เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6
ในครัวคนงาน ป้านวลกำลังเตรียมลงมือทำอาหาร โดยมีต้นหอมกับมะยมเป็นลูกมือ ป้านวลหันมาเห็นญาดาเดินเข้ามาจึงถาม
“อ้าว นังต้นหอม คุณตาลมาทำไม”
“คุณตาลจะเอาอะไรหรือคะ ทำไมไม่โทรเรียกต้นหอมล่ะคะ”
“เปล่าจ้ะ พอดีชั้นหาคุณภูไม่เจอน่ะ มีใครเห็นคุณภูบ้างมั้ย”
“ไม่เห็นเลยค่ะ” ต้นหอมบอก
“หนูก็ไม่เห็นค่ะ” มะยมตอบ
“คุณตาลไม่โทรเข้ามือถือคุณภูล่ะคะ” ป้านวลถาม
“โทรแล้วจ้ะ แต่ว่าไม่เปิดเครื่อง”
ลุงแย้มเดินเข้ามาพอดี ต้นหอมจึงถาม
“ลุงแย้ม เห็นคุณภูบ้างมั้ย คุณตาลตามหาอยู่”
“เห็นนั่งรถออกไปข้างนอกกับบุญทันน่ะครับ” ลุงแย้มว่า
ญาดาชะงักไปทันที
“บุญทันหรือ”
“ใช่ครับ ไปซักเกือบชั่วโมงแล้วมั้งครับ”
“แล้วเค้าไปไหนกันลุงแย้มรู้มั้ย” ญาดาซัก
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ให้ผมโทรตามบุญทันมั้ยครับ” ลุงแย้มว่า
“อ๋อ ไม่ต้องหรอกจ้ะ งั้นก็แล้วไป ชั้นแค่เป็นห่วงว่าคุณภูหายไปไหน”
ญาดาเดินออกจากครัวคนงานไป
“แหม คุณภูกับคุณตาลเนี่ย น่ารักจังเลยเนาะ” ต้นหอมว่า
“นั่นสิ น่าจะมีคุณหนูตัวเล็กเร็วๆ บ้านเราจะได้คึกคัก” ป้านวลบอก
ญาดาเดินออกมาจากห้องครัวด้วยความแปลกใจ
“คุณภูไปไหนกับบุญทันนะ หรือว่าไปสืบเรื่องที่เราบอก”
ญาดาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ชะงัก
“เอ๊ะ ถ้าบุญทันไม่อยู่ ”
ญาดาปิ๊งไอเดียบางอย่างแล้วยิ้มให้กับตัวเองก่อนเดินออกไป
สายตาใครบางคนแอบมอง เห็นญาดาเหลียวซ้ายมองขวาแล้วย่องเข้าห้องบุญทันไป
ภายในห้องบุญทัน ญาดามองสำรวจไปรอบห้องแล้วมองไปที่ตู้เสื้อผ้า
“โจรมันมักจะซ่อนหลักฐานไว้ในตู้เสื้อผ้า”
ญาดาเดินไปแหวกตู้เสื้อผ้า ไม่เห็นอะไรผิดปกตินอกจากตูเสื้อผ้าทั่วไป บนโต๊ะวางของก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย ญาดามองรอบห้องอีกครั้งพร้อมกับบ่นกับตัวเอง
“นับว่าแกรอบคอบนะไอ้บุญทัน ไม่มีหลักฐานอะไรทิ้งไว้ซักอย่าง”
ญาดาเปิดประตูห้องบุญทันออกไปก็ตกใจสะดุ้งเมื่อเห็นนภายืนจ้องหน้านิ่งอยู่
“คุณป้านภา”
“เธอมาทำอะไร” นภาถามเสียงเย็น
“อ๋อ ตาลมาตามหาคุณภูน่ะค่ะ”
“มาตามหาถึงในบ้านพักนายบุญทันเนี่ยหรือ”
“เอ่อ พอดีลุงแย้มบอกว่าคุณภูอยู่กับบุญทันน่ะค่ะ ตาลก็เลยมาดู”
“แล้วอยู่รึเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
นภามองด้วยสายตาจ้องจับผิดญาดา
“ถ้าคุณป้าไม่เชื่อไปถามลุงแย้ม ต้นหอมหรือป้านวลก็ได้นะคะ”
“ชั้นจะเตือนเธอหน่อยนะ เธอเป็นภรรยาของคุณภูซึ่งเป็นทายาทของที่นี่ เธอไม่ควรทำตัวรุ่มร่ามเดินเข้าออกห้องพักคนงานแบบนี้ โดยเฉพาะคนงานผู้ชาย”
ญาดายิ้มเจื่อนไปทันที
“เพราะถ้าใครเห็นเข้าจะเอาไปพูดในทางที่เสียหายกับคุณภูได้”
“ค่ะ ตาลขอโทษ ตาลก็แค่มาตามหาคุณภูเท่านั้น”
นภาใช้สายตาจิกตำหนิโดยไม่พูดอะไรกับญาดาแล้วเดินออกไป ญาดามองตามแล้วทำเบ้หน้าใส่
“เชอะ ทำเป็นมาว่าเรา ทีตัวเองยังเดินเข้าไปขโมยของในห้องคุณปู่หน้าตาเฉย เรายังไม่บอกใครซักคำ”
ญาดาส่ายหน้าอย่างเซ็งๆแล้วเดินออกไป
ขณะเดียวกัน บุญทันยังนั่งคุยอยู่กับธาวินอยู่ที่สะพาน
“ฟังจากที่แกเล่ามาทั้งหมด ชั้นว่าคนที่สร้างสถานการณ์น่าจะเป็นเมียแกมากกว่า” บุญทันว่า
“ทำไมแกถึงคิดอย่างงั้น”
“แกบอกชั้นเองว่าเค้าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ บางทีเค้าอาจจะสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อต้องการเรียกร้องอะไรจากแกก็ได้”
“เรียกร้องอะไร” ธาวินถาม
“ชั้นจะไปรู้หรือ เค้าอาจจะเห็นว่าแกหลงเค้าจนเขางอก เค้าจะหลอกเอาอะไรจากแก แกก็ต้องให้”
“มากไปโว้ย ไม่ได้หลงบอกว่าสมองเสื่อม”
“เออ นั่นแหละเหมือนกัน”
“แล้วผู้ชายที่ชั้นเห็นออกมาจากห้องแกคืนนั้นล่ะ มันเป็นใคร” ธาวินถาม
“มันอาจจะเป็นคนของเค้าหรือผัวเค้าก็ได้”
“เฮ้ย ชั้นว่าตาลเค้ายังไม่มีผัวหรอก”
“แกรู้ได้ไง เค้าอาจจะวางแผนเพื่อให้แกเห็นไอ้ผู้ชายนั่น แกจะได้ตามไปเจอเค้าที่ห้องชั้น”
“แล้วน้องเมย์ล่ะ น้องเมย์ไปนอนห้องแกได้ไง ชั้นว่าน้องเมย์ไม่น่าเกี่ยวอะไรกับตาล”
“สำหรับคุณเมย์ ชั้นว่าเธออาจจะเมาไม่รู้เรื่องมากกว่า”
“แต่ชั้นก็ยังไม่อยากเชื่อนะว่ามันจะเป็นแผนของตาล เพราะตอนที่ชั้นไปเจอเค้า เค้าแก้ผ้านอนอยู่กับแก”
“นี่ไง ชั้นถึงได้บอกว่าแกมีเขางอกบนหัว ถูกเค้าหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังเชื่อเค้าอีก”
“น้อยๆหน่อยโว้ยไอ้ภู ตอนแรกที่ชั้นโดนหลอกเป็นเพราะความจำเสื่อมโว้ย”
“แต่ชั้นว่าแกเห็นเค้าสวยมากกว่า พอเค้าพูดอะไรก็เลยเชื่อไปหมด แกมันบ้าผู้หญิงไอ้วิน”
“ไม่ใช่โว้ย ถ้าตอนนั้นเป็นแกฟื้นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้เลย แต่มีคนมาบอกว่าเป็นเมีย แกไม่เชื่อหรือ” ธาวินเถียง
“ไม่ เพราะชั้นไม่โง่เหมือนแก”
“ไอ้ภู”
ธาวินผลักไหล่บุญทันผลักตอบ ธาวินชกบุญทันชกตอบ หยอกล้อประสาเพื่อนแล้วหัวเราะกันอย่างสดใส
ญาดามองนาฬิกาแล้วเดินไปมาอยู่ที่หน้าตึกในเวลาเย็นด้วยความเป็นห่วงธาวิน
“จะห้าโมงแล้วนะ หรือว่าไอ้บุญทันจะหลอกคุณภูไปทำอะไร”
ขณะนั้นบุญทันขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึกพอดี ญาดามองเห็นบุญทันลงมาเปิดประตูให้ธาวิน ญาดาเดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วงแล้วถาม
“คุณภูไปไหนมาคะ”
“ผมเซ็งๆน่ะก็เลยไปนั่งรถเล่น”
“แล้วทำไมไม่ชวนตาลไปด้วยล่ะคะ”
“ผมหาตาลไม่เจอ” ธาวินบอกก่อนจะหันมาบอกบุญทัน
“ขอบใจมากนะบุญทัน”
“ครับผม”
บุญทันทำเก๊กใส่ธาวินแล้วขึ้นรถขับออกไป ญาดามองตามแล้วถามธาวิน
“ทำไมคุณภูถึงไปตามลำพังกับนายบุญทันล่ะคะ รู้มั้ยคะ ตาลเป็นห่วงแทบแย่”
ธาวินกอดเอวหมับทันที ญาดาสะดุ้ง ธาวินเอียงหน้าเข้ามากระซิบ
“ทำไมจ๊ะ ตาลกลัวเค้าทำอะไรผม”
ญาดาพยายามดึงมือธาวินออก
“คุณภูอย่าทำอย่างนี้สิคะ เดี๋ยวใครมาเห็น”
ธาวินยังไม่ยอมปล่อยมือที่กอดอยู่
“ไม่ต้องอายใครแล้ว ใครๆเค้าก็รู้ว่าเราเป็นผัวเมียกัน”
ธาวินจุ๊บแก้ม ญาดาก็สะดุ้งอีก
“อุ๊ย นี่คุณภูไปดื่มมารึเปล่าคะ ทำไมพูดจาท่าทางเหมือนคนเมา”
“เปล่า ผมไม่ได้ดื่ม ผมแค่อยากแสดงความรักให้ตาลเห็น”
ธาวินยื่นหน้าจะเข้ามาหอมอีกที ญาดายกมือดันหน้าธาวินทันที
“ไม่เอาค่ะ คุณภูตัวเหม็นเหงื่อไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวกับคุณปู่”
“ก็ได้จ้ะ”
ธาวินปล่อยมือที่กอดอยู่ ญาดาไม่ทันระวังตัวเลยเจอจุ๊บเข้าให้อีกที ญาดาอึ้งไป
“คุณภู”
ธาวินหัวเราะทำหน้าทะเล้นใส่แล้วเดินออกไป ญาดามองตามด้วยความแปลกใจ
“วันนี้เป็นอะไร ทำไมเดี๋ยวกอดเดี๋ยวจูบเราทั้งวัน อย่าบอกนะว่าไปกินยาโด๊ปมา”
ภายในบ้านเมย์เมื่อตอนเย็น มณทกานต์เดินลงมาชั้นล่างแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มเทใส่แก้ว
เดินออกไปนั่งที่หน้าบ้าน มองเหม่อนึกถึงคำที่เอนกด่า
“นี่พ่อก็คิดว่าเมย์ใจแตกถึงขนาดไปนอนกับบุญทันงั้นหรือคะ”
“พ่อก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่ในเมื่อรูปการณ์มันเป็นแบบนั้นแกจะให้พ่อคิดยังไง หรือจะให้พ่อคิดว่าบุญทันมันหลอกแกไปขืนใจ”
ใบหน้าของอนุทินผ่านเข้ามาในห้วงคิด พร้อมกับคำพูดเสียดสี
“ชั้นดูถูกดีกว่าดีกว่าดูผิดก็แล้วกัน หนอย ตอนที่คุณปู่จะให้แต่งงานกับไอ้ภูบดีทำเป็นเล่นตัว ชั้นนึกว่าแกจะหาผู้ชายได้เลอเลิศแค่ไหน สุดท้ายก็ใฝ่ต่ำไปคว้าคนขับรถ”
มณทกานต์น้ำตาซึม ภาพของบุญทันผ่านเข้ามา
บุญทันดึงมณทกานต์ออกมาแล้วมองหน้าและเช็ดน้ำตาให้
“ถ้าคุณไม่รังเกียจก็แต่งงานกับผมเถอะนะครับ อย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น”
มณทกานต์พึมพำกับตัวเอง
“หรือว่าเราควรจะแต่งงานกับบุญทัน ทุกอย่างจะได้จบ”
มณทกานต์ถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้ากับตัวเอง
“ เฮ้อ แต่ถ้าเราแต่งก็เท่ากับเรายอมรับในสิ่งที่ทุกคนประณาม”
มณทกานต์ถอนหายใจอีกครั้งอย่างหงุดหงิด บุญทันเดินเข้ามาหาพอดี
“เห็นต้นหอมบอกว่าวันนี้คุณเมย์ไม่ทานอะไรเลยทั้งวัน ผมเลยเอาช็อกโกแลตมาฝาก”
บุญทันยื่นช็อคโกแลตM&Mให้ มณทกานต์ชะงักมองหน้าบุญทัน
“ผมเคยอ่านหนังสือเค้าบอกว่าเวลาที่เราเครียดหรือหงุดหงิด ถ้าทานช็อคโกแลตมันจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นนะครับ”
มณทกานต์ทำเมินหน้าหันไปอีกทางอย่างไม่สนใจ บุญทันวางช็อคโกแลตลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไป เมย์หันมามองช็อคโกแลตแล้วมองซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นบุญทัน ก็หยิบเม็ดช็อคโกแลตเข้าปาก1- 2 - 3 เม็ดตามลำดับจนอารมณ์เริ่มดีขึ้นแล้วยิ้มกับตัวเอง พอจะหยิบเม็ดที่ 4เข้าปากต้องสะดุ้ง
“ดีขึ้นมั้ยครับ” เสียงบุญทันดังขึ้น
มณทกานต์หันกลับไปมองเห็นบุญทันยืนยิ้มให้ มณทกานต์หน้าแตกรีบคว้ากล่องช็อคโกแลตเดินกลับเข้าบ้าน บุญทันยิ้มส่ายหน้า
มณทกานต์เดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วมองช็อคโกแลตที่อยู่ในมือแล้วอมยิ้มให้กับตัวเอง
“รู้ซะด้วยว่าเราชอบกินยี่ห้อนี้”
มณทกานต์หยิบช็อคโกแลตเข้าปากอีกเม็ด
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดาเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนรัดกุม ภายในห้องปิดไฟเหลือแต่ไฟหัวเตียง ธาวินนอนหลับอยู่ที่โซฟามีเสียงกรนเบา ๆ
“ทำไมวันนี้คุณภูหลับเร็วจัง”
ญาดาเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงสวดมนต์ก่อนจะก้มกราบแล้วล้มตัวนอน ธาวินลืมตาตื่นเห็นญาดานอนพลิกตัวตะแคงข้างอยู่จึงลุกขึ้นเดินมาที่เตียง ธาวินชะโงกมองเห็นญาดาหลับอยู่ ธาวินยิ้มแล้วหยิบเอาหมอนข้างที่วางข้างตัวญาดาออกค่อยๆย่องขึ้นเตียงอย่างแผ่วเบาลงๆไปนอนข้างตัวญาดา
ญาดาขยับพลิกตัวหันมากอดหมอนข้าง ธาวินถือโอกาสกอดตอบทันที
ญาดารู้สึกตัวสะดุ้งเฮือกลืมตาโพลงเห็นธาวินนอนยิ้มอยู่ข้างๆ ญาดาถอยขยับลุกขึ้นนั่ง
“คุณภู ทำไมขึ้นมานอนบนนี้ล่ะคะ”
“ผมหนาว ผมอยากนอนกอดเมียตัวเองบ้าง”
ญาดาผละตัวถอยออกทันที
“แต่ญาดาบอกแล้วไงคะว่าคุณภูไม่ได้ชอบผู้หญิง”
ธาวินขยับเข้าไปหาแล้วบอก
“ผมไม่เคยบอกซะหน่อย มีแต่ตาลที่บอกผม”
“ตาลว่าคุณภูลงไปดีกว่าค่ะ”
“ไม่ คืนนี้ผมจะนอนบนเตียง ผมนอนโซฟาแล้วปวดหลัง”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณภูจะนอนบนเตียง ตาลจะไปนอนโซฟาเอง”
ญาดาทำท่าจะขยับลุกหนีแต่ธาวินดึงแขนไว้ แล้วถาม
“เราไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆใช่มั้ย”
ญาดาสะดุ้งแล้วอึ้งไป
“คุณหลอกผมใช่มั้ย”
“เปล่านะคะ ตาลไม่ได้หลอกก็บอกแล้วว่าคุณเป็นเกย์”
“ผมชักไม่เชื่อคุณแล้ว ถ้าเราเป็นผัวเมียกันทำไมเราถึงนอนเตียงเดียวกันไม่ได้”
“ก็ตาลบอกแล้วว่า ...”
“ผมไม่สนว่าคุณจะบอกอะไร ถ้าคุณเป็นเมียผมจริงคุณต้องนอนบนเตียงกับผม”
ญาดามองและธาวินมองหน้ากัน
“ว่าไง”
“ก็ตามใจไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ ตาลจะไปนอนโซฟา”
ญาดาสะบัดหน้าแล้วลุกเดินไปที่โซฟา ธาวินได้แต่มองตาม ญาดาหันกลับมาบอกว่า
“อ้อ ตาลขอเตือนไว้เลยนะคะ ถ้าดึกๆคุณภูคิดจะละเมอลุกมาทำอะไรตาลล่ะก็ อย่าหาว่าตาลไม่เตือนนะคะ”
ญาดาชูกำปั้นให้ธาวินก่อนจะล้มตัวลงนอนคลุมโปง ธาวินส่ายหน้าแล้วพึมพำอย่างเซ็ง
“แสบกำลังสองจริงๆ”
ธาวินล้มตัวลงนอนบนเตียง ส่วนญาดานอนอยู่ที่โซฟาแล้วดึงผ้าห่มที่คลุมโปงออกมองไปที่ธาวินอย่างสงสัย
“หรือว่าเค้าจะจำอะไรได้แล้ว ไม่หรอกน่า ถ้าจำได้ก็ต้องจับเราส่งตำรวจแล้วสิ เค้าคงไม่ปล่อยเราไว้อย่างนี้หรอก”
ญาดาพยักหน้ากับตัวเองอย่างคลายกังวล ดึงผ้าห่มคลุมโปง
เช้าวันใหม่ รถตำรวจขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน สารวัตรสมยศเดินลงมากับตำรวจอีกนายเข้ามาในบ้าน ปารมีก้าวออกมามองตามหลังสารวัตรสมยศแล้วยิ้มอย่างสะใจ
ภายในห้องรับแขก พิพัฒน์วางแก้วกาแฟลง แล้วพูดขึ้น
“คุณจะบอกว่าหลานสะใภ้ผมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎงั้นหรือ”
“ใช่ครับ ผมทราบมาว่าเธอไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง แล้วที่เธอบอกว่าแม่ทำงานอยู่ไต้หวัน จริงๆแล้วแม่เธอติดหนี้พนันอยู่ในบ่อนครับ”
“จริงหรือ”
“จริงครับท่าน ที่ผมมาบอกก็เพราะผมกลัวว่าคุณภูบดีจะถูกหลอก”
พิพัฒน์มีสีหน้าอึ้งไป
ญาดาเดินลงมาจากชั้นบนผ่านมาทางห้องรับแขกในเวลาต่อมา เห็นสารวัตรสมยศนั่งอยู่กับพิพัฒน์ ตำรวจที่มาด้วยยืนอยู่หน้าห้อง ญาดาชะงักเล็กน้อยก่อนจะเรียกเบญ สาวใช้ที่เดินสวนเข้ามา
“เบญ” ญาดาเรียก
“ขา”
“ตำรวจมาหาคุณปู่ทำไม”
“ไม่ทราบค่ะ”
เบญเดินออกไป ญาดามองกลับไปที่ห้องอย่างใจไม่ค่อยดีนัก และเมื่อญาดาเห็นแววตาตำรวจที่ยืนอยู่หน้าห้องมองมา ญาดารีบหลบสายตาอย่างระแวง
“หรือว่าเป็นเรื่องเรา”
ญาดาหันกลับวิ่งขึ้นชั้นบนทันที
ญาดาวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างเร็วจนชนกับธาวินตรงหัวโค้งเพราะ ต่างฝ่ายต่างไม่ทันระวังตัว
“เฮ้ย”
“ว้าย ขอโทษค่ะคุณภู”
“จะรีบไปไหนตาล ไหนบอกว่าจะลงไปทานข้าวไง”
“พอดีตาลลืมโทรศัพท์น่ะค่ะ”
“เมื่อกี้ผมดูในห้องไม่เห็นมีนะ”
“ตาลเอาไว้ในห้องน้ำน่ะค่ะ”
ต้นหอมเดินขึ้นมาพอดีแล้วพูดขึ้น
“คุณตาลคุณภูอยู่นี่เอง”
“มีอะไร” ธาวินถาม
“คุณท่านบอกว่าให้คุณสองคนไปพบที่ห้องรับแขกค่ะ” ต้นหอมบอก
ญาดามีสีหน้าอึ้งไป
“มีเรื่องอะไรหรือ” ธาวินถาม
“ไม่ทราบค่ะ เห็นสารวัตรสมยศมาคุยกับคุณท่านตั้งแต่เช้าแล้ว ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณท่านดูหน้าเครียดๆค่ะ”
ธาวินคว้าข้อมือญาดาแล้วบอก
“ไป ตาล”
“เอ่อ คุณภูลงไปก่อนนะคะ เดี๋ยวตาลตามลงไป”
“ก็ได้”
ธาวินเดินลงบันไดไปกับต้นหอม ญาดามองตามอย่างเสียวสันหลัง
ธาวินเดินเข้ามาในห้องรับแขก
“คุณปู่เรียกผมมีอะไรหรือครับ” ธาวินถาม
“นั่งก่อนสิ หนูตาลล่ะ” พิพัฒน์ถาม
“ขึ้นไปเอาโทรศัพท์ครับ เดี๋ยวลงมา”
“สวัสดีครับคุณภูบดี” สารวัตรสมยศทักทาย
“สวัสดีครับ”
“สารวัตรเค้าบอกปู่ว่าหนูตาลเมียแกเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ” พิพัฒน์พูดขึ้น
ธาวินชะงักมองหน้าสารวัตรสมยศเขม็ง
“คืออย่างนี้ครับคุณภูบดี จากที่คุณตาลเคยให้ปากคำว่าคุณแม่ทำงานอยู่ที่ไต้หวัน แต่ผมไปพบความจริงว่าคุณแม่เธออยู่ที่เมืองไทยแล้วตอนนี้ก็ติดหนี้อยู่ในบ่อนพนัน” สารวัตรสมยศอธิบาย
“แล้วไงครับ” ธาวินถามน้ำเสียงเรียบ
“ผมเกรงว่าคุณภูบดีจะโดนหลอกก็เลยมาแจ้งให้ทราบ”
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดาเปิดประตูห้องเข้ามายืนพิงประตูอยู่แล้วครุ่นคิดตัดสินใจ
“เอาไงดีวะเรา ถ้าตำรวจมันมาเรื่องเรา เราต้องซวยแน่หรือว่าจะเผ่นก่อน”
ญาดาวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดตู้หยิบกระเป๋าออกมาทันที
ภายในห้องรับแขก ธาวินพยักหน้ารับรู้ที่สารวัตรสมยศอธิบาย
“เรื่องนั้นผมรู้แล้วครับ”
“หมายความว่าแกรู้เรื่องมาก่อนงั้นหรือ” พิพัฒน์ถาม
“ใช่ครับ”
“แต่คุณอาจยังไม่ทราบว่าแม่ของเธอติดหนี้พนันที่บ่อนสิบล้าน และตอนนี้เธอกำลังหาเงินไปใช้หนี้ให้แม่”
