แสบสลับขั้ว ตอนที่ 12
กิมฮวยทำท่าตกใจกับสิ่งที่หมอแม่นบอก
“ไอ๊หยา อาน้ำเพชรนะเหรอไปซ่องสุมกับพวกผู้ชายพายเรือ”
“แล้วเจ๊ อย่าบอกลูกว่าฉันมาเล่าให้ฟังล่ะ เดี๋ยวจะมาโกรธฉันแย่”
“ไม่ได้การแล้ว อั้วร้อนใจจริงๆ”
กิมฮวยหยิบโทรศัพท์
“นั่นจะโทรหาใคร” หมอแม่นรีบถาม
“โทรเรียกอาน้ำเพชรกลับมาถามความจริง”
“ยังไม่ทันไรเลย จะเรียกลูกมาบอกซะแล้ว ทีหน้าที่หลังมีอะไร ฉันจะไม่เล่าให้เจ๊ฟังเด็ดขาด”
“อั้วไม่ให้เกี่ยวถึงลื้อหรอกน่า ลื้อฟังเฉยๆ”
“เอาไว้ตอนเย็นก็ได้ ฉันกลับไปก่อนวันนี้เจ๊จะดูหมอหรือเปล่า”
“ดูซิ อ้อ! หักค่าดูจากปาท่องโก๋เมื่อกี้ด้วย”
“หา ปาท่องโก๋ แบ่งครึ่งของครึ่งเนี่ยนะ”
“เออะ ของมันต้องซื้อต้องหาทั้งนั้น”
หมอแม่นเซ็งสุดขีดกับความเค็มของกิมฮวย
ขณะนั้นกลุ่มของลุงป่องยังสุมหัวนินทาหมอแม่นอยู่ เมื่อหมอแม่นเดินตรงมาสายพิณจึงรีบบอก
“จุ๊ๆ มาแล้ว! มาแล้ว”
ทุกคนรีบกระจายกลับที่เดิมทันที
“วันนี้มีอะไรกินบ้าง” ทุกคนเงียบ ตามองหมอแม่นอยากรู้อยากเห็น หมอแม่นเดินเข้ามานั่ง “มองหน้าฉันทำไม ฉันถามว่ามีอะไรกินบ้าง”
“อ๋อ หลายอย่างจ๊ะยาย...ไข่พะโล้...พะแนงไก่...”
“เออ...เอานั่นแหละ ไข่พะโล้กับพะแนง”
ทุกคนคอยเหลือบๆ แลๆ มองหมอแม่น สายพิณตักข้าวใส่จานพร้อมไข่พะโล้กับพะแนง เดินมาวางให้หมอแม่น โดยตามองหมอแม่นอย่างพินิจพิเคราะห์ตลอด
“อะไรของเอ็งวะ ไอ้พิณอยู่ดีๆ ก็มาจ้องหน้าจ้องตาข้าตลอด”
สายพิณทรุดตัวลงนั่ง
“ยาย...ฉันถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ไอ้พิณ” ทุกคนเรียกสายพิณพร้อมกัน
“ไอ้พิณ องค์สมเด็จพระสัมมา...”
“ยายมีกิ๊กเรอะ”
ความเงียบเข้าปกคลุมทันที
“ใครบอกเอ็ง” หมอแม่นย้อนถาม
“มีคนเขาเห็นผ้าขาวม้าที่บ้านยาย แถมตอนกลางคืนยังเห็นผู้ชายปีนเข้าไปในบ้าน”
ความเงียบเข้าปกคลุมอีก
“เออ”
“นี่แหละหนา เขาถึงว่ากิเลสตัณหามันไม่เข้าใครออกใคร”
หมอแม่นนั่งกินข้าวโดยไม่สนใจใครอีก คนในที่นั้นพากันซุบซิบนินทาเบาๆ
ลูกค้าของยายปิ่นเริ่มทะยอยกันออกจากร้าน สายพิณจึงค่อยๆ เลี่ยงออกไป
“สายพิณจะไปไหน พี่ไปส่งให้”
มอมถามเมื่อเดินมาที่มอเตอร์ไซค์
“ไปส้วม”
สายพิณเดินไป ชายสี่ ลุงป่องและป๋อง ช่วยกันตบไหล่มอมปลอบใจ
สายพิณเดินมาถึงบริเวณทางแยกแล้วหยุดเหลียวซ้ายแลขวาแล้วเดินเข้าไปทางบ้านหมอแม่นอย่างรวดเร็ว
สายพิณค่อยๆ ย่องไปที่บริเวณใกล้ๆ บ้านหมอแม่นที่สุดแล้วอ้อมไปทางด้านหลัง ขณะนั้นหน้าต่างด้านหลังบ้านหมอแม่นค่อยๆ แง้มเปิดออก สายพิณจ้องเขม็งอยู่มุมหนึ่งจึงเห็นเอ็กซ์ยื่นหน้าออกมามองซ้ายมองขวา สายพิณล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วถ่ายรูปเอ็กซ์เก็บไว้
เอ็กซ์กระโดดออกมาทั้งตัว แล้วลัดเลาะไปด้านหลังซอย สายพิณกดมือถือดูรูป
เซียนเดินออกมาจากบ้านแล้วปิดประตูบ้าน ขณะนั้นสายพิณเดินแกมวิ่งเข้ามา
“ปลาใหญ่”
“อะไร”
“ฉันมีอะไรให้ดู”
“ฉันไม่มีเวลา ต้องรีบไปธุระกับคุณครรชิต”
“ดูก่อนเถอะน่า”
“บอกว่าไม่มีเวลา”
เซียนเดินออกไป สายพิณยื่นขาออกไปขวางทันทีทำให้เซียนสะดุดหกล้ม
“โอ๊ย...เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“ฉันบอกแล้วว่าให้ดูรูปที่ฉันอุตส่าห์ไปถ่ายมาก่อน”
“ไม่” เซียนลุกขึ้นจะเดินออกไป
“ลองเดินไปซิ ฉันจะตะโกนบอกว่านายปล้ำฉัน” เซียนสะดุ้ง
“อย่านะ ยัยรู้ด”
“งั้นก็เข้าไปในบ้าน”
“ฉันไม่ไว้ใจเธอ”
“โฮ้ย ยังกับฉันพิศวาสนายนักนี่ กลับเข้าไป” เซียนลังเล “จะเข้าหรือไม่เข้า”
เซียนจำต้องเดินกลับเข้าบ้าน สายพิณเดินตามเข้าไป
พอเข้ามาในบ้านเซียนมองสายพิณอย่างระมัดระวัง
“ไหน จะให้ฉันดูอะไร”
“โทรตามลุงคันมาอีกคน”
“โอ๊ย เรื่องเยอะนักนะเราน่ะ”
“นายจะได้ไม่กลัวว่าฉันจ้องจะปล้ำนายไง โทรซิ”
“เขากำลังมา”
สายพิณยื่นโทรศัพท์ให้เซียนดู เซียนเห็นรูปเอ็กซ์แล้วสะดุ้ง
“นายเอ็กซ์นี่ เธอไปถ่ายมาจากที่ไหน”
“บ้านยายแม่น”
“เขาไปทำอะไรที่นั่น”
“คนเดียวที่จะรู้ก็คือ ยายแม่นนั่นแหละ”
“คุณปลาใหญ่ คุณปลาใหญ่ครับ” เสียงครรชิตตะโกนเรียก
“คุณครรชิตมาแล้ว”
เซียนและสายพิณเดินออกมาจากในบ้าน ครรชิตเห็นถึงกับชะงักมองท่าทีทั้งสองงงๆ ปนระแวง
“คุณปลาใหญ่...สายพิณ”
“มองยังกับฉันไปทำมิดีมิร้ายปลาใหญ่แน่ะ”
“แล้วมันเรื่องอะไร ถึงได้ไปอยู่กับคุณปลาใหญ่ในบ้าน”
“มีหึงด้วยแฮะ” ครรชิตและเซียนสะดุ้งเฮือก “ไม่ต้องหึง ฉันเอารูปนี่มาให้ดู เอ้า”
สายพิณกดโทรศัพท์ส่งให้ครรชิตดูรูป
“เจ้าเอ็กซ์”
“ก็ใช่น่ะซิ”
ครรชิตมองสบตาเซียนอย่างแปลกใจ
ที่บ้านปลาใหญ่ ขณะนั้นสมศรียกถาดไข่ดาวและไส้กรอก แฮมมาวางให้กลุ่มเกริกก้อง ส่วนสมทรงเดินเข้ามาพร้อมถาดวางจานข้าวผัดอเมริกันตรงหน้าปลาใหญ่ เกริกก้อง จันทร์ทิพย์มองที่จานข้าวปลาใหญ่แล้วมองหน้าสมทรง
สมทรงยิ้มนิดๆ อย่างมีเลศนัยแล้วเดินไป
“เดี๋ยวก่อน สมทรง” สมทรงหยุด หันมามอง ปลาใหญ่เลื่อนจานข้าวผัดออกไป “ฉันยกให้”
“อ้าว” เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ สมทรงพูดออกมาพร้อมกัน
“พูดพร้อมกันเลย”
“ทำไมไม่ทานล่ะจ้ะ น่ากินออก สมทรงเขาทำสุดฝีมือเลยใช่ไหม”
“ค่ะ...สุดฝีมือ”
“คุณอาจันทร์อยากกินก็เอาไปเลย ผมยกให้”
“อุ๊ย ไม่เอาหรอกจ้ะ ตอนเช้าอาไม่รับประทานหนักๆ”
“งั้นใครจะกินก็กิน สมทรงวันนี้ ฉันอยากกินไข่ดาวไส้กรอกเอาไข่ดาว 5 ฟองเลย”
“เอาของผมไปก่อนมั้ยคุณปลาใหญ่ ผมอยากทานข้าวผัดของคุณ” ปกรณ์บอก จันทร์ทิพย์ตกใจรีบห้าม
“ไม่ได้นะ”
ปลาใหญ่ ปกรณ์และรัญญามองหน้าจันทร์ทิพย์อย่างประหลาดใจ
“เอะอะไปได้ จันทร์ละก็” เกริกก้องบอก
“ขอโทษค่ะ”
ปกรณ์จัดการเลื่อนจานอาหารของตนให้ปลาใหญ่อย่างเอาใจ แล้วยกจานข้าวผัดมา จันทร์ทิพย์มองด้วยสีหน้ากลุ้มใจเต็มที่
“สมทรง ไปทอดไข่ดาวเพิ่มให้คุณปลาใหญ่อีก 3 ฟองไป๊”
“ค่ะ”
จันทร์ทิพย์ตัดสินใจลุกขึ้น ชะโงกมาที่ปกรณ์
“ขอแบ่งมั่ง”
“อยากกินก็ไม่บอก”
ปกรณ์ส่งข้าวผัดให้จันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์ทำเป็นมือลื่นทำจานข้าวตก ข้าวกระจาย
“ว้าย”
“ซุ่มซ่าม” เกริกก้องต่อว่า
“ขอโทษนะจ้ะ พี่กรณ์ สมศรี มาเก็บกวาดให้หมด แล้วทอดไข่ดาวไส้กรอกมาให้คุณกรณ์อีกจาน”
“ผมไม่เอาแล้ว เชิญทุกคนตามสบาย เดี๋ยวผมไปหากินข้าวข้างนอก”
ปลาใหญ่บอกแล้วลุกเดินออกไป
“น้าจันทร์ทำเหมือนกับจานข้าวผัดนี่มียาพิษยังงั้นแหละ”
รัญญาบอก จันทร์ทิพย์อึ้งหันไปสบตากับเกริกก้อง เกริกก้องถึงกับสะดุ้ง
“หมายความว่า”
“ใช่ คราวหน้าคราวหลัง พี่ไม่ต้องเอาอกเอาใจมัน ขนาดจะกินยาพิษแทนก็ได้” จันทร์ทิพย์ต่อว่าปกรณ์
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ”
“งั้นก็รู้เอาไว้ซะ เสียฤกษ์หมดเลย”
จันทร์ทิพย์ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
ปลาใหญ่เดินมาที่รถเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลาใหญ่หยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับ
“ว่าไง”
“ฉันรออยู่ที่ร้านกาแฟหน้าออฟฟิศ” เซียนบอก
“ฉันยังไม่ได้ออกจากบ้าน”
“ฉันรอได้”
“อย่ารอเลย เพราะฉันอาจจะไม่ไป”
“ตามใจ ฉันจะได้กินกาแฟกับน้ำเพชรสองคน เมื่อกี้โทรไปนัดแล้ว”
ปลาใหญ่สะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย อย่านะเว้ย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ปลาใหญ่รีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว เซียนยิ้มนิดๆ แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม
“ตกลงมามั้ยครับ” ครรชิตถาม
“มีหรือไม่มา”
เกริกก้องดินตรงมาที่ห้องทำงานโดยมีพนักงานถือของตามมาส่ง อรผกาเลขาของจันทร์ทิพย์รีบลุกเดินมารับของจากพนักงานแล้วไหว้เกริกก้องอย่างอ่อนน้อม
“ทำไม ...”
เกริกก้องถามเสียงเรียบ
“คุณจันทร์ทิพย์ย้ายผกาให้มาเป็นเลขาท่านรองฯ แทนอลิสาค่ะ ส่วนอลิสาก็ไปเป็นเลขาคุณจันทร์ทิพย์แทน”
“ทีหลังให้ฉันถามให้จบเสียก่อนค่อยตอบ ฉันไม่ชอบพวกแจ๋น”
เกริกก้องบอกอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าห้องไป
“ค่ะ...ท่านรองฯ ไม่ชอบคนแจ๋น”
อรผการีบเดินตามเกริกก้องก้องเข้าไปในห้อง
ส่วนที่ห้องทำงานจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์กำลังเดินวนรอบตัวอลิสาและมองเธอหัวจรดเท้า อลิสายืนก้มหน้านิ่งด้วยความหวาดกลัว เมื่อเดินวนครบสามรอบจันทร์ทิพย์จึงหยุดยืนตรงหน้า อลิสาก้มหน้างุดยิ่งขึ้น
“ฉันไม่ไล่เธอออกก็เป็นบุญแล้ว”
“ค่ะ...ห้ามตะแร้ดแต๊ดแต๋ค่ะ โดยเฉพาะอย่าเข้าใกล้ผัวของฉันเกิน 200 เมตร”
อลิสาเงยหน้าขึ้นสบตาจันทร์ทิพย์ขณะพูด จันทร์ทิพย์จิกหัวอลิสา
“เวลาฉันพูด ...ฉันใช้คำว่าผัวของฉัน แต่เวลาแกพูดต้องพูดว่า “สามีของท่านจันทร์ทิพย์” เพราะคุณก้องคือสามีของฉัน ไม่ใช่ของแก”
อลิสานิ่วหน้าเจ็บ
“ค่ะ รับทราบค่ะ”
“ดี รับทราบแล้วต้องปฏิบัติตามด้วย”
“ค่ะ”
ขณะนั้นเออร์กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าห้องปลาใหญ่ ปลาใหญ่เดินเข้ามามองไปที่โต๊ะน้ำเพชรซึ่งว่างเปล่า
“เออร์ซูล่า”
“คะ... คุณน้ำเพชรสั่งให้บอกว่า จะไปกินกาแฟหน้าบริษัทค่ะ”
ปลาใหญ่ทำหน้าสุดเซ็ง แล้วเดินย้อนไปที่ลิฟท์ เออร์ก้มหน้าก้มตากวาดถูต่อ
ปลาใหญ่เดินเข้ามาในร้านกาแฟหน้าบริษัทกวาดตามองไปที่โต๊ะมุมหนึ่งซึ่งเซียน น้ำเพชร ครรชิต นั่งกินกันไปคุยกันไป โดยน้ำเพชรกำลังตัดแบ่งขนมเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เซียนด้วยสีหน้าแววตาอิ่มเอมปลาใหญ่ขบกรามแน่น
“หน็อยแน่ะ ไอ้ปลาใหญ่” ปลาใหญ่ระงับอารมณ์โกรธแล้วเดินยียวนมาทรุดตัวลงนั่ง “สวัสดีทุกๆ คน อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันดีนี่”
“ยัง... ยังขาดสายพิณแฟนนาย”
น้ำเพชรยิ้มทำให้ปลาใหญ่ฉุนยิ่งขึ้น
“สายพิณไม่ใช่แฟนฉัน”
เซียนสบตาปลาใหญ่แล้วยิ้มเยาะในหน้า
“สายพิณเขาประกาศไปทั่วชุมชนแล้วไม่ใช่เรอะ”
“ประกาศก็ประกาศไป แต่ฉันยืนยันว่าไม่ใช่ละกัน”
“นับว่านายเป็นสุภาพบุรุษมาก เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
“รู้นะว่าประชด” ปลาใหญ่ส่ายนิ้วไปมาขณะพูด “...ที่จริง คุณเป็นเลขาผม สมควรจะมาปรนนิบัติตัดขนมให้ผมกินมากกว่า”
“เคยบอกแล้วไม่ใช่เรอะว่า ต่อให้นายเข้าไปสิงใคร สูงส่งศักดิ์ศรีมีออร่าขนาดไหน คนๆ นั้นก็นับวันแต่จะดูหมองคล้ำตกต่ำทุกวัน ผิดกับคุณปลาใหญ่ ขนาดถูกถีบเข้าร่างทุเรศของนาย ยังทำให้นายดูหล่อ มีสง่าราศีขึ้นตั้งเยอะ”
เซียนชูด้วยกาแฟขึ้นตรงหน้าให้ปลาใหญ่แล้วจิบ ปลาใหญ่ขบกรามแน่น
“หนูน้ำบรรยายได้ชัดเจนแจ่มแจ๋วดีมาก”
“อยากกินอะไรก็สั่งเอง ฉันไม่ใช่ลูกน้องนาย”
เซียนเอนตัวพิงพนัก
“รู้ไหม ฉันชักจะชอบอยู่ในร่างนายแล้วละซิ ถึงจะอ้วนไปนิดแต่ก็หล่อ เข้าฟิตเนสอีกนิดหน่อยรับรองเป็นพระเอกได้สบายที่สำคัญ คุณน้ำเพชรได้พิสูจน์แล้วว่าชอบที่จิตวิญญาณของฉันไม่ใช่สิ่งภายนอก”
ปลาใหญ่ลุกขึ้นกำหมัดทุบหมัดตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วเดินออกไป
ปลาใหญ่เดินออกมานอกร้านแล้วเดินกลับไปกลับมาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน เหมือนคนบ้า ผู้คนผ่านไปมาในบริเวณนั้นมองอย่างแปลกใจแล้วรีบออกห่างเมื่อปลาใหญ่เข้าใกล้ ครรชิตเดินออกจากร้าน มองปลาใหญ่พลางส่ายหน้า
“นายเซียนเอ๊ย...นายเซียน”
ปลาใหญ่ชูมือขึ้นแล้วตะโกนสุดเสียง
“ทนไม่ไหวแล้ว ...ว...ว”
ผู้คนในบริเวณแตกฮือ
“เฮ้ย” ครรชิตตกใจเดินมาหาเซียน “นายเซียน ไม่อายเค้าเรอะ”
ครรชิตลากแขนปลาใหญ่ไปขณะพูด แต่ปลาใหญ่สะบัดแขนหลุด
“ไม่อาย ไอ้ปลาใหญ่น่ะซิต้องอาย”
“ใจเย็นๆ ฉันจะพาไปสงบสติอารมณ์”
“ไม่ ผมจะแก้ผ้าเต้นประจานไอ้ปลาใหญ่” ปลาใหญ่ถอดเสื้อนอกเหวี่ยงทิ้ง “ทุกคนดูอะไรนี่”
“เฮ้ย...เฮ้ย...เฮ้ย...อย่า”
ปลาใหญ่เหวี่ยงเนคไททิ้งแล้วแกะกระดุมเสื้อ
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ปลาใหญ่หยุดทันทีแล้วหันไปทางเสียง จึงเห็นน้ำเพชรยืนกอดอก สีหน้าแววตานิ่งสนิทแต่เอาเรื่องในที ปลาใหญ่หน้าจ๋อยลงทันที
“คุณน้ำเพชร”
“ไปกับคุณลุงครรชิต” ปลาใหญ่กลืนน้ำลาย “ไปซิ ยังยืนทื่อทึ่มอยู่อีก บอกให้ไปไงล่ะ”
น้ำเพชรตวาด ครรชิตแตะแขนปลาใหญ่ ปลาใหญ่มองน้ำเพชรอย่างน้อยใจแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย น้ำเพชรมองตามแล้วถอนใจโล่ง พลางเดินกลับเข้าข้างใน
เซียนมองน้ำเพชรอย่างครุ่นคิด ขณะที่น้ำเพชรทรุดตัวลงนั่ง
“ไปแล้วค่ะ”
“คุณมีอิทธิพลต่อผู้ชายคนนั้นมาก” น้ำเพชรเสยกกาแฟขึ้นจิบ ด้วยไม่รู้จะพูดอะไร “นายเซียนไม่เคยกลัวใคร ...ไม่เคยฟังใคร...พร้อมจะอาละวาดทุกเมื่อยกเว้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ”
“เขากลัวน้ำตบน่ะค่ะ”
“ผมไม่เคยคิดว่า ความรักจะมีอิทธิพลกับใครได้ขนาดนี้จนกระทั่งมาพบคุณกับนายเซียน”
“กรุณาอย่าเอาน้ำไปเข้าคู่กับผู้ชายคนนั้น”
เซียนขยับตัว ชะโงกมาหยุดที่หน้าน้ำเพชรแล้วทำสีหน้าจริงจัง
“คุณน้ำ”
“คะ”
“สัญญากับผมได้ไหม” น้ำเพชรมองเซียนลังเล “ถ้าผมกับนายเซียนไม่สามารถสลับร่างกลับไปเป็นคนเดิมได้...”
“อย่าพูดอย่างนั้นซิคะ น้ำมั่นใจว่า...”
“เราต้องยอมรับความจริงว่า มันเป็นไปได้ยากมาก หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย” น้ำเพชรน้ำตาหยด “สัญญากับผมว่าคุณจะแต่งงานกับนายเซียน เพื่อช่วยกันรักษาธุรกิจและทรัพย์สมบัติของมหาทรัพย์เอาไว้”
“คุณปลาใหญ่”
“ฟังผมก่อน ที่ผมกล้าให้คุณสัญญาเพราะคุณเป็นคนฉลาดถึงแม้จะไม่เท่าผม แต่คุณเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมนายเซียนให้อยู่กับร่องกับรอยได้ ส่วนผมจะคอยให้คำปรึกษา...”
น้ำเพชรน้ำตาไหลพราก
“แค่นั้นหรือคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณคิดมันเป็นธุรกิจหมด ไม่มีเรื่องอื่นเลย”
“ต้องยอมรับว่าใช่ เพราะผมต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งที่คุณพ่อผมสร้างไว้ผมจะยอมเสียมันไปไม่ได้...”
“แล้วถ้าสมคบกับนายเซียนโกงคุณล่ะคะ”
“ผมรู้จักคุณดีกว่าที่คุณคิด อีกอย่างเราจะทำสัญญากัน”
น้ำเพชรทนฟังต่อไปไม่ไหว เดินแกมวิ่งออกไป เซียนมองตามงงๆ
“อะไรอีกล่ะ อยู่ดีๆ ก็รีบออกไป”
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
เกริกก้องดินตรงมาที่ห้องทำงานโดยมีพนักงานถือของตามมาส่ง อรผกาเลขาของจันทร์ทิพย์รีบลุกเดินมารับของจากพนักงานแล้วไหว้เกริกก้องอย่างอ่อนน้อม
“ทำไม ...”
เกริกก้องถามเสียงเรียบ
“คุณจันทร์ทิพย์ย้ายผกาให้มาเป็นเลขาท่านรองฯ แทนอลิสาค่ะ ส่วนอลิสาก็ไปเป็นเลขาคุณจันทร์ทิพย์แทน”
“ทีหลังให้ฉันถามให้จบเสียก่อนค่อยตอบ ฉันไม่ชอบพวกแจ๋น”
เกริกก้องบอกอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าห้องไป
“ค่ะ...ท่านรองฯ ไม่ชอบคนแจ๋น”
อรผการีบเดินตามเกริกก้องก้องเข้าไปในห้อง
ส่วนที่ห้องทำงานจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์กำลังเดินวนรอบตัวอลิสาและมองเธอหัวจรดเท้า อลิสายืนก้มหน้านิ่งด้วยความหวาดกลัว เมื่อเดินวนครบสามรอบจันทร์ทิพย์จึงหยุดยืนตรงหน้า อลิสาก้มหน้างุดยิ่งขึ้น
“ฉันไม่ไล่เธอออกก็เป็นบุญแล้ว”
“ค่ะ...ห้ามตะแร้ดแต๊ดแต๋ค่ะ โดยเฉพาะอย่าเข้าใกล้ผัวของฉันเกิน 200 เมตร”
อลิสาเงยหน้าขึ้นสบตาจันทร์ทิพย์ขณะพูด จันทร์ทิพย์จิกหัวอลิสา
“เวลาฉันพูด ...ฉันใช้คำว่าผัวของฉัน แต่เวลาแกพูดต้องพูดว่า “สามีของท่านจันทร์ทิพย์” เพราะคุณก้องคือสามีของฉัน ไม่ใช่ของแก”
อลิสานิ่วหน้าเจ็บ
“ค่ะ รับทราบค่ะ”
“ดี รับทราบแล้วต้องปฏิบัติตามด้วย”
“ค่ะ”
ขณะนั้นเออร์กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าห้องปลาใหญ่ ปลาใหญ่เดินเข้ามามองไปที่โต๊ะน้ำเพชรซึ่งว่างเปล่า
“เออร์ซูล่า”
“คะ... คุณน้ำเพชรสั่งให้บอกว่า จะไปกินกาแฟหน้าบริษัทค่ะ”
ปลาใหญ่ทำหน้าสุดเซ็ง แล้วเดินย้อนไปที่ลิฟท์ เออร์ก้มหน้าก้มตากวาดถูต่อ
ปลาใหญ่เดินเข้ามาในร้านกาแฟหน้าบริษัทกวาดตามองไปที่โต๊ะมุมหนึ่งซึ่งเซียน น้ำเพชร ครรชิต นั่งกินกันไปคุยกันไป โดยน้ำเพชรกำลังตัดแบ่งขนมเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เซียนด้วยสีหน้าแววตาอิ่มเอมปลาใหญ่ขบกรามแน่น
“หน็อยแน่ะ ไอ้ปลาใหญ่” ปลาใหญ่ระงับอารมณ์โกรธแล้วเดินยียวนมาทรุดตัวลงนั่ง “สวัสดีทุกๆ คน อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันดีนี่”
“ยัง... ยังขาดสายพิณแฟนนาย”
น้ำเพชรยิ้มทำให้ปลาใหญ่ฉุนยิ่งขึ้น
“สายพิณไม่ใช่แฟนฉัน”
เซียนสบตาปลาใหญ่แล้วยิ้มเยาะในหน้า
“สายพิณเขาประกาศไปทั่วชุมชนแล้วไม่ใช่เรอะ”
“ประกาศก็ประกาศไป แต่ฉันยืนยันว่าไม่ใช่ละกัน”
“นับว่านายเป็นสุภาพบุรุษมาก เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
“รู้นะว่าประชด” ปลาใหญ่ส่ายนิ้วไปมาขณะพูด “...ที่จริง คุณเป็นเลขาผม สมควรจะมาปรนนิบัติตัดขนมให้ผมกินมากกว่า”
“เคยบอกแล้วไม่ใช่เรอะว่า ต่อให้นายเข้าไปสิงใคร สูงส่งศักดิ์ศรีมีออร่าขนาดไหน คนๆ นั้นก็นับวันแต่จะดูหมองคล้ำตกต่ำทุกวัน ผิดกับคุณปลาใหญ่ ขนาดถูกถีบเข้าร่างทุเรศของนาย ยังทำให้นายดูหล่อ มีสง่าราศีขึ้นตั้งเยอะ”
เซียนชูด้วยกาแฟขึ้นตรงหน้าให้ปลาใหญ่แล้วจิบ ปลาใหญ่ขบกรามแน่น
“หนูน้ำบรรยายได้ชัดเจนแจ่มแจ๋วดีมาก”
“อยากกินอะไรก็สั่งเอง ฉันไม่ใช่ลูกน้องนาย”
เซียนเอนตัวพิงพนัก
“รู้ไหม ฉันชักจะชอบอยู่ในร่างนายแล้วละซิ ถึงจะอ้วนไปนิดแต่ก็หล่อ เข้าฟิตเนสอีกนิดหน่อยรับรองเป็นพระเอกได้สบายที่สำคัญ คุณน้ำเพชรได้พิสูจน์แล้วว่าชอบที่จิตวิญญาณของฉันไม่ใช่สิ่งภายนอก”
ปลาใหญ่ลุกขึ้นกำหมัดทุบหมัดตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วเดินออกไป
ปลาใหญ่เดินออกมานอกร้านแล้วเดินกลับไปกลับมาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน เหมือนคนบ้า ผู้คนผ่านไปมาในบริเวณนั้นมองอย่างแปลกใจแล้วรีบออกห่างเมื่อปลาใหญ่เข้าใกล้ ครรชิตเดินออกจากร้าน มองปลาใหญ่พลางส่ายหน้า
“นายเซียนเอ๊ย...นายเซียน”
ปลาใหญ่ชูมือขึ้นแล้วตะโกนสุดเสียง
“ทนไม่ไหวแล้ว ...ว...ว”
ผู้คนในบริเวณแตกฮือ
“เฮ้ย” ครรชิตตกใจเดินมาหาเซียน “นายเซียน ไม่อายเค้าเรอะ”
ครรชิตลากแขนปลาใหญ่ไปขณะพูด แต่ปลาใหญ่สะบัดแขนหลุด
“ไม่อาย ไอ้ปลาใหญ่น่ะซิต้องอาย”
“ใจเย็นๆ ฉันจะพาไปสงบสติอารมณ์”
“ไม่ ผมจะแก้ผ้าเต้นประจานไอ้ปลาใหญ่” ปลาใหญ่ถอดเสื้อนอกเหวี่ยงทิ้ง “ทุกคนดูอะไรนี่”
“เฮ้ย...เฮ้ย...เฮ้ย...อย่า”
ปลาใหญ่เหวี่ยงเนคไททิ้งแล้วแกะกระดุมเสื้อ
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ปลาใหญ่หยุดทันทีแล้วหันไปทางเสียง จึงเห็นน้ำเพชรยืนกอดอก สีหน้าแววตานิ่งสนิทแต่เอาเรื่องในที ปลาใหญ่หน้าจ๋อยลงทันที
“คุณน้ำเพชร”
“ไปกับคุณลุงครรชิต” ปลาใหญ่กลืนน้ำลาย “ไปซิ ยังยืนทื่อทึ่มอยู่อีก บอกให้ไปไงล่ะ”
น้ำเพชรตวาด ครรชิตแตะแขนปลาใหญ่ ปลาใหญ่มองน้ำเพชรอย่างน้อยใจแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย
น้ำเพชรมองตามแล้วถอนใจโล่ง พลางเดินกลับเข้าข้างใน
เซียนมองน้ำเพชรอย่างครุ่นคิด ขณะที่น้ำเพชรทรุดตัวลงนั่ง
“ไปแล้วค่ะ”
“คุณมีอิทธิพลต่อผู้ชายคนนั้นมาก” น้ำเพชรเสยกกาแฟขึ้นจิบ ด้วยไม่รู้จะพูดอะไร “นายเซียนไม่เคยกลัวใคร ...ไม่เคยฟังใคร...พร้อมจะอาละวาดทุกเมื่อยกเว้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ”
“เขากลัวน้ำตบน่ะค่ะ”
“ผมไม่เคยคิดว่า ความรักจะมีอิทธิพลกับใครได้ขนาดนี้จนกระทั่งมาพบคุณกับนายเซียน”
“กรุณาอย่าเอาน้ำไปเข้าคู่กับผู้ชายคนนั้น”
เซียนขยับตัว ชะโงกมาหยุดที่หน้าน้ำเพชรแล้วทำสีหน้าจริงจัง
“คุณน้ำ”
“คะ”
“สัญญากับผมได้ไหม” น้ำเพชรมองเซียนลังเล “ถ้าผมกับนายเซียนไม่สามารถสลับร่างกลับไปเป็นคนเดิมได้...”
“อย่าพูดอย่างนั้นซิคะ น้ำมั่นใจว่า...”
“เราต้องยอมรับความจริงว่า มันเป็นไปได้ยากมาก หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย” น้ำเพชรน้ำตาหยด “สัญญากับผมว่าคุณจะแต่งงานกับนายเซียน เพื่อช่วยกันรักษาธุรกิจและทรัพย์สมบัติของมหาทรัพย์เอาไว้”
“คุณปลาใหญ่”
“ฟังผมก่อน ที่ผมกล้าให้คุณสัญญาเพราะคุณเป็นคนฉลาดถึงแม้จะไม่เท่าผม แต่คุณเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมนายเซียนให้อยู่กับร่องกับรอยได้ ส่วนผมจะคอยให้คำปรึกษา...”
น้ำเพชรน้ำตาไหลพราก
“แค่นั้นหรือคะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณคิดมันเป็นธุรกิจหมด ไม่มีเรื่องอื่นเลย”
“ต้องยอมรับว่าใช่ เพราะผมต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งที่คุณพ่อผมสร้างไว้ผมจะยอมเสียมันไปไม่ได้...”
“แล้วถ้าสมคบกับนายเซียนโกงคุณล่ะคะ”
“ผมรู้จักคุณดีกว่าที่คุณคิด อีกอย่างเราจะทำสัญญากัน”
น้ำเพชรทนฟังต่อไปไม่ไหว เดินแกมวิ่งออกไป เซียนมองตามงงๆ
“อะไรอีกล่ะ อยู่ดีๆ ก็รีบออกไป”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ร้านของยายปิ่นกับสายไหม สายพิณต้องวิ่งช่วยทางโน้นทีทางนี้ที ขณะที่หมอแม่น กระสือ กระหังนั่งกินข้าวแกงและคุยเช่นเดียวกับชาวบ้านอื่นๆ มอมขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีครรชิตซ้อน และป๋องขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีปลาใหญ่ซ้อนโดยคอยหลบหลีกชาวบ้านผ่านบริเวณนั้นไป สายพิณซึ่งกำลังตักข้าวแกงขาย มองเห็นพอดี สายพิณถือกระบวยตักแกงค้างขณะมองตามไป
“พิณ มัวเงื้อง่าหาอะไรฮึ ป้าหิวจนจะกินไส้คนได้อยู่แล้ว”
“ขอโทษจ้ะ ป้า”
สายพิณตักแกงและกับข้าวอีกอย่างให้กระสือ แต่ตายังคอยมองตามมอเตอร์ไซค์ที่สี่คนนั่งผ่านไป
มอมกับป๋องขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งปลาใหญ่และครรชิตที่บ้านลุงป่อง
“มีอะไรหรือเปล่าวะเซียน หน้าตาเครียดๆ”
มอมถามเมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของปลาใหญ่
“เฮ้ย ปรึกษาได้นะเพื่อน”
“ยังไม่หนักหนาถึงขนาดต้องปรึกษาพวกนายหรอก เรื่องนี้แค่ฉันก็พอรับไหว...ไปทำมาหากินต่อกันเถอะ”
“งั้นถ้าไม่ไหวโทร.ตามนะ”
“ป๋องด้วย ป๋องช่วยได้”
“ขอบใจ พวกนายมีน้ำใจแล้วก็เก่งมากด้วย”
มอมกับป๋องเขินๆ กับคำยอ ครรชิตดึงปลาใหญ่เข้าบ้านไป
พอเข้ามาในบ้านครรชิตรีบเปิดพัดลมทันที
“โอ้ย ร้อนอบอ้าว”
“พวกคุณต้องการอะไร”
“ฟังให้ดีนะ ฟังจบแล้วนายจะทำหรือไม่ทำก็ลองพิจารณาเอาเอง”
“เปิดหน้าต่างหน่อยซิ”
“ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้ผิดสังเกต”
“งั้นมีอะไรก็รีบพูดเร็วๆ จะได้ออกไปเสียที”
น้ำเพชรกลับเข้าบริษัท เธอยกมือลูบหน้าแล้วพยายามตั้งสมาธิ สลัดความเจ็บใจ น้อยใจให้หมดไป เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น น้ำเพชรหยิบทิชชูเช็ดหัวตาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“ห้องคุณปลาใหญ่ค่ะ”
“ทำไมรับช้านักล่ะจ้ะ มัวไปเถลไถลที่ไหนมา”
อรผกาถามอย่างไม่พอใจ
“ตามคุณปลาใหญ่ไปพบลูกค้า ท่านให้ฉันกลับมาก่อน ส่วนตัวท่านไปตีกอล์ฟกับลูกค้าต่อ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่มีใครรู้”
“คุณปลาใหญ่น่ะเป็นประธานบริษัทนะคะ ท่านจะทำอะไรก็ไม่จำเป็นจะต้องบอกให้ใครรู้” น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง ถอนใจยาว “ไม่รู้ว่าจะทนทำงานที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน”
อรผการายงานเกริกก้องเรื่องที่ปลาใหญ่ไปตีกอล์ฟ เกริกก้องจึงยิ้มเยาะออกมา
“ตีกอล์ฟ น้ำหน้าอย่างมันน่ะเรอะไปตีกอล์ฟ” อรผกามีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ไม่พูดอะไร “แล้วมันบอกหรือเปล่าว่าเมื่อไหร่จะกลับ”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“ไปได้”
“ค่ะ”
อรผกาเดินออกไป เกริกก้องมองตามเซ็งๆ
“มีแต่เรื่องเครียดๆ แถมเลขายังไม่มีอะไรเจริญตาเจริญใจอีก”
ส่วนที่บ้านลุงป่อง ปลาใหญ่นั่งนิ่งดวงตาเหมือนจะมองทะลุผ่านครรชิตออกไปด้วยความรู้สึกเหมือนจะงงงัน
“นายคิดว่ายังไง”
“แล้วคุณน้ำเพชรว่ายังไง”
“ยังไม่รู้ ...คุณปลาใหญ่กำลังคุยอยู่”
“ผมว่าเขาไม่ตกลง”
“ก็ถ้าตกลงล่ะ”
“ผมก็ตกลงอยู่แล้ว ... ได้แต่งงานกับคุณน้ำเพชรแล้วมีกินมีใช้ตลอดชีวิตถึงจะเป็นในนามคนอื่น มันเป็นเรื่อง
เกินฝันอยู่แล้ว”
ประตูถูกถีบโครมแล้วสายพิณเข้ามายืนจังก้า หน้าตาถมึงทึงราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทุเรศที่สุด”
“สายพิณ”
“ฉันนึกแล้วว่าต้องมีลับลมคมในถึงได้ตามมาแอบฟัง ถามจริง ใครเป็นคนต้นคิด ไอ้ปลากระป๋องล่ะซีท่า”
“ใจเย็นๆ”
“อย่ายอมทำตามมันเด็ดขาดเชียวนะ พี่เซียน” สายพิณชี้หน้าปลาใหญ่ ปลาใหญ่นิ่งไป “พี่เซียน นี่มันทุเรศที่สุดเลยนะ อย่ายอมให้ไอ้พวกเศษผีมันหลอกใช้”
“ไม่มีใครหลอกใครแน่นอน ทั้งหนูน้ำเพชรทั้งเซียนรู้ความจริงทั้งหมด จะรับหรือไม่รับก็ไม่มีใครบังคับโดยเฉพาะหนูน้ำเขาก็ไม่ได้ยากจนอะไร...”
“แต่พี่เซียนจน...จนมาก”
“ผมขอเวลาคิดสัก 2-3 วันได้ไหม”
“ตามสบาย”
“ปฏิเสธไปเลย ไม่ต้องเก็บมาคิดแล้ว เรื่องบ้าๆ พรรค์นี้”
“ผมกลับก่อนละ พี่ไปนะพิณ”
ปลาใหญ่เดินออกไป สายพิณรีบตาม
สายพิณรีบเดินมาขวางทางปลาใหญ่เอาไว้
“ทำไมพี่เซียนไม่ปฏิเสธเขาไปเลยล่ะ ข้อเสนอทุเรศๆ แบบนี้”
“พี่ต้องการเวลาคิด แล้วมันก็ไม่ใช่ข้อเสนอทุเรศๆ แบบที่พิณว่า ...”
“หมายความว่าพี่จะรับ”
“ก็บอกแล้วว่าจะเก็บไปคิดก่อน”
“แต่ถ้านังน้ำเน่ารับ พี่เซียนก็จะรับ”
“พี่ต้องกลับแล้ว”
ปลาใหญ่เดินไป สายพิณน้ำตาคลอ
“แปลว่าต้องใช่” ปลาใหญ่ยังคงเดินไป “ไอ้พี่เซียนบ้า ไอ้หน้าเงิน ไอ้พวกทุเรศ ฉันเกลียดพวกมันหมดเลย เกลียดที่สุด เกลียดโว้ย” ครรชิตเปิดหน้าต่างออกมามอง สายพิณหันไปมองพอดี “ไอ้บ้า”
ครรชิตรีบปิดหน้าต่าง สายพิณร้องไห้ด่าลมด่าแล้งพาลไปทั่ว
โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
สายพิณลัดเลาะมาหลังบ้านเซียน แล้วงัดหน้าต่างปีนเข้าไปในห้อง สายพิณลงมาจากหน้าต่างแล้วมองไปโดยรอบ
“ไอ้ปลาใหญ่...เดี๋ยวเจอกันแน่...ช่างวางแผนดีนัก...นี่ถ้าบอกยาย...ยายต้องว่ามีปะรินซี”
สายพิณเดินมาทิ้งลงนั่ง สีหน้าถมึงทึงจะเอาเรื่อง
ส่วนที่วินมอเตอร์ไซค์ป๋องและมอมนั่งคุยกันระหว่างรอผู้โดยสาร แท๊กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเซียนและลุงป่องก้าวลงมาโดยท่าทางดูเหนื่อยๆ
“ปลาใหญ่มันพาลุงป่องไปทำอะไรมาวะ”
เซียนกับลุงป่องเดินมาที่วินแล้วทิ้งตัวลงนั่ง
“เหนื่อย”
“ไอ้คุณปลาใหญ่มันพาไปทำอะไรมาล่ะ”
“ตีกอล์ฟครับ”
“ตีก๊อป” มอมกับป๋องทำหน้าแปลกใจ
“ครับ ต้องซ้อมไว้พอให้เป็นบ้างเผื่ออาก้องจะนัดไปเล่นกอล์ฟกัน”
“ไหวมั้ยลุง”
ลุงป่องหายใจหอบเล็กๆ
“ปางตายว่ะ”
“คุณมอม ช่วยพาลุงป่องไปบ้านหน่อย”
“แล้วคุณปลาใหญ่ล่ะ ขอรับ”
“จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นานๆ ออกรอบที เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน”
“จะซ้อนป๋องไปมั้ยครับ”
“ผมเดินไปเองดีกว่า ได้ออกกำลังด้วย”
เซียนลุกเดินออกไป
“เดี๋ยวนี้ คุณหนูแกดูติดดินขึ้นเยอะ”
“ไป คุณลุง คุณหนูเขาไปแล้ว ไอ้ป๋อง...ช่วยคุณลุงหน่อย”
ป๋องช่วยประคองลุงป่องซ้อนท้ายมอม
เซียนเดินกลับมาบ้าน ขณะนั้นสายพิณอยู่ในห้องเซียน เธอแนบตัวใกล้ประตูเมื่อได้ยินเสียงไม้กระดานลั่นเอี๊ยดแบบมีคนเหยียบขึ้นมา
“เดี๋ยวเถอะ ไอ้ปลาใหญ่”
เซียนเดินเข้ามารินน้ำดื่ม แล้วเดินมาที่ห้อง เซียนก้าวเข้ามาในห้องพร้อมๆ กับที่สายพิณจับเซียนอัดด้วยเข่าอย่างแรง เซียนร้องลั่นลงไปจุกอยู่กับพื้นพูดไม่ออก
“เป็นไง ไอ้คุณหนูปลาใหญ่ พูดไม่ออกเลยเรอะ ลองอีกทีเป็นไง”
สายพิณจับเซียนซึ่งจุกจนหมดแรงขึ้นมาซ้อมอีก 2-3 ทีถึงกับนอนแผ่ แล้วเดินมานั่งบนที่นอนซึ่งพับเอาไว้
เซียนชี้สายพิณแล้วชี้ตัวเอง พยายามจะถาม
“จะถามว่าฉันซ้อมนายทำไมใช่มั้ย” เซียนพยักหน้า “เพราะนายมันเจ๋งเว่อร์นัก หน็อยแน่ะ บังอาจวางแผนให้พี่เซียนของฉันแต่งงานกับนังน้ำเน่าเพื่อรักษาทรัพย์สมบัติของตัวเอง ... คิดได้ไงเนี่ย” เซียนพยายามจะพูด “เถียง...เถียง...อีกซักทีดีมั้ย” สายพิณยกหลังมือเตรียมตบ เซียนหลับตาปี๋ตัวงอทันที สายพิณเห็นอย่างนี้แล้วจึงลดมือลง “ น่าเวทนาไอ้ปลาถูกทุบ” เซียนค่อยๆ พยุงตัวขึ้นนั่งมองสายพิณ อ้าปากจะพูด “จ้องทำไม...จ้องทำไม...จ้องทำไม ยัง ยังอีก”
“ขอ...ขอผมพูดบ้างได้มั้ย”
“อนุญาตดีมั้ยเนี่ย”
“Please …”
“ทำพูดฝรั่ง ชอบใจละซิที่หน้าเข้ากับวิถีชีวิตเดิม”
“ผมไม่ได้อยากเปลี่ยนร่าง นายเซียนต่างหาก”
“แนะๆๆ แน้ อย่าใส่ร้ายล่วงเกินแฟนฉันเด็ดขาด จำใส่กบาลไว้เลยว่า อย่าได้ริทำปะรินซีจับพี่เซียนของฉันแต่งงานกับนังน้ำครำเด็ดขาด ไม่งั้น...”
สายพิณเอามือทำท่าเชือดคอตัวเองแล้วเดินออกไป
“ผู้หญิงอะไร”
สายพิณกลับเข้ามาใหม่
“อะไรนะ ได้ยินนะเว้ย”
“ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีวัน มีครอบครัว”
“ไม่มีผัว ว่างั้นเถอะ”
“ใช่”
“แล้วคิดว่าฉันอยากมีนักเรอะ ผู้ชายที่เห็นล้วนแต่เฮงซวยทั้งนั้นแม้แต่พี่เซียน”
“อ้าว...แล้วไหนบอกว่าเป็นแฟนกับนายเซียน”
“เป็นแฟนแต่ไม่แต่ง จะเก็บไว้เป็นไอดอล...ล...ล” เซียนมองสายพิณอย่างเพ่งพิศ “เข้าใจแล้วใช่มั้ย”
สายพิณหันหลังกลับขยับจะเดินแต่ต้องชะงัก อึ้งไปครู่หนึ่งกับสิ่งที่เซียนพูด
“แต่งงานกับผม คุณเป็นผู้หญิงแปลกดี”
สายพิณหันมามองหน้าเซียน ก่อนจะหันหลังกลับเดินออกไป เซียนมองตามงงยิ่งขึ้น
สายพิณเดินกลับบ้านด้วยสีหน้าท่าทางเหม่อๆ มอมมาส่งยายปิ่นแล้วถือถาดวางหม้อแกงมาส่ง โดยมีป๋องขี่อีกคันตามมา ผูกพ่วงข้าวของที่เหลือ มอมเห็นสายพิณกำลังใจลอยเดินเลยบ้านจึงเรียก
“น้องพิณ...น้องพิณครับ”
“สายพิณ จะไปไหน”
สายพิณหยุดชะงัก รู้สึกตัวหันมามอง มอมมัวแต่เหลียวมามองสายพิณด้วยความเป็นห่วง มอเตอร์ไซค์เลยไถลเลยเข้าไปในดงกล้วยซึ่งอยู่ข้างทาง ทั้งคนทั้งข้าวของหล่นกระจาย ร้องกันลั่นทั้งยายปิ่น มอม ป๋อง สายพิณ รวมคนที่ผ่านไปมา
“ยายจ๋า เป็นไงบ้าง ... ลุกขึ้นไหวมั้ย”
สายพิณรีบเข้าไปประคองยายปิ่น
“ไหวก็ยังไม่ลุก ขอกูด่าไอ้มอมก่อน ไอ้มอม ไอ้บ้า ไอ้ไฟ้ฮันเด้ด (ไฟร์ฮันเดร็ด) ไฮ้ ...”
“มอมแมมก็เจ็บเหมือนกันนะครับ คุณยายปิ่น อูย...”
“เจ็บก็ช่างหัวแก มันน่าจะตายด้วยซ้ำ ขี่รถไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“ขึ้นไปด่าบนบ้านต่อดีกว่าครับ จะได้ดูด้วยว่ากระดูกป่นหรือเปล่า รุ่นนี้ไม่มีหักแล้วมีแต่ฝุ่นเลย” ป๋องเข้ามาช่วยประคอง
“ไอ้บ้าป๋อง ไอ้ ...”
“ยายจ๋า จำที่สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไม่ได้หรือจ้ะ การให้อภัยเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด”
“แต่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด อูย...ต่อไปนี้ อย่าได้เสนอหน้าจะมาส่งข้าอีกเชียวนะเว้ย”
“เข้าไปด่าต่อในบ้านดีกว่าจ้ะยาย จะได้ไม่อายชาวบ้านเค้า”
ป๋องอุ้มยายปิ่นขึ้นบ้าน โดยยายปิ่นด่าโขมงโฉงเฉง
“เฮ้ย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไอ้ป๋อง ไอ้อ้วน ไฮ้ไฟ้ฮันเด้ด”
อีกด้านหนึ่งเซียนนั่งกอดเข่าพิงฝาห้องแหงนหน้ามองเพดานอย่างใจลอย
“ไม่น่าเชื่อ พูดออกไปได้ยังไง”
เซียนถอนใจ เบือนหน้ามาทางหน้าต่างแล้วชะงักเมื่อเห็นบานหน้าต่างถูกถีบหักห้อยร่องแร่ง เซียนมองตามลงไปเห็นโคลนจากเท้าสายพิณเต็มไปหมด
“ผู้หญิงอะไร”
เซียนนึกถึงสายพิณตอนที่ขอแต่งงานแล้วอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
สายพิณ มอม ป๋องช่วยกันบีบนวดทายาให้ยายปิ่น
“เบา...เบา..ไอ้มอม...ไอ้ป๋อง พวกเอ็งไม่ต้องทุ่มเทนักก็ได้”
“เจ็บตรงไหนเป็นพิเศษมั้ยยาย” สายพิณถามอย่างเป็นห่วง
“เอ็งต้องถามว่า ไม่เจ็บตรงไหนบ้าง เพราะมันยอกไปทั้งตัว”
“งั้นไปหาหมอดีกว่า”
“ซ้อนมอเตอร์ไซค์มอมไปก็ได้ ...”
“อ๋อ...อ...จะได้ถึงยมบาลแทนโรง’บาลน่ะซิ ข้าเข็ดแล้ว ...ไม่เอาแล้ว เข็ดขี้อ่อนขี้แก่เลย ไอ้มอม”
“ให้ลุงคันขับไปก็ได้ แกมีรถ”
“ลองด่าซ้าย ด่าขวาได้ขนาดนี้ รับรองว่าไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าฟกช้ำดำเขียวแน่นอน”
“เมื่อกี้น้องสายพิณใจลอยเรื่องอะไรจ๊ะ”
สายพิณชะงักแล้วถลึงตาใส่มอม มอมจ๋อย
เย็นวันนั้นเมื่อน้ำเพชรกลับบ้านเธอขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถแล้วเปิดประตูรถลงมาพร้อมข้าวของ
น้ำเพชรล็อครถตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วเดินออกไป เสียงกระแอมดังมาจากมุมหนึ่งน้ำเพชรหันไปมอง
จึงเห็นสายพิณยืนกอดอกมองมาแล้วอมยิ้มลึกลับ สายพิณเหยียดแขนออกมาดู
“ไม่ยักรู้ว่าตัวเองสวย จนกระทั่งมีผู้ชายมาขอแต่งงาน”
น้ำเพชรเหยียดยิ้ม
“แต่งๆ ไปเหอะ ไอ้มอมมันตามรับตามส่งแกมาตั้งแต่ม.4”
“ทีนี้มันจะไม่ใช่ไอ้มอมน่ะซิ” น้ำเพชรหอบของเดินไปอย่างไม่สนใจ “แต่เป็นไอ้ปลาใหญ่”
“อะไรนะ” น้ำเพชรชะงักหันกลับมา
“อุ๊ยตาย เพิ่งจะรู้ว่าคุณหนูหูไม่ค่อย Work ...พูดซ้ำใหม่ก็ได้วันนี้ไอ้คุณพี่ปลาใหญ่เขาขอฉันแต่งงาน ซึ่งฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี”
“ไม่จริง”
“งั้นก็เชิญไปถามได้ เอ้อ...นี่ถ้าแต่งงานจริงๆ ก็นับว่าฉันได้ทั้งพี่เซียนทั้งปลาใหญ่พร้อมกันเลย เออ...แกก็ได้ทั้งสองคนเหมือนกันนี่ นับว่าเป็นกำไรชีวิต ว่ามั้ย”
สายพิณหัวเราะเจื้อยแจ้ว แล้วเดินไป น้ำเพชรมองตามขบกรามแน่น แล้วรีบเดินตามเหมือนเพิ่งนึกได้
“เดี๋ยว”
“อะไรจ๊ะจ๋า...จ๋าจ้ะ”
“แล้วเรื่องที่เราตกลงกันล่ะ”
สายพิณทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ตกลงเรื่องไร”
“ก็จะทำให้เขาเกิดอุบัติไง”
“นั่นซิ” สายพิณทำท่าคิดไปมา มือน้ำเพชรเริ่มขยับน้ำเพชรรีบเอามือไขว้หลัง “อืม...ม...ที่จริงฉันก็คิดเหมือนกัน แต่หลังจากที่ใคร่ครวญครุ่นคิดหลายตลบก็นึกได้ว่ามันอันตรายเกินไป พี่เซียนอาจจะตายจริงๆ แต่ถ้ายอมแต่งงานกับปลาใหญ่ก็จะได้กำไร 2 ต่อแบบทูอินวัน”
สายพิณเดินหัวเราะคิกคักออกไป น้ำเพชรมองตามด้วยหน้าถมึงทึง ทันทีทันใดโดยไม่ทันตั้งตัวมือขวาน้ำเพชรพุ่งไปข้างหน้ากระชากน้ำเพชรจนหน้าหงายตามไป
“เฮ้ย”
มือนั้นกระชากผมสายพิณจนหน้าหงายหันกลับมาแล้วตบเปรี้ยง สายพิณหน้าหันเซไป สายพิณโกรธจัด กระโจนเข้าใส่น้ำเพชร สองสาวตะลุมบอนกันอุตลุด
ขณะนั้นกิมฮวยกำลังเจื้อยแจ้วกับลูกค้าอยู่ในร้านส่วนเติมศักดิ์มองเขม็งหาโจรและพิชิตนั่งถือกระบองหลับอย่างสบาย เด็กคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามายืนกลางร้าน
“เร็ว ตบกันใหญ่แล้ว” ทุกคนหันมามอง “ยังจะมองอีก เขาตบกัน”
“ไอ้หนู ไปเล่นที่อื่นไป๊”
“บอกว่าจะตบกันตายอยู่แล้ว”
“อาพิชิต ลื้อเอาไอ้กุมารทองนี่ไปคืนพ่อแม่ที”
“แน่ะ พูดไม่รู้ฟัง บอกว่าตบกันจะตายอยู่แล้ว”
“ไป กลับไปหาพ่อแม่”
“เค้าตบกัน”
“ใครตบ”
“ลูกสาวร้านทองกับลูกสาวชุมชน”
กิมฮวยถึงกับสะดุ้ง
“ลูกสาวร้านทอง ไอ๊หยา ลูกสาวอั๊ว”
“ใช่”
“ไอ๊หยา”
“ไม่ต้องไอ้หยงไอ๊หยาแล้ว ลื้อไปเอาอาน้ำกลับมาเดี๋ยวนี้เลย โอย อั๊วอยากเป็นลม”
“ไป อาพิชิต”
“ทางไหน ไอ้หนู”
“โน่น”
เติมศักดิ์และพิชิตรีบเดินไปตามที่เด็กชี้
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
สายพิณกับน้ำเพชรตบกันจนหน้าตาช้ำบวม ท่ามกลางไทยมุงพิชิตและเติมศักดิ์แหวกคนเข้ามา
“อาน้ำหยุด บอกให้หยุด อาเติม จับอาพิณไว้ที”
เติมศักดิ์กับพิชิตพยายามแยกสองสาวออกจนได้ โดยโดนลูกหลงกันไปพอสมควรเหตุการณ์ดูชุลมุนวุ่นวาย
ที่บ้านยายปิ่น ยายปิ่นกำลังนอนให้หมอแม่นนวด
“ตรงนั้นแหละ ตรงนั้น เออ...สบายจัง”
“ดีนะที่กระดูกกระเดี้ยวไม่หัก” สายพิณเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามา “หลานสาวแกมาแล้ว”
ยายปิ่นผงกหัวมองนิดหนึ่ง
“หายไปไหนมาฮึ ไอ้พิณ” สายพิณไม่ตอบ เดินเข้าห้องไป “ดู๊... ดูมัน ... ยายตกมอกะไซแทนที่จะอยู่ดูแล ดั๊นหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ นี่แหละสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงบอกว่า อัตตาหิ อัตโน นาโถ...”
หมอแม่นยกมือไหว้ท่วมหัว
“ซ้าธุ”
ทางด้านน้ำเพชร กิมฮวยตามเข้ามาต่อว่าน้ำเพชรถึงในห้อง
“ลื้อไปตบกับอีทำไมฮึ อาน้ำ ชื่อเสียงป่นปี้หมด ลื้อเป็นลูกเจ้าของร้านทองก็ควรต้องตบกับลูกเจ้าของร้านทอง”
“ไอ๊หยา...อาฮวย” เติมศักดิ์สะดุ้ง
“หรือไม่ก็ลูกเจ้าของบริษัทใหญ่ ๆ”
“ลูกฮวย...”
“อั๊วเปลี่ยนกลับไปชื่อ อาสินเธาว์ใหม่แล้ว”
“อาสินเธาว์ อาน้ำเพชรจะตบกับใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น มันไม่ใช่วิสัยของสุภาพสตรี”
“น้ำไม่ใช่สุภาพสตรี”
“อาน้ำเอ๊ย ลื้อเป็นลูกของอาเตี่ยกับหม่าม้า ลื้อเป็นสุภาพสตรี”
“ใครจะเป็นก็เป็นไป แต่น้ำไม่เป็น นังสายพิณมันท้าทายน้ำ น้ำต้องตบกับมัน”
“ไอ๊หยา อาฮวย เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
“อาเตี่ยกับหม่าม้าออกไปก่อนได้มั้ยคะ น้ำอยากอยู่คนเดียว น้ำกลุ้มใจ” กิมฮวยกับเติมศักดิ์ยังทำรีๆ รอๆ ไม่ยอมออกไป “นะคะ น้ำอยากอยู่คนเดียวจริงๆ”
“ก็ได้ ...ก็ได้...ไป อาฮวย”
“ลื้อนั่นแหละออกไป อั๊วจะอยู่กับลูกอั๊ว”
“หม่าม้าคะ”
“เออ ...เออ”
เติมศักดิ์จับแขนกิมฮวยจูงแกมลากออกไป
สายพิณลุกเดินมาที่กระจกมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมา หน้าตาเขียวเป็นจ้ำๆ สายพิณค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างสะใจ
“เจ็บหน่อยแต่ก็สะใจ!5555”
เซียนอยู่ที่บ้านจึงยังไม่รู้เรื่องที่สองสาวตบกัน และขณะนั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับครรชิต
“พรุ่งนี้คุณครรชิตช่วยพาแกไปหน่อยก็แล้วกัน วงสวิงแกยังไม่สวย แล้วก็ตีมั่วๆ เมื่อวานแทนที่ลูกกอล์ฟจะไป ไม้กลับลอยไปแทน ดีว่าไม่ไปโดนใครเข้า”
“เซียน เอ๊ย...ปลาใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“แค่นี้ก่อนนะ” เซียนวางโทรศัพท์ แล้วเดินเปิดประตู “อะไรหรือครับ”
“คุณหนูร้านทองตบกับคุณหนูชุมชน พูดง่ายๆ ว่า คุณหนูน้ำเพชรตบกับคุณหนูสายพิณนั่นแหละ”
“ที่ไหนครับ”
“แยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว”
เซียนรีบเดินออกไปทันที
ยายปิ่นลุกขึ้นนั่งขณะที่หมอแม่นบีบต้นคอให้ เซียนเดินเข้ามา
“ยายครับ...สายพิณอยู่หรือเปล่า”
“อยู่ ไม่รู้มันเป็นอะไร...” สายพิณเปิดประตูออกมาก่อนที่ยายปิ่นจะทันพูดจบ โดยสวมแว่นดำและหมวกปิดหน้า “มาทำไม”
ยายปิ่นและหมอแม่น หันไปมองสายพิณ
“อ้าว...นั่นทำไมปิดหน้าปิดตาแบบนั้นล่ะ” หมอแม่นถามอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรของเอ็งวะ”
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
เซียนบอกแล้วเดินไปโดยไม่ได้หันมามอง สายพิณกัดปากฉุนๆ แต่ก็เดินตามไป
“ดูท่าทางมันแปลกๆ นะยายปิ่น”
“ใช่ ท่าทางมีปะรินซี”
สายพิณขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีเซียนซ้อนมาที่มุมเงียบๆ ท้ายซอย สายพิณจอดรถแล้วลงมายืนเผชิญหน้ากับเซียนซึ่งๆหน้า
“ดูซะให้เต็มตา”
สายพิณพูดพลางดึงหมวกและแว่นออกให้เซียนดู
“โอ...”
สายพิณยกมือขึ้นห้ามทันที
“ช้าก่อน อย่าเพิ่งคิดสะใจสมน้ำหน้าฉัน เพราะนังคุณหนูก็โดนเยอะไม่แพ้กัน”
“โอ...”
“นายพูดอะไรที่มันเข้าใจง่ายกว่าคำว่า “โอ” หน่อยได้ไหม”
“ได้ พวกคุณตบตีกันเรื่องผมใช่ไหม” สายพิณอึ้งไปทันที “ตบตีกันเรื่องผู้ชายเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ถึงผมจะมีคุณค่ามากพอก็ตาม” สายพิณอ้าปากค้าง ไม่เชื่อหู “ผมหน้าตาดี...รวยเป็นแสนล้าน เป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่งของโลก...”
“หลงตัวเอง”
“การพูดสอด ขณะที่คนอื่นกำลังพูดอยู่ก็เป็นมารยาทที่ไม่ดี เวลาแต่งงานกันแล้วผมคงจะต้องอบรมคุณอีกมาก”
“อะไรนะ ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับนาย”
“ผมมั่นใจ เพราะคุณจะหาผู้ชายที่ฉลาดอย่างผมยากมาก คุณเองถึงไอคิวไม่สูงเท่าผมแต่ก็ไม่ได้โง่นักเพราะฉะนั้น เด็กที่เกิดมาก็คงจะมีสติปัญญาดี”
“ไอ้ปลาน่าขยะแขยง นี่นายคิดว่าฉันจะแต่งงานกับนายเพราะหลงใหลได้ปลื้มคุณสมบัติจอมปลอมของนายใช่มั้ย”
สีหน้าเซียนฉายแววเจ้าเล่ห์ทันที
“งั้นก็แปลว่าเพราะคุณรักผม” สายพิณโกรธจัดจนพูดไม่ออก เพราะตกหลุมพรางเซียน “เมื่อไหร่ดี”
“ไอ้บ้า นายมันบ้าที่สุดในโลก”
สายพิณหันหลังขึ้นมอเตอร์ไซค์ด้วยสีหน้าดวงตาอาฆาต
“เดี๋ยว คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าจะแต่งเมื่อไหร่”
สายพิณถอยมอเตอร์ไซค์ แล้วพุ่งเข้าชนเซียนทันที เซียนล้มตัวกลิ้งหลบทันทีแล้วร้องลั่น
เซียนมองตามแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น สีหน้าแววตาทึ่งในตัวสายพิณมากๆ
เซียนมาหาครรชิตที่บ้านลุงป่องเพื่อบอกเรื่องที่เขาจะแต่งงานกับสายพิณ
“จะ...จะแต่งงานกับสายพิณ”
ครรชิตถามอย่างตกใจ เซียนพยักหน้าหนักแน่น
“เวร” ลุงป่องถึงกับกุมขมับ
“แล้ว ... แล้วเขาตกลงหรือครับ”
“ผมมั่นใจว่าตกลง” เซียนบอกเสียงหนักแน่น
“คิดดีแล้วเรอะ”
“ถ้าเราแต่งงานกัน มันจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก”
“เอางี้ สลับร่างคืนให้ได้ก่อน”
“ไม่ เพราะกว่าจะถึงวันนั้น ผมอาจแก่หรือตายไปแล้ว”
“พูดอะไรอย่างนั้น คุณปลาใหญ่”
เสียงโทรศัพท์เซียนดังขึ้น เซียนหยิบขึ้นมารับ
“ฮัลโหล ... เมื่อไหร่ ... ได้...ได้”
เซียนวางสายเก็บมือถือ
“ใครครับ” เซียนมองหน้าครรชิตด้วยสายตาตำหนิ “ขอประทานโทษครับ คุณพ่อคุณปลาใหญ่เคยตำหนิผมเรื่องชอบสอดเหมือนกัน... พูดถึงท่านเกรียงไกรแล้วทั้งใจหายทั้งเสียดาย ถ้าท่านยังอยู่คุณปลาใหญ่ก็คงไม่ต้องมีชีวิตระหกระเหินแบบนี้ รวมทั้งผมด้วย”
ครรชิตร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงเกรียงไกร ลุงป่องยื่นเสื้อยืดตัวเองที่ถอดผึ่งไว้ให้เช็ดน้ำตา
“เอ้า...”
ครรชิตรับมาเช็ดและทำจมูกฟุดฟิด
“กลิ่นแปลกๆ”
“เสื้อผมเอง เพิ่งถอดออกจะซัก” ครรชิตทำหน้าพิกล ขณะที่เซียนมีสีหน้าครุ่นคิด “อย่าคิดมากน่า ถ้าคุณพ่อปลาใหญ่ยังอยู่ เราก็คงไม่ได้รู้จักกัน”
“ผมขอเลือกให้ท่านอยู่ดีกว่า”
“จะเป็นไปได้ไหมที่คุณพ่อท่านไม่ได้เสียแบบธรรมดา...” เซียนพูดขึ้นมา
“ยังมีเสียแบบพิเศษด้วยเรอะ” ลุงป่องถามขณะที่ครรชิตชะงักทันที
“คุณปลาใหญ่หมายความว่า ...”
“ถ้าผมถูกยิงซึ่งๆ หน้าได้ ทำไมคุณพ่อจะถูกฆาตกรรมไม่ได้”
ครรชิตนิ่งคิดแล้วนึกถึงพยาบาลคนเก่าและคนใหม่ที่มาดูแลเกรียงไกรก่อนท่านจะเสีย
“เป็นไปได้อย่างที่สุด ถ้าจำไม่ผิดอยู่ดีๆ พยาบาลคนเก่าออกกลางคันแล้วมีคนใหม่มาแทน”
“เราต้องพยายามหาหลักฐานให้ได้”
“แล้วเมื่อกี้ใครโทรมาครับ” เซียนมองครรชิตตำหนิ ครรชิตยิ้มแห้งๆ “ขอประทานโทษครับ”
“น้ำเพชรต้องการพบผม 2 ทุ่มคืนนี้”
ที่บ้านปลาใหญ่ ขณะนั้นเกริกก้องกำลังค้นหาสิ่งของบางอย่างในเซฟจันทร์ทิพย์เดินเข้ามา
“หาอะไรคะ”
“สัญญา”
“สัญญาอะไรคะ จันทร์จะช่วยหา”
“สัญญาที่ไอ้ปลาใหญ่มันเซ็นยอมยกทุกอย่างให้ฉัน ถ้ามันไม่สามารถบริหารให้บริษัทก้าวหน้าได้ในเวลา 1 ปี ฉันจะเอามาเทียบลายเซ็นของไอ้เซียน”
จันทร์ทิพย์รีบพูดแทรกด้วยความตกใจ
“ลายเซ็นไม่เหมือนกันใช่มั้ยคะ”
“ยังไม่แน่ใจ แต่ไอ้เซียนมันน่าจะเซ็นเหมือน เพราะเท่าที่รู้มันหัดปลอมมาตั้งนานแล้ว เอ ... ทำไมหาไม่เจอ”
“อยู่ที่ออฟฟิศหรือเปล่า”
“นั่นน่ะซิ พรุ่งนี้จะให้อลิสาค้นให้”
จันทร์ทิพย์ชะงักเมื่อได้ยินชื่ออลิสา
“ทำไมต้องเป็นมัน ทำไมไม่ใช้อรผกา”
“เพราะอรผกาของเธอเพิ่งจะมารับงานแทนน่ะซิ”
“งั้นจันทร์จะหาให้ก็แล้วกัน”
เกริกก้องหันมามองจันทร์ทิพย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“รู้จักให้เกียรติกันบ้างซิ”
“ไม่ใช่ไม่ให้เกียรติ แต่ไม่ไว้ใจ”
“นั่นแหละ เขาเรียกว่าไม่ให้เกียรติ”
“แล้วคุณเคยทำให้จันทร์ไว้ใจมั้ยล่ะคะ”
“พรุ่งนี้ ฉันจะให้อลิสมาค้นสัญญาให้”
“คุณก้อง”
“ฉันทำตามความต้องการของเธอหลายอย่างแล้ว เธอต้องเห็นแก่หน้าฉันบ้าง” จันทร์ทิพย์เม้มปากน้ำตาคลอ มองเกริกก้องอย่างน้อยใจแล้วเดินไปที่ประตู “จันทร์ทิพย์” จันทร์ทิพย์หยุดยืนฟังแต่ไม่ได้หันกลับมา “อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเลย แค่ให้อลิสามาค้นสัญญาให้ ไม่ได้มาทำอย่างอื่น”
จันทร์ทิพย์หันกลับมา น้ำตาไหล
“แล้วทำไมให้จันทร์หาให้ไม่ได้ จันทร์เป็นเมียคุณนะคะ”
“งานนี้มันเป็นงานของเลขา ไม่ใช่งานของเมีย”
จันทร์ทิพย์เม้มปาก เดินออกไป
ค่ำวันเดียวกันนั้นปกรณ์มาจอรถรอเอ็กซ์อยู่ที่ตึกร้าง สีหน้าแววตาปกรณ์เริ่มหงุดหงิดจากการรอคอยหลังจากรอมาตั้งนานแต่ไม่มีแม้แต่เงาของเอ็กซ์ ปกรณ์จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเกริกก้อง
“อะไรนะ ยังไม่มาอีกเรอะ”
“ครับ... ไม่เห็นแม้แต่เงา”
“เดี๋ยวฉันจะลองโทรติดต่อมันดู”
เกริกก้องตัดสายจากปกรณ์แล้วโทรหาเอ็กซ์ ขณะนั้นเอ็กซ์นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างทาง เอ็กซ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับหลังจากลังเลแว่บหนึ่ง
“ครับ...เจ้านาย”
“ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีก”
“คือ...ผมไปมาแล้วครับ เห็นรถคุณกรณ์จอดอยู่ ผมเลย...”
“ก็ฉันอยู่ในรถคุณกรณ์นั่นแหละ เขาอาสาขับมาให้ เพราะรถฉันเกิดเสียกลางทาง ว่าแต่ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน”
เอ็กซ์มองไปโดยรอบแว่บหนึ่ง
“อยู่...อยู่บ้านครับ”
“เอ้อ แกนี่ ทำให้ฉันเสียเวลาอุตส่าห์มาตั้งไกล”
“ผม...ผมขอประทานโทษครับ”
“งั้นเป็นพรุ่งนี้เวลาเดิมก็แล้วกัน”
“เอ้อ...พรุ่งนี้ผมไม่ว่างครับ”
เกริกก้องนิ่งไปครู่หนึ่ง
“แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ คือพรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านที่ยโสธร”
“แล้วแกพร้อมเมื่อไหร่”
“พอกลับมาแล้วผมจะโทรหาเจ้านายครับ”
“เออ...”
เกริกก้องมีสีหน้าหงุดหงิดขณะวางสายจากเอ็กซ์แล้วกดโทรศัพท์ใหม่หาปกรณ์
“ครับ คุณก้อง”
“กลับมาก่อน ไอ้เอ็กซ์มันเกิดระแวงขึ้นมา”
“ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย”
“กลับมาก่อน”
“ครับ”
ปกรณ์สตาร์ทรถขับออกไป
โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป