เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 7
บริเวณระเบียงบ้าน เอนกนั่งดื่มเหล้าอยู่ อนุทินเดินเข้ามาพอดีแล้วถามขึ้น
“พ่อยังไม่นอนอีกหรือครับ”
“อืมม์ แกไปไหนมากลับซะดึก”
“สังสรรค์กับเพื่อนน่ะครับ ผมขอตัวนะครับ”
อนุทินเดินเข้าบ้านไป เอนกกดโทรศัพท์หาลูกน้อง ปลายสายไม่มีใครรับ เอนกวางสาย
อย่างหงุดหงิด ญาดาเดินเลี้ยวผ่านมาทางบ้านเอนกก็ต้องรีบหลบทันที
“ คุณอาเอนกนี่หว่า”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เอนกกดรับแล้วลุกขึ้นยืนพูด
“ฮัลโหล เออชั้นเอง มีเรื่องจะให้แกช่วยหน่อย”
ญาดาก้มตัวลงมุดต่ำเพื่อจะคลานผ่านไป
“ชั้นต้องการให้แกอุ้มหลานชายชั้นให้หายไปจากเมืองไทย”
ญาดาที่กำลังคลานอยู่ชะงักทันที
“ใช่ ชื่อภูบดี”
ญาดาสะดุ้งแล้วหยุดมองไปที่เอนก
“อย่าให้พลาดนะ เออ เออ”
เอนกวางสายแล้วยกเหล้าขึ้นสาดลงลำคอจนหมด แล้วเดินเข้าบ้านไป ญาดาสีหน้าตกใจเพราะคิดไม่ถึง
“หมายความว่าไง”
โทรศัพท์มือถือญาดาสั่นเข้ามา ตาลกดรับ
“ฮัลโหล”
“อยู่ไหนเนี่ย แม่รอนานแล้วนะ”
“เอ่อ แม่ สงสัยหนูจะไปกับแม่ไม่ได้แล้ว”
“ทำไม” เจ๊อ้อยถาม
“คุณภูกำลังมีอันตราย หนูต้องอยู่กับเค้าก่อน”
“นี่เอ็งจะบ้าหรือ”
“แต่หนูทิ้งเค้าไปตอนนี้ไม่ได้ แม่ไปก่อนนะ ถ้าหนูจัดการทางนี้เรียบร้อยหนูจะตามไป”
“ไอ้ตาล”
“แค่นี้นะแม่”
ญาดาวางสายแล้วสะพายเป้เดินกลับไปที่บ้านของพิพัฒน์
ภายในรถ เจ๊อ้อยบ่นฮุบ
“ตาล ฮึ่ย ไอ้ตาลนี่มันจะบ้าใหญ่แล้ว”
“เอาไงครับ” คนขับถาม
“กลับ”
รถตู้ขับออกไป
ภายในบ้านพิพัฒน์ในเวลาต่อมา ญาดาย่องกลับเข้าบ้าน มองซ้ายขวาเห็นไม่มีใคร สายตาใครคนหนึ่งมองลงมาห็นญาดากำลังย่องขึ้นบันได และแล้วญาดาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นธาวินยืนรออยู่
“คุณภู”
“ไปไหนมา”
“เอ่อ ตาล ตาลออกไปเดินเล่นน่ะค่ะ”
“เดินเล่นในชุดนี้น่ะหรือ” ธาวินถาม
ญาดาสะดุ้งเหลือบมองตัวเองแล้วยิ้มกลบเกลื่อน
“คือ ตาลบอกความจริงก็ได้ค่ะ เพื่อนตาลเค้าชวนไปเต้นระบำน่ะค่ะ แต่ตาลเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว”
“แล้วทำไมไม่บอกผมตรงๆ ต้องแอบหนีมาตอนผมหลับ”
“ก็ .ตาลกลัวว่าคุณภูจะไม่ให้ไปนี่คะ”
“แล้วนั่นอะไร”
ธาวินชี้ไปที่เป้
“อ๋อ เมื่อกลางวันตาลซื้อของมาน่ะค่ะ เลยฝากไว้ที่ห้องต้นหอม”
ธาวินจ้องหน้าด้วยสายตาคาดคั้นแล้วถามตรงๆ
“นี่ตาลไม่ได้คิดจะหนีผมใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ ตาลจะหนีคุณภูไปไหนล่ะคะ ตาลเป็นเมียคุณภูนะ ไปนอนต่อเถอะค่ะ”
ญาดาเข้ามาเกาะแขน ธาวินมองอย่างไม่เชื่อใจ ญาดาหอมแก้มเอาใจ
“ไปค่ะ”
ญาดายิ้มแล้วดึงแขนของธาวินเข้าไปในห้องนอน
บนเตียงนอน ธาวินและญาดานอนหันหลังให้กัน ธาวินนอนลืมตาคิดถึงเรื่องเมื่อครู่
“ไปไหนมา”
“เอ่อตาล ตาลออกไปเดินเล่นน่ะค่ะ”
ธาวินเหลือบมองญาดาอย่างไม่ไว้ใจ
ญาดานอนลืมตาคิดเรื่องเอนก
“ชั้นอยากให้แกอุ้มหลานชั้นให้หายไปจากเมืองไทย ใช่ ชื่อภูบดี”
ญาดาถอนหายใจเบาๆก่อนจะขยับตัวหันมาเล่าเรื่องให้ธาวินฟัง
“คุณภูคะ คุณภูหลับรึยัง”
ธาวินชะงักแกล้งหลับตาไม่ตอบ ญาดาชะโงกมอง เห็นธาวินหลับก็ถอนหายใจเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนลืมตาสีหน้าเครียด
เช้าวันรุ่งขึ้น ธาวินเดินจ๊อกกิ้งผ่านมาทางบ้านพักคนงาน ธาวินมองซ้ายขวาไม่เห็นใครก็เปิดประตูเข้าไปในห้องบุญทันทันที ธาวินนั่งตรงข้ามกับบุญทัน
“แกคิดว่าเธอจะหนีหรือ” บุญทันถามขึ้น
“ตอนแรกชั้นก็คิดอย่างงั้น แต่ทำไมอยู่ๆเธอถึงเปลี่ยนใจกลับมาก็ไม่รู้”
“ชั้นว่าเค้าคงตัดใจจากแกไม่ได้มากกว่า ถ้าเป็นแบบนี้แกยิ่งต้องระวังตัว”
“ทำไม”
“อ้าว ก็แสดงว่าเค้าตั้งใจจะจับแกจริงจังน่ะสิ”
“ชั้นว่าแกมองตาลเค้าแง่ร้ายเกินไป”
“แล้วแกว่าเค้ามีมุมไหนที่เรามองแง่ดีได้บ้าง ชั้นบอกตามตรงเลยนะ แกควรจะหาทางเลิกกับเค้าซะ”
เสียงเคาะประตูดังพร้อมๆกับสียงของมณทกานต์
“บุญทัน”
บุญทันกับธาวินสะดุ้ง
“น้องเมย์ แกไปแอบในห้องน้ำก่อน” บุญทันบอก
ธาวินรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ บุญทันเปิดประตู เห็นเมย์ยืนอยู่หน้าห้อง
“ชั้นได้ยินเสียงเหมือนนายคุยกับใคร”
“อ๋อ ผมฟังวิทยุน่ะครับ คุณเมย์มีอะไรหรือครับ”
“ชั้นมีเรื่องจะคุยด้วย”
มณทกานต์เดินเข้ามาในห้อง บุญทันเดินตามเข้ามา
“มีอะไรครับ”
“ชั้นจะแต่งงานกับนาย” มณทกานต์บอก
บุญทันสีหน้าอึ้งไปทันที
“ชั้นมาคิดดูแล้วเรื่องมันจะได้จบซะที”
ธาวินซึ่งหลบแอบอยู่ในห้องน้ำชะเง้อฟังจนเผลอก้าวเท้าเตะกระป๋องดังโครม !
มณทกานต์กับบุญทันชะงักกึกไปทันที
“ใครอยู่ในห้องน้ำ” มณทกานต์ถาม
“ไม่มีหรอกครับ สงสัยจะเป็นแมว”
มณทกานต์จะเดินไปดู แต่บุญทันขวางไว้แล้วบอก
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ”
“ถอยไป”
ในห้องน้ำ ธาวินมองซ้ายขวาหาทางหนีแต่ไม่มี
“เชื่อผมสิครับว่าไม่มีอะไร”
มณทกานต์ไม่เชื่อจะเดินไปที่ห้องน้ำ บุญทันรีบแก้สถานการณ์ดึงตัวมณทกานต์เข้ามาจูบ ธาวินแง้มประตูออกมาแอบดูก็เห็นบุญทันจูบมณทกานต์อยู่ ธาวินอมยิ้ม
มณทกานต์ได้สติผลักบุญทันออกแล้วต่อว่าทันที
“ไอ้บ้า ไอ้คนฉวยโอกาสนายนี่มันเลวจริง ๆ”
มณทกานต์เดินสะบัดหน้าออกจากห้องบุญทันไป บุญทันมองตามแล้วถอนหายใจ ธาวินเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วบอก
“แกนี่มันร้ายไม่เบานะ ไอ้ภู เห็นทำขรึมๆ”
“นี่ ไอ้วินที่ชั้นต้องทำแบบนี้เพราะชั้นไม่อยากให้น้องเมย์เค้าเจอแกหรอกนะ”
“จริงอ้ะ”
“ก็จริงสิ”
“แต่ชั้นว่าเมื่อกี้ถ้าไม่มีชั้นอยู่ด้วย แกคงจะ...” ธาวินพูดค้างไว้
“ชัทอัพ ชั้นไม่เหมือนแกที่บ้าผู้หญิง เอาล่ะ แกไปได้แล้ว”
บุญทันเดินออกไปที่หน้าประตูเพื่อมองลู่ทาง...ฉลุย ไม่เห็นใครในบริเวณนั้น
“ไม่มีใครแล้ว”
ธาวินเดินออกทำจ๊วบปากจุ๊บล้อเลียนใส่บุญทัน บุญทันผงะ
“ไอ้บ้านี่”
ธาวินเดินหัวเราะออกไป บุญทันมองตามแล้วส่ายหน้า
“ไอ้วินนะไอ้วิน น้องเมย์เลยโกรธเราไปอีก”
มณทกานต์เดินเข้ามาในบ้านมด้วยสีหน้าบึ้งตึง เจอกับอนุทินที่กำลังดื่มกาแฟ อนุทินมองน้องสาวแล้วถาม
“ไปไหนมาแต่เช้า”
“เดินเล่น”
“แล้วตกลงแกกับไอ้บุญทันจะแต่งกันเมื่อไหร่”
“พี่เอจะสนใจทำไม”
“ถ้าแกไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับชั้น ชั้นคงไม่สน”
“งั้นพี่ก็คิดว่าชั้นเป็นคนอื่นแล้วกัน เพราะชั้นยังไม่ยุ่งเรื่องของพี่กับนังปารมีเลย”
“แกพูดเรื่องอะไร”
“ชั้นรู้นะว่าพี่แอบมีอะไรกับมัน”
“แล้วทำไม ชั้นไม่ได้เอาคนใช้มาเป็นเมียซะหน่อย อย่างน้อยปารมีเค้าก็ไม่ใฝ่ต่ำเหมือนแก”
มณทกานต์มองด้วยสายตาโกรธแล้วพูดประชด
“ใช่ ชั้นใฝ่ต่ำ ชั้นก็จะคอยดูว่านังปารมีมันจะดีกับพี่แค่ไหน”
มณทกานต์เดินสะบัดหน้าขึ้นชั้นบนไป
“หือ นังนี่”
อนุทินมองตามมณทกานต์ คิดว่า ถ้าไม่ใช่น้องสาวจะตบสักฉาด
ในเวลาเดียวกัน ญาดากำลังรินกาแฟให้พิพัฒน์
“ขอบใจ แล้วเอาเงินไปไถ่ตัวแม่รึยัง” พิพัฒน์ถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณปู่ ตาลกราบขอบพระคุณคุณปู่อีกครั้งนะคะ”
“หนูเป็นเมียเจ้าภูก็เหมือนเป็นหลานสาวปู่”
“คุณปู่ดีกับหนูมาก จนหนูไม่รู้จะตอบแทนพระคุณยังไง”
“ก็ปู่บอกแล้วไงว่าให้รีบมีเหลนมาให้ปู่เลี้ยงเร็ว ๆ”
ญาดาฝืนยิ้มแล้วบอก
“ค่ะ”
ธาวินเดินลงมานั่งที่โต๊ะแล้วทักทายพิพัฒน์
“สวัสดีครับคุณปู่”
“เป็นไงบ้าง เมื่อวานทำงานวันแรก ไหวมั้ย” พิพัฒน์บอก
“ต้องไหวสิครับ คุณปู่ไม่ต้องห่วง”
ญาดารินกาแฟให้ธาวิน
“มีอะไรหนักใจตรงไหนรึเปล่า”
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ”
เอนกเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
ญาดาชะงักมองหน้าเอนก
“อ้าว เอนก กินข้าว”
“ผมทานมาแล้วครับ” เอนกบอก
ธาวินเหลือบมองเอนกทำเหมือนไม่มีอะไรติดใจ
“สวัสดีครับคุณอา”
“อามีเรื่องจะมาปรึกษาหลานหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ”
ญาดาเหลือบมองเอนกอย่างไม่ไว้ใจ
“ฝ่ายเอ็มแอลเค้าเสนอขอปรับปรุงสนามกอล์ฟที่รังสิต อาก็เลยอยากให้หลานแวะไปดูหน่อยว่าหลานมีความเห็นยังไง”
“ได้ครับ วันนี้วันหยุดผมว่างพอดี เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูบ่ายๆ” ธาวินบอก
“ดี งั้นเดี๋ยวอาจะโทรบอกทางนู้นให้เค้าต้อนรับ”
“ครับ”
“ขอตัวนะครับคุณพ่อ”
เอนกเดินออกไป ญาดามองตามอย่างรู้สึกถึงลางไม่ดี
“มีอะไรไม่เข้าใจก็ปรึกษาเอนกเค้าได้ทุกเรื่อง เค้าอยู่กับปู่มานานจนเหมือนเป็นลูกชายปู่คนนึง”
ธาวินฝืนยิ้มแล้วรับคำ
“ครับ”
ธาวินยกกาแฟขึ้นจิบไม่พูดอะไร ญาดามีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
บุญทันขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพิพัฒน์ ธาวินเดินออกมาจากบ้าน บุญทันเปิดประตูรถให้ ธาวินจะก้าวขึ้นรถ ญาดาวิ่งตามลงมาแล้วเรียก
“เดี๋ยวค่ะคุณภู”
บุญทันกับธาวินชะงัก
“มีอะไรตาล” ธาวินถาม
“ตาลไปด้วยนะคะ”
“เอ่อ...”
