ชิงนาง ตอนที่ 7
อรุณนอนสลบไม่ได้สติ อยู่บนเตียงในห้องวงเดือน อนุต ศรีดารา และเมฆายืนล้อมเตียงมองอรุณที่นอนหายใจแรงอย่างน่ากลัว
ศรีดารากอดอนุตอย่างใจหาย “ลูกจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ลูกจะปลอดภัยนะ” อนุตปลอบภรรยา
พฤกษ์มองรูปวงเดือนที่วางอยู่ที่ข้างเตียงพลางเอ่ยขึ้น “เมฆา พี่ฝากทางนี้ด้วยนะ”
เมฆางวยงง “พี่จะไปไหน”
พฤกษ์ไม่ตอบ เมฆาขยับไปขวาง
“พี่ยังไม่ได้ตอบฉันว่าพี่จะไปไหน”
โฉมไฉไลขึ้นมาพร้อมอนงค์ทันได้ยินคำตอบพฤกษ์พอดี
“พี่จะไปตามหาเดือน” พฤกษ์บอก
โฉมไฉไลเข้ามาโวยใส่ด้วยความโกรธ “นี่คุณจะบ้าหรือไง วันนี้มันงานแต่งงานของเรานะ
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเดือน!”
โฉมไฉไลโกรธจัด ดึงพฤกษ์ไว้ไม่ยอมให้ไป
“โฉมไม่ให้คุณไป” พุ่งเข้าดึงพฤกษ์ไว้
พฤกษ์เสียงแข็ง “ปล่อยผม! ปล่อย!”
“พี่จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นพี่พฤกษ์” เมฆาบอก
พฤกษ์ไม่สนจะไปท่าเดียว “ฉันจะไปตามหาเดือน”
อนุตสั่ง “ปล่อยให้พฤกษ์ไป”
ทุกคนหันมองอนุตอย่างไม่อยากเชื่อ
เมฆา กับโฉมไฉไล “พ่อ” / “คุณพ่อ”
พฤกษ์จะไป
“ชื่อเสียงของแสนสมุทรอยู่ในมือพฤกษ์”
พฤกษ์ชะงักหันมองอนุต
“พิสูจน์ให้พ่อเห็นสิว่าพ่อวางกิจการของแสนสมุทรไว้ในมือของพฤกษ์ได้”
พฤกษ์อึ้ง สับสนมาก เพราะภายในใจต่อสู้กันภายในอย่างรุนแรง แต่ในที่สุดก็สูดลมหายใจแล้วตัดสินใจจับมือของโฉมไฉไล แล้วเอ่ยขึ้น
“ผมจะไปต้อนรับแขกข้างล่าง”
พฤกษ์จูงมือโฉมไฉไลเดินลงไป อนงค์ตามติด
ศรีดารากับเมฆาหันมองอนุตที่ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
อนุตหันไปมองอรุณพูดกับศรีดารา “คุณกับเมฆาลงไปช่วยพฤกษ์ต้อนรับแขกทีนะ ผมจะดูแล
อรุณเอง”
“ค่ะ”
ศรีดารากับเมฆาเดินลงไป อนุตมองอรุณสีหน้าเป็นห่วงอย่างมาก
ระหว่างนั้นอรุณละเมอออกมา “เดือน..กลับมาหาฉัน..เดือน”
ภูผาจับมือวงเดือนอยู่
“เดือน...รู้ว่ามันผิด แต่เดือนห้ามตัวเองไม่ให้มาที่นี่ไม่ได้”
“เธอคงต้องลำบากมาก”
“คุณผาคะ มีอีกเรื่องที่คุณต้องทราบ คุณ...”
หนูนาเข้ามาวางชามข้าวต้มตรงหน้าวงเดือนตึง! ภูผามองหน้าหนูนา
วงเดือนยิ้มอย่างเป็นมิตร “ขอบใจนะจ๊ะ”
หนูนาหน้าตึง พยายามข่มความรู้สึกเดินออกไป ภูผาหันมองวงเดือนเห็นวงเดือนมองตามสงสัยนิดๆ ที่หนูนาดูไม่เป็นมิตรกับตัวเอง
“คุณผาคะ..” วงเดือนตั้งใจจะพูดเรื่องศรีเรือน
แต่ภูผากลับเข้าใจว่าจะถามเรื่องหนูนาก็เปลี่ยนเรื่อง “ทานข้าวก่อนสิ”
“แต่...”
“ฉันจะคุยกับเธอเมื่อเธอทานข้าวเสร็จแล้วเท่านั้น”
วงเดือนรู้ว่าดื้อก็ไม่มีประโยชน์ “ค่ะ”
วงเดือนจับช้อนจะตักทานแต่ มืออ่อนเล็กน้อย ไม่มีแรง ช้อนกระทบถ้วย ดังเคร้ง!
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” เอามืออังหน้าผากวัดอุณหภูมิ
“เพลียนิดหน่อยค่ะ เมื่อคืนเดือนไม่ค่อยได้นอน”
“นั่งรถไฟมาไกลนี่นะ งั้นมา..ฉันป้อนให้ดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” วงเดือนยื้อไว้
ภูผาใช้มือข้างเดียวจับแก้มวงเดือนไว้เป็นเชิงห้าม เสียงแข็งเล็กน้อย “อย่าขัดใจฉัน”
“คุณเผด็จการกับเดือนอีกแล้วนะคะ”
“เธอยังฟังไม่จบ...” ภูผาพูดเสียงอ่อนโยนหวานซึ้ง “อย่าขัดใจฉัน...ฉันขอนะ”
วงเดือนยิ้มเขิน
ภูผาตักข้าวต้มป้อนให้วงเดือน มีป้อนพลาดเลอะมุมปากเล็กน้อย ภูผาหยิบกระดาษมาเช็ดให้วงเดือนอย่างอ่อนโยน วงเดือนมองภูผาด้วยความรัก
ภูผาเห็นสายตาวงเดือนแล้วชะงัก
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ”
“ทำไมเหรอคะ...”
“เพราะเธอจะโดนแบบนี้”
ภูผาดึงตัววงเดือนเข้ามาแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
วงเดือนตกใจผลักภูผาเป็นพัลวัน “อย่าค่ะคุณผา เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“บ้านฉัน ใครจะมาเห็น” รวบตัวไว้ในอ้อมกอดแล้วให้วงเดือนเอนพิงแล้วป้อน “เก่งจัง” หลอกหอมอีก “ทานอีกนะ”
ภูผาป้อนไปหอมไป จนวงเดือนต้องประท้วง
หนูนายืนอยู่ที่บันได ยังไม่ได้ลงไปถึงข้างล่าง แอบย้อนขึ้นมาดู รู้สึกสะเทือนใจก้มหน้าเดินลงจากเรือนไป
หนูนากำลังจะเดินไปอีกทาง เสียงเหนือฟ้าเรียกขึ้น
“หนูนา”
หนูนาชะงัก เหนือฟ้าเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“ภูผาอยู่ไหม”
หนูนาหน้าบึ้งพูดห้วยสั้น “ข้างบน”
“เป็นอะไร ภูผาทำให้อารมณ์เสียอีกล่ะสิ มาเดี๋ยวฉันจัดการให้”
เหนือฟ้าดึงข้อมือหนูนา
“ฉันไม่ไป” หนูนารั้งขืนตัวไว้
“ไปเถอะน่า นะ” แล้วเหนือฟ้าก็ลากหนูนาด้วยแรงที่เยอะกว่า จนหนูนาต้องตามไป
เหนือฟ้าลากหนูนาขึ้นมา ชะงักที่เห็นภูผากำลังกอดวงเดือนอยู่
“คุณผา กว่าจะทานหมดเดือนก็แก้มช้ำพอดี”
“ช้ำเหรอ งั้นฉันรักษาให้” หอมอีกฟอด
วงเดือนประท้วงน้ำเสียงงอนๆ “คุณผา..เดือนไม่ทานแล้ว”
“ดื้อเหรอ นี่ ๆ ๆ” พูดจบภูผาก็หอมอีก
เหนือฟ้าอึ้งๆ มองหนูนาที่หน้าเสีย
เหนือฟ้าตัดสินใจเรียกขึ้น “ภูผา”
ภูผาชะงักหันไปเจอเหนือฟ้ากับหนูนา วงเดือนรีบขยับตัวออกห่าง
เหนือฟ้ามองวงเดือน ยิ้ม “สวัสดีครับ..คุณ”
ภูผายิ้มแนะนำ “วงเดือน...คนรักของฉัน เดือน..นี่เหนือฟ้า เพื่อนบ้าน”
“สวัสดีค่ะ” วงเดือนยิ้มอย่างน่ารัก
เหนือฟ้าอึ้งหันมองหนูนา วงเดือนมองท่าทีของเหนือฟ้าแล้วมองหนูนารู้สึกว่าที่คิดไว้จะเป็นจริง
“ฉันไม่รู้เลยนะว่านายมีคนรักที่สวยขนาดนี้”
ภูผายิ้มข่มท่าทีน่าขัน “อีกเรื่องที่นายไม่รู้คือฉันหวงมากด้วย”
“กันท่ากันขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ต้องห่วงน่า ฉันน่ะรักเดียวใจเดียว” ปรายตามองไปที่หนูนา
หนูนาสะบัดหน้าเดินลงไปทันควัน
“หนูนา”
“จะตามไป..หรือจะกินข้าวก่อน” ภูผาถาม
“อืม..ทางนี้มีเรื่องน่าสนใจอยู่” เห็นสายตาภูผาจ้อง “เฮ้ย..ฉันไม่ได้สนใจคุณวงเดือน แต่ฉันมีเรื่องจะปรึกษานาย”
“ถ้างั้นเดือน..เอาจานไปเก็บก่อนนะคะ”
ภูผายอมปล่อยให้วงเดือนยกจานออกไป
“นี่ใช่ไหมเหตุผลที่นายไม่เปิดโอกาสให้หนูนา”
“ฉันมีหัวใจดวงเดียวนี่ แล้วเรื่องที่นายจะปรึกษา เรื่องอะไร”
“มะรืนนี้ฉันจะลงใต้...แถว ๆ บ้านนายน่ะ”
ภูผามองหน้าเหนือฟ้าว่าจะมาปรึกษาอะไร
วันชัยมาที่กระท่อมท้ายไร่ฟ้าเหนือฟ้า ตะโกนเรียก “เฮ้ย”
ชายคนหนึ่งอยู่ในสภาพโพกผ้าปิดบังหน้าปิดตาเดินเข้ามา ขยับผ้าให้หลวมจนเห็นว่าเป็นขาม “เป็นไงบ้างครับ นาย”
“แกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน” ส่งเงินให้ “คืนนี้ฉันจะเอาตัวไอ้เหนือฟ้าลงไป”
“ครับ ผมมีของมาให้นายด้วย”
ขาดคำลูกน้องขามลากสาวชาวบ้านเข้ามา สาวชาวบ้านดิ้นรน
“ปล่อยนะ ไอ้พวกเลว ปล่อย”
วันชัยมองไม่สนใจนัก “วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์”
ขามพยักหน้าให้ลูกน้องเอาตัวหญิงชาวบ้านมาคุกเข่าตรงหน้าวันชัย
“ดูสักหน่อยสิครับนาย...เผื่อเปลี่ยนใจ” ขามคะยั้นคะยอ
วันชัยใช้มือเชยคางหญิงชาวบ้านด้วยสีหน้าไม่ได้สนใจอะไรนัก
หญิงชาวบ้านตัดสินใจกัดหมับที่มือของวันชัย
“โอ้ย!” ตบหญิงชาวบ้าน ผัวะ! ตาวาวโรจน์มองที่มือเห็นมีเลือดห้อ
ขามหน้าเสีย “เลือด”
วันชัยเดือด “ลากมันเข้าไปในกระท่อม”
วันชัยเดินนำเข้าไปในกระท่อม
ขามจิกหัวหญิงชาวบ้าน “นังโง่เอ๊ย หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ” หันมาบอกลูกน้อง “เฮ้ย! ลูกน้องลากตัวหญิงชาวบ้านไป”
หญิงชาวบ้านร้องลั่นขัดขืน “ปล่อยฉันนะ ปล่อย! ช่วยด้วย”
ร่างสาวชาวบ้านนางหนึ่งถูกเหวี่ยงเข้ามาในกระท่อม หญิงสาวลนลานถอยกรูดไปติดมุมกระท่อมวันชัยก้าวมากระชากให้ลุกขึ้น
วันชัยยกมือที่ห้อเลือดขึ้นมา มองสาวชาวบ้านด้วยแววตาโหดซาดิสต์ “แกต้องชดใช้!”
สาวชาวบ้านกลัวคลั่งทุบวันชัย วันชัยเหวี่ยงไปกระแทกพื้น กระชากเสื้อกดสาวชาวบ้านที่ดิ้นรนไว้
“ดิ้นสิ ดิ้น!” สีหน้าวันชัยเหี้ยมโหดมาก
ที่หน้ากระท่อม ยินเสียงกรีดร้อง ตบตีดังมาจากด้านใน ขามกับลูกน้องยืนหน้าเสีย
“พี่ขาม นายคงไม่เล่นถึงตายเหมือนคราวก่อน ๆใช่ไหมพี่” ลูกน้องว่า
“ครั้งที่แล้วนังสาวชาวเขามันแค่ทุบนายมันยังไม่รอด คราวนี้นังนี่ทำซะนายได้เลือด พวกเอ็งเตรียมขุดหลุมฝังอีนี่ได้เลย” ขามบอก
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังโหยหวนมาจากด้านในด้วยความเจ็บปวดปางตาย พวกลูกน้องหน้าเสีย
ภูผาเดินเข้ามาที่ระเบียงล้านพัก เหนือฟ้าตาม
“เปิดเส้นทางใหม่ ๆ ก็ดี แล้วนายกังวลอะไร”
“ไม่ใช่ถิ่นฉันนี่ ก็ต้องศึกษากันไว้ก่อน” เหนือฟ้ากังวล
“นายโสภณ เท่าที่รู้นะเขาก็กว้างขวางพอสมควร แต่เขาเป็นลักษณะซื้อมาขายไป เคยมาติดต่อที่แสนสมุทรเหมือนกัน เห็นว่าอยากจะรับพวกของทะเลไปส่งที่กรุงเทพฯ แต่ที่แสนสมุทรมีตัวแทนอยู่แล้วก็เลยปฏิเสธไป ก็ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมนะ ตรงๆ..แล้วนายมาปรึกษาฉันไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันอาจจะส่งชาไปขายตัดหน้านายน่ะ”
“ฉันไม่เห็นว่านายมีเขี้ยวนะ ฉันก็เลยมั่นใจว่านายไม่ใช่พวกลอบกัด”
“หึ..ก็จริง ยิงทิ้งเลยง่ายกว่า ที่โน่นไม่ได้มีพวกอิทธิพลให้นายต้องระแวง แต่ถ้านายต้องการความช่วยเหลือ ก็ไปที่บ้านแสนสมุทรบอกว่าฉันแนะนำให้ไป เขาจะช่วยนาย”
เหนือฟ้ายิ้มนิดๆ “ขอบใจ…”
วงเดือนเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้
“ทานผลไม้ก่อนไหมคะ ลุงสว่างให้ดอยเอามาให้น่ะค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เหนือฟ้าจะกลับแล้ว”
เหนือฟ้าหันมองภูผาเหวอๆ ว่าพูดตอนไหนวะ
“ช่วงทำคะแนนของนาย ไม่เอาหรือไง”
เหนือฟ้านึกได้ “ผมมีธุระต้องรีบไป แล้วพบกันนะครับ”
เหนือฟ้าเดินออกไป วงเดือนเอ่ยขึ้น
“ดีจังเลยค่ะที่คุณมีเพื่อนด้วย”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็ตอนอยู่แสนสมุทร เดือนไม่เห็นคุณจะมีเพื่อนมาหาแบบนี้เลย จนเดือนคิดว่าคุณไม่มีใครคบแล้ว”
ภูผาเดินมาลงนั่ง
“ก็ไม่เห็นอยากจะคบใคร” ดึงวงเดือนลงมานั่งข้าง ๆ “แค่มีเธอก็พอแล้ว”
วงเดือนมองภูผาแล้วก้มหน้าเขิน
“เดือน...ฉันอยากกินผลไม้”
วงเดือนมองภูผา ภูผาพยักหน้าให้ป้อน วงเดือนมองอย่างระอานิดๆ แล้วจิ้มผลไม้ป้อนให้ภูผา
“ฉันดีใจนะที่คุณย่าส่งเธอมาให้ฉัน ฉันรักคุณย่าจัง”
วงเดือนมองยิ้ม ๆ แล้วป้อนผลไม้ให้ภูผา ภูผากัดแล้วไม่ยอมเคี้ยว ขยับเข้าใกล้วงเดือน
วงเดือนมองอึ้งๆ เขิน ๆ
ภูผาพยักเพยิดเป็นเชิงบอก ประมาณว่าเร็วสิ “หืม...”
วงเดือนยอมกัดผลไม้คำเดียวกับภูผา
ภูผาพอใจ ขโมยหอมแก้มวงเดือนแล้วเคี้ยวผลไม้อย่างมีความสุข
“เดือน..ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”
วงเดือนมองอย่างสนใจว่าคืออะไร
ภูผาจูงมือวงเดือนเข้ามาในจุดชมไร่
ตรงจุดที่มองเห็นไร่ชากว้างขวางสุดสายตา
“ไร่ชาของฉัน อีกไม่นานมันจะแตกยอด มีผลผลิต”
วงเดือนรู้สึกภูมิใจแทน “คุณจะต้องประสบความสำเร็จนะคะ เดือนเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ”
“ฉันตั้งใจไว้ว่าวันที่ไร่มีผลผลิตฉันจะกลับไปแสนสมุทรเพื่อพาเธอมาที่นี่”
วงเดือนปลื้ม “จริงเหรอคะ”
“จริงสิ แล้วฉันก็จะเอาชาใบแรกของไร่ไปให้คุณย่า ให้ท่านเห็นว่าฉันทำได้อย่างที่ท่านหวัง เดือน..คุณย่าเป็นยังไงบ้าง สองสามวันก่อน ฉันคิดถึงท่านรู้สึกไม่สบายใจเลย”
วงเดือนอึกอักหันมองไปทางไร่คิดว่าจะตอบภูผายังไงดี
ภูผามองท่าทีวงเดือนอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่าเดือน...”
วงเดือนตัดสินใจมอบจดหมายที่ภูผาเขียนถึงศรีเรือนให้กับภูผา “จดหมายฉบับนี้นำทางเดือนให้มาที่นี่ค่ะ”
ภูผามองซองจดหมายอึ้งๆ
“นี่มัน” เปิดในซองดึงจดหมายออกมาดู “จดหมายที่ฉันเขียนถึงคุณย่านี่...คุณย่าอนุญาตให้เธอมาที่นี่เหรอ” ตื่นเต้น “จริงเหรอเดือน”
ภูผาเงยหน้ามองวงเดือน เห็นวงเดือนน้ำตาร่วงอย่างสุดกลั้น ก็ตกใจ
“เดือน..เดือนร้องไห้ทำไม”
“คุณท่าน..คุณท่าน”
ภูผาใจไม่ดี “คุณย่าเป็นอะไร บอกฉันสิเดือน คุณย่าเป็นอะไร”
วงเดือนบอกอย่างยากเย็น “คุณท่านเสียแล้วค่ะ”
ภูผาช็อก วงเดือนมองภูผาอย่างเป็นห่วง
“คุณผา...”
“มันเกิดอะไรขึ้น”
ภูผามองวงเดือนอย่างรอฟังคำตอบ
ชิงนาง ตอนที่ 7 (ต่อ)
งานแต่งงานของพฤกษ์ กับโฉมไฉไลที่บ้านแสนสมุทร ยังดำเนินการต่อไปในห้องโถงใหญ่ ถึงพิธีการสวมแหวนหมั้นของบ่าวสาว ศรีดารา และอนงค์นั่งเป็นผู้ใหญ่แต่ละฝ่าย พฤกษ์หยิบแหวนมา โฉมไฉไลยื่นมือให้
“สวมแหวนให้หนูโฉมสิพฤกษ์” ศรีดาราบอก
พฤกษ์มองโฉมไฉไลแล้วชะงักนิ่ง เพราะไม่อยากใส่ โฉมไฉไลส่งมือค้างจนแขกในงานเริ่มมอง
“พฤกษ์คะ..พฤกษ์”
พฤกษ์ดูจะจิตใจล่องลอยไม่ได้ฟังเสียงโฉมไฉไล
เมฆาลงนั่งข้างพฤกษ์บีบขาพฤกษ์ให้รู้สึกตัว
“พี่พฤกษ์”
พฤกษ์รู้สึกตัวหันมามองเมฆา
“ได้เวลาสวมแหวนแล้วพี่”
พฤกษ์มองไปรอบๆ เห็นทุกสายตามองมาที่ตัวเอง อนงค์มองลุ้นตัวโก่ง
ศรีดารามองอย่างเข้าใจว่าพฤกษ์ไม่อยากแต่ง
“สวมแหวนให้โฉมสิคะ” โฉมไฉไลยิ้มหวาน
พฤกษ์จำใจต้องสวมแหวนใส่นิ้วให้โฉมไฉไล
“เชิญทุกท่านรับประทานอาหาร”
อนงค์ท้วง มัดมือชก “เดี๋ยวค่ะ! สวมแหวน มอบสินสอดเรียบร้อยก็ได้เวลาจดทะเบียนสมรสนะคะ เชิญเจ้าหน้าที่ค่ะ”
พฤกษ์ ศรีดารา และเมฆามองหน้ากันงงๆ ว่าทำไมมีการจดทะเบียนในงานวันนี้ด้วย
“เราคุยกันว่าจดทะเบียนวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ” ศรีดารางง
อนงค์ยิ้มระรื่น “จดวันนี้แหล่ะค่ะดีที่สุด ทุกคนจะได้เป็นพยานรับรู้ เรื่องดีๆ แบบนี้จะมุบมิบให้มันเงียบๆ ไม่ดีหรอกค่ะ เชิญค่ะ”
เจ้าหน้าที่เข้ามานั่งแล้ววางทะเบียนสมรสให้โฉมไฉไล ซึ่งโฉมไฉไลรีบเซ็นทันควัน เจ้าหน้าที่เลื่อนทะเบียนสมรสให้พฤกษ์ พฤกษ์จำต้องเซ็นอย่างจนใจ
เมฆามองโฉมไฉไลกับอนงค์ที่สบตาแล้วยิ้มกันอย่างพึงพอใจ เมฆารู้สึกไม่พอใจมาก
โฉมไฉไลกำลังเปลี่ยนชุด โดยมีช่างเสื้อช่วยเปลี่ยนแต่ยังไม่เสร็จดี เมฆาเปิดประตูเข้ามาหน้าตาเกรี้ยวกราดมาก ช่างเสื้อชะงัก
“ออกไปก่อน ฉันมีธุระจะคุยกับ” ยิ้มร้ายเน้นคำ “น้องสามี”
ช่างเสื้อพากันออกไป
เมฆาเข้าไปกระชากมือโฉมไฉไล “ต้อนให้พี่พฤกษ์จดทะเบียนต่อหน้าแขก กลัวจะไม่มีสิทธิ์ในสมบัติของแสนสมุทรจนลืมยางอายเลยหรือไง”
“มันเป็นความถูกต้องที่ฉันควรจะได้รับต่างหาก อย่านึกว่าฉันไม่รู้ พวกคุณคิดจะดึงเวลาไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับฉันใช่ไหม”
“คนที่คิดจะดึงไม่ใช่พวกผม แต่เป็นพี่พฤกษ์ต่างหาก แล้วรู้ไว้นะที่เขาไม่อยากจดไม่ใช่เพราะเรื่องสมบัติ แต่เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาอยากจะยกย่องเชิดชู ผู้หญิงที่ผู้ชายบ้านนี้อยากจะได้มาเคียงข้างมีแค่คนเดียว”
โฉมไฉไล ฟังแล้วแค้นมาก “อยากไม่อยาก ฉันก็เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นสะใภ้
คนโตของบ้านแสนสมุทร อยากได้นังเดือนนักไม่ใช่เหรอ ตอนนี้มันก็หนีไปแล้ว คุณนี่มันเป็นผู้ชายประเภทไหนที่แฟนเก่าแต่งงานกับพี่ชาย แฟนใหม่ก็หนีไป น่าสงสารหรือว่าสมเพชดีล่ะ”
โฉมไฉไลเดินออกไปจากห้องอย่างสะใจ
เมฆามองตาม แววตาวาววับโกรธที่โดนหยาม
ชอุ่มวิ่งวุ่นยกแก้วเข้ามา เจอเมฆาดักหน้าอยู่
“คุณเมฆามีอะไรจะใช้ชอุ่มเหรอคะ”
“ชอุ่มได้กลับไปบ้านที่เชียงรายบ้างไหม”
“ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยกลับไปเลยค่ะ เพราะว่าพ่อแม่ของชอุ่มก็เสียไปแล้ว พี่น้องก็ย้ายออกไปมีครอบครัวกันหมด กลับไปก็ไม่รู้จะไปหาใคร”
เมฆาตกใจมาก “ว่าไงนะ เธอไม่มีญาติอยู่ที่เชียงรายแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
เมฆาเครียดจัด “แล้วเดือนรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“รู้สิคะ ชอุ่มเล่าให้เดือนฟังตั้งนานแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเมฆา”
“แล้วเดือนเคยพูดถึงใครที่อยู่ที่เชียงรายบ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีนี่คะ”
เมฆาหงุดหงิด มองชอุ่มสายตาเกรี้ยวกราดมาก
“จะไปทำอะไรก็ไป”
ชอุ่มอึ้ง
เมฆาบอกเสียงดัง “ไปสิ”
“ค่ะๆ” ชอุ่มรีบลนลานออกไป
เมฆานึกถึงคำพูดวงเดือนที่บอกตนว่าจะไปอยู่กับญาติชอุ่มที่เชียงราย
เมฆาหัวเสีย
“เดือน..เธอหลอกฉัน! เธอไปหาใครกันแน่...” เมฆาหน้าเครียดมาก
เหนือฟ้าเดินเข้ามาที่คอกม้าเหนือฟ้ามองหาหนูนาแต่ไม่เจอ ระหว่างนั้นดอยกำลังจะเดินลงไปที่ไร่
“ดอย! หนูนาอยู่ไหน”
“ลูกพี่ไปที่หน้าผาน่ะจ๊ะ เห็นบ่นเบื่อๆ”
เหนือฟ้าถามเสียงดัง “แล้วทำไมดอยไม่ไปด้วย”
“ก็ลูกพี่บอกอยากอยู่คนเดียวนี่”
เหนือฟ้าคิดๆ ตกใจรีบวิ่งไป
ดอยงง “อะไรว้า...”
หนูนาหลบมายืนอยู่ที่หน้าผา ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดใจ
“คนบ้า คนใจร้าย”
เหนือฟ้ารีบขึ้นมาที่หน้าผาชะงักมองหาเห็นหนูนาปาดน้ำตา แล้วขยับตัว จะลงนั่ง เหนือฟ้าตกใจคิดว่าจะกระโดดหน้าผา
เหนือฟ้าตะโกนลั่น “หนูนา! อย่า!”
เหนือฟ้าพุ่งเข้าไปรวบตัวหนูนาจนล้มไปกับหน้าผา กลิ้งไปหยุดใกล้กับขอบหน้าผาอย่างเฉียดฉิว
หนูนาตั้งสติได้ผละออกมาทุบตัวเหนือฟ้า
“ไอ้เหนือฟ้า ไอ้บ้า ทำอะไรของแกเกือบตายทั้งคู่แล้วเห็นไหม”
เหนือฟ้าขึ้นมานั่งท่าทีมึนๆ “ก็เธอจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ”
“ฉันเนี่ยนะ จะฆ่าตัวตาย จะบ้าหรือไง ฉันจะทำแบบนั้นทำไม”
“ก็เรื่องภูผา...” เหนือฟ้าพลั้งปาก
หนูนาอึ้ง ถูกแทงใจดำ พูดอย่างถือดี “ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก หนีปัญหาด้วยความตาย คนอย่างฉันมันต้องสู้ สู้จนกว่าจะชนะ เรื่องแค่นี้ฉันไม่ยอมแพ้หรอก”
เหนือฟ้ามือวางบนหัวหนูนา “ฉันห่วงเธอนะหนูนา”
หนูนามองเหนือฟ้าที่มองมาด้วยสายตาห่วงใย หนูนาร้องไห้เข้ากอดเหนือฟ้าแน่น เหนือฟ้ากอดปลอบโยนด้วยความรักและห่วงใย
เหนือฟ้าจูงหนูนาเดินมาในไร่ชา หนูนาสะบัดมือจนหลุด
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ มาจูงอยู่ได้”
เหนือฟ้ายิ้มขำ “ไม่ได้จูงเพราะเป็นเด็กนี่ จูงเพราะรัก” ยิ้มเผล่
หนูนาง้างหมัดจะต่อย “บอกแล้วว่าอย่ามาเลี่ยนกับฉัน”
เหนือฟ้ายกมือยอมแพ้ “ก็ได้ ๆ..หนูนา..พรุ่งนี้ฉันจะลงใต้นะ คงไม่อยู่สักอาทิตย์นึง”
“ก็เรื่องของนายสิ มาบอกฉันทำไม”
“ก็เผื่อจะคิดถึง” เหนือฟ้าเย้า
หนูนาเหวี่ยงหมัด เหนือฟ้ารับไว้อย่างแม่นยำ
“ล้อเล่นน่า..ฉันจะบอกว่าฉันไม่อยู่ เธอดูแลตัวเองด้วยนะ ฉันเป็นห่วง”
“ตัวของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง นายนี่มันเซ้าซี้จริงๆ”
“คนอย่างฉัน มันต้องสู้ สู้จนกว่าจะชนะ..เหมือนเธอไง”
“ล้อเลียนฉันเหรอ” หนูนายั๊ว
“ฉันพูดอย่างที่ใจคิดต่างหาก อยากได้อะไรไหมจะซื้อมาฝาก”
“ไม่อยาก…” หนูนาตอบโดยไม่ต้องคิด
“งั้นฉันไปนะ” เหนือฟ้าหันหลังกลับจะเดินไป
หนูนาเรียกไว้ “ไอ้เหนือฟ้า”
เหนือฟ้าหันมา
“ฉันไม่อยากได้ของฝาก แต่แกต้องเอาหน้าแกกลับมาให้ฉันต่อยคลายเครียด เข้าใจหรือเปล่า”
เหนือฟ้ายิ้มกว้าง “ไม่ต้องห่วง กลับมาปุ๊บ ฉันจะมาเสนอหน้าปั๊บเลย”
“ไอ้บ้า...”
เหนือฟ้าออกอาการดีใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โบกมือแล้วออกไป หนูนาหันกลับมาชะงักที่เห็นดอยยืนยิ้มจ้องอยู่
“ใจอ่อนให้พี่เหนือฟ้าแล้วล่ะสิลูกพี่ หน้ามันฟ้องงงง”
หนูนาเขกหัวดอยดังโป๊ก “แสนรู้ไปทุกเรื่อง”
“เอะอะก็ใช้กำลัง ดูพี่คนสวยสิ อ่อนโยนจ๊ะจ๋าทุกคำ ขนาดดอยยังเคลิ้มแล้วนายภูผาจะไม่รักได้ยังไง”
หนูนาหันมาจ้องหน้าดอยด้วยความโกรธ
“นึกได้ว่าหิวข้าว..ไปก่อนนะลูกพี่ ชะแว๊บ...”
ดอยรู้ตัว รีบวิ่งหนีไปทันที หนูนามองตามครุ่นคิดในใจ
เมฆาเข้ามายืนอยู่กลางห้องวงเดือน มองอย่างสำรวจอีกครั้ง เมฆาเริ่มต้นเปิดตู้ค้นตามลิ้นชัก มุมต่าง ๆ
เวลาผ่านไป เมฆายังค้นต่อ ทั้งยกหมอน ยกเตียงขึ้น หวังจะเห็นเบาะแสอะไรบ้าง แต่ได้แค่ความว่างเปล่า
เมฆาผลักที่นอนในมือทิ้งอย่างหัวเสีย เมฆากวาดสายตามองรอบห้องยิ่งแค้น
“เธอหายไปไหน” กำมือแน่น ในใจเดือดพล่าน รู้สึกโกรธมาก
ชอุ่มโผล่เข้ามาในห้อง ชะงักที่เห็นเมฆา
“คุณเมฆา”
“เข้ามาทำไม” เมฆาเสียงขุ่น
“ชอุ่มเห็นประตูเปิดอยู่คิดว่าเดือนกลับมาน่ะค่ะ ก็เลยเข้ามาดู...”
เมฆาหงุดหงิดจะไป
“คุณเมฆาคะ” ชอุ่มนึกบางอย่างออก
“มีอะไร”
“คือ...เรื่องเดือนน่ะค่ะ เดือนเคยพูดว่ามีคนสำคัญอยู่ไกลที่เขาถักเสื้อให้น่ะค่ะ แต่เดือนไม่ได้บอกนะคะว่าคนสำคัญคนนั้นอยู่ที่ไหน”
เมฆานึกออก “คนสำคัญ...” พึมพำเบาๆ “พี่ผา...”
ภูผาอึ้งเมื่อรู้ข่าวร้ายจากวงเดือนแล้ว
“คุณอนุตเก็บร่างคุณท่านไว้ รอให้คุณกลับไปค่ะ”
ภูผานิ่ง แล้วเดินกลับไปทางเรือนพักทันที
“คุณผาคะ...”
วงเดือนมองตามด้วยความเป็นห่วง
เย็นย่ำ พฤกษ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาชะงักที่เห็นโฉมไฉไลกำลังถอดชุดเจ้าสาวออก เป็นซับในเป็นซีทรูเซ็กซี่มาก
โฉมไฉไลหันมายิ้มยั่วยวนแล้วเข้าซบอกพฤกษ์
“พฤกษ์คะ...” ไล้นิ้วนิ้วเขี่ยอกพฤกษ์เบาๆ
พฤกษ์ถอนใจอย่างอึดอัด ไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องอื่น จับมือโฉมไฉไลดึงออกแล้วจะเดินออกไป
โฉมไฉไลดึงรั้งไว้ “คุณจะไปไหน”
“ผมจะไปตามหาเดือน”
โฉมไฉไลฉุนขาด “นี่มันคืนแต่งงานของเรา คุณจะทิ้งโฉมไว้คนเดียวไม่ได้ โฉมเป็นเมียคุณ
นะ!”
“ผมทำเพื่อคุณแล้ว ขอเวลาส่วนตัวของผมบ้างนะ”
โฉมไฉไลผวาตัวเข้ากอด “ไม่นะ โฉมไม่ให้คุณไป”
“โฉม ปล่อย...”
“ไม่”
พฤกษ์แกะมือโฉมไฉไลออกแล้วดันโฉมไฉไลออกไป พฤกษ์เดินออกไปจากห้องทันที
“กลับมานะพฤกษ์”
โฉมไฉไลวิ่งตามพฤกษ์ออกไป
พฤกษ์เดินลงมาที่โถงด้านล่าง เจอกับเมฆาที่กลับเข้ามาพอดี โฉมไฉไลเสียงดังวิ่งตามมา
“คุณจะไปไหนไม่ได้นะ”
พฤกษ์จะเดินออกไป เมฆาเข้าขวางพฤกษ์ไว้ ถามทันที
“พี่จะไปไหน”
“หมดเวลารักษาหน้าแสนสมุทรแล้ว...” พฤกษ์บอกจริงจัง
“พี่รู้เหรอว่าเดือนไปไหน”
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่”
โฉมไฉไลไม่ยอมให้ไป “พฤกษ์! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
พฤกษ์กับเมฆามองโฉมไฉไลที่เกรี้ยวกราด
เมฆาขยับก้าวเปิดทางให้พฤกษ์ พฤกษ์เดินออกไปไม่แยแสโฉมไฉไลสักนิด
“พฤกษ์” โฉมไฉไลจะตาม
เมฆาเข้ามาขวาง
โฉมไฉไลฉุนกึก “คุณมาขวางฉันทำไม”
“ให้เขาไปเถอะ...ฉันสงสารเขาที่ต้องทนกับผู้หญิงอย่างเธอ”
“เมฆา” โฉมไฉไลชะงัก
“ฉันนี่โชคดีจริงๆ” เมฆายิ้มเยาะ
จากนั้นเมฆาเดินขึ้นบ้านไป โฉมไฉไลมองตามอย่างโกรธแค้น หันไปเห็นรูปครอบครัวแสนสมุทร จ้องที่ใบหน้าศรีเรือนที่ยิ้มอยู่
“ยิ้มเยาะฉันเหรอ อีแก่” โฉมไฉไลเคียดแค้นพึมพำตัวเอง “พวกแกอย่าหวังจะได้สงบสุขเลย”
อรุณนอนหลับอยู่บนเตียง อนุตยืนมองลูกชายคนเล็กด้วยสีหน้าหนักใจ ศรีดาราเข้ามาในห้อง
“ตาพฤกษ์ออกไปแล้วค่ะ”
“คงไปตามหาเดือน”
ศรีดาราถอนใจเครียด มองไปที่อรุณ “อรุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้หลับเพราะฤทธิ์ยา กว่าจะตื่นก็คงเช้า”
ศรีดาราเดินเข้ามาลูบศีรษะของอรุณเบาๆ
“ฉันสงสารลูกค่ะ อรุณกับพฤกษ์คงทรมานใจทั้งคู่ ทำไมเดือนถึงทำแบบนี้นะ” นึกโกรธขึ้นมา “ทั้งที่สัญญากับฉันแล้ว ทำไมนะ”
“ที่มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเดือนหรอก แต่เป็นเพราะพวกเราที่ไม่ยอมรับความจริงว่าเดือนไม่ได้รักอรุณเลย แต่ที่เดือนยอมทำตามเพราะเราเอาบุญคุณไปต่อรอง เมื่อเราไม่นึกถึงใจเขา ก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่นึกถึงใจเราเหมือนกัน” อนุตระบาย
“เราจะทำยังไงดีคะคุณ”
“ทำให้ลูกยอมรับความจริงซะ เพื่อตัวของอรุณเอง”
ศรีดาราครวญ “ฉันไม่อยากเห็นลูกเจ็บ”
“แต่เราไม่มีทางเลือก”
ศรีดารานึกถึงศรีเรือนขึ้นมา “ถ้าคุณแม่ยังอยู่…”
“คุณแม่ก็จะทำเหมือนเรา ผมมั่นใจ”
อนุตหันไปมองรูปศรีเรือนในกรอบที่ตั้งอยู่หัวเตียง เป็นรูปครอบครัว ศรีเรือนในรูปดูเศร้าๆ
คืนนั้นพฤกษ์ตามหาวงเดือนไปทุกที่อย่างไม่รู้จุดหมาย เริ่มที่ท่ารถ พฤกษ์เดินสอบถามเจ้าหน้าที่แถวท่ารถ
จากนั้นก็ตรงไปยังบริเวณแถวคลินิก เมฆาการแพทย์ พฤกษ์ถามคนที่อยู่แถวๆ คลินิก ทุกคนล้วนส่ายหน้าไม่รู้ พฤกษ์เครียด
เวลาผ่านไป พฤกษ์กลับขึ้นมาบนเรือ
ภาพตอนที่วงเดือนมาดูแลทำแผลให้พฤกษ์ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
พฤกษ์ยืนอยู่ท้ายเรือด้วยความเจ็บปวด
พฤกษ์ตะโกนก้อง “เดือน..เดือน”
เวลาเดียวกัน วงเดือนนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านภูผา สีหน้าเครียด
หนูนาเดินขึ้นมามองวงเดือนสีหน้าไม่พอใจนัก
“ข้าวเย็นของเธออยู่ข้างล่าง หรือจะต้องให้ยกขึ้นมาบนนี้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันไม่หิว”
“แล้วนี่คุณผาอยู่ไหน”
“อยู่ในห้องน่ะ”
หนูนาจะเดินไปที่ห้อง วงเดือนรีบลุกมาขวาง
“อย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้เลยนะ คุณผาคงอยากอยู่คนเดียวมากกว่า”
หนูนาฉุน “ตั้งแต่คุณผามาอยู่ที่นี่ ฉันเป็นคนดูแลคุณผามาตลอด เขาไม่เคยต้องอยู่คนเดียว”
วงเดือนชะงักมองหน้าหนูนา หนูนามองตอบท่าทีแข็งใส่ไม่เป็นมิตร
“ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม” หนูนาถาม
เสียงสว่างแทรกขึ้น “หนูนา” พร้อมกับที่เจ้าตัวเดินเข้ามา
“ขอแรงไปช่วยลุงที่ไร่หน่อยสิ”
หนูนาฮึดฮัดดึงดัน “ฉันจะไปดูคุณผา”
“ไปช่วยงานลุงก่อน เร็ว”
หนูนาจะไม่ยอม สว่างดึงหนูนาออกไป
วงเดือนมองไปที่ประตู แล้วเดินเข้าไปใกล้เห็นประตูปิดไม่สนิท วงเดือนผลักเบาๆ แอบมองเข้าไปเห็นภูผานั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง
วงเดือนเห็นภูผาร้องไห้แต่ไม่มีเสียง ชายหนุ่มใช้มือลูบหน้าเช็ดน้ำตาแบบหยาบ ๆ
ภูผาซบหน้ากับฝ่ามือ มือวงเดือนจับอยู่ที่ไหล่ภูผา ภูผาเงยหน้ามองเห็นวงเดือนคุกเข่าอยู่ข้างๆ ภูผา ภูผาเข้ากอดวงเดือน
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้..ทำไม”
“คุณผา...”
สีหน้าวงเดือนที่มองภูผา รู้สึกสงสารเหลือเกิน
สองคนอยู่ที่ระเบียงบ้าน วงเดือนนั่งเอียงตัวซบภูผาที่นั่งมองเหม่อไปในความมืดของคืนเดือนแรม วงเดือนนั่งเคียงข้างภูผา
“ฉันพยายามจะสร้างไร่นี้เพื่อให้คุณย่าได้ภูมิใจ แต่วันนี้สิ่งที่ฉันทำมันไม่มีความหมายอีกแล้ว”
“วันนี้ที่คุณท่านไม่อยู่ความรักของคุณที่มีต่อคุณท่านหมดไปด้วยเหรอคะ”
“ความรัก ความเคารพ ความทรงจำที่ฉันมีต่อท่านจะไม่มีวันหมดมันจะอยู่ในใจฉันตลอดไป”
“แล้วความหวังของท่านล่ะคะ อยู่ในนี้ด้วยไหม”
วงเดือนวางมือบนหน้าอกของภูผาตรงที่หัวใจ
“ถ้ายังอยู่แล้วคุณจะทำยังไงต่อ จะทิ้งทุกอย่าง หรือจะทำให้ท่านได้ภูมิใจในตัวคุณ คุณผาคะ..วันที่เดือนผิดนัด คุณต้องมาที่นี่เพียงลำพัง เดือนเสียใจ รู้สึกผิดเพราะเดือนรู้ว่าคุณ...รักเดือน เดือนไม่อยากให้คุณรู้สึกผิดกับคุณท่านเพราะคุณรู้ว่า...ท่านรักคุณ”
ภูผาจับมือวงเดือนที่วางบนอกแล้วกดไว้แน่นขึ้น “อยู่กับฉันนะเดือน”
“อืม..เดือนขอคิดดูก่อนนะคะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว ฉันบอกเธอแล้วไงว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน..ของฉันคนเดียว...”
ภูผาเชยคางวงเดือนขึ้นแล้วรั้งให้เข้ามาใกล้ๆ วงเดือนสบตากับภูผาก่อนจะหลับตาเพื่อรอรับจูบอย่างเต็มใจ
ยินเสียงคนเดินขึ้นมา วงเดือนตกใจผละออกจากภูผา หันมาเห็นหนูนายืนมองอึ้งๆ
“มีอะไรเหรอหนูน้อย”
“ฉันเห็นว่าคุณยังไม่ทานข้าวเย็น เลยจะมาถามว่าจะกินอะไรไหม ไม่ได้คิดจะมาขัดจังหวะ”
วงเดือนทำหน้าไม่ถูก “เดือนขอตัวไปพักก่อนนะคะ”
โดยไม่รอให้ภูผาตอบ วงเดือนเดินออกไปเลย
“ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะ”
“ไม่เป็นไร วันหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
หนูนาเจ็บแปล๊บในใจ “ฉันก็มีความรู้สึกนะ”
“แล้วฉันก็เตือนเธอแล้วนะหนูน้อย”
ภูผาเดินเข้าไปในห้องตัวเอง ทิ้งให้หนูนายืนอึ้งน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน
ชิงนาง ตอนที่ 7 (ต่อ)
หนูนากลับเข้ามาในห้องยืนมองตัวเองในกระจก คำพูดของดอยดังก้องในหัว
“เอะอะก็ใช้กำลัง ดูพี่คนสวยสิ อ่อนโยนจ๊ะจ๋าทุกคำ ขนาดดอยยังเคลิ้มแล้วนายภูผาจะไม่รักได้ยังไง”
หนูนาสะท้อนใจมองภาพตัวเองในกระจกที่ดูทอมบอย ตรงข้ามกับวงเดือนที่ดูอ่อนหวาน
“โอ๊ย” หนูนาทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงอย่างเซ็ง “จะไปสู้เขายังไงเนี่ย”
หนูนานอนลงบนเตียง มือก่ายหน้าผากเซ็งและเครียดสุด ๆ
คืนเดียวกันนั้น เหนือฟ้ากับวันชัยเดินเข้ามาที่ชานชาลา
“ที่จริงพี่ไปคนเดียวก็ได้นะ”
“พ่อเลี้ยงครับ เจรจาธุรกิจมันต้องระดับเจ้าของกับเจ้าของคุยกันนะครับ จะให้ผู้ช่วยอย่างผมไปคุยมันคงไม่เหมาะ รีบขึ้นรถไฟเถอะครับ เราไปแค่ไม่กี่วันเอง”
เหนือฟ้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจแต่ก็ยอมก้าวขึ้นไปบนรถ
วันชัยมองตาม ก่อนจะผุดยิ้มร้ายออกมา
เช้าวันต่อมาสว่างขับรถเข้ามาจอดในตลาด หนูนารีบกระโดดลงจากรถอย่างกระตือรือร้น
สว่างงวยงง “เอ็งคึกอะไรเนี่ยมาตลาดแต่เช้า ทุกทีกว่าจะลากมาได้แทบแย่”
“ก็เบื่อๆ น่ะลุง เลยมาดูของ เดี๋ยวฉันมานะ”
หนูนาวิ่งจู๊ดไปทางร้านขายเสื้อผ้า
สว่างมองตามสีหน้าสงสัยว่าหลานสาวเป็นอะไรของมันเนี่ย
ที่ร้านเสื้อผ้า หนูนามองเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ เห็นมีแต่เสื้อแบบพื้นเมือง
หนูนาเกิดอาการหงุดหงิด “มันไม่ใช่อ่ะ...นี่ก็ไม่ใช่”
แม่ค้าเดินเข้ามาถามหนูนา “หาเสื้อแบบไหนเหรอจ๊ะ”
“ฉันอยากได้แบบผู้หญิง ๆ หน่อยน่ะมีไหม”
แม่ค้าชี้ “ที่แขวนอยู่นี่ก็ของผู้หญิง”
“อยากได้แบบชาวกรุง ไม่ใช่พื้นบ้านแบบนี้”
แม่ค้าคิดไปคิดมา “ฉันมีของมาจากกรุงเทพฯ สนใจไหมล่ะ แต่แพงนะ”
หนูนาสู้ราคา “ฉันมีจ่ายน่ะ”
“รับรองต้องถูกใจแน่ๆ”
“งั้นเอามาเลย”
แม่ค้าเดินเข้าไปด้านใน หนูนามองตามอย่างหมายมั่นปั้นมือ
ที่บ้านแสนสมุทร อรุณนอนอยู่บนเตียง ตื่นขึ้นมายันตัวลุกนั่ง เรียกหาอย่างเคยชิน
“เดือน!”
อรุณกวาดตามองภายในห้องมีตัวเองอยู่เพียงลำพัง
“เดือน”
อรุณก้าวลงจากเตียง แต่หน้ามืดล้มลงโครม! เป็นจังหวะเดียวกับที่ศรีดาราเปิดประตูเข้ามา
“อรุณ!”
ศรีดาราโผเข้าประคองอรุณ
“แม่ครับ เดือนอยู่ไหน เดือนกลับมาหาผมแล้วใช่ไหม แม่..เดือนอยู่ไหน”
“อรุณ..” ศรีดาราเจ็บแทนลูกชาย “ตัดใจเถอะนะลูก เดือนเขาไปแล้ว”
“ไม่ เดือนสัญญากับผมแล้วว่าเขาจะอยู่กับผม มันต้องมีคนพาเดือนไป” อรุณโมโห
“อรุณ” ศรีดาราเหนื่อยใจเหลือเกิน
“เชื่อผมสิครับแม่ เดือนต้องไม่หนีผมไป ไม่มีทาง”
อรุณก้าวลงจากเตียงด้วยแรงฮึด วิ่งออกไป
ศรีดาราตกใจรีบวิ่งตามไป “อรุณ”
เมฆากับอนุตนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว โฉมไฉไลเดินนวยนาดเข้ามาที่โต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ”
อนุตถามขึ้น “พฤกษ์ล่ะ”
“เมื่อคืน คุณพฤกษ์ไม่ได้กลับมาค่ะ”
ทั่วทั้งโต๊ะเงียบไปชั่วขณะ
อนุตตัดบท “ทานข้าวสิ”
“ค่ะ”
โฉมไฉไลจะนั่งลงแล้วชะงัก เมื่อหันไปเห็นพฤกษ์เดินเข้ามาในบ้าน โฉมมองอย่างไม่พอใจแต่เห็นอนุตมองอยู่ โฉมไฉไลเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเดินเข้าไปหา
“ทานอะไรมาหรือยังคะ ทานข้าวต้มไหม เดี๋ยวโฉมจัดการให้”
“ไม่เป็นไร ผมไม่หิว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับพ่อ”
โฉมมองอย่างไม่พอใจที่พฤกษ์ทำเป็นไม่แยแส พฤกษ์จะเดินไปที่บันได
เสียงของศรีดาราที่ดังเข้ามา ทำให้ทุกคนชะงักหันไปมอง “อรุณ! อย่าไป อรุณ”
อรุณวิ่งลงมาแล้วจะพุ่งออกไปหน้าบ้าน
พฤกษ์รีบเข้าไปขวางไว้
“ปล่อย ผมจะไปหาเดือน”
พฤกษ์เสียงแข็ง “พี่ไม่ให้แกไป”
อรุณดิ้นรนเต็มที่ พฤกษ์ต้องล็อกไว้สุดแรง เมฆารีบเข้าไปช่วย
“ปล่อยผม ปล่อย!”
จู่ๆ อรุณเกิดอาการหายใจขัด เจ็บจี๊ดที่อก ทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด
อนุตตกใจ “อรุณ”
เมฆาจับแขนอนุต ห้ามไว้
“อย่าครับพ่อ”
ศรีดารารีบบอก “เมฆา! ช่วยน้องสิลูก”
“ยังครับแม่ ถ้าแม่ไม่อยากให้อรุณคลั่งอีก แม่ต้องเชื่อผม”
อรุณมองเมฆา ยื่นมือว่าให้ช่วย แต่เมฆายังคงนิ่ง จังหวะนั้นอรุณวูบสลบไป
เมฆารีบเข้าไปประคองอรุณ
“ช่วยผมพาอรุณขึ้นห้องหน่อยพี่พฤกษ์”
เมฆากับพฤกษ์ช่วยกันประคองพาอรุณเดินขึ้นบันไดไป
ศรีดารากับโฉมไฉไลมองเหตุการณ์อย่างอึ้ง ๆ
ครู่ต่อมา ทั้ง พฤกษ์ เมฆา ศรีดารา และอนุต ต่างยืนเฝ้าอรุณที่ยังหลับบนเตียง โฉมไฉไลยืนอยู่ถัดออกไป
อรุณค่อยๆ รู้สึกตัว
“เดือน..เดือน” รู้สึกตัวลุกขึ้นมานั่ง “เดือน...”
อรุณจะลงจากเตียงแต่ล้มแผละลงที่พื้น พฤกษ์กับศรีดาราจะเข้าไปประคอง แต่เมฆายกมือห้ามไว้
“เดือนอยู่ที่ไหน”
“เราตามหาจนทั่วแต่ไม่เจอ เดือนคงหนีไปที่อื่นแล้ว”
อรุณไม่พอใจ สายตาแข็งกร้าว ปัดถาดอาหารตกพื้นกระจาย
พฤกษ์ปราม “อรุณ”
อรุณเสียงดัง ออกอาการคลั่ง “เดือนไม่ได้หนีผม เดือนสัญญาแล้วว่าจะอยู่กับผม เดือนไม่ได้หนี” อรุณตั้งท่าจะไป
“ถ้าไม่อยากเจอเดือนอีกก็ไปเลย”
ทุกคนชะงักหันมองเมฆา
“พี่รู้เหรอว่าเดือนอยู่ไหน พี่รู้ใช่ไหม”
“ฉันไม่รู้ว่าเดือนอยู่ที่ไหน แต่แกรู้แล้วใช่ไหมว่าถ้าตัวเองอาการกำเริบหนักกว่านี้ แกจะต้องตายแน่ ๆ”
อรุณอึ้ง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นถึงเดือนจะกลับมา แกก็จะไม่ได้เจอเดือนอีก ไปสิ” เมฆาชี้ไปที่ประตูห้องที่เปิดอยู่ “ถ้าอยากตายก็ออกไป”
ทุกคนมองอรุณอย่างลุ้นๆ อรุณอึ้ง เจ็บปวดนัก แต่ทำอะไรไม่ได้ ชกพื้นตึง! ตึง! ไปมา
เมฆานั่งลงตรงหน้าอรุณพูดประชด บิ้วท์อารมณ์เพราะรู้นิสัยน้องคนเล็กเป็นอย่างดี
“แต่ถ้าแกไม่เก็บชีวิตตัวเองไว้ ฉันนี่แหละจะเป็นคนดูแลเดือนเอง”
“ไม่นะพี่ เดือนเป็นของผม! ผมไม่ยอมเสียเดือนให้ใครทั้งนั้น”
เมฆาให้คำมั่น “รอนะอรุณ ฉันจะตามหาเดือน พาเดือนกลับมาให้แก” หันมาทางพ่อแม่ และพี่ชาย
“ปล่อยให้อรุณอยู่คนเดียวเถอะครับ เดี๋ยวให้ชอุ่มมาเก็บกวาด”
เมฆาเดินนำออกไป พฤกษ์ตาม
อนุตประคองศรีดาราออกมา โฉมไฉไลตาม
เมฆาเดินเข้ามาในห้องตัวเอง พฤกษ์ตามเข้ามา
“แกรู้เหรอเมฆาว่าจะไปตามเดือนที่ไหน”
“ผมคิดว่าเดือนไปหาพี่ผา”
พฤกษ์คาใจ “แล้วเดือนรู้เหรอว่าภูผาอยู่ที่ไหน แม้แต่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้เลยว่าภูผาอยู่ที่ไหนแล้วเดือนจะรู้ได้ยังไง”
“ในบ้านนี้ คนที่จะรู้ว่าภูผาอยู่ที่ไหนมีแค่คนเดียว”
พฤกษ์นึกออก “คุณย่า! แต่ตอนนี้คุณย่าไม่อยู่แล้ว”
“ยังไงคุณย่าก็ต้องติดต่อกับพี่ภูผา”
เมฆานิ่งคิด แล้วเดินออกไป
“แล้วนั่นจะไปไหน เมฆา!”
เมฆาเปิดประตูเข้ามาในห้องศรีเรือน เจอชอุ่มที่มาเปลี่ยนน้ำแจกันดอกไม้ที่วางรูปศรีเรือน
ชอุ่มเห็นเมฆากับพฤกษ์หน้าเครียด ทำท่าจะออกไป เมฆารีบถามขึ้นก่อน
“ชอุ่ม!...ตั้งแต่พี่ภูผาไปจากบ้าน คุณย่าได้ติดต่อกับใครบ้างไหม ทางไหนก็ได้ โทรศัพท์หรือว่าจดหมาย”
“มีค่ะ ก็จะมีจดหมายแล้วก็โทรศัพท์จากเชียงรายน่ะค่ะ ก่อนท่านโดนรถชนยังให้ชอุ่มส่งของแห้งไปที่เชียงรายเลยนะคะ”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าส่งไปให้ใคร” พฤกษ์ซัก
“ไม่ทราบค่ะ ท่านให้แต่ที่อยู่”
เมฆาถามอย่างมีความหวัง “แล้วที่อยู่ล่ะ จำได้ไหม”
ชอุ่มส่ายหน้า
“ชอุ่มให้เจ้าหน้าที่เขาเขียนให้น่ะค่ะ ชอุ่มอ่านไม่ออก พอเสร็จแล้วก็เอามาคืนคุณท่าน ชอุ่มไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่าที่ไหน”
เมฆาครุ่นคิด แล้วมีความหวัง “แล้วจดหมาย คุณย่าเก็บไว้ที่ไหนรู้ไหม”
ชอุ่มคิดครู่หนึ่ง “ท่านจะเก็บไว้ในตู้ด้านหลังคุณน่ะค่ะ”
เมฆาหันกลับไปมองแล้วเปิดค้น
แต่ชอุ่มแทรกขึ้นมา “แต่..ท่านเพิ่งให้เผาทิ้งไปก่อนที่ท่านจะโดนรถชนน่ะค่ะ”
เมฆาเสียงดัง “ทั้งหมดเลยเหรอ”
“ค่ะ ทั้งหมด”
เมฆาปิดประตูตู้ปัง! อย่างหัวเสียจนชอุ่มสะดุ้ง
โฉมไฉไลแอบดู ยิ้มอย่างเคียดแค้นชิงชังในใจ
“ไปไม่กลับมาเลยยิ่งดี นังวงเดือน!”
เช้านั้น ภูผาเดินตรวจไร่กับนายสว่าง ดอยเดินตามต้อยๆ เห็นกลุ่มคนงานกำลังรดน้ำให้กับต้นชาอย่างขยันขันแข็ง
ดอยมองหาหนูนา แต่ไม่เจอ “ลุงหว่างขา ลูกพี่หายไปไหนจ๊ะ ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”
“กลับจากตลาดก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง สงสัยนอนต่อล่ะมั้ง”
“โหย ลูกพี่ขี้เซาจะตาย ถ้าหลับต่อตื่นอีกทีก็มืด”
เสียงหนูนาลอดเข้ามา “ว่าใครขี้เซา”
ดอยสะดุ้งโหยง ดอยรีบแก้ตัว “ดอยแค่แซวเล่น...” หันไปมาแล้วต้องชะงัก ตาค้าง “เฮ้ย”
ทุกคนหันไปตามดอย
เหตุผลที่ทุกคนชะงัก เพราะหนูนามาในมาดใหม่ ด้วยชุดกระโปรงยาวครึ่งแข้ง สวมบู๊ทดูเท่ห์ปนหวาน
ดอยสะกิดสว่างยิกๆ “ลุงหว่าง..นี่ดอยยังไม่ตายใช่ไหม ทำไมดอยเห็น...”
สว่างหมั่นไส้เลยหยิกแก้มดอย
“โอ้ย! ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย โอ้โหลูกพี่..วันนี้สวยมากเลย”
“ผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย นึกยังไง” สว่างก็อึ้งไม่น้อย
“ก็นึกอยากใส่ ไม่มีเหตุผล อารมณ์ล้วนๆ”
ภูผายิ้มอย่างรู้ทัน “แต่งแบบนี้ก็น่ารักดีนะ แต่จะทำงานได้เหรอ”
“ได้สิ”
ไม่นานนัก โฉมใหม่ของหนูนาก็ทำเหตุ หนูนาเดินอย่างยากลำบากอยู่ในสวนชา พอหงุดหงิดมากๆ ก็รวบกระโปรงแล้วนั่งตัดแต่งกิ่งไม่สนว่าจะเลอะแค่ไหน
ภูผากับนายสว่างยืนมองอย่างขำ ๆ
“ผมไม่เคยเห็นหนูนาพยายามเพื่อใครเท่าที่มันทำให้นายภูผาเลยนะครับ”
“ผมหนักใจมากกว่า ที่เขาไม่ยอมแพ้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับนาย ทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง เดี๋ยวมันเหนื่อยก็เลิกไปเอง
“ก็หวังว่าอย่างนั้น นี่ถ้าเหนือฟ้ามาเห็นสงสัยจะยิ่งเพ้อหนัก”
เวลาเดียวกัน การเจรจาธุรกิจลุล่วงด้วยดี ที่ร้านอาหารริมทะเลเวลานั้น เหนือฟ้ากับโสภณลุกขึ้นจับมือกันอย่างยินดี วันชัยลุกตาม
“ยินดีมากครับที่เราจะได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน”
“เช่นกันครับ”
“พ่อเลี้ยงจะอยู่ที่นี่อีกกี่วันครับ ถ้ามีเวลาผมจะพาข้ามไปดูที่ฝั่งมาเลย์” โสภณยิ้มแย้ม
“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะผมจะเดินทางกลับคืนนี้” เหนือฟ้าบอก
“คืนนี้! แต่ที่คุยกันไว้...” วันชัยท้วง เพราะไม่ใช่อย่างที่คุยกันไว้
เหนือฟ้าตัดบท “เรื่องสินค้า พอใบชาล็อตหน้าออก ผมจะให้พี่วันชัยแจ้งทางคุณโสภณให้ไปรับสินค้าได้ทันที ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“ถ้างั้นคุณวันชัยจอดรถไว้ที่สถานีรถไฟนะครับ ผมจะให้ลูกน้องไปรับกุญแจเอง” หันมาทางเหนือฟ้า “แล้วพบกันนะครับ พ่อเลี้ยง”
“ครับ”
เหนือฟ้ายิ้มรับแล้วเดินออกจากร้าน วันชัยจำต้องตามออกไป
เวลาต่อมาเหนือฟ้าเดินออกมาที่รถบริเวณหน้าร้านอาหาร วันชัยตาม
ขามซึ่งตามมาตลอด ยืนหลบอยู่มุมหนึ่งใส่หมวกบังหน้าอย่างรอคำสั่ง จังหวะที่วันชัยเดินเฉียดตรงจุดที่ขามยืนอยู่ วันชัยพูดกับขามแค่พอได้ยิน
“จัดการมัน”
จากนั้นวันชัยก็เดินผ่านไป ขามดึงหมวกลงมาบังหน้าแล้วรีบเดินตามไป
วันชัยเดินตามมาที่รถ
“พี่วันชัย ไปสถานีรถไฟเดี๋ยวนี้เลยพี่”
วันชัยเปิดรถ เหนือฟ้าก้าวขึ้นรถ วันชัยมองไปทางขามให้สัญญาณ ขามผงกศีรษะรับ
ชิงนาง ตอนที่ 7 (ต่อ)
พฤกษ์ขับรถมาตรงถนนเลียบชายหาด มีโฉมไฉไลนั่งบ่นอยู่ข้างคนขับ
“ทำหน้าดีๆ หน่อยสิคะ งานแต่งเพื่อนโฉม คนมาเยอะนะ โฉมไม่อยากให้ใครๆ คิดว่าแต่งงานไม่ทันข้ามอาทิตย์ชีวิตคู่เราก็มีปัญหาซะแล้ว”
พฤกษ์ถอนใจ อย่างเบื่อหน่าย
โฉมไฉไลหน้าง้ำ “อย่ามาถอนใจใส่โฉมแบบนี้นะ”
พฤกษ์ทนไม่ไหวกับความจุกจิกจู้จี้ “โฉม ถ้าคุณไม่หยุดพูด ผมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
โฉมไฉไลปรี๊ด “นี่คุณ!”
พฤกษ์มองด้วยสีหน้าเอาจริง โฉมไฉไลจำต้องเงียบอย่างหัวเสีย
รถของวันชัยวิ่งมาตามถนนเลียบชายหาด เปิดกระจกรับลมทะเล
“ทำไมพ่อเลี้ยงต้องรีบกลับด้วยครับ”
เหนือฟ้าบอกท่าทีแน่วนิ่ง “ฉันสัญญากับหนูนาไว้ว่าจะรีบกลับ ฉันไม่อยากผิดสัญญา”
วันชัยหันไปเห็นขามใส่หมวกกันน็อคหรือหมวกไอ้โม่งปิดหน้าตาขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังมาแล้ว
“พ่อเลี้ยงไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ว่ายังไงผมจะพาพ่อเลี้ยงกลับไปเชียงราย ให้ได้”
เหนือฟ้าสะดุดหูเล็กน้อย หันมองวันชัยแล้วหันมองออกไปด้านนอก สายตามองกระจกข้าง เห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์กำลังขี่ขึ้นมาเทียบ ทันทีที่มอเตอร์ไซค์มาเทียบ ขามชักปืนออกมา จ่อที่เหนือฟ้า
สัญชาติญาณเหนือฟ้าไวมาก เขารีบปรับเอนเบาะลง เสียงปืนดังเปรี้ยง! ลูกกระสุนเข้าโดนเกียร์
วันชัยโมโห “บัดซบเอ๊ย!” ที่ลูกปืนเกือบโดนตัวเอง
เหนือฟ้าสั่งเร็ว “เหยียบหนีสิพี่”
วันชัยตัดสินใจเหยียบเบรกจอด รถปัดขวางถนน เอี๊ยด!
เหนือฟ้าตะลึงงง “จอดทำไมล่ะพี่”
“เกียร์มันพัง ไปต่อไม่ได้ครับ อยู่บนรถไม่รอดแน่ หนีเถอะครับ”
วันชัยเปิดประตูฝั่งตัวเอง เหนือฟ้าพุ่งลงจากรถอีกด้านหนึ่ง
ระหว่างนั้นขามขับรถเข้ามาจอดตรงวันชัย วันชัยสบตากับขามชี้ที่หัวไหล่ซ้าย ขามรู้หน้าที่ยิงเปรี้ยง!
วันชัยร้อง “อ๊ากก!”
“พี่วันชัย!” เหนือฟ้าช็อก!
ขามเดินอ้อมรถย่างสามขุมเข้ามาหาเหนือฟ้า เหนือฟ้าพยายามถดตัวถอยแต่ไปติดต้นไม้ หมดทางหนี
ขามยกปืนจะยิง เหนือฟ้าหลับตารอคอยเสียงปืน
ยินเสียงปืน ปัง! พร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องดังขึ้น
“อ๊ายยย”
เป็นเสียงโฉมไฉไลกรี๊ดดดลั่นรถ
เหนือฟ้าสะดุ้งแล้วนิ่งไปนิด ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาจับสำรวจตัวเอง แปลกใจที่ไม่มีร่องรอยกระสุน เหนือฟ้ามองร่างขามที่ค่อยๆ ลดปืนลงแล้วล้มคว่ำลงตรงหน้า ก่อนจะว่าที่เห็นด้านหลังคือพฤกษ์ที่เป็นคนยิงขาม
พฤกษ์เดินเข้าไปหาเหนือฟ้า แต่ยังไม่ลดปืนจากร่างของขาม
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” พฤษ์ถามเร็ว
“ผมไม่เป็นไร”
วันชัยที่ลุกขึ้นมา ตกใจที่เห็นพฤกษ์เข้ามายุ่ง
“มีคนมาแส่อีกจนได้” วันชัยแค้นนัก แล้วต้องปรับสีหน้าเป็นห่วงเหนือฟ้า “พ่อเลี้ยง...พ่อเลี้ยงปลอดภัยหรือเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร พี่โดนยิงนี่”
พฤกษ์หันไปตะโกนบอกโฉมไฉไลที่ยืนมองอย่างกลัวๆ อยู่ “โฉม ไปแจ้งความ! เร็วสิครับ”
โฉมไฉไลไม่ขยับ “นี่มันไม่ใช่เรื่องของเรานะคะพฤกษ์ โฉมต้องรีบไปงานแต่งงานเพื่อน!”
พฤกษ์สั่งเสียงเข้ม “ไปแจ้งความครับโฉม!
โฉมไฉไลขัดใจมาก “อ๊าย” แต่ก็ต้องก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างหงุดหงิด
ส่วนเหนือฟ้ามองร่างของขามที่นอนแน่นิ่งแล้วลุกขึ้นมา
“พ่อเลี้ยงจะทำอะไร” วันชัยถาม
“ฉันอยากเห็นว่าคนที่คิดฆ่าฉันมันเป็นใคร”
เหนือฟ้าถอดหมวกที่คลุมหน้าออก เห็นเป็นขามที่นอนตาย
“ไอ้ขาม!” เหนือฟ้าชะงัก เหลียวขวับมามองหน้าวันชัย “พี่บอกว่าฆ่ามันไปแล้วนี่”
วันชัยเครียดขึ้นมาทันควัน ไม่นึกว่าเรื่องจะผิดพลาด และลงเอยอย่างนี้
ในขณะที่วงเดือนง่วนอยู่ในครัวกำลังจัดเตรียมอาหารกลางวันใส่จาน หนูนาเดินเข้ามาถามเสียงขุ่นเขียว
“ใครให้เธอเข้ามายุ่งในครัวนี่”
วงเดือนอึกอัก “ฉัน...”
พอหันกลับมาต้องชะงักที่เห็นหนูนาในลุคใหม่
“ว่าไง ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
“ก็ฉันเห็นว่าทุกคนไปทำงานในไร่ก็เลยอยากจะช่วยอะไรบ้าง ที่ฉันทำได้ก็มีแต่งานบ้านงานครัว”
“ไม่จำเป็น ที่บ้านนี้ฉันเป็นคนจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณผา อย่ายุ่ง”
สว่างเข้ามา “อยากทำอะไรก็ทำเถอะครับ คุณเดือน”
หนูนาฉุน “ลุงหว่าง”
“นายเคยบอกให้ฟังว่าฝีมือทำกับข้าวของคุณเดือนอร่อยมาก ถ้าคุณเดือนทำให้นายทาน นายคงดีใจมากนะครับ”
วงเดือนยิ้มดีใจ สิ้นความสนใจจากหนูนา หันไปจัดการทำอาหาร
หนูนามองไม่ยอมแพ้หันไปทำอาหารของตัวเอง สายตามองวงเดือนอย่างเป็นคู่แข่ง
สว่างยืนมองหนูนาอย่างระอาเต็มกลืน
ภูผาเดินออกมาที่โต๊ะอาหาร เห็นดอยกำลังจัดจานช้อน วางน้ำดื่มวางบนโต๊ะ
“ดอย คุณเดือนอยู่ไหน”
“อยู่ในครัวจ้ะนาย เมื่อเช้าคุณเดือนให้ดอยพาไปที่ไร่ พอเห็นนายทำงาน คุณเดือนก็บอกว่าอยากช่วยนายบ้าง ก็เลยกลับมาเตรียมข้าวกลางวันให้นายจ้ะ”
“เหรอ” ภูผายิ้มปลื้ม
“ตั้งแต่คุณเดือนมาที่นี่ ดอยเห็นนายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ้มทั้งวันเลยนะจ๊ะ” ดอยแซว
ภูผาเปลี่ยนเรื่อง “ฉันจ้างดอยมาคอยจับผิดฉันเหรอ”
เข้าตัวเต็มๆ ดอยเปลี่ยนเรื่องมั่ง เอ..ป่านนี้กับข้าวน่าจะเสร็จแล้วนะจ๊ะ ดอยไปดูดีกว่า”
ดอยจะเผ่นลงเรือนแต่ชะงักที่บันไดแล้วถอยมา
“เอ้า...เป็นอะไรรีบไปดูสิ”
“ไม่ต้องไปแล้วล่ะจ้ะ”
ภูผามองไปที่หนูนาเดินซึ่งนำแซงขึ้นมา วงเดือนเดินตาม ทั้งคู่มีถาดอาหารในมือ คนละสองอย่าง ในถาดวงเดือนเป็นไก่ผัดฉ่ากับแกงจืดฟัก ในถาดหนูนาเป็นผัดผักกับต้มยำแบบพื้นบ้าน
วงเดือนกับหนูนาเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้ววางถาดอาหารตรงหน้าภูผา
ภูผามองทั้งสองคน วงเดือนยิ้ม
“เดือนทำของโปรดของคุณผามาให้ค่ะ”
หนูนารีบอวด “ฉันก็ทำของชอบของคุณเหมือนกัน”
ภูผามองอาหารตรงหน้า
สว่างตามขึ้นมา ดอยรีบเข้าไปข้างนายสว่าง
“ลุงหว่าง...นี่มันเกมวัดใจหรือเปล่าจ๊ะ เป็นดอยคงกลืนไม่ลงแหงๆ”
วงเดือนยกจานข้าวไปไว้ตรงหน้าภูผา
“ทานเยอะ ๆ นะคะ คุณดูผอมลงนะคะ”
หนูนาฉุน พาลหาเรื่อง “จะบอกว่าฝีมือทำอาหารของฉันมันไม่ได้เรื่องหรือไง”
วงเดือนยิ้มอย่างใจเย็น “ฉันหมายถึงว่าคุณผาคงทำงานหนัก ก็เลยอยากบำรุงน่ะจ้ะ”
“จะเลือกทานอะไรก็ทานสิคุณ”
ภูผามองหนูนาแล้วเลื่อนถาดของหนูนา เหมือนจะเลื่อนเข้าหาตัวแต่..ดันออกไปด้านข้าง แล้วเลื่อนถาดของวงเดือนเข้ามาแทน ภูผาตักชิม
“ไก่ผัดฉ่ากับแกงจืดฟักของเดือนยังอร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะ”
หนูนามองภูผา ทั้งน้อยใจ และโกรธ วงเดือนมองอย่างไม่สบายใจ
“คุณผาคะ ผัดผักของหนูนาก็น่าทานนะคะ”
หนูนาขึ้นเสียง “ไม่ต้องยุ่ง”
วงเดือนสะดุ้ง
“หนูนา! อย่าขึ้นเสียงกับเดือน! ดอย”
ดอยเลิ่กลั่ก รีบวิ่งมาหา “จ๋า นาย”
ภูผาเลื่อนถาดของหนูนาให้ดอย “เอาไปกินไป”
ดอยอึ้งหันมองหนูนา เกรงใจลูกพี่...ไม่กล้า
“เอ่อ…”
ภูผาเสียงดังขึ้น “เอาไป”
ดอยตกใจ “จ้ะ จ้ะ จ้ะ”
ดอยรีบยกถาดของหนูนาออกไป หนูนายิ่งโกรธ
“คุณผา...”
ภูผาพูดเสียงอ่อนโยน จับมือวงเดือนให้ลงมานั่งข้างๆ “เดือน..มาทานข้าวกับฉันน่ะ”
วงเดือนนั่งตามแรงดึงของภูผา สายตามองไปที่หนูนาด้วยความไม่ไม่สบายใจ
“คุณทำเกินไปแล้วนะ”
ภูผาโอบวงเดือนอวด “รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็อย่าดื้ออีกเลย”
หนูนาเจ็บปวดจนใจสลาย สะบัดหน้าวิ่งออกไป
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” สว่างตามไป
วงเดือนสงสาร “คุณผาคะ ดูหนูนาจะรักคุณมากนะ”
“แต่ฉันไม่ได้รักหนูนา เดือนไม่ต้องห่วงนะ หนูนาจะเจ็บไม่นานหรอก เพราะมีคนที่รักและพร้อมจะดูแลหนูนาอยู่แล้ว”
“คุณผาหมายถึง...”
ภูผายิ้มแทนคำตอบ คิดอย่างที่วงเดือนเข้าใจนั่นแหละว่าเป็น เหนือฟ้า
เหนือฟ้ากับพฤกษ์ และโฉมไฉไลเดินออกมาที่หน้าโรงพัก
“ผมต้องขอบคุณมากเลยนะครับ คุณ...”
“พฤกษ์ครับ”
“ผมเหนือฟ้าครับ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วเรื่องคดีจะทำยังไงครับ”
“คุณให้การเรื่องทั้งหมดไปแล้ว ผมก็พลเมืองดี คงไม่มีปัญหาหรอกครับ”
ส่วนวันชัยนั่งรออยู่ที่รถทำแผลเรียบร้อยแล้ว มองไปที่เหนือฟ้าอย่างโกรธแค้น
“ไอ้เหนือฟ้า ดวงแข็งนักนะมึง”
ระหว่างนั้นเมฆาปรี่เข้ามาหาพฤกษ์ ถามด้วยอาการร้อนใจ “พี่พฤกษ์ เกิดอะไรขึ้น”
“เมฆา...มาเร็วดีนี่”
“ไอ้สารวัตรมันโทร.ไปที่แสนสมุทรบอกว่าพี่มีเรื่องยิงกัน แล้วจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังพี่”
เหนือฟ้าชะงัก สะดุดหูแต่ยังไม่ทันถาม
สารวัตรเดินออกมา
“เมฆา! พี่พฤกษ์ เชิญด้านบนครับ” สารวัตรเรียก
“แกต้องช่วยฉันแล้วนะ ไป” พฤกษ์กับเมฆาเดินตามสารวัตรเข้าไปในโรงพัก
ระหว่างนั้นเหนือฟ้าหันมาเห็นโฉมไฉไล จึงตัดสินใจถาม
“ขอโทษนะครับ คุณพฤกษ์เป็นคนบ้านแสนสมุทรเหรอครับ”
โฉมไฉไลเชิดใส่หน่อยๆ “เขาเป็นผู้สืบทอดกิจการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ ฉันเป็นภรรยาของเขา”
“ถ้างั้นเขาก็เป็นพี่ชายของภูผาใช่ไหมครับ”
โฉมไฉไลแปลกใจ “คุณรู้จักคุณภูผาด้วยเหรอ”
เหนือฟ้ายิ้มเยื้อนด้วยความยินดี
โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป