เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3
เอนกกับอนุทินเดินหน้าเครียดเข้าบ้านในเวลาต่อมา
“ตอนแรกนึกว่ายัยเมย์จะได้เป็นสะใภ้คุณปู่ หวังจะพึ่งใบบุญมันบ้าง สุดท้ายก็แห้ว ตอนนี้ผมว่าเราไม่เหลืออะไรแล้วนะพ่อ”
“อย่าคิดมากน่ะ ถึงยังไงเราก็ยังมีที่อยู่ที่กิน”
“ต้องคิดสิพ่อ ไอ้ภูกับเมียมันไม่ได้ทำอะไรเลยนะอยู่ๆมันก็เข้ามาฮุบเอามรดกไปหน้าตาเฉย”
“ทำไงได้ ก็เค้าเป็นทายาทโดยตรง”
“แต่ผมไม่ยอมหรอก อย่างน้อยมรดกส่วนนึงก็ต้องเป็นของเรา”
อนุทินเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด เอนกได้แต่ถอนหายใจ
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดาสวมใส่เสื้อวอร์มแขนยาวกางเกงวอร์มดูรัดกุม นั่งกอดหมอนกับผ้าห่มรอธาวินอยู่ปลายเตียง ธาวินเดินออกจากห้องน้ำก็ชะงักไปทันที
“ตาลใส่เสื้อผ้าหนาขนาดนั้นไม่ร้อนหรือ”
“ไม่ค่ะ ตาลเป็นคนขี้หนาว”
ญาดายื่นหมอนและผ้าห่มให้
“นี่ค่ะ”
“ตาลจะให้ผมนอนที่โซฟาจริงๆเหรอ”
“ก็จริงสิคะ ตาลไม่ได้พูดเล่น”
“ทำไมล่ะ เราแต่งงานกันแล้วก็ต้องนอนเตียงเดียวกันสิ”
“ถ้าคุณภูยืนยันว่าจะนอนบนเตียง งั้นตาลไปนอนโซฟาเองก็ได้”
“ไม่ เราต้องนอนบนเตียงด้วยกัน”
ธาวินฉวยโอกาสทีเผลอ อุ้มญาดาไปบนเตียง ญาดาไม่ยอมแพ้ถีบเข้าที่ห้องเครื่องจนธาวินจุก
“ถ้าคุณภูทำแบบนี้ ตาลก็จะหนีไปนอนในห้องน้ำ”
ญาดาหอบหมอนรีบเดินไปที่ห้องน้ำ ธาวินรีบขวางไว้แล้วถาม
“ตาลมีอะไรปิดบังผมอยู่รึเปล่า”
ญาดาตกใจ นึกว่า ธาวินจำความได้แล้วจึงต้องทำใจดีสู้เสือ
“ไม่มีค่ะ ตาลไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังคุณภู”
“ไม่จริง ตาลมีท่าทีประหลาดทุกครั้งที่ผมพยายามจะใกล้ชิดเหมือนกับว่า เราสองคน
เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ”
“เอ่อ...” ญาดาได้แต่อ้ำอึ้ง
“บอกผมมาเถอะว่ามีเรื่องอะไรกันแน่”
ญาดามองหน้าธาวินแล้วคิดหาเรื่องแก้ไขสถาการณ์
“ก็ได้คะ ถ้าตาลบอกไปแล้ว คุณอย่าเสียใจทีหลังนะ”
“อืมม์ เรื่องอะไร”
ญาดาตีหน้าเศร้าแล้วจ้องตาธาวิน
“ที่ตาลเป็นอย่างนี้เพราะ ... หลังจากเราสองคนแต่งงานกันได้ไม่นาน ตาลก็จับได้คา
หนังคาเขาว่าคุณนอกใจตาล”
“ผมนอกใจตาล?”
ญาดาพยักหน้าแล้วบีบน้ำตาสะอื้น
“ใช่ค่ะ”
ญาดาตัดสินใจตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้ธาวินฟัง...
คืนนั้น... ญาดาถือถุงช้อปปิ้งเดินเลี้ยวมาตามทางเดินหน้าของโรงแรม
“วันนั้นตาลออกไปช้อปปิ้งคนเดียวเพราะคุณภูอ้างว่าติดธุระ แต่ตาลไปคนเดียวไม่สนุก
ก็เลยรีบกลับมาหาคุณ แต่ปรากฏว่า..”
ญาดาเสียบการ์ดเพื่อเปิดประตูเข้ามา และเดินไปที่ห้องนอน ญาดาแง้มประตูเข้าไป
เห็นธาวินกำลังนอนก่ายกอดอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่บนเตียง ทั้งสองคน ช่วงบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างมีเพียงบอกเซอร์เท่านั้น
ธาวินบรรจงจูบชายหนุ่มคนนั้น
ญาดาร้องกรี๊ดเสียงดังลั่น ธาวินตกใจที่ญาดามาเห็นภาพบาดตา ญาดาทิ้งข้าวของวิ่งหนีออกไป ธาวินรีบใส่เสื้อผ้าแล้ววิ่งตาม
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดาบีบน้ำตา
“ตาลโกรธมากวิ่งหนีออกไปจากโรงแรมอย่างไม่มีสติ คุณภูก็วิ่งตามมาขอโทษ แล้วเราทั้งสองคนก็ถูกคนร้ายดักจี้จนคุณต้องเข้าโรงพยาบาล”
ธาวินได้ยินเรื่องที่ญาดาเล่าก็ช็อกไป
“นี่ผมเป็นเกย์เหรอ”
“ค่ะ คุณเป็นเกย์ ชอบไม้ป่าเดียวกัน”
“ไม่ ไม่จริง”
“จริงค่ะ ไม่งั้นตาลจะรังเกียจคุณทำไมล่ะคะ ทุกครั้งที่คุณสัมผัสตาล ตาลก็จะเห็นภาพที่คุณจูบกับผู้ชาย ตาลบอกตรงๆนะคะ ตาลรับไม่ได้”
“แต่ถ้าผมเป็นเกย์ทำไมทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้ตาล ผมถึงอยากกอด อยากหอม อยากจูบตาลล่ะ”
“ก็ตอนนี้คุณสมองเสื่อมนี่คะ คุณเลยจำไม่ได้ว่าคุณชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หรือบางทีคุณอาจจะเป็นพวกเสือไบก็ได้ คุณไม่เห็นสายตาที่นายบุญทันมองคุณหรือคะ เค้าต้องเป็นพวก
เดียวกับคุณแน่ เค้าถึงมองคุณแปลก ๆ”
ธาวินนึกถึงแววตาที่บุญทันจ้องมองมาแล้วสะบัดหน้า
“นี่ผมไม่อยากเชื่อเลยนะว่าผมจะเป็นเกย์”
“เชื่อเถอะค่ะ เพราะคุณเป็นเกย์ คุณถึงขอตาลแต่งงานเพื่อบังหน้า ไม่ให้คุณปู่รู้ว่าคุณเป็นพวกเบี่ยงเบน”
ธาวินมองหน้าญาดาอย่างคาดคั้น
“ตาลไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย”
“ตาลจะหลอกทำไมล่ะคะ คนที่เจ็บปวดคือตาลนะคะที่ได้สามีเป็นเกย์”
ธาวินกุมมือญาดาไว้
“ผมขอโทษนะ ผมไม่น่าทำร้ายตาลเลย”
“คราวนี้คุณภูคงเข้าใจตาลแล้วนะคะ”
ธาวินพยักหน้าแทนคำตอบ
“ผมเข้าใจแล้ว แต่ผมขอถามอย่างได้มั้ย”
“อะไรคะ”
“ในเมื่อผมเป็นเกย์ แล้วทำไมตาลถึงไม่เลิกกับผม”
ญาดาอึ้งคิดคำตอบไม่ทัน
“เอ่อ .. ก็ .. จะตอบยังไงดีล่ะคะคือตาล ตาลรักคุณภูค่ะ ตาลก็อยากจะเลิกกับคุณภูแต่ตาลก็ทำใจให้เลิกรักคุณไม่ได้”
ญาดามองจ้องทำหน้าซึ้งใส่ ธาวินมองหน้าตญาดาอย่างซึ้งใจเหมือนจะร้องไห้
“ขอบคุณนะตาล ผมก็รักคุณ”
ธาวินดึงญาดาเข้ามากอด อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ”
ตาลผละตัวออก
“มันก็อยู่ที่ว่าคุณจะเลิกชอบผู้ชายได้รึเปล่า”
“ได้สิผมต้องทำได้”
“แต่ยังไงคืนนี้เราก็ต้องแยกกันนอนนะคะ จนกว่าสภาพจิตใจของตาลจะดีขึ้น นี่ค่ะหมอน”
ญาดาส่งหมอนให้ ธาวินเดินคอตกไปนอนที่โซฟา ญาดายิ้มสะใจแล้วพึมพำกับตัวเอง
“ช่วยไม่ได้ นายอยากบังคับชั้นเอง”
เช้าวันใหม่ ภายในห้องนอนของภูบดี ธาวินยังหลับอยู่ที่โซฟา บุญทันเปิดประตูเดินเข้ามาหยุดมองธาวิน
“คุณภูตื่นได้แล้วครับ เช้าแล้ว”
ธาวินงัวเงียลืมตาขึ้นเห็นบุญทันชะโงกหน้าเข้ามามองแล้วยิ้มหวานให้
“เช้าแล้วคร้าบคุณภู”
ธาวินสะดุ้งตกใจร้อง “เฮ้ย!” ทันที
“มอร์นิ่งค่ะ”
บุญทันเคลื่อนหน้าเข้ามาทำท่าจะจ๊วบ ธาวินรีบพลิกตัวหลบจนตกโซฟา
ญาดาเดินออกจากห้องน้ำในชุดใหม่เห็นธาวินตกโซฟาแล้วร้องโวยวาย
“อย่าเข้ามานะ”
“คุณภู เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ธาวินขยับลุกขึ้นนั่งแล้วมองรอบตัวไม่เห็นบุญทัน
“นี่ผมฝันไปหรือ”
“ฝันอะไรหรือคะ”
“เอ่อ ฝันร้ายน่ะจ้ะ”
“ถ้าคุณภูจะนอนต่อก็ไปนอนบนเตียงนะคะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเค้าจะสงสัย”
“แล้วนี่ตาลจะไปไหน”
“ตาลจะลงไปเดินเล่นสูดอากาศหน่อยค่ะ”
ญาดาเดินออกจากห้องไป ธาวินถอนใจเฮือก
“เฮ้อ หลอนเลยเรา”
ญาดาเดินออกมาจากตึกใหญ่ และสวนกับนภาที่เดินสวนเข้ามาในบริเวณนั้น
“สวัสดีค่ะคุณป้านภา”
นภามองญาดาด้วยสายตาเหยียดแล้วสะบัดหน้าไม่พูดด้วยเดินสวนทางเข้าบ้านไป ญาดามองตามอย่างงงๆ
“เอ้า ทำไมมาเหวี่ยงใส่เรา”
ญาดาส่ายหน้าแล้วเดินต่อไป เห็นเอนกกำลังเดินจ๊อกกิ้งอยู่จึงยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณอาเอนก”
เอนกพยักหน้ารับไหว้อย่างเสียไม่ได้แล้วเดินผ่านไปทันที ญาดามองตามอย่างเซ็งๆ
“คนบ้านนี้เป็นอะไรวะ หน้าไม่รับแขกเลย”
ญาดายังเดินมาตามทางแต่รู้สึกเหมือนมีคนตามอยู่จึงชะงักหันกลับไปมองที่ด้านหลัง แต่ไม่มีใคร ใครคนหนึ่งถือกรรไกรตัดกิ่งไม้เดินเข้าไปหาญาดาทางด้านหลังเหมือนจะแทง
ญาดาสะดุ้งหวีดร้องขึ้น
“ว้าย”
ที่แท้ปารมีกำลังยิ้มให้ญาดาแต่ในมือถือกรรไกรตัดกิ่งไม้อยู่ข้างตัว
“ขอโทษค่ะพี่ตาลที่ทำให้ตกใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีตาลกำลังเหม่อ”
“ตื่นเช้าจังเลยนะคะ”
“ค่ะ เห็นอากาศดีก็เลยลงมาเดินเล่น คุณปาทำอะไรคะ”
“ตัดดอกไม้ไปไหว้พระน่ะค่ะ เมื่อวานเย็นขอโทษด้วยนะคะที่ปากับคุณแม่ไม่ได้ไปทานข้าวด้วย พอดีคุณแม่ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ปาก็เลยต้องอยู่ดูแล”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“แล้วเมื่อคืนหลับสบายมั้ยคะ”
“สนิทเลยค่ะ”
อนุทินเดินเข้ามาพอดีแล้วชะงักไปที่เห็นญาดายืนอยู่ด้วย
“ปา ขอโทษ ผมไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย”
“คนอื่นที่ไหนล่ะคะ พี่เอ นี่พี่ตาลไงคะ”
“เราเจอกันแล้วค่ะเมื่อคืน งั้นตาลขอตัวก่อนนะคะ”
อนุทินมองตามญาดาที่เดินออกไป
“คุยอะไรกัน”
“ทักทายกันทั่วไปน่ะค่ะ พี่เอมีอะไรหรือ”
ญาดาเดินเลี้ยวออกมาแล้วหันกลับไปมอง เห็นเอพูดอะไรกับปารมี ปารมีพยักหน้า ญาดาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
“เที่ยงนี้เจอกันนะ” อนุทินบอกปารมี
“ค่ะ”
ปารมียิ้มรับ อนุทินจุ๊บปากให้ก่อนจะเดินไป ปารมีมองตามแล้วยิ้มเยาะที่รู้ว่า อนุทินกำลังหลงเสน่ห์ในตัวเธออีกคนเช่นเดียวกับสารวัตรสมยศ
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3
ภายในห้องน้ำในห้องภูบดี ธาวินนุ่งผ้าขนหนูยืนพิจารณาใบหน้าแล้วเอียงซ้ายเอียงขวาอยู่ที่หน้ากระจกราวกับจะค้นหาตัวเอง เพราะยังติดใจสงสัยที่ญาดาบอกว่า เขาเป็นเกย์
“เราก็ไม่ได้ดูสำอางตรงไหน”
ธาวินยกแขนขึ้นดูกล้ามแล้วพึมพำต่อ
“รูปร่างก็ธรรมดา ผู้ชายหุ่นแบบนี้ก็เยอะแยะ”
ธาวินหลับตาแล้วลองเอามือลูบไล้หน้าอกของตัวเองดู ก็สะดุ้งลืมตาขนลุกด้วยความสยอง ยิ่งนึกถึงคำบอกเล่าของญาดาที่เห็นธาวินกอดจูบกับผู้ชาย
“ฮึ่ย! นึกแล้วจะอ้วก”
เมื่อธาวินเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำก็สะดุ้งที่เห็นบุญทันยืนรออยู่ในห้อง
“มอร์นิ่งครับคุณภู”
“มีอะไร”
“ผมทราบว่าคุณภูเพิ่งออกจากโรงพยาบาล”
“ใช่ แล้วทำไม”
“เมื่อเช้าผมไปหาหมอ ก็เลยขอยาบำรุงมาเผื่อคุณภูด้วย”
บุญทันหยิบซองยาขึ้นมาให้ดู วินมองสงสัย
ย้อนกลับไปเมื่อเช้านี้ บุญทันคุยอยู่กับหมอในวัยไล่เลี่ยกันที่โรงพยาบาล
“ยากล่อมประสาทเหรอ?” หมอพูดขึ้น
“ใช่ แกพอจะมียาอะไรไปล้างฤทธิ์ยากล่อมประสาทได้บ้างวะ” บุญทันถาม
“ก็พอจะมีนะ แต่ทางที่ดีควรจะพาคนไข้มารักษากับหมอมันถึงจะหาย ว่าแต่แกจะเอาไปให้ใครกิน
วะ”
ภายในห้องของภูบดี ธาวินมองยาในมือบุญทันด้วยสายตาหวาดระแวง
“ขอบใจนายมาก แต่ว่าชั้นต้องกินยาของหมอคงกินยาของนายไม่ได้หรอก”
“แต่ยานี่ไม่อันตรายนะครับเป็นยาบำรุง”
“เอ่อ” ธาวินอ้ำอึ้ง
“อย่าให้ผมเสียน้ำใจเลยนะครับ ผมเป็นห่วงคุณภูจริงๆ”
วินมองบุญทันอย่างไม่ไว้ใจนึกถึงคำพูดที่ญาดากรอกหูไว้ทันที
“คุณไม่เห็นสายตาที่นายบุญทันมองคุณหรือคะ เค้าต้องเป็นพวกเดียวกับคุณแน่ เค้าถึงมองคุณแปลก ๆ”
บุญทันยิ้มพยักหน้าให้เสียงอ้อนวอน
“นะครับ”
“เออ เอาวางไว้นั่นแหละเดี๋ยวฉันกินเอง”
ธาวินเดินเลี่ยงหนี แต่บุญทันเดินตามทันทีแล้วบอกย้ำ
“แต่ยานี้ต้องทานก่อนอาหารครับ ผมว่าคุณภูควรจะทานเลยนะครับ แล้วค่อยลงไปทานอาหารเช้า”
บุญทันแกะยาส่งให้แล้วเปิดขวดน้ำโพลาลิสส่งให้ ธาวินเริ่มกลัวทันที
“ฉันบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวกินเอง นายไปทำงานของนายเถอะ”
“แต่การดูแลคุณภูก็เป็นงานของผมครับ”
บุญทันขยับเข้าใกล้ในระยะประชิด ธาวินถอยหนี
“อย่าเข้ามานะบุญทัน ฉันไม่รู้นะว่านายคิดยังไงกับฉัน แต่ฉันไม่ใช่พวกรสนิยมเดียวกับนายแน่”
บุญทันเริ่มหมดความอดทน ธาวินถอยหลังไปชนผนัง บุญทันตามเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ
“ผมว่าคุณภูทานยาก่อนเถอะครับ แล้วเราจะได้คุยกันผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
“ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย”
“ทานเถอะครับ”
“ไม่”
บุญทันบีบปากธาวินเพื่อจะเอายายัดเข้าไป ธาวินปิดปากพยายามบิดตัว เอียงหน้าหนี
ญาดาเปิดประตูเข้ามาพอดีแล้วพูดขึ้น
“นั่นทำอะไรกันน่ะ”
บุญทันชะงักไปทันที ธาวินสะบัดตัวหลุดจากบุญทันแล้ววิ่งเข้ามาหาญาดา
“ตาลช่วยผมด้วย”
“นายทำอะไรคุณภู บุญทัน”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ”
บุญทันมองหน้าธาวินก่อนเดินออกจากห้องไป ธาวินมองตามอย่างกลัว ๆ
“มีอะไรกันคะ”
“มันจะให้ผมกินยาอะไรก็ไม่รู้แต่ผมไม่กิน มันต้องคิดว่าผมเป็นสาวแล้วจะมอมยาผมแน่เลย”
ญาดาแอบอมยิ้มในคำตอบแล้วรีบพูดย้ำลงไปในสมองของธาวินอีก
“คราวนี้เชื่อรึยังล่ะคะว่าคุณภูน่ะเป็นเกย์”
ธาวินพยักหน้าแล้วบอก
“นี่ดีนะที่ตาลมาทันเวลา ไม่งั้นมันต้องขืนใจผมแน่”
“ถ้างั้นเราควรจะบอกคุณปู่ให้ไล่เค้าออกมั้ยคะ”
“ไม่ได้หรอกขืนบอกอย่างงั้นคุณปู่ก็รู้สิว่าผมเป็นเกย์”
“แต่ถ้าเค้ามายุ่งกับคุณภูอีกล่ะ”
“ผมจะพยายามอยู่ห่างๆ มันไว้”
“ดีแล้วค่ะ”
ธาวินจับมือญาดามากุมไว้
“ผมสัญญานะว่าผมจะไม่กลับไปชอบผู้ชายด้วยกันอีก”
“ค่ะ”
ญาดายิ้มให้แล้วบอก
“คุณภูไปแต่งตัวเถอะค่ะจะได้ลงไปทานข้าว”
ธาวินเดินเข้าห้องน้ำไป ญาดานึกสงสัยในตัวบุญทันทันที
“เอ๊ะ หรือนายบุญทันมันจะเป็นเกย์จริง ๆ”
บุญทันเดินลงมาจากชั้นบน เจอมณทกานต์เดินเข้าบ้านมาพอดี
“นี่นายมาทำอะไรบนตึกใหญ่เนี่ย”
“ผมมาหาคุณภูบดีครับ”
“มีธุระอะไรกับเค้า”
“ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกคุณเมย์มั้งครับ”
“นายคงลืมไปนะว่านายเป็นคนงานในบ้าน ส่วนชั้นเป็นเจ้านาย ชั้นมีสิทธิ์รู้ทุกเรื่องของนาย”
บุญทันมองมณทกานต์ด้วยสายตาเอือมระอา
“ก็ได้ครับ ถ้าคุณเมย์อยากรู้ก็เอียงหูมาสิครับ ผมจะบอกให้”
“ทำไมต้องกระซิบด้วย”
“ก็มันเป็นเรื่องของผู้ชายที่ไม่ควรให้ใครได้ยินน่ะครับ เอียงหูมาสิครับ”
บุญทันยิ้มเจ้าเล่ห์ มณทกานต์มองอย่างไม่ไว้ใจ
“งั้นชั้นไม่อยากรู้แล้ว”
เป็นจังหวะที่พิพัฒน์เดินเข้ามาพอดี
“อ้าว ยัยเมย์ ทำไมวันนี้ตื่นเช้า”
“เมย์จะมาบอกคุณปู่ว่า เมย์ตัดสินใจแล้วค่ะ เมย์จะไปฝึกงานที่บริษัท”
“จริงหรือ”
“จริงค่ะ เมย์จะตั้งใจทำงานให้เก่งเพื่อลบคำสบประมาทของทุกคน”
“มันต้องอย่างนี้สิ ปู่ดีใจจริงๆ”
พิพัฒน์ดึงมณทกานต์เข้ามากอด บุญทันมองตาม มณทกานต์โพล่งขึ้น
“อ้าว ยังไม่ไปอีกหรือมายืนฟังอะไร”
“อ๋อ เปล่าครับ ผมจะถามคุณท่านว่าวันนี้จะออกไปไหนรึเปล่า”
“คิดว่าไม่ไปนะ วันนี้แกจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” พิพัฒน์บอก
“ครับ”
บุญทันเดินออกไป มณทกานต์พูดกับพิพัฒน์ต่อทันที
“เมย์ว่าคนขับรถของคุณปู่ท่าทางแปลกๆนะคะ”
“แปลกยังไง”
“ไม่รู้สิคะ ดูไม่เหมือนคนขับรถทั่วๆไป บอกไม่ถูก”
“ปู่ไม่ยักรู้ว่าแกก็ช่างสังเกตคนเหมือนกัน”
“นี่คุณปู่ก็รู้สึกเหมือนเมย์ใช่มั้ยคะว่านายคนนี้ดูไม่ปกติ”
“เปล่า ปู่ว่าบุญทันมันก็ปกติดี ไป กินข้าวกันเถอะ”
พิพัฒน์เดินกอดมณทกานต์เข้าไปในห้องอาหารของบ้าน
บนโต๊ะอาหารเช้า พิพัฒน์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ธาวินกับญาดานั่งคู่ติดพิพัฒน์ ปารมีกับนภานั่งถัดมา ส่วนมณทกานต์นั่งอีกฝั่งติดพิพัฒน์ ส่วนเอนกและอนุทินนั่งลำดับถัดไป
“บ้านวริทธิวรนันท์ขอต้อนรับพี่ภูกับพี่ตาลค่ะ” มณทกานต์พูดขึ้น
“ขอบใจจ้ะ” ธาวินบอก
“ดีใจด้วยนะคะพี่ตาลที่มีสามีหล่อๆอย่างพี่ภู”
“ที่พูดเนี่ยออกมาจากใจจริงรึเปล่ายัยเมย์” นภาถามขึ้น
“ทำไมคะ”
“อ้าว ป้าคิดว่าเธอควรจะเสียใจมากกว่านะที่คุณภูแต่งงานแล้ว”
ญาดากับธาวินมองหน้ากันอย่างงงๆ
“ชั้นว่าเธออย่าพูดแทนลูกสาวเลยนภา คนที่เสียใจน่าจะเป็นยัยปามากกว่าเพราะยัยเมย์ก็บอกแล้วว่าไม่อยากแต่งกับนายภู” เอนกพูดขัด
“ทำไมคุณลุงเอนกพูดอย่างนี้ล่ะคะ ปาไม่ได้คิดอะไรนะคะคุณปู่” ปารมีบอก
“เอาล่ะพอได้แล้ว จะพูดอะไรก็เกรงใจหลานชายกับหลานสะใภ้ชั้นบ้าง” พิพัฒน์พูดตัดบท
“ขอโทษนะครับคุณปู่พูดเรื่องอะไรกันหรือครับ ขอผมรู้ด้วยคน” ธาวินถามขึ้น
“ตอนแรกคุณปู่เค้าตั้งใจจะจับให้นายแต่งงานกับยัยเมย์หรือไม่ก็ยัยปา แต่นายดันมีเมียมาด้วย เลยผิดแผน” อนุทินพูดขึ้น
“จริงหรือคะคุณปู่ ตาลขอโทษด้วยตาลไม่ทราบ” ญาดาบอก
“จะมาขอโทษทำไม มันเป็นเรื่องที่ปู่คิดเล่น ๆ ขึ้นมา อย่าไปซีเรียส ถ้าเจ้าภูมันรักหนู ปู่จะไปห้ามมันได้ยังไงจริงมั้ยภู” พิพัฒน์บอก
“ใช่ครับ คุณปู่”
“พี่ภูกับพี่ตาลนี่น่ารักจังเลย ขอถ่ายรูปไปลงเฟซบุ๊กหน่อยนะคะ”
มณทกานต์หยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปธาวินกับญาดาที่กำลังยิ้มให้กล้อง ปารมีมองอย่างไม่พอใจ
หลังอาหารเช้า ญาดากับธาวินเดินกลับเข้ามาในห้อง ญาดาพูดขึ้น
“ท่าทางคุณป้านภากับคุณอาเอนกจะไม่ถูกกันนะคะ”
“นั่นสิ เห็นพูดอะไรก็ไม่ถูกหูกันซักเรื่อง”
“แล้วเค้าเป็นญาติสายไหนของคุณภูคะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตาลลืมไปแล้วหรือว่าผมสมองเสื่อม”
“เออ ใช่ ตาลลืมไป แต่น้องเมย์กับคุณปาก็น่ารักดีนะคะ ถ้าคุณปู่ให้เลือกระหว่างสองคนนี้ คุณภูจะเลือกใคร”
“ไม่เลือกเลย”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ผมจะเลือกทำไม ผมมีตาลอยู่แล้วทั้งคน”
ธาวินเข้ามาโอบหลังญาดาไว้ ญาดาพยายามแกะมือตามเคย
“ปล่อยค่ะ ตาลบอกแล้วไงว่าห้ามมาแตะต้องตัวตาล”
“แต่ผมคิดว่าผมรักตาลจริงๆนะ เมื่อคืนผมนอนคิดทั้งคืน ผมว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วล่ะ” ธาวินจะหอมแก้ม ญาดารีบหลบทันที
“แต่ตาลยังทำใจไม่ได้ค่ะ”
ญาดาดันอกธาวินออกไปทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ญาดากับธาวินชะงักไป
“เข้ามา”
ต้นหอมเดินเข้ามาแล้วบอกว่า
“มีตำรวจมาขอพบคุณภูค่ะ”
“พบชั้น เรื่องอะไร”
“เค้าบอกว่าจะมาสอบปากคำเรื่องที่คุณภูโดนจี้น่ะค่ะ”
“อืมม์ เดี๋ยวชั้นลงไป”
เมื่อต้นหอมเดินออกจากห้องไป ธาวินหันมองหน้าญาดาด้วยแววกังวล
“บอกเค้าไปเหมือนที่ตาลเล่าให้คุณฟัง”
ธาวินพยักหน้า
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขกที่ชั้นล่าง สารวัตรสมยศพูดคุยอยู่กับพิพัฒน์
“ผมได้รับมอบหมายให้มาตามคดีที่คุณภูบดีถูกจี้น่ะครับ”
“ดี ฝากคุณช่วยตามหาคนร้ายด้วยนะ”
“ครับ ส่วนคดีของท่านผมกำลังให้สายออกตามหาข่าวมือปืนอยู่นะครับ”
“ขอบใจมาก”
ธาวินกับญาดาเดินลงมาจากชั้นบน
“เจ้าภูหนูตาลนี่สารวัตรสมยศ เค้าจะมาช่วยตามคดีที่แกถูกจี้” พิพัฒน์แนะนำ
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”
ธาวินกับญาดาลงนั่งที่เก้าอี้
“งั้นก็คุยกันตามสบาย ชั้นขอตัวล่ะสารวัตร” พิพัฒน์บอก
“ครับท่าน”
พิพัฒน์เดินออกจากห้องรับแขกไป สารวัตรสมยศหันมามองหน้าญาดาอย่างสำรวจ
“คุณผู้หญิงคงเป็นภรรยาคุณภูบดี”
“ใช่ค่ะ”
“เท่าที่ผมได้สำนวนมาคุณผู้หญิงให้ปากคำว่าเพิ่งแต่งงานกับคุณภูบดีได้ไม่กี่วันก็ถูกจี้”
“ใช่ค่ะ”
“ที่จริงผมมีสำนวนที่คุณผู้หญิงให้ปากคำไว้แล้ว แต่ผมอยากขอถามอะไรคุณภูซักสองสามคำครับ”
“เชิญเลยค่ะ”
“ต้องขอประทานโทษด้วยครับ เชิญคุณผู้หญิงรอข้างนอกซักครู่”
“แต่เธอเป็นภรรยาผมนะ ผมอยากให้เธออยู่ฟังด้วย” ธาวินบอก
“แต่นี่เป็นความลับของราชการครับ ผมต้องคุยกับคุณภูสองคน”
สารวัตรสมยศผายมือให้ ญาดาจำใจต้องเดินออกไป
“เชิญครับ”
ญาดาออกมาที่หน้าห้องรับแขก รีบกดโทรศัพท์ทันที
“คุณปรารภอยู่ไหนคะ”
ปรารภกำลังขับรถอยู่และพูดคุยกับญาดาที่โทร. เข้ามา
“ผมกำลังจะไปหาคุณภูกับคุณตาลครับ”
“รีบมาด่วนเลยนะคะ มีตำรวจมาสอบปากคำคุณภู ตาลกลัวว่าเค้าจะจับได้ว่าคุณภูสมองเสื่อม”
“ได้ครับ ผมจะรีบไป”
หลังวางโทรศัพท์ ญาดาชะเง้อมองเข้าไปในห้องอย่างกระวนกระวายใจ
ในห้องรับแขก สารวัตรสมยศกำลังซักถามธาวิน
“ผมทราบว่าคุณภูบดีเพิ่งพบกับคุณตาลได้ไม่นานก็แต่งงาน”
“ใช่ครับ”
“ทำไมถึงตัดสินใจเร็วนักล่ะครับ”
“ก็ผมรักเธอ”
“แล้วตอนที่รักกันคุณตาลทราบมาก่อนมั้ยครับว่าคุณเป็นทายาทของตระกูลวริทธิวรนันท์”
“เดี๋ยวนะครับ ผมว่าคำถามของคุณมันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมโดนจี้นะครับ”
“มันเป็นข้อมูลที่ผมต้องเอาไปวิเคราะห์ครับ เพราะคุณเป็นทายาทมรดกพันล้าน บางทีการโดนจี้ของคุณอาจจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา”
“คุณหมายถึงมีคนคิดฆ่าผมเพื่อชิงมรดกงั้นหรือ”
“มันก็เป็นไปได้หมดล่ะครับ คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าคุณตาลทราบรึเปล่าว่าคุณเป็นทายาทพันล้าน”
“ตาลเค้าไม่รู้หรอกครับ หรือถึงเค้าจะรู้ผมก็เชื่อว่าเค้าไม่สนใจเงินทองของผมหรอก”
“ดูคุณภูจะรักและเชื่อใจคุณตาลมากนะครับ”
ธาวินชักไม่พอใจสารวัตรสมยศ
“คุณมีอะไรจะถามอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีผมต้องขอพักผ่อน ผมปวดหัว” ธาวินตัดบท
“ขอถามอีกสองสามข้อครับ”
ญาดาชะเง้อมองเข้าไปในห้องยังเห็นสารวัตรสมยศซักถามธาวินอยู่ สีหน้าของญาดามีแววกังวล ปรารภเดินเข้ามาพอดี
“เค้าสอบปากคำไปถึงไหนแล้ว”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เค้าไม่ยอมให้ตาลอยู่ด้วย”
“ไม่เป็นไรเข้าไปกับผม”
ปรารภเดินตามญาดาเข้าไปในห้อง
“แล้วคุณภูพอจะจำหน้าคนร้ายได้บ้างมั้ยครับ” สารวัตรสมยศซักต่อ
“จำไม่ได้เลยครับ รู้แต่ว่ามันมากันหลายคนแล้วตรงนั้นมันก็ค่อนข้างมืดด้วย”
ปรารภเดินนำญาดาเข้ามา สารวัตรสมยศหันไปมอง ปรารภทักทาย
“สวัสดีครับสารวัตร”
“สวัสดีครับ คุณปรารภ”
“ถ้าครั้งต่อไปสารวัตรต้องการสอบปากคำคุณภูรบกวนโทรบอกผมก่อนนะครับ เพราะคุณภูไม่ค่อยสบาย อาจจะยังไม่สะดวกในการพูดคุย”
“ครับ ขอโทษด้วย บังเอิญผมจะรีบตามคดีให้”
“แล้วเป็นไงครับเรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณภูให้การตรงกับคุณตาลทุกอย่าง งั้นผมลาล่ะครับคุณภู”
สารวัตรสมยศลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขก
“เค้าถามอะไรคุณบ้าง”
“ถามเรื่องเลอะเทอะ”
“เลอะเทอะยังไงครับ” ปรารภถาม
“ก็ถามว่าทำไมผมถึงรักตาล ทำไมรีบแต่งงานเหมือนเค้าไม่เชื่อว่าเรารักกัน”
ญาดาสะดุ้งทันที
“ตำรวจก็อย่างนี้แหละครับชอบสอดเรื่องชาวบ้าน” ปรารภบอก
ทั้งปรารภกับธาวินหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ญาดาต้องฝืนหัวเราะไปด้วย แต่ในใจเริ่มหวั่นกลัว
บุญทันเดินเลี้ยวมาเห็นปารมียืนลับๆล่อๆอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อสารวัตรสมยศเดินออกมา ปารมีก็รีบเดินเข้าไปหาทันที บุญทันชะงัก เอะใจที่เห็นสารวัตรสมยศพูดอะไรกับปารมี ปารมีพยักหน้ารับฟัง จากนั้นสารวัตรสมยศก็ขอตัวเดินแยกไป บุญทันมองตามสารวัตรสมยศและปารมีอย่างฉงนสงสัย ดูเหมือนทั้งสองเหมือนมีลับลมคมในกันอยู่
ทันทีที่บุญทันหันกลับมาก็เจอกับสายตาของมณทกานต์ยืนมองอยู่
“ทำอะไร ดูลับๆล่อๆ”
“เปล่าครับ”
“เปล่าอะไร ก็ชั้นเห็นอยู่ว่านายแอบดูยัยปากับสารวัตรสมยศ”
“คุณเมย์คงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้แอบดู บังเอิญผมจะเดินไปด้านนั้นแต่เห็นคุณปารมีคุยกับตำรวจผมก็เลยไม่อยากเดินไป” บุญทันพูดแก้ตัว
“งั้นก็แสดงว่านายมีความผิดอะไรปกปิดอยู่ ถึงไม่กล้าเจอตำรวจ”
“เปล่าครับ ไม่มี”
“ชั้นไม่เชื่อ”
“ก็ตามใจครับเรื่องของคุณเมย์”
บุญทันจะเดินหนีไป
“เดี๋ยว”
“มีอะไรครับ”
“รถชั้นสตาร์ทไม่ติด นายซ่อมรถเป็นรึเปล่า”
“ก็พอได้ครับ”
“งั้นก็ไปดูให้หน่อย”
บุญทันเดินตามมณทกานต์แล้วส่ายหน้าอย่างระอากับนิสัยลูกคุณหนู
บริเวณหน้าบ้าน มณทกานต์ยื่นส่งกุญแจรถให้ บุญทันลองสตาร์ทดูแต่ไม่ติด บุญทันเดินไปเปิดฝากระโปรงรถดู ลองขยับสายต่างๆ มณทกานต์ยืนมอง บุญทันลองสตาร์ทอีกทีก็ไม่ติดอีกตามเคย
“ว่าไง”
“สงสัยไดสตาร์ทจะเสียน่ะครับ เรียกให้ช่างมาดูดีกว่าครับ”
มณทกานต์อารมณ์เสียทันที
“ฮึ่ย ทำไม่ได้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก เสียเวลา”
“อ้าว ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะครับ”
“ก็มันจริงนี่ ถ้านายบอกชั้นตั้งแต่แรกว่าซ่อมไม่เป็น ชั้นก็โทรเรียกช่างแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลารอ ดูซิชั้นมีธุระสำคัญด้วย”
“ให้ผมขับรถไปส่งมั้ยครับ”
มณทกานต์มองหน้าบุญทัน
“วันนี้คุณท่านไม่ใช้รถ ผมไปส่งคุณเมย์ได้”
“ก็ดีเหมือนกัน รอเดี๋ยว”
มณทกานต์เดินเข้าบ้านไปเอากระเป๋า บุญทันมองตามแล้วนึกขำ
ภายในรถ บุญทันมองผ่านกระจก เห็นมณทกานต์นั่งสวยอยู่ที่เบาะหลัง บุญทันมองยิ้ม มณทกานต์เห็นเข้าพอดี
“มองอะไร”
“อ๋อ ผมจะถามว่าคุณเมย์จะไปธุระที่ไหนครับ ผมจะได้ขับไปถูก”
บุญทันยิ้มให้แต่มณทกานต์ทำเมินซะอย่างนั้น
ที่ร้านเสื้อผ้าภายในห้างสรรพสินค้า มณทกานต์เดินออกมาพร้อมถุงเสื้อผ้าใบใหญ่ ขณะที่บุญทันซึ่งยืนรออยู่นั้นหิ้วถุงชอปปิ้งพะรุงพะรังอยู่ 3-4 ใบ มณทกานต์เดินมาส่งถุงเสื้อให้อีกใบ
“เอา”
“นี่หรือครับธุระของคุณเมย์ที่บอกว่าสำคัญมาก”
“ก็ใช่สิ ทำไม”
“แต่นี่คุณมาชอปปิ้งนะครับ ผมนึกว่าคุณจะไปพบใครหรือทำอะไรที่มันมีสาระกว่านี้”
“ก็นี่แหละสาระของชั้น ชั้นมาซื้อเสื้อผ้าก็เพื่อจะเตรียมตัวไปทำงานที่บริษัทคุณปู่”
“ผมว่าถ้าแต่งตัวสวยแต่ไม่มีสมอง มันก็ไม่มีประโยชน์นะครับ”
“นี่นายด่าชั้นหรือ”
“ผมไม่ได้ด่าครับ ผมแค่จะบอกว่าถ้าคุณเมย์ตั้งใจทำงานจริงเหมือนคุณปารมี ไม่ต้องสวยมากก็มีคุณค่าแล้วนะครับ”
มณทกานต์โกรธจี๊ดขึ้นทันทีที่ถูกยกไปเปรียบเทียบกับปารมี
“หุบปากไปเลยนะ นายเป็นแค่คนขับรถ อย่ามาออกความเห็นเรื่องของชั้น แล้วจำไว้อย่ามาเปรียบชั้นกับยัยปารมี”
บุญทันได้แต่ถอนใจแล้วเดินตามไปมณทกานต์ที่สะบัดก้นเดินนำไปล่วงหน้า
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
บุญทันได้แต่เดินตามมองมณทกานต์ที่สีหน้าบึ้งตึงอยู่ในห้าง
“คุณเมย์โกรธผมหรือครับ”
มณทกานต์มองหน้านิ่ง
“สำคัญตัวผิดรึเปล่า นายเป็นแค่คนขับรถ ชั้นไม่สนใจคำพูดนายหรอก อ้อ แล้วนายก็กลับบ้านไปได้เลยเดี๋ยวชั้นกลับเอง”
“เอ่อ คุณเมย์ครับ”
“ชั้นบอกว่าเดี๋ยวชั้นกลับเอง”
“ผมจะบอกว่าถ้าอย่างงั้นคุณเมย์ก็เอาของของคุณเมย์ไปด้วยครับ”
บุญทันส่งถุงของให้ มณทานต์ยิ่งชักสีหน้าโกรธขึ้ง
“เอาไปสิครับ”
มณทกานต์กระชากดึงของมาจากบุญทัน บุญทันหันหลังเดินไป มณทกานต์มองตามแล้วตัดสินใจเดินตาม
“บุญทัน”
“ครับ”
“นายเอาของพวกนี้กลับไปให้ชั้นที่บ้าน”
มณทกานต์โยนถุงชอปปิ้งที่ถืออยู่ลงจนเกลื่อนพื้นแล้วกำลังเดินออกไปอย่างไม่สนใจ บุญทันมองด้วยสายตาโกรธ
“คุณเมย์ผมว่าคุณชักจะมากไปแล้วนะ”
“มากอะไร นายเป็นคนขับรถเป็นคนรับใช้ ชั้นสั่งอะไรนายก็ต้องทำ ถ้าไม่อยากทำก็ออกไป”
บุญทันพยายามกลั้นอารมณ์โกรธอย่างเต็มที่
“ว่าไง ถ้าไม่ทำก็ออกไป”
บุญทันก้มลงเก็บถุงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย มณทกานต์ยิ้มเยาะ
“ให้มันรู้บ้างว่าเล่นกับใคร”
ภายในห้องพักแบบรายวันของโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่โรงแรมม่านรูด ปารมีเดินออกมาจากลิฟต์อย่างระมัดระวัง มองซ้ายขวาแล้วเดินไปหยุดที่ห้องห้องหนึ่ง ปารมีเคาะประตู แล้วประตูก็ถูกเปิดออก ปารมีก้าวเข้าไปทันที
อนุทินเข้าไปกอดหอมฟัดปารมีทันที
“คิดถึงจังเลย”
“หืมม์ อะไรคะพี่เอทำเหมือนไม่เคยเจอกัน”
“เจอแต่หน้าไม่ได้จูบไม่ได้กอดจะมีประโยชน์อะไร”
อนุทินจะเข้ามาจูบอีก แต่ปารมีดันหน้าไว้
“เดี๋ยวค่ะ ปามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย”
“เดี๋ยวค่อยคุยได้มั้ยให้พี่ชื่นใจปาก่อน”
“ไม่ได้ค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องพี่ภูกับเมียเค้าน่ะค่ะ ปาว่าท่าทางท่าทางคุณปู่จะรักแล้วก็หลงพี่ภูกับหลานสะใภ้มาก”
อนุทินสะกิดใจขึ้นทันที
“ก็ใช่สิ ไอ้ภูมันเป็นหลานโดยสายเลือดนี่”
“แต่ปาว่าคุณปู่ทำไม่ถูก พี่เอคิดดูนะคะ พี่เออยู่ใกล้ชิดคุณปู่มาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งรับใช้ดูแลทำงานให้คุณปู่เยอะแยะ พอหลานชายมาคุณปู่ก็ลืมพี่เอเลย”
อนุทินคล้อยตามคำพูดของปารมีแต่พยายามไม่แสดงความรู้สึก
“ถ้าเป็นแบบนี้ปาว่าพี่เอต้องไม่ได้อะไรจากมรดกคุณปู่ซักสลึง” ปารมีพูดแทงใจดำทันที
“คุณปู่คงไม่ทำอย่างงั้นหรอก อย่างน้อยท่านก็ต้องแบ่งบางส่วนให้พี่บ้าง”
“แต่พี่เออย่าลืมนะคะ บางส่วนที่พี่เอว่ามันเทียบไม่ได้กับมรดกทั้งหมดของคุณปู่”
อนุทินชะงักไปแล้วมองหน้าปารมี
“มรดกเป็นพันล้านนะคะ แล้วปาก็คิดว่ามันควรจะเป็นของพี่เอแต่เพียงผู้เดียว” ปารมีพูดต่อ
“แต่ถ้าคุณปู่ไม่ให้พี่ พี่จะไปทำอะไรได้”
“ได้สิคะ ถ้าเราร่วมมือกัน”
“ร่วมมือยังไง”
“เราก็ต้องหาทางกำจัดพี่ภูกับเมียออกไป”
อนุทินมองหน้าปารมีอย่างลังเล ปารมีเข้ามาแกะกระดุมเสื้อของอนุทินออก ส่งสายตาเชิญชวน อนุทินดึงปารมีลงบนเตียง
ภายในห้องพัก อนุทินยกเบียร์ขึ้นดื่มโดยมีปารมีนอนอยู่ข้างกาย
“แต่พี่ไม่เห็นด้วยนะถ้าเราจะกำจัดไอ้ภูบดีกับเมียด้วยการฆ่ามันสองคน พี่ไม่อยากติดตะราง”
“แล้วใครบอกพี่เอล่ะคะว่า ปาจะให้พี่เอฆ่าพวกมัน”
“แล้วปาจะให้พี่ทำยังไง”
“เราต้องหาทางทำให้มันสองคนระแวงกัน”
“ระแวงยังไงพี่ไม่เข้าใจ”
“ก็ตอนนี้มันสองคนรักกัน เราก็ต้องจัดการให้มันเลิกกัน ปาต้องการให้พี่เอเข้าไปใกล้ชิดนังตาลทำทุกอย่างเพื่อให้พี่ภูหึง”
“ให้พี่เข้าไปจีบว่างั้นเถอะ”
“ใช่ค่ะพี่เอทำยังไงก็ได้เพื่อให้พี่ภูเข้าใจผิดและเลิกกับนังตาล พอมันสองคนเลิกกัน เราก็หาทางกำจัดพี่ภู”
“หวังว่าพอถึงตอนนั้น ปาคงไม่หักหลังพี่แล้วไปแต่งงานกับไอ้ภูนะ”
“ถ้ามันจำเป็นปาก็ต้องทำ”
อนุทินชักสีหน้าไม่พอใจ
“หมายความว่าไง”
“ฟังให้จบก่อนสิคะ ปาหมายถึงว่าถ้าปาต้องแต่งกับพี่ภูจริง หลังจากจดทะเบียนกันแล้ว ปาก็จะเขี่ยเค้าออกไปแล้วเอาสมบัติมาให้พี่เอ”
“พูดจริงนะ”
“จริงสิคะ ปารักพี่เอคนเดียวนะที่ปายอมทำทุกอย่างก็เพื่อพี่เอ”
ปารมีหอมแก้มอนุทินเพื่อยืนยันในความรัก
“สุดที่รักของพี่”
อนุทินดึงปารมีเข้ามากอด แต่ปารมียิ้มแสยะในความโง่ของของอนุทินที่กำลังถูกหลอกใช้
ภายในห้องนอนของภูบดีเวลากลางคืน ธาวินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ ญาดานั่งดูทีวีอยู่บนเตียงพอหลือบไปเห็นก็ชะงักทำทีเป็นหยิบหนังสือข้างตัวมาเปิดดูแก้เขินที่ผู้ชายนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่ตรงหน้า ธาวินเดินมาหาที่เตียงแล้วเรียก
“ตาล”
“มีอะไรคะ”
“ช่วยดูให้หน่อยสิว่าที่หลังผมมันโดนอะไรกัด ผมคันมากเลย”
ธาวินหันหลังให้ ตาลมองเห็นผื่นแดงที่แผ่นหลัง
“สงสัยจะมดรึเปล่าคะ มีผื่นแดงเต็มหลังเลย”
“เกาให้ผมหน่อยสิ”
“คุณภูก็เกาเองสิคะ”
“ผมเกาไม่ถึง ช่วยเกาให้หน่อยเถอะคันมากเลย”
ญาดาเอื้อมมือไปเกาหลังให้แบบไม่เต็มใจ
“สูงหน่อย แรงๆหน่อยสิตาล”
ญาดาทำหน้าหมั่นไส้แล้วกางเล็บข่วนอย่างแรง
“โอ๊ย นั่นมันแรงไป”
“ก็ตาลไม่รู้นี่ คุณภูบอกให้เกาแรงๆ เอาล่ะค่ะ ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้ว”
ธาวินหันหน้ามามอง ญาดาเมินหน้าไม่อยากมองจนธาวินยิ้มขำ
“ทำไมต้องหันหน้าไปทางอื่นด้วย”
“ก็คุณภูแต่งตัวไม่เรียบร้อยตาลไม่อยากมอง”
“ทำเหมือนไม่เคยเห็นผมโป๊ไปได้”
ธาวินเขยิบตัวขึ้นมานั่งใกล้ ญาดาถอยหนีดึงหมอนมาเตรียมป้องกันตัว
“คุณภูจะทำอะไร”
“ทำไมตาลต้องกลัวผมขนาดนั้น”
“ก็ ก็คุณภูเป็นเกย์”
“ถ้าผมเป็นเกย์ ผมก็ไม่ทำอะไรตาลอยู่แล้ว”
“ไม่ทำอะไรแล้วขึ้นมานั่งบนเตียงทำไม”
“ผมอยากอยู่ใกล้เมียผมบ้างไม่ได้หรือไง”
ธาวินมองจ้องหน้าจนญาดาประหม่า ธาวินจับมือญาดาถึงกับสะดุ้ง
“ฝันดีนะ”
ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาหอม ญาดายกหมอนบัง ธาวินเลยต้องจูบหมอนแทน
“ฝันดีค่ะ”
ญาดาผลักวินออกไป ธาวินยิ้มขำ พอลงจากเตียงเดินไปได้แค่สองก้าวก็ชะงัก หลับตายกมือกุมหัว
“โอ๊ย”
ญาดากระโดดลงจากเตียงเข้ามาประคอง
“คุณภูเป็นอะไรคะ”
“ผมปวดหัว”
“นั่งก่อนดีกว่าค่ะ”
ญาดาประคองธาวินลงนั่งที่เตียง ธาวินหน้านิ่วบีบหัวตัวเอง ธาวินเห็นแสงสว่างวูบวาบเข้ามา
“เป็นไงบ้างคะคุณภู”
“เอายาให้ผมหน่อย”
“ค่ะ ค่ะ”
ญาดาวิ่งไปหยิบยากับน้ำดื่มบนโต๊ะเข้ามาให้ ธาวินล้มตัวลงนอนหลับตาขณะที่สีหน้ายังหน้านิ่ว คิ้วขมวดอยู่
“นี่ค่ะคุณภู”
ญาดาประคองป้อนยาให้ ธาวินล้มตัวลงนอน ญาดาหยิบผ้าห่มมาห่มให้ แล้วมองธาวินอย่างห่วงใยโดยไม่รู้ตัว
ญาดาเปิดประตูห้องนอนออกมา แล้วหันซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่า ปลอดคน ญาดาเดินมาหยุดที่ทางเดินมองข้าวของทั้งหลาย พลางนึกถึงเรื่องที่ญาดาคุยกับต้นหอม
“แล้วปล่อยให้คุณปู่อยู่คนเดียวไม่อันตรายเหรอของมีค่าทั้งนั้นเลยนะ”
“ของที่โชว์พวกนี้ยังไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ของมีค่าจริงๆคุณท่านเก็บไว้ในเซฟส่วนตัวที่ห้องทำงาน
ท่านหมดแล้ว”
ญาดากำลังย่องไปตามทางด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา สถานที่เป้าหมายคือ ห้องทำงาน
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภายในบ้าน ไฟทุกดวงดับสนิท หนทางเดินในบ้านมืดสนิท ทว่านภากำลังเปิดประตูหลังเดินย่องเข้ามาในบ้าน นภามองซ้ายขวาเห็นไม่มีใครก็เดินตรงไปขึ้นบันไดบนชั้นบนทันที ญาดาย่องเลี้ยวมาเห็นนภาเข้าพอดี ก็ชะงักหลบอยู่จนเห็นนภาเดินเลี้ยวไปที่ห้องทำงานพิพัฒน์และไขประตูเปิดเข้าไป ญาดามองตามอย่างสงสัย
“คุณป้านภานี่ มาทำอะไรดึกๆ”
ในห้องทำงาน นภาเปิดโคมไฟในห้อง ตรงไปยังเซฟแล้วเสียบกุญแจหมุนเปิดรหัสที่ตู้เซฟเปิด เห็นเงินสดหลายปึกและทองคำแท่งวางซ้อนกันอยู่
ญาดาค่อยๆแง้มประตูห้องเข้ามาเห็นนภากำลังหยิบเงินออกมาสามปึกจากเซฟใส่กระเป๋าใบเล็กที่เตรียมมา ตาลอึ้งแล้วดึงประตูปิดทันที...
“หา.. นี่คุณป้านภาเป็นขโมยเหมือนกันหรือ”
นภารีบปิดเซฟ ปิดไฟและเดินถือถุงผ้าใส่ของเดินออกจากห้องทำงานของพิพัฒน์ นภาเดินออกจากห้องมองซ้ายขวาอย่างระวังตัวก่อนจะเลี้ยวลงบันไดไป ตาลแอบมองอยู่มุมหนึ่งแล้วถอนใจ
“ไม่อยากเชื่อเลย ฮึ่ย มาตัดหน้าเราไปซะงั้น”
ญาดาชะเง้อมองแล้วหันกลับมาเจอธาวินยืนใส่เสื้อคลุมอาบน้ำจ้องอยู่
“ว้าย ..”
“ทำอะไรตาล”
“เอ่อ คือ ตาลนอนไม่หลับน่ะค่ะก็เลยจะไปหาอะไรร้อนๆดื่ม”
“ผมเห็นเหมือนตาลมองอะไรอยู่”
“อ๋อ ไม่มีค่ะ ตาลกำลังลังเลคิดว่าดื่มหรือไม่ดื่มดี แล้วนี่คุณภูลุกขึ้นมาทำไมคะ”
“ผมตื่นมาไม่เห็นตาลตกใจนึกว่าตาลหนีผมไป”
“ตาลจะหนีไปไหนล่ะคะ นี่หายปวดหัวแล้วหรือคะ”
“หายแล้วจ้ะ แล้วตาลจะดื่มอะไรเดี๋ยวผมลงไปเอาให้”
“เอ่อ ตาลไม่ดื่มแล้วค่ะเปลี่ยนใจแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะ ผมไปเอาให้ได้นะ ตาลเป็นเมียผมให้ผมดูแลตาลบ้าง”
ญาดาเริ่มรู้สึกละอายใจ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลว่าเราไปนอนดีกว่าไปค่ะ ตาลง่วงแล้ว”
ญาดาดึงมือธาวินเดินกลับเข้าห้อง
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดาเดินไปขึ้นบนเตียงล้มตัวลงนอน ธาวินเดินตามมาหยุดมอง
“อ้าว คุณภู ทำไมไม่ไปนอนล่ะคะ”
“ให้ผมนอนบนเตียงด้วยคนได้มั้ย ผมนอนบนโซฟาไม่สบายเลยมันปวดตัว”
ธาวินทำท่าจะขึ้นเตียง ญาดาดีดตัวขึ้นขวางไว้
“ไม่ได้ค่ะ ตาลบอกแล้วไงคะว่าตาลยังทำใจไม่ได้ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ตาลต้องปรับใจให้ยอมรับในตัวคุณภู”
“แล้วเมื่อไหร่ตาลจะยอมรับผมได้ซะที”
“คุณภูคะ การมีสามีเป็นเกย์มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆนะคะ”
“แต่ผมว่า ...”
“ไม่มีแต่ค่ะ ตาลยังไม่ลืมภาพที่คุณภูกอดจูบกับผู้ชายนะคะ เอาล่ะค่ะคุณภูไปนอนได้แล้ว”
“งั้นหอมแก้มผมหน่อยได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ ไปนอน”
ญาดาตอบเสียงแข็ง ธาวินเดินคอตกไปนอนที่โซฟา ตาลมองตามแล้วก็ส่ายหน้าล้มตัวนอนคลุมโปง ธาวินมองญาดาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
เวลาต่อมา นภาเดินกลับมาเปิดประตูเข้าบ้าน ปารมีในชุดนอนเดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“อ้าว แม่ แม่ไปไหนมาคะ เมื่อกี้หนูไปดูแม่ที่ห้อง”
“แม่นอนไม่หลับน่ะลูกก็เลยออกไปเดินเล่น”
“หนูเคยบอกแม่แล้วไงว่าอย่าออกไปเดินเล่นกลางคืน น้ำค้างมันแรงเดี๋ยวก็ไม่สบายขึ้นมาอีก”
“จ้ะ แม่ขอโทษ แม่ไปนอนแล้วนะ”
นภาเดินขึ้นบันไดไป ปารมีมองตามแปลกใจ
“ทำไมแม่ดูแปลก ๆ”
เช้าวันใหม่ ภายในห้องนอนของภูบดี ธาวินเดินออกจากห้องน้ำโดยสวมสื้อยืดกางเกงขาสั้น ญาดายังหลับอยู่ที่เตียง ธาวินเดินเข้าไปดูใกล้ๆแล้วยิ้มค่อยๆก้มหน้าลงไปหอมแก้ม ญาดาสะดุ้งตื่นตกใจพอดี “นี่คุณภูทำอะไรตาล”
“เปล่านะ ผมไม่ได้ทำอะไรผมแค่ดูว่าตาลตื่นรึยัง”
“จริงหรือตาลรู้สึกเหมือนมีใครมาหอมแก้ม”
“ตาลฝันรึเปล่า ผมยังไม่ได้ทำอะไรตาลเลย”
ญาดามองจ้องหน้า ธาวินตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง
“จริงจริง”
ญาดามองอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“แล้วทำไมคุณตื่นเช้าจังจะไปไหนคะ”
“ผมจะลงไปว่ายน้ำซะหน่อย ตาลจะลงไปเล่นน้ำกับผมมั้ย”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลว่ายน้ำไม่เป็นคุณภูไปเถอะค่ะ”
ธาวินกำลังจะเดินออกจากห้องไป ญาดาเรียกขึ้น
“เดี๋ยวค่ะคุณภู”
“ว่าไงจ๊ะ”
“แน่ใจนะคะว่าแข็งแรงพอที่จะว่ายน้ำได้แล้ว ไม่ใช่ไปปวดหัวในสระแล้วจมน้ำไปนะคะ”
“สบายมากจ้ะ ตาลไม่ต้องห่วง”
ญาดายิ้มมองตามธาวินอย่างลืมตัวแล้วนึกได้ ญาดาจับแก้มที่ถูกหอม
“เอ๊ะ แล้วเราไปห่วงเค้าเรื่องอะไรวะเนี่ย ฮื้อ ถ้าจะงงใหญ่แล้วเรา ว่าแต่เมื่อกี้เราว่าเราไม่ได้ฝันนะ ท่าทางไอ้หมอนี่จะหลอกแต๊ะอั๋งตอนเราหลับ เฮ้ย! แล้วเค้าลักหลับเรารึเปล่า ไม่นะ เราว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไร โอ๊ย เง็ง”
ญาดาถอนใจอย่างเซ็งๆกับสถานการณ์แล้วลุกเดินเข้าห้องน้ำไป
บริเวณสระน้ำ ธาวินว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว ภาพในสมองความจำของธาวินขณะดำน้ำกลับเห็นบุญทันดำน้ำแหวกเข้ามา ธาวินสะดุ้งพุ่งพรวดขึ้นแล้วสะบัดน้ำด้วยความตกใจ หายใจหอบ
“เฮ้ย .. ทำไมเราเห็นหน้าไอ้บุญทัน”
ธาวินดำน้ำลงไปอีกครั้งในน้ำว่างเปล่าไม่มีใคร ธาวินโผล่ขึ้นมอง
“เราคงเป็นเกย์อย่างที่ตาลบอกจริง ๆ เราถึงเห็นหน้ามัน”
ธาวินสะบัดหน้าพยายามไล่ภาพบุญทันออกไปจากหัว
“ไม่ได้ เราต้องไม่นึกถึงมัน เราไม่ได้ชอบมันเราชอบผู้หญิง”
ธาวินพุ่งตัวว่ายน้ำต่อ
บนฝั่ง...บุญทันเดินเลี้ยวมาเห็นธาวินว่ายน้ำอยู่ บุญทันหยุดมอง
“ไอ้วิน ต้องหาทางพามันไปหาหมอให้ได้”
ธาวินว่ายน้ำมาถึงขอบสระแต่เงยหน้าขึ้นจากน้ำ ก็เห็นบุญทันยืนมองอยู่ที่ขอบสระ ธาวินสะดุ้งผละ
ถอยออกอย่างตกใจ
“บุญทัน”
บุญทันยื่นมือให้
“ขึ้นมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง”
ธาวินโดดขึ้นจากสระ เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว บุญทันมองเดินตามเข้าไปหา ธาวินมองอย่างระแวง
“คุณภูครับ”
“มีอะไร”
“บ่ายนี้ผมอยากชวนคุณภูออกไปข้างนอกครับ”
“นี่บุญทันชั้นขอเตือนแกนะว่าอย่ามายุ่งกับชั้น ชั้นไม่ได้เป็นพวกเบี่ยงเบน ถ้าแกมายุ่งกับชั้นล่ะก็ ชั้นไม่รับรองความปลอดภัยนะ”
ธาวินหันหลังเดินหนีไป บุญทันคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวสิครับ”
ธาวินสะดุ้งมองเห็นมือบุญทันที่จับแขนไว้จึงต่อยโครมเข้าที่หน้าบุญทัน
“โอ๊ย นี่แกต่อยชั้นทำไมวะ”
“ก็ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับชั้น ถ้าแกขืนมาถูกตัวชั้นอีก ชั้นจะอัดแกให้ยับเลย”
ธาวินกำหมัดโชว์ค้างไว้ ญาดาเดินเข้ามาพอดี
“มีเรื่องอะไรกันคะคุณภู”
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไรเข้าบ้านเถอะ” ธาวินบอก
ธาวินดึงญาดาเข้ามากอดโชว์บุญทัน
“ชั้นจะบอกให้แกรู้ว่าชั้นรักเมียชั้น หวังว่าแกจะไม่มายุ่งกับครอบครัวเรา”
ญาดามองบุญทันกับวินอย่างงงว่า พูดอะไรกัน บุญทันมองตามจับปากที่เจ็บอยู่เพราะถูกต่อย
“ไอ้วินต้องถูกล้างสมองจริง ๆ”
ระหว่างทางเดินภายในบ้าน ธาวินเดินเข้ามากับญาดา
“ทำไมคะ มีเรื่องอะไรเล่าให้ตาลฟังซิ”
“บุญทันมันชวนผมออกไปข้างนอก พอผมบอกไม่ไปมันก็เลยจะลวนลามผม”
“จริงหรือคะ”
“ใช่ ผมเลยต่อยหน้ามันซะเลย”
ญาดาเริ่มสงสัยในตัวบุญทัน
“เอ๊ะ! ทำไมนายบุญทันถึงสนใจคุณภูนัก”
“มันคงนึกว่าผมง่ายน่ะสิ แต่ตาลไม่ต้องห่วงนะยังไงผมก็ไม่มีวันชอบมันแน่ แค่นึกก็จะอ้วก ยังไงผมก็รักตาลคนเดียว” ธาวินจุ๊บแก้ม จนญาดาสะดุ้งพลางลูบแก้มด้วยความแค้นใจที่ธาวินชอบฉวยโอกาส
“ไอ้หมอนี่ เผลอเป็นไม่ได้หลอกจูบเราตลอด”
โปรดติดตามตอนต่อไป .
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
บริเวณที่จอดรถ บุญทันกำลังเปิดฝากระโปรงรถตรวจน้ำกลั่นกับน้ำมันเครื่อง ญาดาเดินเข้ามาหยุดมองอย่างสำรวจคิดวิเคราะห์ในตัวบุญทัน
“ท่าทางมันก็ไม่น่าจะเป็นเกย์”
บุญทันรู้สึกเหมือนมีคนมองจึงหันกลับไปแต่ไม่เห็นใคร เมื่อหันกลับ มณทกานต์ก็เดินเข้ามาหา บุญทันหันไปปิดฝากระโปรงรถแล้วจะเดินหนีไป
“เดี๋ยว”
บุญทันทำเป็นไม่ได้ยิน มณทกานต์เดินเข้ามาดักหน้า
“นี่ ชั้นเรียกไม่ได้ยินหรือไง หูหนวกหรือ”
“ผมไม่ทราบว่าคุณเมย์เรียกผม”
“ก็ตรงนี้มีแค่นายกับชั้นสองคน ถ้าไม่เรียกนายชั้นจะไปเรียกสุนัขที่ไหน”
บุญทันพยายามใจเย็นทั้งที่รู้ว่า มณทกานต์พยายามหาเรื่อง
“มีอะไรหรือครับ”
“ไปย้ายกระถางต้นไม้ให้หน่อยซิ”
“เดี๋ยวผมไปตามลุงแย้มมาทำให้นะครับ”
“แต่ชั้นสั่งให้นายทำ”
บุญทันมองหน้า มณทกานต์จ้องหน้ากลับอย่างเอาเรื่อง
“ก็ได้ครับ”
บุญทันเดินตามมณทกานต์ไป ญาดาโผล่หน้าออกมามองสังเกต
บริเวณหน้าบ้าน มณทกานต์เดินนำเข้ามาชี้กระถางต้นไม้ให้บุญทัน
“นายเอากระถางนี้ย้ายให้หน่อย”
“ย้ายไปไหนครับ”
“นู่น”
บุญทันยกกระถางไปวางตรงที่เมย์ชี้ บุญทันวางเสร็จก็หันไปบอก
“แค่นี้นะครับ”
“เดี๋ยว ชั้นว่ามุมนี้ไม่ดี นายยกไปไว้ตรงนู้นซิ”
บุญทันถอนใจก่อนยกกระถางขึ้นเดินไปยังจุดที่มณทกานต์บอกใหม่ ครั้นบุญทันก้มจะวางกระถางลง
“เอ๊ะ ตรงนั้นก็ไม่ดีไหนลองตรงนั้นซิ”
บุญทันชะงักมองจ้องหน้ามณทกานต์
“มองอะไร ยกมาสิ”
บุญทันยกกระถางไปวาง มณทกานต์มองแล้วก็ส่ายหน้าอีก
“ไม่ดี เอากลับมาไว้ที่เดิมซิ”
บุญทันพยายามควบคุมความไม่พอใจยกกระถางกลับมาวางที่เดิม มณทกานต์มองอย่างลังเล
“เอ๊ะ หรือว่า”
บุญทันหมดความอดทนเดินเข้ามาหา มณทกานต์ชะงักถอย แม้จะเริ่มกลัวแต่ก็ยังปากเก่ง
“นี่นายจะทำอะไร”
บุญทันไม่ตอบเดินเข้ามาใกล้ มณทกานต์ถอยไปจนมุม บุญทันยืนจ้องหน้าจนมณทกานต์เริ่มประหม่า บุญทันก้มหน้าเข้าไปหาจนใกล้เหมือนจะจูบ
ญาดาที่แอบมองอยู่โผล่หน้าออกมาจากหลังพุ่มไม้ เห็นบุญทันทำท่าเหมือนจะจูบมณทกานต์ ญาดาชะเง้อมองเผลอคิดไปก่อน
“นี่นายบุญทันจะทำอะไรน้องเมย์ อย่าบอกนะว่าจะจูบน้องเมย์”
บุญทันมองจ้อง มณทกานต์อึ้ง หวั่นไหววาบหวิวนึกว่าจะถูกจูบ แต่ไม่ใช่...
“ผมจะถามว่าคุณเมย์อยากให้ผมย้ายกระถางไปไว้ตรงไหนอีก”
“เอ่อ ไม่ต้องแล้ว ตรงนั้นก็โอเคแล้ว”
มณทกานต์หลบสายตาบุญทันที่มองอย่างโมโหแล้วเดินลิ่วกลับไป มณทกานต์มองตามถอนใจเฮือก
“นึกว่าจะทำอะไรเรา ตกใจหมด”
ทันทีที่เห็นบุญทันเดินมาตามทาง ญาดาก็รีบหลบ แต่บุญทันเรู้ว่าญาดาซ่อนตัวหลบอยู่หลังพุ่มไม้
“คุณตาลมีอะไรกับผมรึเปล่า”
ญาดาสะดุ้งแต่ยังไม่ยอมออกมาจากหลังพุ่มไม้
“ผมเห็นคุณแอบมองผมตั้งแต่อยู่ที่โรงจอดรถแล้ว”
ญาดาตกใจที่บุญทันจับได้ แกล้งทำเก๊กเนียนโผล่หน้าออกมาจากหลังพุ่มไม้แล้วว่า
“นายบ้ารึเปล่า ชั้นจะแอบมองนายทำไม”
“ผมจะไปทราบหรือครับ ถ้าคุณตาลไม่ได้แอบมองผมแล้วคุณมายืนทำอะไรตรงนี้”
“ชั้นก็ออกมาเดินเล่นดูต้นไม้ใบหญ้า แล้วบังเอิญเห็นนายจะทำมิดีมิร้ายน้องเมย์ ชั้นก็เลยแอบดูเพราะถ้าน้องเมย์ร้องขอความช่วยเหลือ ชั้นจะได้เข้าไปช่วย”
“ผมเป็นแค่คนขับรถ ผมคงไม่กล้าทำอะไรโง่ๆแบบนั้นหรอกครับ”
“อ้อ ใช่สิ ชั้นลืมไปว่านายไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะว่านายคิดอะไรกับคุณภู”
บุญทันยืนงง ญาดายิ้มเยาะแล้วเดินออก บุญทันมองตามด้วยสายตาสงสัย
“เธอพูดเรื่องอะไรของเธอ”
ญาดาหันกลับมาหยุดมองอย่างไม่ไว้ใจ
“สงสัยจะเป็นเสือไบ ชอบทั้งหญิงทั้งชาย”
ญาดาจะขยับเดินก็ชะงักเมื่อเจอกับนภากับปารมีเดินเลี้ยวมาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณป้านภา”
นภาเมินหน้าไม่รับไว้
“แม่คะ พี่ตาลเค้าทักนะ” ปารมีบอก
“อืมม์ สวัสดี”
นภารับคำอย่างเสียไม่ได้แล้วเดินผละไป
“ขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะคะพี่ตาล แกอารมณ์ไม่ค่อยปกติน่ะค่ะ นี่ปากำลังจะพาไปหาหมอ”
“คุณป้าเป็นอะไรหรือคะ”
“เป็นโรคซึมเศร้าน่ะค่ะต้องพบหมอทุกเดือน ขอตัวนะคะ”
“ค่ะ”
ญาดามองตามปารมีและนภาที่เดินออกไป
“ฮึ เป็นโรคซึมเศร้าแต่ดึกๆลุกขึ้นมาขโมยของ”
ญาดาส่ายหน้าแล้วก็ชะงักที่เห็นอนุทินยืนมองยิ้มให้อยู่ใกล้ๆ
“สวัสดีครับ น้องตาล”
ญาดาแปลกใจกับท่าทีของอนุทิน
“หวัดดีค่ะ คุณเอ”
“เรียกผมพี่เอก็ได้นะครับ เพราะที่จริงน้องตาลก็มีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ผม”
“ค่ะ พี่เอ”
“เมื่อกี้พี่ขึ้นไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่นึกว่าจะเจอน้องตาลซะอีก”
“อ๋อ ตาลทานกาแฟไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ พี่เอมีอะไรกับตาลรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่อยากทำความรู้จักกับน้องสะใภ้คนใหม่”
อนุทินจ้องหน้าจนญาดายิ้มเขิน
“นายภูนี่ตาคมนะ เลือกเมียได้สวยน่ารัก”
“ขอบคุณค่ะ”
“เป็นไงครับ ชอบบ้านวริทธิวรนันท์มั้ย”
“ชอบค่ะ แต่ที่นี่ใหญ่จังตาลยังเดินไม่ทั่วเลย”
“วันไหนว่างๆไปกินกาแฟบ้านพี่บ้างก็ได้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ธาวินเดินเข้ามาเห็นอนุทินยืนคุยอยู่กับญาดาพอดี
“ตาล ...มาอยู่นี่เอง พี่เดินหาซะทั่ว”
“ตาลคุยกับพี่เอน่ะค่ะคุณภู”
อนุทินจงใจแตะแขนญาดาให้ธาวินเห็น
“ แล้ววันหลังคุยกันใหม่นะน้องตาล”
“ค่ะ”
ธาวินมองอย่างไม่พอใจ
“คุยอะไรกันหรือ”
“ก็เรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ ตลกนะคะอยู่ดีๆวันนี้คุณเอก็พูดดีกับตาลแถมยังชวนตาลไปกินกาแฟที่บ้านด้วย”
“แต่ผมไม่ชอบนะ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็ที่เค้าทำสนิทสนมแตะตัวแตะแขนตาลน่ะ”
“เค้าคงเห็นตาลเป็นน้องมากกว่าค่ะ”
“ผมไม่เชื่อ แล้วผมก็ไม่อยากให้ตาลสนิทสนมกับเค้านะ ตาลเป็นเมียผมนะ ผมบอกตามตรงว่าผมหึง”
ธาวินมองจ้องหน้า ญาดาหลบตาเขินกับคำพูดจริงจังของธาวิน
“ค่ะ ตาลจะอยู่ห่างๆเค้า”
“ดีมากจ้ะ”
ธาวินจะจุ๊บแก้ม ญาดายกมือบังอย่างรู้ทัน
“ห้ามค่ะ”
ธาวินมองตามแล้วส่ายหน้ากับท่าทีของญาดา อนุทินยืนมองยิ้มอย่างหวังร้ายอยู่ด้านหลัง
ภายในห้องตรวจของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอกำลังส่องไฟฉายตรวจลูกตานภาทั้งซ้ายและขวา ทั้งนภายังอ้าปากให้หมอส่องไฟดู
“โอเคครับ ช่วงนี้คุณนภานอนหลับสนิทมั้ยครับ”
“หลับๆตื่นๆน่ะค่ะ บางคืนก็ไม่หลับเลย”
“ทำไมล่ะครับ หมอเคยบอกแล้วไงถ้านอนไม่หลับให้ทานยาที่หมอให้ไป”
“ดิชั้นกลัวว่าถ้าหลับไปแล้วจะฝันร้าย”
“ฝันอะไรครับ เล่าให้หมอฟังได้มั้ย”
“มีคนพยายามทำร้ายชั้นกับลูก แล้วชั้นก็ ...”
นภาหยุดอยู่แค่นั้น ไม่กล้าเล่าต่อ
“แล้วยังไงครับ”
“แล้วชั้นก็ฆ่ามัน เลือดเต็มไปหมดเลยค่ะ มันน่ากลัวมากเลยค่ะหมอเหมือนมันเกิดขึ้นจริงๆ” พูดจบนภาก็ร้องไห้
“เอาล่ะครับ คุณนภาไม่ต้องกลัว มันเป็นแค่ความฝัน ไม่มีใครทำร้ายคุณนภาได้หรอก”
นภายังมีแววตาตื่นตระหนกแม้ว่าหมอจะปลอบแล้วก็ตาม
“เชื่อหมอนะครับ มันเป็นแค่ความกลัวฝังใจคุณนภาเท่านั้นเอง หมออยากให้คุณนภาทานยาที่หมอให้ไปให้ครบ เพราะถ้าคุณนภาทานบ้างไม่ทานบ้าง การรักษาก็จะไม่ดีขึ้นนะครับ เข้าใจมั้ยครับ”
นภาพยักหน้ารับ
“ดีมากครับ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทางเดินในโรงพยาบาล หมอกำลังเดินคุยมากับปารมี
“หมอว่าคุณปารมีคงต้องอยู่ใกล้ชิดคุณนภาให้มากกว่านี้นะครับ พยายามให้แกทานยาให้ครบตามที่หมอสั่ง”
“คุณแม่เริ่มผิดปกติอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ แกบอกหมอว่าแกฝันร้ายบ่อย ๆ”
“ทำไมแม่ถึงฝันร้ายอยู่เรื่อยๆคะหมอ”
“แกคงมีเรื่องที่กลัวฝังใจน่ะครับ หมอพยายามถามแกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่แกก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง คุณปารมีพอจะบอกหมอได้มั้ยครับว่าคุณนภาแกมีเรื่องอะไร”
ปารมีปกปิดทันที
“เอ่อ ปาก็ไม่ทราบค่ะ บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่พ่อกับแม่เลิกกันน่ะค่ะ”
หมอพยักหน้ารับรู้
“ยังไงคุณปารมีก็ใกล้ชิดแกหน่อยนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
ปารมีนึกถึงแม่แล้วก็ถอนใจ
ในเวลาต่อมา ปารมีกับนภากลับเข้ามาในบ้าน นภาวางของลง ปารมีเดินไปเทน้ำให้
“น้ำค่ะแม่”
“ขอบใจลูก”
“แม่ต้องพยายามลืมเรื่องในอดีตนะคะ ถ้าแม่ไม่ลืมแม่ก็จะเจ็บปวดอยู่อย่างนี้”
“แม่ลืมไม่ได้หรอกลูก พวกมันโหดร้ายกับแม่แค่ไหนลูกไม่รู้หรอก”
นภาน้ำตาไหล
ในอดีต ภายในห้องพักในเวลากลางคืน นภานอนหลับอยู่ในห้อง ประตูห้องถูกงัดเปิดเข้ามา ชายฉกรรจ์ 2 คนเดินย่องเข้ามาที่ห้องและเดินตรงไปที่เตียง นภาในวัย 30 ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ชายทั้ง 2 คนยิ้มให้กัน นภาลืมตาตื่นมองอย่างตกใจ
“นี่พวกแกเป็นใคร ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ชายคนแรกปิดปากนภา ชายอีกคนตรงเข้ามากระชากเสื้อ นภาทั้งดิ้นทั้งถีบ ชายคนที่สองต่อยท้องนภาจนตัวงอทรุดสลบไป แล้วแสยะยิ้มพลางปลดกางเกงของตัวเองออก ก้าวขึ้นเตียง มือลูบไล้แล้วจับที่ใบหน้าของนภาพร้อมกับกระชากเสื้อของนภาออกจนเปลือยเปล่า
นภานึกถึงครั้งใดก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ถ้าไม่เป็นเพราะพวกมัน ชีวิตของแม่กับลูกก็จะไม่เป็นแบบนี้เพราะพวกมัน พวกมันทำลายชีวิตเรา พวกมันทำลายชีวิตเรา”
ปารมีกอดแม่ด้วยความสงสาร
“แม่คะ มันจบไปแล้วค่ะ จะไม่มีใครทำอะไรแม่ได้อีก หนูสัญญาหนูจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายแม่อีก”
นภาร้องสะอื้นในอ้อมกอดปารมี
วันรุ่งขึ้นตอนกลางวัน ภายในบ่อน เจ๊อ้อยถือถาดเครื่องดื่มเข้ามาบริการให้ลูกค้าที่กำลังแทงรูเล็ตที่โต๊ะ
“เป๊ปซี่ของเฮียโต น้ำส้มของเจ๊ศรี น้ำแดงของต้อยติ่งได้แล้วจ้ะ”
“ขอบใจ เจ๊อ้อย” ลูกค้าบอก
“ขอโอวัลตินเย็นแก้วนะเจ๊อ้อย” ลูกค้าอีกคนสั่ง
“ได้ เดี๋ยวเอามาให้นะ”
เจ๊อ้อยหยุดยืนดูคนแทงรูเล็ตแล้วลุ้นเชียร์ไปกับลูกค้าคนอื่นด้วย ลูกรูเล็ตลงรู คนแทงถูกเฮ คนแทงผิดบ่นพรึม เจ๊อ้อยมองอย่างคันมืออยากเล่นบ้าง ถือถาดกาแฟเดินไปห้องเฮียเสก เคาะประตูเปิดเข้าไป
ภายในห้อง เฮียเสกกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เจ๊อ้อยเปิดเข้ามา
“กาแฟได้แล้วจ้ะเฮียเสก”
“ขอบใจ”
“นี่เฮียเสก ไหนๆชั้นก็ถูกจับเป็นตัวประกันไว้ที่นี่แล้ว ให้ชั้นยืมเงินทำทุนซักก้อนได้มั้ย เผื่อชั้นเล่นได้ ชั้นจะได้เอาเงินมาปลดหนี้ตัวเอง”
“ไหนบอกว่าลูกสาวกำลังหาเงินมาช่วยไง”
“ไอ้ตาลมันก็หาอยู่ทางนึง ส่วนชั้นอยู่ทางนี้ ชั้นก็ไม่อยากอยู่เฉย ๆนะเฮียเสก ชั้นขอยืมซักห้าหมื่นก็ได้ ชั้นว่าวันนี้ชั้นดวงเฮง ต้องเล่นได้แหง ๆ”
เฮียเสกส่ายหน้าแล้วบอก
“ไม่ ชั้นว่าเจ๊อ้อยอยู่เฉยๆคอยเสริฟน้ำล้างแก้วน่ะดีแล้ว อย่าเพิ่มหนี้อีกเลย”
“แต่ชั้นว่า ...”
“ไปสั่งข้าวกระเพราให้จาน”
“แหม เฮียเสก ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือ”
เสกมองหน้าเจ๊อ้อยเขม็ง
“อยากเจ็บตัวหรือไง ออกไป”
เสกตวาด เจ๊อ้อยคว้าถาดเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย เสกมองตามแล้วส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
ที่มุมหนึ่งของบ่อน เจ๊อ้อยกดโทรศัพท์ หาญาดาที่แอบพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำในห้องภูบดี
“ฮัลโหล”
“นี่แม่เองนะไอ้ตาล”
“แม่เป็นไงบ้าง พวกมันทำอะไรแม่รึเปล่า”
“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปก็ไม่แน่ เมื่อไหร่เอ็งจะหาเงินมาไถ่ตัวแม่ออกไปได้ซะที นี่แม่ต้องเสริฟข้าวเสริฟน้ำล้างแก้วล้างจานขัดดอกให้มันจนมือเปื่อยหมดแล้วนะ”
“อดทนหน่อยนะแม่ หนูก็พยายามหาเงินอยู่ แต่มันยังไม่มีจังหวะ”
“จังหวะอะไรวะ แล้วเอ็งไปหาเงินที่ไหน”
“แม่อย่าเพิ่งรู้เลย เอาเป็นว่าแม่อดทนไปก่อนนะ ถ้าได้เงินเมื่อไหร่ หนูจะรีบไปไถ่ตัวแม่ทันที”
“เออ เออ แต่เอ็งก็สบายดีใช่มั้ย”
ญาดาน้ำตาคลอ
“สบายดีจ้ะ หนูคิดถึงแม่นะ”
“เออ แม่ก็คิดถึงเอ็ง แม่ขอโทษนะที่ทำให้เอ็งลำบาก แม่สัญญา ถ้าแม่ออกไปได้ แม่จะเลิกเข้าบ่อนเด็ดขาด”
“จ้ะแม่ ดูแลตัวเองดีๆนะ”
“เออ เอ็งก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองนะลูก”
“จ้ะ”
ทั้งญาดาและเจ๊อ้อยต่างน้ำตาไหลด้วยความเป็นห่วงและคิดถึงกัน
“ทำยังไงเราถึงจะขโมยเงินไปช่วยแม่ได้นะ”
ภายในห้องทำงาน พิพัฒน์กำลังดื่มชา นั่งคุยอยู่กับปรารภ ธาวินและญาดา
“ตกลงปู่ได้ฤกษ์แต่งงานของแกสองคนแล้วนะ”
“เมื่อไหร่ครับ” ธาวินถาม
“วันที่ 15 เดือนหน้า”
“เดือนหน้าหรือคะ” ญาดาน้ำเสียงตกใจ
“ใช่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
ธาวินมองหน้า ญาดาฝืนยิ้ม
“ไม่มีค่ะ ตาลแค่คิดว่ามันเร็วไปรึเปล่า”
“แล้วจะรอช้าทำไม หนูกับเจ้าภูก็เป็นผัวเมียกันแล้ว ปู่ว่าแต่งแล้วก็จดทะเบียนกันซะให้เรียบร้อย เดี๋ยวเกิดมีลูกขึ้นมาจะได้ไม่วุ่น” พิพัฒน์บอก
“ใช่ครับ ผมว่าแต่งกันซะให้เรียบร้อยดีกว่า” ปรารภว่า
“งั้นก็แล้วแต่คุณปู่เลยครับ” ธาวินสรุป
“แล้วปู่ก็อยากให้หลานสองคนลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองไทยซะ”
“ตาลคิดว่าไง” ธาวินถาม
ญาดาฝืนยิ้มแล้วบอก
“แล้วแต่คุณภูเถอะค่ะ ตาลยังไงก็ได้”
“ผมก็เห็นด้วยกับคุณท่านนะครับ เพราะคุณภูเองก็ไม่มีญาติอยู่ที่อเมริกาแล้ว กลับมาช่วยบริหารงานให้คุณท่านดีกว่าครับ” ปรารภบอก
“ใช่ ปู่อยากให้หลานกลับมาดูแลกิจการของเราทั้งหมด”
“แต่ผมจะทำได้หรือครับ” ธาวินถาม
“ได้สิก็เห็นปรารภบอกว่าหลานอยู่ที่นู่นมีธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่หรือ”
ธาวินมองหน้าปรารภที่แอบพยักหน้าให้
“อ๋อ ใช่ครับ”
“แล้วเปิดมากี่ปีแล้ว”
“เอ่อ...” ธาวินอึกอักมองหน้าปรารภอีก
“เห็นว่าแปดเก้าปีใช่มั้ยครับคุณภู”
“ใช่ครับ ประมาณแปดเก้าปี”
“ถ้ามีประสบการณ์บริหารมาได้นานขนาดนี้ รับรองงานของบริษัทเราหลานทำได้แน่”
“ถ้าคุณปู่คิดว่าผมทำได้ ผมก็ไม่มีปัญหาครับ”
“แล้วหนูตาลล่ะ” พิพัฒน์ถาม
“เอ่อ หนูไม่เคยทำงานบริษัทค่ะ สงสัยจะทำไม่ได้”
“ไม่ใช่ ปู่จะถามว่าหนูมีญาติพี่น้องอยู่ที่ไหนบ้างจะได้เชิญมางานแต่งงาน”
“อ๋อ หนูมีแม่น่ะค่ะ แต่ตอนนี้ ท่านไม่ได้อยู่เมืองไทยค่ะ”
ธาวินกับปรารภมองหน้าญาดา
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
“คือ แม่หนูทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ไต้หวันค่ะ”
“อ้าว ก็เชิญกลับมาสิ ลูกสาวแต่งงานทั้งทีไม่มาได้ยังไง”
“แม่คงไม่สะดวกที่จะมาหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“คือ แม่ตาลต้องทำงานใช้หนี้ที่พ่อสร้างไว้ก่อนตายน่ะค่ะ”
“ทำไมตาลไม่เคยเล่าให้ผมฟัง” ธาวินถาม
“ก็ ตาลไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัว มาทำให้คุณภูลำบากใจ”
“เรื่องส่วนตัวที่ไหนกัน เราสองคนเป็นผัวเมียกัน เราก็เหมือนเป็นคนๆเดียวกัน”
ญาดาได้ทีตีหน้าเศร้าแล้วฝืนยิ้ม พิพัฒน์ถามขึ้น
“แล้วที่บ้านหนูมีหนี้สินเท่าไหร่บอกมาเลย เดี๋ยวปู่จัดการให้เอง”
“คุณปู่จะออกเงินให้ตาลหรือคะ”
“ยังไงปู่ก็ต้องให้ค่าสินสอดกับแม่ของหลานอยู่แล้ว บอกมาซิว่าติดหนี้เค้าเท่าไหร่”
ญาดานึกถึงหน้าเฮียเสกที่ประกาศก้องว่า “สิบล้าน”
ญาดาคิดอย่างลังเล
“เอ่อ สิบ สิบห้าล้านค่ะ”
“เงินแค่นี้เอง เดี๋ยวปู่ให้ปรารภจัดการให้”
ญาดายิ้มดีใจสุดๆ
“หนูกราบขอบพระคุณคุณปู่มากนะคะ คุณปู่มีเมตตากับหนูมากหนูจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ”
“หนูเป็นเมียเจ้าภูก็ถือว่าเป็นคนในตระกูลปู่ ขอให้หนูกับเจ้าภูรีบมีหลานให้ปู่เร็วๆก็แล้วกัน”
ญาดาหน้าเจื่อนไป ธาวินดึงญาดาที่ฝืนยิ้มให้เข้ามากอด
ญาดานึกถึงภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น...
ภายในห้องของภูบดี เงินเป็นปึกถูกนำมาวางอยู่ทีโต๊ะ ญาดาในชุดสวยเดินเข้ามาหยิบเงินปึกหนึ่งขึ้นมาจูบ กลิ่นธนบัตรลอยแตะจมูก ช่างหอมชื่นใจเสียนี่กระไร ญาดากวาดเงินทั้งหมดบนโต๊ะใส่กระเป๋าแล้วเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีออกจากห้อง
ธาวินวิ่งตามออกมาขวางญาดาไว้
“ตาล! นี่ตาลจะทิ้งผมไปจริงๆเหรอ”
“ใช่ เพราะคุณไม่มีประโยชน์อะไรกับชั้นแล้ว ถอยไป”
“ไม่ ผมจะไม่ยอมให้ตาลไปไหน”
ธาวินคว้ามือไว้ ญาดาสะบัด
“ปล่อยชั้น”
“ไม่ ผมไม่ปล่อย อย่าทิ้งผมไปนะตาล”
“ชั้นบอกให้ปล่อย”
ญาดาสะบัดมือจนหลุดแล้วผลักวินล้มลงกระแทกพื้น
“ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นไม่ใช่เมียคุณ”
ญาดาสะบัดผมสยายแล้วลากกระเป๋าออกเดินออกไปอย่างเชื่องช้า สง่างาม ธาวินตะโกนร้อง
“ตาล อย่าทิ้งผมไป ตาล ตาล”
ญาดานั่งยิ้มเหม่อฝันอยู่ที่มุมนั่งเล่นในสวน ธาวินยืนมองเรียกอยู่ด้านหลัง
“ตาล .. ตาล”
ญาดายังคงนั่งยิ้มฝันหวาน ธาวินมองอย่างสงสัยแล้วเดินเข้าไปหอมแก้ม
“ว้าย!” ญาดาสะดุ้ง
“คิดอะไรอยู่ ผมเรียกตั้งนาน”
“ทำไมคุณชอบขโมยหอมแก้มตาลอยู่เรื่อย”
“ผมไม่ได้ขโมยนะก็ตาลเป็นเมียผม”
“แต่ตาลบอกแล้วไงว่าคุณเป็นเกย์ คุณไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ผมชอบนี่นา ขอหอมอีกที”
ธาวินจะหอมอีก แต่ญาดาเบี่ยงหลบ
“อย่านะคะ ตาลบอกแล้วว่าตาลยังทำใจไม่ได้”
“โอเคจ้ะ ผมขอโทษ ตาลยังไม่บอกผมเลยว่าเหม่อคิดอะไรอยู่”
“อ๋อ ตาลคิดถึงแม่น่ะค่ะ แม่คงดีใจที่รู้ว่าตาลจะแต่งงาน”
“พอตาลได้เงินค่าสินสอดจากคุณปู่ไปใช้หนี้ คุณแม่ของตาลก็จะไม่ลำบากแล้ว”
ธาวินจับมือ ญาดามองหน้า
“สัญญากับผมนะถ้าตาลมีเรื่องอะไรที่เดือดร้อน ตาลต้องบอกให้ผมรู้เป็นคนแรก”
ธาวินบอกอย่างจริงใจ ญาดาได้แต่มองอึ้งธาวินเขี่ยเส้นผมที่แก้มตาล
“ก่อนหน้านี้ผมอาจจะเคยทำร้ายความรู้สึกตาล แต่ผมให้สัญญาว่า จากนี้ไป ผมจะรักและดูแลตาลให้ดีที่สุด”
ญาดาอดเคลิ้มไปกับคำพูดของวินไม่ได้ ธาวินดึงตาลเข้ามากอด ญาดาเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับธาวิน บุญทันเดินมาเห็นเข้าจึงมองอย่างสงสัย
“ต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับไอ้วิน”
มณทกานต์เดินเลี้ยวมาก็ชะงักที่เห็นบุญทันกำลังชะเง้อมองธาวินกับญาดา มณทกานต์มองด้วยสีหน้าและแววตาไม่ไว้วางใจเดินเข้ามาหาบุญทันทันที
“นี่นายเป็นขโมยหรือไง”
บุญทันสะดุ้ง เมื่อหันไปตามเสียงด้านหลังก็เห็นมณทกานต์ยืนจ้องหน้าอยู่
“คุณเมย์”
“ชั้นถามว่านายเป็นขโมยหรือถึงชอบมาซุ่มดูคนในบ้านชั้น”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ซุ่ม ผมจะมาเอาต้นไม้แต่เห็นคุณภูกับคุณตาลเค้ากำลังสวีทกันก็เลยไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ”
มณทกานต์เห็นธาวินกับญาดาเดินออกไปแล้วจึงหันมาเล่นงานบุญทันต่อ
“ถ้างั้นนายก็ต้องพวกถ้ำมองชอบแอบดูคนเค้าจู๋จี๋กัน”
“เอาล่ะครับ คุณเมย์อยากให้ผมเป็นอะไรก็ตามสบายเถอะครับ เพราะไม่ว่าผมจะพูดอะไรคุณเมย์ก็ต้องมองผมไปในทางไม่ดีทั้งหมด”
“ก็ใช่สิ ชั้นไม่ไว้ใจนาย แล้วชั้นก็จะบอกให้คุณปู่รู้ตัวด้วยว่านายไว้ใจไม่ได้”
มณทกานต์เดินสะบัดหันเดินออก บุญทันรีบคว้ามือ มณทกานต์ชะงักไป
“เรื่องอะไรมาจับมือชั้นเนี่ย ปล่อย”
บุญทันกระชากตัวมณทกานต์ข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้าง
“คุณบอกว่าผมไว้ใจไม่ได้ใช่มั้ยครับ”
มณทกานต์ประหม่าแต่ยังทำปากเก่ง
“ใช่”
บุญทันดึงตัวเข้ามาจูบ มณทกานต์ถึงกับตาค้างรีบผละตัวออกแล้วตบเพี๊ยะ! เข้าที่หน้าบุญทันด้วยความโกรธ
“แกกล้าดีมากนะที่ทำแบบนี้กับชั้น ชั้นจะบอกคุณปู่ให้ไล่แกออก”
มณทกานต์เดินออกไปด้วยความโกรธ
“เอ่อ เดี๋ยวครับคุณเมย์ ไม่น่าเลยเรา”
บุญทันโกรธตัวเองที่เผลอเล่นสนุกแกล้งมณทกานต์จนเลยเถิด
พิพัฒน์นั่งอยู่ในห้องทำงาน ปารมีถือกาแฟกับเค้กเข้ามาให้
“กาแฟค่ะคุณปู่”
“ขอบใจลูก เออ พักนี้แม่เราเค้าไปไหนปู่ไม่ค่อยเห็นหน้า”
“แม่ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“เป็นอะไรมากรึเปล่าไปหาหมอรึยัง”
“ไปมาแล้วค่ะ หมอบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า”
“แม่แกเค้าเป็นคนคิดมาก แกต้องคอยอยู่ใกล้ชิดพูดปลอบใจเค้าหน่อย บอกให้เค้าลืมอดีตเรื่องพ่อแกซะ คนเรามันผิดพลาดกันได้”
“ค่ะ ปาก็พยายามบอกอยู่ทุกวัน แต่ก็อย่างที่คุณปู่รู้ แม่เค้าไม่ให้อภัยตัวเองที่ไปแต่งงานกับพ่อ”
“นั่นมันเรื่องเก่าแล้ว คนเราต้องเดินหน้าชีวิตกันใหม่”
พิพัฒน์ยกกาแฟจิบ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พิพัฒน์บอก
“เข้ามา”
มณทกานต์เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าพร้อมจะเอาเรื่องเต็มที่
“คุณปู่คะ คุณปู่ต้องไล่นายบุญทันออกนะคะ”
“ไล่ใครนะ”
“นายบุญทันคนขับรถคุณปู่น่ะค่ะ”
“มีเรื่องอะไร ทำไมต้องให้ปู่ไล่มันออก”
“นั่นสิน้องเมย์ นายบุญทันเค้าทำอะไรหรือ”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ ชั้นบอกคุณปู่ไม่ได้บอกเธอ”
ปารมีชะงักหน้าเสียทันที
“นี่ ยัยเมย์ แกหัดพูดจาดีๆกับคนอื่นเค้าเป็นบ้างมั้ย”
“เมย์ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ว่าไงล่ะคะ เมย์อยากให้คุณปู่ไล่นายบุญทันออก”
“แกก็บอกมาก่อนสิว่ามีเรื่องอะไร อยู่ๆจะให้ไล่คนออกโดยไม่มีเหตุผลปู่ทำไม่ได้หรอก”
มณทกานต์อ้ำอึ้งไม่กล้าบอกความจริง
“เอ่อ ...”
“ว่าไง บุญทันมันทำอะไรแก”
“เปล่าค่ะ เมย์ไม่ชอบหน้าเค้า”
“เฮอะ แกนี่ชักจะเอาแต่ใจใหญ่แล้วนะ ไม่ชอบหน้าใครก็จะให้ปู่ไล่ออก แกโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ”
“นี่คุณปู่ว่าเมย์หรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ต่อไปนี้ปู่จะไม่ตามใจแกอีกแล้ว”
ปารมียิ้มเยาะสะใจที่มณทกานต์โดนดุ
“แกดูอย่างยัยปาเค้าซิ เค้าไม่เคยทำอะไรให้ปู่ต้องหนักใจหรือปวดหัวเหมือนแก”
มณทกานต์หันมามองหน้าปารมีที่กำลังยิ้มหยันให้
“ก็ใช่สิคะ เมย์เลียแข้งเลียขาคนไม่เป็นนี่”
มณทกานต์สะบัดหน้าพรืดออกไป พิพัฒน์ถอนใจเฮือกอย่างอ่อนใจ
“เฮ้อ พ่อมันเลี้ยงลูกยังไง ถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้”
พิพัฒน์หันมาบอกปารมี
“อย่าไปถือสาน้องเลยนะลูก”
“ไม่หรอกค่ะคุณปู่ ปารู้ตัวค่ะว่าปากับแม่เป็นแค่คนมาอาศัย ไม่เหมือนน้องเมย์ที่เค้าเป็นญาติคุณปู่ เค้าจะว่าปากับแม่ยังไงก็ได้”
“แกก็คิดมากเหมือนแม่แกอีกคนแล้วยัยปา ปู่ไม่เคยคิดว่าแกกับแม่เป็นคนอื่นคนไกล ยังไงปู่ก็รักแกเหมือนลูกเหมือนหลาน”
“ขอบคุณนะคะคุณปู่ คุณปู่มีพระคุณกับปาและแม่มากค่ะ”
ปารมีก้มลงกราบ ขณะที่พิพัฒน์ยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วถอนใจ
จบตอนที่ 3
โปรดติตตาม ตอนที่ 4 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.