษนะครับ ฮัลโหล... คุณปลาใหญ่” ปลาใหญ่และตำรวจชะงักหันมามอง โดยเฉพาะปลาใหญ่มีสีหน้าเซ็งๆ “ได้... ได้...ผมจะไปรับเดี๋ยวนี้” ครรชิตปิดโทรศัพท์แล้วหันกลับมาที่ร้อยเวร “ขอบคุณมากครับ...เจ้านายผมโทรมาแล้ว ขอให้เลื่อนเป็นนายพลเร็วๆ นะครับ”
ครรชิตลุกขึ้นเดินออกไป ปลาใหญ่ตามออกไปอย่างเซ็งๆ ตำรวจมองตามงงๆ

เซียนยืนรออยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะตู้หนึ่งมีแท็กซี่จอดเปิดไฟกระพริบ ครรชิตขับรถเข้ามาเทียบ แล้วกดเปิดล็อคประตู เซียนรีบเปิดขึ้นไปนั่งทันทีครรชิตรีบขับออกไป
ครรชิตขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกโดยเกริกก้องและจันทร์ทิพย์คอยอยู่ด้วยสีหน้าและท่าทางเป็นห่ว ประตูรถเปิดออกครรชิตและปลาใหญ่ก้าวลงมา เกริกก้องรีบเข้ามา
“เป็นไงบ้าง พบตัวไหม”
“ต้องพบซิครับ คุณอาก้อง”
“แล้วเจอตัวไอ้เอ็กซ์หรือเปล่า”
“โอ๊ย เจอก็ดีซิครับ พอเรื่องแดงออกมา ก็มีคนรีบส่งซิกให้มันหนีแล้ว”
“ปลาใหญ่หมายถึงใคร” จันทร์ทิพย์ถามอย่างร้อนตัว
“ก็หมายถึงไอ้โม่งตัวการใหญ่ไงครับ”
“ไม่ยักรู้ว่า คุณก้องกับคุณจันทร์ก็กังวลเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”
จันทร์ทิพย์เหลือบมองหน้าเกริกก้อง
“คุณครรชิตพูดไม่สวย ที่ผมกังวลก็เพราะผมเป็นคนรับนายเอ็กซ์เข้ามา เดี๋ยวจะมีการเข้าใจผิดว่าผมเข้าไปเกี่ยวด้วย”
“แล้วคุณอาเกี่ยวหรือเปล่าล่ะครับ”
ปลาใหญ่ย้อนถาม เกริกก้องไม่พอใจ ขณะที่จันทร์ทิพย์มีสีหน้าวิตกกังวล
“มันจะมากไปแล้ว ปลาใหญ่”
“ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะครับ”
ครรชิคตัดบท เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์เดินเข้าไป ครรชิตขยิบตากับปลาแล้วตามเข้าไป

ทั้งหมดกลับเข้าบ้านสมทรงและสมศรีซึ่งคอยปิดประตูหน้าต่างเข้ามาทำหน้าที่ ครรชิตและปลาใหญ่เดินแยกไปทางปีกของตัวเอง
“คุณครรชิต” ครรชิตและปลาใหญ่หยุดเดิน หันมามองเกริกก้อง “นายเซียนมันสำคัญยังไง ถึงได้ห่วงนักขนาดออกไปตามด้วยตัวเอง”
“ก็คงสำคัญพอๆ กับไอ้เอ็กซ์ ที่คุณอาทั้ง 2 ต้องมาคอยถามด้วยตัวเองมั้งครับ...แบบนี้เขาเรียกว่าไก่เห็นตีนงู .... งูเห็นนมไก่”
ปลาใหญ่บอกแล้วเดินไปกับครรชิต เกริกก้องมองตามด้วยสายตาเกลียดชัง
“มันท้าทายเรา”
เกริกก้องเดินไปทางปีกของตน จันทร์ทิพน์รีบตามไป

ขณะนั้นเซียนอยู่ที่บ้านของชายสี่ มอมมองเซียนอย่างแปลกใจ
“ถามหน่อย!รอดมาได้ยังไง หรือที่เล่ามาทั้งหมดน่ะมั่ว”
เซียนรีบขยิบตา ลุงป่องขยิบตาตาม
“เฮ้ย เลิกทำตาปริ๊บๆ เสียทีเถอะวะ ข้าก็เลยพลอยปริ๊บๆ ไปด้วย”
“ผมเรียนคาราเต้มา” เซียนบอก
“อ้าว ไหนว่าเป็นเด็กเรียน”
“ก็เรียนน่ะซิ นอกจากเรียนหนังสือแล้วก็เรียนคาราเต้เพราะคุณพ่อให้เรียนตั้งแต่เด็กๆ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว ... แล้วคนอย่างผมถ้าเรียนอะไรก็จะเรียนอย่างมุ่งมั่น ...จริงจัง จนได้สายดำ ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งจะได้ใช้จริงๆ”
“เออ!อย่าโม้ ต่อไปนี้ เอ็ง ...เอ๊ย! คุณต้องระวังตัวมากๆ”
“ผมไปละ เดี๋ยวป้าแกจะเป็นห่วง”
เซียนเดินออกไป
“เฮ้ย ข้าเดินไปด้วย” ลุงป่องบอก
“ไม่ต้องไปส่งผม”
“ข้าจะเดินกลับบ้าน”
เซียนพยักหน้า แล้วทั้งคู่เดินไปด้วยกัน
“ไม่เบาหรอก ไอ้ปลาใหญ่ตัวนี้” มอมหันมาคุยกับชายสี่และป๋อง
“เห็นรูปที่มันเอาลงอินสตราแกรมหรือเปล่า”
“รูปอะไร”
“งั้นมาดูนี่”
ชายสี่พาเดินเข้าไปในห้อง มอมและป๋องรีบตาม

ชายสี่เดินนำมอมกับป๋องมาที่คอมพิวเตอร์
“คุณปลาใหญ่ในร่างไอ้เซียนเขาลงให้ไว้อัพเดท”
ชายสี่บอกแล้วเปิดคอม ภาพในคอมเป็นภาพเซียนก้มกราบน้ำเพชรในท่าต่างๆ มอมและป๋อง เบิกตากว้างและขำกันกลิ้ง
“แล้วไอ้เซียนมันเห็นหรือยัง”
“เห็นแล้ว โกรธจนควันออกหูเลย”
“เออ ...ข้าไม่ยักรู้”
“มันยุ่งๆ ข้าก็เลยลืมให้ดู”
“ต่อไปนี้ ข้าเห็นจะต้องสนใจเทคโนโลยีบ้างแล้ว”
ทั้งหมดดูภาพกันอย่างขบขัน

ที่บ้านสายไหม สายไหมนั่งกอดเข่าขณะที่เซียนนั่งพิงผนังคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“ทีหลังมีเรื่องอะไรต้องบอกป้า...”
“ครับ...ผมรู้ว่าป้าเป็นห่วงร่างนายเซียน เลยไม่อยากให้กลุ้มใจ”
“ฟังให้ดีนะคุณปลาใหญ่ ป้าห่วงร่างไอ้เซียนก็จริงแต่ป้าก็ห่วงวิญญาณคุณปลาใหญ่ในร่างด้วย คุณปลาใหญ่เป็นคนดี”
“ป้ายังไม่รู้จักผม ...”
“อย่างน้อยคุณก็ดีกว่าไอ้เซียน”

