xs
xsm
sm
md
lg

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แสบสลับขั้ว ตอนที่ 6

เกริกก้องสะดุ้งเฮือกกับสิ่งที่รัญญาโทร.มาบอก

“น้องรัน! นี่น้องรันกำลังทำลายความสงบสุขของพ่อเลยนะลูก”
“นี่คุณพ่อจะบอกว่า คุณพ่อกลัวเมียใหม่มากกว่าที่กลัวคุณแม่หรือค่ะ” รัญญาถามเสียงหงุดหงิด
“เปล่าลูก...” น้ำเสียงเกริกก้องอ่อนโยนลง
“งั้นคุณพ่อก็ไม่เห็นจะต้องตกอกตกใจอะไร! แค่นี้ละค่ะ”
เกริกก้องวางโทรศัพท์ลงแบบเซ็งๆ

อลิสายืนก้มหน้ามือประสานกันแน่น นัยน์ตาหวาดกลัวเหลือบมองตามเท้าจันทร์ทิพย์ซึ่งก้าวไปรอบๆ
ตัวอลิสาช้าๆ หยุดพินิจพิจารณาเป็นบางจังหวะแล้วในที่สุดมาหยุดตรงหน้าอลิสา
“มีอะไรกับ...”
“ไม่มีค่ะ” อลิสารีบตอบโดยที่จั้นทร์ทิพย์ยังถามไม่จบ จันทร์ทิพย์ท้าวสะเอว
“รู้หรือว่าฉันจะถามว่าไง” อลิสาอึ้งไป “ฉันถามเธอต้องตอบ”
“พอจะทราบค่ะ...คุณจันทร์ทิพย์จะถามว่า อลิสามีอะไรกับ...เอ้อ ท่านประธานหรือเปล่าอลิสาก็เลยตอบว่าไม่มี...”
“ถ้าเธอโกหกละก็ฉันจะส่งไปให้เลขาของปลาใหญ่ตบ”
จันทร์ทิพย์พูดจบก็สะบัดหน้าเข้าห้องเกริกก้องไป อลิสาลอยหน้าลอยตาพูดตามหลัง
“ฉันก็จะฟ้องคุณก้องเหมือนกัน”

ภายในห้องทำงานเกริกก้อง เกริกก้องเงยหน้าขึ้นมองจันทร์ทิพย์แล้วทำยิ้มเหมือนไม่รู้เรื่องราวอะไร
“อ้าว! จันทร์”
จันทร์ทิพย์ปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอ่อนหวาน
“คุณก้องขา” จันทร์ทิพย์โอบกอดก้อง เกริกก้องมีสีหน้าระแวดระวังขึ้นมาแวบหนึ่งเมื่อมองเห็นท่าทีอ่อนหวานผิดปกติของจันทร์ทิพย์ “จันทร์อยากจะขอความกรุณาเล็กๆ จากคุณก้องสักอย่างได้มั้ยค่ะ”
“ต้องบอกมาก่อนว่าอะไร”
“คุณก้องต้องรับปากจันทร์ก่อน”
“ก็ถ้าเผื่อ คุณบอกว่าอยากจะได้ดาวกับเดือนล่ะ ผมจะมีปัญญาที่ไหนเอามาให้”
“แหม..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ จันทร์แค่อยากได้อลิสามาเป็นเลขาของจันทร์ ส่วนคุณก็เอาเลขาของจันทร์ไป! แลกกัน”
“ยัยอรทัยนั่นนะเรอะ ผมไม่เอาหรอก! แก่งั่ก” เกริกก้องบอกอย่างลืมตัว จันทร์ทิพย์มองเกริกก้องเพ่งพิศ เกริกก้องจึงรู้สึกตัว “เอ้อ...ผมหมายถึง...อลิสาน่ะทำงานคล่องแคล่ว...ถ้าให้อรทัยมาก็ต้องปรับตัวกันใหม่ เสียเวลา...อีกอย่างบางครั้งผมต้องให้เลขาติดต่อกับลูกค้าบ้าง อลิสาเข้าทั้งคล่องแคล่วและหน้าตาดี ซึ่งมีส่วนทำให้การติดต่อราบรื่น เป็นประโยชน์กับบริษัท”
“แต่อรทัยเขาก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แล้วคนอายุ 40 กว่าก็ไม่ได้แก่งั่ก”
“แต่มันก็สู้คนอายุ 20 กว่าไม่ได้”
จันทร์ทิพย์จ้องเกริกก้องเขม็ง
“อะไรค่ะที่คุณก้องว่าสู้ไม่ได้”
“ความคล่องตัว...ความสดชื่น...ความ...สวย” จันทร์ทิพย์นิ่วหน้าทันที จะพูดแต่เกริกก้องรีบพูดก่อน “ผมหมายถึงเลขานอกจากจะคล่อง...เก่ง...แล้วก็ควรจะสวยหรือดูดีอีกด้วย”
“หมายความว่าคุณหวง แม่อลิสา”
“โธ่เอ๊ย ผมจะไปหวงทำไมในเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรกับผม เออ...ถ้าเป็นคุณก็ไปอย่าง” จันทร์ทิพย์มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น แต่ยังทำใจแข็ง “กลางวันนี้ออกไปทานข้าวแล้วซื้อเครื่องเพชรกัน”
จันทร์ทิพย์หายโกรธทันที
“จริงหรือค่ะ”
“หายงอนแล้วหรือ”
“แล้วคุณต้องอย่ายุ่งกับอลิสานะค่ะ”
“มีจันทร์อยู่แล้วทั้งคน เรื่องอะไรจะไปยุ่งกับคนอื่น”
จันทร์ทิพย์หอมแก้มเกนิกก้องด้วยสีหน้าท่าทางสดชื่นราวเป็นคนละคน ขณะที่เกริกก้องโล่งใจ

ที่ห้องทำงานครรชิต เซียนยืนอยู่ที่หน้าต่างทำตายิบๆ ใช้ความคิดครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา
“ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว”
เสียงเคาะประตูรัวเร็ว แล้วน้ำเพชรก็ถือหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายเดินเข้ามาด้วยหน้าตารีบร้อน
“คุณครรชิต...คุณปลาใหญ่ เห็นหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายหรือยังคะ”
“มีอะไรหรือหนูน้ำ”
“นี่ค่ะ”
น้ำเพชรส่งหนังสือพิมพ์ให้ ครรชิตกับเซียนหยิบมาดู ที่หนังสือพิมพ์มีภาพปลาใหญ่กำลังให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มแบบกรึ่มๆ เหล้า มีคำบรรยายใต้ภาพ “นักธุรกิจดาวรุ่งเมาอาละวาด” ครรชิตถอนใจเฮือก
“นึกแล้ว”
เซียนหันขวับมามอง
“หมายความว่ายังไง “นึกแล้ว”
“ก็เมื่อคืนตอนไปประกันตัว ไอ้เจ้าเซียนเขากำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่”
“แล้วทำไมคุณครรชิตไม่บอกผม” เซียนขยำหนังสือพิมพ์ขว้างทิ้ง “ตบหน้ามั้ย นักธุรกิจดาวรุ่งเมาอาละวาด”
“นี่ถ้าคุณลุงไม่พาไอ้ตัวแสบนั่นไปไว้ที่โรงพยาบาล น้ำเป็นได้ตบต่อยหน้ามันเยินหมดแล้วละค่ะ” น้ำเพชรบอก เซียนทำตายิบๆ
“หน้ามันก็คือหน้าผมนะคุณน้ำ”
“งั้นจะให้น้ำตบ ตรงไหนล่ะคะ”
“นึกออกแล้ว” ครรชิตบอก
“ตบตรงไหนคะ” น้ำเพชรกระตือรือร้นถาม
“อย่าทำร้ายร่างกายผม” เซียนรีบบอก
“คืนนี้เราจะทำพิธีกันในโรงพยาบาลเลย เพราะยังไงนายเซียนก็นอนพักรักษาบาดแผลอยู่ที่นั่น ไม่มีทางหนีไปไหนอยู่แล้ว”
“แล้ว ...โรงพยาบาลเขาจะไม่ว่าเราหรือคะ”
“โรงพยาบาลว่าไม่ได้ เพราะเป็นแค่กรวดหินดินทรายไม่มีชีวิต”
“ขอโทษค่ะ แล้วบุคคลากรในโรงพยาบาลเขาจะไม่ว่าเอาหรือคะ”
“ก็เราจะให้เขารู้ทำไมล่ะ”
เซียนส่ายหน้า
“ผมไม่ค่อยเชื่อไสยศาสตร์ วิธีที่ได้ผลที่สุดคือ จัดฉากย้อนไปเหตุการณ์เดิมพอวิญญาณออกจากร่าง ...คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้นายเซียนมันแซงเข้าร่างผมอีก”
“แล้วถ้าเผื่อว่า เข้าร่างไม่ได้ทั้ง 2 คนล่ะคะ พูดง่ายๆ ก็คือ เกิดตายขึ้นมาจริงๆ นั่นแหละค่ะ”
“ทำไงได้ ตายเป็นตายซึ่งยังจะดีกว่าปล่อยให้นายเซียนเอาร่างกายผมไปใช้มั่วๆ นี่ถ้าเกิดเขาทำให้ผมติดเอดส์ ผมคงทนไม่ได้”
“งั้นช้าไม่ได้แล้ว จะทำยังไงก็รีบทำเถอะค่ะ”
“เราจะลองให้หมดทุกศาสตร์โดยเริ่มจากไสยศาสตร์ก่อน”

ครรชิตสรุป

ที่ร้านยายปิ่นกับสายไหม ต่างคนต่างขายของของตนไปเรื่อยๆ เพราะผู้คนเริ่มซาลงแล้ว สายพิณกำลังนั่งกินข้าวขณะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณรีบรับทันที

“ว่าไง! พี่ชายสี่” ยายปิ่นหูผึ่ง สายพิณนิ่งฟังครู่หนึ่ง พลางเออๆ ออๆ รับคำ นัยน์ตาเป็นประกายกระตือรือร้น
“ได้เลย!พิณจะไปบอกแกให้ว่าแต่ทั้ง 2 คนนั้นเขายินยอมพร้อมใจแน่นะ ไม่งั้นจะเสียเวลาเปล่า...ได้...ได้”
สายพิณปิดโทรศัพท์
“ชายสี่มันโทร.มาว่ายังไง”
ยายปิ่นถาม สายพิณไม่ตอบแต่รีบเดินไปกระซิบกับสายไหม สายไหมเบิกตากว้าง
“เออ! ดี !ดี ! ข้าจะได้โล่งอกโล่งใจเสียที”
“พิณก็เหมือนกัน”
“ไอ้พิณ! นี่เอ็งเห็นคนอื่นดีกว่ายายเรอะ หน็อยแน่ ยายถามไม่บอก ดันไปกระซิบกระซาบกับศัตรู”
“ก็เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับยายนี่จ๊ะ แต่เกี่ยวกับป้าไหม”
“ได้ยินแล้วใช้มั้ย เพราะฉะนั้นอย่าสอด”
“นังไหม แกด่าข้า ไอ้พิณ เอ็งเลือกเอาระหว่างยายกับนังไหม”
“พิณเลือกไม่ถูกหรอกยาย ไปก่อนละ”
สายพิณวิ่งไป ขณะยายปิ่นตะโกนเรียกจนเสียงแหบ

สายพิณมาหาหมอแม่นที่บ้าน
“เมื่อยจัง” หมอแม่นนั่งเหยียดขา “ไหน.. เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะ ไอ้พิณ”
“คืนนี้เขาให้พิณมาพาป้าหมอกับลุงหังไปทำพิธีในโรง’บาล”
หมอแม่นส่ายหน้า
“ไม่ได้”
“อ้าว”
“แถวนั้นดวงวิญญาณที่ยังล่องลอยหาที่ลงไม่ได้ จะถือโอกาสเข้าสิงร่างแทน ทีนี้ละวุ่นวายส่ายสะโพกกันไปหมด”
“งั้นจะไปที่ไหนดีละ”
“ไม่บ้านเจ้าเซียนก็บ้านอีกคนนั่นแหละ”
“อีตาปลาใหญ่น่ะหรือจ๊ะ”
“ใช่”
สายพิณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาครรชิต

เซียนทำตายิบๆ หันมาทางครรชิต
“บ้านเราก็น่าจะได้มั้ง คุณครรชิตจะได้ช่วยจัดการรับรองให้เต็มที่”
“มีหวังกลุ่มคุณก้องสงสัยแน่ครับ”
“ก็มันเป็นบ้านของผม”
“บ้านไอ้เซียนดีกว่าครับ ถึงจะคับแคบแต่ก็ปลอดภัย เข้าทำนองคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” ชายสี่บอก
“ไม่เกี่ยวกัน”
“อ้อ...อ”
“ถ้าคุณครรชิตคิดว่าที่นั่นเหมาะสมก็โอ.เค! คุณชายสี่...”
“เอาแค่ชายสี่ดีกว่าครับ! คุณชายสี่มันเยอะไป”
“โอเค! ชายสี่ช่วยประสานกับสายพิณหน่อย ระวังด้วยอย่าให้เรื่องกระจายไป...”
“ได้ครับ” ชายสี่ลุกขึ้น
“จะไปไหน”
“ไปประสานไงครับ”
“ยังไปตอนนี้ไม่ได้ อย่าลืมว่านายต้องขับรถให้คุณรัน”
“จริงด้วย”
“โทรศัพท์ไปประสานก่อน ตัวค่อยตามไปหลังเลิกงาน” เซียนบอกชายสี่พยักหน้า “คุณไปได้...ขอบใจมาก...”
ชายสี่มองหน้าเซียนแล้วเดินออกไป “ผมควรจะกลับไปจัดการเองดีกว่า เรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่อยากไว้ใจใคร”
เซียนบอกครรชิตแล้วเดินออกไป ครรชิตมองตาม

น้ำเพชรกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยเสียงเบาๆ และคอยชำเลืองมองตลอดเวลาจนกระทั่งเห็นรัญญาเดินตรงมากับเลขา
“แค่นี้ก่อนนะคะ” น้ำเพชรกระซิบกระซาบ วางโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นยืนอย่างสุภาพขณะที่รัญญาเดินมาถึง ตามด้วยเลขา ทั้งสองเริด เชิด หยิ่ง
“ปลาใหญ่มาหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“เอ๊ะ ก็แค่ไปทำแผลที่โรงพยาบาล ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ”
“อันนี้ก็ไม่ทราบค่ะ”
“คุณรันขา เขาควรจะทราบนะคะเพราะเขาเป็นเลขาคุณปลาใหญ่ ทีอาภรณ์ยังรู้หมดเลยว่าคุณรันไปไหนมาไหนกับใคร”
รัญญาเบือนหน้ากลับไปมองเลขา เลขาหน้าเจื่อนๆ
“เธอเป็นเลขาเธอควรจะรู้” รัญญาหันกลับมาพูดกับน้ำเพชร
“ดิฉันเป็นเลขา ของคุณปลาใหญ่ค่ะ”
“เขาไม่ยอมบอกคะ คุณรัน”
“เอ๊ะ ฉันได้ยินแล้ว”
“ค่ะ”
“จะไปดีๆ หรือว่าต้องให้เรื่องถึงคุณพ่อของฉันซึ่งเป็นประธานบริษัท...”
“ซึ่งเป็นตำแหน่งใหญ่ที่สุด” เลขาพูดต่อให้
“อ้าว! ไม่ใช่คุณปลาใหญ่หรอกเรอะ…เอ๊ย หรือคะ คุณปลาใหญ่เป็นบุตรชายคนเดียวของท่านประธานคนก่อน”
“ถูกต้องแล้วครับ”
ทุกคนหันขวับไปมองจึงเห็นปลาใหญ่ในสภาพหน้าตามีผ้าพันแผลปิดเป็นระยะๆ ทุกคนต่างมีอาการตกใจ เมื่อเห็นสภาพนั้น
“ปลาใหญ่”
“คุณปลาใหญ่”
“คุณปลาใหญ่”
“เชิญข้างในหน่อย ปลาใหญ่”
รัญญาเดินเชิดนำปลาใหญ่เข้าไปในห้อง ปลาใหญ่หันมาหลิ่วตาให้น้ำเพชรพลางเดินเข้าไป น้ำเพชรและอาภรณ์ เลขาของรัญญามองตามแล้วหันมาหลิ่วตาให้น้ำเพชร แต่แล้วอาภรณ์ก็ต้องสะดุ้งรีบหลบตาลงทันทีด้วยสีหน้าแววตาเหี้ยมๆ ของน้ำเพชร

“เธอไม่เคยเป็นอย่างนี้นะปลาใหญ่ ขนาดพี่ชวนไปปาร์ตี้ ยังไม่ยอมไป”
รัญญาบอกเมื่อเข้ามาในห้อง ปลาใหญ่ทำหน้ากรุ้มกริ่มแล้วทะลึ่ง
“ก็ลองชวนใหม่ซิครับ พี่สาวแสนสวย”
“ทะลึ่ง” ปลาใหญ่แบมือยักไหล่ แล้วเดินมานั่ง “เธอเปลี่ยนไปเยอะนะปลาใหญ่”
“เขาเรียกว่าพัฒนาครับ คุณพี่”
“ฉันว่าถอยหลังมากกว่า... ฉันไล่แม่เลขาของเธอออก แต่เขาไม่ยอมออก”
“โอ๊ย ผมก็ไม่ให้ออกหรอก”
“แปลว่าเธอเห็นมันดีกว่าพี่”
“ใช่ เอ๊ย ไม่ใช่ พี่ก็ส่วนพี่ แฟ...เลขาก็ส่วนเลขา” ปลาใหญ่ทำหน้าเป็นงานเป็นการขณะเอนตัวพิงพนัก “คุณน้ำเพชรช่วยผมได้มาก ผมคงขาดเธอไม่ได้”
“อะไรนะ นี่หมายความว่าเธอชอบมัน”
“ผมว่าจะขอเธอแต่งงานเร็วๆ นี้ด้วย”
“ไม่ได้เด็ดขาด เธอเป็นเจ้านายมันเป็นลูกจ้าง”
ปลาใหญ่จุ๊ปากและส่ายหน้า
“อย่าแบ่งชั้นวรรณะ อันที่จริงถ้าเธอยอมแต่งงานกับผม ต้องถือว่าผมโชคดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ”

รัญญาเบิกตากว้าง ขณะที่ปลาใหญ่ยิ้มกริ่ม

รัญญารีบมาหาเกริกก้องที่ห้องทำงานเพื่อบอกเรื่องนี้

“ไอ้ปลาใหญ่มันเป็นบ้าอะไรของมัน”
“หรือไม่นังเลขาน้ำคลำมันอาจจะใช้มารยายั่วยวนปลาใหญ่ก็ได้ค่ะ เราเองก็ไม่ได้ระแวงเลย”
เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดขณะพูด
“ความจริงฐานะมันก็ไม่ได้ทุเรศจนรับไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราคุมมันไม่ได้ต่างหาก”
“นึกได้แล้ว” เกริกก้องหันมามองรัญญา “รันมีเพื่อนเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ริก้าไงคะ”
“ริก้าไหน”
“ริก้า... ดาริกาน่ะค่ะ แต่เขาชอบให้เพื่อนๆ เรียกริก้า ฐานะดีมากเพราะเพิ่งกลับมารับมรดกจากคุณป้าผู้ล่วงลับ รวยขนาดไม่ได้ทำงานอะไรก็อยู่อย่างสบายไปทั้งชาติ รันจะแนะนำให้รู้จักกับปลาใหญ่”
“แน่ใจนะว่าไว้ใจได้”
“อย่างน้อยก็ได้มากกว่านังน้ำเน่านั่นแน่นอนค่ะ”

น้ำเพชรตกใจมากเมื่อเข้ามาหาปลาใหญ่ในห้องทำงานแล้วรู้เรื่องที่เขาจะแต่งงานกับเธอ
“หา นายน่ะเรอะจะแต่งงานกับฉัน”
“ทำไมล่ะ เวลานี้ผมมีทุกอย่างเท่าเทียมกับคุณแล้ว อาจจะมากเสียกว่าด้วยซ้ำ” น้ำเพชรมองปลาใหญ่อย่างไม่เชื่อหู “คุณชอบปลาใหญ่ คุณแต่งงานกับผมก็เท่ากับได้แต่งงานกับเขา เราจะอยู่กันอย่างมีความสุข”
น้ำเพชรขบกรามแน่นควงกำปั้นไปมาแล้วตบปลาใหญ่โครม ปลาใหญ่กระเด็นลงไปฟุบกับพื้นร้องลั่น
“ไอ้เซียน ฉันสาบานว่าจะเอาแกออกจากร่างคุณปลาใหญ่ให้ได้”
น้ำเพชรสะบัดหน้าเดินออกไป ปลาใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งกอดเข่า หน้าตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจ
“ทำไมผู้หญิงถึงเข้าใจยากอย่างนี้”

น้ำเพชรมาหาครรชิตเพื่อบอกเรื่องนี้
“ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้เซียนนี่มันชั่วร้ายจริงๆ”
“ถ้ามันชั่วได้ขนาดนี้ มันคงไม่ยอมไปเข้าพิธีง่ายๆ หรอกค่ะ เราต้องวางแผน”
“แผนอะไร”
“ก็แผนที่จะหลอกให้มันยอมไปน่ะซิคะ เราจะทำอย่างนี้ค่ะ”
น้ำเพชรอธิบายให้ครรชิตฟัง ครรชิตพยักหน้าช้าๆ อย่างตั้งใจฟังเต็มที่

สายพิณกำลังช่วยยายปิ่นขายของขณะที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณรีบลุกเดินไปรับห่างออกไปโดยยายปิ่นมองตามค้อนๆ
“ยังกับนักธุรกิจก็ไม่ปาน”
ยายปิ่นค่อนขอด สายพิณคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
“ได้ค่ะ ได้... เดี๋ยวจัดให้” สายพิณเก็บโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแจ่มใสแล้วเดินมาที่ร้าน “ยายจ๋า เดี๋ยวพิณมานะ”
“ถามจริงๆ เถอะว่ะ เอ็งมีธุรกิจอะไรนักหนาเฮอะ สายพิณ”
“แหม เรียกซะเต็มยศเลย ธุรกิจช่วยเพื่อนมนุษย์จ้ะ ไปละ”
“เดี๋ยว ... ไอ้พิณ ...ไอ้พิณ แน่ะ ฟังซะเมื่อไหร่”
สายพิณวิ่งหายลับไป สายไหมคอยลอบมองความเป็นไปตลอดเวลา

ที่วินมอเตอร์ไซค์ขณะนั้น เซียน มอม ป๋องกำลังปรึกษากันอยู่ขณะที่สายพิณเดินแกมวิ่งเข้ามา
“ทุกคน” ทุกคนหันมามอง “เมื่อกี้คุณครรชิตโทรมาเปลี่ยนแผนใหม่”
“เปลี่ยนแผน” มอมกับป๋องย้อนถามพร้อมกัน เซียนทำตายิบๆ
“ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องพูดพร้อมๆ กัน”
“ไม่พร้อมก็ได้ เปลี่ยนแผน”
“เปลี่ยนแผน”
เซียนถอนใจเฮือก
“ไร้สาระ” เซียนหันมาทางสายพิณ “คุณครรชิตให้เปลี่ยนแผนยังไง”
“คุณปลาใหญ่ ฉันไม่วิธีพูดแบบเป็นเจ้าใหญ่นายโตของคุณ เคยได้ยินไหมว่าเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม”
“ถ้าหมายถึงจะให้ผมพูดหรือทำอะไรแบบนายเซียนละก็ ขอบอกว่าทำไม่ได้”
“อ๋อ ฉันก็ไม่ได้อยากจะให้คุณทำ เพราะทำยังไงก็ไม่เหมือน”
“ผมก็ไม่ได้คิดจะทำให้เหมือน”
“เอ๊ะ”
“จะเถียงกันอีกนานมั้ย น่ารำคาญสุดๆ”
“คุยกันอยู่นั่นแหละ งานการไม่รู้จักทำ” ทุกคนหันไปมองลุงป่องซึ่งรับเงินจากผู้โดยสารแล้วเดินตรงมา
“คุยอะไรกันนักหนาวะ”
“มานี่เลย มานี่ มาฟังแผนการณ์อันสลับซับซ้อน”
ป๋องกุลีกุจอลากลุงป่องมานั่งฟัง
สายพิณ เซียน มอมมาที่บ้านหมอแม่นจากนั้นสายพิณก็โทรศัพท์หาปลาใหญ่
“ผมไม่... ไม่รู้จักคุณ...”
ปลาใหญ่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ สายพิณมีสีหน้าฉุนๆ แต่รีบปรับเป็นเสียงร้องไห้
“พี่เซียน จนอย่างนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกหรือจ๊ะ พิณอยากพบพี่เซียน” หมอแม่นท้าวคางฟังสายพิณพูดอย่างทึ่งๆ ขณะที่เซียนมองแบบ “ผู้หญิงคนนี้เจ้ามารยา” “พิณมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ พี่เซียนมาพบพิณหน่อยได้มั้ย”
“ผม...เอ้อ...พี่ไปไม่ได้”
เสียงร้องโฮสะอึกสะอื้นของสายพิณดังลั่นจนปลาใหญ่สะดุ้ง สายพิณทำเสียงสะอึกสะอื้นหนักหมอแม่นพยักเพยิดกับเซียน
“นังคนนี้มันเก่ง”
เซียนทำตายิบๆ แล้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ถ้าพี่เซียนไม่ยอมมา ก็เท่ากับว่าพี่เซียนใจร้ายใจดำที่สุด พิณจะขอร้องให้พี่มาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วต่อไปพิณจะไม่รบกวนพี่อีกเลย”
สายพิณสะอึกสะอื้น ปลาใหญ่นิ่งคิดครู่หนึ่ง
“ตกลง แล้วจะให้ไปพบที่ไหน” ปลาใหญ่นิ่งฟังแล้วพยักหน้า “ได้ 2 ทุ่มพบกัน พี่ไม่อยากให้ใครเห็น”
ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลง สายพิณมองโทรศัพท์ฉุนๆ
“ไอ้เซียนบ้า เกลียดนักไอ้คนลืมตัวแบบนี้” สายพิณหันมาเจอเซียนซึ่งขยิบตามองอยู่พอดี สายพิณจึงตวาดถาม “มองอะไร” เซียนสะดุ้ง ยิ่งขยิบตาใหญ่ “ยังจะมาทำตายิบๆ อีก รำคาญ”
สายพิณเดินออกไป เซียนรีบตาม

“อ้าว ไปกันหมดแล้วเรอะ”

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)

สายพิณนั่งรอปลาใหญ่อยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่งร้านหนึ่ง สายพิณพยายามระงับความตื่นเต้นกระวนกระวาย คนขายถือถาดวางชามก๋วยเตี๋ยวและน้ำบ๊วยมาวางให้อย่างละ 2 ที่

สายพิณปรุงก๋วยเตี๋ยวช้าๆ นัยน์ตาชะเง้อมองไปโดยรอบแล้วแอบใส่ยานอนหลับลงไปในแก้วน้ำบ๊วยที่สั่งไว้ให้ปลาใหญ่
อีกด้านที่ไม่ไกลกันนั้น ชายสี่ มอม ป๋อง นั่งกินข้าวโดยทั้ง 3 คนคอยมองไปที่โต๊ะสายพิณ
“ถ้ามันไม่มาล่ะ”
“ก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่”
“ดูนั่น”
ชายสี่พยักเพยิก มอมกับป๋องหันไปมองตามสายตาชายสี่จึงเห็นปลาใหญ่เดินตรงไปที่โต๊ะสายพิณแล้วทรุดตัวลงนั่ง
“ไหน มีเรื่องอะไร”
“กินก๋วยเตี๋ยวก่อนซิพี่ พิณสั่งไว้ให้”
“พี่ไม่หิว มีอะไรก็ว่ามา พี่ต้องรีบกลับ”
“ทำไม เดี๋ยวนี้กลายเป็นไฮโซ กินก๋วยเตี๋ยวข้างถนนไม่ได้แล้ว”
“กินได้ แต่มันอิ่ม”
สายพิณนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“พี่คิดว่าจะอยู่แบบนี้ไปได้นานเท่าไหร่”
ปลาใหญ่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ชั่วชีวิตเลย เป็นคนรวยนี่มันสบายมากที่สุดในโลกเลย”
ปลาใหญ่หยิบแก้วน้ำบ๊วยมาดูดพรวดหมดแก้ว สายพิณถอนใจโล่งอกเฮือก ปลาใหญ่ชะงักนิดหนึ่ง
“ถอนใจทำไม”
สายพิณส่งยิ้มให้
“แบบว่าดีใจไปกับพี่เซียนที่มีความสุขสบายมากที่สุดในโลกไงล่ะ”
ปลาใหญ่หยิบซองเงินออกมาจากกระเป๋า
“เกือบลืม ฝากเงินไปให้ป้าไหมด้วย” ปลาใหญ่ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบใบละพัน 5 ใบ ส่งให้สายพิณ “นี่ของพิณ”
สายพิณมีแววสะเทือนใจแว่บหนึ่ง
“พี่เซียนเก็บไว้ใช้เองเถอะ”
“เฮ้ย ทำไมล่ะ”
สายพิณสบตาปลาเขม็ง
“เพราะพิณไม่อยากได้ชื่อว่าสมรู้ร่วมคิดกับพี่เซียนขโมยเงินของนายปลาใหญ่น่ะซิ”
“ไม่ได้ขโมยเว้ย นี่คือปลาใหญ่”
“หน้าด้าน”
ปลาใหญ่สบตาสายพิณอย่างโกรธจัด สายพิณมองสบตาไม่ลดละ

น้ำเพชรค่อยๆ เปิดประตูออกมา มองไปทางห้องกิมฮวยแล้วย่องลงบันได น้ำเพชรรีบเดินไปทางหน้าร้านอย่างรวดเร็ว น้ำเพชรเปิดประตูเหล็กออกมาแล้วล็อคใส่กุญแจแน่นหนา น้ำเพชรเก็บกุญแจในกระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินไปจากที่นั้นทันที
น้ำเพชรลงจากแท๊กซี่ เดินตรงมาที่บริเวณหน้าวินมอเตอร์ไซค์ ครรชิตและลุงป่องกำลังนั่งคุยกันอยู่รีบลุกขึ้นครรชิตรับไหว้น้ำเพชร
“ยังไม่มากันอีกหรือคะ”
“ยังเลย”
“ไม่รู้ว่ามันจะหลงกลเราหรือเปล่า ไอ้นี่มันยิ่งเขี้ยวๆ อยู่”
“ว้า”
ครรชิตดูนาฬิกาข้อมือแว่บหนึ่ง
“เดี๋ยวก็รู้”

“พี่จะกลับละ” ปลาใหญ่ลุกขึ้น แต่แล้วก็เซไปเล็กน้อย ปลาใหญ่สะบัดหน้า “แผ่นดินไหวเหรอ”
สายพิณรีบลุกขึ้น ขณะที่กลุ่มชายสี่เดินตรงมา
“รีบพาไปเถอะ”
ชายสี่กับมอม เข้าพยุงปลาใหญ่
“เฮ้ย! จะพากูไปไหน”
สายพิณเดินไปจ่ายเงินขณะที่ป๋องรีบเดินนำทั้ง 3 คนไปอย่างรวดเร็ว

ที่บ้านหมอแม่น ขณะนั้นกระหังกำลังตั้งแท่นบูชาทำพิธีโดยมีหมอแม่นเป็นผู้ช่วย
“อย่าให้ขาดเหลืออะไรนะ หัง”
“เดี๋ยว ขอทบทวนอีกทีก่อน”
กระหังหันไปดูบรรดาเครื่องบูชา เครื่องเซ่นต่างๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คงจะมากันแล้ว ฉันออกไปดูเอง! แกทบทวนของแกไป”
หมอแม่นบอกแล้วลุกไปเปิดประตู แต่ต้องทุกคนเมื่อพบทุกคนมายืนรอ ขณะที่ชายสี่และมอมช่วยกันประคองปลาใหญ่
“เฮ้ย ทำไมแห่กันมาขนาดนี้ ไป! กลับๆ ไปให้หมด เหลือแค่ไอ้เซียน คุณปลาใหญ่ก็พอ”
“ไม่ได้ ฉันต้องคอยอยู่ดูแลคุณปลาใหญ่” ครรชิตบอก
“พวกฉันก็ต้องคอยดูไอ้เซียน”
“ฉัน ...” น้ำเพชรกับสายพิณจะบอกแต่หมอแม่นรีบยกมือห้าม
“พอ ...ถ้าจะอยู่หมดนี่ ทุกคนต้องเงียบ อย่าได้ส่งเสียงอะไรเด็ดขาด”
“ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามา ไม่ต้องแย่งกัน ผู้หญิงเข้ามาก่อน”
น้ำเพชรและสายพิณเดินเข้ามา ทุกคนตาม ชายสี่และมอมวางร่างปลาใหญ่ลงบนเสื่อ กระหังลุกเดินมาข้างหลังเซียน แล้วยกไม้ในมือฟาดหัวเซียน เซียนทรุดลงสลบท่ามกลางความตกใจของทุกๆ คน น้ำเพชรเข้าไปทรุดตัวลง ช้อนหัวเซียนขึ้นมาแล้วมองกระหังฉุนๆ
“เฮ้ย ตีหัวคุณปลาใหญ่ทำไม”
ทุกคนพยักเพยิด
“ถ้าไม่ตีให้สลบ แล้ววิญญาณจะออกมาได้ไง ถามโง่ ๆ”
น้ำเพชรพยายามกลั้นความโกรธ
“อ้อ...”
“ปล่อยได้แล้ว...นังหนู”
น้ำเพชรค่อยๆ ปล่อยเซียน กระหังลากเซียนไปนอนข้างปลาใหญ่
“ออกไปเลยทั้ง 2 คน ไปตบกันข้างนอก” หมอแม่นบอกน้ำเพชรกับสายพิณ
“หมอแม่น”
“ข้าบอกให้ออกไป”

สองสาวหน้างอ

อีกด้านหนึ่งที่บ้านของกระสัง กระสือลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้ามึนๆ งงๆ กระสือเบือนหน้ามาทางที่นอนกระหังแต่ไม่เจอกระหัง

“ไอ้หังหายหัวไปไหน” กระสือลุกเดินออกมาจากห้องแล้วตะโกนเรียก “ไอ้หัง... ไอ้หัง” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
“หรือว่ามันจะมีกิ๊ก มิน่า 2-3 วันมานี่ ดูทำลึกลับซับซ้อนพิก๊ล จับได้ละมึ้ง...ตายลูกเดียว”
สีหน้ากระสือดูโหดเหี้ยม ตาลุกวาว

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านหมอแม่น กระหังยังคงโอมอ่านภาวนามนต์ไปโดยมีหมอแม่นคอยหยดเทียนใส่ขันน้ำมนต์ มอมยื่นหน้าไปกระซิบถามลุงป่อง
“แล้วเมียแกล่ะ ลุง... ทำไมถึงได้ปล่อยลุงกระหังมาได้”
“มันกินยานอนหลับ” ลุงป่องกระซิบตอบ
“หา วางยากันเลยเรอะ”
มอมถามเสียงดังด้วยความลืมตัว ทุกคนหันมามองมอมอย่างตำหนิ
กระสืบออกมาเดินหากระสังซึ่งขณะนั้นดึกแล้วทั้งซอยจึงเงียบกริบ กระสือเดินเหลียวซ้ายแลขวามองหากระหังพลางบ่นพลาง
“ไอ้หังนะไอ้หัง”
กระสือเดินเรื่อยจนถึงทางแยกเข้าบ้านแม่น กระสือจะเดินผ่านไปแล้วแต่ชะงักเมื่อเห็นลุงป่องเดินออกมากับป๋อง
“ค่อยยังชั่ว ค่อยหายใจหายคอออกหน่อย”
“ข้างในคนมันเยอะ” ป๋องบอก แต่เมื่อหันมาเจอกระสือจึงชะงัก “ลุง กระสือมาแล้ว”
ลุงป่องสะดุ้งเฮือกกระโดดขึ้นเข้าสะเอวป๋องทันที
“เฮ้ย”
กระสือเดินตรงมา
“พี่ป่อง ไอ้ป๋อง”
“กระสือ คนนี่หว่า” ลุงป่องลงจากเอวป๋อง
“ก็ใช่น่ะซิ”
“เห็นไอ้หังหรือเปล่า”
ป๋องและลุงป่องหันมาสบตากัน

ภายในบ้านหมอแม่นขณะนั้นกระหังท่องมนต์ภาวนาโดยมีหมอแม่นเป็นลูกคู่ ทุกคนมองเขม็งมาที่ร่างของเซียนและปลาใหญ่ ซึ่งยังคงนอนสงบเงียบ กระหังเร่งคาถาเร็วขึ้น เงารางๆ ของเซียนค่อยๆ ลอยขึ้นมาเหนือร่างปลาใหญ่ทุกคนเบิกตากว้าง เงารางๆ ของปลาใหญ่ลอยขึ้นมาเหนือร่างเซียน
“ไอ้เซียน คุณปลาใหญ่ ได้เวลากลับร่างเดิมของตัวเองแล้ว”
กระหังบอก เงาของเซียนทำหน้ากวนๆ
“เสียใจ ฉันไม่กลับ มี’ไรมั้ย”
“งั้นก็ลอยล่องเป็นพวกผีพเนจรต่อไปเถอะ”
เงาปลาใหญ่บอกพร้อมกับพุ่งตัวมาจะเข้าร่างเดิมของตัวเอง แต่เงาเซียนผลักเงาปลาใหญ่กระเด็นไป
“พี่เซียน พิณขอร้อง”
“พิณไม่เข้าใจ พี่อยากสบายก็เค้ามั่ง”
“นายเซียน แกอย่าเห็นแกตัว ฉันสั่งแกได้ยินมั้ย”
“คุณน้ำเพชร เห็นใจผมด้วยเถอะ”
“ไม่ต้องไปขอร้องมัน”
ปลาใหญ่เข้าจู่โจมเซียน เซียนหลบแล้วโต้ตอบ ปลาใหญ่ต่อยไม่เก่งเท่าเซียน น้ำเพชรจึงโวยวายเมื่อเห็นเซียนเล่นงานปลาใหญ่
“ไอ้เซียน หยุดเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุด”
“ไม่ต้องหยุด พี่เซียน”
สายพิณบอก น้ำเพชรจึงควงกำปั้นซัดสายพิณโครม
“ไม่หยุดเรอะ นี่ไง ไม่หยุด”
สายพิณเซไปแล้วพุ่งเข้าตอบโต้
“เล่นทีเผลอเรอะ นี่แน่ะ”
น้ำเพชรกับสายพิณหันมาตบตีกัน คนอื่นเริ่มแบ่งข้างเชียร์โดยไม่ฟังกระหังที่พยายามห้าม เหตุการณ์จึงดู
ดูชุลมุนวุ่นวาย

ด้านนอกขณะนั้นกระสือเดินตรงมาที่บ้านหมอแม่นโดยลุงป่องและป๋องรีบตามมาขวางไว้
“เดี๋ยว กระสือ”
“ช้าก่อน หยุดก่อน”
ป๋องคว้าแขนกระสือไว้ กระสือสะบัดจนทั้งสองกระเด็นไป
“ไปให้พ้น ฉันรู้แล้วว่าไอ้หังมันเป็นชู้กับนังแม่น”
“เฮ้ย! ไปกันใหญ่แล้ว”
“ป้าสืออย่าเข้าใจผิด”
“ผิดเรอะ เดี๋ยวฉันจะควักตับไตไส้พุงของนังหมอแม่นมาให้ดู”
กระสือก้าวพรวดๆ เข้าไปที่บ้าน ลุงป่องและป๋องรีบลุกขึ้น วิ่งตาม

ภายในบ้านขณะนั้นความชุลมุนวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปในลักษณะที่เซียนขัดขวางเต็มที่ในขณะเดียวกันก็พยายามจะเข้าร่างปลาใหญ่ ซึ่งปลาใหญ่ก็ขัดขวางเต็มที่เช่นกัน
ประตูเปิดผลั๊วะออกกระสือก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึง
“ไอ้หัง นังหมอแม่น”
ลุงป่องและป๋อง ตามพรวดพราดเข้ามา ทุกคนหันมามอง เซียนถือโอกาสถีบปลาใหญ่กระเด็นไปเข้าร่างเซียน ส่วนตัวเองรีบเข้าร่างปลาใหญ่
“นี่มันอะไรกัน” กระสืบถามอย่างงงๆ
“จะอะไรกันอีก นอกจากเอ็งมาทำลายพิธี “กลับร่างสร้างความถูกต้อง” น่ะซีเว้ย นังกระสือ”
หมอแม่นบอกอย่างฉุนๆ กระสือมองไปที่สีหน้าตำหนิติเตียนของแต่ละคนอย่างงงๆ และเจื่อนๆ

เวลาผ่านไป ครรชิตขับรถกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหงุดหงิด ขณะเหลือบมองขาที่เขย่าไปมาแว่บหนึ่ง เซียนซึ่งอยู่ในร่างปลาใหญ่หยุดเขย่าขาพยายามสร้างบรรยากาศด้วยน้ำเสียงสดชื่น
“โชคดีนะที่คุณมาแท็กซี่ ไม่อย่างนั้นก็ต้องแยกกันกลับคนละคัน”
“คิดว่าฉันอยากนั่งรถคันเดียวกับแกงั้นเรอะ นี่ถ้าไม่ติดว่าแกมาสิงอยู่ในร่างคุณปลาใหญ่ละก็ ฉันจะให้แกแยกไปอยู่อีกโลกด้วยซ้ำ”
ปลาใหญ่ยังทำใจดีสู้เสือ
“เรื่องมันแล้วไปแล้วน่า คุณคัน…ถ้าคุณยังกังวลเป็นห่วงปลาใหญ่อยู่ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ผมจะปลูกบ้านให้ใหม่
จะเอาใหญ่โตขนาดไหนก็ได้ แล้วเอาป้าผมไปอยู่ด้วย ผมพร้อมจะจ่ายเงินเดือนเยอะๆ ให้ทุกเดือน ... เล้ย ... ย”
ปลาใหญ่ร้องลั่นเมื่อครรชิตหักพวงมาลัยอย่างแรงเร็วเข้าจอดข้างทาง จนปลาใหญ่หน้าคะมำ ครรชิตจับคอเสื้อปลาใหญ่ด้วยสีหน้าโกรธจัด
“ไอ้เซียน ฉันอยากจะฆ่าแก”
ปลาใหญ่ดึงมือครรชิตออกอย่างใจเย็น
“ไม่เอาน่ะ อย่าโทโสซิ ถ้าคุณฆ่าผมตายคุณก็ติดคุกไป ผมก็ไปเกิดใหม่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรในขณะที่ปลาใหญ่ก็จะกลายเป็นผมไปจนตลอดชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี่จะทำให้คุณก้องกับพวกได้ครอบครองมรดกทั้งหมดโดยชอบธรรม”
ครรชิตมองปลาใหญ่ พลางขบกรามแน่น “สู้เรามาตกลงกันดีๆ พบกันคนละครึ่งทางจะได้วินๆ ทั้ง2 ฝ่าย ...จริงมั้ย”

ครรชิตนั่งนิ่งพยายามระงับอารมณ์ครู่หนึ่ง แล้วขับรถออกไป ปลาใหญ่ยิ้มนั่งเขย่าขาต่ออย่างสบายอารมณ์

ส่วนน้ำเพชรเมื่อกลับมาบ้าน เธอควงกำปั้นแล้วตบผนังเพื่อระบายอารมณ์

“โอ๊ย” น้ำเพชรร้องลั่นสะบัดมือเร่าๆ “โอ๊ย เจ็บจริงนี่หว่า” น้ำเพชรยกมือขึ้นดู มือน้ำเพชรเขียวคล้ำด้วยแรงกระแทก น้ำเพชรเจ็บจนน้ำตาคลอ “สงสัยมือจะหัก ...”
เสียงเคาะประตูรัวเร็วดังขึ้นพร้อมเสียงกิมฮวยและเติมศักดิ์ที่ถามอย่างเป็นห่วง
“อาน้ำ อาน้ำ ใครทำอะไรลื้อ เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“อาน้ำ เปิดประตู”
น้ำเพชรบอกเสียงเครือด้วยความเจ็บ
“น้ำเปล่าเป็นอะไร หม่าม้ากับเตี่ยไปนอนเถอะ”
“ไอ๊หยา เสียงลื้อเหมือนร้องไห้ ไม่เป็นไรได้ไง เปิดประตูให้หม่าม้า ...”
กิมฮวยพูดไม่ทันจบ น้ำเพชรเดินมาเปิดประตูน้ำตาไหลพราก เติมศักดิ์ถือปืนเดินเข้ามาแล้วเล็งกราดไปทั่วห้องขณะที่กิมฮวยกอดลูกแน่น
“ไหน มันอยู่ที่ไหน อาน้ำ”
“ใครคะ”
“ก็ไอ้คนที่มันทำลื้อไง หรือว่ามันหนีไปแล้ว อาฮวยโทร.เรียก 191 เร็ว”
“ไม่ต้องโทร .หรอก ไอ้คนนั้นมันอยู่นี่” น้ำเพชรชี้ตัวเอง กิมฮวยและเติมศักดิ์งงหนัก “น้ำทำตัวเอง น้ำเอามือต่อยผนังห้อง...”
น้ำเพชรยกมือให้พ่อกับแม่ดู
“ไอ้หย๊า”
กิมฮวยกับเติมศักดิ์ร้องออกมาอย่างตกใจ

ส่วนที่บ้านของสายพิณ เมื่อสายพิณกลับมายายปิ่นมองสายพิณอย่างจับผิด
“เอ็งหายไปไหนมาดึกๆ ดื่นๆ”
“อากาศมันร้อน น่ะจ้ะ ยาย พิณก็เลยไปเดินเล่นตาก...ลม”
“อย่าโหก เพราะโกหกจะตกนรกใต้ดิน” สายพิณถอนใจเฮือก “เอ็งไปไหนมา”
“บ้านป้าหมอแม่นจ้ะ ไปทำพิธีกลับร่างสร้างสมดุลย์ให้พี่เซียนกับปลาใหญ่”
“นึกแล้ว สำเร็จหรือเปล่า”
“ไม่จ้ะยาย พี่เซียนเขาไม่ยอมกลับเข้าร่างเดิม แล้วพอดีป้ากระสือเค้าพรวดพราดเข้ามา พิธีก็เลยแตก…พิณไปนอนละนะจ๊ะ ง่วงจัง”
สายพิณเดินเข้าห้องไป ยายปิ่นมองตาม
“ทีหน้าทีหลัง ห้ามไปยุ่งกับพวกมันอีกนะ”
เมื่อเข้ามาในห้อง สายพิณทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าบนที่นอนด้วยสีหน้าท่าทางซึมๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่วิญญาณเซียนไม่ยอมเข้าร่าง สายพิณน้ำตาคลอ
“ทำไมพี่เซียนเป็นแบบนี้ พี่เซียนเกลียดชีวิตเดิมของตัวเองมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ”

ส่วนเซียนเมื่อกลับมาบ้าน เซียนเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเซียนเดินมาหยิบดูแล้วกดรับ
“ว่าไง คุณครรชิต”
“ผมอยากจะฆ่าไอ้เซียน”
“เย็นไว้ก่อน แผน เอ ไม่ได้ผล เราก็ต้องเริ่มแผน บี”
“แผนบี”
“อื้อฮึ แผนบีคือแผนจำกัดการใช้เงิน ไม่ให้นายเซียนใช้อย่างสะดวกสบายอย่างแต่ก่อน ขณะเดียวกันก็กลับไปหยิบแผนดั้งเดิมมาขยายคุณครรชิตจำแผนเดิมได้มั้ย ที่ว่าจะให้นายเซียนทำงานหนักๆ จนเบื่อไปเองน่ะ”
“จำได้ครับ แต่เขาไม่ยอมทำ”
“ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้เงิน เขาจะเซ็นอนุมัติเองก็ไม่ได้เพราะทุกอย่างต้องใช้ลายมือผมอยู่ เป็นไงจีเนียสมั้ย”
“สุดๆ ครับ แต่ไอ้เจ้าเซียนนี่มันเจ้าแสน ...”
“ผมเองก็แสนกล อย่าลืมว่าถ้าไม่แน่จริง ผมก็บริหารบริษัทแทนคุณพ่อไม่ได้ ต่อไปนี้ผมจะใช้ความเป็นจีเนียสทวงร่างของผมกลับคืนมาให้ได้”
เซียนขยิบตาปริบๆ ยิ่งขึ้นด้วยความมั่นใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นชายสี่หาวหวอดๆ ขณะขับรถให้รัญญา เนื่องจากวุ่นวายเรื่องเซียนและปลาใหญ่เมื่อคืนจนดึก
รัญญาลอบสังเกตครู่หนึ่งแล้วพูดเรียบๆ ขึ้นในที่สุด
“จอดรถซิ”
“ทำไมหรือครับ”
“บอกให้จอดก็จอดเถอะน่า”
ชายสี่ขับรถเข้าข้างทางแล้วจอดแบบงงๆ รัญญาเปิดประตูก้าวลงไปแล้วเคาะเรียกชายสี่ให้ตามลงมา
ชายสี่รีบเปิดประตูออกมา อ้าปากจะถามแต่รัญญาพูดขึ้นก่อน
“ไปนั่งข้างโน้น”
“ทำไมหรือครับ”
“ไม่ต้องถาม”
ชายสี่เดินไปเปิดประตูอีกด้าน แล้วก้าวขึ้นไป ในขณะที่รัญญาเข้ามานั่งที่คนขับแทน
“คุณจะทำอะไรน่ะ” ชายสี่ถามอย่างตกใจ รัญญาปรายตามองแว่บหนึ่ง
“ฉันยังไม่อยากตายเพราะนายหลับในขับรถประสานงากับรถคันอื่น”
“ขอโทษครับ พอดีเมื่อคืนผมนอนดึกมาก”
“อ๋อ ไม่ต้องบอกฉันก็รู้”

ชายสี่นั่งหน้าเจื่อนๆ ไปต่อไม่เป็นกับท่าทีและคำพูดของรัญญา

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)

รัญญาขับรถมาจอดที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ชายสี่นั่งระแวงทำตัวไม่ถูกเมื่อพนักงานยกกาแฟมาเสิร์ฟให้ พร้อมขนม

“กินซิ จะได้หายง่วง” รัญญาบอก
“ขอบใจ... เอ๊ย ขอบคุณครับ”
ชายสี่หยิบถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
“เป็นไง ตาสว่างขึ้นหรือยัง”
“ครับ”
รัญญาตักขนมกิน ชายสี่ค่อยๆ หายเกร็งด้วยท่าทีสบายๆ ของรัญญา แล้วตักขนมกินบ้าง รัญญาลอบมองชายสี่ด้วยสีหน้ารังเกียจ แต่พอชายสี่มองมาก็รีบเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างมีไมตรี ชายสี่ดื่มกาแฟรวดเดียวหมด
“อีกถ้วยนึงมั้ย”
“พอแล้วครับ”
“งั้นก็ไปได้”
รัญญาลุกขึ้นเดินนำชายสี่ออกไป

เมื่อถึงบริษัทรัญญาโทรเล่าให้จันทร์ทิพย์ฟัง จันทร์ทิพย์มีสีหน้าตื่นเต้น
“เหรอคะ น้องรันเก่งจังเลยค่ะ แล้วมันเล่าอะไรให้ฟังบ้าง”
“อุ๊ย รันยังไม่ได้ถามอะไรหรอกค่ะ ต้องทำให้มันตายใจเสียก่อน”
“จริงด้วยซีคะ...ต๊าย น้องรันนี่ร้ายไม่ใช่ย่อยนะคะ”
“แหม ถ้าเทียบกับน้าจันทร์แล้วยังห่างไกลค่ะ รันแค่ร้ายอนุบาล น้าจันทร์น่ะร้ายขั้นด็อก...เตอร์เลยละค่ะ ไม่งั้นจะจับคุณพ่อรันได้ยังไง แค่นี้นะคะ” รัญญาวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสะใจ “ได้หลอกด่าอีกแล้ว สะใจ”
จันทร์ทิพย์หน้าบึ้ง
“ฮึ! ขอให้แกเสร็จไอ้ยาจกนั่นจริงๆ เท้อะ แม่จะหัวเราะไม่หยุด 7 วันเจ็ดคืนเลย”

มือน้ำเพชรบาดเจ็บจากการทุบผนังเมื่อคืนนี้ เธอจึงโทรศัพท์ไปลางานกับครรชิต
“น้ำไม่อยากให้ใครเห็นมือน่ะค่ะ ขี้เกียจตอบคำถาม”
“งั้น พักให้มือหายก่อนก็แล้วกันค่อยมาทำงาน”
“ค่ะ ...ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นน้ำเพชรหยิบขึ้นมาดู สีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเบอร์ปลาใหญ่ ปลาใหญ่คอยโทรศัพท์ด้วยความกระวนกระวาย
“รับซิ รับซิ คุณน้ำเพชร” ไม่มีใครรับจนมีเสียงให้ฝากข้อความดังขึ้นแทน ปลาใหญ่ทำหน้าเซ็งๆ “ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับโทรศัพท์ปลาใหญ่ได้ไง”
ปลาใหญ่ผลุนผลันออกไป

ปลาใหญ่มาหาครรชิตที่ห้อง
“เพราะนายคือปลาใหญ่กำมะลอน่ะซิ นั่นคุณปลาใหญ่ตัวจริงอยู่ในร่างนาย”
ปลาใหญ่หันมามองเซียน เซียนขยิบตาถี่ๆ แล้วยกมือตะเบ๊ะกวนๆ บ้าง เสียงสัญญาณฝากข้อความดังที่มือถือของเซียน เซียนหยิบขึ้นมากดดูข้อความที่หน้าจอ “กลางวันนี้ ขอพบเป็นส่วนตัวที่ร้านข้าวหน้าเป็ดที่คุณปลาใหญ่ชอบได้ไหมคะ” เซียนกระพริบตาแล้วกดโทรศัพท์ พลางลุกขึ้นเดินออกไปพูดข้างนอก
“โทรศัพท์ใคร”
ปลาใหญ่พึมพำออกมาอย่างระแวง
“นายเซียน...ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็ไปได้”
“ผมจะเตือนด้วยความหวังดีว่า ทั้งคุณครรชิตทั้งคุณปลาใหญ่ควรจะยอมรับความจริงได้แล้วว่าเวลานี้ผมคือปลาใหญ่อย่างที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ผมจะได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของมัน”
“ไม่มีใครที่จะได้ทุกอย่างได้ตลอดไปหรอก”
“มีซิ ! ผมนี่ไง”
“ก็ลองดูไปก็แล้วกัน”
เซียนเดินกลับเข้ามาพูดกับครรชิตทำเหมือนปลาไม่มีตัวตน
“น้ำเพชรโทร.มา ...”
“โทร. มาว่าไง” ปลาใหญ่รีบถาม เซียนมองปลาใหญ่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ถ้าอยากจะเป็นฉันจริงๆ ต้องมีมารยาทมากกว่านี้ เพราะฉันจะไม่สอดหรืออยากรู้อยากเห็นเรื่องของใคร”
ปลาใหญ่ชี้หน้าเซียน
“แกยังไม่รู้จักฉันดี”
“นายก็ยังไม่รู้จักฉันดีเหมือนกัน”
ทั้งสองมองสบตากัน ต่างคนต่างท้าทาย
ปลาใหญ่เดินออกมาจากห้องครรชิตด้วยสีหน้าหงุดหงิดขณะกดโทรศัพท์หาชายสี่
“...ข้าเอง .... ชายสี่”

ชายสี่ชำเลืองมองปลาใหญ่ทางกระจกหลัง ซึ่งปลาใหญ่นั่งตัวสั่นเพราะเขย่าขาด้วยความเคยชิน สีหน้าเหมือนกำลังหมกมุ่นครุ่นคิดหนัก
“ท่านประธานจะให้ผมพาไปไหนครับ”
ชายสี่ถามเสียงเรียบแต่แฝงแววประชดประชัน ปลาใหญ่ขยับตัว
“เอ็งไม่ต้องมาแดกดันข้าหรอก”
“ทำไมเอ็งทำแบบนี้วะ”
ชายสี่ถามอย่างไม่เข้าใจ ปลาใหญ่จึงให้ชายสี่ขับรถพามาที่ห้างหรูแห่งหนึ่ง ปลาใหญ่เดินนำชายสี่มาที่ร้านขายเสื้อผ้าราคาแพง ชายสี่มองเสื้อผ้าด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจปลาใหญ่ตบไหล่ชายสี่เบาๆ
“เลือกเอาตามสบายเลย”
ชายสี่ส่ายหน้าทันที
“ไม่ละ”
“เฮ้ย ข้ามีเงินเยอะ”
“ข้าจะไม่มีวันร่วมมือกับเอ็งปล้นเงินคนอื่นเด็ดขาด” ปลาใหญ่มองหน้าชายสี่เขม็ง “จะซื้ออะไรก็เชิญ ข้าจะไปรอที่รถ”
ชายสี่หันหลังเดินกลับ ปลาใหญ่ถอนใจเฮือก
“เดี๋ยว” ชายสี่ยังเดินต่อ ปลาใหญ่รีบตามไป “ เฮ้ย! ชายสี่”

เมื่อออกจากห้างหรู ทั้งคู่แวะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“จะกินอะไร” ปลาใหญ่ถามชายสี่
“น้ำแข็งเปล่า”
ปลาใหญ่ถอนใจเฮือก แล้วหันไปสั่งอาหาร
“ข้าวมันไก่ 2 กาแฟเย็น 2” บริกรเดินไป ชายสี่นั่งนิ่ง “ชายสี่ เอ็งเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายกว่าคนอื่น ...”
“นอกจากเรื่องนี้” ชายสี่สวนขึ้นทันทีทำให้ปลาใหญ่ถึงกับหงุดหงิด
“ข้านึกว่าเอ็งจะเข้าข้างข้าเสียอีก”
“นั่นแสดงว่า เอ็งไม่รู้จักข้าเลย”
ปลาใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง
“ถ้ามีโอกาส เอ็งก็ต้องทำแบบข้า...เชื่อซิ” ชายสี่ส่ายหน้า
“เอ็งไม่รู้จักข้าจริงๆ ไอ้เซียน”
บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟแล้วเดินไป ชายสี่เลื่อนจานที่วางตรงหน้าตัวเองไปให้ปลาใหญ่
“เฮ้ย”
“บอกแล้วว่าข้าจะไม่ช่วยเอ็งปล้นเงินคนอื่น”
“หมดอารมณ์กินเลย”

ต่างคนต่างทำหน้าเซ็ง

ที่ร้านทองกิมฮวย กิมฮวยกำลังคุยเสียงดังกับลูกค้าขณะเติมศักดิ์มองกราดไปทั่ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่จะเข้ามาต้องล่าถอยออกไปเพราะท่าทีขึงขังจะเอาเรื่องของเติมศักดิ์ กิมฮวยหันมาเห็นพอดี

“อาเติม ลื้อทำหน้าตาเอาจริงเอาจังแบบนี้ลูกค้าหายไปหมด โน่น ลื้อต้องดูอาพิชิตเป็นตัวอย่าง”
พิชิตดูกระปลกกระเปรี้ยแม้จะพยายามทำท่าทางขึงขังก็ตาม
“ดูอาพิชิตเป็นตัวอย่าง”
“เออ”
“ขืนอั๊วละห้อยละเหี่ยแบบอาพิชิต มีหวังโจรมันเข้ามาปล้นวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร”
“พูดจาอัปมงคล”
น้ำเพชรเดินออกมา แต่งตัวจะออกไปข้างนอก
“อาน้ำเพชร นั่นลื้อจะไปไหน”
“ไปธุระค่ะ”
น้ำเพชรบอกแล้วรีบเดินออกไป
“ธุระอะไรของมัน ลูกคนนี้แปลก”
“ลื้อนั่นแหละแปลก มีลูกคนเดียว พูดเหมือนมีหลายคน”

น้ำเพชรมาที่ร้านขายข้าวหน้าเป็ด ซึ่งขณะนั้นเซียนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เซียนยกมือให้น้ำเพชรเห็น น้ำเพชรรีบเดินตรงมาแล้วยกมือไหว้เซียน
“เชิญนั่ง”
“ขอบคุณค่ะ ...ขอพูดอะไรตามตรงหน่อยได้มั้ยคะ”
“เอาซิ”
“ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณปลาใหญ่อยู่ในร่างนายเซียน แต่น้ำก็อดตะขิดตะขวงใจไม่ค่อยได้”
“ผมเข้าใจ เอาอย่างนี้ ถ้าไม่อยากไหว้เพราะรูปร่างหน้าตาของนายเซียน...คุณก็ไม่ต้องไหว้ผม”
“ไหว้ไปแล้วค่ะ”
เซียนยกมือไหว้น้ำเพชร
“งั้นผมไหว้คืน”
“รู้สึกดีขึ้นตั้งแยะ” น้ำเพชรยิ้ม เซียนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งให้
“ถ่ายรูปไว้ให้เขาดูหน่อย”
เซียนยกมือไหว้น้ำเพชรอย่างนอบน้อมโดยน้ำเพชรวางท่าสง่า อีกมือถือกล้องถ่ายรูปโดยไม่ทันรู้ตัวว่าทุกคนในร้านต่างมองอย่างแปลกใจ บางคนนึกสนุกเอากล้องขึ้นมาถ่ายบ้าง
“ขอบคุณ ... อยากได้ท่ากราบกรานมั้ย”
เซียนลงจากเก้าอี้ไปที่พื้นเตรียมกราบ
“ดีเหมือนกันค่ะ”
เซียนก้มกราบ น้ำเพชรถ่ายเป็นคลิปแล้วส่งคืนให้เซียน
“ผมจะส่งให้คุณครรชิต”
เซียนกดส่งคลิปแล้วรูปไปให้ครรชิต
ครรชิตเดินออกมาจากลิฟท์ มีเสียงสัญญาณจากโทรศัพท์ดังขึ้น ครรชิตหยิบขึ้นมาดูแล้วมีสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะหัวเราะลั่น
“ไม่ใช่ขี้ไก่เลย ... คุณปลาใหญ่”

ชายสี่ขับรถมาติดไฟแดง เสียงสัญญาณส่งข้อความโทรศัพท์ของปลาใหญ่ดังขึ้น ปลาใหญ่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแล้วเบิกตากว้าง
“ไอ้ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่ปิดโทรศัพท์สีหน้าหงุดหงิดสุดๆ ขณะที่ขาก็เขย่าถี่ขึ้นตามอารมณ์ ชายสี่ชำเลืองมองทางกระจกหลังแว่บหนึ่งแต่ไม่พูดอะไร

ชายสี่ขับรถมาส่งปลาใหญ่ที่บริษัท ปลาใหญ่เปิดประตูห้องทำงานครรชิตเข้ามาอย่างหงุดหงิด เซียนและครรชิตเงยหน้าขึ้นมอง
“อ้อ อยู่กันพร้อมหน้าพอดี” ครรชิตยักไหล่ แบมือเป็นเชิงถาม “ฉันขอไล่แกออก ไอ้ปลาใหญ่”
“ถ้าไล่ฉันออก...ใครจะวางแผนทำงานเพื่อพัฒนาบริษัท ลำพังนายน่ะเรอะ อย่าหาว่าดูถูกเลยตัวเองยังเอาไม่รอด”
“คุณอาก้องยังอยู่”
“อ๋อ ...เขาอยู่ แต่นายจะถูกเขาเขี่ยทิ้ง ขอเตือนไว้อีกอย่างถ้าแกจะเอาร่างกายฉันไปทำอะไรให้เสื่อมเสียฉันก็ไม่แคร์เพราะฉันอยู่ในร่างของนายเซียนผู้ต่ำต้อย ส่วนนายคือคุณปลาใหญ่ผู้สูงส่งเพียบพร้อม นายจะต้องรับผลการกระทำของตัวนายเองทั้งหมด”
“อีกอย่าง ... ไม่ว่าจะทำอะไร นายต้องอาศัยลายเซ็นของคุณปลาใหญ่” ครรชิตบอก ปลาใหญ่หัวเราะ
“ฉันเซ็นเองได้”
“ได้... แต่ถ้าจะดูกันจริงๆ แล้ว มันไม่เหมือนเปี๊ยบหรอก” เซียนบอก ปลาใหญ่ชี้หน้าเซียนกับครรชิต
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ปลาใหญ่เดินออกไป เซียนเอนตัวพิงพนักพ่นลมออกมาอย่างสะใจ

“เอ๋อเหวอไปเลย”

ปลาใหญ่กลับมาที่ห้องแล้วชะงักเมื่อเห็นดาริกาและรัญญาซึ่งมีท่าทางเหมือนกำลังคุยกันออกรสหันมามอง รัญญาลุกขึ้นเดินมาจูงปลาใหญ่ด้วยท่าทีกระตือรือร้น

“ปลาใหญ่ มารู้จักกับริก้า เพื่อนพี่หน่อย ... ริก้าจ๋า ... นี่ปลาใหญ่ น้องชายรันเอง”
ดาริกาส่งยิ้มหวานให้ปลาใหญ่
“Hi! คุณน้อง”
“จ๊ะจ๋า เรียกปลาใหญ่เฉยๆ ดีกว่าครับ สมัยนี้เขาไม่ถือเรื่องอายุกันแล้ว”
“รัน ... ยูมีบราเธอร์รูปหล่อแล้วก็น่ารักจัง”
“ไอบอกยูแล้ว เออ ... ปลาใหญ่ เลขาเธอหายไปไหนล่ะ”
“เขาลาป่วยครับ”
“ว้า ผิดหวังนะเนี่ย นึกว่าลาออก” ปลาใหญ่หน้าขรึมลง “ล้อเล่นน่า เมื่อวานที่มีเรื่องกับเขาพี่หายโกรธแล้วนะ
...ฝากบอกเขาด้วย แล้วพี่ก็ต้องขอโทษเธอเหมือนกันที่มาก้าวก่ายไล่คนของเธอออก”
“พูดถึงใครเหรอ ขอริก้ารู้เรื่องด้วยได้มั้ย” ดาริกาถามขึ้นมา
“ไม่มีอะไรหรอก ปลาใหญ่...เย็นนี้ พี่ขอเลี้ยงเพื่อเป็นการขอโทษเธอ โอ.เค ป่ะ ชวนริก้าไปด้วย”
“ไปอยู่แล้วละ พี่สาว”
ดาริกาหัวเราะกิ๊ก รัญญาและปลาใหญ่เลยร่วมหัวเราะกันไปด้วย

ขณะนั้นชายสี่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่มุมของพนักงานขับรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นชายสี่หยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับ
“มีอะไรจะให้ผมหรือครับ”
รัญญาทำเบ้ปากเยาะๆ แล้วดัดเสียงหวาน
“แหม...ไม่มีหรอกจ้ะ...ฉันจะโทรมาบอกว่าเย็นนี้เธอกลับได้เลย ฉันจะไปดูหนังฟังเพลงกับปลาใหญ่”
ชายสี่ชะงัก
“ไปกัน 2 คันหรือครับ”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ ปลาใหญ่เป็นน้องชายฉันนะจ้ะ”
“ขอโทษครับ ผมลืมไป”
“ฉันมีเพื่อนไปด้วย ว่าจะยุให้ปลาใหญ่จีบเขาน่ะแค่นี้นะจ้ะ” รัญญาวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเยาะๆ “นึกว่าจะทำหยิ่งไปถึงไหน”
ชายสี่มีสีหน้าใคร่ครวญและเป็นกังวล
“จะเป็นแผนของคุณรันหรือเปล่าก็ไม่รู้”

อีกด้านหนึ่งร้านทองกิมฮวย เมื่อน้ำเพชรกลับมากิมฮวยซักถามน้ำเพชรอย่างเอาจริงเอาจัง
“ลื้อไปไหนมา”
“ก็ไปซื้อของไงหม่าม้า น้ำบอกเป็นหนที่ 999 แล้ว”
“แต่อั๊วไม่เชื่อ” น้ำเพชรถอนใจเฮือก “หมู่นี้ลื้อชอบทำท่ามีลับลมคมใน”
“ลับลมคมในที่ไหนกัน โธ่เอ๊ย”
“ตั้งแต่เมื่อคืนที่ลื้อเอามือไปต่อยผนังห้องแล้ว พอตื่นเช้าก็ไม่ไปทำงานแถมหายไปไหนไม่รู้”
“ก็หายไปซื้อของพวกนี้ไง้ ...หม่าม้า”
“ทำไมหมู่นี้ อาท่านประธานถึงได้ไม่มาที่นี่อีก”
“เขาจะมาทำไมบ่อยๆ ล่ะคะ น้ำขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละร้อนจัง”
น้ำเพชรหยิบถุงต่างๆ ที่ซื้อมาเดินขึ้นไป กิมฮวยมองตาม
“ต้องเรียกอาหมอแม่นมาทำนาย”

เอ็กซ์ปลอมตัวมาหาหมอแม่นที่บ้านพร้อมกับของกำนัลที่มีทั้งขนมและผลไม้ หมอแม่นกำลังเล่าให้เอ็กซ์ฟังเพลิน
“โอ๊ย พอนังกระสือพรวดพราดเข้ามาเท่านั้นแหละ เอ็กซ์เอ๊ย พิธีแตกหมด”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ... เรื่องแบบนี้ ... พ.ศ. นี้ ไม่น่าเป็นไปได้”
“อ้าว ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะเว้ย ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามพวกไอ้ป่องดู ข้าพาไปก็ได้”
หมอแม่นขยับจะลุก เอ็กซ์รีบจับแขนไว้
“ไม่ต้อง ฉันเชื่อยาย…ว่าแต่ห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาดนะว่าฉันมาหายาย”
“ไอ้ข้าน่ะมันขี้ลืม”
เอ็กซ์ส่งใบละพันให้ 1 ใบ
“พันนึงพอจะแก้ขี้ลืมได้มั้ย ขนมพวกนี้อีก”
“ลืมสนิทเลย”
“เฮ้ย”
“ลืมไอ้ที่เอ็งมาหาข้า มาซักถามอะไรต่ออะไรไง ลืมสนิท”
“ดีมากเลยยาย เจ้านายฉันใจงี้กว้างเป็นแม่น้ำ ถ้าฉันมาหาข่าวจากยายไปบอกท่าน ท่านก็จะได้ฝากเงินฝากทองข้าวของมาให้อีก”
หมอแม่นยกมือไหว้ท่วมหัว
“เจ้าประคู้น ขอให้เจริญๆ เถอะ เออ...ว่าแต่เอ็งหายไปไหนมาตั้งนาน”
“ถามยังกับฉันเป็นคนแถวนี้แน่ะ”
“ถึงไม่ใช่คนแถวนี้ แต่เอ็งก็เคยมาตีกับไอ้เซียนบางทีไอ้เซียนก็ไปตีกับเอ็ง ล่าสุดมันมาเล่าว่าเอ็งไปติดคุก”
“เขาเรียกว่าไปพักผ่อนหาแรงบันดาลใจ”
“อ้อ ...อ...อ”
“ไปละยาย อย่าลืม มีอะไรก็ส่งข่าวด้วย เบอร์มือถือจดไว้ให้แล้ว”
“เออ! ไปเหอะ” เอ็กซ์ลุกเดินไปที่ประตู “เดินทางปลอดภัยนะจ้ะ หายไปไม่เท่าไหร่กลับมาอีกทีหัวล้านแล้ว”
เอ็กซ์ขี่มอเตอร์ไซค์ช้าๆ มาตามทางเดินในซอย เอ็กซ์มองซ้ายมองขวาจนมาถึงหน้าบ้านเซียน
 
เอ็กซ์หยิบถุงผ้าที่แขวนไว้ตรงแฮนด์ใช้ความว่องไวปาเข้าไปแล้วเร่งความเร็วออกไป

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)

“แกไม่เคยบอกฉันมาก่อนเลยนี่ว่ารู้จักกับคนพวกนี้มาก่อน”

เกริกก้องถามเมื่อเอ็กซ์โทร.มารายงานความคืบหน้าเรื่องที่ให้ไปสืบ
“คนอื่นก็งั้นๆ แหละครับ แต่ไอ้เซียนนี่ศัตรูตัวฉกาจเพราะขี่มอ’ไซค์แข่งกันบ่อย”
“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเลิกงานแล้วค่อยคุยกัน”
“ได้ครับ เจ้านาย”
เกริกก้องวางโทรศัพท์ สีหน้าครุ่นคิด
ค่ำวันเดียวกันนั้นเกริกก้องนัดเจอกับเอ็กซ์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยพาจันทร์ทิพย์มาด้วย
“ถ้าเป็นจริงอย่างที่เล่าก็จัดการกำจัดปลาใหญ่ในร่างนายเซียนเสียเลยที่เหลือก็ง่ายแล้ว”
เกริกก้องบอก
“ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ”
“ผมแน่ใจว่าเชื่อได้ครับ”
“แกไปจัดการตามนี้ก็แล้วกัน”
“ครับ”
บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งหมดกินกันไปคุยกันไป

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านของเซียน สายไหมและเซียนก็กำลังนั่งคุยกัน
“แล้วจะทำยังไงกันต่อไป...”
“ก็คงต้องหาวิธี ...” เซียนชะงักเมื่อเห็นกระเป๋าผ้าที่เอ็กซ์โยนเข้ามา
“อะไร” สายไหมมองตามสายตาเซียน เซียนลุกเดินไปหยิบมา
“กระเป๋าของป้าหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ ป้าไม่เคยเห็น” เซียนทำท่าจะรูดซิปเปิด “ระวังจะเป็นระเบิดนะ”
“ไม่น่าจะใช่” เซียนค่อยๆ เปิดซิปออก โดยสายไหมถอยไปอยู่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าหวาดๆ พอเปิดกระเป๋าออกมาเซียนถึงกับผงะด้วยความตกใจ “เฮ้ย”
“อะ...อะ...อะไร”
ของที่อยู่ในกระเป๋าคือซากสัตว์ตาย เลือดโชก เซียนรีบปิด
“ป้าอย่าดูเลย”
เซียนหิ้วกระเป๋าจะเดินลงไป
“เอามานี่” สายไหมบอกเสียงแข็ง เซียนส่งกระเป๋าให้ สายไหมรับมาเปิดดูแล้วร้องลั่นปล่อยกระเป๋าตกจากมือ
“บอกแล้วว่าอย่าดู”
เซียนส่ายหน้าหยิบกระเป๋านั้นเดินลงจากบ้านไป สายไหมยกมือลูบอกเหมือนยังอกสั่นขวัญหาย

เซียนเอาซากสัตว์ไปฝัง ระหว่างที่กำลังขุดดินอยู่นั้นมอมและป๋องเดินตรงมาหา
“ไอ้เซียน”
เซียนเงยหน้ามอง
“เอ๊ย คุณปลาใหญ่”
“ช่วยหน่อยซิ” เซียนส่งจอบให้มอม มอมพยักเพยิดให้ป๋อง
“ไอ้ป๋องแน่ะ ไอ้ป๋องแข็งแรง”
ป๋องรับมาแล้วบ่น
“อะไรๆ ก็ไอ้ป๋อง”
“ใครวะที่กล้าหาญชาญชัยใจร้ายใจดำขนาดนี้”
“ป้าสายไหมเล่าให้ฟังหรือ !
สองคนพยักหน้า
“แกโทร.มาบอกต้องระวังตัวแล้วละคุณปลาใหญ่ แบบนี้แสดงว่าถูกปองร้าย”
หลังจากฝังซากสัตว์แล้วทั้งหมดจึงมาคุยกันต่อที่บ้านชายสี่
“มันเป็นสัญญลักษณ์แห่งความตาย”
ลุงป่องทำสีหน้าท่าทางเหมือนนักสืบ ทุกคนถอนใจเฮือก
“ถ้าเป็นสัญญลักษณ์แห่งการเกิดคงไม่ใช่แบบนี้หรอกลุง”
“ชายสี่ เอ็งแทรกตัวเข้าไปทำงานใกล้ชิดกับศัตรูของคุณปลาใหญ่ เอ็งต้องสืบมาให้ได้”
ชายสี่มีสีหน้าหนักใจ
“คุณรันไม่น่าจะมีอะไร เท่าที่สัมผัส...”
“สัมผัส”
“ข้าหมายถึงว่า เท่าที่ได้ขับรถให้”
“อ้อ...อ...”
“เขาก็เป็นคนติดดินเหมือนพวกเรา”
“แบบพวกเราเขาเรียกติดโคลน”
“มอมไม่ควรดูถูกตัวเอง มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรี” เซียนบอก
“กูรำคาญไอ้ปรัชญาเมธีนี่จังว่ะ”
“ใช่ .... เมื่อไหร่คุณเอ็งจะเลิกขยิบตาเสียที” ลุงป่องถาม เพราะเห็นเซียนตาขยิบตลอดเวลา
“ก็ต่อเมื่อผมออกจากร่างนายเซียน แล้วผมเป็นจีเนียสไม่ใช่ปรัชญาเมธี”
“เอ็งออกจากนี่ เอ็งก็ไปขยิบที่อื่น”
“นั่นมันเรื่องของผม ... คุณเป็นคนดี” เซียนหันมาบอกชายสี่ ชายสี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แต่คนดีกับคนโง่นั้นห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด”
ทุกคนนิ่วหน้า
“คุณว่าผมโง่”
“ผมว่าคุณเป็นคนดี แต่คนดีกับคนโง่มันห่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด”
“ก็นั่นแหละ” ชายสี่ชักฉุน
“ไม่ใช่ ...”
“หยุด กลับไปได้แล้ว... คุณปลาใหญ่”
ป๋องบอก เซียนลุกขึ้นเดินไปที่ประตูแล้วหันกลับมา
“คุณป๋อง”
“ครับ”
“ผมกลับเข้าร่างได้เมื่อไหร่ ผมจะเปิดร้านอาหารให้คุณ”
ป๋องเบิกตากว้างด้วยความดีใจ เซียนเดินออกไป ป๋องหันขวับมาทางพรรคพวก
“ได้ยินมั้ย คุณปลาใหญ่จะเปิดร้านอาหารให้ข้า”
“ชาติหน้าโน้นละมั้ง ชาตินี้มันไม่มีทางกลับเข้าร่างได้ร้อก”
“ทำไม...ของอย่างนี้เข้าได้มันก็ออกได้หรือออกแล้วก็เข้าใหม่ได้”
“ไปละ” ลุงป่องบอกพร้อมกับลุกขึ้น
“อ้าว ไม่ค้างนี่เรอะลุง”
“บ้านช่องห้องหอข้ามี ข้าไม่ใช่คนจรจัด”

ลุงป่องเดินออกไป

เช้าวันรุ่งขึ้น เซียนเดินลงจากบ้านเตรียมจะไปทำงาน

“ผมไปละครับ ป้า”
“เออ...เอ๊ย จ้ะ ระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณครับ” เซียนชะงัก เมื่อสายพิณยืนรออยู่ห่างจากบ้านเล็กน้อย “คุณสายพิณ”
“ช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ผมรับปากไม่ได้ เพราะไม่อยาก ...”
“ฉันอยากไปทำงานที่บริษัทนาย” สายพิณขัดขึ้นอย่างรำคาญ เซียนมองสายพิณอย่างครุ่นคิด
“คุณจบอะไร”
“เฮ้ย จบอะไรก็ช่างฉัน นายเป็นเจ้าของบริษัท นายใช้เส้นได้”
“ทำไมถึงอยากไปทำงานกับผม”
“ฉันไม่ได้อยากไปทำงานกับนาย ฉันอยากทำงานกับพี่เซียน เข้าใจมั้ย...ฉันเป็นห่วงพี่เซียนเพราะเขาต้องอยู่ท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแร่ด”
“แต่นายเซียนของคุณน่ะก็ไม่ใช่สมันน้อย เขาน่ะแร่ดตัวพ่อเลย”
สายพิณกระชากคอเสื้อเซียน คนผ่านไปมาพยายามห้าม
“พี่เซียนของฉันไม่ใช่แร่ด จำใส่กบาลเอาไว้ด้วยคุณควาย” สายพิณปล่อยคอเสื้อเซียน “ฉันต้องการทำงานที่บริษัทนาย ถ้าไม่ได้ละก็...นายอยู่ที่นี่อย่างลำบากแน่”
สายพิณถลึงตาใส่เซียน เซียนขยิบตามองสายพิณอย่างประหลาดใจ

เซียนเอาเรื่องนี้ไปคุยกับครรชิต
“เอาอย่างนั้นเลยหรือครับ”
“ผมจำได้ว่าครั้งนึง คุณครรชิตก็เคยปรารถนาว่าอยากจะเอาพวกนายเซียนเข้ามาทำงาน”
“ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าจะมาช่วย หรือมาเป็นภาระ”
“ผมรับปากกับสายพิณไปแล้ว”
“นายเซียนอาจจะไม่ยอม”
“ผมจะเซ็นอนุมัติเองกว่านายเซียนจะรู้ สายพิณก็มาทำงานที่นี่แล้ว” ครรชิตมีสีหน้าลำบากใจ “อันนี้เป็นโควต้าของผมเอง ไม่ต้องผ่านใคร”
“ตำแหน่งอะไรดีครับ”
เซียนทำท่าทางครุ่นคิด

สายพิณคุยโทรศัพท์ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่าเซียนยอมรับเธอเข้าทำงานที่บริษัท
“วันนี้เลยหรือคะ ขอบคุณมากค่ะ...กว่าพิณจะไปถึงก็คงประมาณ10 โมง นะคะ”
สายพิณเก็บโทรศัพท์หันกลับมา เจอยายปิ่นท้าวสะเอวมอง
“จะไปไหน”
“ไปทำงานจ้ะ ยาย”
“ทำงาน งานอะไรของเอ็ง”
“ก็งานบริษัทเดียวกับที่พี่เซียนไปทำไงยายไม่อยากเห็นพิณทำงานเป็นเรื่องเป็นราวเหรอจ๊ะ”
“แล้วใครจะช่วยยายขายของ”
“ป้าสือไง ป้าสืออยู่ว่างๆ พิณจะออกเงินค่าจ้างเอง”
“โอ๊ย ไม่ต้อง เอาเงินมาให้ยายดีกว่า ยายขายคนเดียวไหว มันไม่ได้ยุ่งยากอะไร”
“ถ้ายุ่งก็เรียกพี่มอมมาช่วยได้ พิณไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนละ”
สายพิณกลับเข้าไปในห้อง ยายปิ่นตะโกนตามหลัง
“เปลี่ยนเป็นบริษัทอื่นได้มั้ย ยายไม่อยากให้ทำที่เดียวกับไอ้เซียน” ไม่มีเสียงตอบ ยายปิ่นส่ายหน้า
“สงสัยจะไม่ได้”

ครรชิตมาหาเกริกก้องที่ห้องทำงาน เพื่อบอกเรื่องที่หาเลขาให้ปกรณ์
“คุณปกรณ์อยากจะมีเลขา ผมก็หาให้ได้แล้วครับ”
เกริกก้องหรี่ตามองครรชิต
“หมายความว่า คุณยอมหาตำแหน่งใหม่ให้กรณ์”
“ก็คุณก้องเล่นบีบผมทุกทางนี่ครับ”
เกริกก้องหัวเราะ ลุกขึ้นเดินมาตบไหล่อย่างแรงจนครรชิตเซ
“ของอย่างนี้มันต้องรู้ว่าไผเป็นไผ”
“แต่ห้องทำงานอาจจะไม่ใหญ่โตนัก”
“ไม่เป็นไร ขอตำแหน่งก่อนก็แล้วกัน”
ครรชิตยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ

ปกรณ์โทรศัพท์หาจันทร์ทิพย์แล้วเอะอะโวยวายด้วยความไม่พอใจเมื่อมาเห็นห้องทำงานของตัวเอง
“ห้องเล็กยังกับรูหนูยังงี้ พี่อยู่ไม่ได้หรอก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น “จะเข้าก็เข้ามา”
ปกรณ์บอกอย่างหงุดหงิด สายพิณก้าวเข้ามา ปกรณ์ชะงักมองสายพิณหัวจรดเท้าอย่างพอใจ สายพิณยืนสงบนิ่ง
“แค่นี้ก่อนนะ...”
ปกรณ์ตัดบทกับจันทร์ทิพย์ ขณะที่สายตามองสายพิณตาเป็นมัน เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีก แล้วครรชิตเดินเข้ามา
“อะไรอีกล่ะ” ปกรณ์ถามครรชิตอย่างหงุดหงิด
“ผมมาแนะนำเลขาให้คุณกรณ์ครับ ถ้าคุณกรณ์ไม่พอใจ...”
“พอใจ...พอใจมาก ชอบมากด้วย...หนูชื่ออะไรละ”
“สายพิณค่ะ...ชื่อออกจะเชยๆ” สายพิณทำอ่อนหวาน
“โอ๊ะ! ไม่เชยเลย ฟังหวานดีออก หวานเหมือนหน้าและดวงตาของหนูเลย”
“หนูสายพิณยังไม่คุ้นกับงานเลขา” ครรชิตบอก
“ของมันฝึกกันได้ มีใครที่ไหนจะเก่งมาตั้งแต่เกิดบ้าง”
“แต่หนูเกิดมาตั้งเกือบ 20 ปีแล้วนะค่ะ ยังไม่ค่อยเก่งเลย”
“แล้วพี่จะสอนให้...คุณครรชิต”
“ครับ”
“ออกไปได้แล้ว”
“ครับ”

ครรชิตเหลือบสบตาสายพิณเป็นนัยว่าให้ระวังตัว แล้วเดินออกไป

เมื่อออกมานอกห้อง ครรชิตเบือนหน้าไปมองทางประตูแว่บหนึ่งด้วยสีหน้าเป็นห่วง จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ครับ... คุณปลาใหญ่”
“สายพิณเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ทราบเลยครับ”
ภายในห้องขณะนั้นปกรณ์เดินเข้ามาใกล้สายพิณ
“หนูมีแฟนหรือยัง”
“เกี่ยวกับเรื่องการทำงานด้วยหรือค่ะ”
“เกี่ยวซิคะ...งานการจะก้าวหน้า เงินเดือนจะพุ่งสูงลิ่วทะลุเพดานหรือไม่ก็อยู่ที่มีแฟนหรือไม่มีนี่แหละ ค่ะ”
“อ๋อ... อ...หนูยังไม่มีหรอกค่ะ”
“งั้นอนาคตหนูรุ่งแน่”
“หนูขออนุญาติไปจัดโต๊ะทำงานก่อนนะค่ะ”
“เอาเข้ามาไว้ในห้องดีไหม แล้วเรียกคนมาช่วยจัด”
“อย่าเลยค่ะ หนูยังไม่อยากโดนเขม่นตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน”
“งั้นก็ตามใจ”
สายพิณเดินออกไป ปกรณ์มองตามอย่างพอใจ
“ใจเย็นๆ ไว้ปกรณ์...ยังมีเวลากล่อมอีกนาน”

สายพิณเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้วถอนใจเฮือก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเซียน
“ฮัลโหล”
“นี่จะแกล้งกันเรอะ”
“what”
“ฉันไม่อยากทำงานกับพวกชีกอ...บ้ากาม”
“นายปกรณ์บ้ากามหรือคุณครรชิต” เซียนหันไปถามครรชิต
“คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นครับ... ผมเองก็เพิ่งสังเกต”
“อ้าว...ไอ้เราก็นึกว่าจะส่งสายพิณไปเป็น spy ให้ กลับกลายเป็นฝากเสือให้กับเนื้อ”
ครรชิตสะดุ้ง
“เขาเรียกฝากเนื้อไว้กับเสือครับ”
“สายพิณ... ยังอยู่หรือเปล่า” เซียนคุยโทรศัพท์ต่อ
“ก็ยังไม่ได้ตาย”
“ผมจะให้คุณครรชิตย้ายแผนกให้...”
“ไม่ต้องฉันอยากจะลองดีกับนาย Snak head คนนี้เหมือนกัน”
สายพิณบอกพร้อมกับวางสาย เซียนงงกับศัพท์ภาษาอังกฤษของสายพิณ
“Snak head! อะไรคือ Snak head”
“หัวงูไงครับ”
“ผมเรียนเมืองนอกมาตั้งหลายปีไม่ยักเคยได้ยิน”

น้ำเพชรมาทำงานแล้ว เธอเรียงงานเข้าแฟ้มแล้วหอบจะเดินไป แต่ชะงักเหมือนนึกอะไรได้เดินไปที่ประตู น้ำเพชรเคาะ 2-3 ครั้ง พอเห็นว่าไม่มีคำตอบจึงตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้าไป
ภายในห้องทำงานของปลาใหญ่ ขณะนั้นปลาใหญ่นอนหลับบนโซฟาขาข้างหนึ่งพาดบนพนัก อีกข้างห้อยลงข้างล่าง แขนเปะปะ กรนสนั่น น้ำเพชรมองอย่างหงุดหงิดจับประตูกระแทกปัง แต่ปลาใหญ่ก็ยังไม่มีท่าทางจะตื่น น้ำเพชรเม้มปาก เดินมาวางแฟ้มลงแล้วหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ราดบนหน้าปลาใหญ่ ปลาใหญ่สะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย”
น้ำเพชรถอยออกมา ยืนมองปลาใหญ่ลุกขึ้นสำลักกระอักกระไอเพราะน้ำเข้าจมูก
“สมน้ำหน้า”
“ผมไปทำอะไรให้คุณ”
“นายนอนหลับถ่างแข้งถ่างขากรนสนั่นห้อง”
“ก็มันเรื่องของผม”
“ถ้านายอยู่ในร่างดั้งเดิมของนาย ฉันจะไม่แลแม้แต่หางตา แต่นี่นายสะเออะเข้ามาอยู่ในร่างของคุณปลาใหญ่เจ้านายของฉัน ฉันก็ต้องคอยสอดส่องไม่ให้นายไปทำเสียชื่อ”
“อ้อ! ปกป้อง เจ้านาย”
“แน่นอน! เพราะถ้าใครเข้ามาเห็นสภาพนายเมื่อกี้ เขาจะตำหนิได้ว่าคุณปลาใหญ่ขี้เกียจสันหลังยาว”
“เป็นห่วงเป็นใยปกป้องกันซะขนาดนี้ ก็มาแต่งงานกับผมเสียเลยซิ ผมจะได้อยู่ในสายตาคุณทุกกระดิก”
“คลื่นไส้! แค่ฟังก็อยากจะอ้วก”
“งั้นคุณก็ต้องเลือกเอาแล้วละว่าแต่งงานกับร่างปลาใหญ่ แต่ภายในเป็นผมหรือว่าจะแต่งกับร่างผม แต่ภายในเป็นปลาใหญ่ เห็นมั้ยว่าคุณไม่มีทางหนีผมไปได้”
“นายมันเลวมากจากกมลสันดาน”
“ผมถือว่าเป็นคำชม ขอบคุณ” มือน้ำเพชรเริ่มสั่นไปมา “ว่าไง คุณจะเลือกแบบไหนก็บอกมา ติ๊กต๊อก ...ติ๊กต๊อก...ติ๊กต๊อก”
น้ำเพชรเหวี่ยงกำปั้นแบบตบวอลเล่ย์บอลเปรี้ยงที่หน้าปลาใหญ่
“เลือกแบบนี้ไง ไอ้กระจอก”
ดาริกาเดินเข้ามาพอดีจึงเห็นปลาใหญ่กระเด็นไปกระแทกผนังราวกับลูกบอล
“ว้าย” น้ำเพชรหันไปมอง ขณะที่ดาริการีบวิ่งมาประคองปลาใหญ่ซึ่งนอนแน่นิ่งขึ้น “แกทำอะไรปลาใหญ่ของฉัน! นังซาดิสท์”
“เดี๋ยวก็โดนมั่งหรอก”
“ว้าย! ปลาใหญ่ ปลาใหญ่ ทำไมแน่นิ่งอย่างนี้ละค่ะ หรือว่าปลาใหญ่ตายไปแล้ว”
“คนชั่วๆ อย่างนี้ตายยาก”
“แกนะซิชั่ว ฉันจะเรียกตำรวจมาจับแก แต่ก่อนอื่น ต้อง Mouth to Mouth ให้ปลาใหญ่ฟื้นก่อน”
น้ำเพชรซึ่งกำลังหันหลังเดินออกไปสะดุ้ง หันกลับมาแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นดาริกากำลังก้มลงเมาท์ทูเมาท์ ให้ปลาใหญ่ โดยปลาใหญ่ไม่ขัดขืน

น้ำเพชรเอาเรื่องนี้ไปบอกเซียน เซียนผุดลุกขึ้นนัยน์ตายิ่งกระพริบถี่ด้วยความตกใจ
“เมาท์ทูเมาท์”
“ใช่ค่ะ ป่านนี้อาจจะกำลังผายปอดกันต่อ” น้ำเพชรกระแทกเสียงบอก
“ไม่ได้! ผมยอมไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ผมยอมให้มากระทำชำแหละร่างกายผมไม่ได้”
“เขาเรียกว่ากระทำชำเราครับ”
ครรชิตแย้ง เซียนรีบเดินออกไปก่อนที่ครรชิตจะพูดจบ น้ำเพชรรีบตามโดยมีครรชิตตามปิดท้าย

เซียนรีบมาหที่ห้องปลาใหญ่ ดาริกาและปลาใหญ่สะดุ้งหันมามอง ดาริกาเบิกตากว้างมองเซียนอย่างพอใจ พลางรีบจัดทรงผมและเสื้อผ้าทันที
“ริก้ากำลัง ผายปอดให้คุณปลาใหญ่ค่ะ...ตายแล้ว เลือกไม่ถูกเลย หล่ออินเตอร์ทั้งคู่”
ครรชิตตามเข้ามา
“คุณเป็นใคร มีโรคติดต่อเช่นไวรัสตับอักเสบ B หรือวัณโรคหรือ...” เซียนถามเป็นชุด ดาริกาหัวเราะคิก
“ไม่มี อยากจะพิสูจน์มั้ยค่ะ”
ดาริกาเดินกรีดกรายเข้ามาหาเซียน
“หยุดอยู่ตรงนั้น” เซียนหันไปทางปลาใหญ่ “นายเอาร่างฉันไป มันก็ทุเรศเจตนาจะแย่อยู่แล้ว! นี่ยังจะช่วยกันกับผู้หญิงคนนี้บู้บี้ต้มยำร่างฉัน”
“บู้บี้ต้มยำ...อ๋อ! ปู้ยี่ปู้ยำนั่นเอง” ครรชิตบอก ดาริกาซึ่งกำลังทำหน้างงๆ พยักเพยิดรับ
“อ๋อ! เขาใจแล้วค่ะ...โถ...พ่อคุณ มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร”
“คุณครรชิต พานายเซียนออกไป อย่าให้เข้ามายุ่มย่ามในห้องท่านประธาน ซึ่งก็คือผมอีก” ปลาใหย่บอกแล้วหันมาอธิบายกับดาริกา “นายเซียนเป็นแค่พนักงานกระจอกๆ ของบริษัท อย่าไปสนใจเลยครับ”
“พนักงานกระจอกของคุณนี่หน้าตาดี ดีนะคะ”
“ผมว่าทุเรศมากกว่า ดูให้ดีๆ หน้าเหมือนหมีควาย”
เซียนจิ้มหน้าตัวเอง ดาริกางงมองหน้าเซียน ปลาใหญ่จิ้มหน้าตัวเองบ้าง
“แล้วนี่ล่ะหน้าตายังกับน้าผี”

ดาริกางงหันมามองปลาใหญ่ ครรชิตถึงกับกุมขมับ

โปดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น