xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 
 
ภายในบ่อน ควันไฟลอยคละคลุ้งไปทั่วท่ามกลางความอลหม่าน เฮียเสกวิ่งตามธาวิน ญาดาและ เจ๊อ้อยวิ่งมาอย่างกระชั้นชิด
 
“อย่าหนีนะมึง”
เสกยกปืนขึ้นเตรียมจะยิง เสียงนักพนันในบ่อนร้องวี๊ดตื่นตระหนกด้วยความกลัว ธาวินลากญาดาวิ่งหลบไปอีกทาง เจ๊อ้อยโดดหนีไปคนละทาง
“ทางนี้เร็ว” ธาวินบอก
ธาวินลากแขนญาดาวิ่งออกทางตรงบันไดหนีไฟทันที

ธาวินลากญาดาหนีออกมาทางประตูด้านหลังบ่อน
“มาทางนี้เร็ว”
“แม่ชั้นล่ะ ... แม่ .. ชั้นต้องเข้าไปช่วยแม่ก่อน”
“เธออยากตายหรือไง”
“แต่แม่ชั้นอยู่ในนั้นนะ”
เฮียเสกและสมุนอีก 2คนวิ่งตามมาเจอญาดากับธาวินพอดี
“หยุดนะมึง เข้ามาขโมยของแล้วคิดจะหนีหรือ”
เฮียเสกหันไปพูดกับสมุน
“เอาตัวมันกลับไป”
สมุนเฮียเสกสองคนเข้ามาหาญาดากับธาวินทันที ธาวินฉวยโอกาสคว้าท่อนไม้ใกล้ๆบริเวณนั้นขึ้นมาต่อสู้
“หลบอยู่หลังผม”
ธาวินสั่ง ญาดาหลบไปอยู่ด้านหลังของธาวิน
“เข้ามาเลย”
ธาวินใช้ไม้ฟาดใส่สมุนคนหนึ่งจนตีเซไป สมุนอีกคนเข้ามารับไม้ไว้ได้ แล้วถีบธาวินกระเด็นหงายไป ธาวินรีบลุกขึ้น สมุนเฮียเสกเงื้อไม้เข้ามาตีแสกหน้าของธาวินจนเลือดอาบ เต็มหน้า ธาวินผงะไป ญาดาหวีดร้องขึ้นทันที ธาวินถูกฟาดซ้ำเข้าที่หน้าและท้ายทอย จนโงนเงนร่างร่วงล้มลง
“คุณ”
ญาดามองเหตุการณ์อย่างอย่างตะลึง เสกหันไปทางญาดาแล้วสั่งลูกสมุน
“คราวนี้ไม่มีใครช่วยแกแล้ว ไปลากตัวมันมา”
เสียงไซเรนตำรวจดังเข้ามาพอดี รถตำรวจพุ่งเข้ามาใกล้สถานที่เกิดเหตุ เสกและลูกน้องชะงักไปทันที ญาดาตะโกนร้องสุดเสียง
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย มีคนทำร้ายแฟนชั้น ช่วยด้วย”
ตำรวจสามนายพร้อมอาวุธวิ่งไปตามเสียงของญาดา
“เฮ้ย เผ่นก่อน” เสกบอก
เฮียเสกและลูกสมุนวิ่งหนีไปทันที ตำรวจวิ่งเข้ากรูเข้ามาหาญาดา
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ตำรวจถาม
“แฟนชั้นถูกทำร้ายค่ะ”
“แฟนคุณหรือครับ” ตำรวจถามย้ำ
ญาดาชะงักไปแล้วรีบตอบรับ
“ เอ่อ .. ค่ะ”
สารวัตรคนหนึ่งรีบสั่งตำรวจสองนายที่ติดตาม
“ตามคนร้ายไปเร็ว”
ตำรวจทั้งสองนายรีบวิ่งออกไป ขณะที่ตำรวจคนหนึ่งส่งเสียงผ่านวิทยุสื่อสารทันที
“วอสอง ขอรถพยาบาลมารับคนเจ็บ ด่วน”
ญาดาได้แต่มองธาวินที่นอนเลือดอาบอยู่บนพื้นด้วยสายตาลังเล ไม่รู้ว่าทำอย่างไรต่อไปดี

ภายในห้องพักคนงานในเวลาเดียวกัน บุญทันพยายามกดโทรศัพท์หาธาวิน แต่ไม่มีคนรับสายจนบ่นกับตัวเองพึมพำ
“ไอ้วินมันไปไหน ดึกแล้วไม่อยู่ห้อง”

ที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเวลาเดียวกัน ญาดากำลังพูดโทรศัพท์กับเจ๊อ้อยซึ่งกระวนกระวายใจอยู่ที่บ้าน
“หนูอยู่โรงบาลแม่ ไอ้ผู้ชายนั่นมันถูกตีจนสลบไม่รู้จะตายรึเปล่าเนี่ย”
“แล้วเอ็งไปอยู่ทำไมเดี๋ยวก็ซวยหรอก รีบหนีมาเร็ว”
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ แค่เป็นห่วงกลัวมันตาย”
“ช่างหัวมันเถอะรีบมาเร็ว เดี๋ยวตำรวจมาก็ซวยหรอก ข้าอยู่บ้านแล้ว”
“จ้ะ”
ญาดาปิดโทรศัพท์ทันทีแล้วชะเง้อมองเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจ ครั้นจะกลับบ้านใจหนึ่งก็อดห่วงธาวินไม่ได้
“ขอให้นายปลอดภัยแล้วกัน”
นางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาหาญาดาแล้วถามขึ้น
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นญาติคนไข้ใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ...” ญาดาอึกอัก
“ขอชื่อคนไข้ด้วยค่ะ”
“ชื่อหรือคะ” ญาดาถามย้ำ
“ใช่ค่ะ เราต้องทำประวัติ ขอชื่ออายุแล้วก็ที่อยู่ค่ะ”
ญาดารีบแก้สถานการณ์ด้วยการโวยวายใส่นางพยาบาลทันที
“ นี่คุณ สามีชั้นกำลังจะตายนะ คุณจะมาเอาชื่ออะไรตอนนี้ หา ... ให้เค้าปลอดภัยก่อนได้มั้ย”
พยาบาลอึ้งไป
“แต่เราต้อง ...”
ญาดารีบพูดแทรกขึ้นทันที
“ไม่ต้องกลัวหรอก ชั้นมีเงินจ่ายค่ารักษาเค้าแน่ ขอให้รักษาให้หายเถอะ”
“เอ่อ ค่ะ งั้นเดี๋ยวถ้าคุณพอมีเวลารบกวนกรอกประวัติให้หน่อยนะคะ ..”
นางพยาบาลส่งกระดาษกรอกประวัติให้ ญาดาแกล้งทำเป็นกระชากกระดาษมา
“เอามา”
“ขอบคุณค่ะ”
พยาบาลเดินไปแล้ว ญาดาได้แต่มองเอกสารในมืออย่างครุ่นคิด
“จะกรอกได้ไงวะ เราไม่รู้จักชื่อเค้าซะหน่อย เอาไงดีวะเรา เผ่นก่อนดีกว่า”
ญาดาขยับตัวเตรียมจะซิ่งออกจากโรงพยาบาลไป หมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี แล้วร้องเรียก
“ขอโทษครับ คุณเป็นญาติคนไข้รึเปล่าครับ”
ญาดาเมื่อได้ยินเสียงถึงกับสะดุ้งก่อนจะปั้นสีหน้า ฝืนยิ้มแล้วหันหลังกลับ
“เอ่อ ค่ะ เค้าเป็นไงบ้างคะหมอ ตายรึเปล่าคะ”
“ปลอดภัยแล้วครับ หมอเอ็กซเรย์ดูแล้ว มีกะโหลกชั้นนอกร้าวเล็กน้อย โชคดีที่ไม่มีเลือดคั่งใน
สมอง”
ญาดาถึงกับโล่งอก
“แล้วเค้าจะฟื้นเมื่อไหร่คะ”
“ตอนนี้หมอยังตอบไม่ได้นะครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปลอดภัยแล้ว แต่คงต้องติดตามดูอาการอีกซัก
ระยะ”
“ค่ะ”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
หมอเดินออกไปแล้ว ขณะที่นางพยาบาลอีกคนหนึ่งเอาซองเอกสารยื่นให้ญาดา
“คุณเป็นภรรยาคนไข้ใช่มั้ยคะ ของใช้ส่วนตัวของคนไข้อยู่ในซองนี้ คุณตรวจดูแล้วเก็บไว้นะคะ”
“ค่ะ”
นางพยาบาลส่งซองให้แล้วเดินจากไป ตาลหยิบของในซองออกมาดูเห็นกระเป๋าสตางค์
ญาดาเปิดกระเป๋าสตางค์ออกมาดูไม่เห็นมีอะไร นอกจากเงินสดนิดหน่อยและการ์ดเข้าห้องโรงแรม นามบัตร เครดิตการ์ดชื่อ P.VARITTIVORANUNTA
“ชื่ออะไรวะ มีแต่นามสกุล” ญาดาพึมพำอยู่คนเดียว แล้วหยิบนามบัตรอื่นๆในกระเป๋าขึ้นมาดู ส่วนใหญ่มีแต่นามบัตรฝรั่ง
“มีแต่นามบัตรฝรั่งแล้วจะโทรไปบอกใครได้วะ”
แล้วญาดาก็พบนามบัตรภาษาไทยอยู่ใบหนึ่งชื่อปรารภ ญาดาตัดสินใจโทร.หาทันที
ขณะนั้น ปรารภกำลังขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปรารภกดรับทันที
“ฮัลโหล”
“คุณปรารภรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ ไม่ทราบว่านั่นใครครับ”
“เอ่อ คือ ดิชั้นพบนามบัตรคุณในกระเป๋าสตางค์แฟนน่ะค่ะ บังเอิญตอนนี้เค้าได้รับอุบัติเหตุอยู่ที่โรงพยาบาล... อยากให้คุณมาดูเค้าหน่อยค่ะ”
“แล้วแฟนคุณชื่ออะไรครับ” ปรารภถาม
ญาดามองไปที่เครดิตการ์ดและพยายามสะกด
“เค้านามสกุล...วะ ริท ธิ วร ระ นันค่ะ แค่นี้นะคะ”
พูดแล้วญาดาก็ปิดโทรศัพท์ไปทันที ปรารภตกใจทันที
“วริทธิวรนันท์หรือ อย่าบอกนะว่าเป็นคุณภู ...”

ภายในห้องคนไข้ ธาวินนอนหลับให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง ใบหน้ามีรอยช้ำ ที่พัวหันผ้าพันแผลอยู่ ญาดาเปิดประตูห้องเข้ามาและเดินไปหยุดมองธาวินที่หลับอยู่บนเตียง ญาดา แตะแขนธาวินเบาๆแล้วมองอย่างเห็นใจ
“ชั้นขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายได้รับบาดเจ็บ...แล้วก็ขอบใจนะที่นายช่วยชีวิตชั้น”
ธาวินยังหลับไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ
“แต่ชั้นก็ตอบแทนบุญคุณด้วยการพานายมาส่งโรงพยาบาลนะ เราไม่ติดหนี้กันแล้ว เข้าใจป่ะ … เอาล่ะ ชั้นต้องไปก่อนนะ เดี๋ยวญาตินายก็จะมาแล้ว หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกนะ ...”
ตาลขยับตัวกำลังจะเดินออกจากห้องแล้วนึกได้ … ญาดามองแหวนซึ่งสวมอยู่ที่นิ้ว
“อ้อ... ส่วนแหวนวงนี้ถือว่า ชั้นขอเอาไปตั้งตัวแล้วกันนะ”
ญาดาตบมือธาวินเบา ๆที่ยังไม่ได้สติแล้วเดินออกจากห้องทันที

ญาดาเปิดประตูห้องพลางเหลียวมองซ้าย - ขวา เห็นว่าปลอดคนจึงเดินลิ่วไปตามทางเดินจนมาถึงบริเวณเคาน์เตอร์พยาบาล ญาดาเห็นนางพยาบาลเวรดึกประจำชั้นหันหลังเคลียร์เอกสารอยู่ จึงรีบก้มตัวต่ำมุดหลบพผ่านเคาน์เตอร์ไปเพื่อจะตรงไปที่ลิฟท์ เมื่อประตูลิฟท์ก็เปิดออก ตำรวจสองนายก็เดินเข้ามา ญาดารีบหันหลังกลับเลี้ยวหลบที่หลังเสา ตำรวจเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์สอบถามนางพยาบาล
“ผมจะมาสอบปากคำคนเจ็บที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อหัวค่ำนี้ครับ”
“คนเจ็บยังไม่ฟื้นเลยค่ะ”
“แล้วภรรยาล่ะครับ เห็นว่าภรรยาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย”
ญาดาซึ่งยืนหลบอยู่สะดุ้งเฮือก
“ใช่ค่ะ ภรรยาคนเจ็บน่าจะอยู่ในห้อง เชิญทางนี้ค่ะ”
นางพยาบาลเดินออกจากเคาน์เตอร์นำตำรวจไปทางห้องพักฟื้นคนไข้ ญาดาฉวยโอกาสย่องออกจากหลังเสาแล้ววิ่งตรงไปที่ลิฟท์ทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่นางพยาบาลหันหน้ามาเห็นเข้าพอดี
“อ้าวคุณ! อยู่นั่นเอง”
ญาดาชะงัก หยุดทันที
“นั่นไงคะ ภรรยาคนเจ็บ คุณคะ …”
ตำรวจทั้งสองนายมองตามไปที่ญาดาที่จำใจหันหน้ามา
“จะไปไหนเหรอคะ”
ญาดารีบยกโทรศัพท์มือถือให้ดูแล้วแก้ตัว
“ฉันออกมาหาสัญญาณโทรศัพท์น่ะค่ะ พอดีในห้องไม่ค่อยมีสัญญาณ”
“ตำรวจจะขอสอบปากคำคุณค่ะ” นางพยาบาลบอก
“ยินดีค่ะ” ตาลพูดพลางฝืนยิ้ม
 
โปรดติดตามตอนต่อไป


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ) 
 

ภายในห้องรับแขกซึ่งอยู่ติดกับห้องพักคนไข้ ญาดานั่งให้ปากคำกับตำรวจ
 
“เกิดเหตุตอนกี่โมงครับ”
“ประมาณสามทุ่มค่ะ ชั้นกับสามีเดินเล่นอยู่แถวนั้น อยู่ๆพวกมันมาจากไหนไม่รู้เข้ามาปล้นเราสองคน สามีไม่ยอมเลยถูกมันทำร้าย”
“พอจะจำหน้าคนร้ายได้มั้ยครับ”
“จำไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนั้นชั้นกลัวมากไม่ได้มองหน้าพวกมันหรอก”
“แล้วสามีคุณชื่ออะไรครับ ผมจะได้ลงในบันทึก”
ญาดาอึกอักชะงักไปทันที ตำรวจมองอย่างรอคำตอบอยู่
“เอ่อ ... “
“ว่าไงครับ สามีคุณชื่ออะไร” ตำรวจถามย้ำ
ปรารภเปิดประตูเข้ามาพอดีแล้วถาม
“คุณภูเป็นยังไงบ้างครับ”
ทุกคนในห้องชะงักแล้วหันกลับไปมองที่ปรารภ
“ขอโทษครับ ผมปรารภเป็นทนายประจำตระกูลของคุณภูบดีครับ”
ญาดามองไปที่ปรารภ ขณะที่ตำรวจหันมามองหน้าญาดาราวกับจะรอคำตอบ ญาดาสบโอกาสทันที
“ใช่ค่ะ สามีชั้นชื่อภูบดี วริทธิวรนันท์” ญาดาทำเป็นเปล่งเสียงข่ม
ปรารภส่งสายตามามองญาดาอย่างงงๆ
“คุณคือ ...”
“ชั้นเป็นภรรยาคุณภูบดีค่ะ”
“ภรรยาคุณภูหรือครับ”
ปรารภมองจ้องหน้าญาดาอย่างแปลกใจ ญาดาฝืนยิ้มใส่
“ค่ะ ชั้นเป็นภรรยาคุณภู”
“ท่าทางคุณทนายกับภรรยาคุณภูบดีจะยังไม่เคยเจอกันมาก่อนนะครับ” ตำรวจว่า
-ปรารภมองจ้องญาดาอย่างไม่แน่ใจอีกครั้งจนญาดาเริ่มยิ้มไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกพลางยกมือที่สวมแหวนของภูบดีขึ้นเสยผมอย่างไม่ตั้งใจ
ปรารภชะงักไปทันทีที่เห็นแหวนที่สวมอยู่แล้วยิ้มให้
“ใช่ครับ คุณภูกับภรรยาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เราเลยยังไม่เคยเจอกัน”
ญาดาชะงักไปและอดแปลกใจที่ปรารภเข้ามาช่วยเธอเธอไว้
“งั้นหรือครับ มิน่าคุณสองคนดูแปลก ๆ เอาล่ะครับ ผมคงหมดธุระแค่นี้ ไว้คุณภูบดีฟื้นเมื่อไหร่ผมจะมาสอบปากคำใหม่ ลาล่ะครับ”
ตำรวจเดินออกจากห้องไปแล้ว ญาดามองตามอย่างโล่งอกแต่เมื่อหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาของปรารภที่จ้องมองเธออย่างสงสัย ตาลฝืนยิ้มสู้อีกครั้ง
ธาวินยังหลับใหลหมดสติอยู่
“ผมต้องขออภัยที่เสียมารยาท แต่ผมสงสัยว่าคุณแต่งงานกับคุณภูตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมเจอคุณภูวันก่อนไม่เห็นเค้าพูดถึง” ปรารภถามขึ้น
“พูดไปแล้วมันก็เป็นเรื่องน่าอายนะคะ ตาลกับคุณภูเจอกันบนเครื่องบินตอนที่คุณภูกลับมานี่แหละค่ะ หลังจากนั้นเราก็ติดต่อกันมาตลอด”
ปรารภรับฟังอยู่
“ไม่น่าเชื่อนะคะเราเจอกันแค่ไม่กี่วัน แต่เหมือนเราคุ้นเคยกันมาแรมปี คุณปรารภเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ยคะ ตาลคิดว่าคงเป็นบุพเพจากชาติปางก่อนที่ทำให้เราทั้งสองคนไม่อาจหักห้ามใจต่อกันได้”
ญาดาทำหน้าเขินอาย ปรารภมองนิ่ง
“ผมพอจะเข้าใจความรักของคนหนุ่มสาวครับและอีกอย่างถ้าคุณไม่ใช่คนสำคัญ คุณภูคงไม่มอบแหวนประจำตระกูลให้คุณแน่ๆ”
ญาดามองแหวนที่นิ้วมือ พอจะเข้าใจประติดประต่อเรื่องราวได้บ้างจึงรีบพูดเสริมขึ้นทันที
“ใช่ค่ะ คุณภูบอกว่าแหวนวงนี้สำคัญมาก ถึงได้มอบให้ตาลไว้ บอกว่าแทนหัวใจทั้งดวงของคุณภูค่ะ”
ปรารภสีหน้าเครียดแล้วบอกว่า
“พรุ่งนี้ผมคงต้องรีบไปเรียนคุณท่านเรื่องที่คุณภูเข้าโรงพยาบาล”
“คุณท่าน? ใครเหรอคะ”
“คุณปู่ของคุณภูไงครับ นี่คุณภูยังไม่ได้บอกคุณหรือครับว่ากลับมาเมืองไทยทำไม”
“เอ่อ ก็บอกแค่ว่ากลับมาหาครอบครัวน่ะค่ะ ส่วนใหญ่เราจะคุยกันแค่เรื่องความรักของเราสองคน
มากกว่า”
“คุณภูเป็นทายาทโดยสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลวริทธิวรนันท์ เจ้าของบริษัทในเครือวรา
รมย์ครับ” ปรารภว่า
สีหน้าของญาดาอึ้งตะลึงในทันที
“คุณปรารภหมายความว่าคุณภูเป็นทายาทเศรษฐีร้อยล้านเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ ต้องบอกว่าเศรษฐีพันล้านถึงจะถูก”
ญาดาตื่นเต้นสุดๆแต่พยายามควบคุมไว้ทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“เอาล่ะครับ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า คุณจะได้พักผ่อนแล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่ ส่วนเรื่องดูแลคุณภู เดี๋ยวผมจะจ้างพยาบาลพิเศษให้คอยเฝ้าคุณภู คุณจะได้ไม่เหนื่อย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวตาลอยู่ดูคุณภูเองดีกว่า”
“ก็ได้ครับ แต่ถ้ามีอะไรคุณก็เรียกพยาบาลเลยนะครับ”
ปรารภเดินออกไปทิ้งความงุนงงให้กับญาดาเพียงคนเดียว ญาดาหัยกลับไปมองธาวินที่หลับอยู่
“อะไรกันเนี่ย นายเป็นทายาทเศรษฐีพันล้านงั้นหรือ ถ้านายฟื้นขึ้นมาแล้วบอกความจริงกับตำรวจ ฉันต้องติดคุกหัวโตแน่อยู่ไม่ได้แล้วไอ้ตาล”
ญาดาค่อยๆแง้มประตูออกมา เห็นปรารภกำลังคุยอยู่กับนางพยาบาล ญาดามองชะเง้อและได้ยิน
ที่ปรารภบอกกับนางพยาบาล
“ขอให้คุณเฝ้าคนไข้ห้องเป็นพิเศษนะครับ ถ้าคุณผู้หญิงในห้องต้องการอะไร รบกวนคุณจัดหาให้ด้วย อย่าให้เธอออกไปไหนเพราะผมกลัวว่าจะมีอันตรายกับเธอ”
“ค่ะ งั้นดิชั้นจะเฝ้าเธอ 24 ชั่วโมงเลย”
“ขอบคุณครับ”
ญาดามองอย่างเซ็งพร้อมกับพึมพำบ่นกับตัวเอง
“อะไรกันวะ มาเฝ้าเราทำไม”
ขณะนั้น เสียงมือถือญาดาดังขึ้น ปรารภหันกลับมามอง ญาดายิ้มให้พลางโบกมือบ๊ายบายแล้วปิดประตูห้องทันที
ภายในห้องคนไข้ ญาดากดรับโทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหลแม่”
“ทำไมเอ็งยังไม่กลับมาอีก ถูกตำรวจจับรึเปล่า”
“เปล่าแม่”
“แล้วทำไมไม่กลับมาซะที”
“มีเรื่องนิดหน่อย แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูเอาตัวรอดได้”
“เออ เออ ระวังตัวนะลูก”
หลังวางสายไปแล้ว เจ๊อ้อยพึมพำกับตัวเองว่า
“มีเรื่องอะไรอีกวะ”
ฝ่ายญาดาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาภายในห้องพักคนไข้ด้วยความอ่อนเพลีย
“เอาวะ รอให้ใกล้สว่างเราค่อยหนีออกไป”
ญาดาบอกกับตัวเอง และเมื่อเริ่มหาวก็สะบัดหน้าเพื่อให้หายง่วงนอน
“เฮ้อ...เฮ้ย หลับไม่ได้ ห้ามหลับ”
ญาดานั่งสัปหงก พยายามฝืนไม่ให้หลับ แต่สุดท้ายก้ไม่ไหว ดวงตาค่อยๆหรี่ปิดลงนอนหลับสนิทบนโซฟา

เช้าวันใหม่ปารมีนั่งกินกาแฟอยู่ในบ้าน นภาเดินเข้ามาหา
“อ้าว ยัยปาทำไมไม่ทานอาหารเช้าบนตึกใหญ่กับคุณปู่ล่ะลูก”
“ปาไม่อยากเจอหน้ายัยเมย์ มันชอบพูดจาหาเรื่องปาอยู่เรื่อย”
“อย่าไปสนใจเลยลูก นังเด็กนั่นมันคงอิจฉาที่ลูกของแม่เรียนก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ส่วนตัวมันไม่มีสาระอะไรนอกจากเที่ยวไปวันๆ”
“ก็เพราะปาไม่อยากสนใจน่ะสิคะ ปาถึงเลี่ยงไม่อยากเจอหน้ามัน”
“แต่ลูกจะเลี่ยงแบบนี้ไม่ได้นะเพราะแม่อยากให้ลูกเข้าไปใกล้ชิดคุณปู่ เผื่อบางทีท่านเห็นลูกท่านอาจจะเปลี่ยนใจอยากให้ลูกแต่งงานกับนายภูบดีแทน”
“ปาว่าคงยากค่ะเพราะคุณปู่ประกาศไปแล้วนี่คะว่าจะให้ยัยเมย์แต่งกับหลานชาย”
“อย่าเพิ่งท้อสิลูก ลูกลืมไปแล้วหรือว่านายภูบดียังไม่เคยเจอยัยเมย์เลยนะ แม่เชื่อว่าถ้านายภูเจอแม่นั่นกับลูกของแม่ รับรองนายภูต้องเลือกลูกมากกว่านังเด็กนั่นร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แม่คิดอย่างงั้นหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ลูกแม่ทั้งสวยอ่อนหวาน น่ารักเป็นกุลสตรีผิดกับนังเด็กนั่นที่ก้าวร้าวยังกะเด็กเหลือขอ จำไว้นะลูก ถ้านายภูบดีมาลูกต้องใช้จริตใช้เสน่ห์ทุกอย่างเข้าไปผูกมัดใจให้ได้”
“ค่ะแม่ ลูกจะลองดู”
“ไปจ้ะ แม่ว่าเราไปทานข้าวบนตึกใหญ่กับคุณปู่กันดีกว่า”
“ค่ะ”
ปารมีลุกเดินตามนภาออกไป