ธาวินมองหน้าบุญทันราวกับจะขอความช่วยเหลือ
“แต่คุณภูไปทำงานนะครับ ไม่ได้ไปเที่ยว” บูญทันว่า
“ชั้นรู้”
ญาดาหันมาพูดกับธาวิน
“ตาลอยู่บ้านคนเดียวมันเบื่อน่ะค่ะ ให้ตาลนั่งรถเล่นไปด้วยคนนะคะ ตาลไม่ยุ่งกับงานคุณภูหรอกค่ะ”
ธาวินสบสายตากับบุญทัน
“ว่าไงบุญทัน”
“ทำไมต้องถามบุญทันด้วยคะ”
“อ๋อ ผมหมายถึงว่าบุญทันจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“นายมีปัญหาหรือบุญทัน ถ้าชั้นจะไปด้วย” ญาดาถาม
“ไม่มีครับ เชิญครับ”
ญาดาเดินนำขึ้นไปนั่งในรถ ธาวินมองหน้าบุญทันก่อนจะขึ้นตามไป บุญทันปิดประตูแล้วเดินไปขึ้นรถ เอนกยืนอยู่มุมหนึ่งมองตามรถที่บุญทันขับออกไปแล้วกดโทรศัพท์
“ออกไปแล้วนะ”
บุญทันขับรถขณะสายตาเหลือบมองกระจกหลัง เห็นญาดานั่งมองซ้าย มองขวา เดี๋ยวมองหลังอย่างคนระแวง วินเหลือบมองแล้วถาม
“มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ตาลแค่มองถนนน่ะค่ะว่าแถวนี้มันที่ไหน”
“ผมไปที่สนามกอล์ฟเลยนะครับ คุณภู” บุญทันว่า
“อืมม์ นายรู้ที่ใช่มั้ย”
“รู้ครับ”
ธาวินหันกลับมามองญาดาที่ยิ้มให้
รถขับไปตามทาง จนมาเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้าของสนามกอล์ฟ ธาวินและญาดาก้าวลงจากรถ ผู้จัดการสนามกอล์ฟเข้ามาแนะนำตัว
“สวัสดีครับคุณภูบดี ผมประสิทธิ์เป็นผู้จัดการที่นี่ครับ”
“หวัดดีครับ นี่คุณตาลภรรยาผม”
“สวัสดีครับคุณตาล เชิญด้านนี้ครับ”
ประสิทธิ์เดินนำญาดากับธาวินไปที่ล็อบบี้
เอนกเดินถือโทรศัพท์ในมือแล้วเดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจ มณทกานต์ลงมาจากชั้นบนเพื่อเปิดตู้เย็นรินน้ำเย็นดื่ม เหลือบมองเห็นพ่อเดินไปมาคอยดูโทรศัพท์ตลอดเวลา
“พ่อรอโทรศัพท์ใครหรือคะ”
“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร”
เอนกรีบเดินขึ้นชั้นบนไป มณทกานต์มองตามอย่างแปลกใจ
ประสิทธิ์นำแผนที่ในสนามกอล์ฟมากางให้ธาวินดูโดยมีญาดานั่งอยู่ด้วย ส่วนบุญทันยืนอยู่ห่างออกไป ประสิทธิ์อธิบาย
“พื้นที่ส่วนสนามกอลฟ์ของเราจะแบ่งเป็นสามโซนครับ ด้านนี้เป็นโซนA ด้านนี้เป็นโซนB ส่วนโซนC ตอนนี้เราปิดไม่ได้ให้บริการครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“ตอนที่น้ำท่วมส่วนโซน C ได้รับความเสียหายครับ”
ธาวินมองตามแผนที่ ขณะที่ญาดามองไปรอบบริเวณอย่างสำรวจและไม่ได้สนใจฟังการสนทนาของธาวินกับประสิทธิ์จนธาวินรู้สึกได้ จึงบอกว่า
“ถ้าตาลเบื่อจะไปเดินเล่นก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตาลไม่เบื่อ ตาลนั่งอยู่กับคุณภูดีกว่า”
ญาดาส่งยิ้มให้ ธาวินยิ้มตอบเล้วหลือบมองไปที่บุญทัน
บุญทันมองญาดาอย่างไม่ชอบใจรู้สึกรำคาญที่ญาดาเกาะติดธาวินได้แต่ฝืนยิ้มอย่างเสียไม่ได้
“แล้วปัจจุบันนี่เรามีลูกค้ามาใช้สนามมากน้อยแค่ไหนครับ” ธาวินถาม
“จริงๆแล้วถ้าปีที่แล้วไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วม ผมคิดว่ายอดลูกค้าจะสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
ประสิทธิ์ส่งสมุดบันทึกรายงานให้ ธาวินเปิดดู
“คุณภูอยากจะดูพื้นที่จริงมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะพานั่งรถดูรอบๆ”
“ดีครับ”
“งั้นรอซักครู่นะครับ” ประสิทธิ์บอก
สายตาใครบางคนมองเห็นประสิทธิ์ลุกเดินออกไป ธาวินยกน้ำขึ้นจิบแล้วนั่งเปิดดูเอกสารต่อ
ภายในห้องเอนก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอนกซึ่งเดินไปมาอยู่รีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหล เจอตัวแล้วใช่มั้ย อย่าให้พลาดนะชีวิตชั้นขึ้นอยู่กับแก”
มือปืนในชุดตีกอล์ฟตอบกลับว่า
“ครับ นายไม่ต้องห่วง”
มือปืนวางสายแล้วโผล่หน้าออกมามองธาวินอีกครั้ง
ขณะนั้น ประสิทธิ์ พาญาดา ธาวินและบุญทันขึ้นรถกอล์ฟออกวิ่งไปในสนาม ประสิทธิ์อธิบาย ธาวินซักถาม บุญทันนิ่งฟังอย่างตั้งใจ ส่วนญาดามองไปรอบๆอย่างระแวง
เมื่อเสร็จกิจ รถกอล์ฟขับเข้ามาส่ง ทุกคนก้าวลงจากรถ ธาวินพูดขึ้น
“เดี๋ยวผมจะคุยสรุปกับคุณเอนกอีกครั้งนะครับ”
“ครับ ถ้าจะปรับปรุงยังไงต้องบอกล่วงหน้าซักสามเดือนนะครับ เราจะได้ยกเลิกแขกที่จองมาทางอินเตอร์เน็ต”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวเชิญคุณภูกับคุณตาลทานอะไรที่ห้องอาหารก่อนนะครับแล้วค่อยกลับ” ประสิทธิ์บอก
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปหาอะไรทานข้างนอก”
“เอางั้นหรือครับ”
“ครับ ห้องน้ำอยู่ทางไหนครับ ผมจะขอเข้าห้องน้ำหน่อย” ธาวินถาม
“ทางนี้เลยครับ”
ประสิทธิ์จะเดินนำไป แต่ธาวินบอก
“ไม่เป็นไรครับคุณประสิทธิ์ เดี๋ยวผมไปเอง”
“งั้นผมไปเอารถนะครับคุณภู” บุญทันบอก
ธาวินพยักหน้าจะเดินออก
“ตาลไปด้วยค่ะ”
ญาดาเดินตามธาวินออกไป บุญทันมองตามแล้วส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้
“ยัยนี่ติดไอ้ภูยังกะหมากฝรั่ง”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 7
ญาดากับธาวินเดินมาตามทางเพื่อจะไปห้องน้ำ เส้นทางนั้นมีคนเดินสวนไปมา
“ทำไมคุณภูต้องให้บุญทันนั่งรถกอล์ฟไปกับเราด้วย” ญาดาถาม
“ก็ผมเห็นว่าเรามาด้วยกัน”
“แต่เค้าเป็นคนขับรถนะคะ ไม่ควรให้เค้ามาฟังเรื่องธุรกิจ เดี๋ยวเกิดปากเสียเอาไปพูดเม้าท์มันจะไม่ดี” ญาดาเตือน
ธาวินนึกขำ
“บุญทันเค้าไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นหรอก”
“คุณภูพูดเหมือนรู้จักเค้าดี”
“เอ่อ ไม่ใช่ ผมหมายถึงท่าทางเค้าไม่ใช่คนช่างพูด”
มือปืนโผล่หน้ามามองแล้วเดินตาม ญาดากับธาวินเดินเลี้ยวมาหน้าห้องน้ำ
“คุณภูเข้าเถอะค่ะ เดี๋ยวตาลจะรอข้างนอก”
“อ้าว ตาลไม่เข้าหรือ”
“ไม่ค่ะ ตาลมาเป็นเพื่อนเฉยๆ”
ญาดายิ้มให้ ธาวินพยักหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป มือปืนที่แอบลอบมองอยู่ก็ชักปืนออกมาจากเอวเพื่อเตรียมตัว
หลังทำธุระเสร็จ ธาวินเดินออกมาหาญาดาแล้วบอก
“ไป เรียบร้อยแล้ว”
ญาดากับธาวินเดินกลับมายังทางเส้นเดิม มือปืนก้าวออกมายกปืนจะยิงธาวิน ทั้งญาดากับธาวินตะลึง อึ้งไป
มือปืนเหนี่ยวไก ญาดาตกใจเอาตัวเข้าขวางธาวินไว้ กระสุนทะลุเข้าร่างญาดา
“ตาล” ธาวินตะโกนร้องเรียกชื่อลั่น แล้วกอดตาลที่เลือดท่วมตัวไว้
รปภ.วิ่งเข้ามา มือปืนวิ่งหนีออกไป รปภ.วิ่งไล่ตาม
“ตาล ตาล”
บุญทันวิ่งเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนจะยิงชั้น แต่เธอเอาตัวเข้ารับกระสุน” ธาวินบอก
“พาเธอไปส่งโรงพยาบาลก่อน” บุญทันบอก
ธาวินอุ้มญาดาวิ่งออกไปขึ้นรถ
ญาดาหมดสตินอนอยู่บนเตียงรถเข็นของโรงพยาบาลที่กำลังเข็นมาอย่างรวดเร็ว ธาวินวิ่งตามร้องเรียก
“ตาล คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”
ภายในห้องรับแขก พิพัฒน์เดินเข้ามานั่ง ปรารภรีบรายงานเรื่องญาดาโดนยิงให้ทราบ
“ว่าไงนะ หนูตาลถูกยิงงั้นหรือ”
“ใช่ครับ คุณภูโทรบอกผมเมื่อซักครู่นี้”
“แล้วตอนนี้เป็นยังไง”
“เห็นหมอบอกว่าอาการสาหัสครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมหนูตาลถึงถูกยิง”
“คุณภูเล่าว่าคนร้ายต้องการยิงคุณภู แต่คุณตาลเอาตัวเข้ามาบังครับ”
“ใครกันที่มันคิดจะฆ่าหลานชั้น”
“ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับคนร้ายอยู่ เดี๋ยวผมจะไปโรงพยาบาล ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะโทรบอกท่านนะครับ”
“ชั้นไปด้วย”
“ผมว่าท่านอย่าไปเลยครับอยู่ฟังข่าวทางนี้ดีกว่า”
“ชั้นอยู่เฉยไม่ได้หรอก หนูตาลก็เหมือนเป็นหลานชั้นคนนึง”
“งั้นก็เชิญครับ”
พิพัฒน์เดินออก ปรารภเดินตามทันที
บริเวณหน้าห้องผ่าตัด ธาวินเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ บุญทันนั่งรออยู่ด้วย
“ทำไมหมอไม่ออกมาซะที”
“ใจเย็นน่า ชั้นว่าเธอคงไม่เป็นอะไรหรอก หมอต้องช่วยเธอได้” บุญทันว่า
“ใจเย็นหรือ ตาลเค้าถูกยิงเพราะชั้นนะ แกยังบอกให้ชั้นใจเย็นอีกหรือไอ้ภู ถ้าเค้าตายไปใครจะรับผิดชอบ” ธาวินโวยวายลั่น
“นี่แกเป็นบ้าอะไร ชั้นรู้แล้วว่าเค้าถูกยิงเพราะช่วยแก แต่แกไม่เห็นต้องประสาทเสียขนาดนี้”
“ใช่สิ แกไม่ประสาทเสียหรอก เพราะแกไม่ได้เป็นอะไรกับเค้านี่”
“แล้วแกเป็นอะไรกับเค้า เค้าไม่ได้เป็นเมียแกจริงๆนะโว้ย”
“แต่เค้าช่วยชีวิตชั้นไว้ ถ้าไม่ใช่เค้าป่านนี้ชั้นตายไปแล้ว”
“เออ ชั้นรู้แล้วว่าเค้าช่วยชีวิตแก แล้วจะให้ทำไง หรือแกจะเข้าไปผ่าตัดเค้าเอง เอามั้ย หา”
ธาวินเจอบุญทันโวยกลับก็เงียบลง
“ชั้นว่าแกนั่งลงแล้วสงบสติอารมณ์ซะบ้าง เดี๋ยวหมอเค้าก็ออกมา” บุญทันบอก
ธาวินถอนหายใจแล้วนั่งลงอย่างหงุดหงิดและเป็นกังวลด้วยความเป็นห่วงญาดา บุญทันมองหน้าธาวินแล้วถาม
“ถามจริง แกชอบเค้าใช่มั้ย”
“ชั้นไม่รู้ ชั้นรู้แต่ว่าชั้นให้เค้าตายไม่ได้ แกเข้าใจรึเปล่าไอ้ภูว่าเค้าตายไม่ได้”
ธาวินบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง บุญทันมองอึ้ง
“ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่ใช่แค่ชอบแล้วล่ะ”
“ออ ใช่ ชั้นรักเค้า มีอะไรรึเปล่า” ธาวินบอกด้วยน้ำเสียงหงุหงิดปนหาเรื่อง
“ก็เรื่องของแกสิ ไม่เกี่ยวกับชั้น”
ธาวินมองบุญทันอย่างหงุดหงิด บุญทันเมินหน้าไปอีกทางแล้วพยายามคิดว่าใครเป็นคนสั่งยิง หมอออกมาจากห้องผ่าตัดพอดี ธาวินลุกขึ้นถาม
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่กระสุนเฉียดปอดไปนิดเดียว”
“ผมเข้าไปดูเธอได้มั้ยครับ”
“อย่าเพิ่งเลยครับ ตอนนี้เธอยังไม่ได้สติ รอให้เธอฟื้นก่อนดีกว่า”
“ครับ”
ธาวินถอนหายใจโล่งอกแล้วว่า
“ขอบคุณพระเจ้า”
ธาวินลงนั่งสูดลมหายใจลึก บุญทันหันมามองแล้วพลอยถอนหายใจอย่างโล่งอกไปด้วย
เอนกเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอยู่ในห้องแล้วกดโทรศัพท์
“ทำไมมันไม่รับโทรศัพท์วะ”
ภายในโรงพยาบาล ปรารภกับพิพัฒน์เดินเข้ามาเจอวินและบุญทัน
“หนูตาลเป็นยังไงบ้าง”
“หมอบอกว่าปลอดภัยแล้วครับ”
พิพัฒน์ถอนใจอย่างโล่งอกแล้วถาม
“แล้วเห็นหน้าคนร้ายรึเปล่า”
“เห็นครับ แต่ผมไม่รู้จักมัน”
เสียงโทรศัพท์มือถือของปรารภดัง ปรารภกดรับทันที
“ฮัลโหล ได้ตัวแล้วหรือ”
ธาวิน พิพัฒน์และบุญทันมองไปมองปรารภเป็นตาเดียว
“อะไรนะ จริงหรือ ขอบใจมาก”
ปรารภวางสาย สีหน้าไม่เป็นปกติจนพิพัฒน์ต้องถาม
“มีอะไรปรารภ”
“ตำรวจบอกว่าจับคนร้ายได้แล้วครับ แต่มันซัดทอดว่าคุณเอนกเป็นคนว่าจ้าง”
“อะไรนะ”
ธาวินกับบุญทันมองหน้ากัน
“ตอนนี้ตำรวจกำลังไปเอาตัวคุณเอนกมาสอบปากคำครับ” ปรารภบอก
“จริงหรือ”
พิพัฒน์ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง ส่วนธาวินกับบุญทันมีสีหน้าเครียด
ภายในบ้านเอนก สาวใช้เดินนำตำรวจสามนายเดินเข้ามาที่บ้าน ขณะนั้น มณทกานต์กำลังนั่งกินข้าวอยู่ สาวใช้พูดขึ้น
“คุณเมย์คะ ตำรวจมาขอพบคุณพ่อค่ะ”
“มีเรื่องอะไร”
“สวัสดีครับ คุณเอนกอยู่มั้ยครับ” ตำรวจถาม
“อยู่ข้างบนค่ะ มีอะไรหรือคะ”
“มีคนซัดทอดว่าคุณเอนกเป็นผู้ว่าจ้างให้ไปยิงคุณภูบดีครับ”
“อะไรนะคะ ยิงคุณภูบดี”
“ใช่ครับ ขอโทษนะครับ”
ตำรวจเดินขึ้นไปที่ชั้นบน มณทกานต์ได้แต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก
บริเวณหน้าห้องนอนของเอนก ตำรวจกระชากปืนออกมาเตรียมป้องกันตัวแล้วเคาะประตู
“คุณเอนกครับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เราได้รับแจ้งว่าคุณเป็นผู้ว่าจ้างให้นายชัยไปยิงคุณภูบดี”
ภายในห้อง เอนกมีสีหน้าอึ้งไป
“นี่ไอ้ชัยถูกจับหรือ”
“ขอให้คุณออกมามอบตัวด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจบอก
ที่ด้านนอก ตำรวจมองหน้ากันแล้วขยับลูกบิด ประตูล็อก
“ออกมามอบตัวเถอะครับ”
ภายในห้อง เอนกอยู่ท่ามกลางความสับสน
“ถ้าเรามอบตัวคุณพ่อต้องไม่ให้อภัยเราแน่ เอาไงดี”
เอนกเปิดลิ้นชักหยิบปืนออกมาดู
“อย่าให้เราต้องใช้กำลังกันเลยครับคุณเอนก” ตำรวจบอก
เอนกมองปืนแล้วมองไปที่ประตูแล้วคิดลังเลไปมา ตำรวจพยักหน้าให้ลูกน้อง เอนกมองปืนอีกครั้งราวกับตัดสินใจ
ลูกน้องตำรวจพุ่งตัวเข้ากระแทกประตู พร้อมกับเสียงปืนดัง ปัง
บริเวณชั้นล่าง มณทกานต์ได้ยินเสียงปืนก็ตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติก็รีบวิ่งขึ้นชั้นบนทันที
“พ่อ! ”
ตำรวจพุ่งตัวเข้ามาก็เห็นเอนกนอนจมกองเลือด มณทกานต์วิ่งเข้าไปกอดศพในห้องจึงรู้ว่า เอนกใช้ปืนจ่อยิงที่ขมับตัวเอง
“พ่อ พ่อคะ พ่อ ทำไมทำแบบนี้ พ่อ”
มณทกานต์กอดศพเอนกร้องไห้สะอึกสะอื้น
เวลากลางคืนวันเดียวกัน ปรารภเดินมาหาพิพัฒน์และธาวินกับบุญทันที่บริเวณล็อบบี้โรงพยาบาล
“ว่าไงปรารภ เค้าได้ตัวเอนกมั้ย” พิพัฒน์ถามขึ้น
“คุณเอนกยิงตัวตายครับท่าน” ปรารภรายงาน
“หา จริงหรือ”
ธาวินกับบุญทันมองหน้ากัน ปรารภรายงานต่อ
“ครับ ตำรวจเพิ่งโทรมาบอกผมว่าคุณเอนกยิงตัวตาย”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย หมายความว่าเอนกเป็นคนสั่งยิงนายภูจริงงั้นหรือ”
“ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ครับ เดี๋ยวคงจะมาสอบปากคำคุณภู”
“ทำไมเอนกมันถึงทำแบบนี้”
พิพัฒน์ถึงกับหมดแรงและผิดหวัง
“ผมว่าคุณปู่กลับไปพักก่อนดีมั้ยครับ” ธาวินว่า
ปรารภสนับสนุนเห็นด้วย
“นั่นสิครับ ผมว่าท่านกลับบ้านก่อนดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้คุณตาลก็ปลอดภัยแล้ว”
“บุญทันแกอยู่เป็นเพื่อนคุณภูนะ” พิพัฒน์สั่ง
“ครับ”
ปรารภประคองพาพิพัฒน์เดินออกไป ธาวินกับบุญทันหันมามองหน้ากัน
“แสดงว่าอาเอนกโกงบัญชีจริง ๆ เค้าถึงกลัวว่าเราจะจับได้เลยชิงลงมือสั่งยิงชั้นก่อน”
“นับว่าเค้าเลือดเย็นมากนะที่ทำแบบนี้” บุญทันบอก
“แกว่าเค้าจะเป็นคนที่ฆ่าคุณลุงภาคินมั้ย” ธาวินถาม
“ก็อาจจะเป็นไปได้ เค้าอาจจะฆ่าปิดปากลุงภาคิน เพื่อไม่ให้บอกคุณปู่เรื่องโกงเงินบริษัท”
ธาวินพยักหน้าถอนหายใจแล้วบอกว่า
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเงินมันจะทำให้คนเรากล้าทำเรื่องโง่ๆแบบนี้”
บุญทันนึกถึงมณทกานต์ก็ชะงักและบอกธาวิน
“น้องเมย์ เดี๋ยวชั้นมานะ”
“แกจะไปไหน”
“ชั้นจะไปดูน้องเมย์”
ธาวินพยักหน้า บุญทันรีบเดินออกไปทันที
ภายในห้องนอนคนไข้ในเวลากลางคืน ญาดานอนหลับอยู่บนเตียง ข้างตัวมีเสาที่ห้อยถุงน้ำเกลืออยู่ ธาวินเปิดประตูเดินเข้าห้องมาที่เตียง ธาวินจับมือญาดาที่ยังหลับอยู่ขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา ญาดาขยับลืมตาตื่นด้วยอาการเบลอๆเพราะยังมีฤทธิ์ของอาการเมายาสลบอยู่ ญาดาเรียกเสียงแผ่ว
“คุณภู ”
“ตาลเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน”
ญาดาส่ายหน้าแล้วยิ้มให้
“ไม่ค่ะ คุณภูเป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมปลอดภัย ตาลต่างหากที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะผม ผมขอโทษนะ ตาลหลับเถอะ เดี๋ยวผมจะนั่งเป็นเพื่อนอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน”
ญาดาพยักหน้าแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ธาวินลงนั่งข้างเตียงกุมมือตาลไว้
ในเวลาเดียวกัน มณทกานต์นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในบ้าน บุญทันเดินเข้ามาหยุดมองแล้วเดินเข้าไปหา มณทกานต์เงยหน้ามอง บุญทันนั่งลงข้างๆ
“ผมเสียใจด้วย” บุญทันบอก
น้ำตาอาบแก้มมณทกานต์ บุญทันเช็ดน้ำตาให้ มณทกานต์โผเข้ากอดบุญทันร้องไห้สะอึกสะอื้น
ภายในห้องคนไข้ ธาวินนั่งมองญาดาอยู่ข้างเตียง แล้วนึกถึงคำพูดของบุญทัน
“ก็แสดงว่าเค้าตั้งใจจะจับแกจริงจังน่ะสิ”
“ชั้นว่าแกมองตาลเค้าแง่ร้ายเกินไป”
“แล้วแกว่าเค้ามีมุมไหนที่เรามองแง่ดีได้บ้าง ชั้นบอกตามตรงเลยนะ แกควรจะหาทางเลิกกับเค้าซะ”
และภาพที่มือปืนยกปืนจะยิงแล้วญาดาเอาตัวเข้าบังกระสุน
ธาวินเพ่งมองญาดาแล้วบอก
“ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณ ผมสัญญาผมจะรักและดูแลคุณตลอดไป”
ธาวินยกมือญาดาขึ้นมาจูบอย่างเนิ่นนาน ญาดายังหลับไม่รู้เรื่อง
ภายในบ้าน มณทกานต์เงยมองบุญทัน น้ำตายังคลอรื้นที่ดวงตา บุญทันแนะนำว่า
“ผมว่าคุณควรจะขึ้นนอนได้แล้วนะครับ เพราะพรุ่งนี้มีเรื่องที่คุณต้องทำอีกเยอะ”
“ชั้นนอนไม่หลับหรอก แล้วอีกอย่างชั้นต้องรอพี่เอ ตอนนี้พี่เอกำลังไปคุยกับตำรวจ”
“งั้นผมจะนั่งเป็นเพื่อนคุณ คุณหิวรึเปล่า”
“ไม่ ชั้นไม่หิว”
“งั้นดื่มอะไรเย็นๆหน่อยดีมั้ยครับ เดี๋ยวผมหยิบให้”
มณทกานต์พยักหน้า บุญทันลุกเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำแอปเปิลเทใส่แก้วเดินเอามาให้
“นี่ครับ น้ำแอปเปิล”
“ขอบคุณ”
มณทกานต์ยกน้ำแอปเปิลขึ้นดื่มแล้วบอก
“แล้วนายล่ะ นายอยากดื่มอะไรก็หยิบได้เลยนะ”
“ไม่ล่ะครับ”
มณทกานต์น้ำตาคลอมองหน้า บุญทันยิ้มให้อย่างปลอบใจ
“พ่อไม่น่าทำแบบนี้เลย ทำไมพ่อต้องฆ่าตัวตายด้วย”
“บางทีท่านอาจจะมีเรื่องอะไรที่หาทางออกไม่ได้”
“แต่พ่อไม่คิดถึงชั้นเลยหรือว่าชั้นจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพ่อ ทำไมพ่อต้องทิ้งชั้นไปด้วย”
มณทกานต์ปิดหน้าร้องไห้ บุญทันมองอย่างเห็นใจ
อนุทินเดินเข้าบ้านมาก็ชะงักที่เห็นบุญทันนั่งอยู่กับมณทกานต์
“ไอ้บุญทัน แกเข้ามาทำอะไรในบ้านชั้น” อนุทินตวาด
“ผมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณเมย์” บุญทันบอก
“ตำรวจว่าไงบ้างพี่เอ” มณทกานต์ถาม
“มันบอกว่าพ่อเป็นคนสั่งฆ่าไอ้ภูบดี”
“ไม่จริงใช่มั้ยพี่เอ พ่อต้องไม่ทำแบบนั้น”
“พรุ่งนี้ตำรวจเค้าจะสอบปากคำไอ้ภูบดี ชั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะให้การว่าไง”
บุญทันยืนมองอยู่ อนุทินหันมาเห็นพอดี
“เอาล่ะ แกไปได้แล้ว แล้วคราวหน้าคราวหลังก็ไม่ต้องสะเออะเข้ามาบ้านชั้นอีกนะ”
บุญทันมองหน้าอนุทินอย่างไม่ค่อยพอใจแต่พยายามควบคุมอารมณ์ไว้
“ผมไปนะครับคุณเมย์”
มณทกานต์พยักหน้าตอบ บุญทันเดินออกจากบ้านไป อนุทินมองตามด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดว่า
“ถึงคุณปู่จะให้แกแต่งงานกับมัน ก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นยอมรับมันหรอกนะ”
มณทกานต์หน้าสลด อนุทินเดินขึ้นบ้านไปอย่างไม่สนใจ มณทกานต์นั่งน้ำตาไหลรินอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว
เช้าวันใหม่ แสงแดดอ่อนสาดเข้ามาในห้องพักคนไข้ญาดาขยับตัวลืมตาตื่นมองเห็นธาวินนอนหลับฟุบอยู่ ข้างเตียง ญาดาอมยิ้มแล้วเรียก
“คุณภูคะ”
ธาวินขยับตัวตื่น
“อ้าว ตาลตื่นแล้วหรือ”
“ทำไมมานั่งหลับอยู่ล่ะค่ะ เมื่อยแย่เลย”
“ผมเป็นห่วงตาล ตาลเป็นไงบ้าง เมื่อคืนตาลละเมอทั้งคืนเลยรู้มั้ย”
“จริงหรือคะ ละเมออะไร”
“ร้องงึมงัมไม่รู้เรื่อง สงสัยคงจะเจ็บแผล แล้วนี่ดีขึ้นมั้ย”
“ก็ยังเจ็บอยู่น่ะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปบอกพยาบาลก่อนนะว่าตาลตื่นแล้ว”
“ค่ะ”
ธาวินมองหน้าญาดาแล้วก้มลงจูบที่หน้าผาก
“ผมรักตาลนะ”
“ตาลก็รักคุณค่ะ”
ญาดายิ้มอย่างตื้นตันใจและปลื้มใจ ธาวินหันเดินออกไปจากห้อง
โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 7
เช้าวันเดียวกัน พิพัฒน์นั่งอยู่กับนภาและปารมีในห้องรับแขก
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะคุณลุง ว่าคุณเอนกจะกล้าสั่งให้คนไปฆ่านายภู เสียแรงที่คุณลุงรักและไว้ใจ” นภาว่า
“นั่นสิคะคุณปู่ โชคดีมากๆเลยนะคะที่พี่ตาลปลอดภัย”
“เอาล่ะ ชั้นว่าเราหยุดวิพากษ์วิจารณ์กันซะที มีใครไปเรียกเจ้าเอกับยัยเมย์รึยัง” พิพัฒน์ว่า
“นภาให้ต้นหอมไปเรียกแล้วค่ะ”
มณทกานต์กับอนุทินเดินเข้ามา ลงนั่ง อนุทินถามขึ้น
“คุณปู่เรียกเราสองคนหรือครับ”
“ใช่ ปู่เสียใจด้วยเรื่องพ่อแก ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัวเรา”
“แต่ผมคิดว่าพ่อถูกใส่ร้ายครับ พ่อไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าภูบดีนะครับ” อนุทินว่า
“ถ้าพ่อแกไม่ได้ทำแล้วมันจะยิงตัวตายทำไม” พิพัฒน์ถาม
อนุทินอึ้งไป
“ผมไม่รู้ แต่ผมไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่พ่อจะทำแบบนั้น พ่อทั้งรักและเคารพคุณปู่มากนะครับ”
“ใช่ค่ะคุณปู่ เมย์ว่าพ่อไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก” มณทกานต์ว่า
ปรารภเดินเข้ามาในห้องพอดี
“ขอโทษครับท่าน”
“ว่าไงปรารภ”
“เมื่อเช้าตำรวจสอบปากคำคุณภูแล้ว ได้ข้อสรุปว่าคุณเอนกโกงเงินบริษัทครับ”
พิพัฒน์กับมณทกานต์มีสีหน้าอึ้งไป ปารมีกับนภามองหน้ากัน อนุทินโวยวายใส่ปรารภ
“นี่คุณพูดอะไร”
“คุณเอฟังให้จบก่อนนะครับ คืออย่างนี้ครับท่าน คุณภูกำลังสงสัยว่าบัญชีของปีที่ผ่านมาจะมีปัญหาก็เลยเรียกตรวจสอบ แต่คุณเอนกคงกลัวความผิดก็เลยคิดที่จะฆ่าปิดปากคุณภู” ปรารภอธิบาย
“ไม่จริง คุณใส่ร้ายพ่อผม” อนุทินบอก
“ผมไม่ได้ใส่ร้ายนะครับ ตำรวจเค้าสรุปจากการให้ปากคำของคุณภู” ปรารภว่า
“นั่นแหละ ไอ้ภูบดีมันใส่ร้ายพ่อผม คุณปู่อย่าไปเชื่อนะครับพ่อไม่มีทางโกงเงินบริษัทแน่” อนุทินพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ
“เอาล่ะ เจ้าเอ แกใจเย็น คุณปรารภเค้าก็พูดตามที่ตำรวจบอก ไม่ว่าพ่อแกจะทำหรือไม่ทำตอนนี้เค้าก็ตายไปแล้ว และที่ปู่เรียกแกสองคนมา ก็เพราะจะบอกให้รู้ว่าปู่จะจัดงานศพพ่อแกให้เงียบที่สุด เพราะปู่ไม่อยากให้คนมาขุดคุ้ยเรื่องในครอบครัวเรา... นภา” พิพัฒน์ตัดบทแล้วเรียก
“คะ คุณลุง”
“เป็นธุระจัดการเรื่องงานศพเอนกให้ด้วย” พิพัฒน์บอก
“ได้ค่ะ”
“เอาล่ะ พวกแกไปได้แล้ว ปู่มีเรื่องจะพูดแค่นี้”
อนุทินกับมณทกานต์เดินลุกออกไป ปารมีกับนภาเดินตามไป
พิพัฒน์พูดกับปรารภที่อยู่ลำพังในห้อง
“นี่ขนาดชั้นรักมันเหมือนลูก มันยังกล้าทำกับชั้นขนาดนี้ เป็นเพราะเงินหรือปรารภคนเราถึงยอมทำได้ทุกอย่าง”
“ผมว่าเป็นเพราะคนเราไม่รู้จักพอมากกว่าครับ”
พิพัฒน์ถอนหายใจด้วยความหดหู่
อนุทินเดินออกจากบ้านพิพัฒน์ด้วยอารมณ์โกรธ โดยมีมณทกานต์เดินตามมาแล้วพูดขึ้น
“อย่าไปโกรธพี่ภูเค้าเลยพี่เอ เค้าก็คงพูดไปตามความจริง”
“ความจริงอะไร นี่แกก็เชื่อมันหรือว่าพ่อเราโกง”
“แต่ถ้าพ่อไม่ได้ทำ ทำไมพ่อต้องฆ่าตัวตายหนีความจริงด้วย”
“แกมันไม่ใช่ลูกพ่อ ขนาดพ่อตายแกยังไม่เข้าข้าง”
อนุทินเดินผละออกไป มณทกานต์มองตามอย่างหดหู่ ปารมีกับนภาเดินตามออกมา ปารมีพูดจากระแนะกระแหนใส่ทันที
“ในที่สุดพ่อเธอก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วนะ มิน่าพ่อเป็นแบบนี้ลูกถึงได้รับดีเอ็นเอชั่วๆ”
“นี่แกหาเรื่องชั้นอีกแล้วนะ” มณทกานต์ว่า
“นี่ หนูเมย์ ตอนนี้เธอไม่มีพ่อคุ้มหัวแล้ว ชั้นว่าเธอควรจะเจียมตัวหน่อยนะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวนัก ไป ยัยปา อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือลูก”
นภาพูดแล้วก็ดึงแขนปารมีออกไป มณทกานต์มองตามด้วยความโกรธ
ภายในบ้านนภาเวลากลางวัน นภาคุยกับปารมี
“จะว่าไปคุณเอนกก็ไม่น่าคิดทำเรื่องแบบนี้เลย”
“ทำไมอยู่ๆแม่ถึงเห็นใจอาเอนกล่ะคะ ก่อนหน้านี้หนูเห็นแม่ทะเลาะกับเค้าบ่อยๆ”
“ก็แค่ทะเลาะมีปากเสียงกัน แม่ไม่ได้อยากให้เค้าตายเมื่อไหร่”
“แต่หนูก็เสียดายนะคะ มีโอกาสทั้งที มือปืนมันน่าจะยิงเมียพี่ภูให้ตาย”
นภาสะดุ้งนึกไม่ถึงว่าปารมีจะมีความคิดแบบนี้
“พูดอะไรน่ะลูก”
นภามองหน้า ปารมียิ้มกลบเกลื่อนทันที
“หนูพูดเล่นน่ะค่ะแม่ ก็แม่เคยบอกว่าอยากให้หนูเป็นสะใภ้คุณปู่ไม่ใช่หรือ”
“ไอ้นั่นก็ใช่ แต่แม่ไม่ได้หมายถึงต้องฆ่าแกงกันนะ”
“ถ้าไม่ฆ่าแกงเค้า หนูก็คงหมดโอกาสล่ะค่ะแม่”
ปารมีพูดอย่างมีความหมายแล้วเดินออกไป นภามองตาม
“ทำไมพักนี้ยัยปาพูดอะไรแปลกๆอยู่เรื่อย”
ภายในห้องคนไข้ เวลาเดียวกัน ธาวินในชุดใหม่เล่าเรื่องเอนกให้ญาดาฟัง ญาดารับฟังด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณเอนกฆ่าตัวตายหรือคะ”
“ใช่ แกคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณปู่”
“มิน่า...”
“มิน่าอะไร” ธาวินถาม
“ตาลได้ยินคุณเอนกพูดโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้บอกว่าให้อุ้มคุณภูหายไปจากเมืองไทย ตอนนั้นตาลก็แอบสงสัยว่าเค้าคิดจะทำอะไรคุณภู”
“แล้วทำไมตาลไม่บอกผม”
“ตาลไม่แน่ใจน่ะค่ะ กะว่าจะเล่าให้คุณภูฟังอยู่เหมือนกันแต่มาเกิดเรื่องซะก่อน”
“ทีหลังได้ยินหรือเห็นอะไรผิดสังเกตต้องรีบบอกผมนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“ค่ะ ตาลขอโทษ ตาลเกือบทำให้คุณภูรับเคราะห์ซะแล้ว”
“ไม่ใช่ผม ตาลต่างหากที่มารับเคราะห์แทน ผมถามจริงๆ คิดยังไงถึงเอาตัวเข้าไปรับกระสุนแทนผม”
“ก็ตอนนั้นตาลตกใจกลัวว่าเค้าจะยิงคุณภู”
“แล้วตาลไม่กลัวตายหรือ”
“ตอนนั้นไม่ได้นึกหรอกค่ะ นึกแต่ว่าเป็นห่วงคุณ”
“รู้มั้ยว่าผมปลื้มมากเลยนะที่รู้ว่าตาลรักผมมากขนาดนี้”
ญาดายิ้มเขิน
“แล้วถ้าเป็นคุณภูล่ะคะ คุณภูจะเอาตัวรับกระสุนให้ตาลบ้างรึเปล่า”
“แน่นอน อย่าว่าแต่ตัวเลย ผมจะเอาหัวใจรับกระสุนแทนตาล”
“อื้อหือ คุณภูอ่ะ ลิเกที่สุดเลย”
“แล้วชอบรึเปล่าล่ะ”
ญาดายิ้มพยักหน้าบอก “ชอบ”
ธาวินชี้ไปที่แก้มตัวเอง
“ให้ผมจุ๊บทีได้มั้ย”
“ได้”
ญาดายิ้มเอียงแก้มให้อย่างน่ารัก ธาวินเข้ามาหอมแก้ม ทั้งสองสบตากัน วินเคลื่อนหน้าจะเข้ามาจูบ ญาดาหลับตาพริ้มแต่ไม่ทันได้จูบ บุญทันก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน
ญาดากับธาวินสะดุ้งตกใจ บุญทันรีบบอก
“ขอโทษครับ”
ธาวินมองบุญทันอย่างขัดใจ
“มีอะไรบุญทัน”
“คือ คุณท่านให้เอาเป๋าฮื้อตุ๋นมาให้คุณตาลครับ”
“เอาวางไว้บนโต๊ะ” ญาดาบอก
“ครับ”
บุญทันหยิบเอาทัปเปอร์แวร์ใส่เป๋าฮื้อวางบนโต๊ะแล้วหันมามองหน้าธาวิน
“ผมอยู่ข้างนอกนะครับ”
“อืมม์”
บุญทันเดินออกจากห้องไป ญาดามองตามด้วยสายตาสงสัย
“ทำไมเค้าต้องบอกด้วยว่าอยู่ข้างนอก”
“เค้าคงกลัวผมเรียกใช้แล้วหาตัวไม่เจอมั้ง ทานเป๋าฮื้อเลยนะผมป้อนให้”
ธาวินหันไปหยิบทัปเปอร์แวร์ที่ใส่เป๋าฮื้อมาเปิดฝาแล้วหยิบช้อน
“ตาลว่านายบุญทันมันดูแปลกๆกับคุณภูนะ เอ๊ะ หรือว่ามันจะชอบคุณภูจริงๆ”
“ไม่หรอกน่า มันจะแต่งงานกับน้องเมย์แล้วนะ เอ้า อ้ำ”
ธาวินตักเป๋าฮื้อป้อนให้ญาดา
“ยังไงตาลก็ไม่ไว้ใจมัน คุณภูอย่าไปใกล้ชิดมันมากนะ”
“ตาลหึงหรือ”
“ก็ถ้ามันเป็นเกย์ตาลก็หึงล่ะ”
บุญทันเคาะประตูเปิดเข้ามา
“คุณภูครับ ผมขอคุยอะไรกับคุณภูหน่อยได้มั้ยครับ”
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ขอคุยข้างนอกครับ”
“รอเดี๋ยว ชั้นป้อนอาหารเมียอยู่แกไม่เห็นหรือ”
“ครับ”
บุญทันเดินออกไป ธาวินยังคงตักป้อนญาดาต่อไป สายตาของญาดามองบุญทันแบบไม่ชอบใจ
“เห็นมั้ย ตาลบอกแล้วว่ามันไม่น่าไว้ใจ”
“ไม่มีอะไรหรอก มันคงแค่จะถามว่าวันนี้ผมจะใช้รถไปไหนรึเปล่า”
“อย่าให้จับได้นะว่าคุณมีอะไรกับมัน”
“ก็ไม่แน่นะ มันยิ่งขาวๆอยู่ด้วย”
“คุณภู”
“ผมล้อเล่นน่า เอา อีกคำ”
ธาวินตักป้อนให้ญาดาอีก
“คุณทานบ้างสิคะ” ญาดาบอก
“ไม่ ผมอยากให้ตาลกินเยอะๆจะได้หายไวๆ อ้ำ”
ธาวินตักป้อนญาดาแล้วหยอกล้อกันไปมา
บุญทันเดินไปมาหน้าห้องพักคนไข้อย่างหงุดหงิด ธาวินเปิดประตูเดินออกมา
“ทำไมนานจังวะ”
“ก็บอกแล้วว่าป้อนอาหารเมียอยู่”
“นี่ ไอ้วิน แกคิดจริงจังกับแม่นี่จริงหรือ”
“นี่ ไอ้ภู แกเรียกแฟนชั้นให้ดี เค้าชื่อตาลไม่ได้ชื่อแม่นี่”
“เออ นั่นแหละว่าไง แกยังไม่ตอบชั้นเลย”
“ก็ชั้นบอกแกไปแล้วไงว่าชั้นรักเค้า”
“แต่เค้าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎนะ”
“ต่อให้เค้ามีร้อยมงกุฎชั้นก็รักเค้า”
“แต่เค้าจะปอกลอกแกจนหมดตัวนะ”
“เออ ชั้นยอม ในเมื่อเค้ายังเอาชีวิตเค้าเข้าแลกเพื่อช่วยชั้น ถ้าเค้าจะปอกลอกจนชั้นตัวเปื่อยชั้นก็ไม่ว่า”
“นี่ ถ้าแกไม่สมองเสื่อมอีกครั้ง ชั้นว่าแกต้องบ้าไปแล้วจริงๆ”
“ใช่ ชั้นบ้า ชั้นบ้ารักตาล แล้วต่อไปนี้ห้ามแกว่าอะไรเค้าให้ชั้นได้ยินอีก เข้าใจรึเปล่า”
“ไอ้วิน”
ธาวินคาดคั้นถาม
“ชั้นถามว่าแกเข้าใจรึเปล่า”
“เออ”
“ดีมาก”
ธาวินหันเดินกลับไป บุญทันมองตามอย่างไม่เข้าใจ
เย็นวันนั้นที่ศาลาสวดศพภายในวัด รูปของเอนกตั้งอยู่เบื้องหน้าโลงใส่ศพ มณทกานต์และอนุทินกำลังไหว้ศพเอนก มณทกานต์มองรูปเอนกแล้วน้ำตาคลอ
“พ่อคะ ขอให้วิญญาณของพ่อไปสู่สรวงสวรรค์นะคะ”
อนุทินมอเอนกแล้วน้ำตาไหลแต่ไม่พูดอะไร หลังปักธูปเสร็จ ทั้งอนุทินและมณทกานต์ก็เดินออกไป
ธาวินกับบุญทันเดินเข้ามา
“พี่ภู สวัสดีค่ะ” มณทกานต์ทักทาย
“แกมาทำไม” อนุทินโพล่งขึ้น
อนุทินเดินกราดจะเข้าไปหาธาวิน แต่มณทกานต์ดึงมือไว้
“พี่เอ”
“ผมมาเคารพศพอาเอนก” ธาวินบอก
“แกยังมีหน้ามาอีกหรือ เพราะแกพ่อชั้นถึงฆ่าตัวตาย”
“ผมว่าพี่เอเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า อาเอนกฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดนะครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”
“แต่ถ้าไม่มีแก พ่อชั้นก็ไม่ทำแบบนี้หรอก”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ครับ ผมขอตัว ผมจะไปไหว้ศพ”
ธาวินเดินผละเข้าไปในศาลา บุญทันเดินตามไป อนุทินมองตามอย่างไม่พอใจ
“เมย์ว่าพี่เอไปนั่งด้านนู้นเถอะค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลย เดี๋ยวคุณปู่ก็มาแล้ว”
มณทกานต์จับแขนห้ามไว้ อนุทินสะบัดออก
“พี่จะออกไปเดินข้างนอก ไม่อยากเห็นหน้ามัน”
มณทกานต์มองตามอนุทินแล้วถอนหายใจอย่างเครียด
บุญทันและธาวินเดินมานั่งคุกเข่าที่หน้าศพ บุญทันจุดธูปให้ธาวินและตัวเอง
“ขอให้วิญญาณของอาไปสู่สุคติ อย่าจองเวรกันอีกเลย” บุญทันว่า
“ผมขออโหสิกรรมให้คุณ” ธาวินบอก
สายตาใครคนหนึ่งมองมาที่ธาวิน
ธาวินไหว้ศพปักธูปแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งอีกด้านหนึ่ง บุญทันเดินแยกออกไป ธาวินมองรูปเอนกอย่างเหม่อลอย ใครคนหนึ่งเดินอย่างช้าๆเข้ามาหา ธาวินรู้สึกตัวชะงักหันไปมอง ปารมียืนอยู่ด้านหลัง
“อ้าว ปา”
“พี่ตาลเป็นไงบ้างคะ ปามัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพเลยยังไม่ได้ไปเยี่ยม” ปารมีบอก
“ดีขึ้นมากแล้ว อีกสี่ห้าวันก็คงกลับบ้านได้” ธาวินบอก
“อาเอนกไม่น่าทำแบบนี้เลยนะคะ ตอนที่ปารู้เรื่องปาตกใจแทบแย่เลยค่ะ”
“ขอบใจนะที่เป็นห่วง”
ธาวินชะงักเมื่อปารมีมาจับมือไว้
“เป็นห่วงสิคะ พี่ภูก็เหมือนเป็นพี่ชายของปาคนนึง ถ้าพี่ภูเป็นอะไรไป ปาคงเสียใจมากนะคะ”
ปารมีมองสบตาธาวินอย่างมีความหมาย ธาวินขยับดึงมือออกแล้วฝืนยิ้ม
“จ้ะ”
“พี่ภูรับกาแฟมั้ยคะ” ปรมีถาม
“ไม่ล่ะ ขอบใจ”
อนุทินเดินกลับเข้ามาก็ชะงักที่เห็นปารมีนั่งคุยอยู่กับธาวิน อนุทินมองด้วยสายตาไม่พอใจ
สาวใช้เดินเข้ามาหาปารมีที่นั่งคุยอยู่กับธาวินแล้วพูดขึ้น
“คุณปารมีคะ คุณเอเรียกค่ะ”
ปารมีชะงักหันมองด้านหลังเห็นอนุทินยืนหน้าบึ้งอยู่ ปารมีหันมายิ้มกับธาวินเพื่อให้อนุทินเห็น
“ขอตัวเดี๋ยวนะคะพี่ภู เดี๋ยวปากลับมาคุยต่อ”
ธาวินพยักหน้าฝืนยิ้มให้ ปารมีลุกเดินออกไป ธาวินมองตามเห็นปารมีเดินไปหาอนุทินแล้วหันกลับไม่ได้สนใจ
ปารมีเดินยิ้มเข้ามาหาอนุทินที่ยืนหน้าไม่พอใจอยู่
“มีอะไรคะพี่เอ”
“ชั้นไม่ชอบให้เธอไปนั่งคุยกับไอ้ภูบดี”
“พี่เอก็คิดมากไปได้ ปาก็แค่คุยตามมารยาทเท่านั้นแหละค่ะ”
“ไม่ต้องมีมารยาทกับมัน”
“ไม่เอาน่า อย่ามาโกรธปาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ว่าแต่พี่เอเถอะ พี่เอคิดจะทำยังไงต่อไปคะเนี่ย”
“ทำอะไร” อนุทินถาม
“ก็เมื่อกี้ปาคุยกับพี่ภูเห็นเค้าบอกว่าเค้าจะปรับโครงสร้างบริษัทใหม่นะคะ” ปารมีบอกเพื่อปั่นหัวอนุทินเล่น
“มันบอกเธอหรือ”
ปารมีกระซิบ
“ค่ะ เค้าบอกว่าตอนนี้ไม่มีคุณอาเอนกแล้ว เค้าอาจจะปลดพี่เอออกนะคะ”
อนุทินมองกลับไปที่ธาวินด้วยสายตาโกรธขึ้งแล้วพูดต่อ
“มันบอกอย่างงั้นจริงหรือ”
“จริงสิคะ ปาจะโกหกทำไม เค้ายังบอกปาด้วยว่าอย่าบอกพี่เอ”
“ไอ้ภูบดี แล้วมึงกับกูจะได้เห็นดีกัน” อนุทินบอก
ปารมีแอบยิ้มสะใจที่ปั่นหัวอนุทินได้สำเร็จ
บริเวณศาลาริมน้ำภายในวัด มณทกานต์ยืนร้องไห้ด้วยความคิดถึงเอนก บุญทันมองอยู่แล้วเดินเข้ามาหา
“คุณเมย์ครับ พระจะสวดแล้วครับ”
บุญทันเช็ดน้ำตาให้แล้วแตะแขนมณทกานต์เบาๆ
“ไปเถอะครับ”
มณทกานต์พยักหน้าแล้วเดินออกไปกับบุญทัน
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องพักคนไข้ภายในโรงพยาบาล ญาดาที่ยังอยู่บนเตียงกดโทรศัพท์หาเจ๊อ้อย แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“ทำไมแม่ไม่เปิดเครื่อง”
ญาดากดซ้ำอีกครั้งแต่ยังไม่มีสัญญาณเช่นเคย ญาดาวางสาย ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ญาดาเห็นเป็นเบอร์ธาวินก็กดรับ
“ค่ะ คุณภู”
ภายในห้องนอนของภูบดี ธาวินเดินพูดโทรศัพท์อยู่กับญาดาหลังกลับจากงานศพ
“นอนรึยัง”
“ยังค่ะ นี่กลับจากงานศพแล้วหรือคะ”
“ใช่ ผมเห็นว่ามันดึกแล้วเลยไม่แวะไปหาตาลนะ”
“ค่ะ ไม่ต้องมาหรอก พรุ่งนี้ก็เจอกัน”
“หลับฝันดีนะ ขอให้มีผมอยู่ในความฝันด้วย”
“ค่ะ คุณก็เหมือนกันนะคะ ฝันดี”
“ให้ผมจุ๊บทีนะ”
ธาวินทำท่าจุ๊บใส่โทรศัพท์แล้วบอก “รักคุณ”
“ค่ะ ตาลก็รักคุณ”
ธาวินวางสายแล้วยิ้มกับตัวเอง ฝ่ายญาดาเมื่อวางสายก็นึกถึงธาวินอย่างเศร้าใจ
“เฮ้อ ถ้าเค้าความจำเสื่อมไปตลอดชีวิตก็คงดี เค้าจะได้รักเราตลอดไป”
เสียงเคาะประตูห้องนอนของภูบดีดังขึ้นเมื่อธาวินเดินออกจากห้องน้ำ
ธาวินมีสีหน้าแปลกใจ เมื่อเปิดประตูห้องออกก็พบว่าปารมียืนอยู่ที่หน้าห้อง
“อ้าว ปา”
“ปาเห็นว่าเมื่อกี้อยู่ในงานพี่ภูไม่ทานอะไรเลย ปาเลยเอากระเพาะปลามาให้ค่ะ”
ธาวินรับถ้วยกระเพาะปลาด้วยสีหน้างงๆ
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวปาถือเข้าไปให้ดีกว่า มันร้อน”
ปารมีเดินเข้ามา ธาวินมองตามอย่างอึดอัด ปารมีหันมาเรียก
“มาทานสิคะพี่ภู กำลังร้อนๆ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ค่อยกิน ขอบใจปามากนะ”
ธาวินยังยืนอยู่ที่ประตู ปารมีเดินเข้ามาเกาะแขน
“กลัวอะไรปาหรือคะ มาทานก่อนเร็ว”
ปารมีดึงแขนธาวินมาที่โต๊ะ
“พี่ว่าปากลับไปก่อนดีมั้ย นี่มันดึกแล้ว ใครมาเห็นปาอยู่กับพี่แบบนี้มันจะไม่ดี”
“กลัวพี่ตาลจะรู้หรือคะ” ปารมีถาม
“ไม่ใช่เฉพาะตาลหรอก คนอื่นรู้มันก็ไม่ดี” ธาวินบอก
“ถ้าปาบอกความจริงอะไรพี่ภูอย่างนึง พี่ภูอย่าโกรธปาได้มั้ยคะ”
“ความจริงอะไร”
“ปารักพี่ภูค่ะ”
ธาวินมีสีหน้าสะดุ้งตกใจแล้วถามย้ำ
“อะไรนะ”
ปารมีโผเข้ากอดธาวิน
“ปารักพี่ภูค่ะ”
ธาวินรีบดึงตัวปารมีออกทันที
“นี่ปารู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้สิคะ ปาไม่ได้ทานเหล้านะคะ”
“งั้นปาก็ยิ่งไม่ควรพูดแบบนี้ออกมา”
“ปารู้ค่ะว่าพี่ภูรักพี่ตาล ปาแค่อยากบอกให้พี่ภูรู้เท่านั้นว่าปารู้สึกยังไงกับพี่ พี่ภูอาจจะไม่เชื่อปา”
ปารมีมองจ้องแล้วเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ ธาวินเบี่ยงหลบทันที
“อย่าทำแบบนี้ พี่ไม่ชอบ”
ปารมีชะงัก
“ปาขอโทษค่ะ ปาแค่อยากให้พี่ภูรู้ว่าปารักพี่ภูจริง ๆ พี่ภูไม่โกรธปานะคะ
ธาวินนิ่ง ปารมีคว้ามือ
“นะคะ อย่าโกรธปา”
“เอาล่ะพี่ไม่โกรธ ปากลับไปได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
ปารมีหอมแก้มธาวิน ปารมียิ้มให้เดินออก ธาวินมองตามอย่างอึ้งและงุนงง
ปารมีเดินออกมาหน้าห้องภูบดีแล้วยิ้มให้กับตัวเอง
“ให้มันรู้ไปว่าจะทำใจแข็งกับเราได้นานแค่ไหน”
ภายในห้องนอนของภูบดี ธาวินยังไม่หลับ นอนคิดนึกถึงเรื่องของปารมีอยู่บนเตียง
“ปารักพี่ภูค่ะ”
ธาวินนอนถอนหายใจแล้วพึมพำ
“สงสัยต้องอยู่ห่างๆเธอซะแล้ว”
โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 7
ในเวลากลางวัน ธาวินกำลังคีบเนื้อจุ่มลงไปในหม้อสุกี้ บุญทันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ในเมื่อเราสรุปว่าอาเอนกคือฆาตกรที่ฆ่าลุงภาคิน ชั้นว่าแกควรจะเฉลยให้คุณปู่รู้ได้แล้วนะว่าแกคือนายภูบดี วิริทธิวรนันท์” ธาวินบอก
“ชั้นก็กำลังคิดอยู่ แต่คงต้องขอเวลาหน่อย”
“ขอเวลาทำอะไรอีก”
“อ้าว แกคิดดูนะ อยู่ๆถ้าชั้นเดินไปบอกคุณปู่ว่าชั้นคือหลานตัวจริงของท่าน แกว่าท่านไม่ช็อกหรือ”
“อืมม์ ก็จริง ถ้าไม่ช็อก ท่านก็อาจจะโกรธที่เราปิดบังท่าน”
“ฉะนั้น เราต้องค่อยๆเฉลยออกไปอย่าทำให้ท่านตกใจ”
“แล้วแกจะทำไง”
“ยังคิดไม่ออก ถึงบอกว่าต้องขอเวลาไง”
“แต่อย่านานนะโว้ย เดี๋ยวน้องตาลของชั้นเกิดจับได้ก่อนว่าชั้นหายสมองเสื่อมจะยิ่งยุ่ง”
“เออ”
ทั้งธาวินและบุญทันนั่งกินสุกี้กันต่อไป
ภายในโรงพยาบาล เวลากลางวัน ปรารภเดินมาตามทางจนเลี้ยวมาเจอหมอสมองที่รักษาธาวิน
“สวัสดีครับคุณหมอ”
“หวัดดีครับคุณปรารภ มาโรงพยาบาลเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“มาเยี่ยมภรรยาคุณภูน่ะครับ”
“อ้าว คุณตาลเป็นอะไรครับ”
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ”
“อ้าวหรือครับ เมื่อวานคุณภูก็แวะมาหาหมอไม่เห็นแกบอก”
“แล้วคุณภูเป็นยังไงบ้างครับ”
“นี่คุณปรารภยังไม่รู้อีกหรือครับว่าคุณภูแกจำอะไรได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว”
“ จริงหรือครับ”
“ครับ”
ปรารภมีสีหน้าแปลกใจ
ภายในห้องคนไข้ ธาวินกำลังป้อนข้าวให้ญาดา
“อีกคำนะ”
“ไม่ไหวแล้วค่ะ ตาลอิ่ม”
“ปารมีเค้าอุตส่าห์ทำมาให้ เดี๋ยวเค้ารู้ว่าตาลกินไม่หมด เค้าจะเสียใจนะ”
“ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ค่ะ คุณภูทานสิคะ มาตาลป้อนให้บ้างก็ได้”
ธาวินส่งชามให้ ญาดาตักป้อนธาวิน
“อร่อยมั้ยคะ”
“อร่อย”
ญาดาจะตักป้อนให้ธาวินอีก ปรารภเปิดประตูเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณปรารภ” ญาดาทัก
“หวัดดีครับ อ้าว นี่ตกลงใครป่วยกันแน่” ปรารภถาม
“คุณภูน่ะสิคะมาอ้อนให้ตาลป้อน”
“คองเกรททูเลชั่นนะครับคุณภู”
“เรื่องอะไรครับ” ธาวินถาม
“เมื่อกี้ผมเจอคุณหมอสมองครับ คุณหมอบอกว่า...”
ปรารภยังพูดไม่ทันจบ เสียงโอดโอยของธาวินก็ดังขึ้นแก้สถานการณ์
“โอ๊ย” ธาวินร้องแล้วบิดจนตัวงอ
“คุณภูเป็นอะไรคะ” ญาดาถาม
“ผมปวดท้อง”
“เข้าห้องน้ำมั้ยครับ” ปรารภถาม
“ไม่ใช่ปวดท้องเข้าห้องน้ำครับ อยู่ๆเหมือนลำไส้มันบิด” ธาวินบอก
“งั้นออกไปหาหมอก่อนดีมั้ยคะ” ญาดาบอก
“คุณปรารภพาผมไปทีครับ” ธาวินบอก
“ครับ ๆ”
ปรารภประคองธาวินออกไป ญาดามองตาม
“หรือว่าจะเป็นไส้ติ่ง อยู่ๆก็ปวดท้องกะทันหัน”
ปรารภประคองธาวินเดินออกมาจากห้องแล้วบอก
“ทนหน่อยนะครับคุณภู”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว”
“อ้าว แล้วเมื่อกี้ ...” ปรารภอ้าปากค้าง
“ผมแกล้งครับ ขอโทษที ผมจะบอกคุณปรารภว่าอย่าบอกตาลว่าผมหายจากสมองเสื่อมแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“ผมจะอำตาลเค้าเล่นน่ะครับ”
“แต่ผมว่าจะมาอำกันเรื่องแบบนี้ไม่ดีนะครับ เดี๋ยววันนึงคุณตาลมารู้ทีหลังเธอจะโกรธนะครับ”
“ไม่โกรธหรอกครับ เราเป็นผัวเมียกันมันแค่เรื่องนิดหน่อย เอาไว้ล้อกันเล่นสนุกๆ”
“จะเอาอย่างงั้นก็ได้ครับ ตามใจ ผมก็แค่อยากดีใจกับคุณภูเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณครับ”
ญาดาเปิดประตูห้องออกมา เห็นธาวินยืนคุยกับปรารภจึงพูดขึ้น
“อ้าว คุณภู ไม่ปวดท้องแล้วหรือคะ”
ธาวินรีบทำตัวงออีกทันที
“โอ๊ย ปวดจ้ะปวด ไปครับคุณปรารภ”
ปรารภประคองธาวินออกไป ญาดามองตามอย่างงง ๆ
ในเวลากลางวัน วันเดียวกัน บุญทันเดินมาหน้าบ้านมณทกานต์ เห็นมะยมกำลังทำความสะอาดบ้านจึงร้องถาม
“มะยม”
“อ้าว พี่บุญทันมีอะไรจ๊ะ”
“คุณเมย์อยู่มั้ย”
“อยู่จ้ะ เดี๋ยวมะยมไปตามให้นะ”
มะยมเดินขึ้นไปชั้นบน บุญทันยืนรออยู่หน้าบ้าน
มะยมเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องแล้วเคาะประตูเรียก
“คุณเมย์คะ คุณเมย์ พี่บุญทันมาหาค่ะ”
มะยมเงี่ยหูฟังไม่มีเสียงตอบ มะยมเคาะซ้ำร้องเรียก
“คุณเมย์คะ”
มะยมขยับลูกบิดเห็นว่าประตูไม่ล็อกก็เปิดเดินเข้าไป ภายในห้องมะยมไม่เห็นใคร มะยมเดินต่อไปที่ห้องน้ำก็ตกใจ หวีดร้องขึ้น
“คุณเมย์”
บุญทันตกใจที่ได้ยินเสียงหวีดร้องของมะยมจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านและตรงขึ้นไปยังห้องนอนของมณทกานต์ ภายในห้องน้ำ มณทกานต์สวมชุดนอนนอนหมดสติอยู่บนพื้น ที่บริเวณข้อมือมีรอยมีดกรีด เลือดไหลนองเต็มพื้น
“น้องเมย์”
บุญทันรีบเข้ามาอุ้มมณทกานต์ออกจากบ้านทันที
ภายในโรงพยาบาลเวลาต่อมา บุญทันเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอเดินออกมาจากห้องพอดี บุญทันถามทันที
“น้องเมย์เป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“ปลอดภัยแล้วครับ ผมเย็บแผลให้แล้ว แต่คนไข้เสียเลือดไปมากคงต้องให้นอนโรงพยาบาลซักคืน”
“ครับ”
บุญทันถอนหายใจหลังจากที่หมอเดินจากไป
ภายในห้องทำงาน พิพัฒน์นั่งคุยอยู่กับปรารภ
“สรุปว่าคุณอเนกยักยอกเงินบริษัทไปห้าสิบห้าล้านครับ” ปรารภบอก
“ตั้งแต่ปีไหน”
“สามปีที่แล้วครับ”
“แล้วเจ้าเอล่ะมีส่วนรู้เห็นกับพ่อมันรึเปล่า”
“ผมกำลังให้คนตรวจสอบอยู่ครับ”
พิพัฒน์ถอนหายใจ
“ชั้นภาวนาขอให้มันไม่รู้เห็นกับพ่อมันนะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” พิพัฒน์บอก
ปารมีเดินเข้ามาแล้วถามพิพัฒน์
“คุณปู่ทราบเรื่องน้องเมย์รึยังคะ”
“ทำไม ยัยเมย์สร้างเรื่องอะไรอีก”
“เห็นต้นหอมบอกว่าน้องเมย์กรีดข้อมือตัวเองค่ะ”
“อะไรนะ”
“ตอนนี้บุญทันเอาไปส่งโรงพยาบาลแล้วค่ะ เห็นว่าปลอดภัย”
“เฮ้อ นี่ชั้นควรจะตายวันล่ะกี่รอบเนี่ย ทำไมบ้านนี้มันถึงมีแต่เรื่อง จบเรื่องนั้นมาเรื่องนี้จบเรื่องนี้ไปเรื่องนู้น”
“ผมว่าท่านอย่าเครียดเลยครับ เดี๋ยวความดันขึ้น เดี๋ยวผมจะไปดูคุณเมย์ให้เองครับ”
“ขอบใจมากนะ ปรารภ”
“ครับ งั้นผมขอตัวเลยนะครับ”
ปรารภยกมือไหว้พิพัฒน์แล้วเดินออกไป
“คุณปู่จะรับชาเพิ่มมั้ยค่ะ”
“ไม่เอาแล้ว ขอบใจมาก นี่ดีนะยัยปาที่แกไม่สร้างเรื่องให้ปู่ต้องปวดหัวอีกคน”
“ไม่เหมือนกันนี่คะคุณปู่ น้องเมย์เค้าถือว่าเป็นหลานคนโปรดทำอะไรคุณปู่ก็ไม่โกรธ”
“ใครบอกแกว่าปู่ไม่โกรธ ปู่โกรธจนพูดไม่ออกต่างหาก”
พิพัฒน์ถอนหายใจ ปารมียิ้มอย่างสะใจ
บุญทันเปิดประตูห้องคนไข้แล้วเดินเข้ามา มณทกานต์นอนอยู่บนเตียงข้างตัวมีสายให้เลือดและน้ำเกลืออยู่ บุญทันเดินเข้ามาหยุดมองที่ข้างเตียงแล้วแตะมือมณทกานต์ด้วยความห่วงใย มณทกานต์ลืมตามองก็เห็นบุญทันอยู่ตรงหน้า
“บุญทัน”
“คุณปลอดภัยแล้วนะครับ”
มณทกานต์น้ำตาไหลแล้วส่ายหน้า
“ชั้นอยากตาย ชั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ”
“ชั้นไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่มีใครต้องการชั้น พ่อก็ไม่อยู่ คุณปู่ก็เกลียดชั้น”
“ไม่หรอกครับ คุณปู่ยังรักคุณเมย์นะครับ แล้วคุณเมย์ก็ยังมีคุณเอมีผมนะครับ” บุญทันปลอบใจ
มณทกานต์มองหน้าบุญทันแล้วร้องไห้
“แต่ไม่มีพ่อแล้ว พ่อไม่อยู่แล้ว”
มณทกานต์ร้องไห้สะอึกสะอื้น บุญทันดึงมณทกานต์มากอดปลอบ อนุทินเปิดประตูมาเห็นเข้าพอดีก็กระชากบุญทันออกทันที
“นี่แกทำอะไรน้องชั้น”
“เปล่านะครับคุณเอ”
“เปล่าอะไร ก็ชั้นเห็นแกกำลังกอดน้องชั้นอยู่”
“พี่เอ ไม่ใช่นะคะ”
อนุทินหันมาด่ามณทกานต์
“แกนี่มันช่างหาเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนนะ ยังไม่ทันเผาศพพ่อก็สร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจอีกแล้ว ทำไม อยากตายนักหรือไง นู่นถ้าอยากตายไปโดดให้รถทับจะได้ตายสมใจ”
“พี่เอ”
มณทกานต์ร้องไห้สะอื้น
“ชั้นจะบอกให้แกรู้นะทุกวันนี้ไม่มีใครสนใจแกแล้ว คุณปู่เค้าก็ไม่เห็นหัวแกแล้วรู้รึเปล่า”
“คุณเอครับผมว่า ...” บุญทันขัดจังหวะขึ้น
“แกหุบปากแล้วออกไป ไม่เกี่ยวกับแก” อนุทินบอก
บุญทันชักโกรธ
“ผมคงไปไม่ได้หรอกครับเพราะคุณเมย์เป็นเมียผม”
“แกว่าอะไรนะ”
“ผมจะไม่ยอมให้คุณมาดุด่าคุณเมย์อีกต่อไปแล้ว”
“นี่แกกล้าพูดอย่างนี้กับชั้นหรือ” อนุทินถาม
“ใช่ครับ คุณปู่ยกคุณเมย์ให้ผมแล้ว ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนดูแลเธอเอง”
อนุทินมองหน้าน้องสาวด้วยสายตาโกรธขึ้ง
“หึ สมใจแกแล้วใช่มั้ยที่ได้ผัวเป็นคนขับรถ”
บุญทันอดใจไว้ไม่อยู่จึงต่อยโครมเข้าที่หน้าจนอนุทินเซไป
“นี่มึงต่อยกูหรือ” อนุทินถามเสียงแข็ง
“ใช่ คุณกลับไปได้แล้ว”
“ไอ้บุญทัน”
อนุทินจะพุ่งเข้ามาหา บุญทันเงื้อหมัดเตรียมจะต่อยอีก อนุทินเห็นดังนั้นก็ชะงักแล้วบอก
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
อนุทินหันมามณทกานต์แล้วพูดด้วยความโกรธ
“แกนี่มันใฝ่ต่ำจริง ๆ”
อนุทินเดินออกจากห้องทันที บุญทันดึงมณทกานต์ที่ร้องไห้อยู่เข้ามากอด
“อย่าไปสนใจคำพูดเค้าเลยนะครับ”
อนุทินสีหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธกำลังเดินอยู่ในบริเวณทางเดินของโรงพยาบาล และเจอกับธาวินที่เดินสวนมาพอดี
“อ้าว พี่เอ มาเยี่ยมน้องเมย์หรือครับ เป็นยังไงบ้าง”
“แกก็อีกคนไอ้ภูบดี อย่าคิดนะว่าชั้นจะยอมให้พ่อชั้นตายฟรี”
อนุทินพูดแล้วก็เดินออกไป ธาวินมองตามด้วยสายตางงๆ
“อะไรของเค้าวะ”
ธาวินเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นบุญทันกำลังห่มผ้าให้มณทกานต์แล้วถามด้วยความห่วงใย
“น้องเมย์เป็นไงบ้าง”
“ปลอดภัยแล้วครับ คุณเมย์ครับ คุณภูบดีมาเยี่ยม” บุญทันบอก
มณทกานต์นอนนิ่งไม่หันมา บุญทันหันมาสบตาธาวินแล้วบุ้ยใบ้แอบบอกให้ออกไปก่อน
“งั้นตอนเย็นพี่จะแวะมาเยี่ยมใหม่นะ”
ธาวินเดินออกจากห้องไป มณทกานต์เรียก
“บุญทัน”
“ครับ”
“บอกพยาบาลว่าชั้นไม่อยากพบใคร” มณทกานต์บอก
“ได้ครับ”
บุญทันเดินตามธาวินออกไป มณทกานต์นอนน้ำตาไหลซึม
ที่หน้าห้องพักคนไข้ ธาวินถามขึ้น
“มีเรื่องอะไรกันวะ”
“เธอคงเครียดเรื่องที่พ่อตาย เลยกรีดข้อมือตัวเอง” บุญทันบอก
“น้องเมย์นี่ซาดิสม์เหมือนกันนะ เออ แต่เมื่อกี้ชั้นเจอนายเอ เค้าเป็นอะไรวะ ท่าทางอารมณ์ไม่ดี”
“ชั้นต่อยเค้า” บุญทันบอก
“หา แกต่อยเค้าหรือ ทำไมวะ” ธาวินถาม
“มันปากเสีย เลยต่อยให้มันหุบปากซะบ้าง”
“แกนี่มันเลือดร้อนเหมือนเดิมนะไอ้ภู”
“มันห้ามใจไม่อยู่จริง ๆ นี่แกจะไปทำงานรึยัง “
“ยัง ชั้นจะแวะไปหาตาลก่อน”
“งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”
“อืมม์”
ภายในห้องพักคนไข้ ญาดาดูดน้ำส้มแล้วส่งแก้วคืนให้ธาวิน
“สงสารน้องเมย์จังเลย ตาลไปเยี่ยมได้มั้ยคะ” ญาดาถาม
“ผมว่าอย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เค้าคงไม่อยากพูดกับใคร”
“แต่ตาลว่าไม่ควรปล่อยให้น้องเมย์อยู่คนเดียวนะคะ เค้าจะยิ่งคิดมากไปอีก”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง บุญทันบอกว่าจะเฝ้าน้องเมย์เอง”
“แล้วน้องเมย์จะยอมหรือคะ เค้าไม่อาละวาดหรือ”
“ไม่หรอก เมย์เค้ายอมพูดกับบุญทันคนเดียว”
ญาดาถามอย่างสงสัย
“จริงหรือคะ”
“จริง”
“แหม บุญทันนี่มันมีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงผู้ชายเลยนะคะ”
“ตาลหมายความว่าไง” ธาวินถาม
“อ้าว ก็คุณภูเองยังเรียกหามันทั้งวัน”
“ผมจะไปเรียกหามันทำไม ผมให้มันขับรถ”
“อย่าเลยค่ะ ตาลบอกให้หาคนขับรถใหม่ก็ไม่ยอม ติดใจบุญทันอยู่คนเดียว”
“ไม่ได้ติดใจก็คุณปู่ให้มันมาขับให้ผม ผมจะปฏิเสธมันก็ไม่ดีใช่มั้ย”
“ค่ะ ตาลจะเชื่อ”
“ผมไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะมาหาใหม่”
“ค่ะ”
ธาวินหอมแก้ม ญาดาหอมตอบแล้วยิ้มก่อนที่ธาวินจะเดินออกจากห้องไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ญาดารีบกดรับเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์ของเจ๊อ้อย
“ฮัลโหลแม่ นี่แม่อยู่ไหนเนี่ย หนูโทรหาแม่ตั้งหลายวันทำไมไม่รับ”
ภายในมุมหนึ่งของบ้านพิพัฒน์ เจ๊อ้อยคุยโทรศัพท์อยู่กับญาดา
“โทรศัพท์มันตกส้วม” เจ๊อ้อยบอก
“แล้วนี่แม่อยู่ไหนกลับไปเชียงใหม่รึยัง”
“ยัง แม่กำลังมาสมัครงาน”
“งานอะไร” ญาดาสงสัย
“ทำงานบ้านในกรุงเทพนี่แหละ”
“อย่างแม่เนี่ยนะจะไปทำงานบ้าน หนูบอกให้แม่กลับเชียงใหม่ไง”
“ไม่เอาหรอก เอ็งไม่ไปแม่จะไปได้ยังไง แล้วนี่เอ็งอยู่ไหน”
“ถามได้ หนูก็อยู่บ้านคุณภูน่ะสิ” ญาดาปดเพราะกลัวแม่เป็นห่วง
“เออ งั้นแค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกัน”
ญาดาวางโทรศัพท์ แล้วทบทวนคำพูดเจ๊อ้อยอย่างแปลกใจ สงสัย
“แล้วเจอกันจะไปเจอกันที่ไหน”
ภายในบ้านพิพัฒน์ ต้นหอมพาเจ๊อ้อยเดินเข้ามาหานภาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก
“น้าอ้อย นี่คุณนภา” ต้นหอมแนะนำ
“สวัสดีค่ะ”
เจ๊อ้อยยกมือไหว้นภา นภามองด้วยสายตาสำรวจ
“แกมาสมัครทำงานบ้านน่ะค่ะ หนูก็เลยพามาหาคุณนภา” ต้นหอมบอก
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าที่นี่รับสมัครคนงาน”
“พอดีอ้อยเพิ่งมาจากต่างจังหวัดค่ะแล้วมีญาติอยู่ในซอยนี้ เค้าบอกว่าที่นี่กำลังหาคนทำงานบ้าน”
“ที่จริงชั้นอยากได้เด็กสาว ๆ มากกว่านะ” นภาว่า
“อุ๊ย อ้อยก็ไม่แก่เท่าไหร่นะคะ จะว่าไปแล้วอ้อยว่าอ้อยสาวกว่าคุณนภาหลายปีนะคะ”
นภามองเจ๊อ้อยด้วยสายตาตำหนิไม่ค่อยชอบใจจนต้นหอมต้องสะกิดเรียก
“น้าอ้อย”
“คืออ้อยหมายถึงว่า คุณนภาไม่ต้องห่วงค่ะ อะไรที่เด็กสาวๆทำได้ อ้อยทำได้หมดทุกอย่าง”
“แล้วมีครอบครัวมีลูกเต้ารึเปล่า” นภาถาม
“ไม่มีค่ะ โสด”
“เอาล่ะ ชั้นจะจ้างเธอ แต่ต้องดูงานกันก่อนนะ ถ้าภายในเดือนนึงชั้นไม่พอใจ ชั้นไม่จ้างต่อนะ” นภาว่า
“ค่ะ”
“ต้นหอม เดี๋ยวแกก็แบ่งงานให้แม่อ้อยเค้าทำ” นภาสั่ง
“งั้นหนูให้น้าอ้อยแกทำประจำที่บ้านคุณนภาดีมั้ยคะ เพราะตอนนี้หนูกับมะยมก็สลับกันไปทำอยู่”
“ก็ได้ แต่ช่วงแรกแกต้องคอยควบคุมกำกับเค้านะ”
“ค่ะ”
“งั้นก็เริ่มงานวันนี้ได้เลย” นภาบอก
“วันนี้ไม่ได้ค่ะ อ้อยยังไม่ได้เอาเสื้อผ้าอะไรมาเลย”
“แล้วเธอจะเริ่มได้เมื่อไหร่” นภาถาม
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“ถ้าเป็นพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทำ ชั้นไม่จ้าง”
นภาบอกเจ๊อ้อยอย่างไม่สนใจ เจ๊อ้อยหน้าจ๋อยไปทันที
“เอ่อ งั้นวันนี้ก็ได้ค่ะแต่อ้อยต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“อืมม์ ไปได้แล้ว”
ต้นหอมหันมาพยักหน้าให้เจ๊อ้อยเดินตามไป นภามองตามแล้วส่ายหน้า
“ยังไม่ทันเริ่มงานก็ออกลายขี้เกียจซะแล้ว”
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.