xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 8
 
ระหว่างทางเดิน เจ๊อ้อยพูดกับต้นหอม
 
“คุณนภานี่แกดุนะ”
“ใช่ น้าอ้อยอย่าไปพูดเล่นกับแกล่ะ แกไม่ชอบ”
“แล้วคุณผู้หญิงเจ้าของบ้านล่ะไม่อยู่หรือ”
“คุณผู้หญิงคนไหนล่ะ บ้านนี้มีคุณผู้หญิงตั้งสามคน อ้อสี่สิ มีคุณตาลอีกคน แต่ตอนนี้คุณตาลอยู่โรงพยาบาล”
“หา เป็นอะไร” เจ๊อ้อยร้องด้วยความตกใจ
ต้นหอมมองอย่างแปลกใจแล้วถาม
“ทำไม น้าอ้อยรู้จักคุณตาลหรือ”
“อ๋อ เปล่า พอดีชั้นเป็นคนตกใจเวลาได้ยินใครพูดเรื่องเข้าโรงพยาบาลน่ะ เค้าเป็นอะไรหรือ” เจ๊อ้อยพูดเฉไฉแก้ตัว
“ถูกยิง” ต้นหอมบอก
“ห๊า ถูกยิง” เจ๊อ้อยเสียงสูงด้วยความตกใจ
“น้าอ้อยไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก คุณตาลเค้าปลอดภัยแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ เอาล่ะ เดี๋ยวหนูจะพาน้าอ้อยไปดูที่พักก่อนนะ”
ต้นหอมเดินไปแล้วแต่เจ๊อ้อยยังยืนอึ้งอยู่
“ทำไมไอ้ตาลไม่บอกเรา”
ต้นหอมร้องเรียก
“เอ้า น้าอ้อย ทำไมไม่ตามมาล่ะ”
“เออ เออ”
เจ๊อ้อยรู้สึกตัวรีบเดินตามต้นหอมไป

ที่หน้าห้องทำงานของภูบดี ภายในบริษัทวรารมย์ ปารมีเดินเข้ามาหาป้อม เลขาของภูบดี
“สวัสดีค่ะคุณปารมี พักนี้ไม่ค่อยเห็นมาที่บริษัทเลยนะคะ”
“ไม่ค่อยว่างน่ะค่ะ คุณภูอยู่รึเปล่า”
“อยู่ค่ะ คุณปารมีจะพบคุณภูหรือคะ เดี๋ยวป้อมบอกให้”
“ไม่ต้องหรอก ชั้นมาเซอร์ไพรส์เค้าน่ะ”
ปารมีเดินไปเคาะประตูห้องภูบดี
“เชิญครับ”
ปารมีเปิดประตูเข้าไป

ภายในห้อง ธาวินเงยหน้าเห็นปารมีเดินเข้ามาก็ชะงัก
“อ้าว ปารมี”
“หวัดดีค่ะพี่ภู พอดีปามาทำธุระแถวนี้น่ะค่ะก็เลยแวะมาหาพี่”
“มีอะไรหรือ”
“ปาซื้อขนมเค้กมาฝากค่ะ”
“ขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้องลำบากหรอกนะ”
ธาวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ พยายามที่จะไม่ให้เกิดความสนิทสนม
“พี่ภูพูดแบบนี้แสดงว่ายังโกรธปาอยู่ใช่มั้ยคะ”
“เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ เพียงแต่พี่ไม่อยากให้ปาให้ความสนใจพี่เป็นพิเศษ”
“ก็นี่แหละค่ะ ปาถึงมาหาพี่ภู”
ธาวินมองหน้า ปารมีพูดต่อ
“คือ... ปาอยากจะมาขอโทษเรื่องเมื่อคืนที่ปา ... เอ่อ”
ปารมีแสแสร้งทำอ้ำอึ้งเหมือนไม่กล้าพูด
“เอาล่ะ พี่เข้าใจ ปาไม่ต้องพูดหรอก”
“แต่พี่ภูยังไม่บอกเลยว่ายกโทษให้ปา”
ปารมีจ้องหน้า ทำแววตาใสซื่อน่าสงสาร
“ก็พี่ไม่ได้โกรธปานี่” ธาวินบอก
“จริงนะคะ”
ธาวินพยักหน้า
“แล้วพี่ภูจะบอกพี่ตาลรึเปล่าคะ”
“คงไม่บอกหรอก พี่ไม่อยากให้ตาลไม่สบายใจ”
“ขอบคุณนะคะพี่ภู งั้นจากนี้ไปปาจะขอเป็นน้องสาวที่แสนดีของพี่ภูนะคะ”
ธาวินพยักหน้า ปารมีโผเข้ากอด ธาวินสะดุ้ง ปารมีรับผละออกมาแล้วบอก
“น้องสาวกอดพี่ชายคงไม่เป็นไรนะคะ”
ธาวินฝืนยิ้ม ปารมีโผเข้ากอดอีกทีแล้วยิ้มร้าย

อนุทินเดินมาหยุดหน้าห้องประชุมของบริษัทวรารมย์แล้วเคาะประตูก่อนเปิดเข้าไป ภายในห้อง ปรารภนั่งอยู่กับเจ้าหน้าที่บัญชีอีก 3 คน
“คุณปรารภให้คนตามผม มีอะไรครับ” อนุทินถาม
“เชิญนั่งก่อนครับ”
อนุทินลงนั่ง ปรารภยื่นแฟ้มเอกสารให้แล้วบอก
“ผมอยากให้คุณเอมาดูหลักฐานการยักยอกเงินของคุณเอนก”
“ตลอดสามปีที่ผ่านมาคุณเอนกยักยอกเงินไปห้าสิบแปดล้านบาท” ปรารภบอก
อนุทินมองเอกสารตรงหน้าแล้วอึ้งไป
“แน่ใจหรือครับว่าไม่มีการใส่ร้ายพ่อผม” อนุทินถาม
“ไม่ได้ใส่ร้ายหรอกครับคุณเอ เพราะผมเป็นพยานได้ว่าคุณเอนกสั่งให้ผมแก้ไขตัวเลขในบัญชี” สุธีพูด
“คุณปรารภเรียกผมมาเพื่อจะบอกเรื่องนี้หรือครับ” อนุทินถาม
“ใช่ครับ ข้อแรกผมต้องการให้คุณเอรับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ข้อสองคณะกรรมการกำลังจะตรวจสอบว่าคุณมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า” ปรารภบอก
“ตรวจสอบผมหรือครับ”
“ใช่ครับ ถ้าเราพบว่าคุณมีส่วนรู้เห็นกับคุณเอนก คุณจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย”
อนุทินมีสีหน้าอึ้งไป

ปารมีเดินออกมาจากห้องทำงานกับธาวิน อนุทินเดินเลี้ยวออกมาเห็นเข้าพอดีก็ชะงัก
“ปารมี” อนุทินพึมพำในลำคอ
ปารมีเดินเข้าลิฟต์พร้อมกับธาวินโดยไม่ได้เอะใจว่า อนุทินมองตามอย่างไม่พอใจ

เสียงโทรศัพท์ของปารมีดังขึ้น เมื่อปารมีกับธาวินเดินออกจากลิฟต์ ปารมีลังเลอยู่ว่าจะรับดีหรือไม่เพราะเป็นสายของอนุทิน ธาวินมองอยู่ ปารมีแสร้งยิ้มแล้วกดรับ
“ฮัลโหล”
ที่ชั้นบนของบริษัทวรารมย์ อนุทินพูดโทรศัพท์อยู่
“ชั้นเห็นเธอออกไปไหนกับไอ้ภูบดี”
“อ๋อ พอดีพี่ภูเค้าจะไปเยี่ยมพี่ตาลน่ะค่ะ ปาก็เลยขอติดรถไปด้วย”
“นี่เธอคิดจะนอกใจชั้นใช่มั้ย”
“เดี๋ยวปาเสร็จธุระแล้วจะโทรหานะคะ”
ปารมีวางสายแล้วปิดโทรศัพท์ไปทันที
“ปารมี” อนุทินเรียกปารมีค้างไว้
อนุทินกดโทรศัพท์ซ้ำ ปลายสายบอกไม่มีสัญญาณตอบรับ อนุทินจึงปิดโทรศัพท์ด้วยความโกรธแล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายปารมีหันมาบอกธาวิน
“คุณแม่น่ะค่ะ โทรมาถามว่าปาอยู่ไหน”
“ที่จริงปาไม่ต้องไปเยี่ยมตาลก็ได้นะ อีกวันสองวันก็จะกลับบ้านแล้ว” ธาวินบอก
“แต่ปาอยากไปค่ะ พี่ตาลเข้าโรงพยาบาลตั้งหลายวันปาไม่ได้ไปเยี่ยมเลย เดี๋ยวเค้าจะคิดว่าปาเป็นคนใจดำ”
รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบริษัท บุญทันลุกเดินลงมาเปิดประตูให้ธาวินแต่ก็ชะงักไปที่เห็นปารมีมาด้วย
“คุณปารมีเค้าจะไปเยี่ยมตาลด้วย” ธาวินบอก
“ครับ”
ปารมีขึ้นรถไปกับธาวิน บุญทันขับรถออก อนุทินวิ่งตามออกมาแต่ไม่ทัน
“ฮึ่ย ...”

ภายในห้องคนไข้ ภายในโรงพยาบาล ญาดานั่งดูทีวี ปารมีเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วทักทาย
“หวัดดีค่ะพี่ตาล”
“อ้าวคุณปา หวัดดีค่ะ”
“พี่ตาลเป็นยังไงบ้างคะ ขอโทษนะคะที่ปาเพิ่งมาเยี่ยม ช่วงนี้ที่บ้านมีแต่เรื่องยุ่งๆน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้ตาลก็กลับบ้านแล้ว”
“นี่คะ ปาซื้อโจ๊กจักรพรรดิ์มาเยี่ยม ตอนแรกจะซื้อหูฉลาม แต่พี่ภูบอกว่าพี่ตาลไม่ทาน เถียงกันอยู่ที่ร้านตั้งนาน”
ญาดาชะงักไปชั่วขณะ
“คุณปามากับคุณภูหรือ”
“ค่ะ พี่ภูเค้าชวนปามา ปาก็เลยติดรถมาด้วย พี่ตาลไม่ว่านะคะ”
ญาดาไม่เข้าใจกับคำพูดของปารมี
“ ว่าเรื่องอะไรคะ
“ก็ ปากลัวว่า พี่ตาลจะหึงน่ะค่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ตาลไม่ใช่คนคิดมากขนาดนั้น แล้วคุณภูล่ะคะ”
“เห็นบอกว่าจะแวะไปเยี่ยมน้องเมย์ค่ะที่จริงปาก็อยากไปนะคะ สงสารเค้า แต่น้องเมย์เค้าไม่ชอบปา ปาเลยไม่กล้าไป”
ปารมีทำเสียงเศร้า ญาดามองอย่างเห็นใจ
“พี่ตาลจะทานโจ๊กเลยมั้ยคะ ปาแกะให้”
“ยังดีกว่าค่ะ เดี๋ยวตาลต้องรอทานยาจากพยาบาลก่อน”
ปารมีเอาโจ๊กไปวางโต๊ะ ธาวินเปิดประตูเข้ามาและเดินไปหาญาดา
“น้องเมย์เป็นไงบ้างคะ” ญาดาถาม
“เค้าหลับน่ะก็เลยไม่ได้เยี่ยม คิดถึงตาลจัง”
ธาวินจูบที่หน้าผากญาดา ปารมีมอง
“คุณภู อายคุณปาบ้าง” ญาดาบอก
“ไม่ต้องอายหรอก ปาเค้าก็รู้ว่าผมรักตาลใช่มั้ย ปา”
ปารมีแสร้งฝืนยิ้ม
“ค่ะ”
“เมื่อกี้ผมเจอหมอ หมอบอกว่าพรุ่งนี้สายๆตาลก็กลับบ้านได้แล้ว” ธาวินบอก
“ดีจังเลยค่ะ ตาลอยู่โรงพยาบาลนอนแต่บนเตียงเบื๊อเบื่อ”
“แต่ถึงกลับบ้านตาลก็ต้องนอนเฉยๆก่อนนะ ห้ามเดินไปไหนมาไหน รู้มั้ย เดี๋ยวแผลจะอักเสบ”
“แต่ตาลไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ”
“จ้า คนเก่ง ตาลเนี่ยเก่งตลอด”
ธาวินดึงจมูกหยอกล้อญาดา ปารมีมองด้วยแววตาอิจฉาในความรักที่ธาวินมีให้ญาดา


ในมุมลับตาคนภายในโรงพยาบาล ปารมีกดโทรศัพท์ ภายในอพาร์ทเมนท์ เสียงโทรศัพท์ดังของสารวัตรสมยศดังขึ้น
“ว่าไงจ๊ะดาร์หลิง”
“เมื่อไหร่จะจัดการกับนังตาลซะที”
“ก็บอกแล้วไงว่าต้องรอจังหวะ”
“งั้นคืนนี้ก็มาเอาตัวมันได้เลย มันอยู่โรงพยาบาลคนเดียว”
“คุณจะบ้าหรือ โรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิด มันเสี่ยงมากนะ”
“ไม่รู้ล่ะ คุณต้องมาเอาตัวมันไป ชั้นเกลียดมัน ชั้นอยากให้มันตาย”
“ผมไม่บ้าไปกับคุณด้วยหรอก ถ้าอยากให้แผนสำเร็จก็ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ขืนบุ่มบ่ามทำอะไร เกิดถูกจับได้ ผมติดคุกหัวโตนะ”
“นี่คุณจะไม่ช่วยใช่มั้ย” ปารมีถาม
“ไม่ใช่ไม่ช่วย แต่ผมว่าคุณใจเย็นก่อน เรื่องฆ่าคนมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องทำทุกอย่างให้มัรอบคอบ”
“แต่ชั้น...”
“นี่ ผมไม่เอาตัวเองเดินเข้าไปติดตะรางหรอกนะ ถ้าจะให้ผมช่วยก็ต้องเชื่อผม”
“ก็ได้ อย่าให้มันช้านัก ชั้นไม่อยากจะรอแล้ว”
บุญทันเดินเข้ามาเห็นปารมีพูดโทรศัพท์อยู่ บุญทันชะงักแล้วมอง
“ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ มาหาผมดีกว่าจะช่วยดับอารมณ์ให้” สารวัตรสมยศบอกปารมี
“ไม่ได้ ชั้นไม่ว่างแค่นี้นะ”
ปารมีปิดโทรศัพท์แล้วหันมาเห็นบุญทันเข้าพอดี ปารมีชะงักแล้วถาม
“นี่แกมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ผมเพิ่งมาครับ คุณภูให้มาบอกคุณปาว่าจะกลับแล้วครับ”
“อืมม์”
ปารมีเดินออกไป บุญทันมองตามด้วยความแปลกใจ
“คุยกับใคร”

รถมาจอดหน้าบ้านพิพัฒน์ในเวลากลางคืน ปารมีบอก
“ขอบคุณนะคะพี่ภู”
“จ้ะ”
ปารมีเดินออกไป ธาวินหันมาเห็นสายตาที่บุญทันมองตามปารมีไป
“คุณปารมีเค้านึกยังไงถึงไปหาแกที่ทำงาน” บุญทันถาม
“เค้าบอกว่ามีธุระแถวนั้นก็เลยแวะไป”
“หวังว่าแกไม่ได้มีอะไรกับเค้านะ”
“ไอ้บ้า ชั้นไม่ได้เลวอย่างงั้นนะ ชั้นบอกแกแล้วไงว่าชั้นรักตาล ชั้นไม่สนใจใครอีกแล้ว”
“ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ เออ คืนนี้ชั้นจะไม่อยู่นะ”
“แกจะไปดูน้องเมย์หรือ”
“อืมม์ ไม่อยากให้เค้าอยู่คนเดียว”
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“แกชอบน้องเมย์เค้าจริงๆใช่มั้ย”
“ใช่ ชั้นรักเค้า”
บุญทันบอกเรียบๆแล้วเดินขึ้นรถขับออกไป ธาวินมองตามแล้วหัวเราะ
“ไอ้นี่ เห็นทำขรึมที่แท้ก็ร้ายไม่เบา”
พิพัฒน์ยืนมองมาจากมุมหนึ่งรู้สึกแปลกใจในความสนิทสนมของธาวินกับบุญทัน

ปารมีเดินจากบ้านพิพัฒน์มายังบ้านของตัวเอง ภายในบ้านเงียบกริบ ปารมีเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องนภา ปารมีมองเห็นนภานอนหลับอยู่ ปารมีปิดประตูลงแล้วเดินไปห้องตัวเอง


ปารมีเปิดประตูห้องนอนและเปิดไฟ เมื่อห้องสว่างขึ้น ปารมีก็ต้องสะดุ้งตกใจที่เห็นอนุทินยืนรออยู่
“พี่เอ” ปารมีเรียกขึ้น
“ไปไหนมา”
“นี่พี่เอเข้ามาทำไม เดี๋ยวแม่ปามาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องนะคะ”
อนุทินเข้าไปกระชากแขนปารมีแล้วส่งเสียงตะคอกด้วยความหึงหวง
“ชั้นถามว่าเธอไปไหนมา”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าไปเยี่ยมเมียพี่ภู”
“ชั้นถามจริงๆ เธอคิดจะทำอะไรถึงเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดไอ้ภูบดี”
“จะทำอะไรคะ ก็ปาเคยบอกแล้วไงว่าปาทำทุกอย่างเพื่อพี่เอ ที่ปาไปใกล้ชิดเค้าก็เพื่อให้เค้าตายใจ”
อนุทินจ้องหน้าด้วยสายตาคาดคั้น
“เธอไม่ได้คิดหักหลังชั้นนะ”
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ ปาเสียใจนะ พี่เอก็รู้ว่าปารักพี่เอแค่ไหน”
ปารมีโผเข้ากอด อนุทินยืนนิ่ง
“พี่เอไม่เชื่อปาหรือคะ”
ปารมีผละออกมามองแล้วตัดสินใจหันไปคว้าคัตเตอร์บนโต๊ะ
“ถ้าพี่เอไม่เชื่อ ปาจะพิสูจน์ให้พี่เอดูก็ได้”
อนุทินคว้าคัตเตอร์จากมือปารมี
“เอาล่ะ พี่เชื่อแล้ว พี่ขอโทษ เป็นเพราะพี่รักปา พี่ถึงไม่อยากให้ปาไปใกล้ชิดใคร”
“ปาเข้าใจค่ะ แต่ที่ปาทำก็เพื่ออนาคตของเรานะคะ”
ปารมีมองหน้าอนุทิน อนุทินมองสบตาแล้วเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ
“อย่าค่ะ เดี๋ยวแม่มาเห็น” ปารมีบอก
“แม่ปาหลับไปแล้ว ไม่ตื่นมาหรอก มา ให้พี่ชื่นใจหน่อย”
อนุทินดึงปารมีเข้ามากอดแล้วล้มตัวลงบนเตียง

ภายในบ้านนภา ผู้ชายสองคนเดินขึ้นบันไดมาแล้วมาหยุดที่หน้าห้องนภา แง้มประตูเปิดเข้าไป บนเตียง นภายังนอนหลับอยู่ ชายทั้งสองคน มองหน้ากันแล้วยิ้ม
นภาลืมตาตื่นมองตะลึงที่เห็นชายทั้งสองคนเข้ามาในห้อง
“หา อย่านะ”
ชายทั้งสองคนวิ่งเข้ามาคว้าจับแขนจับขาไว้
“ไม่ อย่านะ อย่าทำอะไรชั้น ช่วยด้วย”
นภาส่งเสียงหวีดร้อง ทั้งสะบัดทั้งถีบจนคนร้ายกระเด็นไป

นภาสะดุ้งตื่น หายใจหอบแล้วมองไปรอบห้องด้วยสายตาตื่นตระหนก ทุกอย่างเงียบสงัด
“นี่เราฝันหรือเนี่ย”
นภาถอนใจอย่างโล่งอก มองนาฬิกาหัวเตียงที่บอกวลาสี่ทุ่มกว่า
“ยัยปากลับมารึยัง”
นภาลุกลงจากเตียงเดินออกประตู


นภาสะดุ้งตื่น หายใจหอบแล้วมองไปรอบห้องด้วยสายตาตื่นตระหนก ทุกอย่างเงียบสงัด
“นี่เราฝันหรือเนี่ย”
นภาถอนใจอย่างโล่งอก มองนาฬิกาหัวเตียงที่บอกวลาสี่ทุ่มกว่า
“ยัยปากลับมารึยัง”
นภาลุกลงจากเตียงแล้วเดินออกจากประตูห้องไป

ภายในห้องปารมี อนุทินนอนกอดปารมีอยู่บนเตียง
“แล้วพี่เอคิดได้รึยังว่าจะทำยังไงกับพี่ภู” ปารมีถามขึ้น
“พี่ยังคิดไม่ออก”
“แต่ปาว่าทางที่ง่ายที่สุดก็คือ กำจัดเค้าซะ”
“ไม่ พี่ไม่อยากติดคุก พี่กำลังคิดว่าพี่อาจจะขอเงินคุณปู่ซักก้อนแล้วไปจากที่นี่ ปาไปกับพี่นะ”
“หมายความว่าพี่เอจะทิ้งมรดกทั้งหมดให้กับพี่ภูงั้นหรือคะ”
“พี่มาคิดดูแล้ว จริงๆพี่เองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในมรดกก้อนนี้ ถ้าพี่จะไปแย่งชิงกับมันพี่ก็ต้องเสี่ยงติดคุก”
“ไม่ได้นะคะ ปาไม่ยอมให้พี่ทำแบบนั้น ปาลงทุนไปเยอะแล้วนะคะ”

นภาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องปารมีก็ชะงักเหมือนได้ยินเสียงใครสนทนากัน นภาเคาะประตูแล้วร้องเรียก
“ปา..”
ภายในห้อง ปารมีสะดุ้ง
“แม่ พี่เอไปแอบในห้องน้ำก่อนเร็ว”
อนุทินวิ่งเข้าไปเข้าห้องน้ำ ปารมีคว้าเสื้อคลุมมาสวม เสียงเคาะประตูดังซ้ำ
“ปา คุยอยู่กับใครหรือลูก” นภาร้องถามที่หน้าห้อง
ปารมีเดินไปเปิดประตู
“มีอะไรคะแม่” ปารมีถาม
“แม่ได้ยินเสียงเหมือนลูกพูดกับใคร”
“อ๋อ ปาพูดโทรศัพท์กับเพื่อนน่ะค่ะ แล้วแม่ตื่นมาทำไมคะเนี่ย”
“แม่ฝันร้ายน่ะเลยตกใจตื่น”
“อ้าว นี่แม่ไม่ได้กินยานอนหลับของหมอหรือคะ”
“แม่เห็นลูกยังไม่กลับก็เลยเป็นห่วงเลยไม่อยากกินยา เดี๋ยวหลับแล้วไม่รู้เรื่อง”
“ก็ปาโทรมาบอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องห่วง ไปค่ะ เดี๋ยวปาเอายาให้”
นภาหันหลังเดินออกไป ปารมีหันไปมองอนุทินที่ใส่เสื้อผ้าแล้วโผล่หน้าออกมามอง ปารมีพยักหน้าส่งสัญญาณให้กลับไปก่อน อนุทินพยักหน้ารับรู้ ปารมีเดินตามแม่ไป อนุทินออกมาจากที่ซ่อนแล้วย่องลงบันไดไป

ภายในห้องนอนคนไข้ของมณทกานต์ในโรงพยาบาล หมอเอาสายน้ำเกลือกับเลือดออกแล้ว มณทกานต์มองไปที่โซฟาเห็นบุญทันนอนหลับอยู่
มณทกานต์นึกถึงคำพูดเก่าๆของบุญทันที่พูดกับอนุทิน
“ผมจะแต่งงานกับคุณเมย์”
“แต่งงาน”
“ใช่ครับ เพื่อไม่ให้คนดูถูกหรือนินทาคุณเมย์ผมจะแต่งงานกับเธอ”
บุญทันพูดกับมณทกานต์
“คุณเมย์รังเกียจที่ผมฐานะต่ำต้อยกว่าใช่มั้ยครับ”
“เปล่า ชั้นไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
“ถ้าคุณเมย์ไม่ได้คิดเรื่องนั้นทำไมถึงไม่ตอบแต่งงานกับผม”
“ชั้นจะแต่งกับนายได้ยังไง ในเมื่อชั้นไม่ได้รักนายหรือนายจะบอกว่านายรักชั้น”
“ใช่ครับ ผมรักคุณ ... ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มรักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้ว่าทุกครั้งที่เห็นคุณร้องไห้ ผมอยากจะเป็นคนที่เช็ดน้ำตาให้คุณ”
มณทกานต์เห็นบุญทันขยับตัวผ้าห่มหลุดไปอยู่ที่ปลายเท้า มณทกานต์ลุกขึ้นเดินมาที่โซฟาหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ บุญทันขยับรู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้น
“คุณเมย์”
“ชั้นว่านายกลับไปนอนที่บ้านเถอะ ชั้นอยู่คนเดียวได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
”นายกลัวว่าชั้นจะทำร้ายตัวเองอีกหรือ”
“ผมไม่อยากให้คุณเมย์คิดมาก ถึงแม้วันนี้คุณเมย์อาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีใคร แต่ผมอยากให้รู้ว่าคุณยังมีผมอยู่ตรงนี้”
มณทกานต์มองหน้าบุญทันแล้วน้ำตาซึม
“ทำไมนายถึงดีกับชั้น ทั้งๆที่ชั้นไม่เคยดีกับนายเลย”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมรักคุณ”
“ทั้งๆที่ชั้นเคยด่านาย ร้ายกาจกับนายเนี่ยหรือ”
“ครับ ผมรักคุณเมย์ที่คุณเมย์เป็นแบบนี้”
มณทกานต์น้ำตารินมองหน้า บุญทันดึงมณทกานต์มากอด มณทกานต์กอดตอบบุญทันด้วยความตื้นตันใจ


โปรดติดตามตอนต่อไป




เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

เวลากลางวันในวันต่อมา ธาวินเข็นวีลแชร์ให้ญาดาเข้ามาในบ้าน พิพัฒน์เดินลงมาพอดี

“สวัสดีค่ะคุณปู่”
“เป็นยังไงบ้างลูกนี่ยังเดินไม่ไหวหรือ” พิพัฒน์ถาม
“เดินได้แล้วค่ะ แต่คุณภูไม่ยอมให้ตาลเดิน”
“ก็ผมกลัวว่าตาลจะหกล้มนี่นา” ธาวินบอก
“เอาน่า คนเค้าหวังดีก็อย่าไปปฏิเสธเค้าเลยไปเจ้าภูพาเมียขึ้นไปพักผ่อนก่อน”
“ครับ”
“แต่คราวนี้ตาลต้องเดินแล้วนะคะเพราะต้องขึ้นบันได” ญาดาบอก
ญาดาขยับตัวลุกยืน
“ใครบอกว่าผมจะให้เดิน”
ธาวินช้อนตัวญาดาขึ้นอุ้ม
“คุณภู”
“เกาะให้แน่นนะ ขอตัวก่อนนะครับคุณปู่” ธาวินบอก
ธาวินอุ้มญาดาขึ้นบันไดไป พิพัฒน์มองแล้วยิ้มตาม

ธาวินอุ้มญาดาขึ้นมาที่ชั้นบนเดินสวนกับต้นหอมพอดี
“คุณตาลกลับมาแล้วหรือคะ” ต้นหอมทักทาย
“จ้ะ”
“อย่าพูดมากต้นหอมไปชงน้ำขิงร้อนๆมาให้คุณตาลแก้ว” ธาวินบอกแล้วอุ้มญาดาผ่านไป
“ค่ะ แหม คุณภูนี่โรแมนติคจัง”
ต้นหอมยิ้มทำตาฝันหวานก่อนจะเดินลงบันไดไป

ธาวินอุ้มตาลญาดาเข้ามาในห้องนอนแล้วค่อยๆวางลง
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย” ธาวินถาม
“อะไรคะ”
ธาวินชี้ที่แก้ม ตาลหอมแก้มหนึ่งฟอด ธาวินมองจ้องญาดา
“มาจ้องหน้าตาลทำไม” ญาดาถาม
“ตาลรู้มั้ยว่าผมรักตาลมากแค่ไหน”
“ไม่รู้ค่ะเท่าฟ้ามั้ง” ญาดาตอบ
ธาวินส่ายหน้า
“ถ้าไม่ใช่เท่าฟ้า ตาลไม่ยอมนะคะเพราะท้องฟ้าใหญ่ที่สุดแล้ว”
“ผมรักตาลเท่าชีวิตผม รู้มั้ยตอนที่ตาลถูกยิง ผมกลัวมากเลย กลัวว่าตาลจะจากผมไปโดยที่ผมยังไม่ได้บอกให้ตาลรู้ว่าผมรักตาลมากแค่ไหน”
ธาวินบอก ญาดามองด้วยสายตาปลาบปลื้มและหวานซึ้ง ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาหาขณะที่ญาดาหลับตารออยู่ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะขึ้น ธาวินชะงักมองหน้าญาดาแล้วบอกอย่างหงุดหงิด
“อย่าบอกนะว่าต้นหอม”
ธาวินลุกไปเปิดประตูอย่างหัวเสีย
ทันทีที่ประตูเปิดออก เจ๊อ้อยยืนยิ้มให้อยู่ที่หน้าห้อง
“นี่ ...”
“สวัสดีค่ะคุณภูบดี อ้อยเป็นแม่บ้านใหม่ค่ะ คุณท่านสั่งให้นำน้ำขิงมาให้คุณตาลค่ะ” เจ๊อ้อยแนะนำตัว
ญาดาถามธาวิน
“ครหรือคะคุณภู”
ธาวินบอกเจ๊อ้อย
“เชิญ”
เจ๊อ้อยเดินเข้ามาในห้อง ธาวินมองตามอย่างสงสัย ทันทีที่ญาดาเห็นเจ๊อ้อยเดินเข้ามาก็ตกใจจะอ้าปากเรียกแม่ แต่เจ๊อ้อยรีบแก้สถาการณ์ชิงพูดก่อน
“สวัสดีค่ะคุณตาล อ้อยเป็นแม่บ้านใหม่ค่ะ นี่ค่ะน้ำขิง”
เจ๊อ้อยหลิ่วตาให้แล้วเดินออก ญาดามองตามตกใจ เจ๊อ้อยเดินยิ้มหวานผ่านธาวินที่ยืนมอง
อย่างงงๆออกไป
ธาวินเดินกลับมาหาญาดาที่แสร้งยิ้มเนียนๆอยู่
“ตาลไม่อยู่แค่หกเจ็ดวันมีแม่บ้านใหม่มาด้วยหรือคะ”
“อืมม์ นั่นสิ ผมก็เพิ่งเคยเห็นหน้า เมื่อกี้เค้าว่าชื่ออะไรนะ”
“เอ ไม่รู้สิคะ ตาลไม่ทันฟัง”
“ตาลจะทานน้ำขิงเลยมั้ย ผมป้อนให้”
“ยังดีกว่าค่ะ ตาลอยากเข้าห้องน้ำ”
ธาวินทำท่าจะประคอง
“มา ผมพาไป”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ตาลเดินได้”
ญาดาขยับลุกเดินเข้าห้องน้ำไป ธาวินมองตามด้วยความงงๆ
“นี่ตาลเค้าคิดจะทำอะไรถึงพาแม่มาอยู่ด้วย”
ญาดาปิดประตูห้องน้ำแล้วถามตัวเองอย่างงุนงง
“นี่แม่เราเข้ามาที่นี่ทำไม”
ญาดารีบกดโทรศัพท์หาเจ๊อ้อยทันที
เจ๊อ้อยเดินมาตามทางในบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วกดรับ
“ว่าไงคะคุณตาลมีอะไรให้อ้อยรับใช้คะ” เจ๊อ้อยแซวด้วยความสนุก
“แม่อย่ามาพูดเล่นนะ นี่แม่คิดทำอะไรเนี่ย ถึงเข้ามาอยู่ที่นี่”
“อ้าว แม่ก็มาทำงานน่ะสิ”
“แม่ หนูรู้นะว่าแม่ต้องมีจุดประสงค์อื่น”
“เอ๊ะ เอ็งนี่พูดไม่รู้เรื่องบอกว่าทำงานก็ทำงานสิ แค่นี้นะ เดี๋ยวแม่ต้องไปถูบ้านอีก”
เจ๊อ้อยปิดโทรศัพท์ เดินเดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี
“แม่นะแม่ จะมาก่อเรื่องอะไรให้เราอีกเนี่ย”

ต้นหอมพาเจ๊อ้อยเดินเข้ามาในบ้านนภาในเวลาต่อมา
“น้าอ้อยก็กวาดถูให้ทั่วนะทั้งชั้นล่างชั้นบน แต่ในห้องนอนคุณนภา น้าอ้อยไม่ต้องทำ” ต้นหอมบอก
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“คุณนภาเค้าทำเอง คนอื่นทำไม่ถูกใจ”
“อืมม์ ก็ดีนะจะได้ไม่เหนื่อย”
“น้าอ้อยเริ่มทำไปก่อนนะ เดี๋ยวหนูจะไปทำที่ตึกใหญ่ อีกชั่วโมงหนูจะกลับมาดูว่าน้าอ้อยทำเรียบร้อยรึเปล่า”
“อืมม์”
ต้นหอมเดินออกไป เจ๊อ้อยหยิบไม้กวาดออกมากวาดมองบ้านอย่างสำรวจ เมื่อนึกถึงคำพูดของต้นหอมชะงัก
“หรือว่าในห้องมีอะไรซ่อนอยู่ ถึงไม่ให้คนเข้าไป”
เจ๊อ้อยมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครก็ย่องขึ้นไป

เจ๊อ้อยขยับลูกบิดประตูห้องนภาไปมา แต่ห้องล็อก
“ล็อกซะด้วยแสดงว่าต้องมีของสำคัญจริง ๆ”
เจ๊อ้อยมองซ้ายขวาหาอุปกรณ์งัดแงะแต่ไม่เจออะไรที่พอจะใช้สอยได้ เมื่อนึกได้จึงดึงกิ๊บดำที่ติดผมออกมา เจ๊อ้อยเอากิ๊บออกมาง้างแล้วเสียบเข้าไปเพื่อเขี่ยปลดล็อกลูกบิด

ที่ชั้นล่าง นภาเดินเข้าบ้านมาพอดี และร้องเรียก
“ต้นหอม”
เจ๊อ้อยกำลังเขี่ยตัวล็อกประตูพอได้ยินเสียงนภาก็สะดุ้งสุดตัวแล้วตอบ
“ขา ...”
เจ๊อ้อยรีบวิ่งลงบันไดมาเจอกับสายตานภาที่กำลังมองอยู่
“ขึ้นไปทำอะไรข้างบน” นภาถาม
“พอดีอ้อยปวดท้องฉี่น่ะค่ะ” เจ๊อ้อยรีบแก้ตัว
“ทีหลังปวดฉี่ก็กลับไปฉี่ที่บ้านคนงาน บ้านชั้นไม่ใช่ส้วมคนใช้”
“ขอโทษค่ะ”
“แล้วนี่ต้นหอมไปไหน” นภาถาม
“ต้นหอมไปตึกใหญ่ค่ะ อีกชั่วโมงนึงจะกลับมาตรวจงานค่ะ”
“งั้นเธอก็รีบทำ อย่าชักช้า”
“ค่ะ”
เจ๊อ้อยหยิบไม้กวาดออกมากวาดบ้าน นภาเดินขึ้นไปชั้นบนไป เจ๊อ้อยหันมองตามหลังอย่างเสียดายพลางบ่น
“อีกนิดเดียวจะเปิดได้อยู่แล้ว”

ภายในร้านกาแฟเวลากลางวัน บุญทันวางแก้วกาแฟลงแล้วถามธาวินอย่างสงสัย
“เอาแม่เข้ามาอยู่ในบ้านหรือ” บุญทันถาม
“อืมม์ ไม่รู้ว่าเค้าคิดทำอะไร”
“แต่ชั้นว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เค้าคงไม่คิดร้ายกับแกแล้วล่ะ บางทีแม่เค้าอาจจะไม่มีที่ไป”
“ก็เป็นไปได้” ธาวินบอก
“แล้วแกคิดจะบอกความจริงเค้าเมื่อไหร่ว่าแกจำอะไรได้หมดแล้ว”
“ก็กะว่าจะบอกหลังแต่งงาน” ธาวินบอก
“อ๋อ นี่แกหวังจะให้ส่งตัวเข้าหอก่อนใช่มั้ย เค้าจะได้หนีไม่รอด”
“แกนี่รู้ทันชั้นตลอดเลยนะ”
“ถ้าชั้นไม่รู้ทันแก ชั้นจะเป็นเพื่อนรักแกได้หรือ”
“แล้วชั้นก็คิดว่าหลังแต่งงาน เราควรจะเปิดเผยความจริงให้คุณปู่รู้ได้แล้วนะว่าแกคือใคร เพราะตอนนี้ทุกอย่างก็จบแล้ว”
บุญทันยกกาแฟขึ้นจิบด้วยแววตาครุ่นคิดก่อนจะเปรยขึ้น
“หวังว่าอาเอนกจะเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าลุงภาคินนะ”
“ทำไมแกพูดอย่างงั้น”
“ไม่รู้สิ ชั้นมาคิดๆดู ชั้นว่าถ้าอาเอนกเป็นคนฆ่าลุงภาคินจริง เค้าไม่น่าใจเสาะคิดฆ่าตัวตาย”
“ชั้นว่าแกคิดมากไป เชื่อชั้นทุกอย่างมันจบแล้ว” ธาวินบอก
บุญทันมองหน้าธาวินที่พยักหน้ายกแก้วกาแฟให้ บุญทันพยายามทำใจที่จะเชื่อ

ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องพักชั่วคราวกึ่งโรงแรม ปารมีเดินเข้ามา
“เมื่อคืนเรายังพูดกันไม่จบนะพี่เอเรื่องมรดกคุณปู่”
อนุทินนั่งอยู่บนเตียงแล้วพูดขึ้น
“ก็อย่างที่บอก พี่มาคิดดูแล้วพี่ไม่อยากเสี่ยงติดคุก”
“แต่พี่เอบอกว่าจะไม่ยอมให้คุณลุงเอนกตายฟรีไงคะ”
“พี่ก็พูดขู่ไอ้ภูบดีไปงั้นแหละ”
ปารมีมองหน้าอนุทินอย่างไม่พอใจ
“พูดขู่หรือคะ”
“ใช่ เมื่อวานคุณปรารภเอาหลักฐานที่พ่อยักยอกเงินบริษัทมาให้พี่ดู โชคดีนะที่พี่ไม่รู้เห็นอะไรด้วยไม่งั้นตอนนี้พี่ไปนอนในคุกแล้ว”
“หมายความว่าพี่เอจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรือคะ” ปารมีน้ำเสียงผิดหวังปนโกรธ
“ก็ต้องเป็นอย่างงั้น เพราะพี่ไม่อยากติดคุก”
“ปาไม่คิดเลยนะว่าพี่เอจะเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้ เสียแรงที่ปารักและคิดที่จะฝากชีวิตไว้ พี่เอไม่ได้รักปาเลยพี่เอรักแต่ตัวเอง”
อนุทินรีบแก้ตัว
“ไม่ใช่นะปา พี่รักปา แต่พี่ไม่อยากมีจุดจบเหมือนพ่อ”
“ถ้างั้นเราก็จบกันแค่นี้”
ปารมีบอกแล้วทำท่าจะหันเดินออกไปทันทีแต่แนุทินคว้ามือไว้
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะปา พี่รักปานะ”
“ถ้าพี่เอรักปา พี่เอก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อปาสิคะ”
“แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ง่ายนะ ถ้าเราถูกจับ...”
“พี่เอก็พูดแต่กลัวถูกจับ ถูกจับ ถ้าเราวางแผนให้ดี เราก็ไม่มีทางโดนจับหรอกค่ะ”
อนุทินมองหน้า ปารมีทำน้ำเสียงอ้อน
“นะคะพี่เอ ถ้าพี่เอรักปา พี่เอต้องทำเพื่ออนาคตของเรา”
อนุทินมองอย่างลังเล
“แต่ถ้าพี่เอไม่ทำเราก็จบกันแค่นี้” ปารมีบอก
ปารมียื่นคำขาดแล้วมจ้องหน้าอนุทินรอคำตอบ
อนุทินถอนใจยาวตัดสินใจแล้วถาม
“แล้วปาจะให้พี่ทำยังไง”
ปารมียิ้มแล้วบอก
“มันต้องอย่างนี้สิคะถึงจะเรียกว่ารักกันจริง”
ปารมีเข้ามาจูบแก้มอนุทินตอบแทน

ญาดาเปิดประตูออกมาจากห้องนอนในเวลากลางคืน เหลียวมองซ้ายขวาไม่เห็นใครก็ย่องลงบันไดไปทันที ญาดาได้ยินเสียงเจ๊อ้อยฮึมฮัมเพลง ญาดาชะงักแล้วเดินไปตามเสียงกวาดสายตามองหา แต่ไม่เจอ
เสียงเพลงเงียบไป ญาดาเดินเข้าไปในครัว เจ๊อ้อยโผล่มาด้านหลังเอาไม้ขนไก่ตีก้นญาดา
“จะเอาอะไรคะคุณตาล”
ญาดาสะดุ้งหันมาเห็นแม่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
“แม่ นี่แม่เข้ามาทำอะไรที่นี่” ญาดาถาม
“ก็บอกแล้วว่ามาทำงาน”
“ไม่จริง คนอย่างแม่ไม่มีทางมาทำงานบ้านแบบนี้หรอกบอกหนูมาซะดีๆว่าแม่มีแผนอะไร”
“เอ๊ะ นังนี่ เห็นแม่เป็นคนยังไง ที่แม่เข้ามาที่นี่ก็เพราะว่าแม่เป็นห่วงเอ็งนะ กลัวว่าเอ็งจะมีอันตราย เห็นมั้ยเพราะเอ็งไม่บอกความจริงแม่ว่าว่าเกิดอะไรขึ้นเอ็งถึงโดนยิง”
“ไม่เกี่ยวหรอกแม่ หนูว่าแม่ออกไปเถอะอย่าอยู่ที่นี่เลย เพราะถ้าใครรู้เข้าว่าแม่เป็นแม่หนู หนูจะเดือดร้อนนะ”
“ก็ถ้าเราไม่บอกใครมันจะรู้ แล้วไอ้คุณภูพระสวามีของเอ็งมันก็สมองเสื่อมมันจำแม่ไม่ได้”
“หนูขอร้องล่ะแม่ อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งไปกว่านี้เลย”
“ก็ได้ แม่จะไปแต่เอ็งต้องไปกับแม่”
“หนูยังไปตอนนี้ไม่ได้ ขอเวลาหนูหน่อย”
“งั้นแม่ก็ไม่ไปให้เวลาแม่หน่อย”
“แม่ ทำไมแม่ดื้ออย่างนี้ล่ะ”
“ก็แล้วทำไมเอ็งดื้อไม่ยอมไปกับแม่”
ญาดาอึ้งไปไม่ตอบมองได้แต่มองหน้า เจ๊อ้อยมองกลับอย่างท้าทาย
“ว่าไง”
ธาวินเดินเข้ามาในห้องครัวพอดีก็ชะงัก
“อ้าว ตาลมาอยู่นี่เอง ผมเดินหาซะทั่วเลย จะเอาอะไรทำไมไม่บอกลงมาทำไม”
“พอดีตาลอยากทานผลไม้น่ะค่ะ ในตู้เย็นมีอะไรบ้างจ๊ะน้าอ้อย”
“เดี๋ยวอ้อยดูให้ค่ะ”
เจ๊อ้อยหันไปเปิดตู้เย็น ธาวินลอบมองเจ๊อ้อยกับญาดาที่หันมายิ้มให้
“มีองุ่นค่ะ คุณตาลรับมั้ยคะ”
“ก็ได้จ้ะ”
“เดี๋ยวอ้อยใส่จานให้นะคะ”
“งั้นเดี๋ยวน้าอ้อยเอาไปให้ที่ห้องนะ” ธาวินบอก
“ได้ค่ะ”
ธาวินหันมาโอบเอวตาล
“ไปจ้ะ เอ๊ะ หรือว่าจะให้ผมอุ้ม” ธาวินถาม
“ไม่ต้องอุ้มแล้วค่ะ ตาลบอกว่าตาลเดินได้ ไปเถอะค่ะ”
ธาวินโอบเอวตาลเดินออกไป เจ๊อ้อยมองตามอย่างหมั่นไส้
“ไอ้คุณภูนี่ท่าทางจะเป็นพวกปากว่ามือถึง ป่านนี้ลูกสาวเราคงช้ำไปหมดทั้งตัวแล้ว”

บนโต๊ะอาหารในบ้านพิพัฒน์ เวลากลางคืน ต้นหอมตักข้าวใส่จานให้พิพัฒน์แล้วเดินมาตักให้ญาดากับธาวิน
“เออ เจ้าภู หลานบอกหนูตาลรึยังว่าปู่จะขอเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อน” พิพัฒน์พูดขึ้น
“ยังไม่ได้บอกเลยครับคุณปู่ ผมมัวแต่ยุ่งเรื่องงานเลยลืม”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะคุณปู่ ตาลก็กำลังคิดจะบอกคุณปู่อยู่เหมือนกันว่าที่บ้านเรามีเรื่องวุ่นๆหลายเรื่อง เลื่อนไปก่อนก็ดี”
“แต่ปู่ก็จะเลื่อนไปอีกแค่เดือนเดียวนะ ปู่จะรอให้หนูหายดีแล้วจะได้แต่งพร้อมกันทีเดียวสองคู่เลย”
“แล้วใครอีกคู่ครับ” ธาวินถาม
“ยัยเมย์กับบุญทัน”
“น้องเมย์ยอมแต่งหรือคะ” ญาดาถาม
“เห็นบุญทันบอกว่ายอมแล้ว” พิพัฒน์บอก
“งั้นก็ดีสิครับ แต่งพร้อมกันสองคู่เลย อ้อ ผมว่าจะเสนอคุณปู่ให้บุญทันไปทำงานที่บริษัทกับผมดีมั้ยครับ” ธาวินเสนอความเห็น
“ทำงานหรือคะ บุญทันเค้าเป็นแค่คนขับรถ เค้าจะไปทำอะไรที่บริษัทได้คะ” ญาดาว่า
“เห็นมันบอกว่ามันจบวุฒิม.6 ผมก็เลยคิดว่าจะให้มันไปลงเรียนนอกเวลาแล้วมาฝึกงานที่บริษัท” ธาวินบอก
“ปู่ว่าเป็นความคิดที่ดีนะ พอมันแต่งงานกับยัยเมย์คนจะได้ไม่ดูถูกมัน”
“งั้นผมจะให้มันมาเป็นเลขาส่วนตัวผมเลยดีมั้ยครับ” ธาวินบอก
“เลขาหรือคะ” ญาดาถาม
“บุญทันมันจะได้คอยเตือนผมไงผมว่าต้องไปไหนทำอะไรบ้าง”
“ดี ปู่เห็นด้วยให้มันมาเรียนรู้งานจากแก วันนึงมันจะได้ช่วยงานแกได้”
ธาวินพยักหน้ารับคำ ญาดาเหลือบมองธาวินกับพิพัฒน์อย่างไม่ค่อยเห็นด้วย

ในห้องนอนของภูบดี ญาดานั่งเปิดหนังสืออ่านเล่นอยู่ ธาวินอาบน้ำเสร็จเดินออกจากห้องน้ำมานั่งที่เตียง ญาดาถามขึ้น
“ทำไมคุณภูถึงไว้วางใจในตัวบุญทันถึงขั้นจะเอามาทำงานใกล้ตัว”
ธาวินชะงักไปกับคำถาม
“ อ้าว ก็มันไม่ได้เป็นเกย์แล้ว ผมก็ไม่กลัวมัน” ธาวินพูดเฉไฉ
“ไม่ใช่ค่ะ ตาลหมายถึงว่าแน่ใจหรือว่าเค้าเป็นคนดีไว้ใจได้”
ธาวินแอบยิ้มขำ
“ตาลสงสัยอะไรในตัวมัน”
“ไม่รู้สิคะ แต่ตาลมีเซ้นท์ว่านายบุญทันเนี่ยไม่ค่อยปกติเหมือนมีอะไรปิดบังซ่อนเร้นอยู่”
“ไม่หรอก บุญทันมันเป็นคนดีไม่มีอะไร”
ญาดามองหน้าธาวินอย่างสงสัย
“คุณภูพูดเหมือนรู้จักกับเค้ามานาน”
“ไม่ใช่ ผมหมายถึงว่าถ้ามันไม่ใช่คนดีคุณปู่จะยกยัยเมย์ให้หรือ แถมยังวางอนาคตให้มันด้วย นี่ ผมว่าอย่าพูดเรื่องบุญทันเลย มาพูดเรื่องเราดีกว่า”
“เรื่องอะไรคะ”
“คืนนี้ให้ผมนอนกอดตาลได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ”
“แค่กอดอย่างเดียว ผมสัญญาผมจะไม่ทำอะไรตาล”
“โนเวย์ค่ะ แล้วตาลก็จะบอกคุณภูว่าคืนนี้คุณภูต้องกลับไปนอนที่โซฟา”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ตาลป่วยอยู่นะคะ ตาลต้องการพื้นที่ที่นอนสบาย ถ้าคุณภูนอนด้วยมันจะเบียดกันค่ะ”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ค่ะ”
“ก็ได้ แต่ถ้าตาลหายดีแล้วต้องให้ผมกลับมานอนบนเตียงนะ”
“ค่ะ”
“งั้นก่อนนอนให้ผมกู๊ดไนท์คิสได้มั้ย”
ญาดาทำหน้าเขินปากแข็งบอก
“โน”
“แค่คิสเบาๆ นะ”
ธาวินส่งสายตามองอย่างเจ้าชู้อ้อน ญาดามองเขิน
“ก็ได้ แต่ให้ตาลหลับตาก่อนนะ”

ญาดาหลับตา ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ


โปรดติดตามตอนต่อไป




เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ ญาดากับธาวินชะงักในทันที ญาดาลืมตา ธาวินมีสีหน้าหงุดหงิด โมโหแล้วพูด
 
“หือ ใครนะ มันช่างรู้จังหวะจริงๆ”
ธาวินจะจูบอีก เสียงเคาะประตูดังซ้ำ
“ไปเปิดประตูก่อนค่ะ” ญาดาบอก
ธาวินถอนหายใจอย่างเซ็งๆเดินไปเปิดประตู ปารมียืนอยู่ที่หน้าห้อง
“อ้าว ปา”
“พี่ตาลหลับรึยังคะ”
“ยังหรอก เข้ามาสิ”
ปารมีเดินเข้ามาหาญาดา
“อ้าว คุณปา” ญาดาทักทาย
“พอดีพรุ่งนี้เป็นวันหยุดลองวีคเอนด์น่ะค่ะ ปาเห็นว่าพี่ตาลเพิ่งหายป่วยก็เลยจะมาถามว่าอยากไปพักฟื้นที่ทะเลบ้างมั้ยคะ”
ญาดากับธาวินมองหน้ากันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆปารมีก็มาชวนไปทะเล ปารมีชูกิฟท์วอยเชอร์ให้ดู
“ปามีกิฟท์วอเชอร์ที่พักฟรีที่หัวหินค่ะ ถ้าไปปาจะได้จองให้” ปารมีบอก
“คุณภูว่าไงคะ”
“ก็ดีเหมือนกันนะ ตาลจะได้พักผ่อน” ธาวินว่า
“งั้นปาจองที่พักให้เลยนะคะ สามคืน”
“แล้วคุณปาไปด้วยกันมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ ปาต้องอยู่ดูแลคุณแม่ โอเคค่ะ ปาไม่กวนแล้ว”
ปารมีลุกเดินออกไป ธาวินกับญาดามองตาม
“คุณปาเค้าน่ารักนะคะ ดี๊ดีกับตาล”
“อืม” เสียงธาวินรับคำอย่างเสียไม่ได้เพราะยังติดใจเรื่องที่ปารมีเคยมาหาในห้อง
“เหมือนคุณภูไม่เห็นด้วยกับที่ตาลพูด”
“อ๋อ เปล่า ดี ปาเค้าน่ารัก มา ผมยังไม่ได้กู๊ดไนท์คิสเลย”
“หมดสิทธิ์แล้วค่ะ”
“อ้าว ทำไมงั้นล่ะ”
“หมดเวลาค่ะ กู๊ดไนท์”
ญาดาแตะปากตัวเองส่งให้ธาวินแทนจูบแล้วล้มตัวนอนดึงผ้าห่มคลุมโปง ธาวินมองส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“ตาลนี่ลูกเล่นเยอะนะ”
ธาวินเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน

อนุทินเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านในเวลากลางคืนด้วยสีหน้าเครียดเมื่อนึกถึงคำพูดของปารมี
“ถ้าพี่เอรักปา พี่เอต้องทำเพื่ออนาคตของเรา”
อนุทินถอนหายใจ เสียงโทรศัพท์มือถือดัง อนุทินมองเบอร์แล้วกดรับทันที
“ฮัลโหล”
ภายในห้องนอน ปารมีกำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“จัดการได้เลยพี่เอ คอนเฟิร์ม”
“อืมม์”
อนุทินปิดโทรศัพท์แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มย้อมใจก่อนจะเดินออกจากบ้าน มณทกานต์แอบมองอนุทินอยู่มุมหนึ่งอย่างสงสัยแล้วสะกดรอยเดินตามไป
อนุทินเดินเข้าไปในโรงรถ มณทกานต์แอบมองจากด้านนอก เห็นอนุทินเปิดฝากกระโปรงรถคันที่ธาวินใช้ประจำ มณทกานต์พยายามเพ่งมองแต่ไม่เห็นว่าอนุทินทำอะไร จากนั้นไม่นาน อนุทินก็ปิดฝากระโปรงรถแล้วเดินออกไป
อนุทินเดินออกมา มณทกานต์รีบหลบจนฝ่ายหนึ่งเดินผ่านไป มณทกานต์เดินเข้าไปในโรงรถ กวาดสายตามองไม่เห็นอะไรผิดสังเกต มณทกานต์เดินไปรอบๆก็ไม่พบเจออะไรจนมณทกานต์นึกสงสัย
“พี่เอมาทำอะไร”

เช้าวันใหม่ ที่โต๊ะอาหารในบ้าน พิพัฒน์ ธาวินและญาดากำลังกินอาหารกันอยู่
“ก็ดี ไปพักผ่อนซะบ้าง ตั้งแต่กลับมาแกยังไม่ได้ไปไหนเลยนี่แล้วจะไปกันกี่วัน” พิพัฒน์พูดขึ้น
“คงซักสามสี่วันน่ะครับ” ธาวินบอก
“ไปหลายๆวันก็ได้ ไม่ต้องห่วงปู่”
เจ๊อ้อยเอาอาหารเช้าไข่ดาวแฮมเข้ามาเสิร์ฟ ญาดาเหลือบสายตามอง เจ๊อ้อยยิ้มให้ ธาวินลอบมองทั้งสองคน เจ๊อ้อยเดินกลับเข้าไปในครัว ญาดามองตาม ธาวินแกล้งถาม
“ตาลจะเอาอะไรรึเปล่า”
“ว่าจะขอน้ำส้มน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปเอาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตาลไปเอาเอง คุณปู่รับน้ำส้มมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะ”
ญาดาลุกเดินเข้าไปในครัว ธาวินมองตามแต่ไม่ได้สงสัยอะไรมาก

ญาดาเดินเข้ามาในครัวแล้วเปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มเทใส่แก้ว กระซิบบอกเจ๊อ้อย
“หนูจะไม่อยู่สามสี่วันแม่อย่าก่อเรื่องนะ”
“ไปไหน”
“หัวหิน”
“ไปทำไม แม่บอกแล้วไงว่าให้หนีไปกับแม่”
“ก็บอกแล้วว่าขอเวลาหน่อย”
“แม่ว่าเอ็งจะหลงผู้ชายมากไปแล้วนะ”
“หนูไม่ได้หลง หนูบอกแล้วไงว่าหนูรักเค้า”
ธาวินเดินเข้ามาพอดีแล้วเรียก
“ตาล”
ญาดาสะดุ้งเล็กน้อยแล้วร้องตอบ
“ขา ...”
“ขอน้ำส้มให้ผมด้วยนะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวตาลเอาออกไปให้”
ธาวินมองหน้าเจ๊อ้อยที่ส่งยิ้มให้ ธาวินหันเดินออกไปแล้วหันกลับมาแกล้งถาม
“เอ๊ะ ผมเคยเจอน้าอ้อยที่ไหนมาก่อนรึเปล่า”
ทั้งญาดากับเจ๊อ้อยสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน
“อุ๊ย ไม่เคยเจอหรอกค่ะ อ้อยเพิ่งมาจากต่างจังหวัด”
“หรือ แต่ผมว่าน้าอ้อยเนี่ยหน้าคุ้นๆมากเลยนะ”
ธาวินเพ่งมองจ้อง เจ๊อ้อยหลบสายตา ญาดารีบตัดบททันที
“ไม่คุ้นหรอกค่ะคุณภู ไปค่ะ ไปทานอาหารต่อเถอะจะได้รีบไปหัวหินกัน”
ญาดารีบดันให้ธาวินเดินออกจากห้องครัวไป
ญาดาหันกลับมาส่ายหน้าอย่างตำหนิว่าไม่ควรมาที่นี่ เจ๊อ้อยมองตามญาดาที่เดินออกไป
“หรือมันจะจำเราได้จริงๆ”
เจ๊อ้อยเอาผมมาปิดหน้าเพื่อแก้เครียด
บริเวณหน้าบ้านพิพัฒน์ในเวลาต่อมา ญาดากับธาวินเดินออกมาขึ้นรถ บุญทันขับออกไป

ที่โต๊ะอาหารบ้านเอนก อนุทินนั่งจิบกินกาแฟอยู่ มณทกานต์เดินลงมาจากชั้นบน บนโต๊ะอาหาร มณทกานต์เทกาแฟใส่แก้วแล้วลงนั่งที่ตรงข้าม อนุทินถามขึ้น
“แกเป็นไงบ้าง”
“หายดีแล้ว”
อนุทินพยักหน้ารับรู้ เสียงโทรศัพท์มือถือของอนุทินดังขึ้นดี มณทกานต์มองตามอย่างสงสัยว่าใครโทรมา อนุทินลุกเดินออกไปด้านนอกคุยโทรศัพท์
“ไปแล้วหรือ” อนุทินถาม
ปารมีพูดโทรศัพท์ในมุมลับตาภายในบ้านนภา
“ใช่ หวังว่าพี่เอจะทำสำเร็จนะ”
“ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดนะ”
“งั้นเราก็เตรียมตัวรอรับมรดกได้เลยใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ”
“ปารักพี่เอที่สุดเลยนะ”
“พี่ก็รักปา”
“แค่นี้ก่อนนะคะ ปาโทรมารายงานเบื้องต้น อีกไม่เกินสองชั่วโมงเราคงได้รับข่าวดี”
“จ้ะ งั้นพี่จะไปรอฟังข่าวที่เดิมนะ”
“ค่ะ”
ปารมีวางโทรศัพท์แล้วยิ้มอย่างสะใจเมื่อนึกถึงเงินมรดกที่จะได้ นภาเดินเข้ามามองเห็นปารมียิ้มพอดีจึงถามขึ้น
“มีข่าวดีอะไรหรือลูกถึงยิ้มหน้าบานเชียว”
“ข่าวดีมากค่ะแม่ เป็นข่าวที่หนูรอคอยมาทั้งชีวิต”
“ข่าวอะไรหรือว่าจะมีใครมาขอลูกสาวแม่”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังจะถูกรางวัลที่หนึ่ง”
“รางวัลที่หนึ่งหรือ”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้แม่ก็รู้เอง”
ปารมีหอมแก้มนภาซ้ายขวาแล้วเดินออกไป นภามองตามอย่างสงสัย
“เอ๊ะ หวยออกวันนี้หรือ”

อนุทินเดินเข้ามากินกาแฟที่เหลือต่อ มณทกานต์มองอนุทิน
“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยพี่เอ”
“อะไร”
“พี่เอคิดจริงจังกับปารมีหรือ”
“ใช่ ชั้นจะแต่งงานกับเค้า”
“แต่เมย์ไม่เชื่อว่าเค้าจะรักพี่เอจริง”
“นี่ แกเลิกเอาตัวเองมาตัดสินคนอื่นได้แล้ว เพราะตัวแกเองไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นซักเท่าไหร่”
“เมย์พูดในฐานะที่เราเป็นพี่น้องกัน”
“งั้นแกก็ไม่ควรจะยุ่งกับเรื่องของชั้นเพราะชั้นเป็นพี่แก”
อนุทินเดินหงุดหงิดออกไป มใณทกานต์มองตามอย่างเสียใจ

ภายในรถ ญาดานั่งอยู่เบาะหลังกับธาวิน บุญทันขับรถอยู่แล้วถามขึ้น
“ทำไมอยู่ ๆ คุณภูถึงจะไปหัวหินล่ะครับ เมื่อวานไม่เห็นบอกผมเลย”
“เธอพูดเหมือนกับว่าคุณภูต้องรายงานเธอก่อนงั้นหรือ” ญาดาพูดขึ้น
“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงว่าปกติถ้าคุณภูจะไปไหนมักจะบอกผมล่วงหน้า ผมจะได้เตรียมตัวน่ะครับ”
“เธอมีหน้าที่แค่ขับรถไม่เห็นต้องเตรียมตัวอะไรเลย”
ธาวินหัวเราะขำแล้วบอก
“นี่ตาลจ้องจับผิดบุญทันจริงๆนะเนี่ย”
“ตาลไม่ได้จับผิดนะคะ แค่ไม่เข้าใจ”
ธาวินจับมือญาดา
“อย่าไปสนใจมันเลย เดี๋ยวถึงหัวหินเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่านะ ตาลอยากกินอะไร” ธาวินพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วแต่คุณภูสิคะ”
บุญทันเหลือบมองญาดาที่กระจกหลังอย่างหมั่นไส้ บุญทันเห็นสัญญาณไฟแดงข้างหน้าก็เอาเท้าแตะเบรก บุญทันสะดุ้งเฮือก รถไม่หยุดแต่กลับฝ่าไฟแดงไป ญาดากับธาวินมองด้วยความตกใจ
“บุญทัน เธอไม่เห็นไฟแดงหรือ” ญาดาถาม
“นั่นสิ ฝ่าไฟแดงมาได้ไง แกหลับในหรือ” ธาวินถามเช่นกัน
“ไม่ใช่ รถเบรกแตก” บุญทันบอก
“หา...” ญาดาร้องขึ้น
“แกว่าอะไรนะ” ธาวินถาม
“รถเบรกไม่อยู่”
บุญทันพยายามควบคุมรถรถยังคงพุ่งไปในถนนอย่างต่อเนื่อง
“เกิดอะไรขึ้น” ธาวินถาม
“ไม่รู้ ตอนนี้รถเบรกไม่ได้”
“ลองอีกทีซิ” ธาวินบอก
บุญทันเหยียบกระทืบเบรก แต่รถก็ยังพุ่งไปในถนน ญาดามองหน้าธาวินอย่างตกใจ ธาวินจับมือญาดาไว้ บุญทันตัดสอนใจแล้วบอก
“จับให้แน่นนะ ผมจะหักเข้าข้างทาง”
บุญทันหมุนพวงมาลัยหักรถทันที รถพุ่งเข้าหาต้นไม้ข้างทาง ญาดาหลับตาหวีดร้อง ธาวินดึงญาดามากอดไว้แน่น
“ว้าย ...”
บริเวณหน้ารถควันขึ้โขมง
ธาวินขยับตัวหันไปเรียกตาลแล้วถาม
“ตาล..ตาลเป็นอะไรรึเปล่า”
“ตาลโอเคค่ะ”
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
“บุญทัน แกเป็นไง”
“ชั้นปลอดภัย ไม่เป็นไร”
ทั้งสามปลดเข็มขัดและเดินออกจากรถ

ภายในห้องทำงานของพิพัฒน์ มณทกานต์เดินมาเคาะประตู
“เข้ามา” เสียงพิพัฒน์บอก
มณทกานต์เปิดประตูเข้ามาเจอพิพัฒน์นั่งอยู่กับปรารภ
“สวัสดีค่ะคุณปรารภ”
“สวัสดีครับ คุณเมย์”
“เห็นมะยมบอกว่าคุณปู่เรียกให้เมย์มาพบ”
“ใช่ นั่งก่อนสิ บุญทันมันบอกปู่ว่าแกยอมตกลงที่จะแต่งงานกับมันแล้ว”
“ค่ะ”
“หลังจากแต่งงานกันแล้ว ปู่จะให้แกไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมาทำงานที่บริษัท”
“ค่ะ”
พิพัฒน์มองอย่างแปลกใจกับท่าทีที่สงบลงของมณทกานต์
“แกไม่มีอะไรจะโต้แย้งเลยหรือ”
“ไม่มีค่ะ คุณปู่ว่าไงเมย์ก็ว่าตามนั้น”
ปรารภมองสบตากับพิพัฒน์ ปรารภยิ้ม
“งั้นก็ดีครับ คุณปู่จะให้คุณเมย์แต่งพร้อมกับคุณภูเดือนหน้านะครับ” ปรารภบอก

“ค่ะ”
มณทกานต์ตอบรับน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย
เสียงโทรศัพท์มือถือปรารภดัง ปรารภกดรับ
“ฮัลโหล ครับคุณภู อะไรนะครับ รถเบรกแตกหรือ”
พิพัฒน์มองปรารภอย่างตกใจ มณทกานต์พยายามฟังในรายละเอียด
ธาวินพูดโทรศัพท์อยู่ที่ริมถนน
“ใช่ครับ โชคดีที่บุญทันมันขับไม่เร็ว เลยไม่มีใครเป็นอะไร” ธาวินบอก
“แล้วตอนนี้คุณภูอยู่ที่ไหนครับ”
“แถวเพชรบุรีครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมจะส่งรถไปรับนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมาก นี่คุณปรารภอยู่กับคุณปู่รึเปล่าครับ”
“ใช่ครับ”
“บอกคุณปู่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับตาลและบุญทันปลอดภัยดี”
“ครับ”
ปรารภวางสายโทรศัพท์ลง พิพัฒน์ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“มีเรื่องอะไร”
“คุณภูบอกว่ารถที่ขับไปเบรกแตกครับ แต่ไม่มีใครเป็นอะไรทุกคนปลอดภัย เดี๋ยวผมจะเอารถไปรับคุณภูนะครับ”
“อืม รีบไป”
ปรารภเดินออกไป พิพัฒน์พูดพึมพำ
“ทำไมอยู่ๆรถถึงเบรกแตกได้”
มณทกานต์สีหน้าชะงักไป เมื่อนึกหวั่นใจเมื่อคิดได้ว่า เมื่อคืนอนุทินเดินเข้าไปในโรงรถ

ธาวินเดินมาบอกญาดาที่นั่งรออยู่ในรถ
“เดี๋ยวคุณปรารภจะส่งรถมารับเรา”
“ค่ะ”
ธาวินเดินไปหาบุญทันที่กำลังเปิดดูห้องเครื่องยนตร์ใต้ฝากระโปรงหน้ารถ
“เจอสาเหตุมั้ย ทำไมอยู่ๆรถถึงเบรกแตก” ธาวินถาม
“มีคนตัดสายเบรกรถ”
“แกว่าอะไรนะ”
“สายเบรกมันขาดเหมือนมีคนตั้งใจตัด”
“บ้าน่ะ ใครจะทำแบบนั้น”
“ใครทำไม่รู้ แต่หลักฐานอยู่นี่”
บุญทันหยิบสายเบรกที่ขาดขึ้นมาให้ธาวินดู ญาดามองธาวินกับบุญทันก็รู้สึกสะดุดใจกับท่าทีการพูดของทั้งสอง
“มิน่าตอนขับออกมาจากบ้าน ชั้นรู้สึกอยู่เหมือนกันว่าเหยียบเบรกแล้วมันแปลก ๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไร”
“แน่ใจหรือว่ามีคนทำ” ธาวินถามย้ำ
“ชั้นว่าใช่ เพราะอาทิตย์ที่แล้วชั้นเพิ่งเอารถไปตรวจเช็คสภาพ ถ้าสายเบรกมีปัญหาขนาดนี้ทางศูนย์ต้องบอกแล้ว”
“แล้วใครวะ”
ธาวินและบุญทันต่างมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ ญาดามองอย่างสงสัย

ภายในบ้าน ปารมีกดสายโทรศัพท์หาญาดาเพื่อตรวจสอบแผนการ
“ฮัลโหล ค่ะคุณปา” ญาดาพูดเมื่อรับสาย
ธาวินกับบุญทันชะงักมองหน้าญาดา
“พี่ตาลอยู่ไหนแล้วคะ ถึงหัวหินรึยัง” ปารมีถาม
“ยังไม่ถึงเลยค่ะ พอดีมีอุบัติเหตุ อยู่ๆรถก็...”
บุญทันบอกแทรกขัดขึ้นมา
“บอกว่ายางแตก”
ญาดามองบุญทันอย่างไม่เข้าใจ ธาวินพยักหน้าสำทับ
“เอ่อ ... พอดีรถยางแตกน่ะค่ะ”
ปารมีมีสีหน้าชะงักไป
“ว่าไงนะคะ ยางแตก”
“ค่ะ รถยางแตกก็เลยต้องเปลี่ยนรถใหม่ อีกไม่เกินสองชั่วโมงน่าจะถึงหัวหินค่ะ”
“อ๋อ หรือคะ โอเคค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ ปาโทรมาถามดู”
“ค่ะ”
ปารมีวางสายแล้วสบถขึ้นด้วยความโกรธ
“ไอ้บ้าเอ๊ย มันตัดสายเบรกประสาอะไร”
ญาดาหันมาถามธาวินอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องให้ตาลโกหกด้วยว่ายางแตก”
“อ๋อ บุญทันเค้าไม่อยากให้คนที่บ้านตกใจกันน่ะ เดี๋ยวจะแตกตื่นไปกันใหญ่”
ญาดามองหน้าบุญทันอย่างไม่เชื่อใจนัก
“ชั้นว่าที่สายเบรกขาดเนี่ยเป็นเพราะเธอตัดเองรึเปล่าบุญทัน” ญาดาถาม
“อ้าว ทำไมคุณตาลพูดแบบนี้ล่ะครับ ถ้าผมตัดเองผมก็ตายด้วยนะครับ”
“ใครจะไปรู้ เห็นทำเหมือนมีลับลมคมในกันเหลือเกิน”
ญาดาบอกอย่างหมั่นไส้แล้วหันมามองค้อนวิน
“ลับลมคมในอะไร” ธาวินถาม
“ตาลจะไปรู้หรือคะ เห็นคุณภูกับบุญทันพูดอะไรกันเหมือนมีโค้ดลับ”
“โค้ดลับอะไร ไม่มี ผมกับบุญทันแค่สงสัยว่าใครมาตัดสายเบรกรถเท่านั้นเอง”
ญาดาสะดุดใจขึ้นทันที
“คุณภูจะบอกว่ามีคนต้องการฆ่าเราหรือคะ”
บุญทันรีบแก้สภานการณ์
“ไม่ใช่หรอกครับคุณตาล คุณตาลอย่าแตกตื่นไปเลยมันเป็นอุบัติเหตุมากกว่าครับ”
“คิดว่าชั้นโง่ฟังที่เธอกับคุณภูพูดไม่รู้เรื่องหรือ” ญาดาถาม
ธาวินรีบตัดบท
“เอาล่ะ ผมว่าอย่าเถียงกันเลย ตาลไปนั่งตรงนู้นดีกว่านะเดี๋ยวคุณปรารภก็มาแล้ว”
ญาดาเดินผละออกไปตามคำแนะนำของธาวิน บุญทันมองตามแล้วส่ายหน้า
“เมียแกนี่หูไวหัวไวสมกับเป็นพวกสิบแปดมงกุฎจริงๆ” บุญทันพูดประชด
“ชั้นก็ลืมตัวไป ต่อไปนี้จะพูดอะไรก็ต้องระวังกันหน่อย”
“อืม”
ญาดานั่งมองค้อนมาที่บุญทันและธาวินที่ยิ้มให้
“ต้องมีอะไรปิดบังเราอยู่แน่ ๆ”

ภายในห้องพักรายวันกึ่งโรงแรม อนุทินเดินเข้ามาในห้องขณะที่ปารมีรออยู่ก่อนแล้ว
“ว่าไง ตายหมดรึเปล่า” อนุทินถาม
“ตายบ้าอะไร มันปลอดภัยบอกว่ายางแตก”
“เป็นไปได้ยังไงก็พี่ตัดสายเบรกกับมือ”
“แต่มันเป็นไปแล้วเรื่องง่ายๆแค่นี้พี่เอยังทำไม่ได้ จะไปทำเรื่องใหญ่กว่านี้ได้ยังไง”
“เอาน่ะ วันพระไม่ได้มีหนเดียว”
“แต่โอกาสดีๆมันไม่ได้มีบ่อยนะ”
“ก็มันพลาดไปแล้วจะให้พี่ทำยังไง”
“แต่มันไม่น่าพลาดเลยนะ ความหวังของเราอยู่แค่เอื้อม”
“เอาน่ะ ปาไม่ต้องห่วงพี่จะหาทางจัดการมันอีกที”
อนุทินพยักหน้าให้ความเชื่อมั่น ปารมีมองหน้าอนุทินอย่างหงุดหงิด

รถตู้แล่นเข้ามาจอด ปรารภลงมาจากรถ
“หวัดดีครับคุณปรารภ” ธาวินทัก
“หวัดดีค่ะ” ญาดาทักเช่นเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นบุญทัน” ปรารภถาม
“ผมก็ไม่ทราบครับ ตอนขับออกจากบ้านมารถก็ยังเบรกได้อยู่แต่พอมาถึงสี่แยกไฟแดงอยู่ๆก็เบรกแตก”
“แล้วเรียกช่างมาดูรึยัง” ปรารภถาม
“เรียกแล้วครับ อีกซักครู่น่าจะมาถึง”
“แล้วคุณภูกับคุณตาลจะเอายังไงครับไปหัวหินหรือจะกลับบ้าน”
“มาถึงนี่แล้ว ก็ไปหัวหินต่อเลยนะตาล”
“ก็ได้ค่ะ”
“งั้นไปครับ” ปรารภบอก
“นายจัดการได้นะบุญทัน” ธาวินถาม
“ได้ครับ ไม่ต้องห่วง”
บุญทันเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของญาดากับธาวินขึ้นรถตู้ ธาวินกับญาดาขึ้นไปบนรถ ปรารภขึ้นตาม รถตู้ขับแล่นออกไป บุญทันมองตามและพูดขึ้น
“หรือว่าคนที่ฆ่าลุงภาคินไม่ใช่อาเอนก”


โปรดติดตามตอนต่อไป




เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

มณทกานต์นั่งกวาดสายตาไปรอบตัว เหม่อลอยนั่งคิดเรื่องอนุทินที่คิดฆ่าภูบดีก็รู้สึกเสียใจ อนุทินเดินเข้าบ้านมาพอดี มณทกานต์เรียกไว้
 
“พี่เอ”
อนุทินหันมามองแล้วถาม
“มีอะไร”
มณทกานต์ลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้า อนุทินรู้สึกแปลกใจกับท่าที
“แกเป็นอะไรมายืนจ้องหน้าชั้น จะพูดอะไรก็พูด”
“เมื่อคืนพี่เอไปทำอะไรที่โรงรถ”
อนุทินอึ้งไปชั่วครู่แล้วรีบกลบเกลื่อน
“แกพูดเรื่องอะไรของแก”
“พี่เอเป็นคนตัดสายเบรกรถพี่ภูใช่มั้ย”
“แกจะบ้าหรือ อยู่ๆมาพูดเรื่องอะไรกับชั้นเนี่ย ชั้นไม่รู้เรื่อง”
อนุทินรีบตัดไปด้วยการเดินจากไป แต่มณทกานต์ขวางไว้
“ไม่จริง เมย์รู้ว่าพี่เอเป็นคนทำ เพราะเมื่อคืนเมย์เห็นพี่เอเข้าไปในโรงรถยอมรับมาซะดีๆว่าพี่เอเป็นคนตัดสายเบรกรถพี่ภู”
อนุทินมองหน้ามณทกานต์ด้วยแววตาและสีหน้าโกรธที่รู้ความลับนี้
“แล้วทำไม ถ้าชั้นทำมันเกี่ยวอะไรกับแก”
มณทกานต์ตะลึง
“นี่พี่เอ ตั้งใจฆ่าพี่ภูจริงๆหรือ”
“แล้วแกจะบอกตำรวจหรือว่าบอกคุณปู่รึเปล่าล่ะ ว่าชั้นทำ”
“ทำไมพี่เอทำแบบนี้ พี่ภูพี่ตาลบุญทันเค้าไปทำอะไรให้”
“ทำสิ เพราะถ้าไม่มีไอ้ภูบดีพ่อเราก็ไม่ตาย สมบัติทั้งหมดก็ต้องเป็นของเรา”
“ชั้นไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนใจคอโหดร้ายแบบนี้”
“ที่ชั้นทำก็เพื่อแกกับชั้นนะ แกคิดดูให้ดี ถ้าไม่มีมันซะคน แกกับชั้นก็จะได้สมบัติของคุณปู่คนล่ะครึ่ง”
“ไม่จริง พี่เอทำเพื่อตัวเอง ชั้นไม่ได้อยากได้สมบัตินั่น ชั้นจะบอกคุณปู่ว่าพี่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
อนุทินกระชากแขนมณทกานต์ที่กำลังจะเดินไป
“อย่านะเมย์ แกอยากเห็นพี่มีจุดจบหมือนพ่อหรือไง”
มณทกานต์อึ้งมองจ้องหน้าอนุทิน
“ ถ้าแกรักพี่แกต้องไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“แต่ที่พี่ทำมันผิดนะ”
“ก็ได้ ถ้าแกอยากเห็นพี่ตายเหมือนพ่อ แกก็ไปบอกคุณปู่เลย”
อนุทินปล่อยแขน มณทกานต์มองอนุทินแล้วน้ำตาไหล
“ไปสิ แล้วก็กลับมารับศพพี่ด้วยแล้วกัน”
อนุทินมองหน้ามณทกานต์อย่างซื้อใจ มณทกานต์ส่ายหน้าแล้วร้องไห้สะอื้น
“ทำไมพี่ทำแบบนี้ ชั้นเกลียดพี่ ชั้นเกลียดพี่”
มณทกานต์วิ่งร้องไห้โฮวิ่งขึ้นชั้นบนไป อนุทินมองมณทกานต์แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
บริเวณบ้านพักคนงานในเวลากลางคืน บุญทันนั่งอยู่บนเตียงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงปริศนาในสายโทรศัพท์
“ถ้าแกไม่อยากตาย อย่ากลับมาเมืองไทย”
เสียงภาคินที่สั่งไว้
“ระวังตัว ปกป้อง ปู่ด้วย”
บริเวณริมถนน บุญทันยืนอยู่กับช่างซ่อมรถ ช่างซ่อมรถหยิบสายเบรกที่ขาดขึ้นมาดูแล้วบอก
“มีคนตัดสายเบรกแน่นอนครับ เพราะนี่ไม่ใช่สภาพเสื่อมจากการใช้รถ”
บุญทันมีข้อสรุปกับตัวเอง และพยายามคิด
“แสดงว่าคนที่ฆ่าลุงภาคินต้องไม่ใช่อาเอนก คนร้ายต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ ใครกันนะที่เป็นฆาตกร”
บุญทันยังมีสีหน้านั่งครุ่นคิดอยู่

เช้าวันใหม่ ภายในห้องนอน ปารมีกดโทรศัพท์และรอสัญญาณปลายสาย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สารวัตรสมยศอยู่ที่สถานีตำรวจเดินไปกดรับสาย
“คิดถึงผมแต่เช้าหรือไง ดาร์ลิ้ง”
“ชั้นอยากรู้ว่าคุณยังจะทำงานให้ชั้นอยู่รึเปล่า” ปารมีถาม
“ทำสิจ๊ะ ทำไมถามอย่างงั้นล่ะ ตอนนี้ผมเตรียมแผนเรียบร้อยหมดแล้ว ตั้งใจจะโทรบอกคุณอยู่พอดี”
“งั้นว่ามาเลย แผนคุณเป็นยังไง”
ปารมีไม่ทันสังเกต นภาเปิดประตูอย่างเงียบๆเข้ามายืนฟังอยู่
สมยศบอกปารมีมาตามสายว่า
“เอาไว้ออกมาคุยกันข้างนอกได้มั้ย”
“ได้ งั้นวันนี้เจอกัน”
“วันนี้คงไม่ได้เพราะผมมีงานยุ่งทั้งวัน เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้ดีกว่า”
“คุณนี่มันเรื่องเยอะจริง ๆ คิดว่าชั้นต้องพึ่งใช่มั้ย ถึงเล่นตัว”
“คุณนี่คิดมากอีกแล้ว ผมมีงานจริง ๆ พรุ่งนี้เที่ยงเจอกัน”
“ก็ได้ หวังว่าแผนของคุณจะเพอร์เฟคนะ”
นภาเงี่ยหูฟังอย่างสงสัย
“รับรองมรดกพันล้านต้องเป็นของเราสองคนแน่”
ปารมีวางโทรศัพท์แล้วหันมาเห็นนภายืนอยู่ในห้องก็สะดุ้ง
“อ้าว แม่ เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนล่ะคะ”
“ลูกคุยกับใคร” ปารมีถาม
“เพื่อนน่ะค่ะ”
“แต่แม่ได้ยินลูกพูดว่ามีแผน ลูกพูดเรื่องอะไร”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ เพื่อนปาเค้าวางแผนจะทำประกันชีวิตน่ะค่ะ”
“ลูกไม่ได้คิดที่จะทำอะไรไม่ดีใช่มั้ย” นภาถามย้ำ
“ทำไมแม่ถามอย่างงั้นล่ะคะ”
“แม่ไม่อยากให้ลูกคิดทำอะไรผิดๆ เพราะที่ผ่านมาแม่เองก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนัก แม่ไม่อยากให้ลูกต้องมีชีวิตที่ทุกข์ตรมเหมือนกับแม่”
“ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วง ปาจะไม่ทำให้ชีวิตตัวเองต้องเจ็บปวดแน่” ปารมีบอก
นภาพยักหน้าอย่างพอใจ
“แล้วที่เมื่อวานลูกบอกแม่ว่าจะมีข่าวดี ข่าวดีอะไรบอกได้รึยัง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปาคิดว่าปาจะถูกหวยแต่ไม่ถูก”
“โธ่เอ๊ย แม่ก็นึกว่าเรื่องอะไร”
“ปาขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ”
“จ้ะ”
ปารมีวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป นภาเดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์ของปารมีมาดูเบอร์ล่าสุด ปารมีใช้รหัสเบอร์ของสมยศว่า SY นภาสงสัยในใจมีคำถาม
“ใคร”

ภายในห้องนอนส่วนตัว นภาเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นกดเบอร์ด้วยความอยากรู้สารวัตรสมยศนั่งทำงานอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น สารวัตรมองดู แม้จะเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยแต่กดรับ
“ฮัลโหล”
“ขอโทษค่ะนั่นเบอร์ใครไม่ทราบคะ”
“ผมสารวัตรสมยศครับ”
นภาชะงักไปเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ ต่อผิดค่ะ นี่ยัยปาไปเป็นเพื่อนกับสารวัตรสมยศตั้งแต่เมื่อไหร่”
นภาวางสายไปด้วยความแปลกใจ

ภายในโรงครัว มะยมถือกล่องกับข้าวเดินเข้ามาที่ครัว
“อ้าว มะยม เอากับข้าวกลับมาทำไม” ต้นหอมถาม
“เมื่อคืนคุณเมย์กับคุณเอไม่ได้กินข้าว”
“ทำไมล่ะ ออกไปทานข้างนอกหรือ”
“คุณเอน่ะออกไปตอนมืด แต่คุณเมย์ไม่กินอะไรเลยแล้วก็ไม่ออกมาจากห้องตั้งแต่เย็น ปกติเช้านี้ต้องลงมากินกาแฟ แต่วันนี้ก็ไม่ลงมา” มะยมว่า
“ฆ่าตัวตายอีกรึเปล่า” ต้นหอมถาม
“เอ็งนี่ปากเสียจริงๆ แล้วเอ็งไปเรียกรึยัง”
“เรียกแล้วแต่แกบอกว่าไม่หิว” มะยมบอก
บุญทันเดินเข้ามาพอดี
“งั้นก็ให้พี่บุญทันไปดูสิ” ต้นหอมบอก
“จับกลุ่มเม้าท์อะไรกันแต่เช้า” บุญทันถาม
“เม้าท์อะไรล่ะ กำลังพูดเรื่องคุณหนูเมย์ เอ็งไปดูหน่อยซิ มะยมมันบอกว่าไม่กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานเย็น”
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“ไม่รู้ว่าทะเลาะกับคุณเอรึเปล่าเพราะเมื่อวานตอนบ่ายหนูไม่อยู่บ้าน เมื่อคืนคุณเอก็ไม่กลับบ้านด้วย” มะยมบอก
“เดี๋ยวชั้นไปดูเอง”
บุญทันเดินออกไป
“สงสารคุณเมย์นะ แกคงยังไม่หายเสียใจเรื่องคุณเอนก” มะยมพูด
“แต่ชั้นอิจฉาคุณเมย์มากกว่า ทำไมน้อถึงไม่มีใครมารักชั้นเหมือนพี่ทันรักคุณเมย์บ้าง”
มะยมกับป้านวลมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า

บุญทันเดินขึ้นบันไดมาเคาะประตูห้องมณทกานต์ที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เอนกและอนุทินที่ต้องการฆ่าภูบดีอยู่ในห้อง
เสียงมณทกานต์ดังขึ้น
“มีอะไรอีกมะยมก็บอกว่าไม่กินไง”
“ผมบุญทันครับคุณเมย์ คุณเมย์ไม่สบายรึเปล่า เปิดประตูออกมาคุยกับผมหน่อยได้มั้ยครับ”
เมื่อมณทกานต์ได้ยินเสียงบุญทันก็ยิ่งรู้สึกเสียใจกับเรื่องของเอนกและอนุทิน
“ชั้นไม่มีอะไรจะคุย นายกลับไปเถอะ”
“โกรธอะไรผมหรือครับ” บุญทันถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร ชั้นไม่อยากคุยกับใคร”
“ถ้างั้นก็ออกมาทานอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“บอกว่าไม่กินไงจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับชั้น” มณทกานต์น้ำเสียงหงุดหงิดรำคาญ
“คุณเมย์”
บุญทันเคาะประตูเรียกอีก มณทกานต์เดินมาเปิดประตูออกมาอย่างรำคาญ
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“รู้เรื่องครับแต่ผมเป็นห่วงคุณ”
“ชั้นไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากอยู่คนเดียว”
“นั่นแหละครับที่ผมเป็นห่วง”
“นายไม่ต้องมาห่วงชั้น ชั้นไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่นายคิดกลับไปเถอะ”
มณทกานต์จะดึงประตูปิดแต่บุญทันเอามือดันไว้
“เดี๋ยว คุณเมย์”
“ชั้นบอกให้กลับไป”
“คุณเมย์ เรากำลังจะแต่งงานกันนะ คุณเป็นอะไรทำไมไม่บอกผม”
มณทกานต์มองหน้าบุญทันแล้วจะร้องไห้
“ชั้นไม่แต่งกับนายแล้ว นายกลับไปซะ”
มณทกานต์ผลักบุญทันแล้วดึงกระชากประตูปิด บุญทันเคาะประตูเรียกซ้ำ
“คุณเมย์ ผมว่าเราต้องคุยกันนะ คุณเมย์”
มณทกานต์ยืนพิงประตูร้องไห้
“ชั้นบอกให้กลับไป อย่ามายุ่งกับชั้น ฮือ ฮือ ฮือ”
มณทกานต์รูดตัวลงพิงประตูแล้วร้องไห้
บุญทันอดแปลกใจไม่ได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

มณทกานต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ มองกระจกแล้วน้ำตาไหลรินพลางนึกถึงเรื่องราวที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านแล้วบอก
“คุณเอนกสั่งฆ่าคุณภูบดี”
“อะไรนะ สั่งฆ่าพี่ภู”
และคำพูดของอนุทินที่ยอมรับ
“นี่พี่เอ ตั้งใจฆ่าพี่ภูจริงๆหรือ”
“แล้วแกจะบอกตำรวจหรือบอกคุณปู่รึเปล่าล่ะว่าชั้นทำ”
“ทำไมพี่เอทำแบบนี้ พี่ภูพี่ตาลบุญทันเค้าไปทำอะไรให้”
“ทำสิ เพราะถ้าไม่มีไอ้ภูบดีพ่อเราก็ไม่ตาย สมบัติทั้งหมดก็ต้องเป็นของเรา”
“ชั้นไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนใจคอโหดร้ายแบบนี้”
มณทกานต์เจ็บปวดรวดร้าวใจเกินกว่าจะรับเรื่องใดๆได้อีกต่อไปจึงฉวยหยิบคัตเตอร์ขึ้นรีดใบมีดขึ้นมาดู
“เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ในเมื่อพ่อก็ฆ่าคน พี่ก็ฆ่าคน เราจะมองหน้าใครได้ยังไง”
บริเวณหน้าประตูห้อง บุญทันตัดสินใจกระแทกประตูห้องเข้ามา
ภายในห้องน้ำ มณทกานต์ยกมีดคัตเตอร์ขึ้นจะปาดคอตัวเอง บุญทันวิ่งพรวดเข้ามาเห็นพอดี
“คุณเมย์”
บุญทันกระโดดคว้ามือ มณทกานต์สะบัดมือ คัตเตอร์ปาดเข้าที่แขนบุญทัน
“โอ๊ย”
“ออกไปซะอย่ามายุ่งกับชั้น”
“ผมไม่ไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงคิดฆ่าตัวตายขึ้นมาอีก”
“ชั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว”
“ไม่เอาน่ะ คุณเมย์ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไง แล้วคุณก็ตกลงจะแต่งงานกับผม เราจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน คุณไม่ต้องสนใจพี่ชายคุณอีก”
“ไม่ ชั้นไม่แต่งกับนาย ครอบครัวชั้นเป็นคนไม่ดี นายไปซะอย่ามายุ่งกับชั้นเลย ชั้นไม่ดีพอสำหรับนาย ไปสิ ออกไป”

“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมรักคุณ ผมจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายตัวเองอีก ขอคัตเตอร์ให้ผม”
บุญทันเดินเข้ามาหา มณทกานต์ส่ายหน้าร้องไห้บอก
“ไม่ อย่าเข้ามานะ ถ้านายเข้ามาชั้นจะปาดคอตัวเองเดี๋ยวนี้”
“ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ คุณไม่รักผมเลยหรือ ไม่คิดบ้างหรือว่าผมจะเสียใจแค่ไหนถ้าคุณเป็นอะไรไป”
มณทกานต์ร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ บุญทันบอก
“ขอคัตเตอร์ให้ผมเถอะนะ อย่าทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้เลย”
มณทกานต์ร้องไห้สะอึกสะอื้นลดมือลง บุญทันเดินเข้ามาดึงคัตเตอร์ออกจากมือแล้วดึงมณทกานต์เข้ามากอดไว้แน่น

ที่บริเวณริมทะเลหน้าชายหาดโรงแรมที่พัก คลื่นชายหาดวิ่งไล่กระทบฝั่ง ธาวินนอนอยู่บนเตียงผ้าใบด้วยสีหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่บุญทันโทรศัพท์มาบอกว่า
“ช่างที่ซ่อมรถบอกว่ามีคนตัดสายเบรกจริง ๆ”
ตอนที่บุญทันโทร.มา ธาวินอยู่ในชุดเสื้อคลุมกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำในห้องพักของโรงแรมริมทะเล
“หมายความว่ามีคนต้องการให้เราตายงั้นหรือ”
“ใช่ คนร้ายต้องอยู่ในบ้าน”
“แล้วอาเอนกล่ะ”
“ชั้นคิดว่าอาเอนกไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าลุงภาคินหรอก” บุญทันบอก

ธาวินบนเตียงผ้าใบริมทะเลถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเครียด
“ใครกันนะที่อยากให้เราตาย”
ญาดาเดินถือมะพร้าวสองลูกที่เฉาะแล้วเข้ามานั่งลงที่เตียงผ้าใบข้างๆ
“มะพร้าวน้ำหอมค่ะ หวานเจี๊ยบเลย”
“ขอบใจจ้ะ”
ธาวินรับมะพร้าวไปดูดน้ำด้วยแววตายังครุ่นคิดกับเรื่องที่คุยกับบุญทัน ญาดาเหลือบมองอย่างสงสัย

“คิดเรื่องที่รถเบรกแตกหรือคะ” ญาดาถาม
“อ๋อ เปล่าจ้ะ กำลังคิดว่าเย็นนี้เราจะไปทานอะไรกันดี”
“คุณภูอย่ามาโกหก ตาลรู้ว่าคุณภูกำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”
ญาดามองอย่างจับผิด
“ก็คิดนิดหน่อยน่ะ ผมกำลังสงสัยว่ารถมันเป็นอะไร”
“แล้วบุญทันยังไม่โทรมาบอกอีกหรือคะว่าช่างเค้าว่าไง”
“ยังเลยจ้ะ ตอนนี้เค้าเอารถเข้าศูนย์ อีกสองสามวันคงรู้”
“ตาลถามหน่อยสิคะ คุณภูกับบุญทันไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแน่หรือคะ”
“ผมจะไปรู้จักมันได้ไง ผมเพิ่งมาจากอเมริกานะ”
ญาดาจ้องหน้าจับผิด ธาวินขำกลบเกลื่อน
“จ้องผมทำไม”
“ก็ดูว่าคุณภูพูดจริงรึเปล่า”
“จริง ผมไม่เคยรู้จักมันหรือถ้าผมรู้จักมันผมก็จำมันไม่ได้อยู่ดี ลืมไปแล้วหรือว่าผมสมองเสื่อม”
“อืมม์ ก็จริงของคุณภู”
ขณะนั้น ฝรั่งชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาทัก
“เฮ้ วิน”
ธาวินหันไปมองแล้วยิ้มอย่างดีใจ
“เฮ้ ไซม่อน ชารอน”
ไซม่อนเข้ามากอดธาวิน ญาดามองอย่างงงๆ ธาวินผละจากไซม่อนเข้าไปกอดชารอน
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอกันที่นี่” ไซม่อนบอก
“ผมกลับมาเยี่ยมบ้านน่ะ”
ธาวินหันมามองญาดาแล้วแนะนำ
“นี่ภรรยาผม ตาล”
ชารอนยื่นมือให้ญาดาจับ
“ดีใจที่ได้รู้จักค่ะ” ชารอนบอก
ญาดายิ้มให้ ไซม่อนจับมือญาดา
“มาอยู่เมืองไทยกี่วัน” ธาวินถาม
“สามวีค แต่อยู่หัวหินสามวัน พรุ่งนี้จะไปเชียงใหม่” ไซม่อนบอก
“งั้นเย็นนี้กินข้าวกันมั้ย” ธาวินถาม

“ได้เลย ที่ไหนดี” ไซม่อนถาม
“ร้านอาหารโรงแรมแล้วกัน”
“โอเค งั้นทุ่มนึงเจอกัน”
ชารอนหันมาบอกญาดา
“แล้วเจอกัน”
ไซม่อนกับชารอนเดินออก ญาดามองอย่างสงสัย
“ใครหรือคะ”
“เพื่อนผมที่อเมริกาเค้ามาเที่ยวเมืองไทย” ธาวินบอก
“ตาลได้ยินเค้าเรียกคุณว่าวิน”
ธาวินชะงักแล้วบอก
“อ๋อ เป็นนิคเนมผมที่เพื่อนๆชอบเรียกกันน่ะ”
ญาดาพยักหน้ารับรู้แบบไม่ได้ติดใจอะไร ธาวินยิ้มให้แล้วบอก
“เย็นนี้ตาลต้องไปด้วยนะ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวผมลงเล่นน้ำหน่อยดีกว่า มาทะเลทั้งที ตาลลงมั้ย”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
ธาวินถอดเสื้อแล้วเดินลงไปที่ชายหาด ญาดามองตามก็ชะงัก เอะใจ และใจหายวาบ
“เอ๊ะ .ทำไมคุณภูถึงจำเพื่อนได้ หรือว่าเค้าจำทุกอย่างได้แล้ว”
ญาดานึกถึงภาพที่ธาวินกอดกับไซม่อนแล้วหันมากอดชารอน
“ใช่ เค้าต้องจำทุกอย่างได้แน่ๆ”
ญาดาเห็นธาวินเดินลงทะเล ญาดารีบลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบทันที
“อยู่ไม่ได้แล้วเรา”
ญาดาลุกเดินออกไปอย่างเร็ว

ธาวินมองจากชายหาดไปที่เตียงผ้าใบ ไม่มีญาดานั่งอยู่
“อ้าว ตาลไปไหนแล้ว”
ธาวินมองหาอยู่ครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้
“ใครหรือคะ”

“เพื่อนผมที่อเมริกา เค้ามาเที่ยวเมืองไทย”
ธาวินตกใจสุดขีดร้อง “เฮ้ย ” แล้วรีบวิ่งขึ้นจากทะเล ตรงไปยังโรงแรมทันที
ภายในห้องพัก ญาดารีบเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าใส่กระเป๋า วิ่งเข้าห้องน้ำหยิบของใช้ตัวเองใส่กระเป๋า รูดซิปปิด คว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทันที ธาวินวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็ว
ญาดาเดินเลี้ยวออกมาเจอธาวินที่วิ่งสวนมาพอดี ต่างฝ่ายต่างชะงัก ญาดาหลบสายตาอย่างละอายใจตัดสินใจจะขยับเดินผละไป ธาวินคว้าแขนไว้
“ตาลจะไปไหน”
“ชั้น ชั้นขอโทษ”
ธาวินทำไม่รู้เรื่อง
“ขอโทษเรื่องอะไรแล้วตาลกำลังจะหนีผมไปไหน”
ญาดามองหน้า ธาวินยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่คุณ...”
“ไปคุยกันในห้องดีกว่ามั้ย มาผมถือให้”
ญาดามองหน้า ธาวินคว้ากระเป๋าแล้วพยักหน้าให้
“ไป”
ญาดาจำใจเดินกลับไปที่ห้อง
 
จบตอนที่ 8


อ่านต่อตอนที่ 9 เวลา 17.00น.



กำลังโหลดความคิดเห็น