บนตึกใหญ่ของบ้านวริทธิวรนันท์ พิพัฒน์นั่งกินอาหารเช้า อยู่กับเอนก นภาและปารมี
“แล้วนี่ตำรวจว่าไงบ้างครับได้ตัวคนร้ายที่ลอบยิงคุณพ่อรึยัง” เอนกถามขึ้น
“เค้ากำลังสืบอยู่”
“แล้วคุณปู่สงสัยใครบ้างมั้ยคะ” ปารมีถามต่อ
“ไม่รู้จะสงสัยใคร ปู่แก่ป่านนี้แล้วมันก็คงมีคนอยากให้ตายบ้าง”
“คุณลุง ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ ถึงยังไงคุณลุงก็ต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้ลูกๆหลานๆนะคะ” นภาว่า
มณทกานต์เดินเข้ามาพอดี
“คุณปู่ขา เมย์เพิ่งรู้ข่าวว่ามีคนจะฆ่าคุณปู่ คุณปู่เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“แกมัวไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่มาถามตอนงานศพปู่ซะเลย” พิพัฒน์ว่า
สาวใช้รินกาแฟให้มณทกานต์
“เมย์ก็ยุ่งๆน่ะค่ะ ช่วงนี้กำลังคิดจะหางานทำ”
“ก็ดีนะลูก ถ้าอยากทำงานก็ไปเริ่มที่บริษัทของเราก่อน” เอนกว่า
“นั่นสิ เข้ามาฝึกงานก่อน” พิพัฒน์เห็นด้วย
“แต่ป้าว่าหนูเมย์ควรจะรีบเรียนให้จบก่อนนะ เรียนมหาวิทยาลัยมาตั้งห้าหกปีไม่จบซะที จะไปทำงานอะไรมันก็ลำบากนะ” นภาพูดเหมือนหวังดี แต่เอาสอดไส้แขวะ
“ใช่ค่ะ ปาว่าน้องเมย์ฮึดเรียนอีกซักนิด ปีเดียวก็น่าจะจบได้” ปารมีบอก
“ใครถามความเห็นคุณสองคนแม่ลูกไม่ทราบ” มณทกานต์พูดแบบไม่ไว้หน้า
นภากับปารมีชะงักทันที
“ยัยเมย์ ป้านภากับพี่ปาเค้าก็พูดเพราะหวังดี” พิพัฒน์บอก
“แต่เมย์ไม่ต้องการความหวังดีจากใคร”
“แกนี่มันดื้อจริงๆ เอาล่ะ ถ้าอยากจะทำงานก็ไปฝึกที่บริษัทอย่างที่พ่อแกเค้าว่า” พิพัฒน์สรุป
“แต่เมย์ไม่อยากทำงานที่บริษัทคุณปู่ เดี๋ยวคนอื่นก็มาเม้าอีกว่าเมย์ได้งานเพราะเส้นใหญ่”
“แต่ยังไงแกก็ต้องไปทำ เพราะถ้าแกแต่งงานกับเจ้าภูบดี แกก็ต้องเป็นคนช่วยกันดูแลมรดกทุกอย่าง เข้าใจรึเปล่า” พิพัฒน์บอก
“คุณปู่พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้วค่ะ เมย์จะบอกว่าเมย์ไม่แต่งงานกับพี่ภูนะคะเพราะเมย์ไม่ได้รักพี่ภู”
“ยัยเมย์พูดอะไร” เอนกพูดเตือน
“เมย์ต้องพูดค่ะเพราะเมย์จะแต่งงานกับคนที่เมย์รักเท่านั้น”
“แล้วแกมีคนรักแล้วหรือ” พิพัฒน์ถาม
“ยังค่ะ แต่ไม่นานเมย์ก็ต้องเจอคนที่เค้ารักเมย์ เมย์จะมาบอกคุณปู่แค่เรื่องนี้แหละค่ะ ขอตัวนะคะ”

มณทกานต์เดินออกไปทันที


โปรดติดตามตอนต่อไป 

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ 
 

“ผมขอโทษด้วยนะครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจะจัดการยัยเมย์เอง” เอนกบอก
“ช่างมันเถอะ ถ้ามันไม่อยากแต่งชั้นก็ไม่บังคับ”
“นั่นสิคะ ภาเห็นด้วย ถ้ายัยเมย์ไม่อยากแต่งก็อย่าไปบังคับเลยค่ะ คนไม่รักกัน แต่งกันไปเดี๋ยวก็จะมีปัญหา”
“แล้วเราล่ะยัยปา ถ้าปู่จะให้แต่งกับเจ้าภูบดีเราจะยอมมั้ย” พิพัฒน์ถามขึ้น
ปารมีเก็บความรู้สึกดีใจไว้ไม่แสดงออก
“ปายังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณปู่ เพราะ คุณปู่มีพระคุณกับปาและแม่ ไม่ว่าคุณปู่จะให้ปาทำอะไรปาก็ยินดีค่ะ”
พิพัฒน์ยิ้มพอใจ
“งั้นก็ดี ถ้านายภูมาแล้วยัยเมย์มันยังยืนกรานไม่แต่ง ปู่จะให้แกแต่งกับนายภูแทน”
ปารมียกมือไหว้
“ขอบพระคุณค่ะคุณปู่”
ปารมีหันมองหน้าแม่ นภายิ้มพยักหน้าดีใจ เอนกนั่งมองอย่างหมั่นไส้

ที่หน้าบ้านตึกใหญ่ มณทกานต์เดินออกมาเจอบุญทันที่เอารถมาจอดรอพิพัฒน์อยู่
“สวัสดีครับคุณเมย์” บุญทันทักทาย
มณทกานต์เดินทำคอแข็งเชิดไปอย่างไม่ทันระวังเท้าเลยก้าวพลาดเหยียบหิน เท้าพลิกล้มลง
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” บุญทันถาม
“ไม่ต้องยุ่งกับชั้น”
มณทกานต์ขยับจะลุกเดิน แต่ลุกไม่ได้ร้อง “โอ๊ย”
“เส้นพลิกรึเปล่าครับ” บุญทันถาม
มณทกานต์ไม่ตอบแต่พยายามลุกอีกครั้ง แต่ขาเจ็บมาก บุญทันมองอาการแล้วคิดว่ามณทกานต์ไม่น่าจะเดินไหวจึงเดินเข้าไปช้อนตัวอุ้ม
“มาครับ ผมอุ้มไปส่งบ้านดีกว่า”
“ไอ้บ้า ปล่อยชั้นนะ”
บุญทันอุ้มมณทกานต์แล้วบอก
“ผมไม่อยากจะแตะตัวคุณหรอกนะครับ แต่คุณเดินไม่ไหวจะให้ผมทิ้งคุณไว้ตรงนี้หรือ”
“ใช่ ทิ้งชั้นไว้ตรงนี้ไม่ต้องยุ่งกับชั้น”
“ก็ได้ครับ”
บุญทันทำท่าจะโยนมณทกานต์ทิ้งลงกับพื้นจนต้องโอบล็อกคอบุญทันแน่นแล้วหวีดร้องเสียงดัง
“ว้าย อย่า”
“เอาไงครับ จะให้ผมทิ้งหรือจะให้ผมอุ้ม”
บุญทันมองจ้องหน้า มณทกานต์มองด้วยสายตาโกรธ
“เออ อุ้มก็ได้”
บุญทันยิ้มอุ้มมณทกานต์เดินออกไปตามทางเดิน มณทกานต์มองบุญทันที่ทำหน้านิ่งเก็บความรู้สึก ไม่สนใจ เป็นจังหวะที่อนุทินเดินเลี้ยวออกมาเห็นพอดี
“เฮ้ย นั่นแกทำอะไรน้องสาวชั้น”
“เปล่าครับ คุณเมย์แกหกล้มเท้าพลิกเดินไม่ได้ ผมก็เลยอุ้มมาส่ง”
“นี่ ยัยเมย์ ถ้าแกจะทำสำออยกับใครชั้นไม่ว่านะ แต่ไอ้นี่มันเป็นคนขับรถในบ้าน แกควรจะเลือกบ้างนะไม่ใช่มั่วกับคนไปทั่ว”
“พี่เอขาชั้นเจ็บ ชั้นเดินไม่ได้จริง ๆนะ”
“แกคิดว่าชั้นเชื่อแกงั้นหรือ นี่ถ้าคุณปู่รู้ว่าแกมั่วไม่เลือกแบบนี้รับรองแกไม่ได้เป็นหลานสะใภ้แน่”
“ผมว่าคุณเอพูดรุนแรงไปนะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับแก แกวางน้องสาวชั้นลงแล้วไปไกลๆเลย”
บุญทันมองหน้ามณทกานต์ราวกับรอคำตอบ
“ไม่ต้อง อุ้มชั้นไปส่งถึงห้องนอนเลย”
“ยัยเมย์”
“ก็พี่อยากให้ชั้นมั่วกับคนขับรถไม่ใช่หรือ ชั้นจะมั่วให้ดูไง...ไป”
บุญทันจำใจอุ้มมณทกานต์เดินเข้าบ้านไป อนุทินมองตามด้วยความโกรธ
“ยัยเมย์นี่มันชักจะเอาใหญ่แล้ว”

บุญทันอุ้มมณทกานต์เข้ามาวางบนเก้าอี้แล้วบอก
“เดี๋ยวผมจะไปตามต้นหอมให้มาช่วยดูคุณนะครับ”
มณทกานต์น้ำตาไหลพราก บุญทันตกใจ
“นี่ คุณเมย์ร้องไห้ทำไมครับ”
มณทกานต์รีบเช็ดน้ำตา
“ชั้นไม่ได้ร้อง นายไปได้แล้ว”
บุญทันเดินออกไปหยุดที่หน้าประตูแล้วหันกลับมามองด้วยสายตาเป็นห่วง
“มองอะไร ชั้นบอกให้ออกไปไง”
“เอ่อ ครับ”
บุญทันเดินออกจากห้องไป เมื่อมณทกานต์นึกย้อนถึงคำพูดของอนุทิน ผู้เป็นพี่ชายก็ให้รู้สึกเสียใจ เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่ใช่ครั้งแรก

“วันๆแกเอาแต่เที่ยว เรียนหนังสือก็ไม่จบ ซักวันจะท้องไม่มีพ่อ”
“ทำไมพี่เอว่าเมย์แบบนี้”
“ก็หรือไม่จริง แกมันไม่ได้เรื่องซักอย่าง ทำไมไม่เอาอย่างปารมีเค้าบ้าง เค้าเรียนหนังสือก็เก่ง แถมยังขยันทำงานดีกว่าแกไม่รู้กี่พันเท่า”
“ใช่ พ่อว่าแกน่าจะตั้งใจเรียนให้เก่งเหมือนปารมี พ่อจะได้ไม่อายคนอื่นเค้า” เอนกว่า
….............................
มณทกานต์นึกแล้วก็โกรธหยิบของเขวี้ยงออกไป
“ใช่สิ เรามันไม่มีอะไรดีนี่ไม่เหมือนนังปารมี”


