แสบสลับขั้ว ตอนที่ 10
ในขณะนั้นปลาใหญ่ยังอยู่บ้านลุงป่อง และมองลุงป่องอย่างเพ่งพิศ
“ยากว่ะลุง ฉันเคยโดนด่าอย่างเจ็บแสบมาแล้ว”
“คนอย่างเอ็งรู้จักเจ็บแสบด้วยเรอะ ไอ้เซียน ปกติ...ถูกด่าเท่าไหร่ไม่เคยระคายผิว”
“สงสัยอยู่ในร่างไอ้ปลาใหญ่นานเกินไปมั้ง ฉันเคยถูกเปรียบเทียบว่าเป็นอีกา...” แววตาปลาใหญ่ฉายแววเจ็บปวดแว่บหนึ่ง “ต่อให้เอาขนนกยูงมาแซมจนเต็มตัวมันก็ยังเป็นอีกาอยู่วันยังค่ำ”
“เฮ้ย ลึกว่ะ...ลึกมาก”
“ใครด่านาย”
“ช่างเถอะครับ... มันก็จริงของเค้า”
ลุงป่องหันมามองทางครรชิต
“ผมว่าเราเลิกล้มแผนดีกว่า คุณคัน”
“ไม่ได้ ลงทุนมาขนาดนี้แล้ว” เสียงเซียนดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเซียนเดินกลับเข้ามา “ผมจะเป็นคนสอนมารยาททางสังคมให้ลุงเอง...ไม้แก่ดัดง่าย”
ทุกคนสะดุ้ง
“ไม้แก่ดัดยากครับ”
“อ้าว... เรอะ แต่ไม่เป็นไร ดัดไม่ได้ก็หักมันเสียเลย”
“โห”
เซียนแยกกลับมาคนเดียวขณะที่น้ำเพชรยังอยู่กับสายพิณที่ท้ายซอย
“โธ่เอ๊ย ครั้งก่อนก็ลองทำไปแล้ว แต่ไม่สำเร็จ”
“นั่นเพราะพวกเขารู้ตัวก่อน”
สายพิณมองน้ำเพชรเยาะๆ
“ไหนเคยค้านคอเป็นเอ็นไงล่ะ แล้วทำไมตอนนี้มาทำเป็นเห็นด้วย”
“จะเอายังไง ฉันอุตส่าห์พยายามปรองดองมาปรึกษาด้วยแล้วยังมาย้อนท่าโน้นท่านี้ จะเอายังไง้”
“ไม่เอายังไงทั้งนั้น เพราะฉันจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว เบื่อพวกผู้ชายหน้าโง่เต็มที”
สายพิณเดินออกไป น้ำเพชรมองตาม แล้วเม้มปากอย่างไม่พอใจ
“อกหักแล้วชักจะพาลละซี้”
สายพิณหยุดกึกหันมามอง
“ว่าใครอกหัก”
“ฉันพูดอยู่กับใครล่ะ”
สายพิณยกมือขึ้นทันทีแล้วตะโกนลั่น
“ฝ่ามือนารีพิฆาต...ต...ต”
น้ำเพชรตั้งท่าตาม
“ฝ่ามือฉกาจโลกันต์ ...”
ทั้งคู่ทยานเข้าหากัน ขณะที่สองสาวใกล้จะถึงตัวกัน เสียงคนตกน้ำดังโครม น้ำเพชรกับสายพิณหันไปมองจึงเห็นเอ็กซ์กำลังตะเกียกตะกายว่ายเข้าหาฝั่งสองสาวรีบเดินไปดู
“ไอ้เอ็กซ์” เอ็กซ์รีบขึ้นฝั่งวิ่งหลบไป “ต้องไอ้เอ็กซ์แน่ๆ”
“ไอ้เอ็กซ์ไหน”
“แกไม่รู้จักหรอก”
“เออ ก็ถ้ารู้จักจะถามเรอะ”
สายพิณรีบเดินย้อนกลับไป
ที่ร้านทองกิมฮวย หมอแม่นกำลังตรวจดูดวงชะตาให้กิมฮวย กิมฮวยชะเง้อมองอย่างสนใจใคร่รู้
“เป็นไงบ้าง ยังไม่ชัดอีกเรอะ”
“เจ๊ก็รู้ว่า ฉันแก่แล้ว หูตามันฝ้าฟาง ไม่ค่อยเห็นชัดเจนเหมือนแต่ก่อน”
“ไหนลื้อว่ามีตาทิพย์ไง”
“เจ๊...ตาทิพย์มันก็ฝ้าฟางได้”
“งั้นอั๊วจะตัดแว่นให้”
หมอแม่นอ้าปากจะพูด แต่พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมอแม่นหยิบมาดู
“เจ๊...หลานชายฉันโทรมา ขอเวลาเป็นส่วนตัวหน่อยได้มั้ย...แบบว่าญาติสนิทน่ะ”
“ได้ แต่อย่านานนักนะ อั๊วมันใจร้อน”
“ขอแค่ 5 นาทีพอ” กิมฮวยพยักหน้าแล้วเดินออกไป “มีอะไรไอ้เอ็กซ์”
เอ็กซ์ตัวเปียกปอนอยู่หลังต้นไม้รกๆ
“พวกนั้นมันมาชุมนุนกันอยู่แถวท้ายซอย”
“พวกไหน”
“เท่าที่เห็นก็มีลูกสาวร้านทอง หลานสาวยายปิ่น ไอ้มอม ไอ้เซียน คุณปลาใหญ่ สันนิษฐานว่าพวกมันต้องมีที่ชุมนุมลับอยู่แถวๆ นั้น”
“แล้วพวกมันเห็นเอ็งหรือเปล่า”
“สายพิณกับลูกสาวร้านทองเห็น”
“งั้นรีบหลบไปก่อน เดี๋ยวข้าเสร็จธุระแล้วจะโทรหา”
“มาเดี๋ยวนี้ไม่ได้เรอะ”
“ไม่ได้ กำลังดูดวงติดพัน...แค่นี้ละ”
หมอแม่นปิดโทรศัพท์ แล้วถอนใจเฮือก
สายพิณรีบมาบ้านลุงป่องเพื่อบอกทุกคนเรื่องเอ็กซ์
“ไอ้เอ็กซ์ แสดงว่าไอ้เอ็กซ์มันยังวนเวียน เวียนวนอยู่แถวนี้”
“ใครคือไอ้เอ็กซ์ ไอ้เอ็กซ์คือใคร” น้ำเพชรถามอย่างแปลกใจ
“เลิกสู่รู้เสียทีได้ไหม” สายพิณต่อว่า
“แกก็เลิกเป็นจระเข้ขวางคลองเสียทีได้มั้ย ขวางมันไปซะทุกเรื่อง”
“เฮ้ย นี่จะ...”
“หยุด”
ทุกคนบอกพร้อมกัน สองสาวหยุดทันที
“คุณไม่เคยเห็นมันเรอะ” ปลาใหญ่ถามน้ำเพชร
“อ๋อ พวกนายไม่สำคัญขนาดที่ฉันจะต้องคอยสอดส่องสนใจใคร่รู้หรอก”
“อ้าว แล้วถามทำไม”
“เอาล่ะ พอแล้ว ไอ้เอ็กซ์มันอยู่คนละแก๊งกับผม”
น้ำเพชรฟังด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
หมอแม่นดูดวงให้กิมฮวยต่อ หมอแม่นดูกระดาษผูกดวงแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจแกมแปลกใจ
“ตาเถรยายชี”
กิมฮวยสะดุ้ง
“ไอ๊หยา ทำไมลื้ออุทานอย่างนั้น”
หมอแม่นส่ายหน้าและจุ๊ปาก
“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ไม่ใช่อิงนิยาย”
“มีอะไรก็พูดมาเลย อาหมอแม่น ลื้ออย่าทำเป็นคร่ำครวญหวนไห้ใจอาดูร”
“คู่ของคุณหนูน้ำเพชรมีฐานะต่ำกว่า”
“ไอ๊หยา...อาเซียน”
“อะไรนะ ไอ้เซียนเป็นแฟนกับคุณหนูเรอะเจ๊”
“มาเด็ดหัวอั๊วไปซะดีกว่า”
“ของแบบนี้มันแล้วแต่บุพเพสันนิวาส”
“ช่างหัวบุพเพสันนิบาตมันเป็นไร”
“บุพเพสันนิวาส เจ๊”
“นั่นแหละ ช่างหัวมัน ลองมาเจอกับบุพเพอาละวาดของอั๊วดูมั่ง”
หมอแม่นมองแผ่นดวงใหม่
“เอ...จะว่าไป เนื้อคู่ของลูกสาวเจ๊ตอนหลังๆ ก็โอเคนะ”
“อะไรของลื้อกันแน่ เนื้อคู่ลูกอั๊วเดี๋ยวไม่ดีเดี๋ยวโอเค”
“นั่นซิ ฉันก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน”
“ไอ๊หยา...หมายความว่าอาน้ำเพชรจะมีผัวสองคนเรอะ”
“มีความเป็นไปได้สูงนะเจ๊”
“หมอแม่น”
“ก็ตามพื้นดวงมันมีสองคาแรคเตอร์นี่ คนๆ เดียวจะมี 2 คาแร็คเตอร์ได้ยังไง ฉันก็เลยอนุมานเอาว่าลูกสาวเจ๊มีผัวสองต้องห้าม”
“จ๊าก...ก...ก...”
เสียงร้องของกิมฮวยดังออกมา ทำให้ทุกคนต้องเอามืออุดหูหมอแม่นวิ่งอุดหูออกมา
“อาหมอแม่น”
หมอแม่นหลับหูหลับตาวิ่งไปโดยไม่หยุด
“เถ้าแก่”
พิชิตถือกระบองค่อยย่องเข้าไป เติมศักดิ์ถือปืนออกมาแล้วหันมาสั่งทุกคน
“เงียบ”
ทุกคนทิ้งตัวลงแนบกับพื้นทันทีที่เติมศักดิ์หันปืนมา เติมศักดิ์ตกใจทิ้งตัวลงบ้างรวมทั้งพิชิต คนที่ผ่านไปมานึกว่าโจรปล้นต่างร้องบอกกันแล้ววิ่งหนีกันอลหม่านจนหายไปจากหน้าร้านหมด ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ กิมฮวยเดินออกมาแล้วมองภาพนั้นอย่างแปลกใจ
“ไอ๊หยา นอนกลางวันกันหมด”
เติมศักดิ์ชะงักลืมตาขึ้นแล้วเงยหน้ามอง ทุกคนทำตาม
“อาฮวย”
“ตื่นแล้วเรอะ อาเติม”
เติมศักดิ์ตามกิมฮวยเข้ามาในห้องรับแขก
“แค่นี้ลื้อก็ร้องจนตกอกตกใจกันไปหมด”
เติมศักดิ์ต่อว่าหลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“แล้วลื้อไม่ตกใจเรอะไรที่อาหมอแม่นว่าลูกเราจะมีผัว 2 คน”
“ไม่ตกใจ แต่ไม่ได้เด็ดขาด”
กิมฮวยลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาครู่หนึ่ง
“เราต้องขัดขวางไม่ให้อีมีผัวคนแรก เว้นไปมีคนที่สองเลย”
“โธ่เอ๊ย อาฮวย แบบนั้นมันก็นับเป็นคนแรกอยู่ดี อั๊วว่าอย่าเพิ่งเชื่ออาหมอแม่นดีกว่า บางทีอีก็ดูแม่น บางทีก็ไม่แม่น”
“ก็ถ้าคราวนี้มันแม่นล่ะ”
“แล้วถ้าไม่แม่นล่ะ”
“ก็ถ้าแม่น ”
“แล้วถ้าไม่แม่น”
“ก็ ...”
“อาฮวย ลื้อจะเถียงกับอั๊วไปหาอะไร”
“หน็อยแน่ะ อาเติม ลื้อนั่นแหละจะเถียงกับอั๊วไปหาอะไร”
“อาฮวย”
“ไอ้เติม” เติมศักดิ์สะดุ้ง “อั๊วต้องบังคับให้อีแต่งงานกับอาท่านประธานให้ได้ และต้องทำสัญญาห้ามเลิกกันด้วย”
กิมฮวยบอกด้วยสีหน้ามาดมั่น
“ลื้อมันเผด็จการ”
“แล้วลื้อจะทำไม”
“อั๊วก็เชื่อฟังลื้อไง”
กิมฮวยมองเติมศักดิ์เหมือนไม่เชื่อหู
หมอแม่นเดินตรงกลับบ้าน กระสือและกระหังเดินสวนมา
“อ้าว วันนี้มาครบทั้งหัวทั้งตัวเลยนะกระสือ ไอ้หังล่ะเอากระด้งไปไว้ที่ไหน”
“ฝากแกไว้ไง”
“แล้วแกล่ะ เมื่อคืนเห็นว่าไปแอบกินของสกปรกบ้านยายไพ”
“เฮ้ย ข้าไม่ใช่ผีปอบนะเว้ย”
“ฉันก็ไม่ใช่ผีกระสือเหมือนกัน เจอทีไรทักอีแบบนี้ทุกที”
“เออ...ทักไม่ได้ ก็จะได้ไม่ทัก”
หมอแม่นพูดพลางเดินมาไขประตูบ้าน หมอแม่นก้าวเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตู
“ไอ้เอ็กซ์ ข้าบอกแล้วว่าอย่าเข้ามา”
หมอแม่นหันไปต่อว่าเอ็กซ์
“ก็ไม่ได้อยากเข้ามาหรอก แต่เสื้อผ้ามันทั้งเปียกทั้งเหม็นเลยเข้ามาขออาศัยซักแล้วตากให้แห้งหน่อย หิวจังมีไรกินมั้ย”
“ไม่มี”
“ป้าช่วยไปซื้อให้หน่อยซิ”
“ชะ...ชะ...ช้า ไอ้เอ็กซ์”
“แล้วก็ไปสืบด้วยว่า ไอ้พวกนั้นมันมาชุมนุมกันทำไม”
สายพิณนอนบนโต๊ะประสานมือรองหัวไว้ เซียนมองเหมือนจะทะลุผ่านหลังคาออกไป
“สายพิณใช่มั้ย”
สายพิณสะดุ้งแล้วลุกขึ้นนั่งทันที เซียนซึ่งยืนมองอยู่ห่างๆ เดินเข้ามา
“นึกแล้วว่าต้องใช่ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนกล้ามานอนในที่เปลี่ยวตามลำพังนอกจากคุณ”
สายพิณแกว่งเท้าไปมา
“แล้วไง”
“มันไม่ปลอดภัย”
“ใคร้...ใคร...จะกล้ามาทำอะไรฉัน”
“ความประมาทเป็นหนทางไปสู่ความอาย”
“โฮ้ย...นายไม่ต้องยกคำพังเพยสุภาษิตอะไรเลยได้มั้ย”
“ผมชอบที่จะยกมาเปรียบเทียบ”
“แต่ถ้ายกแล้วผิดก็กรุณาอย่าสะเออะยก มันทุเรศเขาต้องพูดว่า “ความประมาทเป็นหนทางไปสู่ความตาย” ย่ะ”
เซียนทรุดตัวลงนั่ง
“คุณพูดดีๆ กับเขาบ้างไม่ได้หรือ ไม่ต้องถึงขนาดพูดเพราะ แค่พูดดีไม่มีคำหยาบ”
“ยังกับนายพูดดีนักนี่ ยกหางตัวเองก็เท่านั้น ดูถูกคนอื่นก็เท่านั้น”
“ถ้าหมายถึงที่ผมพูดเมื่อตอนกลางวันละก็ ต้องขอโทษ ...”
“เฮอะ รู้จักคำว่า “ขอโทษ” ด้วย แต่เสียใจฉันไม่รับ”
สายพิณลงจากโต๊ะขยับจะเดินไป เซียนจับข้อมือสายพิณไว้ สายพิณชะงักแล้วหันกลับมามองด้วยความตกใจไม่คาดคิด
“ขอโทษ...ผม...ไม่ได้ตั้งใจ”
สายพิณตาลุกทันที
“ไม่ได้ตั้งใจแล้วจับทำไม เฮอะ จับทำไม...ไอ้ปลาใหญ่”
เซียนถอยหลัง 2-3 ก้าว เมื่อสายพิณกำมือ
“ผมนิสัยเสียแบบนี้เอง”
สายพิณยิ่งตาลุก
“อ้อ นิสัยเสียชอบจับมือผู้หญิง”
“เปล่า นิสัยเสียที่ชอบพูดแบบที่คุณเรียกว่า“ยกหาง”
“โว้ย งง นายนี่มันเพี้ยนจริงๆ รำคาญ”
สายพิณออกเดินไป เซียนรีบเข้ามาขวางไว้
“เดี๋ยว”
สายพิณผลักเซียนอย่างแรง
“ถอยไป”
เท้าเซียนพลิกด้วยไม่ทันระวังตัวจนล้มลง
“โอ๊ย”
สายพิณชะงักหันมามอง
“สมน้ำหน้า” สายพิณเดินไปอีก 4-5 ก้าว แล้วหยุดหันมามองอีก “นั่น...ทำไมยังนั่งอยู่อีก” เซียนกัดฟันลุกขึ้นมาแล้วซวนเซจะล้ม สายพิณรีบเข้ามาช่วยประคอง “ ไปนั่งก่อน”
สายพิณพาเซียนกระเผลกไปนั่ง เซียนนิ่วหน้าขณะสายพิณมองจับผิดว่าเจ็บจริงหรือเปล่า
“กลับไปเถอะ”
“นายเจ็บจริงเหรอ”
“ไม่จริงหรอก คุณไปเถอะ”
สายพิณหันหลังขวับจะเดินออกไปหงุดหงิด แต่แล้วก็เม้มปากเดินกลับมา
“ไหนดูซิ”
“ก็บอกว่าผมแกล้งเจ็บ”
“อย่าลีลาน่า” สายพิณทรุดตัวลงมองที่เท้าเซียน เท้าเซียนบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด “เฮ้ย บวมเป่งเลย ไปหาหมอเถอะ”
“เรื่องเล็ก”
เล็กบ้าเล็กบออะไร” สายพิณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาครรชิต “ฮัลโหล คุณคัน...มาที่ร้านขายของหน่อย เออน่า... มาเถอะ”
สายพิณเก็บโทรศัพท์หันมามองเซียน เซียนมองสายพิณด้วยแววตาประหลาด สายพิณมองด้วยความประหลาดใจ แล้วเริ่มเขินนิดๆ
ค่ำวันเดียวกันนั้นที่บ้านชายสี่ ขณะที่มอมกับป๋องกำลังนั่งกินข้าวและคุยกันไป ชายสี่เดินผิวปากเข้ามาสีหน้าบอกอารมณ์แจ่มใส
“กินข้าวมาหรือยัง”
“เรียบร้อย ไปอาบน้ำนอนก่อนละพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”
“เฮ้ย คุยกันก่อนซิ หมู่นี้เอ็งกลับมาก็เข้านอนไม่ได้ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลย”
“คงรวยซิวะ ทำโอที ทุกวัน”
ชายสี่เดินมาทรุดตัวลงนั่ง
“ไม่ได้ซักกะตังค์ ข้าทำด้วยใจ” ชายสี่บอกด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“เฮ้ย”
“ทำไม ตกอกตกใจอะไรกันนักหนา” ชายสี่ชักฉุน
“ไอ้ชาย อย่าบอกนะว่า เอ็งเต็มใจทำงานให้เขาฟรีๆ”
“ข้าเต็มใจทำงานให้เขาฟรีๆ”
“ไอ้ชาย”
“แต่เขาไม่ยอมเอาเปรียบ”
“ค่อยยังชั่ว”
“ข้าก็เลยเสนอตัวทำงานนอกเวลาให้ฟรี”
“เอ็งรวยนักเหรอวะ”
“ถึงจะไม่รวย แต่เงินก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับข้าเสมอไป”
ชายสี่ลุกเดินเข้าห้อง
“รู้หรือเปล่าว่า เกิดอะไรขึ้นที่บริษัทนั่น” มอมถามป๋อง
“ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ เพราะไม่ใช่เรื่องของข้า”
มอมกับป๋องมองตามชายสี่ไปอย่างแปลกใจ
ชายสี่เดินออกมาอีกครั้งนุ่งผ้าขาวม้า ผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินออกมาแล้วลงจากบ้านไปอาบน้ำหลังบ้าน โดยมอมและป๋องชะเง้อมองตามไป
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ชายสี่ผิวปาก พาดผ้าเช็ดตัวกับราวแล้วเปิดฝาโอ่งอาบน้ำ มอมและป๋องเดินตามมาทรุดตัวลงนั่ง
“คุณครรชิตกับปลาใหญ่ในร่างไอ้เซียนถูกไล่ออกแล้ว”
ชายสี่ชะงักไปนิดหนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ
“ได้ยินมาเหมือนกันว่าคุณครรชิตแกทุจริตโกงเงินบริษัท”
“แล้วเอ็งเชื่อเรอะ”
“มันก็พูดยากอย่างที่โบราณเขาว่า “จิตมนุษย์นี้ไซร์ ยากแท้หยั่งถึง”
“ข้าว่าคุณคันแกไม่ใช่คนแบบนั้น”
“รู้ได้ไง เอ็งไม่ได้เป็นญาติโกโหติกากับเขาซักหน่อย”
ชายสี่อาบน้ำเสร็จเดินกลับเข้ามาในบ้านซึ่งเปิดไฟดวงเล็กๆ ไว้เพียงดวงเดียว
“อ้าว! นอนกันหมดแล้ว”
ชายสี่ล๊อคประตู ปิดไฟแล้วเดินเข้าห้อง ชายสี่หยิบเสื้อผ้ามาสวมจะนอน โทรศัพท์วางอยู่ดังขึ้น ชายสี่เดินมาหยิบดูใบหน้าแจ่มใสขึ้นทันทีขณะรับสาย
“มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ คุณรัน”
รัญญาทำหน้าเบ้กับโทรศัพท์
“ฟังแล้วอยากจะแหวะ”
“คุณรันครับ”
รัญญาทำหน้าขยะแขยง แล้วทำเสียงหวานหยด
“แหม...พูดซะน่าเกลียดเชียว ฉันน่ะไม่กล้าเรียกใครมาใช้ ค่ำๆ มืดๆ หรอก โดยเฉพาะเธอ คุณพ่อจะได้ดุแย่เลย”
“เอ๊ะ ท่านจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะครับ”
“ท่านเกรงใจเธอ ท่านบอกว่ากว่าจะได้คนดีๆ มาทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ท่านชมว่าเธอซื่อสัตย์ สุภาพแลไม่มีพิษภัยกับใคร” ชายสี่ปลื้มสุดๆ “ท่านอยากจะเลื่อนให้เธอมาทำงานเอกสารเพราะเห็นว่าไว้ใจได้ แต่ฉันไม่ยอมเพราะฉันจะไปหาคนขับรถที่สุดแสนจะดีแบบนี้ได้ที่ไหน”
“คุณรัน”
“โทรมาเซย์กู๊ดไนท์ แค่นี้ล่ะจ้ะ ขอให้หลับฝันดีนะจ้ะ” รัญญาปิดโทรศัพท์ “แหวะ”
ผิดกับชายสี่ที่สดชื่นสุดๆ
คืนนั้นขณะที่หมอแม่นกำลังนอนหลับสนิท เสียงเคาะประตูดังขึ้นจนหมอแม่นรู้สึกตัว
“ใครมาดึกๆ ดื่นๆ หรือว่าไอ้เอ็กซ์มันลืมอะไรไว้” หมอแม่นลุกขึ้นเดินไปหยิบมีดแล้วย่องมาที่ประตูซึ่งยังมีเสียงเคาะอยู่ “ใคร”
“ฉันเองป้า ชายสี่”
หมอแม่นเปิดประตูออก ชายสี่มีท่าทางเหมือนกำลังกระวนกระวายใจ
“อะไรของเอ็งว่ะ ไอ้ชายสี่”
“ช่วยดูดวงให้ฉันหน่อยได้มั้ยป้า”
“5 ทุ่มเนี่ยนะ”
ชายสี่พยักหน้าหนักแน่น หมอแม่นมองครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“เข้ามา” หมอแม่นเปิดไฟกลางห้องแล้วทรุดตัวลงนั่ง ขณะที่ชายสี่นั่งลงตาม “บอกวันเดือนปีเกิดของเอ็งมา”
