ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 7
เช้าวันต่อมา...เจ๊อึ่งพาเหล่ากุ้งนางและผองเพื่อน เดินมาตามทาง ชี้ให้ดูห้องทำงานต่างๆ ห้องเก็บชุด ห้องเก็บอุปกรณ์ ต่างๆ จนมาถึงห้องซ้อมเต้น
“นี่ห้องซ้อมเต้น เข้ามา”
เขียดเรียกด้วย
“เข้ามาสิ”
เจ๊อึ่งนำเข้าไปในห้อง ทุกคนเดินตามอย่างตื่นตาตื่นใจ เห็นเหล่าแดนเซอร์ ยืนโพส์ท่าพ้อยเท้าเชิดหน้าอย่างมั่นใจ ทั้งหมดวอร์มร่างกายเตรียมซ้อม ชะเอม ลองหยิกหน้าดู แดนเซอร์หนุ่มร้องกรี๊ด
“อ๊าย คนนะยะ ไม่ใช่หุ่น”
ชะเอมสะดุ้ง ยิ้มแหยๆ
“ขอโทษพี่ หนูไม่รู้เห็นพี่ยืนแข็งอยู่เลยลองจับดู”
แดนเซอร์ปิดปากตกใจ
“นางว่าอะไรฉันแข็งยะ หยาบคายมาก”
กุ้งนางรีบเข้ามาเคลียร์
“เอ่อ...พี่ขาหนูขอโทษแทนเพื่อนด้วย เค้าหมายถึงพี่ยืนตัวแข็งน่ะจ้ะ”
ครูแจ๋เดินเข้ามา เจ๊อึ่งหันมาบอกกับทั้งสี่คน
“เด็กๆ นี่ครูแจ๋ เป็นครูสอนแดนเซอร์ที่เก่งที่สุดในเวลานี้...กุ้งกับชะเอมมาเป็นผู้ช่วยเจ๊จ้ะ”
เขียดสอดขึ้น
“ส่วนผู้ชายสองคนนั่นด้วงกับก้าน จะมาเป็นเด็กคอนวอย ดูแลเครื่องดนตรี”
ครูแจ๋ยิ้มแย้ม
“ดีๆ วันนี้เรามีซ้อมเต้น พวกเธออยู่ดูด้วยแล้วกันนะ เจ๊ให้เด็กไปเอาขนนกที่จะพันตัวมาเลยแล้วกันนะ เดี๋ยวชามาดากับนทีทองมาแล้ว จะได้ซ้อมเลย”
กุ้งนางชะงัก
“วันนี้หนูจะได้เจอนทีทองด้วยเหรอคะ”
“ใช่สิ ก็อับั้มชุดนี้ เราทำงานกับนทีทองแล้วก็ชามาดา”
ด้วงดีใจ
“นี่ โอ๊ย สวรรค์เป็นจริงได้เจอชามาดาตัวเป็นๆ ซะที”
ชะเอมแอบค้อนหมั่นไส้ ครูแจ๋กับเจ๊อึ่งเห็นแล้วขำ เจ๊อึ่งมองหน้าด้วง
“ไอ้ด้วงเอ๊ย เจอชามาดาแล้ว เจ๊ขอให้ดีใจจนถึงซ้อมจบเลยนะ”
รถตู้ขนเสื้อผ้านจอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าบริษัทสยามซอง เจ๊อึ่งกับเขียดหยิบขนนกออกมาถือ ก่อนจะหันไปสั่ง
“กุ้ง ชะเอมขนของที่เหลือ ตามเจ๊กับเขียดไปนะ”
เจ๊อึ่งกับเขียดเดินเข้าตึกไป กุ้งนางกับชะเอมช่วยกันเปิดกล่อง ระหว่างนั้นมีรถตู้มาจอดใกล้ๆประตูรถเปิดออก ผู้จัดการลงมาจากรถ แล้วตามมาด้วยชามาดาใส่แว่นตากันแดดอันโต กุ้งนางกับชะเอมพอเห็นศิลปินก็สะกิดกันดู
“ไอ้กุ้ง นั่นชามาดานี่ อู๊ย ดีใจสุดๆ เลย ไปเร็ว ไปดูกัน”
สองสาวรีบทิ้งงานแล้ววิ่งไปดูด้วยความดีใจ
ชามาดาเดินเข้ามาในล็อบบี้พอถอดแว่นตาออกหน้าตาเธอก็บึ้งตึง แต่พอเห็นกุ้งนางกับชะเอมจูงกันวิ่งตามมาก็หันไปยิ้มหวานทันที ชะเอมปลื้มสุดๆ
“อ๊าย น่ารักจังยิ้มให้ด้วย...พี่ชามาดาคะ หนูเป็นแฟนเพลงพี่ค่ะ”
“เหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ เอ่อแล้วนี่จะถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นคะ”
ชะเอมหันไปหากุ้งนาง
“โอ๊ย ไอ้กุ้ง พี่จะเป็นลม ทำไมนิสัยดียังงี้ไม่ถือตัวเลย”
“ตกลงจะถ่ายรูปรึเปล่าคะ พี่ต้องรีบไปซ้อม”
กุ้งนางยิ้มให้
“พวกเราไม่มีกล้องค่ะ”
“งั้นลายเซ็นแล้วกัน ไหนคะกระดาษ”
ชะเอมหน้าเจื่อน
“เอ่อ...กระดาษก็ไม่มี ปากกาก็ไม่มีค่ะ”
ชามาดายิ้มหวาน
“ไม่เป็นไรค่ะ ผู้จัดการพี่มี”
ชามาดาหันไปทางผู้จัดการพอหันปุ๊บก็ชักสีหน้ากัดฟันพูดกับผู้จัดการเบาๆ
“อีสองตัวนี่ท่าจะบ้ามาหาดาราไม่มีอะไรสักอย่าง” ชามาดาเปลี่ยนเป็นเสียงดัง “พี่วีวี่ขาขอกระดาษปากกาให้ดาด้วยค่ะ”
วีวี่ส่งให้ชามาดาเซ็นให้
“ด้วยรักจากพี่ ชามาดา”
พอเซ็นเสร็จส่งให้ สองสาวก็กรี๊ดดีใจ ทันใดนั้นเสียงจิรายุก็ดังขึ้น
“กฎข้อที่หนึ่งของบริษัท พนักงานทุกคนห้ามวุ่นวายกับศิลปิน”
ทุกคนหันไปตามเสียง จิรายุเดินมา ชามาดาเสียงแว้ดทันที
“อะไรนะ นี่แกสองคนเป็นคนงานเหรอ ทุเรศ อ๊าย...จิ มันมาโกหกดา ว่ามันเป็นแฟนคลับค่ะ”
จิรายุตัดบท
“ดาไปห้องซ้อมเถอะ”
“ไปพร้อมกันนะคะจิ”
ชามาดาคล้องแขนจิรายุก่อนจะหันไปบอกวีวี่
“รีบตามมานะ หูย...พูดด้วย มาทำหน้านิ่งกวนประสาทอีกคนแล้ว”
ชามาดาลากจิรายุเดินออกไป วีวี่รีบตามไป
กุ้งนางกับชะเอมยืนนิ่งตกใจที่ชามาดาเปลี่ยนไปเป็นหลังมืออย่างรวดเร็ว
ในห้องซ้อมเต้น ชามาดายืนจ้อง กุ้งนาง กับชะเอมที่ถือขนนกสำหรับซ้อมอยู่ด้วยสายตาพิฆาต
“จิคะ ดาไม่ชอบหน้าสองคนนี่เลย ไล่ออกได้มั้ย”
ทุกคนในห้องตกใจ ก้านกับด้วงรีบเดินมาหากุ้งนางกับชะเอม ก้านพยายามขอร้อง
“อย่าเพิ่งไล่ออกนะครับ กุ้งกับชะเอมยังไม่รู้กฎระเบียบน่ะครับ”
ชามาดาไม่สน
“รู้ไม่รู้ไม่สำคัญ แต่ฉันรำคาญ เห็นหน้าแล้วทำงานไม่ได้”
กุ้งนางมองหน้า
“แค่เราชื่นชมคุณมากนี่มันผิดเหรอคะ ถ้าคุณไม่ชอบชื่นชม งั้นเราเปลี่ยนเป็นเกลียดคุณแทนก็ได้”
ชามาดาโกรธ
“อ๊าย นังนี่ แกเป็นใคร ถึงจะกล้ามาเกลียดฉัน เห็นมั้ยคะจิ เห็นมั้ยทุกคน นังนี่มันยะโสโอหังกับดา มันบ้า”
ชะเอมเถียง
“คุณสิบ้า อยู่ๆ ก็โวยวาย ร้องกรี๊ดๆ”
“แกสิบ้า อ๊าย”
ชามาดาจะพุ่งไปตบชะเอม แต่เจ๊อึ่งเข้ามาขวาง จิรายุก็ช่วยดึงไว้
“พอได้แล้วดา”
“จิต้องลงโทษให้พวกมันนะคะ มาวันแรก มันก็ปากเสียขนาดนี้แล้ว”
“น้องดาจ๋า ใจเย็นนะคะ ไว้เจ๊จะอบรมลูกน้องเจ๊เอง”
ชามาดาจ้องหน้าเจ๊อึ่ง
“เจ๊ชื่อจิเหรอ”
เจ๊อึ่งหน้าหงาย จิรายุขัดขึ้น
“นี่เพิ่งเป็นความผิดครั้งแรก ผมจะตักเตือนให้”
ชามาดาไม่ยอม
“แค่ตักเตือนเหรอคะ ดาบอกแล้วไงไล่ออกไปเลย”
จิรายุพูดเสียงแข็งจริงจัง
“เรื่องนิดหน่อยเอง ไว้เค้าเรียนรู้ระเบียบบริษัทก่อน ถ้ายังทำผิดอีก ค่อยว่ากัน”
พอเห็นจิรายุเอาจริงชามาดาก็เงียบ เจ๊อึ่งหันไปหากุ้งนางกับชะเอม
“ไป เราสองคนไปคอยเจ๊ที่ห้องคอสตูมไป เดี๋ยวเจ๊เสร็จทางนี้แล้วจะเข้าไปอธิบายงาน”
กุ้งนางกับชะเอมออกไป ชามาดามองตามไม่พอใจ ก้านกับด้วงจะเดินออกไปด้วย ครูแจ๋รีบเข้ามากระซิบสองหนุ่ม
“หายดีใจแล้วเหรอ”
ด้วงถอนใจ
“เปลี่ยนเป็นขนพองสยองเกล้าเลยคร๊าบพี่น้อง”
ก้านกับ ด้วงเดินตามออกไป จิรายุก็จะเดินไปด้วย ชามาดาดึงไว้
“จิจะไปไหน ดาอยากให้จิอยู่ดูดาซ้อมนะคะ”
จิรายุหันไปหาครูแจ๋
“ถ้าพี่นทีมา ครูให้เด็กไปตามผมด้วยนะครับ”
“ฮ่ะ”
“ดาไปเตรียมตัวซ้อม เดี๋ยวนี้เลย”
จิรายุแกะมือชามาดาออกแล้วเดินไป ชามาดามองตามไม่พอใจ
กุ้งนางกับชะเอมเดินคอตกมาตามทางเดิน ก้านกับ ด้วง เดินตามมา ชะเอมถอนใจ
“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าหน้าตาสวยๆ มีเงินมีทอง จะนิสัยแบบนี้”
ก้านมองหน้าด้วง
“เป็นไงล่ะพี่ด้วง ศิลปินในดวงใจไม่ใช่เหรอ”
ด้วงเซ็งๆ
“โอ๊ย...ไม่เอาแล้ว ขอปันใจกลับไปรักแม่ผ่องศรีเหมือนเดิมดีกว่า”
กุ้งนางที่เดินๆอยู่ก็หยุดทันที ทุกคนหยุดตาม ก้านถามอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอกุ้ง”
“ฉันกำลังคิดว่า พ่อจะเป็นยังไง”
ชะเอมมองหน้าเพื่อน
“กุ้งคิดว่า นทีทอง พ่อกุ้ง จะนิสัยเหมือนชามาดานี่น่ะเหรอ”
กุ้งนางกังวล
“ไม่รู้สิพี่ชะเอม ถ้าพ่อดีแล้วทิ้งแม่ทำไม”
ก้านปลอบ
“เอาน่า ยังไม่ได้เจอกันก็อย่าเพิ่งไปคิดเลย ถึงจะเป็นยังไงเราก็คงเข้าใกล้นทีทองไม่ได้อยู่ดี”
ชะเอมไม่เข้าใจ
“แปลกเนอะ คนเค้ารักเค้าชื่นชม แต่กลับห้ามเข้าใกล้”
จิรายุเดินตามมาทันประโยคสุดท้ายพอดี
“ถ้าไม่ห้าม ก็เป็นแบบเมื่อกี๊ไง”
ชะเอมตกใจ
“ท่าน...ทะ...ท่านมาก็ไม่บอก”
จิรายุยิ้ม
“พนักงานไม่ควรบ้า...กรี๊ดที่เจอศิลปิน ศิลปินจะไม่มีความเป็นส่วนตัว เสียเวลาทำงานทั้งพนักงานทั้งศิลปิน”
กุ้งนางไม่ชอบใจนัก
“คุณไม่ต้องห่วง ต่อไปพวกเราจะอยู่ห่างๆ ศิลปินเทวดาของคุณ จะไม่ยุ่งไม่พูดไม่คุยด้วยเลย พอใจมั้ย”
“ถ้าทำแล้วเป็นผลประโยชน์บริษัท ฉันก็พอใจ”
จิรายุจะเดินไปแต่แล้วก็หันกลับมา
“อ้อ...จำไว้อีกอย่างนะ ศิลปินไม่ได้เหมือนกันหมดทุกคน บางคนเค้าก็ใจดีไม่ถือตัว ถ้าเค้าอนุญาต แล้วงานพวกเธอไม่เสีย บริษัทก็ไม่ว่าอะไร”
พูดจบจิรายุก็เดินไป ทุกคนมองตาม ด้วงเปรยๆ
“ดูๆ ไปท่านจิรายุ ก็น่าจะเป็นคนดีนะ”
กุ้งนางเบ้ปากไม่เห็นด้วย
รถตู้อีกคันแล่นมาจอดด้านหน้าบริษัท นทีทองลงมาจากรถพร้อมซองจูผู้จัดการ
“ซองจู พี่ยังพอมีเวลาใช่มั้ย”
“15 นาทีครับพี่ พี่จะไปไหนครับ”
“จะไปหากาแฟกินหน่อย”
“พี่ไปรอที่ห้องซ้อมก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมชงไปให้”
“อย่าเลย แวะไปกินที่ห้องคอสตูมของเจ๊อึ่งดีกว่า จะได้คุยเรื่องเสื้อสูทที่พี่จะใส่วันสัมภาษณ์ทีวีด้วย”
ผู้จัดการพยักหน้ารับ แล้วนทีทองกับผู้จัดการเดินเข้าตึกแล้วแยกย้ายกันไป
ในห้องเสื้อผ้า ชะเอมเอาชุดสวยๆมาลองใส่แล้วเดินมาให้กุ้งนางดู
“ไอ้กุ้ง ชุดนี้พี่ใส่แล้วสวยมั้ย”
“สวยจ้ะสวยมาก แต่เดี๋ยวเจ๊อึ่งมาเห็นจะสวยกว่านี้นะพี่ระวังด้วย”
ชะเอมค้อน
“แหม...ก็ลองนิดเดียวเอง ถอดก็ได้วะ”
ชะเอมจะรูดซิปลงแล้วซิบเกิดติด
“ไอ้กุ้ง ตายล่ะ มาดูหน่อยเร็วพี่ถอดไม่ได้”
กุ้งนางเดินมาดู
“อุ๊ย พี่ ซิปมันกินผ้าน่ะ”
กุ้งนางพยายามจะดึงแรงๆ
“เฮ้ย...อย่าดึงแรง เดี๋ยวขาดไปไม่มีเงินซื้อใช้เค้านะ เอางี้ไปเอาเข็มมาค่อยๆเกี่ยวออกดีกว่า”
กุ้งนางกับชะเอมพากันเดินหายไปหลังราวเสื้อผ้าแล้วลงนั่งช่วยกันแกะ นทีทองเปิดประตูเข้ามา
“เจ๊...เจ๊อึ่ง อยู่รึเปล่า ยู้ฮู้...ยู้ฮู้...”
กุ้งนางกับชะเอมตกใจตามเสียง ชะเอมกระซิบกระซาบ
“ตายละ ทำไงดีล่ะ พี่จะโดนไล่ออกมั้ยวะ”
กุ้งนางกระซิบ
“ไม่เป็นไรพี่ ฉันไปรับหน้าเอง”
นทีทองยังคงร้องเรียก
“เจ๊อึ่ง...ตกลงมีใครอยู่รึเปล่า”
“มีค่ะ”
กุ้งนางลุกขึ้นออกมาจากหลังราวเสื้อผ้า นทีทองหันมา กุ้งนางตกตะลึง ทั้งสองจ้องมองหน้ากันไปมา
กุ้งนางยืนจ้องนทีทองไม่วางตา นทีทองยิ้มให้
“เจ๊อึ่งล่ะหนู”
กุ้งนางยังยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยินที่นทีทองพูด แต่ตาจ้องด้วยความแค้นใจกำหมัดแน่น นึกถึงความลำบากของแม่ที่ผ่านมา ชะเอมที่นั่งซ่อนตัวอยู่เห็นมือของกุ้งนางแล้วแปลกใจ เงยหน้ามองเพื่อนด้วยความสงสัย นทีทองยังคงยิ้มให้
“เอ่อ...หนู...เจ๊อึ่งอยู่รึเปล่า”
กุ้งนางยิ่งจ้องจนนทีทองเริ่มงง ชะเอมที่นั่งลุ้นซ่อนตัวอยู่ทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนคุยกับกุ้งนาง
“เป็นอะไรไอ้กุ้ง ทำไมไม่ตอบ”
ชะเอมหันมองตามสายตากุ้งนางไปก็ต้องอึ้งตกใจ
“นทีทอง”
นทีทองยิ้มให้ชะเอม
“พี่มาหาเจ๊อึ่ง เขาอยู่ไหน”
“เอ่อ...มะ...ไม่อยู่ค่ะ อยู่ห้องซ้อม”
“ไม่เป็นไร แล้วหนูสองคนมาใหม่เหรอ ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”
ชะเอมจะอ้าปากตอบแต่กุ้งนางชิงตอบก่อน
“คุณจะรู้ไปทำไม คนอย่างพวกเรา คงไม่มีค่าพอจะให้คุณรู้จักหรอก”
นทีทองตกใจ ชะเอมต้องรีบดึงแขนกุ้งนางสะกิดให้ระวัง
“เฮ้ย ไอ้กุ้ง”
นทีทองงงๆ
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เราอยู่บริษัทเดียวกัน หนูมาใหม่ ฉันอยู่มาก่อน ก็น่าจะทำความรู้จักกันไว้ เผื่อต่อไป เราต้องร่วมงานกัน จะได้ดูแลกัน”
“ฮึ...ดูแล...อย่าพูดถึงสิ่งที่คุณไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่าดีกว่า”
ชะเอมรีบปรามเพื่อน
“ไอ้กุ้ง...พอเถอะ เอ้อ...พี่นทีทองคะ หนูขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร วันนี้เพื่อนหนูคงอารมณ์ไม่ดี ไว้วันหน้าเราค่อยคุยกันนะ”
นทีทองจะเดินออกไปแล้วนึกได้ หันกลับมามองจ้องกุ้งนางแล้วเดินมาหาใกล้ๆ กุ้งนางเริ่มมองสงสัย
“หนูนี่หน้าตาเหมือนใครสักคนที่ฉันรู้จัก...เฮ้อ นึกไม่ออก...เวลาคิดอะไรไม่ออกนี่มันกวนใจจริงๆ หนูว่ามั้ย”
นทีทองยิ้มใจดีแล้วเดินออกไป กุ้งนางมองตามด้วยความอัดอั้นตันใจแค้นใจ
“ไอ้กุ้ง เอ็งนี่ไม่ได้เลยนะ เขายังไม่รู้ว่าเอ็งเป็นลูก ไปต่อว่าเขาซะแล้ว”
ในห้องซ้อมเต้น...ชามาดานั่งเล่นเกมไอแพดอยู่มุมหนึ่ง เหล่านักเต้นจับกลุ่มคุยอยู่กลางห้อง บ้างก็วอร์มร่างกาย ครูแจ๋กับเจ๊อึ่งยืนคุยกันอยู่มุมหนึ่ง ครูแจ๋ถือขนนกเส้นหนึ่งอยู่ เอาพันตัวแล้วหมุนหนึ่งรอบให้เจ๊อึ่งดู
“เห็นมั้ยเจ๊ ต่อให้หมุนยังไงมันก็ไม่สะดุด ยาวอีกครึ่งยังได้เลย”
“ถ้าเจ๊ทำมายาวกว่านี้ ตอนที่เต้นรอบๆ นทีกับชามาดา มันจะไม่เหยียบกันเหรอ”
“อุ๊ย...ก็ให้ผู้ชายที่เต้นคู่มันช่วยยกสิ เริ่ดจะตาย”
นทีทองเปิดประตูเดินเข้ามา ชามาดาปิดหนังสือทันทีแล้วเริ่มเตรียมตัวเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อจะซ้อมเต้น แล้วมาวอร์มร่างกายกับเหล่านักเต้น นทีทองเดินไปที่เจ๊อึ่งกับครูแจ๋
“ไม่รู้ว่าเจ๊อยู่นี่ ผมไปหาที่ห้องคอสตูม”
เจ๊อึ่งแปลกใจ
“นทีมีอะไรรึเปล่า”
“จะถามว่าสูทที่จะใส่สัมภาษณ์รายการทีวีวันพรุ่งนี้มารึยัง จะได้เอาไปเลย”
“มาแล้ว เดี๋ยวเลิกซ้อมเจ๊เอามาให้นะ”
นทีทองนึกได้
“เออเจ๊ เมื่อกี้ผมเจอกับเด็กผู้หญิงสองคนในห้อง ลูกน้องใหม่เหรอ”
“ใช่...เพิ่งเริ่มงานวันนี้เอง”
“มีคนหนึ่งผมรู้สึกคุ้นหน้ามากเลย เหมือนเคยเห็น หรือหน้าเขาเหมือนใครสักคน”
ครูแจ๋คิดนิดนึง
“แฟนคลับสาวๆ รึเปล่า เห็นชอบมาล้อมหน้าล้อมหลังจนตาลาย”
“ไม่นะครูแจ๋” นทีทองหันไปถามเจ๊อึ่ง “เด็กสองคนนั่นชื่ออะไรล่ะ”
“คนหนึ่งชื่อกุ้งนาง อีกคนชะเอม เอ...แต่ว่าไป พอนทีบอกหน้าคุ้น เจ๊ก็รู้สึก
เหมือนกันนะ แต่ไม่รู้เหมือนใคร”
ครูแจ๋แย้ง
“แหม...คนสมัยนี้หน้าตาเหมือนกันเยอะไป ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
ชามาดาเดินเข้ามาผ่ากลางวง
“ตกลงจะซ้อมหรือจะเมาท์กัน ไม่ทราบคะ มาช้าแล้วยังจะมาเมาท์อีก”
“ก็ซ้อมซีค้า น้องดาแอนเจิล นางฟ้านางสวรรค์...” ครูแจ๋ตบมือเรียกแดนเซ่อร์รวมตัว “เอ้าทู้กคน มารวมกันกลางห้อง”
ครูแจ๋เดินไป ชามาดามองนทีทองทำหน้าเชิ่ดใส่แล้วเดินไป เจ๊อึ่งหมั่นไส้
“หือ...นังนี่มันน่ากระชากไส้มากขึ้นทู้กกกกวัน ตกเมื่อไหร่คอยดูนะนที เจ๊จะยำ
ให้เละเลย”
“ไม่เอาน่าเจ๊ เอาธรรมะเข้าข่มซะนะ ผมไปซ้อมก่อนนะ”
นทีทองเดินไป เจ๊อึ่งมองชาดามาอย่างเหลือทน
ก้านกับด้วงนั่งเช็ดเครื่องเป่าอยู่ในห้องเก็บเครื่องดนตรี กุ้งนางกับชะเอมเดินเปิดประตูเข้ามา ชะเอมถามทันที่เมื่อพบหน้า
“ไอ้ก้าน พี่ด้วง ยุ่งอยู่เหรอ”
ด้วงหันมาตอบกวนๆ
“ไม่ยุ่งจ้ะ เตะตะกร้อกันอยู่”
ชะเอมฉุนกึก
“แหม...ถ้าไม่ติดว่าคนตอบหน้าหล่อขั้นเทพ ชะเอมยันตกตึกไปแล้วนะเนี่ย”
ด้วงสะดุ้งหน้าเสีย ก้านมองชะเอม
“มีอะไรเหรอชะเอม”
“ก็เรื่องไอ้กุ้งน่ะสิ”
ก้านกับด้วงมองไปที่กุ้งนางเห็นหญิงสาวยืนหน้ามุ่ยอยู่
กุ้งนาง ชะเอม ก้าน ด้วง นั่งดื่มกาแฟเย็นกันอยู่ที่โรงอาหารในบริษัทสยามซอง ก้านกับด้วงตกใจโพล่งออกมาพร้อมกัน
“ห๊า...เจอกับนทีทองแล้ว”
กุ้งนางพยักหน้า
“จ้ะพี่”
ก้านรีบถาม
“แล้วได้คุยกันรึเปล่า”
กุ้งนางกับชะเอมพยักหน้าพร้อมกัน ก้านกับด้วงตกใจอีก ร้องขึ้นพร้อมกันอีก
“ห๊า...ได้คุยกันด้วย”
ด้วงตื่นเต้น
“แล้วพี่นทีทองเขาว่ายังไง”
กุ้งนางพูดเรียบเฉย
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ก้านกับด้วงร้องพร้อมกันอีกครั้ง
“ห๊า...ไม่ได้ว่าอะไร”
ชะเอมระอา
“โอ๊ย...หาอยู่ได้...ตกลงจะหาเจอมั้ยเนี่ย”
“หุบปากไปเลยนังชะเอม” ก้านหันไปถามกุ้งนาง “แล้วตกลง พ่อกุ้งเขายอมรับกุ้งรึเปล่า”
กุ้งนางถอนใจบางๆ
“ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลยพี่ก้าน”
ด้วงแปปลกใจ
“ทำไมล่ะ เอ็งอุตส่าห์ดั้นด้นเดินมาถึงนี่ ก็เพื่อจะเจอเขาไม่ใช่เหรอ”
“ตอนแรกฉันก็ตั้งใจแบบนั้น แต่พอได้เห็นหน้าเขา ก็พูดไม่ออก”
ชะเอมเบ้หน้า
“โอ้โห...พูดไม่ออก ต่อว่าเขาไปเป็นชุดเลย”
“ก็ฉันนึกถึงความเจ็บปวดของแม่ที่เขาไม่เคยสนใจ ฉันก็โกรธนะสิ”
ชะเอมหันไปหาสองหนุ่ม
“นี่พวกพี่ ไอ้กุ้งมันจะมาปรึกษาว่าจะเอาไงต่อดี แต่ฉันคิดว่า น่าจะบอกไปเลยนะ”
ด้วงขัดขึ้น
“แต่ถ้าบอกไปแล้วเขาไม่ยอมรับล่ะ จะทำยังไง”
ชะเอมจ๋อยไป ก้านจ้องหน้ากุ้งนาง
“กุ้ง...พี่ขอถามหน่อย ตกลงกุ้งต้องการอะไรจากเขา”
“ฉันอยากจะรู้ว่าทำไมเขาถึงทิ้งแม่ไป และเพราะเขาแม่ต้องตายอย่างอนาถา ฉันอยากให้เขารู้ว่าเขาทำลายชีวิตแม่ ฉันเกลียดเขา”
พูดจบกุ้งนางก็ร้องไห้ชะเอมต้องกอดปลอบ ก้านครุ่นคิดก่อนจะแนะ
“ถ้ายังงั้นกุ้งต้องค่อยๆ บอกเขา”
ด้วงไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องค่อยๆ บอกวะไอ้ก้าน”
“ก็กุ้งมันกำลังโกรธ เสียใจ แค้นใจ จะยอมรับฟังเขาเหรอพี่ เราก็ยังไม่รู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อยี่สิบปีก่อน กุ้งต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ สืบหาความจริงก่อน”
ด้วงเห็นด้วย
“เออก็จริงของไอ้ก้านมัน ถ้าไปบอกไปถามเขาตรงๆ พี่ว่าพี่นทีทองต้องไม่ยอมรับ หรือเขาก็ต้องกลัวว่า ไอ้กุ้งมันมาแอบอ้างเป็นลูก”
“ใช่...กุ้งต้องทำให้พี่นทีทองยอมรับกุ้งว่าเป็นลูกเขาก่อน ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะ
เปิดเผยออกมาเอง”
กุ้งนางครุ่นคิดตามที่ก้านพูด
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องเสื้อผ้า...เจ๊อึ่งส่ายหน้าระอาใจ
“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ใครรู้เข้า จะหาว่าเด็กเจ๊ไม่มีมารยาท”
กุ้งนางกับชะเอมยืนคอตกฟังเจ๊อึ่งอบรม
“นี่ดีนะที่เป็นนที ถ้าเป็นนักร้องคนอื่น เขาคงโกรธ เอาไปด่าทั่วบริษัทแล้ว”
กุ้งนางหันมาถามเสียงอ่อย
“นทีทองนิสัยดีมากเหรอจ๊ะเจ๊”
“ก็ดีมั้ยล่ะ ขนาดพวกเธอไม่ไหว้ เขาก็ไม่ว่าอะไร ยังเอ็นดูเห็นว่าเป็นเด็ก” เจ๊อึ่งยื่นหน้ามากระซิบ “เปรียบเทียบกับชามาดาสิยะ”
ชะเอมเบ้หน้า
“โห เจ๊...เห็นภาพความต่างชัดเจน สุโค่ย”
“กุ้งกับพี่ชะเอมต้องขอโทษเจ๊ด้วย พอดีมันตื่นเต้นนะจ้ะ”
“ไม่ต้องมาขอโทษเจ๊ ไปขอโทษนทีทองดีกว่า”
กุ้งนางนิ่งเงียบไป
ในห้องอัดเสียง...จรัล คมกริชกับโปรดิวเซอร์กำลังดูการร้องเพลง นักร้องร้องเพลงจบพอดี โปรดิวเซอร์หันมาคุยกับคมกริช
“เป็นไงครับคุณจรัล คุณคม พอใจรึเปล่า”
คมกริชเสนอแนะ
“แต่ผมอยากให้เขาเอื้อนคำท้ายให้นานอีกนิด ข้ามมาอีกสักห้องก็ได้ มันจะได้อารมณ์เหงามากกว่า”
โปรดิวเซอร์พูดใส่ไมค์กับนักร้อง
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย พี่ขออีกรอบนะ”
ดนตรีเริ่มนักร้องเริ่มร้อง จรัลหันมายิ้มให้คมกริช
“คมกริช ท่าทางคุณจะปั้นดาวให้ผมอีกดวงแล้วนะ”
คมกริชยิ้มไม่ตอบ จิรายุเปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มในมือ
“พ่อครับ เห็นแผนโปรโมตของทางพีอาร์รึยัง ข้อมูลมันผิดนะครับ”
“ผิดตรงไหน”
“ก็ชื่อคนแต่งเพลงไงครับ” จิรายุหันมาถามคมกริช “พี่คมเห็นรึยังครับ”
“เห็นแล้วครับ ก็เป็นไปตามนั้นแหละครับคุณจิ”
จิรายุงง
“ไม่ได้สิครับ มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่า...”
คมกริชตัดบท
“เราไปคุยในห้องประชุมดีกว่า เขาจะได้ทำงานกัน เชิญพี่นทีมาด้วย เห็นว่าวันนี้มาซ้อมใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
คมกริชทำหน้าขรึม แววตาเศร้า จิรายุมองอย่างงงๆ
นทีทอง ชามาดา และเหล่านักเต้นซ้อมกันอย่างหนักและเป็นมืออาชีพมากจนจบเพลง ครูแจ๋ชื่นชม
“วู้...เลิศมาก สะแมนแตนมาก มาก...อ่ะ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ทุกนางดูแลตัวเองกันหน่อยนะยะ อย่าไปแร่ดแถ่ดให้มากนัก เดี๋ยวไม่มีแรงเต้น ถ้าเปิดอัลบั้มแล้ว คิวคอนเสิร์ตยาวเหยียดแน่”
ซองจูเปิดประตูเข้ามา
“พี่นทีครับ คุณจิเชิญที่ห้องประชุมครับ”
ชามาดาหูผึ่งเดินมาหาทันที
“พี่นทีคนเดียวเหรอ”
“ครับ”
ชามาดาตะโกน
“พี่วีวี่”
วีวี่รีบวิ่งเข้ามา
“จิเรียกดาเข้าประชุมรึเปล่า”
“เปล่านี่คะ”
“อ๊าย...ไม่ได้เรื่องเลย ปล่อยจิเรียกพี่นทีคนเดียวได้ไง โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย”
ชามาดาโมโหเดินออกไปทันที ทุกคนมองตามด้วยความระอาใจ นทีทองตามชามาดาออกไป
ในห้องประชุม...จรัล จิรายุ คมกริช นั่งรออยู่แล้ว ชามาดาเปิดประตูเข้ามา ทุกคนมองงงๆ ชามาดายกมือไหว้
“เห็นว่าเรียกพี่นทีเข้าประชุม ทำไมไม่มีดาคะ ก็อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มคู่ ไม่ใช่เหรอ”
จรัลถอนใจ
“ก็ถ้าอยากฟังก็อยู่ด้วยก็ได้”
ชามาดายิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างจิรายุทันที จรัลมองเขม่นไม่ค่อยพอใจ นทีทองเดินเข้ามายกมือไหว้ทุกคนแล้วไปนั่งประจำที่ จรัลเริ่มการประชุม
“ที่เรียกมานี่ก็เพราะว่า มีแผนโปรโมตที่คิดว่าทุกคนควรรู้ คืออัลบั้มนี้ ผมตั้งใจจะโปรโมตเพลงแรกที่เราจะปล่อยออกไป ว่านทีทองเป็นคนแต่งเพลง”
นทีทองกับชามาดามองหน้ากันงง ชามาดาโวยทันที
“อุ๊ย...ทำอย่างนี้ไม่แฟร์นะคะ ทำไมไม่เห็นโปรโมทดาแบบนี้บ้างล่ะคะ”
จรัลแย้ง
“ก็นทีทองเขาแต่งเพลงในอัลบั้มนี้ด้วยจริงๆ”
ชามาดางง
“จริงเหรอคะ...ดาคิดว่าคุณคมแต่งทั้งหมด”
นทีทองชะงักก่อนจะบอก
“แต่เพลงที่ผมแต่งมันก็ไม่ได้สมบูรณ์นะครับคุณจรัล น้องคมแก้ไขจนดี มันก็น่าจะเป็นเครดิตชื่อน้องคมมากกว่า”
จรัลตัดบท
“จะยังไงก็ช่าง แต่นี่มันคือเป็นจุดขาย”
จิรายุเสนอแนะ
“แล้วทำไมไม่ใส่ชื่อร่วมล่ะครับพ่อ”
คมกริชรีบบอก
“ไม่เป็นครับคุณจิ ผมได้ชื่อมาเป็นร้อยๆ เพลงแล้วครับ ท่านจ่ายเงินค่าแต่งเพลง
ให้ผมก็พอครับ”
คมกริชพูดจบก็หัวเราะอารมณ์ดี
เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น คมกริชเดินคุยกับนทีทองออกมาจากห้องประชุม
“น้องคม ขอบคุณมากนะที่สนับสนุนพี่”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับพี่นที ผลประโยชน์สำคัญที่สุด เป็นเรื่องธรรมดาครับ”
“แต่พี่ละอายใจ ที่มันจะกลายเป็นผลงานของพี่คนเดียว”
“อย่าคิดมากสิพี่ ธุรกิจมันก็แบบนี้ละครับ...เราต้องเข้าใจ แล้วก็อยู่ร่วมกับมันให้ได้”
“ยังไงก็ช่างเถอะ แต่น้องคมก็ดีกับเสมอมา”
“วันนึงพี่อาจจะไม่พูดแบบนี้ก็ได้”
“เฮ้ย...ไม่มีทางหรอก”
คมกริชยิ้มให้นทีทอง ทั้งคู่เดินออกไป
คมกริชเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานของตนแล้วกำหมัดเจ็บใจ
“ขอบคุณ ฮึ...ไปขอบคุณไอ้จรัลโน่น” คมกริชหยิบแฟ้มขว้างระบายอารมณ์ “ไอ้จรัล ฉันเป็นขี้ข้าแกมาคนนึงแล้ว ฉันไม่ยอมเป็นขี้ข้าลูกแกอีกคนแน่”
คมกริชบอกตัวเองอย่างแค้นจัด
จิรายุ จรัล ชามาดา ยังอยู่ในห้องประชุม จรัลเก็บแฟ้มจะเดินออกไป จิรายุเรียกไว้
“พ่อครับ ผมขอคุยอะไรหน่อย”
จรัลหันกลับมามองชามาดา จิรายุรู้ตัวจึงหันไปบอกหญิงสาว
“ดา...คุณเสร็จธุระแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ แต่ดารอจิไง”
จิรายุเสียงแข็ง
“ผมขอคุยกับพ่อได้มั้ย”
“อ๋อ...ค่ะ”
ชามาดายิ้มเจื่อนๆ แล้วเดินออกไป จรัลหันมาหาลูกชาย
“ตกลงยังไงกันเนี่ย”
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องชามาดาน่ะสิ”
“ไม่มีอะไรครับ”
“เออ...ให้มันจริงเถอะ ถามกี่ทีๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ทำไมมันติดกันเป็นตังเมแบบนี้วะ...อ่ะ ตกลงแกมีอะไรจะคุยกับฉัน”
“ก็เรื่องเพลงโปรโมทนั่นแหละครับ ในอัลบั้มก็มีเพลงที่พี่นทีแต่งเองจริงๆ ทำไมพ่อไม่เอาเพลงนั้นมาโปรโมทล่ะพ่อ จะได้ไม่เป็นการหลอกคนฟัง”
“นี่แกด่าฉันนี่หว่าไอ้จิ”
“ก็พ่อทำจริงๆ นี่”
“เออ...ก็เพลงของนทีทอง มันก็เพราะ แต่มันยังไม่โดน พ่อไม่มั่นใจ พ่อก็ต้องเลือกเพลงที่มีท่อนฮุค ติดหู มาโปรโมทก่อน”
จิรายุพยักหน้าเซ็งๆ
“ต้องคิดถึงแต่เรื่องธุรกิจใช่มั้ยพ่อ”
“ใช่...เออ แกเริ่มฉลาดแล้วนี่”
“แล้วพี่คมล่ะ”
“เฮ่ย...คมกริชมันอยู่กับพ่อมานานแล้ว มันไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก”
“ที่จริงพ่อน่าจะให้พี่คมดูแลงานแทนพ่อ”
“ไอ้จิ คมกริชมันคนอื่น แกมันลูกฉัน...ไปๆ ไปทำงานต่อไป”
จิรายุทำหน้าเบื่อหน่าย
จิรายุเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน ชามาดาเดินตามเข้ามา จิรายุไม่สนใจเดินไปที่โต๊ะทำงานเปิดคอมพ์ทำงานต่อ
“พ่อคุณไม่ค่อยชอบดา แต่ดาไม่สนหรอก ดาแคร์แต่จิคนเดียวเท่านั้น”
จิรายุนั่งทำงานกับคอมพ์หน้านิ่งจนชามาดาโมโห
“จิ...สนใจดามั่งสิ”
“ผมมีงานต้องทำ”
“งานอะไรนักหนาคะ เมื่อกี้บอกจะไปดูซ้อมก็ไม่ไป จะประชุมก็ไม่เรียกดา แถมยัง
เรื่องแต่งเพลงอีก เรื่องนี้ดาบอกตรงๆ นะ ว่าไม่พอใจจิมากๆ”
“ไม่พอใจผม”
“ก็จิน่าจะช่วยดันให้ใส่ชื่อดาในอัลบั้มบ้าง”
“ดาก็แต่งเพลงสิ”
“บ้าสิ ใครจะแต่งเป็น”
“แต่งไม่เป็น แล้วอยากได้ผลงานที่ดาไม่ได้ทำเหรอ”
ชามาดาค้อนโกรธจิรายุ
“ไม่อยากก็ได้...จิคะ ช่วงนี้เป็นอะไรน่ะ ทำไมถึงทำตัวเหมือนดาเป็นคนอื่นตลอดเวลา ดาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เรากลับมาเหมือนเดิมแล้วนะคะ”
“ดาจะหยุดก็ได้นะ ผมก็ไม่ว่า”
“จิ!”
