xs
xsm
sm
md
lg

ชิงนาง ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงนาง ตอนที่ 4

พฤกษ์อยู่ที่หน้าโถงใหญ่ของบ้านแสนสมุทร ชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เสียงศรีเรือนดังลงจากชั้นบน

“กลับบ้านได้แล้วเหรอ?”
พฤกษ์มองตามเสียงขึ้นไป เห็นศรีเรือนยืนมองเขาอยู่ที่หน้าต่างห้อง พฤกษ์ยกมือไหว้
“ถ้าไม่ใช่เพราะวันเกิดน้อง คงไม่คิดจะกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้แล้วล่ะสิ” ศรีเรือนค่อนขอด
พฤกษ์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับคำประชดของย่า ชายหนุ่มตัดสินใจเดินฉีกไปทางหลังบ้าน ศรีเรือนมองตามพฤกษ์..ยังไม่หายเคือง

วงเดือนนั่งหลับอยู่ที่หน้าเรือนพัก ทั้งที่มือยังถักนิตติ้งคาอยู่ เสื้อเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว พฤกษ์เดินเข้ามาที่หน้าเรือน มองวงเดือนที่นั่งหลับอยู่
พฤกษ์ขยับเข้าไปใกล้จะปลุก “เดือน...”
วงเดือนครางออกมา “อือ...” แล้วขยับตัวเบือนหน้าไปอีกทาง ยังไม่ตื่น
พฤกษ์มองจับอาการวงเดือน ยิ้มๆ

พฤกษ์อุ้มวงเดือนเข้ามาในห้อง ค่อยๆวางวงเดือนลงบนเตียง พฤกษ์มองไปเห็นรูปของสามพี่น้องที่ถ่ายกับวงเดือนวางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียง จ้องที่ใบหน้าภูผากับวงเดือน
พฤกษ์รู้สึกผิด “ภูผา...พี่ขอโทษ”
พฤกษ์หันมองหน้าวงเดือนอีกครั้ง ใบหน้าวงเดือนขณะหลับตาพริ้มดูสวยนิ่ง น่าประทับใจ
พฤกษ์มองอย่างหลงใหล พลางใช้มือเกลี่ยเส้นผมให้พ้นจากใบหน้าวงเดือน พฤกษ์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างอดใจไว้ไม่ไหว
พฤกษ์ขยับหน้าเข้าไปใกล้แก้มวงเดือนทุกที
จังหวะนั้นวงเดือนละเมอออกมาเบาๆ “คุณผา”
พฤกษ์ชะงักได้สติ ผละออกมา มองวงเดือนด้วยสายตาเจ็บปวด แล้วลุกขึ้นหันหลังเดินออกไป วงเดือนนอนหลับไม่รู้เรื่อง

ที่ไร่ชาเช้าวันต่อมา
สว่างเดินนำภูผา หนูนาและดอยลงมาที่ไร่ เห็นต้นชาที่เริ่มแตกยอดเขียวสวย ท่ามกลางหมอกจางๆ
“ชาแตกยอดแล้ว” ดอยดี๊ด๊ากระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่ “วู้!”
ภูผาทอดสายตามองไปด้วยความภูมิใจ
“หลังจากนี้เราจะตัดแต่งพุ่ม เพื่อรักษาระดับความสูง แล้วก็ช่วยเพิ่มผลผลิตด้วยครับ” สว่างว่า
“อีกไม่นานก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิต...” หนูนาบอก
ดอยพูดต่อประโยคของหนูนา “..เอาไปขาย!” เด็กหญิงจอมแก่นทำท่าตะโกนขาย “เร่เข้ามาๆ ชาห๊อมหอม รสชาติดี๊ดี ชาจากไร่...” หยุดกึก คิดแล้วหันหาลุง “ไร่อะไรอ่ะลุงหว่างขา”
สว่างพูดกับภูผา “ตรงนี้สำคัญนะครับนาย เพราะจะเป็นชื่อชาของเราด้วย เราต้องมีชื่อให้คนรู้ว่าเป็นชาที่มาจากไร่...”
ภูผาเอ่ยสั้นๆ ห้วน “วงเดือน”
สว่างกับหนูนาชะงัก
“ไร่วงเดือน!” ภูผาย้ำ
“ครับ..ผมจะรีบให้คนงานติดป้ายชื่อไร่ให้เร็วที่สุด”
ดอยร้องขายต่อ “เร่เข้ามาๆ ชาไร่วงเดือน ห๊อมหอม รสชาติดี๊ดี”
นาทีนั้นหนูนาแอบมองภูผาด้วยสีหน้าสะเทือนใจ

ไม่นานต่อมาศรีเรือนตกใจมากเมื่อรู้ข่าวจากแดนไกล
“ภูผาตั้งชื่อว่าไร่วงเดือน!”

สว่างอยู่ที่ตลาดในเมือง กำลังคุยโทรศัพท์รายงานอยู่ที่ร้านในตลาด
“ใช่ครับ แล้วตอนนี้นายภูผามุ่งมั่นตั้งใจกับไร่ชามากครับ ยังเคยบอกผมว่าสักวัน..จะกลับไปพาหัวใจของนายมาที่นี่ครับ”
ศรีเรือนเครียดนัก “ฝากนายสว่างดูแลหลานฉันด้วยนะ”
หนูนาถือถุงของเข้ามาด้านหลังสว่าง
“ครับคุณท่าน สวัสดีครับ” สว่างวางสายแล้วหันมาเจอหนูนายืนอยู่ก็ตกใจ “เฮ้ย”
หนูนาสงสัย “ใครคือคุณท่านอ่ะลุง”
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง” สว่างเดินหนี
หนูนาเดินตาม ซักไซ้ “ลุงโทรหาใคร?”
สว่างถอนหายใจเฮือก แล้วหยุดตอบ “คุณย่านายภูผา พอใจรึยัง”
สว่างเดินออกไป หนูนาจะตาม เจ้าของร้านที่ให้บริการโทรศัพท์รีบออกมา
“หนูนา! น้าหว่างลืมสมุดนี่ เอาไปด้วย”
หนูนารับมาเห็นเป็นสมุดเล่มเล็กๆ หนูนาเปิดดูเห็นเบอร์โทรศัพท์
“บ้านแสนสมุทร...” หนูนาพึมพำ หันไปพูดกับแม่ค้า “พี่จ๊ะ ฉันขอยืมปากกาหน่อยสิ”
แม่ค้าส่งปากกาให้ หนูนาฉีกกระดาษเปล่าด้านหลังสมุดแล้วจดเบอร์โทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าตัวเอง

ศรีเรือนลงนั่งมองโทรศัพท์นิ่ง สีหน้ากังวลอยู่
“ภูผาจะกลับมา”
ชอุ่มเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาในห้อง
“คุณท่านคะ คุณผู้ชายให้มาเรียนว่าพร้อมแล้วค่ะ”
ศรีเรือนสั่ง “ไปเชิญคุณอรุณไป…”
ชอุ่มรับคำแล้วเดินออกไป ศรีเรือนสีหน้ายังหนักใจแต่พยายามปัดเรื่องอื่นทิ้งออกไปจากใจ

ที่แผนกเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ ในห้างขายสินค้าประจำเมือง
วงเดือนดูเสื้อเชิ้ตที่อยู่บนตัวหุ่นโชว์ เธอเดินเข้าไปเลือกเสื้อที่แขวนอยู่ด้วยความสนใจ
โฉมไฉไลเดินถือถุงช็อปปิ้งผ่านมาที่แผนกเสื้อผ้าผู้ชายพอดี และเห็นวงเดือนหยิบเสื้อผู้ชายตัวหนึ่งออกมาดู ยิ้มอย่างพอใจ
วงเดือนพูดเบาๆกับตัวเอง “หวังว่าคุณอรุณคงชอบ” หยิบมาให้พนักงานขาย “เอาตัวนี้ค่ะ”
ทันใดนั้นมีมือใครคนหนึ่งเข้ามากระชากเสื้อไปจากมือวงเดือน
วงเดือนตกใจหันไปมอง เห็นเป็นโฉมไฉไลซึ่งกำลังขว้างเสื้อลงบนพื้น
โฉมไฉไลตวาดแว้ด “แกไม่เข็ดใช่ไหม”
พนักงานตกใจมาก ลูกค้าคนอื่นๆ ในห้างหันมามองเหตุการณ์
โฉมไฉไลพ่นออกมาอย่างหึงหวง “ฉันรู้นะว่าแกจะซื้อเสื้อไปให้เมฆา ประจบออกนอกหน้าแบบนี้…คงอยากเป็นเมียเขาจนตัวสั่นแล้วล่ะสิ!”
วงเดือนโกรธ และคราวนี้เธอสู้!
“คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เดือนไม่ได้ซื้อให้คุณเมฆา”
วงเดือนก้มหยิบเสื้อที่พื้น แต่ถูกโฉมไฉไลใช้รองเท้าส้นสูงกระทืบเหยียบไว้
“ไม่ต้องมาโกหก! นังหน้าด้าน!” สาวไฮโซถังแตกใช้ส้นสูงบดขยี้เสื้อ
วงเดือนตะโกนห้าม “อย่า”
วงเดือนพยายามแย่งยื้อ แต่โดนโฉมไฉไลผลักล้มไป และโผนตัวจะตามเข้ามาตบ
วงเดือนลุกพรวดโกรธจัด “อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ”
โฉมไฉไลเลือดขึ้นหน้า ไม่หวั่นเกรง กระชากวงเดือนเข้ามาพูดใส่หน้า เสียงเบาแต่ชัดเจน!
“เอาเล๊ย! แต่ไปหาหลักฐานมาให้ได้ก่อนนะ ขนาดแกโดนฉุดคราวที่แล้ว เมฆายังทำอะไรฉันไม่ได้เลย แล้วน้ำหน้าอย่างแกน่ะเหรอ?” มองอย่างเหยียดหยัน ก่อนจะผลักตัววงเดือนแล้วสะบัดตัวออกไป “ชิ”
วงเดือนพูดตามหลังไป ไม่กลัวเกรง “ถึงฉันไม่มีหลักฐาน แต่ฉันมีคุณเมฆาเป็นพยานชี้ตัวนักเลงพวกนั้น เมืองเล็กๆ แบบนี้..ตำรวจคงสาวไปถึงตัวคนบงการได้ไม่ยาก!”
โฉมไฉไลหันมาชี้หน้าวงเดือนด้วยความแค้น “แก”
วงเดือนสู้ “หรือคุณอยากพิสูจน์ดูก็ได้”
โฉมไฉไลโดนต้อนจนแต้ม โกรนธจนตัวสั่น “สักวัน ฉันจะขยี้แกให้เหมือนเสื้อตัวนี้ คอยดู”
จากนั้นโฉมไฉไลก็สะบัดหน้าออกไป
วงเดือนหยิบเสื้อขึ้นมาดู เห็นว่ามีรอยขาด…พนักงานหน้าตาตกอกตกใจเข้ามา
“เอ่อ ถ้าเสียหาย ยังไงก็ต้องซื้อนะคะ”