เซียนลอบยิ้มในเงามืด อย่างมีเลศนัย

อีกด้านหนึ่ง ขณะนั้นน้ำเพชรเดินกลับไปกลับมาด้วยสีหน้ากังวลจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น น้ำเพชรรีบเดินไปหยิบขึ้นมาดูแล้วรับด้วยสีหน้ายินดี

“คุณปลาใหญ่ น้ำดีใจจังค่ะที่คุณกลับมาโดยปลอดภัย”
เซียนยิ้มนิดๆ กระพริบตาถี่ๆ
“แต่ก็มีอีกหลายคนที่เสียใจ”
“แน่นอนละค่ะ คุณปลาใหญ่ ...น้ำไม่ค่อยสบายใจเลย ที่มีรูปของเราว่อนอยู่ใน Net”
“ผมก็กำลังกลุ้มอยู่เหมือนกัน”
“หมายความว่า คุณปลาใหญ่ไม่รู้เรื่องหรือคะ” น้ำเพชรถามอย่างแปลกใจ
“แล้วคุณน้ำคิดว่า ผมจะรู้เรื่องมั้ยล่ะ ผมเป็นคนถ่ายก็จริง แต่หลังจากที่ส่งรูปไปให้นายเซียนแล้วก็แล้วกัน”
“รู้แล้ว นายเซียนคงต้องการให้น้ำเข้าใจคุณปลาใหญ่ผิด” น้ำเพชรบอกอย่างหงุดหงิด
“ผมต้องยอมรับว่าเป็นไปได้”
“น้ำจัดการเองค่ะ คุณปลาใหญ่พักผ่อนเถอะ”
เซียนปิดโทรศัพท์
“เข้าเมืองหลิ่วตา ก็ต้องตาหลิ่วตาม... เมื่อต้องขับเคี่ยวกับคนร้าย ... มันก็ต้องร้ายให้ยิ่งกว่า แบบที่คุณพ่อเคยบอกว่าเกลือจิ้มเกลือ… สะใจแน่...เยส”
เซียนทำท่าสะใจ

วันต่อมาปลาใหญ่เดินผิวปากเข้าบริษัทอย่างอารมณ์ดี แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นน้ำเพชรยืนกอดอกมองมา หน้าตาถมึงทึง
“อ้าว ผมนึกว่า คุณยังไม่มาเสียอีก”
“มีแต่นายคนเดียวนั่นแหละที่มาทำงานสาย”
“สงสัยจะเป็นวันมามาก” ปลาใหญ่พึมพำขณะเดินมาที่โต๊ะ
“ว่าอะไรนะ”
“เปล่า...า...า ...”
“ก็ฉันได้ยิน”
“ได้ยินแล้วมาถามผมทำไมล่ะ คร้าบบ...บ คุณน้ำคร้าบ...บ”
“ฉันได้ยินไม่ถนัด”
ปลาใหญ่อ้าปากจะพูด พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลาใหญ่ยกนิ้วแตะปากให้น้ำเพชรเงียบแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“สวัสดีครับ ... ริก้า” น้ำเพชรนิ่วหน้า “อ๋อ ได้ครับได้... ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ...” ปลาใหญ่ปิดโทรศัพท์เก็บ “ต้องขอตัวและหัวใจก่อนนะคร้าบ...บ”
ปลาใหญ่เดินผ่านน้ำเพชรแล้วหันมาหลิ่วตาให้ น้ำเพชรแกล้งยื่นเท้าออกมา ปลาใหญ่เดินสะดุดเท้าน้ำเพชรล้มลงทันที
“โอ๊ย”
น้ำเพชรยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ต้องขอทั้งตัวแล้วก็หัวก่อนนะคะ ...”
น้ำเพชรเดินเชิดออกไปอย่างสบายอกสบายใจ
“อูย...ย...ไม่น่าประมาทหญิงงามเลยเรา”

ดาริกาอยู่ที่ร้านกาแฟ และกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“มาแล้ว ปลากำลังจะกินเบ็ดแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” ดาริกาเก็บโทรศัพท์แล้วยิ้มหวานให้ปลาใหญ่ที่เดินตรงเข้ามา
“เชิญนั่งค่ะ... ริก้าสั่ง เอสเปรสโซ่กับครัวซองแฮมไว้ให้ …”
“ขอบคุณริก้ามากครับ กำลังหิวเลย”
ปลาใหญ่หยิบครัวซองเข้าปาก และซดกาแฟเฮือกใหญ่แต่ต้อง ร้องลั่น แล้วปล่อยถ้วยกาแฟตกแตก
“โอ๊ย” ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามอง “ร้อนก็ไม่บอก”
“ขอโทษนะคะ ริก้ากำลังจะบอกพอดีแต่ไม่ทัน ริก้าขอโทษนะคะ”
“อูย”
“ริก้าจะสั่งให้ใหม่นะคะ”
“ไม่ไหวแล้วครับ ลิ้นพองไปหมด”
“ถ้าอย่างนั้นริก้าจะไปส่งที่ออฟฟิศ”
ปลาใหญ่พยักหน้า ทั้งคู่ลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์

ดาริกาตามปลาใหญ่มาที่ออฟฟิศ ดาริกาวางถุงขนมลงบนโต๊ะน้ำเพชร
“ซื้อมาฝากจ้ะ”
“หรือจ้ะ แต่ฉันอิ่มแล้วจ้ะ” ปลาใหญ่สะอึก ขณะดาริกาหน้าตึง “คุณปลาใหญ่คะ เดี๋ยวบ่ายนี้มีประชุมนะคะ”
ปลาใหญ่ชะงัก
“ประชุมอะไรครับ”
“แหม เจ้านายที่นี่พูดเพราะจังค่ะ”
“แล้วเจ้านายที่ไหนพูดมึงวะพาโวยบ้างล่ะคะ” น้ำเพชรย้อนถาม
“เอ๊ะ แม่คนนี้หาเรื่องริก้าค่ะ ปลาใหญ่”
“ฉันพูดความจริงค่ะ ... คุณปลาทีน” ดาริกาตั้งท่าจะอาละวาด ขณะที่น้ำเพชรท้าทาย ปลาใหญ่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบแยก
“เชิญข้างในดีกว่าครับ ริก้า “
ปลาใหญ่จับแขนดาริกาเดินเข้าห้อง น้ำเพชรใช้ปลายนิ้วจับถุงขนม โยนทิ้งถังขยะอย่างรังเกียจ

“ทำไมปลาใหญ่ถึงได้กลัวนังเลขาทมิฬนักคะ ถ้าเป็นริก้าละก็ ...เฉดหัวมันออกไปนานแล้ว”
ดาริกาโวยวายกับปลาใหญ่เมื่อเข้ามาในห้อง
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ”
“มันเรียกคุณว่า “ปลาทีน” นะคะ”
“อาจจะหมายถึง ปลาวัยทีนก็ได้”
“แต่คุณไม่ใช่ “ทีน” แล้วนี่”
“ผมว่าเราออกห่างๆ “ทีน” ดีกว่าครับ”
“แม่น้ำกรดนี่เขาเส้นใหญ่ไม่ใช่เล่น”
“อ๋อ เป็นหลานคุณครรชิตเขาน่ะคะ ไหน...คุณริก้ามีธุระอะไรกับผม”
“ธุระคิดถึงค่ะ ริก้าจะต้องไปฝรั่งเศส 4-5 วัน ...คิดถึงปลาแย่เลย”
“ไปเมื่อไหร่”
“มะรืนนี้ค่ะ”
“งั้นระหว่างนี้ เราจะทานข้าวกลางวัน เย็นด้วยกันทุกวันให้หายคิดถึง”
“โอ.เค ค่ะ”
ดาริกาจุ๊บแก้มปลาใหญ่