“อ๋อ เรื่องนั้นผมก็รู้แล้วอีกเหมือนกัน”
พิพัฒน์มองธาวินอย่างอึ้งปนงงและตกใจ
ภายในห้องภูบดีในเวลาเดียวกัน ญาดาตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าที่จำเป็นใส่กระเป๋าทันที แล้วก็ความคิดหนึ่งแทรกเข้ามาในสมอง
“แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับเรา แล้วเราหนีไป เราก็จะไม่ได้เงินไปไถ่ตัวแม่นะ เอาไงดีวะ”
ญาดาเดินไปมาอยู่ในห้องอย่างใช้ความคิดที่กำลังสับสนลังเล
ภายในห้องรับแขก สารวัตรสมยศย้อนถามธาวินอย่างแปลกใจ
“รู้แล้วหรือครับ”
“ใช่ครับ มีอะไรอีกมั้ยครับที่สารวัตรอยากบอก”
“ไม่ทราบว่าคุณภูบดีรู้รึเปล่าว่า แม่คุณตาลเคยถูกจับข้อหามอมยาและรูดทรัพย์”
“จริงหรือสารวัตร” พิพัฒน์ถามขึ้นอย่างตกใจ
“จริงครับท่าน และผมสันนิษฐานว่าคุณตาลน่าจะเคยร่วมทำงานประเภทเดียวกับแม่”
“เรื่องที่แม่ตาลถูกจับผมก็ทราบครับ แต่เรื่องที่คุณบอกว่าตาลน่าจะทำงานประเภทเดียวกัน ผมว่าคุณกำลังหมิ่นประมาทภรรยาผมอยู่นะครับ”
สารวัตรสมยศอึ้งไป
“ถ้าคุณไม่มีหลักฐานอะไรอย่ากล่าวหาภรรยาผมลอย ๆ เพราะผมอาจให้ทนายฟ้องกลับคุณ”
สารวัตรสมยศไม่พอใจ แต่พยายามควบคุมอารมณ์ไว้
“หมดธุระคุณแล้วใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“งั้นเชิญครับ”
ธาวินผายมือให้ สารวัตรสมยศจำใจลุกขึ้น
“งั้นผมลาล่ะครับ”
สารวัตรสมยศเดินออกจากห้องไป ธาวินมองตาม ขณะที่พิพัฒน์มองหน้าธาวินด้วยความสงสัยในเรื่องที่เกิดขึ้น
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดาตัดสินใจยกกระเป๋าขึ้นแล้วบอกกับตัวเอง
“เผ่นก่อนดีกว่า”
ญาดาวิ่งไปเปิดหน้าต่างแล้วโยนกระเป๋าลงไปที่พื้นเบื้องล่าง
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขก พิพัฒน์กับธาวินกำลังคุยกันอยู่
“แล้วทำไมแกไม่เล่าเรื่องนี้ให้ปู่ฟัง”
“ผมก็กำลังหาจังหวะอยู่น่ะครับ ตั้งใจว่าจะบอกคุณปู่อยู่วันสองวันนี้” ธาวินบอก
“งั้นแกไปตามเมียให้มาพบปู่ ปู่จะสอบปากคำเค้าเอง”
“ครับ”
ฝ่ายญาดากำลังโยนชายผ้าปูที่นอนห้อยลงมาจากหน้าต่างห้องลงมา ก่อนจะโหนตัวลงมาจากชั้นบน
ธาวินกับพิพัฒน์ซึ่งยังอยู่ในห้องรับแขกมองเห็นญาดากำลังกระโดดลงมาที่พื้น เมื่อญาดาเงยหน้าผ่านหน้าต่างไปที่ห้องรับแขกก็เห็นสายตาของพิพัฒน์กับธาวินมองอยู่ ธาวินชี้หน้าญาดา
“ซวยแล้วเราดันโดดมาลงตรงนี้อีก” ญาดาว่า
ญาดายกมือไหว้ขอโทษพิพัฒน์แล้ววิ่งหนีออกไปโดยไม่เอากระเป๋าเสื้อผ้า
“อ้าว แล้วนั่นจะหนีไปไหน” พิพัฒน์ร้องขึ้น
“เดี๋ยวผมมานะครับ คุณปู่”
ญาดาวิ่งออกหนีออกมาตามทางเดินนอกบ้าน ธาวินวิ่งตามออกมา
“ตาล หยุดก่อน นั่นคุณจะไปไหน”
ญาดาวิ่งเลี้ยวออกมาเจอกับสารวัตรสมยศกับตำรวจติดตามพอดีจนต้องเบรกตัวโก่งทันที
สารวัตรสมยศทักทายทันที
“สวัสดีครับ คุณตาล ท่าทางเหมือนจะหนีไปไหนหรือครับ”
“เอ่อ” ญาดาอ้ำอึ้ง
ญาดามองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ ครั้นจะขยับไป สารวัตรสมยศขยับขวาง ธาวินตะโกนเรียกแล้ววิ่งตามเข้ามา
“ตาล”
“มีอะไรรึเปล่าครับ คุณภู” สารวัตรสมยศถามขึ้น
ญาดาหันมามอง ธาวินยิ้มให้แล้วคว้าแขนญาดาไว้
“อ๋อ ไม่มีอะไรครับ เราเล่นไล่จับกันน่ะครับ นี่แน่ะ ผมจับคุณได้แล้วมาให้ทำโทษซะดีๆ”
ธาวินพูดพลิกสถานการณ์ทันทีแล้วโอบญาดาเข้ามาหอมแก้มโชว์อวดสารวัตรสมยศ ญาดาสะดุ้งเล็กน้อย สารวัตรสมยศมองธาวินอย่างหมั่นไส้
“ไป เข้าบ้านเถอะ”
ธาวินบอกแล้วเดินโอบเอวญาดาเดินกลับเข้าบ้านไป ตำรวจติดตามถามขึ้น
“แหม คุณภูบดีนี่แกรักเมียแกนะครับ”
สารวัตรสมยศมองตามอย่างอาฆาต
“ก็ขอให้รักกันนานๆแล้วกัน”
สารวัตรสมยศเดินออกไปอีกทางโดยมีตำรวจติดตามเดินตามไป
ธาวินเดินกอดญาดาจนไม่เห็นสารวัตรสมยศก็หันมาจับไหล่เผชิญหน้ากับญาดาแล้วถามเสียงขรึม
“จะหนีไปไหน”
“เอ่อ... ตาล”
“ตำรวจเค้าบอกผมว่าคุณเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ”
ญาดาหน้าซีด อึ้งและจ๋อยไป
“แม่คุณติดหนี้อยู่ที่บ่อนและเคยถูกจับข้อหามอมยารูดทรัพย์”
ญาดามองหน้าธาวินอย่างรู้สึกละอายใจ
“ตาลขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงคุณ”
“แล้วมีเรื่องอะไรอีกที่คุณยังปิดบังผม”
“ไม่มีแล้วค่ะ” ญาดาบอกด้วยสีหน้าอึ้งๆที่ธาวินรู้ความจริง
“แน่ใจนะ”
ธาวินถามย้ำ ญาดาหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้า
“แน่ใจค่ะ”
“แม้แต่เรื่องที่เรารักกันคุณก็ไม่ได้โกหกผมใช่มั้ย”
ญาดามองจ้องหน้าสบตากับธาวิน
“ค่ะ ตาลไม่ได้โกหก ตาลรักคุณภูนะคะ”
ญาดาโผเข้ากอดธาวินด้วยความรู้สึกรักจริงๆ ขณะที่ธาวินทำหน้าเบ้หน้าเหลือบมองอย่างไม่เชื่อคำพูดของญาดา
“คุณภูยกโทษให้ตาลนะคะ”
ธาวินนิ่งเฉยเมย ญาดาผละออกมาแล้วมองหน้า
“นะคะคุณภู ยกโทษให้ตาล” ญาดาเสียงเว้าวอน
“ก็ได้ ผมจะยกโทษให้คุณ”
ญาดายิ้มตื้นตันใจจนน้ำตาซึมประทับใจในตัวธาวิน
“ขอบคุณนะคะคุณภู”
ญาดาโผกอดธาวินอีกครั้ง
“ตาลรักคุณภูค่ะ”
ธาวินเหลือบมองญาดาแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อเพราะคิดว่า ที่แท้ญาดาก็เป็นพวกสิบแปดมงกุฏที่เล่นละครเก่งคนหนึ่ง
ภายในห้องรับแขกในเวลาต่อมา ญาดาก้มลงกราบพิพัฒน์
“ตาลต้องกราบขอโทษนะคะที่ตาลโกหกคุณปู่”
“แล้วทำไมต้องโกหกด้วย” พิพัฒน์ถาม
“ตาลกลัวว่าคุณปู่จะรังเกียจตาลที่ตาลมาจากครอบครัวไม่ดี”
ญาดาร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่ต้องโกหกพิพัฒน์ซึ่งดีกับเธอมาตลอด
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้ ปู่ไม่โกรธไม่เกลียดหนูหรอกเพราะสิ่งที่หนูทำก็เพราะความกตัญญูต่อแม่”
ญาดาก้มลงกราบอีกครั้ง
“ขอบพระคุณนะคะคุณปู่ คุณปู่ดีกับตาล ตาลจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ” ญาดาบอก
“คนที่หนูต้องขอบคุณคือเจ้าภูมากกว่าเพราะเค้ารักหนู เค้าถึงไม่สนใจว่าหนูจะมีประวัติความเป็นมายังไง ส่วนปู่ถ้าหลานรักใครปู่ก็รักด้วยทั้งนั้น” พิพัฒน์บอก
ญาดาหันไปมองธาวินที่ทำสีหน้าหน้าเฉยอยู่
“แล้วนี่มีเรื่องอะไรที่โกหกปิดบังปู่อีกรึเปล่า” พิพัฒน์ถามขึ้น
ญาดาอึ้งไปเล็กน้อยแล้วว่า
“ เอ่อ ไม่มีแล้วค่ะ”
ธาวินลอบมองอย่างรู้ทันว่าตาลยังโกหกเรื่องสวมรอยเป็นเมีย
“ดีแล้ว คนเราอยู่ด้วยกันต้องซื่อสัตย์และมีความจริงใจให้กัน สัญญากับปู่นะว่าจะไม่โกหกหรือปิดบังอะไรปู่อีก”
“ค่ะ”
ญาดาฝืนยิ้ม ธาวินเหลือบมองญาดาอย่างหมั่นไส้
ภายในอพาร์ทเม้นท์ของสารวัตรสมยศในเวลากลางวัน ปารมีมาพบแล้วถามขึ้น
“มันไม่เชื่องั้นหรือ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ มันบอกว่ามันรู้เรื่องทั้งหมดของเมียมันแล้ว แล้วมันก็ขู่ผมว่า ถ้าผมยังยุ่งกับเรื่องเมียมันอีกมันจะให้ทนายฟ้องผม”
“สรุปว่าแผนนี้ไม่ได้ผล”
“ใช่ ผมว่าคุณต้องหาแผนใหม่แล้วล่ะ เพราะเท่าที่ผมดูผมว่าไอ้ภูบดีมันรักเมียมันมาก ถ้าคุณคิดจะทำให้มันเลิกกันคงยาก”
“งั้นก็ฆ่ามันทิ้งซะเลย”
“ฆ่าไอ้ภูบดีน่ะหรือ”
“ไม่ใช่ ฆ่าผู้หญิง”
“เอางั้นเลยหรือ”
“ใช่ ในเมื่อมันไม่เลิกกัน เราก็ต้องจัดการเอง”
“งั้นผมต้องขอเวลาวางแผนก่อน อ้อ แต่งานนี้คุณต้องเตรียมเงินเยอะหน่อยนะ เพราะผมต้องหาคน
ที่ไว้ใจได้มาทำ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ขอให้ทำให้สำเร็จก็แล้วกัน”
สารวัตรสมยศพยักหน้ารับคำ
บุญทันกำลังปลูกต้นไม้อยู่กับลุงแย้ม ธาวินเดินเข้ามาหยุดทางด้านหลังแล้วพูดขึ้น
“บุญทัน”
“ครับ คุณภู”
“ขับรถให้ชั้นหน่อยสิ ชั้นจะออกไปข้างนอก”
