แสบสลับขั้ว ตอนที่ 3
จันทร์ทิพย์กับรัญญามาเยี่ยมปลาใหญ่ที่โรงพยาบาล เซียนซึ่งอยู่ในร่างของปลาใหญ่เบือนหน้าหันมามอง
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ปลาใหญ่”
เซียนมองจันทร์ทิพย์และรัญญาสลับกันอย่างครุ่นคิด รัญญาและจันทร์ทิพย์มองท่าทีของปลาใหญ่อย่างงงๆ
รัญญา ยกนิ้ว 2 นิ้วชูขึ้น
“นี่กี่นิ้ว”
“โอ๊ย! ก็เห็นๆ อยู่ว่า 2 นิ้ว”
เซียนตวาด จันทร์ทิพย์และรัญญาตกใจด้วยปลาใหญ่ไม่เคยตวาด
“ปลาใหญ่”
“เห็นหน้าทีไรก็ชูแต่นิ้วให้นับ รำคาญ”
เซียนหลับตาลง ครรชิตรีบแก้
“ คุณปลาใหญ่ท่านคงถูกกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุอย่างรุนแรงน่ะครับ”
“นั่นน่ะซิ ปกติปลาใหญ่จะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ น้าว่าเรากลับไปรายงานคุณพ่อก่อนดีกว่าน้องรัน แล้วค่อยมาเยี่ยมอีกตอนเย็นๆ”
“ค่ะ...พี่ไปละนะปลาใหญ่”
ปลาใหญ่พยักหน้าทั้งๆ หลับตา
“อาก็ไปละนะคะ แล้วเย็นจะมาพร้อมกับคุณอาก้อง” ปลาใหญ่พยักหน้าอีก “ฉันกลับก่อนนะ คุณครรชิต! ฝากดูแลปลาใหญ่ให้ดีด้วย”
“ครับ”
ครรชิตเดินมาเปิดประตูให้สองสาว ปลาใหญ่หรี่ตามองตาม ครรชิตปิดประตูแล้วเดินไปที่โซฟาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาจะเปิด
“คุณครรชิต”
ครรชิตเบือนหน้าไปมอง
“อ้าว ผมนึกว่า คุณปลาใหญ่นอนหลับ”
ปลาใหญ่กระดิกนิ้วเรียกครรชิต
“มานี่ซิ” ครรชิตเดินมา สีหน้ายังแปลกใจกับท่าทางของปลาใหญ่ “เล่าเรื่องผู้หญิง 2 คนนั่นให้ฟังหน่อย อ้อ... แล้วก็คนอื่นๆ ที่บ้านด้วย”
“คุณปลาใหญ่”
“จ๊ะจ๋า”
ครรชิตมึนตึ้บกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของปลาใหญ่
“คืองี้ ...ผมจำคุณครรชิตได้คนเดียว ... คนอื่นๆ มันเลือนๆ ลางพิลึก”
“ขอบคุณมากครับ คุณปลาใหญ่”
“เรื่อง’ไร”
“ก็... คุณปลาใหญ่อุตส่าห์จำผมได้คนเดียว”
“อ๋อ...อ...อ้ะ งั้นเอาเป็นว่า ต่างคนต่างขอบคุณละกัน” ปลาใหญ่หล่วตาให้ ครรชิตยิ้มแห้งๆ
“คุณปลาใหญ่ แปลกไปเยอะ”
“เล่าให้ผมฟังได้แล้ว”
ครรชิตเริ่มเล่า ปลาใหญ่ฟังอย่างตั้งใจ
เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดกับสิ่งที่จันทร์ทิพย์กับรัญญาเล่าให้ฟัง
“มันเหมือนคนบ้าเรอะ”
“ค่ะ ชอบทำยักคิ้วหลิ่วตาเอะอะโวยวาย ตอนฟื้นใหม่ๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอยิ่งนานก็ยิ่งเป็นมากขึ้น Oh! My God ดูไม่จืดเลยค่ะ”
“รันว่ามันอาจจะถูกผีสิง คุณพ่อลองไปดูมันหน่อยซิคะ ตั้งแต่ปลาใหญ่ฟื้นคุณพ่อเพิ่งไปดูหนเดียวเองที่โรงพยาบาลเก่า โรงพยาบาลใหม่ยังไม่เคยไปเลย”
“พ่อไม่อยากเห็นหน้ามัน เจ็บใจที่ทำไมมันไม่ตาย ดูจากภาพข่าวก็ไม่น่าจะรอด แต่ก็ดันรอด”
“ถ้ามันยังเอ๋อๆ อยู่แบบนี้ ความหวังเราก็ยังมีอยู่ค่ะ มันทำงานไม่ได้ก็จะเป็นคนไร้สมรรถภาพไปโดยอัตโนมัติ”
เกริกก้องมีสีหน้าดีขึ้น
“นั่นซินะ”
ส่วนที่โรงพยาลหลังจากครรชิตเล่าเรื่องของจันทร์ทิพย์ รัญญาและเกริกก้องจบ ครรชิตก็ถามตบท้าย
“คุณปลาใหญ่พอจะจำได้มั้ยครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ความจำไม่ค่อยดี จบ ม.6 อายุ 25”
ครรชิตถึงกับสะดุ้ง
“คะ...คะ คุณ ปลาใหญ่”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำเพชรโผล่เข้ามาพร้อมตระกร้าจัดอาหารหวานคาวใส่กล่องมาอย่างดี ปลาใหญ่ผุดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาเป็นประกาย ครรชิตช่วยรับของจากน้ำเพชรมาวาง
“วันนี้มีอะไรบ้าง หนูน้ำ”
“ไก่ดำตุ๋นยาจีน ผัดผัก 4 สหาย ผัดโป๊ยเซียนค่ะ ส่วนของหวานก็มีแป๊ะก๊วย”
“แหม ...ดี อันนี้ช่วยความจำ คุณปลาใหญ่จะทานหรือยังครับ”
“เอามาเลย คุณน้ำเพชรเกล็ดดาวพราวสวาท”
คำพูดของปลาใหญ่ทำให้น้ำเพชรและครรชิตสะดุ้งเฮือกพร้อมกัน แต่น้ำเพชรก็จัดอาหารใส่จานชามมาวางให้ ขณะที่ครรชิตช่วยรินน้ำ ปลาใหญ่มองหน้าน้ำเพชรตาเชื่อมขณะที่น้ำเพชรกำลังเลื่อนจานชามบนโต๊ะให้ตักสะดวก
“คุณนายสินเธาว์เป็นยังไงบ้างครับ” น้ำเพชรสะดุ้งเฮือก เงยหน้ามองปลาใหญ่ทันที ปลาใหญ่ตีหน้าซื่อ “ทำไมล่ะ ก็แกบอกเองวันที่มาเยี่ยมผมว่าแกชื่อคุณนายสินเธาว์”
“แกไม่รู้คำแปลค่ะ ไอ้บ้าเซียนมันเลยถือโอกาสกลั่นแกล้ง น้ำละเกลียดมันจริงๆ เลย” น้ำเพชรพูดไปแล้วนึกได้ยกมือไหว้ “ขอประทานโทษค่ะ”
ปลาใหญ่สำลักน้ำขณะยกขึ้นดื่มตรงกับประโยค “ไอ้บ้าเซียน” ของน้ำเพชร
“อุ๊ย ท่านประธานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“น้ำติดคอ”
“เอ้อ...วันหลัง ถ้าหม่าม้ามาเยี่ยมอีก ท่านประธานช่วยกรุณาบอกให้แกเปลี่ยนชื่อหน่อยได้มั้ยคะ หม่าม้าไม่เชื่อน้ำ”
“จ๊ะจ๋า จ๋าจ้ะ”
น้ำเพชรและครรชิตทำหน้าแปลกๆ ปลาใหญ่ลงมือกินอาหารไม่ยั้งและค่อนข้างออกอาการมูมมาม ครรชิตและน้ำเพชรเดินไปนั่ง ปลาใหญ่รู้สึกตัวจึงสปีคช้าลง
อีกด้านหนึ่งที่ห้องของเซียนที่วิญญาของปลาใหญ่อาศัยอยู่ เซียนสำลักข้าวผัดกระเพราไข่ดาวน้ำหูน้ำตาไหล
คว้าน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว
“ทำไม เผ็ดเหรอพี่เซียน”
สายพิณถามอย่างเป็นห่วง
“ผมไม่ทานเผ็ด”
“เฮ้ย พี่น่ะกินพริกขี้หนูทีละกำมือยังได้เลยนะ”
“อย่างนั้นก็บ้าไปแล้ว” เซียนผลักจานออกไป
“ว้า งั้นจะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพิณจะลงไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”
คำพูดที่เปลี่ยนไปของเซียนทำให้สายพิณต้องมองหน้าเซียนแล้วเกาหัว
“ให้ตายเถอะ พิณไม่ชอบให้พี่เป็นแบบนี้เลยอยากให้บ้าๆ บอๆ แบบเดิมดีกว่า”
“บ้าๆ บอๆ จะดีได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ”
สายพิณถอนใจเฮือก
น้ำเพชรและครรชิตพากันออกมาคุยที่หน้าห้องพักของปลาใหญ่
“น้ำไม่สบายใจเลยค่ะคุณลุง คุณปลาใหญ่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ”
“ตอนที่ฟื้นใหม่ๆ ลุงก็ตกใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้เริ่มชิน”
“แล้วท่านจะกลับไปเหมือนเดิมมั้ยคะ”
“ก็หวังว่าอย่างนั้นนะ” ครรชิตชะงัก “คุณก้องมา”
น้ำเพชรหันไปมองตามเห็นเกริกก้องเดินมากับจันทร์ทิพย์
“คุณก้องจะมาเยี่ยมหลานให้ได้ ฉันก็เลยต้องตามมาอีก” จันทร์ทิพย์บอก
“จะต้องไปอธิบายทำไม เราจะไปจะมาเมื่อไหร่มันก็เรื่องของเรา”
เกริกก้องบอกแล้วเปิดประตูเข้าไป จันทร์ทิพย์เดินตาม
เกริกก้องและจันทร์ทิพย์เดินเข้ามา ขณะนั้นปลาใหญ่กินอิ่มแล้ว ยกมือลูบท้องเรอออกมาดังสนั่น เกริกก้องและจันทร์ทิพย์นิ่วหน้า โดยเฉพาะจันทร์ทิพย์ลอบทำท่าเหม็นและผะอืดผะอมด้วย
“แกทำอะไรของแกน่ะ”
“เรอครับ กินอิ่มแล้วต้องเรอเป็นการระบายลมออกข้างบน ยังมีการระบายออกทางข้างล่างอีกนะครับ”
เกริกก้องโกรธจัดทำท่าจะเอาเรื่อง จันทร์ทิพย์เอามือแตะแขนเกริกก้องเป็นเชิงเตือน
“ถ้าปลาใหญ่อยากจะระบายก็ระบายออกมาเถอะค่ะ คุณอาก้องกับคุณอาจันทร์สนับสนุนให้ปลาใหญ่เป็นธรรมชาติมากที่สุด อยากเรอก็เรอ อยาก...”
“เก๊าะแปลว่าสนับสนุนให้ผมดูทราม...ถ่อย ...ดิบน่ะซิครับ” จันทร์ทิพย์ชะงัก
“ไอ้ปลาใหญ่ แกจงใจจะยั่วประสาทฉันใช่มั้ย”
“คุณครรชิต”
ปลาใหญ่เรียกครรชิตเสียงดัง ประตูเปิดออกทันที !
“ครับ คุณปลาใหญ่”
“ไล่แขก...เอ๊ย...ส่งแขก”
“แก ไอ้ปลาใหญ่ บังอาจไล่ฉัน”
เกริกก้องโกรธจัด จันทร์ทิพย์คอยเตือนเบาๆ
“คุณก้องคะ ปลาใหญ่คงต้องพักผ่อนจริงๆ ค่ะ เรามาไม่ได้จังหวะกันเอง” ปลาใหญ่หาวเสียงดังสนั่น เกริกก้องหันซ้ายหันขวา แล้วผลุนผลันออกไปอย่างหงุดหงิด “ปลาใหญ่ไม่สมควรทำอย่างนี้กับคุณอาก้อง เพราะท่านเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวของปลาใหญ่ที่เหลืออยู่”
“อ้าว ตายกันเกลี้ยง...ง หมดแล้วหรือครับเนี่ย”
“คุณปลาใหญ่ จะนอนก็นอนเลยครับ” ครรชิตบอก
“จ้ะ ตายเกลี้ยง ...ง หมด”
จันทร์ทิพย์ยิ้มนิดๆ แล้วเดินออกไป ครรชิตหันมามองปลาแล้วรีบตามออกไป
ครรชิตมีสีหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นเกริกก้องยังคงยืนอยู่
“ปลาใหญ่เป็นมาก”
“หามิได้ ท่านกำลังจะหายเป็นปกติแล้วครับ”
“ปกติกับผีอะไรล่ะ มันน่ะเพี้ยนไปแล้วอีกหน่อยก็คงเป็นบ้า”
“ผมขอยืนยันว่า ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอนครับ”
“แน่ใจเหรอคุณ”
“ผมมั่นใจครับ” ครรชิตบอกอย่างมั่นใจ
“ดี เพราะถ้าปลาใหญ่เพี้ยนจริงๆ บรรดาผู้ถือหุ้นคงไม่มีวันยอมให้มันเป็นประธานต่อไปแน่ ฉันจะต้องรับตำแหน่งนั้นแทนเพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทกลับคืนมา”
เกริกก้องบอกแล้วเดินไป
“แล้วก็เตรียมหางานใหม่ได้เลย คุณพ่อบ้านครรชิต”
จันทร์ทิพย์บอกแล้วยิ้มเยาะก่อนจะตามเกริกก้องไป
“ซวยจริงๆ เลย คุณคัน”
ครรชิตบ่นกับตัวเอง
ปลาใหญ่ผุดลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อครรชิตกลับเข้ามา
“ระวังครับคุณปลาใหญ่ อย่าลุกนั่งพรวดพราด” ครรชิตเตือนอย่างตกใจ
“ผมกำลังจะถูกแย่งมรดกใช่ไหม คุณคัน”
“ครรชิตครับ มันก็คล้ายอย่างนั้นแหละครับ”
“ผมยอมให้ใครมาชุบมือเปิบไม่ได้ นอกจากตัวผมเอง”
“ถึงมันจะฟังทะแม่งๆ แต่ก็ถูกครับ”
“คุณคัน พรุ่งนี้ผมจะกลับคฤหาสน์”
“แล้วคุณหมอ...”
“ผมหายแล้ว หมอจะมารู้ดีกว่าตัวผมได้ยังไง ลุย” ปลาใหญ่พยักหน้ากับตัวเองอย่างแข็งขัน
ชายสี่ ป๋อง มอม ลุงป่องมาเยี่ยมเซียนด้วยท่าทางครึกครื้น และมอมก็มีเป้ใส่เสื้อผ้ามาด้วย
“เป็นไงบ้างวะ ไอ้เซียน”
เซียนอ้าปากจะพูดลุงป่องยกมือห้าม
“ข้ารู้ว่าเอ็งจะพูดอะไร”
“ผมชื่อปลาใหญ่”
ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน เซียนถอนใจเฮือกหันกลับไป
“ไอ้เซียน พวกเรารู้ว่า...”
เซียนยังคงนอนหันหลังขณะขัดขึ้นทันที
“พวกคุณไม่รู้อะไรเลย Nothing at all!”
ทั้งสี่คนสบตากัน แล้วหันไปมองเซียน
“เฮ้ย พูดฝรั่งด้วย”
“ไม่แปลกหรอก ไอ้เซียนมันมี D.N.A ฝรั่งอยู่ครึ่งนึง ในยามที่มันทุกข์ D.N.A นั้นย่อมจะแสดงตัวออกมา” ชายสี่บอก
“ใครบอกแก” ลุงป่อง ป๋อง มอมถามออกมาพร้อมกัน
“ไม่มี ข้าประเมินเอาเอง”
“พวกคุณรู้จักคุณครรชิตใช่ไหม” เซียนหันมาถาม
“อ๋อ คนที่หน้าเป็นฝรั่งเหมือนเอ็ง”
“นั่นแหละ ผมอยากพบเขาหน่อย”
“เขาอยู่ที่ไหนล่ะ”
“บริษัท อาณาจักรมหาทรัพย์ จำกัด มหาชน”
“ชายสี่ ...แกไป” มอมบอก
“อ้าว เฮ้ย”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย เพราะในบรรดาผองเพื่อนทั้งหมด เอ็งดูน่าเชื่อถือที่สุด”
ทางด้านน้ำเพชร เมื่อกลับมาบ้านเธอนั่งครุ่นคิดอาการที่เปลี่ยนไปของปลาใหญ่อยู่ในห้อง
“อานั้ง เปิกประตูให้อาหม่าม้าหน่อย” น้ำเพชรลุกเดินไปเปิดประตู กิมฮวยเดินเข้ามานั่งสีหน้ายิ้มแย้ม
“อาทั่งปาทางเป็นไงมั่ง”
“ก็เกือบจะเป็นปกติแล้วค่ะ”
“ลี ลี หม่าม้ารู้นาว่าลื้อชอบอาทั่งปาทาง แล้วอีก็ชอบลื้อด้วย”
“น้ำมาคิดๆ ดูแล้วมันแปลกค่ะ ก่อนประสบอุบัติเหตุท่านประธานไม่เคยมีท่าทีอะไรกับน้ำเลยซักนิด แต่มาตอนนี้ เฮ้อ ...”
“ก็สมองอีได้รับความกระทกกระเทืองไง”
“แสดงว่าถ้าสมองไม่กระทบกระเทือน ท่านประธานก็คงไม่สนน้ำใช่มั้ยล่ะคะ”
“อันนี้คงต้องยอมรับความจริง มังเป็งโชคลีของลื้อล่วย คงรวยขะหนาดนั้งมาชอกลื้อ อาหมวย เอ๊ย อุกส่าห์ เกิดมาทั้งทีต้องหาผัวหรือว่าสามีรวยๆ มังถึงจะคุ้ม”
“น้ำไม่ได้คิดถึงความรวยความจนหรอกนะคะ”
“แต่อั๊วคิก ผู้ชายจงๆ อั๊วไม่เอามาเป็นลูกเขยเหล็กขาก”
“ถ้าน้ำจะรักใครสักคน น้ำก็จะรักที่ตัวเขาไม่เคยมองสิ่งประกอบภายนอก...”
“สิ่งปากอบภายนอกนั่งแหละสังคัง อั๊วจะบอกให้”
“เราก็มีเงินมีทอง”
“เงิงมังก็ต้องต่อเงิง ทองก็ต่อทอง จะล่ายลวยเป็นหลายๆ เท่า”
น้ำเพชรนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วนึกได้
“น้ำว่าจะบอกตั้งนานแล้ว ต่อไปนี้หม่าม้าอย่าบอกใครว่าชื่อสินเธาว์นะคะ”
“ทังมาย อั๊วชอบออก เพราะลี”
“สินเธาว์แปลว่าเกลือค่ะ ไอ้เซียนมันว่าหม่าม้าเค็มเหมือนเกลือ”
“ไอ๊หยา เกลือ” กิมฮวยร้องลั่น “อีว่าหม่าม้าเค็มเหมืองเกลือ แหม! มังเลวมั่ก ชั่วช้าสามังจริงๆ เลย นี่ อานั้งเพ็ก ลื้อต้องอยู่ห่างๆ มังนะห้ามไปใกล้ชิกคุกคีตีมงกับมัง”
“โอ๊ย น้ำไม่มีวันทำยังงั้นเด็ดขาดค่ะ น้ำเกลียดมันยังกับอะไรดี ถ้าน้ำมีเวทมนตร์น้ำจะสาปมันให้ตกนรกหมกไหม้ ให้มันปากเน่าปากหนอน ให้มันถูกรถชนอีกครั้ง แล้วก็ตายแหงแก๋ไปเลย ให้มัน...” น้ำเพชรยิ่งพูดยิ่งมัน
“อานั้ง”
น้ำเพชรชะงัก
“ค่ะ”
น้ำเพชรเดินไปส่งกิมฮวยที่ประตูแล้วเดินกลับมานั่ง
กิมฮวยกลับมาที่ห้อง ขณะนั้นเติมศักดิ์นั่งดีดลูกคิดคิดเงินอยู่
“ลื้อไปไหนมา” เติมศักดิ์ถามโดยไม่เงิยหน้ามอง
“ไปสั่งสองอานั้งก่องนอง”
เติมศักดิ์เงยหน้าขึ้นมา
“ลืมเรื่องหาแฟงรวยๆ หรือเปล่า”
“อังนั้งสังคังที่สุก”
“ลี”
“อั๊วเจ็บใจอาเซียง หน็อยแน่มังบังอากตั้งชื่ออั๊วว่าสิงเทา ลื้อรู้หรือเปล่าว่า สิงเทาแปลว่าเกลือ”
“รู้” เติมศักดิ์วางลูกคิดแล้วหาว
“หา รู้แล้วทังไมไม่บอกอั๊ว”
“อั๊วพายายังจาบอก แต่ลื้อไม่ฟัง”
“ลื้อก็ต้องพายายังให้อั๊วฟังซี”
“ก็อั๊วพายายังแล้ว ...ว ...” เติมศักดิ์ลากเสียงยาวอย่างรำคาญ
“ลื้อพายายังไม่พอ”
“เฮ้อ...อ...อ”ล
“ทังมายต้องถองหายใจ”
“อั๊วง่วง”
เติมศักดิ์เดินมานอน
“คอยลูนะ อั๊วต้องพายายังหาชื่อใหม่ให้ล่ายเอาให้เพราะกว่า “สิงเทาอีก” ชื่ออารายดีน้า”
กิมฮวยพยายามหาชื่อให้ตัวเอง ขณะที่เติมศักดิ์เริ่มกรน
น้ำเพชรยืนอยู่ที่หน้าต่างทอดสายตามองออกไปด้านนอกก่อนจะเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ถูกเซียนจูบ แววตาน้ำเพชรเป็นประกายขยะแขยงเกลียดชัง
“ทำไมมันไม่ตายให้รู้แล้วรู้รอดนะ”
ส่วนที่โรงพยาบาลปลาใหญ่หันมามองครรชิตที่หลับสนิท ปลาใหญ่ค่อยๆ ลุกเดินใช้ไม้เท้าค้ำยันมาที่กระจก แล้วมองตัวเองอย่างเพ่งพิศ เงาปลาใหญ่มองตอบมา
“หล่อน้อยลงกว่าเดิมตั้งเยอะ แต่ก็มีเงินมีทองมาทดแทน”
“ทำอะไรครับ คุณปลาใหญ่”
เสียงครรชิตถาม ปลาใหญ่สะดุ้งนิดหนึ่ง
“อ้าว นึกว่าคุณคันหลับซะอีก” ปลาใหญ่กระเผลกกลับมา ครรชิตลุกไปช่วยประคอง “พรุ่งนี้จะกลับบ้านก็เลยตื่นเต้นนอนไม่หลับ”
“ความจริงผมอยากให้คุณปลาใหญ่แข็งแรงกว่านี้อีกสักหน่อย”
“พรุ่งนี้จะซิ่งมอ’ไซค์ ให้ดูเป็นขวัญตา”
ครรชิตอ้าปากค้าง ปลาใหญ่เอนตัวลงนอน ครรชิตเอนตัวลงนอนบ้าง
“สงสารไอ้ปลาใหญ่เหมือนกันนะ ซวยเว่อร์เลย”
ปลาใหญ่บ่น ครรชิตลุกนั่ง
“อะ...อะ...ไร นะครับ”
ปลาใหญ่รู้สึกตัวว่าเผลอพูดออกไป
“เปล่า... อยู่ดีๆ มันก็สงสารตัวเองขึ้นมาน่ะ”
“แล้วไป”
ครรชิตพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอน ปลาใหญ่ยิ้มขบขัน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ห้องพักฟื้นของเซียน มอมนอนหลับสนิทอยู่ที่เตียงเฝ้าไข้ เซียนนอนลืมตามองเพดานนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เริ่มรู้สึกตัวในห้องไอซียู
เซียนลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วค่อยๆ เหลือบสายตามองไปโดยรอบ แล้วมาหยุดที่เตียงช้าๆ ซึ่ง ปลาใหญ่กำลังมองอยู่ก่อนแล้ว ปลาใหญ่ในร่างของเซียนเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างตัวเอง เซียนซึ่งอยู่ในร่างของปลาใหญ่ยิ้มระโหยเพราะเพิ่งฟื้น
“สวัสดี ปลาใหญ่”
“นายเซียน นี่มันอะไรกัน”
“ไม่มีอะไร เราแค่สลับร่างกันเท่านั้น”
ปลาใหญ่สะดุ้ง ผุดลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องนอนลงไปใหม่ด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย”
พยาบาลที่เคาน์เตอร์หันมามอง แล้วรีบเดินตรงมา
“เป็นอะไรหรือคะ”
ปลาใหญ่ที่อยู่ในร่างของเซียน ชี้ไปที่ร่างตัวเอง
“มัน...มันเอาร่างผมไป”
พยาบาลยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่มีใครเอาร่างของคุณไปได้หรอกค่ะ นอนพักเถอะนะคะ”
“เอาร่างของฉันคืนมา”
“คุณคะ”
“นายเซียนมันขโมยร่างผม มันถีบผมกระเด็น แล้วเข้าร่างผมแทน เอาร่างของฉันคืนมา เอาร่างของฉันคืนมา”
ปลาใหญ่ในร่างของเซียนเอะอะโวยวาย พยาบาลจึงหันไปบอกพยาบาลอีกคน
“ตามอาจารย์หมอกิจจาเร็วเข้า”
ปลาใหญ่ในร่างของเซียนยังคงเอะอะโวยวาย จนพยาบาลต้องมาช่วยกันจับไว้
ปลาใหญ่ในร่างเซียนถอนใจยาว มอมลืมตาขึ้นทันที
“นอนไม่หลับเรอะ”
“เป็นคุณจะนอนหลับมั้ยล่ะ”
มอมลุกขึ้นนั่ง
“ไอ้เซียน เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกเรียกคุณเรียกผมซักทีวะ หน็อย! ฟื้นขึ้นมาแล้วกลายเป็นไฮโซไปเลยนะเอ็ง”
“ผมชื่อปลาใหญ่ ไม่ได้ชื่อเซียน ทำไมไม่มีใครเชื่อผม”
“ก็เพราะเอ็งคือไอ้เซียน ไม่ใช่ปลาใหญ่ปลาเล็กที่ไหนน่ะซิ”
“คุณมอม เชื่อผมเถอะผมคือปลาใหญ่จริงๆ”
มอมมองเซียนอย่างรำคาญปนง่วง
“เออ เออ ปลาใหญ่ก็ปลาใหญ่ ข้าง่วงเต็มทีแล้วจะนอนได้หรือยัง”
“คุณไม่เชื่อผม”
“เอ็งจะบ้าก็บ้าไปคนเดียวเถอะ”
มอมล้มตัวลงนอน แล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงหันหลังให้
วันรุ่งขึ้นรถตู้ใหม่เอี่ยมแล่นเข้าประตูบ้านปลาใหญ่เข้ามา เอ็กซ์หลบแอบมองจากมุมเสาด้านหนึ่ง รถแล่นช้าๆ มาจอดหน้าตัวตึก คนขับรถลงมาเปิดประตูหลังขนข้าวของลง ขณะที่ปลาใหญ่ยังนั่งตะลึงกับภาพที่เห็น
“คุณปลาใหญ่คะ” น้ำเพชรเรียก ปลาใหญ่ยังคงนั่งอึ้ง “คุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่สะดุ้งหันกลับมา
“ปลาใหญ่ อ๋อ ใช่ ผมชื่อปลาใหญ่”
ปลาใหญ่หันกลับไป ครรชิตและคนรถ คนสวนกำลังรออยู่ โดยคนสวนจับรถเข็นไว้ ปลาใหญ่กระแอมเล็กน้อยแล้วก้าวลงไป ทุกคนช่วยกันประคับประคองปลาใหญ่นั่งรถเข็น น้ำเพชรตามลงไป
ครรชิตเข็นรถพาปลาใหญ่เข้าบ้าน ติดตามด้วยน้ำเพชร คนรถช่วยยกของมาวางแล้วออกไป สมทรงแล้วสมศรีคอยรับอยู่
“แม่เจ้า” ปลาใหญ่บอกเสียงลั่น ทุกคนมองปลาใหญ่ที่กวาดตามองไปโดยรอบอย่างตื่นตาตื่นใจงงๆ “ใหญ่โตมโหฬารพิลึก”
“คุณก้องให้จัดห้องข้างล่างให้คุณปลาใหญ่อยู่ระหว่างที่ยังขึ้นข้างบนไม่ได้ เชิญทางนี้ค่ะ”
สมทรงบอกแล้วเดินนำไป ปลาใหญ่ใช้นิ้วกวักเรียก ครรชิตให้ก้มลงฟัง
“ยัยนี่มันเป็นญาติฝ่ายไหน”
“อ๋อ เปล่าครับเป็นแม่บ้าน”
ปลาใหญ่พยักหน้าหงึกหงักรับรู้ ขณะที่ครรชิตเข็นรถไป น้ำเพชรขยับเดินตามสมทรงหยุดเดินแล้วหันมามองน้ำเพชรหัวจรดเท้า
“เธอรออยู่ตรงนี้ ไม่ต้องตามไปทุกกระดิก”
ปลาใหญ่มองน้ำเพชร ขณะครรชิตชะงักเพราะไม่นึกว่าสมทรงจะพูดอย่างนั้น
“ขอประทานโทษ ฉันเป็นเลขาฯของคุณปลาใหญ่ ฉันทำตามหน้าที่”
สมทรงเหยียดมุมปากเยาะๆ
“อ้อ เพิ่งรู้ว่าเลขาเขามีหน้าที่ตามมาบริการเจ้านายที่บ้านด้วย”
“สามหาว” ปลาใหญ่ตวาดลั่น น้ำเพชรและครรชิตซึ่งกำลังมองสมทรงตกใจ เปลี่ยนสายตามามองปลาใหญ่แทน “ขอโทษคุณน้ำเพชรเดี๋ยวนี้”
“คุณปลาใหญ่”
“ถ้าไม่ขอโทษ กู... เอ๊ย ฉันจะเฉดหัวแกออกไปจากบ้านนี้ทันที” สมทรงเม้มปาก พยายามสะกดกลั้นความโกรธและอับอาย ขณะที่ครรชิตสบตาน้ำเพชรงงๆ “ยัง...ยังอีก”
“ขอโทษค่ะ”
“ก็เท่านี้แหละ”
สมทรงเดินแกมวิ่งออกไป ครรชิตมองตามด้วยสีหน้าหนักใจ สมศรีรีบมานำทางแทน
“ทางนี้ค่ะ”
ทุกคนตามไปเป็นพรวน
อ่านต่อหน้า 2
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 3 (ต่อ)
จันทร์ทิพย์ไม่พอใจมาก เมื่อรู้ว่าปลาใหญ่ต่อว่าสมทรง
“มันกล้าพูดขนาดนั้นเลยเรอะ”
สมทรงสะอึกสะอื้น
“ค่ะ สมทรงที่เคยวางตัวสง่างามเลยหมดสภาพด้วยความสะเทือนใจเลย”
“มันทำกับแกก็เท่ากับเป็นการท้าทายฉัน เรื่องนี้ถึงคุณก้องแน่”
จันทร์ทิพย์บอกด้วยสีหน้ามาดหมาย
ขณะนั้นที่ห้องปลาใหญ่สมศรียืนประสานมือก้มหน้าประมาณรอรับคำสั่ง ขณะที่นัยน์ตาเหลือบตามทุกคนไปมา ประมาณจะเก็บเอาไว้รายงานนายทุกอิริยาบถ
“จัดเหมือนห้องเดิมเปี๊ยบ” ครรชิตบอก
“เพื่อให้คุณปลาใหญ่ไม่รู้สึกแตกต่างค่ะ”
“นั่นรูปใคร” ปลาใหญ่ชี้ไปที่รูปเกรียงไกร “เห็นข้างนอกก็มี”
ครรชิต น้ำเพชร สมศรีถึงกับสะดุ้ง สมศรีเงยหน้าขึ้นทันที
“ก็รูปคุณเกรียงไกร คุณพ่อคุณปลาใหญ่ไงครับ”
“งั้นเรอะ” ปลาใหญ่เกาหัวแล้วทำเป็นมองเพ่งพิศ “เออ! ใช่ ป๊ะป๋าของผมเอง...แล้วนี่หายไปไหนล่ะ”
ปลาใหญ่หันมองหา
พอออกมาจากห้อง สมศรีรีบบอกสมทรงเรื่องปลาใหญ่จำพ่อตัวเองไม่ได้ สมทรงจึงรีบโทรรายงานจันทร์ทิพย์
“ฮ้า! แม้แต่พ่อตัวเองก็จำไม่ได้”
“ค่ะ สมศรีเพิ่งหน้าตาตื่นมาเล่าให้ฟ้ง”
“นี่ฉันก็ชักจะมึนๆ เหมือนกัน ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน”
“ยังอยู่ในห้องที่สมทรงจัดให้ค่ะ คุณครรชิตแกคงเห็นท่าไม่ดี เลยไล่สมศรีออกมาก่อน สมศรีก็เลยมารายงานสมทรง... สมทรงเลยรีบโทร.มารายงานคุณผู้หญิง”
“แล้วฉันก็จะไปรายงาน คุณผู้ชาย”
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์รีบโทรบอกเกริกก้องหลังจากวางหูจากสมทรง
“ไอ้นี่มันต้องบ้าจริงๆ ผมจะลองทดสอบมันให้แน่ใจ แล้วจะได้รายงานผู้ถือหุ้น”
สีหน้าเกริกก้องเต็มไปด้วยความมาดหมาย ขณะวางโทรศัพท์ลง
ขณะนั้นปลาใหญ่ยังอยู่ในห้อง ทำเป็นนั่งกุมขมับเครียดจัด
“ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ เครียด ซีเรียส”
“คุณลุงครรชิตคะ” ครรชิตกำลังมองปลาใหญ่กลุ้มๆ เบือนหน้ามามองน้ำเพชร “เชิญข้างนอกหน่อยได้มั้ยคะ”
“คุณปลาใหญ่...เดี๋ยวผมมานะครับ”
“อ้าว คุณน้ำจะไปไหน”
“น้ำจะกลับ Office.แล้วค่ะ มีงานที่ต้องทำหลายอย่าง น้ำไปก่อนนะคะ”
น้ำเพชรเดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ
“ผมไปส่งหนูน้ำก่อน”
ครรชิตรีบตามไป ปลาใหญ่จะเรียกก็เรียกไม่ทัน ทำสีหน้าฉุนๆ
น้ำเพชรกับครรชิตเดินห่างออกมาจากห้องพอสมควร ครรชิตจึงถามขึ้นเบาๆ
“มีอะไรหนูน้ำ”
“ท่าทางจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ”
“ลุงก็กลัดกลุ้มอยู่นี่แหละ”
“น้ำมีวิธีนึง อาจช่วยคุณปลาใหญ่ให้กลับมาเหมือนเดิมได้”
“ว่ามาเลย” ครรชิตบอกอย่างกระตือรือร้น
“เอาไม้หน้าสามแพ่นหัว” ครรชิตสะดุ้ง “เอ๊ย...ฟาดศีรษะสักเปรี้ยง”
“หนู...หนูน้ำ...” ครรชิตมองน้ำเพชรอย่างไม่ไว้ใจ
“อ้าว จริงๆ นะคะ น้ำว่าน้ำเคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่ง เหตุการณ์ก็คล้ายๆ แบบเนี้ย ประมาณว่าศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนทำให้จำอะไรไม่ได้ พอได้รับความกระทบกระเทือนซ้ำก็กลับมาเหมือนเดิม”
“ใครจะกล้าเสี่ยง”
“นั่นน่ะซิค่ะ”
“หนูไปทำงานเถอะ ทางนี้ลุงจัดการเอง”
“ค่ะ น้ำไปละค่ะ”
น้ำเพชรไหว้ครรชิตแล้วเดินออกไป ครรชิตมองตามแล้วเดินกลับไปเข้าห้อง
อีกด้านหนึ่งที่ชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี ป๋องเข็นรถเซียนเข้ามาภายในซอย ติดตามด้วยชายสี่ มอม ลุงป่อง รำป้อโห่ร้องเพลงนำมาเป็นที่ครึกครื้น
“มาละเหวย...มาละวา...ไอ้เซียนหายแล้ว...จึงได้กลับมา ตะละลาฯลฯ”
ระหว่างทางมีผู้คนทักทาย ถามอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเซียน บางคนก็ตบหลังตบไหล่ เซียนต้องฝืนยิ้มขอบอกขอบใจ
กระสือและกระหัง ซึ่งกำลังทะเลาะกันก็อุตสาห์หยุดทะเลาะโผล่มาทักทายเซียนแล้วทะเลาะกันต่อ เสียงดังอึกทึกครึกโครมทั้งหลาย ทำให้ปลาใหญ่ที่อยู่ในร่างเซียนไม่คุ้นเคยต้องหลับตาลง
เสียงโห่ร้องทำให้สายไหมซึ่งกำลังจัดสำรับกับข้าวลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยสีหน้าแจ่มใส
“ขึ้นมาเลย”
กลุ่มเพื่อนช่วยประคองเซียนลงจากรถเข็น แล้วพาขึ้นบ้าน ชายสี่ยกรถเข็นตามขึ้นมาให้เซียนนั่ง
“พิณเพิ่งทำกับข้าวเสร็จร้อนๆ เลย หิวหรือยังฮึ พี่เซียน” สายพิณบอก
“พี่มอมหิวแล้วจ้ะ”
ลุงป่องผลักหัวมอม
“เค้าถามไอ้เซียน ไม่ได้ถามเอ็ง แล้วยายปิ่นกับคุณไหมล่ะ”
“ไปขอน้ำมนต์หลวงพ่อมาให้พี่เซียน เดี๋ยวก็คงกลับ”
“พวกคุณหิวก็ทานกันไปก่อน ผมอยากพัก”
เซียนบอก ทุกคนต่างหุบยิ้มกันหมด สีหน้าแจ่มใสค่อยๆ คลายลง
“งั้นก็ลุกขึ้น”
เซียนค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น ชายสี่ช่วยประคองพาไปที่ห้อง
เซียนแทบจะกลั้นหายใจเมื่อชายสี่เปิดประตูพาเข้าไป เซียนมองรอบๆ ห้อง ด้วยสีหน้าแววตาเหมือนจะหดหู่ใจเมื่อเห็นเตียงเก่าๆ คลุมผ้าเก่าๆ ตู้เสื้อผ้าพลาสติก เสื้อวิน ข้าวของส่วนตัวจัดวางไว้ อย่างเป็นเรียบร้อย ชามยสี่ตบไหล่เซียนป้าบ
“ไง! อึ้งไปเลยเรอะ ป้าไหมแกอุตส่าห์จัดเสียเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่งั้นก็รกยังกับรังหนู”
“รังหนูเชียวเรอะ”
“เอาพูดความจริงนะ ยิ่งกว่ารังหนูอีก”
เซียนถอนใจยาว
“ร้อนจัง” เซียนมองไปโดยรอบหาแอร์ด้วยความเคยชิน
ชายสี่เดินไปยกพัดลมเก่าแก่คร่ำครึซึ่งอยู่หลังตู้พลาสติกออกมาเสียบปลั๊ก พอพัดลมตะแกรงครอบด้านหน้าก็ปลิวออกมาเฉียดทั้ง 2 คนอย่างน่าหวาดเสียว
ชายสี่ทิ้งตัวลงแนบพื้นราวกับหลบกระสุนปืน เช่นเดียวกับเซียนผวาหลบลงมาจากรถเข็นอย่างลืมตัว ตะแกรงพัดลมปลิวมาตกลงข้างๆ เซียนอย่างหวุดหวิด
เมื่อทุกอย่างสงบดีแล้ว ทั้งสองคนค่อยๆ ผงกหัวขึ้นมา แล้วถอนใจเฮือก เซียนมองไปที่พัดลมอย่างหวาดๆ
“ผมว่าปิดเถอะ”
“ไหนว่าร้อน”
“ก็ยังดีกว่าหัวขาด” ชายสี่ลุกขึ้น เดินแบบหลบซ้ายหลบขวา กลัวๆ กล้าๆ ไปปิดพัดลม เซียนพยายามจะลุก แต่ลุกไม่ไหว “อุย...”
ชายสี่ลุกขึ้นมาช่วยประคองเซียนขึ้นและให้นั่งบนเตียง เซียนหลับตาลง...ขบกรามแน่น...มือกำแน่นเช่นกัน ราวกับจะข่มความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลลงไป ชายสี่มองอย่างแปลกใจ มือที่กำแน่นของเซียนค่อยๆ คลายลง กรามค่อยๆ คลายเช่นกัน แล้วเซียนก็ลืมตาขึ้น สีหน้าแววตาสงบราวกับผู้ที่ได้รับการฝึกควบคุมตัวเองมาอย่างดี เซียน
เบือนหน้ามาทางชายสี่
“ผมอยากอยู่คนเดียว”
ชายสี่เปิดประตูออกมา ทุกคนจึงถามออกมาพร้อมกัน
“เป็นไงบ้าง”
“ยังกับถูกผีสิง”
ทุกคนถอนใจเฮือก
“ขมองมันต้องได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก”
“ฉันว่าผีสิง”
“ข้าว่ามันแกล้ง”
“ข้าว่ามันช็อค”
“พิณว่าพิณจะไปคุยกับเขาดู”
สายพิณบอกแล้วเดินไปที่ห้องเซียน
สายพิณเข้ามาหาเซียนในห้อง เซียนเงยหน้ามองสายพิณอย่างตำหนิ
“คุณไม่ควรเข้ามาในห้องนี้”
สายพิณท้าวสะเอว
“ก็มันเข้ามาแล้วนี่”
“สุภาพสตรี ไม่อยู่ตามลำพังกับสุภาพบุรุษ”
สายพิณพูดพลางเดินมานั่ง
“พิณไม่ใช่สุภาพสตรี แล้วพี่เซียนก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
เซียนชะงัก นัยน์ตามองสายพิณหวาดๆ
“เดี๋ยวก่อน คุณกับนายเซียนเป็นอะไรกันหรือเปล่า”
สายพิณสบตาเซียนเหมือนจะลองดี
“แล้วคิดว่าเป็นหรือเปล่าล่ะ”
เซียนกระเถิบลุกซวนเซ
“ถ้าเป็น คุณก็ยิ่งต้องออกไป”
“เพราะ...”
“เพราะผมไม่ใช่นายเซียน”
สายพิณออกมาจากห้องเซียน แล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่ง สายตาทุกคู่มองตามเต็มไปด้วยคำถาม สายพิณยักไหล่เซ็งๆ
“เขาคิดว่าพิณกับพี่เซียนมีอะไรกัน เพราะฉะนั้น พิณต้องรีบออกมา เพราะเขาไม่ใช่พี่เซียน”
“ แล้วมีหรือเปล่า”
มอมถามอย่างระแวง สายพิณจึงหันมาตวาด
“จะบ้าเรอะ พี่มอม แต่ความจริงถ้ามีก็ดีเหมือนกัน”
“เฮ้ย” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“แกเป็นสาวเป็นนางเที่ยวพูดแบบนี้มันเสียหายนะเว้ย”
“เสียหายยังไง”
“ก็...”
“มาสุมหัวอยู่ที่นี่กันเอง” ทุกคนหันไปมองเห็นสายไหมกับยายปิ่นเดินเข้ามา “มิน่า มอ”ซง มอ’ไซค์เลยไม่มีนั่ง”
“เดินจนขาลากเลย อูย...” ยายปิ่นนั่งลงเหยียดยาว มอมรีบเข้ามาเอาอกเอาใจ
“มา...มอมแมมนวดให้”
“ไอ้เซียนล่ะ”
สายไหมเข้ามาหาเซียนในห้อง เซียนจึงยืนยันกับสายไหมว่าเขาคือปลาใหญ่
“ผมบอกป้าแล้วว่า ผมไม่ได้ชื่อเซียน ผมคือปลาใหญ่”
“โว้ย ไอ้ปลาแขยง รถชนกับรถเศรษฐีเข้าหน่อย หน็อย...อยากจะเป็นเขาขึ้นมาทันที โธ่เอ๊ย...ไปตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง” สายไหมบอกอย่างฉุนๆ
“ป้า”
“ถ้ามึงไม่ใช่หลานกูก็ไสหัวออกไปเลย ไปซิ ไอ้ปลาแขยง” เซียนก้มหน้าลง “ตั้งแต่เกิดมาน่ะเคยทำอะไรให้ข้าชื่นใจบ้างมั้ย ไม่มี้ ไม่มีเลย วันๆ เอาแต่ตะลอนแว้นกับวัยรุ่น...ไอ้ ... ไอ้...ไอ้เฒ่าทารก รู้งี้กูเอาขี้เถ้ายัดปากให้มันตายซะตั้งแต่แบเบาะก็ดี”
เซียนเงยหน้าขึ้นทันที
“แล้วพ่อแม่นายเซียนเค้าไปไหนล่ะ ป้าถึงต้องมารับเลี้ยงแทน”
“ชะ ถามได้ว่าไปไหน”
“งั้น ป้าก็ต้องได้บุญเยอะเลย” สายไหมชะงัก มองเซียนอย่างแปลกใจ “ป้าอุตส่าห์เลี้ยงเด็กกำพร้าคนนึงให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้เป็นคน ถึงฐานะจะไม่อำนวย แต่ก็กัดฟันเลี้ยงคน จิตใจสูงส่งอย่างป้านี่หาไม่ได้ง่ายๆ...”
เซียนพูดไปเรื่อยๆ
สายไหมเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ามึนๆ แล้วทรุดตัวลงนั่ง สายตาทุกคู่จับจ้องมองมา สายไหมถอนใจขณะสบตากับทุกคน
“มันจะตั้งมูลนิธิ...”
“มูลนิธิอะไร”
“ช่วยเหลือเด็กกำพร้าและคนชราในชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี”
ทุกคนพากันก่ายหน้าผาก
“เฮ้อ... แต่ก็ยังดี”
“ดียังไง”
“ดีกว่าตั้งซ่องโจร”
ทุกคนมองสายพิณประมาณว่า “ไม่ขำ” สายพิณหน้าจ๋อยๆ
น้ำเพชรกลับมาที่บริษัทและขณะกำลังจัดเรียงเอกสารต่างๆ อยู่นั้นเลขาของเกริกก้องก็มาหา
“น้ำเพชร” น้ำเพชรเงยหน้าขึ้น เห็นเลขาเกริกก้องยืนห่างประมาณ 2 เมตรเพราะกลัวถูกตบ “ท่านรองฯ ให้มาตามไปพบ”
พูดจบอีกฝ่ายก็รีบเดินไป น้ำเพชรมองตาม
“สงสัยจะกลัวฝ่ามือเพชรฆาต”
น้ำเพชรมาหาเกริกก้องที่ห้อง พอเปิดประตูเข้ามาน้ำเพชรก็ต้องชะงักเมื่อเจอกับสายตาเย็นชาของเกริกก้อง จันทร์ทิพย์และรัญญา
“ปลาใหญ่เป็นยังไงบ้าง”
“อ๋อ…ก็แข็งแรงจนคุณหมอยังแปลกใจเลยค่ะ”
“นั่นมันร่างกาย แต่คุณก้องท่านหมายถึงว่า...เค้าเรียกว่าอะไรนะ”
“บ้าหรือเปล่า” จันทร์ทิพย์สะดุ้งหันมามองรัญญา “รันหมายถึงปลาใหญ่ค่ะ”
“อ้อ...อ...”
“เท่าที่เห็น ท่านประธานก็ดูเป็นปกติดีนะคะ เห็นคุณครรชิตบอกว่า ท่านบ่นอยากจะกลับมาทำงานเร็วๆ”
“ทำให้มันเจ๊งเร็ว น่ะซี”
“คงไม่หรอกค่ะ”
“อย่ามาเถียง”
รัญญาตวาด น้ำเพชรก้มหน้าลงมองมือตัวเองซึ่งมือข้างขวาของน้ำเพชรเหมือนพยายามจะยื่นยกขึ้นไปตบรัญญา น้ำเพชรใช้มือซ้ายจับไว้ทันที มือทั้งสองต่อสู้กัน
“นั่นทำอะไรน่ะ”
จันทร์ทิพย์ถามอย่างแปลกใจ น้ำเพชรเงยหน้าขึ้น เกริกก้อง รัญญา จันทร์ทิพย์มองเขม็งมา
“เอ้อ มือข้างขวาของดิฉันน่ะค่ะ... มัน...มันบังคับไม่ค่อยได้”
รัญญาเดินมาใกล้น้ำเพชร มองอย่างดูหมิ่นดูแคลนเต็มที่
“ทำไมถึงบังคับไม่ได้”
“ไม่ทราบค่ะ” มือขวาน้ำเพชรพยายามจะตบรัญญาเต็มที่ น้ำเพชรรีบเอาไขว้หลัง “ ดิฉัน ...ต้องไปก่อนละค่ะ”
“ยังไปไม่ได้” เกริกก้องตวาด
“งั้นห้องท่านรองอาจจะไม่ปลอดภัยนะคะ คือ...ดิฉันท้องเสีย”
“ว้าย งั้นรีบไปเลยไป๊ ไปซิ” น้ำเพชรรีบออกไปอย่างโล่งใจ “โอ๊ย จะบ้าตาย”
“จันทร์ทิพย์ เดี๋ยวโทร.ไปสั่งสมทรงให้ย้ายไอ้ปลาใหญ่ลงมากินข้าวกับเราตามเดิม”
“ทำไมคะ”
เกริกก้องยิ้มโหดๆ
น้ำเพชรเดินแกมวิ่งมาถึงโต๊ะทำงาน แล้วรีบเปิดประตูห้องปลาใหญ่เข้าไป พอเข้ามาในห้องน้ำเพชรล็อคประตู แล้วชกมือขวาไปที่กำแพง
“อูย” น้ำเพชรดูมือขวาตัวเอง “เป็นไง อยากห้าวนัก อูย...” น้ำเพชรสะบัดมือไปมาเพราะเจ็บปวด แล้วก้มลงพูดกับมือนั้น “รักษาหน้ากันบ้างซิ” มือนิ่งเฉย “ถ้าฉันต้องเดือดร้อนเพราะแกละก็ จะตัดทิ้งเสียให้เข็ด”
น้ำเพชรถลึงตาจ้องมือตัวเอง
“นังน้ำเพชรมันทำท่าทางแปลกๆ นะคะ”
รัญญาบอกกับเกริกก้อง
“มันบ้ากันหมดทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง”
“น้องรันขา ไปช่วยกันคิดแผนกำจัดปลาใหญ่เพื่อแบ่งเบาภาระให้คุณพ่อกันเถอะค่ะ”
“ไปซีคะ”
สองสาวเดินออกไป เกริกก้องยังคงมีสีหน้าท่าทางพลุ่งพล่าน
ค่ำวันนั้นปลาใหญ่ต้องร่วมโต๊ะกินข้าวกับเกริกก้อง รัญญาและจันทร์ทิพย์ อาหารบนโต๊ถูกจัดวางอย่างน่าทาน ปลาใหญ่มองอาหารตาลุกวาว
“มันต้องยังงี้ซิ”
ปลาใหญ่บอกแล้วลุกขึ้นโกยกับข้าวอร่อยๆ ใส่จาน กินอย่างคนไม่เคยพบเคยเห็น โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
แต่ละคนมองปลาใหญ่ด้วยสีหน้าสุดสยองและแปลกใจ
“คุณปลาใหญ่ครับ” ครรชิตกระแอมเบาๆ
“อย่าเพิ่งเรียก เห็นหรือเปล่าว่าคนกำลังอร่อย”
ครรชิตชำเลืองมองเกริกก้องแว่บหนึ่ง
“คือว่า...”
ปลาใหญ่ตักอาหารคำใหญ่ใส่ปากครรชิตให้พูดไม่ออก
“รันกินไม่ลงค่ะ”
รัญญาลุกเดินไป
“ปลาใหญ่ แกเป็นปอบรึไง กินเหมือนพวกตายอดตายอยากเกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น”
“โธ่ พี่ก้อง” ทุกคนสะดุ้ง ปลาใหญ่ชอบอกชอบใจ “ขอโทษ คุณอาก้อง” ครรชิตถอนใจโล่งอก “ผมล้อเล่น ...”
“ฉันไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นกับแก แล้วก็จำใส่หัวขี้เลื่อยของแกด้วยว่าฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแก”
เกริกก้องโยนผ้าเช็ดปากแล้วลุกเดินออกไป จันทร์ทิพย์ฝืนยิ้มแล้วเดินตาม
เอ็กซ์ยืนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่มุมหนึ่งของบ้าน พอเกริกก้อง รัญญา จันทร์ทิพย์เดินเข้ามาเอ็กซ์รีบพับหนังสือพิมพ์วางลงแล้วยืนค้อมตัวรอรับคำสั่งอย่างเรียบร้อย รัญญาเดินแยกขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องส่วนตัว
“เห็นแล้วใช่ไหมว่ามันรอด”
จันทร์ทิพย์บอกกับเอ็กซ์พร้อมกับทรุดตัวลงนั่ง
“ครับ...คุณผู้หญิง รอดอย่างไม่ควรจะรอด สภาพรถเละเทะไม่มีชิ้นดีผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันรอดได้ยังไง แถมยังฟื้นตัวเร็วอย่างไม่ควรจะเป็นด้วย”
“ช่างหัวมันเถอะ เลิกพูดเรื่องรอดไม่รอดเสียที แล้วมาวางแผนใหม่”
“ยิงหัวมันเลยดีไหมครับ ถ้ายังรอดอีกก็ใจเย็นแล้ว”
“แกจะเดินตรงไปยิงมันเลยเรอะ” จันทร์ทิพย์ถามอย่างหมั่นไส้
“อ้าว ผมทำได้นะครับ”
“งั้นก็ไปทำซิ แต่อย่าพาดพิงมาถึงคุณผู้ชายกับฉันก็แล้วกัน”
“พอที รำคาญ” เอ็กซ์กับจันทร์ทิพย์นิ่งเงียบทันที สมทรงเดินเข้ามาร่วมวงด้วย “เราจะใช้วิธีเดิม”
“งั้นก็ต้องตามโฉมเฉลา”
“ไม่ได้ เพราะคราวนี้พวกมันสงสัยแน่ ไอ้เด็กเนิร์ดนั่นมันไม่ไว้ใจเราอยู่แล้ว”
“เอาไว้เป็นหน้าที่ของสมทรงเองค่ะ”
“ระวังให้ดีก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
“พี่สมทรงจะให้ผมช่วยทำอะไรก็บอก”
“แน่นอน”
“ปรึกษากันให้ดี แล้วก็รายงานฉันทุกขั้นตอนด้วย”
“ค่ะ/ครับ” สมทรงกับเอ็กซ์ตอบรับพร้อมกัน
ขณะนั้นปลาใหญ่ยังกินข้าวไม่อิ่ม ปลาใหญ่กินทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ครรชิตและสมศรีมองอย่างสยองๆ ปลาใหญ่ฟาดเรียบทุกอย่างแล้วจึงเอนหลังพิงพนัก เอามือลูบท้อง เรอเสียงดังสนั่น
“อร่อยสุดๆ อร่อยเว่อร์” ปลาใหญ่หันมามองครรชิตซึ่งยังถือส้อมช้อนค้าง “อ้าว คุณคันยังกินไม่หมดเรอะ”
ครรชิตวางส้อมช้อนลง
“ผมอิ่มแล้วครับ”
“งั้นเอามานี่”
ปลาใหญ่เอื้อมไปหยิบจานข้าวครรชิตมากวาดกินเสียเกลี้ยง ท่ามกลางความตกใจและประหลาดใจของครรชิตและสมศรี
“เอ้อ... คุณปลาใหญ่ฟาดเสียเรียบเลยนะคะ”
“ฮื่อ” ปลาใหญ่รับคำแล้วมองหาอะไรอย่างหนึ่งบนโต๊ะ
“คุณปลาใหญ่ต้องการอะไรครับ”
“ไม้จิ้มฟัน”
“อ๋อ รอเดี๋ยวนะคะ”
สมศรีรีบเดินออกไป
“ไอ้จานนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ”
“กุ้งซอสมะขามครับ”
“บอกแม่ครัวว่าพรุ่งนี้เอาอีก เอาเยอะๆ กว่านี้ด้วย”
สมศรีกลับออกมาพร้อมกล่องไม้จิ้มฟัน
ปลาใหญ่หยิบมาแคะหน้าตาเฉย สมศรีมองหวาดๆ เพราะคิดว่าปลาใหญ่ผีเข้า ขณะที่ครรชิตมองกลุ้มๆ
อ่านต่อหน้า 3
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 3 (ต่อ)
ที่บ้านสายพิณเวลานั้น ยายปิ่นอาบน้ำอาบท่าเสร็จปะแป้งลายพร้อยออกมานั่งพัดอยู่นอกชาน สายพิณเดินมานั่งร่วมวง
“ยายคิดว่ายังไงจ๊ะ”
“ต้องพามันไปรดน้ำมนต์”
“งั้นยายก็เชื่อว่า พี่เซียนถูกผีสิง”
“อันนั้นมันก็สุดจะคาดเดา แต่ที่แน่ๆ ยายเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรม ไอ้เซียนมันทำกรรมไว้เยอะก็เลยถูกผีสิง”
“งั้นผีมันก็คงไม่ให้ไปหาพระหรอก”
“เราก็นิมนต์พระมาเยี่ยมผีที่นี่ซิ”
“จริงด้วย ยายบอกป้าสายไหมหรือยังจ้ะ”
“บอกแล้ว พรุ่งนี้ยายกับไหมจะไปนิมนต์หลวงพ่อให้มาฉันเพลที่บ้าน ยังไงผีที่มันสิงไอ้เซียนก็หนีไม่พ้น”
สายพิณชอบอกชอบใจ
กลางดึกคืนนั้นสายไหมนอนก่ายหน้าผากด้วยสีหน้ากลุ้มกังวลก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“ทำไมนอนไม่หลับซักที” เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ “ใคร”
“ผมเองครับ” สายไหมลุกเดินไปเปิดประตู “ผมขอโทษครับที่มาปลุกคุณป้ากลางดึก”
เซียนยกมือไหว้ขอโทษ สายไหมเงอะงะทำตัวไม่ถูกกับท่าทางผิดไปของเซียน
“มะ...ไม่...ไม่เป็นไร”
“ผมขอยืมโทรศัพท์คุณป้าหน่อยได้ไหมครับ”
สายไหมมีสีหน้าแปลกใจนิดหนึ่ง แล้วเดินไปหยิบมือถือมาส่งให้
“เอ้า”
“ขอบคุณครับ แล้วผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง”
เซียนโขยกเขยกออกไป สายไหมมองตามแล้วปิดประตู
“ขนลุก” สายไหมลูบแขนตัวเอง
เซียนกลับมาที่ห้องแล้วกดโทรศัพท์หาครรชิต แต่ติดต่อไม่ได้มีเพียงเสียงให้ฝากข้อความ เซียนฝากข้อความทันที
“คุณครรชิต กรุณาโทร.กลับหมายเลขนี้ด้วย”
เซียนถอนใจ นิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจโทร.อีก ขณะนั้นน้ำเพชรยังนั่งเล่นเกมอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น น้ำเพชรหยิบขึ้นมาดูแล้วนิ่วหน้าคิด
“โทรมาดึกๆ แบบนี้ต้องเป็นไอ้พวกโรคจิตแน่” น้ำเพชรปิดโทรศัพท์ “ไม่มีทางได้ยินเสียงฉันหรอก”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง แล้วเล่นเกมต่อ เซียนถอนใจยาวเมื่ออีกฝ่ายปิดเครื่องจึงเอนตัวลงนอนก่ายหน้าผาก
เช้าวันรุ่งขึ้นสายไหมแต่งตัวเดินออกมาจากห้องแล้วชะงักแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเซียนกำลังรดน้ำต้นไม้ที่แขวนไว้ สายไหมยังคงมองนิ่งจนกระทั่งเซียนหันมามอง
“อ้าว คุณป้าจะไปไหนหรือครับ”
สายไหมสะดุ้งตั้งแต่เซียนหันมา
“เอ้อ...ไป...ไปวัดน่ะ”
“ครับ อ้อ... โทรศัพท์คุณป้าผมวางไว้ตรงโต๊ะนั่นนะครับ”
สายไหมพยักหน้าไม่รู้จะพูดอะไรดี เซียนหันไปค่อยๆ รดน้ำต่อ สายไหมเดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
สายไหมเดินมาที่หน้าบ้านยายปิ่นซึ่งยายปิ่นยืนรออยู่แล้ว และสายพิณกำลังออกมาพร้อมปิ่นโตกับข้าว
“จะเอาไปถวายพระเรอะ” สายไหมถาม
“เปล่าจ้ะ จะเอาไปให้พี่เซียน”
“เป็นห่วงอะไรมันนักหนา ป่านนี้มันยังไม่ตื่นร้อก”
“ตื่นแล้ว” สายพิณและยายปิ่นมองสายไหมอย่างแปลกใจ “ตื่นก่อนฉันอีก พอออกมาก็เห็นมันรดน้ำต้นไม้ที่ฉันใส่กระถางทิ้งๆ ไว้ให้เทวดาเลี้ยง ไอ้เซียนมันเคยใส่ใจที่ไหน”
“งั้นผีที่สิงพี่เซียนต้องเป็นผีดีแน่ๆ เลย หนูว่าปล่อยไว้อย่างนี้ดีกว่า”
“นั่นซีนะ ว่าไงไหม”
“ก็ถ้าเผื่อมันแกล้งทำเป็นดีให้เราตายใจล่ะ” ยายปิ่นและสายพิณพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “ต่อให้ผีดีแค่ไหน ฉันก็ไม่อยากอยู่ด้วยหรอก” เสียงโทรศัพท์สายไหมดังขึ้น สายไหมหยิบมาดู “เบอร์ใครวะ” สายไหมกดรับ “ฮัลโหล”
ครรชิตแต่งตัวเสร็จแล้วเตรียมไปทำงาน
“สวัสดีครับ…เมื่อคืนคุณโทร. ถึงผมใช่ไหมครับ”
“ฉันจะโทร. ถึงแกทำไม ไอ้บ้า” สายไหมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า “ไป เดี๋ยวจะสาย”
ทั้งสามพากันเดินออกไป ครรชิตมองโทรศัพท์งงๆ ปนฉุนๆ
“หล่อนน่ะซีบ้า หลอกให้โทร.ไปหา แล้วด่ากลับ”
ครรชิตเก็บโทรศัพท์ แล้วเดินออกไป
สมศรีกำลังตั้งโต๊ะอาหาร ขณะที่ครรชิตเดินเข้ามา
“คุณปลาใหญ่ยังไม่ลงมาเรอะ”
“ยังไม่เห็นแม้แต่เงาค่ะ”
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ รัญญา เดินเข้ามา ทั้งหมดเข้ามานั่งประจำที่
“อ้าว ปลาใหญ่ล่ะ”
“ยังไม่ลงมาเลยค่ะ”
“อาจจะลุกเดินไม่ค่อยถนัดก็ได้ ผมขอไปดูก่อนนะครับ”
ครรชิตรีบเดินออกไป
“อาจจะตายไปแล้วมั้ง”
เกริกก้องบอก รัญญาหัวเราะชอบอกชอบใจกับจันทร์ทิพย์
ครรชิตรีบเดินมาเคาะประตูห้องปลาใหญ่
“คุณปลาใหญ่ครับ...คุณปลาใหญ่” เงียบ “คุณปลาใหญ่ครับ” เงียบอีก ครรชิตลองขยับลูกบิดประตู ลูกบิดหมุนได้เพราะไม่ได้ล็อค “คุณปลาใหญ่ไม่เคยลืมล็อคประตูเลยนี่”
ครรชิตเปิดประตู แล้วชะงักเมื่อเห็นปลาใหญ่นอนแผ่อย่างสบายกลางเตียง ครรชิตมองอย่างประหลาดใจ “คุณปลาใหญ่” ปลาใหญ่ยังหลับสนิท ครรชิตเดินเข้าไปเขย่าตัว “คุณปลาใหญ่” ปลาใหญ่งัวเงียลืมตาขึ้น
“คุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่ปรือตา ปัดครรชิต
“ไปให้พ้น”
ปลาใหญ่พลิกตัวไปอีกทางหลับต่ออย่างสบาย ครรชิตมองอย่างแปลกใจสุดๆ ขณะที่ปลาใหญ่ยังนอนหลับสนิท
ครรชิตเดินกลับมาที่ห้องทานข้าว ทุกคนมองครรชิตเป็นจุดเดียว
“เป็นไง ท่านประธานยังไม่ตื่นละสิ” จันทร์ทิพย์ถามด้วยสีหน้าเยาะๆ
“อ๋อ ...ตื่นนานแล้วครับ ท่านกำลังให้หนูน้ำเพชรเมลงานมาให้ดู” เกริกก้อง รัญญา จันทร์ทิพย์สบตากันอย่างแปลกใจ “ผมขอตัวก่อนนะครับ ยิ่งท่านไม่สบายก็ยิ่งขยัน ต้องรีบไปเตรียมงานให้ท่าน” ครรชิตหันหลังกลับ “โกหกแต่เช้าเลยตู” ครรชิตบ่นกับตัวเองแล้วรีบเดินไป
“คุณพ่อคะ หรือว่าผีมันออกแล้ว”
เกริกก้องลุกขึ้นออกไปอย่างหงุดหงิด
ที่บ้านสายไหม เซียนกินข้าวอิ่มแล้ววางช้อนส้อมคู่กันอย่างเรียบร้อย แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
“พี่เซียนไม่กินแกงเผ็ดเลย” สายพิณถามอย่างแปลกใจ
“ผมไม่ชอบทานเผ็ด”
“ขอโทษ พิณลืมไป พี่เซียนเคยบอกที่โรงพยาบาลแล้ว” เซียนหันรี หันขวาง “พี่เซียนจะเอาอะไรจ๊ะ”
“หนังสือพิมพ์ครับ ไม่ทราบว่ามีหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก พิณไม่เคยเห็นพี่เซียนอ่านอะไรซักอย่างนี่”
“ก็เพราะว่าผมไม่ใช่นายเซียนน่ะสิ”
“ถ้าอยากอ่าน พิณไปซื้อให้ก็ได้ พี่จะเอาหนังสือพิมพ์อะไร”
“ผมคงไม่ใช้สุภาพสตรีไปซื้อหนังสือพิมพ์”
“เฮ้ย นี่พิณหูฝาดไปหรือเปล่า ธรรมดาพี่ใช้มั่วไปหมด” เซียนนิ่งไป “พิณจะออกไปดูที่ร้านหน่อย ฝากเขาขายข้าวแกงไว้ พี่จะอ่านหนังสือพิมพ์อะไร”
“The Bangkokians.”
สายพิณแทบตกเก้าอี้
สายพิณแวะวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อนๆ ของเซียนต่างพากันตกใจคาดไม่ถึงเมื่อรู้ว่าเซียนจะอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ
“ฮ้า! หนังสือพิมพ์ ภาษาปะกิดเหรอ”
สายพิณพยักหน้า
“ฮึ”
“สงสัยผีที่สิงจะเป็นผีฝรั่ง”
“จะไปหาที่ไหนมาให้มันอ่านวะ”
“ข้าจะไปหาเอง ดูสิว่ามันจะอ่านออกจริงหรือว่าเพี้ยนเว่อร์...เดี๋ยวมา”
ชายสี่บอกแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ผู้โดยสารทะยอยเข้ามาทุกคนแยกย้ายกันไปส่งผู้โดยสาร สายพิณเดินย้อนกลับไป
อีกด้านหนึ่งที่ทำงานของปลาใหญ่ น้ำเพชรมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดกับสิ่งที่ครรชิตเล่าให้ฟัง
“น้ำคิดว่า น่าจะมาจากอาการเจ็บป่วยนะคะ ท่านประธานเพิ่งจะฟื้นตัวจากอุบัติเหตุได้ไม่เท่าไหร่”
ครรชิตถอนใจอย่างโล่งอก
“จริงซีนะ...ลุงก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป แต่ท่านก็ยังมีอะไรแปลกๆ…” ครรชิตนิ่งไปเหมือนไม่อยากพูดต่อ
“ทำไมหรือคะ”
“ลุงไม่อยากพูด...มัน...มัน...เหมือนดูถูกท่าน”
อลิสา เลขาของเกริกก้องเดินตรงมา แต่หยุดห่างโต๊ะทำงานน้ำเพชรเหมือนเดิม
“น้ำเพชร”
น้ำเพชรกับครรชิตหันไปมอง ครรชิตแปลกใจจึงหันมามองน้ำเพชร
“ทำไมเขาต้องยืนห่างขนาดนั้นหละ”
น้ำเพชรยกมือขวาที่พยายามจะดึงน้ำเพชรออกไปตบอลิสา ซึ่งถูกมือซ้ายยืดไว้แน่น
“นี่คะ”
“มือหนูเป็นอะไร”
“น้ำก็ไม่เข้าใจเหมือนกันคะ พอใครที่น่าตบเดินเข้ามาใกล้มันก็จะยื่นออกไปตบเองโดยอัตโนมัติ” ครรชิตค่อยๆ ถอยหลังอย่างหวาดๆ “คุณลุงไม่ต้องกลัวค่ะ มือน้ำจะไม่ตบพวกเดียวกันเด็ดขาด”
“ได้ยินมั้ยที่ฉันพูดเนี่ย ยืนจนจะขาแข็งตายแล้ว”
ครรชิตและน้ำเพชรเบือนหน้ากลับไปมอง
“ก็ว่ามาซิ”
“ท่านประธานเรียกพบ”
“ท่านประธาน” น้ำเพชรกับครรชิตอุทานออกมาพร้อมกัน
“ใครคือท่านประธาน”
“ก็คุณก้องเกียรติไง ในเมื่อประธานปฎิบัติงานเองไม่ได้ ท่านรองประธานก็ต้องปฏิบัติงานแทน...ถูกต้องมั้ยล่ะคะ”
มือขวาน้ำเพชรผวาออกไป จนน้ำเพชรหน้าคะมำ น้ำเพชรรีบใช้มือซ้ายคว้าไว้ โดยครรชิตก็ช่วยคว้าไว้ด้วย
อลิสารีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
“เห็นมั้ยล่ะคะ”
ครรชิตกับน้ำเพชรไปหาเกริกก้องที่ห้องทำงาน เกริกก้องหันกลับมา
“แล้วไง ฉันเป็นประธานแทนปลาใหญ่ซึ่งยังมาปฏิบัติงานไม่ได้ มันผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่คุณปลาใหญ่ยังทำงานได้ไงครับ”
“เอาไว้ให้มันมาให้ได้ก่อนเถอะ”
“แต่เรื่องนี้ต้องผ่านผู้ถือหุ้นก่อนไม่ใช่หรือคะ”
เกริกก้องหยิบซองสีน้ำตาลโยนไปให้ทั้งครรชิตกับน้ำเพชร
“รายชื่อผู้ถือหุ้นที่ลงมติเห็นควรให้ฉันรักษาการแทนอยู่ในนั้น”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ทุกอย่างจบแล้ว ถ้าปลาใหญ่มาทำงานได้เหมือนเดิมเมื่อไหร่ ฉันก็จะคืนตำแหน่งให้ ออกไปได้”
ครรชิตกับน้ำเพชรมองหน้ากันแล้วเดินออกไป เกริกก้องแหงนหน้าหัวเราะกึกก้องสะใจ
ครรชิตกับน้ำเพชรออกมาจากห้องทำงานเกริกก้องแล้วรีบเดินไปโดยมีอลิสามองตาม
“จะทำยังไงดีคะ”
น้ำเพชรถามอย่างร้อนใจ
“ต้องให้คุณปลาใหญ่มาทำงานให้ได้ ถึงแม้จะต้องจับใส่รถเข็นมาก็ตาม ลุงจะรีบไปหาคุณปลาใหญ่”
“ค่ะ”
ครรชิตเดินตรงไปที่ลิฟท์
ครรชิตรีบมาหาปลาใหญ่ที่บ้านเพื่อตามให้ไปทำงานแต่เซียนในร่างของปลาใหญ่กับโวยวาย
“โฮ้ย ให้เค้าทำไปน่ะดีแล้วลุง เอ๊ย! คุณคัน”
“ไม่ได้เด็ดขาดครับ คุณพ่อคุณปลาใหญ่ท่านปลุกปั้น “อาณาจักรมหาทรัพย์”มากับมือ คุณปลาใหญ่จะปล่อยให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไม่ได้”
“เค้าพี่น้องกันไม่ใช่เรอะ”
“ก็ใช่”
“งั้นก็โอ.เค แล้ว ผมอยากใช้ชีวิตให้เต็มคราบดูสักที ใครเก่งก็ให้เขาบริหารกันไป”
“คุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่ยกมือห้าม
“จบ” ครรชิตทำหน้าเซ็งสุดๆ “เข้าใจคำว่า จบใช่มั้ย”
อีกด้านหนึ่งที่บ้านของเซียน ปลาใหญ่ในร่างเซียนนั่งพนมมืออยู่บนรถเข็น โดยมีพระนั่งบนเตียงมีอาสนะปูเรียบร้อย
“สรุปว่าโยมไม่ใช่ผี”
“ไม่ใช่ขอรับหลวงพ่อ เพียงแต่ดวงจิตหรือจะเรียกว่าดวงวิญญาณของลูกก็ได้ ถูกนายเซียนเอาเท้ายันมาเข้าร่างนี้”
“พูดง่ายๆ ว่าถีบใช่มั้ย”
“ขอรับหลวงพ่อ แต่กระผมเกรงว่าคำนั้นจะไม่สุภาพ”
“ถีบ” เป็นคำไทยแท้ ให้ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งกว่า “ถูกเอาเท้ายัน” มาก”
“ขอรับหลวงพ่อ กระผมถูกวิญญาณนายเซียนถีบมาเข้าร่างของเค้า ส่วนวิญญาณเค้าก็ไปเข้าร่างกระผมแทน”
พระนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“แล้วถ้าสมมุติว่าเรื่องที่เอ็งเล่าเป็นความจริง เอ็งจะกลับไปเข้าร่างเดิมได้ยังไง”
เซียนเป็นฝ่ายนิ่งคิดบ้าง
ขณะนั้นสายไหมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นอกห้อง มองไปที่ห้องเซียนซึ่งปิดประตูห้องอยู่
“ทำไมนานจัง ไอ้เราเรอะอยากจะรู้เรื่องเร็วๆ”
“เอ็งละใจร้อน หลวงพ่อท่านต้องพยายามหว่านล้อมผีไอ้ปลาใหญ่ปลาเล็กให้มันออกจากร่างไอ้เซียนไวๆ”
ประตูเปิดออก หลวงพ่อเดินออกมา
“ออกมาแล้ว เป็นไงบ้างครับหลวงพ่อ...ใช่ผีเข้าหรือว่าไอ้เซียนมันเพี้ยนกันแน่”
ลุงป่องรีบถาม หลวงพ่อนั่งลงที่เก้าอี้ที่ลุงป่องกุลีกุจอเลื่อนให้
“พูดลำบาก”
“อ้าว”
“มันอาจจะเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง”
“พิณนึกออกแล้ว” ทุกคนเบือนมาจ้องสายพิณเป็นตาเดียว “พิณจะไปพบคุณปลาใหญ่” สายพิณลุกขึ้นแล้วพยักหน้ากับลุงป่อง “ลุงป่อง ไปด้วยกัน”
“แล้วเค้าจะให้เราพบเรอะ”
“มันก็ต้องลองดูนั่นแหละลุง”
“ใช่ ต้องลองไปดูท่าทีของปลาวาฬก่อน”
“ปลาใหญ่ หลวงพ่อ”
“แล้วปลาวาฬมันใหญ่มั้ยล่ะ”
ทุกคนอึ้งกันไป
ที่บริษัทของปลาใหญ่ น้ำเพชรวางมือจากงานแล้วรับโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น
“คะ...คุณลุง...น้ำจะไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ”
น้ำเพชรเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเดินไป
น้ำเพชรรีบมาหาครรชิต ครรชิตมีหน้ากลุ้มใจพฤติกรรมของปลาใหญ่ที่เปลี่ยนไป
“คุณปลาใหญ่มาแปลก ทำท่าว่าจะยกงานทุกอย่างให้คุณก้องบริหาร”
“อูย เรื่องใหญ่เลยนะคะนั่น”
“ใหญ่ขนาดที่ว่าคุณเกรียงไกรจะต้องลุกขึ้นมาจากหลุมแน่ๆ ถ้าลุงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ต้องหาวิธีทำให้คุณปลาใหญ่กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้”
“น้ำบอกแล้วว่า ต้องหาอะไรฟาดศีรษะ หรือไม่ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกครั้งนึง”
“มันเสี่ยงเกินไป...ลุงจะลองให้คุณปลาใหญ่ไปหาจิตแพทย์ดู”
ลุงป่องพาสายพิณซ้อนท้ายมาจนถึงหน้าบ้านปลาใหญ่ ทั้งสองมองอาณาบริเวณบ้านอันกว้างใหญ่ภายนอกอย่างตกตะลึง
“นี่บ้านคนหรือวะ”
“คร่ำครวญอยู่นั่นแหละลุง”
สายพิณพูดพลางเดินไปกดกริ่ง แล้วมองลอดประตูเข้าไปจึงเห็นเอ็กซ์ขับรถกอล์ฟตรงมา
“แม่เจ้า จากบ้านมาที่ประตู ยังต้องขับรถมาเปิด”
ลุงป่องกับสายพิณยืนรอจนกระทั่ง เอ็กซ์ลงจากรถมาเปิดประตูเล็ก เอ็กซ์มองทั้งสองอย่างไม่เป็นมิตร
“มาหาใคร”
เอ็กซ์ถามเสียงห้วน ทำให้สายพิณนึกฉุน
“บ้านออกใหญ่โตกว้างขวาง แต่พูดจาสุนัขไม่รับประทาน”
“นังคนนี้” เอ็กซ์ยกมือจะตบ สายพิณตั้งการ์ดรับทันที
“เฮ้ย มือตีนมีเหมือนกันนะเว้ย”
“ขืนแตะต้องหลานข้าละก็เอ็งตาย ไม่รู้จักป่องสุขาฯ ซะแล้ว”
ลุงป่องทำเข้มใส่ เอ็กซ์เปลี่ยนท่าทีเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“จะโทรฟ้องใครวะ ไอ้หน้าสุภาพสตรี”
“ตำรวจ แก 2 คนโดนข้อหาบุกรุกแน่”
สายพิณชะงักหันมามองลุงป่อง
จบตอนที่ 3
แสบสลับขั้ว ตอน 4.1
เอ็กซ์ขับรถกอล์ฟกลับมามาจอดหน้าตัวบ้านซึ่งสมทรงยืนกอดอกมองอยู่ก่อนแล้ว
“ใครมา”
“ไม่รู้ ผมไล่มันไปก่อน”
“อ้าว ก็ถ้าเป็นแขกคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงล่ะ”
“ลุคบ้านๆ แบบนี้เป็นแขกผมหรือเป็นแขกคุณพี่ยังไม่ได้เลย”
เอ็กซ์ขับรถกอล์ฟเลยไปเก็บ สมทรงเดินกลับเข้าบ้าน
ทางด้านสายพิณกับลุงป่องหลังจากถูกเอ็กซ์ไล่ออกมา ทั้งคู่จอดมอเตอร์ไซค์อยู่ใต้ต้นไม้เพื่อใช้ความคิด
“เอาไงดี”
“ไปที่บริษัท”
“บริษัทอะไร”
“โฮ้ย ก็บริษัทของอีตาปลาใหญ่น่ะซิ ไปถามคุณครรชิตคันฉ่องคนนั้นเสียหน่อยว่า อีตาปลาใหญ่มันมีอาการเดียวกับพี่เซียนหรือเปล่า”
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 3 (ต่อ)
สายพิณกับลุงป่องมาหาครรชิตที่บริษัท ทั้งคู่อยู่ในห้องรับรองหรูของบริษัทโดยสายพิณนั่งตามสบาย ขณะที่ลุงป่องนั่งตัวลีบด้วยเกรงความหรูสง่าของห้องนั้น
“อ๋อ...ไม่มี”
ครรชิตบอก สายพิณพยักหน้าหงึกหงัก
“งั้นพี่เซียนก็บ้าไปคนเดียว”
“บ้ายังไง”
“ก็บ้านึกว่าตัวเป็นนายปลาใหญ่เจ้านายลุงน่ะซิ”
ครรชิตส่ายหน้า
“รถมันชนกับรถเศรษฐี ก็เลยนึกว่าตัวเองเป็นเศรษฐีไปด้วย”
ครรชิตนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“เอาอย่างนี้ ฉันจะช่วยหาจิตแพทย์ให้ไหม นายเซียนได้คุยกับจิตแพทย์อาจจะทำให้อาการดีขึ้น”
“นายนี่ทำงานโอฟิดใหญ่(ออฟฟิศ)ใหญ่โตแต่ยังใจดีมีเมตตา รับใช้คนรวยแต่ไม่รังเกียจคนจน ไม่เหมือนไอ้ขี้ข้าในบ้าน ฉันกับไอ้พิณขอพบปลาใหญ่ดีดี๊ แต่มันกลับไล่ส่ง”
“ใคร ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
“พูชาย พอทำท่าจะสู้ไม่ได้ก็ฟ้องตำรวจ”
“ลุงช่วยพาหนูกับลุงไปพบปลาใหญ่หน่อยได้มั้ย”
“ได้น่ะได้ แต่ต้องรอให้ท่านหายป่วยเสียก่อน”
“เออ...พูดแบบนี้ค่อยฟังเข้าหูหน่อย”
เสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วน้ำเพชรเดินเข้ามา ทุกคนหันไปมอง นัยน์ตาสายพิณเป็นประกายวาว น้ำเพชรมองสายพิณขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ครรชิตและลุงป่องมองสองสาวสลับกันหวาดๆ สายพิณลุกขึ้น น้ำเพชรก้าวเข้ามา มือขวาน้ำเพชรเริ่มกระตุก ครรชิตและลุงป่องช่วยกันดึงสองสาวไว้
ลุงป่องลากสายพิณออกมาจากบริษัท สายพิณสะบัดออก
“โฮ้ย ลุง”
“เอ็งนี่มันเป็นอะไรฮึ ไอ้พิณ เห็นคุณน้ำเพชรละก็ของขึ้นทุกที”
“ไม่เคยได้ยินหรือลุงว่าเสือ 2 ตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ และตัวที่เหลืออยู่จะต้องเป็นหนู”
“จะหมูจะแมวก็ตามใจเอ็ง กลับได้แล้ว”
ลุงป่องขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปโดยมีสายพิณซ้อนท้าย
“แหม คุณลุงไม่น่าห้ามไว้เลย”
น้ำเพชรบอกขณะที่มือยังกระตุกอยู่
“หนูน้ำไม่อายเขาเรอะ ที่มีเรื่องตบตีกันในที่ทำงาน”
“นั่นซิคะ”
“แล้วไปมีเรื่องกันมาตั้งแต่ครั้งไหน”
“โอ๊ย สมัยเรียนหนังสือโน่นแน่ะค่ะ โรงเรียนน้ำกับโรงเรียนยัยนั่นเข้าชิงชนะเลิศวอลเล่ย์บอล น้ำเป็นมือตบของโรงเรียน ยัยนั่นก็เหมือนกัน”
“เข้าใจละ ตบไปตบมา เลยมาตบกันเอง”
“ประมาณกีฬาแพ้คนไม่แพ้ไงคะ โดนภาคฑัณท์ทั้งคู่ เลยเขม่นกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่ควรเอาเป็นตัวอย่างหรอก”
“อ้อ รู้ตัวเหมือนกันนี่ ไปทำงานต่อได้แล้ว”
“ค่ะ” น้ำเพชรเดินมาที่ประตู แล้วนึกได้หันมาบอก “แล้วน้ำก็กลายเป็นคนมือกระตุก อยากจะตบคนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าอยู่เรื่อยก็เพราะเรื่องนี้แหละค่ะ”
น้ำเพชรพูดจบแล้วเดินออกไป
“สมัยนี้มีแต่โรคแปลกๆ แฮะ”
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานของจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์นั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนตรงหน้ามีมือถือวางอยู่อีก 5 เครื่อง
“กรี๊ด...ด ไปฝรั่งเศษเหรอ ไปด้วยคน เดือนที่แล้วยังใช้เงินไม่ทะลุเป้า” มือถืออีกเครื่องหนึ่งดังขึ้น จันทร์ทิพย์เหลือบมอง “แค่นี้ก่อนนะ สามีโทร.มา เดี๋ยวจะโทร.กลับ” จันทร์ทิพย์วางโทรศัพท์ลง แล้วหยิบอีกเครื่องขึ้นมารับ “คะ... คุณก้อง”
“ผมจะกลับบ้านก่อนนะ”
“อ้าว เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่า แค่อยากไปคุยกับไอ้ปลาใหญ่ดู”
“จันทร์ไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้อง คุณทำงานไปเถอะ อย่ามัวแต่เม้าท์ล่ะ”
“โอ๊ะ ไม่มีแน่นอนค่ะ จันทร์ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว”
“เท่านี้ละ”
จันทร์ทิพย์วางโทรศัพท์ลง แล้วหยิบอีกเครื่องขึ้นมากดคุยต่อ
“มาแล้วจ้ะ...มาแล้ว... มาเม้าท์มอยต่อ”
รถเกริกก้องแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกบ้านปลาใหญ่ เอ็กซ์รีบมายืนต้อนรับเช่นเดียวกับสมทรงและสมศรี
เกริกก้องก้าวลงมารถ เอ็กซ์รีบรายงาน
“มีชาวบ้าน 2 คนมาขอพบคุณปลาครับ”
“อันนี้รู้แล้ว”
“คุณปลาใหญ่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวันค่ะ” สมทรงบอกแล้วเบือนมาทางสมศรีให้พูดต่อ
“เธอสั่งให้มาเสริฟอาหารกลางวันในห้อง พอเปิดเข้าไปเท่านั้นแหละค่ะ เจ้าประคุณเอ๋ย...”
เกริกก้องยกมือห้าม
“พอ ฉันจะไปดูเอง”
เกริกก้องเดินเข้าบ้าน สมทรงและสมศรีตาม ขณะเอ็กซ์ คนรถแยกย้ายกันไป
เสียงเพลงลูกทุ่งมันส์ๆ ดังลั่นออกมาจากห้องปลาใหญ่ เกริกก้องมีสีหน้าแปลกใจแกมหงุดหงิด หันมาพยักหน้ากับสมทรงและสมศรี สองสาวจึงเข้าระดมทุบประตูโครมๆ
“ใครวะ”
ประตูเปิดออก ปลาใหญ่มีไม้ค้ำยันรักแร้ยืนอยู่ โดยเสียงวิทยุยิ่งดังลั่นด้วยเป็นเครื่องเสียงอย่างดี จนสมทรงและสมศรีต้องเอามืออุดหู เกริกก้องก้าวพรวดๆ เข้าไปจนเกือบชนปลาใหญ่แล้วกดรีโมทปิด
“เฮ้ย ผมจะฟังเพลง”
เกริกก้องเดินไปปิดประตู แล้วหันมา
“เพลงบ้าเพลงบออะไรของแกฮึ ปลาใหญ่”
“เพลงดีนะพี่ ฟังแล้วกระแทก...”
“แกเรียกฉันว่าอะไรนะ” เกริกก้องถามย้ำ ปลาใหญ่นึกได้
“ก็เห็นว่าคุณอาก่องก๊องยังหนุ่มก็เลยเผลอเรียกพี่”
“อย่าทะลึ่ง” ปลาใหญ่ยักไหล่แล้วเดินไปนั่ง เกริกก้องมองปราดไปทั่วห้องซึ่งข้าวของถูกรื้อเละเทะไปหมด ถาดวางจานอาหารต่างๆ ระเกระกะอยู่บนเตียง “แกกลายเป็นคนสกปรกไร้ระเบียบแบบนี้ได้ยังไง”
“ฤดูยังเปลี่ยนแปร จะเอาแน่อะไรกับคน...เพราะมั้ยคุณอา เพิ่งคิดได้ตะกี้นี้เอง”
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ไป ... ออกไปข้างนอก”
“คุยในนี้ไม่ได้เหรอเพ่...เอ๊ย คุณอา”
“ออกไปข้างนอก”
เกริกก้องเดินนำออกไป ปลาใหญ่คว้าไม้ค้ำเดินโขยกเขยกตาม
สมศรียืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าห้อง ขณะที่ทั้งเกริกก้องกับปลาใหญ่ก้าวออกมา
“เข้าไปทำความสะอาดด้วย” เกริกก้องสั่ง
“ค่ะ”
เกริกก้องเดินไป ปลาใหญ่โขยกเขยกตาม สมศรีเปิดประตูเข้าไปในห้อง
เกริกก้องเดินนำปลาใหญ่มาที่ริมสระน้ำ เกริกก้องหันมาจะบอกให้นั่งลงแต่ปลาใหญ่นั่งก่อนพร้อมบ่น
“แทบตาย”
“มารยาทแกหายไปไหนหมดฮึ ปลาใหญ่”
“คงจะหายไปอยู่กับปลาเล็กปลาน้อยแล้วมั้ง” เกริกก้องมองปลาใหญ่อย่างเกรี้ยวกราด “แป่ว...ว... ว ...มุกแป้ก”
เกริกก้องทรุดตัวลงนั่ง พยายามระงับอารมณ์เต็มที่
“ความจริง แกคิดว่าแกจะพร้อมไปทำงานเมื่อไหร่”
ปลาใหญ่ชะโงกหน้ามา สีหน้าจริงจังขึ้น
“ตอบจริงเลยนะ ไม่รู้เหมือนกัน”
เกริกก้องชะงักนิดหนึ่งด้วยไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนั้น แล้วจึงยิ้มในหน้าอย่างพอใจ
“อ้าว แล้วจะทำยังไงในเมื่อแกเป็นประธานบริษัท”
“คุณพี่...เอ๊ย คุณอาช่วยเป็นแทนหน่อยได้มั้ย ผมขอแค่มีเงินใช้เดือนละแสนก็พอ”
“ฉันให้ 2 แสน”
“ฮ้า” ปลาใหญ่ตื่นเต้นสุดๆ
“แกคิดถูกแล้วที่จะปล่อยให้ฉันบริหารแทน เพราะแกยังต้องรักษาตัวอีกนาน ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อความเจริญก้าวหน้าของบริษัทเรา”
ปลาใหญ่เต๊ะท่าเต็มที่
“ดี”
“แกต้องเซ็นแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ไม่อย่างนั้นไอ้เจ้าครรชิตมันคงไม่ยอม”
“ได้เลย บอกตรงๆ นะ ผมก็เบื่อนายครรชิตครรฉ่องนั่นเหมือนกัน”
“ถ้าเบื่อก็ปลดเลย”
ปลาใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า
“เอาไว้ก่อน” เกริกก้องหงุดหงิด “หน้าตาเขาน่าสงสารดี ผมชอบ...เอาละ เลิกประชุมได้”
เกริกก้องตั้งท่าจะปรี๊ดแตก แต่แล้วก็ระงับไว้ได้ทันท่วงที
ค่ำวันเดียวกันนั้นเกริกก้องปรึกษาเรื่องปลาใหญ่กับจันทร์ทิพย์และรัญญา
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า อุบัติเหตุครั้งนี้จะเปลี่ยน คนฉลาดให้กลายเป็นคนโง่ได้”
“น้าว่าเป็นดวงซวยของมัน แต่เป็นดวงรวยของเรา”
“เมื่อกี้ใครสังเกตหน้าอีตาครรชิตบ้างไหมคะ...จ๋อยสนิท กลืนข้าวแทบไม่ลงเลย”
“จริงซิ คุณก้องไม่ควรปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังกับปลาใหญ่ต่อไปนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมกล่อมปลาใหญ่จนอยู่หมัดแล้ว มันจะไม่มีวันไว้ใจไอ้ครรชิตอีกต่อไป”
ขณะนั้นครรชิตก็กำลังโทรศัพท์คุยกับน้ำเพชรเรื่องอาการของปลาใหญ่เหมือนกัน
“ถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“ลุงถึงต้องโทร.มาขอให้หนูน้ำช่วยไง ลำพังลุงพูดน่ะ คุณปลาใหญ่คงไม่ฟังหรอก”
“ท่านประธานเปลี่ยนไปเยอะมาก จากคนที่เอาการเอางาน กลายเป็น....ฮื้อ ....พูดไปก็จะเป็นการนินทาเจ้านาย”
“เราถึงต้องช่วยกันไง ช่วยเอาคุณปลาใหญ่คนเดิมกลับมาให้ได้”
เซียนนั่งใช้ความคิดอยู่ในห้องที่เปลี่ยนเป็นสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย หน้าต่างเปิดให้ลมพัดเข้ามา เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงสายไหม
“เซียน ป้าเข้าไปได้ไหม”
“เชิญครับ”
สายไหมเปิดประตูเข้ามา แล้วมองไปรอบๆ ห้องอย่างแปลกใจ
“นึกยังไงถึงลุกขึ้นมาทำความสะอาดเสียเรี่ยมไปเลย”
“ผมไม่ชอบห้องสกปรกครับ”
“เฮ้อ...บอกตรงๆ นะ ป้าชอบผีที่มันเข้าสิงเอ็งจัง อยากให้มันสิงนานๆ”
“คุณป้ามีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
“เออใช่ เห็นห้องเอ็งสะอาดสะอ้านแล้วลืมไปเลย ยายปิ่นกับไอ้พิณเขาซื้อของมาให้เอ็งกิน”
เซียนมีสีหน้าประหลาดใจแว่บหนึ่ง
เซียนเดินออกมานอกชานบ้าน ขณะที่สายพิณเทเกี๊ยวน้ำร้อนๆ วางบนโต๊ะ ซึ่งมีบัวลอยไข่หวานวางไว้ 4 ถ้วย สำหรับทุกคน
“เกี๊ยวน้ำของโปรดพี่เซียนจ้ะ”
“ผมไม่รับประทาน Supper ครับ ซึ่งคุณยายกับคุณป้าก็ไม่ควรจะรับประทาน เพราะเท่าที่เห็นขนมนั่นมีแต่แป้ง ไข่และน้ำตาล” แต่ละคนมองเซียนเหมือนเห็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นตรงหน้า “ของพวกนี้...ขอโทษนะครับ ผู้สูงอายุไม่ควรรับประทานมาก โดยเฉพาะในเวลาก่อนนอนเช่นนี้” ยายปิ่นค่อยๆ วางช้อนลง “มันเป็นอันตรายต่อสุขภาพครับ”
“กูอยากจะบ้าตาย”
“แต่ก็ต้องขอบคุณที่ซื้อมาฝาก” เซียนบอกแล้วขยับลุกขึ้น “ขอตัวก่อนนะครับ”
เซียนเดินกลับเข้าห้อง
“ทำไมต้องขอด้วยวะ ก็ตัวของมันแท้ๆ”
“แหม มันเป็นคำพูดที่สุภาพไงจ๊ะ ในละครเขาชอบพูดกัน”
ยายปิ่นมองอาหารตรงหน้า
“เลยกินไม่ลงเลย...” ยายปิ่นมองไปที่ชามเกี๊ยว “แล้วไอ้อ๊ะเป้อร์เนี่ยล่ะใครจะกินชามละตั้ง 30 บาท”
“ซัปเปอร์จ้ะ ยาย ...แปลว่าอาหารว่างรอบดึก”
“อ้าว ไม่ได้แปลว่าเกี๊ยวหรอกเรอะ”
“หนูกินเอง ใครไม่กินอย่ากิน”
สายพิณดึงชามเกี๊ยวมาปรุงกินเอร็ดอร่อย
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่สายไหมกำลังเตรียมทำขนมไปขายอย่างเดิม เซียนโขยกเขยกมายืนมอง
“ผมช่วยไหมครับ”
สายไหมเงยหน้ามองเซียนเพ่งพิศครู่หนึ่ง
“นี่แกแกล้งหรือเปล่า”
เซียนสบตาสายไหมจริงจัง
“หน้าตาผมเหมือนแกล้งหรือครับ”
สายไหมวางของในมือลง แล้วถอนใจยาว
“ตั้งแต่แกฟื้นขึ้นมาจนกลับบ้านได้นี่ รู้มั้ยว่าฉันนอนไม่ค่อยหลับเลย”
“กลัวผมจะเป็นผีหรือครับ”
“เออ... เอ๊ย ไม่ใช่ เพราะฉันเฝ้าแต่คิดว่าทำไมอุบัติเหตุทำให้แกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“คงไม่ใช่คุณป้าคนเดียวหรอกครับที่คิดอย่างนั้น ทุกคนที่บ้านผมก็คงคิดเหมือนกัน”
“เซียน ป้ารู้ว่าแกอยากจะรวย อยากจะมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนพวกเศรษฐีมีเงิน แต่เราทำบุญมาแค่นี้”
สายไหมบอกเสียงจริงจัง ขณะที่เซียนมีสีหน้าแน่วแน่และทรนงในตัวเอง
“เรื่องบุญกรรมมันก็อย่างนึง แต่ผมจะไม่มีวันงอมืองอเท้ายอมรับชะตากรรมเด็ดขาด คุณพ่อเคยสอนไว้
อย่างนั้น”
สายไหมสะดุ้ง
“สอนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
เซียนหยิบกล้วยมาปอกเปลือกตามที่เห็นสายไหมทำโดยไม่โต้ตอบอีก สายไหมมองเซียนที่ตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างเพ่งพิศ
“2 เดือนผ่านไป”
เซียนเดินมาหน้าปากซอกโดยเพื่อนๆ ทุกคนที่วินมอเตอร์ไซด์หันมามอง
“หายดีแล้วเรอะ” ลุงป่องถาม
“ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วครับ คุณมอมแมม”
“ครับ...คุณเซียน”
“ผมอยากให้คุณช่วยอะไรหน่อย”
“ด้วยความยินดีครับ”
เซียนขอให้มอมพาไปหาน้ำเพชร มอมจึงพาเซียนซ้อนมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านทอง เมื่อมาถึงเซียนลงจากรถอย่างระมัดระวังและไม่ถนัดนัก
“ขอบคุณมาก”
เซียนขยับจะเดินไป มอมตัดสินใจเดินตาม
“คุณเซียน” เซียนหันมามอง มอมจึงพูดต่อด้วยท่าทางเรียบร้อย “คุณน่าจะรออยู่ที่นี่ดีกว่า ผมจะไปตามคุณน้ำเพชรให้”
“ผมทราบดีว่าคุณเป็นห่วง แต่ไม่เป็นไรคุณน้ำเพชรเป็นเลขาฯของผม ผมมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อย”
สีหน้าเซียนดูมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
น้ำเพชรตบเปรี้ยงจนเซียนหน้าหัน ท่ามกลางความตกใจจนอ้าปากค้างของที่ถืออยู่ในมือหล่นร่วงลงพื้น
ของกิมฮวยและสุมาลีซึ่งกำลังจะปิดประตูอ้าปากค้าง และเติมศักดิ์เดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ ปืนเกือบร่วง
“อีกซักทีดีมั้ย กำลังมันมือเลย”
น้ำเพชรบอก เซียนพยายามข่มความเจ็บ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ
“คุณน้ำเพชรมือหนักนะครับ”
“ก็เออน่ะซิ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
มือน้ำเพชรที่ยกขึ้นชี้หน้าเซียนเริ่มกระตุก
“อาเซียน ลื้อออกไปก่อนที่จะหน้าเละ เห็นมั้ยมืออีกระตุกอีกแล้ว” กิมฮวยบอก
“คุณน้ำ มองผมซิครับ มองอย่างพินิจพิจารณา แล้วจะรู้ว่าผมคือปลาใหญ่ ไม่ใช่นายเซียน”
“ฉันมองยังไงๆ แกก็คือนายเซียน จะยืนมอง นั่งมองห้อยหัวมองตะแคงมอง แกก็คือไอ้เฒ่าทารกเซียน”
มือน้ำเพชรกระตุกมากยิ่งขึ้น
“อาเซียน ลื้อเชื่ออั๊วเถอะ ไปเสียก่อนที่แก้มจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ”
“ทุกคนจำได้มั้ยครับ ตอนผมมาที่นี่ครั้งแรก ผมมาส่งคุณน้ำเพชรคุณพ่อคุณแม่คิดว่า คุณครรชิตเป็นประธานบริษัท และเรียกผมว่าอาตี๋เพราะนึกว่าผมเป็นลูกคุณครรชิต”
สีหน้าแต่ละคนชะงัก หันมามองหน้ากันเหมือนประหลาดใจ
เซียนเดินก้มหน้าก้มตามาที่มอม
“เป็นไงวะ เอ๊ย ครับ...เขาเชื่อ ...” เซียนเงยหน้าขึ้น เห็นแก้มแดงเป็นรอยนิ้วมือ มอมสะดุ้ง “เฮ้ย”
“ผมเพิ่งรู้ว่า คุณน้ำเพชรมือหนักมาก หน้ายังสะเทือนไม่หาย”
“กู...เอ๊ย ผมเตือนแล้วว่าเจ๊ คือมือตบหุ้มทอง หาเรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ”
“ผมว่า ไม่เปล่าหรอก อย่างน้อยครอบครัวคุณน้ำเพชรต้องฉุกคิดกันบ้าง”
เซียนบอกด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างยิ่ง
“อั๊วว่ามันแปลกๆ อยู่นะ ทำไมอีถึงรู้ว่าพวกเรา ...”
กิมฮวยบอกอย่างแปลกใจ
“ไม่ใช่พวกเรา ลื้อคนเดียว” เติมศักดิ์แย้ง
“อาเติม อย่าลืมกฏข้อที่ 1 ...ห้ามเถียงอั๊ว”
“หม่าม้าอย่าลืมว่า วันนั้นไอ้เซียนปลอมเข้ามาเป็นกุ๊ก เพราะฉะนั้นเขาต้องรู้อะไรหลายอย่าง”
“แต่อีรู้ลึกเกินไป”
เติมศักดิ์อ้าปากขยับจะพูด
“อั๊วบอกแล้วว่า ห้ามเถียง!...หรือว่าอีจะเล่นของ อาน้ำลื้อต้องระวังตัวให้ดี”
“โอ๊ย มันไม่กล้าทำอะไรน้ำหรอกค่ะ”
“ลื้ออย่าประมาทเป็นอันขาด” เติมศักดิ์อ้าปาก “เอาอีกแล้ว อั๊วบอกว่าไม่ให้เถียง”
“อั๊วไม่ได้เถียง อั๊วจะหาว”
“หาวตอนอั๊วพูดก็ไม่ได้”
เติมศักดิ์กำลังหาวรีบหุบทันที
“น้ำไปทำงานก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวหม่าม้าจะให้อาพิชิตตามไปส่ง”
“ตามไปเป็นภาระมากกว่าค่ะ ตัวของแกยังจะเอาไม่รอดเลย น้ำไปละค่ะ”
น้ำเพชรไหว้พ่อแม่แล้วเดินออกไป
“อั๊วให้อาหมอแม่นนั่งทางในดู”
มอมพาเซียนซ้อนมอเตอร์ไซค์มาปากซอย เด็กแว้นท์กลุ่มหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาแล้วตะโกนบอก
“พี่เซียน คืนนี้ที่เก่าเวลาเดิมนะ”
เซียนมองตามแล้วหันมาทางพรรคพวก
“ที่เก่าเวลาเดิมอะไรครับ”
“ก็ไปแว้นกับพวกมันไง”
“แว้น...”
“ไอ้เซียน เอ็งจำไม่ได้จริงๆ เรอะ”
“ผมจำทุกอย่างในชีวิตได้ เช่นผมเป็นใคร มาจากไหน”
“แล้วทำไมจำไอ้พวกแก๊งค์แว้นของเอ็งไม่ได้”
“เพราะผมคือ ...”
“ปลาใหญ่”
ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน ปลาใหญ่ในร่างเซียนมองหน้าทุกคนแล้วถอนใจยาว
“ไม่มีใครเชื่อผมอยู่ดี”
เซียนเดินเข้าไปในซอย ทุกคนมองตามพินิจพิจารณา
“หรือว่า มันจะเป็นปลาใหญ่จริงๆ”
“เราต้องพิสูจน์”
“พิสูจน์ยังไง”
“ก่อนอื่น ต้องหาอาสาสมัคร 2 คน ให้ขับรถชนกันเอง...”
“ข้าหาคนแรกได้แล้ว” ลุงป่องบอก
“ใครฮึ ลุง”
“เอ็งไง ช่างคิดดีนัก”
“ฉันเป็นคนออกไอเดีย”
กระหังและกระสือ ลงรถเมล์มาขณะที่ทั้งหมดคุยกัน
“เฮ้ย จะไปมั้ย หรือว่าจะคุยกันไม่ทำมาหากินแล้ว จะได้รู้เอาไว้”
“ไปจ้ะไป ไอ้ป๋อง ไอ้ชาย รับผู้โดยสาร 2 ท่านนี่ด่วน”
“แล้วไป จะได้ไม่ต้องไปซื้อรถเบ๊นซ์”
ทั้งคู่ขึ้นซ้อนท้ายป๋องและชายสี่ขี่ออกไป
“หน็อย จะซื้อรถเบ๊นซ์”
“ได้ยินนะเว้ย” กระสือหันมาตะโกน
“ไอ้พวกหูผีจมูกมด” ลุงป่องต่อว่า
เซียนเดินมาที่ร้านสายไหม ขณะนั้นสายพิณกำลังตักข้าวแกง หันมามอง
“ไปไหนมา พี่เซียน”
“เอ็งจะรู้ไปทำไมฮึ ไอ้พิณ” ยายปิ่นถาม
“ก็หนูอยากรู้นี่”
“คุณป้าครับ ผมอยากจะขอยืมเงินคุณป้าสัก 500 บาท แล้วผมจะใช้ให้”
“ฮั่นแน่ นึกแล้วว่ามาแผนสูง ไม่ให้โว้ย ทำเป็นคนดีมาตั้งหลายเดือนแล้วมาตลบหลังขอยืมเงิน ข้าไม่ให้เด็ดขาด ถ้าหากไม่คืนที่เคยยืมไปให้หมด”
“เท่าไหร่หรือครับ”
“ยังจะมีหน้ามาถาม 5 พันเว้ย ไปหามาใช้ข้าให้ได้ก่อน”
สายพิณเดินมาใกล้
“พี่เซียนจะเอาไปทำอะไร ตั้ง 500”
เซียนมองหน้าสายพิณด้วยสีหน้าแน่วแน่
สายพิณเดินนำเซียนมาหน้าบ้าน
“รอตรงนี้แหละ” สายพิณไขกุญแจบ้าน
“ขอบคุณมากนะครับ”
สายพิณหันกลับมา
“พิณจะพิสูจน์ดูซิว่า พี่ใช่พี่เซียนคนเดิมหรือเปล่า”
“นายเซียนเขาไม่ให้คืนหรือครับ” สายพิณพยักหน้า
“แล้วถ้าพี่เซียนยังทำแบบเดิม พิณจะไม่พูดกับพี่อีกเลยจนตลอดชีวิต”
สายพิณเปิดประตูเดินเข้าไป
“คุณสายพิณจะไปกับผมด้วยไหมล่ะครับ”
เซียนถาม สายพิณหยุดเดินหันมามองหน้าเซียนเหมือนไม่แน่ใจ
โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป