xs
xsm
sm
md
lg

ชิงนาง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงนาง ตอนที่ 6

ส่วนทางด้านภูผาถือสายรอ จนสายโทรศัพท์ตัดสัญญาณไป เพราะไม่มีคนรับ ภูผาจะกดซ้ำ เสียงแม่ค้าแทรกเข้ามาซะก่อน

“เสร็จหรือยังคุณ ลูกฉันไม่สบาย ฉันจะรีบกลับไปดูลูก”
ภูผาชะงักมือ “เสร็จแล้ว”
แม่ค้ารับหูโทรศัพท์มาวาง ดึงประตูกดดันให้ภูผารีบออกไป ภูผาจำต้องเดินออกไป

ส่วนวงเดือนกำลังจะถอดเสื้อผ้า มวยผมขึ้นแล้ว เสียงเคาะประตูดัง วงเดือนชะงักแล้วจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเดินไปเปิดประตู
เห็นอรุณสีหน้ากราดเกรี้ยวยืนรออยู่ที่หน้าประตู
วงเดือนตกใจ “คุณอรุณ มีอะไร..”
วงเดือนพูดไม่ทันจบ อรุณผลักประตูเข้ามา จนวงเดือนเซไป
วงเดือนยังไม่ทันตั้งหลัก อรุณเข้ามาจับตัววงเดือนอย่างโกรธเกรี้ยว
“บอกฉันมา เดือนกับพี่เมฆามีอะไรกันหรือเปล่า”
“คุณอรุณ ปล่อยเดือนนะคะ”
อรุณกร้าว “ไม่!” เขย่าตัววงเดือนอย่างลืมตัว “เดือนเป็นของฉัน เดือนจะรักจะห่วงจะไปยุ่งกับคนอื่นไม่ได้!”
วงเดือนเสียงดังด้วยความอัดอั้น
“ไม่ เดือนไม่ได้เป็นของใคร หัวใจของเดือนใครก็บังคับไม่ได้! ถ้าเดือนอยากรักใคร เดือนก็จะรัก”
อรุณอารมณ์ขึ้นด้วยความหึงหวง “ไม่ได้”
อรุณเข้ากอดวงเดือนด้วยแรงอารมณ์หึง
วงเดือนตกใจคิดว่าอรุณจะขืนใจกรีดร้อง “ปล่อยเดือนนะ คุณอรุณ ปล่อย!”
อรุณกอดวงเดือนแน่นไม่ยอมปล่อย “ฉันจะไม่ยอมให้เดือนเป็นของคนอื่น! เดือนเป็นของฉัน ของฉันคนเดียว!”
วงเดือนพยายามดิ้นรนจนไปชนกับเตียง วงเดือนเสียหลักหงายลงบนเตียงทำให้อรุณเสียหลักโถมทับตามลงมาพอดี
“ไม่! ช่วยด้วย! ปล่อยเดือน! ช่วยด้วย”
จังหวะนั้นเอง มือของเมฆายื่นเข้ามาจับคอเสื้อของอรุณอย่างไวว่อง เมฆากระชากอรุณขึ้นมาจากตัววงเดือนแล้วต่อยอรุณโครม!
วงเดือนตะลึง “คุณเมฆา”
วงเดือนรีบเข้าไปหลบหลังเมฆา
“อรุณ! แกทำแบบนี้ไม่ได้”
อรุณฉุนกึก “ผมทำไม่ได้ แล้วใครล่ะที่ทำได้ พี่งั้นเหรอ พี่กับเดือนมีอะไรกันใช่ไหม”
เมฆากับวงเดือนตกใจคาดไม่ถึง อุทานออกมาพร้อมกัน “อรุณ” / “คุณอรุณ”
เมฆารีบบอก “ฉันกับเดือน เราไม่เคยทำเรื่องเลวๆ แบบนั้น”
“อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าพี่ให้เงินกับเดือน ถ้าไม่มีอะไร พี่จะให้เงินเยอะ ๆ กับเดือนทำไม! นอกจากว่าเดือนจะเป็นเมียพี่แล้ว”
วงเดือนสุดทนตบหน้าอรุณ ดังเผียะ!
ทุกคนต่างตะลึงอึ้งไป
“ถึงเดือนจะเป็นแค่เด็กกำพร้า แต่เดือนไม่เคยคิดจะขายตัว เดือนมีศักดิ์ศรี มีความเป็นคนเหมือนๆ กับคุณ! ออกไปจากห้องของเดือนค่ะ”
อรุณตกใจ ที่เห็นวงเดือนโกรธขนาดนี้ “เดือน...ฉัน”
วงเดือนบอกเสียงเย็นชามาก “กรุณาออกไป”
อรุณเห็นท่าทีอันเฉยชาของวงเดือน ก็เสียใจจำต้องเดินออกไป
“เดือน” เมฆาอึ้งๆ เช่นกัน
“ขอเดือนอยู่คนเดียวได้ไหมคะ” วงเดือนขอร้อง
เมฆารู้ว่าไม่ควรตอแย จึงเดินออกไป วงเดือนรีบล็อกประตูอย่างขวัญเสีย

เมฆาเดินออกมา เจออรุณที่ยืนรออยู่ อาการยังโกรธอยู่ “ไม่ว่ายังไงเดือนก็ต้องแต่งงานกับผม”
“วันนี้ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ถ้าใจเขาไม่มีให้แก สักวันตัวเขาก็จะไปจากแกเหมือนกัน”
“ผมจะไม่ให้มันมีวันนั้นแน่นอน!”

อรุณยืนจ้องหน้าเมฆาด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้

ด้านหนูนานั่งรอภูผาที่ระเบียงบ้านพักอย่างกระวนกระวาย สักครู่ต่อมาภูผาเดินขึ้นมาบนเรือนชายหนุ่มชะงักที่เห็นหนูนา

“คุณหายไปไหนมา” หนูนาถามเร็วปรื๋อ
“ไปธุระ มีอะไรเหรอ”
“ฉันเห็นคุณไม่อยู่ก็เลย…”
หนูนาพูดไม่ทันจบภูผาก็สวนออกมา “เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอกหนูน้อย ฉันดูแลตัวเองได้”
“แต่ฉัน”
“ฉันมีคนที่ห่วงฉันอยู่แล้ว ขอบใจนะ”
คำพูดตัดรอนไมตรีของภูผา ทำเอาหนูนาสะเทือนใจ
“ก็รู้นะว่าเย็นชา แต่จะพูดอะไรไม่คิดถึงใจคนฟังบ้างเลยเหรอ”
“ความจริงคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ ฉันไม่อยากทำร้ายเธอนะหนูน้อย”
“ก็ใช่ ความจริงวันนี้คือคุณไม่ได้รักฉัน แต่ความจริงของวันพรุ่งนี้คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
ภูผาย้ำน้ำคำ “ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
“อย่าเพิ่งพูดเลย ฉันไม่อยากเห็นคุณกลืนน้ำลายตัวเองทีหลัง” หนูนาพูดอย่างถือดีและมั่นใจ
ภูผาจะพูดต่อ แต่หนูนาหาวใส่
“ง่วงแล้ว ฉันไปนอนก่อนดีกว่า คุณก็ไปนอนในห้องซะ”
หนูนาฝืนยิ้มแล้วรีบออกไป
ภูผามองตามอย่างหนักใจ
จังหวะนั้นเองเหนือฟ้าก็ก้าวออกมา ได้ยินและเห็นทุกอย่าง “น่าอิจฉานายนะ”
ภูผาเหลียวมามอง
“ฉันไม่เคยเห็นหนูนาชอบใครเท่ากับนายเลย” เหนือฟ้าว่า
“นายชอบหนูนาตรงไหน เฮี้ยวกับนายขนาดนั้น” ภูผาสงสัย
“ฉันเป็นลูกพ่อเลี้ยงพสุ มีทั้งเงิน ทั้งอิทธิพล ทั่วทั้งดอยไม่มีใครที่กล้ามีเรื่องกับฉัน”
ภูผานึกรู้ทันที “ยกเว้นหนูนาใช่ไหม”
“หนูนาไม่เคยกลัวใคร กล้าแกร่ง และมีน้ำใจ ถึงเกลียดหน้าฉันแต่หนูนาก็เคยช่วยฉันไว้”
ภูผามองอย่างสงสัย
เหนือฟ้าพูดต่อ “ลูกพ่อเลี้ยงเวลาที่ไม่มีลูกน้องคอยตาม ก็ต้องโดนเอาคืนบ้างเป็นธรรมดา สามต่อหนึ่ง ฉันคงโดนอัดเละไปแล้วถ้าหนูนาไม่เข้ามาช่วยฉันไว้”
ภูผามองสายตาเหนือฟ้าเห็นสายตาแห่งความชื่นชมที่เหนือฟ้ามีต่อหนูนาฉายโชนในตาคู่นั้น
“ฉันเห็นหนูนาเป็นเหมือนน้องสาวเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น”
เหนือฟ้าหันมองภูผา
“เข้าใจใช่ไหมว่าฉันกำลังจะบอกนายว่าอะไร”
“ดึกแล้ว ฉันคงต้องพักผ่อน”
เหนือฟ้าตัดบท เดินหน้ายิ้มร่า กลับเข้าห้องตัวเองไป
ส่วนภูผานั่งแหงนหน้ามองพระจันทร์อย่างเดียวดาย คิดถึงวงเดือนเหลือเกิน
“เดือน...”

เวลาเดียวกันวงเดือนทิ้งตัวลงบนเตียง ร้องไห้อย่างอัดอั้น ที่โดนบีบบังคับ โดนข่มเหงขนาดนี้
“คุณผา...คุณผา...”
หญิงสาวซุกตัวลงนอนร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสาร

ขณะเดียวกันภูผานั่งหลับอยู่ที่ระเบียง จู่ๆ มีสายลมพัดมาวูบเบาๆ
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีมือของศรีเรือนเข้ามาลูบที่ศีรษะของตนอย่างอ่อนโยน
ภูผาค่อยๆ ลืมตามอง เห็นศรีเรือนนั่งอยู่ข้างๆ กำลังมองภูผาด้วยสายตาเศร้าโศก
“คุณย่า...”
ภูผาขยับเข้าไปคุกเข่ากอดศรีเรือนรอบตัวด้วยความคิดถึง
“ผมคิดถึงคุณย่าที่สุด คุณย่า...”
ศรีเรือนลูบศีรษะภูผาด้วยความรัก ระหว่างนั้นยินเสียงวงเดือนร้องไห้แว่วมา ภูผาชะงัก
“เสียงเดือน..เดือนร้องไห้เหรอครับคุณย่า...เดือนเป็นอะไรครับคุณย่า”
ภูผาเงยหน้ามองย่า เห็นใบหน้าและแววตาของศรีเรือนดูเศร้ามาก
“เดือนเป็นอะไรครับคุณย่า...” ภูผาเหลียวมองไปตามเสียง “เดือน...เดือนอย่าร้องไห้..เดือน...”
ภูผานอนละเมอ “เดือน..อย่าร้องไห้..เดือน...เดือน!”
วินาทีนั้นเองภูผาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ชะงักที่เห็นตัวเองนั่งอยู่เพียงลำพัง
ภูผาผินหน้าไปมองพระจันทร์ทั้งคิดถึงและเป็นห่วงวงเดือนจนล้นหัวใจ
“เดือน...”

เวลาเดียวกันวันชัยยืนมองไปในไร่ใช้ความคิด สีหน้าเครียดขามเข้ามายื่นเครื่องดื่มให้นาย
“นายคิดจะทำยังไงกับไอ้เหนือฟ้า” ขามถามขึ้น
“ถ้ามันอยากได้คนร้าย ฉันจะหาให้มัน” วันชัยเอ่ยขึ้น
“แล้วนายจะไปเอาคนร้ายมาจากไหน”
วันชัยหันมองขาม
“แกอยู่กับฉันมานาน แกรู้ใช่ไหมว่าถ้าฉันได้ทุกอย่างไว้ในมือ ฉันจะเลี้ยงแกอย่างดี”

เห็นวันชัยชักปืนขึ้นมา ขามตกใจ“นาย”

เหนือฟ้าฟังข่าวจากวันชัยด้วยความตกใจ ในเช้าวันรุ่งขึ้น

“ไอ้ขามน่ะเหรอ คิดจะฆ่าพี่”
วันชัยทำทีเป็นถอนใจ “ใช่ มันแค้นพี่เรื่องผู้หญิง”
“ผู้หญิง!” เหนือฟ้าอึ้ง
วันชัยเริ่มปั้นน้ำเป็นตัว “พี่ไม่รู้ว่าไอ้ขามมันรักผู้หญิงคนนี้ แล้วผู้หญิงก็มาให้พี่เอง พี่ก็เลย...ที่จริงวันนั้นมันคิดว่าพี่จะใช้รถ มันถึงลงมือ แต่พ่อเลี้ยงมารับเคราะห์แทนพี่”
เหนือฟ้าคาใจ “แล้วพี่รู้ได้ยังไง”
“พี่เค้นมันด้วยมือพี่เอง” วันชัยบอกน้ำเสียงเคร่ง
“แล้วตอนนี้ไอ้ขามมันอยู่ไหน”
“ในป่า ใต้ดินที่ไหนสักที่ พี่สั่งให้พวกมันฝังไว้อย่างดี”
“พี่ฆ่ามันเหรอ” เหนือฟ้าตะลึง
“คนที่มันทำให้พ่อเลี้ยงได้รับอันตราย โทษของมันคือตาย”
เหนือฟ้าอึ้งๆ
“ถ้าพ่อเลี้ยงไม่แน่ใจ อยากจะเห็นศพมัน...”
เหนือฟ้าสวนคำออกมา “ไม่ต้อง...”
“พี่จัดการเรื่องคนร้ายให้แล้ว..พี่อยากให้พ่อเลี้ยงกลับไร่ ทุกคนในไร่ฟ้าเหนือฟ้ากำลังรอเจ้านายของไร่กลับไปเป็นขวัญและกำลังใจ”
เหนือฟ้าคิดอย่างใคร่ครวญ แล้วตัดสินใจ “พรุ่งนี้ตอนเช้าพี่ค่อยมารับฉัน”
“ครับ...”
วันชัยรับคำแล้วเดินออกไป ในทันทีที่หันหลังให้เหนือฟ้า วันชัยยิ้มพอใจ ที่แผนการลุล่วง

เช้านั้นอรุณอาบน้ำอยู่ อรุณมองกระจกเห็นแผลช้ำบนโหนกแก้มซ้าย อรุณแตะ มองอย่างอารมณ์เสีย
อรุณออกมาจากห้องน้ำ ชอุ่มเดินถือถาดยาเข้ามา
“เดือนล่ะ” อรุณถามเสียงขุ่น
ชอุ่มท่าทีกลัว ๆ “ออกไปทำงานแล้วค่ะ ก็เลยให้ชอุ่มเอายามาให้คุณอรุณค่ะ”
อรุณโมโหปัดถาดยาทิ้งกระจาย หล่นดังโครม!
ชอุ่มตกใจ
“คุณอรุณคะ”
อรุณตวาด “ออกไป”
“ค่ะ!...” ชอุ่มนึกได้ “คุณอรุณคะวันนี้มีถวายเพลตอนเที่ยงนะคะ คุณอนุตกับคุณศรีดาราออกไปที่วัดแล้ว”
อรุณตะเพิด “ไป๊”
ชอุ่มสะดุ้งรีบเผ่นออกไปทันที
อรุณโกรธอาละวาดปัดข้าวของอย่างระบายอารมณ์

ภูผาตัดสินใจเข้ามาตลาดในเมืองอีกครั้ง เขาอยู่ที่ร้านค้าที่ให้บริการโทรทางไกล แม่ค้าอออกมา
“โทรทางไกล”
ภูผาสีหน้าเครียดส่งกระดาษเบอร์โทรศัพท์ให้ แม่ค้ารีบกดโทรศัพท์ต่อเบอร์ให้ ภูผามองอย่างรอคอยอย่างจดจ่อ

อรุณแต่งตัวเรียบร้อยลงมาข้างล่าง ไม่มีใครอยู่
อรุณจะเดินออกไปแต่ชะงักเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง
“ชอุ่ม...ชอุ่ม” อรุณตะโกนเรียก
เงียบ ไม่มีวี่แววของชอุ่ม อรุณยืนมองโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงดังไม่ยอมหยุด ก่อนจะตัดสินใจยกหูโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดกำลังจะพูด
“เดือน!” เสียงภูผาพูดอยู่ในสาย
อรุณจำได้ ชะงักเงียบงัน

ภูผาพยายามถามต่ออย่างมีความหวัง
“เดือน...นั่นใช่เดือนหรือเปล่า”
อรุณสีหน้าไม่พอใจมาก
อรุณพูดด้วยน้ำเสียงกระชาก “ผมเองครับพี่ผา”
ภูผาตกใจที่ตัวเองพลาด “อรุณ..เอ่อ...พี่...”
“ถ้าพี่จะคุยกับเดือน คงไม่สะดวกหรอกครับ เพราะตอนนี้เดือนกำลังยุ่งกับการเตรียมงานแต่งงานของเดือนกับผม”
ภูผาช็อก “งานแต่งงาน..เดือนกับนายเหรอ”
อรุณบอกต่อ “ครับพี่...อีกสองอาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่จะจัดงานให้ผมกับเดือน ถ้าพี่ผาว่างก็มาร่วมยินดีกับผมด้วยนะครับ”
ภูผาช็อกๆ อยู่
“พี่ผา...พี่ผาครับ”
ภูผารู้สึกตัว “พี่ฟังอยู่”
“พี่น่าจะมางานผมนะครับในฐานะพี่ชายเจ้าบ่าว” อรุณเน้นเสียง
ภูผาพยายามเก็บอาการที่สุด “พี่ไม่แน่ใจนะ ต้องดูอีกที ตอนนี้งานพี่มันยุ่งๆ น่ะ”
“แต่ผมอยากให้พี่มาพี่จะได้เห็นว่าเดือนตอนที่เป็นเจ้าสาวของผม..สวยมากแค่ไหน”
ภูผาแทบหมดแรงวางสายโทรศัพท์
“พี่ผา...ฮัลโหล..พี่ผา”

เสียงสัญญาณขาดไป อรุณวางสายยิ้มพอใจที่ได้ประกาศความเป็นเจ้าของให้ภูผารู้

ชิงนาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ภูผาขับรถเข้ามาที่ไร่ชา ก้าวลงมายืนมองกวาดสายตาไปรอบผืนไร่ชา ภาพเหตุการณ์นับจากวินาทีที่ภูผาตัดสินใจจะสร้างไร่นี้ให้สำเร็จ แล้วไปพาวงเดือนมาอยู่ด้วยกันผุดพรายออกมา

วันที่ภูผามองสว่างอย่างซึ้งใจ หันมองไร่กว้างใหญ่ก่อนที่จะฮึดลุกขึ้น สว่างหันมามอง
“ขอบใจนะ สักวันฉันจะพาหัวใจของฉันมาที่นี่”
ภูผาหันไปฟันดินฉับ
“คุณผา คุณอยู่ที่ไหนคะ...เดือนเป็นห่วงคุณนะคะ”
“ฉันรู้แล้ว ว่าเขาไม่ได้รังเกียจฉัน เขายังเป็นห่วงฉันอยู่”
วงเดือนยิ้มให้
ภาพรักหวานซึ้ง ของวงเดือนกับภูผาต่างๆ หลั่งไหลเข้ามากระแทกหัวใจภูผาราวสายน้ำ
“ทำไมเธอไม่รอฉัน ทำไม”
ภูผาตะโกนก้องอย่างอัดอั้น
ระหว่างนั้นสว่างเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง หยุดมองภูผาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

บนศาลาสวดพระอภิธรรมศพศรีเรือนเวลานั้นนั้น พระสงฆ์นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว อนุต ศรีดาราช่วยกันยกอาหารถวาย
อรุณมองวงเดือนที่นั่งหน้านิ่งอย่างกังวล
“อรุณมาช่วยพ่อกับแม่”
อนุตบอก อรุณจำต้องเข้าไปช่วยอนุตกับศรีดาราถวาย
พฤกษ์จะยกมาอีกสำรับ โฉมไฉไลกับอนงค์รีบเข้ามาช่วยทันที พฤกษ์มีทีท่าอึดอัด
วงเดือนกับชอุ่มยกถาดส่งให้เมฆา เมฆารับมามองเห็นว่าในถาดมีบัวลอยน้ำขิงกับดอกโกมาชุมวางประดับอยู่ด้วย
วงเดือนจะปล่อย
“เดือน..ถวายกับฉันสิ”
วงเดือนอ้ำอึ้ง
“เธอทำบัวลอยน้ำขิงให้คุณย่าไม่ใช่เหรอ ช่วยฉันถวายพระส่งให้คุณย่านะ รับใช้ท่านอย่างที่เธอตั้งใจไง”
วงเดือนน้ำตาคลอขยับตัวมาช่วยเมฆาประเคนอาหารถวายพระ
อรุณมองอย่างไม่พอใจ

เวลาผ่านไป ทุกคนกำลังกรวดน้ำ ศรีดารา อนุต และอรุณอยู่ด้วยกัน พฤกษ์ อนงค์ และโฉมไฉไลกรวดน้ำด้วยกัน ในขณะที่เมฆากับวงเดือนนั่งติดกัน
พระสงฆ์เริ่มอาราธนาศีล ในขณะที่ทุกคนกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ศรีเรือน
จังหวะนั้นวงเดือนเหลือตามองไปที่รูปภาพของศรีเรือนแล้วสะท้อนใจ เสียใจ จนกลั้นน้ำตาไม่อยู่น้ำตาร่วงรินร้องไห้ด้วยความอาลัยศรีเรือน
อนงค์มองอย่างสงสัย โฉมไฉไลมองด้วยความหมั่นไส้
“โฉม แม่นั่นเป็นใครร้องไห้อย่างกับจะตายตาม”
“มันชื่อวงเดือน เป็นเด็กในบ้านแสนสมุทร” โฉมไฉไลหมั่นไส้มาก
อนงค์ซัก “คนนี้น่ะเหรอ ที่แกบอกว่าลูกชายบ้านแสนสมุทรหลงรักมันทุกคน”
เมฆามองวงเดือนอย่างเข้าใจ
เมฆาวางมือบนมือวงเดือนที่แตะขอบถ้วยกรวดน้ำอยู่ “คุณย่าท่านรับรู้แน่ว่าเธอรักท่าน”
พฤกษ์อึ้ง
อรุณมองอย่างไม่พอใจ อารมณ์หึงแล่นลิ่วขยับจะเข้าไป อนุตจับแขนอรุณไว้ อรุณหันมอง
อนุตปราม “ทำบุญให้คุณย่า”
อรุณจำต้องหยุดไม่กล้าขยับได้แต่ยืนมอง มืออรุณกำแน่นด้วยความโกรธ
“มันจงใจร้องไห้เรียกคะแนนความสงสารจากเมฆา ม๊าเห็นหรือยังว่านังนี่มันร้ายขนาดไหน”
อนงค์มองพฤกษ์เห็นพฤกษ์มองวงเดือนอย่างอาลัยอาวรณ์
อนงค์พูดบอกโฉมไฉไลเบาๆ “ถ้าแกชวดจากบ้านแสนสมุทร ฉันเอาแกตายแน่ยัยโฉม”
โฉมไฉไลมองวงเดือนอย่างอาฆาตมาดร้าย และไม่มีวันดีด้วย!!

ทุกคนกลับเข้ามาในห้องโถงตรงโต๊ะรับแขกบ้านแสนสมุทรแล้ว อนุต กับศรีดาราลงนั่ง สีหน้าทุกคนยังโศกเศร้าไม่จาง
“พ่อจะเก็บศพคุณย่าไว้ร้อยวัน พ่อจะรอให้ภูผากลับมาไหว้ศพคุณย่า” อนุตปรารภขึ้น
อรุณเหลือบตามอง เห็นวงเดือนมีปฏิกิริยาสนใจขึ้นมาทันที อรุณชักสีหน้า
“พี่ผาจะกลับมาเหรอครับพ่อ” อรุณหยั่งเชิง
“คุณรู้เหรอคะว่าลูกอยู่ที่ไหน ติดต่อลูกได้แล้วเหรอคะ”
วงเดือนมองอนุตอย่างมีความหวัง
“ผมไม่รู้ว่าภูผาอยู่ที่ไหน แต่ผมเชื่อว่าคุณแม่ต้องการรอ รอให้ภูผากลับมาลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย พรุ่งนี้ผมจะพาคุณแม่กลับมาที่บ้านแสนสมุทร”
อรุณมองจับอาการวงเดือนเห็นวงเดือนยิ้ม สีหน้ามีความหวังมาก อรุณหน้าตึงไม่พอใจทันที
“ชอุ่ม ไปเอาน้ำเย็นมาทีสิ” ศรีดาราบอก
ชอุ่มรับคำ “ค่ะ คุณท่าน”
“เดือนไปช่วยนะคะ” วงเดือนอาสา
พฤกษ์ กับเมฆากำลังจะแยกย้ายกันกลับห้องไป
“เดี๋ยว” อรุณจับแขนวงเดือนไว้ไม่ให้ไปไหน
ทุกคนมองอรุณว่ามีอะไร
“พ่อต้องทำตามสัญญาเรื่องงานแต่งงานของผมกับเดือน ผมจะแต่งงานกับเดือนภายในอาทิตย์หน้า”
วงเดือน พฤกษ์ และเมฆาอึ้ง
อนุตไม่พอใจ “อรุณ...คุณย่าเพิ่งเสียเองนะ ลูกควรจะรอเวลาที่เหมาะสม”
อรุณยื่นคำขาด “ผมไม่อยากรออีกแล้ว! ผมต้องการแต่งงานกับเดือนให้เร็วที่สุด”
“อรุณ!” อนุตโมโหแล้ว
“แม่ครับ...แม่สัญญากับผมแล้ว”
ศรีดาราอึกอัก ลำบากใจเช่นกัน “อรุณ...แม่ว่า”
อรุณเริ่มไม่พอใจมากขึ้น “ทุกคนโกหกผมใช่ไหม ทั้งที่เดือนบอกแล้วว่าเลือกผม แต่พวกพี่ก็ไม่
เลิกยุ่งกับเดือน”
พฤกษ์เตือนสติน้อง “อรุณ..แกควรจะใจเย็นและก็ตั้งสติ”
“อรุณ พวกพี่เป็นห่วงดือนแต่ไม่ได้คิดจะแย่งเดือนจากแก” เมฆามองหน้าอรุณ
อรุณขัดขึ้นทันที “ผมไม่เชื่อ!” หันไปหาพ่อ “พ่อครับ! งานแต่งของผมจะเกิดขึ้นใช่ไหม”
อนุตเงียบงัน อึดอัดใจกับเรื่องนี้เหลือเกิน
“ได้ ถ้าพ่อกับแม่ไม่รักผมแล้ว อยากให้ผมตาย ผมก็จะให้ทุกคนสมหวัง”
อรุณจะออกไป ศรีดาราเข้าคว้าตัวอรุณไว้
“อรุณ! อย่าไปนะลูก”
“ปล่อยผมนะแม่! ถ้าไม่ช่วยผมก็ปล่อยผม”
“ไม่นะอรุณ! ลูกจะตายไม่ได้นะ” ศรีดาราหันมาทางอนุตสายตาวิงวอนร้องขอ “คุณคะ”
อนุตเครียด แต่จำต้องยอม “ได้ งานแต่งจะมีอาทิตย์หน้า”
พฤกษ์กับเมฆาประสานเสียง “พ่อ”
“หยุดพูดได้แล้ว แต่งๆ ซะ เรื่องจะได้จบ พวกแกก็เหมือนกัน เมื่อเดือนตัดสินใจแล้วก็ต้องจบแค่นี้”
ทุกคนอึ้ง

แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องทั่วริมชายหาด วงเดือนเดินน้ำตาร่วงมาตามชายหาด เดินเรื่อยมาจนถึงช่วงที่มีดอกไม้ทะเล วงเดือนนั่งลงเก็บดอกไม้ขึ้นมา
นึกถึงเหตุการณ์ใต้แผ่นน้ำ ที่ภูผายื่นดอกไม้ในมือให้ตน
วงเดือนเอาดอกไม้ทะเลแนบอก ร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ

เย็นนั้นหนูนาเดินเข้ามาเห็นดอยยกถาดอาการมาวางที่โต๊ะ
“คุณผาไม่แตะสักกระติ๊ดเลย นี่กลางวันไม่กิน เย็นไม่กิน แล้วก็ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเลยนะลูกพี่”
หนูนามองไปทางห้องภูผาอย่างเป็นห่วง หนูนาตัดสินใจเคาะประตูเรียก
“คุณ...คุณผา...ไม่กินข้าวกินปลา จะอดข้าวตายหรือไงคุณ นี่” หนูนาทุบประตูไม่หยุด
ภูผานั่งเหม่ออยู่ที่มุมหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปข้างนอกอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ
ภาพรักหวานๆ ของภูผากับเดือนผุดขึ้นมาหลอกหลอน
จู่ๆ ภูผาชกผนัง เสียงดังปัง! ชกๆๆ อย่างบ้าระห่ำ
เสียงดังได้ยินออกมาที่หน้าประตู จนหนูนาสะดุ้ง และยังพยายามเคาะประตูต่อ
“คุณผา คุณเป็นอะไรน่ะ คุณผา”
ภูผาตวาลั่นดังออกมา “อย่ายุ่งกับฉัน!”
หนูนาชะงัก ตัดสินใจถอยหลังเดินออกไป

มือภูผาแตกจนเลือดซึมออกมา ภูผาน้ำตาคลอ เจ็บปวดหัวใจสลาย

เย็นนั้น เมฆาก้าวเดินเข้าไปหาวงเดือน ในเวลานั้นสองคนอยู่ภายในห้องนอนของศรีเรือน และในมือวงเดือนกำจดหมายแน่นซ่อนไว้ที่ด้านหลัง วงเดือนพยายามใช้ความคิด พลางก้าวถอยหลังจนมาติดที่เตียง
 
วงเดือนเสียหลักนั่งลงที่เตียง เมฆายื่นมือมาตรงหน้าวงเดือน มั่นใจว่าต้องมีอะไรแน่

“ไม่ว่าเธอจะซ่อนอะไรก็ตาม เอามาให้ฉัน”
วงเดือนอึกอัก “เดือน..เอ่อ..เดือน”
จังหวะนั้นมือวงเดือนสัมผัสกับปลอกหมอนด้านที่เปิดอยู่ วงเดือนสีหน้าเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว จึงยื่นมือออกมาตรงหน้าเมฆา เมฆามองที่มือของวงเดือนเห็นว่าว่างเปล่า
“ไม่มีอะไรแล้วทำไมเธอต้องทำท่าแปลก เหมือนซ่อนอะไรอยู่ด้วย”
“คือ..เดือน...” วงเดือนเหลือบมองไปเห็นขี้ธูปที่ยังค้างอยู่บนหมอน รีบหยิบหมอนขึ้นมา “เดือนทำปลอกหมอนเลอะขี้ธูปน่ะค่ะ เดือนกลัวจะโดนตำหนิก็เลยไม่อยากให้ใครเห็น”
เมฆายังไม่เชื่อ “ถอยไปสิ”
วงเดือนขยับเปิดทางให้เมฆาดู เมฆามองสำรวจตรวจตราไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ เมฆาหันมามองวงเดือนอีกครั้ง
“เดือนขอโทษนะคะ เดือนไม่น่าซุ่มซ่ามเลย เดือน...”
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย ถ้ามันเลอะก็เอาไปทำความสะอาดซะสิ”
“ค่ะ เดือนเอาหมอนไปทำความสะอาดก่อนนะคะ”
วงเดือนรีบอุ้มหมอนศรีเรือน เดินเลี่ยงออกไปเร็วรี่
เมฆาหันกลับไปมองที่เตียงที่ว่างเปล่า แล้วเหลียวมองตามวงเดือนยังรู้สึกสงสัยคาใจไม่หาย

วงเดือนอุ้มหมอนมาที่หน้าห้อง เจอกับชอุ่มที่เดินสวนมา
“เดือน”
วงเดือนสะดุ้งตกใจ “น้าชอุ่ม จะไปไหนเหรอจ๊ะ”
“น้าจะไปเตรียมตั้งอาหารเย็นบนตึกน่ะ” ชอุ่มมองหมอนที่วงเดือนอุ้มอยู่ “แล้วนั่นหมอน
อะไรน่ะ”
“อ๋อ...หมอนของเดือนน่ะ เอาไปตากแดดมาน่ะจ๊ะ วันนี้พี่ชอุ่มตั้งโต๊ะให้คุณๆ คนเดียวได้ไหมจ๊ะ เดือนไม่ค่อยสบายน่ะ”
ชอุ่มเป็นห่วงขึ้นมาทันที “ไม่สบาย เป็นอะไร” เดินเข้ามาอังมือที่หน้าผากวัดไข้ “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ หรือว่าปวดหัว”
“จ้ะ..เดือนปวดหัว เดือนขอไปนอนพักหน่อยนะจ๊ะ”
วงเดือนรีบขึ้นเรือนเข้าไปในห้องทันที
“แล้วไม่กินข้าวเหรอ” ชอุ่มพึมพำเห็นวงเดือนรีบปิดประตู “อืม..ท่าทางจะเป็นมากแฮะ”
จากนั้นชอุ่มก็เดินออกไป

วงเดือนเข้ามาในห้องแล้วรีบล็อกประตูห้องอย่างร้อนรน หญิงสาวรีบล้วงมือเข้าไปในปลอกหมอนหยิบจดหมายออกมา
นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ในห้องศรีเรือน ที่แท้ตอนที่มือของวงเดือนแตะปลอกหมอน เธอแอบสอดจดหมายเข้าไปในหมอน
วงดือนดึงตัวเองกลับมา มองจดหมายในมือด้วยความตื่นเต้น
วงเดือนแกะจดหมายออกมาอ่านอย่างตั้งใจ นิ้วมือของเธอลูบเบาๆ ตามตัวอักษรที่อ่าน จนมาชะงัก กับข้อความในจดหมาย
“ผมเคยคิดว่าผมจะลืมเดือน แต่เมื่อเวลาผ่านมา ผมก็ได้รู้ว่าผมรักเดือนมากจนไม่อาจจะสูญเสียเดือนไปได้”
วงเดือนตื้นตันใจน้ำตาร่วงพรู
“คุณผา” อ่านจดหมายต่อ
“ย่าครับผมอยากขอร้อง ถ้าเดือนรักผมอย่างที่ผมรักเขา ย่าช่วยส่งเดือนมาหาผมได้ไหมครับ ให้หัวใจของเราสองคนได้ร่วมทางกัน ไร่วงเดือนขาดหัวใจไม่ได้ครับย่า”
สีหน้าวงเดือนฉงน อึ้งไป “ไร่วงเดือน”
วงเดือนจับจดหมายมาแนบอกรับรู้สึกแล้วว่าความรักความคิดถึงที่มีต่อภูผานั้นท่วมท้นจนล้นใจ หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้

คืนเดียวกันนั้นภูผานอนอยู่บนกระโปรงหน้ารถจี๊ป นอนมองกำไลไม้ ที่ทำเตรียมไว้ให้วงเดือน ก่อนจะรู้เรื่องหมั้น สายตาของภูผามองไปยังป้ายไร่วงเดือนที่อาบแสงจันทร์
“เดือน...”
ภูผาเห็นสว่างยืนมองมาจากมุมหนึ่ง และดอยขยับเข้ามาข้างนายสว่าง
ดอยบ่นงึมงำ “ข้าวไม่กิน นอนก็ไม่นอน เช้ายังตื่นมาทำไร่ คุณเขาเป็นคนเหล็กหรือเปล่าเนี่ยลุง”
“ทำแบบนี้มันเหมือนฆ่าตัวตายชัดๆ”
“แล้วคุณผาเขาเป็นอะไรน่ะลุง อกหักเหรอ อกหักก็ดีเนอะ ลูกพี่ของดอยจะได้เสียบ”
สว่างเขกหัวดอยดังโป๊ก
“โอ้ย! ลุงเขกดอยทำไมเนี่ย”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่ายุ่งเรื่องผู้ใหญ่ แล้วข้าขอเตือนนะไอ้คำพูดเมื่อกี้เอ็งห้ามไปพูดกับลูกพี่เอ็งเด็ดขาด”
“ก็ดอยพูดความจริงนี่ ดอยอยากให้ลูกพี่สมหวัง”
“แล้วถ้าลูกพี่เอ็งไม่สมหวังขึ้นมา เอ็งจะรับผิดชอบหรือไง อยากเห็นลูกพี่เอ็งนั่งร้องไห้หรือไง”
“ไม่อยากจ้ะ”
“ข้าเตือนก็ฟัง ห้ามทำก็คือห้าม! ไม่งั้นคราวหน้าข้าจะห้ามแบบนี้” ทำเหวี่ยงขาเหมือนเตะบอลใส่
ดอยสะดุ้ง “จ้ะ เตือนก็ไม่ฟัง..เอ๊ย ไม่ทำจ้ะ”

สว่างมองภูผาด้วยสีหน้าเป็นห่วง

เช้าวันต่อมา อนุตอยู่ในสวนกำลังตัดแต่งต้นไม้สองต้นที่กิ่งโน้มพันกันอยู่ เหตุเพราะปลูกใกล้กันจนกิ่งมันขยายแผ่มาเกยกัน โดยมีศรีดารานั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ไม่ห่างนัก ชอุ่มยกของว่างเข้ามาวาง อรุณเดินออกมามองหา

“พี่พฤกษ์กับพี่เมฆาล่ะครับ กลับมาบ้านหรือยังครับ”
“คุณเมฆาไปที่โรงพยาบาล คุณพฤกษ์อยู่ที่ท่าเรือค่ะ”
สายตาอรุณระแวง
“แล้วเดือนไปไหน..อยู่บ้านหรือเปล่า”
อนุตกับศรีดารามองอรุณ คิดว่าจะมีเรื่องรายวันอีกแล้ว
“อยู่ค่ะ...เห็นว่าปวดหัวตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ว่าหายหรือยัง”
“ปวดหัวจริงเหรอ” อรุณระแวงไม่หาย
“อรุณ อีกสามวันแกก็จะแต่งงานอยู่แล้ว ถ้าแกมัวแต่ระแวงว่าเดือนจะไปไหนกับใคร แกจะไม่มีความสุขนะ” อนุตพูดอย่างระอาใจ
“ผมไม่ได้ระแวงเดือน ผมระแวงคนอื่น”
“คนอื่นที่แกพูดถึง พ่อหวังว่าจะไม่ใช่พี่ๆ ของแกนะ” อนุตด่าอยู่ในที
อรุณนิ่ง ศรีดาราเห็นท่าไม่ดี
“อรุณ..หิวไหมลูก”
อรุณตัดบท “ผมขอไปดูเดือนก่อนครับ” อรุณเดินออกไปก้าวอย่างเร็วๆ
ศรีดาราร้องตาม “อรุณ..อรุณ”
อนุตมองตาม พูดเป็นนัย “ผมเห็นความจริงช้าไป”
ศรีดาราหันมามองอนุตว่าหมายความว่ายังไง อนุตขยับตัดแต่งกิ่งสีหน้าเหนื่อยใจ
“เราตั้งใจเลี้ยงลูกให้เติบโต หวังให้แข็งแรง” อนุตมองต้นไม้ตรงหน้าแล้วว่าต่อ “มั่นคงแต่ผมลืมที่จะตัดแต่งดัดกิ่งมันให้เหมาะสมพอดี วันนี้มันแผ่กิ่งก้านระรานต้นไม้อื่น ผมคิดจะดัดกิ่งมันใหม่ กิ่งมันก็แข็งเกินจะดัดได้แล้ว”
ศรีดาราอึ้ง “คุณคะ”
“หวังแค่ว่า..มันจะไม่งัดกับต้นอื่นจนหักโค่นลงมา”
สีหน้าอนุตเป็นกังวล ศรีดารายิ่งกังวลหนัก

อรุณเดินตรงเข้ามาที่หน้าเรือนเล็ก วงเดือนเปิดประตูออกมาจะไปทำงาน
“เดือน…”
วงเดือนชะงัก
“คุณอรุณ”
“ชอุ่มบอกว่าเธอปวดหัว เป็นยังไงบ้าง...ฉันเป็นห่วง”
“เดือนหายแล้วค่ะ..ขอตัวนะคะ”
อรุณคว้าแขนไว้ “เธอจะไปไหน”
“เดือนต้องไปทำงานค่ะ” วงเดือนมองอรุณด้วยสายตาเย็นชา “คุณอรุณจะสั่งอะไรเดือนอีกเหรอคะ”
อรุณชะงัก อึ้งไปในทันที
“ฉัน...”
“เดือนต้องทำงาน ขอโทษนะคะที่เดือนคงทำตามคำสั่งคุณอรุณตลอดเวลาไม่ได้”
อรุณมองสีหน้าเย็นชาของวงเดือน แล้วรู้สึกผิดปล่อยมือจากวงเดือน
วงเดือนเดินออกไปอย่างเฉยชาแน่วนิ่ง อรุณมองตามด้วยความเสียใจ

ศรีดารานั่งอยู่ในสวนจัดดอกไม้สีหน้าเครียดๆ อรุณเข้ามาด้านหลังเงียบๆ
“แม่ครับ”
ศรีดาราหันมา “ว่าไงลูก”
อรุณคุกเข่าลงแล้วเข้ากอดศรีดาราปลดปล่อยความรู้สึกอย่างอัดอั้น “แม่ครับ”
ศรีดาราเห็นก็ตกใจ “อรุณเป็นอะไรลูก”
“เดือนเกลียดผม ผมจะทำยังไงดีครับแม่ ทั้งที่ผมรักเดือน..ทำไมเดือนถึงไม่รักผม เหมือนที่ผมรักเขา...”
ศรีดาราลูบศีรษะอรุณด้วยความหนักใจ

วงเดือนแวะมาที่สถานีรถไฟก่อนเข้าคลินิก และกำลังเดินเข้ามาที่ห้องจำหน่ายตั๋ว
“ตั๋วไปเชียงรายรอบคืนนี้หนึ่งใบค่ะ”
เจ้าหน้าที่ยื่นตั๋วส่งให้พร้อมๆ กับที่วงเดือนยื่นเงินให้ วงเดือนรับตั๋วมามองด้วยสีหน้ามีความหวังมาก จากนั้นก็เดินออกไป

วงเดือนเดินออกมาที่หน้าสถานีสีหน้ามีความสุข วงเดือนเดินไปทางขวาจะไปคลินิกของเมฆา
ระหว่างนั้นรถของเมฆาแล่นผ่านมา เห็นวงเดือนเดินอยู่หน้าสถานีรถไฟ เมฆาจึงบีบแตรเรียก
วงเดือนหันไปเห็นเมฆาก็ตกใจ
“คุณเมฆา”
วงเดือนขยับมือจับกระเป๋าสะพายแน่น เมฆาลงมาจากรถตรงไปหาวงเดือน
“มาทำอะไรแถวนี้”
วงเดือนอึกอักเล็กน้อย “เดือนมาซื้อของน่ะค่ะ”
“แถวสถานีรถไฟเนี่ยนะ ซื้ออะไร?”
“ก็..ของใช้ส่วนตัวน่ะค่ะ”
เมฆามองวงเดือนที่มีแค่กระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ
“แล้วไหนล่ะของน่ะ” เมฆาคาดคั้น
“เอ่อ..พอดีร้านที่จะซื้อเขาปิดน่ะค่ะ” วงเดือนหาเรื่องเบี่ยงความสนใจ “เจอคุณเมฆาก็ดีเลย คุณจะไปคลีนิกใช่ไหมคะ เดือนจะได้ขอติดรถไปด้วย นะคะ”
วงเดือนงัดยิ้มที่อ้อนสุดชีวิต เมฆาเลยต้องยิ้มรับ
“ไปสิ...”
วงเดือนรีบเดินนำไปที่รถทันที เมฆามองตามยิ้มๆ แต่ยังอดหันไปมองสถานีรถไฟอย่างรู้สึกตะหงิด ๆ ในใจไม่ได้
วงเดือนเห็นเมฆายังมองสถานีรถไฟ กังวลกลัวรู้ทัน “คุณเมฆาคะ...ไปกันเถอะค่ะ”
เมฆาจำต้องละความสนใจเดินกลับไปขึ้นรถ กลางสายตามองลุ้นของวงเดือน
 
พอเมฆาขึ้นรถด้านคนขับได้ วงเดือนแอบลอบถอนใจด้วยความโล่งอก

ชิงนาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

อรุณยังนั่งอยู่ในสวน มีศรีดารานั่งอยู่ข้างๆ

“ทั้งที่มะรืนนี้ผมจะแต่งงานกับเดือนอยู่แล้วแต่ผมไม่เคยได้แม้แต่รอยยิ้มจากเดือน ผมจะทำยังไงดีครับแม่”
ศรีดาราบอก “ทำดีไงลูก”
“แล้วผมไม่ดีกับเดือนตรงไหน ผมรัก ผมห่วง”
“แต่ลูกหวงและควบคุมเดือน ต่อหน้าทุกคนลูกก็ยังไม่เว้น ไม่มีใครอยากโดนคุมขังเหมือนนักโทษนะลูก”
อรุณอ้อนแม่ “แต่ผมกลัว”
“ลูกบอกแม่ได้ไหมว่าเดือนชนะใจลูกตรงไหน”
“เดือนเป็นคนน่ารัก ใจดี อ่อนโยนกับผมเสมอ”
“แล้วลูกล่ะน่ารัก ใจดี อ่อนโยนกับเดือนเขาบ้างหรือเปล่า”
อรุณอึ้งไป สีหน้าครุ่นคิด
แล้วภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่อรุณที่ทำไม่ดีกับวงเดือนแว่บผ่านเข้ามา ภาพตอนอรุณบังคับกอดวงเดือนเย้ยพี่ชาย ภาพตอนที่อรุณต่อว่าวงเดือนว่าเป็นเมียเมฆา
อรุณยิ่งคิดสีหน้ายิ่งรู้สึกผิด
“แม่ครับ..มันจะสายเกินไปไหม ถ้าผมจะแก้ตัว”
“อย่าแก้ตัว แต่ลูกจะต้องยอมรับในความผิดและแก้ไข มันจะไม่มีคำว่าสายนะลูกนะ”
อรุณได้คิดตัดสินใจที่ปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อวงเดือน

พฤกษ์แวะมาที่ภัตตาคารจีนของอนงค์ กำลังอยู่ที่หน้าร้าน โฉมไฉไลรีบเข้ามาหาพฤกษ์
“เรียกผมมาด่วนมีอะไรเหรอโฉม”
“ดูโน่นสิคะ”
พฤกษ์เหลียวตามไป เห็นรถยนต์คันใหม่เอี่ยมจอดอยู่หน้าร้าน
“โฉมซื้อรถใหม่เหรอ”
“รถใหม่แต่โฉมไม่ได้เป็นคนซื้อหรอกค่ะ”
“แล้วใครซื้อล่ะครับ” พฤกษ์งงหนัก
“ก็ว่าที่สามีของโฉมไงคะ ซื้อให้โฉมเป็นของขวัญนะคะพฤกษ์คนขายเป็นเพื่อนกับโฉม พอเขารู้ว่าพฤกษ์จะซื้อให้โฉม เขาก็เอารถมาให้ก่อนเลย พฤกษ์ช่วยไปจัดการให้โฉมด้วยนะคะ”
พฤกษ์อึกอัก “อันที่จริง รถของโฉมมันยังสภาพดีอยู่นะครับ”
โฉมไฉไลพยายามออดอ้อน “ก็รถของโฉมมันเก่าแล้วนี่คะ แล้วโฉมก็กำลังจะเป็นสะใภ้บ้านแสนสมุทรถ้าใช้รถเก่าๆ จะทำให้พฤกษ์เสียหน้าไปด้วยนะคะ”
“โฉมไม่ต้องกังวลหรอกครับ คุณพ่อคุณแม่หรือแม้แต่ผมไม่เคยสนใจเรื่องหน้าตา แต่ถ้ารถของโฉมมีปัญหาจริงๆ ที่บ้านผมก็มีรถอีกหลายคัน ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ก็ได้”
“แต่โฉมไม่อยากใช้รถเก่า พฤกษ์คิดถึงหน้าโฉมบ้างสิคะ”
เห็นพฤกษ์หน้าตึง โฉมไฉไลนึกได้ว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะขึ้นเสียง
“พฤกษ์ขา ซื้อให้โฉมนะคะ”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่มีเงินเยอะขนาดจะซื้อของชิ้นใหญ่ๆ โดยไม่วางแผนก่อน”
โฉมไฉไลชะงัก “พฤกษ์น่ะเหรอคะไม่มีเงิน จะเป็นไปได้ยังไง”
พฤกษ์อธิบาย “ทุกวันนี้ผมได้เป็นเงินเดือนแต่ละเดือนจากกงสี แต่ถ้าจะใช้มากกว่านั้นจะต้องให้คุณพ่อท่านร่วมตัดสินใจด้วย มันเป็นกฎน่ะครับ ผมขอโทษนะโฉม” ทำท่าจะไป “เดี๋ยวเรือจะเทียบท่า ผมต้องไปทำงานแล้ว ผมไปก่อนนะ”
พฤกษ์ปลดมือโฉมไฉไลที่คล้องอยู่แล้วเดินออกไปทันที โฉมไฉไลมองตามอย่างขัดเคืองใจ

ขณะที่พฤกษ์เดินเข้ามาที่ท่าเรือ ลูกน้องวิ่งเข้ามาหา
“คุณพฤกษ์ มีคนมาหาครับ”
พฤกษ์มองตาม เห็นประกอบเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพฤกษ์ ผมเป็นตัวแทนขายรถให้กับคุณโฉม คือคุณโฉมให้ผมมาคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อรถคันนี้ครับครับ”
พฤกษ์มองประกอบ สีหน้าเครียดจัด

สาวิตรีเดินเข้ามาหาโฉมไฉไล ประกอบตามหลังสาวิตรีมา หน้าหงิกไม่พอใจทั้งคู่
“ยัยโฉม ไหนเธอบอกว่าคุณพฤกษ์จะซื้อรถให้แกไง แฟนฉันอุตส่าห์รีบเอารถมาให้แกโดยไม่ต้องวางเงินดาวน์สักบาท แต่พอไปทวงถามกับคุณพฤกษ์ คุณพฤกษ์ปฏิเสธ แล้วบอกให้มารับรถคืนไปเนี่ย
โฉมไฉไลแก้เก้อ “ก็พฤกษ์เขายังไม่อยากซื้อคันนี้น่ะ เขามีปัญหานิดหน่อย”
สาวิตรีไม่อยากเชื่อ “ไม่อยากซื้อหรือไม่ให้ซื้อกันแน่ เป็นถึงว่าที่สะใภ้แสนสมุทร เงินแค่แสน
สองแสนจะมีปัญหาได้ยังไง” มองมาด้วยสายตาหยามมาก
“ก็ฉันบอกว่ามันมีปัญหาไง”
“รถใหม่เพิ่งออกจากโรงงานจะมีปัญหาได้ยังไง อย่ามาอ้างดีกว่า ฉันอุตส่าห์คุยกับแฟนฉันไว้เยอะว่าเธอน่ะเงินถุงเงินถัง ที่แท้ก็ถังแตก”
“สาวิตรี มันจะมากไปแล้วนะ”
“ก็รถมันดีขนาดนี้ ทางฉันไม่มีปัญหา เธอจะซื้อไม่ได้เพราะปัญหาเดียวคือเธอไม่มีปัญญา” สาวิตรีคว้ากุญแจรถจากมือโฉมไฉไล หันไปหาประกอบ “ไปกันเถอะค่ะคุณ”
สาวิตรีสะบัดเดินควงประกอบขึ้นรถขับออกไป
โฉมไฉไลกำมือแน่นด้วยความแค้น คำรามในลำคอ

“พฤกษ์! ความอับอายครั้งนี้คุณต้องชดใช้”

ค่ำคืนนั้น ขณะที่วงเดือนเดินถือกระเป๋าลงมาจากเรือน พลางมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร วงเดือนจึงเดินออกไปทางประตูหน้าบ้าน และกำลังจะผ่านแถวๆ พุ่มไม้

ยินเสียงอรุณเรียกดังขึ้นมา “เดือน”
วงเดือนชะงักตกใจ ไวเท่าความคิดหญิงสาวตัดสินใจเสียบกระเป๋าเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ๆ
อรุณเดินเข้ามาถึงตัว มองการแต่งตัวของวงเดือนอย่างแปลกใจ “เดือนจะไปไหนเหรอ”
“เปล่านี่คะ”
“ก็เดือนแต่งตัวเหมือนจะออกไปไหน”
วงเดือนมองตัวเองทำเป็นนึกได้ “อ๋อ..ตั้งแต่เดือนกลับมาเดือนยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะค่ะ”
อรุณทำท่าจะซักต่อ
วงเดือนรีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณอรุณมาหาเดือนมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
อรุณไม่พอใจจะชักสีหน้าแล้วนึกได้ “เดือน..ฉันขอโทษนะที่ฉันพูดแรงๆ แล้วก็ทำไม่ดีกับเธอหลายๆ ครั้ง เดือนยกโทษให้ฉันได้ไหม”
วงเดือนอึ้งๆ ที่เจอคุณหนูอรุณเวอร์ชั่นสำนึกผิดแบบนี้
“เดือนยกโทษให้คุณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเดือนไม่เคยโกรธคุณ”
อรุณดีใจมาก “จริงเหรอ..ขอบคุณนะเดือน ขอบคุณ...”
“ดึกแล้ว คุณไปพักผ่อนดีกว่านะคะ อากาศเย็นๆ เดี๋ยวอาการจะกำเริบขึ้นมาอีก”
“ฉันไม่ไป จนกว่าเดือนจะสัญญาว่าพรุ่งนี้เดือนจะไปกับฉัน”
“พรุ่งนี้? ไปไหนคะ”
“สัญญามาก่อนสิว่าเดือนจะไปกับฉัน นะเดือนนะ”
วงเดือนอึกอัก “แต่เดือน...” ไม่อยากสัญญา
“ฉันขอร้อง ถ้าเดือนไม่ไปแสดงว่าเดือนยังโกรธฉันอยู่ นะเดือนนะ ไปกับฉันนะ”
วงเดือนรับปากเพื่อตัดปัญหา “ก็ได้ค่ะ เดือนจะไปกับคุณ”
“จริงนะ งั้นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงฉันจะมารับนะ”
วงเดือนจำต้องรับปาก “ค่ะ”
อรุณดีใจเดินร่าเริงออกไป วงเดือนมองตามลำบากใจ ก่อนจะหันมาหยิบกระเป๋าขึ้นมากอด
“คุณผา...ขอเวลาเดือนอีกนิดนะคะ รอเดือนนะ”

รุ่งเช้า ภูผาขับรถมาตามทางในไร่ สว่างนั่งด้านข้างภูผาเหม่อจนมือจับพวงมาลัยไม่มั่นคง รถเริ่มไถลไปทางซ้าย สว่างมองตกใจหันมองภูผาที่ยังดูเหม่อไม่รู้สึก
“คุณผา...”
รถยังวิ่งต่อและกำลังจะพุ่งเข้าหาต้นไม้ สว่างตัดสินใจตะโกนพร้อมกับจับพวงมาลัยหมุนไปทางขวาให้พ้นแนวของต้นไม้
สว่างตะโกน “คุณผา”
ภูผาได้สติเหยียบเบรกและจับพวงมาลัยยั้งไม่ให้หลุดจากถนน รถหยุดเอี๊ยด! ภูผานั่งอึ้ง
“คุณผา...คุณเป็นอะไรครับ ทำไมสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
“ฉันขอโทษ..ที่เกือบทำให้นายสว่าง...”
“ผมไม่ได้ถามเพราะกลัวตาย คุณผาคุณมีไร่ มีคนงาน มีความหวังของคุณย่า มีชีวิตของตัวเองอยู่ในมือ ขาดสติแม้แต่นิดเดียว เท่ากับคุณจะสูญเสียทุกอย่างที่คุณสร้างมา มันคุ้มแล้วเหรอครับ”
“แต่ผมเลิกคิดไม่ได้ ทั้งที่ผมมั่นใจว่าเดือนรักผมแต่ทำไมเดือนถึงจะแต่งงานกับอรุณ ผมไม่เข้าใจ”
“ก็ไปถามสิครับ...”
ภูผาหันมองนายสว่าง
“เวลาเรามีคำถามแล้วมันหาคำตอบไม่ได้นี่มันหงุดหงิดนะครับ พอหงุดหงิดมันจะพาลให้อย่างอื่นแย่ไปด้วย ยิ่งคุณผาเหม่อบ่อยแบบนี้ เกิดลืมจ่ายเงินเดือนพวกผม พวกผมก็แย่สิครับ”
“แล้วถ้าเขาไม่ได้รักผมแล้ว”
“เจ็บ...แต่จบครับ แล้วก็จะได้รู้ซะทีว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตไงครับ มีแต่ได้กับได้แบบนี้ คุณผาจะเลือกแบบไหนล่ะครับ จมกับคำถาม หรือ ลุยให้รู้คำตอบ”
ภูผานิ่งครุ่นคิดตาม

เมฆาเข้ามาที่หน้าคลินิกเห็นประตูปิดอยู่ เมฆาพึมพำอย่างแปลกใจ
“ทำไมยังไม่มาเปิดคลินิกอีก”
เมฆาคิดไปคิดมา รู้สึกเป็นห่วงวงเดือนรีบเดินกลับออกไป

เมฆาเดินเร็วๆ เข้ามาที่หน้าเรือนเคาะประตู วงเดือนเปิดประตูออกมา ชะงักที่เห็นเมฆา
“คุณเมฆา”
“เธอไม่สบายเหรอ ทำไมไม่ไปที่คลินิก”
“เดือน...เดือนมีนัดน่ะค่ะ”
เมฆาฉงน “นัด..นัดกับใคร”
อรุณเดินเข้ามา
“นัดกับผมไงครับพี่” พลางเข้าไปยืนข้างวงเดือน “พี่เมฆา เดือนจะแต่งงานกับผมพรุ่งนี้อยู่แล้ว พี่จะไม่ให้เดือนได้หยุดเตรียมตัวบ้างเลยเหรอครับ”
เมฆาอึ้ง
“ถ้าพี่เมฆาไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวเจ้าสาวผมไปก่อนนะครับ”
อรุณจูงมือวงเดือนออกไป เมฆามองตาม ลึกลงไปในสีหน้านิ่งนั้นเจ็บปวดนักที่โดนพรากของที่ตัวเองรักไปต่อหน้า

เวลานั้นพฤกษ์กำลังยืนดูลูกเรือขนปลาขึ้นจากเรือ
“คุณพฤกษ์ ปลาที่จะใช้ในงานแต่งคุณพรุ่งนี้ ผมให้คนงานเอาไปส่งที่บ้านแสนสมุทรเลยนะครับ”
พฤกษ์สีหน้าเหนื่อยๆ ที่ได้ยินลูกเรือบอก
“อืม...”
“ร่าเริงหน่อยสิครับ จะแต่งเมียทั้งที” ลูกเรือแซว
พฤกษ์ตัดบท “ถ้าเสร็จแล้วก็จัดการทำความสะอาดเรือด้วยนะ ความสะอาดของที่เก็บปลามันสำคัญ”
ลูกเรือเห็นพฤกษ์หน้าเครียดก็เดินเลี่ยงไป
พฤกษ์จะเดินกลับ แต่ชะงักที่เห็นชอุ่มกับลูกเรือสองสามคนแบกเครื่องมือช่างเข้ามาพะรุงพะรัง
“ขอบใจทุกคนมากนะ”
พฤกษ์เรียกขึ้น “ชอุ่ม”
ชอุ่มตกใจ “คุณพฤกษ์”
พฤกษ์มองชอุ่ม สลับกับมองลูกเรือที่ถือเครื่องมือ “นี่พาคนของฉันไปทำอะไรมา”
“คุณอรุณสั่งน่ะค่ะ”
พฤกษ์งง “อรุณสั่ง...ทำอะไร”
“คุณอรุณบอกว่าเป็นความลับน่ะค่ะ”
“อรุณสั่งทำอะไร”

ชอุ่มเห็นใบหน้าพฤกษ์ยามนี้โหดปนดุเหลือเกิน มองอย่างสยองว่าถ้าไม่ตอบโดนแน่

ทางด้านอรุณกำลังจูงมือวงเดือนที่หลับตาในมือถือปิ่นโตมาด้วย สองคนเดินเข้ามาที่ชายหาด

“เดือนลืมตาได้หรือยังคะ” วงเดือนเอ่ยถามขึ้น
อรุณจับวงเดือนให้หันไปทางแพในทะเล ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ค่อยๆ ลืมตานะ”
วงเดือนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นภาพเบื้องหน้าเป็นแพถูกขึ้นโครงสี่เสาประดับด้วยดอกไม้สีขาวน้อยๆ เก๋ๆ
อรุณ “ชอบไหม”
วงเดือนหันมามองหน้าอรุณด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณอรุณ”
“ฉันตั้งใจทำให้เดือนเลยนะ” อรุณพูดพร้อมรอยยิ้ม “ของขวัญวันแต่งงานของเรา”
วงเดือนชะงักมองอรุณด้วยความรู้สึกสงสาร
“ขอบคุณนะคะ เดือนชอบมากค่ะ”
สีหน้าอรุณบอกให้รู้ว่าเขาดีใจมาก
“จริง ๆ นะ ฉันดีใจนะที่เดือนชอบ”
ครู่ต่อมาอรุณอยู่บนแพดังกล่าวกับวงเดือนแล้ว วงเดือนจัดการเปิดปิ่นโตออกมาวาง
“ดีนะคะที่คุณอรุณให้เดือนทำปิ่นโตมาด้วย จะได้ทานมื้อกลางวันด้วย”
“ได้สิ ดีจัง ฉันไม่ได้กินฝีมือเดือนนานมากแล้วนะ”
วงเดือนกับอรุณกำลังจะลงมือทาน
“ขอบคุณนะเดือน” อรุณเอ่ยขึ้น
วงเดือนชะงัก
“ขอบคุณที่ยอมแต่งงานกับฉัน ขอบคุณที่เดือนจะอยู่ข้างฉันตลอดไป”
ฟังแล้ววงเดือนยิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีก
วงเดือนเสไปตักกับข้าวใส่ให้อรุณ “ทานนี่สิคะ ไม่เผ็ดอย่างที่คุณชอบเลย”
อรุณตักทานสีหน้าอิ่มเอิบมีความสุขมาก
“อร่อยมาก...เดือนทานด้วยสิ” อรุณตักกับข้าวให้
วงเดือนฝืนยิ้มแล้วตักทาน มองอรุณรู้สึกผิดมาก ๆ
อรุณกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุขล้น ในขณะที่ลึกลงไปในสีหน้าวงเดือนเวลานี้หญิงสาวรู้สึกผิดมาก

ทานเสร็จกันแล้ววงเดือนเก็บปิ่นโตเรียบร้อย วงเดือนหันมาเห็นอรุณนั่งมองทะเล สีหน้าดูง่วงงุนสัปหงก วงเดือนมองแล้วตัดสินใจเข้าไปจับตัวอรุณให้นอนบนตักอย่างอ่อนโยน เพื่อชดเชยตามความรู้สึกผิดในใจของตัวเอง อรุณยิ้มดีใจมาก
อรุณหยิบดอกไม้จากที่แต่งไว้ดอกหนึ่ง ทัดข้างหูวงเดือน อรุณนอนแหงนมองยิ้มอย่างเป็นสุขพร้อมจับมือวงเดือนมาแนบไว้ที่อก
“ฉันรักเดือนนะ...”
เดือนสะเทือนใจ ฝืนยิ้ม ปัดผมอรุณที่ปรกหน้าผากเบาๆ อรุณหลับตามีความสุข
เดือนมองออกไปที่ทะเล น้ำตาคลอนิด ๆ
ที่ริมชายหาดเวลานั้น พฤกษ์ยืนมองภาพบนแพด้วยสีหน้าเจ็บปวด พฤกษ์ต่อยต้นไม้สุดแรง แล้วหันเดินออกไปอย่างเสียใจ
พฤกษ์เดินตัวไปแล้ว ขณะที่เมฆายังคงยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่ง เมฆากำหมัดแน่นมองด้วยความเจ็บปวด

อรุณจูงมือวงเดือนกลับเข้ามาจะพากลับไปที่เรือน
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่เรือนนะ ฉันเป็นห่วง”
“คุณอรุณคะ...เดือนอยากไปกราบคุณศรีเรือนน่ะค่ะ”
“ไปสิ ฉันไปด้วย” อรุณยิ้มเข้าใจไปเอง “จะไปขอพรจากคุณย่าสำหรับงานแต่งเราใช่ไหม”
วงเดือนไม่อยากโกหก จึงยิ้มนิดๆ แทนคำตอบ

พออรุณพาวงเดือนเข้ามาชะงักที่เห็นอนุตกับศรีดารามานั่งอยู่ก่อนแล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่ยังไม่นอนเหรอครับ”
“คุณพ่ออยากสวดมนต์ให้คุณย่าฟังน่ะลูก แล้วอรุณล่ะ” ศรีดาราบอก
“เดือนอยากมาขอพรจากคุณย่าสำหรับงานแต่งพรุ่งนี้ครับ” อรุณยิ้ม
“ดีแล้ว ลูกหลานมีความสุข คุณย่าคงดีใจ” ศรีดาราปลื้ม
วงเดือนมองรอยยิ้มเหนื่อยๆ ของอนุตกับศรีดารา จังหวะนั้นวงเดือนขยับเข้าไปตรงหน้าอนุตกับศรีดารา แล้วก้มลงกราบ
อนุตกับศรีดาราชะงัก
“เดือนขอบคุณคุณท่านทั้งสองมากนะคะที่ให้ความเมตตาเลี้ยงดู ให้การศึกษากับเดือน พระคุณของคุณท่านเดือนคงไม่มีวันตอบแทนได้หมด” ในชาตินี้
ศรีดารายิ้มมองหน้าวงเดือน “เดือน...ป้าคิดว่าเดือนเป็นเหมือนลูกคนหนึ่งของป้า แล้วป้าก็ดีใจที่
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป เดือนก็จะได้เป็นลูกสาวของป้าจริงๆ สักที”
อนุตนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ “ขอบใจนะเดือน...”
วงเดือนมองอนุต สลับกับมองศรีดารายิ่งรู้สึกผิดในใจมากขึ้น วงเดือนน้ำตาคลอก้มลงกราบอนุตกับศรีดารา
อรุณขยับเข้ามานั่งตรงหน้าอนุตกับศรีดาราบ้าง
“ถ้าผมทำอะไรไม่ดีไป ผมต้องขอโทษพ่อกับแม่ด้วยนะครับ แล้วผมก็ขอบคุณที่พ่อกับแม่ยอมให้ผมแต่งงานกับเดือน ขอบคุณครับ”
อรุณกราบอนุตกับศรีดารา สองคนยิ้มพอใจที่อรุณดูมีความสุข
อนุตกับศรีดาราจะลุก อรุณเข้ามาประคอง
“ผมไปส่งพ่อกับแม่ที่ห้องก่อนนะเดือน”
อรุณพาอนุตกับศรีดาราออกไป
วงเดือนหันกลับมามองที่โลงศพของศรีเรือน วงเดือนก้มลงกราบบอกกล่าวดวงวิญญาณศรีเรือน
“คุณท่านคะ เดือนรู้ว่าการกระทำของเดือนอาจทำให้หลายคนต้องเสียใจ แต่เดือนขออนุญาตใช้หัวใจตัวเองตัดสินนะคะคุณท่าน ขอให้คุณท่านช่วยเปิดทางให้เดือนได้ไปหาคุณผาด้วยนะคะ”
วงเดือนกราบด้วยความเคารพ แล้วนั่งมองโลงศพของศรีเรือนด้วยความหวัง

เวลาเดียวกัน ขณะที่ภูผากำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า หนูนาเคาะประตู
“คุณ!”
ภูผาผละมาเปิดประตูให้ เห็นหนูนายืนหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับอยู่
“ข้าวเย็นของคุณฉันยกขึ้นมาแล้ว”
“ขอบใจ เดี๋ยวฉันไปกินเอง”
หนูนามองเข้าไปในห้องเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของภูผา
“คุณจะไปไหน”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ”
ภูผาปิดประตู หนูนาคิดอยู่สักครู่ แล้วรีบออกไป

หนูนาตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้จากสว่าง
“กลับบ้านแสนสมุทร! ทำไมล่ะลุง ทำไมเขาต้องกลับไป”
“ที่นั่นเป็นบ้านของเขา คนที่เขารักก็อยู่ที่นั่น”
หนูนาสะเทือนใจ
“เหตุผลแค่นี้พอไหม”
หนูนานิ่งอึ้ง
“หนูนา..เอ็งอย่าดื้ออีกเลย ความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ ฤทธิ์ของความรักมันรุนแรงแค่ไหน ตอนนี้เอ็งก็น่าจะเข้าใจว่าคุณผาก็คงทนฤทธิ์ของความรักไม่ได้เหมือนกัน คุณผาไม่เคยให้ความหวังเอ็ง ลุงเชื่อว่าเอ็งก็รู้ว่ามันไม่มีทาง ตัดใจซะ”

หนูนาน้ำตาร่วงริน สว่างได้แต่ลูบหัวหลานสาวด้วยความสงสาร

ชิงนาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ตึกภายในบ้านแสนสมุทรไฟเริ่มดับลงทีละดวงๆ จนหมดทุกหลัง ความมืดครอบคลุมทุกพื้นที่วงเดือนถือกระเป๋ายืนไล่สายตามองตัวตึกทุกหลัง น้ำตาร่วง

“เดือนขอโทษนะคะ..ขอโทษ”
วงเดือนหันหลังกลับ เดินดุ่มออกจากบ้านแสนสมุทรไปอย่างมุ่งมั่น

ค่ำคืนเดียวกัน ภูผาวางมือบนกระเป๋าที่จัดเรียบร้อยแล้ว หยิบกำไลไม้ขึ้นมามองละสายตาออกไปชมพระจันทร์นอกหน้าต่าง พึมพำออกมา
“รอฉันนะเดือน..รอฉัน”

วงเดือนนั่งอยู่บนรถไฟที่กำลังแล่นไปตามทาง ผินหน้าออกไปมองพระจันทร์ สีหน้ามีความหวัง
“คุณผา...” วงเดือนยิ้มให้ตัวเอง

รุ่งเช้าภูผาวางกระเป๋าบนหลังรถ
“ผมจะไปส่งที่สถานีนะครับ”
ดอยรีบวิ่งมาเสนอหน้าทันที “ดอยขอไปส่งคุณผาด้วยนะจ๊ะ”
หนูนาเดินออกมา ชะงักที่เห็นภูผากำลังจะไปสถานีรถไฟแล้ว
“ฉันไปก่อนนะหนูน้อย”
หนูนาเดินหน้าบึ้งตึงออกไปอีกทาง ภูผามองตามอย่างลำบากใจกับท่าทีหนูนา
“ปล่อยมันเถอะครับ คุณผารีบไปดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ”
ภูผากระโดดขึ้นรถ ดอยกับสว่างตาม จากนั้นสว่างก็สตาร์ทเครื่องขับรถแล่นออกไป
หนูนายืนมองตามด้วยสายตาเจ็บปวด

ไม่นานต่อมา รถที่สว่างขับแล้นเข้ามาจอดที่ลานจอดในสถานีรถไฟ ภูผาลงจากรถ สว่างกับดอยตามลงมา
“ผมจะไปซื้อตั๋วนะครับ”
สว่างไปซื้อตั๋ว ดอยตามนายสว่างไป ภูผาก้าวเข้าไปรอภายในสถานี
รถไฟเข้ามาจอดเทียบชานชลาในสถานีแล้ว ภูผาเหลียวมองไปเห็นชายหญิงชาวบ้านคู่หนึ่งเดินเข้ามารับ พ่อแม่วัยชราซึ่งก้าวเดินลงจากรถไฟ
สว่างเข้ามาหาภูผา “ตั๋วครับคุณผา”
ภูผาหันมาหาสว่าง โดยกลับหลังหันให้รถไฟ ในจังหวะที่วงเดือนก้าวเดินลงมาจากรถไฟพอดิบพอดี
สองคนภูผากับวงเดือนอยู่ห่างกันแค่กลุ่มชายหญิงชาวบ้านที่ยังคุยสวมกอดกันอย่างดีใจ
วงเดือนเดินผ่านกลุ่มครอบครัวนั้น ผ่านภูผาพลางมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคย
“คุณผารีบขึ้นรถเถอะครับ รถไฟใกล้จะออกแล้ว”
ภูผาจะไปขึ้นรถไฟ บังเอิญว่าตั๋วรถไฟในมือหล่นร่วงลงพื้น
เวลาเดียวกันนั้นมีตั๋วรถไฟปลิวมาที่เท้าของวงเดือนเช่นกัน วงเดือนก้มลงเก็บตั๋วขึ้นมา
“ขอโทษครับ ตั๋วของผม”
วงเดือนหันมาเห็นชายคนหนึ่ง จึงส่งตั๋วใบนั้นให้ ชายคนนั้นรับไป ในจังหวะเดียวกันนั้นภูผาก็เดินมาก้มเก็บตั๋วรถไฟ จังหวะที่วงเดือนหันมาพอดี
วงเดือนหันกลับ ภูผาเก็บตั๋วที่หล่นอยู่แล้วยืดตัวขึ้นห้วงเวลาเดียวกับที่วงเดือนเดินออกไป ภูผาเดินไปขึ้นรถไฟ
สองคนคลาดกันอย่างน่าเสียดาย และโดยไม่รู้ตัว


ดอยรอสว่างอยู่ที่รถ นั่งกินขนมห้อยขาสบายใจเฉิบ วงเดือนเดินออกมา มองซ้ายมองขวาไม่รู้จะไปไหนดี
คนขับรถรับจ้างมองๆ แล้วเดินเข้ามาหาวงเดือน
“คุณผู้หญิงจะไปไหนครับ”
“ฉันจะไปไร่วงเดือน ตามที่อยู่นี้น่ะจ้ะ”
วงเดือนยื่นกระดาษที่อยู่ให้ ดอยหูผึ่งชะงักที่ได้ยินชื่อไร่ มองวงเดือนอย่างสนใจ
“อ๋อ..ผมรู้จักครับ แต่มันไกลนะครับ” ชายคนนั้นว่า
วงเดือนดีใจมาก “ไกลก็ไม่เป็นไร...ว่าแต่ค่ารถเท่าไหร่จ๊ะ”
คนขับรถมองวงเดือนอย่างเจ้าเล่ห์ “หนึ่งร้อยบาทครับ”
วงเดือนตกใจที่ค่ารถแพงขนาดนี้ “หนึ่งร้อย! มันไกลมากขนาดนั้นเหรอจ๊ะลุง”
“ก็วิ่งรถเป็นวันล่ะครับ ว่าไงล่ะครับ ถ้าคุณผู้หญิงไม่รีบตัดสินใจ กว่าจะไปถึงก็มืดนะครับ”
วงเดือนจนหนทาง ทำท่าจะยอม “ถ้าอย่างนั้น...”
จังหวะนั้นดอยกระโดดลงจากรถทันที “อย่าไปนะพี่สาว!”
วงเดือนหันไป ดอยเดินห้าวเข้ามาเชียว
“ลุงคนนี้โกหก จะหลอกเอาเงินพี่สาว”
“ไอ้เด็กดอย เอ็งอย่าพูดซี้ซั้ว เจ็บตัวนะเว้ย”
“อ้าว..ลุง เด็กดอยก็สู้คนนะลุง”
“ไอ้นี่!” คนขับฉุนกึก
สว่างเดินเข้ามา ถามทันที “ดอย! มีเรื่องอะไรกัน”
“ก็ตาลุงนี่สิจะหลอกเอาเงินพี่สาว จากที่นี่ไปไร่ของเราเอาตั้งร้อยนึง” ดอยว่า
วงเดือนชะงัก มองหน้าดอย “นี่หนูอยู่ที่ไร่วงเดือนเหรอ” แล้วมองสว่าง “ลุงรู้จักคุณภูผาใช่ไหม
จ๊ะ”
“คุณผาเป็นเจ้านายผมเอง” สว่างบอกเสียงเรียบ
คนขับเห็นสว่างเข้ามายุ่งก็เลยต้องชิ่ง “นี่ตกลงไม่ไปใช่ไหมคุณ”
วงเดือนรีบบอก “จ้ะ ฉันไม่ไปแล้วจ้ะ”
คนขับรถรับจ้างบ่นๆ แล้วรีบเดินเลี่ยงไป “เสียเวลาจริงๆ”
วงเดือนหันไปหาสว่างดีใจมาก “ลุงจ๊ะ ช่วยพาฉันไปหาคุณผาได้ไหมจ๊ะ”
“คุณเป็นใครครับ” สว่างถาม
“ฉันชื่อวงเดือนจ้ะ”
ดอยกับสว่างอึ้งมองวงเดือนเขม็ง
“ตอนนี้คุณผาไม่ได้อยู่ที่ไร่ครับ”
วงเดือนตกใจ “แล้วคุณผาอยู่ที่ไหนจ๊ะ”

“อยู่บนรถไฟขบวนที่จะไปใต้ คุณผากำลังจะกลับไปแสนสมุทรครับ” สว่างบอก

ภูผานั่งอยู่บนรถไฟ หันไปมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่แล้วหยิบกระเป๋ามา ล้วงหาของบางอย่าง จังหวะนั้นเสียงหวูดรถไฟดังลั่น เป็นสัญญาณว่ารถไฟกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากสถานีแล้ว

วงเดือนตกใจที่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ
“คุณผา”
ไวเท่าความคิด วงเดือนทิ้งกระเป๋าลงข้างตัว แล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในสถานีทันที สว่างกับดอยวิ่งตามติด

วงเดือนวิ่งเข้ามาขณะที่ขบวนรถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกจากสถานี
“คุณผา คุณผา เดือนอยู่ที่นี่ คุณผา”
วงเดือนวิ่งตามรถไฟตะโกนไปตามตู้มองหาภูผา รถไฟค่อยๆ แล่นออกจากสถานีเร็วขึ้นๆ
“คุณผา”
วงเดือนสะดุดล้มกระแทกพื้น รถไฟแล่นห่างออกไปจนไม่อาจตามได้ทัน
วงเดือนฟุบหน้าร้องไห้ สะอื้นจนตัวโยน
สว่างกับดอยเข้ามายืนมองวงเดือนที่ร่ำไห้ด้วยความสงสาร

สักครู่ต่อมา วงเดือนเดินตามสว่างกับดอยมายังรถที่จอดอยู่หน้าสถานี
สว่างหยิบกระเป๋าของวงเดือนที่หล่นขึ้นมา “แล้วคุณเดือนจะทำยังไงต่อครับ จะกลับหรือว่าจะไปรอคุณผาที่ไร่”
วงเดือนบอกในสภาพใบหน้ายังเปี่ยมนองไปด้วยหยาดน้ำตา “เดือนขอไปรอที่ไร่แล้วกันค่ะ”
ดอยเดินไปเปิดประตูข้างที่นั่งคนขับให้ “ขึ้นรถสิจ๊ะ พี่สาว”
วงเดือนยิ้มอย่างขอบคุณ “ขอบใจจ้ะ”
ดอยตาค้างมองรอยยิ้มวงเดือนแบบอึ้งๆ
สว่างจะขึ้นรถเห็นดอยยังยืนอึ้งจึงเอานิ้วจิ้มหัวดอยอย่างรำคาญ
“ขึ้นรถ ยืนงงอะไร”
ดอยรีบขึ้นรถ แล้วชะโงกมากระซิบข้างหูสว่าง ข้างที่ไม่ติดกับวงเดือน
“ยิ้มสวยอย่างกับนางฟ้าเลยลุง ดอยใจเต้นเลยล่ะ”
สว่างมองวงเดือนแวบหนึ่ง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมภูผาถึงรักผู้หญิงคนนี้มาก

สว่างขับรถเข้ามาจอดที่ไร่ หนูนาเดินเข้ามาหา
“ลุงหว่างไหนว่าไปส่งคุณผาไง” หนูนาชะงักเมื่อเห็นวงเดือนลงมาด้วย “ใครน่ะลุง”
ดอยกำลังจะบอก “ลูกพี่ พี่สาวคนนี้คือ…”
แต่ไม่ทันพูดจบเสียงภูผาก็ดังขึ้นก่อน “เดือน”
วงเดือนชะงักหันมองตามเสียง เห็นภูผายืนอยู่ที่หน้าเรือน
“คุณผา”
ความรักความคิดถึงและความห่วงใยดูดดึงภูผากับวงเดือนให้วิ่งเข้าหากัน ภูผาสวมกอดวงเดือนแนบแน่น
“เดือน...เดือนจริงๆ ใช่ไหม ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม”
วงเดือนตื้นตันเงยหน้าขึ้นมองภูผา ใช้สองมือประคองใบหน้าภูผาด้วยความคิดถึง
“คุณผา...เดือนคิดถึงคุณ คิดถึงที่สุด”
“ฉันก็คิดถึงเธอ คิดถึงเธอทุกวัน...ทุกเวลา...”
สองคนสวมกอดกันแนบแน่น วงเดือนน้ำตาคลอด้วยความปิติยินดี
หนูนายืนตะลึงน้ำตาคลอ เจ็บปวดกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
สว่างกับดอยรับรู้ความรู้สึกนั้น มองหนูนาด้วยความสงสาร


ครู่ต่อมาภูผาจูงมือวงเดือนเดินขึ้นมาบนเรือน สว่างช่วยถือกระเป๋า ตามมาด้วยดอยที่ตามแจด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่หนูนาตามขึ้นมาเงียบๆ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเห็นเดือนที่นี่”
“ลุงหว่างบอกว่าคุณกลับไปบ้านแสนสมุทร เดือนคิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันซะแล้ว” วงเดือนบอก
สว่างก็งง “ผมเห็นคุณผาขึ้นรถไฟไปแล้วนี่ครับ”
“ก็ต้องขอบใจดอยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะดอย ฉันก็คงไม่ย้อนกลับมา”
ดอยหูผึ่ง เสนอหน้าเข้ามาทันที
“ดอยเหรอจ๊ะ นี่ดอยไปทำอะไรตอนไหนไม่เห็นรู้ตัวเลย”
ภูผายิ้มนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองกลับมาไร่ จนได้พบวงเดือน

ภูผาที่นอนหลับ เห็นกำไลไม้วางอยู่ใกล้หมอนบนเตียง ภูผาถือไว้แล้วเผลอหลับไป ดอยวิ่งเปิดประตูเข้ามาท่าทางตื่นเต้นมาก ร้องตะโกนลั่น
“คุณผา! รถไฟจะออกแล้ว”
ภูผาสะดุ้งตื่น
“ว่าไงนะ”
“ลุงหว่างให้มาตามจ้ะ บอกว่ารถไฟเที่ยวเช้าจะออกแล้ว ต้องรีบไปด่วนเลยจ้ะ”
ภูผารีบเร่งเข้าไปล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อออกมาคว้ากระเป๋าแล้วรีบออกไป
ทว่ากำไลไม้ยังวางอยู่ที่เดิม

ขณะที่ภูผานั่งบนรถไฟ ภูผามองกระเป๋าแล้วหยิบกระเป๋ามา ภูผาล้วงไปในกระเป๋าควานหาแล้วไม่เจอ เสียงหวูดรถไฟดังลั่น ภูผาตัดสินใจก้าวลงจากรถไฟ

ภูผาดึงตัวเองกลับมา ยิ้มกว้าง
“ถ้าฉันไม่กลับมาเอาของที่ลืมไว้ เราคงไม่ได้เจอกัน”
“คุณผาลืมอะไรจ๊ะสำคัญขนาดยอมตกรถไฟเลย...” ดอยอยากรู้จัด
ภูผามองวงเดือนอย่างมีความหมาย ยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง “นายสว่างให้รางวัลดอยแทนฉันด้วยนะ”
ดอยดีใจสุดชีวิต “รางวัล! รางวัลอะไรจ๊ะคุณผา”
“อยากได้อะไรก็บอกนายสว่างแล้วกัน” ภูผาบอก
“ลุงหว่างขา ดอยอยากได้ม้าสักตัว อยากเพิ่มค่าแรง”
สว่างรับปาก “ได้”
ดอยกระโดดร้อง “เย้”
“ข้าเพิ่มให้ทันทีเลย” เขกหัวดอยโป๊ก “นี่แน่ ได้ทีก็โลภเลยนะ”
ดอยคลำหัวงอนๆ “ก็คุณผาให้ขอได้นี่”
“ฉันให้แต่นายสว่างจะให้หรือเปล่าต้องไปคุยกันเองนะ” ภูผายิ้มขำ แล้วหันมาหาวงเดือน “ทานอะไรมาหรือยัง”
วงเดือนส่ายหน้า
“หนูน้อย..ช่วยทำข้าวต้มมาให้สักถ้วยนะ”
สว่างกับดอยหันมองหนูนา เห็นหนูนาหน้าตึงเดินลงจากเรือนไป
ภูผาจับมือวงเดือน สายตาทั้งรักทั้งหลง
ดอยมองตาโต สว่างต้องหิ้วคอเสื้อดอยลากอออกไป
“วันนี้..เดือนต้องแต่งงานไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของภูผาทำเอาสีหน้าวงเดือนเจื่อนไป อย่างรู้สึกผิด

แขกเริ่มทยอยเข้ามาที่บริเวณหน้าบ้านแสนสมุทรแล้ว อนุตกับศรีดารา และเมฆามาคอยต้อนรับแขกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

“ยินดีด้วยนะคะ ได้สะใภ้ทีเดียวสองคนเลย” แขกมักคุ้นกันคนหนึ่งเอ่ยชื่นชม
ศรีดารายิ้มตอบ “ขอบคุณค่ะ”
อนุตมองเมฆาที่สีหน้านิ่งขรึม ไม่บอกความรู้สึก ก่อนจะหันไปบอกกับศรีดารา
“นี่จะได้เวลาแล้ว คู่บ่าวสาวล่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปดูให้ค่ะ”
“ผมไปด้วยครับแม่” เมฆาเอ่ยขึ้น
อนุตมองเมฆา
“ผมอยากเห็นเดือนน่ะครับ คุณพ่อคงไม่ว่าใช่ไหมครับ”
อนุตพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เมฆาเดินตามศรีดาราไป

ศรีดารากับเมฆาเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาวบนเรือน โฉมไฉไลหันมาในชุดไทยสวย
“สวยมากจ๊ะหนูโฉม” ศรีดาราชม
โฉมไฉไลเข้ามาไหว้ประเหลาะศรีดารา “โฉมต้องกราบขอบคุณคุณแม่มากนะคะที่จัดงานแต่งงานให้โฉมขนาดนี้”
พูดพลางโฉมไฉไลปรายตามองเมฆา พร้อมกับยิ้มเย้ย
“แขกมากันเยอะแล้วเหรอคะคุณศรี” อนงค์ถาม
“ดิฉันว่าคู่บ่าวสาวน่าจะลงไปข้างล่างต้อนรับแขกได้แล้วค่ะ ตาพฤกษ์กับอรุณล่ะคะ”
อรุณเดินยิ้มแย้มมา “ผมพร้อมแล้วครับคุณแม่”
พฤกษ์กับอรุณเดินเข้ามาในชุดไทย หล่อมาก
“ลูกแม่หล่อมาก...พฤกษ์ เจ้าสาวของลูกสวยมากเลยนะ”
พฤกษ์มองโฉมไฉไลที่ยืดตัวอย่างภูมิใจ แต่สีหน้าของพฤกษ์นิ่งเฉย
“ครับ”
โฉมไฉไลหน้าตึง
อรุณมองหาวงเดือน “คุณแม่ครับ แล้วเจ้าสาวของผมล่ะครับ”
ศรีดารานึกได้ “จริงสิ ทำไมเดือนยังไม่มาแต่งตัวอีก”
ระหว่างนั้นชอุ่มวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“คุณท่านคะ...แย่แล้วค่ะ..เดือนหายตัวไปค่ะ”
ทุกคนตกใจ
“เดือนจะหายตัวไปได้ยังไง” อรุณไม่เชื่อ
“ชอุ่มไปเคาะประตูตั้งแต่เช้า พอเปิดเข้าไปเดือนก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ชอุ่มตามหาจนทั่วทั้งบ้านแล้วค่ะ ไม่มีวี่แววเดือนเลย”
โฉมไฉไลสอดขึ้นมา “อย่าบอกนะว่าเดือนหนีการแต่งงาน!”
อรุณกร้าว “ไม่จริง”
จากนั้นอรุณก็วิ่งออกไป เมฆากับพฤกษ์ตาม
ศรีดาราจะเป็นลม ชอุ่มรีบเข้ามารับตัวไว้
“รีบพาฉันไปหาคุณอนุต เร็ว” ชอุ่มรีบประคองศรีดาราออกไปตามสั่ง
โฉมไฉไลหันมายิ้มกับอนงค์ พอใจที่เดือนหายตัวไป

อรุณวิ่งเข้ามาในห้องวงเดือน เห็นภายในห้องว่างเปล่า เมฆากับพฤกษ์ตามเข้ามา
เมฆามองตรวจตราไปรอบห้อง “ไม่มีร่องรอยรื้อค้น ต่อสู้ เหมือนว่าเดือนเดินออกไปจากห้องนี้เอง”
อรุณสวนทันที “ไม่จริง เดือนสัญญาว่าจะอยู่กับผมตลอดไป เดือนไม่มีทางทิ้งผมไป ไม่จริง”
อรุณกวาดข้าวของอาละวาด ทรุนทุรายใกล้จะคลั่ง
อนุตเข้ามา “พฤกษ์จับอรุณไว้”
“พ่อครับ ผมจะไปตามหาเดือน” เมฆาออกไปอย่างเร็วรี่
“เดือน! เดือนอยู่ที่ไหน กลับมาหาฉัน เดือน”
อรุณที่ยังอยู่ในอาการคลั่ง ร้องหาแต่วงเดือน

ภูผาจับมือวงเดือน
“เดือน...รู้ว่ามันผิด แต่เดือนห้ามตัวเองไม่ให้มาที่นี่ไม่ได้”
หนูนาเข้ามาวางชามข้าวต้มตรงหน้าวงเดือนตึง! ภูผามองหน้าหนูนา
วงเดือนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ขอบใจนะจ๊ะ”
หนูนาหน้าตึงพยายามข่มความรู้สึกเดินออกไป วงเดือนมองตามสงสัย และแปลกใจนิดๆ ที่หนูนาดูไม่เป็นมิตรกับตัวเอง
ภูผาเบี่ยงความสนใจ “ทานข้าวก่อนสิ”
“ค่ะ”
วงเดือนจับช้อนจะตักทานแต่มืออ่อนลงไม่มีแรง ช้อนกระทบถ้วย เคร้ง!
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” ภูผาเอามือแนบหน้าผากวัดอุณหภูมิ
“เพลียนิดหน่อยค่ะ เมื่อคืนเดือนไม่ค่อยได้นอน”
“นั่งรถไฟมาไกลนี่นะ งั้นมา..ฉันป้อนให้ดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” วงเดือนจะยื้อไว้
ภูผาไม่ยอมใช้มือข้างเดียวจับแก้มวงเดือนไว้เป็นเชิงห้าม เสียงแข็งเล็กน้อย
“อย่าขัดใจฉัน”
“คุณเผด็จการกับเดือนอีกแล้วนะคะ”
“เธอยังฟังไม่จบ...” พูดเสียงอ่อนโยนหวานซึ้ง “อย่าขัดใจฉัน...ฉันขอนะ”
วงเดือนยิ้มเขิน
ภูผาตักข้าวต้มป้อนวงเดือน มีป้อนพลาดเลอะมุมปากเล็กน้อย ภูผาหยิบกระดาษมาเช็ดให้อย่างอ่อนโยน วงเดือนมองภูผาด้วยความรัก
ภูผาเห็นสายตาวงเดือนแล้วชะงัก “อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ”
วงเดือนสงสัย “ทำไมเหรอคะ”
“เพราะเธอจะโดนแบบนี้”
ภูผาดึงตัววงเดือนเข้ามาแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
วงเดือนตกใจผลักภูผาออกเป็นพัลวัน “อย่าค่ะคุณผา เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“บ้านฉันใครจะมาเห็น” ภูผารวบตัววงเดือนเอาไว้ในอ้อมกอดให้เอนหลังพิงแล้วป้อน
วงเดือนอ้าปากรับการป้อนจากภูผา
“เก่งจัง” หลอกหอมอีก “ทานอีกนะ”
ภูผาป้อนไปหอมไป จนวงเดือนต้องประท้วง
“คุณผา กว่าจะทานหมดเดือนก็แก้มช้ำพอดี”
“ช้ำเหรอ งั้นฉันรักษาให้” หอมอีกฟอด
วงเดือนประท้วงน้ำเสียงงอนๆ “คุณผา..เดือนไม่ทานแล้ว”
“ดื้อเหรอ นี่ ๆ ๆ” ภูผาหอมอีก
ภูผาโอบกอดวงเดือนหัวเราะเสียงดัง วงเดือนทำหน้างอนๆ แต่ก็ยิ้มน่ารักให้ สองคนมองกันมีความสุขมาก
หนูนายืนมองภาพความสุขของภูผากับวงเดือนด้วยความเจ็บปวดหัวใจ จนน้ำตาร่วง

เวลาเดียวกันเมฆาออกตามหาวงเดือนทั้งที่คลินิก ที่แพ แม้กระทั่งที่สถานีรถไฟ แต่ไม่เจอแม้เงา


พฤกษ์กับอนุตคุมอรุณที่ดูเครียดจัด ศรีดาราเข้ามา
“คุณคะ เจอเดือนไหม”
“แล้วใครดูแลแขก” อนุตย้อนถาม
“หนูโฉมกับคุณอนงค์น่ะค่ะ” ศรีดาราขยับเข้าไปหาอรุณปลอบขวัญ “อรุณ ใจเย็นๆ นะลูก”
เมฆากลับเข้ามา ทุกคนลุกเข้าหาอย่างร้อนใจ
“เจอเดือนไหมพี่” อรุณถามทันที
“ผมตามหาจนทั่วแล้ว แต่ไม่เจอเดือนเลยครับ” เมฆาบอกทุกคนอย่างร้อนใจ
จังหวะนั้นอรุณหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง เครียดจนถึงที่สุด อรุณหายใจหอบถี่เหมือนจะขาดใจเฮือกๆ
อรุณล้มคว่ำลงกับพื้น ทุกคนช็อกร้องประสานเสียงอย่างตกใจ
“อรุณ!”

พฤกษ์เข้าถึงตัวก่อนใคร รีบพลิกตัวอรุณขึ้นมาดู อรุณหมดสติไปแล้ว

โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น