เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5
ภายในครัวคนงาน บุญทันเดินเข้ามาเห็นคนงานอื่นๆนั่งกินข้าวอยู่ บุญทันเดินไปตักข้าว ทุกคนเหลือบมองบุญทันและคันปากอยากจะวิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ป้านวลพยักพเยิดกับลุงแย้ม
“แกถามมันสิ” ป้านวลว่า
“แกถามสิ” ลุงแย้มว่า
“ต้นหอม เอ็งถามซิ” ป้านวลบอก
“ไม่เอา ชั้นไม่กล้า”
บุญทันเดินมานั่งร่วมวง ทุกคนเงียบ บุญทันจะตักข้าวกินก็เห็นสาตาของลุงแย้ม ป้านวล มะยม ต้นหอม และคนงานอื่นๆอีก 3คนจ้องมองบุญทันอยู่ บุญทันถือช้อนที่ตักข้าวอยู่แล้วชะงักมองกลับไป ทุกคนสะดุ้งกับสายตาบุญทันจึงก้มหน้ากินข้าวทำเป็นไม่สนใจต่อไป บุญทันได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“นี่ ชั้นจะบอกให้ทุกคนรู้นะ ชั้นไม่ได้ทำอะไรคุณเมย์”
ป้านวลที่อยากรู้ได้ที จึงพูดขึ้นทันที
“ถ้าเอ็งไม่ทำ คุณหนูเมย์มานอนอยู่กับเอ็งได้ยังไง”
“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าชั้นไม่รู้”
“นี่ไอ้ทัน ข้าบอกตรงๆนะ ต่อให้เอ็งอมพระมาทั้งวัดก็ไม่มีใครเค้าเชื่อเอ็งหรอก” ลุงแย้มว่า
“ใช่ หนูก็ไม่เชื่อ นี่ดีนะที่คุณท่านไม่เอาตำรวจจับพี่ทัน”
“แต่ข้าว่า คุณท่านก็คงรู้แหละว่าคุณหนูเมย์ก็ใช่ย่อย สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็มีเพื่อนผู้ชายมาส่งดึกๆดื่นๆ” ป้านวลว่า
“ป้านวลจะบอกว่าคุณเมย์เข้าหาพี่ทันเองงั้นหรือ” มะยมถามขึ้น
“เฮ่ย ข้าไม่ได้พูดนะนังมะยม ข้าแค่บอกว่าคุณหนูแกก็แรงไม่เบาเหมือนกัน”
“แต่ชั้นเห็นด้วยนะ ชั้นว่าบางทีคุณเมย์อาจจะเป็นฝ่ายย่องเข้าหาพี่ทันก็ได้ใช่มั้ยพี่ทัน”
“เอาล่ะทุกคน ชั้นขอร้องล่ะนะ เลิกพูด เลิกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันได้แล้ว ถ้าคุณท่านหรือใครในบ้านมาได้ยินมันจะไม่ดี” บุญทันว่า
“ใช่ เราเป็นบ่าวไม่ควรนินทาเจ้านาย แล้วสรุปว่าคุณเมย์ไปอยู่ในห้องเอ็งได้ยังไง” ลุงแย้มถามอีกด้วยความอยากรู้
“ลุงแย้ม ก็ผมบอกแล้วไงว่าให้เลิกพูดเรื่องนี้”
“อ้อ ใช่ ข้าลืมไป นึกว่าพูดค้างอยู่”
บุญทันส่ายหน้าวางช้อนอย่างเซ็งแล้วลุกเดินออกจากวงอาหารทันที
“เสียดายพี่บุญทันเนาะ” มะยมว่า
“นั่นดิ ข้าว่าจะจีบเป็นแฟนซะหน่อย หมดกัน” ต้นหอมบอก
บุญทันเดินถือจานข้าวออกมาจากโรงครัวไปอย่างเซ็งๆแล้วเดินไปหลบนั่งกินข้าวคนเดียวที่เก้าอี้ในสวนพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต้นหอมเดินเข้ามาหาที่ห้องครัวเมื่อตอนเย็น
“พี่ทัน คุณเอให้พี่ไปดูรถให้หน่อย มันสตาร์ทไม่ติด”
“เดี๋ยวพี่กินข้าวเสร็จพี่ไปดูให้นะ”
“คุณเอให้ไปเดี๋ยวนี้ เพราะจะไปงานเลี้ยง”
“ได้ ได้”
บุญทันรีบวางช้อนหยิบน้ำดื่มลุกเดินออก
บุญทันเดินมาที่บ้านของอนุทินเห็นมณทกานต์นั่งเล่นไอแพดอยู่ มณทกานต์เงยหน้ามองบุญทันแล้วก็ชะงักไป
“ผมมาหาคุณเอครับ”
มณทกานต์ไม่พูดด้วยทำเหมือนไม่ได้ยินหันมาดูไอแพดต่อ
“ต้นหอมบอกว่าคุณเอจะให้ผมดูรถ เห็นว่าสตาร์ทไม่ติด”
มณทกานต์ยังทำเฉยไม่สนใจจนบุญทันเดินเข้าไปใกล้
“คุณเมย์ครับผมมาหาคุณเอ”
“แล้วชั้นชื่อเอรึเปล่าล่ะ”
มณทกานต์เดินออกไป บุญทันมองตามแล้วส่ายหน้าอย่างระอาใจ มะยมสาวใช้เดินออกมาพอดี
“อ้าว พี่ทัน”
“คุณเอล่ะมะยม ต้นหอมบอกว่า คุณเอจะให้พี่ดูรถเห็นว่าสตาร์ทไม่ติด”
“ไม่ต้องแล้วจ้ะ เมื่อกี้แกลองสตาร์ทอีกที มันติดแล้วแกก็เลยไปเลย”
“อ้าว หรือ”
“จ้ะ”
“งั้นพี่ไปกินข้าวต่อนะ”
บุญทันเดินกลับไปที่ครัวแล้วนั่งลงนั่งกินข้าวที่วางค้างไว้ต่อ
บุญทันเปิดประตูเข้ามาในห้องก็รู้สึกง่วงนอน หาวหวอด จนต้องสะบัดหน้า
“เฮ้อ เป็นอะไร ทำไมวันนี้ง่วงแต่วัน”
แม้บุญทันจะพยายามสะบัดหน้าฝืนความง่วง แต่ก็ยังหาวไม่หยุด
“ทำไมตาจะปิด นอนก่อนดีกว่า”
บุญทันล้มตัวลงนอนในชุดที่สวมอยู่
บุญทันยังนั่งอยู่ที่เดิมและพยายามทบทวนเหตุการณ์
“จากนั้นเราก็หลับสนิท”
ภาพของมณทกานต์ตบหน้าบุญทันผ่านเข้ามา
“แกนี่มันเลวจริง ๆ”
บุญทันกุมขมับคิดได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่ตกว่า เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนได้อย่างไร
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณเมย์ถึงมานอนห้องเราหรือว่าเธอจะเมาไม่รู้ตัว”
ภายในครัวบ้านของบ้าน ปารมียืนเหม่อจิบกาแฟ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ปารมีเห็นว่า ธาวินอุ้มญาดาออกมาจากบ้านพักของบุญทัน
“บ้าจริง ไอ้ภูบดีดันมาช่วยมัน”
ปารมีเดินไปเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก เห็นบุญทันที่ยังหลับสนิทอยู่ ปารมีมองคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกด
“ชั้นมีงานสำคัญให้แกทำ มาหาชั้นที่บ้านตอนนี้เลย”
ปารมีพูดกับคนปลายสายหลังจากนั้นก็วางสายไปทันที
ประตูบ้านของมณทกานต์ถูกเปิดออกในค่ำคืนที่เอนกกับอนุทินอยู่ที่งานเลี้ยง ชายชุดดำสองคนย่องเข้ามาขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องมณทกานต์ทันที ภายในห้อง มณทกานต์ยังหลับสติ ชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้าไปที่เตียงแล้วอุ้มมณทกานต์ออกไป
ปารมีนึกถึงเหตุการณ์แล้วก็ยิ้มอย่างสะใจ แม้จะผิดแผนที่วางไว้ แต่ก็ไม่ถือว่าล้มเหลวเสียทีเดียว
“เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับชั้น”
ปารมียกกาแฟขึ้นจิบ ปารมีรู้สึกเหมือนมีใครข้างหลังจึงหันขวับกลับไป ที่แท้คือ อนุทิน
“อ้าว พี่เอ เข้ามาทำไมเดี๋ยวใครก็เห็นหรอก” ปารมีพูด
“พี่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” อนุทินบอก
“เรื่องอะไรคะ” ปารมีพูดพลางตีหน้าซื่อ
“นี่ปายังไม่รู้อีกหรือว่า ผู้หญิงที่อยู่ในห้องไอ้บุญทันคือยัยเมย์ไม่ใช่เมียไอ้ภู”
ปารมีแกล้งทำเป็นตกใจ
“จริงหรือคะ ไหนพี่เอบอกว่าพี่เอเป็นคนอุ้มนังตาลไปที่ห้องไอ้บุญทันไงคะ”
“ก็ใช่สิ พี่อุ้มไปกับมือแต่ทำไมอยู่ๆตอนเช้ากลับกลายเป็นยัยเมย์”
“หรือว่ามีใครไปช่วยนังตาลออกมา”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่พี่ไม่เข้าใจก็คือยัยเมย์ไปอยู่ในห้องไอ้บุญทันได้ยังไง”
“ปาก็ไม่รู้สิคะ หรือว่าน้องสาวพี่เอไปหาบุญทันเอง”
คำพูดของปารมีทำให้อนุทินชะงักไป
“ปาก็ไม่อยากพูดหรอกนะคะ แต่ปาเคยเห็นเค้าสองคนท่าทางเหมือนสนิทกัน”
ยังไม่ทันจะคุยกันรู้เรื่อง เสียงนภาก็ดังแว่วเข้ามา
“ปา ...”
“ขาแม่”
ปารมีรับคำแล้วรีบหันไปบอกอนุทิน
“พี่เอออกไปก่อนเร็ว”
อนุทินรีบเดินออกไป นภาก้าวเดินลงมาจากบันได
“นี่มันกี่โมงแล้วลูก” นภาถามขึ้น
“จะเที่ยงแล้วค่ะ”
“จริงหรือ แย่จังทำไมวันนี้แม่ตื่นสายขนาดนี้”
“จะไม่สายได้ไงคะ เมื่อวานแม่แอบกินพันช์ที่ปาผสมเหล้าลงไป คงเมาน่ะสิคะเลยหลับสบาย”
“แต่แม่กินไปนิดเดียวเองนะไม่ถึงครึ่งแก้วด้วยซ้ำ ทำไมหลับได้ยาวขนาดนี้ยังกะกินยานอนหลับ” นภายืนยัน
“แม่เอากาแฟมั้ยคะ ปาชงให้”
“ไม่ล่ะจ้ะ แม่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะขึ้นไปตึกใหญ่ซะหน่อย”
นภากำลังจะเดินออกไปก็คิดได้แล้วถามปารมี
“เออ เมื่อกี้แม่ได้ยินเสียงเหมือนลูกคุยกับใคร”
“ไม่มีหรอกค่ะ หนูพูดโทรศัพท์น่ะ”
“แต่แม่ได้ยินเหมือนเสียงลูกคุยกับผู้ชายนะ”
“ไม่มีจริงๆค่ะ แม่คงหูแว่วมากกว่า”
นภาพยักหน้ารับรู้แล้วเดินกลับขึ้นไปข้างบน ปารมียกกาแฟขึ้นจิบด้วยแววตาอำมหิต
ธาวินนั่งอยู่ภายในห้องตรวจคนไข้ของโรงพยาบาลเมื่อตอนกลางวันก่อนที่หมอจะเปิดประตูเข้ามา
“ขอโทษทีครับคุณภูที่ให้รอ พอดีผมขึ้นไปดูคนไข้ที่วอร์ด” หมอพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ” ธาวินว่า
หมอเดินลงมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามธาวิน แฟ้มประวัติคนไข้ของธาวินวางอยู่ตรงหน้า
“เป็นไงบ้างครับ หลังจากไปดินเนอร์แล้วจำอะไรได้บ้างมั้ยครับ” หมอถามขึ้น
“จำได้นิดเดียวครับ”
“เรื่องอะไรครับ เล่าให้หมอฟังซิ”
“ผมเหมือนเห็นหน้าตาลที่ไหนซักแห่ง แต่เห็นแค่แว่บเดียวแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”
“จำได้นิดนึงก็ยังดีครับ แสดงว่าสมองส่วนความจำที่หายไปกำลังฟื้นตัว”
“หมายความว่าผมมีโอกาสกลับมาจำทุกอย่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ใช่มั้ยครับ”
“หมอคิดว่าอย่างงั้นนะ”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ”
“เรื่องนี้หมอตอบไม่ได้ เพราะคนไข้บางคนก็ใช้เวลาเป็นปีหรือสองปี บางคนก็สามปี แต่มีบางคนอยู่ๆก็จำอะไรได้ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ”
“จริงหรือครับ ผมนึกว่าต้องถูกตีซ้ำหรือว่าช็อตสมองซะอีกถึงจะจำอะไรได้”
“นั่นมันในหนังครับ ถ้าเป็นเรื่องจริงหากถูกตีซ้ำสมองมันจะยิ่งบอบช้ำ”
“เฮ้อ ได้ยินหมอพูดแบบนี้ผมค่อยมีกำลังใจหน่อย”
“เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นครับ บทมันจะจำอะไรได้ขึ้นมามันก็ปิ๊งขึ้นมาครับ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะครับ” ธาวินบอก
หมอนึกบางอย่างได้แล้วบอกกับธาวิน
“อ้อ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่คุณภูมาหาหมอ มีผู้ชายคนนึงมาถามหมอเรื่องคุณ”
“ใครหรือครับ”
“เค้าบอกว่าเค้าเป็นเพื่อนคุณอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
“เพื่อนผม”
“ใช่ แต่หมอไม่ได้บอกอะไรเค้าเพราะคุณปรารภสั่งไว้”
“ครับ”
ธาวินมีสีหน้าแปลกใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ญาดากำลังพูดโทรศัพท์อยู่มุมนึงบริเวณหน้าห้องคนไข้ของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเครียด
“มีตำรวจไปหาเราที่บ้านหรือ”
ภายในบ่อน เจ๊อ้อยกำลังพูดโทรศัพท์กับญาดา
“ใช่ แม่โทรไปหาคุณพรร้านข้าวแกงปากซอย เค้าบอกว่าผัวเค้าไปเจอตำรวจที่มาบ้านเรา”
“แล้วมันมาทำไม”
“เค้าบอกว่าไม่รู้ มันมาถามหาเอ็งกับแม่ แม่ก็เลยรีบโทรบอกเอ็งให้ระวังตัว”
“จ้ะ แม่เองก็เหมือนกันนะ”
“เอ็งไม่ต้องห่วงแม่หรอก ไอ้เสกมันไม่ให้แม่ออกไปไหนอยู่แล้ว”
ญาดาเห็นธาวินเดินออกมาจากห้องหมอพอดี ญาดาจึงต้องพูดรีบตัดบทกับเจ๊อ้อยทันที
“แค่นี้ก่อนนะแม่ แล้วว่างๆหนูจะโทรไปหาใหม่”
ญาดาวางสายแล้วเดินเข้ามาหาธาวิน
“คุยกับใครอยู่”
“แม่น่ะค่ะ แกคิดถึงตาลก็เลยโทรมาหา เสร็จแล้วหรือคะ”
“จ้ะ”
“หมอว่าไงบ้างคะ”
“หมอบอกว่าผมมีโอกาสกลับมาจำทุกอย่างได้เหมือนเดิม”
ญาดามีสีหน้าผิดหวัง
“จริงหรือคะ”
ธาวินเห็นสีหน้าของญาดา
“ใช่จ้ะ ทำไมตาลทำหน้าเหมือนผิดหวัง”
ญาดานึกได้แล้วรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ
“ เปล่าค่ะ ตาลจะผิดหวังได้ไง ตาลอยากให้คุณภูจำอะไรได้เร็วๆจะตาย แล้วหมอบอกรึเปล่าคะว่าจะจำได้เมื่อไหร่”
“หมอบอกว่าตอบไม่ได้ อาจจะปีสองปีหรือสามปีหรือไม่ก็พรุ่งนี้”
ญาดาตกใจแล้วโพล่งขึ้น
“พรุ่งนี้หรือคะ”
“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นผมพูดเล่นหรอกน่ะ ถ้าผมจำได้พรุ่งนี้ล่ะก็ผมจะเลี้ยงฉลองให้ใหญ่เลยดีมั้ย”
“ค่ะ” ญาดาฝืนยิ้ม ธาวินจับมือมากุมไว้
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมหิวแล้ว ตาลอยากกินอะไร”
“แล้วแต่คุณภูสิคะ ตาลกินอะไรก็ได้”
ทั้งธาวินและญาดากำลังจะเดินออกไป
บริเวณทางเดินของโรงพยาบาล สารวัตรสมยศเดินเลี้ยวมาเจอกับธาวินและญาดาพอดี ญาดาสะดุ้งเฮือกด้วยความระแวง
“สวัสดีครับคุณภูบดี”
“สวัสดีครับสารวัตร”
“สวัสดีครับคุณตาล”
สารวัตรสมยศจงใจทัก ญาดาฝืนยิ้มอย่างไม่ค่อยไว้วางใจ
“หวัดดีค่ะ”
“มาหาหมอหรือครับ” สารวัตรสมยศถามขึ้น
“ครับ”
“ใครเป็นอะไรไม่ทราบครับ” สารวัตรสมยศซัก
ธาวินเริ่มไม่ชอบใจที่ถูกสารวัตรสมยศสอดรู้สอดเห็น
“ทำไมหรือครับ”
“ผมก็ถามด้วยความเป็นห่วงน่ะครับ”
“ขอบคุณครับ เรามาตรวจสุขภาพ” ธาวินบอก
“นี่เรียบร้อยแล้วหรือครับ”
“ครับ”
“งั้นผมไม่กวนแล้วครับ พอดีผมนัดมาสอบปากคำเจ้าทุกข์”
ธาวินกับญาดาฝืนยิ้มแล้วขยับจะเดินออกไป สารวัตรสมยศเรียกไว้อีก
“อ้อ คุณตาลครับ”
ญาดาสะดุ้ง
“ คะ”
“ผมดูจากแฟ้มคดีที่คุณตาลให้ปากคำไว้ทราบว่า คุณแม่คุณตาลทำงานอยู่ไต้หวันหรือครับ”
“ค่ะ มีอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไรครับ พอดีช่วงนี้ผมกำลังตามคดีเรื่องคนถูกหลอกไปทำงานที่ไต้หวัน บางทีผมอาจจะขอคุยกับคุณแม่คุณตาลหน่อยนะครับ เผื่อผมอาจจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม”
“ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ไป”
ธาวินจูงมือญาดาเดินออกไป สารวัตรสมยศมองตามแล้วยิ้ม
“ให้ชั้นได้หลักฐานมากกว่านี้ก่อนเถอะ ชั้นจะกระชากหน้ากากเธอออกมา แม่น้ำตาลเชื่อม”
ในเวลาต่อมา ญาดากับธาวินนั่งกินอาหารอยู่ในร้าน ญาดานั่งเขี่ยอาหารในจานเพราะกำลังนึกถึงเรื่องสมยศอย่างกังวล ธาวินมองอย่างสังเกต
“ไม่อร่อยหรือ”
“เปล่าค่ะ พอดีตาลยังอิ่มๆอยู่”
“ผมรู้สึกไม่ถูกชะตากับสารวัตรสมยศเลย”
“ทำไมคะ”
“ผมไม่ชอบสายตาที่เค้ามองตาล เหมือนเค้าพยายามจะจับผิดอะไรตาล”
“เอ่อ คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ เค้าเป็นตำรวจก็คงติดนิสัยชอบมองคนไปในทางที่ไม่ดีไว้ก่อน”
“แต่ตาลเป็นเมียผมนะจะมีอะไรที่ไม่ดี เอาไว้ คราวหน้าผมเจอเค้าผมจะบอกเค้าเองว่าอย่ามาดูถูกตาลแบบนี้”
ญาดามองธาวินด้วยความรู้สึกประทับใจ เคลิ้มอินไปกับความรักที่ธาวินมีให้
“ขอบคุณนะคะที่คุณภูบดีกับตาลขนาดนี้”
“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย ตาลเป็นเมียผมผมก็ต้องปกป้องตาลสิ”
ญาดามองธาวินอย่างรู้สึกละอายใจ
“ถ้าสมมติวันนึงคุณภูรู้ว่าตาลเคยทำเรื่องไม่ดีไว้ คุณภูจะโกรธหรือเกลียดตาลมั้ย”
“เช่นเรื่องอะไรล่ะ”
“ก็ เรื่องอะไรก็ได้ที่มันไม่ดี”
“ไม่หรอก ผมจะโกรธหรือเกลียดตาลได้ยังไงขนาดผมเป็นเกย์ ตาลยังไม่ทิ้งผมไป ฉะนั้นจะไม่มีอะไรมาทำให้ผมเปลี่ยนใจเลิกรักตาลได้หรอก”
ธาวินยิ้มให้อย่างจริงใจ ญาดารู้สึกแย่มากกว่าเดิมแต่ยังฝืนยิ้มให้ ธาวินยกแก้วขึ้นชน
สมยศขับรถเข้ามาจอดในที่เปลี่ยว ไอ้ปื๊ดสายตำรวจวัย30 เดินเข้ามาหาแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งคู่
“หวัดดีครับ สารวัตร”
“เออ เป็นไง ได้เรื่องมั้ย”
“มีคนเห็นผู้หญิงชื่อเจ๊อ้อยอยู่ในบ่อนแถวบางนนท์”
“บ่อนใคร”
“ของใครไม่รู้ครับรู้แต่ว่าคนคุมชื่อเฮียเสก”
“ข้าไปได้มั้ย”
“ผมน่ะเข้าได้ แต่ถ้าสารวัตรจะเข้าไปจับคงยากครับ เพราะเท่าที่รู้บ่อนนี้มันมีแบล็คใหญ่”
“ชั้นไม่ได้เข้าไปจับ ชั้นแค่ต้องการตัวเจ๊อ้อย”
“งั้นก็ไม่น่ามีปัญหาครับ”
ภายในบ่อย เสกนั่งดูปฏิทิน ส่วนลูกน้องนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“ไอ้หมู”
“ครับเฮียเสก”
“ไอ้แป๊ะมันนัดจะใช้หนี้เราเมื่อไหร่นะ”
“อาทิตย์หน้าครับ”
เสกดูปฎิทินแล้วเอาปากกาแดงวงกลมไปบนวันที่ 25 เจ๊อ้อยเดินมาเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามา
“เอานี่ เฮียเสกโอเลี้ยงของเฮีย”
“นี่เจ๊อ้อย ลูกสาวส่งข่าวบ้างรึเปล่าว่าจะเอาเงินมาใช้หนี้ได้เมื่อไหร่”
“เห็นว่าไม่เกินเดือนหน้านี้แหละ” เจ๊อ้อยว่า
“อย่าให้เกินนะ ถ้าเกินล่ะก็ชั้นจะตัดนิ้วเจ๊อ้อยวันล่ะนิ้ว”
เสกพูดแล้วก็เอามีดทำท่าหั่นนิ้วข่มขู่ เจ๊อ้อยสะดุ้ง
“รู้แล้วน่ะ”
เจ๊อ้อยรีบหันเดินออกแต่แอบด่าพึมพำ
“ไอ้โหด”
“บ่นอะไร”
“เปล่า ชั้นบอกว่าไม่โกรธ”
เจ๊อ้อยเปิดประตูออกไป หมูหันมาถามเสก
“ถ้าลูกสาวเจ๊อ้อยแกหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ล่ะเฮีย”
“ถ้าไม่ได้ กูก็ต้องเอามาทำงานขัดดอกทั้งลูกทั้งแม่ คนลูกก็ส่งให้นาย ส่วนนังแม่ก็ส่งไปชายแดน”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
สารวัตรสมยศกับปื๊ดในชุดนอกเครื่องแบบเข้าบ่อนมาในฐานะนักเล่นการพนัน
“อยู่แถวนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปแลกชิฟก่อน” ปื้ดบอก
“อืมม์”
ปื๊ดเดินออกไปแลกชิฟ ขณะที่สมยศมองอย่างสังเกตไปรอบๆบริเวณบ่อนที่มีคนเล่นพนันอยู่ตามโต๊ะ สมยศมองไปที่เคาน์เตอร์ก็ชะงักไป เมื่อเห็นเจ๊อ้อยยืนเช็ดเคาน์เตอร์อยู่ สมยศหยิบรูปเจ๊อ้อยขึ้นมาแอบดู
“ใช่จริงๆด้วย”
สมยศไม่รอช้าเดินเข้าไปหาเจ๊อ้อยที่ยืนหันหลังให้อยู่ในทันที
“เจ๊อ้อย”
“จะดื่มอะไรคะ สั่งได้เลยค่ะ”
เจ๊อ้อยพูดขณะที่ยังไม่ได้หันหน้ามา
“ชั้นมีเรื่องอยากคุยด้วย”
เจ๊อ้อยหันหน้ากลับมามอง เห็นสมยศยืนอยู่
“มีอะไรคะ”
“ออกไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย” สารวัตรสมยศถาม
“นี่คุณ ชั้นไม่ได้ขายบริการทางเพศนะคะ ถ้าจะซื้อบริการต้องขึ้นลิฟต์ไปชั้นสี่ค่ะ เค้ามีห้องพร้อม”
เจ๊อ้อยจะเดินผละไปแต่สมยศคว้าแขนไว้ทันที
“เดี๋ยว ผมไม่ได้ต้องการซื้อบริการผมแค่อยากจะมาคุยธุระกับเจ๊”
“ธุระอะไร”
“เรื่องลูกสาวเจ๊ที่ชื่อตาล”
เจ๊อ้อยมองหน้าสารวัตรสมยศนิ่งแล้วถามขึ้น
“ทำไม”
“ตอนนี้ลูกสาวเจ๊อยู่โรงพยาบาล ผมอยากให้เจ๊ไปเยี่ยมเค้า”
“ไอ้ตาลมันเป็นอะไรหรือ”
“เค้าถูกรถชนเมื่อคืนอาการสาหัสมาก”
“เมื่อไหร่นะ”
“เมื่อคืน”
เจ๊อ้อยชะงักไปเล็กน้อยแล้วเริ่มรู้ทันเพราะญาดาเพิ่งโทร.มาคุยเมื่อเช้านี้
“เมื่อคืนนี้น่ะหรือ”
“ใช่”
เจ๊อ้อยมองหน้าสมยศอย่างสำรวจก่อนจะบอกว่า
“งั้นรอเดี๋ยวนะ เจ๊ต้องไปขออนุญาตเฮียเสกเค้าก่อน”
“ทำไมต้องขออนุญาตด้วย”
“ก็เจ๊ทำงานให้เค้า จะไปไหนก็ต้องขออนุญาตเค้า คุณรออยู่นี่นะ รอแป๊บเดียวเดี๋ยวเจ๊มา”
เจ๊อ้อยเดินออกไป ขณะที่ปื๊ดเดินสวนเข้ามาพอดี
“เจอตัวแล้วหรือครับ”
“อืมม์ เรียบร้อยแล้ว”
ที่ห้องของเสกในบ่อน เจ๊อ้อยวิ่งเข้ามารายงาน
“ตำรวจหรือ” เสกถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ใช่จ้ะ เฮียเสก ชั้นว่ามันเป็นตำรวจแน่”
“แล้วมันอยู่ไหน”
“ตรงเคาน์เตอร์”
เสกกดดูภาพวงจรปิดจากคอมพิวเตอร์เห็นสมยศยืนอยู่กับปื๊ด
“ไอ้หมู”
“ครับ”
“บอกพวกเราให้ระวังตัว มีตำรวจเข้ามา” เสกสั่งทันที
ลูกน้องรีบใช้วิทยุสื่อสารทันที
“เฮ้ย ตอนนี้มีเก้งหลงเข้ามาอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ดูกันหน่อยโว้ย”
เสกหยิบปืนแล้วเดินออกไปที่เคาน์เตอร์
ปื๊ดเห็นเสกเดินมากับลูกน้อง 5 คนก็สะกิดสารวัตรสมยศทันที
“สารวัตรครับ ผมว่าท่าทางจะไม่ค่อยดีนะครับ”
สารวัตรสมยศหันมองตามสายตาของปื๊ด เสกเดินนำลูกน้องเข้ามาล้อมไว้ทันที
“พี่ไม่พูดอ้อมค้อมนะ น้องเข้ามาทำอะไรที่นี่” เสกถาม
“ถามได้ ชั้นก็มาเล่นน่ะสิ” สารวัตรสมยศตอบ
“แน่ใจหรือว่ามาเล่น ไม่ได้มาดูลาดเลาเพื่อจะจับบ่อนนะ”
“จับอะไร ผมไม่ใช่ตำรวจ”
“งั้นหรือ เฮ้ย ค้นตัวมันซิ”
หมูกับลูกน้องเดินเข้าไปหาค้นตัว สมยศยกมือยอมรับความจริง
“เอาล่ะ เอาล่ะผมยอมรับผมเป็นตำรวจ แต่ผมไม่ได้มาเรื่องบ่อนผมมาหาเจ๊อ้อย”
“มาหาทำไม”
“ผมมีเรื่องสำคัญต้องเอาตัวเค้าออกไป”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องราชการ”
“แต่ผมไม่ให้ออกไป”
“คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามเค้านะ”
“มีสิ เพราะผมเป็นเจ้าของชีวิตเค้า ถ้าคุณอยากให้เค้าออกไป คุณก็เอาเงินมาไถ่ สิบล้านมีรึเปล่าล่ะ”
สารวัตรสมยศอึ้งไป เปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนลงทันที
“เฮียเสก ผมขอร้องล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงถ้าอยากได้ให้เอาเงินมาไถ่ เอาล่ะคุณออกไปได้แล้ว ก่อนที่ลูกน้องผมมันจะคันมือคันเท้า”
สมยศมอง เห็นลูกน้องเสกแต่ละคนมองจ้องพร้อมจะกระทืบ ปื๊ดสะกิดสมยศทันที
“ผมว่ารีบไปเถอะครับ”
สมยศจำใจขยับจะเดินออกไป เสกยกมือขวางแล้วบอก
“อ้อ เดี๋ยว แล้วผมก็หวังว่าคุณจะไม่เอาตำรวจมาถล่มบ่อนผมหรอกนะ เพราะนายผมชื่อเสี่ยเป็ด คุณคงรู้จักนะ”
สารวัตรสมยศปัดมือเสกที่ขวางออกแล้วเดินไป เจ๊อ้อยแอบชะเง้ออยู่มุมหนึ่ง
“ตำรวจมันรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่”
ภายในห้องของภูบดี ธาวินนอนหลับอยู่บนโซฟา ส่วนญาดานอนลืมตาอยู่บนเตียง พลางคิดถึงเรื่องที่ธาวินเล่าให้ฟัง
“ผมเจอตาลนอนอยู่ในห้องบุญทัน”
“ที่ไหนนะคะ”
“ห้องบุญทัน ตาลหลับอยู่กับบุญทัน”
“แล้วทำไมตาลถึงไปหลับอยู่ที่นั่นล่ะคะ”
“ผมต่างหากที่ต้องถามตาลว่าทำไมตาลถึงไปนอนอยู่กับเค้าโดยไม่ใส่อะไรเลย”
ญาดาพลิกตัวแล้วครุ่นคิดต่อไป
“หรือว่ามันจะเป็นแผนของไอ้บุญทัน”
ญาดาลุกขึ้นเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วเรียกธาวิน
“คุณภูคะ... คุณภู”
ธาวินยังหลับอยู่ ญษดากระโดดลงจากเตียงไปหาธาวินที่โซฟาแล้วเขย่าเรียก
“คุณภูคะ”
ธาวินลืมตาตื่นอย่างงัวเงียเห็นญาดาอยู่ตรงหน้า
“หือ มีอะไรตาล”
“ตาลรู้แล้วค่ะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนของไอ้บุญทัน”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่ตาลกับคุณเมย์ไปนอนในห้องบุญทันไงคะ ตาลลองมาคิดดู ตาลว่าต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ เพราะมันเป็นเกย์มันต้อง การให้ตาลเลิกกับคุณเพื่อจะเข้ามาเสียบคุณ แต่พอไม่สำเร็จก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่น้องเมย์หวังจะเป็นหลานเขยคุณปู่แทน”
ธาวินฟังและมองหน้าญาดาอย่างไม่แน่ใจ
“ผมว่าไม่น่าใช่หรอก ถึงมันจะเป็นเกย์มันก็คงไม่คิดทำเรื่องแบบนี้”
“คุณภูคะ ตาลจะสอนอะไรอย่างนะคะ อย่ามองคนในแง่ดีเกินไป คุณภูจะถูกหลอกได้ง่าย ๆ รู้มั้ยคะว่า สมัยนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกค่ะ”
ธาวินมองหน้าญาดาอย่างไม่ได้คิดอะไรตาม ญาดาชะงักนึกได้ว่าตัวเองก็หลอกวินอยู่เหมือนกัน
“เอ่อ ตาลหมายถึงนายบุญทันน่ะค่ะ ทั้งหน้าตาทั้งจิตใจเชื่อไม่ได้ แต่คุณภูไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้ตาลจะจัดการเอง”
“จัดการยังไง”
“ตาลจะทำให้มันยอมสารภาพออกมาว่ามันอยู่เบื้องหลังเรื่องชั่วๆนี้”
“แต่ผมว่าตาลอยู่เฉยๆดีกว่า ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่ตาลไปนอนอยู่ในห้องบุญทัน”
“แต่ตาลไม่มีอะไรกับมันนี่คะ ตาลยินดีเอาตัวเองเป็นพยาน”
“เชื่อผม เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไปเอาผิดเค้าและถ้าหากว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือบุญทัน ตาลจะเป็นฝ่ายเสียหาย”
“หมายความว่าเราจะปล่อยให้คนร้ายลอยนวลหรือคะ”
“ไม่หรอก ผมจะสืบเรื่องบุญทันเอง ส่วนตาล ต่อไปนี้จะไปไหนทำอะไร ตาลต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
“คุณภูกลัวว่าจะมีคนทำร้ายตาลหรือคะ”
ธาวินพยักหน้า
“ใช่ บางทีการมาที่นี่ของเราสองคนอาจทำให้ใครไม่พอใจก็ได้”
“ถ้าอย่างงั้นคุณภูก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะคะ”
ญาดาจับมือธาวินอย่างเป็นห่วงด้วยความลืมตัว ทั้งสองสบตากันนิ่งญาดานึกได้จึงรีบดึงมือออก
“งั้นตาลนอนแล้วนะคะ กู๊ดไนท์ค่ะ”
ญาดาเดินกลับขึ้นเตียงดึงผ้าห่มนอนคลุมโปง ธาวินมองตามแล้วถอนหายใจก่อนจะล้มตัวลงนอน พลัน ใบหน้าของบุญทันก็เข้ามาในความรู้สึกของธาวินจนต้องพึมพำกับตัวเอง
“บุญทัน”
ความทรงจำเก่าๆเข้ามาในห้วงคิดของธาวิน เขาเห็นบุญทันตอนที่เป็นภูบดียกมือทักยิ้มให้ เสียงสะท้อนของบุญทันเรียก
“เฮ้ย วิน”
ธาวินสะดุ้งชะงัก
“ทำไมเหมือนเราเคยเห็นหน้ามันที่ไหน”
ธาวินพยายามคิดต่ออีก แต่คิดไม่ออก
“เป็นไปไม่ได้ เราไม่เคยรู้จักมัน เฮ้อ เราคงคิดเรื่องมันมากไป”
ธาวินหลับตาแล้วหลับไปในคืนนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ มณทกานต์นั่งเหม่อลอยกลุ้มกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใคร” มณทกานต์ตะโกนถาม
“มะยมเองค่ะ”
สาวใช้เปิดประตูเข้ามา
“มีอะไร”
“คุณผู้ชายให้มาเรียกไปทานข้าวค่ะ”
“บอกพ่อว่าชั้นไม่หิว”
“แต่คุณผู้ชายบอกว่ามีธุระจะคุยกับคุณเมย์ค่ะ”
มณทกานต์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆแล้วบอก
“เดี๋ยวชั้นลงไป”
มะยมเดินออกไปแล้ว มณทกานต์พูดขึ้น
“ธุระอะไรคงจะด่าเราอีกน่ะสิ”
มณทกานต์ถอนใจอีกเฮือกใหญ่
บนโต๊ะอาหารในเวลาต่อมา เอนกนั่งกินอาหารเช้า มณทกานต์เดินลงมาจากชั้นบน
“พ่อเรียกเมย์หรือคะ”
“อืมม์ เมื่อวานลูกไม่ได้กินอะไรทั้งวันไม่ใช่หรือ” เอนกถามขึ้น
“เมย์ไม่หิวหรอกค่ะ”
“ไม่หิวก็กินซะหน่อยเดี๋ยวจะไม่สบาย”
เอนกบอกอย่างห่วงใย มณทกานต์จำใจลงนั่งแล้วหยิบขนมปังขึ้นมาทาเนย
“คุณปู่จะให้ลูกแต่งงานกับบุญทัน” เอนกพูดขึ้น
มณทกานต์ชะงักไปแล้วบอก
“ก็เมย์บอกแล้วไงคะว่าเมย์ไม่แต่ง”
“แต่นี่เป็นคำสั่งคุณปู่นะ”
“พ่อคะ เมย์ไม่ได้มีอะไรกับบุญทัน มันต้องมีคนแกล้งเมย์”
“เมย์ ตอนนี้ลูกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่ใครจะมาแกล้งอุ้มลูกไปนอนตรงไหนก็ได้”
“นี่พ่อก็คิดว่าเมย์ใจแตกถึงขนาดไปนอนกับบุญทันงั้นหรือคะ”
“พ่อก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่ในเมื่อรูปการณ์มันเป็นแบบนั้นแกจะให้พ่อคิดยังไง หรือจะให้พ่อคิดว่าบุญทันมันหลอกแกไปขืนใจ”
“เมย์ไม่รู้ค่ะก็เมย์บอกแล้วไงว่าเมย์หลับอยู่ในห้อง ตื่นมาอีกทีก็อยู่ห้องบุญทันแล้ว”
อนุทินเดินลงมาจากชั้นบนได้ยินเข้าพอดีจึงพูดเสริมต่อ
“นี่ ยัยเมย์ ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ชั้นว่าแกไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าไอ้บุญทันมันจะขืนใจแกหรือแกให้ท่ามันตอนนี้มันก็ยอมรับผิดชอบแกแล้ว ชั้นว่าแกควรจะดีใจมากกว่านะเพราะถ้าแกท้องอย่างน้อยเด็กมันจะได้มีพ่อ”
“พี่เอ นี่เมย์เป็นน้องพี่เอนะ ทำไมพี่เอพูดจาดูถูกเมย์แบบนี้”
“ชั้นดูถูกดีกว่าดีกว่าดูผิดก็แล้วกัน หนอย ตอนที่คุณปู่จะให้แต่งงานกับไอ้ภูบดีทำเป็นเล่นตัว ชั้นนึกว่าแกจะหาผู้ชายได้เลอเลิศแค่ไหน สุดท้ายก็ใฝ่ต่ำไปคว้าคนขับรถ”
“พี่เอ มันจะมากไปแล้วนะ”
“เอาล่ะ พอ พอ พอได้แล้ว ตอนนี้จะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ แกรู้ไว้ก็แล้วกันยัยเมย์ว่าคุณปู่เค้ายกแกให้บุญทันแล้ว” เอนกว่า
อนุทินมองหน้ามณทกานต์แล้วยิ้มเยาะ เอนกถอนหายใจ และมณทกานต์เดินสะบัดหน้าออกจากบ้านไป เอนกมองตามมณทกานต์ด้วยแววตาเสียใจก่อนจะพูดกับอนุทิน
“นี่พ่อไม่อยากเชื่อเลย ว่ายัยเมย์มันจะกล้าทำเรื่องแบบนี้”
“พ่อจำไม่ได้หรือตอนที่มันเลิกกับแฟนคนแรกมันยังกินยาฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นมามันก็ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แถมมันยังเคยบอกผมว่ามันมั่วอยู่กับไอ้บุญทัน”
“ทำไมแกไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อ”
“ผมก็นึกว่ามันพูดประชดผมไม่นึกว่ามันจะใฝ่ต่ำทำจริง ๆ”
“ยัยเมย์นะยัยเมย์ ทำไมมันถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้”
“เค้าถึงว่ามีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้านไงพ่อ”
เอนกถอนหายใจอย่างผิดหวังและเสียใจ ส่วนสีหน้าของอนุทินมีความโกรธมณทกานต์อยู่ในแววตา
เช้าวันเดียวกัน บุญทันออกจากห้องน้ำเดินมาในห้อง ล้วงไปใต้เตียงหยิบกาวแปลงโฉมออกมาปาดเป็นรอยบากที่ใบหน้า
เสียงทุบประตูดัง ปัง ปัง ปัง บุญทันชะงักแล้วถาม
“ใคร”
มณทกานต์ยืนอยู่หน้าห้องพักของบุญทัน
“ชั้นเอง”
“เดี๋ยวนะครับ”
บุญทันรีบแต่งแผลแล้วเอากาวซ่อนไว้ที่เดิม
มณทกานต์ทุบประตูซ้ำอย่างโมโหที่บุญทันเปิดประตูช้า พอบุญทันเปิดประตูออกมาก็เห็นมณทกานต์ยืนหน้าบึ้งอยู่
“คุณเมย์”
“ชั้นอยากรู้ว่าความจริงคืออะไร” มนทกานต์ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเอาเรื่อง
“ผมว่ามาคุยข้างในดีมั้ยครับ เดี๋ยวใครผ่านมาได้ยินจะไม่ดี”
มณทกานต์เดินเข้าไปในห้อง บุญทันก้าวเดินตามเข้ามา
“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นฝีมือนายใช่มั้ย”
“ไม่ใช่นะครับ คุณเมย์ ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆผมไม่ได้ทำอะไร”
“ถ้าไม่ใช่นาย แล้วชั้นมานอนที่นี่ได้ยังไง”
“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่รู้ คุณเมย์อาจจะเมาแล้วจำไม่ได้รึเปล่า”
“ชั้นไม่ได้เมา ชั้นจำได้ว่าชั้นนอนอยู่ในห้อง นายน่ะแหละต้องเป็นคนทำอะไรชั้น” มณทกานต์สรุป
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่อง” บุญทันยืนยัน
“นี่นายจะปัดความรับผิดชอบใช่มั้ย”
มณทกานต์หยิบหมอนฟาดใส่บุญทันด้วยความโมโห
“โอ๊ย เปล่านะครับ ผมไม่ได้ปัดก็ผมบอกแล้วไงว่าผมยินดีที่จะแต่งงานกับคุณ”
“แต่งงานหรือ นายจะแต่งงานทั้งๆที่นายบอกว่านายไม่รู้เรื่องงั้นหรือ ใครๆเค้าจะได้คิดว่าชั้นเป็นฝ่ายมาให้ท่านายงั้นสิ”
“เดี๋ยวนะครับคุณเมย์ ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร ถ้าอยากให้ผมรับผิดชอบผมก็บอกแล้วว่ายินดี แต่ถ้าคุณไม่อยากแต่ง ผมก็ไม่บังคับคุณ”
“ใช่สิ ตอนนี้ใครๆก็มาลงที่ชั้น ชั้นมันเลว ชั้นมันแย่ ชั้นมันไม่เอาไหน สมใจนายแล้วใช่มั้ยที่ทำให้ชั้นต้องอายคน ไอ้คนเลว”
มณทกานต์พูดระบายอย่างเหลืออดพร้อมกับทุบตัวบุญทันระบายความอัดอั้นตันใจ
“คนเลว คนเลว คนเลว คนเลว”
“โอ๊ย คุณเมย์ ผมเจ็บนะครับ”
บุญทันดึงมือสองข้างไว้ มณทกานต์ร้องไห้โฮสะอึกสะอื้น บุญทันดึงเข้ามากอดไว้
“ผมรู้นะครับว่าคุณเสียใจ ผมเองก็เสียใจเหมือนกันที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
บุญทันพูดแล้วก็ดึงตัวมณทกานต์ออกมามองหน้าและเช็ดน้ำตาให้
“ถ้าคุณไม่รังเกียจก็แต่งงานกับผมเถอะนะครับ อย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น”
มณทกานต์มองหน้าบุญทันที่พยักหน้า
“นะครับ”
“ไม่ ชั้นไม่แต่งกับนาย ชั้นเกลียดนาย”
มณทกานต์กระทืบเท้าใส่บุญทันแล้วผลักบุญทันจนกระเด็นหงายไป จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป บุญทันได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจ
“แล้วจะให้เราทำยังไง”
มณทกานต์เดินออกมาที่หน้าบ้านพักของบุญทันก็เห็นต้นหอมกับมะยมยืนอยู่
“มาแอบฟังอะไร” มณทกานต์ถาม
“เปล่าค่ะ ต้นหอมเดินผ่านมาเฉย ๆ” ต้นหอมบอก
“มะยมก็ไม่ได้ฟังนะคะ ไม่ได้ยินอะไรเลย” มะยมว่า
มณทกานต์มองอย่างหงุดหงิดแล้วเดินจากไป ต้นหอมกับมะยมมองหน้าแล้วคุยกัน
“แล้วตกลงเค้าจะแต่งงานกันรึเปล่าวะ” ต้นหอมว่า
“เอ็งอยากรู้ก็ตามไปถามคุณเมย์สิ” มะยมตอบ
มะยมรีบเดินไป ขณะที่ต้นหอมวิ่งตามไปติดๆ
“รอด้วยมะยม”
โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตรงรอยต่อของทางเดินบ้านพักคนงาน มณทกานต์เดินเลี้ยวออกมาเจอปารมีที่ยืนยิ้มเยาะอยู่
“อ้าว น้องเมย์ ไปไหนมาคะ”
มณทกานต์ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ปารมีมองไปทางบ้านคนงานแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดเยาะและดูถูก
“ไปดูเรือนหอมาหรือคะ”
มณทกานต์ปรี๊ดขึ้นทันที แต่พยายามจะข่มใจไม่อยากเอาเรื่อง ปารมียังคงพูดจากแดกดัน ส่อเสียดต่อไป
“แต่งงานแล้วต้องย้ายลงมาอยู่ที่บ้านคนงานรึเปล่าคะ”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“แหม ปาก็ถามในฐานะคนดูแลบ้านให้คุณปู่น่ะค่ะ”
มณทกานต์จ้องหน้าปารมีเขม็ง แล้วข่มใจไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย
“น้องเมย์นี่ร้ายนะคะ เห็นทำเชิดเชิดเริดเริด ที่แท้ก็ล็อกคอคนขับรถซะเลย”
มณทกานต์ปรี๊ดอย่างเหลืออด
“เห่าจบรึยัง”
“ทำไมคะ”
มณทกานต์ตบเพี๊ยะ เข้าที่หน้าปารมีจนเซไปเพราะไม่ทันตั้งหลัก
“โอ๊ย นี่แกตบชั้นหรือ”
“ยังไม่รู้สึกตัวอีกหรือว่าชั้นทำอะไร ได้ ชั้นจะตบแกซ้ำอีกที”
มณทกานต์ตามเข้าไปจิกผมปารมีแล้วกระชากตบ ซ้ายขวา ปารมีหวีดร้องเสียงดังลั่นบ้าน
ญาดากับธาวินวิ่งมาตามเสียง แล้วรีบเข้าไปห้าม ธาวินพยายามดึงตัวมณทกานต์ออกจากปารมี
“อย่าครับน้องเมย์”
“มีเรื่องอะไรกันคะเนี่ย”
พอปารมีหลุดจากมณทกานต์ได้ก็รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังญาดา
“พี่ตาลพี่ภู ช่วยปาด้วยค่ะ”
มณทกานต์พยายามจะสะบัดมือของธาวินซึ่งจับอยู่
“ปล่อยเมย์ เมย์จะตบสั่งสอนมัน”
“พอเถอะน้องเมย์”
“มีเรื่องอะไรกัน”
พิพัฒน์เดินเข้ามาพูดเสียงดัง ทุกคนชะงักหันไปมอง
“คุณปู่”
ภายในห้องรับแขกของตึกใหญ่ พิพัฒน์นั่งอยู่ด้วยสีหน้าโกรธจัด แวดล้อมด้วยปารมีที่หน้าตาแดงช้ำ มณทกานต์ นภา เอนก ญาดา และธาวิน
พิพัฒน์ถามมณทกานต์
“คดีเก่ายังไม่จบ แกก็เริ่มคดีใหม่อีกแล้วหรือ”
“ก็มันมายั่วโมโหเมย์ก่อนทำไม”
“เปล่านะคะคุณปู่ ปาแค่ถามดีๆว่าน้องจะแต่งงานเมื่อไหร่”
“แกนี่มันสตอเบอรี่จริงๆ เมื่อกี้แกไม่ได้พูดแบบนี้”
“พอได้แล้วยัยเมย์ แกเป็นคนก่อเรื่องนะยังจะไม่สำนึกมาด่าคนอื่นเค้าอีก ขอโทษยัยปาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ค่ะ เมย์ไม่ขอโทษ”
“เมย์ พ่อว่าลูกต้องขอโทษปารมีเค้านะ” เอนกว่า
“ก็เมย์บอกแล้วไงคะว่าเมย์ไม่ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณปู่ ช่างเถอะค่ะ”
“ไม่ได้ ครั้งนี้ชั้นจะไม่ยอมให้แกทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว ถ้าแกไม่ขอโทษยัยปา แกก็ออกไปจากบ้านชั้น” พิพัฒน์ว่า
“คุณปู่” มณทกานต์ร้องขึ้น
“หรือว่าแกอยากเห็นปู่ตรอมใจตายเพราะแก”
มณทกานต์มองหน้าพิพัฒน์ เอนกมองหน้ามณทกานต์
“เมย์ทำตามที่คุณปู่บอกเถอะลูก” เอนกขอร้อง
มณทกานต์เหลือบมองปารมีที่แอบมองอย่างยิ้มเยาะ มณทกานต์เมินหน้าแล้วกัดฟัน ฝืนใจ
“ขอโทษ”
มณทกานต์ขอโทษแล้วก็เดินออกไป พิพัฒน์มองแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา
“เอนก ชั้นว่าแกควรจะอบรมลูกให้มากกว่านี้นะ”
นภาได้ทีก็รีบพูดเสริมขึ้น
“นั่นสิคะ นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าคุณลุง ยัยเมย์ยังกล้าไร้มารยาทขนาดนี้”
เอนกมองนภาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ผมขอไปคุยกับยัยเมย์หน่อยนะครับคุณพ่อ”
พิพัฒน์พยักหน้า เอนกลุกเดินตามมณทกานต์ออกไป นภาหันมาพูดกับปารมี
“แล้วลูกเจ็บตรงไหนบ้าง”
“เจ็บไปหมดนะค่ะแม่ น้องเมย์เค้าตบลูกไม่ยั้งเลย”
“เอาล่ะ นภาพายัยปาไปทำแผลซะ” พิพัฒน์สรุป
“ค่ะ”
นภากับปารมีเดินออกไป พิพัฒน์ถอนหายใจ
“เฮ้อ เป็นไงเจ้าภู หนูตาล บ้านนี้มันวุ่นวายมั้ย” พิพัฒน์ถามขึ้น
“ปกติที่ผมเจอน้องเมย์ผมว่าเค้าก็น่ารักนะครับ ไม่น่าเป็นคนขี้โมโหแบบนี้” ธาวินบอก
“สงสารคุณปารมีคะเลยต้องมาเจ็บตัว” ญาดาว่า
“ยัยปามันเป็นคนเรียบร้อยไม่กล้าสู้คน โดยเฉพาะกับยัยเมย์ มันกลัวหงอเลยล่ะ” พิพัฒน์ว่า
เอนกเดินตามมณทกานต์มาในบริเวณสวนทางเดินแล้วกระชากแขนไว้
“นี่ยัยเมย์ พ่อชักจะหมดความอดทนกับแกแล้วนะ ทำไมแกถึงสร้างแต่เรื่อง”
“ก็เมย์บอกแล้วไงว่านังปามันมาหาเรื่องเมย์ก่อน”
“ใครจะหาเรื่องใครพ่อไม่สนหรอก แต่พ่ออยากให้แกระงับสติอารมณ์บ้าง แกรู้มั้ยว่าพ่ออายคนเค้าแค่ไหนเรื่องที่แกไปนอนกับไอ้บุญทัน นี่แกยังมาหาเรื่องให้พ่อถูกคุณปู่ด่าอีก แกจะทำอะไรให้พ่อได้ชื่นใจบ้างมีมั้ย หา”
“ใช่สิคะ เมย์มันเป็นคนเลว เป็นคนไม่ดี ไม่ใช่ลูกรักของพ่อเหมือนพี่เอ” มณทกานต์ย้อน
“พ่อว่าแกอย่าพูดเรื่องอื่น พ่อกำลังพูดถึงแก”
“พ่อไม่ต้องมาสนใจเมย์หรอก ถ้าพ่ออายคนพ่อก็ไม่ต้องนับเมย์เป็นลูกก็ได้”
เอนกตบเพี๊ยะ มณทกานต์น้ำตารื้นทันที
“นี่พ่อตบเมย์หรือคะ”
“ใช่ ชั้นตบแก เพื่อเรียกสติแกกลับมา จำไว้นะ อย่าพูดแบบนี้กับชั้นอีก”
เอนกเดินออกไปด้วยความโกรธ มณทกานต์ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ บุญทันมองอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยความเห็นใจ
บุญทันเดินเข้ามาหาส่งผ้าเช็ดหน้าให้ มณทกานต์เงยหน้ามอง
“ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น”
เมย์สะบัดหน้าลุกเดินหนีออกไป บุญทันได้แต่ส่ายหน้า
นภาแต้มยาที่แก้มช้ำให้ปารมีอยู่ที่บ้าน นภาถามขึ้น
“ทำไมลูกถึงไม่สู้มัน ปล่อยให้มันตบตีอยู่ฝ่ายเดียว”
ปารมียิ้มอย่างสะใจ
“แค่นี้เล็กน้อยค่ะแม่ ตอนนี้ใครๆก็เห็นแล้วว่านังเมย์มันเป็นคนเลวและสำส่อนขนาดไหน”
“ใช่ นังเด็กนี่มันเหลือขอจริง ๆ วันๆดีแต่สร้างเรื่อง นี่ดีนะที่มันไม่ได้แต่งงานกับภูบดี ไม่งั้นล่ะก็มันต้องไล่เราสองแม่ลูกออกจากบ้านนี้แน่”
“แม่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ถึงยังไงหนูก็ไม่มีวันยอมให้ใครมาไล่เราเหมือนหมูเหมือนหมาหรอก”
เสียงโทรศัพท์มือถือของปารมีดังขึ้นมาพอดี ปารมีดูเบอร์แล้วลุกออกไปรับที่ข้างนอกเพราะไม่อยากให้นภาได้ยิน
“ฮัลโหล”
อนุทินกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ที่บริษัท
“วันนี้ออกมาข้างนอกมั้ย พี่จะคุยด้วย”
“ไม่ได้หรอก วันนี้ไม่ว่างพรุ่งนี้แล้วกัน”
ปารมีรีบวางสายในทันที นภามองตามปารมีอย่างสงสัย
“ใครโทรมาหรือลูก ทำไมต้องไปรับซะไกล กลัวแม่ได้ยินหรือ”
“เปล่าค่ะ เพื่อนน่ะเค้าชวนไปดูหนัง”
“เออ แม่จะถามเรื่องนายเอหน่อย”
“ทำไมคะ”
“มันยังมาป้วยเปี้ยนจีบลูกอยู่รึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ก็แม่ห้ามไม่ให้หนูคบกับเค้า หนูก็ไม่คบไงคะ”
“จริงนะลูก”
“ค่ะ อะไรที่ทำให้แม่เสียใจหนูจะไม่ทำค่ะ”
“แม่โชคดีนะที่มีลูกสาวน่ารักอย่างปา ถ้าเกิดมีลูกอย่างนังเมย์ แม่คงอกแตกตายวันล่ะหลายสิบรอบ”
ปารมียิ้มให้ นภาเดินเข้าไปในครัว
ภายในห้องนอนของภูบดีในเวลากลางคืน ญาดาหลับอยู่บนเตียง ส่วนธาวินนั่งดูโทรทัศน์และกำลังใช้รีโมทกดเปลี่ยนมาดูละครโทรทัศน์ ขณะนั้นเป็นฉากบู๊แอคชั่น นักแสดงในเรื่องกำลังชุลมุนอยู่กับการตีเตะต่อย ธาวินหยุดดูอย่างสนใจ บทบู๊ในละครกับความทรงจำเดิมที่ธาวินเตะต่อยตีกับนักเลงในบ่อนของเฮียเสกผ่านซ้อนเข้ามาเป็นภาพที่ปรากฏอยู่บนทีวี
ธาวินเข้าช่วยญาดาจนตัวเองหมดสติ
ธาวินกระพริบตาถี่ๆมองจอทีวีอีกครั้ง ภาพในจอทีวีกลายเป็นละครปกติ ธาวินครุ่นคิด
“ใช่ ตาลบอกว่าก่อนที่เราจะสมองเสื่อมเราเคยมีเรื่องกับนักเลง แล้วมันยังไงต่อ ทำไมนึกไม่ออก”
ธาวินถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำก่อนจะหันกลับไปดูทีวีต่อ
“เมื่อไหร่จะจำอะไรได้ซะที”
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ บุญทันกวาดใบไม้อยู่ภายในสวนด้วยสีหน้าเครียดครุ่นคิดอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ธาวินเดินออกมาเดินเล่น พอเห็นบุญทันก็นึกถึงที่คุยกับพิพัฒน์
“ทำไมคุณปู่ถึงยอมให้บุญทันแต่งงานกับน้องเมย์ล่ะครับ”
“ก็มันเสนอตัวอยากรับผิดชอบ”
“ไม่จริงหรอกครับ ผมว่าคุณปู่ต้องเห็นอะไรในตัวบุญทัน คุณปู่ถึงยอมยกน้องเมย์ให้”
“แกนี่ฉลาดนะมองปู่ออก ปู่คิดว่าไอ้บุญทันเนี่ยมันเป็นคนไม่เลวนักหรอก ปู่ชอบที่มันเป็นลูกผู้ชายกล้ารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
“แต่บุญทันไม่มีอะไรเท่าเทียมน้องเมย์นะครับ”
“ถ้าหมายถึงฐานะก็คงใช่ แต่ถ้าพูดถึงความเป็นคนปู่ซื้อใจมัน”
ธาวินมองหน้าบุญทันที่กวาดและโกยใบไม้ใส่ถังอย่างวิเคราะห์ ธาวินเดินเข้าไปหา
“บุญทัน”
“ครับคุณภู”
“ตั้งแต่เกิดเรื่องนายได้คุยกับน้องเมย์บ้างรึยัง”
“ครับ”
“หมายความว่าน้องเมย์เค้ายอมแต่งงานกับนายหรือ”
“เปล่าครับ คุณเมย์เธอไม่แต่ง”
ธาวินพยักหน้ารับรู้ บุญทันขยับจะเดินไป
“เดี๋ยวบุญทัน”
บุญทันหันหน้ากลับมามองธาวิน
“ครับ”
ธาวินมองบุญทันแล้วชะงักไป เมื่อเห็นภาพสมัยที่บุญทันเป็นภูบดีที่ยกมือยิ้มทักทาย พร้อมกับเสียงสะท้อนที่ดังเข้ามาก้องสองหู
“เฮ้ย วิน”
บุญทันมองหน้าธาวินอย่างแปลกใจ
“มีอะไรครับคุณภู”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
บุญทันมองหน้าธาวินแล้วถอนใจอย่างเซ็งๆที่ธาวินดันมาสมองเสื่อม จำอะไรไม่ได้ ธาวินได้แต่พึมพำมองตามบุญทันอย่างงงๆ
“หรือว่าเราเคยเจอมันมาก่อน”
ฝ่ายบุญทันเดินออกไปแล้วก็หันกลับไปมองธาวินแวบหนึ่ง แล้วพึมพำว่า
“เฮ้อ ไอ้วินก็สมองเสื่อม เราก็ดันซวยมาเจอเรื่องบ้าอะไรไม่รู้”
ภายในห้องพักแบบรายวันกึ่งโรงแรมในตอนกลางวัน ปารมีสวมแว่นตาดำพรางตัวเข้ามาตามนัดหมายของอนุทินอีกครั้ง ปารมีเคาะประตูก่อนที่อนุทินจะมาเปิดประตูห้องพักให้ และเมื่อปารมีเข้ามาในห้องพัก อนุทินก็จู่โจมกอดรัดทันที ปารมีเบี่ยงหลบด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“อย่าค่ะพี่เอ”
อนุทินชะงักไปเล็กน้อย
“อ้าว เป็นอะไร”
ปารมี ถอดแว่นตาดำออก ใบหน้ายังมีรอยช้ำปรากฏอยู่
“ปาไม่ค่อยสบายค่ะ”
“นั่นหน้าไปโดนอะไรมา”
“นี่พี่เอยังไม่รู้อีกหรือคะว่าน้องสาวพี่เอตบปา”
“จริงหรือ พี่ไม่รู้เรื่องเลย”
“เอาล่ะค่ะ พี่เอบอกมีเรื่องจะคุยกับปาก็คุยมาเลยค่ะ เดี๋ยวปาต้องรีบกลับ”
“ที่อารมณ์ไม่ดีนี่เพราะโกรธยัยเมย์ก็เลยมาลงที่พี่งั้นหรือ”
อนุทินเข้ามาทางด้านหลังแล้วกอดอีก ปารมีแกะมือทันที
“เปล่าค่ะ ก็บอกแล้วว่าไม่ค่อยสบาย”
ปารมีเดินเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้
“ว่าไงล่ะคะมีอะไรจะคุย”
“ก็.. เรื่องไอ้ภูกับเมียมันน่ะ พี่อยากรู้ว่าเราไปผิดแผนตรงไหน”
“แล้วปาจะรู้มั้ยล่ะคะ ในเมื่อพี่เอเป็นคนอุ้มมันไปกับมือ”
“หรือว่ามีใครเห็นเหตุการณ์แล้วไปช่วยมัน”
“เรื่องนั้นปาก็ไม่รู้อีกเหมือนกันเอาเป็นว่าเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่า”
“เริ่มต้นยังไง ปามีแผนอะไร”
ปารมีลุกขึ้นแล้วบอก
“ตอนนี้ปาก็ยังคิดไม่ออก พี่เออยู่ว่างๆก็ใช้ความคิดหน่อยสิคะ”
“ไม่เอาน่า อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่ขอโทษแทนยัยเมย์”
“ขอโทษหรือคะ ปาว่าทางที่ดีพี่เอกลับไปตบหน้าน้องสาวแทนดีกว่าค่ะ ปาถึงจะหายโกรธ”
“ได้ เดี๋ยวกลับบ้านไปพี่จะเล่นงานมันเอง แต่ตอนนี้ให้พี่ชื่นใจหน่อยนะ”
อนุทินเข้ามากอดอีกครั้งแต่ปารมีผลักออก
“ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่สบาย ปากลับก่อนล่ะ อ้อ แล้วอย่าลืมคิดหาทางจัดการไอ้ภูบดีกับเมียด้วยล่ะ”
ปารมีเปิดประตูเดินออกไปแล้วประตูห้องก็ปิดลง อนุทินตบที่นอนอย่างแรงอย่างเซ็งในอารมณ์
“ฮึ่ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
ปารมีเดินออกมาหยุดที่หน้าลิฟต์แล้วหันมองกลับไปที่ห้องอนุทิน ด้วยความรู้สึกแสยะ
“นึกว่าชั้นง่ายล่ะสิ ถ้าชั้นไม่ให้ก็อย่าหวัง”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี ปารมีกดรับ
“ฮัลโหล”
สารวัตรสมยศกำลังถือสายคุยกับปารมีอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
“มีข่าวดีมาบอก”
“จริงหรือ ได้ ชั้นจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
ภายในห้องพักของโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ปารมีโผกอดสารวัตรสมยศทันที
“คุณนี่เก่งที่สุดเลย สมกับที่ชั้นไว้ใจ”
“เสียดายที่ผมเอาตัวนังแม่มันออกมาไม่ได้”
“แล้วคุณได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมาอีก”
“ผมให้ลูกน้องเอาชื่อนังเจ๊อ้อยไปเช็คในแฟ้มคดีเก่า ๆ เจอว่ามันเคยถูกจับข้อหามอมยารูดทรัพย์”
“แล้วนังตาลล่ะ”
“ผมสันนิษฐานว่าน่าจะอยู่แก๊งค์เดียวกับนังแม่ แต่ไม่เคยถูกจับเลยไม่มีประวัติ”
“นี่มันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎเลยนะเนี่ย เอ๊ะ แล้วเมื่อกี้คุณบอกว่าแม่มันติดหนี้บ่อนสิบล้านใช่มั้ย”
“ใช่ ไอ้คนคุมบ่อนมันบอกว่าถ้าอยากได้ตัวนังเจ๊อ้อยให้เอาเงินสิบล้านไปไถ่”
“งั้นก็เป็นไปได้ว่านังตาลมันอาจจะคิดปอกลอกไอ้ภูบดี”
“แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อไป”
“เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้คุณเข้าไปหาคุณปู่บอกให้คุณปู่รู้ว่าคุณไปสืบเจออะไรมา แฉมันให้หมดเลยนะ รับรองนังตาลต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่”
สารวัตรมองหน้าปารมีแล้วบอก
“ได้ แล้วจะไม่ให้รางวัลผมหน่อยหรือ”
สารวัตรสมยศมองจ้อง ปารมีมองยิ้มอย่างพึงใจแล้วเดินเข้ามาจูบ
ญาดากำลังตีแป้งทำขนมในชามอยู่ในห้องครัวบ้านพิพัฒน์โดยมีต้นหอมเป็นลูกมือช่วยอยู่
“ต้นหอมไม่ยักรู้นะคะว่าคุณตาลมีฝีมือเรื่องทำขนม”
“ชั้นไม่อยากจะคุยหรอกนะ ถ้าชั้นไม่มาอยู่กับคุณภู ป่านนี้ชั้นเปิดร้านเบเกอรี่ไปนานแล้ว”
“จริงหรือคะ งั้นคุณตาลสอนต้นหอมบ้างนะคะ ต้นหอมก็ชอบทำขนมค่ะ”
“ได้สิ แต่ต้องมีค่าครูนะ”
“ได้ค่ะ แต่อย่าแพงนักนะคะ”
“เอาล่ะ ต้นหอมไปหยิบพิมพ์มาเรียงซิ”
ต้นหอมหันไปหยิบถ้วยพิมพ์ออกมา
“สงสัยชั้นจะทำน้อยไป แค่นี้คงไม่พอแจกคนทั้งบ้าน ต้นหอมไปดูที่ครัวป้านวลซิว่ายังมีกล้วยหอมอีกมั้ย”
“มีค่ะ ต้นหอมเห็นมีอีกตั้งสองหวี”
“งั้นไปเอามาหวีนึงเลือกเอาที่งอมๆนะ”
“ค่ะ”
ต้นหอมเดินออกไป ญาดากำลังจดจ่อกับการทำเค้กอยู่ ธาวินแอบมองญาดาอยู่ทางด้านหลังแล้วเข้ามากอดทางด้านหลัง
“ทำอะไรจ๊ะ”
ญาดาตกใจ
“ว้าย คุณภู โอ๊ย ตาลตกใจหมดเลย “
“ผมขอโทษ”
“ทีหลังอย่ามาเงียบๆแบบนี้นะคะ”
“ขวัญอ่อนจัง มาผมปลอบขวัญให้”
ธาวินจะเข้ามาหอม ญาดารีบยกพายขึ้นบัง
“ไม่ต้องเลยค่ะ แล้วกรุณาปล่อยเอวตาลด้วย”
“ขอกอดหน่อยก็ไม่ได้”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าคุณภูยังไม่พ้นโปร”
ธาวินปล่อยมือที่กอดออก
“แล้วนี่ทำอะไร”
“ทำเค้กกล้วยหอมค่ะ ตาลจะทำให้คุณปู่กับคุณภูทานตอนบ่าย”
“ตาลนี่ก็เป็นแม่ศรีเรือนเหมือนกันนะ”
“คุณภูไปนั่งเล่นก่อนนะคะ เดี๋ยวตาลทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้ทาน”
“จ้ะ งั้นผมไปว่ายน้ำนะ”
“ค่ะ”
ธาวินชะโงกหน้าจะหอมแก้ม ญาดาหลบทัน
“ตาลนี่ไวไม่ใช่เล่นนะ”
ธาวินเดินหัวเราะออกไป ญาดายิ้มตามอย่างอินเลิฟแล้วหันมาตีเค้กต่อ มีสายตาของใครบางคนแอบดูอยู่
โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
บริเวณสระน้ำในเวลาต่อมา ธาวินยืนอยู่ที่ขอบสระแล้วกระโดดลงน้ำแหวกว่าย ธาวินว่ายไปแตะขอบสระแล้วพลิกตัวว่ายต่อ
ภายในห้องครัว ญาดาเอาเค้กเข้าตู้อบ ใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหา ญาดาหันไปชะงัก เห็นต้นหอมยืนอยู่พร้อมกล้วยหอม
“อ้าว ต้นหอมทำไมไปนานจัง ชั้นนึกว่าลืมแล้วนะเนี่ย”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ พอดีป้านวลแกใช้ให้ต้นหอมเอาอาหารไปให้บ้านคุณนภา นี่ค่ะ กล้วยหอม”
ญาดารับกล้วยหอมหวีงอมมา
“งั้นเธอก็เตรียมของเลย”
ต้นหอมหันไปหยิบของแป้งเนยสำหรับทำเค้ก
ใครบางคนจากอีกมุมหนึ่งกำลังแอบมองญาดาอยู่
ที่สระน้ำ ธาวินกำลังว่ายน้ำอย่างเร็วเข้ามาหายใจหอบพิงอยู่ที่ริมสระ
ภาพของบุญทันตอนที่เป็นภูบดีอยู่ที่ห้องอาหารแห่งในในอเมริกา ยิ้มทักทายธาวิน เสียงทักทายนั้นก้องดังสะท้อน
“เฮ้ย วิน”
ธาวินยิ้มเดินเข้ามาหา
“โทษทีว่ะ ตื่นสายไปหน่อย แกมานานแล้วหรือ”
ธาวินสะดุ้งเฮือกลืมตาอย่างตกใจ
“เฮ้ย นี่เรารู้จักไอ้บุญทันจริงๆด้วย”
ธาวินพยายามคิด
“คุณภูจำผมไม่ได้หรือครับ”
“ก็ชั้นไม่เคยเจอนายจะจำนายได้ยังไง”
ความทรงจำของธาวินกำลังไหลลื่นและพรั่งพรู
“ชั้นจะไปเมืองไทยกลับไปหาปู่ แกไปเที่ยวกับชั้นมั้ย”
ธาวินนอกยกกาแฟจิบแล้วบอกกับภูบดี
“ดูก่อนแล้วกัน ไม่รู้จะว่างรึเปล่า”
ธาวินเริ่มนึกจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้
“ไม่จริงลุงชั้นไม่ได้ฆ่าตัวตาย ลุงชั้นถูกฆาตกรรมชั้นจะกลับไปบอกทุกคนที่เมืองไทย”
“ตำรวจเค้าคงเชื่อแกหรอกนะ ที่อยู่ๆก็มีพยานจากอีกซีกโลกนึงโผล่ขึ้นมา และที่สำคัญแกไม่มีหลักฐานอะไรเลย”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องกลับไปเมืองไทยนะวิน ปู่ชั้นอยู่ในอันตราย”
เสียงของธาวินก้องอยู่ในหัว
“ถ้าแกคิดจะกลับไปจริงๆ เราก็ต้องมีแผนนะไม่ใช่เดินดุ่ม ๆ เข้าไปให้มันฆ่า”
“แผนอะไร”
“ในเมื่อแกบอกว่าไม่มีใครในครอบครัวแก เคยเจอแกตั้งแต่เกิด ฉะนั้น ชั้นจะปลอมตัวเป็นแก ส่วนแกก็ปลอมตัวเข้าไปเป็นคนงานในบ้านเพื่อสืบหาคนร้ายที่ฆ่าคุณลุงภาคิน”
สีหน้าของธาวินแววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ
“ไอ้ภู ใช่ บุญทันคือภูบดี”
ธาวินตีน้ำในสระด้วยความสะใจ
“ในที่สุดเราก็จำได้ เราคือธาวิน ”
ธาวินหัวเราะอย่างดีใจ
ภายในห้องทำงาน พิพัฒน์กับปรารภกำลังนั่งกินเค้กกล้วยหอมอยู่
“เป็นไงคะคุณปู่ ใช้ได้มั้ยคะ”
“อืมม์ อร่อยมาก” พิพัฒน์บอก
“จริงรึเปล่าคะ”
“จริงสิ ปู่จะโกหกทำไม”
“แล้วคุณปรารภล่ะคะว่าไง”
“อร่อยจริง ๆ ครับ คุณตาล” ปรารภบอก
“แล้วเจ้าภูกินรึยัง” พิพัฒน์ถาม
“ยังเลยค่ะ ตาลเอามาให้คุณปู่ชิมก่อน”
“ผมว่าฝีมือขนาดนี้เปิดร้านขายได้เลยนะครับ”
“จริง ๆ แล้วก็เป็นความฝันอย่างนึงของตาลเลยนะคะ ตาลอยากเปิดร้านเบเกอรี่”
“ถ้าอยากเปิดก็เปิดสิลูก ปู่ออกทุนให้เอง” พิพัฒน์บอก
“จริงหรือคะ”
พิพัฒน์พยักหน้า
“ ขอบคุณค่ะคุณปู่ งั้นตาลใช้ชื่อคุณปู่เป็นชื่อร้านเลยนะคะ พีพีเบเกอรี่”
“ใช้ชื่อหนูกับเจ้าภูไม่ดีกว่าหรือ”
“ใช่ครับ เป็นพีทีเบเกอรี่ดีกว่า ได้ทั้งท่านทั้งคุณภูทั้งคุณตาล” ปรารภบอก
“โอเคเลยค่ะ ตาลจองชื่อนี้เลย งั้นเดี๋ยวตาลเอาไปให้คุณภูชิมก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
ญาดาเดินออกไป พิพัฒน์กับปรารภมองตาม
“เป็นยังไงครับ หลานสะใภ้ท่าน” ปรารภถาม
“ชั้นว่าเค้าน่ารัก เหมาะสมกับเจ้าภู ไม่เหมือนยัยเมย์รายนั้นมีแต่เรื่องปวดหัว”
“ผมทราบว่าคุณเมย์กับบุญทัน ” ปรารภชะงักไปไม่กล้าพูดต่อ
พิพัฒน์ถอนหายใจเบาๆแล้วว่า
“ใช่ อย่าพูดเรื่องนี้เลย ทำให้กินอะไรไม่อร่อย”
ว่าแล้วพิพัฒน์ก็หยิบขนมขึ้นมากินต่อ
ภายในครัว ญาดาหยิบเค้กกล้วยหอมมาวางบนจาน ต้นหอมชงกาแฟเย็นมาให้
“ให้ต้นหอมเอาไปเสิร์ฟคุณภูมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ชั้นเอาไปให้คุณภูเอง”
ญาดายกถาดกาแฟและเค้กกล้วยหอมเดินไปที่ห้องของภูบดี
ธาวินอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนชุดใหม่ เดินเข้ามายิ้มที่หน้ากระจกบอกกับตัวเอง
“ยินดีต้อนรับการกลับมาของนาย ธาวิน”
ญาดาเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับวางกาแฟเย็นและเค้กกล้วยหอมวางบนโต๊ะ ธาวินเปิดประตูห้องน้ำออกมาพบกับญาดาเข้าพอดี แล้วนึกถึงเรื่องบทสนทนาเก่าๆ
“ผมจำคุณได้แล้ว”
ญาดาตกใจแล้วว่า
“ว่าไงนะ จำชั้นได้หรือ”
“ใช่ เมื่อเช้าคุณบอกว่าคุณเป็นเมียผมไม่ใช่หรือ”
ญาดาหันหน้ามายิ้มให้ธาวิน
“กาแฟเย็นกับเค้กกล้วยหอมแสนอร่อยค่ะ คุณภูลองชิมซิคะว่าฝีมือตาลเป็นยังไง”
ญาดาหยิบเค้กกล้วยหอมจะส่งให้ ธาวินยังมองจ้องจนญาดาชักเอะใจ
“คุณภูเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมจ้องหน้าตาลแบบนั้น”
ธาวินเดินเข้ามาหาเหมือนจะเอาเรื่อง ญาดามองอย่างใจไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“เอ่อ คุณภู มีอะไรรึเปล่าคะ”
ธาวินเดินมาหยุดตรงหน้าของญาดาที่มองด้วยความหวั่นใจที่ธาวินส่งยิ้มมาให้
“ผมกำลังคิดว่าผมนี่โชคดีจังเลยที่มีเมียสวยน่ารักขนาดนี้”
ญาดาถอนใจอย่างโล่งอก
“คุณภูเนี่ย ตาลตกใจหมดเลย นึกว่าคุณภูจำอะไรได้แล้วซะอีก”
“หมายความว่าไงจำอะไรได้”
“เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ตาลหมายถึงว่าจำนั่นนี่นู่นโน่นน่ะค่ะ”
ญาดาหันมาหยิบเค้กให้วินเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“นี่ค่ะ เค้กกล้วยหอมฝีมือตาล ลองทานสิคะ อร่อยมั้ย”
ธาวินรับเค้กมากิน แต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ญาดานิ่ง
“เป็นไงคะ”
“อร่อย” ธาวินบอกแล้วยังจับจ้องอยู่จนญาดารู้สึกแปลกใจ
“คุณภูมีอะไรรึเปล่า ทำไมมองหน้าตาลแปลก ๆ”
“ผมกำลังคิดถึงเรื่องของเรา”
“เรื่องของเรา เรื่องอะไรหรือคะ”
“เรื่องที่ผมความจำเสื่อม แล้วตาลยังไม่ทิ้งผมไป”
“ก็ตาลบอกแล้วไงคะว่าตาลรักคุณภู ตาลจะทิ้งคุณภูไปได้ยังไง”
“ตาลพูดจริงหรือ”
“จริงสิคะ คุณภูไม่เชื่อตาลหรือ”
“ผมบอกตามตรงนะ ผมไม่เชื่อ”
ธาวินบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังจนญาดาถึงกับอึ้งไป
“บางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าตาลหลอกผมรึเปล่า”
ญาดาสะดุ้งเฮือกแล้วถาม
“ ทำไมถึงคิดอย่างงั้นล่ะคะ”
“ก็ตาลเป็นเมียผม แต่ตาลไม่เคยแสดงอะไรให้ผมมั่นใจเลยว่าตาลรักผม”
“แล้วคุณภูจะให้ตาลทำอะไรล่ะคะ คุณภูถึงจะเชื่อ”
“ตาลไม่เคยแม้แต่จะหอมแก้มหรือว่ากอดผม”
“ก็ตาลบอกแล้วไงคะว่า ...”
“ผมเป็นเกย์” ธาวินพูดแทรกขึ้น
“ใช่ค่ะ คุณภูต้องเห็นใจตาลนะคะ ตาลยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้”
“ งั้นก็แสดงว่าตาลไม่ได้รักผมจริง มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมาฝืนอยู่ด้วยกัน”
ธาวินวางขนมบนโต๊ะแล้วหันหลังเดินหนีไปใกล้กับเตียง ญาดามองตามอย่างตกใจ
“เดี๋ยวค่ะคุณภู”
ธาวินชะงักหันกลับมามองด้วยแววตาเย็นชา ญาดาเดินเข้ามาหา แล้วตัดสินใจหอมแก้มธาวินทั้งซ้ายขวา
“โอเคมั้ยคะ ว่าไงคะ”
ธาวินยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเอง
“หา ... ต้องให้ตาลจุ๊บปากด้วยหรือคะ”
“แค่นี้ตาลก็ทำไม่ได้หรือ”
ญาดาจนมุมด้วยความจำใจ
“ก็ได้ค่ะ แต่คุณภูหลับตาก่อนได้มั้ยคะ”
ธาวินหลับตา ญาดามองหน้าธาวินแล้วยิ้มเขินก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ริมฝีปากวินอย่างแผ่วเบา
แล้วผละออก ธาวินดึงตัวกอดตาลไว้
“ให้ผมจูบตาลบ้างนะ”
ธาวินบอกด้วยแววตาเป็นประกายอย่างเจ้าชู้ ยื่นหน้าเข้ามาจะจูบ แต่ญาดาเอามือดันแล้วเบี่ยงตัวหนี
“อย่าค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า น่าเกลียด”
“ไม่มีใครมาหรอก”
ญาดาบิดหลบแล้วสะดุดล้มลงเตียง ธาวินมองจ้องจนญาดาประหม่าก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าหา ญาดามองเคลิ้มก่อนจะหลับตา ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ เสียงโทรศัพท์มือถือของญาดาดังขึ้นขัดจังหวะ
ญาดาสะดุ้งลืมตาจากภวังค์ ธาวินชะงัก ญาดารีบผลักธาวินออกไปหยิบโทรศัพท์จากกางเกงออกมาดูเป้นเบอร์ของอ้อยแม่ตัวเอง
“แม่ตาลโทรมาค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ญาดาบอก
ญาดารีบเดินออกจากห้อง ธาวินมองตามยิ้มกระหยิ่มอย่างสะใจที่ได้แกล้ง
“ยัยตัวแสบ คิดสวมรอยเป็นเมียชั้นหรือ คอยดู ชั้นจะเล่นงานเธอให้หมดตัวเลย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ญาดาเดินหลบมาที่มุมหนึ่งเพื่อคุยโทรศัพท์
“ตำรวจไปหาแม่ที่บ่อนหรือ”
“ใช่ โชคดีที่แม่อยู่กับไอ้เฮียเสกเลยรอดตัวไป”
“แล้วมันบอกรึเปล่าว่ามันต้องการอะไร”
“มันมาโกหกแม่ว่าเอ็งถูกรถชนเข้าโรงพยาบาล ดีนะที่เช้านั้นแม่คุยโทรศัพท์กับเอ็ง แม่เลยไม่หลงกลมัน”
ญาดานึกถึงสารวัตรสมยศทันที เพราะเคยพูดว่า
“พอดีช่วงนี้ผมกำลังตามคดีเรื่องคนถูกหลอกไปทำงานที่ไต้หวัน บางทีผมอาจจะขอคุยกับคุณแม่คุณตาลหน่อยนะครับ เผื่อผมอาจจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม”
ญาดาถามต่อ
“ไอ้ตำรวจที่แม่ว่าหน้าตามันเป็นยังไง”
“หน้าตามันก็หล่อนะ คิ้วเข้มๆ แต่ท่าทางมันเก๊กๆ หน่อย เอ็งรู้จักมันรึเปล่า”
ญาดาโกหกแม่ทันทีเพื่อความสบายใจ
“ไม่รู้จักหรอก”
สายตาใครคนหนึ่งแอบมองญาดาพูดโทรศัพท์อยู่
“แล้วนี่เอ็งอยู่ที่ไหน บอกให้แม่รู้ได้รึยัง”
“เรื่องมันยาวมากเลยแม่ คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้ เอาไว้เจอกันแล้วหนูจะเล่าให้ฟังนะ”
สายตาใครคนนนั้นยังแอบมองญาดาอยู่
“แต่เอ็งมีความสุขดีใช่มั้ย”
“ดีจ้ะ”
“งั้นแค่นี้นะ”
“จ้ะ”
ญาดาวางสายโทรศัพท์
“หรือว่าจะเป็นสารวัตรสมยศ แต่เราไม่เคยรู้จักมันมาก่อน มันจะมาสนใจเรื่องของเราทำไม”
ญาดารู้สึกเหมือนมีคนมองมาจากด้านหลัง ญาดาหันขวับตามสัญชาติญาณ ทว่าไม่มีใคร
“ทำไมเรารู้สึกเหมือนมีใครแอบมอง”
ญาดามองกวาดตามอง ซ้ายขวาอีกครั้งแล้วฉุกคิด
“หรือว่า...”
ญาดาพนมมือยกมือไหว้ท่วมหัว
“ถ้าหนูทำอะไรไปไม่ดี ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ สาธุ”
เมื่อญาดาเดินออกไป สายตานั้นก็ยังแอบจ้องมองตามหลังญาดาไป
ในเวลาต่อมา ญาดาเดินเลี้ยวออกมาเจอปรารภที่กำลังจะกลับพอดี
“กลับแล้วหรือคะ คุณปรารภ”
“ครับ”
ปรารภมองซ้ายขวาแล้วกระซิบถาม
“คุณภูเป็นยังไงบ้าง จำอะไรได้บ้างมั้ยครับ”
“ยังเลยค่ะ นี่ตาลก็พยายามรื้อฟื้นเล่าเรื่องของตาลกับคุณภูให้ฟังทุกวันก่อนนอนเลยนะคะ”
“ดีแล้วล่ะครับ คุณตาลอย่าเพิ่งท้อนะครับ ผมเชื่อว่าวันนึงคุณภูต้องจำทุกอย่างได้เหมือนเดิม”
“ค่ะ”
“ผมไปล่ะครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ญาดายกมือไหว้แล้วมองตามปรารภที่เดินออกไป
“เจ้าประคู้น ขออย่าเพิ่งจำอะไรได้ก่อนที่เราจะได้เงินเลย เพี้ยง”
ภายในโรงรถ บุญทันกำลังเช็ดรถโดยต้นหอมช่วยเช็ดอยู่ข้าง ๆ ต้นหอมเหลือบมองบุญทันเป็นระยะ แต่บุญทันหน้านิ่งทำเป็นไม่สนใจจนต้นหอมทนไม่ได้แล้วพูดขึ้น
“เห็นมะยมมันบอกว่าตั้งแต่เกิดเรื่องกับคุณปา คุณเมย์ไม่ยอมออกจากห้องเลยล่ะพี่ทัน”
“หรือ”
“ใช่ เห็นว่าข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน”
บุญทันพูดหน้านิ่งเฉยเมยไม่แสดงความรู้สึกอะไร
“ต้นหอมว่าพี่ทันไปดูคุณเมย์ซักนิดก็ดีนะ”
“ไปดูทำไม”
“อ้าว ก็พี่ทันกับคุณเมย์เป็น ...”
“พี่ว่าต้นหอมไปช่วยป้านวลหั่นผักหั่นหมูในครัวดีกว่ามั้ย”
“แหม ที่ต้นหอมบอกพี่ทันก็เพราะหวังดีนะ”
บุญทันมองจ้องหน้าต้นหอมอย่างไม่ชอบใจ
“ไปก็ได้”
บุญทันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันมาทำงานต่อ ธาวินเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ด้านหลัง บุญทันซึ่งทำงานอยู่คิดว่าเป็นต้นหอมก็ชักรำคาญ
“พี่บอกให้ไปช่วยป้านวลในครัวไง”
“ชั้นอยากใช้รถ” เสียงธาวินพูดขึ้น
บุญทันชะงักหันกลับไปมองเห็นธาวินยืนสีหน้าขรึมเรียบนิ่งอยู่
“คุณภู”
“ขับรถพาชั้นไปข้างนอกหน่อยสิ”
บุญทันอดแปลกใจไม่ได้ที่ธาวินเข้ามาพูดด้วย
“ผมหรือครับ”
“ก็นายเป็นคนขับรถบ้านนี้ไม่ใช่หรือ” ธาวินถาม
“ครับ เชิญครับ”
บุญทันเปิดประตูรถให้ธาวินขึ้นไปนั่งแล้วขึ้นรถขับออกไปทันที
ระหว่างขับรถ บุญทันหันไปมองกระจกหลัง เห็นธาวินนั่งนิ่งมองสบตาอยู่
“คุณภูจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ”
“ขับไปเรื่อย ๆ”
“หมายความว่าไงครับขับไปเรื่อย ๆ”
“ชั้นอยากนั่งรถเล่น”
“แล้วนี่คุณตาลรู้รึเปล่าครับว่าคุณภูออกมาข้างนอก”
“ทำไมชั้นต้องบอกเค้าด้วย”
“อ้าว ก็เค้าเป็นภรรยาคุณภูนี่ครับ”
“นายก็รู้ว่าไม่ใช่”
บุญทันชะงักไปทันทีอย่างคาดไม่ถึง
“ เอ่อ คุณภูว่าอะไรนะครับ”
“แกก็รู้ว่าชั้นยังไม่มีเมียไอ้ภู”
บุญทันเตะเบรกรถเบรค เอี๊ยด
บุญทันหันมามองจ้องหน้า ธาวินยิ้มให้อย่างทะเล้นเหมือนเพื่อนคนเดิม
“ไอ้วิน นี่แกจำชั้นได้แล้วหรือ”
ธาวินยิ้มทะเล้นยกสองนิ้วขึ้นตะเบ๊ะให้แล้วบอก
“เยสเซอร์”
ทั้งสองโผกอดกันด้วยความดีใจ
ในเวลาต่อมา ธาวินกับบุญทันถือกระป๋องเครื่องดื่มนั่งอยู่บนราวสะพาน ธาวินหัวเราะขำไม่หยุด จนบุญทันมองอย่างงงๆ
“แกเป็นอะไร ขำอะไรนักหนาวะ”
“ชั้นนึกถึงตอนที่ยัยตัวแสบบอกว่าแกเป็นเกย์คอยจ้องจะเสียบชั้น แกเชื่อมั้ย ตอนนั้นนะชั้นกลัวแกจะเสียบก้นจริงๆ”
“ยัยเมียกำมะลอของแกเนี่ยร้ายไม่เบานะล้างสมองแกจนเกลี้ยง ไม่ว่าชั้นจะพูดอะไรบอกอะไร แกไม่ฟังเลย ฟังแต่เมีย”
“อ้าว ก็คนมันสมองเสื่อมนี่หว่า”
“นี่ ว่าแต่ยัยตัวแสบนั่นมาสวมรอยเป็นเมียแก เค้าต้องการอะไรกันแน่”
“ถ้าเดาไม่ผิดชั้นว่าเค้าคงต้องการเงิน”
“แน่ใจนะว่าไม่มีแผนอื่น”
“คิดว่าไม่นะเพราะตอนที่ชั้นเจอ เธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ”
“งั้นแกก็ต้องรีบกำจัดเธอออกไปซะ ก่อนที่จะสร้างเรื่องให้ยุ่งกว่านี้”
“แต่ชั้นว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า ชั้นยังไม่ได้แก้เผ็ดที่เค้าหลอกชั้นเลย”
“แก้เผ็ดหรือว่าแก้ผ้า อย่าบอกนะว่าแกยังไม่มีอะไรกับเค้า”
“ไม่มี”
“จริงหรือ เสือผู้หญิงอย่างแกเนี่ยนะ”
“จริง ยัยเนี่ยแสบตัวจริงเลยล่ะ หล่อนบอกว่าชั้นเป็นเกย์ไม่ชอบผู้หญิง”
“แกก็เชื่อ”
“ก็ไม่อยากเชื่อหรอก แต่เค้ากรอกหูทุกวันจนชั้นไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างแกจะถูกผู้หญิงหลอก”
“อย่ามาทำหัวเราะชั้น ว่าแต่แกเถอะหลอกน้องเมย์ไปนอนในห้องได้ไงวะ บอกหน่อยซิ”
“ใครบอกแกว่าชั้นหลอก”
“นี่แกไม่รู้เรื่องจริงๆหรือ”
“ก็จริงน่ะสิ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าน้องเมย์ไปอยู่ในห้องได้ยังไง”
“แล้วน้องเมย์ว่าไง”
“เธอก็บอกว่าเธอไม่รู้เรื่อง”
“หรือว่าเรื่องนี้มีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา”
บุญทันมองหน้าธาวินแล้วคิดตาม
ภายในบ้านพิพัฒน์ในเวลาเดียวกัน ญาดาเดินลงบันไดบ้านมา ภายในบ้านเงียบไม่มีใคร
ใครบางคนแอบมองญาดาอยู่
ญาดาเดินมาหยุดที่กลางโถงพลางมองซ้ายขวาเพื่อหาธาวิน
“คุณภูอยู่ไหนเนี่ย”
ญาดาเดินออกจากบ้านไป แล้วเดินมาตามทางเข้าไปในสวน เจอกับคนงานกำลังทำสวนอยู่
“น้อย เห็นคุณภูมั้ย”
“ไม่เห็นเลยครับ”
ญาดาพยักหน้ารับรู้แล้วกดโทรศัพท์หาธาวินแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“ไปไหนนะ มือถือก็ไม่เปิด”
ญาดามองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินไปทางครัว
จบตอนที่ 5
ติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้เวลา 09.30น.