ทางด้านโรงพยาบาล ธาวินค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ หันมองดูรอบๆด้วยความงุนงง ก่อนจะไปสะดุดสายตาที่ญาดาซึ่งฟุบหลับอยู่ข้างๆ
“คุณ.. คุณ”
ญาดารู้สึกตัว งัวเงียตื่นลืมตาเห็นห้องสว่างก็ตกใจ
“หา... เช้าแล้วเหรอ ตายแล้วเรา เผลอหลับไปได้”
ญาดาจะขยับลุกจะไป แต่เหลือบเห็นธาวินนอนลืมตาอยู่ ญาดาชะงักไปทันที
“นี่นายฟื้นแล้วหรือ”
“ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลไง เมื่อคืนนายถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่ไม่ใช่ความผิดของชั้นนะ ที่จริงนายนั่นแหละผิดที่ให้ฉันไปขโมยแหวนจากในบ่อน”
ธาวินมองญาดาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าญาดาพูดเรื่องอะไร
“แล้วชั้นก็เป็นคนพานายมาส่งโรงพยาบาล ถือว่าชั้นไถ่โทษแล้วนะ เราหายกัน”
ธาวินมองญาดาอย่างคนแปลกหน้า
“คุณเป็นใคร”
“นายจำชั้นไม่ได้เหรอ”
หมอกับปรารภเปิดประตูเข้ามาพอดี ญาดาชะงักไป
“สวัสดีครับคุณตาลได้หลับมั้ยครับ” ปรารภทักทาย
“เอ่อ ค่ะ”
“นี่คนไข้ฟื้นแล้วหรือครับ” หมอถาม
“ค่ะ คุณภูฟื้นเมื่อกี้นี้เอง”
หมอถามภูบดี
“ เป็นยังไงบ้างครับ มึนหัวมั้ยครับ”
“ครับ”
“ขอผมตรวจหน่อยนะครับ”
หมอส่องไฟฉายที่ตาของธาวิน
“นอกจากมึนหัวแล้วคุณภูรู้สึกคลื่นไส้หรืออยากอาเจียนมั้ยครับ”
ธาวินส่ายหน้า หมอยกนิ้วขึ้นถาม
“ไหนบอกหมอซิครับว่านี่กี่นิ้ว”
ธาวินได้แต่มองหน้าหมอไม่ตอบ และมองหน้าญาดากับปรารภอย่างงงๆ
“คุณภูคะ ไม่ได้ยินที่คุณหมอถามหรือคะว่ากี่นิ้ว”
“ใคร .. ผมหรือชื่อภู”
ญาดากับปรารภหันมามองหน้ากัน
“ก็ใช่สิคะ คุณภู ...อย่าบอกนะคะว่าจำชื่อตัวเองไม่ได้”
“ไหนบอกหมอซิว่านี่ใคร”
หมอชี้มาที่ญาดา ธาวินมองส่ายหน้า
“ไม่รู้ ผมไม่รู้จัก”
ปรารภจ้องมองญาดาที่อึ้งไป ญาดาฝืนยิ้มเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้
“อะไรคะคุณภู นี่ตาลเมียคุณไงคะ ทำไมอยู่ๆบอกว่าจำเมียไม่ได้”
“ผมจำคุณไม่ได้จริง ๆ”
หมอชี้ไปที่ปรารภ
“แล้วคนนี้ล่ะครับ จำได้มั้ยครับ”
“ไม่รู้ ผมจำอะไรไม่ได้เลย โอ๊ย ผมปวดหัว”
ธาวินกุมหัว … ปรารภกับตญาดาต่างสบตากับหมอ

“ความจำเสื่อม!” ญาดาพุดขึ้นอย่างตกใจ
หมอเหลือบมองที่ธาวินซึ่งหลับไปแล้ว
“ใช่ครับ เท่าที่ตรวจดูอาการคุณภูบดี ผมคิดว่าคงเป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง”
“หมายความว่าจำทุกเรื่องไม่ได้ หรือจำได้แค่บางเรื่องคะ” ญาดาซักและลุ้นฟังคำตอบ
“กรณีของคุณภู หมอคิดว่าแกคงจะจำเหตุการณ์ทุกอย่างก่อนที่จะสลบไปไม่ได้เลย รวมทั้งความเป็นมาในอดีตของตัวเองด้วย”
ญาดาพยายามเก็บความดีใจแล้วซักต่อแบบเนียนๆ
“จริงเหรอคะ แล้วคุณภูจะหายมั้ยคะ จะจำความได้เมื่อไหร่คะ”
“หมอเองก็ให้คำตอบไม่ได้ บางเคสก็หายเร็ว แต่บางเคสก็อาจจะนาน หรือไม่ก็ไม่สามารถจำอดีต
ได้อีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงล่ะครับ มีวิธีไหนที่จะรักษาได้บ้าง” ปรารภถามบ้าง
“ต้องให้คนไข้อยู่ในที่ที่คุ้นเคยครับ และญาติก็ต้องช่วยกันกระตุ้นความทรงจำที่มีร่วมกัน เล่าเรื่อง
ที่ประทับใจหรือเรื่องในอดีต ผมคิดว่าไม่นานความทรงจำเค้าก็จะคืนกลับมาเองครับ”
“แล้วคุณภูจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ครับ”
“อาการทุกอย่างปกติดียกเว้นแค่เรื่องความจำเสื่อม ผมให้ยานอนหลับไป คุณภูจะได้พักผ่อนอีกซักหน่อย ตื่นขึ้นมาก็กลับบ้านได้เลยครับ”

ญาดาแอบโล่งใจแต่ปรารภกลับมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด


โปรดติดตามตอนต่อไป


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ 
 

ในเวลาต่อมา ญาดาเดินออกมาจากลิฟท์พร้อมด้วยปรารภ  ความจริงญาดาไม่อยากให้ปรารภมาด้วยเพราะยังคิดหาทางหนีตลอดเวลา

                “ที่จริงคุณปรารภไม่ต้องไปส่งก็ได้นะคะลำบากเปล่าๆ ตาลกลับไปเอาของใช้ที่โรงแรมเองได้ โรงแรมก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
                ปรารภมีสีหน้าหนักใจ  แต่ไม่พูดออกมา
“ไม่ลำบากหรอกครับคุณตาล  รถผมจอดข้างหน้านี้เอง  ไปกันเถอะครับ”
ญาดาจำใจเดินตามปรารภไป
 
                ขณะเดียวกันกับที่บุญทันเดินเข้ามาในโรงแรมและมุ่งตรงมาที่เคาน์เตอร์
                “ขอโทษนะครับ  ผมพยายามโทรมาที่ห้อง แต่ไม่มีคนรับเลยช่วยเช็คให้หน่อยได้มั้ยครับว่าคุณภูบดีอยู่ในห้องรึเปล่า”
                “เดี๋ยวให้แม่บ้านเช็คให้นะคะ” พนักงานต้อนรับตอบ
                พนักงานต้อนรับหันไปกดโทรหาแม่บ้าน บุญทันยืนรออยู่  ญาดาเดินเข้ามากับปรารภ
                “คุณปรารภรออยู่ข้างล่างก็ได้ค่ะ  เดี๋ยวตาลขึ้นไปเอาของแป๊บเดียว”
                “ไม่เป็นไรครับ  ผมขึ้นไปช่วยคุณตาลถือของดีกว่า”
                ญาดาเดินไปที่ลิฟต์  ปรารภเดินตามไป  ทางด้านพนักงานต้อนรับ...เพิ่งจะวางหูโทรศัพท์จากแม่บ้านแล้วหันมาบอกบุญทัน 
                “คุณภูบดีไม่อยู่ค่ะ   รู้สึกว่าเมื่อคืนจะไม่ได้กลับมานอนที่นี่เพราะแม่บ้านบอกว่าเตียงยังเรียบร้อยอยู่เลย”
                “ขอบคุณมากครับ … มันไปไหนของมันวะ”
                บุญทันเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
 

 
                ที่หน้าห้องพักของธาวิน ญาดาหยิบการ์ดจากกระเป๋าสตางค์ธาวินมาเสียบที่ประตูแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป  ปรารภเดินตามญาดาเข้ามาในห้อง
                “คุณปรารภรอเดี๋ยวนะคะ  ตาลเข้าไปเอาเสื้อผ้าก่อน”
                ญาดาเดินเข้าห้องนอนไป  ปรารภนั่งรออยู่ ญาดาเดินเข้ามาในห้องนอนอย่างเคร่งเครียดพลางส่งสายตามองไปรอบๆห้อง แล้วเดินไปดูที่หน้าต่าง
                “จะหนียังไงวะเนี่ย ขืนโดดลงไปตายแน่”
                ตาลเดินกลับไปแง้มประตูห้องนอนมองออกไปยังเห็นปรารภนั่งรออยู่ ญาดาหงุดหงิด
“โอ๊ย  ตาลุงนี่ก็นั่งเฝ้าอยู่ได้   เฮ้อ ไม่น่าหาเรื่องเลยเรา”
                เสียงมือถือของญาดาดังขึ้นเห็นว่าเป็นเบอร์แม่ ก็กดรับทันที
                “ฮัลโหลแม่”
                “เอ็งอยู่ไหนไอ้ตาล  ทำไมไม่กลับบ้านซะที”
                “หนูยังกลับไม่ได้แม่”
                “ทำไม   มีเรื่องอะไรบอกแม่ซิจะให้แม่ไปช่วยรึเปล่า”
                “ไม่ต้องหรอกแม่ เอาไว้เจอกันแล้วหนูจะเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อนนะ”
                ญาดาวางสายโทรศัพท์ทันที   ฝ่ายเจ๊อ้อยเมื่อวางสายแล้วก็บ่นกับตัวเองอยู่ในบ้านเช่า
                “อะไรของมันนักหนาวะ”
                ครั้นเจ๊อ้อยเงยหน้าขึ้นมาก็สะดุ้งเฮือกที่เห็นเสกและลูกน้องยืนอยู่
                “อุ๊ย   เฮียเสก”
 
 
 
                ญาดาเปิดประตูห้องออกมาพร้อมทำทีเป็นถือถุงผ้าใส่ของเดินออกมา 
“เรียบร้อยแล้วหรือครับ”
“ค่ะ”
“มีอะไรให้ผมช่วยถือมั้ยครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ  ของตาลมีนิดเดียว  ไปค่ะ” 
“เดี๋ยวครับคุณตาล  ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณตาลเรื่องนึง”
                “เรื่องอะไรคะ”
“ผมอยากให้คุณตาลปิดเรื่องที่คุณภูความจำเสื่อมเอาไว้ก่อน”
“โธ่  นึกว่าเรื่องอะไร  ตาลจะไปบอกเรื่องนี้กับใครล่ะคะ”
“ก็คุณท่านไงครับ  พรุ่งนี้ผมต้องพาคุณกับคุณภูไปพบคุณท่านที่บ้าน”
ญาดาตกใจทันที
“ตาลต้องไปด้วยเหรอคะ”
“คุณตาลเป็นภรรยาของคุณภู  ก็ต้องเข้าไปกราบคุณท่านด้วยกันสิครับ”
 
                ตาลอึ้งไปในทันที
“มันจะดีหรือคะ  ตาลว่าตาลไม่ต้องไปหรอกมั้ง”
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณท่านใจดี  แต่ที่ผมอยากให้ปิดเรื่องนี้ไว้เพราะไม่อยากให้คุณท่านไม่
สบายใจ  ท่านไม่เคยเจอคุณภูเลย  พอจะได้เจอกันก็ดันเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมาอีก”
“คุณปรารภหมายความว่ายังไงคะ  ไม่เคยเจอกันเลย”
“อ๋อ  ก็คุณภูวดลพ่อของคุณภูนะครับ  ท่านทะเลาะกับคุณท่านแล้วก็หนีไปอยู่อเมริกาจนกระทั่งแต่งงานมีลูก แล้วไม่เคยกลับมาเมืองไทยอีกเลย”
                “เอ่อ  แล้วพ่อแม่คุณภูล่ะคะ” 
                “ท่านเสียนานแล้วครับ  คุณภูไม่ได้เล่าให้คุณตาลฟังหรือ”
                “ก็เล่านิดๆหน่อยๆน่ะค่ะ   อย่างที่บอกตาลไม่เคยคุยเรื่องฐานะหรือว่าเรื่องครอบครัวของภู  แค่รู้ว่าเรารักกันก็พอแล้ว”
                “ผมดีใจกับคุณภูด้วยที่เจอผู้หญิงน่ารักอย่างคุณตาล”
                ญาดาฝืนยิ้ม
                “ขอบคุณค่ะ”
                “ไปครับ”
                ปรารภเดินนำไปญาดาไปพร้อมกับเปิดประตูให้  ญาดาจำใจเดินตามออกไป
 
 
 
                ในเวลาต่อมา รถของปรารถแล่นมาจอดหน้าโรงพยาบาล  
“ผมส่งคุณตาลตรงนี้นะครับ   เดี๋ยวผมจะกลับไปรายงานให้คุณท่านทราบเรื่องที่คุณภูได้รับอุบัติเหตุ  แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับ”
“ค่ะ  ตาลกับพี่ภูจะรอ”
                ญาดาลงจากรถ  ขณะที่ปรารภขับรถออกไป  ญาดามองตามอย่างยิ้มกระหยิ่ม
“ขืนชั้นรอก็โง่สิ”
ญาดาตัดสินใจเดินออกไปอีกทาง
 