หน้าห้องทำงานของปกรณ์ สายพิณกำลังนั่งอ่านรายงานการประชุมครั้งที่แล้วอย่างตั้งใจ จู่ๆ ก็มีกุหลาบแดงช่อใหญ่ถูกวางลงตรงหน้า สายพิณเงยหน้ามองปกรณ์ส่งยิ้มนัยน์ตาพราว
“กุหลาบแดงช่อนี้แทนการขอโทษเรื่องเมื่อวาน”
“ไม่รับ”
“ทำไมล่ะ พี่สำนึกผิดจริงๆ นะ”
“ฉันไม่ชอบรับของขวัญใคร ... ถึงจะจนอย่างนี้ก็เถอะ”
“งั้นจะทำยังไง”
“อย่าทำอีกเท่านั้นพอ”
“โอ.เค. พี่กรณ์จะไม่ทำอีก”
ปกรณ์หยิบช่อกุหลาบเดินเข้าห้อง
“นึกเรอะว่า ฉันจะรู้ไม่เท่าทัน ไอ้หัวงู”

สายพิณบ่นออกมาเบาๆ

ปกรณ์อยู่ในห้อง โยนกุหลาบลงบนโต๊ะแล้วทรุดตัวลงนั่ง

“นังหน้าโง่ ! ผู้ชาย Perfact หล่อ ... ล่ำ..คล้ำนิดๆ ไม่สนใจ ดันทำหยิ่ง” ปกรณ์หยิบช่อกุหลาบจะโยนทิ้ง แล้วชะงักนึกถึงน้ำเพชรขึ้นมา “จะฉลาดกว่า...โง่เท่ากัน หรือโง่กว่า ... เดี๋ยวก็รู้”
ปกรณ์คว้าช่อกุหลาบเดินออกไป
ปกรณ์เดินถือช่อกุหลาบผ่านหน้าสายพิณไป สายพิณเหลือบมองตามแล้วเบ้ปาก ปกรณ์ยิ้มนิดๆ ขณะเดินไปที่ลิฟท์
“เสียดายละซิท่า”

ปกรณ์ออกจากลิฟท์แล้วเดินมาเรื่อยๆ จนถึงห้องปลาใหญ่ ปกรณ์เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานน้ำเพชร
“ดอกไม้สวยๆ สำหรับคนที่สวยคู่ควร” น้ำเพชรระอาอย่างยิ่งขณะที่เงยหน้าขึ้นมอง “รับไปซีครับ”
“ไม่ละค่ะ ... ขอบาย”
“อยากได้ของแพงกว่านี่หรือไง” ปกรร์ถามอย่างไม่พอใจ
“อ๊ะโห...ช่างกล้า การที่ฉันจะรับหรือไม่รับของจากใคร มันขึ้นอยู่กับคนให้ ไม่ใช่สิ่งของ ...โอ.เค มั้ย”
“ไม่โอ.เค เพราะฉันอยากรู้ว่า ฉันเสียหายตรงไหน”
“ตรงนี่ไง ...ทะลึ่ง ลามปาม ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
“อะไรนะ”
“จะทวนให้ฟังอีกครั้งก็ได้…ทะลึ่ง ลามปาม ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ชัดยัง” ปกรณ์ขบกรามแน่น มองน้ำเพชรอย่างอาฆาต “คุณเป็นใคร แล้วฉันเป็นใคร ... กลับไปทบทวนดูให้ดี”
ปกรณ์มองน้ำเพชรครู่หนึ่งแล้วหันหลังเดินกลับไป

ปกรณ์เดินเข้าลิฟท์จะกดชั้นของตัวเอง แล้วนึกได้จึงเปลี่ยนใจเดินออกไป ขณะนั้นที่หน้าห้องทำงานเกริกก้องอลิสากำลังผัดแป้งแต่งหน้าเติมสวยตามปกติ เสียงกระแอมดังขึ้นอลิสาเงยหน้ามอง แล้วทำจริตตกใจนิดๆ
“อุ๊ย! คุณกรณ์”
“ไม่ต้องแต่ง ก็สวยมากอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ คุณกรณ์จะเอาดอกไม้มาให้คุณก้องหรือคะ”
“โอ๊ะ เปล่า พี่จะเอามาให้เลขาคุณก้องต่างหาก”
“อุ๊ยตาย!ใครเอ่ย... อ๋อ อลิสานี่เอง”
“แล้วอลิสาจะรับไว้มั้ยเอ่ย ...”
“ไม่รับก็เสียมารยาทแย่ซิคะ! ขอบพระคุณมากค่ะ”
“งั้นก็เอาไปเลย”
ปกรณ์ส่งช่อดอกไม้ให้ อลิสารับมา ปกรณ์แกล้งแตะมืออลิสาอ้อยอิ่ง อลิสาปล่อยไว้ครู่หนึ่งแล้วดึงดอกไม้ทั้งช่อออกมาอย่างสุภาพ ...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปกรณ์ยังคงยิ้มใส่ดวงตาอลิสา
“โทรศัพท์ค่ะ ...” อลิสาบอก
“อ้อ! ขอโทษนะ”
ปกรณ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ว่าไงยัยจันทร์…โอ.เค” ปกรณ์เก็บโทรศัพท์ “ต้องไปทำงานก่อนละ”
“เชิญค่ะ”
ปกรณ์เดินไป อลิสามองช่อดอกไม้อย่างใคร่ครวญครุ่นคิด ขณะนั้นแม่บ้านคนหนึ่งเดินผ่านมา
“สำอาง มานี่หน่อย”
“คะ...คุณอลิสา”
“เอากุหลาบช่อนี้ไปจัดใส่แจกันสวยๆ แล้วเอามาให้ฉันนะ”
“ค่ะ”
สำอางรับช่อดอกไม้แล้วเดินไป

ปกรณ์เดินผิวปากเข้ามาในห้องทำงานจันทร์ทิพย์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จันทร์ทิพย์เอนตัวพิงเก้าอี้ กอดอกมองตรงมาอย่างไม่พอใจ
“มีธุระอะไรถึงได้โทร.เชิญพี่มาพบ” จันทร์ทิพย์ขยับจะพูด ปกรณ์ยกมือขึ้นห้ามแล้วนั่งลงทำท่าเท่ห์ๆ “...ขอพูดก่อน ความจริง ...เธอเป็นน้องน้องควรจะเป็นฝ่ายมาพบพี่ ไม่ใช่พี่ต้องมาพบน้อง”
“ในการทำงานไม่มีพี่มีน้อง จันทร์เป็นเจ้านายของพี่กรณ์ เพราะฉะนั้นพี่กรณ์จะต้องเคารพจันทร์ในฐานะนั้น ขอให้เข้าใจไว้ด้วย” ปกรณ์อึ้งไป “พี่กรณ์ทำตัวไม่เหมาะสม”
“ไม่เหมาะสมยังไง”
“ก็การที่เที่ยวเดินเอาดอกไม้ไปตระเวณแจก ...”
“ไอ้อีหน้าไหนมาฟ้อง”
“แล้วมันจริงหรือเปล่า”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน”
“งั้นก็ออกไปเลย ไม่ต้องมาทำงานที่นี่” ปกรณ์ชะงัก “เลือกเอาก็แล้วกัน ... จันทร์ยังให้โอกาสพี่กรณ์เพราะเห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องแต่ถ้าเรื่องนี้ถึงคุณก้องละก็ พี่กรณ์จะไม่มีทางเลือกเลย”

ปกรณ์ผลักประตูเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด
“ทำเบ่ง ถือว่าเป็นเมียเจ้าของบริษัท”
ปกรณ์เดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด แล้วเดินมาหยุดยืนที่หน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิด ภาพรัญญาเข้ามาในห้วงความคิด ปกรณ์ค่อยๆ ยิ้มออกมา
“แกเป็นเมีย ...ฉันเป็นลูกเขย...มันก็น่าจะใหญ่สูสีกัน”
ปกรณ์ผิวปากเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างพออกพอใจ

อลิสายกแจกันกุหลาบจัดอย่างสวยเข้ามาวางให้เกริกก้องบนโต๊ะ อลิสาเดินอ้อมมาเอียงแก้มให้เกริกก้องหอม แล้วหอมเกริกก้องตอบ
“ชื่นใจ” เกริกก้องบอกแล้วโอบเอวอลิสาให้ขึ้นมานั่งบนตัก
“ดอกกุหลาบสวยมั้ยคะ”
“สวยมากจ้ะ อลิสาซื้อหรือว่าปลูกเอง”
“เปล่าทั้ง 2 อย่างค่ะ”
“อ้าว ...”
“มีคนเอามาให้อลิส”
เกริกก้องชะงัก
“ใคร”
“คุณปกรณ์พี่ชายภรรยาคุณก้องค่ะ”
เกริกก้องโกรธจัด ลุกขึ้นยืนทันที ทำให้อลิสาเสียหลักกลิ้งลงมาบนพื้น
“ว้าย”
“ขอโทษจ้ะ” เกริกก้องช่วยพยุงอลิสาขึ้นมา “อลิสาโทรตามมันมาพบฉันหน่อย”
“มันไหนคะ”
“ก็ไอ้มันปกรณ์ไง”
อลิสาแกล้งทำตกอกตกใจ
“อุ๊ย อย่าให้มีเรื่องเลยค่ะ อลิสากลัวคุณจันทร์...”
“เอาน่า ฉันจัดการเอง... ฉันมีวิธีพูด รับรองว่าไม่ให้อลิสาเดือดร้อนแน่”
“ขอบคุณมากค่ะ”
อลิสาจุ๊บแก้มเกริกก้องอีกครั้ง แล้วเดินออกไป

สายพิณรับโทรศัพท์จากอลิสา
“ช่วยเรียนคุณปกรณ์ด้วยว่า คุณก้องต้องการพบ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ค่ะ”
สายพิณวางโทรศัพท์ แล้วกดเครื่องภายใน ปกรณ์มีสีหน้ากังวลเมื่อรู้ว่าเกริก้องต้องการพบ
“เขาบอกหรือเปล่าว่าเรื่องอะไร”
“เปล่าค่ะ”
ปกรณ์กดปิด แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาจันทร์ทิพย์
“มีอะไรหรือ พี่กรณ์”
“ผัวเธอเรียกฉันไปพบ”
“สงสัยนังอลิสานั่นคงไปฟ้อง”
“ทำยังไงดีล่ะ จันทร์”
“จะไปรู้ได้ยังไง พี่กรณ์อยากหาเรื่องเองนี่”
“เฮ้ย ช่วยกันหน่อยซิ”
“กล้าทำก็ต้องกล้ารับ แล้วต่อไปอย่าทำอีกก็แล้วกัน”
ปกรณ์ระงับอารมณ์ที่อยากจะด่า มาเป็นยุให้รำตำให้รั่วแทน
“แปลก”
จันยทร์ทิพย์กำกลังวางโทรศัพท์ถึงกับชะงัก
“อะไรแปลก”
“ทำไมคุณก้องถึงได้เดือดร้อนนัก แม่นั่นก็แค่เลขาคนนึง...ทำท่ายังกับหึงแฟน”
จันทร์ทิพย์กลืนความรู้สึกอยากจะกรี๊ดลงไป แล้วพูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“อย่ามายุเสียให้ยากเลย รีบไปให้คุณก้องด่าเสียดีๆ”
จันทร์ทิพย์วางโทรศัพท์ ขบกรามแน่นด้วยความหวาดระแวงที่พุ่งขึ้นมา

ปกรณ์เดินมาที่ห้องทำงานเกริกก้อง พอมาถึงปกรณ์มองอลิสาเขม็ง อลิสาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณก้องกำลัง รออยู่พอดีเลยค่ะ” ปกรณ์อ้าปากจะต่อว่า แต่อลิสากดโทรศัพท์ภายในขึ้นก่อน “คุณกรณ์มาแล้วค่ะ ... ค่ะ ...” อลิสาวางโทรศัพท์ลง แล้วกุลีกุจอเดินไปเปิดประตูให้ “เชิญค่ะ”
ปกรณ์มองอลิสาโกรธๆ แล้วเดินเข้าไปโดยไม่กล้าพูด
ปกรณ์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าแววตาเจื่อนๆ เมื่อสบตาเกริกก้องที่มองมาอย่างเย็นชา
“คุณก้อง มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ”
ปกรณ์ถามพร้อมกับเหลือบมองดอกกุหลาบในแจกันแว่บหนึ่ง
“ว่างนักหรือ”
“อะ ... อะไรน่ะครับ”
“รู้อยู่แก่ใจแล้วทำไมต้องถาม” ปกรณ์นิ่งอึ้งไป “อย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก”
“ครับ”
“ไปได้แล้ว”
เกริกก้องก้มหน้าทำงานต่อ อย่างไม่สนใจปกรณ์อีกต่อไป ปกรณ์ยืนเก้อๆ ครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไป
ปกรณ์เดินออกมาแล้วหยุดมองอลิสา อลิสาหันมาดูเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด ปกรณ์มองอลิสาเหมือนจะอาฆาตแว่บหนึ่งแล้วเดินไป อลิสามองตามเยาะๆ