หลังจากดูดวงเสร็จชายสี่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ชายสี่ลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วเดินมานั่งหน้าบ้านแหงนหน้ามองดวงจันทร์กระจ่างด้วยสีหน้าฝันหวาน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
หมอแม่นผูกดวงเสร็จแล้วเงยหน้ามองชาย
“ไหนเอ็งเดือดเนื้อร้อนใจอยากจะดูเรื่องอะไร ถึงได้มาเอาป่านนี้”
“เนื้อคู่จ้ะป้า เนื้อคู่ฉันเป็นยังไง”
หมอแม่นเงยหน้ามองชายสี่ฉุนๆ
“เนื้อคู่”
“จ้ะป้า”
“เอ็งมาปลุกข้ากลางดึกเพื่อจะดูเรื่องเนื้อคู่”
“ใช่จ้ะ”
“โธ่เอ๊ย ไอ้ชายสี่ ... ข้าน่ะนึกว่าเอ็งจะถามเรื่องความเป็นความตายถึงได้เปิดรับ รู้งี้แม่เอาน้ำสาดไล่ไปแล้ว…บ้ารึเปล่าเนี่ย”
“ไหว้ละป้า ถ้าป้าไม่ดูให้ ...คืนนี้ฉันนอนไม่หลับแน่ๆ”
“เรื่องของเอ็ง ไป๊”
“โธ่ ไหนๆ ก็ไหน ในเมื่อเปิดประตูแล้วก็ช่วยดูให้หน่อย”
“ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
ชายสี่รีบล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาวางให้หมอแม่น 500 บาท หมอแม่นมองเงินแล้วหยิบเข้ากระเป๋า
“เนื้อคู่ฉันเป็นยังไงป้า”
“โอ๊ย ยอดหญิงเบญจกัลยาณีเลยเอ็งเอ๊ย” หมอแม่นบอกอย่างมั่วๆ แต่ทำให้ชายสี่หน้าชื่นขึ้นมาทันที
“จริงหรือป้า”
“เออ...ให้ถามได้อีกข้อเดียว ข้าง่วงแล้ว”
“คืองี้ ...ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบฉันจริงๆ หรือว่าหลอกใช้”
“เอ็งน่ะฉลาดเป็นกรด ไหวพริบเป็นด่าง ... เอ๊ย! เป็นเลิศ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหลอกเอ็งได้หรอกว่ะ จะมีก็มีแต่เอ็งไปหลอกเขา”
“ฉันไม่มีวันหลอกเขาแน่” ชายสี่บอกเสียงหนักแน่น
“งั้นก็ไปได้ ง่วงมากๆ ข้าดูไม่ค่อยแม่น”
“ ขอบใจมากนะป้า”
ชายสี่ยังคงมีสีหน้าฝันหวานตามเดิม
“ดูแม่นสมชื่อจริงๆ เลย เอ้อ...”
ชายสี่ทอดถอนใจอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่ป๋องกับมอมกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ขณะที่ชายสี่เดินเข้ามา
“กินข้าวมั้ย ข้าทำข้าวผัดแกงจืด”
“กินซิ” ชายสี่เปิดหม้อตักข้าวตักแกงมาร่วมวง “ข้าจะเรียนต่อ เพิ่มวิทยะฐานะ” มอมกับป๋องเงยหน้ามองชายสี่กินพลางพูดพลาง “ว่าจะเรียนบริหาร ...จะได้ช่วยงานของครอบครัว”
“ครอบครัวเอ็งทำธุรกิจอะไรวะ”
“ก็ธุรกิจมอ’ไซค์รับจ้างไง ไอ้มอม” ป๋องบอก
“ข้าซีเรียส ไม่ได้พูดเล่น พวกเอ็งอยากไปเรียนด้วยมั้ย”
“ไม่อยาก”
“เกิดอะไรขึ้นมา”
“เกิดความรัก”
“เอ็งรักกับใคร”
“รู้ไว้แค่ว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ... เป็นเบญจกัลยาณี”
“แถวนี้ไม่เห็นมีเบญจกัลยาณีซักคน”
ชายสี่ทำหน้าอมยิ้มลึกลับ ขณะกินข้าวไม่พูดอีก
ที่บ้านปลาใหญ่ สมทรงเสิร์ฟอาหารฝรั่งให้ทุกคนในขณะที่สมศรีเสริฟข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ ลาบและต้มยำ
อีกสักอย่างให้ปลาใหญ่ ปลาใหญ่ถูมือสูดปากแล้วปั้นข้าวเหนียวจิ้มแจ่วกินอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนมองด้วยความรู้สึกดูถูก
“มีใครสนบ้างมั้ย... ไม่มี...แซ่บหลาย” ปลาใหญ่ฉีกไก่ ไก่กระเด็นเข้าไปในชามเกริกก้อง เกริกก้องนิ่งไปด้วยความโกรธจัด “จ๊ะจ๋า...จ๋าจ้ะ...ซอซี่เซ็กล่าย ขอประทานโทษครับ คุณอาก้อง”
“แกไม่ใช่หลานฉัน”
เกริกก้องขว้างผ้าเช็ดมือลงบนโต๊ะแล้วเดินไป ปลาใหญ่ยิ้มกับทุกคนแล้วลุกขึ้นเอื้อมมือไปหยิบไก่ในจานมาแทะต่อ จันทร์ทิพย์มองตามแล้วลุกขึ้นเดินตามเกริกก้องไป ปลาใหญ่แทะไก่แล้วหันมาทางปกรณ์ซึ่งยังคงนั่งทานต่อ
“คุณกรณ์ล่ะครับ ไม่ตามญาติไปเรอะ”
“ผมยังไม่อิ่ม”
ปลาใหญ่กระดิกขาหนักขึ้น ขณะเคี้ยวพลางแล้วพูด
“ไม่ใช่มั้ง!...คุณยังอยู่เพราะพี่รันยังไม่ไปมากกว่า”
ปกรณ์อึ้งไป
“ปลาใหญ่ อย่าพูดบ้าๆ ได้ไหม” รัญญาต่อว่า
“อ้าว ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามคุณกรณ์ดูซิ”
“คุณปลาใหญ่ ผมขอร้อง”
ปลาใหญ่แหกปากร้องเพลงลั่นโต๊ะทำให้รัญญายิ่งฉุน
“โอ๊ย ปลาใหญ่”
รัญญาลุกขื้นสะบัดหน้าเดินออกไป สมทรงและสมศรีค่อยๆ หลบออกไป
“จะไปก็ไปเล้ย”
ปกรณ์มองปลาใหญ่เขม็ง
“ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร”
“พูดกับผู้บริหารแบบนี้มิสวยเลยนะ ระวังอายุงานจะสั้น”
“กับอีแค่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง”
ปลาใหญ่ลุกขึ้น แล้วตบโต๊ะอย่างแรงจนอาหารกระเด็นเลอะปกรณ์
“มอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นอาชีพสุจริต”
ปกรณ์ลุกขึ้นบ้าง
“เจ็บร้อนแทนเพื่อนร่วมอาชีพล่ะซีท่า”
“ก็ยังดีกว่าที่ไม่มีปัญญาจะทำอะไร นอกจากอาศัยเกาะญาติกินไปวันๆ”
“ไอ้เซียน”
“ฉันไล่แกออกตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป อย่าสะเออะเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีกล่ะ” ปลาใหญ่เดินออกไป ปกรณ์ขบกรามแน่นมองตามอาฆาต ปลาใหญ่หยุดชะงักเหมือนนึกได้แล้วหันมา “อ้อ! แล้วเก็บข้าวเก็บของออกไปจากบ้านฉันด้วย”
ปลาใหญ่เดินออกไปด้วยท่ากวนๆ แบบเซียน
ปกรณ์ขับรถมาถึงบริเวณหน้าบริษัทแล้วบีบแตรให้ รปภ.ยกที่กั้นออก รปภ. โบกไม้โบกมือเป็นเชิงเข้าไปไม่ได้
ปกรณ์ยิ่งกระแทกแตรดังๆ แต่รปภ. ก็ยังไม่เปิด ปกรณ์เปิดประตูลงไปที่ รปภ. อย่างโกรธจัด
“หูแตกเรอะไง ฉันบีบแตรตั้งนานแล้ว”
“ขอโทษครับ แต่มีคำสั่งไม่ให้คุณเข้าไป”
“ใครสั่ง”
“ท่านประธานครับ”
“ท่านประธานบ้าบอที่ไหน ไอ้บ้านั่นมันเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง” รปภ. มองปกรณ์งงๆ “เปิดซิวะ”
“เปิดไม่ได้จริงๆ ครับ เป็นคำสั่งของท่านประธาน”
“โง่ ไอ้บ้านั่นมันเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่ใช่ท่านประธานบ้าบอคอแตก”
รปภ. เป่านกหวีด รปภ. ทุกคนยังยืนจังก้าปกรณ์มองด้วยอาการโกรธเกรี้ยวสุดๆ
จันทร์ทิพย์กำลังส่งงานให้เลขาขณะที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เอานี่ไปถ่ายเอกสาร 5 ชุดนะ”
“ค่ะ”
เลขาเดินออกไป จันทร์ทิพย์รับโทรศัพท์
“มีอะไรหรือคะ พี่กรณ์”
“ออกมาพบพี่หน่อยได้ไหม พี่อยู่ที่ร้านกาแฟตรงข้ามออฟฟิศ”
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป
ส่วนน้ำเพชรขณะที่กำลังนั่งทำงานอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“คุณน้ำครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป กรุณาเข้ามาพบผมหน่อยได้ไหมครับ”
ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลง ประตูเปิดออกน้ำเพชรเดินเข้ามาแล้วกอดอกจ้องเขม็ง
“มีธุระอะไร”
“ลืมบอกไปว่า ผมไล่ไอ้กรณ์ออกไปแล้ว”
น้ำเพชรเลิกคิ้วนิดหนึ่ง
“แล้วไง”
“เฮ้ย จะชมสักคำก็ไม่มี”
“ไอ้ทุเรศ”
น้ำเพชรหันหลังกลับจะเดินออกไป ปลาใหญ่รีบก้าวมาขวางไว้
“ไอ้กรณ์น่ะมันเป็นพวกไอ้ก้องนะ”
“ถอยไป”
“ผมทำอะไรผิดครับ”
“ยังจะมีหน้ามาถาม ก็ที่นายเข้าไปสิงในร่างคุณปลาใหญ่นี่ไง แล้วต่อไปอย่าสะเออะเรียกฉันเข้ามาพบอีก ฉันน่ะอยากจะออกเต็มทีแล้ว ...ดีแต่คุณปลาใหญ่กับคุณลุงครรชิตขอร้องไว้ ถึงได้ต้องทนเหม็นหน้านายต่อไป”
น้ำเพชรเดินออกไป
“แรงว่ะ”
จันทร์ทิพย์มาหาปกรณ์ที่ร้านกาแฟ พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจันทร์ทิพย์ถึงกับถอนใจเฮือก มองปกรณ์อย่างตำหนิแกมหงุดหงิด
“โธ่เอ๊ย พี่กรณ์ ทำไมต้องไปต่อปากต่อคำกับมันทั้งๆ ที่รู้ว่าเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“เสียเปรียบยังไง มันก็แค่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง”
“โอ๊ย...ย...ย” เสียงจันทร์ทิพย์ดังลั่นอย่างหงุดหงิดด้วยความลืมตัว จนทุกคนในที่นั้นหันมามอง จันทร์ทิพย์กวาดตามองโดยรอบแว่บหนึ่ง แล้วลดเสียงลง “พี่กรณ์ มีใครบ้างมั้ยที่จะเชื่อพี่กรณ์”
“ก็...” ปกรร์อึ้งไป
“เห็นมั้ย พี่กรณ์ก็รู้อยู่เต็มอกว่าใครที่ไหนจะเชื่อ นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว เขายังจะว่า พี่กรณ์บ้า”
ปกรณ์ทุบโต๊ะไม่แรงนักอย่างเจ็บใจ
“เฮ้ย...ย...”
“บอกแล้วว่าทำอะไรไม่คิดเสียก่อน”
ปกรณ์นิ่งไปครู่หนึ่ง
“แล้วเรื่องที่มันไล่พี่ออกล่ะ”
“จันทร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน” จันทร์ทิพย์จิบกาแฟเหมือนไม่สนใจ
“เฮ้ย ไม่ได้นะ พี่ไม่ยอม”
“ไม่ยอมแล้วไง”
“จันทร์ต้องไปบอกคุณก้อง”
“ถามจริง พี่กรณ์ไม่รู้หรือว่าคุณก้องเขาเหม็นหน้าพี่ยังกับอะไร”
ปกรณ์หน้าจ๋อยลง
“แล้วจะทำไงดี พี่อยากได้งานคืนมาจันทร์ต้องช่วยพี่นะ”
จันทร์ทิพย์มองเพดานด้วยความรำคาญสุดๆ
น้ำเพชรกำลังโทรศัพท์นัดกับนักธุรกิจให้ปลาใหญ่
“เล่นกอล์ฟวันเสาร์นี้นะค่ะ... ดิฉันจะเรียนท่านให้ ...” น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง “ไอ้เซียนเนี่ยนะ...ตีกอล์ฟ”
จันทร์ทิพย์เดินตรงมาหาน้ำเพชรพลางส่งยิ้มหวาน พร้อมกับถุงขนมให้
“ซื้อขนมมาฝาก คุณปลาใหญ่อยู่ใช่ใหมจ๊ะ”
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์ตบไหล่น้ำเพชรเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู มือน้ำเพชรสั่นทันที อยากตามไปตบ
“อยากให้ฉันตกงาน เรอะไง” มือน้ำเพชรทำจ๋อยห้อยตกลง น้ำเพชรถอนใจเฮือกมองถุงขนม “ใส่ยาพิษหรือเปล่าวะ”
ปลาใหญ่เก๊กหน้าเต็มที่แต่ขายังเขย่า ขณะที่จันทร์ทิพย์ฝืนสีหน้าทำเป็นยิ้มแย้ม
“ปลาใหญ่...”
ปลาใหญ่ยกมือขึ้นห้าม
“โน ถ้าเป็นเรื่องไอ้...เอ๊ย ตากรณ์...ผมไม่ฟัง you know”
“โธ่ ฟังหน่อยซิจ๊ะปลาใหญ่ นึกว่าเห็นกับอาเถอะนะ” ปลาใหญ่ลุกขึ้นด้วยท่าทีพยายามจะให้เท่ แต่ขากลับสะดุดขาโต๊ะหัวคะมำล้มลง “ว้าย”
“ไม่เป็นไร” ปลาใหญ่ลุกขึ้นกระแอม “ผมต้องของเวลาคิด เพราะพี่ชายของคุณอาว่าผมไม่ไว้หน้า...ไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจกันเลย”
“กรุณาอย่าคิดนานนักนะจ๊ะคุณหลานจ๋า”
“งั้นเอางี้ ให้เขามาขอโทษผม”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลยจ๊ะ อาจะโทร ตามเขาเดี๋ยวนี้เลย”
“ช้าก่อน อีก 7 วันค่อยมา”
“ปลาใหญ่...”
“แค่นี้ใช่มั้ยครับ ผมมีงานต้องทำเยอะแยะตาแป๊ะไก๋”
จันทร์ทิพย์ยิ้มแห้งๆ
“โอเคจ๊ะ...ขอบใจมากนะปลาใหญ่”
“ไม่เป็นไรมิได้”
จันทร์ทิพย์เดินออกไป โดยปลาใหญ่มองตามอย่างเย้ยหยัน
“นึกว่าจะแน่แค่ไหน”
จันทร์ทิพย์กลับมาที่ห้องทำงานแล้วโทรบอกปกรณ์เรื่องปลาใหญ่
“อีก 7 วัน”
ปกรณ์ทำเสียงตกใจกับสิ่งที่จันทร์ทิพย์บอก
“ใช่พี่ ขนาดจันทร์อ้อนวอนจนแทบจะกราบมันด้วยซ้ำ จันทร์ทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละ..อ้อ! ยังมีข้อแม้อีก ครบเจ็ดวันแล้วพี่กรณ์ต้องไปขอโทษขอโพยมันก่อน มันถึงจะอนุญาตให้กลับเข้าไปทำงานได้หรือเปล่าไม่รู้”
“เฮ้ย”
“แค่นี้แหละ จันทร์ปวดหัวเต็มทีแล้ว”
จันทร์ทิพย์ปิดโทรศัพท์เอนหลังลงพิงพนักแล้วหลับตา เสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วเลขาเข้ามาพร้อมถ้วยเล็กๆใส่ยา 2 เม็ดกับแก้วน้ำ
“ยาแก้ปวดศีรษะค่ะ”
“รู้ได้ไง”
“เพราะหลังๆ มานี่ เวลาคุณจันทร์ไปพบท่านประธานปลาใหญ่กลับมา เป็นต้องรับประทานยาแก้ปวดศีรษะทุกทีค่ะ”
“ขอบใจ”
จันทร์ทิพย์รับยามากิน
ปกรณ์เดินออกมาจากร้านกาแฟด้วยสีหน้าแววตาหงุดหงิด เอ็กซ์จอดมอเตอร์ไซค์ก้าวลงมาเห็นปกรณ์พอดี
“คุณกรณ์” ปกรณ์หันมามอง “สวัสดีครับ”
“มาแถวนี้ทำไม”
“คุณก้องให้ผมมาพบ เหลือเวลาอีก 10 นาที เลยว่าจะกินกาแฟเสียก่อน”
“คุณก้องไล่แกออกไปแล้วนี่”
เอ็กซ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เรื่องนี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนนะครับ ว่าแต่คุณยังไม่เข้าออฟฟิตหรือครับจะ 10 โมงแล้ว”
“เรื่องมันยาว เอาอย่างนี้ ถ้าพบคุณก้องเรียบร้อยแล้ว ให้โทรหาฉัน ฉันมีงานให้ทำ”
“ได้เลยครับ”
ขณะนั้นเกริกก้องยังอยู่ที่ก้องทำงานและกำลังสวมสร้อยคอให้อลิสาขณะที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น อลิสาถึงกับสะดุ้ง
“คุณจันทร์หรือเปล่าไม่รู้”
“ไม่ใช่หรอก เธอออกไปก่อน”
อลิสาก้มกราบที่อกเกริกก้อง
“อลิสขอบคุณมากนะคะ”
เกริกก้องพยักหน้า อลิสาจุ๊บแก้มเกริกก้องแล้วเดินไปที่ประตูเปิดออกไป
อลิสาก้าวออกมาสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นเอ็กซ์ยืนอยู่
“เอ๊ะ...”
“คุณก้องให้ผมมาพบครับ”
อลิสาเบี่ยงตัวให้เอ็กซ์ก้าวเข้าไป มองตามครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา
“ได้เรื่องหรือยังว่าพวกมันไปชุมนุมกันเรื่องอะไร”
เกริกก้องถามเอ็กซ์
“ยัยแม่นพยายามถาม แต่ไม่มีใครยอมหลุดปากออกมาซักคนเลยครับ! สงสัยว่ามันจะเริ่มระแวงสงสัย”
“แล้วแกไปทำอะไรโง่ๆ ให้มันจับได้ล่ะ”
“เปล่าครับ แต่คิดว่า มันเริ่มไม่ไว้ใจคนภายนอกมากกว่า”
“ต้องมีสาเหตุซิ”
“เจ้านายครับ เมื่อกี้ผมเจอคุณกรณ์ที่หน้าร้านกาแฟ” เกริกก้องนิ่วหน้า “แกพูดแปลกๆ ครับ แกสั่งให้ผมโทรหาหลังจากมาพบกับเจ้านาย เห็นบอกว่าไม่ได้มาทำงานแล้ว”
“ทำไมฉันจะไม่รู้” เกริกก้องกดโทรศัพท์หาอลิสา “อลิสาโทรตามคุณจันทร์ให้มาพบฉันหน่อย”
เกริกก้องปิดโทรศัพท์
“ผมว่าผมไปก่อนดีกว่าครับ”
เกริกก้องพยักหน้า
“ส่งข่าวด้วยว่า ปกรณ์ให้แกไปพบเรื่องอะไร”
“ครับ”
“แล้วอย่าลืมสืบเรื่องชุมนุมต่อ”
“ครับ”
เอ็กซ์เดินออกไป เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดโดยที่กล่องสร้อยยังวางเปิดอยู่บนโต๊ะ
เอ็กซ์ออกจากห้องทำงานเกริกก้องแล้วเดินมาที่อลิสา
“ผมไปก่อนนะครับ”
อลิสาพยักหน้า ฉีกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งอย่างไว้ตัว เอ็กซ์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ขยับเดินออกไป
“สะเออะ”
อลิสาพึมพำออกมาเบาๆ จันทร์ทิพย์เดินเข้ามาตามด้วยเลขา อลิสารีบดึงคอเสื้อปิดทันทีด้วยสัญชาติญาณ
จันทร์ทิพย์จ้องอลิสาเขม็ง อลิสาเงยหน้าขึ้นแล้วกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ
“เอ้อ...ท่าน...ท่านอยู่ในห้องค่ะ”
“รู้แล้ว” จันทร์ทิพย์ตวาดลั่น อลิสาสะดุ้งก้มหน้าลงทันที “ผัวฉันน๊ะอยู่ข้างในถูกแล้ว ส่วนแกน่ะต้องอยู่ข้างนอก ไม่ต้องสะเออะเข้าไป”
“แล้ว เอ้อ..ถ้าเกิดมีเอกสารจะต้องให้ท่านเซ็นละค่ะ”
“ก็ส่งทางไปรษณีย์ซิ หรือไม่ก็สอดใต้ประตู”
“สะ...สอดใต้ประตู”
“หรือวิธีใหนก็ได้ที่ไม่ต้องพบหรืออยู่กับเขาตามลำพัง”
จันทร์ทิพย์เดินเชิดไปที่ห้องเกริกก้องขณะที่เลขายืนท้าวสะเอวจ้องอลิสาเขม็ง
จันทร์ทิพย์ปิดประตูแล้วหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้เกริกก้อง
“มีอะไรหรือคะ”
“ได้ข่าวว่า พี่ชายคุณไม่ได้มาทำงานแล้ว”
จันทร์ทิพย์นิ่วหน้าทันที
“ใครบอกค่ะ”
“จริงหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“อ้อ เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอเรอะไง ตอนจะทำก็มาขอให้ช่วยสารพัด แต่พอจะออกก็ออกเลยโดยไม่บอกฉันสักคำ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”
“แล้วมันอย่างไหน”
จันทร์ทิพย์ถอนใจเฮือก
“พี่กรณ์ถูกปลาใหญ่ไล่ออกเมื่อเช้าค่ะ”
“ถูกปลาใหญ่ไล่ออก...”
“ค่ะ”
พอออกจากบริษัทเอ็กซ์โทรหาปกรณ์ ปกรณ์จึงนัดเจอกับเอ็กซ์ที่ร้านกาแฟ
“ฉันล่ะเจ็บใจมันนัก มันเป็นใครมาบังอาจไล่ฉันออกจากงาน”
“โอ๊ย ผมน่ะรู้จักมันดีตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าสิงร่างคุณปลาใหญ่แน่ะครับ”
“ฉันอยากกำจัดมัน”
“ขนาดทุกคนที่รู้จักไอ้เซียน ก็คิดแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ดวงมันยังไม่ถึงฆาต ตรงกันข้ามยังส่งให้ได้อยู่อีกเกินคาด ไม่งั้นละก็ป่านนี้ลงนรกไปทั้งคู่แล้ว”
“นายหมายถึงใคร”
“อ๋อ ... เปล่าครับ”
เอ็กซ์รีบปฏิเสธเมื่อรู้สึกตัว
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ขณะนั้นจันทร์ทิพย์ยังอยู่ที่ห้องทำงานเกริกก้อง
“ปลาใหญ่ก็ดูเข้มแข็งขึ้นทุกวัน”
จันทร์ทิพย์พูดขึ้นลอย เกริกก้องจึงสวนทันที
“ปลาใหญ่บ้าบอที่ไหน ไอ้เซียนต่างหากเธอก็เพ้อเจ้อไปได้”
จันทร์ทิพย์ลอบยิ้มนิดๆ แล้วทำหน้าเครียดๆ
“ขอโทษค่ะ จันทร์เผลอไป...ที่จริงจันทร์น่ะ อดสมน้ำหน้าพี่กรณ์ไม่ได้ที่ซ่าเสียจนได้เรื่อง แต่อีกใจนึงก็ยังกังวลว่ายิ่งนับวัน ปลา....เอ๊ย...นายเซียนยิ่งแสดงอำนาจจะเอาใครเข้าใครออกก็ได้ จริงซิ”
จันทร์ทิพย์ทำหน้าเหมือนนึกได้แล้วแกล้งพูดทิ้งท้าย
“อะไร”
“นายเซียนมันคงจะแก้แค้นที่คุณก้องเอาพวกมันออก มันก็เลยไล่พี่กรณ์ออกบ้าง แล้วพี่กรณ์น่ะเป็นพี่จันทร์เสียด้วย เหมือนจะท้าทายว่าระหว่างคุณก้องกับมัน... ใครจะใหญ่กว่ากัน” เกริกก้องขบกรามแน่น “ต่อไป มันอาจจะหาเรื่องไล่จันทร์ก็ได้...”
“พอที”
เกริกก้องเดินปังๆ ออกไป จันทร์ทิพย์ยิ้มพอใจแล้วจึงเดินนวยนาดออกไป
อลิสาลุกขึ้นยืนเรียกเกริกก้องซึ่งเดินพรวดๆ ไป ขณะที่จันทร์ทิพย์เดินออกมาโดยคนที่บังเอิญอยู่ในเส้นทาง
ที่เกริกก้องเดินผ่านต่างพากันยืนตัวลีบ
“คุณก้องขา ...”
“เรียกผัวฉันทำไม”
อลิสาสะดุ้งแล้วรีบหันมา
“ปละ ...ปละ...เปล่าค่ะ”
“เปล่าบ้าบออะไร ฉันได้ยินเต็มสองหู”
“คือ อลิส...”
“นังผู้หญิงมีนอ...อย่าตอแหลให้มากนัก เพราะฉันมีวิธีจัดการกับแก”
จันทร์ทิพย์สะบัดหน้าเดินออกไป อลิสาจับจมูกตัวเอง
“ผู้หญิงมีนอ...”
เกริกก้องมาหาปลาใหญ่ที่ห้อง ปลาใหญ่นั่งยกขาไขว่ห้างแล้วกระดิกไปมา
“เชิญนั่งซิครับ คุณอาก้อง”
“แกไม่ใช่หลานฉัน เพราะฉะนั้นอย่ามาเรียกฉันว่าอา...” เกริกก้องมองขาที่กระดิกของปลาใหญ่ “...ทราม”
“อะไรนะครับ ฟังไม่ถนัด”
“ฉันว่าแกมารยาททราม”
“งั้นก็ “ทราม” เหมือนกัน”
“อะไรนะ”
“ผมว่าคุณใจทราม”
เกริกก้องลุกขึ้นต่อยปลาใหญ่ ปลาใหญ่เอียงหลบวูบด้วยความว่องไว แล้วสวนหมัดถูกครึ่งปากครึ่งจมูกเกริกก้องอย่างจัง เกริกก้องเซถลาล้มลงแล้วยกแขนป้ายบริเวณที่มีเลือดออกนั้นพลางมองปลาใหญ่ด้วยสายตาอาฆาต
“ไอ้เซียน”
เกริกก้องขยับลุกขึ้น
“อ๊ะ อ๊ะ อย่าได้คิดเผยอมาสู้กับผม เพราะเรามันคนชนชั้น ทั้งอายุ ทั้งฝีมือ อีกอย่างผมผ่านการต่อสู้มาทุกรูปแบบซึ่งผู้ดีใจร้ายอย่างคุณคิดไม่ถึงแน่”
“ฉันไม่เอาแกไว้แน่ ทั้งตัวแกทั้งไอ้ปลาใหญ่ อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าไม่มีร่าง วิญญาณพวกแกจะมีที่ไหนให้สิงอีก...นอกจากนรก”
เกริกก้องบอกแล้วเดินออกไป
ปลาใหญ่นอนเอกเขนกอย่างสบาย ผงกหัวขึ้นมองน้ำเพชรแว่บหนึ่งแล้วนอนต่อ
“นายทำอะไร คุณก้องน่ะ”
“คุณก้องแกเอาหน้ามาชนหมัดผม แต่...” ปลาใหญ่สปริงตัวลุกขึ้นนั่ง “ไม่ต้องเป็นห่วง แกไม่สามารถไล่ผมออกได้เพราะผมคือ ท่านประธานของบริษัท”
“เขาไล่นายออกไม่ได้ แต่เขาจะฆ่านาย”
“คุณเป็นห่วงผมเหรอเนี่ย”
“เปล่า ฉันเป็นห่วงร่างของคุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่พยักหน้าหงึกหงัก
“นึกแล้ว...ซึ่งก็ควรจะเป็นห่วง เพราะคุณก้องเขาประกาศเสียงดังฟังชัดเมื่อตะกี้ว่าเขาจะฆ่าทั้งร่างของผม และร่างของปลาใหญ่”
น้ำเพชรสะดุ้ง
“ตายแล้ว”
“ยังไม่ตาย คุณประเมินผมผิดไป ผมอยู่ในร่างปลาใหญ่ Happy ดี๊ด๊ามากมีเงินใช้ไม่ขาดมือเพราะฉะนั้น ต่อให้เอาลูกปืนมาแลกผมก็ไม่ยอมออกไป”
“นายมันบ้า”
น้ำเพชรหันหลังจะเดินออกไป
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ไปหาคุณปลาใหญ่”
“แต่คุณเป็นเลขาผม”
“ฉันเป็นเลขาคุณปลาใหญ่ จำใส่หัวสมองทื่อๆ ของนายด้วย”
น้ำเพชรเดินออกไป ปลาใหญ่ลอยหน้าลอยตาบีบเสียงล้อน้ำเพชร
“ฉันเป็นเลขาคุณปลาใหญ่...” ปลาเดินกลับมานั่ง “ไม่ง้อก็ได้”
ปลาใหญ่หยิบโทรศัพท์มากดหาดาริกา
“ฮัลโหล คุณปลาใหญ่ไล่ปลาเล็ก”
“คุณริก้าว่างมั้ยครับ”
อลิสาเดินไปเดินมาแล้วชะเง้อมองไปที่ห้องเกริกก้องอย่างกระวนกระวาย
“เป็นอะไรยะ” เลขาจันทร์ทิพย์ถาม
“อลิสาเป็นห่วง เจ้านายน่ะค่ะ”
“เธอเป็นแค่เลขาเอาแค่ห่วงกำลังพอดีๆ ดีกว่ามั้ง คุณก้องน่ะท่านมีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฏหมายคอยดูแลและเป็นห่วงอยู่แล้ว”
“ท่านเลือดออก”
“คุณจันทร์คงทำแผลให้แล้วละ”
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอ้อ...อลิสาเป็นแค่เลขาก็จริง แต่อลิสาก็มีสิทธิ์เป็นห่วง”
“อยากจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาเองมั้ยล่ะ”
“คุณจันทร์อยู่ในนั้น อลิสาคงไม่กล้าหรอกค่ะ”
“อ้อ...ก็รู้ตัวเหมือนกันนี่”
อลิสาหันกลับมา ทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะตบเลขาจันทร์ทิพย์
ภายในห้องจันทร์ทิพย์ทำแผลให้เกริกก้องเสร็จเรียบร้อย
“ยังเจ็บมั้ยคะ จันทร์จะได้ให้เขาไปเอายามาให้”
“เจ็บตัวยังน้อยกว่าเจ็บใจ”
“จันทร์เกลียดมัน จันทร์อยากจะฆ่ามัน”
ประตูเปิดออก รัญญารีบเข้ามาหน้าตาตื่น
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกลูก”
“แต่คุณพ่อเจ็บใจมาก อาเองก็เหมือนกัน”
เกริกก้องลุกเดินไปที่หน้าต่างช้าๆ อย่างใช้ความคิด สองสาวมองตาม
“ออกไปก่อน ทั้ง 2 คนนั่นแหละ”
สองสาวรับคำเบาๆ แล้วเดินออกไป เกริกก้องเบือนหน้ากลับไปด้วยสีหน้าแววตาใช้ความคิด
รัญญาตามจันทร์ทิพย์มาที่ห้อง
“น้าทราบนะคะว่า น้องรันไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าน้าซักเท่าไหร่ แต่ในภาวะอย่างนี้น้าขอให้น้องรันเก็บความไม่ชอบใจไว้ก่อนเพราะเราต้องร่วมมือกันกำจัดศัตรู”
รัญญาเหยียดยิ้มนิดหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้น เราก็ต้องชวนอลิสามาด้วยซิคะ มันถึงจะแฟร์” จันทร์ทิพย์นิ่งไปแล้วเม้มปาก “แต่ถ้าน้าจันทร์อึดอัดก็ไม่เป็นไร”
“น้ายอมรับว่า น้าอึดอัดค่ะ”
“งั้นก็โอเค”
“เอาละ...ทีนี้มาดูกันว่า ผู้หญิงอย่างเราจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“รันช่วยทำให้ปลาใหญ่หรือนายเซียนเละเทะได้”
“ยังไงคะ”
“โดยผ่านริก้าเพื่อนเลิฟของรัน”
“น้าเข้าใจแล้ว ดีมากเลยค่ะ” จันทร์ทิพย์หันมาทางเลขาซึ่งคอยอัดเทปตลอดเวลาอย่างตั้งอกตั้งใจ “นี่ ไม่ต้องอัด”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“เพราะดีไม่ดีมันจะย้อนกลับมาเป็นพยานมัดเราน่ะซียะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ” เลขาเก็บเทปลงกระเป๋า
“น้านึกได้อีกอย่างนึงแล้ว ทำลายทุกคนที่ปลาใหญ่และไอ้เซียนมันรัก”
“โอ๊ะ...ตบมือให้ความคิดอันชั่วร้ายของน้าจันทร์เลยค่ะ ร้ายได้ใจ ร้ายเว่อร์ ร้ายหาที่เปรียบมิได้”
จันทร์ทิพย์ยิ้มอย่างไม่แน่ใจนักว่าถูกด่าหรือชม
ทางด้านเอ็กซ์หลังจากคุยกับปกรณ์เสร็จ เอ็กซ์ก็โทรหาเกริกก้อง
“ไอ้เซียนมันสร้างศัตรูไว้เยอะ เพราะฉะนั้นคนที่อยากให้มันตายก็เลยมีแยะครับ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงไอ้เซียนคนเดียว ไอ้ปลาใหญ่ด้วย”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“ดี จัดการให้เร็วที่สุด แล้วก็เนียนที่สุด”
“เจ้านายรอฟังข่าวดีได้เลย”
“อย่าให้เหลวเหมือนครั้งที่แล้วอีกล่ะ”
“รับรองครับ”
เกริกก้องวางโทรศัพท์ลงสีหน้ายังเย็นชาโหดเหี้ยม
ปลาใหญ่ขยับลุกขึ้นแล้วดูนาฬิกาเตรียมจะออกไปข้างนอก จันทร์ทิพย์เปิดประตูเข้ามา
“อ้าว จะไปไหนจ้ะ ปลาใหญ่”
“ไปที่ชอบครับ”
จันทร์ทิพย์นิ่วหน้าแล้วหัวเราะ
“พูดเป็นเล่น”
“พูดจริง มีนัดกับผู้หญิงสาวสวยใครจะไม่ชอบบ้างล่ะ”
“ใครเอ่ย บอกให้อารู้บ้างได้มั้ย”
“อย่าสู่...เอ๊ย อย่ารู้เลยครับ คุณอามีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“น้าอยากมาขอยื่นหมูยื่นแมวกับเธอ”
“ไหนล่ะครับ” ปลาใหญ่มองหาสิ่งที่จันทร์ทิพย์บอก
“อะไรจ้ะ” จันทร์ทิพย์ทำหน้างง
“ก็หมูกับแมวไง”
“ไอ้...เอ๊ย... บ้าจัง ปลาใหญ่นี่ อาหมายความว่า อาจะขออนุญาตปลาใหญ่ให้พี่ชายของอากลับมาทำงานโดยแลกกับที่อาจะขออนุญาตคุณอาก้องให้คุณครรชิตกลับมาทำงานใหม่เหมือนกัน”
ปลาใหญ่แกล้งทำหน้าเคร่ง
“แต่คุณคันแกถูกไล่ออกด้วยข้อหาฉกรรจ์นะครับ โกงเงินบริษัทไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”
“ถึงจะใหญ่แค่ไหน มันก็ไม่เกินวิสัยที่อาจะช่วยได้”
“โดยแลกกับให้ปกรณ์กลับมาทำงาน”
“ใช่จ้ะ”
“ผมต้องคิดดูก่อน ขอตัวก่อนนะครับ”
ปลาใหญ่เดินออกไป จันทร์ทิพย์หน้างอแล้วเดินตามออกไป
“น้ำเพชรหายไปไหนล่ะ ปลาใหญ่”
จันทร์ทิพย์ถามอย่างแปลกใจเมื่อออกมาหน้าห้องแล้วไม่เห็นน้ำเพชร
“ลากิจครับ”
ปลาใหญ่เดินออกไป
“ลากิจ อยู่ดีๆ ก็ลากิจ แปลกๆ”
น้ำเพชรขับรถมาจอดที่วินมอเตอร์ไซค์แล้วลงมา ป๋องกับมอมอย่างแปลกใจ
“พาฉันไปพบคุณครรชิตหน่อย เมื่อกี้โทรบอกแล้ว”
“เชิญครับ”
“ฝากรถด้วยนะ” น้ำเพชรหันไปฝากรถกับป๋อง
“ได้เลยครับ”
มอมพาน้ำเพชรเข้าไปในชุมชน ผู้คนที่ผ่านไปมามองน้ำเพชรอย่างแปลกใจ เฉพาะบางคนรู้จัก มอมขี่มอเตอร์ไซค์พาน้ำเพชรมาเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านร้านสายไหม ยายปิ่น ซึ่งมีกระสือและกระหังนั่งคุยอยู่กับหมอแม่น
และสายพิณกำลังตักข้าวแกงขาย ทุกคนสะกิดกันมองตามโดยเฉพาะสายพิณตักข้าวแกงค้าง ชะเง้อมองจนลับตา
“จอดตรงนี้แหละ”
น้ำเพชรบอกเมื่อมาถึงทางแยกบ้านลุงป่อง มอมจอดรถน้ำเพชรกระโดดลงแล้วหยิบเงินส่งให้ 20 บาท
“เอ้า”
“เยอะไปครับ”
“เอาไปเถอะน่า”
“ขอบคุณครับ”
น้ำเพชรเดินเข้าไปในทางแยกนั้น มอมมองตาม
“จะออกไปหรือเปล่าไอ้มอม” ชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาถาม
“ไปจ้ะ”
ชาวบ้านขึ้นซ้อนมอมขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
น้ำเพชรเดินมาเคาะประตูบ้านลุงป่องเบาๆ ประตูค่อยๆ แง้มออก ลุงป่องหันไปบอกคนข้างใน
“ลูกสาวร้านทอง”
ลุงป่องเปิดประตูให้น้ำเพชรเข้าข้างใน
ขณะนั้นครรชิตและเซียนกำลังพยายามฝึกมารยาทให้ลุงป่อง น้ำเพชรมองอย่างแปลกใจ
“กำลังทำอะไรกันหรือคะ”
“ปั้นดาวให้เป็นเดือน”
“เขาเรียกปั้นดินให้เป็นดาวครับ”
“โอเค จะเป็นอะไรก็ปั้นไป คุณมาทำไม” เซียนหันมาถามน้ำเพชร
“ไอ้แสบเซียนมันไล่น้องชายคุณจันทร์ออกจากบริษัทค่ะ”
“เฮ้ย ช่างกล้า แล้วนี่คุณจันทร์มิโกรธใหญ่เรอะ”
“งั้นมั้งคะ เห็นยกโขยงกันมา”
“แล้วนายเซียนแก้ปัญหายังไง”
“ก็ต่อยคุณก้องเลือดกลบปากเลยค่ะ”
ลุงป่องกระทืบเท้าชอบอกชอบใจ
“มันต้องยังงั้นซิ ไอ้เซียน”
“ป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม” ทุกคนหันมามองเซียน “ผู้ดีเขาต้องเชือดเฉือนกันด้วยวาจา เอาชนะกันด้วยสมองไม่ใช่เอะอะก็ใช้กำลัง”
“ก็ไอ้เซียนมันเป็นผู้ดีซะที่ไหนล่ะคู้ณ มันไม่ตื้บให้จมธรณีก็บุญแล้ว”
“แต่เขาอยู่ในร่างของฉัน เขาก็ต้องรักษาหน้าฉันไว้บ้าง”
“แล้วที่คุณทำท่าบ้าๆบอๆ กระจายเต็ม’เน็ตล่ะ” ลุงป่องย้อนถาม
“นายเซียนเป็น Nobody จะทำบ้าบอยังไง มันก็ไม่แย่กว่าที่เป็นอยู่แล้วไม่เหมือนผู้บริหารอย่างฉัน”
น้ำเพชรนิ่วหน้ามองเซียน
น้ำเพชรและเซียนเดินออกมา โดยน้ำเพชรมีสีหน้าเคร่งขรึม
“ตกลงเราจะแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นกันเมื่อไหร่ดี”
“ไม่ทราบซิคะ”
เซียนมองน้ำเพชรอย่างเพ่งพิศ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ยัยน้ำเน่า”
เซียนกับน้ำเพชรหันไปมองแล้วน้ำเพชรก็ทำสีหน้ารำคาญ
“ยัยสายสะดือมาแล้ว”
“มาทำลับลมคมในอะไรกันที่นี่”
“ยัยรู้ดนี่น่ารำคาญจัง”
“ไอ้ปลาใหญ่”
“หยาบคาย”
“ฉันถึงได้เรียกเขาว่ายัยรู้ดไง” สายพิณตบเซียนเปรี้ยง “โอ๊ย”
น้ำเพชรรีบทรุดตัวลงประคองเซียนขึ้นมา
“จะบ้าเรอะ สายพิณ”
“ไม่บ้าหรอก แต่หมั่นไส้มันมานานแล้ว”
“ช่างเถอะ คุณน้ำ เขาทำร้ายผมก็เท่ากับทำร้ายแฟนตัวเอง พอใจรึยังล่ะ ถ้ายังไม่พอจะให้ฉันโกนหัวแล้วสักตรงกลางไหม”
“อย่าทำบ้าๆ นะ”
“ฉันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ร่างฉัน”
“จะไปไหนก็ไป ยัยสายสะดือ”
“นี่มันถิ่นของฉันนะยะ ยัยน้ำครำ”
ขณะที่กำลังทะเลาะกัน ครรชิตเดินเข้ามา
“เอาอีกแล้ว ทะเลาะกันอีกแล้ว เมื่อไหร่จะปรองดองกันเสียที”
น้ำเพชรและสายพิณต่างชี้หน้าและพูดพร้อมกัน
“มันหาเรื่องก่อน”
ครรชิตยกมือกุมขมับครู่หนึ่งแล้วหันมาทางเซียนโดยไม่มองสองสาว
“ผมว่าเราไปบวชกันดีไหมคุณปลาใหญ่ แค่เท่าที่เป็นอยู่เวลานี้มันก็จะแย่อยู่แล้ว แต่สองคนนี้ก็ยังหาเรื่องทะเลาะกันอีก เจอหน้าละเป็นไม่ได้ จะฆ่ากันท่าเดียว”
สองสาวนิ่งแต่ไม่วายมองเขม่นกัน
“ก็ดีครับ ผมเองก็เบื่อที่จะต่อสู้โดยที่มองไม่เห็นชัยชนะเหมือนกัน”
เซียนมีสีหน้าท่าทางเริ่มรันทดท้อ
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ปลาใหญ่นัดเจอกับดาริกาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริกรยกจานสลัดมาวางตรงหน้าดาริกาและอาหารหนักๆ มาวางให้ปลาใหญ่
“กิน...เอ๊ย รับประทานแค่นั้นอิ่มหรือครับ”
“อิ่มสิคะ”
“ผมไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมวัวควายมันกินหญ้าถึงได้อิ่ม” ดาริกาแทบสำลักผัก “คงเหมือนคุณริก้ากินผักนี่เอง”
ดาริกาค่อยๆ วางส้อมและมีดลง
“นี่คุณปลาใหญ่เปรียบริก้ากับวัวควายหรือคะ”
“ในแง่ของการกินผักกินหญ้าครับ”
“ตายแล้ว เลยกินไม่ลงเลย”
“นั่นไง ผมว่าคุณริก้ากินอย่างอื่นที่มันอิ่มท้องดีกว่า ไอ้จานนั้นมีผักไม่กี่ใบ ราคาเป็นร้อย...แพงเว่อร์”
“คุณปลาใหญ่ ไอ้จานเนี้ยเขาเรียกว่าสลัดค่ะ”
“รู้...”
“แล้วผักไม่กี่ใบนี่ เป็นผักออแกนิคส์”
“เป็นยังไงครับ”
ดาริกาถอนใจเฮือก
“ริก้าว่าริก้ารับประทานต่อดีกว่า”
“ดีครับ”
ปลาใหญ่ก้มหน้าก้มตากินแบบมูมมามตามเคย ดาริกามองอย่างผะอืดผะอม
เมื่อทานอาหารอิ่มทั้งคู่เดินออกมาจากร้านจะไปที่จอดรถ มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงดังก้องจนทุกคนในบริเวณต้องอุดหูแล้วด่าไล่หลัง ปลาใหญ่ชะงักมองตามทำท่าเหมือนโบกธงปล่อยรถ
“เฟี้ยว...ว...ว สุดยอด”
เสียงตะโกนลั่นของปลาใหญ่ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองไม่ค่อยชอบใจรวมทั้งดาริกา
“จีเนียด อัจฉริยะ”
ปลาใหญ่ตะโกนไล่หลัง ดาริกาอายจนต้องรีบดึงปลาใหญ่ให้เดินเร็วๆ
“ไปค่ะ”
ปลาใหญ่ไม่ทันระวังตัวถลาตาม ท่ามกลางสายตาของทุกคน
ดาริกาลากปลาใหญ่มาที่ลานจอดรถ ปลาใหญ่กดรีโมทดาริการีบเข้าไปนั่งในรถ
“ถ้าไม่รวยซะอย่าง แม่เปิดไปนานแล้ว โฮ้ย...อับอายขายขี้หน้า”
ปลาใหญ่เดินอ้อมมาเปิดตรงที่นั่งคนขับพอดีได้ยินคำสุดท้าย
“ริก้าว่าอะไรหน้าๆ หรือครับ”
“ริก้าว่าริก้าขายหน้าค่ะ ทำไมปลาใหญ่ถึงได้ชอบเอะอะโวยวาย”
“ทีผมควงควงกับริก้าไม่เห็นจะขายขี้หน้าเลย”
ดาริกาหันขวับมาทันที
“อะไรนะ ควงกับริก้าน่ะเรอะขายขี้หน้า เป็นการยกระดับคุณน่ะซิไม่ว่า ริก้าน่ะใคร รู้มั้ยว่าใครๆ ก็อยากมีเดทกับริก้า”
“แต่ริก้าแก่...” ดาริกาเบิกตากว้าง ตกใจกับคำพูดปลาใหญ่จนพูดอะไรไม่ออก “สวยแต่แก่ อย่างน้อยก็แก่กว่าปลาใหญ่ ไม่เชื่อดูกระจกซิ”
“ไอ้บ้า ไอ้คนหยาบคาย” ดาริกาพูดพลางเปิดประตูรถลงไป “ไปลงนรกซะไป๊”
ดาริกาปิดประตูรถอย่างแรงแล้วเดินไป
“นรกไปทางไหนหว่า ให้ไปแล้วก็ไม่บอกทางด้วย”
ปลาใหญ่หัวเราะกับตัวเองดังลั่นแล้วขับรถออกไปอย่างเร็ว
“เฟี้ยว...ว...ว”
ดาริกาโกรธปลาใหญ่มากจึงโทรหารัญญาและนัดเจอที่ร้านกาแฟ
“ฉันน่ะไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว หน้าตาก็หล่อ ฐานะก็ดี แต่มารยาททรามที่สุด”
ดาริกาบอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ใจเย็นๆ ก่อน”
“เย็นบ้าเย็นบออะไร ใจฉันกำลังเดือดปูดๆ ที่ไม่เข้าไปเจอแกในออฟฟิศก็เพราะไม่อยากเห็นหน้ามัน”
“น่า...คุณเพื่อนขา ฉันเองก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเหมือนกัน”
“หมายความว่าไง”
“ต้องจำใจทำเป็นรักใคร่ผู้ชายที่ไม่คู่ควร”
ดาริกาเลิกคิ้วมองหน้ารัญญาอย่างตั้งใจฟัง
ปลาใหญ่เดินกลับห้องทำงานแล้วทำหน้าเซ็งเมื่อไม่เห็นน้ำเพชร
“ยังไม่กลับมาอีก” ปลาใหญ่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด แต่ทางปลายสายกดทิ้งแล้วปิด “ทำเป็นไม่รับ ไม่รับก็ไม่ง้อ ทั้งๆ ที่อยากจะง้อ”
ปลาใหญ่เดินเข้าห้องไป
“ฮ้า จริงเรอะ”
ดาริกาทำหน้าตกใจกับสิ่งที่รัญญาบอก รัญญาพยักหน้า
“ไม่งั้นไอ้ปลาใหญ่จะเปลี่ยนไปขนาดนั้นได้ไง”
“หัวอาจจะฟาดพื้นทำให้ความจำเสื่อม”
“แล้วนายเซียนล่ะ”
“ก็เหมือนกัน”
“อะไรมันจะเหมือนเว่อร์ขนาดนั้น”
“ไม่น่าเชื่อ”
“แต่ก็ต้องเชื่อ เฮ้ย...ช่วยกันหน่อย ช่วยทำให้นายเซียนในร่างปลาใหญ่ไว้ใจ”
“เฮ้อ...ไม่รู้ซิ”
“Please”
ดาริกามีสีหน้าลังเล
ปลาใหญ่นอนเหยียดยาวกระดิกเท้าและตะโกนร้องเพลงลูกทุ่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียวจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลาใหญ่ลุกพรวดขึ้นทันทีแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“จะโทรมาด่าต่อเรอะไง” ปลาใหญ่ลังเลครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจรับ “ว่าไงครับ”
“ปลาใหญ่อยู่ที่ไหนคะ”
“ออฟฟิดครับ”
“งั้นริก้าไปหาได้มั้ยคะ ริก้าอยากปรับความเข้าใจกับคุณ”
ปลาใหญ่แหกปากหัวเราะชอบใจแบบไม่มีเสียง แล้วทำเสียงขรึม
“ยังจะมีอะไรต้องทำความเข้าใจกันอีก”
“มีซิคะ มีเยอะแยะเลย เดี๋ยวริก้าขึ้นไปหานะคะ”
ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลง
“ท่าทางจะสำนึกจริงๆ เสน่ห์แรงส์”
“เรียบร้อย” ดาริกาบอกรัญญาหลังจากวางหูจากปลาใหญ่
“ขอบใจมากจ้ะ ไม่แน่ถ้าปลาใหญ่กลับเข้าร่างเมื่อไหร่แกอาจจะได้แต่งงานกับเขาจริงๆ ก็ได้”
“ไม่อาจจะละ แกต้องช่วยฉัน...โอเค้”
“โอเค ไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะช่วยใคร”
“ยังมีอีก”
“ว่ามาเลย”
“ฉันอยากเจอปลาใหญ่ในร่างนายเซียน”
รัญญามีสีหน้าแปลกใจขณะที่ดาริกายิ้มกริ่ม
น้ำเพชรเพิ่งกลับมาวางกระเป๋าลงแล้วเปิดคอมฯ ดาริกาเดินนวยนาดเข้ามา
“มาพบใครคะ” น้ำเพชรถามเสียงเย็นชา
“แหม...จะต้องให้บอกด้วยเรอะยะ ฉันมาที่ห้องปลาใหญ่ก็แปลว่าจะมาหาปลาใหญ่ ไม่ใช่พวกปลาเล็กปลาน้อยปลาซิวปลาสร้อย”
“งั้นก็กรุณารอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะโทรเข้าไปเรียนคุณปลาใหญ่”
น้ำเพชรหยิบโทรศัพท์ภายในจะโทรแต่ดาริการีบใช้ปลายนิ้วแตะโทรศัพท์น้ำเพชรอย่างรังเกียจ
“ไม่ต้อง ฉันโทรมาบอกเขาแล้ว นี่เธอยังไม่รู้มั้งว่า เมื่อกี้เราออกไปทานข้าวด้วยกัน Happy มาก...” ดาริกาลากเสียงยาว แล้วดึงมือออกมาปัดๆ ที่ปลายนิ้วประมาณปัดคราบสกปรก “อ้อ...ฉันอาจจะเข้าไปนานหน่อยนะ อย่าให้ใครเข้าไปรบกวนล่ะ”
ดาริกาเดินนวยนาดต่อไปที่ห้องแล้วเปิดประตูเข้าไป น้ำเพชรท้าวสะเอวมองตาม
“ฉันนี่แหละจะเข้าไปรบกวนเพื่อป้องกันร่างของคุณปลาใหญ่ที่นายเซียนจะนำไปใช้ไม่ถูกวิธี”
น้ำเพชรมองซ้ายมองขวาอย่างจะหาตัวช่วย แล้วสายตาก็หันไปเห็นแม่บ้านกำลังกวาดพื้นอยู่ น้ำเพชรยิ้มนิดๆ อย่างเจ้าเล่ห์
ดาริกาเดินมานั่งตักโอบรอบคอปลาใหญ่ไว้
“หายโกรธริก้าหรือยังคะ เบบี๋”
“เบบี๋... เบบี๋นี่แปลว่าเด็กใช่มั้ยครับ ผมน่ะไม่บี๋แล้ว”
“ตลกอีกแล้ว ฟิชชี่ตล้ก ตลก”
“ฟิชชี่...”
“ก็ปลาน้อยๆ ของริก้าไงคะ”
ปลาใหญ่ลุกขึ้น ดาริกาซึ่งคอยระวังอยู่แล้วรีบยึดโต๊ะไว้ทัน แต่ก็หน้าคะมำเกือบล้ม
“ปลาน้อยที่ไหน ผมน่ะใหญ่สมชื่อนะครับ”
ประตูเปิดออก น้ำเพชรเดินนำแม่บ้านเข้ามาในมือถือยาฉีดแมลงสาบ
“เข้ามาทำไม ฉันบอกแล้วไงยะว่าห้ามเข้ามารบกวน” ดาริกาถามอย่างไม่พอใจ
“คุณจะทำอะไรก็ไปทำซิคะ รับรองว่าพี่เออร์ซูล่าเค้าไม่มองหรอก เค้าเข้ามาฉีดแมลงสาบ”
ดาริกากระโดดพรวดเดียวขึ้นไปบนโต๊ะปลาใหญ่
“ว้าย มีแมลงสาบด้วยเรอะ”
“ค่ะ ฉันเพิ่งเห็นมันเข้ามาเมื่อตะกี้นี้เอง พี่เออร์ซูล่าจัดการฉีดเลย”
แม่บ้านเริ่มฉีดที่บริเวณโต๊ะปลาใหญ่
“เฮ้ย มาฉีดอะไรตรงนี้”
“ก็เมื่อกี้มันกระโดด... เอ๊ย คลานมาแถวนี้นี่ ฉีดให้หมดเลยบนโต๊ะใต้โต๊ะ”
“จะบ้าเรอะ นี่ฉันคุณริก้านะยะ ไม่ใช่แมลงสาบ”
“อ้าว...เรอะ เห็นหน้าตาคล้ายๆ กัน”
“ฟิชชี่...ริก้าไม่ยอมนะคะ เลขาคุณมาว่าริก้าเป็นแมลงสาบ”
“โฮ้ย...หูป่วยแล้วละคู้ณ ฉันบอกว่าคุณแค่คล้าย ไม่ได้บอกว่าเป็นสักหน่อย ไม่เชื่อถามเออร์ซูล่าดู”
“ค่ะ”
“เห็นมั้ยล่ะ”
“เอาละ พอที”
“ฟิชชี่”
“ไม่มีใครไปใช่มั้ย งั้นผมไปเอง มึนว่ะ”
ปลาใหญ่เดินออกไป ดาริกาชี้หน้าน้ำเพชร
“เพราะแก”
“แกต่างหาก”
“แกเรียกฉันว่าแก”
“ก็แกมาเรียกฉันว่าแกก่อนทำไม จริงมั้ย... แก”
น้ำเพชรหันมาทางแม่บ้าน เออร์พยักหน้า ดาริการ้องกรี๊ด
ดาริกามาหารัญญาที่ห้อง รัญญาตบโต๊ะด้วยความโมโหเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“มันจะมากไปแล้ว”
“แกต้องไล่มันออก ไม่อย่างนั้น ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แล้วปลาใหญ่ไม่ได้ว่าอะไรเรอะ”
“เดินออกจากห้องไปเลย แกเคยบอกว่ามันเป็นลูกเจ้าของร้านทองใช่มั้ย”
“ฮื่อ...”
“ดีแล้ว ฉันจะให้คนไปปล้น แล้วฉุดมันมาทำอนาจาร”
รัญญาชะงัก ดีดนิ้ว
“ใช่แล้ว” ดาริกามองรัญญาอย่างแปลกใจ “แผนแกยอดมาก”
“แกเห็นด้วยเรอะ”
รัญญาแสยะยิ้ม
น้ำเพชรนั่งกดคอมฯ เล่นเกมส์อย่างมีความสุข โดยเออร์กวาดผงอยู่แถวๆ นั้น
“น่าจะมีเกมกำจัดแมลงสาบ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น น้ำเพชรชะเง้อดูแล้วหยิบมารับ
“ว่าไง”
ปลาใหญ่นั่งอยู่ในรถ สีหน้าเหมือนพออกพอใจ
“นี่คุณหึงผมใช่มั้ยล่ะ คุณน้ำเพชร ถึงได้พาเออร์ซูล่าเข้าไปฉีดแมลงสาบในห้องผม”
“นึกแล้วว่า นายต้องพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ถ้านายเป็นนายเซียนทั้งร่างกายและวิญญาณละก็ ฉันจะดูต้นทางให้ด้วยซ้ำ แต่นี่นายใช้ร่างคุณปลาใหญ่ เจ้านายของฉัน ฉันถึงไม่ยอมเสียงให้นายเอาตัวเขาไปทำอะไร เคยบอกแล้วไม่ใช่เรอะ”
“ผมไม่เชื่อ”
“ก็ตามใจ นายอยากคิดเข้าข้างตัวเองยังไงก็ตามใจ”
น้ำเพชรปิดโทรศัพท์แล้ววางลง
ปกรณ์กลับเข้าบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปกรณ์หยิบขึ้นมาดูแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจแกมแปลกใจ
“น้องรัน เอ้อ...น้องรันมีอะไรจะใช้พี่คะ”
“เลี่ยนจัง รันไม่ได้จะใช้หรอกค่ะ แต่รันจะจ้าง”
ดาริกานั่งพยักเพยิดกับรัญญา
“โอ๊ะ ไม่ครับไม่ ผมรับไม่ได้ แต่ถ้าหากคุณน้องรันยังยืนยันจะจ้างผมก็ไม่ทำ”
“งั้นรันไปหาคนอื่นก็ได้”
“เดี๋ยวครับเดี๋ยว โอเค ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้พบกัน”
“ที่ไหนหรือครับ”
“แล้วจะโทรบอกค่ะ แค่นี้นะคะ”
รัญญาวางโทรศัพท์ลง ยิ้มอย่างพอใจ
“แน่ใจได้ยังไงว่า นายคนนี้ไว้ใจได้” ดาริกาถามขึ้นมา
“เพราะเขาเป็นพี่ชายแม่เลี้ยงฉันน่ะซิ”
ดาริกาหัวเราะชอบอกชอบใจ
ปกรณ์ผิวปากเข้ามาในห้องอย่างร่าเริง
“ในที่สุด ในที่สุด เธอก็ต้องพึ่งฉัน” ปกรณ์ทิ้งตัวลงบนเตียง “ค่าจ้างน่ะฉันไม่เอาร้อก ฉันอยากได้ตัวเธอต่างหาก”
ส่วนที่บริษัทน้ำเพชรเหลือบมองปลาใหญ่ที่กำลังเดินตรงมาแว่บหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างไม่สนใจ
“เข้าไปคุยกับผมในห้องหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้”
“นึกแล้ว”
ปลาใหญ่เดินเข้าห้องไป
“นึกแล้ว แล้วพูดทำไม”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านลุงป่อง ลุงป่องก้าวออกมาจากห้องในชุดสูท ผมเรียบ หน้านวล
“คุณปลาใหญ่คิดว่ายังไง”
ครรชิตถามเซียน เซียนส่ายหน้านิดๆ
“มันยังมีอะไรขัดๆ อยู่”
ทุกคนหันไปมอง มอมและป๋องยืนตบมือเป่าปาก
“เฮ้ย ลุงป่อง แทบจำไม่ได้เลยว่ะ”
“เหมือนตุ๊กตา...”
“บลายเรอะ”
“เสียกบาล เหมือนตุ๊กตาเสียกบาลเปี๊ยบ”
“ไอ้บ้า”
“มองยังไงก็ไม่ใช่นักธุรกิจ”
ครรชิตลูบคางมองลุงป่องใช้ความคิด
“คนรวยก็ไม่ต้องเนี้ยบมาก แบบที่เรียกว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองไง”
ทุกคนเดินเข้ามาเดินวนๆ รอบตัวลุงป่อง พลางวิพากษ์วิจารณ์กันไป โดยลุงป่องมองทางโน้นทีทางนี้ที
“เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อผ้าขี้ริ้ว”
“อ้าว คุณปลาใหญ่”
“เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อขี้หมามากกว่า”
“ไอ้มอม เอางั้นเชียวเหรอวะ”
“ป๋องว่า...”
“พอแล้ว”
“ผมว่าโอเคนะ อย่าเป๊ะมาก เป๊ะมากเดี๋ยวจะไม่เป็นธรรมชาติ”
“อาทิตย์หน้าเริ่มได้ ทบทวนมารยาทในการพูด แล้วการรับประทานอีกซักหน่อย”
ทุกคนพยักเพยิดเห็นด้วย
“เฮ้ย นี่จะไม่ถามกันเลยเรอะว่าพร้อมหรือเปล่า” ลุงป่องถามขึ้นมา
“ไม่จำเป็น ผมเป็นคนตัดสินใจเอง”
“อะไรวะ”
เซียนซ้อนมอเตอร์ไซค์ป๋องออกมา ขณะที่มอมขี่อีกคันตามมาช้าๆ ระหว่างในซอย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเซียนหยิบขึ้นมารับ
“ฮัลโหล...อ๋อ...ได้”
เซียนเก็บโทรศัพท์
“ใครโทรมา” ป๋องถาม
“สอดรู้เห็น”
“สอดรู้สอดเห็น พูดให้มันถูกด้วย”
จันทร์ทิพย์ส่งเอกสารให้เลขาแล้วดูนาฬิกาก่อนจะลุกขึ้น
“ไปห้องปลาใหญ่กันหน่อย จะสี่โมงแล้ว”
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์เดินออกไป เลขาเดินตาม
จันทร์ทิพย์และเลขาเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานน้ำเพชร
“ปลาใหญ่ อยู่ใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“รออยู่นี่แหละ” จันทร์ทิพย์หันไปบอกเลขา
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์เดินเข้าไปในห้อง ขณะนั้นปลาใหญ่กำลังนั่งเอาเท้าพาดโต๊ะ พิงพนักเก้าอี้หลับอย่างสบาย
จันทร์ทิพย์เดินเข้ามากอดอกมองแล้วส่ายหน้า
“เถื่อนที่สุด”
จันทร์ทิพย์พึมพำออกมาเบาๆ แล้วมองอย่างปลงในอนิจจัง ก่อนจะกระแอมเบาๆ ปลาใหญ่ยังคงนอนกรนต่อ
“นายเซียน” ปลาใหญ่ลืมตาตื่นทันที แล้วหดขาลง “แหม ต้องเรียกชื่อจริงถึงจะตื่น”
“ผมตกใจตื่นเพราะเสียงคุณอาดังปรี๊ดแสบแก้วหูต่างหาก คุณอามีธุระ”
“อย่ามาแก้ตัวเสียให้ยาก เราทุกคนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร...หรือว่าใครเป็นใคร”
“งงว่ะ”
“แต่ฉันไม่สนหรอกว่า ใครจะเป็นใคร”
“ผมไม่รู้”
“ฟังนะ นายเซียน เธออยากอยู่ในร่างปลาใหญ่ตลอดไปใช่ไหมล่ะ”
ปลาใหญ่ชะงัก มองจันทร์ทิพย์เหมือนจะหยั่งให้ถึงส่วนลึกในจิตใจ
โปดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป