เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4
บริเวณหน้าบ้านพิพัฒน์ มณทกานต์เดินออกมาเจอบุญทันที่ยืนดักรออยู่
“คุณเมย์ครับ ผมขอโทษ”
“ชั้นไม่รับ แกจำไว้แล้วกันว่าแกทำอะไรกับชั้นไว้ ซักวันชั้นต้องเอาคืนแกแน่”
มณทกานต์เดินออกไปด้วยอารมณ์โกรธ บุญทันถอนหายใจ ปารมียืนมองเหตุการณ์นิ่งอยู่
“บุญทัน”
“ครับ คุณปารมี”
“คุณปู่เรียกให้ไปพบที่ห้องทำงาน”
“ครับ”
บุญทันขยับจะเดินไปหาพิพัฒน์ แต่ปารมีเรียกไว้
“เดี๋ยว”
“ครับ”
“นายมีเรื่องอะไรกับน้องเมย์หรือ”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
บุญทันเดินออก ปารมีมองตามบุญทันอย่างสงสัย
“แต่ชั้นว่าแกสองคนเหมือนมีอะไรกันนะ” ปารมีพึมพำคนเดียว
บุญทันเปิดประตูเข้ามาหาพิพัฒน์
“ท่านเรียกผมหรือครับ”
“เมื่อกี้ยัยเมย์เค้ามาหาชั้นบอกให้ไล่แกออก”
“เอ่อ ครับ”
“ชั้นต้องขอโทษแกแทนหลานด้วย ที่มันเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้ จริงๆแล้วยัยเมย์มันไม่ได้เป็นคนร้ายกาจอะไรนักหรอกเพียงแต่มันเป็นคนไม่เก็บอารมณ์”
“เอ่อ ผมเองก็ผิดครับที่ไปพูดจาไม่ดีกับเธอ”
“เสียดายตอนแรกชั้นตั้งใจอยากให้มันแต่งงานกับเจ้าภู”
บุญทันสะดุ้งทันที
“แต่งกับใครนะครับ”
“ภูบดีหลานชายชั้นไง กะว่าถ้ามันแต่งงานมีครอบครัวซะจะได้มีความคิดเป็นผู้ใหญ่กับเค้าบ้าง เจ้าภูดันมีเมียซะอีก”
บุญทันอมยิ้มนึกขำ พิพัฒน์มองอย่างสงสัย
“แกยิ้มอะไรวะ”
“อ๋อ ผมกำลังนึกถึงคุณเมย์น่ะครับว่าถ้าไม่ใช่คุณภู แกจะเหมาะกับใคร”
“ถ้าชั้นไม่จับให้แต่งล่ะก็ ชั้นว่าไม่มีใครมาขอมันเป็นเมียหรอก ดื้อยังกะอะไร เออ มัวแต่พูดเรื่องยัยเมย์เกือบลืมเรื่องสำคัญ”
“เรื่องอะไรครับ”
“เดือนหน้าหลังจากที่ภูบดีแต่งงาน เค้าจะเข้าไปทำงานที่บริษัท ชั้นจะให้แกขับรถให้เค้า”
“แล้วท่านล่ะครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นจะให้ไอ้แย้มมันหาคนมาใหม่”
“ได้ครับ”
“อ้อ แล้วปืนที่ให้ไปยังอยู่ดีใช่มั้ย”
“ครับ”
“แกเอาติดตัวไว้ เพราะชั้นไม่แน่ใจว่าการกลับมาของภูบดีจะทำให้ใครไม่พอใจบ้าง”
“ท่านหมายถึงว่าคุณภูบดีอาจจะมีอันตรายหรือครับ”
“ชั้นก็ตอบไม่ได้เพราะภาคินลูกชายชั้นก็ตายอย่างไม่มีสาเหตุ”
พิพัฒน์หยิบรูปภาคินที่ถ่ายกับภูวดลและตัวเองขึ้นมาดูแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจบอก
ในอดีต ภายในห้องรับแขกในบ้าน พิพัฒน์นั่งอยู่ในห้องรับแขก โดยมีสารวัตรสมยศและตำรวจอีกสองนายนั่งอยู่ด้วย
“ตำรวจชันสูตรศพคุณภาคินแล้วพบว่ามียาเสพติดในเลือดครับ”
“ภาคินน่ะหรือใช้ยาเสพติด”
“ใช่ครับ ทางเราสันนิษฐานว่าคุณภาคินคงจะใช้ยาเสพติดก่อนที่จะโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย”
พิพัฒน์ย้ำบอกกับบุญทัน
“ ชั้นฝากให้แกดูแลภูบดีด้วยนะ”
“ครับท่าน”
พิพัฒน์พยักหน้าแทนคำขอบใจ บุญทันมองพิพัฒน์แล้วน้ำตาคลออย่างตื้นตันในความรักที่ที่พิพัฒน์มีให้ ทันทีที่บุญทันเดินออกมาจากห้องแล้วหันกลับไปมองพิพัฒน์ก็บอกกับตัวเองว่า
“ผมสัญญาครับคุณปู่ ผมจะหาตัวฆาตกรที่ฆ่าลุงภาคินมาให้ได้”
เช้าวันรุ่งขึ้น รถตำรวจเข้ามาจอดในบริเวณบ้านเช่าของตาล สารวัตรสมยศนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
“หลังนี้แหละครับสารวัตร” ลูกน้องบอก
สารวัตรสมยศเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาที่หน้าบ้าน ขยับดูประตูหน้ารั้วเห็นว่าประตูไม่ล็อค
“คุณเฝ้าอยู่นี่นะ ผมจะเข้าไปดูข้างในหน่อย”
“ครับ”
สารวัตรสมยศเดินเข้าไปในบ้านแล้วมองอย่างสำรวจ ก่อนจะเดินมาหยุดหน้ารูปถ่ายของเจ๊อ้อยกับตาล สารวัตรสมยศหยิบรูปขึ้นมาดูเห็นสองแม่ลูกยิ้มเริงร่า และเมื่อเอามือแตะที่โต๊ะกินข้าวเห็นมีฝุ่นจับ จากนั้นก็เดินไปดูที่ห้องนอนของตาลที่เปิดประตูอยู่ ภายในห้องนอนเก็บสะอาดเรียบร้อย บนหัวเตียงมีหนังสือนิยายอ่านเล่นทั่วไป ไม่มีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับตาลนอกจากรูปถ่ายที่หัวเตียงอีกรูป สมยศหันเดินออกพร้อมกับถือรูปถ่ายตาลกับเจ๊อ้อยติดออกมาจากบ้านด้วย ชาวบ้านคนหนึ่งขี่จักรยานผ่านมาพอดี
“โทษครับ ขอคุยด้วยหน่อย” สารวัตรสมยศพูดขึ้น
“มีอะไรครับ”
“รู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้มั้ย”
“เจ๊อ้อยหรือครับ”
“พี่รู้จักเค้าหรือ”
“รู้จักสิครับ แกชอบแทงหวยกับเมียผม เอ๊ยไม่ใช่ครับ”
สารวัตรสมยศส่งรูปถ่ายให้ดู
“ผู้หญิงในรูปนี้คนไหนชื่อเจ๊อ้อย”
ชาวบ้านมองรูปแล้วชี้ที่รูป
“คนนี้ครับเจ๊อ้อย นี่ลูกสาวเค้าชื่อน้องตาล”
“แล้วเจ๊อ้อยเค้าไปไหนรู้มั้ย” สารวัตรสมยศถามอีก ชาวบ้านมองหน้าสารวัตรอย่างสงสัย
“ผมเป็นตำรวจมีเรื่องจะมาคุยกับสองแม่ลูกนี่”
“ไม่รู้เหมือนกันนะครับ เห็นหายไปสองอาทิตย์แล้วทั้งแม่ทั้งลูก”
“แล้วเค้าทำอาชีพอะไร”
“เอ ไม่รู้เหมือนกันครับ ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรนะ”
“แล้วเค้าเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย”
“อันนี้ก็ไม่ทราบนะครับ”
“แล้วลุงพอจะรู้มั้ย มีใครที่สองแม่ลูกนี่สนิทบ้าง”
“ไม่น่ามีนะครับ เค้าเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงหกเดือนครับ”
“เอาล่ะ ขอบใจมาก”
ชาวบ้านขี่จักรยานออกไป
“มีอะไรรึเปล่าครับสารวัตร ทำไมสารวัตรถึงสนใจผู้หญิงคนนี้” ลูกน้อยถามขึ้น
“ไม่มีอะไร พอดีเพื่อนเค้าฝากมาสืบอะไรนิดหน่อย ไป”
สารวัตรสมยศขึ้นรถ ลูกน้องขับรถออกไป
ภายในร้านกาแฟในเวลาต่อมา สารวัตรสมยศนั่งกินกาแฟอยู่กับปารมี
“ท่าทางพี่สะใภ้คุณจะมีประวัติไม่ค่อยสวย” สารวัตรสมยศพูดขึ้น
“จริงหรือคุณไปเจออะไร” ปารมีถาม
“ยังไม่เจอ แต่เท่าที่ผมสืบดูผมว่าพี่สะใภ้คุณไม่ธรรมดาแน่”
“หมายความว่าหล่อนอาจจะมาปอกลอกพี่ภูจริงใช่มั้ย”
“ก็มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้สูง”
“งั้นคุณก็รีบหาหลักฐานมาแฉเร็วๆสิ”
“คุณนี่ใจร้อนจริงๆ รู้มั้ยว่ากว่าผมจะหาเจอว่าบ้านของพี่สะใภ้คุณอยู่ที่ไหน ผมต้องใช้เงินไปเท่าไหร่”
“คุณนี่นะพูดไปพูดมาก็มาลงที่เงินอีกแล้ว”
“อ้าว ที่รัก สมัยนี้เงินไม่มางานไม่เดินนะ”
“ต้องใช้อีกเท่าไหร่”
“สองหมื่น”
ปารมีหยิบเงินจากกระเป๋าส่งให้ สารวัตรสมยศรับเงินไป
“แล้วเมื่อไหร่เราสองคนจะมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง”
“ช่วงนี้ไม่ได้หรอก แม่ชั้นไม่ค่อยสบายชั้นต้องคอยดูแลท่าน”
อนุทินเดินเข้ามาในร้านกาแฟก็ชะงักไปที่เห็นปารมีนั่งคุยกับสารวัตรสมยศ อนุทินจ้องมองด้วยสายตาหึงหวง
ปารมีถือถุงขนมเค้กที่ซื้อจากร้านแล้วเดินลุกเดินออกตามทาง อนุทินเดินตามหลังมากระชากแขนจนปารมีสะดุ้ง
“ว้าย ... พี่เอ”
“มาทำอะไรแถวนี้”
“ปาแวะมาทานกาแฟ”
“แต่ชั้นเห็นเธอนั่งอยู่กับสารวัตรสมยศ”
“อ๋อ ปาบังเอิญเจอเค้าน่ะค่ะ เค้าก็เลยมานั่งคุยด้วย”
“ไม่ได้นัดเจอกันนะ”
อนุทินจ้องหน้าต้นหาความจริง
“ปาจะไปนัดเจอเค้าทำไมปาไม่มีอะไรกับเค้า อย่ามาทำเป็นหึงปาหน่อยเลย ว่าแต่ตัวเองเถอะมาทำอะไร” ปารมีเฉไฉ
“ซื้อกาแฟ”
“แล้วไหนกาแฟล่ะ”
“ก็เห็นปากับไอ้สมยศซะก่อน เลยไม่ทันได้กิน”
“งั้นไปทานมั้ยคะ ปานั่งเป็นเพื่อนได้สิบนาที”
“ไม่เอาแล้ว ไหนๆเราก็บังเอิญเจอกันไปหาที่คุยกันดีกว่า”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ปาต้องเอาเค้กกลับไปให้คุณปู่ทานตอนบ่าย”
ปารมีพูดพลางยกถุงเค้กให้ดู
“ไปก่อนนะคะ “
ปารมีตัดบท อนุทินมองตามอย่างเสียดาย พอปารมีเลี้ยวเลี้ยวที่มุมตึกก็หันหลังมามองด้วยสายตาชิงชัง
“หึ ผู้ชายมีแต่พวกเอาแต่ได้ เอาไว้ให้ถึงวันที่ชั้นได้ทุกอย่างก่อนเถอะ ชั้นจะเอาคืนพวกแกให้สาสมเลย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ พิพัฒน์กินอาหารเช้าอยู่กับธาวินและญาดา
“วันนี้หลานสองคนก็ไปลองชุดแต่งงานซะ ยัยปาเค้าติดต่อร้านเวดดิ้งไว้ให้แล้ว”
“ครับ”