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมมานะลุง”
“เออ”
บุญทันเดินตามธาวินไป
ที่บนสะพานริมน้ำ บุญทันบอกกับธาวิน
“ที่จริง ชั้นว่าแกควรจะฉีกหน้ากากยัยเมียลวงโลกของแกซะเลยให้ตำรวจจับเข้าคุกซะให้เข็ด”
“แกนี่พูดไม่รู้จักคิด ที่ชั้นต้องปกป้องยัยตาลเนี่ยชั้นมีเหตุผล” ธาวินบอก
“เหตุผลอะไร”
“แกลองคิดดูนะถ้าตำรวจจับเค้าไป ตำรวจก็ต้องสอบปากคำแล้วสืบรู้จนได้ว่าชั้นกับแกสลับตัวกัน แผนของเราก็จะแตกนะ”
“งั้นก็แล้วไป ชั้นนึกว่าที่แกไม่ส่งเค้าให้ตำรวจเพราะว่าแกชอบเค้าส่วนตัว”
“แกจะบ้าหรือ ชั้นจะไปชอบเค้าได้ยังไง เค้ามอมยาแล้วก็รูดทรัพย์ชั้นนะโว้ย แถมยังมาหลอกว่าเป็นเมียชั้นอีก”
“อ้าว ใครจะไปรู้ดีเท่าหัวใจแก ชั้นเห็นก่อนหน้านี้ แกหายใจเข้าก็น้องตาล หายใจออกก็น้องตาล”
“แกไม่ต้องมากัดชั้นเลยไอ้ภู มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า พรุ่งนี้ชั้นจะเข้าไปทำงานที่บริษัท แกจะให้ชั้นเริ่มสืบเรื่องการตายของลุงภาคินจากอะไรก่อน”
“อันดับแรก แกต้องหาให้เจอว่าลุงภาคินมีปัญหากับใครในบริษัทบ้าง”
“พนักงานตั้งเยอะแยะเราจะรู้ได้ไง”
“ไม่ยากหรอกเพราะลุงภาคินเป็นซีอีโอใหญ่ ถ้าจะมีปัญหากับใคร ชั้นว่าต้องเป็นเรื่องผลประโยชน์”
“ก็จริงของแกเพราะคนระดับรปภ.มันคงไม่คิดฆ่าลุงภาคิน”
“เพราะอะไร” บุญทันถาม
“อ้าว ลุงภาคินใหญ่ระดับซีอีโอก็ต้องให้ทิปรปภ.เยอะ”
“แกนี่มันชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย ชั้นคิดถูกหรือผิดวะที่ยอมให้แกปลอมตัวเป็นชั้นมาสืบเรื่องนี้”
“ทำซีเรียสไปได้ รับรองชั้นไม่ทำให้แกผิดหวังหรอก เราจะต้องหาตัวฆาตกรที่ฆ่าลุงภาคินเจอแน่”
ธาวินบอกอย่างด้วยความเชื่อมั่น บุญทันมองหน้าแล้วตบไหล่ธาวิน
“เชื่อมือชั้นเถอะน่า”
บุญทันถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ
ญาดาเดินถือกาแฟและจานขนมเค้กเดินเลี้ยวออกมาจากครัวมายังระหว่างทางเดินภายในบ้านพิพัฒน์เมื่อเวลากลางวัน นภาเดินเลี้ยวมาเจอเข้าพอดี
“นั่นจะเอาไปไหน” นภาถาม
“อ๋อ ตาลจะเอาไปให้คุณปู่ค่ะ”
“ทำไมไม่ให้ต้นหอมทำ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอดีตาลอบเค้กมาใหม่ๆน่ะค่ะ อยากให้คุณปู่ชิม คุณป้านภาจะทานมั้ยคะเดี๋ยวตาลจะตัดไปให้”
“ไม่ต้อง ส่วนเค้กนี่เธอเอามาชั้นจะเอาไปให้คุณลุงเอง”
“เอ่อ”
“เธอเป็นคุณนายเมียเจ้าของบ้านนะ ไม่ได้เป็นสาวใช้”
นภาจิกเตือน ญาดาจำใจส่งถาดให้ นภารับแล้วเดินไปยังตึกใหญ่ทันที ญาดามองตามด้วยสายตาเซ็งๆ
“นึกว่าเราไม่รู้ทันหรือ จะขโมยซีนเราน่ะสิ”
แล้วญาดาก็เดินหันหลังกลับไป
ภายในห้องทำงาน พิพัฒน์นั่งคุยอยู่กับปรารภ
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคุณตาลแกจะมีประวัติแบบนี้” ปรารภว่า
“ก็นั่นน่ะสิ ตอนที่สารวัตรสมยศบอก ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่เจ้าภูเค้ายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมมันถึงไม่เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังตั้งแต่แรก”
“คุณภูแกคงจะกลัวว่าคุณท่านรับไม่ได้มั้งครับ ถ้าอยู่ๆแกมาถึงแล้วบอกท่านว่ามีภรรยาเป็นสิบแปดมงกุฎ”
“อืมม์ ก็อาจจะจริง เพราะถ้าผมไม่ได้รู้จัก ไม่ได้เห็นนิสัยใจคอของหนูตาลเค้าก่อนล่ะก็ ผมอาจจะทำใจยอมรับเค้าเป็นสะใภ้ได้ลำบาก”
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น นภาเปิดเข้ามา
“กาแฟค่ะ คุณลุง”
“อ้าว เด็กไปไหนกันหมด ทำไมต้องมาเสิร์ฟเอง”
“พอดี นภาว่างน่ะค่ะ”
“สวัสดีครับคุณนภา” ปรารภบอก
“สวัสดีค่ะ คุณปรารภ รับกาแฟเพิ่มมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”
“เออ นภา ช่วยให้ใครไปตามหนูตาลมาพบชั้นหน่อย” พิพัฒน์บอก
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“จะคุยธุระกับเค้าหน่อย”
“ค่ะ”
นภาเดินออกไปแล้วปิดประตูลง พิพัฒน์หันมาบอกปรารภ
“พรุ่งนี้ช่วยโอนเงินค่าสินสอดให้หนูตาลหน่อยนะ”
“ได้ครับ”
ภายในห้องอาหารบ้านของบ้านพิพัฒน์ ญาดากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับธาวิน
“แล้วคุณภูจะกลับมากี่โมงคะ ... ค่ะ ... ได้ค่ะ รีบกลับนะคะ...ค่ะ”
ญาดาวางสายโทรศัพท์แล้วหันไปเห็นนภายืนฟังอยู่ด้านหลัง
“อุ๊ย ... คุณป้านภา”
“คุณลุงให้เธอไปพบ”
นภาพูดน้ำเสียงเรียบแล้วเดินออกไป ญาดามองตามแล้วพึมพำ
“ยัยป้านี่ชอบมาเงียบๆให้เราตกใจ”
ญาดาเดินมาเคาะประตูห้องทำงานของพิพัฒน์ก่อนจะเปิดแล้วปิดลง นภาเดินเข้ามาหยุดมองอย่างสนใจ ญาดาเดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะคุณปรารภ”
“หวัดดีครับ” ปรารภทัก
“คุณปู่เรียกตาลหรือคะ”
“ใช่ นั่งก่อนสิ พรุ่งนี้ปู่จะให้คุณปรารภโอนเงินค่าสินสอดทั้งหมดให้หนู”
ญาดาคิดไม่ถึง แล้วพูดขึ้นอย่างตกใจ
“หมายถึงเงินสิบห้าล้านน่ะหรือคะ”
“ถูกต้อง เดี๋ยวหนูเอาเลขที่บัญชีให้คุณปรารภซะ แล้วก็เอาเงินไปไถ่ตัวแม่ออกมาให้เรียบร้อย”
ญาดามีสีหน้าอึ้งไปทันที
“นี่คุณปู่ให้หนูจริงๆหรือคะ” ญาดาถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แน่ใจ
“จริงสิ เห็นปู่เป็นคนแก่ขี้โกหกไปได้”
“ไม่ใช่ค่ะ คือหนู หนูไม่อยากเชื่อว่าคุณปู่จะให้เงินหนูจริงๆ ทั้งที่คุณปู่ก็รู้ว่าหนูโกหก”
“แต่ที่คุณต้องโกหกเพราะต้องการเอาเงินไปช่วยคุณแม่ไม่ใช่หรือครับ” ปรารภถาม
“ค่ะ”
“นั่นล่ะ ปู่ถึงให้หนู ไปเอาเลขที่บัญชีมาให้คุณปรารภเค้าซะ เค้าจะได้จัดการให้” พิพัฒน์บอก
ญาดาร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจแล้วก้มลงกราบพิพัฒน์
“ขอบพระคุณนะคะคุณปู่ คุณปู่มีพระคุณกับชีวิตหนู ถ้ามีอะไรที่หนูจะทำให้คุณปู่ได้ขอให้คุณปู่บอกนะคะ”
ญาดาหันไปไหว้ปรารภอีกคน
“ขอบคุณนะคะคุณปรารภ”
พิพัฒน์กับปรารภยิ้มให้ญาดา
นภาซึ่งยืนฟังเรื่องทั้งหมดอยู่หน้าห้องทำงานด้วยสีหน้าไม่พอใจ ญาดาเปิดประตูห้องออกมาเห็นนภายืนอยู่ก็ตกใจเล็กน้อย นภามองญาดาด้วยแววตาเกลียดชังแล้วเดินออกไปทันที
“อย่าบอกนะว่ายัยคุณป้ามาแอบฟังที่เราคุยกับคุณปู่”
ญาดามองตามอย่างเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจนภา
นภาเดินเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง สมองเครียดจนต้องหยิบยาระงับประสาทที่วางอยู่บนโต๊ะมาใส่ปากแล้วดื่มน้ำก่อนจะนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร นภาหายใจแรงด้วยความโกรธและริษยา ปารมีเดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“อ้าว แม่ หนูนึกว่าแม่อยู่ที่ตึกใหญ่ซะอีก”
“แม่เพิ่งกลับมา” นภาบอก
ปารมีมองหน้านภาที่เครียดขึงอยู่จึงถามขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าแม่”
“ลูกรู้มั้ย คุณปู่ให้เงินนังตาลสิบห้าล้าน”
“แล้วแม่รู้ได้ไงคะ”
“แม่ได้ยินคุณปู่บอก หึ คุณปู่ไม่ยุติธรรมจริง ๆ เราสองแม่ลูกอยู่รับใช้มาเกือบยี่สิบปีไม่เคยได้อะไรเลย นอกจากเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่นังผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ไม่ถึงเดือนคุณปู่ก็หลงมัน แม่จะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว”
นภาลุกขึ้น ปารมีคว้าแขนไว้ทันที
“เดี๋ยวค่ะแม่ แม่คิดจะทำอะไรคะ”
“แม่จะไปพูดกับคุณปู่ ขอให้ท่านแบ่งสมบัติให้เราแล้วเราจะไปจากที่นี่”
“แม่คะ แม่ลืมไปแล้วหรือว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า เราเป็นแค่ผู้อาศัยนะคะ คุณปู่ไม่มีทางให้อะไรเราหรอกค่ะ”
“แต่เราจะปล่อยให้ ...”
“แม่ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจเรื่องเมียพี่ภูหรอกค่ะ เค้าจะอยู่กับเราไม่นานหรอก”
“ลูกหมายความว่ายังไง”
“เอาไว้วันนึงแม่ก็จะรู้เอง เชื่อหนูนะคะ แม่อยู่เฉยๆแล้วทุกอย่างจะดีเอง”
นภามองหน้า ปารมียิ้มให้แล้วเดินสวยออกไป นภามองตามอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“ยัยปากำลังคิดจะทำอะไร”
ภายในห้องนอนของภูบดีในเวลากลางคืน ธาวินเดินออกจากห้องน้ำ เห็นญาดานั่งเอกเขนกสบายๆอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา
“อ้าว ทำไมตาลไม่นอนบนเตียง” ธาวินถาม
“ตาลเสียสละให้คุณภูค่ะ คุณภูจะได้ไม่ต้องปวดหลังอีกต่อไป”
“ไม่ต้องหรอก ตาลนอนบนเตียงเถอะ ผมนอนโซฟาได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตาลนอนตรงนี้ได้เชิญคุณภูเลยค่ะ”
ธาวินมองอย่างแปลกใจ
“ตาลอยากตอบแทนที่คุณภูดีกับตาลน่ะค่ะ”
“ถ้าอยากตอบแทน ผมว่าตาลขึ้นมานอนบนเตียงกับผมดีกว่านะ”
“เอ่อ ...” ญาดาอ้ำอึ้ง
ธาวินยกมือให้สัญญา
“ผมให้สัญญาผมจะไม่ทำอะไรตาล ด้วยเกียรติของผู้ชายสมองเสื่อม”
“จริงนะคะ ห้ามคุณภูแตะเนื้อหรือโดนตัวตาลเด็ดขาด”
“จริง”
“ก็ได้ค่ะ”
ญาดาหอบหมอนผ้าห่มขึ้นมาบนเตียงแล้วเอาหมอนข้างมากั้นกลางก่อนจะล้มตัวลงนอน ธาวินมองอมยิ้มแล้วเดินขึ้นเตียงเอื้อมมือจะปิดไฟหัวเตียง
“ห้ามปิดไฟค่ะ”
“แต่ผมนอนไม่หลับหรอกนะถ้าไม่ปิดไฟ”
“ถ้าคุณภูปิด ตาลจะกลับไปนอนที่โซฟา”
“เอา เอาก็ได้”
ธาวินล้มตัวนอนเห็นญาดานอนตะแคงหันหลังให้แล้วเหลือบตาเหล่มองธาวินก่อนจะอมยิ้มหลับตา
ฝ่ายธาวินเหลือบมองญาดาแล้วนึกถึงเรื่องที่พูดกับบุญทัน
“แกจะบ้าหรือ ชั้นจะไปชอบเค้าได้ยังไง เค้ามอมยาแล้วก็รูดทรัพย์ชั้นนะโว้ย แถมยังมาหลอกว่าเป็นเมียชั้นอีก”
ธาวินยังคงมองญาดาอยู่ จู่ๆ ญาดาลืมตาก็ลุกขึ้นนั่งแล้วถาม
“เออ คุณภูคะ”
“หือ”
“วันนี้ที่คุณภูออกไปกับบุญทันได้เรื่องอะไรบ้างมั้ยคะ”
ธาวินงงๆแล้วถามขึ้น
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่ตาลสงสัยว่าเค้าจะเป็นคนวางแผนอุ้มตาลกับคุณเมย์ไปที่ห้องเค้าไงคะ”
“อ๋อ ผมว่าคงไม่ใช่หรอก เพราะเท่าที่คุยดู บุญทันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
“แต่ถ้าไม่ใช่บุญทันแล้วจะเป็นใครล่ะคะที่อุ้มตาลไป”
ธาวินมองหน้าญาดาแล้วนึกถึงคำพูดของบุญทัน
“แกบอกชั้นเองว่าเค้าเป็นสิบแปดมงกุฎ บางทีเค้าอาจจะสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องอะไรจากแกก็ได้”
ญาดาเห็นสายตาที่มองจ้องมาก็ชะงักแล้วถาม
“คุณภูจ้องตาลทำไมคะ”
“อ๋อ ผมกำลังคิดว่านั่นสินะ ใครกันที่เป็นคนวางแผนเรื่องนี้ ผมก็พยายามคิดแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก”
ธาวินถอนหายใจหน้าเครียด
“ถ้าคิดไม่ออกก็อย่าเพิ่งคิดเลยค่ะ ตาลไม่อยากให้คุณภูเครียด เดี๋ยวจะปวดหัวอีก”
ญาดามองธาวินอย่างห่วงใยแล้วรวบรวมความกล้าชะโงกไปหอมแก้มธาวิน เล่นเอาธาวินสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว
“ฝันดีนะคะ”
ญาดายิ้มให้อย่างเขิน ๆแล้วล้มตัวนอนหันหลังให้ ธาวินมองญาดาอย่างลังเลและสับสนในใจตัวเองว่ารักญาดาหรือไม่อย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว มณทกานต์กดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งกับชีวิตตัวเอง
สุดท้ายมณทกานต์ตัดสินใจกดรีโมทปิดทีวีแล้วเดินลุกไปปิดไฟที่ผนังทั้งห้องมืดสนิทลงทันที อาการคิดไม่ตกทำให้มณทกานต์ไม่ได้ล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่กลับเดินไปที่หน้าต่างทอดสายตามองเหม่อลอย แต่เมื่อมองลงไปเบื้องล่างก็ชะงักเพราะเห็นอนุทินกำลังเดินออกจากบ้านไป
“นั่นพี่เอจะไปไหน นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ”
มณทกานต์มองตามด้วยแววตาสงสัยแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ
“ตามไปดูดีกว่าเรา”
มณทกานต์คว้าเสื้อกันหนาวบางๆใส่คลุมเดินออกจากบ้านตามไป
มณทกานต์มองกวาดตาหาอนุทินแต่ไม่เห็นใคร
“ไปไหนแล้ว เร็วจัง”
มณทกานต์ชะเง้อมองหา ที่ด้านหลังมีใครบางคนเดินตามอยู่แล้วเอื้อมมือมาปิดปากมณทกานต์จากด้านหลัง มณทกานต์สะดุ้งเฮือกหันกลับไปมอง ที่แท้เป็นบุญทันนั่นเอง
“อย่าส่งเสียงครับ ดูอะไรนู่น” บุญทันกระซิบบอก
มณทกานต์มองตามสายตาบุญทันเห็นอนุทินยืนอยู่กับใครบางคนในมุมลับตา
“เข้าไปดูใกล้ๆมั้ยครับ” บุญทันถาม
มณทกานต์พยักหน้า บุญทันปล่อยมือที่ปิดปาก ทั้งสองเดินย่องแอบเข้าไปใกล้จนเห็นว่าอนุทินยืนอยู่กับปารมี
“นั่นมันยัยปารมีนี่”
“ใช่ครับ”
มณทกานต์มองอย่างสงสัยว่า ปารมีกับอนุทินมาทำอะไร ทั้งคู่เห็นว่าทั้งคู่คุยกันอยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงว่าคุยอะไรกัน
ปารมีพูดกับอนุทิน
“ปาเคยบอกแล้วไงคะว่าอย่าโทรหาปาดึกๆแบบนี้”
“พี่ขอโทษ พี่แค่อยากเจอปา โทรหาตอนกลางวันปาก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่ว่าง”
มณทกานต์มองหน้าบุญทันอย่างงุนงงสงสัยว่าทั้งสองคนพูดเรื่องอะไรกัน
“เค้าพูดเรื่องอะไร”
บุญทันส่ายหน้าแล้วบอก
“ไม่รู้”
บุญทันกับมณทกานต์หันกลับไปมอง
“ก็ปาไม่ว่างจริงๆนี่คะ”
“ไม่เอาน่า อย่าโกรธพี่เลยนะ”
อนุทินจับมือปารมีที่เมินหน้าทำงอน อนุทินยกมือปารมีขึ้นมาจูบเบาๆแล้วบอก
“ปาก็รู้ว่าพี่รักปาแค่ไหน”
อนุทินเคลื่อนหน้าเข้าไปจูบปารมี
มณทกานต์มองตะลึงไม่คาดฝันพลาง ขยับถอยตัวออกจนเท้าไปเหยียบกิ่งไม้ดังแกรก ทั้งอนุทินกับปารมีชะงักไปชั่วครู่ หันมองมาทางต้นเสียง บุญทันไหวตัวรีบดึงมณทกานต์หลบลงหลังพุ่มไม้ทันที อนุทินเดินเข้ามาใกล้พุ่มไม้แล้วมอง แต่ไม่เห็นใคร อนุทินเดินกลับไปหาปารมี
“ไม่มีใคร กิ่งไม้คงตกลงมา”
“งั้นปาเข้าบ้านก่อนนะคะ” ปารมีบอก
“ไม่โกรธพี่แล้วนะ”
“ค่ะ ไม่โกรธก็ได้”
ปารมีหอมแก้มแล้วเดินกลับบ้านไป อนุทินยิ้มอย่างพอใจเดินกลับไปอีกทาง เมื่อผ่านมาที่พุ่มไม้เดิม หลังพุ่มไม้ไม่มีบุญทันและมณทกานต์
ที่อีกมุมหนึ่ง บุญทันกอดมณทกานต์หลบอยู่อีกมุม มณทกานต์ถอนใจอย่างโล่งอกและเริ่มรู้สึกตัวว่า บุญทันสวมกอดอยู่
“ปล่อยชั้นได้แล้ว”
“ขอโทษครับ”
“นี่พี่เอกับยัยปารมีรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมก็ไม่ทราบครับ เพิ่งทราบพร้อมคุณเมย์นี่แหละครับ”
มณทกานต์มองบุญทันอย่างสงสัยแล้วถาม
“แล้วนายมาทำอะไรดึกๆแบบนี้”
“อ๋อ ผมนอนไม่หลับน่ะครับ ก็เลยจะไปหยิบหนังสืออ่านเล่นในรถ แล้วคุณเมย์ล่ะครับลงมาทำอะไรดึกๆ”
“ชั้นก็นอนไม่หลับเหมือนกัน”
“คิดเรื่องของเราอยู่หรือครับ”
“เปล่า ชั้นไม่ได้คิดเรื่องนาย”
มณทกานต์หันหลังจะเดินกลับบ้าน แต่บุญทันคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวครับคุณเมย์”
มณทกานต์ชะงักมองหน้าบุญทันและมองมือที่บุญทันจับอยู่
“มีอะไร”
“คุณเมย์รังเกียจที่ผมฐานะต่ำต้อยกว่าใช่มั้ยครับ”
“เปล่า ชั้นไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
“ถ้าคุณเมย์ไม่ได้คิดเรื่องนั้นทำไมถึงไม่ตอบแต่งงานกับผม”
มณทกานต์แกะมือที่บุญทันจับอยู่ออก
“ชั้นจะแต่งกับนายได้ยังไง ในเมื่อชั้นไม่ได้รักนายหรือนายจะบอกว่านายรักชั้น”
“ใช่ครับ ผมรักคุณ”
มณทกานต์ได้ยินดังนั้นก็อึ้งตะลึงอย่างคิดไม่ถึง
“ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มรักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้ว่าทุกครั้งที่เห็นคุณร้องไห้ ผมอยากจะเป็นคนที่เช็ดน้ำตาให้คุณ”
มณทกานต์ใจเต้นแรงมองบุญทันที่ยืนจ้องหน้าอยู่ บุญทันเดินเข้ามาหา มณทกานต์ยกมือตบหน้าบุญทัน
“อย่ามาพูดจาภาษาน้ำเน่ากับชั้น ชั้นไม่ชอบ”
มณทกานต์สะบัดหน้าเดินออกไป บุญทันอึ้งแล้วจับแก้มตัวเองถอนหายใจ
“เฮ้อ เธอคงไม่ชอบเราจริง ๆ”
บุญทันมองตามมณทกานต์อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านพักคนงาน
มณทกานต์เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงที่เตียงด้วยใจที่ยังเต้นแรง
“บ้า จะมารักเราได้ยังไง เราทั้งด่าทั้งตบตั้งหลายครั้ง สงสัยจะเจอคนบ้าแล้วเรา”
มณทกานต์นึกถึงหน้าบุญทันแล้วยิ้มขำ ภายในใจของมณทกานต์นั้นชอบบุญทันอยู่แต่ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง
เช้าวันต่อมา ญาดานั่งกินอาหารเช้าอยู่กับพิพัฒน์
“คุณปรารภเค้าจะโอนเงินให้หนูสายๆ เมื่อได้เงินแล้วก็รีบเอาไปใช้หนี้ซะ” พิพัฒน์บอก
“ค่ะคุณปู่”
“แล้วหนูก็ต้องบอกให้แม่เข้าใจนะว่า เค้าต้องเลิกเล่นการพนัน เพราะถ้าเค้ายังไม่เลิกจะไม่มีใครช่วยเค้าแล้วนะ”
“ค่ะ คุณปู่ หนูตั้งใจว่าจะให้แม่กลับไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดค่ะ”
“ที่ไหน”
“เชียงใหม่ค่ะ หนูตั้งใจว่าจะเอาเงินที่เหลือไปเปิดร้านขายของชำให้แม่”
“อืมม์ ดี”
ธาวินเดินเข้ามามาในชุดสูท ญาดามองอย่างแปลกใจแล้วถาม
“คุณภูจะไปไหนหรือคะ แต่งตัวซะเต็มยศ”
“นี่ยังไม่ได้บอกเมียหรือเจ้าภูว่าจะไปทำงาน” พิพัฒน์ถาม
“ไปทำงานที่บริษัทน่ะหรือคะ”
“ใช่ ผมเห็นว่าอีกตั้งสองอาทิตย์กว่าจะถึงวันแต่งงานก็เลยไม่อยากอยู่เฉยๆ”
“ทำไมไม่เห็นเล่าให้ตาลฟังเลยว่าจะไปทำงาน”
ญาดาตัดพ้อ พิพัฒน์หัวเราะ
“เห็นมั้ย ปู่บอกแล้วว่าเมียแกจะงอน ง้อกันเองนะ”
พิพัฒน์ลุกเดินออกไปปล่อยให้ธาวินกับญาดาอยู่กันตามลำพัง ญาดาทำนิ่งเฉยเมย
“ผมว่าจะบอกตาลตั้งแต่เมื่อคืน พอดีผมลืม”
“แต่ตาลไม่อยากให้ไปเลย”
“ทำไม”
“ก็คุณภูความจำเสื่อมอยู่นะคะ ตาลกลัวว่าคุณภูไปพูดหรือทำอะไรผิด คนเค้าจะจับได้น่ะสิคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณปรารภเค้าอยู่กับผม”
“หรือว่าให้ตาลไปด้วยดีมั้ยคะ” ญาดาว่า
“อย่าเลย ตาลอยู่บ้านน่ะแหละดีแล้ว”
“แต่ตาลเป็นห่วงคุณภูนะคะ”
“เอาเถอะน่า ผมเอาตัวรอดได้ ผมไปก่อนนะ”
“แล้วไม่ทานอะไรก่อนหรือคะ”
“ไม่ล่ะ”
ธาวินทำท่าจะขยับไป ญาดาเรียก
“เดี๋ยวค่ะคุณภู”
ธาวินชะงักหันกลับมา ญาดาลุกขึ้นหอมแก้ม
“เลิกงานแล้วรีบกลับบ้านนะคะ”
ธาวินมองอย่างแปลกใจ ญาดายิ้มให้
“จ้ะ”
ธาวินยิ้มให้ญาดาแล้วเดินออกไป ญาดามองตาม ธาวินหันกลับมามองอีกครั้ง ญาดาโบกมือให้
ธาวินเดินยิ้มคนเดียวออกมาที่หน้าบ้าน บุญทันยืนมองอย่างแปลกใจรออยู่ที่ข้างรถ
“เป็นอะไรวะ ยิ้มแต่เช้า”
“เอ้า ก็คนมันอารมณ์ดี ยิ้มไม่ได้หรือ เปิดประตู”
บุญทันเปิดประตูรถให้ธาวินเดินขึ้นรถก่อนจะขับรถออกจากบ้านไป
รถแล่นมาจอดหน้าบริษัทวรารมย์เมื่อเวลากลางวัน บุญทันเปิดประตูให้ ธาวินก้าวลงมา แล้วเดินเข้าไปหาปรารภที่ยืนรออยู่
“สวัสดีครับคุณภู” ปรารถทักทาย
ธาวินยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณปรารภ”
“คุณท่านเพิ่งโทรบอกผมเมื่อเช้านี้ว่า คุณภูจะมาทำงาน ผมเลยสั่งให้คนเตรียมต้อนรับไม่ทัน”
“ไม่ต้องหรอกครับวุ่นวายเปล่า ๆ”
“เชิญทางนี้เลยครับ”
ปรารภเดินนำธาวินไปที่ลิฟต์ของบริษัท เอนกยืนมองจากด้านบนลงมาสีหน้ากังวล
เมื่อลิฟต์เปิดออก ปรารภนำธาวิน เดินไปตามทางเดินของบริษัทพลางอธิบาย
“บริษัทเรามีธุรกิจที่ลงทุนอยู่หลายประเภทครับ ทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรมและคอนโดมิเนียม และตอนนี้เราก็กำลังมีโครงการขยายตลาดคอนโดออกไปตามต่างจังหวัด”
“เห็นคุณปู่บอกว่าจะให้ผมมาดูแลฝ่ายบริหาร”
“ใช่ครับ”
“แล้วตอนนี้ใครดูแลอยู่ครับ”
“คุณเอครับ”
“ถ้าพี่เอดูแลอยู่ ผมว่าผมไปทำแผนกอื่นดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่ได้ครับเป็นคำสั่งของคุณท่าน คุณท่านจะให้คุณเอย้ายไปแผนกการตลาดครับ”
“แต่มันจะดีหรือครับ ผมเพิ่งมา”
“คุณภูไม่ต้องกังวลครับ คุณเป็นทายาทเพียงคนเดียว วันนึงบริษัทนี้ก็ต้องเป็นของคุณ”
ปรารภเดินมาถึงห้อง เลขาหน้าห้องลุกขึ้นยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“นี่คุณป้อม จะเป็นเลขาให้คุณ” ปรารภแนะนำ
“สวัสดีครับ”
สายตาของใครคนหนึ่งแอบมองมาที่ธาวินที่กำลังทักทายเลขา เลขาลุกขึ้นเปิดประตูห้องให้ ปรารภเดินนำธาวินเข้าไป
อนุทินยืนมองอยู่มุมหนึ่งด้วยแววตาไม่พอใจ
ภายในห้องทำงานของภูบดี ในบริษัทวรารมย์ ปรารภเดินนำเข้ามา
“คุณภูใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงานนะครับ เดิมเป็นห้องของคุณภาคิน ถ้าคุณภูอยากจะตกแต่งหรือรีโนเวทใหม่ก็บอกนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ นี่ก็โอเคแล้ว”
“สำหรับเอกสารที่คุณภูควรจะรู้ก่อนในเบื้องต้น ผมเอาวางไว้ให้บนโต๊ะแล้ว มีข้อมูลบางส่วนอยู่ในคอม คุณภูเรียกมาดูได้เลย”
“ครับ อ้อ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“เชิญครับ”
“ตอนที่คุณลุงภาคินตาย ทำไมตำรวจถึงสรุปว่าคุณลุงฆ่าตัวตายล่ะครับ”
“อ๋อ ตำรวจพบสารเสพติดในเลือดคุณภาคินครับ”
“แล้วคุณปรารภเชื่อมั้ยครับว่าคุณลุงภาคินจะโดดตึกตาย”
“มันก็ห้าสิบ ห้าสิบนะครับเป็นไปได้เท่าๆกัน”
“ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนแล้ว เดี๋ยวผมจะอ่านเอกสารเลย”
“ครับ อ้อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้เค้าเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อจะได้แนะนำคุณภูให้ทุกคนได้รู้จัก”
“ขอบคุณครับ”
ปรารภเดินออกจากห้องไป ป้อมเดินเอากาแฟเข้ามาให้ธาวิน
“ช่วยให้ใครไปตามคนขับรถผมขึ้นมาหน่อยนะครับ เค้าชื่อบุญทัน”
“ได้ค่ะ”
ป้อมเดินออกไป ธาวินมองเอกสารบนโต๊ะและเริ่มเปิดอ่าน
ในเวลาต่อมา บุญทันก้าวออกมาจากลิฟต์และเดินไปตามจนมาหยุดหน้าห้องบอกเลขา
“ผมเป็นคนขับรถคุณภูบดีครับ”
“เข้าไปได้เลย”
บุญทันเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องทำงาน บุญทันกับธาวินนั่งเปิดอ่านเอกสารจำนวนมาก
ในเวลาเดียวกัน ภายในบ่อน กระเป๋าใส่เงินถูกเปิดออก ธนบัตรหลายปึกถูกวางซ้อนเรียงกันเป็นระเบียบอยู่ข้างใน เสกหยิบเงินออกมาดู ญาดาพูดขึ้น
“ทั้งหมดสิบล้าน จะนับดูก่อนก็ได้นะ”
เสกวางเงินกลับเข้าที่แล้วบอก
“เธอนี่หาเงินเก่งนะ สนใจมาทำงานกับชั้นมั้ย”
“ไม่ ชั้นไม่ทำงานสกปรกแล้วแม่ชั้นอยู่ไหน” ญาดาถาม
ลูกน้องเสกเปิดประตูพาเจ๊อ้อยเดินเข้ามา ญาดาหันไปมอง
“แม่”
“ไอ้ตาล”
ญาดากับเจ๊อ้อยโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ
“แม่เป็นไงบ้าง”
“แม่สบายดี นี่เอ็งเอาเงินมาไถ่ตัวแม่แล้วใช่มั้ย”
“ใช่จ้ะ นี่ไงเงินสิบล้าน”
เจ๊อ้อยมองเงินตาโตลุกวาว
“โอ้โห เงินสิบล้านนี่มันเยอะขนาดนี้เลยหรือ”
“ไปกันได้แล้วแม่”
ญาดาคว้ามือเจ๊อ้อย
“เดี๋ยวสิ จะรีบร้อนไปไหน อยู่เล่นซักตาสองตาก่อนสิ เผื่อจะมีดวงนะ”
เสกส่งเงินให้อ้อยปึกหนึ่งแล้วบอก
“เอา เจ๊อ้อย ชั้นให้เจ๊ยืมแสนนึง”
“จริงหรือ”
เจ๊อ้อยรีบยื่นมือจะรับแต่ญาดาตีมือจนเจ๊อ้อยสะดุ้ง
“แม่ แม่สัญญากับหนูแล้วนะว่าแม่จะไม่เล่นอีก”
“โทษทีลูก แม่ลืมไป”
เจ้อ้อยหันไปเล่นงานเสก
“นี่เฮียเสกอย่ามาทำลองใจชั้นนะ ชั้นเลิกเด็ดขาดแล้ว”
เจ๊อ้อยหันไปดึงมือญาดาแล้วบอก
“ไปลูก”
ญาดากับเจ๊อ้อยเดินออกไปจากห้อง เสกหยิบเงินขึ้นมาดูแล้วพูดขึ้น
“ขอให้มันจริงเถอะ”
ภายในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าเวลาต่อมา เจ๊อ้อยถามญาดาก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
“หมายความว่าเอ็งไปเป็นเมียไอ้เศรษฐีนั่นหรือ”
“ก็แค่เมียปลอมๆน่ะแม่ โชคดีที่เค้าความจำเสื่อม หนูก็เลยมั่วสวมรอยซะเลย”
“แล้วเอ็งมีอะไรกับมันรึเปล่า”
“ไม่มี แม่ไม่ต้องห่วง เค้าไม่ได้แอ้มหนูหรอก”
“แหม เอ็งนี่มันเก่งแถมฉลาดเหมือนแม่จริงๆ”
ว่าแล้วเจ๊อ้อยก็กำลังจิ้มอาหารเข้าปากแต่คิดได้ก็ชะงัก
“เอ๊ะเดี๋ยวก่อน แต่เมื่อกี้ที่เอ็งเล่า เอ็งบอกว่าเจ้าคุณปู่ให้มาสิบห้าล้านไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่เจ้าคุณปู่แม่ คุณปู่เฉย ๆ” ญาดาบอก
“เออ นั่นแหละ แล้วอีกห้าล้านอยู่ไหน”
“ก็อยู่ในสมุดธนาคารหนูน่ะสิ”
“แม่หวังว่าเอ็งจะแบ่งให้แม่ใช้บ้างนะ”
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วล่ะ แต่หนูจะไม่ให้แม่เป็นเงินนะ”
“อย่าบอกนะว่าจะให้แม่เป็นคูปองน่ะ แม่จะเอาไปใช้ได้ยังไง”
“แม่นี่ ฟังให้จบก่อนได้มั้ย อย่าเพิ่งขัด หนูจะเอาเงินส่วนนึงไปลงทุนเปิดร้านขายของชำให้แม่ที่เชียงใหม่”
“เอ็งจะให้แม่ไปขายของหรือ”
“ใช่ แล้วแม่ก็เอากำไรที่ได้จากการขายไปหมุนใช้รายวัน”
“เดี๋ยว เดี๋ยว เอ็งพูดเหมือนกับว่าเอ็งจะไม่ไปอยู่กับแม่”
“ก็ใช่สิ หนูจะอยู่กับคุณภูเค้าที่กรุงเทพ”
“คุณภู ผัวกำมะลอของเอ็งน่ะหรือ”
“ใช่”
“เอ็งบ้ารึเปล่า เอ็งจะอยู่กับมันได้ยังไง เอ็งบอกกับแม่อยู่แหม่บๆ เอ็งไปสวมรอยเป็นเมียมัน ถ้าวันนึงมันจำเอ็งได้ มันต้องจับเอ็งส่งตำรวจแน่”
“อาจจะไม่ก็ได้นะแม่ ขนาดคุณภูเค้ารู้จากตำรวจว่าหนูโกหกเรื่องแม่ เค้ายังไม่โกรธหนูเลย”
เจ๊อ้อยมองหน้าญาดา
“ แม่ถามจริงๆเอ็งรักมันใช่มั้ย”
“เปล่า”
“เอ็งอย่ามาโกหกแม่ แม่รู้จักนิสัยเอ็งดี บอกแม่มาตรงๆ”
ญาดานิ่ง เจ๊อ้อยมองจ้องตาอย่างคาดคั้น
“ใช่ หนูรักเค้า เค้าเป็นคนดีนะแม่ เค้าดีกับหนูมาก ตั้งแต่หนูเกิดมาไม่เคยมีใครดีกับหนูเท่านี้มาก่อน”
ญาดาบอกแววตาเป็นประกายอินเลิฟ
“ไอ้ตาล เอ็งฟังแม่นะ ที่ผู้ชายคนนี้มันดีกับเอ็ง เพราะมันคิดว่าเอ็งเป็นเมียเป็นคนรักของมัน แต่เมื่อวันนึงที่มันจำทุกอย่างได้ มันจะเกลียดเอ็งแล้วเอาตำรวจลากคอเอ็งกับแม่เข้าตะราง เข้าใจ รึเปล่า”
“แต่หนูว่าคุณภูเค้าคงไม่ทำอย่างงั้นหรอก เค้าบอกว่าเค้ารักหนู”
“นี่ เอ็งตื่นจากฝัน แล้วมองหน้าแม่ แม่เข้าใจนะว่าเอ็งรักมันแต่เรื่องของเอ็งกับมันเป็นไปไม่ได้หรอก ลืมมันซะแล้วหนีไปกับแม่”
ญาดาอึ้งมองหน้าแม่นิ่ง
โปรดติดตามตอนต่อไป.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)
ญาดากับแม่เดินออกมาจากร้านอาหารด้วยสีหน้าเศร้า
“เอ็งเข้าใจที่แม่พูดใช่มั้ย” เจ๊อ้อยถามอีก
“เข้าใจ”
“ดีมาก”
“แต่หนูขอไปเก็บของก่อนนะ”
“ของอะไร”
“แหม แม่ หนูก็มีเสื้อผ้าของสำคัญหลายอย่างนะ”
“แต่แม่ว่าเสื้อผ้าอะไรนั่นทิ้งไปเถอะ ไปหาซื้อเอาใหม่ แม่ไม่อยากให้เอ็งย้อนกลับไปแล้ว”
“แต่หนูอยากกลับไปเจอหน้าคุณภูเค้าเป็นครั้งสุดท้าย” ญาดาบอก
เจ๊อ้อยมองอย่างหมั่นไส้
“นั่นไงข้านึกแล้ว ดูเอ็งจะหลงมันเหลือเกินนะ”
“หนูก็แค่รักเค้า นะแม่นะ ขอให้หนูได้เจอเค้าอีกครั้ง”
“เออ เออ งั้นคืนนี้เที่ยงคืน แม่จะเอารถตู้ไปรับเอ็ง”
“จ้ะ เดี๋ยวหนูจะเขียนแผนที่ให้”
เจ๊อ้อยพยักหน้ารับรู้ เมื่อทั้งสองเดินจากไป ปื๊ดลูกน้องสารวัตรสมยศเดินซึ่งเดินประกบมองตามแล้วหยิบโทรศัพท์กด
“สารวัตรหรือครับ ผมเจอตัวเจ๊อ้อยกับลูกสาวครับ”
ภายในอพาร์ทเมนท์ สารวัตรสมยศกำลังพูดโทรศัพท์กับปื๊ด
“ที่ไหน ดี งั้นแกตามไปนะ ชั้นต้องการตัวลูกสาว ถ้าจับตัวได้ล็อกไว้ให้ชั้น”
“ได้ครับ”
ปื๊ดเดินตามดูอยู่ห่าง ๆเพื่อรอจังหวะอยู่ เจ๊อ้อยกับญาดาเดินมาที่บริเวณร้านหนึ่งในห้างสรรพสินค้า เจ๊อ้อยหยิบเสื้อขึ้นมาทาบตัวเองแล้วถาม
“สวยมั้ยตาล”
“ไม่สวย หนูว่าไม่เหมาะกับแม่”
เจ๊อ้อยเอาเสื้อขึ้นมาทาบอีกตัว
“แล้วตัวนี้ล่ะ”
“น่าจะดีกว่าตัวเมื่อกี้ แม่รอเดี๋ยวนะ หนูขอลองเสื้อแป๊บนึง”
“เออ”
ญาดาเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ เจ๊อ้อยหยิบเสื้อมาทาบตัวมองแล้วหมุนตัวดูกระจก เจ๊อ้อยชะงักไปเมื่อเห็นเงาปื๊ดในกระจก ปื๊ดยืนทำทีเป็นพูดโทรศัพท์
“เอ๊ะ เราเคยเห็นไอ้คนนี้ที่ไหนวะ”
เจ๊อ้อยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปมองอีกทีแต่ไม่เห็นปื๊ดแล้ว
“สงสัยจะเป็นพวกเล่นในบ่อน”
ญาดากับเจ๊อ้อยถือถุงเสื้อผ้าเดินมาตามทางในห้างสรรพสินค้า ปื๊ดเดินตามมาห่าง ๆ ญาดาหยุดดูของที่หน้าร้านในมุมหนึ่ง
“แม่ ดูนี่สิ สวยมั้ย”
เจ๊อ้อยหยุดมองตามญาดา
“ก็สวยดีนะ”
“แม่รอเดี๋ยวนะหนูจะเข้าไปดูราคาหน่อย”
ญาดาเดินเข้าร้านไป เจ๊อ้อยยืนรออยู่แต่เมื่อหันมองไปทางด้านหลังก็ชะงักเห็นปื๊ดทำทีเป็นยืนดูของที่ร้านถัดไป เจ๊อ้อยรู้สึกถึงลางไม่ดีที่กำลังจะมาเยือน ขณะที่ญาดาเดินกลับมาหาเจ๊อ้อยแล้วบอก
“แพงจังเลย ไปแม่”
ญาดากับเจ๊อ้อยเดินเรื่อยๆ ปื๊ดเดินตาม เจ๊อ้อยพูดเบาๆ
“เอ็งอย่าเพิ่งหันไปมองนะ แม่ว่ามีคนตามเรา”
“ใคร”
“ แม่ว่ามันตามเรามาตั้งแต่ร้านเสื้อ”
“แล้วจะเอาไง”
“เดี๋ยวเราแยกกัน ถ้ามันตามแม่เอ็งก็ประกบหลังมัน แต่ถ้ามันตามเอ็งแม่จะประกบหลังให้”
“โอเค”
ญาดากับเจ๊อ้อยเดินไปถึงทางแยก ทั้งสองแยกกันไปซ้ายขวา ปื๊ดเดินเลี้ยวตามญาดาไป เจ๊อ้อยหันกลับไปมองเห็นปื๊ดเดินตามญาดา เจ๊อ้อยพยักหน้ากับตัวเองอย่างมั่นใจว่าปื๊ดกำลังสะกดรอยตามแน่
ญาดารู้ตัวว่า ปื๊ดตามหลังมาก็เดินเลี้ยวไปทางบันไดหนีไฟ
ปื๊ดเดินเลี้ยวตามมาแล้วเปิดประตูหนีไฟ แต่ไม่เห็นญาดาเพราะแอบอยู่หลังประตู เมื่อปื๊ดเผลอตัว ญาดาก็โผล่เอารองเท้าส้นสูงตบหน้าปื๊ดจนหน้าสะบัดไป ญาดาถาม
“แกตามชั้นมาทำไม”
ปื๊ดดึงมีดสปริงออกมา ตาลชะงักผงะถอย
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวไปกับชั้นซะดีๆ”
“แกต้องการอะไรจะเอาเงินหรือ” ญาดาถาม
“อยู่เฉยๆยกมือขึ้น” ปื้ดบอก
“ชั้นไม่กลัวแกหรอกนะ เข้ามาสิ”
ญาดาทำใจดีสู้เสือยกรองเท้าสองข้างขึ้นกะเขวี้ยงใส่ ปื๊ดยืนจดๆจ้องๆลังเลอยู่ เจ๊อ้อยย่องลงมาจากบันไดหนีไฟชั้นบนพร้อมไม้ถูพื้นแม่บ้าน เจ๊อ้อยฟาดไม้เข้าที่มือปื๊ดจนมีดหล่น ญาดาได้จังหวะตามเข้าไปตบซ้ำด้วยรองเท้าจนปื๊ดหน้าสะบัด เจ๊อ้อยตีกระหน่ำซ้ำเข้าที่ตัวและหน้าปื๊ดจนต้องปัดป้องเป็นพัลวัน
“นี่แน่ะ เล่นกะใครไม่เล่น ไปเร็วไอ้ตาล” เจ๊อ้อยว่า
ญาดากับเจ๊อ้อยวิ่งหนีไป ปล่อยทิ้งให้ปื๊ดนอนครางอยู่ที่พื้น
สารวัตรสมยศเดินขึ้นบันไดเลื่อนภายในห้างสรรพสินค้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สารวัตรสมยศกดรับ
“ฮัลโหล นี่ชั้นอยู่ที่ห้างแล้ว แกอยู่ไหนไอ้ปื๊ด”
สารวัตรวัตรสมยศนิ่งฟังไอ้ปื๊ดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“หา หนีไปได้”
ปื๊ดนั่งพูดโทรศัพท์ด้วยหน้าตาที่แดงช้ำอยู่ตรงขั้นบันไดหนีไฟ
“ใช่ ครับ มันตีผมจนเละเลย”
“ไอ้บัดซบเอ๊ย แค่ผู้หญิงคนเดียวยังจับไม่ได้”
“ผมขอโทษครับ”
สมยศวางสายด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ไอ้โง่เอ๊ย”
ภายในรถแท็กซี่ เจ๊อ้อยกับญาดากำลังคุยกันอยู่
“หนูว่าอย่ากลับไปบ้านเลยแม่ บ้านเราคงไม่ปลอดภัยแล้ว”
“แล้วเอ็งจะให้แม่ไปอยู่ไหน”
“หนูว่าแม่ไปเปิดโรงแรมอยู่ก่อน แล้วคืนนี้ค่อยมารับหนู”
“เออ ก็ได้”
ญาดาบอกโซเฟอร์
“แท๊กซี่ไปโรงแรมสตาร์ พระรามเก้านะ”
“ครับ”
ญาดาถอนหายใจ เจ๊อ้อยนั่งนึกถึงหน้าไอ้ปื๊ดแล้วร้องออกมา
“เฮ้ย แม่นึกออกแล้ว”
“นึกอะไร”
“ไอ้ผู้ชายที่มันตามเอ็งน่ะ แม่จำได้แล้วมันเคยไปที่บ่อนกับตำรวจคนที่แม่เล่าให้ฟังว่ามันจะเอาตัวแม่ออกมา”
“สารวัตรสมยศหรือ”
“แม่ไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไร แต่เป็นไอ้นี่แน่ ๆ”
“แล้วมันจะมายุ่งกับเราทำไม”
“นี่ไง แม่ถึงบอกให้เอ็งรีบหนีออกมาจากบ้านนั้นซะ อย่ากลับเข้าไปอีก”
“ก็หนูบอกแม่แล้วไงว่าหนูขอเจอคุณภูเค้าเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้หนูก็จะไม่ได้เจอเค้าอีกแล้วนะ”
“เอ็งนี่นะเหมือนแม่สมัยสาวๆไม่มีผิด”
“เหมือนยังไง”
“ก็บ้าผู้ชายน่ะสิ”
“หนูไม่ได้บ้านะแม่ หนูรักเค้าจริงๆ”
“ออ เออไม่ต้องมาพูดหรอก แม่รู้ว่าห้ามเอ็งไม่ได้”
เจ๊อ้อยมองหน้า ญาดายิ้มประจบ
ภายในห้องทำงานของภูบดีในบริษัทวรารมย์ ธาวินกับบุญทันนั่งดูเอกสารอยู่คนละมุม ธาวินบิดตัวด้วยความเมื่อย
“โอ๊ย ทำไมมันเยอะอย่างนี้วะไอ้ภู แกเจออะไรน่าสนใจบ้างมั้ย”
“เจอ”
“อะไร”
“ชั้นว่าระบบบัญชีเหมือนจะมีรอยรั่ว”
“จริงหรือ”
ธาวินลุกแล้วเดินเข้ามาดู
“จริง มีคนแก้บัญชี” บุญทันบอก
“พูดเป็นเล่นน่ะ”
“ชั้นไม่ได้พูดเล่น แกลืมไปแล้วหรือว่าชั้นจบอะไรมา ยอดบัญชีรายจ่ายของปีที่แล้วตัวเลขผิดปกติ”
ธาวินรับสมุดบัญชีไปดูเห็นรายการสรุปยอดบัญชีรับจ่ายย้อนหลังไปห้าปี เห็นตัวเลขปีล่าสุดมีรายจ่ายมากกว่าปีที่ผ่านมา ธาวินถามขึ้น
“แล้วใครคุมเรื่องบัญชี”
“อาเอนก” บุญทันบอก
ธาวินมองสบสายตากับบุญทัน
ภายในห้องทำงานของเอนกในบริษัทวรารมย์ เอนกนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องที่โกงเงินบริษัทและกลัวว่าภูบดีจะจับได้ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” เอนกบอก
เลขาเอาเอกสารเข้ามาให้
“มีเอกสารที่คุณเอนกต้องเซ็นอนุมัติให้ฝ่ายโยธาค่ะ”
“อืมม์ เอาวางไว้ เดี๋ยวผมเซ็นให้”
เลขาวางเอกสารแล้วเดินออกไป เอนกหยิบเอกสารมาดูแล้วนึกถึงเรื่องภาคิน
วันนั้น … ตอนกลางวัน ภาคินยื่นสมุดบัญชีให้เอนก
“ชั้นว่านายเอาบัญชีกลับไปดูใหม่ เพราะตัวเลขที่ชั้นเห็น ชั้นว่ามันไม่โปร่งใส” ภาคินบอก
“พี่ภาคินพูดแบบนี้หมายความว่าผมทำตัวเลขขึ้นมางั้นหรือ” เอนกถาม
“ชั้นยังไม่ได้พูด ชั้นบอกแค่ว่ามันไม่โปร่งใส นายเอากลับไปดูแล้วทำให้ถูกต้อง ก่อนที่ชั้นจะบอกให้คุณพ่อรู้”
เอนกรับเอกสารแล้วเดินกลับออกไป
เอนกเดินออกจากห้องภาคินมาหยุดที่หน้าห้องแล้วมองบัญชีในมือ
“ทำไงดี ถ้าคุณพ่อรู้ว่าเราโกงบริษัทเราตายแน่”
ภายในห้องนอนของเอนก เสียงมือถือดังขึ้นในความมืด เอนกสะดุ้งตื่นควานคว้าโทรศัพท์ขึ้นรับสายทันที
“ฮัลโหล... ว่าไงนะ”
เสียงปลายสายบอกว่าภาคินกระโดดตึกตาย เอนกถึงกับอึ้งไปแล้วบอก
“จริงหรือ ... โอเคชั้นจะไปดูเดี๋ยวนี้”
เอนกวางสายแล้วพึมพำกับตัวเอง
“พี่ภาคินตาย”
เอนกแอบยิ้มอย่างโล่งอก
ภายในห้องทำงานของ เอนกถอนหายใจดังด้วยความกลัดกลุ้ม เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี
“เข้ามา”
ธาวินเปิดประตูเข้ามา เอนกชะงักไปเล็กน้อย
“ขอโทษทีครับ คุณอา”
“อ้าว มีอะไรหรือภูบดี”
“คุณปรารภเอาบัญชีสรุปรายได้ประจำปีที่ผ่านมาให้ผมดูครับ”
“อืมม์ ทำไมหรือ” เสียงเอนกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“มันมีบางจุดน่ะครับที่ผมรู้สึกว่าตัวเลขมันแปลกๆ” ธาวินว่า
“แปลกยังไง” เอนกถาม
“เหมือนไม่ใช่ตัวจริงครับ ผมก็เลยอยากได้รายละเอียดจากแผนกบัญชีเพิ่ม”
เอนกพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดว่า
“ได้สิ ตัวเลขตรงไหนที่หลานข้องใจ เดี๋ยวอาจะให้เค้าหาให้”
“ไม่เป็นไรครับ คุณอาแค่ให้คนที่รับผิดชอบไปพบผมก็พอครับ เดี๋ยวผมจะซักถามเค้าเอง”
“ได้ เดี๋ยวอาจะบอกให้”
เอนกฝืนยิ้ม ธาวินยิ้มรับแล้วบอก
“ขอบคุณครับ”
เอนกมองตามธาวินที่เดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ธาวินออกจากห้องของเอนกก็เจอกับอนุทินเข้าพอดี ธาวินทักทาย
“หวัดดีครับพี่เอ”
“หวัดดี”
อนุทินทักทายตอบเสียงห้วน แล้วมองธาวินที่เดินผ่านไปก่อนจะเปิดเข้าห้องเอนกไป
อนุทินเปิดประตูเข้ามาแล้วถาม
“ไอ้ภูบดีมันมาหาพ่อทำไม”
“เค้ามาถามเรื่องบัญชี”
“มาทำงานวันแรกมันก็เริ่มตรวจสอบพวกเราแล้วหรือครับ”
“เป็นสิทธิ์ของเค้า แล้วนี่แกเตรียมย้ายไปแผนกการตลาดรึยัง” เอนกถาม
“ย้ายแล้วครับ แต่ผมคิดว่าผมอาจจะลาออก” อนุทินว่า
“ไม่เอาน่ะเอ อย่าให้คุณปู่เสียใจ”
“คุณปู่เค้าไม่ได้สนใจผมหรอกครับพ่อ เอาไว้ให้ถึงวันที่ไอ้ภูบดีตายก่อน เค้าอาจจะเห็นคุณค่าผมขึ้นมาบ้างก็ได้”
“อย่าพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินเดี๋ยวจะเดือดร้อน”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ ในเมื่อคุณปู่ไม่ยุติธรรมกับเราก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องเกรงใจ”
เอนกมองเห็นแววตาและสีหน้าที่ไม่พอใจของอนุทิน ก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงด้วยความเครียด
ภายในห้องทำงานของภูบดี สุธีพนักงานฝ่ายบัญชีวัยกลางคนยื่นแฟ้มเอกสารให้ธาวิน
“นี่ครับคุณภูบดี รายละเอียดของบัญชีรายรับรายจ่ายย้อนหลังปีที่ผ่านมา”
“ขอบคุณครับ”
สุธีกำลังจะเดินออกไป ธาวินเรียกขึ้น
“อ้อ เดี๋ยวครับคุณสุธี”
“ครับ”
“ตอนที่คุณลุงภาคินยังอยู่ คุณลุงได้ดูสรุปบัญชีล่าสุดนี่รึยัง”
“ดูแล้วครับ แต่รู้สึกว่าท่านจะให้คุณเอนกเอากลับไปแก้ใหม่”
“แก้ยังไง”
“คือ...” สุธีอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด
“พูดมาเถอะ ผมสัญญาผมจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน”
“คุณภาคินสงสัยว่าตัวเลขในบัญชีมันจะไม่ถูกต้องน่ะครับ”
“หมายความว่าตัวเลขไม่ตรงกับรายรับรายจ่ายที่แท้จริงงั้นหรือ”
“ครับ”
“แล้วบัญชีชุดที่ผมได้อ่านนี่เป็นตัวเลขที่แก้รึยัง”
“ยังครับ บังเอิญคุณภาคินเสียชีวิตไปก่อน แล้วคุณเอนกก็ขึ้นมารักษาการแทนก็เลยไม่ได้แก้ไข แต่คุณภูบดีอย่าบอกคุณเอนกนะครับว่าผมพูดเรื่องนี้ให้ฟัง”
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำให้คุณเดือดร้อนหรอก ขอบใจมาก”
สุธีเดินออกไป ธาวินมองแฟ้มในมือและเริ่มสนใจในตัวเอนก
ภายในรถของบุญทันในเวลาต่อมา
“สรุปว่าอาเอนกโกงเงินบริษัทจริงๆ” บุญทันว่า
“ใช่ สุธีบอกว่าลุงภาคินตายหลังจากที่จับได้ว่าอาเอนกโกงเงิน”
“งั้นเราคงต้องจับตามองอาเอนกเป็นพิเศษ เพราะบางทีเค้าอาจจะมีส่วนรู้เห็นในการตายของลุงภาคิน”
ธาวินพยักหน้า
ในเวลาเย็น เอนกเดินเข้าบ้านแล้วถอดเสื้อสูทออกก่อนจะ เดินไปที่โต๊ะหยิบเหล้าเทใส่แก้วแล้วนั่งดื่มด้วยสีหน้าเครียด
ภาพในอดีตเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
เอนกอยู่ในห้องทำงานภาคินแล้วพูดขึ้น
“ผมขอร้องล่ะพี่ภาคิน อย่าบอกคุณพ่อเรื่องนี้”
“คงไม่ได้หรอก เพราะเงินที่นายโกงไปไม่ใช่น้อยนะ”
“ผมจะรีบเอามาคืนทั้งหมด”
“ถึงนายเอามาคืน ชั้นก็ต้องรายงานให้คุณพ่อรู้”
“ก็ได้ ถ้าพี่จะตัดอนาคตผม พี่อย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน”
เอนกถอนหายใจอย่างเครียดแล้วพึมพำว่า
“นึกว่าเรื่องนี้มันจะจบไปแล้ว ไอ้ภูบดีดันมารื้อฟื้นอีก”
เอนกยกเหล้าดื่ม มณทกานต์เดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“อ้าว พ่อ ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วคะ”
เอนกนิ่งไม่ตอบ
“พ่อยังโกรธเมย์อยู่หรือคะ”
“เปล่า พ่อแค่มีเรื่องกลุ้มๆ”
“เรื่องของเมย์รึเปล่า เมย์ขอโทษที่ทำให้พ่อต้องเสียใจ”
“ช่างมันเถอะ พูดไปเราก็เรียกอดีตกลับคืนมาไม่ได้”
“แต่เมย์ไม่ได้มีอะไรกับบุญทันจริงๆนะคะพ่อ”
“จนป่านนี้แกยังไม่ยอมรับความจริงอีกหรือ พ่อว่าแกควรจะเลิกนิสัยแบบนี้ได้แล้วนะ”
“แต่พ่อคะ”
“นี่ เมย์ ตอนนี้พ่อมีเรื่องกลุ้มมากพอแล้ว แกอย่าหาเรื่องให้พ่อปวดหัวอีกเลย จะไปไหนก็ไป”
เมย์มองพ่ออย่างน้อยใจเดินออก เอนกยกเหล้าดื่มหมดแก้วแล้วหยิบเหล้าในขวดมารินเพิ่ม
ภายในห้องนอนของภูบดี ธาวินนั่งอ่านเอกสารที่เอามาจากที่ทำงาน ญาดาเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นสีหน้าธาวินดูคร่ำเคร่ง
“งานยุ่งหรือคะ” ญาดาถามขึ้น
“ใช่ ผมเพิ่งเข้าไปทำวันแรกมันมีเรื่องต้องดูเยอะแยะไปหมด ถ้าตาลง่วงก็นอนก่อนนะ”
“ค่ะ”
ญาดาขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วมองไปที่ธาวินที่ยังค่ำเคร่งกับกองเอกสาร พลางนึกถึงคำพูดของเจ๊อ้อย
“นี่ เอ็งตื่นจากฝัน แล้วมองหน้าแม่ แม่เข้าใจนะว่าเอ็งรักมัน แต่เรื่องของเอ็งกับมันเป็นไปไม่ได้หรอก ลืมมันซะแล้วหนีไปกับแม่”
ธาวินหยิบกาแฟขึ้นดื่มเมื่อเงยหน้าก็เห็นญาดามองอยู่
“มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ตาลนอนก่อนนะคะ”
ญาดาล้มตัวแล้วหันหลังให้ธาวินที่ยังอ่านเอกสารต่อ จนเวลาผ่านไป เมื่อธาวินเริ่มง่วงก็ปิดเอกสารลงและเดินไปปิดไฟก่อนจะล้มตัวลงนอนและหลับสนิทในทันที
ญาดาในชุดใหม่ย่องออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเป้สะพายใส่ของ ญาดาย่องมาดูธาวินที่หลับสนิทเป็นครั้งสุดท้าย
“ลาก่อนค่ะคุณภู”
ญาดายกมือตัวเองขึ้นแตะจูบแล้วแตะที่แก้มธาวินอย่างอาลัย ญาดามองธาวินอีกครั้งก่อนตัดใจหันเดินออกจากประตูห้องไป ธาวินยังหลับสนิท
ญาดาย่องลงมาจากชั้นบน เห็นในบ้านมืดเงียบ ญาดามองซ้ายขวาก่อนจะเปิดประตูบ้านออกไป
ทางเดินในบ้านที่ด้านหลัง ญาดากำลังคุยโทรศัพท์เสียงเบาๆกับเจ๊อ้อย
“แม่อยู่ไหนแล้ว”
เจ๊อ้อยนั่งอยู่ในรถตู้พูดคุยกับญาดา
“แม่มารออยู่ที่ประตูหลังแล้ว” เจ๊อ้อยบอก
“โอเค หนูกำลังจะออกไป”
ญาดาวางสายแล้วเดินเลี้ยวไปตามทาง
จบตอนที่ 6
โปรดติดตามตอนที่ 7 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.