วงเดือนหน้าเจื่อน

อรุณเดินลงมาที่ห้องโถงเห็นอนุต ศรีเรือน เมฆา และพฤกษ์ยืนรออยู่ โดยมีศรีดาราถือเค้กวันเกิดที่จุดเทียนแล้วเดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็ก

ศรีเรือนเอ่ยขึ้นก่อนใคร “สุขสันต์วันเกิดจ้ะหลานย่า”
ศรีดารายิ้มบอก “อธิษฐานสิจ๊ะลูก”
อรุณเหมือนไม่ได้ใส่ใจฟัง มองหาแต่วงเดือน
“เดือนล่ะครับ เดือนไปไหน?”
พฤกษ์สบตากับเมฆา โดยอัติโนมัติ
ศรีเรือนหน้าตึงขึ้นมาทันที ศรีดาราหน้าเสีย อนุตพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง
“อรุณ...อธิษฐานสิ จะได้เป่าเทียน”
อรุณไม่ฟังใคร “เดือนไปไหน ทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วย”
เมฆาเอ่ยขึ้น “เดือนไม่อยู่ ออกไปแต่เช้าแล้ว”
อรุณหัวเสีย วิ่งขึ้นไปข้างบนทันที ศรีดาราอึ้งมือไม้อ่อนปวกเปียก ใจหายวาบ พึมพำเบาๆ
“นี่อรุณก็อีกคนเหรอเนี่ย”
อนุตหันมองศรีดาราอย่างนึกเอะใจ และตัดสินใจเดินตามอรุณขึ้นไป
ศรีเรือนเสียใจและแค้นวงเดือนขึ้นมาอีก “วงเดือน..นังตัวกาลกิณี”
ศรีดาราวางเค้กแล้วรีบตามขึ้นไปหาอรุณ
พฤกษ์และเมฆาถอนใจ และแยกย้ายกันออกไป
ศรีเรือนหน้ามืดจะเป็นลม
ชอุ่มเห็นร้อง “ว๊าย” รีบเข้าประคอง “คุณท่านคะ นั่งก่อนค่ะคุณท่าน!”
ศรีเรือนกดดันหนักกับทุกเหตุการณ์ที่ชักจะยุ่งยากขึ้นทุกที

อรุณนั่งลงบนเตียงอย่างขัดใจ อนุตตามเข้ามาติดๆ
“เป็นอะไรอรุณ? ทำไมก้าวร้าวต่อหน้าคุณย่าแบบนั้น”
“แล้วทำไมเดือนถึงไม่อยู่บ้าน ไม่มาหาผม ทั้งที่วันนี้เป็นวันเกิดผม ทำไม”
ศรีดาราตามเข้ามา ถามด้วยสีหน้าหวั่นใจ “อรุณ เดือนสำคัญกับลูกมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ เดือนสำคัญกับผม สำคัญมาก”
อนุตใจหาย “อรุณ”
อรุณเริ่มมีอาการหายใจหอบถี่แรงขึ้น
ศรีดาราจับสังเกตเห็นรู้สึกตกใจ “ใจเย็น ๆ ลูก”
“แม่ให้คนไปตามเดือนมาหาผมนะ”
“จ๊ะๆ ลูกอยากได้อะไรแม่จะให้ลูกทุกอย่าง”
“สัญญานะครับแม่”
ศรีดาราพยักหน้า อรุณค่อยๆ หายใจช้าลงเป็นจังหวะปกติ
“ลูกนอนพักก่อนนะ”
อนุตยังยืนมองอรุณนิ่ง ศรีดาราเดินไปจับมืออนุตดึงให้ออกไปด้วยกัน อนุตขืนตัว
ศรีดารามองด้วยสายตาอ้อนวอน “ฉันขอร้องนะคะ”
อนุตจำต้องเดินตามศรีดาราออกไป
อรุณหายใจผ่อนคลายขึ้น ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเริ่มใช้อาการป่วยเป็นอาวุธ และเครื่องมืออย่างจริงจัง แล้ว

อนุตยืนหน้าเครียดอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องหนึ่ง
“คุณรู้ใช่ไหมคะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
พฤกษ์ที่กำลังจะเดินเลี้ยวไปทางห้องอรุณ ชะงัก หยุดฟัง
อนุตถอนหายใจ “ผมรู้ว่าอรุณชอบวงเดือน รู้มานานแล้ว แต่ที่ผมไม่พูดเพราะเห็นว่าวงเดือนไม่ได้คิดกับอรุณแบบนั้น แล้วสักวัน..ถ้าวงเดือนได้พบคนรักของเขา อรุณก็คงตัดใจได้เอง”
ศรีดาราหลุดปาก “แล้วถ้าคนรักของวงเดือนเป็นคนใกล้ตัวล่ะคะ คุณคิดว่าอรุณจะทำใจได้อย่างงั้นเหรอ”
อนุตมองอย่างสงสัย “หมายความว่ายังไง” เห็นศรีดาราหลบตา “คุณมีอะไรปิดบังผมอยู่อีกหรือเปล่า”
ศรีดาราเลี่ยง “เราอย่ามาคุยเรื่องไม่สบายใจในวันเกิดของลูกเลยนะคะ”
ศรีดารารีบเดินหนีอนุตไปทันที พฤกษ์รีบหลบไปอีกทาง
อนุตสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
พฤกษ์สับสนหนัก คิดในใจว่าแม่จะรู้ว่าเขารักวงเดือน

เย็นนั้นวงเดือนอยู่ที่คลินิก นั่งเย็บซ่อมเสื้อเชิ้ตจนเสร็จเรียบร้อย
“ยังดีนะที่ซ่อมได้”
วงเดือนเก็บพับเสื้อใส่ถุง เมฆาเดินตรงเข้ามาหาเดือน
“เมื่อเช้าไปไหนมา”
วงเดือนไม่อยากบอกว่าไปซื้อเสื้อให้อรุณ เกรงเมฆาจะซักจนรู้ว่ามีเรื่องกับโฉมไฉไลอีก
“คือ..เดือนไปธุระมาน่ะค่ะ”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าวันนี้เป็นวันเกิดอรุณ”
“ค่ะ เดือนไม่เคยลืม”
เมฆาตวัดตามอง รู้สึกจี๊ด ที่เดือนให้ความสำคัญกับอรุณมาก บอกห้วนๆ
“อรุณรอของขวัญสำคัญจากเธออยู่!”
พอพูดจบเมฆาก็จ้องหน้าวงเดือนเขม็ง จนวงเดือนทำหน้าไม่ถูก

อาหารเย็นถูกจัดขึ้นโต๊ะ อรุณเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ทุกคนนั่งรออยู่ที่ของตนแล้ว ชอุ่มยกข้าวมาวาง ศรีดาราเดินมาหาอรุณ
“วันนี้มีแต่กับข้าวที่ลูกชอบทั้งนั้นเลยนะ
อรุณมองหาและจ้องหน้าแม่เหมือนถามว่าลืมอะไรหรือเปล่า?
“เดือนล่ะครับแม่?”
ศรีเรือนหันขวับมองอรุณ ศรีดารามองย่าศรีเรือนอย่างลำบากใจ รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ทานข้าวก่อนนะลูกนะ”
อรุณจะขืน
อนุตเสียงแข็ง “อรุณ นั่งเดี๋ยวนี้”
อรุณยังนิ่งเฉย ศรีดารามองอนุตเกรงจะอารมณ์เสียไปกว่านี้
วงเดือนเดินเข้ามาพอดี อรุณดีใจรีบเข้าไปหา
“เดือน”
วงเดือนยื่นห่อของขวัญให้ “สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณอรุณ”
อรุณยิ้มดีใจรับมาแล้วรีบแกะห่อออกดู ทุกคนมองอย่างสนใจ พออรุณแกะออกมากางเห็นเป็นเสื้อเชิ้ตธรรมดา สีหน้าอรุณเปลี่ยนจากยิ้มแย้มเป็นผิดหวัง
วงเดือนหน้าเสีย “คุณอรุณไม่ชอบเหรอคะ”
“ทำไมเป็นเสื้อตัวนี้! แล้วเสื้อที่เดือนถักล่ะ อยู่ไหน”

วงเดือนตกใจ “คุณอรุณ ทำไม...”

อรุณเข้าไปจับไหล่วงเดือนเขย่าๆ ถามคาดคั้น

“เสื้อตัวนั้นอยู่ไหน เธอเก็บไว้ให้ใคร ให้ใคร!”
พฤกษ์กับเมฆาทนไม่ไหวเข้าไปจะแยกอรุณจากวงเดือน
“อรุณ อย่า” พฤกษ์ห้าม
เมฆาบอก “ปล่อยเดือน”
อรุณสะบัดสุดแรง ผลักเมฆากับพฤกษ์เต็มแรงและหันไปถามวงเดือนต่อ
“เธอถักให้ใคร? พี่พฤกษ์หรือพี่เมฆา”
อนุตชะงักกึก! พฤกษ์กับเมฆามองวงเดือนอย่างลุ้นๆ ต่างรอฟังคำตอบเหมือนกัน
วงเดือนอึกอัก “เดือน...เดือน...”
อรุณเห็นวงเดือนไม่ตอบสักที จึงหันไปมองพฤกษ์กับเมฆาด้วยสายตากร้าว ดุดัน
“เดือนเป็นของผม พวกพี่ไม่มีสิทธิ์”
“อรุณ..เดือนไม่ได้เป็นของแก” เมฆาสวนออก
ศรีดาราตกใจและไม่พอใจ “เมฆา..ทำไมพูดแบบนี้? เดี๋ยวน้องก็ป่วยขึ้นมาอีกหรอก”
พฤกษ์พูดขึ้นท่าทีแน่วนิ่ง “แต่ผมว่าเมฆาพูดถูกนะครับแม่”
ศรีดาราตกใจ “พฤกษ์”
อนุตอึ้งไป เข้าใจทุกอย่างปรุโปร่งชัดเจนแล้ว! ก่อนจะหันไปถามคาดคั้นเอากับศรีดารา
“เรื่องนี้ใช่ไหม ที่คุณปิดบังผมอยู่”
ศรีดาราก้มหน้าเป็นเชิงยอมรับ
อรุณขัดใจกำมือแน่นไม่ยอม หันมาหาศรีดารา “แม่สัญญาว่าถ้าผมอยากได้อะไร แม่จะให้ทุกอย่าง” อรุณพูดเสียงดังฟังชัด “ผมต้องการแต่งงานกับเดือน”

ทุกคนตะลึง ช็อกคาที่

บรรยากาศในห้องโถงใหญ่บ้านแสนสมุทรยามนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด ในขณะที่ทุกคนต่างก็ช็อก อยู่ ศรีเรือนลุกพรวดประกาศกร้าว

“ไม่ได้”
อรุณสวนทันควัน “แต่แม่สัญญากับผมแล้วนะครับคุณย่า” แล้วหันไปหาวงเดือน “นะเดือน..แต่งงานกับฉันนะ”
พฤกษ์กับเมฆาเพ่งมองวงเดือน อรุณเข้าไปจับมือวงเดือนคาดคั้น
วงเดือนไม่รู้จะทำยังไง ตอบไม่ถูก วิ่งเตลิดออกไปจากตรงนั้น ศรีเรือนเดินตามวงเดือนออกไปอย่างเอาเรื่อง
ศรีดารากับอนุตนิ่งงัน มองลูกชายทั้งสามคนที่เผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด

วงเดือนเดินหน้าเครียดเข้ามาที่ห้องพัก น้ำตาคลอด้วยความสับสน ศรีเรือนเดินตามเข้ามาติดๆ
“สะใจหล่อนแล้วใช่ไหม?” วงเดือนชะงักหันมา
หญิงชราจ้องหน้าวงเดือนพูดต่อ “แสนสมุทรจะพินาศเพราะหล่อน! หล่อนหว่านเสน่ห์ใส่หลานฉันทำไม?”
วงเดือนน้ำตาไหลยกมือไหว้ศรีเรือน
“เดือนขอโทษค่ะคุณท่าน แต่เดือนสาบานได้ว่าเดือนก็ไม่เคยต้องการให้คุณทั้งสามมารักเดือน”
ศรีเรือนสวนออกมาทันทีทันใด “ฉันก็ไม่ต้องการ! ชีวิตของภูผาต้องฉิบหายซมซานออกไปจากแสนสมุทรก็เพราะเขารักหล่อน! ฉันเสียภูผาไปแล้ว ฉันไม่ต้องการเสียใครไปอีก”
วงเดือนได้ยินชื่อภูผาก็คลานเข่าขยับเข้าไปใกล้ศรีเรือน สายตาวิงวอน
“เดือนจะไปจากที่นี่ เรื่องทุกอย่างจะได้จบ แต่เดือนขอความเมตตาให้คุณท่านกรุณาบอกเดือนได้ไหมคะว่าปลายทางของเดือนควรจะไปที่ไหน”
ศรีเรือนหันขวับ สะบัดเสียง “หล่อนจะไปหาภูผา?”
วงเดือนกราบแทบเท้าศรีเรือน “กรุณาเดือนด้วยนะคะ”
ศรีเรือนสับสน ชักเท้าแล้วเดินหนีไป
“คุณท่านคะ...คุณท่าน”
วงเดือนร้องไห้อย่างหมดหนทาง
ศรีเรือนเดินจากมาอย่างสับสน

เมื่อมืดมนอับจนหนทาง ศรีเรือนจึงหันหน้าเข้าวัด เช้าวันต่อมาหญิงชรากำลังก้มกราบพระสีหน้าหม่นหมอง
“อิฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง อิฉันพยายามจะขัดขวางทุกทางแต่มันดูจะไม่เป็นผล”
“น้ำเชี่ยวอย่าเอาขวางเรือ...ที่โบราณได้เปรียบเปรยนั้นหมายความถึงแค่แม่น้ำสายเดียว แต่ตอนนี้โยมมีแม่น้ำถึงสี่สายที่กำลังถาโถมเข้ามา หากโยมไปกั้นไปขวาง ความแรงของสายน้ำจะทำลาย
ทุกอย่างจนไม่เหลือชิ้นดี!”
ศรีเรือนได้ฟังก็ยิ่งเครียด
“แต่ถ้าโยมเปิดทางให้แม่น้ำได้มีโอกาสไหลออกไปบ้างสักสาย ความรุนแรงก็จะบรรเทาลง เมื่อไม่มีสิ่งใดปะทะกัน ทุกอย่างก็จะสงบ จากนั้นเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

ศรีเรือนคิดตาม เริ่มคิดได้ว่าตนแก้ปัญหาแบบผิดๆ มาโดยตลอดหรือนี่?

โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป

ชิงนาง ตอนที่ 4 (ต่อ)

ภูผากำลังคุมคนงานใส่ปุ๋ยให้ต้นชา มีดอยช่วยรดน้ำตามอย่างแข็งขัน ภูผาหันไปเห็นหนูนาถือช่อดอกไม้ป่าเดินไปทางท้ายไร่ จึงมองตามสงสัย

“ดอย ลูกพี่เราไปไหนน่ะ?”
“คงไปที่ท้ายไร่น่ะจ้ะ” ดอยบอก
“ไปทำอะไร?”
“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่ตั้งแต่ไอ้หมอกตาย ดอยก็เห็นลูกพี่เก็บดอกไม้เดินไปทางนั้นทู๊กวัน”
ภูผามองตามห่วงขึ้นมานิด ๆ

หนูนายืนอยู่กลางทุ่งสีเขียวท้ายไร่ชา วางดอกไม้ป่าช่อเล็กๆ ไว้บนมือ ลมโชยพัดกลีบดอกไม้เล็กๆ นั้นปลิวไปทั้งทุ่ง
“ไอ้หมอก..ฉันเอาดอกไม้มาให้แกนะ แกเหงาไหม?” หนูนาน้ำตาซึม “ฉันคิดถึงแกนะ”
ยินเสียงฝีเท้าม้าเดินเข้ามาทางด้านหลัง หนูนาหันกลับไปแล้วต้องชะงัก
ที่แท้เป็นเหนือฟ้าซึ่งสีหน้ารู้สึกผิดมาก เขาลงจากหลังม้าและเดินเข้ามาหาหนูนา
หนูนาโกรธกรุ่นๆ “มาทำไม”
“หนูนา...เรื่องไอ้หมอก ฉันเสียใจด้วยนะ”
หนูนาสวนออกมาทันที “แกฆ่ามัน! ฉันรู้ว่าแกเป็นคนฆ่ามัน!”
ระหว่างนั้นภูผาเดินเข้ามาได้ยิน ภูผาจะรีบเข้าไปห้ามเพราะเกรงจะมีเรื่อง แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของเหนือฟ้าที่พูดกับหนูนา
“ไม่ใช่นะหนูนา ฉันไม่เคยคิดทำร้ายไอ้หมอก”
หนูนาตะเพิดไล่เสียงเข้ม “ไปให้พ้นหน้าฉัน!”
“หนูนา...” เหนือฟ้าพยายามง้อ “ม้าตัวนี้ฝีเท้ามันดีมากเลยนะ ฉันตั้งใจเอามาให้เธอ...”
หนูนาโกรธเกลียด “ฉันไม่เอา! ม้าตัวไหนก็มาแทนไอ้หมอกไม่ได้ แกฆ่าของรักของฉัน” จะเดินไป
เหนือฟ้าคว้าแขนหนูนาไว้พยายามจะรั้งเพื่ออธิบาย
“หนูนา..ฟังฉันก่อน”
หนูนาสะบัดแขนออก และตบหน้าเหนือฟ้าดังฉาด!
“ฉันเกลียดแกไอ้เหนือฟ้า! ฉันเกลียดแก!”
เหนือฟ้าไม่สน ตะโกนก้อง “แต่ฉันรักเธอ! ได้ยินไหมว่าฉันรักเธอ”
เหนือฟ้าคว้าตัวหนูนาเข้ามากอด หนูนาดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตแต่เหนือฟ้าก็กอดไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ภูผาเข้ามากระชากร่างเหนือฟ้าออกจากหนูนา
“เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิ!”
“ไม่ใช่เรื่องของแก อย่าแส่!” เหนือฟ้าเงื้อหมัดหมายจะต่อย
แต่ภูผาต่อยสวนเข้าหน้าเหนือฟ้า โครม! เหนือฟ้าหงายเงิบลงไปกับพื้น
เหนือฟ้าแค้นมาก กัดฟันกรอด “ไอ้ภูผา”
เหนือฟ้าไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นพุ่งเข้าหาภูผา แต่เสียงปืนดังลั่นขึ้น เปรี้ยง! ทุกคนชะงักหันไปตามเสียง
สว่างยืนเล็งกระบอกปืนมาทางเหนือฟ้า
“บุกรุกไร่คนอื่น ตายไม่รู้ตัวได้นะคร๊าบพ่อเลี้ยง”
เหนือฟ้าฮึดฮัด
“ออกไปจากไร่ของฉันได้แล้ว!”
เหนือฟ้าจำใจกลับ หนูนาเรียกไว้
“เดี๋ยว!” เหนือฟ้าหันมาด้วยสีหน้ามีความหวัง “เอาม้าของแกกลับไปด้วย”
เหนือฟ้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ฉันตั้งใจเอามันมาให้คนที่ฉันรัก ถึงเขาไม่ต้องการ..ฉันก็ไม่รับคืน!”
เหนือฟ้าเดินกลับไป
ภูผาเอ่ยขึ้นกับหนูนา “เขารักเธอมากกว่าที่ฉันคิดนะ”
หนูนาพูดไม่ออก สะบัดหน้าเดินกลับไปทางไร่ นายสว่างเดินตามออกไป
ภูผามองตามเหนือฟ้าไป พร้อมกับใช้ความคิด

เหตุการณ์ที่บ้านแสนสมุทร ทุกคนอยู่ในห้องทำงานของอนุต อนุตยืนอยู่ตรงหน้าลูกชายทั้งสาม โดยมีศรีเรือนและศรีดารานั่งสีหน้าไม่สู้ดีอยู่อีกมุมของห้อง
“พ่อรู้ว่าลูกทุกคนรู้สึกยังไงกับวงเดือน”
อรุณรู้ทันทีว่าพ่อจะขัดขวางเลยโพล่งขึ้นมา “พ่อครับ”
อนุตขัดขึ้น ตัดบท “เรื่องนี้พ่อจะให้วงเดือนเป็นคนตัดสินใจ! ไม่มีใครบังคับวงเดือนได้แม้แต่พ่อหรือคุณย่า”
ศรีดาราร้อนใจ แต่ศรีเรือนกลับนั่งนิ่งอยู่อย่างเฉยชา
“ถ้าวงเดือนเลือกใคร ทุกคนต้องยอมรับการตัดสินใจนั้น”
อรุณขัดใจ ทนไม่ได้ “แต่พ่อพาเดือนเข้ามาในบ้านนี้ก็เพื่อผม เพราะฉะนั้นเดือนต้องเป็นของผม”
เมฆาและพฤกษ์หันขวับมองอรุณ
อนุตปรามอรุณด้วยเหตุผล “วงเดือนมีหัวใจนะอรุณ เขาเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ”
อรุณอึ้งนิ่ง
อนุตพูดต่อเสียงเข้ม “อย่ายื้อในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองอย่างไม่ละอาย”
อรุณไม่ยอม “พ่อทำแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ยอม! ผม...” อรุณใช้อาวุธเก่าแผนเดิม แกล้งทำเป็นหายใจไม่ออก เหมือนอาการกำเริบ
ศรีเรือนกับศรีดาราตกใจ ทั้งหมดรีบเข้าไปหาอรุณ
ร้องประสานเสียง “อรุณ!”
เมฆาเข้าไปแตะชีพจรแล้วถอยห่างออกมาหน้านิ่ง
อรุณหวั่นใจแต่ไม่ยอมแพ้ และยังแสดงอาการทรมานอย่างน่าสงสาร
อรุณครวญคราง “แม่ครับ..ช่วยผมด้วย”
ศรีดาราบอกเสียงเข้ม “เมฆามาช่วยน้องสิลูก ช่วยน้อง”
เมฆาพูดออกมาด้วยท่าทีแน่วนิ่ง “ผมรักษาได้แต่คนป่วยครับ ส่วนพวกที่แกล้งป่วยผมรักษาไม่ได้”
ทุกคนชะงัก
เมฆาฉีกหน้ากากอรุณต่อหน้าทุกคน “แกอาจจะใช้วิธีนี้ยื้อเดือนไว้ไม่ให้หนีตามพี่ผาไปได้ แต่จะใช้วิธีนี้บังคับให้เดือนแต่งงานกับแกไม่ได้ พี่ไม่ยอม!”
ศรีดาราตกตะลึง นึกว่าแค่ 3 เพิ่งตระหนักตอนนี้เองว่า ลูกชายทั้ง 4 ของตน ต่างหมายปองในนางเดียวกัน
“ว่าไงนะ?! ภูผากับเดือน...”
อรุณอึ้ง ทุกคนมองตำหนิอรุณ
อรุณเจ็บใจ เสียหน้า “เพื่อคนที่ผมรัก ผมจำเป็นต้องทำ” แล้ววิ่งหนีออกไป

ศรีดารากับศรีเรือนร้องตามขึ้นพร้อมๆ กัน “อรุณ”

ศรีเรือนตามอรุณออกไปเร็วรี่  ศรีดาราจะตามแต่อนุตสั่งเสียงดัง

“ไม่ต้องตาม!” ศรีดาราชะงัก “ถ้าเรายังยอมลูกในทางที่ผิดอยู่อย่างนี้ บ้านหลังนี้ก็ไม่มีวันสงบสุขสักที!”
เมฆานิ่งคิด ก่อนเอ่ยออกมา
“พ่อครับ ผมจะทำตามข้อตกลงของพ่อ ไม่ว่าเดือนจะตัดสินใจยังไงผมจะยอมรับตามนั้น”
พฤกษ์มองเมฆา ไม่คิดว่าน้องชายจะประกาศตัวชัดเจนเช่นนี้
ศรีดาราน้ำตาเอ่อเจ็บปวดใจ ส่วนอนุตมีประกายความคิดบางอย่างปรากฎขึ้นในแววตา!!

ขณะที่เมฆาเดินออกมาตรงทางเดินหน้าห้อง พฤกษ์ตามมาขวางไว้สีหน้าไม่พอใจ
“เมฆา นี่แกคงไม่รู้ใช่ไหมว่าคนที่เดือนรัก..ก็คือภูผา”
เมฆาตอบนิ่งๆ “ผมรู้มาตลอด”
พฤกษ์งง “แล้วทำไมแกถึงยอมทำตามเงื่อนไขของพ่อ? ทั้งๆ ที่คำตอบของพวกเราทั้งสามคนก็คือคำว่าแพ้” พฤฏษ์เน้นตรงคำสุดท้าย
“แต่วันนี้พี่ผาไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมก็ยังมีหวัง” เมฆาบอก
พฤกษ์คิดตาม “ถูกของแก แล้วถ้าเดือนยังอยู่ที่นี่ ทุกคนก็ยังมีโอกาส”
เมฆาย้ำต่อให้ “สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเดือน...ว่าเธอจะเลือกใคร”
สองหนุ่มไม่รู้ว่า เวลานั้นศรีเรือนยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง รับฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อนุตพาตัวเองมาอยู่และออกคำสั่งชัดเจนต่อหน้าวงเดือน
“เธอต้องไม่เลือกใครทั้งนั้น!”
วงเดือนงงๆ อึ้งๆ ที่อนุตมาล็อบบี้เธอเช่นนี้
“ถ้าเธอยืนยันว่าเธอไม่รักพวกเขา ก็จะไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสียถึงแม้วันนี้พวกเขาจะเจ็บ แต่พรุ่งนี้มันจะกลายเป็นแค่ฝันร้ายที่ผ่านไป
วงเดือนนิ่งฟัง นึกสะท้อนใจว่าทำไมชะตากรรมของเธอต้องมีคนมาขีดเส้นให้เดินตลอดเวลา?!
อนุตมองจ้อง และคาดคั้นเมื่อเห็นหญิงสาวเงียบอยู่ “รับปากฉันสิ!”
วงเดือนนิ่ง เฉยชา รับคำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ค่ะ”
“ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของแสนสมุทรที่เลี้ยงดูเธอมาก็แล้วกัน”
อนุตเดินจากไป ทิ้งวงเดือนให้ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่อย่างนั้น

ที่ไร่ฟ้าเหนือฟ้าเวลานั้น วันชัยเดินตรวจงานอยู่กับขามลูกน้องคู่หู มีลูกจ้างในไร่ถือกระจาดที่มีใบชาที่ตากแห้งมาให้วันชัยดู
วันชัยหยิบใบชามาดม “ยังชื้นอยู่” แหงนหน้ามองฟ้า “ตากอีกสักสองแดดน่าจะกำลังดี”
ขามหันไปเห็นเหนือฟ้า “นาย...พ่อเลี้ยงมา”
เหนือฟ้าเดินฉับๆ เข้ามา
วันชัยเอ่ยขึ้น “พี่กำลังตรวจชาที่จะส่งขายอาทิตย์หน้า”
วันชัยพยักหน้าให้ขามเป็นเชิงบอก ขามรู้รีบขยับกระจาดชาไปให้เหนือฟ้าดู
ลูกจ้างขยับเข้าไปใกล้ๆ “นี่ครับพ่อเลี้ยง”
เหนือฟ้าจ้องหน้าวันชัย อยู่ในโหมดอารมณ์โกรธที่เต็มแน่น ปัดกระจาดทิ้งจนใบชากระจาย!
วันชัยตาค้าง “พ่อเลี้ยง”
เหนือฟ้าตวัดเสียงใส่ “เพราะแผนโง่ๆ ของพี่! ทำให้หนูนาเกลียดฉัน!”
ทุกคนผงะ วันชัยอึ้ง
เหนือฟ้าชี้หน้าวันชัยด่าซ้ำ “เพราะพี่ฆ่าไอ้หมอก หนูนาถึงได้เกลียดฉัน พี่ต้องทำให้หนูนา
หายโกรธฉัน” เหนือฟ้าออกคำสั่ง “ไปขอโทษหนูนาเดี๋ยวนี้”
วันชัยไม่พอใจ แต่พยายามข่มอารมณ์ “ถ้าทำแบบนั้น เท่ากับยอมรับว่าเราลอบยิงไอ้ภูผา”
เหนือฟ้าไม่ฟัง “ฉันสั่ง”
วันชัยหน้าตึงที่โดนตะคอกต่อหน้าลูกจ้างในไร่
“พี่ทำไม่ได้!”
ขาดคำ หมัดของเหนือฟ้าต่อยเปรี้ยง! ไปที่วันชัยจนเลือดกบปาก
“จำไม่ได้แล้วเหรอว่าพ่อฉันเก็บพี่มาเลี้ยง อย่าขัดคำสั่งลูกของคนที่มีบุญคุณท่วมหัวพี่!” เหนือฟ้าบอกเสียงเข้ม “อะไรที่ฉันสั่ง พี่ต้องทำ”
เหนือฟ้าเดินออกไปอย่างหัวเสีย

วันชัยกำมือแน่น เห็นทุกสายตาจดจ้องมองมายังตัวเองอย่างสมเพช

ปืนในมือวันชัยถูกยิงออกไปดังเปรี้ยงๆ ๆ  และวันชัยยิงแบบไม่นับ เพื่อระบายแค้น ขามอยู่ด้านหลัง

“ใครๆ ก็รู้ว่าไร่เหนือฟ้าใหญ่โตขึ้นมาได้ก็เพราะนาย แล้วทำไมนายถึงต้องยอมพ่อเลี้ยงขนาดนี้ด้วย”
วันชัยแค้นคั่ง คำรามออกมา “ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องเรียกข้าว่า “พ่อเลี้ยงวันชัย” แทนไอ้เหนือฟ้า”
แววตาวันชัยเหี้ยมเกรียม ขามพยักหน้ารับรู้ความคิดของนาย

แก้วนมที่ชอุ่มเอามาให้ดื่มก่อนนอน ถูกอรุณปัดทิ้ง แตกดังเพล้ง!
ศรีดาราเข้ามาในห้องเห็นอรุณกำลังอาละวาดใส่ชอุ่ม
“ฉันไม่กิน! ออกไปให้พ้น”
ชอุ่มเห็นศรีดาราเข้ามาก็รีบออกไป
ศรีดาราเจ็บปวดใจนัก “อรุณ อย่าทำแบบนี้”
“ไม่ต้องมายุ่งกับผม ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
ศรีดาราจุกอก น้ำตารื้นขึ้นมาทันที “ถ้าลูกเป็นอะไรไปแล้วแม่จะอยู่ได้ยังไง”
“แต่ถ้าไม่มีเดือน ผมก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน แม่..ผมขาดเดือนไม่ได้”
ศรีดารากอดอรุณสีหน้าเครียด

อนุตสีหน้าเครียด เมื่อเห็นศรีดาราเอาแต่ร้องไห้อยู่ตรงหน้า
“ฉันเห็นอรุณทำร้ายตัวเองแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว อรุณไม่แข็งแรง ลูกทนรับความผิดหวังไม่ได้”
อนุตไม่เห็นด้วย “ความผิดหวังไม่ใช่โรคร้าย แต่เป็นสิ่งที่ทำให้คนเรียนรู้ที่จะสู้และเดินต่อไป”
ศรีดาราครวญคร่ำ “แต่อรุณอ่อนแอเกินกว่าที่จะสู้! คุณก็เห็นว่าทุกครั้งที่มีปัญหา อาการของอรุณก็จะกำเริบ”
อนุตถาม “คุณแน่ใจเหรอว่าอรุณไม่ได้หลอกเรา?”
ศรีดาราส่ายหน้าผิดหวังในตัวอนุต “แล้วถ้ามันเป็นจริงล่ะ? ใครจะรับผิดชอบ”
อนุตเข้าใจ เห็นใจ แต่ก็ยังไม่เห็นด้วย “แต่ถ้าเรายอม อรุณก็จะเคยชินที่จะใช้วิธีนี้ไม่สิ้นสุด”
ศรีดาราสวนออกมาทันควัน “ฉันยอม! ถ้ามันทำให้อรุณยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันยอมรับว่าฉันเห็นแก่ตัว แต่ฉันทนเห็นลูกตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้!”
จบคำศรีดาราเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้อนุตยืนเครียดจัด จำนนต่อเหตุผลของศรีดารา

กลางดึกคืนนั้น ศรีเรือนเดินอยู่ในสวนอย่างใช้ความคิด เสียงเตือนสติของหลวงพ่อดังก้องในหัว
“แต่ตอนนี้โยมมีแม่น้ำถึงสี่สายที่กำลังถาโถมเข้ามา หากโยมไปกั้นไปขวาง ความแรงของสายน้ำจะทำลายทุกอย่างจนไม่เหลือชิ้นดี!”

นึกถึงคำพูดประโยคนี้ ศรีเรือนถอนใจหนัก และเหลือบไปมองที่เรือนพักวงเดือน หญิงชราชะงัก เมื่อเห็นว่าศรีดาราเดินมาเคาะประตูห้องพักวงเดือน
ไม่นานต่อมาวงเดือนเปิดประตูออกมาเห็นศรีดาราก็แปลกใจ “คุณป้า”
วงเดือนยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ศรีดาราก็สวนออกมาก่อน
“ป้าอยากให้เดือนแต่งงานกับอรุณ!”
วงเดือนอึ้งไป และตัดสินใจพูด “เดือนสำนึกในบุญคุณของคุณป้าเสมอ แต่เดือนแต่งงานกับคุณอรุณไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
ศรีดาราทักท้วงขึ้น “ทำไม? เธอคงไม่ลืมนะว่าเธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็เพื่อดูแลอรุณ” จับแขนวงเดือนแน่น “ชีวิตของเธอเป็นของอรุณ”
วงเดือนตกใจ ลำบากใจหนัก “คุณป้าคะ...เดือน”
ศรีดารารู้ตัวว่าพูดแรงไป จึงลดน้ำเสียงเบาลง “ถ้าเธอบอกกับพฤกษ์และเมฆาว่าเธอเลือกอรุณ ทุกอย่างก็จะจบ” ลูบหัววงเดือน “ป้าขอร้องนะ” ปากบอกว่าขอร้อง แต่สายตาศรีดารายามนี้บังคับเอามากๆ “เดือนต้องเลือกอรุณ!”
วงเดือนอึ้งที่โดนบีบบังคับหนักขนาดนี้ สีหน้าลำบากใจ หญิสาวอึ้ง น้อยใจวาสนาว่าเป็นตนแค่หมากในเกมของแสนสมุทรเท่านั้นหรือ?!

ศรีเรือนที่ยืนแอบฟังอยู่คิดหนัก

ชิงนาง ตอนที่ 4 (ต่อ)

เช้าวันต่อมา ภูผาอยู่ที่ตลาด ชายหนุ่มเดินดุ่มเข้ามาในร้านค้า ร้านเดียวกับที่สว่างมาโทรศัพท์เมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นร้านค้าแห่งเดียวในตลาดที่มีโทรศัพท์ให้บริการโทร.ทางไกล

“โทร.ทางไกล”
ภูผาเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งกระดาษเบอร์โทร.ให้เจ้าของร้านต่อเบอร์

ขณะเดียวกันนั้นวงเดือนถือถาดยาเดินเข้ามา สีหน้าคิดหนัก สายตาวงเดือนมองดูรูปครอบครัวแสนสมุทร จ้องที่ใบหน้าภูผา
“คุณภูผา เดือนจะทำยังไงดี...” หญิงสาวพึมพำอย่างหนักใจ
เสียงโทรศัพท์ดัง วงเดือนเหลียวมองดูแล้วไม่เห็นใครอยู่ จึงเดินไปรับโทรศัพท์
ภูผากับวงเดือนพูดขึ้นพร้อมกัน “ฮัลโหล” / “บ้านแสนสมุทรค่ะ”
ยินเสียงกันและกัน ต่างคนต่างชะงัก
“เดือน” ภูผาเอ่ยขึ้น คาดไม่ถึง
วงเดือนตื้นตัน ดีใจนัก “คุณภูผา คุณอยู่ที่ไหนคะ...เดือนเป็นห่วงคุณ...”
ทันใดนั้น มือของศรีเรือนก็ยื่นมากระชากโทรศัพท์ไปจากวงเดือน
วงเดือนตาค้าง “คุณท่าน”
ศรีเรือน ตวัดเสียงเข้มใส่ “ออกไป”
ภูผาฟังเสียงอยู่ในสายได้ยินชัด
“คุณย่า!”
ศรีเรือนจดสายตาคมกริบจ้องหน้าวงเดือน จนวงเดือนต้องจำใจเดินออกไป
ศรีเรือนพูดสาย “ฮัลโหล”
“คุณย่าครับ...” ภูผาอยากจะถามถึงวงเดือน
ศรีเรือนรู้ทันรีบตัดบท “หายป่วยแล้วใช่ไหม?”
“นายสว่างบอกคุณย่าใช่ไหมครับ?”
ศรีเรือนเงียบเป็นการยอมรับกลายๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณย่าคงทราบแล้วว่าผมตั้งชื่อไร่ว่า..ไร่วงเดือน”
ศรีเรือนเอ่ยขึ้น “ย่าไม่เห็นด้วยที่...”
ถูกภูผาตัดบทเหมือนกัน “ตอนนี้ต้นชาของผมแตกยอดอ่อนแล้วนะครับ อีกไม่นาน” ภูผาพูดเน้นคำ “ไร่วงเดือนก็จะมีผลผลิตออกขายแล้วผมอยากบอกให้คุณย่าทราบเป็นคนแรก”
ศรีเรือนตัดสินใจจะคุยเรื่องวงเดือนให้เด็ดขาด “ภูผา...เรื่องวงเดือน”
ภูผาเงียบไปชั่วอึดใจแล้วตัดสินใจพูด
“คุณย่าครับ” ภูผาพูดชัดช้า “ผมรักเดือน!” แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมต้องไปแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะครับ สวัสดีครับ”
ภูผาวางสายแล้วยิ้มนิดๆ ชายหนุ่มโล่งใจที่ได้พูดความในใจกับย่าเสียที

ศรีเรือนวางโทรศัพท์ใช้ความคิดหนัก

ภูผากลับจากตลาด กำลังตอกป้ายชื่อ “ไร่วงเดือน” ตรงทางเข้าไร่ ด้วยสีหน้าสดชื่น
สว่างขับรถออกมาหยุดมอง ภูผาหันมายักคิ้วให้ สว่างแปลกใจ
สว่างอมยิ้ม “ไปเจออะไรดีๆ มาเหรอครับนาย”
ภูผายิ้มอย่างเดียวไม่ยอมตอบ
สว่างเดาเอง “อย่าบอกนะว่าไปเจอหัวใจของนายมา”
ภูผายิ้มแทนคำตอบ
“อีกนานแค่ไหนเราถึงจะเก็บผลผลิตได้?” ภูผาเปลี่ยนเรื่อง
สว่างหัวเราะ “ไม่ต้องเร่งวันเร่งคืนหรอกครับ อีกไม่นานเกินรอแน่นอน ฮ่าๆ”
ป้ายไร่วงเดือนตั้งตระหง่านอย่างสวยงาม ภูผายืนมองอย่างภูมิใจ

ที่ยึดเหนี่ยวและที่พึ่งทางใจของหญิงชราประมุขของบ้านแสนสมุทรคือพระพุทธคุณ คืนนั้นศรีเรือนนั่งพนมมือไหว้พระ อธิษฐานจิต แม้หลับตาอยู่แต่จิตใจวุ่นวายเหลือเกิน เหตุการณ์ ที่เห็น คำพูดที่ได้ยิน ผุดขึ้นมาในความคิด ราวสายน้ำไหล
“แต่วันนี้พี่ผาไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมก็ยังมีหวัง” ที่เมฆาพูดกับพฤกษ์
“ถูกของแก แล้วถ้าเดือนยังอยู่ที่นี่ ทุกคนก็ยังมีโอกาส” พฤกษ์ย้ำกับเมฆา
อรุณย้ำบอกแม่ “เพื่อคนที่ผมรัก ผมจำเป็นต้องทำ”
ศรีดาราพูดบีบบังคับวงเดือนกลายๆ “ถ้าเธอบอกกับพฤกษ์และเมฆาว่าเธอเลือกอรุณ ทุกอย่างก็จะจบ ป้าขอร้องนะ เดือนต้องเลือกอรุณ!”
กระทั่งน้ำเสียงวิวอนของวงเดือนตอนที่ศรีเรือนกระชากสายโทรศัพท์ไป
“เดือนจะไปจากที่นี่ เรื่องทุกอย่างจะได้จบ แต่เดือนขอความเมตตาให้คุณท่านกรุณาบอกเดือนได้ไหมคะว่าปลายทางของเดือนควรจะไปที่ไหน”
และคำพูดภูผา “คุณย่าครับ ผมรักเดือน”

เสียงของทุกคนดังซ้ำไปซ้ำมาตีกันอยู่ในหัวของศรีเรือน จู่ๆ ยินเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง!
ศรีเรือนตื่นจากภวังค์ สะดุ้งลืมตาขึ้นมา หญิงชราหายใจหอบถี่ เครียดจนหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
ชอุ่มที่ยกถาดยาของอรุณเดินผ่านมาเห็น ก็รีบเข้าไปประคองศรีเรือนทันที
ชอุ่มตกใจมาก “คุณท่าน”
ศรีเรือนขืนตัว โบกมือบอก “ฉันไม่เป็นอะไร”
ชอุ่มกังวลไม่หาย “แต่ว่า...”
ศรีเรือนดุ “ฉันไม่เป็นอะไร” มองเห็นถาดยา “จะเอายาไปให้อรุณไม่ใช่เหรอ? รีบไปสิ!”
ชอุ่มจำใจออกไป มองไปที่หน้าต่างเห็นฟ้าร้องฟ้าผ่าเสียงดังครืนครัน พร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ชั่วอึดใจหนึ่ง ชอุ่มก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมา ในห้องพระ
“คุณท่านคะ..คุณอรุณหายไปไหนไม่รู้!”

ศรีเรือนตกใจ

แสงไฟวูบวาบในผับเฟื่องนครคืนนั้น  ช่างรับกับเสียงเพลงจังหวะกระหึ่มเร้าใจ ท่ามกลางผู้คนนักท่องราตรีที่อยู่ในอารมณ์คึกคักสนุกสนาน  ทว่าอรุณกลับนั่งหงอยท่าทีมึนๆ อยู่ที่โต๊ะในมุมหนึ่งเพียงลำพัง

สักครู่หนึ่งโฉมไฉไลก็เดินเฉิดฉายเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสาว จังหวะนั้นก็มีนักเที่ยวชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาเพื่อนของโฉมไฉไลไล ฝ่ายหญิงยิ้มให้รับไมตรี
เพื่อนสาวอวดโอ้ “คืนนี้ ฉันคงได้ขึ้นสวรรค์ก่อนเธอนะโฉม”
ว่าพลางเพื่อนสาวแยกตัวไปกับชายคนนั้น โฉมไฉไลมองตามไปด้วยความหงุดหงิด
“ฉันไม่กลับบ้านมือเปล่าแน่” สาวแสบกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดหยุดกึกที่โต๊ะอรุณ
โฉมไฉไลเขม้นมอง อดประหลาดใจไม่ได้ “อรุณ”
โฉมไฉไลแถเข้าไปหาอรุณ
“ขอนั่งด้วยคนนะจ๊ะ น้องอรุณ”
อรุณกึ่มๆ มองโฉมไฉไลอย่างคุ้นๆ “คุณ...”
โฉมไฉไลยิ้มแย้ม “พี่โฉมไฉไลไงคะ” เน้นเสียงชัดๆ “แฟนเก่าพี่เมฆา”
อรุณไม่สนใจ เบือนหน้าหนี “ผมอยากอยู่คนเดียว”
โฉมไฉไลมองอย่างรู้ทัน ยิ้มกริ่มและขยับเข้าไปใกล้ “เรื่องความรักล่ะสิ?”
อรุณถูกแทงใจดำ เลยพูดออกไปเพราะเริ่มเมา “ทำไมเดือนถึงไม่รักผม?”
โฉมไฉไลสะดุดหู “เดือน?”
อรุณพ่นต่อเพราะเมา “แล้วทำไมทั้งพี่พฤกษ์ พี่เมฆา ต้องคิดแย่งวงเดือนไปจากผม”
โฉมไฉไลปรี๊ด ไฟริษยาคุโชน “ทุกคนรักนังวงเดือนหมดเลยเหรอเนี่ย”
อรุณพร่ำเพ้อต่อ “แล้วคนอย่างผมจะไปสู้พวกเขาได้ยังไง พี่พฤกษ์ได้สืบทอดกิจการแสนสมุทร”
โฉมไฉไลสนใจมากเก็บข้อมูล “พฤกษ์”
อรุณยังพรั่งพรูระบดระบาย “พี่เมฆาเป็นหมอ แต่ผมไม่มีอะไรเลย!”
โฉมไฉไลมองอรุณ ยิ้มร้ายแล้วยุส่ง “ถ้าเราเจอคนที่ใช่แล้ว เราก็ไม่ควรจะปล่อยเขาให้หลุดมือไป อรุณต้องลุยต่อสิ...ไม่ต้องสนใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วอรุณก็จะชนะใจวงเดือนได้ในที่สุด”
โฉมไฉไลมองจ้องอรุณด้วยความพอใจ เห็นสายตามุ่งมั่นเด็กหนุ่มเป็นประกาย

ศรีเรือนรออยู่ในห้องอรุณ ชอุ่มตามหาอรุณจ้าละหวั่น เสียงฟ้าร้อง ฟ้าแลบ พร้อมกับสายฝนที่เทกระหน่ำไม่ขาดสาย ยิ่งทำให้หญิงชราที่รออยู่รู้สึกร้อนใจ
ชอุ่มวิ่งเข้ามาด้วยอาการกระหืดกระหอบ
“เจอหรือเปล่า?”
ชอุ่มส่ายหน้าดิก “ไม่อยู่ในห้องสมุดค่ะ”
ศรีเรือนดุ “ก็ไปหาห้องอื่นอีกสิ!”
ชอุ่มลนลานออกไป ศรีเรือนร้อนใจ เดินออกไปจากห้องเร็วรี่

ฝนยังคงตกหนักไม่ลืมหูลืมตา วงเดือนอยู่ในห้องพัก เปิดลิ้นชักหยิบรูปภูผาขึ้นมา
คำพูดภูผาดังก้องในหู
“ฉันไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ขอแค่เธอเชื่อมั่นในตัวฉัน...เชื่อมั่นหัวใจของฉัน...แค่นั้นเราก็รอดแล้ว”
วงเดือนหน้าหมอง พูดกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น
“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เดือนจะหาคุณให้พบ!”
วงเดือนวางรูปภูผาลงในกระเป๋าที่ถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว
“เดือน เดือน!”
เสียงอรุณดังออกมาจากด้านนอกเรือนแทรกกับเสียงฟ้าร้อง วงเดือนชะงักหันไปตามเสียง

วงเดือนเปิดประตูออกมา เห็นอรุณยืนจังก้าท่ามกลางสายฝนอย่างไม่สะทกสะท้าน
วงเดือนตกใจ “คุณอรุณ” รีบวิ่งไปหาอรุณ
“มายืนตากฝนทำไมคะ เข้าไปหลบฝนก่อน” วงเดือนดึงอรุณ
แต่อรุณขืนตัวรั้งไว้ “ไม่ จนกว่าเดือนจะสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน”
วงเดือนไม่พอใจนิดๆ “คุณอรุณ อย่าทำแบบนี้!”
จังหวะนั้น เสียงศรีเรือนดังแทรกขึ้นมา พูดเฉียบขาด “อรุณ! กลับไปกับย่า”
อรุณสวนไม่สน “ผมไม่กลับ!”
ศรีเรือนเดินฝ่าสายฝนออกมาคว้าแขนดึงอรุณ “กลับไปกับย่าเดี๋ยวนี้! ทำแบบนี้แกจะตายได้นะ”
อรุณสะบัดหลุด ตะโกนเสียงดัง “ผมยอมตายถ้าเดือนไม่ยอมแต่งงานกับผม!”
จังหวะนั้นเองอรุณเกิดอาการหายใจไม่ออกอย่างรุนแรง ล้มคว่ำไปกับพื้น

ศรีเรือนและวงเดือนตกใจสุดขีด

ร่างอรุณถูกวางลงบนเตียงในห้อง เมฆากับอนุตเข้าช่วยดูแลอาการของอรุณทันที

อนุตมองอรุณด้วยสีหน้าเครียดจัด “ทำไมถึงทำร้ายตัวเองแบบนี้?”
วงเดือนมองอรุณด้วยสีหน้าหนักใจ รู้สึกผิดว่าอรุณเป็นอย่างนี้เพราะตัวเอง
เมฆาได้กลิ่นบางอย่าง จึงรีบก้มลงไปใกล้ปากอรุณ
“กลิ่นเหล้า” เมฆาบอกพลางหันมาสั่งวงเดือนพูดเร็วๆ “ต้องล้างท้องด่วน”
วงเดือนหันไปรีบเตรียมอุปกรณ์ทันที ขณะที่อรุณหายใจอย่างลำบากมากขึ้นทุกที

เวลาผ่านไปทุกคนต่างรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่ที่หน้าห้องอรุณ ศรีดาราร้องไห้ไม่หยุด ส่วนศรีเรือนก็ตาแดงกล่ำไม่แพ้กัน ชอุ่มเองก็ลุ้นระทึก
ประตูห้องนอนอรุณเปิดออก อนุตก้าวออกมา บอกทุกคน
“อรุณปลอดภัยแล้ว”
ทุกคนรีบเข้าไปในห้อง

อรุณที่เพิ่งฟื้นแต่ยังอาการไม่ค่อยดี และกำลังอาละวาดปัดยาจากมือเมฆา
“ผมไม่กิน”
“นี่แกอยากตายหรือยังไง?” ไม่มีใครรู้ว่า เมฆาต่อว่าน้องชายเรื่องไม่กินยา หรือเรื่องดื่มเหล้ากันแน่
อรุณนิ่งเฉย
ศรีดาราใจจะขาด “อรุณ...กินยาเถอะลูก แม่ขอร้อง”
อรุณไม่สนใจศรีดารา หันไปหาวงเดือน “เดือน... แต่งงานกับฉันนะ” หายใจแรงขึ้น
วงเดือนมองอนุตและศรีดารา ทั้งคู่จ้องวงเดือนตาไม่กระพริบ วงเดือนโดนกดดันเต็มที่
พฤกษ์กับเมฆามองวงเดือนลุ้น ๆ รอคำตอบ วงเดือนมองอรุณที่พร้อมจะอาการทรุดลงทุกขณะ หากคำตอบไม่เป็นที่ถูกใจ
วงเดือนน้ำตาร่วง กดดันเหลือเกิน “ค่ะ..เดือนจะแต่งงานกับคุณอรุณ”
พฤกษ์กับเมฆาอึ้ง ผิดหวัง!!
อนุตกัดกรามแน่น! อรุณยิ้มกว้างทั้งที่อ่อนแรง
ศรีดาราจับมือวงเดือนเป็นการขอบใจ
อนุตเครียด “กินยาได้แล้ว”
อรุณรับยามาแต่ยังไม่กิน “แม่ครับ..ผมอยากแต่งงานกับเดือนให้เร็วที่สุด”
ศรีดาราหันมองอนุตอย่างขอร้อง
อนุตจนใจ ประกาศกลายๆ “อีกหนึ่งเดือน แสนสมุทรจะจัดงานแต่งงานระหว่างอรุณกับวงเดือน!”
อรุณยอมกินยา ทุกคนยืนนิ่งราวกับหุ่นปั้น บรรยากาศอึดอัดตึงเครียดครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง มีเพียงอรุณคนเดียวที่ยิ้มอย่างผู้ชนะ

วงเดือนเดินมาตามทาง น้ำตาร่วงรินด้วยหัวใจที่แตกสลาย หญิงสาวหยุดนิ่งที่หน้าห้อง..ร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
“คุณภูผา...เดือนทำอะไรเพื่อคุณไม่ได้เลย..ไม่ได้เลย”

ตอนเช้าวันต่อมา ภูผานอนหลับตาอาการกระสับกระส่ายบนเตียง
“เดือน...เดือน!”
ภูผาลืมตาเด้งตัวขึ้นมานั่ง กวาดตามองไปรอบๆ รู้สึกตัวว่าคือความฝัน..แต่ช่างเหมือนจริงเหลือเกิน!

สว่างกำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของรถ เมื่อเรียบร้อยจึงปิดฝากระโปรง ภูผาเดินเข้ามา
“นายสว่างจะไปไหน?”
“จะเข้าตลาดครับนาย”
“ฉันไปด้วย อยากจะโทรศัพท์หน่อย”
“ครับ”
ภูผากระโดดขึ้นรถ สว่างขึ้นข้างที่คนขับ สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกรถไป

ที่ไร่ฟ้าเหนือฟ้าเวลานั้น เหนือฟ้าเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับวันชัย
“พี่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องรบกวนพ่อเลี้ยง คือพี่กำลังยุ่งเรื่องชาที่จะปล่อยเข้าตลาดอาทิตย์หน้า แต่เจ้าของที่ดินผืนนั้นก็ดันมานัดเอาวันนี้ ถ้าไม่รีบไป พี่เกรงว่าเรื่องขยายอาณาเขตไร่ของเราคงต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด”
เหนือฟ้าหงุดหงิด “เรื่องแค่นี้ต้องให้ถึงมือฉัน”
วันชัยหน้าตึงนิดหนึ่ง แต่พยายามกดข่มอารมณ์ ยิ้มสุดชีวิต
“ก็คงแค่ครั้งนี้ล่ะครับ พ่อเลี้ยงรีบไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าของที่จะรอ”
เหนือฟ้าหงุดหงิดแล้วขึ้นรถขับออกไป
วันชัยมองไปทางขาม “เราคงไม่ต้องรบกวนมันอีกแล้วใช่ไหม?!”
“ตลอดไป” ขามบอก ยิ้มเหี้ยมอย่างรู้กัน

วันชัยมองตามอย่างพอใจและสะใจ

ชิงนาง ตอนที่ 4 (ต่อ)

ขณะที่เหนือฟ้าขับรถลงมาจากเขา เลี้ยวตามทางแล้วเหยียบเบรกชะลอรถ แต่รถกลับเบรกไม่อยู่และยิ่งพุ่งไปข้างหน้าเร็วยิ่งขึ้นเพราะทางลาดชัน เหนือฟ้าพยายามเหยียบเบรกซ้ำ!

“เฮ้ย”
เหนือฟ้าตกใจพยายามควบคุมรถสุดชีวิต แต่ปรากฎว่าพวงมาลัยถูกล็อกอีกต่างหาก
เหนือฟ้าหน้าตาตื่น ใจหายวาบ!

เวลาเดียวกันรถของภูผาวิ่งมาจากอีกทางมาถึงสี่แยกจะตรงไป สว่างขับรถจะผ่านสี่แยกแล้ว หันมาชวนภูผาคุย
“เลี้ยวซ้ายจะมีหน้าผาสวยนะครับ ถ้านายภูผาสนใจ..วันหลังให้หนูนามันพามาก็ได้”
ภูผารับฟังมองทางแต่ไม่ได้ตอบอะไร
เหนือฟ้าเห็นรถภูผากำลังจะวิ่งตัด บีบแตรดังลั่น
ภูผาหันไปเห็นบอกสว่างสุดเสียง “เบรก”
สว่างกระทืบเบรกสุดแรง!! รถของเหนือฟ้าแล่นตัดหน้าไปเฉียดฉิว
สว่างโวยวาย “ทำไมขับเร็วอย่างนี้วะ นี่บนเขาบนดอยนะโว้ย”
ภูผาเห็นชัดว่าคนขับเป็นเหนือฟ้าที่พยายามจะกระทืบเบรกสุดชีวิต สัญชาติญาณบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ภูผาสั่งเร็ว “ขับตามไป เร็ว”
สว่างงงแต่ก็หักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายวิ่งตามรถเหนือฟ้าไปทันที

รถเหนือฟ้ายังแล่นมาด้วยความเร็วสูง สว่างขับตามจี้
“อีกกี่โลถึงหน้าผา” ภูผาถาม
สว่างตอบงงๆ “ไม่ถึงสองโลครับนาย”
ภูผาสั่ง “ขับขึ้นไปตีคู่!”
สว่างเหยียบคันเร่งมิดขึ้นไปตีคู่กับรถเหนือฟ้า
ภูผาตะโกนบอกเหนือฟ้า “เบรกสิ ! ข้างหน้าเป็นหน้าผา”
เหนือฟ้าตะโกนตอบหน้าตาตื่น “เบรกไม่อยู่”
ภูผามองไปข้างหน้าเห็นต้นไม้ใหญ่ตรงซ้ายมือ
ภูผานิ่งคิดแล้วตัดสินใจตะโกนบอก “เหนือฟ้า! หักรถเข้าหาต้นไม้”
เหนือฟ้าตอบมา “พวงมาลัยใช้ไม่ได้!”
สว่างใจไม่ดีแล้ว รีบบอกภูผา “นายครับ..อีกไม่ถึงโลแล้วนะ”
ภูผาตัดสินใจสั่งการทันที “สว่าง เบียดรถเหนือฟ้าเข้าต้นไม้ใหญ่ข้างหน้า!”
สว่างเหยียบคันเร่งแล้วหักเต็มที่ จนเบียดรถเหนือฟ้าเข้าไปกระแทกต้นไม้ ดังโครม!
เหนือฟ้าฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถแน่นิ่งไป ภูผากระโดดลงจากรถเข้าไปดูเหนือฟ้า นายสว่างกระโดดตาม
“เหนือฟ้า”
ภูผาดึงตัวเหนือฟ้าขึ้นมาเห็นเลือดไหลจากตรงบริเวณขมับ
สว่างถามอาการลุ้นจัด “ตายไหมครับ”
เหนือฟ้าขยับร้องครางออกมา “โอย...”
ภูผาเป่าปากออกมาอย่างโล่งใจ ก่อนที่จะเรียกสว่างให้ช่วยยกร่างเหนือฟ้าออกจากรถ

วันชัยลุกพรวดขึ้นยืนอย่างหัวเสีย เมื่อขามมารายงาน ไม่เป็นไปตามคาด
“ไม่เจอศพไอ้เหนือฟ้าเหรอ?”
“ไม่เห็นเลยครับนาย มีแต่รถจอดอยู่”
วันชัยคิดเตลิด “หรือว่ามันจะโดนเสือลากไปกินแล้ว?”
ขามรายงานต่อ “แต่ที่รถมีรอยโดนชนด้วยนะนาย เหมือนโดนเบียดจนชนต้นไม้”
วันชัยสงสัย “มีคนช่วยมัน?” คิดไปคิดมาสักครู่ “ส่งคนออกไปตามหาสิว่ามันอยู่ที่ไหน พามันกลับมาแล้วค่อยหาโอกาสเหมาะๆ อีกที”
ขามออกไปเร็วไว วันชัยหงุดหงิดนัก กำหมัดแน่น
“ใครวะ? แส่จริง!”

ที่บ้านแสนสมุทรเวลาเดียวกัน ตรงทางเดินหน้าห้องอรุณ วงเดือนเดินถือชามโจ๊กมา พฤกษ์เดินเข้ามาขวางเดือนไว้
วงเดือนตกใจ “คุณพฤกษ์”
“เดือน...ถ้าเธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับอรุณ ฉันจะไม่ยอมให้งานแต่งครั้งนี้เกิดขึ้น”
วงเดือนตอบเสียงนิ่ง ท่าทีเฉยชา “เดือนเลือกแล้วค่ะ”
พฤกษ์ยื้อแขนรั้งไว้ “แต่เดือนไม่ได้รักอรุณ”
วงเดือนมองพฤกษ์อย่างรู้สึกผิดแต่ต้องพูด “เดือนก็ไม่ได้รักคุณพฤกษ์เหมือนกัน”

พฤกษ์หน้าเสีย สะเทือนใจมาก

วงเดือนย้ำออกมาอีก
 
“กรุณาเคารพการตัดสินใจของเดือนด้วยนะคะ”
พฤกษ์พยักหน้าอย่างขมขื่น ก่อนหันหลังให้วงเดือน แล้วเดินจากไป
วงเดือนมองตามไป รู้สึกผิดที่ทำให้พฤกษ์ต้องเสียใจ

พฤกษ์พาตัวเองมายืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่หัวเรือ มองออกไปในทะเลสุดลูกหูลูกตา ยินเสียงของวงเดือนดังก้องอยู่ในหัว
“เดือนก็ไม่ได้รักคุณพฤกษ์เหมือนกัน..ไม่ได้รักคุณ..ไม่ได้รัก”
พฤกษ์กัดกรามแน่น เจ็บช้ำระกำใจ พฤกษ์กระโดดลงไปในน้ำ ออกแรงว่ายๆ จ้วงว่ายๆ สุดแรง เพื่อระบายให้หายเจ็บปวดหัวใจ

ภูผายืนมองเหนือฟ้าที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ที่แขนถูกเข้าเฝือกไว้แล้ว และที่ศีรษะมีผ้าพันไว้
หนูนามองอย่างไม่ชอบใจ
“คุณจะช่วยมันทำไม คนแบบนี้”
ภูผาสั่งเสียงเฉียบขาด “เงียบ”
หนูนาหุบปากทันควัน แต่ออกอาการกระฟัดกระเฟียดอย่างขัดใจ
เสียงปึงปังของหนูนาทำให้เหนือฟ้าตื่น เหนือฟ้าเห็นภูผาก็ตาขวางใส่ไว้ก่อนทั้งที่ยังเจ็บหนัก
“ฉันอยู่ที่ไหน?”
ภูผามองหน้า “ไร่ผมเอง”
หนูนาขัดขึ้น “น่าจะไปฟื้นในนรก”
ภูผามองปราม สีหน้าเหนือฟ้าดูออกว่าน้อยใจหนูนาชัดเจน
สว่างเข้ามารายงาน “นายครับ รถพ่อเลี้ยงถูกตัดสายเบรก!”
ภูผาสีหน้าเครียด
เหนือฟ้าตกใจ คาดไม่ถึง “มีคนคิดจะเก็บฉันเหรอ?”
ภูผาถามเสียงเครียด “นายมีศัตรูเป็นใครบ้าง?”
เหนือฟ้าพูดอย่างยะโส “ไม่มี! ถ้าจะมีก็แกคนเดียวนั่นแหละ”
หนูนาไม่พอใจมาก “อ้าว..หาว่าพวกฉันลอบฆ่าแกงั้นเหรอ”
หนูนาจะพุ่งใส่เหนือฟ้า สว่างคว้าตัวไว้ทัน ภูผาตัดบทบอกกับเหนือฟ้า
“คืนนี้นายพักที่นี่ก่อน”
หนูนาเหวอ ยิ่งไม่พอใจหนัก “เฮ้ย! ให้มันอยู่ที่นี่อีกทำไม”
ภูผาสั่งหนูนา “ดูแลเขาด้วย”
หนูนายิ่งเหวอหนัก “เฮ้ย! ทำไมต้องเป็นฉันด้วยเล่า”
ภูผาจ้องหน้า “ฉันสั่ง”
หนูนาบ่นให้เห็นเลยต่อหน้า “เซ็ง” แล้วฟึดฟัดเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
“จัดเวรยามเฝ้าด้วยนะนายสว่าง คนที่มันลงมือถ้ารู้ว่าเหนือฟ้าไม่ตาย มันต้องตามล่าแน่”
สว่างรับคำ ภูผาจะเดินไป เหนือฟ้าเรียกไว้
“เดี๋ยว!” ภูผาหันมาหา “ฉันอยากส่งข่าวไปที่ไร่ฉัน”

พอวันชัยรู้จากขามว่าภูผาช่วยเหนือฟ้าก็ยิ่งโมโห
“ไอ้ภูผาเป็นคนช่วยเหนือฟ้า”
“ครับนาย แต่ดูเหมือนมันทั้งคู่ยังไม่รู้ว่าเราเป็นคนลงมือ”
วันชัยเครียดที่งานเก็บเหนือฟ้าพลาดไป

ไม่นานต่อมาวันชัยแสร้งทำทีท่าเป็นห่วง เข้าไปหาเหนือฟ้าที่นั่งอยู่บนเตียง ภูผาและสว่างยืนอยู่มุมหนึ่งจับกิริยา
“พี่จะลากคอไอ้ชั่วนั่นมาให้พ่อเลี้ยงเอง”
เหนือฟ้าสั่งทันที “โดยเร็วที่สุดด้วย!! มันต้องเป็นคนใกล้ตัวแน่ มันถึงเข้าใกล้รถฉันได้ขนาดนี้”
คำพูดมั่นใจของเหนือฟ้าเล่นเอาวันชัยสะอึก โดยที่เหนือฟ้าไม่ทันสังเกตุ
แต่ภูผามองอยู่เห็นอาการ ภูผามองหน้ากับสว่างรู้สึกแปลกๆ
วันชัยเห็นที่ภูผามองอยู่ ภูผาทำเป็นไม่สนใจ
“ผมขอตัวก่อน ถ้าอยากได้อะไรก็บอกนายสว่างได้เลย”
ภูผากับสว่างเดินออกไป พอลับหลังไปแล้ว เหนือฟ้าก็เอ่ยขึ้น
“ต้องขอบใจภูผาเขานะ ถ้าไม่ได้เขา...ฉันคงไม่รอด”
วันชัยไม่พอใจ ขึ้นเสียงอย่างลืมตัว “นี่พ่อเลี้ยงเป็นพวกเดียวกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เหนือฟ้าหันขวับมองวันชัยที่กล้าขึ้นเสียงกับเขา
วันชัยรู้ตัวจึงเบาลง “แล้วนี่พ่อเลี้ยงจะกลับไร่เราเลยไหมครับ?”

เหนือฟ้ามองวันชัยสีหน้านิ่งคิด วันชัยหน้านิ่งแต่ใจลุ้นระทึก กังวลว่าเหนือฟ้าอาจจะไหวตัวทัน

วันชัยขับรถเข้ามาจอดที่ไร่ฟ้าเหนือฟ้าอย่างหัวเสีย ขามรีบเข้ามาหา

“พ่อเลี้ยงเหนือฟ้าล่ะครับนาย?”
“มันจะอยู่ที่ไร่ไอ้ภูผาจนกว่าฉันจะจับตัวคนร้ายได้”
“พ่อเลี้ยงระวังตัวอย่างนี้ เราจะทำอะไรมันก็ยิ่งยากขึ้นไปอีกสิครับ”
วันชัยโดยสะกิดต่อมยิ่งแค้นคั่ง ชกเปรี้ยงไปที่หน้าขามระบายอารมณ์ “รู้แล้วโว้ย!!”
ขามล้มกลิ้งลงไปกองกับพื้น ไม่กล้าหันมาสบตาวันชัย รู้ว่าอาการนี้วันชัยโกรธมาก

รถเมฆาวิ่งมาตามถนนมุ่งหน้าไปทางคลินิก เมฆาขับรถอยู่และชำเลืองมองวงเดือนเป็นระยะ สีหน้าวงเดือนหม่นหมอง บรรยากาศอึดอัด
วงเดือนอึดอัดแต่ต้องพูด “จริงๆ แล้วเดือนไปคลินิกเองก็ได้นะคะ”
เมฆาไม่สนใจ พูดเข้าประเด็นเลย “เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมที่เลือกอรุณ”
วงเดือนเหนื่อยหน่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ หัวใจเธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน น้ำตาคลอด้วยความอึดอัด
“จอดตรงนี้เถอะค่ะ”
เมฆาเหลียวมามอง แต่ไม่ยอมจอด
วงเดือนย้ำคำ “จอด..เดือนขอร้อง!”
ที่สุดเมฆายอมจอดรถ วงเดือนเปิดประตูลงไปทันที เมฆาตามลงมาทันควัน
“เดือน!” วงเดือนหยุดแต่ไม่ยอมหันมาหา “ถึงเธอจะไม่รักฉัน..แต่อย่าเกลียดกันเลยนะ”
วงเดือนอัดอั้นเหลือเกินแล้ว มากมายท่วมท้นจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ทำไมเมฆาถึงไม่ยอมจบเรื่องนี้เสียที!
วงเดือนร้องไห้จนตัวโยน เมฆาจะเดินเข้าไปปลอบ แต่วงเดือนเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเมฆาเดินตาม เธอยิ่งสืบเท้าห่างออกไปจนกลายเป็นวิ่งหนี และวิ่งไปตัดหน้าหน้ารถคันหนึ่งที่สี่แยก
รถเบรกเอี๊ยด!! คนขับบีบแตรดังลั่นปรี๊นๆๆๆ
โฉมไฉไลเป็นคนขับรถคันนั้น และตกใจเล็กน้อยที่เกือบขับรถชนวงเดือน แต่ครั้งนี้กลับไม่ลงมาฉะวงเดือนเหมือนเก่า
โฉมไฉไลตวัดสายตามองมาทางเมฆา ก่อนจะยิ้มเยาะประมาณว่าเขาไม่อยู่ในสายตาของเธออีกต่อไป
โฉมขับรถพรืดออกไป เมฆามองตามโฉมอย่างงงๆ วงเดือนวิ่งหลบไปอีกทาง เมฆาขัดใจหนัก

คืนนั้นเหนือฟ้าหลับอยู่บนเตียงในห้องพักที่ไร่วงเดือนของภูผา
หนูนาถือถาดน้ำกับยาเข้ามา สีหน้าเซ็งสุดๆ หนูนาเอาถาดมาวางโครม!
เหนือฟ้าสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดัง หันมองเห็นหนูนา เหนือฟ้ายิ้มพอใจ
หนูนาพูดห้วนๆ “ยาก่อนนอน กินซะ จะได้ไม่มาตายในบ้านเจ้านายฉัน”
เหนือฟ้างอนง้อสุดชีวิต “ยังโกรธฉันอยู่เหรอ”
หนูนารำคาญ ตัดบทเน้นๆ ช้าชัด “กิน...ยา...”
เหนือฟ้าพยายามจะขยับขึ้นมานั่งแต่ปวดแขนขยับไม่ถนัดร้องโอดโอย “อูย...”
“อย่ามาสำออย”
เหนือฟ้าพยายามจะลุกขึ้นอีก แต่ขยับอย่างลำบาก ไม่ได้แกล้งแต่ไม่ไหวจริงๆ
หนูนาฮึดฮัดขัดใจ “โธ่ แล้วทำเป็นเจ๋ง”
หนูนาเข้าช่วยยกตัวแต่ไม่ถนัด จึงต้องเข้ากอดแล้วยกตัวเหนือฟ้าขึ้นมานั่ง
สีหน้าเหนือฟ้าปลื้มปริ่มสุดๆ ยิ้มหน้าบาน
หนูนามองอย่างไม่พอใจ “เลิกยิ้มแล้วกินยาซะที
หนูนาหยิบยามาใส่ปาก แทบจะยัดใส่เลยทีเดียว แล้วจับแก้วน้ำประชิดปาก กะจะกรอก แต่เหนือฟ้ารีบเอามือขึ้นมาจับแก้วดื่มก่อนจะโดนกรอกได้ทัน หนูนาดึงแก้วมาวางบนถาด
พูดกระชากเสียง “นอนได้แล้ว”
หนูนาเปิดตู้หยิบผ้าห่มออกมาอีกผืนยื่นให้
เหนือฟ้ายิ้มค้างเลยไม่ได้รับ
“ไอ้บ้า ยิ้มอยู่ได้” โยนผ้าห่มคลุมหัวเหนือฟ้า
เหนือฟ้าดึงผ้าห่มลงมาจากหัว แต่ยังยิ้มค้างอยู่ หนูนาส่ายหน้าเอือมระอาจะออกไป
เหนือฟ้าเรียกไว้เสียงหวาน “หนูนา...”
หนูนาหันกลับมา เหนือฟ้าเอาผ้าห่มคลุมตัวนอนตะแคงยิ้มหล่อให้
“ขอบใจนะ…”
หนูนาไม่ได้ประทับใจสักนิด พยักหน้าตัดรำคาญ “นอน”
เหนือฟ้ายิ้มอีก “จ้ะ” รีบหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
หนูนาออกไปนอกห้อง แล้วปิดประตูเดินออกไปอีกทาง
ภูผาแอบอยู่มุมหนึ่งนานแล้วขยับเดินเข้ามา มองทางหนูนาแล้วเหลือบมองไปในห้องยิ้มนิดๆ สว่างขยับตามมาประกบ
“นายภูผาคิดจะเล่นเกมจับคู่เหรอครับ?”
“แล้วนายสว่างว่ายังไง?” ภูผาย้อนถาม
“ในฐานะลุงของไอ้หนูนา คงต้องขอดูยาวๆไปก่อนครับ ยาวไป..ยาวไป”

สว่างพูดยิ้มๆ มองโลกเป็นเชิงบวก ภูผายิ้มนิดๆ

โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น