“ส่วนเรื่องงานแต่งไม่ต้องห่วงนะ ปู่ให้ปรารภเค้าจัดการให้แล้วหลานจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย”
“ขอบคุณครับคุณปู่”
“หลังจากแต่งแล้วอยากไปฮันนีมูนกันที่ไหน”
“ยังไม่ได้คิดเลยครับคุณปู่”
ธาวินหันไปถามญาดา
“ตาลอยากไปไหนจ๊ะ”
“ตาลไปไหนก็ได้ค่ะที่มีคุณภูไปด้วย”
ญาดาทำฉอเลาะใส่ ธาวินยิ้ม พิพัฒน์หัวเราะชอบใจแล้วว่า
“แหม แกนี่โชคดีนะเจ้าภูที่ได้เมียน่ารักอย่างหนูตาล”
ธาวินหันมามองเห็นญาดายิ้มหวานให้ พิพัฒน์มองยิ้ม
“เอ่อ คุณปู่ขา ตาลขออนุญาตถามอะไรนิดนึงได้มั้ยคะ”
“ถามอะไรลูก”
“คือ เรื่องเงินสินสอดที่คุณปู่จะให้ตาลน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณปู่จะให้เมื่อไหร่หรือคะ”
ธาวินกับพิพัฒน์ถึงกับชะงักไปทันทีแล้วต่างหันไปมองหน้าญาดา
“ไม่ใช่ว่าตาลอยากได้เงินนะคะ พอดีตาลไม่ค่อยรู้เรื่องธรรมเนียมน่ะค่ะก็เลยอยากรู้ไว้เป็นความรู้”
“ปกติตามธรรมเนียมก็ต้องให้วันแต่งน่ะแหละ”
“อ๋อ ก็หมายถึงวันที่ 15 เดือนหน้าเลย”
“ใช่ แล้วหนูบอกแม่รึยังว่าจะเอาเงินไปใช้หนี้ให้”
“บอกแล้วค่ะคุณปู่ แม่ดีใจใหญ่เลย แม่ฝากกราบขอบพระคุณคุณปู่ด้วย”
“หวังว่าวันแต่งคงจะได้เจอแม่หนูนะ”
“ค่ะ แม่บอกว่าจะมาแน่ค่ะ คุณปู่เติมกาแฟหน่อยมั้ยคะ”
“ไม่แล้วลูก”
“คุณภูล่ะคะ”
“ขออีกแก้วจ้ะ”
ญาดาเทกาแฟให้ ธาวินยิ้มให้ ญาดายิ้มตอบพิพัฒน์มองทั้งสองคนอย่างชื่นใจ
วันใหม่ในเวลากลางวัน ภายในร้านสตูดิโอแต่งงาน ธาวินในชุดเจ้าบ่าวยืนมองกระจกขยับซ้ายขวาดูตัวเองในกระจก ส่วนญาดาในชุดเจ้าสาวกำลังก้าวเดินลงมาจากบันได ธาวินเหลียวไปมอง ญาดาชะงักแล้วยิ้มเขินสบตาแล้วเดินเข้ามาหาธาวิน
“เป็นไงคะคุณภูชุดนี้ชอบมั้ยคะ”
“สวยมากจ้ะ ผมว่าวันแต่งงานตาลต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก”
“เจ้าบ่าวก็หล่อไม่น้อยหน้านะคะ เจี๊ยบว่าคุณภูกับคุณตาลน่ะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดเลยค่ะ ขออนุญาตถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ” พนักงานของร้านพูดขึ้นแล้วหยิบกล้องเล็กขึ้นมา
ธาวินกับญาดายืนคู่ยิ้มให้ถ่ายรูป
“ขอโทษนะคะ คุณตาลหอมแก้มคุณภูหน่อยได้มั้ยคะ”
“เอ่อ ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะคะจะได้ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กหน่อย”
“ตาลเค้าขี้อายครับ มาผมหอมเองดีกว่า”
พูดแล้วธาวินดึงญาดามากอดหอมแก้มฟอด ญาดาหน้าเบ้ไปทันที
“อายเค้าน่า ยิ้มหน่อย” ธาวินบอก
ญาดาฝืนยิ้ม ธาวินหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
ภายในร้านญาดากับธาวินในชุดบ่าวสาวกำลังยืนคุยกับพนักงานร้านเกี่ยวกับเสื้อผ้า ที่นอกร้าน บุญทันกำลังยืนมองทั้งคู่อย่างวิเคราะห์
“ทำไมไอ้วินถึงคิดจริงจังกับผู้หญิงคนนี้”
ทนายปรารภเดินเลี้ยวมาจะเข้าร้านเห็นบุญทันยืนอยู่
“อ้าว บุญทัน”
“สวัสดีครับ”
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้”
“อ๋อ ผมรอคุณภูกับคุณตาลน่ะครับ”
“เออ เดี๋ยวนายกลับไปได้เลยนะ ชั้นจะพาคุณภูไปหาหมอแล้วก็จะพาไปส่งบ้านเอง”
“ผมขับรถให้ได้นะครับ” บุญทันอาสา
“ไม่ต้องหรอก ไปรถชั้นได้นายกลับไปเถอะ”
“ครับ”
ปรารภเดินเข้าร้านไป บุญทันมองตามอย่างสนใจพลางคิดอะไรบางอย่างได้ก่อนจะเดินไป
ในเวลาต่อมา ทนายปรารภขับรถไปตามทาง โดยมีธาวินกับญาดานั่งอยู่ทางด้านหลัง
“เดี๋ยวหลังจากไปหาหมอแล้ว คุณภูอยากไปไหนรึเปล่าครับ”
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่รู้จะไปไหน”
“คุณตาลล่ะครับ อยากแวะกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ตอนนี้ที่บ้านตาลไม่มีใครอยู่”
“งั้นเดี๋ยวตรวจเสร็จผมจะพาคุณภูกับคุณตาลไปเลี้ยงอาหารอร่อย”
บนท้องถนน บุญทันขี่มอเตอร์ไซค์ขับตามรถของปรารภอยู่ห่างๆ
ภายในโรงพยาบาล ปรารภ ธาวินและญาดา เดินเลี้ยวเข้าไปในแผนกอายุรแพทย์ ระบบประสาทแล้วตรงไปห้องหมอในทันที
“ทำไมไอ้วินต้องมาหาหมอระบบประสาทหรือว่า มันถูกล้างสมอง อย่าบอกนะว่าทนายปรารภกับผู้หญิงคนนี้ล้างสมองไอ้วิน” บุญทันว่า
ภายในห้องตรวจ หมอกำลังดูฟิลม์เอ็กซเรย์ผลตรวจ
“เท่าที่หมอดูทุกอย่างก็ปกติแล้วนะครับ”
“แต่ทำไมผมยังจำอะไรไม่ได้เลยล่ะครับ” ธาวินถามขึ้น
“อย่างที่หมอเคยบอกน่ะครับว่าคงต้องใช้เวลา ถ้าโชคดีก็หาย แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจจะจำอะไรในอดีตไม่ได้อีกเลย”
“ตาลว่าจำไม่ได้ก็ช่างเถอะค่ะคุณภู บางทีอดีตมันก็ไม่มีอะไรน่าจดจำหรอกนะคะ”
“แต่ผมอยากจำทุกอย่างให้ได้ ผมอยากรู้ว่าตัวผมเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไรและที่สำคัญทำไมผมถึงรักตาล”
ญาดาฝืนยิ้มให้
“ก็ตาลเคยบอกแล้วไงคะว่าคุณภูรักตาลที่ตาลสวยน่ารัก”
“ไม่ ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ตาลต้องมีอะไรที่ทำให้ผมประทับใจ”
“ผมนึกออกแล้ว คุณหมอเคยบอกนี่ครับว่าให้คุณตาลช่วยกระตุ้นความทรงจำคุณภู” ทนายปรารภว่า
“กระตุ้นยังไงคะ” ญาดาถาม
“ก็คุณตาลกับคุณภูเคยมีความประทับใจอะไรร่วมกันล่ะครับเช่นเจอกันครั้งแรกที่ไหน”
“บนเครื่องบินนู่นแน่ะค่ะ คงจะขึ้นไปรำลึกลำบากนะคะ”
“แล้วเดทครั้งแรกล่ะครับ เดทกันที่ไหน”
“เอ่อ...”
ญาดานึกหาคำตอบไม่ถูก
“ใช่ครับ ผมว่าคุณภูกับคุณตาลลองไปเดทกันอีกครั้ง ดีมั้ยครับคุณภู” ปรารภเสนอความเห็น
“ ดีครับ” ธาวินบอก
ธาวินเห็นด้วยกับทนายปรารภหันมายิ้มให้ญาดาที่ฝืนยิ้มอยู่
ปรารภ ธาวินและญาดาเดินออกจากห้องหมอ บุญทันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่มุมหนึ่ง บุญทันลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองตามทั้งสามไปก่อนจะหันกลับมามองที่ห้องหมอ
หมอคนที่ตรวจธาวินออกจากห้องและกำลังเดินเลี้ยวมาตามทาง บุญทันเดินตามหลังมาแล้วเรียกไว้
“คุณหมอครับ”
หมอชะงักหันกลับมามอง
“มีอะไรครับ”
“ขอโทษนะครับ พอดีผมเป็นเพื่อนกับคนไข้ที่ชื่อภูบดีน่ะครับ”
“ครับ มีอะไรหรือครับ”
“ผมอยากรู้ว่าเค้าเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมเค้าถึงจำผมไม่ได้”
หมอชะงักมองหน้าบุญทันนิ่ง หมอนึกถึงคำพูดที่ทนายปรารภขอร้องไว้
“ผมขอให้คุณหมอเก็บเรื่องที่คุณภูบดีสมองเสื่อมไว้เป็นความลับนะครับ เพราะถ้าใครรู้เข้าอาจจะเกิดอันตรายกับชีวิตคุณภูบดี”
บุญทันพูดต่อ
“เค้าถูกล้างสมองหรือว่าถูกมอมยาใช่มั้ยครับ”
“เปล่าครับ คุณภูบดีไม่ได้เป็นอะไรปกติดีครับ ขอตัวนะครับ”
หมอพูดตัดบทแล้วเดินไป บุญทันมองตามพลางพูดขึ้นว่า
“ไม่จริง มันต้องมีอะไรแน่”
โปรดติดตามตอนต่อไป.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในร้านอาหารฝรั่งแห่งหนึ่งในโรงแรม ญาดาในชุดสวยเดินเข้ามากับธาวินในชุดหล่อ
“ร้านนี้หรือที่เรานัดเดทกัน” ธาวินถาม
“ใช่ค่ะ ร้านนี้แหละ”
พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีครับ กี่ที่ครับ”
“โทรมาจองไว้แล้วค่ะ ชื่อตาล”
“ครับคุณตาล เชิญทางนี้เลยครับ”
พนักงานเดินนำไปที่โต๊ะแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ญาดา พร้อมกับส่งเมนูให้
“ดื่มอะไรก่อนดีครับ” พนักงานถามขึ้น
“คุณภูดื่มอะไรดีคะ”
“วันนั้นที่เราเดทกันเราดื่มอะไร” ธาวินถาม
“เอ่อ ไวน์ขาวค่ะ”
“ขอไวน์ขาวสองที่ครับ”
พนักงานเดินออกไป ธาวินจ้องมองญาดาที่เขินอยู่
“ตอนที่เราเดทกันใครเป็นคนเลือกร้าน”
“ก็คุณภูสิคะ คุณภูเป็นคนขอนัดเดทนี่คะ”
“แล้ววันนั้น ตาลก็ใส่ชุดนี้หรือ”
“ใช่ค่ะ ชุดนี้สีนี้เลยค่ะ หวังว่าตาลจะช่วยกระตุ้นความทรงจำให้กับคุณภูได้บ้างนะคะ”
ญาดายิ้มล้ออย่างสดใส ธาวินจ้องมองด้วยอาการอินเลิฟเต็มที่จนญาดาอดเขินกับสายตาวินไม่ได้
ทันใดนั้น ภาพก็ซ้อนเข้ามาในความทรงจำของธาวิน
ในห้องโรงแรม ธาวินถอดแว่นดำตาลออก แล้วจองมองตาล
“ผมพูดจริงนะครับ ตาคุณสวยมาก จมูก ปากคุณก็สวย คุณสวยจนผม ...”
ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้มองจ้อง ญาดาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของธาวินช้าๆ ลูบจากตา ไล้จมูกผ่านมายังริมฝีปาก ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบ อยู่ๆสติดับวูบไป
บนโต๊ะอาหาร ญาดายังยิ้มเขินอยู่ ธาวินจ้องหน้าญาดานิ่ง
“คุณภูจ้องตาลทำไมคะ ตาลเขินนะ”
“ผมนึกออกแล้วว่าผมเคยเจอตาล”
ญาดาตกใจขึ้นทันที
“อะ.. อะไรนะคะ คุณภูนึกออกแล้วหรือคะ”
“ใช่ เมื่อกี้เหมือนผมเห็นภาพตาลในความทรงจำ”
“จริงรึเปล่าคะ”
“จริง เหมือนเราอยู่ในห้องที่ไหนซักแห่ง ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตาลสวยมาก จนผมอยากจูบแต่อยู่ๆภาพก็หายไป เอ ทำไมภาพตอนนั้นถึงหายไป”
ธาวินพยายามคิด ญาดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดบท
“ตาลว่าอย่าเพิ่งคิดเลยค่ะ เดี๋ยวปวดหัวนะคะ สั่งอาหารทานก่อนดีกว่า ตาลหิวแล้ว”
“แต่ผมว่าถ้าผมพยายามคิดน่าจะคิดออกนะ” ธาวินว่า
“ตาลจะเป็นลมแล้วนะคะ ทานอาหารเถอะค่ะ คุณภูทานอะไรดี”
ญาดาเปิดเมนูตัดบททันที
“วันนั้นเราทานอะไรกัน” ธาวินถาม
“ตาลทานเป็ด คุณภูทานแกะค่ะ”
“งั้นผมเอาเหมือนเดิมแล้วกัน ถ้าผมไม่ความจำเสื่อมผมคงจำได้ว่าคืนนั้นหลังจากทานอาหารแล้วเราไปไหนกันต่อ”
“ก็ ไปเต้นรำค่ะ”
“แล้วหลังจากนั้นเรามีอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่บอก”
ด้านหลังอีกโต๊ะหนึ่ง บุญทันในชุดสูทนั่งหันหลังอยู่อีกโต๊ะ บุญทันอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไอ้วินความจำเสื่อมงั้นหรือ”
เป็นจังหวะเดียวกับมณทกานต์เดินเข้ามาในร้านพอดี พนักงานเดินเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับ กี่ที่ครับ”
“เพื่อนเค้าจองไว้แล้วค่ะชื่อพลอย”
“โต๊ะคุณพลอยทางนี้เลยครับ”
ระหว่างที่พนักงานเดินนำเข้าไป มณทกานต์เห็นธาวินและญาดาเข้าพอดี
“อ้าว พี่ภู พี่ตาล หวัดดีค่ะ”
“หวัดดีค่ะคุณเมย์”
“มากับใคร นั่งด้วยกันมั้ย” ธาวินบอก
“ไม่ล่ะค่ะ เมย์นัดเพื่อนไว้ วันนี้พี่ตาลสวยจังเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไปแล้วค่ะ”
“จ้ะ”
พนักงานเดินนำมณทกานต์เดินผ่านโต๊ะไปด้านหลัง เมื่อเดินผ่านมาถึงโต๊ะบุญทัน บุญทันรีบยกเมนูบังหน้า พนักงานดึงเก้าอี้ให้มณทกานต์ลงที่นั่งโต๊ะตรงข้ามบุญทันพอดี
“ดื่มอะไรก่อนดีครับ”
“น้ำเปล่าก่อนดีกว่าค่ะ”
เมื่อพนักงานเดินออกไปเอาเครื่องดื่ม มณทกานต์มองไปรอบๆร้านเพื่อชื่นชมกับบรรยากาศ พลันสายตาของมณทกานต์ก็เห็นบุญทันยกเมนูขึ้นอำพรางใบหน้า มณทกานต์มองผ่านๆ แต่ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรหาเพื่อน
“ดันมาร้านเดียวกันอีก เอาไงดีวะเราจะออกไปไงเนี่ย”
ที่โต๊ะอาหาร ธาวินจิบไวน์ขาวมองญาดาอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ไม่อร่อยหรือคะไม่เห็นทานเลย”
“แปลกนะทำไมผมถึงจำได้แค่ภาพที่อยากจะจูบตาล ทำไมจำภาพอื่นๆไม่ได้เลย”
“ก็คุณภูเจ้าชู้นี่คะ เจอตาลครั้งแรกก็อยากจะปล้ำตาลซะแล้ว”
“ผมเป็นคนแบบนั้นจริงหรือ”
“จริงค่ะ คุณภูน่ะเป็นผู้ชายชีกอ”
“ผมขอถามอะไรอย่างได้มั้ย”
“อะไรคะ”
“ถ้าผมจำอะไรในอดีตไม่ได้เลย ตาลจะยังรักผมอยู่ใช่มั้ย”
ญาดาอึ้งมองธาวินแล้วฝืนยิ้ม
“รักสิคะ ก็ตาลเป็นเมียคุณภูนะคะ ตาลจะไม่รักคุณภูได้ไง”
ธาวินจับมือญาดากุมไว้
“ขอบคุณมากนะตาล ผมอยากให้ตาลรู้นะ ถึงผมจะจำไม่ได้ว่าผมรักตาลตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมจะรักตาลตลอดไป”
ธาวินยิ้มจับมือญาดาขึ้นมาหอม ญาดามองธาวินอย่างลืมตัวเพราะอินเลิฟไปด้วย จึงยิ้มแล้วตักอาหารกินแก้เขิน
บุญทันเหลือบมองไปที่โต๊ะตรงข้าม เห็นมณทกานต์ยกน้ำขึ้นจิบ มือกำลังกดโทรศัพท์มือเล่น
บุญทันตัดสินใจลุกขึ้นโดยยกเมนูบังหน้า ค่อยๆเดินเบี่ยงหลบผ่านโต๊ะธาวินกับญาดาออกไป
มณทกานต์เงยหน้าขึ้นมาเห็นบุญทันกำลังเดินออกจากร้านจึงชะงัก
“นั่นมันไอ้บุญทันนี่ มาทำอะไรที่นี่”
มณทกานต์ลุกเดินตามออกไปนอกร้านแล้ววิ่งตาม
“บุญทัน”
บุญทันได้ยินเสียงมณทกานต์จึง รีบเดินเลี้ยวลงบันไดหนีไฟทันที มณทกานต์วิ่งตามไป
บริเวณลานจอดรถใต้ดินของโรงแรม มณทกานต์กวาดสายตาหาแต่ไม่พบใครเลยจึงเกิดความลังเล
“หรือว่าไม่ใช่ ผู้ชายเมื่อกี้แต่งตัวดี อาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน”
มณทกานต์ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าให้กับความฟุ้งฟ่านของตัวเอง
“เฮ้อ เรานี่บ้าใหญ่แล้วอยู่ๆไปนึกถึงคนขับรถ ซูเปอร์โลว์จริงๆ”
มณทกานต์หันเดินออกไป บุญทันซึ่งแอบอยู่ที่หลังเสาแอบชะโงกหน้ามองแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เกือบไปแล้วเรา”
บุญทันเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำในบ้านพักพลางนึกถึงคำพูดที่ธาวินบอกกับญาดา
“ถ้าผมไม่ความจำเสื่อม ผมคงจำได้ว่าคืนนั้นหลังจากทานอาหารเสร็จแล้วเราไปไหนกันต่อ”
บุญทันงุนงงคิดไม่ถึง
“มันเกิดอะไรขึ้นไอ้วินถึงความจำเสื่อม แล้วผู้หญิงคนนี้มาเกี่ยวข้องกับไอ้วินได้ยังไง”
บุญทันครุ่นคิดถึงคำพูดของญาดา
“อ้อ ใช่สิ ชั้นลืมไปว่านายไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะว่านายคิดอะไรกับคุณภู”
บุญทันนึกแล้วก็ถอนใจ
“ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ต้องหาทางรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
ที่ห้องของภูบดีในบ้านพิพัฒน์ ญาดาประคองธาวินที่อยู่ในอาการเมาเข้ามาในห้อง
“คุณภูเดินระวังหน่อยสิคะ”
“คืนนี้ผมสนุกจังเลยตาล ผมมีความสุขมากเลย”
“ใช่สิคะ ดื่มไปไม่รู้กี่แก้วไม่สนุกยังไงไหว”
ธาวินดึงแขนญาดาไว้แล้วทำออดอ้อน
“ ไม่ใช่... ที่ผมมีความสุขเพราะผมได้อยู่กับคนที่ผมรักต่างหาก”
ธาวินมองจ้องหน้าญาดาจนเขิน
“รู้มั้ยคะว่าคืนนี้คุณภูบอกรักตาลไปกี่ครั้งแล้ว”
ธาวินทำสายตาเจ้าชู้ใส่ญาดา
“ไม่รู้ ผมไม่ได้นับ ผมรู้แต่ว่าผมรักตาล รักตาล รักตาล ให้ผมจูบตาลหน่อยได้มั้ย”
ญาดาผละตัวห่างทันทีแล้วบอก
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมอ่ะ ตาลไม่รักผมหรือ ผมว่าผมไม่ได้เป็นเกย์แล้วล่ะนะ ให้ผมจุ๊บทีนึง”
ธาวินทำปากจู๋ยื่นหน้าเข้ามาจะจูบญาดา
“ไม่ค่ะ”
ญาดาผลักธาวินล้มลงไปนอนบนเตียงแล้วรีบตัดบท
“ตาลไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
ญาดาเดินเข้าห้องน้ำไป ธาวินพึมพัมตามหลังด้วยความเมา
“ผมอยากให้คนทั้งโลกรู้ว่าผมรักตาล”
ญาดาหันกลับมามองเห็นธาวินหลับงึมงัมอยู่
“ผม .. รัก .. ตาล ..”
ญาดามองยิ้มขำวิแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ธาวินนอนหลับอยู่ที่เตียง
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในห้องน้ำ ญาดาอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ โพกผ้าขนหนูบนหัวหลังอาบน้ำเสร็จ ที่หน้ากระจก ญาดาหยิบครีมขึ้นมาทาที่มือพลางนึกถึงคำพูดของธาวิน
“ผมอยากให้คนทั้งโลกรู้ว่าผมรักตาล .. ผม ..รัก ..ตาล”
ญาดายิ้มปลื้มมองเหม่ออยู่หน้ากระจก
“ถึงผมจะจำไม่ได้ว่าผมรักตาลตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมจะรักตาลตลอดไป”
ญาดายิ้มเคลิ้มไปชั่วครู่ก็ชะงักแล้วสะบัดหัวที่หน้ากระจก
“ไม่ได้นะนี่มันเรื่องโกหก เราไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า ห้ามอิน!”
ภายในห้องนอน ธาวินยังนอนหลับอยู่บนเตียง ญาดาในชุดนอนรัดกุมเดินออกจากห้องน้ำเข้ามาหยุดมองหน้าธาวินแล้วเขย่าตัวเรียก
“คุณภูคะ คุณภูไปอาบน้ำเถอะค่ะ”
ธาวินพูดเสียงงึมงัมแต่ยังไม่ลืมตา
“อืมม์”
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ”
“อืมม์”
ญาดาดึงแขนธาวิน
“ถ้าไม่อาบน้ำก็ไปนอนที่โซฟานะคะไปค่ะ ลุก”
ธาวินโงนเงนทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นแล้วรวบตัวดึงตัวญาดาล้มลงนอนบนเตียง
“ว๊าย คุณภู ปล่อยตาลนะคะ”
ธาวินเสียงงึมงัมไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ยอมปล่อย
“อืมม์”
“ปล่อยตาลสิคะคุณภู”
ญาดาพยายามดิ้น ธาวินยิ่งรัดแน่นไม่ยอมปล่อย
“โอ๊ย ทำไงเนี่ย”
ญาดาดิ้นฮึดฮัดมองหน้าธาวินที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ญาดาเริ่มหยุดดิ้นแล้วมองจ้อง
“มุกรึเปล่าเนี่ย”
ธาวินหลับสนิทแล้วค่อยๆคลายแขนที่กอดญาดาออก ญาดาค่อยๆขยับตัวผละออก ธาวินหันมากอดรัดแน่นอีกครั้ง
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย ชั้นไม่ใช่หมอนข้างนะ ปล่อย”
ธาวินยังหลับไม่รู้เรื่อง ญาดาถอนหายใจแล้วจำใจนอนอยู่ในอ้อมกอดของธาวิน
เช้าวันใหม่ ในห้องนอนของภูบดี แดดยามเช้าอ่อนละมุนสาดผ่านหน้าต่างเข้ามา ญาดายังหลับอยู่ในอ้อมกอด ธาวินยิ้มขยับตัวเข้าไปหอมแก้ม ญาดางัวเงียเอามือปัดออกแล้วชะงักลืมตาตื่นตกใจเห็นธาวินยิ้มให้
“คุณภู”
“มอร์นิ่งจ้ะ”
ญาดาผละตัวออกจะลุก แต่ธาวินดึงมากอดไว้
“จะไปไหน”
“ปล่อยตาลนะคะ”
“ไม่ปล่อย”
ญาดาก้มลงกัดแขนธาวินจนต้องปล่อยแขนที่กอดญาดาออก
“โอ๊ย กัดผมทำไมเนี่ย”
ญาดาโดดลงจากเตียงอย่างว่องไวทันที
“ก็อยากไม่ปล่อยทำไมล่ะ รู้มั้ยคะว่าเมื่อคืนคุณภูเมาไม่รู้เรื่องเลย ตาลเรียกให้อาบน้ำก็ไม่ยอมตื่น”
“ใครบอกว่าผมไม่รู้เรื่อง ผมจำได้หมดแหละว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง”
“นี่แสดงว่าเมื่อคืนแกล้งเมางั้นหรือคะ”
“ถ้าผมไม่แกล้งก็ไม่ได้นอนกอดตาลทั้งคืนสิ”
ธาวินยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างทะเล้น ญาดาผลักออกไป
“คุณเนี่ยเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย”
ญาดามองค้อนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ธาวินหัวเราะตามหลัง
“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์จะได้กอดเมียตัวเองหรือ”
บนโต๊ะอาหารของเช้าวันเดียวกัน พิพัฒน์นั่งกินอาหารเช้าอยู่กับเอนก
“ตอนนี้โครงการโรงแรมที่เราจะสร้างที่หัวหินทางแบงก์อนุมัติให้เรากู้ได้แล้วนะครับ” เอนกพูดขึ้น
“อืมม์ ดี แล้วแกคิดว่าจะเริ่มดำเนินการสร้างได้เมื่อไหร่” พิพัฒน์ถาม
“คิดว่าน่าจะเป็นต้นปีหน้าครับ”
“ดีเลย โครงการนี้ชั้นจะให้ภูบดีเข้ามาควบคุม”
เอนกชะงักไปเล็กน้อยก่อนรับคำอย่างเสียไม่ได้
“ครับ”
“หลังจากที่เจ้าภูแต่งงานชั้นจะให้เค้าเข้าไปทำงานที่บริษัท”
“แล้วคุณพ่ออยากให้ภูบดีเริ่มดูงานที่ฝ่ายไหนก่อนล่ะครับ”
“ฝ่ายบริหาร”
เอนกชะงักไปทันทีแล้วว่า
“แต่เจ้าเอมันดูแลอยู่นะครับ”
“ไม่เป็นไร แกบอกมันว่าชั้นจะย้ายให้มันไปอยู่ฝ่ายการตลาด”
“แต่ผมคิดว่า ...”
“ชั้นรู้ว่าแกจะพูดอะไร แต่วันนึงข้างหน้าภูบดีจะต้องเป็นคนดูแลบริษัทในเครือของชั้นทั้งหมด และชั้นก็หวังว่าแกกับลูกชายจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับเจ้าภู”
พิพัฒน์พูดตัดบท เอนกจำใจรับคำ
“ครับ”
เอนกลอบถอนหายใจอย่างอึดอัด
ภายในบริษัทวรารมย์ เวลากลางวัน เอนกเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วเดินมาถามเลขาหน้าห้อง
“สวัสดีค่ะคุณเอนก”
“อืมม์ คุณเอเข้ามารึยัง”
“มาแล้วค่ะ”
“ให้มาพบผมที่ห้องทำงานหน่อย”
“ค่ะ”
เอนกเดินเข้าไปที่ห้องทำงาน สักครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูดัง อนุทินเปิดประตูเข้ามา
“พ่อเรียกผมมีอะไรหรือครับ”
“เดือนหน้าคุณปู่จะให้ภูบดีเข้ามาดูแลงานในส่วนบริหาร”
คำพูดของเอนกทำให้อนุทินถึงกับชะงักไปทันที
“แล้วผมล่ะครับ ผมดูงานด้านบริหารอยู่นะครับพ่อ”
“คุณปู่ให้แกย้ายไปอยู่ฝ่ายการตลาด”
“อะไรนะครับ ให้ผมไปอยู่ฝ่ายการตลาด”
“ใช่ คุณปู่ต้องการให้ภูบดีเข้ามาคุมงานทั้งหมดแทนแก”
“ผมว่าคุณปู่ทำเกินไปแล้วนะพ่อ อยู่ๆมาย้ายผมให้ไปเป็นลูกน้องไอ้ภูบดีงั้นหรือ”
“ที่จริงพ่อก็ไม่เห็นด้วยกับคุณปู่หรอกนะ”
“แล้วทำไมพ่อไม่คัดค้านคุณปู่ล่ะครับ”
“พ่อจะไปคัดค้านอะไรได้บริษัทนี้มันไม่ใช่ของเรานะ”
“แต่เราก็มีส่วนในการสร้างให้มันเจริญมาถึงทุกวันนี้นะพ่อ”
“เรื่องนั้นพ่อรู้ แต่แกอย่าลืมว่าพ่อเป็นแค่ลูกบุญธรรมของคุณปู่ เปรียบไปแล้วก็เหมือนเป็นแค่ลูกจ้างคนนึงเราไม่มีสิทธิ์อะไรในบริษัทนี้”
“ไม่ ผมไม่ยอม ผมจะไปพูดกับคุณปู่เอง ผมไม่เชื่อหรอกว่าน้ำหน้าอย่างไอ้ภูบดีมันจะบริหารงานที่นี่ได้”
“เชื่อพ่อ ไม่มีประโยชน์หรอก คุณปู่รอทายาทคนนี้มานานถึงวันนี้ท่านไม่ฟังใครหรอก นอกจากภูบดี”
อนุทินพูดด้วยสีหน้าโกรธจัด
ภายในโรงแรมแบบห้องพักรายวัน ปารมีนั่งอยู่ ขณะที่อนุทินกำลังดื่มเบียร์
“พี่เอไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้คะก็ปาบอกแล้วไงว่าคุณปู่กำลังหลงพี่ภู”
“พี่จะไม่ยอมให้มันมาชุบมือเปิบ” อนุทินบอก
“พี่เอก็พูดแต่ไม่ยอมไม่ยอม ปาไม่เห็นพี่เอทำอะไรเลย ปาอุตส่าห์วางแผนให้จีบนังตาลเพื่อทำให้มันแตกแยกกัน”
“ไม่ล่ะ พี่มาคิดดูแล้วพี่ว่าแผนของปามันเห็นผลช้าไป”
“แล้วพี่เอจะทำไงคะ”
อนุทินยิ้มเมื่อนึกถึงแผนชั่ว
คืนวันต่อมา ภายในบ้าน ปารมีหยิบยานอนหลับบดละเอียดเทลงไปในชามพันช์ที่มีส่วนผสมของวอดก้าและน้ำส้มอยู่แล้วคนให้เข้ากัน นภาเดินเข้ามามองพอดีแล้วถามขึ้น
“ทำอะไรลูก”
“ผสมพันช์น่ะค่ะแม่ ปาจะเอาไปให้แฟนพี่ภูเค้าช่วยชิม”
“แม่ไม่อยากให้ลูกไปสนิทสนมหรือสุงสิงกับผู้หญิงคนนี้”
“ทำไมหรือคะ”
“แม่ไม่ชอบเค้า ถ้าไม่ใช่เพราะเค้า บางทีลูกอาจจะได้แต่งงานเป็นหลานสะใภ้คุณปู่”
ปารมีอมยิ้มแล้วบอก
“ก็ไม่แน่นะคะแม่ วันนึงเจ้าสาวอาจจะเป็นหนูก็ได้”
ปารมีตักพันช์ใส่แก้ว นภานึกสงสัยในคำพูดของปารมี
“ลูกหมายความว่ายังไง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูก็แค่พูดเล่น อ้อ แม่ห้ามดื่มพันช์นี่นะคะ”
“ทำไมแม่ดื่มไม่ได้” นภาถามอย่างสงสัย
“มันมีเหล้าค่ะ หมอเค้าห้ามแม่ดื่ม”
ปารมียกถาดใส่แก้วพันช์ 2แก้วแล้วเดินออกไป นภามองตามแล้วหันมาตักพันช์ขึ้นชิม
โปรดติดตามตอนต่อไป .
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ญาดากำลังเดินพูดโทรศัพท์อย่างระแวดระวังเพราะกลัวใครจะได้ยิน
“แม่ทนหน่อยนะ เดือนหน้าหนูก็จะได้เงินไปไถ่ตัวแม่แล้ว” ญาดาบอกกับเจ๊อ้อย
ภาย ในบ่อน เจ๊อ้อยพูดโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่ง ลูกค้าในบ่อนเนืองแน่นเหมือนเช่นเคย
“จริงหรือลูก แล้วเอ็งไปเอาเงินมาจากไหน”
“แม่ไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าหนูหามาได้ก็แล้วกัน แล้วอย่าลืมสัญญาล่ะ”
“สัญญาอะไร”
“ก็ที่แม่บอกว่าจะไม่เข้าบ่อนอีกตลอดชีวิต”
“เออ แม่ไม่ลืมหรอก”
ระหว่างญาดาคุยโทรศัพท์นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นมณทกานต์นั่งเล่นไอแพดอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในสวน ญาดารีบตัดบทจากเจ๊อ้อยทันที
“แค่นี้ก่อนนะแม่”
“เออ” เจ๊อ้อยวางสายจากญาดาแล้วพูดว่า
“ไอ้ตาลนี่มันเก่งสมกับเป็นลูกสาวเราจริง ๆ”
ญาดาวางสายแล้วเดินไปหามณทากานต์ทันที
“หวัดดีค่ะน้องเมย์”
“หวัดดีค่ะ พี่ตาล”
มนทกานต์มองหามองหาธาวิน
“พี่ภูล่ะคะ”
“ดูทีวีอยู่บนห้องน่ะค่ะ ตาลเบื่อๆก็เลยลงมาเดินเล่น เห็นคุณปู่บอกว่าน้องเมย์จะไปทำงานที่บริษัทอาทิตย์หน้าพร้อมคุณภูหรือคะ”
“ค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้นานรึเปล่า”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“เมย์เป็นคนขี้เบื่อน่ะค่ะ ถ้าไม่สนุกเมย์ก็อาจจะไม่ทำ”
ปารมีเดินเข้ามาญาดาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม
“พี่ตาลอยู่นี่เอง ปานึกว่าอยู่บนตึกใหญ่ซะอีก”
มณทกานต์มองปารมีด้วยสีหน้าหมั่นไส้ ปารมีทำเป็นยิ้มอ่อนหวานทักทายมณทกานต์
“น้องเมย์ก็อยู่ด้วย”
“ขอตัวก่อนนะคะพี่ตาล”
มณทกานต์ขยับจะเดินไป
“อย่าเพิ่งไปสิคะน้องเมย์ ปาทำพันช์มาช่วยชิมหน่อยสิคะว่าเป็นยังไง อาทิตย์หน้าตั้งใจจะทำเลี้ยงแขกคุณปู่น่ะค่ะ”
มณทกานต์จ้องมองหน้าปารมีอย่างไม่พอใจ ญาดาเห็นท่าไม่ดีเลยรีบแทรกหยิบแก้วพันช์บนถาดขึ้นมาแล้วว่า
“นี่หรือคะ”
“ใช่ค่ะ”
ญาดาหยิบส่งให้มณทกานต์
“น้องเมย์ช่วยกันชิมดีกว่าค่ะ”
ญาดาพยักหน้าให้ มณทกานต์รับไว้อย่างเสียไม่ได้ ส่วนญาดาหยิบอีกแก้วยกจิบ ปารมีมองตามที่แผนการกำลังคืบหน้า
“อืมม์ ตาลว่าอร่อยดีนะคะน้องเมย์ว่าไง”
มณทกานต์ยกพันช์ขึ้นจิบ ปารมีมองตาม มณทกานต์ยกดื่มอีกอึก ปารมีฉายแววยิ้มด้วยแววสะใจ
“แต่เมย์ว่าไม่ได้เรื่องเลยค่ะ”
มณทกานต์สาดพันช์ทิ้งแล้วมองหน้าปารมีอย่างเยาะเย้ยก่อนจะวางแก้วคืน
“ขอตัวนะคะพี่ตาล”
ญาดาเดินออกไปแล้ว ญาดามองตามหันมาเห็นสีหน้าปารมีนิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆก็บอก
“คุณปาอย่าไปโกรธคุณเมย์เลยนะคะ สงสัยมันจะขมคุณเมย์คงไม่ชอบ”
“ไม่โกรธหรอกค่ะพี่ตาล น้องเมย์เค้าก็เป็นแบบนี้แหละ อะไรที่ปาทำให้เค้าไม่เคยบอกว่าดีหรอกค่ะ ว่าแต่พี่ตาลเถอะเติมอีกหน่อยมั้ยคะ เดี๋ยวปาไปเติมให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“แล้วพี่ภูล่ะคะ ปาอยากให้พี่ภูได้ชิมด้วย” ปารมีถาม
“คุณภูอยู่บนห้องค่ะ”
“งั้นพี่ตาลรอเดี๋ยวนะคะ ปาฝากไปให้พี่ภูช่วยชิมด้วย”
“ค่ะ งั้นตาลรอตรงนี้นะคะ”
ญาดายกพันช์ดื่มจนหมดแก้วแล้วนั่งรออยู่
ภายในครัวของบ้าน ปารมีเดินกลับเข้ามาก็เห็นนภานั่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ
“แม่ แม่คะ ทำไมมานั่งหลับตรงนี้ แม่ แม่คะ”
ปารมีมองไปบนโต๊ะเห็นแก้วพันช์วางอยู่ก็ชะงัก
“อย่าบอกนะว่าแม่แอบกินพันช์เข้าไป แม่ แม่คะ”
ปารมีเขย่าเรียกนภา แต่นภาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
มณทกานต์เดินจากสวนเข้ามาในบ้านก็เจอกับสาวใช้
“มะยม คุณพ่อยังไม่กลับอีกหรือ”
“วันนี้คุณผู้ชายบอกว่าจะกลับดึกน่ะค่ะ มีงานเลี้ยง”
“แล้วพี่เอล่ะ”
“เห็นว่าจะไปงานเลี้ยงกับคุณผู้ชายด้วยค่ะ คุณเมย์จะทานข้าวเลยมั้ยคะมะยมจะได้จัดให้”
มณทกานต์หาว
“ไม่ล่ะ ทำไมวันนี้ง่วงแต่วันก็ไม่รู้ชั้นไปนอนดีกว่า”
มณทกานต์เดินขึ้นบ้านไป
ญาดานั่งรอปารมีอยู่ในสวนก็เกิดอาการหาวเพราะง่วงนอนเช่นกัน แต่ก็ยังชะเง้อมองรอปารมี
“เฮ้อ ทำไมคุณปาไปนานจัง เฮ้อ เป็นอะไรเนี่ย ง่วงจังกลับไปนอนก่อนดีกว่าเรา”
ญาดาลุกเดินขยับออกไปได้สองก้าวก็เห็นทุกอย่างโคลงเคลงแกว่งไปมา ญาดาพยายามฝืนความรู้สึกก่อนจะวูบลงในเวลาต่อมา
“ทำไมเราง่วงอย่างนี้”
ญาดาหลับตาร่วงลงกองกับพื้น อนุทินก้าวออกมา มองร่างและร้องเรียกญาดาที่นอนหลับไม่ได้สติ
“น้องตาล น้องตาลครับ”
ญาดาหลับนิ่งไม่ไหวติง อนุทินแสยะยิ้มแล้วอุ้มญาดาขึ้นแบกเดินหายเข้าไปในสวน
ในเวลาต่อมา ธาวินออกจากห้องนอนแล้วเดินลงบันไดมาเจอเข้ากับต้นหอม
“ต้นหอม เห็นคุณตาลมั้ย”
“ไม่เห็นเลยนะคะ ตั้งแต่ทานข้าวเย็นเสร็จ ต้นหอมก็ไม่เจอคุณตาลเลย สงสัยออกไปเดินเล่นในสวนมั้งคะ เดี๋ยวต้นหอมไปดูให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวชั้นไปเอง”
ธาวินเดินออกไปทันที
ภายในสวน ธาวินเดินมาตามทาง ตาชะเง้อมองหาญาดา รอบตัวเงียบสงัด
“ไปไหนของเค้านะ”
ธาวินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาญาดา เสียงโทรศัพท์ของญาดาดังอยู่ใกล้ตัว ธาวินมองไปตามเสียงเห็นโทรศัพท์ของญาดาหล่นอยู่ที่พื้น ธาวินก้มลงหยิบขึ้นมาดู
“ทำไมโทรศัพท์ตาลมาหล่นอยู่นี่”
ธาวินมองอย่างแปลกใจรู้สึกได้ว่ามีลางไม่ดีกำลังเกิดขึ้น ธาวินเดินไปตามทางทันที
ธาวินเดินเลี้ยวเข้าสวนมาเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนเดินออกมาจากบ้านพักของบุญทันที่ปิดไฟมืดอยู่ ธาวินพยายามมองอย่างสังเกตว่าเป็นใครแต่ไม่เห็นหน้า ชายลึกลับเดินเลี้ยวหลบหายไปในเงามืด
“ใคร”
ธาวินพึมพำกับตัวเองแล้วมองตามอย่างสงสัยก่อนจะขยับตัวก้าวเดินไปที่บ้านพักของบุญทัน
ธาวินเดินมาหยุดหน้าประตูบ้านของบุญทันเห็นประตูปิดไม่สนิทจึงเปิดแง้มประตูแอบดู
ธาวินตะลึงช็อกกับภาพตรงหน้า …
ญาดาและบุญทันนอนหลับอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า นอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน
ธาวินมองญาดาด้วยความรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าตาลจะทำแบบนี้”
ธาวินจะเดินกลับบ้านไป แต่อีกใจก็ลังเล สุดท้ายธาวินตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องของบุญทัน เห็นญาดากับบุญทันยังหลับนิ่ง ธาวินสูดหายใจรวบรวมสติก่อนจะเรียกญาดา
“ตาล”
ญาดายังนอนนิ่งไม่รู้ตัว ธาวินก้มลงแตะตัวเขย่าเรียก
“ ตาล ตาล”
ญาดาไม่ได้สติจนธาวินชักเอะใจดึงตัวตาลขึ้นมาเขย่าเรียกอีกครั้ง
“ตาล ตาล ได้ยินผมรึเปล่า ตาล”
ธาวินมองตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ธาวินหันไปเรียกเขย่าตัวบุญทันอย่างแรง
“บุญทัน บุญทัน บุญทัน”
บุญทันมีสภาพเดียวกับญาดา ไม่รู้สึกตัว ธาวินอึ้งไปเล็กน้อยก่อนตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าของญาดาที่ถอดทิ้งอยู่ข้างเตียงขึ้นแล้วอุ้มญาดาออกมาจากบ้านบุญทันในทันที
สายตาของใครบางคนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในมุมมืด
ธาวินอุ้มญาดาเข้ามาในบ้าน เจอต้นหอมที่เดินสวนมาพอดี
“อ้าว คุณภู คุณตาลเป็นอะไรคะ” ต้นหอมถามขึ้น
“เป็นลมน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“เอายาดมมั้ยคะ”
“ไม่ต้องที่ห้องชั้นมี”
ธาวินอุ้มญาดาขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ต้นหอมมองตามอย่างเป็นห่วง
ภายในห้องนอน ธาวินอุ้มญาดาเข้ามาเข้ามาวางลงบนเตียงแล้วเขย่าตัวเรียกอีกครั้ง
“ตาล ตาล”
“อืม”
ญาดาเสียงงึมงำอย่างไม่มีสติ ธาวินมองอย่างงุนงง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้”
ธาวินหันมองญาดาซึ่งยังหลับอยู่
“ทำไมเธอถึงไปนอนอยู่กับบุญทันหรือว่าเมา”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในห้องครัวบ้านวริทธิวรนันท์ ป้านวลกำลังสับหมูเตรียมทำอาหารเช้า ลุงแย้มกำลังกินกาแฟ ต้นหอมเดินเข้ามาบอก
“ป้านวล คุณท่านบอกว่าให้เอาอาหารขึ้นไปเสิรฟได้เลย เช้านี้ท่านจะไปธุระ”
“ทำไมวันนี้ท่านไปแต่เช้า” ป้านวลถาม
“ก็บอกอยู่หยกๆว่าท่านมีธุระ ยังจะถามอีก” ต้นหอมบอก
“แหม เอ็งนี่ปากดีรับอรุณ เดี๋ยวแม่ก็เอามีดกรีดปากซะหรอก”
ต้นหอมหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมากินแล้วมองหาบุญทันก่อนถามขึ้น
“หนูล้อเล่นน่า ลุงแย้มเห็นพี่ทันแฟนหนูบ้างมั้ย”
“เช้านี้ยังไม่เห็นเลยนะ เอ็งมีอะไรกับมัน”
“หนูจะบอกให้เค้าเตรียมรถให้คุณท่าน”
“เอ็งไปดูที่บ้านพักมันซิ มันไม่สบายรึเปล่า ปกติป่านนี้มันต้องมาขอกาแฟกินแล้ว” ลุงแย้มว่า
“จ้ะ”
บริเวณหน้าห้องพักของบุญทัน ต้นหอมเคาะประตูเรียกเบาๆ
“พี่บุญทัน พี่บุญทันจ๋า ต้นหอมเองจ้ะ ไม่สบายรึเปล่า”
ต้นหอมเงี่ยหูฟัง แต่ไม่มีเสียงตอบ
“สงสัยจะไม่สบายจริงๆ”
ต้นหอมค่อยๆเปิดประตูแง้มเข้าไปก็ชะงักกับอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า
“พี่บุญทัน”
ต้นหอมปิดปากไม่กล้าร้องได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันหลังวิ่งออกไปทันที
ต้นหอมวิ่งเข้ามาที่ครัวตะโกนเสียงลั่น
“ป้านวล ลุงแย้มเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“อะไร” ป้านวลถาม
“เกิดเรื่องแล้ว” ต้นหอมบอก
“เรื่องอะไรของเอ็ง” ลุงแย้มถาม
“ชั้น ชั้นพูดไม่ได้ ป้ากับลุงไปดูเอาเองเถอะ”
ลุงแย้มกับป้านวลมองหน้ากันอย่างงงๆ ต้นหอมคว้ามือทั้งสองคนเดินไปที่ห้องบุญทันทันที
“เรื่องอะไรของเอ็งวะ ถึงบอกไม่ได้” ลุงแย้มถามขึ้นที่หน้าห้องบุญทัน
“ไอ้บุญทันมันผูกคอตายหรือไง” ป้านวลถาม
“เอาเถอะน่ะ เข้าไปดูด้วยตาตัวเองเถอะ”
ต้นหอมพูดแล้วก็เปิดประตูให้ป้านวลกับลุงแย้ม
ลุงแย้มกับป้านวลก้าวเข้าไปในห้องทั้งสองเห็นภาพตรงหน้าก็ตะลึงและช็อกไปเช่นเดียวกับต้นหอม ป้านวลยกมือขึ้นทาบอกอย่างนึกไม่ถึง
“คุณพระช่วย”
บนเตียงนอน มณทกานต์ไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอนกอดก่ายอยู่กับบุญทันในผ้าห่ม
“คุณหนูเมย์” ป้านวลพึมพำ
“ไอ้บุญทัน” ลุงแย้มว่า
ต้นหอมโผล่หน้าเข้ามาถาม
“เข้าใจรึยังว่าทำไมถึงบอกไม่ได้”
“เอาไงดี ตาแย้ม” ป้านวลถาม
“จะเอาไง ก็ต้องบอกให้คุณท่านรู้” ลุงแย้มบอก
บุญทันและมณทกานต์ยังหลับใหลไม่ได้สติ
ในห้องนอนของภูบดี ธาวินในชุดใหม่เดินออกจากห้องน้ำมายืนอยู่ที่เตียง ญาดาขยับพลิกตัวและยังหลับพริ้มอย่างสบาย ธาวินทำท่าจะขยับจะปลุกแต่ก็ชะงักเปลี่ยนใจไม่เรียก
“รอให้เธอตื่นก่อนดีกว่า”
ธาวินถอนใจกับเรื่องคาใจเมื่อคืน
บนโต๊ะอาหาร ในเวลาต่อมา สาวใช้กำลังรินกาแฟให้พิพัฒน์ซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ธาวินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด
“หวัดดีครับคุณปู่”
“หวัดดีลูก หนูตาลล่ะ”
“เอ่อ ยังไม่ตื่นเลยครับ เมื่อคืนตาลเค้าไม่ค่อยสบาย”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่มากหรอกครับ แค่หน้ามืดนิดหน่อย”
“ แพ้ท้องจะมีหลานให้ปู่รึเปล่า” พิพัฒน์แซว
ธาวินฝืนยิ้มแล้วบอก
“ คงไม่ใช่หรอกครับ”
ลุงแย้มเดินเข้ามาด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ
“ท่านครับ”
“อ้าว มีอะไรแย้ม”
“เอ่อ ผมอยากให้ท่านไปดูอะไรที่ห้องไอ้บุญทันหน่อยครับ”
ธาวินชะงักแล้วมองหน้าลุงแย้มอย่างสงสัย
“ดูอะไร”
“คือ...เอ่อ...”
“อ้าว มีอะไรก็พูดมา ทำอึกอักยึกยักไปได้”
“ผมว่าคุณท่านไปดูเองดีกว่าครับ”
พิพัฒน์มองหน้าธาวิน
“อ้าว ไปก็ไป ไปด้วยกันตาภู”
“ครับ”
พิพัฒน์กับธาวินลุกเดินตามลุงแย้มออกไป
พิพัฒน์และธาวินเดินตามลุงแย้มไป อนุทินกับปารมีซึ่งแอบดูอยู่หันมามองสบตากันอย่างสมใจ
“ปาว่าพี่เอควรจะตามไปดูเหตุการณ์กับเค้านะคะ”
“แล้วปาล่ะ”
“ปาจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่ที่บ้านค่ะ”
อนุทินพยักหน้าแล้วเดินตามพิพัฒน์ไป ปารมีมองตามแล้วแสยะยิ้มแล้วหัวเราะอย่างสะใจ
“นังเมย์ แกได้มีผัวสมใจแน่”
หน้าห้องพักของบุญทัน ป้านวลกับต้นหอมยืนรออยู่แล้ว
“มีเรื่องอะไรกัน ยายนวล ต้นหอม”
“เอ่อ คุณท่านเข้าไปดูข้างในเถอะค่ะ” ป้านวลว่า
“เชิญค่ะ”
ต้นหอมเปิดประตูให้ พิพัฒน์เดินเข้าไป ธาวินเดินตามเข้าไปทันที
พิพัฒน์ก้าวเข้ามาในห้องบุญทันก็เห็นมณทกานต์นอนอยู่กับบุญทัน ธาวินงงกับภาพตรงหน้า
“น้องเมย์” ธาวินร้องขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” พิพัฒน์ถาม
“ต้นหอมก็ไม่ทราบค่ะ พอดีต้นหอมมาเรียกพี่บุญทันแต่แกไม่ตื่น ต้นหอมก็เลยเปิดประตูเข้ามาก็เจอภาพอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ” ต้นหอมรายงานไปตามความจริง
มณทกานต์งัวเงียรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง เห็นพิพัฒน์ ธาวิน ต้นหอม ลุงแย้ม ป้านวล ยืนเรียงหน้าอยู่ในห้อง
“นี่มาทำอะไรกันเยอะแยะ คุณปู่ พี่ภู มาทำอะไรห้องเมย์คะ”
ทุกคนไม่ตอบ มณทกานต์กระพริบตารวบรวมสติจนเห็นห้องนอนชัดเจนขึ้น
“นี่มันไม่ใช่ห้องเมย์นี่”
มณทกานต์หันมองบนเตียงเห็นบุญทันนอนอยู่ข้างตัวก็ตกใจตะลึงไป
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเมย์มาอยู่ที่นี่”
มณทกานต์มองสำรวจเนื้อตัวพบว่าไม่ใส่เสื้อผ้าก็ตกใจดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดตัว
“ชั้นไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าทำแบบนี้” พิพัฒน์ว่า
“ไม่ใช่นะคะคุณปู่ เมย์ไม่รู้เรื่อง”
“แกใส่เสื้อผ้าแล้วไปคุยกับชั้นบนตึก ปลุกไอ้บุญทันด้วย”
พิพัฒน์เดินโกรธออกไปโดยมีลุงแย้ม ป้านวลและต้นหอมเดินตามไป ธาวินยังมองบุญทันกับมณทกานต์อย่างงุนงงและสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในห้อง
พิพัฒน์เดินออกมาเจอกับอนุทินเดินเข้ามา วางฟอร์มทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“มีเรื่องอะไรหรือครับคุณปู่”
“แกมาก็ดีแล้วคุยกับน้องสาวแกซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
อนุทินชะงักไปกับคำพูดของพิพัฒน์
“น้องสาวหรือ”
อนุทินรีบเดินอย่างเร็วเข้าไปในบ้านพักของบุญทัน
“ยัยเมย์ .. นี่แก”
อนุทินคิดไม่ถึงถึงว่าเรื่องจะกลับตาลปัตร แทนที่จะเป็นญาดากลับเป็นมณทกานต์ ผู้เป็นน้องสาว อนุทินกับธาวินมองหน้าสบตากัน
อนุทินตรงเข้าไปกระชากตัวบุญทันด้วยความโกรธแล้วต่อยโครม
“มึง”
ธาวินวิ่งเข้ามาดึงแขนห้าม
“ อย่าครับพี่เอ”
บุญทันลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างมึนงงด้วยความเจ็บ
“ไอ้ระยำ มึงทำอะไรน้องสาวกู”
อนุทินจะเข้าไปซ้ำ แต่ธาวินดึงไว้
“อย่าครับ”
“นี่มันเรื่องอะไร มาต่อยผมทำไม” บุญทันถาม
“เรื่องอะไรงั้นหรือ”
อนุทินสะบัดหลุดต่อยโครมเข้าที่หน้าบุญทันอีก
“พอเถอะครับพี่เอ”
บุญทันมองไปรอบห้อง เห็นว่ามีมณทกานต์อยู่ด้วยก็ยิ่งงงหนักกว่าเดิม
“คุณเมย์ นี่มันอะไรกันครับ”
“ชั้นสิต้องถามนายว่ามันเรื่องอะไรกัน”
“ยัยเมย์ชั้นไม่คิดเลยนะว่าแกจะใฝ่ต่ำอย่างนี้” อนุทินพูดขึ้น
“ไม่ใช่นะพี่เอ เมย์ไม่รู้เรื่องจริง ๆ”
“ไม่รู้เรื่องงั้นหรือ ไม่รู้เรื่องแล้วแกมานอนแก้ผ้าอยู่กับผู้ชายได้ยังไง”
“ผมว่าต้องมีการเข้าใจผิดกันนะครับ” บุญทันว่า
“ใช่ค่ะ เมย์ว่าต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
อนุทินอึ้งไปแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าบุญทันถูกมอมยา แต่ไม่เข้าใจว่ามณทกานต์มานอนกับบุญทันได้ไง
“พี่ว่าเราอย่ามาพูดอะไรกันตรงนี้เลย เมย์กับบุญทันแต่งตัวซะ แล้วไปคุยกับคุณปู่ ไปครับ พี่เอ”
ธาวินพยายามดึงแขนไว้ อนุทินสะบัดแล้วบอก
“ไม่ต้อง ชั้นเดินเองได้”
อนุทินและธาวินเดินออกจากห้องพักของบุญทันไป มณทกานต์มองตาม...น้ำตาไหลทั้งเสียใจและอับอายเป็นที่สุด บุญทันมองหน้ามณทกานต์แล้วบอก
“ผมไม่รู้จริงๆนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น”
มณทกานต์มองหน้าบุญทันด้วยความโกรธ แล้วตบเพี๊ยะ!
“ชั้นไม่คิดเลยว่านายจะเลวแบบนี้”
มณทกานต์ร้องไห้ดึงผ้าห่มขึ้นพันตัวแล้วลุกขึ้นคว้าชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำไป
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ”
บุญทันส่ายหน้าไม่เข้าใจ แม้จะพยายามนึกว่า เกิดอะไรขึ้นแต่ก็นึกไม่ออก
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขก เอนกลงนั่งตรงข้ามกับพิพัฒน์
“อะไรนะครับ ยัยเมย์นอนกับไอ้บุญทัน”
“ใช่ แกได้ยินไม่ผิดหรอก ชั้นเห็นกับตามันนอนแก้ผ้าอยู่ด้วยกัน”
“ผมไม่อยากเชื่อเลยนะครับว่ายัยเมย์จะกล้าทำเรื่องแบบนี้”
“แต่ผมว่าเราอย่าเพิ่งไปตำหนิอะไรน้องเมย์เลยนะครับ เราน่าจะฟังจากบุญทันกับน้องเมย์ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเท่าที่ดูผมว่าทั้งสองคนดูตกใจแล้วก็งงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ” ธาวินพูดขึ้น
“มันต้องตกใจแล้วก็งงแน่ ที่อยู่ๆมีคนไปเห็นมันสองคนทำเรื่องอัปปรีย์” อนุทินว่า
บุญทันเดินเข้ามาพอดี
“แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรคุณเมย์นะครับ”
“ถ้าแกไม่ทำอะไรลูกสาวชั้น แล้วลูกสาวชั้นไปนอนอยู่ในห้องแกได้ยังไง” เอนกว่า
“ผมก็ไม่ทราบครับ เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเองง่วงนอนผิดปกติก็เลยนอนแต่หัวค่ำ จากนั้นก็หลับสนิท มาตื่นอีกทีก็ตอนที่คุณเอ ต่อยผม” บุญทันว่า
“แต่ชั้นไม่เชื่อว่าแกจะไม่ทำอะไรน้องชั้น” อนุทินบอก
“ผมก็ไม่รู้จะเอาหลักฐานอะไรมายืนยันให้ทุกคนเชื่อ แต่ถ้าถามผม ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรคุณเมย์จริงๆ” บุญทันว่า
มณทกานต์เดินเข้ามายืนยัน
“เมย์ก็มั่นใจค่ะว่าเมย์กับนายบุญทันไม่ได้มีอะไรกัน”
“ถ้าไม่มีอะไรกันแล้วแกสองคนไปนอนอยู่ด้วยกันได้ยังไง” พิพัฒน์ถาม
“เมย์ไม่รู้จริงๆนะคะ เมื่อคืนเมย์กลับเข้าบ้านเมย์ก็ขึ้นนอนเลย”
“นี่แกจะบอกว่ามีคนอุ้มแกไปหาไอ้บุญทันงั้นหรือ” เอนกว่า
ธาวินมองเหตุการณ์แล้วนึกถึงเรื่องของญาดา
“ใช่ค่ะ เมย์ว่าต้องมีใครแกล้งเมย์”
“ใครจะแกล้งแก ชั้นว่าแกน่ะแหละเป็นฝ่ายให้ท่ามัน” อนุทินว่า
“ทำไมพี่เอพูดแบบนี้”
“นั่นสิครับ ผมว่าคุณเอไม่ควรพูดดูถูกคุณเมย์แบบนี้นะครับ” บุญทันว่า
“แกเองก็เหมือนกัน อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะว่า แกอยากยกฐานะตัวเองขึ้นเป็นหลานเขยคุณปู่” อนุทินว่า
“เอาล่ะเจ้าเอ ปู่ว่าพอได้แล้ว” พิพัฒน์ว่า
“ใช่ พ่อว่าพอได้แล้ว ตอนนี้เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว เราควรจะมาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะเอายังไงต่อไป” เอนกว่า
“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมจะขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น” บุญทันพูดขึ้น
“รับผิดชอบยังไง” พิพัฒน์ถาม
“ผมจะแต่งงานกับคุณเมย์” บุญทันบอก
มณทกานต์มองบุญทันอย่างอึ้งๆ ธาวินมองหน้าพิพัฒน์
“แต่งงาน !” อนุทินไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่ครับ เพื่อไม่ให้คนดูถูกหรือนินทาคุณเมย์ผมจะแต่งงานกับเธอ” บุญทันว่า
“นี่ บุญทัน ชั้นว่าแกเข้าใจอะไรผิดแล้วนะ น้ำหน้าอย่างแกน่ะหรือจะมีปัญญาเลี้ยงลูกสาวชั้น” เอนกว่า
บุญทันสีหน้านิ่ง
“ใช่ แกไปส่องกระจกดูเงาตัวเองซะก่อนว่าแกเป็นใครแล้วยัยเมย์เป็นใคร” อนุทินว่า
“ถึงผมจะเป็นแค่คนขับรถ แต่ผมก็ความรู้มีการศึกษาในระดับนึง ผมคิดว่าผมคงไม่ปล่อยให้คุณเมย์อดอยากหรอกครับ”
“แต่ชั้นไม่แต่ง” มณทกานต์โพล่งขึ้น
ทุกคนมองหน้ามณทกานต์เป็นตาเดียว
“ชั้นกับนาย เราไม่มีอะไรกัน เพราะฉะนั้นนายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ”
มณทกานต์เดินออกไป
“ผมว่าเราต้องเอาไอ้บุญทันส่งตำรวจนะครับ” อนุทินเสนอความเห็น
“แค่นี้ยังอายคนใช้ไม่พออีกหรือ ขืนแจ้งตำรวจ น้องสาวแกยิ่งเสียหายมากกว่านี้” พิพัฒน์บอก
“นั่นสิครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณปู่ เราไม่ควรแจ้งตำรวจหรอกครับ เกิดหนังสือพิมพ์เอาไปลงข่าว มันจะยุ่งนะครับ” ธาวินบอก
“ใช่ มันจะเสียชื่อมาถึงวงศ์ตระกูล” เอนกเห็นด้วย
“แต่คุณปู่กับคุณพ่อจะปล่อยให้เรื่องจบแค่นี้หรือครับ ไอ้บุญทันมันต้องรับผิดชอบนะครับ” อนุทินว่า
“ที่แกบอกว่าแกจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับยัยเมย์ แกแน่ใจหรือว่าแกจะดูแลยัยเมย์ได้” พิพัฒน์ถามย้ำกับบุญทัน
“แน่ใจครับ ผมจะดูแลคุณเมย์ให้ดีที่สุด”
“แต่ชั้นบอกก่อนนะว่า แกอย่ามาหวังว่าชั้นจะให้สมบัติยัยเมย์ ชั้นจะไม่ให้เงินมันแม้แต่บาทเดียวนะ” พิพัฒน์พูดขึ้น
“ผมก็ไม่ได้หวังอะไรจากคุณเมย์ครับ ผมแค่อยากรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เธอเสียหายไปมากกว่านี้” บุญทันยืนยัน
“ตกลง ชั้นยกยัยเมย์ให้แก”
อนุทินกับเอนกร้องขึ้นด้วยความตกใจเพราะคิดไม่ถึง
“คุณปู่ / คุณพ่อ”
ธาวินมองหน้าพิพัฒน์แล้วอึ้งไป และมองไปที่บุญทัน ที่กำลังก้มกราบพิพัฒน์
“ขอบคุณครับท่าน”
เอนกกับอนุทินเดินออกมาที่บริเวณทางเดินหน้าบ้าน
“พ่อครับ ทำไมพ่อไม่ค้านคุณปู่เรื่องไอ้บุญทัน”
“พ่อจะค้านได้ยังไง แกก็รู้ว่าอะไรที่เป็นคำสั่งคุณปู่ห้ามทุกคนโต้แย้ง” เอนกว่า
“แต่ไอ้บุญทันมันเป็นคนขับรถนะพ่อ พ่อจะให้แต่งงานกับยัยเมย์ได้ยังไง”
“พ่อว่าที่ไอ้บุญทันมันยอมรับผิดชอบยัยเมย์นี่ก็โชคดีแล้ว ดีที่มันไม่ปัดสวะโทษว่าน้องสาวแกไปหามันถึงในห้อง”
“ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่า มันเกิดอะไรขึ้นมันไม่น่าจะเป็นยัยเมย์”
อนุทินหลุดปากพูดออกมา เอนกชะงักแล้วหันมาถาม
“แกหมายความว่าไง ไม่น่าจะเป็นยัยเมย์”
“อ๋อ เปล่าครับ ผมหมายถึงว่าผมไม่อยากเชื่อว่ายัยเมย์มันจะกล้าทำเรื่องต่ำๆแบบนี้”
เอนกถอนหายใจแล้วว่า
“ อาจเป็นเพราะพ่อที่เลี้ยงลูกไม่ดี”
เอนกเดินออกไปแล้ว อนุทินยังงงกับเหตุการณ์นี้ไม่หาย
“มันผิดแผนไปได้ยังไงวะ”
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดายังนอนหลับอยู่ที่เตียง ธาวินยืนมองอยู่ด้วยสายตาครุ่นคิดพลางนึกถึงคำให้การของบุญทัน
“เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเองง่วงนอนผิดปกติก็เลยนอนแต่หัวค่ำ จากนั้นก็หลับสนิท มาตื่นอีกทีก็ตอนที่คุณเอต่อยผม”
“แต่ชั้นไม่เชื่อว่าแกจะไม่ทำอะไรน้องชั้น” อนุทินว่า
“ผมก็ไม่รู้จะเอาหลักฐานอะไรมายืนยันให้ทุกคนเชื่อแต่ถ้าถามผม ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรคุณเมย์จริงๆ”
ขณะที่ก่อนจะเกิดเรื่องบุญทันกับมณทนกานต์ ธาวินเห็นว่า ญาดานอนอยู่กับบุญทันในห้อง ธาวินมองเรื่องราวทั้งหลายอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ญาดาขยับพลิกตัวแล้วรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นเห็นธาวินยืนมองมาด้วยสีหน้าเครียด
“คุณภู”
“ตื่นแล้วหรือ”
“ทำไมมาจ้องตาลแบบนี้ ตาลตกใจหมดเลย”
ธาวินเทน้ำใส่แก้วส่งให้
“ดื่มน้ำซะหน่อย”
“ทำไมรู้คะว่าตาลคอแห้ง”
ญาดาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ แล้วก็ชะงัก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“เอ๊ะ แล้วตาลขึ้นมานอนบนห้องได้ยังไง ตาลจำได้ว่าเมื่อคืนตาลอยู่ในสวนแล้วก็ง่วงมาก อยู่ๆก็เหมือนหลับวูบไป”
ธาวินมองหน้าญาดาอย่างจับพิรุธ
“คุณภูไปเจอตาลหลับอยู่ในสวนหรือคะ”
“ไม่ใช่ ผมเจอตาลนอนอยู่ในห้องบุญทัน”
“ที่ไหนนะคะ”
“ห้องบุญทัน ตาลหลับอยู่กับบุญทัน” ธาวินย้ำเสียงหนักแน่น
ญาดามองธาวินอย่างงุนงง
“ตาลหลับอยู่กับบุญทัน คนขับรถคุณปู่น่ะหรือคะ”
“ใช่”
“แล้วทำไมตาลถึงไปหลับอยู่ที่นั่นล่ะคะ”
“ผมต่างหากที่ต้องถามตาลว่าทำไมตาลถึงไปนอนอยู่กับเค้าโดยไม่ใส่อะไรเลย”
ญาดาช็อกไปกับเรื่องเล่าของธาวิน
“อะ อะไรนะคะ คุณภูบอกว่าตาลไม่ใส่เสื้อผ้านอนอยู่กับเค้า หมะ หมาย หมายความว่า ตาลถูกข่มขืนหรือคะ”
ญาดาตัวเย็นเฉียบ น้ำตาคลอ ธาวินมองอย่างแปลกใจ
“นี่ตาลไม่รู้เลยหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”
“ไม่รู้ค่ะ ตาลจำได้แค่ว่าตาลง่วงแล้วตาลก็หลับไปในสวน ไอ้บุญทัน ตาลจะไปฆ่ามัน”
ญาดาลุกขึ้นจากเตียง ธาวินรวบตัวกอดไว้
“ใจเย็นตาล ผมคิดว่าบุญทันคงจะไม่ได้ทำอะไรตาลหรอก”
“แต่คุณภูบอกว่าตาลนอนอยู่กับมัน”
“นั่นคือภาพที่ผมเข้าไปเจอ แต่บุญทันก็หลับเป็นตายเหมือนกัน”
“แล้วสรุปมันคืออะไร ทำไมตาลไปนอนที่นั่นแถมไม่ใส่เสื้อผ้าด้วย”
“ผมว่าตาลค่อยๆ คิดก่อนดีกว่าว่าเมื่อคืนก่อนที่ตาลจะหลับไปเกิดอะไรขึ้น”
ญาดาพยายามลำดับเหตุการณ์ ...
ญาดาคุยอยู่กับมณทกานต์อยู่ แล้วปารมีเดินเข้ามาพร้อมกับพันซ์ ...
ญาดาเริ่มเอะใจ
“หรือว่าจะเป็นพันช์ที่คุณปาให้ตาลกิน”
“พันซ์อะไร”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ปารมีเดินเข้ามาในตึกใหญ่และเจอกับต้นหอมที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่พอดี
“ต้นหอมเห็นคุณตาลมั้ย” ปารมีถามขึ้น
“เช้านี้ยังไม่เห็นลงมาทานข้าวเลยนะคะ” ต้นหอมบอก
“ไม่สบายรึเปล่า”
“อาจจะใช่ค่ะเพราะเมื่อคืนเห็นคุณภูบอกว่าคุณตาลเป็นลม”
“งั้นเดี๋ยวชั้นขึ้นไปดูหน่อยดีกว่า พอดีชั้นทำซุปมาให้คุณตาลเค้าด้วย”
“ค่ะ”
ปารมีเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ต้นหอมมองตาม
“คุณปานี่น่ารักจริง ๆ ไม่เหมือนคุณเมย์”
ต้นหอมหันไปทำงานต่อ
ภายในห้อง ธาวินยังคุยอยู่กับญาดา
“ตาลคิดว่าในพันช์มียานอนหลับงั้นหรือ”
“ก็เท่าที่ตาลคิดดู ตาลว่าไม่น่ามีอย่างอื่นนะคะเพราะหลังจากกินข้าวเย็นแล้ว ตาลก็ไม่ได้กินอะไร
แล้วคุณภูก็บอกว่าน้องเมย์ก็หลับไม่รู้เรื่องอยู่ในห้องบุญทันเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ”
“ใช่”
“เห็นมั้ยคะ ตาลว่าต้องมียานอนหลับในพันช์แน่ เพราะตาลกับน้องเมย์กินอยู่ด้วยกัน”
“ตาลกำลังจะบอกผมว่ามีคนวางแผนทำให้เกิดเรื่องนี้”
“ใช่ค่ะ ตาลว่าต้องมีใครคิดไม่ดีกับตาลแน่ ๆ หรือว่าจะเป็นคุณปาคะเพราะเค้าเป็นคนเอาพันช์มาให้เราสองคนกิน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองหยุดการสนทนาลงทันที ธาวินเดินไปเปิดประตู ปารมียืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าว ปา” ปารมีทักทาย
“พี่ตาลตื่นรึยังคะ พี่ภู”
“ตื่นแล้ว ปามีอะไรหรือ”
“ปาทำซุปมาให้พี่ตาลน่ะค่ะ”
“เข้ามาสิ” ธาวินบอก
ปารมีเดินเข้ามาเจอญาดาแล้ววางซุปบนโต๊ะก่อนจะถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“พี่ตาลเป็นยังไงบ้างคะ”
ญาดาเริ่มระแวง
“ทำไมหรือคะ”
“ก็เมื่อวานที่ปาทำพันช์ให้พี่ตาลชิมน่ะค่ะ คุณแม่แอบเอายานอนหลับใส่ลงไป”
ธาวินกับญาดาหันมาสบตากัน
“ปาก็ไม่รู้เรื่องจนเมื่อกี้เห็นคุณแม่ไม่ตื่นปาก็เลยไปปลุก ถึงรู้ความจริงว่าคุณแม่เอายานอนหลับใส่ลงไปในพันช์”
“แล้วคุณป้าทำแบบนั้นเพื่ออะไรคะ”
“พี่ตาลจำได้มั้ยคะที่ปาเคยบอกว่าคุณแม่เป็นโรคซึมเศร้าน่ะค่ะ”
“ค่ะ จำได้”
“นั่นแหละค่ะ คุณแม่เลยนอนไม่ค่อยหลับ หมอก็เลยให้ยานอนหลับมาทาน บังเอิญแกเห็นปาทำพันช์ก็เลยนึกสนุกแอบเอายาใส่ลงไปเพื่อให้ตัวเองกินจะได้หลับสนิท”
“แล้วคุณป้าไม่รู้หรือว่าปาจะเอามาให้ตาลกิน”
“คงไม่รู้หรอกค่ะเพราะปกติปาก็ชอบผสมเครื่องดื่มแช่ไว้ทานกันเองในบ้าน”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง เมื่อกี้ตาลเพิ่งคุยกับคุณภูอยู่เลยว่าสงสัยในพันช์จะมียานอนหลับ”
“ปาขอโทษด้วยนะคะพี่ตาล ปาเองก็จิบไปหน่อยหลับถึงเช้าเหมือนกัน นี่ก็เพิ่งตื่นค่ะ”
ปารมีหันไปหยิบชามซุป
“อ้อ นี่ค่ะปาทำซุปไก่มาให้ พี่ตาลทานหน่อยนะคะจะได้สดชื่น”
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วบุญทันล่ะ บุญทันเค้ากินพันช์ของปาด้วยรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ คนที่ทานมีแค่พี่ตาล ปา คุณแม่แล้วก็น้องเมย์มีอะไรหรือคะ”
“นี่คุณปายังไม่รู้เรื่องน้องเมย์หรือคะ”
“ไม่ทราบเลยค่ะ เรื่องอะไรคะ”
ปารมีทำหน้าใสซื่อ ธาวินกับญาดาสบตากันอย่างแปลกใจ
ปารมีปิดปากทำตาโตตะลึงอย่างตกใจที่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น
“ว้าย จริงรึเปล่าคะ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น น้องเมย์ไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“เมย์กับบุญทันเค้าก็ปฏิเสธว่าเค้าสองคนไม่มีอะไรกัน” ธาวินพูดขึ้น
“แล้วคุณปู่ว่าไงบ้างคะพี่ภู”
“คุณปู่โกรธมาก” ธาวินบอก
“ตายแล้ว เดี๋ยวปาไปดูคุณปู่ก่อนดีกว่า คุณปู่ต้องเสียใจแน่เลยเพราะคุณปู่รักน้องเมย์มาก ขอตัวก่อนนะคะพี่ตาล” ปารมีบอก
ปารมีเดินออกไปปล่อยให้ธาวินกับญาดามองหน้ากันอย่างงงๆ
“คุณภูว่าคุณปาจะเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ยคะ” ญาดาถาม
“ไม่น่าจะเกี่ยวนะ เพราะผมไม่รู้ว่าปารมีจะทำไปเพื่ออะไรและอีกอย่างเมื่อคืนก่อนที่ผมจะเจอตาล ผมเห็นเหมือนผู้ชายคนนึงออกมาจากห้องบุญทัน” ธาวินบอก
“ใครหรือคะ”
“ผมไม่เห็นหน้ามัน”
“หรือว่าผู้ชายคนนี้อุ้มตาลไปห้องบุญทัน”
“ผมก็กำลังสงสัยอยู่ แต่ไม่เข้าใจว่ามันทำไปเพื่ออะไร”
“แล้วน้องเมย์ล่ะคะ น้องเมย์ไปนอนอยู่ในห้องบุญทันได้ยังไง”
“ผมก็ไม่รู้”
“แล้วคุณภูบอกคุณปู่รึเปล่าคะ”
“เปล่า ตอนแรกผมยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่อยากให้คุณปู่รู้เรื่องตาล”
“นี่ อย่าบอกนะคะว่า ตอนแรกคุณภูคิดว่าตาลไปนอนกับบุญทันจริงๆ”
ธาวินพยักหน้าแล้วบอก
“ตอนแรกผมคิดแบบนั้น”
“จริงหรือคะ นี่คุณภูคิดว่าตาลเป็นคนเลวขนาดนั้นเลยหรือ”
“ผมขอโทษ แต่เป็นใคร ใครก็ต้องคิดเหมือนผมทั้งนั้น เจอเมียตัวเองนอนอยู่กับผู้ชายอื่นจะให้คิดยังไง”
ญาดามองค้อนธาวิน
“ ถือว่าเป็นโชคของตาลนะคะเนี่ยที่เกิดเรื่องกับน้องเมย์ ไม่งั้นป่านนี้ตาลถูกคุณภูเฉดหัวออกจากบ้านแน่ ๆ”
“ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า”
“ใครจะไปรู้คะ”
ธาวินจับมือ ญาดาชะงักมองหน้าทันที
“ผมขอโทษ เป็นเพราะผมรักตาลผมถึงคิดไม่ดี ผมสัญญาต่อไปนี้ผมจะเชื่อใจตาลทุกเรื่อง”
ธาวินมองจ้องสบตาญาดา จนญาดารู้สึกเขินเคลิ้มตาม
“เอ๊ะ แล้วที่คุณภูบอกว่าตาลนอนอยู่กับบุญทันไม่ใส่อะไรเลยแล้วใครเป็นคนใส่เสื้อผ้ากลับมาให้ตาลล่ะคะ”
“จะใครล่ะก็ต้องผมสิ ผมเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์”
“หมายความว่าคุณภู เห็นตาล หมดเลยหรือคะ”
“ก็เห็นไม่หมดหรอกนะ มันมืด ผมก็เอามือคลำๆดู พอรู้ว่าส่วนไหนเป็นอะไร”
“จริงหรือคะ”
“จริงสิ”
ธาวินยิ้มทำตากรุ้มกริ่มใส่
“คุณภูเนี่ยบ้าที่สุดเลย”
ญาดาเอามือทุบธาวินแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความอาย ธาวินหัวเราะขำ
“จะอายทำไมทำยังกะเราไม่เคยเห็นไปได้”
ภายในห้องน้ำ ญาดาปิดประตูห้องน้ำแล้วดึงแย้มเสื้อมองหน้าอกตัวเองแล้วปิดกลับอย่างแค้นใจ
“บ้าจริงๆเลย นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย อยู่ๆก็ถูกจับแก้ผ้า ตาย..ตาย..ตาย..ไอ้ตาล เค้าเห็นเราหมดเลย ฮึ่ย ใครวะที่ทำกับเราแบบนี้”
มณทกานต์กำลังเดินไปมาอยู่ในห้องอย่างครุ่นคิด
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมเราถึงไปนอนในห้องไอ้บุญทัน”
มณทกานต์พยายามคิดลำดับเหตุการณ์
“เมื่อคืนเรากลับเข้าบ้านเราเจอมะยม ...”
ภาพเมื่อคืนผุดขึ้นในความทรงจำของมณทกานต์
“มะยม คุณพ่อยังไม่กลับอีกหรือ”
“วันนี้คุณผู้ชายบอกว่าจะกลับดึกน่ะค่ะ มีงานเลี้ยง”
“แล้วพี่เอล่ะ”
“เห็นว่าจะไปงานเลี้ยงกับคุณผู้ชายด้วยค่ะ คุณเมย์จะทานข้าวเลยมั้ยคะ มะยมจะได้จัดให้”
มณทกานต์หาวอย่างง่วงนอน
“ไม่ล่ะ ทำไมวันนี้ง่วงแต่วันก็ไม่รู้ ชั้นไปนอนดีกว่า”
มณทกานต์เดินขึ้นบ้านไป แล้วเดินหาวเข้ามาเปิดห้องนอน มณทกานต์หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ มณทกานต์เดินหาวยาวเหยียดเมื่ออกจากห้องน้ำ พลางบ่นอุบ
“เฮ้อ ทำไมวันนี้ง่วงจัง”
มณทกานต์เข้าซุกตัวนอนในผ้าห่มหลับสนิทบนเตียงนอน
มณทกานต์เดินมานั่งที่เตียงและพยายามลำดับเหตุการณ์ต่อจากนั้น
“เราว่าเราหลับอยู่บนเตียง ไม่ได้ลุกไปไหนเลยนะ”
“มันเป็นไปได้ยังไง หรือว่าจะเป็นไอ้บุญทัน”
มณทกานต์นึกถึงรอยจูบของบุญทันแล้วครุ่นคิด
จบตอนที่ 4
โปรดติดตามตอนที่ 5 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.