 
                ญาดาตัดสินใจกลับมาที่บ้าน
                “แม่  หนูมาแล้ว  มีอะไรกินบ้าง  หิวจัง แม่”
                ญาดาเดินดูจนทั่วบ้านก็ไม่เจอเจ๊อ้อย
                “ไหนบอกว่าอยู่บ้าน”
                ญาดาเดินไปเปิดตู้เย็นหาของกิน   ทันใดนั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้น
                “นี่แม่อยู่ไหนเนี่ย”
                เจ๊อ้อยถูกเฮียเสกควบคุมตัวมาที่บ่อน
                “ช่วยแม่ด้วยไอ้ตาล”
                “มีเรื่องอะไรแม่”
                เสกกระชากมือถือมาจากเจ๊อ้อยไปพูดแทนทันที
                “ถ้าแกไม่อยากให้แม่ตายหาเงินมาไถ่ตัวมันคืนไป”
                “แกจับแม่ชั้นไปทำไม”
                “ยังมีหน้ามาถามอีกหรือ  แกกับแม่เข้ามาขโมยของแถมยังเผาบ่อนชั้น ชั้นไม่ฆ่าตัดคอแม่แกก็บุญแล้ว”
                “แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่”
                “สิบล้าน”
                “หา.. สิบล้าน  ชั้นจะไปเอาที่ไหนมาให้  ไม่มีหรอก”
                “ถ้าแกไม่มีเงินมาให้ชั้น  แม่แกตายแน่  นอกซะจากว่า แกจะมาทำงานรับแขกวีไอพีให้ชั้น แล้วก็หักหนี้กันไปไม่เกินห้าปีก็คงหมด”
                เสียงเจ๊อ้อยตะโกนเข้ามาในสาย
                “อย่านะลูก  ปล่อยให้แม่ตาย อย่าขายตัวให้มัน”
                “ชั้นให้เวลาสองเดือน  ถ้าเกินจากนั้นชั้นจะส่งแม่เธอไปขายชายแดน”
                เสกวางสายไปทันทีพร้อมๆกับโยนมือถือคืนให้เจ๊อ้อย
                ญาดาถึงกับเครียดแล้วอึ้งไป
                “แม่ โอ๊ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย  นี่ชั้นจะไปหาเงินจากไหนตั้งสิบล้าน”
 
 
โปรดติดตามตอนต่อไป

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ 
 

ในเวลากลางวัน ภายในห้องทำงานของปรารภ ในตึกใหญ่บ้านวริทธิวรนันท์ ต้นหอมเอากาแฟวางให้พิพัฒน์กับปรารภ
 
“แล้วหลานชั้นเป็นอะไรรึเปล่า” พิพัฒน์ถามขึ้น
“ไม่ครับ ตอนนี้คุณภูปลอดภัยดีแล้ว หมอให้นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล พรุ่งนี้ผมจะพาคุณภูมาหาท่าน”
“แล้วมันไปทำอีท่าไหนถึงโดนจี้”
“เห็นภรรยาแกบอกว่าเดินเล่นกันอยู่น่ะครับ”
“นี่เจ้าภูมันมีเมียแล้วหรือ”
“ครับ”
“ไม่เห็นคุณเล่าให้ชั้นฟังเลย”
“ผมเองก็เพิ่งทราบครับ เพิ่งเจอหน้าเธอเมื่อคืนนี้”
“แล้วหน้าตาเป็นยังไง สวยมั้ย”
“ก็น่ารักดีนะครับ ชื่อคุณตาล”
พิพัฒน์พยักหน้ารับรู้

บริเวณหน้าโรงพยาบาลในเวลาเดียวกัน ญาดาในเสื้อผ้าชุดใหม่ถือเป้ใส่เสื้อผ้าสะพายเข้ามามองอย่างลังเลและหยุดคิด นึกถึงคำพูดของปรารภที่บอกว่า
“คุณปรารภหมายความว่าคุณภูเป็นทายาทเศรษฐีร้อยล้านเหรอคะ” ญาดาถาม
“ไม่ใช่ครับ ต้องบอกว่าเศรษฐีพันล้านถึงจะถูก”
แล้วก็อดคิดต่อเรื่องที่หมอบอกว่า
“กรณีของคุณภู หมอคิดว่าแกคงจะจำเหตุการณ์ก่อนที่จะสลบไปไม่ได้เลย รวมทั้งความเป็นมาใน
อดีตของตัวเองด้วย”
“จริงเหรอคะ แล้วคุณภูจะหายมั้ยคะ จะจำความได้เมื่อไหร่คะ”
“หมอเองก็ให้คำตอบไม่ได้ บางเคสก็หายเร็ว แต่บางเคสก็อาจจะนาน หรือไม่ก็ไม่สามารถจำอดีต
ได้อีกเลย”
ญาดาตัดสินใจเด็ดขาด
“เอาวะ ... ไหนๆเราก็สวมรอยเป็นเมียเค้าแล้ว ... เราอาจโชคดีได้เงินไปช่วยแม่”
ญาดาตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงพยาบาลทันที

ภายในห้องพักฟื้น ญาดาเปิดประตูเข้ามา ธาวินยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะดวงซวย อยู่ๆก็กลายเป็นคนความจำเสื่อมไปได้” ญาดาว่า
ญาดาก้มหน้าลงไปมองหน้าธาวินในระยะใกล้ ธาวินลืมตาโพลงขึ้นทันที เล่นเอาญาดาสะดุ้งถอยออกไปไกลเตียงทันที
“ว้าย”
“คุณ...”
ธาวินจ้องมอง ญาดายิ้มหวานให้
“ตื่นแล้วหรือคะ”
“ผมจำคุณได้แล้ว”
ญาดาตกใจหน้าเสียทันที
“ ว่าไงนะจำชั้นได้หรือ”
“ใช่ เมื่อเช้าคุณบอกว่าคุณเป็นเมียผมไม่ใช่หรือ”
ญาดาลอบถอนใจอย่างโล่งอก
“ใช่ค่ะ ตาลเป็นเมียคุณ แล้วคุณจำอะไรได้อีกมั้ยคะ ไหนลองนึกซิ”
ธาวินพยายามนึกไม่นึกไม่ออกจนต้องยกมือขึ้นกุมหัว
“โอ๊ย ผมนึกอะไรไม่ออกเลย หัวผมมันว่างเปล่าไปหมด”
ญาดายิ้มอย่างพอใจ
“นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกหรอกค่ะทำใจให้สบาย หมอบอกว่าคุณความจำเสื่อม “
“หา ความจำเสื่อม ผมความจำเสื่อมงั้นเหรอ”
ญาดายิ้มพยักหน้าให้ความมั่นใจ

หลังสนทนา ญาดาส่งแก้วน้ำให้ธาวินดื่ม ส่วนธาวินเอื้อมมือไปปรับเตียงเพื่อนั่งคุย ญาดาคุยต่อ
“คุณชื่อภูบดี วริทธิวรนันท์ค่ะ เพิ่งกลับจากอเมริกาเพื่อมาหาคุณปู่ที่เมืองไทย แต่เผอิญถูกทำร้ายซะก่อนเลยต้องมานอนอยู่ที่นี่”
“แล้วผมรู้จักกับคุณได้ยังไง”
“เราเจอกันบนเครื่องบินค่ะ คุณน่ะแอบมองตาลตลอดเวลาเลย แล้วก็เข้ามาแนะนำตัวขอคุยกับตาล”
ธาวินมองญาดาที่พูดเจื้อยแจ้วดูสดใส
“จากนั้นเราสองคนก็คุยกันถูกคอมากเพราะชอบอะไรหลายๆอย่างคล้ายกัน”
ญาดาส่งยิ้มสวยให้ ธาวินมองอย่างประทับใจ
“แสดงว่าผมต้องหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น”
ญาดาแกล้งทำเขินอายให้สมบทบาท
“ เรื่องนั้นตาลก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่หลังจากลงเครื่อง คุณก็ขอนัดเดทตาลแล้วพอผ่านคืนเดทไป คุณก็ขอตาลแต่งงานแล้วก็มอบแหวนวงนี้ให้”
“ผมดีใจจังเลยที่มีเมียสวยอย่างคุณ แต่ผมก็ยังจำคุณไม่ได้อยู่ดี ผมขอโทษนะ”
ธาวินกุมมือญาดาไว้ ญาดากุมมือตอบเป็นการปลอบใจ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ ตาลจะอยู่ใกล้ๆคุณ คอยช่วยฟื้นความทรงจำให้คุณค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ คุณดีกับผมจังเลย”
“แต่ตาลขอร้องได้มั้ยคะ คุณอย่าเรียกตาลว่าคุณ มันดูห่างเหินยังไงไม่รู้ เรียกตาลเหมือนอย่างที่เคยเรียกได้มั้ยคะ”
“จ้ะ ตาล”
ธาวินชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้ม ญาดาสะดุ้งตกใจและรีบผละออก
“อุ๊ย...”
ธาวินยิ้มซื่อ
“แก้มเมียผมหอมจัง”
ญาดาฝืนยิ้มให้
“เอ่อ เดี๋ยวตาลจะลงไปทานข้าวคุณภูเอาอะไรมั้ยคะ”
“ไม่จ้ะ กลับมาเร็วๆนะ ผมอยากอยู่กับตาลตลอดเวลา”
“ค่ะ”
ญาดาเดินออกไป ธาวินมองตามด้วยรอยยิ้มแล้วพูดกับตัวเอง
“นับว่าเรายังโชคดีนะที่ความจำเสื่อมแล้วเมียยังไม่ทิ้งไป”

ทางเดินที่หน้าห้อง ญาดาเดินเลี้ยวออกมาเช็ดแล้วรีบเช็ดแก้มที่ถูกหอมอย่างโมโห
“ไอ้นี่ ขนาดความจำเสื่อมยังชีกอเหมือนเดิม”

บริเวณสวนทางเดินใกล้บ้าน มณทกานต์ออกมาเดินเล่น ปารมีเดินเลี้ยวออกมาพบกันพอดี ทั้งสองต่างชะงัก ปารมีแสร้งยิ้มทัก
“หวัดดีค่ะน้องเมย์”
“ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องทักชั้นหรอกนะ”
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ ยังไงเราก็เป็นญาติกันนะคะ”
“ชั้นไม่เคยนับญาติกับเธอ”
“ปาถามหน่อยได้มั้ยคะว่าทำไม น้องเมย์ถึงไม่ชอบปา”
“ชั้นว่าเธอน่าจะรู้ตัวดีนะ”
มณทกานต์หันจะเดินหนีเพราะไม่อยากพูดด้วย แต่ปารมีไม่ยอมเดินมาขวางหน้าเหมือนจะเอาเรื่อง
“แต่ปาไม่รู้ค่ะ บอกหน่อยได้มั้ยคะ” ปารมีคาดคั้น
“ได้”
มณทกานต์จ้องหน้าปารมีแล้วบอก
“ชั้นว่าเธอเฟกแล้วก็สตอเบอรี่มากกกก”
ปารมีกำมือแน่นมองมณทกานต์ด้วยความโกรธ
“กำมือทำไม อยากตบปากชั้นหรือ” มณทกานต์ถาม
ปารมีมองจ้องมณทกานต์ไม่วางสายตาด้วยความโกรธ มณทกานต์ยิ้มเยาะ
“ก็ลองดูสิ ถ้าเธอทำอะไรชั้น เธอกับแม่ได้กระเด็นออกไปจากบ้านคุณปู่แน่”
ปารมีได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเปลี่ยนความรู้สึกอย่างฉับพลันเป็นรอยยิ้มแล้วบอก
“ปาไม่กล้าทำอะไรน้องเมย์หรอกค่ะ ปารู้ค่ะว่าน้องเมย์เป็นหลานรักคุณปู่”
“รู้ไว้ก็ดี”
มณทกานต์เดินสะบัดออกไป ปารมีมองตามด้วยสายตาเกลียดชัง
“นังเมย์ ซักวันแกได้เจอดีแน่”
ปารมีเดินออกไปอีกทาง

ภายในสวนบริเวณบ้านวริทธิวรนันท์ บุญทันกำลังรดน้ำอย่างเหม่อลอย ครุ่นคิดถึงคนร้ายปริศนาที่ฆ่าภาคิน
“แกเข้ามาทำไม ต้องการอะไร”
คนร้ายฟาดไม้กอล์ฟเข้าที่แสกหน้าภาคิน
“อ๊าก!”
บุญทันได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากโทรศัพท์ก็ตกใจ
“คุณลุง! คุณลุงครับ”
“ถึงแกฆ่าฉันก็ปิดความผิดของแกไม่ได้หรอก”
บุญทันได้ยินเสียงฟาดของไม้กอล์ฟอีกหลายที
“อ๊าก!”
“คุณลุงเกิดอะไรขึ้นครับ คุณลุง!”
ภาคินล้มลงจมกองเลือดพยายามพูดโทรศัพท์
“ระ..วัง ตัว...ปกป้อง..ปู่ด้วย...”
คนร้ายคว้าโทรศัพท์จากภาคินไปพูดกับภูบดี
“ถ้าไม่อยากตาย อย่ากลับมาเมืองไทย”

บุญทันยังคงรดน้ำต้นไม้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด แต่ก็ลอบถอนหายใจเบาๆกับตัวเอง มีสายตาใครบางคนแอบมองบุญทันอยู่ทางด้านหลัง ทันทีที่บุญทันรู้สึกตัวก็หันขวับไปทันทีพร้อมๆกับสายยางที่ถืออยู่ฉีดน้ำเข้าหน้ามณทกานต์อย่างเต็ม ๆ
“ว้าย ...”
“ขอโทษครับคุณเมย์ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“บ้าหรือไงเนี่ย ชั้นเปียกหมดเลย เห็นมั้ย”
“ขอโทษจริงๆครับ มาครับ ผมเช็ดให้”
บุญทันจะเข้าไปลูบน้ำที่เปียกบนตัว มณทกานต์ผละถอยหนี
“ไม่ต้อง”
มณทกานต์ถอยหลังออกมาแล้วสะดุดล้ม แต่บุญทันคว้าตัวรับไว้ได้ ทั้งสองหงายลงพื้นพร้อมๆกัน มณทกานต์ทับล้มอยู่บนตัวบุญทันที่กอดไว้ ทั้งสองต่างจ้องกันไปมา
“ปล่อยชั้นนะ คิดจะลวนลามชั้นหรือ”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
บุญทันปล่อยมือ มณทกานต์ลุกขึ้นมองด้วยสาตาโกรธขึ้งแล้วเดินออกไปด้วยความโมโห
“นายนี่มันทุเรศจริง ๆ”
บุญทันมองตามแล้วอมยิ้ม
“ตัวนิ่มเหมือนกันแฮะ”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ 
 

ในเวลากลางคืน ญาดาลากกระเป๋าเดินทางของธาวินเข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้ มีทั้งกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กที่ลอครหัสไว้

“คุณภูจำรหัสกระเป๋าได้มั้ยคะ ตาลพยายามจะเปิดให้แต่ไม่รู้รหัส”
ธาวินเดินมาลูบกระเป๋าด้วยสายตาครุ่นคิด
“รหัสหรือ อืมม์ นึกไม่ออก เอ แต่ผมรู้สึกว่าผมคุ้นกับมันมากเลยนะ แต่นึกไม่ออกเหมือนเห็นอะไรลาง ๆ”
ญาดาตกใจกลัวธาวินจะจำความได้จึงรีบถาม
“หา .. เห็นอะไรลางๆหรือคะ”
“ใช่ ผมว่าถ้าผมพยายามคิดน่าจะนึกออก”
“ถ้างั้นตาลว่าอย่าเพิ่งคิดดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณภูจะปวดหัว หมอเค้ายิ่งอยากให้คุณภูพักสมองเยอะๆ ไม่ต้องคิดแล้วนะคะ”
“แต่ผมอยากนึกให้ออก”
“อย่าดื้อสิคะ... เอากระเป๋ามานี่”
ญาดาลากกระเป๋าหลบไป ธาวินเดินเข้ามาหากอดทางด้านหลัง ญาดาถึงกับสะดุ้ง
“อุ๊ย คุณภูทำอะไรคะ”
“ผมอยากกอดเมียผม”
ญาดาเหลือบมองธารินอย่างไม่พอใจ แต่ต้องทำหวานใส่
“ปล่อยตาลเถอะค่ะ เดี๋ยวพยาบาลเข้ามาเห็น อายเค้านะ”
“อายทำไม ผัวกอดเมียไม่ได้หรือ”
ญาดา แกะมือธาวินออก
“คุณภูน่ะติดนิสัยฝรั่ง นี่เมืองไทยนะคะ มาค่ะ ไหนบอกตาลซิว่าจำได้มั้ยถ้าคุณปู่ถามว่าเราเจอกันที่ไหน”
“จำได้ เราเจอกันบนเครื่องตอนผมบินกลับมาเมืองไทย”
“แล้วถ้าคุณปู่ถามว่าทำไมรักตาล”
“ก็เพราะว่าตาลน่ารัก”
ธาวินเคลื่อนหน้ามาจะหอมแก้ม ญาดาเลี่ยงหลบ
“ทำไมตาลต้องหลบด้วย”
“ก็.. ตาลก็เขินนะคะ คุณภูน่ะเดี๋ยวก็หอมเดี๋ยวก็กอด”
“เขินทำไม ก็ตาลบอกว่าเราแต่งงานกันแล้ว เราก็ต้องมีอะไรๆกันแล้วไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...”
“หรือว่าตาลโกหกผม เรายังไม่ได้แต่งงานกัน”
“แต่งแล้วค่ะ แหม แต่ตาลเป็นผู้หญิงนะยังไงตาลก็อาย เอาล่ะค่ะคุณภูนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณลุงปรารภจะมารับแต่เช้านะคะ”
“ก็ได้”
ธาวินหันจะเดินไปที่เตียง ญาดาไม่ทันระวังตัว ธาวินหันกลับมาขโมยหอม ญาดาสะดุ้ง
“คุณภู”
“ผมจะได้หลับฝันดีไง”
ธาวินยิ้มให้ญาดาก่อนจะก้าวขึ้นเตียงนอน ญาดาหันหน้ากลับมาอีกทางแล้วเบ้หน้าอย่างแค้นใจที่ธาวินฉวยโอกาส

ภายในห้องครัวของคนงานในเวลากลางคืน บุญทันนั่งกินข้าวร่วมกับลุงแย้ม ป้านวล แม่ครัว มะยม สาวใช้ ต้นหอมตักข้าวเดินเข้ามาร่วมวงแล้วว่า
“นี่พวกเรารู้ข่าวรึยัง”
“ข่าวอะไร” แย้มถาม
“ก็คุณภูบดีหลานชายคุณท่านจะมาพรุ่งนี้” ต้นหอมบอก
“ใครบอกแกต้นหอม” มะยมถาม
“ชั้นได้ยินคุณท่านคุยกับทนายปรารภเมื่อกลางวันเห็นว่าจะพาแฟนมาด้วยนะ”
บุญทันชะงักเหงี่ยหูฟังอย่างสนใจ
“นี่คุณหนูมีแฟนแล้วหรือ”
“ใช่ ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดานะเห็นว่าเป็นเมียเลยล่ะ”
บุญทันฟังอย่างงงๆกับเรื่องที่ต้นหอมเล่า
“ฝรั่งหรือคนไทยวะ” นวลถาม
“คนไทยป้า เห็นว่าชื่อคุณตาลนะ”
บุญทันอึ้งไป

ในห้องพักคนงาน บุญทันกดโทรศัพท์ต่อไปที่โรงแรมที่ธาวินพักอยู่
“สวัสดีค่ะ”
“ช่วยต่อห้องนี้ให้หน่อยได้มั้ยครับ”
“ขอโทษนะคะ ห้อง เช็กเอาท์ออกไปแล้วค่ะ”
“เช็กเอาท์แล้วหรือ”
“ค่ะ แฟนคุณภูบดีมาเช็คเอาท์ออกไปเมื่อซักครู่นี้เองค่ะ”
บุญทันวางสายด้วยความมึนงง
“นี่มันเรื่องอะไรวะ ไอ้วินไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”

เช้าวันรุ่งขึ้น ประตูรั้วบ้านวริทธิวรนันท์ถูกเปิดออกเพื่อให้รถทนายปรารภขับเข้ามา ภายในตัวรถ ญาดานั่งอยู่กับธาวินที่เบาะด้านหลัง ปรารภทำหน้าที่ขับรถ ญาดาถึงกับตะลึงไปกับความโอ่โถงใหญ่โตของบ้าน
“นี่หรือคะบ้านคุณภู” ญาดาถามขึ้น
“ใช่ครับ” ปรารภบอก
“บ้านใหญ่ยังกะวังเลยนะคะ”
ทั้งญาดาและธาวินต่างสบตาแล้วยิ้มให้กัน
รถแล่นเข้ามาจอดหน้าตึก ปรารภก้าวลงจากรถ ธาวินและญาดาเปิดประตูตามลงมา
ปรารภเข้าไปกระซิบเตือน
“อย่าลืมนะครับ ห้ามบอกใครว่าคุณภูความจำเสื่อม”
“ครับ” ธาวินรับคำ
“เชิญทางนี้ครับ”
ปรารภเดินนำธาวินเข้าไป ทั้งคู่ต่างยืนอึ้งไปกับตัวบ้านที่ใหญ่โต
“ไปจ้ะตาล” ธาดาพูดพลางส่งมือให้
“ค่ะ”
ญาดาจับมือธาวินเดินเข้าบ้านไป บุญทันแอบมองอยู่ห่างๆ พลางคิด
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”

ภายในห้องรับรองของบ้านวริทธิวรนันท์ ธาวินและญาดาก้มลงกราบพิพัฒน์ที่นั่งอยู่บนโซฟา พิพัฒน์ยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ
“ไหว้พระเถอะตาภู ไหนมาให้ปู่ดูหน้าใกล้ๆหน่อยซิ”
ธาวินขยับตัวเข้าไปหา พิพัฒน์มองสำรวจอย่างละเอียด ธาวินยิ้มอย่างภาคภูมิใจเพราะคิดว่าเป็นหลานแท้ๆของพิพัฒน์
“หน้าตาไม่ค่อยเหมือนเจ้าดลพ่อแกเท่าไหร่เลยนะ สงสัยจะเหมือนแม่”
“ครับ”
ธาวินได้แต่ยิ้มไม่กล้าตอบอะไรมากเพราะจำอะไรไม่ได้
“เห็นปรารภบอกว่ามีอุบัติเหตุหรือ”
ธาวินเหลือบมองไปที่ปรารภกับญาดาก่อนตอบ
“ครับ ผมกับภรรยาถูกคนร้ายจี้ มันได้ทรัพย์สินไปนิดหน่อย แต่เราสองคนปลอดภัยดี”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถือว่าฟาดเคราะห์”
พิพัฒน์มองข้ามไปมองญาดาที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“แล้วนั่นเมียแกหรือ หน้าตาสะสวยไม่เบานี่”
ญาดารีบยิ้มประจบทันที
“ ค่ะ หนูชื่อตาลเป็นภรรยาคุณภูค่ะ ตาลได้ยินจากคุณปรารภว่า คุณปู่อายุเจ็บสิบกว่าแล้วไม่คิดว่าตัวจริงจะแข็งแรง ดูเหมือนคนอายุหกสิบอยู่เลยนะคะ”
พิพัฒน์หัวเราะชอบใจ
“แหม นอกจากจะสวยแล้วยังรู้จักพูดจานะ เข้าใจเลือกนี่ตาภู”
ญาดายิ้มที่ถูกชม ธาวินหันมายิ้มให้ ปรารภมองทั้งสองแล้วยิ้มที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
เวลานั้น นภากับปารมีเดินเข้ามาพอดี
“คุณลุงให้คนไปตามภากับยัยปามีอะไรหรือคะ” นภาถามขึ้น
“มีสิ ชั้นเรียกให้มาทำความรู้จักกับหลานชายชั้น”
นภากับปารมีลงนั่งมองหน้าธาวิน
“เจ้าภู นี่ป้านภากับยัยปาน้องสาวเรา”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะพี่ภู”
“แล้วนั่นก็หนูตาล เมียเจ้าภูเค้า”
“สวัสดีค่ะ” ญาดายกมือไหว้
นภากับปารมีถึงกับอึ้งไปในทันที
“เมียหรือคะ” นภาถามย้ำ
“ใช่ เจ้าภูเค้ามีเมียแล้ว”
ปารมีอึ้งเหลือบมองหน้านภาที่มีสีหน้าบึ้งไม่พอใจ
“เอาล่ะ ไปพักผ่อนกันก่อน เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยมากินข้าวพร้อมๆกัน จะได้เจออาเอนกแล้วก็เจ้าเอกับยัยเมย์ น้องของแกอีกสองคน” พิพัฒน์บอก
“ครับ” ธาวินรับคำ
“ต้นหอม” พิพัฒน์เรียก
“ค่ะ” ต้นหอมขานรับ
“พาคุณภูกับคุณตาลไปที่ห้องใหญ่เลย”
“ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
ญาดากับธาวินลุกตามต้นหอมออกไป นภาถามขึ้นทันที
“ทำไมอยู่ๆตาภูถึงมีเมียมาด้วยล่ะค่ะ ไหนคุณลุงบอกจะให้แต่งงานกับยัยเมย์หรือยัยปา”
“ขอโทษทีนะยัยปา ปู่ไม่รู้ว่าเจ้าภูมันมีเมียมาด้วย แหม เกือบทำให้ผัวเมียเค้าตีกันแล้วเรา” พิพัฒน์บอก
ปารมีแสร้งยิ้ม
“ปาไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะคุณปู่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วปาขอตัวก่อนนะคะ”
“ไปเถอะลูก”
ปารมีกับนภาเดินออกไป พิพัฒน์บอกกับปรารภด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“วันนี้เป็นวันที่ชั้นมีความสุขที่สุดในรอบสามสิบปีตั้งแต่พ่อเจ้าภูมันจากไป”
“ผมดีใจด้วยครับท่าน”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ 
 

ต้นหอมเดินนำหน้าญาดากับธาวินขึ้นบันไดผ่านโถงทางเดินก่อนถึงห้องภูบดี ญาดามองสำรวจของมีค่าภายในบ้าน
 
“ทางนี้เลยค่ะ ห้องของคุณภูกับคุณตาลอยู่ริมสุดค่ะ”
“แล้วบ้านนี้อยู่กันทั้งหมดกี่คนหรือจ๊ะ” ญาดาถาม
“บนตึกใหญ่นี้นอกจากคุณสองคนแล้วก็มีคุณท่านเท่านั้นค่ะ”
“แล้วคนอื่นๆล่ะ”
“คุณนภากับคุณปารมีอยู่เรือนด้านหลังค่ะ ส่วนคุณเอนกกับลูกๆก็อยู่บ้านด้านใน”
“แล้วปล่อยให้คุณปู่อยู่คนเดียวไม่อันตรายเหรอ ของมีค่าทั้งนั้นเลยนะ”
“ของที่โชว์พวกนี้ยังไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ของมีค่าจริงๆคุณท่านเก็บไว้ในเซฟส่วนตัวที่ห้องทำงาน
ท่านหมดแล้วค่ะ” ต้นหอมบอก
“แล้วห้องทำงานคุณปู่อยู่ไหนหรือ”
ญาดาลืมตัวที่ถามออกไปจนต้นหอมชะงัก มองหน้าญาดาเพราะรู้สึกแปลกๆกับคำถาม ธาวินมองหน้าญาดาแล้วถาม
“ตาลจะรู้ไปทำไม”
“อ้าว ก็เราเข้ามาอยู่ที่นี่ เราก็จำเป็นต้องรู้นะคะคุณภูว่าห้องอะไรอยู่ไหน เดี๋ยวเวลาคุณปู่เรียกเราไปพบ เราจะไปไม่ถูกนะคะ” ญาดาเฉไฉกลบเกลื่อน
“เออ ใช่ จริงของตาล”
“นู่นค่ะ ห้องทำงานอยู่ด้านนู้น”
ต้นหอมชี้ ญาดามองตามมองมือไปจนเห็นห้องทำงาน ญาดาพยักหน้ารับรู้ ต้นหอมเดินไปเปิดประตูห้องนอน
“เชิญค่ะ”
ธาวินเดินนำเข้าไป ญาดาเดินตามไป

ธาวินก้าวเข้าไปในห้อง ขณะที่บุญทันก้าวออกมา บุญทันยิ้มยักคิ้วให้ธาวินอย่างคุ้นเคย ธาวินมองหน้าบุญทันอย่างงงกับรอยยิ้มนั้น ญาดาก้าวตามเข้ามาอีกคน บุญทันมองจ้องมองญาดาอย่างสงสัย ญาดาชะงักไปทันทีกับสายตาของบุญทัน
“พี่บุญทัน นี่คุณภูบดีกับภรรยาชื่อคุณตาล” ต้นหอมแนะนำ
“ภรรยาคุณภูบดีหรือครับ” บุญทันถามย้ำกับธาวิน
ธาวินยิ้มแล้วบอก
“ก็ใช่สิ ทำไมหรือ”
ธาวินมองหน้าบุญทันอย่างแปลกใจ ญาดามองจ้องบุญทันอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“มีอะไรรึเปล่า” ญาดาถาม
“อ๋อ เปล่าครับไม่มีอะไร”
“นี่พี่บุญทันเป็นคนขับรถของคุณท่านค่ะ ต้นหอมวานให้แกยกกระเป๋าขึ้นมาให้”
“แล้วนี่เรียบร้อยรึยัง ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ออกไปได้” ญาดาบอก
“ครับ”
บุญทันเหลือบมองหน้าธาวินก่อนเดินออกไป
“ถ้าคุณภูต้องการใช้รถ ตามผมได้นะครับ ผมอยู่ที่เรือนคนงานด้านหลัง”
“ขอบใจ”
ญาดามองตามบุญทันอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“ต้นหอมก็เหมือนกันค่ะ ถ้าคุณภูกับคุณตาลต้องการอะไรก็เรียกใช้ต้นหอมได้เลยนะคะ มีเบอร์โทรศัพท์ตามตัวอยู่ในห้องแล้ว”
“จ้ะ ขอบใจมากนะ” ต้นหอมพูดแล้วก็เดินออกไป ญาดาพูดกับธาวิน
“นายบุญทันนี่ท่าทางแปลกๆนะคะ พี่ภูว่ามั้ย”
“อืมม์...ก็ดูแปลกนิดหน่อย ตาลอย่าไปอยู่ใกล้เค้าล่ะ”
“ทำไมหรือคะ”
“พี่เห็นเค้ามองจ้องตาลไม่รู้เค้าคิดอะไรกับตาลรึเปล่า”
“คงไม่หรอกค่ะ ตาลไม่รู้จักเค้ามาก่อนจะมาคิดอะไรกับตาล”
“ก็ไม่แน่นะ ตาลออกจะน่ารัก”
ธาวินมองจ้องหน้า ญาดาชะงักไปกับแววตากรุ้มกริ่มของธาวิน
“ตาลไปล้างหน้าล้างมือดีกว่า”
ญาดาหาทางเลี่ยงหลบ แต่ธาวินคว้ามือไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรคะ”
“ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ให้พี่กอดตาลหน่อยได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“นี่มันกลางวันแสกๆนะคะ อย่ามาทำเจ้าชู้ตอนนี้น่าเกลียด”
ญาดาเดินเข้าห้องน้ำไป วินมองตามอย่างงงๆ
“เมียเรานี่สงสัยจะเป็นสาวหัวโบราณไว้ตัวน่าดู”

ต้นหอมกับบุญทันเดินลงมาจากตึกใหญ่
“คุณตาลนี่สวยจังเลยเนอะพี่บุญทัน คุณภูก็ล้อหล่อ ข้าวใหม่ปลามันซะด้วยนึกแล้วเขินแทน ไม่รู้
เมื่อไหร่ต้นหอมจะเจอเนื้อคู่กับเค้าบ้าง”
ต้นหอมเหลือบมองบุญทันแล้วยิ้มหวาน แต่บุญทันไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่คิดเรื่องญาดา
“แล้วต้นหอมรู้มั้ยว่าคุณตาลเค้าเป็นใครมาจากไหน แล้วมาเจอกับคุณภูได้ยังไง”
“แหมพี่บุญทัน ต้นหอมเป็นแค่คนใช้เค้านะจะไปรู้เรื่องของเจ้านายซะทุกเรื่องได้ยังไง”
“อ้าว ก็เห็นบอกว่ารู้ทุกเรื่องในบ้าน”
“ก็ได้ ถ้าพี่บุญทันอยากรู้จริงๆ เดี๋ยวต้นหอมจะลองไปสืบมาให้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”
“ให้ต้นหอมหอมทีนึง ได้ป่ะ”
“งั้นไม่ต้องหรอก ขอบใจ”
“แหม ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้” ต้นหอมตัดพ้อ
ต้นหอมมองค้อนเดินแล้วเดินจากไปอย่างงอนๆ บุญทันไปมองที่บนบ้านด้วยแววตาสงสัย
“ต้องหาจังหวะคุยกับไอ้วินให้ได้ว่ามันเรื่องอะไรกัน”

นภานั่งหน้าบึ้ง ตาขวางอย่างคนที่มีอาการไม่ปกติทางจิตอยู่ในบ้าน เมื่อนึกถึงตอนที่พิพัฒน์แนะนำให้รู้จักกับสถานภาพของญาดา
“นั่นหนูตาล เมียเจ้าภูเค้า”
ญาดายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
สีหน้านภาเครียดแค้นด้วยความโกรธ นภากำมือสองข้างแน่นจนเล็บจิกเนื้อตัวเองจนเลือดไหล
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ อยู่ๆตาภูก็มีเมียติดมาด้วย”
ปารมีเดินเข้ามาด้านหลังแล้วบอก
“แม่คะ ปาจะออกไปข้างนอกแม่จะเอาอะไรมั้ย”
นภานิ่งไม่ตอบ ปารมีชะงักแล้วเดินเข้ามาดูทางด้านหน้า เห็นนภานั่งตาขวางอยู่ ที่มือนภามีเห็นเลือดไหล
“แม่ นี่แม่เครียดอีกแล้วหรือ”
ปารมีจับมือนภาแกะออก นภาร้องไห้ทันที
“เป็นเพราะแม่ แม่ไม่ดี แม่ทำให้ลูกลำบาก แม่ขอโทษ”
“แม่คะ หนูว่าแม่เครียดเกินไปแล้วนะคะ”
ปารมีหยิบยาแก้เครียดให้แล้วพูดต่อ
“หนูว่าแม่กินยาแล้วนอนก่อนดีกว่า”
ปารมีหยิบน้ำและเอายาป้อนให้ นภาคว้ามือปารมีไว้
“ปา แม่ขอโทษนะลูก ลูกควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ควรจะสุขสบายกว่านี้ ถ้าแม่ไม่ไปคว้าไอ้ผู้ชายเลวๆมาเป็นพ่อของลูก”
“แม่ พอเถอะค่ะ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย กินยานะคะ มาค่ะหนูจะทำแผลให้”
ปารมีหยิบแอลกอฮอลล์มาล้างแผลใส่ยาให้ นภามองปารมีแล้วน้ำตาไหลเป็นทาง ปารมีพานภาไปนอนที่เตียงแล้วห่มผ้าให้และยืนมองนภาอย่างเห็นใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเวลากลางวัน พนักงานของร้านนำแก้วกาแฟในถาดวางตรงหน้าปารมีที่นั่งอยู่กับสารวัตรสมยศ
“ชั้นอยากให้คุณสืบดูซิว่าเมียพี่ภูเป็นใคร มาจากไหน” ปารมีบอก
สารวัตรสมยศยกกาแฟขึ้นจิบแล้วถามขึ้น
“เพื่ออะไร”
“ชั้นสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะมาปอกลอกพี่ภู”
“ทำไมคุณถึงสงสัยอย่างนั้น”
“ก็ตอนแรกที่คุณปู่บอกว่าพี่ภูจะกลับมาเค้ายังไม่มีเมียเลย แต่อยู่ๆก่อนเข้าบ้านสองวันเมียก็โผล่มา”
“อืมม์ มันก็น่าคิดนะ”
“ใช่ แล้วถ้าผู้หญิงคนนี้มาปอกลอกจริง เราก็จะเปิดโปงหล่อน”
“แล้วคุณจะได้ประโยชน์อะไร”
“อ้าว ก็ถ้าพี่ภูไม่มีเมีย ชั้นก็ยังมีโอกาสที่จะได้แต่งงานกับเค้าแล้วสมบัติทั้งหมดก็จะเป็นของชั้น”
“แล้วผมล่ะ”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ พอได้สมบัติแล้วเราค่อยหาทางจัดการเก็บพี่ภู”
“ถ้าทุกอย่างง่ายอย่างที่คุณว่าก็ดีสิ”
“ชั้นไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรยากเลย ตอนลุงภาคินคุณยังจัดการได้”
“นั่นมันคนแก่”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณรักชั้นคุณก็ต้องช่วยชั้น อย่าลืมนะสมบัติทั้งหมดมันเป็นอนาคตของเรา”
“เอาล่ะ ผมจะลองสืบดูว่าผู้หญิงนั่นเป็นใคร อ้อ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายนะ”
ปารมีหยิบซองเงินให้
“ชั้นรู้น่ะ เอา นี่ ชั้นเตรียมไว้ให้คุณแล้ว”
“คุณเนี่ยน่ารักที่สุดเลย”
สมยศจับมือปารมีขึ้นมาจุ๊บ ปารมีรีบดึงมือออกทันที
“เดี๋ยวใครก็เห็นหรอก”
“เฮ้อ ผมไม่ชอบเลยที่ต้องปิดบังคนแบบนี้”
“เอาน่ะ รอให้ถึงวันที่เราได้ทุกอย่างก่อน วันนั้นเราจะเปิดเผยให้คนทั้งโลกรู้ว่าเรารักกันแค่ไหน”
ปารมียกแก้วกาแฟชนแก้วสมยศ
 
โปรดติดตามตอนต่อไป


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 2 (ต่อ 
 

ภายในห้องภูบดี ธาวินวางกระเป๋าเดินทางลงบนโต๊ะ แล้วใส่รหัสเพื่อเปิดกระเป๋าแต่ไม่สำเร็จ ธาวินลองอีกครั้งแต่ยังเหมือนเดิมจนหงุดหงิด ญาดาออกมาจากห้องน้ำพอดี

“โธ่เว้ย!”
“คุณภูทำอะไรคะ”
“ผมพยามยามจะเปิดกระเป๋า แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามันรหัสอะไร”
“ก็ตาลบอกแล้วไงคะว่า นึกไม่ออกก็ช่างมัน เดี๋ยวเรียกช่างมาเปิดก็ได้”
“ไม่ ผมอยากนึกให้ได้ ผมจะได้จำอะไรได้บ้าง”
ธาวินหลับตาพยายามนึกและเห็นภาพธาวินในคราบเสี่ย คนในบ่อน หายสะดุดเป็นช่วงๆจนต้องขมวดคิ้ว อาการปวดหัวเกิดขึ้นมาอีกจนต้องกุมขมับ
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรคะ”
“ผมเหมือนจะเห็นภาพอะไร แต่ภาพมันไม่ปะติดปะต่อ”
“หา คุณเห็นภาพเหรอคะ”
ธาวินพยักหน้าช้าๆแล้วบอก
“ตายล่ะ”
ญาดาตกใจกลัวว่า ธาวินจะจำความได้จึงรีบห้าม และแย่งกระเป๋าไปเก็บทันที
“เอ่อ ตาลว่าคุณอย่าเพิ่งคิดอะไรเลยนะคะ อย่าไปสนใจมันเลยดีกว่า ตาลเห็นคุณปวดหัวอย่างนี้
แล้วตาลไม่สบายใจเลย”
ญาดาประคองธาวินไปนั่งที่เตียง

“คุณภูพักก่อนเถอะนะคะ”
ธาวินสบตาด้วยความซาบซึ้งจนญาดารู้สึกเขิน แต่ก่อนที่ญาดาจะทันตั้งตัว ธาวินก็ดึงตาลลงไปนอนบนเตียงแล้วกอดคร่อมตัวได้ ญาดานึกไม่ถึง ตกใจทันที
“นี่คุณจะทำอะไรชั้นเนี่ย ปล่อยนะ”
“ทำไมล่ะก็เรารักกันไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะจำอะไรไม่ได้ แต่ผมก็อยากขอบคุณ แล้วก็แสดงความรัก
กับตาล ถ้าไม่ได้ตาลคอยดูแลผมไว้ ผมคงแย่”
ธาวินมองจ้องสบตา ญาดาประหม่าเขินอายและอึดอัด
“ตาลเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง”
“ตาลคงเพลียน่ะค่ะ เมื่อคืนเฝ้าคุณภู ตาลหลับๆตื่นๆทั้งคืน”
“งั้นเราสองคนก็นอนพักหน่อยดีกว่า อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาอาหาร”
ธาวินขยับตัวนอนพลิกวางญาดาลงเคียงข้าง ตาลได้จังหวะเด้งตัวขึ้นมาแล้วบอก
“ตาลหายแล้วค่ะ คุณภูต่างหากควรจะพักผ่อน เดี๋ยวตาลไปหาอะไรเย็นๆมาให้ดื่มนะคะ” ว่าแล้วญาดาก็รีบชิ่งออกไป
“เดี๋ยวสิตาล” ธาวินร้องเรียกแล้วมองตามอย่างงงๆ
ญาดาเดินลงบันไดไปชั้นล่างเลี้ยวแล้วไปที่ห้องครัว ขณะที่บุญทันที่แอบดูอยู่ได้โอกาสย่องขึ้นบันไดไปชั้นบน เหลียวมองซ้ายขวาแล้วย่องไปที่หน้าห้องภูบดีพลางเคาะประตูเรียก
“วิน! ไอ้วิน เปิดประตูหน่อย”
ธาวินเปิดประตูห้องออกมา
“อ้าวนายบุญทัน มีธุระอะไรเหรอ”
บุญทันรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู
“เป็นไงบ้างวิน เกิดอะไรขึ้นแล้วผู้หญิงคนนั้นมาได้ยังไง”
“นายว่าอะไรนะ”
ธาวินยังจำบุญทันไม่ได้
“เฮ้ย! อย่าอำน่าไอ้วิน หรือว่ายัยนั่นมันทำอะไรแก”
ธาวินชักสีหน้าไม่พอใจ

“นี่นายกำลังพูดถึงตาล เมียชั้นใช่มั้ย “
บุญทันชะงักไปและเริ่มเอะใจกับท่าทีของธาวิน
“แล้วเมื่อกี้นายพูดถึงใครวินๆ”
บุญทันมองธาวินอย่างวิเคราะห์ เห็นแววที่ธาวินมองจ้องหน้ากลับมาอย่างไม่พอใจ บุญทันทำกลบเกลื่อนมองแอร์
“อ๋อ ผมหมายถึง ลมน่ะครับ เห็นคุณภูมาจากเมืองนอกก็เลยฝึกถามเป็นภาษาอังกฤษว่าวินที่แปลว่าลมมันเย็นมั้ยครับ”
ธาวินมองแอร์แล้วบอก
“ก็เย็นนะ”
“ถ้าเย็นก็โอเคครับ คุณท่านให้ผมมาคอยดูคุณภูน่ะครับ”
ธาวินพยักหน้ามองบุญทันอย่างไม่ไว้ใจ
“คุณภูมีอะไรอยากจะบอกผมบ้างมั้ยครับ”
“บอกเรื่องอะไร”
“ก็ ทุกเรื่องที่อยู่ในใจน่ะครับ”
“ชั้นไม่เข้าใจว่านายพูดเรื่องอะไร”
บุญทันเริ่มนึกสงสัยว่า ทำไมธาวินผิดปกติไปเป็นคนละคน
“ไม่มีอะไรครับ ผมหมายถึงว่าคุณภูมาอยู่เมืองไทยแล้วมีความสุขมั้ยครับ อากาศเป็นยังไง อาหารอร่อยมั้ยครับ”
“ก็มีความสุขดี อากาศร้อนไปหน่อย แต่อาหารอร่อย”
บุญทันรับฟังคำตอบแล้วก็มั่นใจว่าธาวินเปลี่ยนไปจริงๆ
“ถ้างั้นผมไม่กวนคุณภูแล้วล่ะครับ”
บุญทันกำลังจะหันหลังจะเดินออกจากห้องไป แต่ธาวินกลับเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน บุญทัน”
บุญทันชะงักหันกลับมามอง ธาวินมองจ้องกลับเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง

บุญทันกำลังหมุนรหัสกระเป๋าอย่างบรรจง ในที่สุดก็เปิดออก
“นายนี่เก่งจริงๆ ขอบใจมาก” ธาวินบอก
บุญทันมองหน้าธาวินอย่างสงสัย
“ที่จริงรหัสที่ตั้งไว้มันก็ไม่ยากนะครับ คุณภูไม่น่าจะลืม”
ธาวินรีบพูดกลบเกลื่อนทันที
“ คนเราก็มักจะลืมอะไรง่ายๆแบบนี้แหละ ฉันคงเหนื่อยจากการเดินทางมาด้วย”
บุญทันจ้องหน้าธาวินนิ่ง
“นายจ้องหน้าชั้นทำไม”
“คุณภูจำผมไม่ได้หรือครับ”

ธาวินนึกถึงคำพูดของปรารภที่บอกในรถว่า
“คุณอยู่อเมริกาตั้งแต่เกิด จำไว้นะครับว่าคุณไม่เคยรู้จักใครในบ้านหลังนี้เลย”

ธาวินตอบบุญทันอย่างมั่นใจว่า
“ ก็ชั้นไม่เคยเจอนาย จะจำนายได้ยังไง”
บุญทันอึ้งไปทันที
ญาดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมน้ำผลไม้ แต่แปลกใจที่ภายในห้องมีบุญทันอยู่ด้วย
“นายบุญทัน นายกลับมาทำอะไรที่นี่” ญาดาถาม
“พอดีบุญทันเค้ามีความรู้ด้านช่างอยู่บ้าง ผมก็เลยให้มาช่วยเปิดกระเป๋าให้หน่อย” ธาวินบอก
“แล้วเปิดได้มั้ยคะ”
“ได้จ้ะ เสร็จแล้วขอบใจมากนะบุญทัน”
“ครับ”
ญาดามองตามบุญทันที่เดินเปิดประตูออกไป ญาดาหันมาต่อว่าธาวิน
“คุณภูทำอย่างนี้ได้ไงคะ เกิดมีคนรู้ว่าคุณความจำเสื่อมเรื่องมันจะยุ่งนะคะ”
“ผมลืมไป ใจอยากจะเปิดกระเป๋าให้ได้ก็แค่นั้นเอง”
“แล้วเค้าสงสัยอะไรรึเปล่าคะ”
“ก็ไม่นะ อ้อ แต่เค้าถามเหมือนกับเค้ารู้จักผม”
“หืมม์ รู้จักคุณภูหรือคะ” ญาดาพูดขึ้น
“ใช่ เค้าถามว่าผมจำเค้าไม่ได้หรือ”
ญาดาเริ่มสงสัยในตัวบุญทัน ฝ่ายบุญทันเมื่อปิดประตูลงแล้วเดินไปได้สองก้าวก็หยุดหันกลับไปมองที่ห้องธาวิน
“ไอ้วินต้องถูกยัยนี่มอมยาแน่ ๆ มันถึงจำอะไรไม่ได้แม้แต่เรา”

ในเวลากลางคืน ภายในบ้านวริทธิวรนันท์ พิพัฒน์กำลังยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นอวยพร
“ขอดื่มให้กับหลานชายและหลานสะใภ้ของปู่”
ธาวินและญาดานั่งคู่กัน ยกแก้วให้พิพัฒน์เช่นกัน อนุทินและเอนกจำใจยกตาม
“แล้วนี่หลานแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นว่าเพิ่งมาจากอเมริกาตอนแรกนึกว่าโสด” เอนกพูดขึ้น
ธาวินเหลือบมองญาดาที่ยิ้มให้
“ผมเจอกับตาลบนเครื่องบินน่ะครับ เราคุยกันถูกคอก็เลยคบกัน แล้วผมก็ขอเค้าแต่งงาน”
“love at first sight ว่างั้นเถอะ” อนุทินแขวะขึ้นทันที
“ใช่ครับ”
“นึกว่าเรื่องแบบนี้จะมีแต่ในหนัง ไม่น่าเชื่อนะว่าจะมีเรื่องจริง”
ญาดาเหลือบมองอนุทินอย่างไม่ถูกชะตา ญาดากุมมือธาวินทำหวาน
“ค่ะ บอกใครใครก็ไม่อยากเชื่อ แต่ว่าเราสองคนมองตากัน เราก็รู้ว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน”
“แหม ปู่ประทับใจความรักของหลานจริง ๆ มันสวีทแล้วก็โรแมนติกมาก แล้วนี่จดทะเบียนกันรึยัง”
ธาวินมองหน้าญาดาไม่รู้จะตอบอย่างไร ญาดาแก้สถานการณ์ทันที
“อ๋อ เรายังไม่ได้จดทะเบียนกันค่ะ”
“ไม่ได้นะ หนูเป็นผู้หญิงไม่จดทะเบียนมันจะเสียเปรียบ” พิพัฒน์บอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไม่ซีเรียส แค่เราสองคนรักกันก็พอแล้วค่ะคุณปู่”
“แต่ยังไงปู่ก็ไม่เห็นด้วย เอาอย่างนี้ดีกว่า ปู่จะจัดงานแต่งงานให้แกสองคน แล้วก็จดทะเบียนกันให้เรียบร้อย”
“แต่งงานหรือคะ”
“ใช่ ปู่จะจัดให้ใหญ่ ให้สมกับเป็นทายาทของวริทธิวรนันท์เลย”
ญาดาอึ้งไปเพราะไม่อยากแต่งงาน แต่เหลือบไปเห็นธาวินยิ้มอยู่
“ขอบคุณครับคุณปู่” ธาวินบอก
“แต่คุณลุงภาคินเพิ่งเสียไปไม่นานนะครับคุณปู่ ผมว่าอย่าเพิ่งมีงานมงคลเลยดีกว่า” อนุทินทักท้วง
“นั่นสิครับ ผมก็ว่าอย่าเพิ่งมีงานอะไรเลย” เอนกว่า
“ใช่ค่ะคุณปู่ ไม่ต้องจัดงานอะไรหรอกค่ะสิ้นเปลืองเปล่าๆ” ญาดารีบขานรับทันที
“ไม่ได้ ไม่ได้ ปู่อยากจัดงานเพื่อรับขวัญทายาทของตระกูลเรา ตกลงตามนี้นะ เอนกให้คนไปหาฤกษ์แต่งให้หลานด้วย” พิพัฒน์สรุปตัดบททันที
“ครับ” เอนกรับคำอย่างเสียไม่ได้
เอนกกับอนุทินเหลือบมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยที่พิพัฒน์จะจัดงานแต่งงานให้
“แต่คุณปู่คะ ตาลเกรงว่า...”
“ผมว่าอย่าขัดใจคุณปู่เลยตาล ถ้าคุณปู่อยากทำให้ก็ให้ท่านทำเถอะ” ธาวินบอก
“ใช่ ไม่ต้องเกรงใจปู่ ให้ปู่ได้ทำอะไรให้เจ้าภูมันบ้าง”
“เอ่อ งั้นก็ขอบคุณนะคะคุณปู่”
“ขอบคุณครับคุณปู่”
เอนกกับอนุทินเหลือบมองอย่างไม่พอใจ

จบตอนที่ 2
 
โปรดติดตามตอนที่ 3 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น