xs
xsm
sm
md
lg

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 6

ค่ำคืนนั้น ที่บริเวณหน้าเรือนบ้านเสี่ยเล้ง จำเริญกำลังซ้อมชกกระสอบทรายอย่างเอาเป็นเอาตาย เพลินตาได้ยินเสียง เดินออกมาดู

“โอ๊ยเฮีย ดึกป่านนี้มาซ้อมมวยตุบตับอยู่ได้ อยู่ที่บ่อนเฮียยังซ้อมคนไม่พอหรือไง”
“นี่แกยังไม่รู้ข่าวใช่มั้ย” จำเริญถาม
“ข่าวอะไร” เพลินตางง
“ไอ้ย้งมันท้าต่อยกับชั้น โดยมีคุณวาสนาเป็นเดิมพัน”
เพลินตาประหลาดใจ “หา ! กะอีแค่ไอ้ย้ง เฮียต้องลงนวมซ้อมขนาดนี้เลยเหรอไอ้หน้าจืดนั่นมันจะมีน้ำยาอะไร”
“มันน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่พี่เลี้ยงของมันนี่สิ ท่าทางบู๊เก่งสมชื่อ”
เพลินตาสะดุดหู คิดตาม “เก่งสมชื่อ? อย่าบอกนะว่าเป็นนายเก่งคนขายกาแฟ”
“แกรู้จักด้วยเหรอ”
พอรู้ว่าใช่จริงๆ แววตาเพลินตาวาวโรจน์ ยิ่งแค้น “ไม่ต้องห่วงนะเฮีย มันมีพี่เลี้ยงได้ เราก็มีเหมือน ตาจะหาเทรนเน่อร์มาสอนเฮีย งานนี้เฮียต้องชนะพวกมันแน่W”
จำเริญนิ่วหน้า งุนงงว่าน้องสาวจะหาครูมวยมาจากไหน

ที่หน้าเรือนบ้านกำนันศร ยอดกำลังนั่งดูกริชอาคมอย่างใช้ความคิด นึกตอนที่ต่อกรกับนางสิงห์
เห็นนางสิงห์ออกอาการผวา เมื่อเห็นยอดชักกริชเล่มนี้ออกมา
“แสดงว่ากริชเล่มนี้ต้องใช้ได้ผล นางโจรมันถึงได้ออกอาการขนาดนั้น ถ้าเจอกันคราวหน้า ต้องได้ทดสอบแน่” ยอดพูดกับตัวเอง
เบิ้มยื่นหน้าโผล่เข้ามา โดยไม่รู้ตัว “พี่ยอด”
แต่ยอดไม่ตกใจสักนิด หันมามองเบิ้ม จมูกแทบจะชนกัน
“ข้าบอกเอ็งกี่ครั้งแล้วไอ้เบิ้ม ว่าอย่ามาเรียกใกล้ๆ เพราะมันจะตกใจ”
“นี่ใกล้ไปเหรอพี่”
“ต้องให้จูบกันก่อนหรือไงวะ เอ็งถึงจะเชื่อ” ยอดบอก
“โทษพี่ ชั้นจะมาบอกพี่ว่าคุณเพลินตาเค้าอยากเจอ”
ยอดผงะ เนื้อเต้น “หา จริงเหรอวะ”

ธัมโมอยู่ในห้องนอนบ้านพัก ชะโงกหน้ามองผ่านทางหน้าต่างเพื่อคุยกับตาคง จ่าไชโย กับหมู่โอฬารที่ยืนอยู่ข้างล่าง
“จริงเหรอตาคง”
“ครับผู้กอง หลวงพ่อท่านอยากนิมนต์ เอ้ยอยากเชิญผู้กองไปคุยกันที่วัดครับ ท่านมีเรี่องจะปรึกษา”
ไชโยออกความเห็น “แต่ถ้าผู้กองไม่สะดวก จะไปวันหลังก็ได้นะครับ ผมเรียนให้หลวงพ่อ
ท่านทราบแล้ว ว่าผู้กองบาดเจ็บแผลอยู่
ธัมโมปรายตามองแผลตัวเองนิดหนึ่ง “ไม่เป็นไร ชั้นจวนหายแล้ว ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
จากนั้นธัมโมก็ปลีกตัวไป ระหว่างนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงแตรรถขายกาแฟของเก่งที่แล่นผ่านไปแถวนั้น แถมโบกมือทักทายอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เอากาแฟโว้ย จะรีบไปธุระ” หมู่โอฬารบอก
เก่งพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันหน้ามาคิดในใจ
“ มาชุมนุมกันพร้อมหน้าแบบนี้ สงสัยต้องมีข่าวเด็ดแหงๆ”

ตาคงพาผู้กองธัมโม มากราบหลวงพ่อชุ่ม เจ้าอาวาสวัดบ้านไม้งาม ในโบสถ์
“ผมต้องขอโทษหลวงพ่อด้วยครับ ที่ไม่ได้มากราบขอพรแต่แรกเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงาน”
“ดีแล้วล่ะโยม เป็นเจ้าหน้าที่ทางการน่ะ งานของประชาชนต้องมาก่อน เออ แล้วที่ได้ข่าวว่าบาดเจ็บน่ะ อาการเป็นยังไงบ้าง” หลวงพ่อกล่าว
“ค่อยยังชั่วแล้วครับหลวงพ่อ ว่าแต่…ที่เรียกผมว่าวันนี้หลวงพ่อมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
หลวงพ่อชุ่มมองตาคงอย่างหนักใจ ตาคงเลยเอ่ยปากแทน
ตาคงเห็นหลวงตาหนักใจก็เลยพูดแทน “ก็เรื่องที่ไอ้ย้งมันท้าต่อยกับคุณจำเริญน่ะผู้กอง ทางคุณจำเริญเค้าจะขอยืมลานวัดเป็นสถานที่ตั้งเวที”
ภายนอกโบสถ์เวลานั้น ไม่มีใครรู้เลยว่านางสิงห์ได้ย่องมาที่หน้าต่างและแอบฟังการสนทนาในโบสถ์
“ไอ้สถานที่น่ะไม่มีปัญหาหรอกโยม จะฉายหนัง ออกร้าน หรือแข่งขันกีฬา อาตมาอนุญาต” สีหน้าหลวงพ่อหนักใจมาก “แต่ที่เป็นห่วงน่ะก็คือเรื่องความปลอดภัย”
“ทำไมเหรอครับหลวงพ่อ” ธัมโมสงสัย
“เห็นเค้าลือกันว่า ที่นายย้งกับนายจำเริญท้าดวลกันน่ะมันมีสาเหตุมาจากผู้หญิง อาตมาเลยเกรงว่างานนี้จะเกิดเหตุบานปลายขึ้นในวัด ยิ่งถ้ารุกลามไปถึงพวกกองเชียร์ล่ะก็มันจะกลายเป็นจราจลได้นะโยม”
ธัมโมให้คำมั่น ท่าทีจริงจัง “ผมเข้าใจแล้วครับหลวงพ่อ เรื่องความปลอดภัย ผมกับตำรวจทุกนายจะดูแลให้เองครับ รับรองจะไม่เกิดเรื่องเด็ดขาด”

ส่วนที่นอกโบสถ์ จ่าไชโยเดินบ่นมากับหมู่โอฬาร
“หมู่นะหมู่ ขับวนซะตั้งนานกว่าจะหาที่จอดรถได้ หมดเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“แหม รถหลวงก็เหมือนรถเรานะจ่า ขืนจอดตากแดดนานๆเดี๋ยวสีมันจะซีด...” โอฬารบอก
ไชโยส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นใครบางคน “เฮ้ยหมู่ นั่นมัน…”
โอฬารมองตามแล้วตกใจ “เย้ยย นางสิงห์ชุดดำ”
เก่งในคราบนางสิงห์หันมาตกใจ
ด้านหลวงพ่อชุ่ม ตาคง และธัมโมต่างได้ยินเสียงเอะอะมาจากนอกวัด
โอฬารส่งเสียงร้อง “เจ้าข้าเอ๊ย โจรบุกวัด ช่วยกันจับหน่อยเร็ว”
ไชโยส่งเสียงขึ้นทันที “จะร้องทำไมวะหมู่ ยิงมันเลย ยิง”

นางสิงห์โหนตัวขึ้นหลังคาหรือกิ่งไม้ ปีนป่ายไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่จ่าไชโย และหมู่โอฬารกำลังชักปืนยิงตามหลัง เห็นธัมโม วิ่งนำตาคงกับพระชุ่มมายังจุดเกิดเหตุ
“อย่ายิง อย่า” ธัมโมคว้ามือหมับ “ผมบอกให้หยุดยิง”
“ทำไมล่ะครับผู้กอง ยัยนั่นมันเป็นคนร้ายนะครับ”
“แต่เค้าเคยช่วยเราเอาไว้นะจ่า จ่าลืมแล้วหรือไง”

“แต่ว่าตะกี๊มันแอบสอดแนมผู้กองนะครับ พวกผมเห็นกับตา”
ธัมโมอึ้งไป

ที่หน้าเรือนใหญ่ บ้านเสี่ยเล้งเวลานั้น ยอดสวมอุปกรณ์ป้องกัน กำลังลงนวมซ้อมกับจำเริญอย่างดุเดือด เห็นจำเริญบุกตะลุยอย่างเมามันจนยอดเป็นฝ่ายล่าถอย จำเริญเกือบซ้ำถ้ายอดไม่ร้องเตือนซะก่อน
“พอครับคุณจำเริญ หยุดก่อนครับ”
“เออโทษทีโว้ยไอ้ยอด เป็นไงบ้างวะ ฝีมือข้าใช้ได้รึเปล่า”
“โธ่ อัดผมซะกลิ้งขนาดนี้ ยังจะถามอีกเหรอครับ ผมว่างานนี้ไอ้ย้งต้องเละคาเวทีแน่”
จำเริญยิ้มอย่างโล่งใจ ระหว่างนั้นเพลินตาเดินนำสาวใช้ออกมา โดยมีเครื่องดื่มเย็นๆ มาเสิร์ฟ
“เอ้า พักให้น้ำก่อนค่ะหนุ่มๆ เหนื่อยมาเป็นชั่วโมงแล้ว”
จำเริญตบบ่ายอด “ไปโว้ยยอด พักก่อน” พลางรับน้ำจากเพลินตา “ขอบใจมากนะเรา ที่หาเทรนเน่อร์มาให้พี่แบบนี้มั่นใจขึ้นเยอะเลย”
“ขอบใจยอดเค้าดีกว่าค่ะ อุตส่าห์ออมมือให้เฮียไล่ชกตั้งนานนี่ถ้าเค้าเอาจริง ป่านนี้เฮียกองไปแล้ว”
“แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณเพลินตา”
“ไม่ต้องถ่อมตัวน่ายอด ชั้นจำได้ แต่ก่อนเธอเป็นแชมป์ประจำหมู่บ้านเลยนะ เท่ห์จะตาย”
ยอดยิ้มเขิน ก่อนจะรับน้ำจากเพลินตามาดื่ม จนจำเริญยังพอเดาออกว่ายอดคิดอะไรกับเพลินตา

ขณะเดียวกันเสี่ยเล้งกำลังยืนทอดสายตาอยู่ที่ระเบียง มองอาณาจักรของตน พลางมองจำเริญซ้อมมวย ก่อนที่มิ่งจะเข้ามารายงาน
“งานนี้เสี่ยน้อยท่าทางจะเอาจริงครับ จนป่านนี้ยังฝึกมวยไม่เลิก”
“คนอย่างมันเคยรู้จักแพ้ใครซะที่ไหน ถึงแพ้ มันก็ไม่ยอมรับ”
“แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอครับเสี่ย งานนี้ถ้าเสี่ยน้อยกับคุณวาสนาได้แต่งงานกันเมื่อไหร่ สองตระกูลก็จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“ให้มันจริงเหอะมิ่ง บอกตามตรงนะ ชั้นไม่ไว้ใจกำนันศรคนเคยเป็นหมายเลขหนึ่งอย่างมัน คงไม่อยากลดตัวมาเสมอกับคนอื่นแน่
“ถ้างั้นเราควรทำยังไงดีครับ” มิ่งถาม
“จับตาไว้ ถ้ามีอะไรผิดสังเกต ให้รีบรายงานชั้น”

ส่วนทางด้านเถ้าแก่ตงกำลังจัดตู้ขายของอยู่ ขณะที่หมวยใหญ่นั่งเท้าคางรอน้องชายจนเซ็ง
“อาย้งมันหายไปทั้งวันเลยป๊า ลื้อไม่ไปตามหน่อยเหรอ”
“ฮ่ายย จะไปตามทำไม มันไปซ้อมมวยลื้อก็รู้นี่”
“แล้วอีจะสู้เค้าได้เหรอป๊า ตั้งแต่เกิดมาอั้วไม่เคยเห็นอีสู้ใครเลยนะ ขนาดตบกะอั้ว อียังแพ้เลย ลื้อให้อีถอนตัวเหอะ”
“ไม่ได้น่อ ถอนไม่ได้ ถ้ามันยอมแพ้นะ แล้วต่อไปมันจะเอาหน้าไปไว้ไหน เกิดเป็นลูกผู้ชายมันก็ต้องสู้ มันต้องบู๊เหมือนจอมยุทธ์หนังกำลังภายใน” ว่าแล้วของขึ้น ร้องเพลงกระบี่ไร้เทียมทานหงิงๆ
“ห่อฮอ ฮ๊อๆ ฮอห่อ ห่อฮอ โต่วกี่โจยซานโป้ว โกวชีเหม่งชีโกว”
หมวยใหญ่ทำหน้าแบบโคตรเอือมพ่อ เริ่มซึ้งแล้วว่าปรึกษาไปก็เท่านั้น เถ้าแก่ตงออกท่าไปเรื่อยราวกับตัวเองเป็นฉีเส้าเฉียน ก็ไม่ปาน