ปกรณ์เดินพรวดๆ กลับห้องทำงานตัวเองด้วยสีหน้าแววตาบึ้งตึง สายพิณมองอย่างแปลกใจ
“มองอะไร”
ปกรณ์ตวาด สายพิณเลิกคิ้วมองปกรณ์เดินเข้าห้องไป
“ตาบ้านี่ท่าทางจะคุ้มดีคุ้มร้าย”
สายพิณนิ่งคิดครู่หนึ่ง มองซ้ายมองขวาแล้วเดินไป
น้ำแพชรดินหอบแฟ้มออกมาจากห้องปลาใหญ่ แล้วชะงักเมื่อเห็นสายพิณยืนกอดอกมองอยู่
“เข้าไปทำไม” สายพิณถามเสียงห้วน
“เข้าไปสอนแฟนเธอที่อยู่ในร่างของเจ้านายฉัน”
“พี่เซียนไม่ใช่คนโง่”
“มีเธอคนเดียวมั้งที่คิดอย่างนั้น”
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้”
“ไม่ถอน มีอะไรมั้ย”
สายพิณกำลังจะตอบโต้ แต่ปลาใหญ่เปิดประตูออกมาซะก่อน
“คุณน้ำ...อ้าว! สายพิณ มาทำอะไรที่นี่”
“มาพบพี่น่ะซิ”
สายพิณเดินเฉียดเกือบชนปลาใหญ่เข้าไปในห้อง
“จะเข้าไปด้วยกันมั้ยครับ” ปลาใหญ่ถามน้ำเพชร
“ธุระไม่ใช่”

น้ำเพชรหันกลับมาทำงานต่อ

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 7 (ต่อ)

สายพิณเข้ามาในห้องปลาใหญ่แล้วยกมือกอดอก มองปลาใหญ่อย่างสำรวจตรวจตรา

“มีธุระอะไรก็ว่ามา”
“ถามหน่อย พี่เซียนมีความสุขนักเรอะในสภาพแบบนี้”
“พี่ฝันจะมีชีวิตอย่างนี้มานานแล้ว... ชีวิตที่อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง...”
“แต่มันเป็นชีวิตที่จอมปลอม”
“พิณจะคิดยังไงก็ช่าง”
“ช่างไม่ได้ พี่ต้องกลับไปเป็นพี่เซียนตามเดิมทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ”
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
“เป็นเพราะพี่เซียนไม่ยอมให้ความร่วมมือมากกว่า อย่าเสแสร้งเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนของเราเลย... นี่คือพี่เซียน ... ต่อให้พยายามแค่ไหน พี่ก็เป็นปลาใหญ่ไม่ได้”
“เป็นได้...แล้วพี่จะเป็นให้ดูด้วย” สายพิณเม้มปาก มองปลาใหญ่อย่างผิดหวัง “พิณมาหาพี่ทำไม”
“จะมาบอกว่าพิณเบื่อที่นี่เต็มที แล้วจะมาชวนพี่เซียนกลับชุมชนของเรา”
“พี่ไม่กลับ ถ้าพิณเบื่อก็ไม่ต้องฝืนใจอยู่ต่อ…”
“พี่เซียนไล่พิณ”
“ก็พิณบอกว่าเบื่อ...”
“เพราะนังน้ำนั่นใช่ไหม พี่เซียนเฝ้าหลงใหลไฝ่ฝันถึงมันมานานแล้วนี่” ปลาใหญ่นิ่งไป “ใช่จริงๆ ด้วย! นึกหรือว่ามันจะมองพี่เซียน เคยได้ยินเรื่องกากับนกยูงมั้ย!ยายเคยเล่าให้พิณฟัง...กาตัวนึงมันอยากเป็นนกยูงมากถึงกับไปเก็บขนนกยูงมาแซม แล้วก็ไปเข้าฝูงนกยูง แต่กามันก็เป็นกาอยู่วันยังค่ำต่อให้แซมทั้งตัว เขาก็จับได้ว่ามันเป็นกา”ตลอดเวลาที่สายพิณพูด ปลาใหญ่ฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ในที่สุด...มันก็ถูกไล่จิกตีซมซานออกไป...พี่เซียนก็เหมือนกับกาตัวนั้นนั่นแหละ”
สายพิณหันกลับเดินออกไป ปลาใหญ่ยังคงอยู่ในอิริยาบถเดิม
สายพิณเดินเลยผ่านน้ำเพชรไปโดยไม่พูดไม่จา น้ำเพชรมองอย่างประหลาดใจ แล้วยักไหล่ไม่สน ปลาใหญ่เดินช้าๆ มาทิ้งตัวลงนั่งพลางถอนใจ
“เสียใจนะพิณ ... นี่คือนายเซียน...ไม่ใช่อีกา”

สายพิณเปิดประตูห้องครรชิตเข้ามาแบบพรวดพราด เซียนและครรชิตมองอย่างแปลกใจ สายพิณยืนนิ่งแล้วน้ำตาไหลพรากออกมา เซียนและครรชิตตกใจแกมแปลกใจ
“หนูสายพิณ...เป็นอะไรไป...”
“พิณมาลาออกค่ะ”
“ทำไม” เซียนกับครรชิตถามออกมาพร้อมกัน
“ไม่มีเหตุผลค่ะ พิณไปละ”
สายพิณเปิดประตูเดินออกไป เซียนลุกขึ้นตามไปทันที
“เดี๋ยวก่อน”
ครรชิตซึ่งลุกขึ้นยืนเช่นกันแล้วนั่งลงตามเดิม

สายพิณเดินก้มหน้าก้มตาไปที่ลิฟท์ เซียนก้าวยาวๆ ตามมา
“คุณสายพิณ...เดี๋ยวก่อน”
สายพิณไม่หยุดเดิน แต่กลับเร่งฝีเท้า เซียนเร่งฝีเท้าตามโดยไม่สนสายตาใครที่มอง
“คุณสายพิณ”
สายพิณเดินมาถึงลิฟท์แล้วกด ประตูลิฟท์เปิด มีคน 2-3 คนเดินออกมา แล้วสายพิณเข้าไปเซียนรีบเบียดประตูซึ่งกำลังจะปิดตามเข้าไป
“ตามมาทำไม” สายพิณถามเสียงห้วน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ตามมาทำไม”
“เกิดอะไรขึ้น”
“มันเรื่องของฉัน”
“แต่นี่เป็นบริษัทของผม คุณอยากทำงาน ผมก็หาตำแหน่งให้.. เพราะฉะนั้นเมื่อคุณจะออก คุณก็ต้องมีเหตุผล...”
“ก็บอกแล้วว่าไม่มี”
“ผมว่ามี แต่คุณไม่บอก”
“รู้แล้วจะถามทำไม! งี่เง่า” ลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง เซียนกดให้ขึ้นไปใหม่สายพิณหันขวับมามอง “กล้าดียังไง”
“โตป่านนี้แล้วยังทำอะไรไม่มีเหตุผล”
“เอ๊ะ! อยากเจ็บตัวเรอะ”
“เปล่า...แต่อยากให้คุณเป็นคนมีเหตุผล” สายพิณถลึงตาใส่ ลิฟท์จอดเซียนกดให้ลงไปใหม่ “เอาอย่างนี้ ผมจะกลับด้วยพอคุณสบายใจเมื่อไหร่แล้วค่อยบอก”
“รอไปเถอะ” สายพิณยิ้มเยาะ

ขณะนั้นปกรณ์กดโทรศัพท์หาสายพิณ
“สายพิณ เข้ามาพบผมหน่อย” เวลาผ่านไป ทุกอย่างเงียบสนิท ปกรณ์กดเรียกใหม่ “สายพิณ เข้ามาหน่อย”ทุกอย่างยังคงเงียบ “อุวะ ทำไมคนที่นี่มันหยิ่งจังเว้ย”
ปกรณ์ลุกเดินไปเปิดประตูอย่างหงุดหงิด ปกรณ์มองไปที่โต๊ะสายพิณแต่ไม่เจอเธอ ข้าวของบนโต๊ะเก็บเรียบร้อย
“หายหัวไปไหนก็ไม่บอก” ปกรณ์เดินกลับเข้ามานั่งอย่างหงุดหงิด “จะรวมหัวกันแกล้งฉันหรือไง”
ปกรณ์ฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว

เซียนกับสายพิณนั่งแท็กซี่มาด้วยกัน สายพิณเบือนหน้าไปมองนอกหน้าต่างตลอดเวลาขณะที่เซียนคอยมองด้วยความเป็นห่วง ในที่สุดเซียนตัดสินใจบอกแท็กซี่เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณแห่งหนึ่ง
“จอดตรงนั้นเลยครับ” สายพิณหันขวับมามองแท็กซี่แล่นเลียบถนนมาจอด เซียนส่งเงินให้ “ผมหิว ...แวะกินอะไรกันก่อน” เซียนบอกสายพิณ
“ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็ดูผมกินได้”
สายพิณจำใจก้าวตามเซียนลงไป เซียนเดินนำสายพิณเข้าไปในร้านๆ หนึ่ง

เซียนสั่งอาหารขณะที่สานพิณยังนั่งเฉย เมื่ออาหารที่สั่งวางครบหมดแล้วบริกรตักข้าวให้
“ของคุณผู้หญิงนิดเดียว” บริกรทำตาม “นั่นแหละ...พอแล้ว ขอบคุณมากครับ”
“ฉันบอกว่าไม่หิว” สายพิณบอกออกมา
“ไม่หิวก็ลองหน่อย จะเสียหายอะไรนักหนา” เซียนตักอาหารใส่จานสายพิณอย่างสุภาพ อ่อนโยน สายพิณมองสีหน้าท่าทางนั้นอย่างพิศวง “ลงมือเลยครับ” เซียนตักข้าวกิน สายพิณนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจยอมกิน เซียนมองอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง “อย่าออกเลย” สายพิณชะงักมองหน้าเซียน “คุณตั้งใจจะช่วยคนที่คุณรักไม่ใช่หรือ”
สายพิณวางช้อนส้อมลง น้ำตาซึมออกมาอีกแล้วเม้มปาก “นายเซียนนี่โชคดี” สายพิณมองหน้าเซียน “ที่คุณรักเขาไง”
“แต่เขาไม่ได้รักฉัน การอยู่กับคนที่ไม่รักเรามันไม่มีความสุขหรอก”

เซียนเป็นฝ่ายนิ่งบ้าง

ในขณะที่สายพิณนั่งกินข้าวอยู่กับเซียน ยายปิ่นกำลังนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ที่บ้าน

“ก๊อก ....ก๊อก ...ก๊อก เปิดประตู”
ยายปิ่นชะโงกหน้าออกมา
“ไปหากินที่อื่นไป๊ นังกระสือ”
“อ้าว อุตส่าห์คาบข่าวมาบอกยังจะมาแดกดันอีก ดีไม่บอกแล้วละว่า ไอ้พิณมันนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงกับไอ้เซียนหลายยายปิ่นอยู่แถวๆ ท้ายซอยโน่น”
ยายปิ่นแทบเต้นด้วยความโกรธ
“อะไรนะ ก็ไอ้พิณมันไปทำงาน”
“งั้นที่ฉันเห็นอาจจะเป็นวิญญาณมันก็ได้ ไปละ”
กระสือขยับจะเดินจากไป
“เดี๋ยว นังกระสือ” กระสือหันมามอง “พาฉันไปดูหน่อย”
“ไม่กลัวฉันถอดหัวระหว่างทางนะ”
“แกก็อย่าเพิ่งถอดซิ พาฉันไปดูก่อน”
กระสือเดินนำยายปิ่นไป

ที่วินมอเตอร์ไซค์ ป๋องขี่มอเตอร์ไซค์พากระหังออกมา กระหังส่งเงินให้แล้วหันมาทางมอม
“ไอ้มอม เมื่อกี้ข้าเห็นสายพิณกับไอ้เซียนอยู่ท้ายซอยแน่ะ”
มอมชะงัก
“ตาฝาดมั้งลุง ก็สองคนนั่นเขาไปทำงาน”
“ถ้ากลับมาจริง มันก็ต้องผ่านมาทางนี้... นอกจากว่า...มันจะเข้ามาทางท้ายซอย”
“ก็ฉันกับกระสือไปเก็บผักกระเฉดที่ท้ายซอยมา”
“แล้วทำไมลุงเพิ่งมาบอกตอนนี้”
ระหว่างทั้งหมดคุยกัน มอมขี่มอเตอร์ไซค์เข้าซอยไปแล้ว
“เฮ้ย นั่นไอ้มอมบ้าไปแล้ว เอ็งตามไปดูหน่อยไอ้ป๋อง” ป๋องรีบขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปอย่างรวดเร็ว “ไอ้หัง เอ็งนี่ทะเลาะกับเมียเอ็งไม่พอ ยังมาหาเรื่องให้คนอื่นเขาทะเลาะกันอีก”
“ก็ข้าเพิ่งนึกได้นี่หว่า ไปละ รถมาแล้ว”
กระหังรีบเดินไปขึ้นรถเมล์ซึ่งกำลังแล่นมาพอดี

ที่ท้ายซอยขณะนั้นเซียนกับสายพิณกำลังนั่งคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณควรใจเย็นกว่านี้” สายพิณเม้มปาก “นายเซียนน่ะอาจจะชอบน้ำเพชรจริงๆ แต่น้ำเพชรไม่มีทางชอบตอบหรอก”
“เฮอะ! ทำเป็นแสนรู้ นายมันก็นึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองนายทำเป็นไกล่เกลี่ยพูดดีกับพวกฉันเพื่อให้ช่วยเหลือนาย นายมันเห็นแก่ตัวชั่วร้าย ...”
“สายพิณ ...”
เซียนกับสายพิณหันไปมองเห็นยายปิ่นยืนจังก้ากับกระสือ
“ยาย”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้” สายพิณลุกขึ้น “ไอ้เซียนหรือไอ้อะไรก็ตามที ข้าขอสั่งห้ามไม่ให้มายุ่งกับหลานข้า”
“ยายกำลังเข้าใจผิด”
“ก็เห็นอยู่กับตา...”
ยายปิ่นพูดไม่ทันจบ เสียงมอเตอร์ไซค์แล่นตรงมาทุกคนมองไปที่ต้นเสียงจึงเห็นมอมขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา
มอมชี้หน้าเซียน
“ไอ้ปลาใหญ่ พวกฉันอุตส่าห์รวมหัวกันช่วยแก แต่แกกลับทรยศ”
“ผมไปทรยศอะไรคุณ”
“ก็สายพิณนี่ไง แกแอบพาสายพิณหนีงานมาแอบนั่งคุยกัน”
“โอ้ย ....ย....ย” สายพิณระเบิดอารมณ์เสียงดังลั่น ทุกคนสะดุ้งหันกลับมามองสายพิณเป็นตาเดียว “พิณไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ พี่มอม แล้วพิณก็ไม่เคยพิศวาสนายปลาใหญ่นี่แม้แต่นิดเดียว”
“แล้วพิณมากับมันทำไม”
“เยอะ ...เยอะไป มันเรื่องอะไรของพี่มอม”
“ใช่ แล้วมันเรื่องอะไรของเอ็ง ไอ้มอม”
กระสือทำท่าเหมือนจะทะเลาะแทนสายพิณ สายปิ่นหันมามองกระสือ
“เพราะพี่รู้ทันมันไง ไอ้ปลาใหญ่มันกำลังใช้ความรวยหลอกลวงพิณ”
สายพิณจิ้มหน้าเซียน
“ไอ้คนนี้เนี่ยนะจะหลวกลวงพิณ ตัวของมันเองยังจะเอาไม่รอดเลย”
“หยุด พอที” ทุกคนหันมามองเซียน “ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า คนอย่างผมไม่เคยแม้แต่จะคิดหลอกลวงใคร
ทั้งนั้น ไม่ใช่เฉพาะสายพิณ” สายพิณหันขวับมามองหน้าเซียน
“ถึงจะหลอกก็หลอกไม่ได้ เพราะฉันรู้เท่าทันนาย”
“เพราะฉะนั้น ไสหัวไปจากที่นี่ได้แล้ว”
มอมบอก เซียนขบกรามตายิ่งกระพริบถี่แล้วเดินไป สายพิณรีบตามมาขวางไว้
“ไปก็ไปแต่วิญญาณ จะเอาตัวพี่เซียนไปด้วยไม่ได้”
“แล้วผมจะทำได้มั้ยเนี่ย”
มอมเกาหัว
“งั้นนายก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่า พวกเราจะหาวิธีแยกร่างใครร่างมันได้ เข้าใจมั้ย”
“ก็คุณมอมไล่ผม”
“ฉันไล่แกให้ออกจากร่างไอ้เซียน”
“ถ้าทำได้ ผมทำไปนานแล้ว พวกคุณต้องโทษนายเซียน ไม่ใช่มาโทษผม”
“แต่ฉันโทษแก ใครจะไปรู้... แกอาจจะเป็นคนเข้าร่างไอ้เซียนก่อนก็ได้”
“ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก” สายพิณตบเปรี้ยงจนเซียนเซเสียหลัก
“โอ๊ย ! พูดแค่นี้ก็ต้องใช้กำลังกันด้วย นี่ปี 2012 แล้วยังป่าเถื่อนอีกไร้อารยธรรม”
เซียนเดินไปสายพิณขวางอีก
“นายจะไปไหนไม่ได้”
“ผมมีอิสระจะไปไหนก็ได้”
สายพิณหันซ้ายหันขวา คว้าไม้ข้างทางได้ตีหัวเซียน เซียนล้มลงทันทีท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ไอ้พิณ”
“พิณ”
“ทีนี้ก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว”

มอมกลับมาที่วินมอเตอร์ไซค์ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าสายพิณกล้าตีหัวเซียน
“หา”
“ไอ้พิณมันกล้าทำขนาดนั้นเลยเรอะ คุกนะเว้ย”
“ฉันบอกแล้ว แต่มันยืนยันว่าต้องกักขังปลาใหญ่ไว้กันหนี”
“ลุงไปเจรจาเอง” ลุงป่องบอก
“ดูนี่ก่อน” มอมชี้หน้าตัวเองที่มีรอยนิ้ว 5 นิ้วเด่นชัด
“โห! งั้นตัวใครตัวมันก็แล้วกันว่ะ”
“แล้วป้าไหมก็ยอมร่วมมือด้วยเรอะ”
“ก็ร่างหลานแกนี่ แกเลยไม่อยากให้ไปไหน”
“งานนี้ต้องลุงป่อง”
“อะไร! ก็เห็นๆ อยู่ว่า หน้าไอ้มอมมันโดนพิษดรรชนีพิโรธ”
“แต่มาคิดอีกที ลุงป่องอาจไม่โดน”
“ไอ้มอม เอ็งอย่ามาพลิกลิ้น”
“ลุงป่องใช้เส้นป้าไหมสิ ป้าไหมแกไม่ตบใครหรอก”
“น้อยไปแน่ะ ข้าโดนถีบมาแล้ว”
“แล้วลุงอยากให้ป้าไหมติดคุกฐานสมรู้ร่วมคิดกับไอ้พิณเรอะ” ลุงป่องชะงักไป
“เออ... จริง”
“ลุงต้องป้องกันป้าสุดชีวิต”
“ใช่”
“งั้นไปกัน”
“แล้วถ้าข้าถูกฝ่ามือพิฆาต ใครจะรับผิดชอบ”
“เดี๋ยวครรชนีพิโรธ เดี๋ยวฝ่ามือพิฆาต ไป!”

มอมกับป๋อมดึงและลากลุงป่องไป

ทั้งคู่ช่วยกันหิ้วปีกลุงป่องมาบ้านสายไหม แต่แล้วทั้งสามคนก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหน้าต่างห้องเซียนถูกปิดตอกตะปูแน่นหนา กันปีนออก

“โห มันเอาจริงแฮะ”
สายไหมเดินท้าวสะเอวออกมายืนจังก้า
“แห่กันมาทำไม”
มอมและป๋อง ช่วยกันพยักเพยิด แล้วผลักลุงป่องออกไปรับหน้า
“เอาเลยลุง! เจรจาเลย”
“จะดีหรือวะ”
มอมและป๋องพยักหน้า
“ว่าไง ... ไอ้ป่อง ...เป็นหัวหน้าเจรจาเรอะ”
ลุงป่องกลืนน้ำลาย เสียงสายไหมเสียงอ่อน
“แม่ไหม...”
“ฉันไม่ใช่แม่แก”
“คืองี้ ...ฉันไม่อยากให้คุณไหมกักขังคุณปลาใหญ่ไว้ ...”
“คุณปลาหย่งคุณปลาใหญ่ที่ไหน ไอ้เซียนมันเป็นหลานฉัน”
“ถึงเป็นหลานก็ขังไม่ได้นะป้า มันผิดกฏหมาย”
“แล้วใครหน้าไหนจะไปแจ้งความ”
สามคนมองหน้ากันตาปริบๆ
“คือ ...”
“แกเรอะ ! ไอ้ป่อง” สายไหมชี้หน้าลุงป่อง ลุงป่องรีบปฏิเสธวุ่นวาย
“เปล่า ป่องเปล่า”
“เปล่าก็ดีแล้ว ไป กลับไปทำงานทำการได้”
สามคนเดินจ๋องๆ กลับไป สายไหมมองตาม แล้วเดินเข้าบ้าน

เมื่อกลับมาที่วินมอเตอร์ไซค์ มอมจึงตัดสินใจโทรบอกครรชิต ครรชิตรับโทรศัพท์อย่างตกใจและรีบเดินทางมาทันที...มอมเดินไปเดินมาแล้วชะเง้อมองไปที่ถนนอย่างกระวนกระวายขณะที่ป๋องกับลุงป่องก็นั่งชะเง้อมองเช่นเดียวกัน
“นี่ ! จะไปไม่ไป”
ชาวบ้านถามเมื่อยังไม่เห็นมีใครออกรถ
“ไปครับพี่ ไอ้ป๋อง” ป๋องหันไปมอง ลุงป่องพยักหน้า “เอ็งไป”
“อะไรๆ ก็ไอ้ป๋อง”
“มีบ่น ไม่ไปก็ได้นะ”
“โธ่ ไปซิครับ ใจเย็นพี่” ป๋องพาผู้โดยสารไป รถครรชิตแล่นมาจอด ครรชิตรีบเปิดประตูลงมา “อยู่ที่ไหน”
“ขึ้นมอ’ไซค์เลยคุณ”
ครรชิตขึ้นซ้อนลุงป่อง ลุงป่องและมอมขับออกไป

ยายปิ่นเป็นอีกคนที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สายพิณทำ จึงพูดเรื่องนี้กับสายพิณ
“ไอ้พิณ นี่ข้าพูดกับเอ็งจนจะขาดใจเลยนะเว้ย”
“ยายจ๋า พิณน่ะรักยายมากนะจ๊ะ พิณเชื่อฟังยายทุกอย่าง นอกจากเรื่องนี้”
“พิณเอ๊ย เอ็งไปเกี่ยวอะไรกับเค้า”
“ไม่เกี่ยวก็เหมือนเกี่ยว”
“เรื่องของเอ็งมันเป็นไปไม่ได้หรอก อุปสรรคมันมีอยู่มากมาย คุณปลาใหญ่ในร่างเจ้าเซียนเขาก็ไม่ได้รักเอ็ง...” สายพิณเม้มปาก “หรือต่อให้ไอ้เซียนมันกลับมาเข้าร่างเดิมได้ มันก็ไม่ได้รักเอ็งเหมือนกัน” สายพิณน้ำตาคลอ
“เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรสักนิด .... เอ็งต้องรู้จักปล่อยวาง”
น้ำตาสายพิณค่อยๆ ไหลออกมา
“พิณปล่อยวางไม่ได้หรอกยาย ... พิณ ...พิณรักพี่เซียนมาก ...ไม่ว่าเขาจะรักหรือไม่รักพิณ ... พิณก็ต้องช่วยเขา”
“แล้วมันอยากให้เอ็งช่วยหรือเปล่าล่ะ” สายพิณอึ้ง “มันไม่ได้อยากให้ช่วย ... เอ็งก็รู้ ไอ้เซียนมัทะเยอทะยาน เวลานี้มันได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการแล้ว นึกหรือว่ามันจะยอมกลับมาลำบากอีก”
“ยังไงเขาก็ต้องกลับมา ยาย...เขาหนีตัวเองไม่พ้นหรอก”
สายพิณบอกอย่างมั่นใจ

ลุงป่องกับมอมพาครรชิตมาบ้านสายไหม จากนั้นทั้งหมดก็นั่งเจรจากันอยู่ในบ้าน
“ผมขอร้องละคุณไหม ... ปล่อยคุณปลาใหญ่เถอะ”
“ปลาใหญ่ที่ไหน ในห้องนั่นมันไอ้เซียนหลานฉัน”
“โธ่ ป้าก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“ไม่รู้ซักหน่อย”
“อ้าว”
“คุณสายไหมครับ...ได้โปรด...”
“กลับไป”
“เราพูดกันดีๆ ก็ได้ ... ผมเองน่ะอยากให้คุณปลาใหญ่กลับเข้าร่างยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เรามาร่วมมือกันดีกว่า”
“ฉันพูดอะไรไม่ได้ ต้องปรึกษาสายพิณมันก่อน”
ครรชิตหันมาสบตาพรรคพวกแว่บหนึ่ง
“แล้ว ... ถ้ ...ผมจะแจ้งความล่ะ”
“อยากจะหัวเราะให้กระท่อมกลายเป็นตึกไม่มีใครเขาเชื่อคุณหรอกคุณคันคะเยอ รูปร่างหน้าตามันก็ไอ้เซียน ...ไอ้เซียน ...แล้วไหนจะยัง...”
ครรชิตยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้าง
“โอเค ครับ ผมคงไม่ทำร้ายพวกเดียวกันหรอก”
“งั้นก็ไปได้แล้ว”
“ก่อนจะไป ขอคุยกับคุณปลาใหญ่หน่อยได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้”
มอมสะกิดลุงป่องแล้วกระซิบ
“ลุง...ช่วยคุณคันแกเจรจามั่งซิ”
สายไหมหันขวับมามอง
“ไอ้มอม ! ไอ้บ่างช่างยุ”
“โฮ้ย! ป้า ผิดความหมาย”
ครรชิตหันมาทางมอมและลุงป่อง
“ไปกันเถอะ” ทั้งสองคนทำท่าจะค้าน แต่ครรชิตรีบเดินออกไป ทั้งสองคนจึงต้องขยับลุกตาม
“ไอ้ป่อง ไอ้มอม” ทั้งคู่หันมา แล้วยิ้มจืดๆ “ต่อไปอย่าสาระแนพานายคันคะเยอนั่นมาอีก”
ทั้งคู่พึมพำรับเบาๆ แล้วรีบออกไป

เย็นวันเดียวกันนั้นขณะที่น้ำเพชรกำลังเก็บและจัดข้าวของบนโต๊ะเตรียมกลับบ้าน ประตูเปิดออกปลาใหญ่ทำท่าทางเท่ห์ๆ ยืนเหล่มองน้ำเพชร น้ำเพชรจัดของได้เดี๋ยวเดียว เริ่มรู้สึกตัวหันไปมอง
“ผมไปส่งให้มั้ยครับ”
“ฉันมีรถ”
“มีรถก็ไม่เป็นไร”
“เป็นซิ! เพราะฉันจะกลับรถของฉัน” ปลาใหญ่อ้าปากจะพูดอีก แต่น้ำเพชรชิงพูดขึ้นก่อน “และฉันรังเกียจที่จะกลับกับนาย ชัดมั้ย”
“แจ๋วเลยครับ”
น้ำเพชรสะพายกระเป๋าเดินไป ปลาใหญ่มองตามอย่างใคร่ครวญครุ่นคิดแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ยังไม่ได้สลับร่างกับปลาใหญ่
เซียนยืนส่องกระจกเอียงซ้ายเอียงขวา ยิ้มและทำท่าแบบต่างๆ อยู่ในห้อง เพื่อหาท่าที่เท่ห์ที่สุดประตูถูกผลักออก สายไหมก้าวเข้ามาฉุนๆ
“ทำอะไรอยู่ฮึ ไอ้เซียน”
“ป้า...ป้าว่าผมหล่อมั้ย”
“หล่อแค่ไหน คุณหนูร้านทองสองตาเขาก็ไม่แลหรอก เอ็งน่ะมันจนไม่ว่าสมัยนี้หรือสมัยไหนเงินมันก็ต้องต่อเงินทั้งนั้น”

ปลาใหญ่ดึงตัวเองกลับมา ขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งที่โต๊ะของน้ำเพชร
“ตอนนี้ไอ้เซียนมันรวยแล้ว...รวยเละด้วย ...แล้วไง! คุณหนูร้านทองก็ยังไม่สนใจใยดี” ปลาใหญ่เอนหลังพิงพนัก หลับตาลงอย่างเซ็งๆ ปนเศร้า
“นายเซียน” ปลาใหญ่สะดุ้งลืมตาขึ้นทันที จึงเห็นครรชิตยืนอยู่กับชายสี่ “มีเรื่องให้ช่วย เข้าไปคุยกันข้างใน”

ครรชิตเดินนำเข้าไปก่อน ปลาใหญ่เดินตามเข้าไปงงๆ ปิดท้ายด้วยชายสี่

โปดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น