ที่ตลาดสดบ้านไม้งาม ลิ้นจี่กำลังหิ้วตะกร้าเดินกรีดกรายจ่ายกับข้าว ก่อนจะเหลือบไปเห็นหมวยใหญ่เดินหิ้วตะกร้าบ่นมาแต่ไกล
“ป๊านะป๊า แทนที่จะห่วงความปลอดภัยของลูก ดันยุส่งซะนี่ เกิดไอ้ย้งเป็นอะไรขึ้นมา แล้วใครดูแลร้าน แล้วอั้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานวะ”
ลิ้นจี่แขวะ “บ่นอะไรซิ่ม”
หมวยใหญ่ฉุนกึก “อร้ายยนังลิ้นจี่ แกมายืนฟังชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ยืนหัวโด่ตรงนี้ตั้งนานแล้วย่ะ แกนั่นแหละไม่ดูตาเรือตาม้า”
“เออ ก็ชั้นไม่ใช่คนตาต่ำนี่ จะได้มองเห็นแก”
หมวยใหญ่ว่าแล้วก็เดินหนี ลิ้นจี่ด่าตามหลัง
“โธ่เอ๊ย ทำเป็นอวดดี ที่แท้ก็กลุ้มเรื่องน้องชายอยู่สิท่า จะบอกให้นะโว้ย ตอนเนี้ยที่บ่อนเค้าเปิดวงเดิมพันกันแล้ว ไอ้ตี๋น้องแกตายแน่”
หมวยใหญ่หันกลับ “นี่ แกแช่งน้องชั้นเหรอ”
“อ๊ะเปล่านะ ที่บ่อนเค้าพนันกันจริงๆ แหม สารรูปซีดๆ เหมือนผีดิบจีนอย่างน้องแกอ่ะนะ ยังไงก็สู้คุณจำเริญเค้าไม่ได้หร๊อกอ้อ แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะชั้นแทงข้างคุณจำเริญเอาไว้ ถ้าไอ้ย้งขี้แพ้มันตายจริงๆล่ะก็ ค่าทำศพชั้นจะช่วยจ่ายให้ ฮ่าๆๆ”
ลิ้นจี่หัวเราะโฮะๆๆๆ ระรื่น หมวยใหญ่ทนไม่ไหวคว้าผลไม้ปาเข้าปากพอดี
“โฮะๆๆๆๆ แอ๊กกกก” ลิ้นจี่สำลัก ผลไม้ติดคอ “อีหมวย เล่นทีเผลอนี่หว่า”
“เออโว้ย แล้วแกจะทำไม”
“ได้เสีย เอาบ้างสิโว้ย”
ลิ้นจี่คว้าไข่ปาใส่ตัวหมวยใหญ่จนแตก
“อร้าย นังลิ้นจี่ แกทำชุดเก่งชั้นเปื้อนหมดแล้ว แก..แกต้องตาย”
“เออแกก็เหมือนกัน แน่จริงเข้ามาเลย”
สองสาวปาตะกร้าทิ้ง แล้วโผเข้าตบตีกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางเสียงเชียร์ของพวกชาวบ้าน

หมวยใหญ่ใช้วิชากรงเล็บกระดูกขาว ส่วนลิ้นจี่ใช้มวยไทยหนุมานถวายแหวน แลกกันจนน่วม สองฝ่ายปล่อยทีเด็ดพุ่งเข้าหากัน อย่างไม่ยอมเลิกรา

เวลาเดียวกันย้งกับเก่งกำลังซ้อมมวยด้วยกันที่ลานริมน้ำ โดยเก่งถือเป้าล่อให้ย้งชก พลางถอยวนไปเรื่อยๆ

“ดีๆ ยังงั้น ตาคอยจ้องไว้ อย่าเผลอนะ”
เก่งเหวี่ยงมือข้างหนึ่งให้ย้งคอยโยกหลบ เห็นย้งหลบอย่างคล่องๆ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดสวนจนเป้าซ้อมหลุดมือ
เก่งกุมแขน “อูย หมัดหนักเหมือนกันนี่หว่า”
“เฮ้ย ขอโทษว่ะ ข้าทำเอ็งเจ็บเหรอวะไอ้เก่ง”
“เปล่าๆ วันนี้ตอนไปขายกาแฟ ข้าเจอเด็กมือบอนมันเอาปืนเอ้ยหนังกระติ๊กยิงน่ะ”
ย้งหนักใจ ถามหยั่งเชิง “เอ็งแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกข้า”
“โกหกเรื่องอะไรวะ”
“ถ้าเอ็งเห็นข้าเป็นเพื่อนเอ็งก็บอกข้ามาเถอะไอ้เก่ง ว่าความจริงเอ็ง…”
ย้งจะพูดเรื่องที่รู้ว่าเก่งเป็นนางสิงห์ชุดดำ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงขลุ่ยดังขึ้นซะก่อน
“นั่นเสียงอะไรวะ”
เก่งเงี่ยหูฟังอย่างคุ้นๆ

ผู้กองธัมโมนั่นเองกำลังยืนเป่าขลุ่ยอันเล็กๆที่นางสิงห์มอบให้ก่อนหน้านี้อยู่ที่หน้าต่าง เพื่อส่งสัญญาณ เป็นรหัสมอสนัดหมายกับนางสิงห์
ธัมโมลดขลุ่ยลงอย่างกังวลใจ เพราะไม่รู้ว่านางสิงห์จะได้ยินหรือไม่ และไม่รู้ว่าเธอจะรับนัดเขารึเปล่า

ค่ำคืนนั้น แสงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างตา ธัมโมเดินไปเดินมาที่หน้าบ้านร้างของผู้ใหญ่ทองอย่างกระวนกระวาย ที่นางสิงห์ยังไม่ปรากฏตัว และไม่รู้เลยว่าหนูเก่งหรือนางสิงห์ได้แอบย่องมาข้างหลัง นางสิงห์จัดแจงเซ็ตผมเผ้าให้เข้าที่ก่อนจะกระแอม
“อะแฮ่ม คิดถึงใครอยู่คะผู้กอง”
“นางสิงห์ คุณปลอดภัยรึเปล่า”
“ถ้าหมายถึงที่ลูกน้องคุณไล่ยิงชั้นล่ะก็ หายห่วงค่ะคนมีของอย่างชั้น ฆ่ายังไงก็ไม่ตายอยู่แล้ว”
ธัมโมเดินมาใกล้ “แล้วนึกยังไงถึงได้ไปสอดแนมชั้น ไหนเธอบอกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน”
“ก็ชั้นไม่ไว้ใจผู้กองนี่ ชั้นเห็นนะที่ผู้กองอี๋อ๋อกับคุณเพลินตา”
ธัมโมชี้แจง “นั่นมันเรื่องส่วนตัวนะ”
“ไม่รู้ ไม่สน ไม่ได้ตกลงกันไว้”
นางสิงห์ทำท่าจะเดินหนี แต่ถูกธัมโมคว้าข้อมือเอาไว้
“คราวหลังถามชั้นตรงๆก็ได้ ไม่ต้องสอดแนมหรอก”
“นี่ผู้กองปล่อยนะ”
“รับปากชั้นมาก่อน”
“จะปล่อยดีๆ หรือว่าอยากเจ็บตัว”
ธัมโมไม่ยอมปล่อย แถมจับข้อมือนางสิงห์สองข้างขึงไว้กับผนังบ้าน
“อย่าอวดเก่งนักเลยแม่คุณ ถึงจะหนังเหนียวยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา” ธัมโมแกล้งพูดยั่ว “สู้แรงผู้ชายอย่างชั้นไม่ได้หรอก”
นางสิงห์หมดความอดทน ยกเข่ากระทุ้งเข้าเป้าธัมโมจังๆ
ธัมโมทั้งจุกทั้งเจ็บสุดจะบรรยาย “อู้วววว นี่เธอ”
“อย่าดูถูกเพศแม่นะผู้กอง ต่อให้หนังชั้นไม่เหนียวแต่ก็เขี้ยวลากดินจะบอกให้ แล้วคราวหลังถ้าไม่มีเรื่องสำคัญห้ามนัดชั้นออกมาเด็ดขาด”
นางสิงห์ผละจากไป ทิ้งให้ธัมโมทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น ทำให้ขวดน้ำมันยาในกระเป๋ากางเกงของเขากลิ้งหล่นออกมา นางสิงห์ได้ยินเสียงก็หันไปเก็บขึ้นมา
“นี่อะไร น้ำมันพรายเหรอ”
“น้ำมันนวดแก้ฟกช้ำ ชั้นกลัวว่าเธอโดนยิงแล้วจะช้ำใน ก็เลยเอามาให้”
นางสิงห์อึ้งไป มองหน้าธัมโมอย่างคาดไม่ถึง ธัมโมที่กำลังจุกไข่ สบตากับเธอด้วยสีหน้าบ้องแบ๊ว ใสซื่อ และน่าเอ็นดู

เวลาเดียวกัน ที่บริเวณกำแพงวัด ซึ่งอัฐิของผู้ใหญ่ทองฝังอยู่ และมีรูปถ่ายติดบอกให้รู้ กำนันศรกำลังถือไม้เท้ายืนอยู่หน้าอัฐิของผู้ใหญ่ทองตามลำพัง
“รู้มั้ยไอ้ทอง เอ็งเป็นศัตรูคนเดียว ที่ข้านับถือ ถึงเราจะอยู่คนล่ะฝ่าย แต่ข้าก็เลื่อมใสเอ็ง เพราะเอ็งเป็นคนพูดจริงทำจริง มันทำให้ข้ารู้สึกว่า อย่างน้อยเอ็งก็ไม่น่าระแวงเหมือนเสี่ยเล้ง…” กำนันเหมือนกำลังทำใจ “ข้าอยากฉลาด อยากคิดเป็นเหมือนเอ็งไอ้ทองแต่ข้ามันเรียนน้อย ที่รอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะประโยคเดียวเท่านั้น” เน้นคำ “กำจัดศัตรูทุกคน”

ยอดกำลังรออย่างกระวนกระวายอยู่หน้าบ้าน จนกระทั่งเห็นกำนันศรถือไม้เท้ากลับมาถึงบ้าน
“พ่อกำนันหายไปไหนมา ชั้นเป็นห่วงแทบแย่”
“ข้าออกไปเดินเล่น” มองจ้องหน้ายอด “เรื่องไอ้เล้งข้าคิดออกแล้วว่ะ ข้าต้องขัดขวางมัน ไม่ให้ลง
สมัครเลือกตั้ง”
“พ่อกำนันจะแตกหักกับเสี่ยเล้ง?”
“ไม่ ข้ามีวิธีอื่น” กำนันพูดพลางเดินไป “ที่ไอ้เล้งมันให้ลูกสาวไปตีซี๊ผู้กองธัมโม ก็เพราะหวังผล
เรื่องการเมือง ที่มันไม่ยอมฆ่าไอ้ธัมโม ก็เพราะเรื่องนี้อีกเหมือนกัน” แล้วหันมา “แล้วถ้าไอ้ธัมโมตายไป เอ็งว่าจะเกิดอะไรขึ้นวะ”
“ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม เสี่ยเล้งต้องพึ่งใบบุญของพ่อกำนัน”
กำนันศรหัวเราะในลำคออย่างสาแก่ใจ ขณะที่ยอดแอบคิดต่อ รำพึงอย่างสะใจ
“ส่วนคุณเพลินตา…ก็เป็นโสดต่อไป”

เก่งนอนมองขวดน้ำมันยาของธัมโมด้วยความอบอุ่นใจ
“ผู้กองธัมโม ขนาดชั้นเป็นโจร คุณยังดีกับชั้นแบบนี้แล้วกับคนที่คุณรัก คุณจะดีกับเค้าแค่ไหน”
เก่งรำพึง “ยัยเพลินตานี่โง่จริงๆ”
เก่งอมยิ้มก่อนจะเอาขวดน้ำมันยาซุกไว้ใต้หมอน แล้วนอนมองแสงจันทร์นอกหน้าต่างอย่างมีความสุข

วันต่อมา รถบัสโดยสารประจำทาง แล่นมาบนถนนปากทางเข้าหมู่บ้านไม้งาม เป็นคันเดียวกับที่โดนโจรปล้นนั่นเอง
ภายในรถ มีผู้โดยสารแออัดยัดทะนานเช่นเคย
สาวสวยเพ็ญพรนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และยื่นมือออกไปอังลมเล่น พร้อมกับทอดสายตามองไป เห็นหมู่บ้านไม้งามอยู่ข้างหน้าลิบๆ หญิงสาวจึงหันไปบอกชายหนุ่ม ดนัย ที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้าง
“จวนถึงแล้วค่ะ”
ดนัยลดหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะมองตามไปนอกหน้าต่าง
“บ้านไม้งาม ดูเจริญกว่าที่คิดนะ ว่ามั้ย” ดนัยว่า

เพ็ญพรยิ้มรับก่อนที่จะผินหน้ามองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง จ้องมองไปยังหมู่บ้านไม้งามด้วยแววตามุ่งมั่นเป็นประกาย เนื่องเพราะที่นั่นมีเรื่องราวสำคัญกำลังรอการสะสางจากเธอ

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ขณะที่ผู้กองธัมโมนอนหลับสนิทอยู่ภายในห้องนอน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเวลานั้นนางสิงห์ได้ลอบเข้ามาทางหน้าต่าง ธัมโมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นางสิงห์ประชิดตัวถึงบนเตียงนอน

ธัมโมตื่นตกใจ “นางสิงห์!! เธอต้องการอะไร”
“อย่าเฉไฉสิคะผู้กอง ชั้นรู้นะว่าทำไมผู้กองถึงดีกับชั้น” นางสิงห์เริ่มยั่วยวน “ผู้กองต้องการแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ”
นางสิงห์ทำท่าจะลวนลาม ธัมโมขยับหนี
“เปล่านะ ที่ชั้นดีกับเธอก็เพราะเธอช่วยทางการปราบคนร้ายต่างหาก” ปัดไม้ปัดมือนางสิงห์ไปมา “นี่ อย่าทำบ้าๆนะนางสิงห์ คนอย่างชั้นไม่มีทางหลวมตัวให้กับผู้หญิงที่ชั้นไม่รัก ไม่เคยเห็นหน้าเด็ดขาด”
“อ๋อเหรอคะ ก็ได้ค่ะ…เพื่อผู้กอง ชั้นจัดให้”
ธัมโมอ้าปากค้างเมื่อนางสิงห์ปลดหน้ากากออก ก่อนจะสยายผมแล้วหันมา…กลายกลับเป็นกำนันศรสวมวิกแต่งหญิงพูดเสียงหวาน
“ว่าไงคะผู้กอง แบบนี้ ชอบมั้ยคะ”
ธัมโมรับไม่ได้ สติแตก “อ๊าก...”
รีบพลิกตัวหนีจนตกเตียง ก่อนจะพบว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน
ธัมโมรำพึงเบาๆ “นี่เราฝันไปเหรอวะเนี่ย”
ระหว่างนั้นเสียงหมู่โอฬารดังเข้ามา “ผู้กองครับ ผู้กอง”
ธัมโมโผล่ไปดูที่หน้าต่าง
“ว่าไงหมู่”
“มีจดหมายด่วนจากกรุงเทพฯครับ”
ธัมโมนึกสงสัยว่าใครเป็นคนส่งจดหมายมา

เวลานั้นย้งสวมชุดวอร์มกำลังวิ่งออกกำลังกายมาตามถนนในหมู่บ้าน โดยมีเก่งปั่นจักรยานตามหลัง
ย้งวิ่งไป พลางหันหน้ามาถาม “ไอ้เก่ง ต้องวิ่งถึงไหนวะ ข้าจะหมดแรงแล้ว”
เก่งไม่ตอบ “วิ่งไปเรื่อยๆ อย่าหยุด วิ่งอีก”
ย้งโอดครวญ “ข้าไม่ไหวแล้วไอ้เก่ง ข้าขอพักก่อน”

“ไม่ได้ เอ็งพูดเองนะไอ้ย้งว่าเอ็งจะทำเพื่อคุณวาสนา วิ่งไป วิ่ง”
ย้งฮึกเหิมทันควัน “คุณวาสนา…เพื่อคุณวาสนา เพื่อคุณวาสนา”
พลางย้งร้องจ๊ากก...ออกแรงวิ่งเร็วขึ้น เก่งปั่นจักรยานตามอย่างสาสมใจ
ย้งวิ่งสุดชีวิต แต่ทุกอย่างในโลกนี้ที่เคลื่อนที่ได้ ล้วนแซงย้งไปจนหมดจนสิ้น ทั้งรถไฟ รถบรรทุก รถซาเล้งเก็บของเก่า เด็กปั่นจักรยาน แต่ย้งก็ไม่ท้อถอย ยังคงวิ่งและวิ่งสุดฝีบาทา!!!

ส่วนเหตุการณ์ที่ตลาดซึ่งหมวยใหญ่กับลิ้นจี่เคยตบกันก่อนหน้านี้ พอชาวบ้านเห็นย้งวิ่งผ่านมาก็พากันวิจารณ์กันเซ็งแซ่
แม่ค้าหันไปเม้าท์แตกกับเพื่อนแม่ค้าดังสนั่น “เฮ้ยพวกเรา งานนี้ไอ้ตี๋มันเอาจริงโว้ย”
คนขับรถสองแถวกับเด็กรถ “เอ็งรู้รึเปล่า ว่ามันท้าชกกับลูกของเสี่ยเล้งเชียวนา”
คนแก่เอ่นขึ้น “ไอ้เด็กนี่ใจมันสู้ว่ะ”
“พี่ย้ง พี่ย้ง”
เด็กตะโกนเชียร์โบกไม้โบกมือให้ย้ง แม่ค้าได้ใจก็ป้องปากตะโกนเชียร์ตามหลัง
“ไอ้ย้ง สู้ตายโว้ยย”
เท่านั้นเองบรรดาชาวบ้านทั่วทั้งตลาดบ้านไม้งาม ต่างพากันตะโกนเชียร์ย้งดังสนั่นลั่นตลาด
“ไอ้ย้งสู้ ไอ้ย้งต้องชนะ!! มึงอย่าแพ้นะเว้ย ราวีๆๆๆๆ”
ไอ้ย้งซึ่งวิ่งเหย็งๆ อยู่นั้น จากเคยเหนื่อยล้าก็ถูกอัดฉีดด้วยแรงเชียร์ ก่อเกิดเป็นความภาคภูมิใจ มันจึงวิ่งต่อไปอย่างมุ่งมั่น ขณะที่เก่งยิ้มกริ่ม เพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักมีกำลังใจเต็มร้อย

กลับถึงลานซ้อมมวย เก่งถือเป้าล่อมือหนึ่งให้ย้งซ้อมชก อีกมือถือไม้หวายคอยแกว่งไปมาให้ย้งหลบ ย้งก้มหลบแล้วฮุกหมัดใส่เป้าล่ออย่างคล่องแคล่ว เก่งถอยร่นคอยล่อเป้าวนไปเรื่อยๆ
“เร็วขึ้นอีก เร็วกว่านี้ ขืนช้าก็โดนไอ้จำเริญมันถลุงหรอก ไหนเอ็งบอกจะทำเพื่อคุณวาสนาไงไอ้ย้ง แค่นี้หมดแรงเหรอวะไอ้กระจอก”
โดนใจจี๊ด พอได้ยินคำว่าไอ้กระจอกเท่านั้น ย้งก็นึกถึงคำพูดที่ใครๆ มักจะด่าตน เลยบันดาลโทสะต่อยเปรี้ยงจนเป้ากระเด็นหลุดมือเก่งลอยละลิ่วไป
เก่งทึ่งสะบัดมือไล่ความเจ็บ “โอ้โห มีไม้ตายเหมือนกันนี่หว่า”
ย้งยิ้มร่าด้วยความภาคภูมิใจ
เวลาผ่านไป ย้งกับเก่งนั่งพัก นอนแผ่หราอยู่กับพื้น สายตามองดูปุยเมฆบนท้องฟ้า
“ไอ้เก่ง ข้าพอมีโอกาสจะชนะบ้างรึเปล่าวะ”
“ห้าสิบห้าสิบว่ะเพื่อน เพราะท่าทางไอ้คุณจำเริญมันก็ใช่ย่อยนะ” เก่งบอกกลางๆ
“ข้าไม่อยากแพ้เลย ข้าไม่อยากทำให้คุณวาสนาต้องผิดหวัง”
“ไอ้ย้งเอ๊ย ห่วงตัวเองก่อนเถอะ คุณวาสนาเค้าไม่ได้รักเอ็งซะหน่อยจะไปห่วงเค้าเยอะแยะทำไมวะ”
ย้งหันมา “พูดแบบนี้แสดงว่าเอ็งไม่เคยมีความรักใช่มั้ย”
“อ้าว มันเกี่ยวด้วยเหรอ” เก่งงวยงง
“ถ้าเอ็งรักและเทิดทูนใครสักคน เอ็งจะรู้สึกว่าตัวเองยอมสละทุกอย่างได้เพื่อเค้า แม้แต่ชีวิต”
เก่งนิ่งคิดตาม

เวลาต่อมาเก่งวางดอกไม้ไว้ตรงหน้าอัฐิของผู้ใหญ่ทอง
“พ่อผู้ใหญ่ อย่าหาว่าชั้นอู้งานเลยนะ ภารกิจของพ่อผู้ใหญ่ชั้นต้องสะสางแน่ แต่ว่าตอนนี้ ชั้นขอช่วยเพื่อนก่อนนะ”
เก่งยืนไว้อาลัยนิดหนึ่งแล้วทำท่าจะจากไป ทว่ากลับเจอหลวงพ่อชุ่มยืนจ้องอยู่ก่อน
“ฮึ่ย”
“ตกใจเหรอโยม” หลวงพ่อทักขึ้น
เก่งพนมมือไหว้ “หลวงพ่อ นสมัสการครับ”
“เจริญพร โยมเป็นอะไรกับผู้ใหญ่ทองเหรอ ถึงได้มาไหว้”
“เอ่อ เปล่าครับ คือ…คือผมได้ยินชาวบ้านเค้าลือครับ ว่าผีผู้ใหญ่ทองใบ้หวยแม่น ก็เลยมาเสี่ยงดู”
หลวงพ่อชุ่มพยักหน้าเออออแต่ท่าทางไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก

เก่งรีบเดินกลับมาขึ้นรถขายกาแฟแล้วขับหนีไปทันที ขณะที่หลวงพ่อชุ่มเดินตามมาดูห่างๆ ก่อนที่ตาคงจะเข้ามาถาม
“มีอะไรเหรอครับหลวงพ่อ”
“เด็กคนนั้นเป็นใคร โยมรู้จักมั้ย”
“อ๋อ ไอ้เก่งหลานครูเพิ่มครับ มันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ หลวงพ่อสงสัยอะไรเหรอครับ” ตาคงย้อนถาม
“หน้าตามันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
ตาคงฟังแล้วก็พยักหน้ารู้สึกเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน

เวทีมวยชั่วคราวกำลังถูกติดตั้งขึ้นกลางลานวัดบ้านไม้งาม มิ่งกำลังปลอบใจจำเริญซึ่งกำลังเดินอยู่ด้วยท่าทีกังวล
“อย่าคิดมากเลยครับเสี่ย คนใจเสาะอย่างไอ้ย้ง ต่อให้ฝึกซ้อมยังไง ก็สู้เสี่ยไม่ได้หรอกครับ”
“ชั้นรู้ แต่ชั้นไม่อยากประมาทเพื่อนของมัน ไอ้เด็กขายกาแฟนั่นมันอาจมีทีเด็ดซ่อนอยู่ก็ได้”
“ถ้างั้น…เสี่ยจะให้ผมทำยังไง” มิ่งรอฟัง

กำนันศรกำลังออกไปข้างนอกเดินมาถึงหน้าเรือน แต่โดนลิ้นจี่ตามแจ ลิ้นจี่หน้าตาปูดบวมดูไม่จืด เพราะไปตบกับหมวยใหญ่
“พี่กำนัน พี่กำนันต้องล้างแค้นให้ชั้นนะ ดูสิ หน้าชั้น ตัวชั้น มันตบซะบวมไปหมดเลยเห็นมั้ย ดูสิ”
กำนันศรหงุดหงิด “โอ้ย ไม่ตบก็บวมอยู่แล้วโว้ย ทั้งบวมทั้งบ๊องส์ เอ็งน่ะมันวอนหาเรื่องนังลิ้นจี่ นี่คงไปสอดเรื่องชาวบ้านเค้ามาสิท่า ถึงได้โดนแบบนี้”
ลิ้นจี่ฉุน “พี่กำนัน ชั้นเป็นเมียพี่นะ ทำไมพี่กำนันไม่เข้าข้างชั้น พี่จะปล่อยให้เมียพี่ถูกรังแกงั้นเหรอ”
“เปล่า แต่ข้ามีงานด่วนต้องรีบทำ เรื่องของเอ็ง เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง”
กำนันศรปลีกตัวไป ทิ้งให้ลิ้นจี่ยืนฮึดฮัดอยู่คนเดียว
“พี่กำนัน”

ลิ้นจี่เดินหิ้วตระกร้าจ่ายกับข้าวมาด้วยอารมณ์บูดบึ้ง หน้าบอกบุญไม่รับ
“พี่กำนันนะพี่กำนัน ไม่สนใจกันบ้างเลย แต่ก่อนบอกว่ารักอย่างโง้นอย่างงี้ พอได้แล้วก็หน่าย ผู้ชายนะผู้ชาย”
มิ่งปราดเข้ามา “คุณลิ้นจี่ครับ คุณจำเริญอยากคุยด้วย”
มิ่งบุ้ยหน้าไปทางจำเริญซึ่งรออยู่ที่รถ
เวลาต่อมาจำเริญส่งยาห่อหนึ่งให้กับลิ้นจี่
ลิ้นจี่อึกอักหน้าตาเป็นกังวลนิดๆ “เอ่อ..ถึงตายรึเปล่าคะคุณจำเริญ”
“แค่ยากล่อมประสาทน่า เผลอๆไอ้ย้งมันอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกวางยา” จำเจิญบอก
ลิ้นจี่ยังอิดออด “แต่ว่างานนี้มันเสี่ยงมากนะคะ ลิ้นจี่กับพี่สาวไอ้ย้งยิ่งไม่ถูกกันอยู่ด้วย”
จำเริญยื่นข้อเสนอ “เอาน่า ถ้าคุณทำสำเร็จล่ะก็…หนี้ของเราหายกัน”

ลิ้นจี่ตาลุกวาว จำเริญยิ้มรับอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับย้งแน่!

ทางด้านเบิ้มกับพวกสมุนกำลังเปิดวงเหล้า ในร้านเถ้าแก่ตงในสภาพเมาแอ่นได้ที่ แถมบนโต๊ะกลางวงเหล้ายังมีวิทยุทรานซิสเตอร์เปิดเพลงขับกล่อมอีกต่างหาก

“เฮ้ย เต็มที่เว้ยพวกเรา วันนี้พ่อกำนันไม่อยู่ ไอ้เบิ้มเลี้ยงเอง”
หมวยใหญ่รำคาญบ่นงุบงิบ “ชิ ดูมันสิป๊านั่งเมาอยู่ได้เป็นชั่วโมง หนวกหูจะตายชัก”
เถ้าแก่ตงโวยใส่ “เฮ้ยๆ ให้มันน้อยๆหน่อย ร้านอั้วขายเหล้า แต่ไม่ใช่ร้านเหล้าน่อ นั่งเมาแบบนี้ ลูกค้าที่ไหนจะกล้าเข้าร้านวะ”
เบิ้มสวนคำออกมา “ไม่เข้าก็อย่าเข้าสิเถ้าแก่ วันนี้ไอ้เบิ้มเหมาเอง เหมาทุกอย่างทั้งของทั้งคน” หันมาหาหมวยใหญ่ “ดีมั้ยจ๊ะน้องหมวย”
หมวยใหญ่แสยะปากให้เบิ้ม ก่อนกระซิบถามเถ้าแก่ตง “เอาไงดีป๊า”
“รอดูไปก่อน ถ้าเห็นท่าไม่ดีเมื่อไหร่ ค่อยแจ้งตำรวจ”
ระหว่างนั้นเอง ดนัยกับเพ็ญพรก็ลงรถบัสเดินเข้ามาแถวหน้าร้านพอดี
“เดี๋ยวเราหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า เสร็จแล้วค่อยไปต่อ” ดนัยเอ่ยขึ้น
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ”
ดนัยกับเพ็ญพรเดินเข้ามานั่งในร้าน และกลายเป็นเป้าสายตาของพวกเบิ้มไปโดยปริยาย
“ไม่เคยเห็นหน้านะพี่เบิ้ม สงสัยจะเป็นพวกนักท่องเที่ยว” สมุนคนหนึ่งมองเหล่
“แต่งตัวแบบนี้ คงมาจากกรุงเทพฯแหงๆ” อีกคนว่า
ดนัยหันไปพูดกับหมวยใหญ่ “น้องสาว สั่งของหน่อยสิ”
หมวยใหญ่รีบบอก “เออคุณ ไปร้านอื่นก่อนดีมั้ย แถวนี้ไม่ปลอดภัยนะ”
ดนัยเห็นหมวยใหญ่บุ้ยใบ้ไปที่พวกเบิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ชั้นแค่นั่งแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ไป”
เพ็ญพรเอ่ยขึ้น บอกกับหมวยใหญ่ “โรงพักบ้านไม้งามอยู่แถวนี้ใช่รึเปล่าคะ”
“ค่ะใช่ แต่ว่า…”
หมวยใหญ่พูดไม่ทันจบ เบิ้มก็แทรกอย่างเสียมารยาท “เฮ้ยไอ้รูปหล่อ”

ดนัยชะงักมองไปที่เบิ้ม “เรียกผมเหรอครับ”
“วะ! พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ผู้ดีนี่หว่า มีการศึกษาแต่โง่เหมือนหมาไม่มีผิด”
เบิ้มเริ่มก่อการกวน ลูกสมุนทั้งวงหัวเราะสะใจ
“อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะพี่ชาย ผมโง่ที่ไหนกัน” ดนัยฉุนกึก
“ก็โง่ที่พาเมียมาที่นี่สิโว้ย สวรรค์มีไม่รู้จักไป ดันผ่ามาเยือนนรก” เบิ้มเย้ย
เพ็ญพรพยายามพูดด้วยดีๆ “ขอโทษนะคุณ ชั้นยังโสด เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน”
“อ้าว แบบนี้ก็สวยสิจ๊ะน้อง ทั้งสวยทั้งโสด ไปนั่งโต๊ะพี่ดีกว่ามั้ง”
สมุนเบิ้มคนหนึ่งแหลมเข้ามา เมาแอ่นจนเซ มาฉุดแขนเพ็ญพร แต่เพ็ญพรรีบสะบัดออก ส่วนดนัยก็เปิดฉากเล่นงานสมุนคนนั้นทันที
เบิ้มโกรธ ปาแก้วสั่งสมุน “เฮ้ย ยำโว้ย”
เบิ้มกับพวกกรูเข้าเล่นงานดนัย ขณะที่เพ็ญพรรีบฉากถอยมายืนดูเหตุการณ์อย่างใจเย็น
หมวยใหญ่ร้องลั่น “ป๊า”
“ไม่ต้องถาม ลื้อเปิดบิล เตรียมคิดค่าเสียหายเดี๋ยวอั้วโทร.แจ้งตำรวจ”
หมวยใหญ่คว้าปากกากับกระดาษมาจดรายการของที่พังอย่างลนลาน ขณะที่เถ้าแก่ตงผละไปหาโทรศัพท์หยอดเหรียญประจำร้านตน

เวลานั้นที่ห้องโถงโรงพักบ้านไม้งาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมู่โอฬารซึ่งทำหน้าที่สิบเวรรับสาย
“ฮัลโหล สถานีตำรวจบ้านไม้งามยินดีรับใช้ครับ” ตกใจ “อะไรนะ หมากัดกัน ใจเย็นๆ เถ้าแก่
รับรองไปถึงที่เกิดเหตุในห้านาที” วางสาย หันไปตะโกน “เฮ้ย จัดกำลังด่วน จับหมา”

ดนัยกับพวกของเบิ้มยังคงชกต่อยกัน ข้าวของแตกกระจุย มีหมวยใหญ่จดรายการพัลวัน
“ไงอาหมวย ยอดเสียหายเท่าไหร่เลี้ยว” เถ้าแก่ตงถามลูกสาว
“อั้วคิดไม่ทันแล้วอาป๊า พังยับเลยเนี่ย”
“งั้นลื้อจดรายการ อั้วคิดตังค์ให้”
เถ้าแก่ตงคว้าลูกคิดมาคิดเงินจากรายการที่หมวยใหญ่จดไว้
เบิ้มเห็นท่าว่าจะสู้ดนัยไม่ได้ก็เจ็บใจ ชักมีดออกมา
“หนอยไอ้หน้าหล่อ เอ็งตาย”
เบิ้มเงื้อมีดจะแทงดนัยทางด้านหลัง จังหวะนั้นเองที่เพ็ญพรล้วงปืนพกออกมาจากกระเป๋าถือแล้วยิงใส่มีดของเบิ้มจนหักกระเด็น

เบิ้มตกใจคาดไม่ถึง “เฮ้ย ม..ม…มันมีปืน”
เพ็ญพรเหนี่ยวไกยิงซ้ำใส่พื้นตรงหน้าเบิ้ม ก้าวต่อก้าวเล่นเอาเบิ้มถอยกรูดจนเสียหลักล้ม เพ็ญพรยังยิงซ้ำใส่พื้นตรงหน้าหว่างขาเบิ้มจนเบิ้มถอยแทบไม่ทัน
เถ้าแก่ตงไอ่หยา แม่สาวปืนสั่ง ยิงแม่นเหมือนจับวาง
เบิ้มฮึยยย อยู่ไม่ได้แล้วโว้ย เผ่น !! เอากูไปเก็บในที่ปลอดภัยเร็ว
พวกสมุนช่วยกันหิ้วปีกพาเบิ้มวิ่งหนี เพ็ญพรยิงขู่ใส่พื้นไล่หลังอีกหลายนัด จนพวกเบิ้มกระโดดเหยงๆ โหวกเหวกหนีตายกันลั่น ทั้งใส่เกียร์หมา วิ่งหน้าตั้ง ตะโกนลั่น “พี่เบิ้ม รอด้วย”
“พอได้แล้วเพ็ญพร มันเปิดไปหมดแล้ว”
เพ็ญพรหยุดมือ เธอควงปืนแล้วเป่าควันที่ติดปากกระบอกอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เสียงไซเรนของรถตำรวจใกล้เข้ามา เห็นรถจี๊ปตำรวจแล่นมาจอดพรืด โอฬารชักปืนกระโดดจากรถมาทำเท่แต่เสียหลักนิดหน่อย ต้องรีบขยับแว่นดำแล้วตั้งหลักใหม่
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนวางอาวุธ”
เพ็ญพรลดปืนลง ดนัยขยับมาออกหน้าแทน
“ใจเย็นๆ ก็ได้หมู่ เราพวกเดียวกัน” ดนัยยิ้ม “ผมเป็นตำรวจ”
คำพูดของดนัยทำให้หมวยใหญ่กับเถ้าแก่ตงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ขณะที่หมู่โอฬารขยับลดแว่นดำมองหน้าดนัยกับเพ็ญพรด้วยความสงสัย

ขณะที่เก่งกำลังขายกาแฟอยู่ที่หน้าโรงพัก แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเหลือบมองไปเห็นรถจี๊ปตำรวจแล่นมาส่งดนัยกับเพ็ญพรที่หน้าโรงพัก แถมหมู่โอฬารยังเชื้อเชิญทั้งสองคนขึ้นไปบนโรงพักอย่างนอบน้อม
“นั่นใครวะ แต่งตัวอย่างกับดารา” เก่งฉงน

ในห้องโถงโรงพัก ธัมโมเดินเข้ามาทักทายดนัยอย่างสนิทสนม โดยมีไชโย โอฬาร กับเพ็ญพรยืนร่วมวงสนทนา
ธัมโมแนะนำ “หมู่ จ่า นี่พี่ดนัยเป็นรุ่นพี่ผมสมัยเรียนนายร้อย”
ดนัยรายงานตัว “ผมพันตำรวจโทดนัย ชัชวาล เพิ่งได้รับคำสั่งให้มาประจำที่นี่”
ไชโยกะโอฬารมองหน้ากันประสานเสียง “พันตำรวจโท …” หันไปตะเบ๊ะทันทีที่นึกออก “ยินดีต้อนรับครับสารวัตร”

“เอกสารเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เองครับพี่ดนัย” ธัมโมเอ่ยขึ้น แล้วเหลือบไปเห็นเพ็ญพรจึงนึกสงสัย “เอ่อ แล้วนี่…”
เพ็ญพร ยืนตรงรายงานตัว “ดิฉันร้อยตำรวจตรีหญิงเพ็ญพร สืบสุวรรณ ขอรายงานตัวค่ะ”
ธัมโมยิ้มเยื้อน “ด้วยความยินดีครับ”
เพ็ญพรหันมายิ้มให้โอฬารกับไชโย ทั้งคู่รีบตะเบ๊ะให้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับผู้หมวด” จ่าว่านำ หมู่ว่าตาม “น่ารักจังเลยครับ”
ไชโยเตือนสติ “เฮ้ย”
โอฬารจ๋อย “อุ้ยขอประทานโทษครับผม”
“ไม่เป็นไรค่ะ คนกันเอง”
ธัมโมพูดกับดนัย “ผมว่าเดี๋ยวเราไปคุยกันในห้องทำงานดีกว่าครับ หมู่ จ่า หาเครื่องดื่มกับของว่างให้ด้วยนะ”

ตรงบริเวณป่าโปร่งนอกหมู่บ้านไม้งาม กำนันศรกับยอดและสมุนยืนรอใครบางคนอยู่
มือปืนนิรนามรายหนึ่งเดินฝ่าเปลวแดดตรงมาแต่ไกล สวมแว่นดำ เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ แบกกระเป๋าเป้ใบหนึ่งพาดบ่า
กำนันศรส่งรูปถ่ายของธัมโมให้มือปืนรับไปดู
“ที่สนามมวยคืนนี้ พอรู้ผลแพ้ชนะเมื่อไหร่ ช่วงที่คนแตกตื่นกันเอ็งลงมือได้เลย”

มือปืนพยักหน้ารับคำ มองจ้องหน้าผู้กองธัมโมในรูปเขม็ง

เสียงดนัยดังขึ้นมาก่อน จากในห้องทำงานผู้กองธัมโม
“พอได้รับรายงานของนาย ทางเบื้องบนก็ตกใจมากเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะบ้านไม้งามจะป่าเถื่อนขนาดนี้”
สามคน ดนัยกับธัมโมและเพ็ญพรกำลังหารือราชการกันอยู่
“ผมขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริงครับ ที่บ้านไม้งามนี่ ทั้งข้าราชการ ทั้งชาวบ้านกลัวกำนันศร ยิ่งกว่ายมบาลซะอีก” ธัมโมพูดสำทับ
“แล้วที่แจ้งไปว่ามีคนของทางการถูกกำนันศรสั่งฆ่า ไม่ทราบว่าพอมีหลักฐานรึเปล่าคะ”
ธัมโมเอ่ยขึ้น “มีแต่คำพูดปากต่อปากครับ ลือกันว่าขนาดผู้กองคนก่อนหน้าผมก็ถูกกำนันศรเช็คบิลด้วยเหมือนกัน”
“แม้แต่สารวัตรคนเก่ายังทำเรื่องขอลี้ภัย แสดงว่ากำนันศรคนนี้คงร้ายกาจไม่เบา” ดนัยว่า
ระหว่างนั้นเองเพ็ญพรก็เหลือบเห็นเงาของเก่ง ลอดอยู่ใต้ช่องประตู
เพ็ญพรร้องถาม “นั่นใคร”
เก่งส่งเสียงบอก “เอ่อ ผมเอากาแฟมาส่งครับ”
“ก็เข้ามาสินายเก่ง”
เก่งส่งเสียงมาก่อน “เข้ายังไงล่ะครับผู้กอง มือผมไม่ว่าง”
“โธ่เอ๊ย”
ธัมโมลุกไปเปิดประตู เห็นเก่งรีบเอาถาดมาวางแล้วเสิร์ฟกาแฟให้ดนัยกับเพ็ญพร
“กาแฟเย็นสองของคุณผู้ชาย แล้วนี่ชาดำเย็นหนึ่งของคุณผู้หญิงเชิญชิมได้เลยครับ ถ้าไม่อร่อยผมไม่คิดเงิน”
เพ็ญพรบอก “ขอบใจจ้ะ”
ดนัยหันมาพูดกับธัมโม “เพื่อนใหม่ของนายสิท่า ถึงได้มาขายของที่หน้าโรงพัก”
“นายเก่งเค้าเป็นพลเมืองดีครับ ผมก็เลยต้องซื้อใจกันหน่อย”
เก่งยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเพ็ญพรกำลังยิ้มให้เช่นกัน รอยยิ้มที่ริมฝีปากไม่เท่าไหร่ แต่ลึกลงไปในแววตาคู่นั้นดูนิ่งเย็นมีความหมายอย่างประหลาด
เก่งยิ้มสะดุดนิดนึงเพราะเพ็ญพร

เก่งเดินกลับมาบ่นที่รถขายกาแฟหน้าโรงพัก
“ทั้งยิ้มทั้งจ้องซะตาเยิ้ม…อะไรของเค้าวะเนี่ย ไม่เคยรู้จักกันซะหน่อย หรือว่าเราจะหล่อเกินเหตุ” เก่งส่องกระจกรถทำเสียงหล่อ “อ้า ว่าไงจ๊ะน้องสาว ชอบของแปลกรึเปล่าจ๊ะ” แต่แล้วกลับทำท่าขนลุกขนพองยักไหล่พรืด “หยึย ไม่เอาดีกว่า ขนลุก”

เก่งคว้าผ้าขี้ริ้วมาเช็ดถูรถขายกาแฟไปมา

เวลาเคลื่อนคล้อย ยามเย็นใกล้เข้ามา เถ้าแก่ตงกับหมวยใหญ่เอาของดีมาให้ย้ง

“อาย้ง กระดาษยันต์นี่มาจากศาลเจ้าพ่อเสือ ลื้อพกติดตัวไว้นะ จำไว้ว่าลื้อต้องดุเหมือนเสือ ต้องให้คนอื่นกลัว อย่าไปกลัวคนอื่นนะ” เถ้าแก่ปลุกปลอบใจตี๋เล็ก
หมวยใหญ่ยิ้มแย้ม “ย้ง เสื้อคลุมตัวนี้ เจ้เก็บไว้นานแล้ว ลื้อเอาไปใส่นะ เวลาขึ้นเวทีจะได้หล่อๆ”

“ป๊า เจ้ อั้วขอโทษนะที่ทำให้พวกลื้อต้องเดือดร้อน อั้วมันไม่เจียมตัว สะเออะไปคบกับคุณวาสนา”
ย้งซึ้งใจ ระคนกับเสียใจที่สร้างปัญหาให้พ่อและพี่สาว เถ้าแก่ตงกับหมวยใหญ่มองหน้ากันอย่างหนักใจ
“บอกตามตรง เรื่องหนูวาสนา อั้วไม่เห็นด้วยตั้งนานแล้วแต่มาถึงขั้นนี้ ลื้อต้องทำอาย้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวลื้อไม่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
หมวยใหญ่เหลียวมองนาฬิกาข้างฝา “ใกล้ถึงเวลาชกแล้ว ถ้ามีอะไรที่ลื้ออยากสั่งเสียเอ้ย อั้วหมายถึงถ้าลื้ออยากเจอคุณวาสนา ก็ไปหาเถอะ”
ย้งฟังแล้วนึกขึ้นได้ สีหน้าฮึกเหิมขึ้นมาทันควัน

ด้านวาสนากำลังยืนจดเช็คสต็อคยาอยู่ แต่แล้วก็ชะงักเมื่อมองไปยังนอกหน้าต่าง หญิงสาวรีบทิ้งงานแล้วเดินออกมาหาย้งที่ยืนรออยู่
ย้งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม “คุณวาสนา”
“ย้ง เธอมาที่นี่ทำไม ใกล้ถึงเวลาขึ้นชกแล้วนะ”
“ผมอยาก..อยากเจอคุณวาสนาก่อนครับ”
วาสนาอ่อนใจ “ชั้นขอโทษนะย้ง แต่ชั้นคงไปดูเธอชกไม่ได้ เพราะว่าชั้นไม่อยากเห็นเธอต้องเดือดร้อนเพราะชั้น แล้วอีกอย่าง…พวกชาวบ้านเค้าก็รู้กันหมดแล้ว ว่าทำไมเธอถึงท้าชกกับพี่จำเริญ”
ย้งบอกด้วยท่าทีจริงจังสุดชีวิต “ไม่ต้องห่วงครับคุณวาสนา คืนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไอ้ย้งคนนี้ก็พร้อมเสมอ”
วาสนาครวญเสียงแผ่ว “โธ่ย้ง”
“ช่วยอวยพรผมหน่อยสิครับ ขอให้ผมมีชัยกลับมาหรือถ้าแพ้ก็ขอให้แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี”
“ชั้น.. ชั้นขอให้…”
วาสนาพูดไม่ออก ตัดสินใจกอดย้งเอาไว้
ย้งยืนแข็งทื่อ “คุณวาสนา”
“นายเป็นเพื่อนรักของชั้นนะย้ง เป็นเพื่อนคนเดียวที่ชั้นมีตั้งแต่เล็กจนโต มีแต่คนรังเกียจชั้นที่เป็นลูกกำนันศรมีแต่นาย… แต่นายคนเดียวที่อยู่ข้างชั้นนายต้องปลอดภัย ต้องชนะกลับมานะย้ง”
หัวใจของไอ้ย้งยามนี้ เหมือนมีเลือดสูบฉีดพล่านทั่วกายา รุนแรงเสียยิ่งกว่าสึนามิ

ย้งเดินกลับออกมาจากสถานีอนามัย มาถึงละแวกบ้านกำนันศร บรรยากาศเงียบงันไปทั้งบริเวณ ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าของมันที่เดินย่ำอยู่บนถนนลูกรัง ใกล้ค่ำแล้ว..หนทางเริ่มถูกความมืดโรยตัวลงคลุมบ้านไม้งามเรื่อยๆ
สักครู่ย้งก็หยุดเดินแล้วพักตั้งสติ หายใจเข้าปอดลึก สีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

“กลัวฉิบหายเลยไอ้ย้ง แต่มึงต้องสู้นะ สู้เพื่อศักดิ์ศรีสู้เพื่อคุณวาสนา” ย้งสูดลมหายใจลึกๆ ปลุกปลอบตัวเอง “สู้โว้ย”

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 6 (ต่อ)

เวทีชกมวยนัดพิเศษถูกติดตั้งเสร็จแล้ว ดวงไฟที่ประดับประดาอยู่ถูกเปิดสว่างก่อนพลบค่ำ ตาคงอยู่ในชุดกรรมการห้ามมวยกำลังทดลองเทสต์ไมโครโฟน

“ฮาโหล ๆ เช็คๆ เงินสดๆ” ตะโกนสั่ง “เอ้าทีมงาน ไหนลองเครื่องเสียงหน่อย”
ลำโพงถูกเปิดเพลงเสียงดังกระหึ่ม เสียงเบสกระแทกหนักหน่วงจังหวะกระชากใจ ชวนให้ฮึกเหิม

ส่วนธัมโมพาเพ็ญพรกับดนัยเดินชมบ้านพัก โดยมีไชโยช่วยถือสัมภาระให้
“โชคดีนะครับเนี่ย ที่บ้านนี้มีห้องว่างอีกสองห้อง ไม่งั้นพี่กับผมคงต้องนอนเตียงเดียวกันแน่” ธัมโมพูดขำๆ
“เอาเหอะ ตำรวจอย่างพี่ กินง่ายนอนง่าย ไม่เรื่องเยอะหรอก”
“แล้วผู้หมวดเพ็ญพรละครับ ขัดข้องอะไรรึเปล่า”
“เอ่อก็…”
ไชโยออกไอเดีย “แหมผู้กองครับ ผมว่าให้ผู้หมวดเธอค้างกลางดงผู้ชายแบบนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ถ้าไงไปค้างที่อนามัยดีกว่าครับที่นั่นมีห้องว่างพอดี”
เพ็ญพรเห็นด้วย “ฮืมก็ดีจ้ะ ขอบใจมากนะจ่า”
จังหวะนั้น ดนัยได้ยินเสียงเพลงแว่วมา “เอ๊ะ ที่วัดเค้ามีงานบุญหรือไงเปิดเพลงซะดังลั่น”
“อ๋อ ไม่ใช่งานบุญหรอกครับพี่ เป็นงานบาปซะมากกว่า”
คำพูดของธัมโม ทำเอาดนัยกับเพ็ญพรมองหน้ากันยิ้มๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ตกกลางคืน บรรยากาศบริเวณลานวัดดูคึกคักราวกับมีงานบุญย่อมๆ มีชาวบ้านออกร้านขายของต่างๆ มากมาย ผู้คนเดินเที่ยวกันสนุกสนาน
“เอ้าเร่เข้ามาจ้ะเร่เข้ามา สำหรับพุทธศาสนิกชนท่านใดที่มาดูการชกมวยในวันนี้ ไหนๆ เข้าวัดแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยว แวะมาทำบุญบริจาคเงินค่าไฟค่าน้ำ ซ่อมศาลาการเปรียญได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์นะจ๊ะ ทางวัดมีสายสิญจน์พร้อมน้ำมนต์มอบให้เป็นที่ระลึกจ๊าา” ตาคงฉอเลาะ
“ไอ้คงให้มันน้อยๆ หน่อยโว๊ย วัดนะ ไม่ใช่ศูนย์การค้าประกาศอะไรอย่าให้มันโลดโผนนัก” หลวงพ่อชุ่มปราม
ตาคงไหว้ “แหมหลวงพ่อ ยุคนี้ พ.ศ.นี้ การแข่งขันมันสูงครับถ้าจะเรียกลูกค้าก็ต้องพลิกแพลงกันหน่อย”
“เออรู้ แต่ให้มันเพลาๆ บ้าง เดี๋ยวมันไม่งาม”
ธัมโมกับไชโย อยู่ในชุดนอกเครื่องแบบ พาดนัยกับเพ็ญพรมาเที่ยวงาน มองไปเห็นโอฬารวิ่งนำพลตำรวจสักสองสามนายเข้ามาหา พร้อมกับยืนตะเบ๊ะทำความเคารพ
“รายงานผู้กอง ผู้หมวด และสารวัตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของเราได้วางกำลังรักษาความปลอดภัยไว้จนทั่วงานแล้วครับ”
“ดีมากหมู่ คอยสังเกตพวกคนดูด้วยนะ อย่าให้ใครพกอาวุธเข้ามาเด็ดขาด”
“ครับ” โอฬารรับคำสั่ง
เพ็ญพรรอจนโอฬารวิ่งลับตัวไปแล้ว จึงเอ่ยขึ้น “ต้องคุมเข้มขนาดนี้เลยเหรอคะผู้กอง”
“ครับ เพราะว่าผู้ถูกท้าชกวันนี้เป็นลูกชายของเสี่ยเล้ง ผู้มีอิทธิพลอีกคนในพื้นที่ ผมก็เลยต้องระวังหน่อย”
ดนัยซักถาม “เสี่ยเล้ง ที่ตามรายงานระบุว่าเป็นหุ้นส่วนของกำนันศรงั้นเหรอ น่าเสียดายนะ ที่ผมไม่มีโอกาสเห็นตัวจริง”
“เอ่อ โอกาสมาถึงแล้วครับสารวัตร หนึ่งในสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งบ้านไม้งาม เดินดุ่มๆ มาที่เราแล้วครับ”
ธัมโมมองตามไป “กำนันศร”
กำนันศรเดินนำยอด เบิ้มและสมุนตรงมาหาพวกธัมโม
“พ่อกำนัน นี่ไง ไอ้คนที่หาเรื่องชั้น” เบิ้มรีบฟ้อง
“อัดมันเลยมั้ยพ่อกำนัน” ยอดผสมโรง
กำนันศรดุ “เฮ้ย อย่าเสียมารยาท ท่าทางคุณคนนี้ คงเป็นแขกของผู้กองธัมโม”
“ครับกำนัน เค้าเป็นแขกของผม แถมยังเป็นผู้บังคับบัญชาของผมอีกด้วย” ธัมโมว่า
“นี่สารวัตรดนัย กับหมวดเพ็ญพรครับกำนัน ทั้งสองคนจะย้ายมาประจำที่บ้านไม้งาม” โชโยแนะนำ
กำนันศรมองหน้าเพ็ญพรกับดนัย เห็นทั้งคู่เชิดหน้าไม่หลบตาก็พอเดาได้ว่ามีดีอยู่ทั้งสองคน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับสารวัตร บ้านไม้งามขอต้อนรับ”
ดนัยยื่นมือออกไป “เช่นกันครับกำนันศร ได้ยินชื่อของคุณมานานยินดีที่ได้รู้จัก”
กำนันศรเหล่มองมือแต่ไม่ยอมจับ “ผมมันตาสีตาสา สารวัตร ไอ้ทักทายแบบฝรั่งผมไม่คุ้น เปลี่ยนเป็นไหว้ผมแทนจะดีกว่า”
ดนัยค่อยๆ ลดมือลงด้วยสีหน้ามึนตึง เขาไม่มีทางไหว้กำนันศร และกำนันศรก็ไม่คิดไหว้ใคร ไชโยอึดอัดใจ เพราะทั้งสองฝ่าย รวมถึงผู้ติดตาม ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เป็นมิตร

ด้านเพลินตา มิ่ง จำเริญ และสมุนกำลังเตรียมตัวจะขึ้นรถเพื่อไปที่สนามมวย
เพลินตานึกสงสัย “นายมิ่ง ป๊าเค้าไม่ไปด้วยเหรอ”
“เอ่อ เสี่ยใหญ่เค้าไม่ค่อยพอใจน่ะครับที่เสี่ยน้อยจะมาชกกับชาวบ้านเพื่อแย่งผู้หญิง”
จำเริญฉุน “ทำไมวะ มันเสียหายตรงไหน”
“แหมเสี่ยใหญ่เค้าจะเล่นการเมืองนี่ครับก็เลยต้องรักษาภาพกันหน่อยยิ่งถ้าเกิดเสี่ยน้อยแพ้ขึ้นมา…”
จำเริญคว้าคอมิ่ง ตะคอกใส่หน้า “ไม่แพ้โว้ย คืนนี้…ชั้นต้องฆ่าไอ้ย้งให้ได้”

เก่งจอดมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าร้าน ที่พ่วงด้านข้างเคลียร์ของ ปล่อยว่างสำหรับรับผู้โดยสาร
“ไอ้ย้ง ได้ฤกษ์เดินทางแล้วโว้ย ออกมาซะที”
ย้งส่งเสียงมาก่อนตัว “เออ มาแล้ว”
ประตูร้านเปิดออกดังผ่าง แสงจากในบ้านเจิดจ้า เห็นย้งสวมเสื้อคลุมนักมวย เดินนำหน้าหมวยใหญ่กับเถ้าแก่ตงออกมา โชว์ฟุตเวิร์ค ลีลาเทพ เก่งอ้าปากค้างกับความเท่ของย้ง จนต้องออกปากด่า!
“อ..อ..ไอ้บ้า”
ย้งงงเป็นไก่ตาแตก “อ้าวอะไรของเอ็ง อยู่ๆ ก็ด่าเฉยเลย”
“ก็เอ็งใส่เสื้อคลุมอะไรมาวะ นี่มันเสื้อคลุมอาบน้ำ” เก่งระอาใจ
เถ้าแก่ตงกับย้ง หันขวับไปมองหมวยใหญ่
หมวยใหญ่ฮิฮะแถไปได้อีก “อ้าวไม่เหมือนกันเหรอ ก็อั้วเห็นมันคล้ายๆ กันเลยนะ”
“เอาเหอะไม่มีเวลาแล้ว ใส่แป๊บเดียวก็ถอด รีบไปดีกว่าอาย้งเดี๋ยวเสียฤกษ์” เถ้าแก่ตัดรำคาญ
“โหเจ๊อ่ะ อั้วว่าแล้วเชียว” ย้งบ่นอุบ
“เออน่า หยวนๆ ของฟรี เพื่อนอั้วเค้าจิ๊กมาจากที่ทำงาน ลื้อใส่ไปเหอะ อย่าคิดมาก”
ย้งเดินตามทุกคนขึ้นรถเห็นหลังเสื้อปักตัวอักษรชัดเจนว่า
“กิมไล้ อาบอบนวด โทร 071-4341566 ความสุขของท่านคือบริการของเรา”
แถมมีโลโก้รูปผู้หญิงลีลาเร่าร้อนอีกด้วย ยินเสียงเถ้าแก่ตงถามลูกสาว ขณะเก่งสตาร์ทรถ

“เออ...แล้วเพื่อนลื้อมันทำงานอะไรวะอาหมวย” หมวยใหญ่บอก “ไม่รู้สิอาป๊า เห็นอีบอกว่าอีเป็นหมอนะ”

ยิ่งดึกบรรยากาศในลานวัดยิ่งคึกคัก กำนันศร ยอด เบิ้มและสมุน กำลังรอชมการชกมวย สักครู่หนึ่ง มิ่งเข้ามาไหว้กำนันศร

“พ่อกำนัน สวัสดีครับ”
“เออ ไหว้พระ”
มิ่งหันมาพูดกับยอด “ไอ้ยอด คุณจำเริญมาแล้ว”
ยอดขออนุญาตกำนันศร “พ่อกำนัน คุณจำเริญขอให้ชั้นช่วยเป็นพี่เลี้ยง
ชั้นว่า…”
กำนันศรตัดบท ”เออ ไปเหอะ บอกเสี่ยน้อยด้วย ว่าข้าเอาใจช่วย”
ยอดพยักหน้าแล้วรีบไปกับมิ่ง
อีกมุมหนึ่งของงาน ไชโยกับโอฬารกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยในงาน ก่อนที่จะเห็นตาคงวิ่งหน้าตั้งตามมา
“หมู่ จ่า รอเดี๋ยว รอก่อน”
ไชโยงง “อะไรตาคง อยู่ห่างกันแค่นี้แหกปากซะลั่น”
“โทษทีจ่า แต่ว่ามันมีเหตุฉุกเฉิน” ตาคงลิ้นห้อย
“อะไรฉุกเฉิน !? บอกเราได้เลยตาคง เหตุฉุกเฉินทุกอย่างเป็นหน้าที่ของตำรวจ” โอฬารสนใจ
“แน่นะหมู่ มีเรื่องอยากจะขอแรงพอดี” ตาคงบอก

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงระฆังถูกเคาะเป็นสัญญาณ โดยมีจ่าไชโยกับหมู่โอฬารทำหน้าที่นักพากย์มวยนัดพิเศษคืนนี้
ไชโยเริ่มก่อน ยิงมุกกระจาย “สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านไม้งามที่เคารพรักทุกท่าน ขณะนี้ขอนำท่านเข้าสู่การชกมวยชิงรักหักสวาท”
โอฬารรีบแก้ให้ “ชิงแชมป์”
“เออนั่นแหละ ชิงแชมป์ประจำบ้านไม้งาม กระผมจ่าไชโยทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายหนึ่งครับ”
“ส่วนกระผมหมู่โอฬารเจ้าเก่าเป็นผู้บรรยายสองครับ”
“ตอนนี้ได้ฤกษ์ที่ทั้งสองฝ่ายจะเปิดศึกกันแล้ว ดังนั้นเปิดตัวกันเลยมั้ย” ไชโยหันมาท้า
“เอาสี๊ จะรอช้าอยู่ใย เปิดตัวฝ่ายแดงแรงฤทธิ์ก่อนครับ นักมวยมาดดุมาดเข้มไม่เคยกลัวใคร เพราะว่าพ่อใหญ่มว่ากกกก เค้าคือ จำเริญ ลูกเสี่ยเล้ง”
จบคำของหมู่โอฬาร จำเริญ เต้นฟุตเวิร์คมาที่เวที โดยมีมิ่ง ยอด เพลินตา และสมุนมาเป็นกองเชียร์
“จำเริญ ลูกเสี่ยเล้ง พิกัด 64 กิโล ไม้ตายคือหมัดขวาตรง และการขึ้นเข่าที่หนักหน่วงเร้าใจ สถิติการชกไม่มี แต่สถิติขึ้นโรงพักเดือนละไม่ต่ำกว่า 3 รอบ แต่หลุดทุกคดีเพราะเจ้าทุกข์ไม่กล้าเอาเรื่อง” ไชโยแนะนำตัวคู่ชกคนแรก
โอฬารเสริม “พ่อใหญ่มวากกก…”
จำเริญ มิ่ง ยอด เพลินตา หันมามองดุๆ แต่จ่าไชโย กับหมู่โอฬารทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“มาถึงฝ่ายน้ำเงินผู้ท้าชิงกันบ้างครับ เจ้าของฉายา…ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อาย้ง ศิษย์ไอ้เก่ง” โอฬารว่า
“อาย้ง ศิษย์ไอ้เก่ง พิกัด 58 กิโล ไม้ตายคือศอกสั้น กับลูกเตะก้านคอ สถิติการชกชาวบ้านไม่ปรากฏ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายถูกชก” ไชโยเสริม

ที่อีกมุมหนึ่งของงาน สามคน ธัมโม ดนัย และเพ็ญพร เดินคุยกันมา
“นักมวยขึ้นเวทีแล้วครับ ผมว่าเดี๋ยวเราไปนั่งดูใกล้ๆ กันดีกว่า” ธัมโมออกปากชวน
ดนัยเห็นด้วย “เอาสิ
ธัมโม ดนัย และเพ็ญพรเดินออกไปจากบริเวณนั้น เผยให้เห็นมือปืนที่เพิ่งเดินเข้ามาในงานและกำลังกวาดสายตามองหาธัมโม
ที่เวทีมวย มิ่ง ยอด เพลินตาและสมุนกำลังดูแลความพร้อมให้จำเริญ เพลินตาพอดีเหลือบไปเห็นเก่งและพบว่าอีกฝ่ายกำลังยักคิ้วให้ก็บันดาลโทสะ
เพลินตาบอกจำเริญ “เฮีย งานนี้เอาให้ตายเลยนะ ไม่ต้องยั้ง”
“มันแน่อยู่แล้ว ถ้าไม่ตายก็ต้องพิการ” จำเริญคุยฟุ้ง
เก่ง หมวยใหญ่ และเถ้าแก่ตงกำลังดูแลความพร้อมให้ย้ง
“จำไว้นะอาย้ง สู้ไหวก็สู้ ถ้าสู้ไม่ไหวลื้อต้องรีบวิ่งนะ วิ่งให้เร็วที่สุดเลย” หมวยใหญ่สอนดี๊ดี
เถ้าแก่ตงเบียดให้หมวยใหญ่หลบไป “ไอหย่า มาชกมวยนะโว้ย ไม่ได้มาวิ่งเปรี้ยว” รีบบอกลูกชายสุดเลิฟ “อาย้ง ลื้อฟังป๊านะ นี่เป็นโอกาสทองของลื้อที่จะได้พิสูจน์ว่า ลื้อไม่ใช่กระจอกอย่างที่ใครๆมันว่า ดังนั้นลื้ออย่าถอยนะ สู้ตาย”
เก่งเบียดเถ้าแก่ตงออกไปมั่ง “ไอ้ย้ง ยกแรกห้ามแลกหมัดนะ ดูเชิงมันไปก่อน ไอ้จำเริญกำลังของขึ้น ปล่อยมันชกแล้วค่อยหลบไปเรื่อยๆ ตกลงนะ”
ย้งพยักหน้าหงึกๆ ท่าทีมุ่งมั่น ก่อนจะเหล่มองไปทางจำเริญแล้วนึกหวาดผวา เพราะอีกฝ่ายขึงขังราวกับกระทิงเปลี่ยว จนเก่งสังเกตเห็นเข้า
“อย่าไปกลัวมันไอ้ย้ง มันก็มีมือมีเท้าเหมือนเอ็ง คนเหมือนกันเอ็งต้องสู้เข้าใจนะ”
ย้งรับคำทั้งที่ยังปอดๆ “เออสู้ ข้าจะสู้”

เวลาต่อมา ระฆังดังขึ้น ตาคงในชุดกรรมการเรียกจำเริญกับย้งมาเจอกันกลางเวที
จ่าไชโยเริ่มพากย์ “ยกแรกจะเริ่มขึ้นแล้วครับท่านผู้ชม กรรมการเรียกทั้งสองฝ่ายมาป๊ะกันเพื่อชี้แจงกติกาครับ”
“อย่าต่อยใต้เข็มขัด อย่ากัดหู อย่าอู้ อย่าหนี อย่าจิกผม อย่าโกง โอเคไหม” ตาคงบอกคู่ชก
ทั้งสองฝ่ายพยักหน้า ตาคงฉากตัวออกมาพร้อมทั้งฟันมือเป็นสัญญาณ
“ถ้างั้น…ชกได้”
ย้งตั้งการ์ด ก้มหัวเตรียมรับมือ แต่แล้วจำเริญก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึง เมื่อมันได้เหนี่ยวหัวโขกใส่หน้าย้งเต็มเหนี่ยว
เก่งตะลึง “เฮ้ย”
หมวยใหญ่ตะโกนสุดเสียง “อาย้ง”
ย้งตาค้าง เลือดทะลักออกจมูก ก่อนจะหงายเงิบล้มไปทั้งยืน
ธัมโม ดนัย เพ็ญพร ซึ่งนั่งอยู่บริเวณที่นั่งวีไอพีร่วมกับกำนันศร พากันตกตะลึง
ดนัยเจ็บใจ “ขี้โกงนี่”
“บ้านป่าเมืองเถื่อนมันก็แบบนี้แหละสารวัตรกฎเกณฑ์ไม่มีความหมายหรอก” กำนันศรเหน็บ
ดนัยมองหน้ากำนันศรอย่างไม่พอใจ ขณะที่ธัมโมยังชะเง้อมองไปที่เวทีด้วยใจระทึก โดยไม่รู้เลยว่าห่างออกไปทางด้านหลัง มือปืนกำลังยืนจ้องเขาอยู่…มันหยิบรูปถ่ายของธัมโมมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

แต่ในจังหวะเดียวกันนั้น เพ็ญพรก็รู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง ผู้หมวดคนสวยจึงเหลียวมองมาดูที่มือปืนเช่นกัน

นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ในขณะที่ย้งนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนเวทีอย่างมึนงงนั้น โค้ชเก่ง สองเทรนเนอร์เถ้าแก่ตง และหมวยใหญ่ ก็กรูกันมาดูย้งที่ขอบเวที

เก่งถามอย่างเป็นห่วง “ไอ้ย้งเป็นยังไงบ้าง”
ย้งหันมายกมือเช็ดเลือด “ไม่เป็นไร ข้าพอไหว”
เถ้าแก่ตงตะโกนประท้วง “เฮ้ย แบบนี้มันโกงกันนี่หว่า กรรมการ ลื้อปรับแพ้เลยสิ เล่นตุกติก
แบบนี้ไม่ต้องแข่งแล้ว”
ตาคงอึกอัก “เอ่อ…”
จำเริญแก้ตัว “เฮ้ย มันเป็นอุบัติเหตุโว้ย ถ้าพวกลื้อถอนตัวล่ะก็อั้วจะถือว่ายอมแพ้”
หมวยใหญ่โวยวาย “อ้าว แบบนี้มันบังคับกันนี่หว่า”
“ไม่เป็นไรอาเจ้ อั้วจะสู้กับมัน อั้วจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคนเลวอย่างมัน ไม่คู่ควรกับคุณวาสนา” ย้งมาดมั่น
จำเริญเยาะ “อย่าดีแต่เห่าโว๊ย แน่จริงก็เข้ามาเลย”
ย้งยันตัวลุกขึ้นนั่ง และตั้งการ์ดมวยอีกครั้ง
“ไอ้ย้ง คุมเชิงดีๆนะ อย่าใจร้อน” เก่งตะโกนบอก
ย้งกับจำเริญเดินวนเวียนดูเชิงกันไปรอบๆ เวที ขณะนั้นหลวงพ่อชุ่มก็เดินมาบอกกับเถ้าแก่ตง
“เถ้าแก่ เดี๋ยวอาตมาขอตัวก่อนนะ”
“อ้าวหลวงพ่อ ไม่อยู่เชียร์หน่อยเหรอครับ”
“ฮื๊อ อาตมาบวชเป็นพระ จะมาดูมวย ดูหมัดมันคงไม่ดีหรอกโยมเอาเป็นอาตมาฝากเชียร์นายย้งด้วยละกันนะ”
“ครับๆ หลวงพ่อ ขอบพระคุณมากครับ” เถ้าแก่ตงตื้นตันใจ
หลวงพ่อชุ่มพยักหน้า ทำท่าจะเดินไป แต่แล้วก็ชะงักนิดนึงเมื่อเห็นย้งขยับตั้งการ์ดมวย โดยปาดเท้าเฉียงไปทางด้านหลังเหมือนท่าเก่ง และเหมือนผู้ใหญ่ทองผู้เป็นต้นตำรับ
หลวงพ่อชุ่มรำพึง “เอ..ไอ้ท่าแบบนี้ มันเคยเห็นที่ไหนวะ”
เก่งได้ยินหลวงพ่อรำพึงก็หันขวับมามอง แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบก้มหน้าหลบตาหันไปดูมวยต่อ ทำให้หลวงพ่อชุ่มยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวเก่งมากขึ้น แต่ติดที่การแข่งขันกำลังพัวพันอยู่ จึงจำใจปลีกตัวไป
การชกเริ่มต้นอีกครั้ง จ่าไชโยกับหมู่โอฬารทำหน้าที่ผู้บรรยายต่อ
โอฬารเริ่มพากย์ “มาแล้วครับพ่อแม่พี่น้อง ยกแรกเปิดฉากกันอย่างเป็นทางการแล้วในขณะนี้”
“ทั้งเสี่ยจำเริญทั้งนายย้ง ยังไม่ออกอาวุธนะครับ ยังดูเชิงจดๆ จ้องๆ” ไชโยเสริม
กันไปมา
ที่บนเวที จำเริญเริ่มแหย่ “ไอ้ย้ง งานนี้เอ็งเสร็จแน่ คุณวาสนาต้องเป็นของข้าได้ยินมั้ย คุณวาสนาต้องเป็นเมียของไอ้จำเริญ”
ย้งโกรธจัด “ไอ้ปากเสีย”
ย้งเดินลุยออกหมัดใส่จำเริญด้วยโทสะ แต่จำเริญฉากหลบอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเหวี่ยงหมัดอัดใส่ย้งจนหน้าหัน เล่นเอาเก่ง หมวยใหญ่ และเถ้าแก่ตงหน้าเสีย
หมวยใหญ่ร้องลั่น “อาย้ง”

ด้านลิ้นจี่บรรจงแกะปลอกแคปซูลออก แล้วเทยาใส่ลงในกระติกน้ำแสตนด์เลสใบหนึ่งก่อนจะปิดฝาและเขย่าให้เข้ากัน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากงานเวทีชกมวย
เป็นเสียงพากย์ไชโยแว่วมา “ตายแล้วครับท่านผู้ชม ตายหยั่งหมา เอ้ย ตายหยังเขียด”

วาสนากระวนกระวายเมื่อได้ยินเสียงแว่วมาจากเวทีชกมวยในลานวัด
เสียงพากย์ของไชโยแว่วมา “งานนี้ไอ้ย้งเสร็จแน่ครับ โดนเสี่ยจำเริญต้อนเข้ามุมแบบนี้ไม่รอดแล้วครับพี่น้อง”

จ่ากะหมู่คู่หู ไชโยกับโอฬารกำลังพากย์มวยอย่างเมามัน
“เสี่ยจำเริญต่อยซ้ายต่อยขวา เสี่ยจำเริญต่อยขวาต่อยซ้าย ซ้ายขวา ขวาซ้าย” นึกขึ้นได้ “เฮ้ยไอ้ย้ง ชกบ้างสิโว้ย ยืนให้เค้าอัดอยู่ได้” โอฬารพากย์เพลินจนลืมตัว
บนเวทีเวลานั้น ย้งโดนจำเริญอัดไปติดมุม ก่อนจะโดนล็อกคอตีเข่าเหมือนกระสอบทราย
“มีโอกาสไม่ครบยกแล้วครับมวยคู่นี้ ไอ้ย้งโดนเสี่ยจำเริญประทับเข่าป้าบๆ ตัวงอเป็นกุ้ง ไม่ตายก็ไม่เลี้ยงไม่โตละครับ” ไชโยพากย์ต่อ
เถ้าแก่ตงตะโกนก้อง “อาย้ง! สู้สิโว้ย สู้มัน”
ย้งผลักจำเริญออกและออกอาวุธสวนบ้าง จำเริญก็หลบได้อย่างว่องไวก่อนจะยิงหมัดโดนเข้าใส่
หมวยใหญ่ดูอาการน้องชายชักหวั่นใจ “อาเก่งแย่เลี้ยว ทำไมถึงเป็นแบบนี้อ่า”
“ใจเย็นครับเจ๊ ขอผมดูก่อน”
เก่งพยายามมองลอดเชือกเวทีไปที่ย้งและพบว่าย้งหลับตาปี๋

เก่งขัดใจ “โธ่ไอ้บ้าเอ๊ย” ตะโกน “ไอ้ย้ง ลืมตา ทำตามที่ฝึกสิโว้ย ลืมตา”
ย้งนึกขึ้นได้รีบลืมตาแล้วหันไป แต่สิ่งแรกที่เห็นคือหมัดของจำเริญที่อัดเข้ามาเต็มเป้า
กองเชียร์ของจำเริญคือมิ่ง ยอด เพลินตา ดีใจ ขณะที่ฝ่ายย้งคือ เถ้าแก่ตง หมวยใหญ่ และเก่งต่างพากันตีหน้าเหวอ เมื่อเห็นย้งทรุดไปกองกับพื้น ขณะที่เสียงระฆังหมดยกดังขึ้น
ไชโยประกาศ “หมดยกที่หนึ่งครับพ่อแม่พี่น้อง แค่ยกแรกก็แจกอาวุธกันขนาดนี้ แล้วยกต่อไปจะแถมกันขนาดไหน” หันมาหาโอฬาร “หรือว่าไงครับหมู่”
โอฬารเห็นด้วย “เอ่อยกต่อไป คงได้แจกดอกไม้จันทน์กันละครับพี่น้อง ศาลาก็อยู่แค่นี้ เมรุก็อยู่ถัดไป จากสภาพของฝ่ายน้ำเงินนี่ขอชมคนจัดงาน ว่าคิดถูกเลย ที่มาชกกันในวัด”
ไชโยต่อให้ “ตายแน่…”
“โอ๊ย จะเหลือเรอะ ดูแล้ว ไม่น่าจะรอดครับจ่า”
กำนันศร ดนัย เพ็ญพร และธัมโมที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งวีไอพี เริ่มวิพากษ์วิจารณ์
“เฮอะ นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ” กำนันศรว่าพลางปรายตามองดนัย “ไอ้พวกท่าดีทีเหลว ผมล่ะเบื่อจริงๆ”
ดนัยเหน็บเอา “อย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยครับกำนัน งานนี้คนชนะอาจเป็นฝ่ายรองก็ได้”
กำนันศรแค่นหัวเราะอย่างดูหมิ่น ดนัยรู้สึกไม่พอใจ
เพ็ญพรสังเกตเห็นว่าธัมโมเอาแต่นั่งมองไปมองมาไม่ได้สนใจการชก
“มองหาอะไรอยู่เหรอคะผู้กอง”
“อ๋อ ผมแค่ดูผ่านๆครับ เผื่อมีอะไรผิดสังเกต”
“แหม ผู้กองนี่ขยันจังเลยนะคะ คอยดูแลความปลอดภัยของชาวบ้านขนาดนี้ อีกหน่อยคงได้เลื่อนสองขั้น” เพ็ญพรยิ้มๆ
“ผมไม่หวังอะไรแบบนั้นหรอกครับ แค่ชาวบ้านปลอดภัยผมก็พอใจแล้ว”
เพ็ญพรยิ้มรับ ก่อนจะเหลียวไปดูทางมือปืนคนนั้นอีกครั้ง และพบว่าฝ่ายนั้นกำลังล่าถอยเดินหายไปในความมืด เพ็ญพรยิ่งรู้สึกผิดสังเกต

ที่ห้องน้ำในวัด มีคนเดินเข้าออกเป็นระยะ มือปืนที่ซ่อนตัวอยู่ในส้วมกำลังตรวจเช็คอาวุธปืนพกของมัน ก่อนจะเหน็บไว้ที่เอวแล้วหยิบปืนลูกซองขนาดกลางอีกกระบอกออกมาบรรจุกระสุน สีหน้ามั่นใจว่าต้องไม่มีใครขวางมันได้

ด้านลิ้นจี่ กำลังยื่นส่งกระติกน้ำให้วาสนา ในขณะที่วาสนาลังเล
“มันจะดีเหรอพี่ลิ้นจี่

“แหม ต้องดีสิจ๊ะน้องวาสนา นายย้งน่ะเค้าอุตส่าห์ชกเพื่อน้องนะจ๊ะ ถ้าน้องไม่ไปเชียร์เค้าคงเสียใจแย่”
วาสนานึกสงสัย “แล้วจู่ๆ พี่มาเกี่ยวอะไรด้วย”
“อ้าวก็หมวยใหญ่เค้าเป็นเพื่อนสมัยเรียนของพี่นี่จ๊ะ ที่ทะเลาะกันวันก่อนน่ะ พี่ก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไปขอโทษเค้าเอาเป็นว่าน้องวาสนาช่วยเป็นกาวใจให้พี่หน่อยนะ” คะยั้นคะยอ “น้ำดื่มผสมเกลือแร่เนี่ย พี่ชงเองกับมือ นายย้งดื่มแล้วจะได้มีแรงสู้ๆ ไง”

วาสนาลังเลนิดหนึ่ง แต่พอเห็นลิ้นจี่ปั้นหน้าซื่อๆ ก็ใจอ่อน

ระหว่างพักยก เถ้าแก่ตงกับหมวยใหญ่กำลังนวดเฟ้นและพัดโบกให้ย้งพัลวัน ขณะที่เก่งพอให้น้ำเสร็จก็เริ่มเตือนสติย้งที่อยู่ในอาการเคร่งเครียด ตื่นเต้น และกดดันที่ถูกเสี่ยจำเริญที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ยักคิ้วเย้ยหยัน เก่งเห็นเข้าก็รีบเตือนสติ

“ไอ้ย้ง เอ็งจำได้มั้ย ว่าเอ็งมาชกเพื่ออะไร”
ย้งบอกโดยไม่ต้องคิด “เพื่อคุณวาสนา และเพื่อทวงศักดิ์ศรีของข้า”
“ถ้างั้นเอ็งต้องทำตามแผน ทำตามที่ฝึกซ้อมเอาไว้ ถ้าขืนบุ่มบ่ามอีกล่ะก็ เอ็งต้องแพ้มันแน่ แล้วถึงตอนนั้นเอ็งจะสูญเสียทุกอย่าง ทั้งศักดิ์ศรีของเอ็ง ทั้งคุณวาสนา” เก่งพูดเสียงเข้ม “ตั้งสติไอ้ย้ง อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาด”
ย้งพยักหน้าให้เก่งอย่างได้สติ
“แค่หมัดเดียว เชื่อข้า ถ้าเอ็งต่อยมันได้เมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเข้าที่”
ที่มุมของเสี่ยจำเริญ มิ่งอวยสุดชีวิต
“เยี่ยมไปเลยครับเสี่ย ขอแบบเดิมอีกยก รับรองไอ้ย้งดับสนิทแน่”
เพลินตาผสมโรงโหดๆ “ซัดมันให้จอดเลยนะเฮีย ฆ่ามันเลยก็ได้ งานนี้ไม่มีใครเอาเรื่องเฮียหรอก”
“แน่นอนน้องพี่ ยกนี้แหละ พี่จะน็อกมันให้ดู” จำเริญย่ามใจ
“อย่าประมาทนะครับเสี่ย ท่าทางไอ้ย้งมันอึดไม่ใช่เล่นถ้าเกิดมันฮึดสู้ขึ้นมา เราจะแย่นะครับ” ยอดเตือน
“ชิ ไอ้กระจอกอย่างมัน จะทำอะไรชั้นได้”
จำเริญชะล่าใจ
เสียงระฆังยกสอง
ยกสองเริ่มต้นขึ้น ย้งและจำเริญดูเชิงกันที่กลางเวที ก่อนที่จำเริญจะเป็นฝ่ายบุก
“ไอ้ลูกหมา วันนี้แหละ วันตายของเอ็ง”
เก่งตะโกนลั่น “ไอ้ย้ง อย่าหลับตา อย่าหลับตา”
จำเริญเหวี่ยงหมัดเข้าหาย้งอย่างย่ามใจ ย้งเห็นหมัดของจำเริญพุ่งเข้ามาหาตน ย้งรีบโยกตัวหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอัดกำปั้นสวนเข้าเต็มแรงเต็มท้องของจำเริญจนตัวงอ
หมวยใหญ่สะใจ “โดนแล้วอาป๊า อาย้งอีต่อยโดนแล้ว”
เถ้าแก่ตงหมั่นไส้ “ฮึ่ย ลื้อจะดีใจทำไมวะอาหมวย เพิ่งหมัดเดียวเอง”
“หมัดเดียวก็พอแล้วเถ้าแก่เพราะหมัดนี้แหละจะช่วยไอ้ย้งได้ทั้งเกม”
บนเวทีเวลานั้นจำเริญออกอาการเสียศูนย์ไปหน่อยๆ ที่เห็นย้งฮึดสู้ จำเริญหันมาออกหมัดซ้ำอีก
“ไอ้ย้ง”
ย้งโยกตัวหลบหมัด ก่อนจะยกเท้ายันหน้าจำเริญที่พุ่งเข้ามาจนหงายเงิบ
โอฬารพากย์สุดมันส์ “โอ้ยบาทาลูบพักตร์กันจ้ะๆ ครับพ่อแม่พี่น้องถ้ากรอเทปได้ อยากจะให้ดูภาพซ้ำเหลือเกิน เสี่ยจำเริญกระโจนเอาหน้าไปรับ “ทีน” เต็มๆ เลยครับ”
จำเริญเช็ดคราบตีนออกจากหน้า “ไอ้ลูกหมา กูจะฆ่ามึง”
ยอดตะโกนบอก “เสี่ยอย่าบุกเข้าไป เสี่ย”
เสี่ยจำเริญไม่ฟังเสียงห้ามของยอด บุกไล่ชกไล่เตะย้งอย่างบ้าคลั่ง ทว่าย้งหลบได้หมด
ที่แท้เป็นผลมาจากการที่ย้งฝึกหลบลูกมะนาวตามที่เก่งแนะนำ
จากมะนาวที่หลบกลายเป็นหมัดของจำเริญ ย้งฉากหลบก่อนจะสวนหมัดเข้าไปสุดแรงเกิด เล่นเอาจำเริญหน้าหัน
ไชโยไม่อยากเชื่อ “โอ้โหไม่น่าเชื่อเลยครับพ่อแม่พี่น้อง สถานการณ์พลิกผันไปราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า ขณะนี้ไอ้ย้งของเราเป็นฝ่ายคุมเกมบ้างแล้ว”
โอฬารเสริม “แต่เสี่ยจำเริญไม่ยอมเว้นวรรคเช่นกันครับ ไล่ตามไอ้ย้งไปรอบเวที แต่ยิ่งใส่ยิ่งเจอสวนครับ งานนี้หักเหลี่ยมกันจริงๆ”
จำเริญประเคนทั้งชกทั้งเตะแต่เล่นงานย้งไม่ได้สักอย่าง ดูเหมือนย้งกำลังเป็นต่อ

ที่หน้าวัดมีคนยืนขายลูกโป่ง ถือถาดเร่ขายขนมต้มประปราย ระหว่างนั้นลิ้นจี่ขับมอเตอร์ไซค์มาส่งวาสนา ลิ้นจี่กำชับ
“น้องวาสนาเข้าไปในงานก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะไปหาที่จอดรถ”
“ขอบใจนะพี่ลิ้นจี่”
“จ้า อย่าลืมเอาน้ำเกลือแร่ไปให้ย้งเค้าทานนะ อ้อ...แล้วอย่าเพิ่งบอกล่ะว่าเป็นของพี่ เดี๋ยวจะไม่สะใภ้”
วาสนาส่ายหน้า “เซอร์ไพรซ์จ้ะ”
“เออนั่นแหละ คือกัน แหะๆ”
วาสนาฝืนยิ้ม เริ่มรู้สึกเอะใจนิดๆ

บนเวทีจำเริญต่อยพลาดเป้าอีก ก่อนจะเจอย้งเปิดฉากรุกกลับ ด้วยแม่ไม้มวยไทยครบสูตรหมัดเท้า เข่า ศอก ก่อนจะต่อยจนจำเริญหน้าหงาย
“เยี่ยมไปเลยไอ้ย้ง เอามันเลย ปิดเกมตอนนี้เลย” เก่งตะโกนก้อง
ย้งกลายเป็นรุกไล่อัดจำเริญ
“จะๆ ครับพ่อแม่พี่น้อง อัดจริงเจ็บจริง เสี่ยจำเริญจอดป้ายแน่ๆ” โชโยว่า
“ไอ้ย้งไล่ขยี้เสี่ยจำเริญไม่ยั้ง ยกนี้ได้ส่งแขกกันแล้วครับ” โอฬารบอก
จำเริญโดนย้งอัดจนติดเชือก
“ติดเชือกแล้ว ไอ้ย้งประชิดเข้าคลุกวงในแล้วครับ เสี่ยจำเริญตายแน่ไอ้ย้งต่อยๆ เข่า ศอก โอ้ยเหนื่อยปากผู้บรรยาย เหนื่อยใจกรรมการจริงๆ” โชโยบรรยายอย่างเมามันส์
โอฬารรีบเสริม “วินาทีนี้บอกเสี่ยจำเริญได้คำเดียวครับว่า ลาก่อน!!”
ย้งอัดกำปั้นส่งจำเริญทรุดฮวบลงไป เถ้าแก่ตง หมวยใหญ่ เก่งชูมือดีใจร้องลั่น
หมวยใหญ่กรี๊ดกร๊าด “สำเร็จแล้ว อาตี๋ของอั้ว อีทำสำเร็จแล้ว”
“อาย้ง อาย้งลูกอั้ว” เถ้าแก่ตงปลื้มปริ่ม
ตาคงดันย้งกลับเข้ามุม แล้วเริ่มนับสิบจำเริญ
“โอ้โหไม่น่าเชื่อจริงๆ ครับ ว่าไอ้ย้งจะเป็นฝ่ายปิดเกม” โชโยพากย์ต่อ
โอฬารรีบต่อ “เสี่ยจำเริญตัวเปิด ถึงกับมึนไปเลยครับพ่อแม่พี่น้อง กรรมการเริ่มนับแล้ว ถ้าลุกไม่ไหวก็มีสิทธิ์ยุติการชก”
เพลินตาหงุดหงิด “เฮียมัวทำอะไรอยู่ รีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” สั่งยอด “ยอด ทำอะไรเข้าสักอย่างสิ”
ยอดได้แต่หนักใจที่พบว่าย้งฝีมือร้ายกาจกว่าที่คิด
ตาคงถามจำเริญ “ไหวมั้ย สู้ต่อมั้ย”
“สู้โว้ย สู้ !!! มึงหลีกไป”
จำเริญผลักตาคงจนล้มแล้วปรี่เข้าหาย้ง คำรามออกมา
“ไอ้กระจอก ไอ้ย้ง มึงตาย”

ย้งตั้งหลักเตรียมสู้ แต่ไชโยเห็นหมดเวลาก็รีบเคาะระฆัง พี่เลี้ยงทั้งสองฝ่ายรีบแยกตัวนักมวยออกจากกัน
มิ่งรีบเข้าไปปลอบ “ใจเย็นๆ ครับเสี่ย พักยกก่อนครับ”
“ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน มึงรู้มั้ยว่ากูลูกใคร มึงกล้าดียังไงมาต่อยกูไอ้ย้ง กูจะฆ่าล้างโคตรมึง” จำเริญฮึดฮัดอย่างขัดใจ
เก่งพูดกับย้ง “ไม่ต้องไปสนมันไอ้ย้ง คืนนี้มันแพ้เราแน่”
วาสนาส่งเสียงมาก่อน “ย้ง”
ย้งหันไปแล้วพบว่าวาสนาหิ้วกระติกน้ำมาเชียร์ถึงหน้าเวที
“คุณวาสนา คุณวาสนามาเชียร์ผมเหรอครับ ก็ไหนบอกว่า…”
วาสนาตัดบท “ชั้นรู้ แต่ชั้นเป็นห่วงเธอ”
ย้งตื้นตันใจ เถ้าแก่ตงกับหมวยใหญ่มองหน้ากันอึ้งๆ ไม่คิดว่าไอ้ย้งจะทำแต้มสังเวียนรักได้ขนาดนี้
วาสนาจับแขนให้กำลังใจ “พยายามเข้านะย้ง อย่ายอมแพ้ ชั้นเอาใจช่วย”
ย้งซึ้งจัด “คุณวาสนา”
เก่งกระแอม
วาสนาเขิน เปลี่ยนเรื่อง “เอ่อ ชั้นชงน้ำเกลือแร่มาให้เธอด้วยดื่มหน่อยนะ จะได้สดชื่น”
เก่งไม่ยอม “โอ้ย ไม่ได้หรอกครับคุณหมอ ไอ้ย้งมันกำลังชกอยู่จิบได้แค่กลั้วคอเท่านั้นเองครับ”
ย้งบอกจะกิน “เฮ้ยไม่เป็นไรหรอกมั้ง คุณวาสนาอุตส่าห์เอามาให้ทั้งที” บอกวาสนา “รินมาเลยครับคุณวาสนา เดี๋ยวผมดื่มให้หมดเลยครับ”
จำเริญมองมา เห็นย้งกับวาสนาพูดคุยกันก็ยิ่งแค้น
ยอดปราม “เสี่ย เสี่ยอย่าใจร้อนสิครับ ยกหน้าถ้าเสี่ยบุ่มบ่ามอีกล่ะก็…”
จำเริญตะคอก “รู้แล้วโว้ย หนวกหู”
ยอดอึ้งไป…ขณะที่มิ่งเหลือบเห็นวาสนารินน้ำส่งให้ย้งก็ชักเอะใจ จึงกวาดมองไปรอบๆ เวทีและเห็นลิ้นจี่ที่ยืนอยู่ในงาน แล้วพยักหน้าส่งซิกให้ มิ่งก็เข้าใจทันที
“ได้การแล้วครับเสี่ย แผนสองลงมือแล้วครับ”
มิ่งบุ้ยให้จำเริญมองไปที่ลิ้นจี่ ขณะที่เพลินตากับยอดมองหน้ากันงงๆ
กำนันศรเห็นความผิดปกติจึงมองตามไป พอเห็นเป็นลิ้นจี่ยืนหน้าระรื่นอยู่ก็ถลึงตามองดุๆ ลิ้นจี่เหลือบเห็นเข้าก็รีบดำดิ่งหายไปท่ามกลางฝูงชน
กำนันศรรำพึง “นังลิ้นจี่ บอกให้อยู่กับบ้าน แอบดอดมาเที่ยวจนได้กลับไปเจอดีแน่”

ดนัยชะเง้อมองหาอะไรอยู่ด้วยความสงสัย ธัมโมจึงถามขึ้น
“มีอะไรเหรอครับพี่ดนัย”
“ก็ผู้หมวดเพ็ญพรน่ะสิ ขอตัวไปห้องน้ำตั้งนานยังไม่กลับมาอีก”
“เดี๋ยวผมไปดูให้เองครับ” ธัมโมอาสา
“อย่าเลย นายดูแลทางนี้เถอะ เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”

ที่หน้าทางเข้าออกห้องน้ำ ผู้คนค่อนข้างบางตา มือปืนกำลังจะออกจากห้องน้ำ แต่แล้วมันก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเพ็ญพรกำลังเดินมามองหามันอยู่ มันจึงรีบล่าถอยกลับห้องน้ำไป ทว่าเพ็ญพรเหลือบเห็นเข้าพอดี
“เดี๋ยว หยุดก่อน ชั้นบอกให้หยุด”
มือปืนหายตัวกลับเข้าห้องน้ำไป เพ็ญพรรีบชักปืนตามเข้าไปทันที

บริเวณห้องน้ำเวลานี้เงียบสงัดเหมือนบรรยากาศในหนังผี เพ็ญพรถือปืนย่องเข้ามาดู เธอลงมือค้นหาประตูห้องน้ำทีละห้องอย่างระมัดระวัง มือปืนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำกำลังถือปืนในสภาพพร้อมต่อสู้ แต่แล้วมันก็เหลือบเห็นหยิบขันที่วางอยู่จึงหยิบมาถือไว้
เสียงบางอย่างหล่นโคร้งเคร้งด้านหลัง เพ็ญพรรีบหันไปเล็งปืนใส่ก่อนจะพบว่ามันคือขันใบหนึ่ง

จังหวะนั้นเองมือปืนก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อน แล้วฟาดด้ามปืนใส่ก้านคอเพ็ญพรทันที

โปรดติดตาม "นางสิงห์สะบัดช่อ" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น