จิรายุรำคาญปิดเครื่องคอมพ์ เก็บของใส่กระเป๋าเอกสาร ชามาดามองตามงงๆ
“จิจะไปไหนคะ”
“ผมจะไปหาที่สงบๆ ทำงาน”
จิรายุเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจ ชามาดามองตามด้วยความเจ็บใจ
“อ๊าย...ไม่รู้จะงอนอะไรนักหนากะอีแค่นอกใจครั้งเดียว โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย”
พูดจบชามาดาก็วิ่งร้องเรียกจิรายุตามออกไปนอกห้อง
“จิ...จิ...รอดาด้วย”
กุ้งนาง ชะเอม เจ๊อึ่งยืนคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งในล้อบบี้ เจ๊อึ่งส่งถุงสูทให้กับกุ้งนางและชะเอม
“เอ้า...เดี๋ยวพอนทีเขามา เธอสองคนก็วิ่งเอาชุดนี้ไปให้เขานะ แล้วก็พูดจาดีๆ ล่ะ”
กุ้งนางจ๋อยๆ
“ฉันไม่ทำไม่ได้เหรอเจ๊”
“ไม่ได้...ถ้าไม่ทำ เธอก็จะไม่รู้ว่าจริงๆ นทีเขาเป็นคนน่ารักมาก และที่สำคัญ เราต้องทำงานกับเขา นั่นไงนทีมาแล้ว”
นทีทองกับซองจูเดินมาด้วยกัน
“เอ่อ...ซองจู พี่เพิ่งนึกได้ว่าจะไปเอาสูทจากเจ๊อึ่ง”
“เจ๊อึ่งบอกว่า จะมารอให้พี่ที่รถครับ”
กุ้งนางจะจูงมือชะเอมแต่ชะเอมดึงกลับ เจ๊อึ่งกับกุ้งนางมองงงๆ ชะเอมทำหน้าเหยเก
“กุ้งไปก่อนนะ พี่ปวดท้อง ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ไม่ได้นะพี่ชะเอม”
ชะเอมยิ้มแล้ววิ่งไปเลย เจ๊อึ่งเกาหัวเซ็งๆ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ไปกุ้ง เร็วสิ”
เจ๊อึ่งผลักกุ้งนางออกไป มองตามไปแล้วตัดสินใจเดินกลับไป กุ้งนางเดินถือซองใส่สูทมาตามทาง แล้วมาเจอกับนทีทองที่เดินมา ทั้งสองมองหน้ากัน
นทีทองเริ่มยิ้มก่อนแบบหวาดๆ กลัวสายตาพิฆาตของกุ้งนาง
จิรายุเดินมาตามทาง ชามาดาถือกระเป๋าวิ่งตาม
“จิ...รอด้วยสิ...จิ อย่าทำแบบนี้กับดาเลยนะคะ ดารู้ว่าคุณโกรธ แต่เราก็เป็นเพื่อนสนิทกันไปก่อนก็ได้นะคะ”
จิรายุถอนใจ
“ถ้างั้นดาก็ต้องทำตัวให้อยู่ในกรอบของความเป็นเพื่อน”
“เพื่อนสนิท”
“ก็นั่นแหละ”
จิรายุแกะมือชามาดาออกจากแขน ชามาดามองอึ้งๆ จิรายุยิ้มให้แล้วเดินไป ชามาดาเดินตามอีก
“แล้วตกลงจิจะไปไหนคะเนี่ย”
“กลับบ้าน ต้องไปเตรียมวางคิวต่างๆ ให้ดากับพี่นที”
“แต่...ดาหิว พาดาไปทานอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
จิรายุหยุดเดิน
“ดา...”
ชามาดาสวนขึ้นทันที
“แค่ทานข้าวสักชั่วโมงก็ไม่ได้เหรอคะ”
จิรายุถอนใจเซ็งๆนิ่งคิด ชามาดาสบตาขอความเห็นใจ จิรายุเบื่อหน่ายเบือนหน้าไปทางหนึ่งแล้วต้องชะงักมองด้วยความสงสัย แล้วรีบเดินไป ชามาดางง
“จิ...จะไปไหนอ่ะ”
จิรายุเดิมมาแอบดูที่มุมหนึ่ง ชามาดาเดินตามมาแล้วมองตาม...กุ้งนางกับนทีทองและซองจูยืนคุยกันอยู่ กุ้งนางส่งซองสูทให้ นทีทองยิ้มรับไว้
“เจ๊อึ่งให้เอามาให้”
“ขอบใจมากนะ”
“ค่ะ”
นทีทองรับมาแล้วส่งต่อให้ผู้จัดการ ซองจูรับแล้วเอาไปใส่ในรถตู้ นทีทองหันมายิ้มให้กุ้งนาง
“อารมณ์ดีรึยัง”
“เอ่อ...ค่ะ”
“ฉันไม่รู้ว่าหนูมีปัญหา แต่ถ้าคิดว่าผู้ใหญ่อย่างฉันพอจะช่วยได้ก็บอกนะ”
“แต่คุณเป็นนักร้อง ฉันเป็นแค่เด็กทำเสื้อเองนะคะ”
“ก่อนฉันจะเป็นนักร้อง ฉันก็เป็นเด็กท้ายรถสองแถวมาก่อน บางทีฉันอาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้เธอก็ได้”
พูดจบนทีทองก็ยิ้มให้ กุ้งนางยิ้มรับเจื่อนๆเพราะเริ่มร้ายไม่ออกเมื่อเจอความใจดีของเขา นทีทองจ้องหน้าจนกุ้งนางต้องหลบตา
“ฉันยังนึกไม่ออกเลย ว่าหน้าหนูเหมือนใคร แต่ต้องเป็นคนที่ฉันรู้จักแน่ๆ เอาเป็นว่า ต่อไปนี้เราก็เป็นรู้จักกันแล้วนะ”
“ค่ะ”
นทีทองยิ้มแล้วเดินไปขึ้นรถไป กุ้งนางมองตามแล้วเอามือลูบแก้มตัวเอง
“พ่อจำแม่ไม่ได้”
จิรายุกับชามาดายืนแอบดูอยู่ เห็นกุ้งนางเดินผ่านไปทั้งสองก็หลบ
“นังเด็กใหม่นี่สงสัยคิดจะจับพี่นที โถ...นังพวกมักใหญ่ใฝ่สูง คิดจะเอาตัวเข้าแลก”
จิรายุหันมาถาม
“ดาว่าใคร”
“ก็นังเด็กนั่นน่ะสิ”
“ผมนึกว่าดาย้อนอดีตตัวเองซะอีก”
ชามาดาอึ้ง
“จิ”
“ผมมีธุระ ขอตัวนะ”
จิรายุจะเดินไปชามาดาจะตามอีก จิรายุหันมาส่งสายตาดุ
“ถ้าเป็นผม ใครบอกมีธุระ ผมจะไม่ตามไปรบกวนเขา”
พูดจบจิรายุก็เดินไป ชามาดาอยากจะกรี๊ดแต่พอมองรอบๆ เห็นคนเยอะก็ได้ แต่ปิดปากแล้วกรี๊ดในมือก่อนจะเดินไปอย่างโมโห
กุ้งนางเดินมาถึงหน้าห้องเสื้อผ้า จิรายุตามา
“เปลี่ยนเป้าหมายเหรอ”
กุ้งนางหยุดแล้วหันกลับไปก็เจอจิรายุเดินตามมา
“เป้าหมายอะไร”
จิรายุจ้องตา
“ว๊าว...ทำตาใสซื่อแบบนี้เองถึงหลอกใครต่อใครได้”
“นี่นาย...” กุ้งนางนึกได้ “คุณจิรายุ คุณพล่ามอะไรของคุณน่ะ”
“วันประกวดอ่อยครูชาตรี พอฉันจับได้ เธอก็ชกฉัน มาวันนี้ที่ฉันเห็นเธออ่อยพี่นที คงไม่ปฏิเสธอีกนะ”
“ไอ้บ้า...วันๆ คิดแต่เรื่องแบบนี้เหรอ”
กุ้งนางโมโหจะชกแต่จิรายุจับมือไว้ทัน
“คราวนี้ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อนหรอก”
กุ้งนางเตะเข้าที่หน้าแข้งแทน จิรายุร้องโอ๊ยทรุดลงทันที
“ยัยบ้า...ฉันเจ็บนะ”
“นี่ยังไม่สาแก่ใจฉันด้วยซ้ำ ถึงคุณจะเป็นเจ้านาย แต่คุณจะมาดูถูกฉันแบบนี้ไม่ได้”
พูดจบกุ้งนางก็เดินเข้าห้องไป จิรายุเดินเจ็บขาเป๋ๆ กลับไป ชามาดาออกมาจากที่ซ่อนมองไปที่ห้องเสื้อผ้าด้วยความเจ็บใจ
“นังกุ้งนาง” ชามาดาคำรามในลำคอ
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 8
ค่ำนั้น...กุ้งนางนั่งเศร้าอยู่ที่ระเบียงห้องพัก ดูสร้อยกับเนื้อเพลงของพ่อ
“แม่จ๋า กุ้งเจอพ่อแล้วนะจ๊ะ...พ่อดูดี ดูน่ารักจนกุ้งนางไม่อยากคิดเลย ว่าพ่อจะทิ้งแม่ไปได้ กุ้งจะทำยังไงดีจ๊ะแม่ กุ้งอยากบอกว่ากุ้งเป็นลูก แต่กุ้งก็กลัวว่าพ่อจะไม่ยอมรับ”
กุ้งนางกอดสร้อยแม่ไว้น้ำตาไหล แล้วชะงักนึกขึ้นมาได้
“หรือว่า กุ้งจะใส่สร้อยนี่ให้พ่อเห็น พ่อจะได้จำได้”
กุ้งนางปาดน้ำตา มองสร้อยด้วยรอยยิ้มมีความหวัง ระหว่างนั้นก้านกับชะเอมเปิดประตูถือถุงกับข้าวเข้ามา
“กุ้ง ข้าวมาแล้ว”
ชะเอมหันมาถาม
“พี่ด้วงล่ะ”
“เห็นว่าจะลงไปติดต่อข้างล่างนะ จะไปถามเรื่องห้องว่างน่ะจ้ะ”
ชะเอมตกใจ
“อะไรนะ นี่พี่ด้วงคิดจะย้ายออกไปเหรอ”
ด้วงเดินเข้ามา
“ไอ้กุ้งข่าวดีว่ะ มีห้องว่าง เขาย้ายออกไปเมื่อวาน ทำความสะอาดเสร็จแล้วด้วย”
ชะเอมหน้าตื่น
“ไอ้กุ้ง เอ็งจะออกไปเหรอ ไม่เอาอ่ะ พี่ไม่อยากอยู่ไกลจากพี่ด้วง”
ด้วงรำคาญ
“ไม่ต้องห่วงนะชะเอมเอ๊ย กรรมพี่คงยังไม่หมด ห้องที่ได้อยู่ข้างๆนี่เอง”
“อ๊าย...ยังงี้มันดวงสมพงศ์กันชัดๆ”
ชะเอมยิ้มกอดด้วงดีใจ ด้วงต้องพยายามแกะด้วยความยากเย็น ก้านกับกุ้งนางเห็นแล้วขำ ก้านส่ายหน้าระอา
“ชะเอมนี่มันบ้าได้ใจจริงๆ”
คมกริช กำลังนั่งไล่เสียงคีบอร์ดตามเนื้อเพลง ตรงมุมหนึ่งของห้องใกล้ๆโต๊ะทำงาน จิรายุเดินถือแฟ้มเข้ามา ยืนฟังเพลง คมกริชหันไปเห็นเข้าพอดี
“อ้าว คุณจิ ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ”
“กำลังจะกลับครับ แต่เห็นไฟห้องพี่คมเปิดอยู่”
“ผมชอบแต่งเพลงตอนที่ทุกคนกลับบ้าน บรรยากาศที่นี่มันเงียบสงบ ทำให้ผมมีสมาธิ แล้วคุณจิล่ะครับทำอะไรอยู่”
“ผมก็กำลังลองแต่งเพลงเหมือนกัน”
คมกริชชะงักไปนิดแล้วยิ้ม
“ดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ”
จิรายุส่งกระดาษที่เขียนให้คมกริชๆ รับไปอ่าน
“อืม...ก็ไม่เลวนะ แต่มันขาดอะไรบางอย่าง”
“อะไรครับพี่”
“มันต้องมีประโยคเด็ดๆ หรืออะไรก็ได้ ที่ฟังแล้วมันโดนใจคนฟัง”
“คำโดนๆ...”
“ใช่...คำที่ฟังปุ๊บ มันกระแทกใจ มันตรง มันใช่กับคนฟังน่ะครับ”
“งั้นผมก็ต้องหาคำแบบนั้นมาใส่ในเพลง”
“ไม่ต้องหาหรอกคุณจิ มันมาเอง มาจากเรื่องราวในชีวิตเรานี่แหละ”
คมกริชส่งกระดาษคืนให้ จิรายุมองเนื้อเพลงตัวเองแล้วคิดตาม
“ลองคิดดูนะ มันจะทำให้คุณจิเขียนเนื้อเพลงได้ดีขึ้น”
“ขอบคุณนะครับพี่คม...งั้น เอ้อ...ผมไม่รบกวนพี่แล้ว”
“ก็ไม่ได้รบกวนอะไร คุณเป็นเจ้านาย”
“ผมกลับก่อนนะครับ”
คมกริชยิ้ม
“ครับ”
จิรายุออกไป คมกริชมองแค้นๆ
“คิดจะทำเองหมดทุกอย่างเลยเหรอวะ”
จิรายุ นั่งแต่งเพลงอยู่ เขาคิดไม่ออกลุกขึ้นเดินไปเดินมา
“คำโดนๆ...เรื่องราวในชีวิต...”
จิรายุถอนหายใจนั่งนึก แล้วนึกถึงครั้งแรกที่เจอกุ้งนาง
“บ้าเอ๊ย...” ชายหนุ่มนึกได้ “จริงสิ...”
จิรายุกำลังเขียนเพลง ในท่าต่างๆ ชายหนุ่มนึกถึงกุ้งนางใน อิริยาบถต่างๆตอนที่เจอกับเขา จิรายุวางปากกาลงแล้วยิ้ม
“ขอฉันเอาคืนบ้างแล้วกันนะ กุ้งนาง”
จิรายุยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
เช้าวันใหม่...กุ้งนางกับชะเอมอยู่ในห้องพักห้องใหม่...กุ้งนางแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ชะเอมเร่งยิกๆ
“เสร็จรึยังวะกุ้ง”
“เสร็จแล้ว แหม...เร่งจังนะพี่ชะเอม”
“ก็พี่คิดถึงพี่ด้วงสุดหล่อของพี่นี่ ดูสิ ต้องมาพลัดพรากแยกห้องกันแบบนี้ บอกตรงๆ นะ พี่นอนไม่หลับทั้งคืนเลย”
“เป็นเอามากนะเนี่ย ลืมเจ้านายสุดหล่อไปเลยนะ”
“โอ๊ย ไม่เอาแล้ว ท่านจิรายุอยู่สูง...เกินไป เหมือนหมาเห่าเครื่องบิน พี่เอาพี่ด้วงดีกว่า”
“แต่กุ้งว่า พี่เยอะแยะมากมายยังงี้ พี่ด้วงเขาจะกลัวพี่น่ะสิ”
“มากมายอะไร พี่ชะเอมคนนี้ เซ็กซี่ สวยใส จริงใจ ตะหาก”
กุ้งนางยิ้มขำแล้วหยิบสร้อยมาใส่
“เฮ้ย ไอ้กุ้ง...เล่นไม้ตายเลยเหรอ”
กุ้งนางพยักหน้ารับ
“ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว พ่อควรจะรู้ซะทีว่า ฉันเป็นใคร”
ชะเอมถอนใจแล้วกอดกุ้งนาง
“พี่ขอให้เอ็งกับพ่อเข้าใจกันนะ”
“ขอบใจจ้ะพี่”
ในห้องเสื้อผ้า...เจ๊อึ่งกับเขียดกำลังแยกชุดของชามาดาใส่ราวแขวนไว้ กุ้งนางกับชะเอมเปิดประตูเข้ามา เจ๊อึ่งต่อว่าทันที
“อุ๊ย...ตาย คุณนายกุ้งคุณนายชะเอม มาซะสายตะวันแทบจะทิ่มตาตายเลยนะจ๊า”
“นั่นสิ งานตรึมเลยเห็นมะ...เจ๊กับพี่เขียดแหกขี้ตามาตั้งแต่แปดโมงเลยนะ”
ชะเอมแย้ง
“โห ก็พูดเกินไป นี่เพิ่งห้านาทีเอง”
กุ้งนางเข้าไปหาเจ๊อึ่ง
“เจ๊จะให้ช่วยอะไรล่ะจ๊ะ”
“เดี๋ยวกุ้ง เอาชุดพวกนี้ตามเจ๊ไปนะ”
“แล้วชะเอมล่ะคะ”
“อยู่ช่วยงานนังเขียดไป อ้อ...แล้วอย่าแทะเสื้อผ้าของฉันกินล่ะ”
ชะเอมค้อน
“แหม...เจ๊ ชะเอมไม่ใช่แมงกะจั๊วนะเจ๊”
เจ๊อึ่ง เขียด และกุ้งนางหัวเราะขำ เจ๊อึ่งหันมาสั่งเขียด
“นังเขียด ให้ชะเอมสอยชายเสื้อคอนเสิร์ตของนทีที่ค้างไว้นะให้เสร็จนะ”
“จ้ะเจ๊”
“ไปกุ้ง ตามเจ๊ไปที่ห้องแต่งตัวชามาดาไป”
กุ้งนางชะงัก
“ห้องแต่งตัวชามาดา”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊า ให้ยัยชะมดนั่นแต่งก่อน” เจ๊อึ่งกระซิบ “นางเยอะ อะไรๆ ก็ต้องเป็นที่หนึ่ง ไม่งั้นนางจะกรี๊ด วีนเหวี่ยงเข้าใจมั้ย”
“จ้ะ”
เจ๊อึ่งเดินนำไป กุ้งนางรีบเข็นตามไป
กุ้งนางเข็นราวเสื้อมากับเจ๊อึ่ง จรัลเดินสวนมา เจ๊อึ่งยกมือไหว้
“หวัดดีค่าคุณจรัล”
“นี่เสื้อของชามาดาใช่มั้ย”
“ค่ะ ท่าน”
จรัลมองไปแล้วเจอกับกุ้งนางก็ตกใจ กุ้งนางยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
จรัลจำได้แต่นึกไม่ออก
“เอ๊ะ...นี่เธอ...เอ...”
เจ๊อึ่งตัดบท
“ขอตัวก่อนนะคะท่าน”
เจ๊อึ่งกับกุ้งนางรีบออกไป จรัลมองตามไปพยายามคิดให้ออก แล้วเขาก็จำได้
“กุ้งนาง”
จรัลวิ่งหน้าตื่นเข้ามาห้องทำงานจิรายุตื่นเต้นดีใจสุดๆ
“ไอ้จิ...ไอ้ลูกรัก แกรู้มั้ยเมื่อกี้พ่อเจอใคร”
จิรายุงง
“ใครครับ”
“โอ๊ย...ไม่คิดไม่ฝันสวรรค์ส่ง พ่อเจอเพชร เพชรหลุดมาอยู่ในมือของเราแล้ว”
จิรายุยังงงไม่หาย
“พ่อ...ช่วยพูดอะไรให้ผมเข้าใจหน่อยได้มั้ย”
“พ่อเจอหนูกุ้งนาง แกจำได้มั้ย คนที่สวยๆ ร้องเก่งๆ ไง เขามาทำงานเจ๊อึ่ง”
“ครับ ผมรู้แล้ว”
จรัลชะงัก
“หมายความว่าไง”
“ก็ผมเป็นคนรับเขามาทำงานเอง”
“ไอ้บ้า...ทำไมเรื่องแบบนี้ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันเป็นประธานบริษัทนี้นะโว้ย”
จิรายุยิ่งงงไปอีก
“เรื่องช่างเย็บเสื้อ พ่อก็ต้องรู้ด้วยเหรอ”
“เออ...” จรัลถอนใจเซ็ง “โอ๊ย ซื่อบื้อเอ๊ย...ฉันหมายถึงเรื่องหนูกุ้งนางเว้ย เขามาทำงานบริษัทฉัน ฉันควรจะรู้” จรัลนึกได้ “เดี๋ยวก่อนนะ แกรับเขามาเป็นช่างเย็บเสื้อ”
“ก็เขาสมัครตำแหน่งนี้”
จรัลกุมขมับ
“โอ๊ย...ไอ้จิ แกจะบ้าเหรอ คนอย่างหนูกุ้งนางต้องเป็นนักร้องเท่านั้น นี่แกแกล้งโง่หรือโง่ธรรมชาติให้มาวะ”
“พ่อ...ผมลูกพ่อน่ะคิดดูเองแล้วกัน”
“แก ไอ้...ไอ้...แกไปเลยนะไอ้จิ”
“ครับ”
จิรายุจะลุกขึ้น
“เฮ้ย...ยังพูดไม่จบ ฉันหมายถึงให้แก ไปเอาเพชรของฉันมาเจียรนัยเดี๋ยวนี้ ถ้าหนูกุ้งนางหลุดไปจากมือเรา ฉันตัดพ่อตัดลูกกับแกแน่”
จิรายุอึ้ง
“เว่อไปรึเปล่าพ่อ”
จรัลตวาด
“ไปสิ!”
จิรายุรีบลุกเดินออกไปแล้วจะเปิดประตูแต่ชะงัก
“ให้ผมไปไหนนะพ่อ”
จรัลอ้าปากค้างเอาหัวโขกโต๊ะด้วยความเซ็ง จิรายุยิ้มขำ
“อ๊ะ ล้อเล่น รับรองผมจะเอาเพชรมาให้พ่อให้ได้”
ชามาดาใส่ชุดสวยอยู่หน้ากระจก มีเจ๊อึ่งดูแลความเรียบร้อย ชามาดาจ้องกุ้งนางผ่านกระจกด้วยสายตาชิงชังจนกุ้งนางต้องหลบตา เจ๊อึ่งแกล้งพูดเอาใจ
“แหม...น้องดาเนี่ย สวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ เกิร์ลเจเนอเรชั่น เกิร์ลกามิกาเซ่ เกิร์ลลี่เบอร์รี่ เกิร์ล...”
ชามาดาตัดบท
“หุบปากเลยเจ๊ ผีเจาะปากมารึไง ดูซิ ชุดบ้าอะไร ใส่แล้วอ้วนยังกับหมู”
เจ๊อึ่งหน้าหงิก
“อ้วนตรงไหน ชุดนี้ก็ออกแบบตามที่คุยกันไว้เลยนะ”
“เอ๊ะ บอกว่าอ้วนก็อ้วนสิ ตะเข็บข้างน่ะ ดึงเข้าไปหน่อย ย้วยย้อยใส่แล้วรำคาญ” ชามาดาหันไปสั่งกุ้งนาง “แกน่ะ...จับซิ จับให้มันกระชับหน่อย ทำเป็นรึเปล่า”
กุ้งนางรีบเข้าไปดูใกล้ๆ
“เดี๋ยวลองสอยตรึงก่อน ถ้าดีขึ้นแล้วค่อยเย็บเข้าทีหลัง”
กุ้งนางปากคาบเข็มหมุด ค่อยๆ ดึงแก้ไข จู่ๆ ชามาดาก็กรี๊ด ผลักกุ้งนางกระเด็นไป เจ๊อึ่งตะลึง
“อ๊าย อีบ้า...แกแกล้งเอาเข็มมาแทงเหรอ”
“ฉันเปล่านะ”
“แล้วเข็มแทงฉันไง”
“แทงตรงไหน สอยห่างออกมาตั้งเยอะ”
“ตอแหล ขอตบปากสักทีเถอะ”
ชามาดาเงื้อมือจะตบหน้า แต่กุ้งนางรับมือไว้แล้วบีบข้อมือชามาดาอย่างแรง
“อ๊าย นังบ้าปล่อยนะ นังเจ๊ ดูลูกน้องแกนะ”
เจ๊อึ่งตกใจ
“กุ้ง...ปล่อยมือคุณชามาดาเดี๋ยวนี้”
“ฉันมาทำงาน ไม่ได้ให้คนตบตีเล่น”
กุ้งนางสะบัดแขนชามาดาออก จิรายุเข้าประตูมาพอดี ชามาดาเห็นรีบเข้ามาออเซาะทันที
“จิคะ นังนี่มันเอาเข็มแทงดาค่ะ”
กุ้งนางเถียงเสียงแข็ง
“ฉันไม่ได้ทำ”
“ตอแหล จิคะ แล้วแกยังบิดข้อมือดาอีกนะ” ชามาดายื่นให้จิรายุดู “จิดูสิคะ แดงไป
หมดเลย”
จิรายุดูหน้านิ่ง
“เจ๊อึ่งเรื่องเป็นยังไง”
“คุณชามาดาหาว่ากุ้งนางเอาเข็มแทงค่ะ จะตบกุ้ง แต่กุ้งมันไม่ยอม”
ชามาดาหันมาตาเขียวใส่เจ๊อึ่ง
“นังเจ๊อึ่ง”
จิรายุเสียงเข้ม
“พอแล้วดา”
“จิ...ดาไม่ยอมนะ จิต้องไล่มันออกไป ไม่งั้นดาจะออกเอง”
จิรายุถอนใจ
“โอเค...ผมจะไล่กุ้งนางออก”
เจ๊อึ่งตกใจ
“คุณจิ”
กุ้งนางมองจิรายุอย่างแค้นใจ ชามาดายิ้มสะใจ จิรายุหันไปหากุ้งนาง
“เธอไปกับฉัน”
จิรายุเดินนำออกไป กุ้งนางตามไป ชามาดางงๆ
“นี่มันอะไรกัน...ทำไมจิต้องให้มันตามไปฮึเจ๊”
“เจ๊จะรู้ไหมล่ะ แล้วน้องดาเนี่ย อยากจะรู้อยากจะเห็นเรื่องคนอื่นเขาทำไมจ๊ะ”
“นี่เจ๊ว่าดาเสือกเหรอ”
“เปล่า... แค่สาระแนน่ะจ้ะ”
เจ๊อึ่งเดินออกไป ชาดามากรี๊ดลั่น
กุ้งนางเดินตามจิรายุแล้วเรียกให้เขาหยุด
“นี่คุณ...จะพาฉันไปไหน”
“บอกให้ตาม ก็ตามมา ไม่ต้องถาม”
“ฉันจะกลับบ้าน คุณไล่ฉันออกแล้ว”
กุ้งนางจะเดินไป จิรายุดึงมือไว้ กุ้งนางพยายามดิ้นขัดขืน
“นี่...ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย”
“อย่าเรื่องมากน่า พ่อฉันรออยู่”
กุ้งนางโมโหเอาเข็มจิ้มมือ จิรายุร้องจ๊ากปล่อยมือทันที
“เฮ้ย...มีสักครั้งมั้ยที่ฉันจะไม่เจ็บตัวเวลาเจอเธอเนี่ย”
“ก็บอกให้ปล่อย คุณไม่ปล่อยเอง...ฉันจะต้องไปพบพ่อคุณทำไม”
“ตามมาก่อน เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ เชิญครับ...”
จิรายุยิ้มกวนๆ แล้วผายมือให้กุ้งนางเดินไป
จรัลจ้องกุ้งนางตาไม่กระพริบจนหยิงสาวอึดอัด จรัลยิ้มพอใจ
“ไม่ผิดหวังจริงๆ หนูเป็นคนสวยมาก ขนาดไม่แต่งหน้ายังสวยขนาดนี้”
กุ้งนางกลัวๆ
“นี่ท่านหมายความว่าไงคะ”
จรัลหัวเราะ
“ขอโทษที อย่าเข้าใจผิด...ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก คือฉันเห็นหนูตั้งแต่วันประกวด หนูเก่งมาก เก่งจนฉันขอให้ประกาศว่า ใครได้ที่หนึ่งจะได้เป็นนักร้องในค่ายฉัน แต่โชคร้ายที่หนู เจอเส้นสาย แพ้ไป”
กุ้งนางอึ้ง
“ท่านทราบเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”
จิรายุพูดขึ้น
“ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น ยกเว้นเธอ”
กุ้งนางค้อนใส่จิรายุ
“แล้วที่ฉันเรียกหนูมานี่ ก็เพราะอยากจะปั้นหนูให้เป็นนักร้องใหม่ของเรา”
กุ้งนางตกใจ
“หนูน่ะเหรอคะ จะได้เป็นนักร้อง”
กุ้งนางอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ชามาดาเดินมาที่โต๊ะเลขาของจรัล
“ดามาขอพบท่านประธานค่ะ”
“ท่านมีแขกค่ะ”
“แขก...พี่รู้มั้ยว่าเด็กนั่นน่ะ มันเป็นแค่ช่างเย็บเสื้อ”
“ทราบค่ะ”
“ถ้าทราบ ดาก็เข้าพบได้สิ”
“คุณดาคะ อย่าทำให้พี่ลำบากใจเลย คอยอยู่นี่ดีกว่า”
ชามาดาจำใจนั่งคอย เลขาทำงานไปแล้วมีโทรศัพท์ภายในโทรเข้ามา
“คะท่าน...ได้ค่ะ กาแฟสองที่ น้ำเปล่าหนึ่งที่นะคะ”
เลขาลุกเดินออกไป ชามาดาที่นั่งคอยอยู่เลยเขยิบเข้าไปที่ประตูแล้วเปิดแอบฟัง เสียงจรัลดังลอดออกมา
“ว่าไงล่ะหนูกุ้งนาง รับรองฉันจะทำให้หนูดังจนกลายเป็นราชินีลูกทุ่งคนต่อไปเลย”
ชามาดาตกใจสุดๆ
ชะเอมสอยเสื้อไปร้องเพลงไปเต้นไปด้วยอย่างอารมณ์ดี เจ๊อึ่งเปิดประตูเข้ามาแล้วเข็นราวเสื้อมาด้วย ชะเอมรีบวิ่งไปรับ
“กุ้งไปไหนทำไมเจ๊เข็นมาเอง”
“คุณจรัลเรียกเข้าพบ”
ชะเอมงงๆ
“จรัลไหนอีกล่ะ”
“จรัลเจ้าของบริษัท พ่อคุณจิรายุ และเป็นคนจ่ายเงินเดือนหล่อนไง รู้จักรึยัง”
ชะเอมตกใจ
“ห๊า...ใหญ่ขนาดนั้น แล้วเรียกกุ้งไปทำไม”
“ไล่ออกมั้ง ดั๊นไปมีเรื่องกับนงชะมดน่ะสิ”
“ไล่ออก!”
ชะเอมได้ยินก็ตกใจเป็นลมเจ๊อึ่งคว้าไว้ทัน
“ว๊าย มาเป็นลมอะไรตอนนี้ โอ๊ย...เจ๊ตายแน่ ไอ้ราวเมื่อกี้หนัก แม่นี่ก็หน่วงอีกหลังฉันพังพอดีนังเขียด ช่วยเจ๊หน่อย เร็วสิ นังเขียดๆๆ”
จิราย กุ้งนาง จรัลยังคงคุยกันอยู่...
“ว่าไงล่ะ ถ้าหนูตอบตกลงเราก็เซ็นสัญญากันได้เลย”
ทันใดนั้น ชามาดาก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“ทำยังงี้ หมายความว่ายังไงคะท่าน”
ทุกคนตกใจหันไปมอง จิรายุรีบลุกขึ้นไปขวาง
“ดา...เข้ามาทำไม”
“ดาก็เข้ามา เพราะรู้ว่าจะมีการส่งเสริมนังช่างเย็บเสื้อทะเยอทะยานนี่น่ะสิคะ”
“ดาออกไปก่อน นี่มันไม่เหมาะสมนะ”
“ไม่ นังเนี่ยมันมารยาเยอะ ความสามารถอะไรก็ไม่มี ถ้าไม่เอาตัวเข้าแลก ทำงานสองวันจะได้เป็นนักร้องแล้วเหรอ”
กุ้งนางผุดลุกขึ้นประจันหน้า เสียงดัง
“จะมากไปแล้วนะ...ฉันไม่ทำอะไรให้ ถึงคอยหาเรื่องกันอยู่ได้”
“ก็แกมันตอแหล มารยา หน้าด้าน เมื่อวานก็ไปอ้อนออเซาะพี่นที นี่พี่นทีมาขอให้ท่านส่งเสริมมันใช่ไหมคะ”
จรัลโมโหตวาดเสียงดัง
“หยุดได้แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะเธอชามาดา หนูกุ้งนางจะมีความสามารถหรือไม่มี เธอก็ไม่ต้องมายุ่ง”
“ท่าน” ชามาดามารยาร้องไห้ “นี่ท่าน...ท่านจะเขี่ยดาทิ้ง แล้วปั้นมันขึ้นมาแทน ฮือๆๆ”
จรัลรำคาญ
“ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม ใครขายได้ฉันก็ขายหมดแหละ มันเป็นธุรกิจ”
“แต่ดาไม่ต้องการให้ท่านปั้นนังนี่”
“มันจะมากไปแล้วนะชามาดา” จรัลหันไปบอกลูกชาย “จิ ในฐานะผู้จัดการวง แกจัดการเดี๋ยวนี้เลย”
“ชามาดา...ออกไปก่อน”
“ดาไม่ไป”
จิรายุชักโมโห
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ มันเป็นเรื่องของบริษัทกับกุ้งนาง”
ชามาดาหน้ายะโส
“ก็ได้ ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องของดา งั้นเรามาคุยเรื่องของดากันดีกว่า”
“เรื่องอะไร”
“ถ้าบริษัทปั้นนังนี่เป็นนักร้อง อัลบั้มชุดนี้ของดากับพี่นที ดาก็ขอหยุดแค่นี้”
ชามาดาเชิดหน้าท้าทาย จรัล จิรายุ และกุ้งนางมองชามาดาอึ้งไป
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชามาดาจ้องหน้ากุ้งนางไม่พอใจ
“ว่าไงคะจิ บริษัทคงต้องเลือกแล้วล่ะค่ะ ว่าจะเอาเพชรที่เจียระไนแล้วอย่างดา หรือว่าจะเอากรวดหินดินทรายอย่างมัน”
ชามาดา กับกุ้งนางจ้องตากัน จรัลทุบโต๊ะปังอย่างหัวเสีย
“นี่ชักจะมากไปแล้วนะ ชามาดา”
“แล้วที่บริษัททำกับดาล่ะคะท่าน ไม่มากเหรอคะ นังนี่มันเป็นใคร แค่เด็กเย็บเสื้อ อยู่ๆ ก็จะให้มันเป็นนักร้อง ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคะ กว่าดาจะมาถึงจุดนี้ได้ ดาต้องประกวดมาเท่าไหร่ แล้วมันมีอะไร ทำไมถึงจะได้ทำเพลง หรือว่ามันใช้ทางลัด” ชามาดา มองกุ้งหัวจรดเท้า “มันนอนกับจิใช่มั้ย”
จิรายุตวาด
“ไร้สาระน่าดา ทำไมคิดอะไรสกปรกแบบนี้ล่ะ”
“ก็มันจริงมั้ยล่ะคะ”
จิรายุโกรธมาก
“ผมว่าดาอยู่ในที่ของดาดีกว่า นี่มันเรื่องของฝ่ายบริหาร”
ชามาดาโมโห
“จิ! นี่จิกล้าพูดแบบนี้กับดาเหรอ”
“ดาก็ควรมีเหตุผลบ้าง”
จรัลเสียงดังกับจิรายุ
“ไอ้จิ หยุด...พอได้แล้ว”
จิรายุอึ้งงงที่จรัลโบกมือห้าม ชามาดายิ้มพอใจ
“ท่านเห็นด้วยกับดาใช่มั้ยคะ”
จรัลนิ่งเงียบ กุ้งนางมองจรัลรอคำตอบ แต่เงียบ กุ้งนางตัดสินใจลุกขึ้น
“ท่านคะ” กุ้งนางยกมือไหว้ “หนูขอบคุณท่านมากที่กรุณา แต่หนูขอไม่เป็นนักร้องดีกว่าค่ะ หนูกลับไปทำงานนะคะ”
กุ้งนางจะเดินออกไปจิรายุเข้ามาขวาง แต่กุ้งนางก็เดินเลี่ยงเปิดประตูออกไป ชามาดามองด้วยหางตาแล้วเดินมาหาจรัลยกมือไหว้ยิ้มหวาน จิรายุออกไป
“ขอบพระคุณนะคะท่าน ให้มันเย็บปะชุนเสื้อไปน่ะดีแล้วค่ะ”
จรัลจ้องหน้า
“ชามาดาฉันว่า เธอทำงานของเธอให้ดีก็แล้วกัน นี่เป็นโลกธุรกิจ ถ้าคนดูคนฟังเขาไม่สนใจเธอ ฉันก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน”
ชามาดาชักสีหน้าแต่พยายามเก็บความรู้สึก
“ค่ะงั้นดา...ขอตัวนะคะ” ชามาดาหันกลับ “ไปกันเถอะค่ะจิ”
หญิงสาวหันกลับมาไม่เห็นจิรายุ ชามาดาหงุดหงิด เดินไปกระชากประตูจะเปิดแต่เลขายกกาแฟมาพอดี ทั้งสองเดินขวางกันไปกันมา ชามาดารำคาญปัดถ้วยกาแฟในมือเลขาทันที เลขากรี๊ดตกใจ ชามาดาตวาด
“โอ๊ย เดินระวังมั่งสิ ไม่เห็นฉันรึไง”
พูดจบชามาดาก็เดินเชิดออกไป จรัลมองตามแล้วส่ายหน้าระอาใจ
กุ้งนางเดินมาตามทางเดินอย่างเร็ว จิรายุวิ่งตามมาคว้าแขนไว้ กุ้งนางมองแล้วสะบัดแขนออก
“ทำไมถึงยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้”
“ฉันไม่ได้แข่งกับใคร ทำไมจะต้องยอมแพ้”
“ยังจะเถียงอีก โอกาสทอง ไม่ได้มาเคาะประตูเรียกเธอทุกวันนะ กุ้งนาง”
“ชีวิตฉันดีอยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้มันยุ่งยากไปกว่านี้”
“ยุ่งยากยังไง จะบอกให้นะ คนเก่งแต่ขาดโอกาสที่จะแสดงฝีมือ มันก็ไม่ต่างอะไรกับคนพิการหรอก”
กุ้งนางนิ่งอึ้งไปครู่เพราะเถียงไม่ออก จิรายุจ้องหน้าพูดเสียงนิ่ง
“พ่อฉันให้โอกาสเธอแล้ว ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะรีบคว้าไว้”
“คุณจิรายุ โอกาสที่ฉันได้รับจากคุณพ่อของคุณน่ะ มันก่อนที่คุณชามาดาจะเข้ามา แต่พอคุณชามาดาไม่ยอม ท่านก็เงียบ คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
จิรายุอึ้ง
“พ่อคงมีเหตุผล”
“เหตุผลก็คือท่านเลือกคุณชามาดา”
จิรายุอึ้ง กุ้งนางเดินไป จิรายุถอนใจเซ็ง
ทุกคนนั่งกินข้าวในโรงอาหาร ชะเอมวี๊ด จนเจ๊อึ่งตกใจ รีบเอาช้อนยัดปาก
“จะบ้าเหรอ ร้องทำไม คนแตกตื่นทั้งโรงอาหารแล้ว”
“โธ่...เจ๊ จะไม่ให้ฉันดีใจเหรอ ตอนแรกเจ๊บอกกุ้งโดนไล่ออก ที่ไหนได้ท่านประธานเขาเรียกน้องฉันไปเป็นนักร้อง ฉันขอดีใจอีกรอบนะ อ๊าย”
เขียดเล่นด้วย
“อุ๊ย...งั้นเขียดขอกรี๊ดด้วยคน...อ๊าย”
ทุกคนเอามือปิดหู ชะเอมยิ้มเคลิ้ม
“ในที่สุดความฝันที่จะเป็นแดนเซอร์สุดสวยของฉันก็ใกล้มาแล้ว ไอ้กุ้งได้ดีแล้ว อย่าลืมพี่ชะเอมนะ”
“พี่ด้วงด้วย พี่ไม่ขออะไรมาก ขอทำอัลบั้มคู่กุ้งสักชุด เหมือนชามาดากับนทีทองก็พอ”
กุ้งนางยิ้มแหยๆ
“ถ้าได้ดี ฉันไม่ลืมพี่ทุกคนแน่ แต่ปัญหาคือ มันยังไม่ได้ดีน่ะสิแล้วก็...เอ้อ อาจจะไม่ได้ด้วย”
ก้านแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง ตกลงกุ้งจะได้เป็นนักร้องหรือไม่ได้เป็นกันแน่”
“ฉันปฏิเสธท่านประธานไปแล้วล่ะพี่ก้าน”
ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“ปฏิเสธ!”
ด้วงไม่เข้าใจกุ้งนางสุดๆ
“เฮ้ย ไอ้กุ้ง วันแรกที่เรามาที่นี่ ก็สมัครตำแหน่งนักร้องกันนะ ตอนนี้จะได้เป็นนักร้อง ทำไมถึงไม่เอา โธ่ เอ๊ย...รวยเห็นๆ”
กุ้งนางยิ้ม
“ฉันอาจจะไม่เหมาะกับวงการที่ต้องแก่งแย่งแข่งดีกับใครก็ได้”
ก้านสงสัย
“มีใครทำอะไรกุ้ง”
กุ้งนางอึกอัก
“เอ่อ...เปล่าจ้ะ คือฉันแค่อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากวุ่นวาย”
เจ๊อึ่ง ชะเอม ด้วง เขียด มองหน้ากุ้งนางอย่างแปลกใจ แต่ก้านอมยิ้มดีใจ
“ถ้ากุ้งมีความสุข จะทำอะไรก็ทำ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปทำ”
ชะเอมค้อนก้าน
“เอ้า...ไอ้ก้าน ช่วยกันดับฝันซะงั้น”
เจ๊อึ่งนึกถึงแก้วตา
“เฮ้อ... คิดถึงสมัยสาวๆ...เจ๊ก็มีเพื่อนคนนึง นิสัยเหมือนกุ้งนี่แหละ ไม่อยากชิงดีชิงเด่นกับใคร เสียดาย ถ้าเขายังอยู่ที่วง แล้วได้เจอกุ้ง เขาคงชอบกุ้ง”
กุ้งนางหันมาถาม
“แล้วเขาไปไหนล่ะเจ๊”
“เจ๊กับเขาทะเลาะกันรุนแรงช่วงก่อนที่เขาจะลาออกจากวง หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นไงบ้าง”
“ไว้ถ้าเจ๊ได้เจอเพื่อนเจ๊อีกครั้ง กุ้งจะช่วยเป็นกาวใจให้นะ”
กุ้งนางยิ้มให้ เจ๊อึ่งยิ้มรับเจื่อน ๆ
นทีทองเข้ามานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องแต่งตัว ซองจูโผล่เข้ามา
“คิวโปรโมตมาแล้วครับพี่”
ซองจูส่งใบคิวให้นทีทองดู
“เตรียมตัวเหนื่อยกันได้แล้วนะซองจู”
ซองจูยิ้มรับ
“นี่เสื้อผ้ายังไม่มาอีกเหรอครับ...เดี๋ยวผมไปตามให้แล้วกัน”
ซองจูจะออกไป นทีทองเรียกไว้
“ซองจู”
ซองจูหันมา
“ครับพี่”
“พี่ฝากเอาน้ำผึ้งผสมมะนาวให้แก้วนึงนะ”
ซองจูยิ้มรับ
“ได้ครับ”
นทีทองยิ้ม ซองจูออกจากห้องไป นทีทองถอนใจ
“เฮ้อ ถ้าไม่มีซองจู เราจะอยู่ได้ยังไงล่ะ”
ในห้องเสื้อผ้า...เขียดกับชะเอมจัดชุดของนทีทองพร้อมแล้วยกมาวางไว้ อีกด้านหนึ่ง เจ๊อึ่งกับกุ้งนางกำลังตรวจชุดที่มาส่งว่าตรงกับออกแบบไว้มั้ย โดยมีกระดาษแบบติดอยู่ที่ผนังเต็มไปหมด เจ๊อึ่งหงุดหงิด
“จะมีสักครั้งมั้ยฮึนังเขียด ที่ร้านมันจะตัดให้ตรงกับแบบที่เจ๊ส่งไปเนี่ย”
เขียดหัวเราะฮึๆ
“ไม่มีหรอกจ้ะเจ๊”
“ชุดของคุณชามาดาเอาไงจ้ะเจ๊ จะให้กุ้งเย็บเข้าตอนนี้เลยมั้ย”
เขียดหันมาบอก
“นั่นสิเจ๊พรุ่งนี้ต้องใช้ถ่ายรูปแล้วนะ”
เจ๊อึ่งนึกได้
“โอ๊ย เจ๊ลืมสนิทเลย มาเดี๋ยวเจ๊ดูให้ นังเขียดมาช่วยกันสิ”
ซองจูเปิดประตูเข้ามา
“เจ๊อึ่ง ชุดพี่นทีได้รึยังครับ”
“ได้แล้ว แต่ซองจูรอหน่อยนะ เจ๊ยังแก้ชุดชามาดาอยู่ เสร็จแล้วจะได้เอาไปพร้อมกันเลย”
“ผมขอของพี่นทีไปก่อนดีกว่า ขืนรอชุดชามาดา คืนนี้พี่นทีคงไม่ได้ลองแน่”
เขียดโวยวายใส่
“เอ๊ะ ซองจูนี่ เห็นมั้ย มือเจ๊อึ่งก็เย็บ ปากเจ๊ก็พูดอยู่เนี่ย ยังจะมาเร่งอีก”
เจ๊อึ่งพยักหน้า
“จริง...ให้นทีรอก่อน”
กุ้งนางเห็นคนอื่นยุ่งจึงอาสา
“ให้กุ้งไปช่วยดูให้ก็ได้นะเจ๊”
เจ๊อึ่งค้อนซองจู
“เยอะนะเราน่ะ” เจอึ่งหันไปสั่งกุ้งนาง “งั้นกุ้งเอาชุดไป ถ้าตรงไหนแก้ไม่ได้ก็โทรมาตามเจ๊แล้วกัน”
“จ้ะเจ๊”
กุ้งนางรีบคว้าชุดของนทีทองเดินตามซองจูไป
ซองจูเดินนำกุ้งนางไปที่ห้องแต่งตัว พอถึงหน้าห้องซองจูเคาะประตูแล้วเปิดให้กุ้งนางเข้า แต่หญิงสาวชะงัก
“มีอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
“งั้นก็เข้าไปเลยนะ เดี๋ยวพี่ต้องไปเอาเครื่องดื่มให้พี่นทีก่อน”
ซองจูพูดจบก็เดินไป กุ้งนางแอบหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาใส่
“หวังว่าพ่อเห็นสร้อยเส้นนี้แล้ว จะจำแม่ได้นะจ๊ะ”
กุ้งนางกลั้นใจฮึดสู้แล้วเดินเข้าไปด้านใน
กุ้งนางเดินเข้ามาในห้องเห็นหน้านทีทองก็ยืนนิ่ง
“อ้าว...หนูนั่นเอง...ไหนขอดูชุดหน่อยเป็นยังไงบ้าง”
กุ้งนางได้สติ รีบเอาเสื้อไปแขวน แล้วเปิดถุงออกยื่นให้นทีทอง กุ้งนางพยายามยืนแขนให้ดู แต่นทีทองไม่สนใจ จับมือกุ้งนางที่ถือเสื้อออกห่าง
“อืม...จำได้แล้ว”
กุ้งนางตื่นเต้น
“คุณจำได้แล้วเหรอคะ”
“จำได้สิ ก็เมื่อวานเจ๊อึ่งบอกว่าเป็นชุดที่ฉันออกไอเดียให้ ก็นึกตั้งนานว่าชุดไหน คือฉันอยากได้ชุดที่มันสีอ่อนๆ แล้วกางเกงเป็นแถบแบบนี้แหละ”
กุ้งนางอึ้ง ผิดหวัง
“คุณจำได้แต่ชุด...”
นทีทองงง
“เท่าที่นึกได้ก็ใช่นะ เพราะฉันก็ไม่ได้บอกเรื่องรองเท้า หรือเครื่องประดับอื่นนี่”
กุ้งนางจ๋อย นทีทองหยิบเสื้อหายเข้าไปหลังฉาก กุ้งนางมองสร้อยข้อมือ
“หรือว่ายังเห็นไม่ชัด”
สักพักนทีทองเดินออกมาที่หน้ากระจก พยายามติดกระดุมคอแต่ไม่ถนัด
“หนูช่วยฉันติดกระดุมหน่อยสิ ไม่ถนัดเลย”
กุ้งนางรีบเข้าไปช่วยนทีทองติดกระดุมเสื้อ พยายามนำเสนอสร้อยข้อมือจนแทบจะทิ่มตา นทีทองคว้าแขนกุ้งนางไว้พูดขำๆ
“ระวังหน่อยหนู เดี๋ยวตาฉันบอดแล้วแย่เลย ฉันใส่แว่นดำแล้ว ไม่หล่อเหมือนพวกพระเอกหนังซะด้วย”
กุ้งนางเซ็ง
“นี่คุณจำสร้อยเส้นนี้ไม่ได้เหรอ”
นทีทองงง
“สร้อย...สร้อยเส้นนี้ ทำไมล่ะ”
“ลองคิดหน่อยสิคะ คุณเคยเห็นสร้อยเส้นนี้รึเปล่า”
นทีทองนึกๆ
“ไม่เคย” เขามองอีกครั้ง “ตกลง สร้อยเส้นนี้มันสำคัญยังไง”
กุ้งนางผงะ จ้องหน้านทีทองพยายามกลั้นน้ำตา
“มัน...เอ้อ...ไม่สำคัญ...คุณใส่ชุดเรียบร้อยแล้ว ฉันไปนะคะ”
กุ้งนาง ตัดสินใจเดินออกไปสวนกับซองจูที่ยกน้ำผึ้งผสมมะนาวมา
“อ้าว...จะไปไหนล่ะ เสร็จแล้วเหรอ ดูสิ พูดด้วยก็ไม่พูด...มีอะไรรึเปล่าครับพี่”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ อยู่ๆ ออกไป”
นทีมองที่ประตูด้วยความสงสัย
ในห้องเสื้อผ้า...เจ๊อึ่งกับชะเอมกำลังวุ่นวายแก้ชุดให้ชามาดา นทีทองเปิดประตูเข้ามาในห้อง ซองจูถือถุงใส่สูทตามมา เจ๊อึ่งหันไปมอง
“อ้าว...ทำไมยกมาเองล่ะ แล้วกุ้งนางไปไหน”
ซองจูส่ายหน้า
“ไม่รู้เหมือนกันเจ๊ น้องเขาออกมาก่อนแล้วนี่ ยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ”
“ไม่นี่” เจ๊อึ่งงงหันไปมองนที “นทีไปดุอะไรเด็กเจ๊รึเปล่า”
“โธ่เจ๊ ผมเคยดุด่าใครพร่ำเพรื่อที่ไหน เจ๊ก็รู้นิสัยผม”
“ก็จริง ถ้าเป็นยัยชะมดนั่นก็ว่าไปอย่าง”
เขียดหัวเราะ
“พี่นทีไปลวนลามเด็กเขียดล่ะฮึ”
“เฮ้ย เขียด จะบ้าเหรอ พี่ไม่มีนิสัยแบบนั้น”
เจ๊อึ่งคิดๆ
“แหม...ถ้าลงแบบนี้ละก้อมีอย่างเดียว สงสัยจะแอบไปอู้”
ชะเอมแย้งทันที
“อุ๊ย...ไม่มีทางหรอกเจ๊ กุ้งมันไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น”
“งั้นกุ้งมันหายไปไหนล่ะยะ”
เจ๊อึ่งหันไปมองหน้า ชะเอมส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง
ชะเอมเดินชะเง้อตามหากุ้งนาง เดินเลี้ยวมาเห็นกุ้งนางนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ ชะเอมชะงัก
“กุ้ง...เป็นอะไรไป ใครทำอะไร”
ชะเอมลงนั่งข้างๆ พอกุ้งนางเห็นหน้าชะเอมก็โผเข้ากอด
“พ่อจำสร้อยไม่ได้ พี่ชะเอม กุ้งจะทำยังไงดี”
“จะเป็นไปได้เหรอวะ กุ้งถามเขา แน่แล้วเหรอ”
“แน่สิ ฉันยื่นให้ดูตรงหน้าเลย แต่พ่อทำเหมือนไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ”
ชะเอมอึ้งพูดไม่ออก กุ้งนางน้ำตาไหล
“พ่อใจร้าย ฉันไม่อยากรักพ่อแล้ว”
“อย่าเพิ่งท้อใจสิ สร้อยน่ะ ก็เหมือนๆ กันไปหมด เวลามันผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว พ่อกุ้งอาจจะลืมไปก็ได้นะ”
“งั้นฉันควรจะทำไงดีล่ะ”
“เราก็ให้สิ่งที่เขาไม่ลืมสิ”
กุ้งนางชะงักคิดได้
“เนื้อเพลง...”
ชะเอมยิ้ม
“เออ...เพลงที่เขาแต่งเอง เขาต้องไม่ลืม ต้องจำได้ด้วย ว่าแต่งให้ใคร”
กุ้งนางนิ่งคิดตามแล้วส่ายหน้าระอาใจ
“ไม่เอาแล้วล่ะพี่ชะเอม”
“เฮ้ย ทำไมล่ะวะ”
“ฉันกลัว...กลัวพี่ต้องเห็นหน้าพ่อตอนที่บอกว่าไม่เคยเห็นสร้อย มันทำให้ฉันรู้แล้วว่า ความเจ็บปวดของแม่มันร้ายแรงแค่ไหน ฉันไม่อยากเสียใจเหมือนแม่”
กุ้งนางกอดชะเอมร้องไห้
จิรายุนั่งดูแฟ้มงานแต่ตาเหม่อลอยครุ่นคิด
“โอกาสมาแล้วทำไมไม่รับ ยัยนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ อยากรู้จริงๆว่ายัยนั่นคิดอะไรอยู่ถึงปฎิเสธที่จะเป็นนักร้อง”
คมกริชเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“คุณจิอ่านหรือยังครับ”
จิรายุสะดุ้ง
“เอ่อ...ครับ อ่านอะไร”
คมกริชยิ้ม
“อ้าว...ก็แฟ้มในมือไง เรื่องการกำหนดวันงานเปิดตัว”
“อ๋อ...กำลังอ่านครับ”
คมกริชยิ้ม
“เร็วหน่อยนะครับ ทางพีอาร์เขาอยากให้เราเช็คคิวทีมงานให้หมด”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะให้คำตอบเขาเอง”
คมกริชจะเดินออกไป จิรายุเรียกไว้
“เอ่อ...พี่คมครับ ผมขอโทษนะครับ”
“ขอโทษเรื่องอะไรคุณจิ”
“ก็เรื่องที่ผมมาทำงานบริหารนี่ เพราะพ่ออยากให้แบ่งเบางานของพี่คม พี่คมจะได้แต่งเพลงอย่างเดียว แต่กลายเป็นว่า พี่ต้องมาคอยตามงานให้ผมอีก”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก คุณจิก็เหมือนน้องชายผม มีอะไรช่วยกันได้ก็ช่วยไป”
“ผมสัญญาครับพี่ ผมจะเรียนรู้งานให้เร็วที่สุด จะไม่เป็นภาระของพี่”
คมกริชยิ้มแล้วเดินออกมา...พอออกมานอกห้องคมกริชก็ยิ้มร้าย
“ฮึ...ภาระ...ไอ้โง่เอ๊ย ฉันอยากจะยึดบริษัทของแก มาเป็นภาระฉันทั้งหมดด้วยซ้ำ”
ในห้อง...จิรายุนั่งอ่านแฟ้มแล้วก็หงุดหงิดวางแฟ้มลงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก
“สวัสดีครับครู ครูว่างมั้ยครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยน่ะครับ”
เย็นนั้น จิรายุมาคุยกับครูชาตรีที่ร้านกาแฟ ครูชาตรีตกใจ
“กุ้งนางทำงานที่สยามซองงั้นเหรอ”
“ครับ...อยู่แผนกคอสตูมกับเจ๊อึ่ง เห็นว่าแม่เขาเสียแล้วเลยมาหางานทำที่กรุงเทพ”
ครูชาตรีถอนใจเครียด
“ในที่สุดกุ้งนางก็ยื้อชีวิตแม่เขาไว้ไม่ได้ น่าสงสารจริงๆ แล้วทำไมจิไม่ให้เขาเป็นนักร้องล่ะ เด็กคนนี้มีศักยภาพมากกว่าจะเป็นช่างเสื้อ จิกับคุณจรัลก็น่าจะรู้นี่”
“เราเสนอให้เป็นนักร้องแล้ว แต่เขาปฏิเสธ”
“ปฏิเสธเหรอ” ครูชาตรีขำ “เอ่อ...แปลกดีนะเด็กคนนี้ ครูเองก็เคยชวนเขามาร่วมงานด้วยนะ แต่เขาคงไม่อยากทำ ก็เลยไม่ติดต่อมา”
จิรายุถอนใจ
“เฮ้อ ได้โอกาสดีๆ จากสองค่ายยักษ์ แต่กุ้งนางกลับปฎิเสธทั้งสองครั้ง ผมว่า เป้าหมายในชิวิตของเขาคงไม่ใช่นักร้องแล้วล่ะครับครู”
ครูชาตรีมองจิรายุอย่างไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไง”
จิรายุอ้ำอึ้ง
“เอ้อ คือผมถามตรงนะครับ กุ้งนางเขา...เคยอ่อยครูรึเปล่าครับ”
ครูชาตรีตะลึง
“เฮ้ย...จิ ทำไมคิดยังนั้น”
“ก็ถ้าเขาไม่อยากนักร้องได้ แสดงว่า เขาต้องการอะไรที่ดีกว่า”
ครูชาตรีหัวเราะ
“ถ้าคิดว่ากุ้งนางจะจับครู เขาเลือกจิไม่ดีกว่าเหรอ...”
จิรายุอึ้งไป หลบตาครูชาตรี
“ฟังครูนะ ถ้าเด็กคนนั้นคิดจะสบายทางลัด จะลำบากไปประกวดหาเงินมารักษาแม่ทำไม”
จิรายุนิ่งคิดตามที่ชาตรีพูด
วันใหม่...ชามาดากับนทีทองกำลังโพสท่าถ่ายรูป ช่างภาพเก็บภาพ เสียงชัดเตอร์ดังเป็นระยะๆ กุ้งนาง จิรายุ เจ๊อึ่ง และคนอื่นๆ ยืนดูอยู่ จิรายุแอบชำเลืองมองกุ้งนาง หญิงสาวเห็นแล้วแต่ทำเฉย จิรายุเดินเข้าไปหา
“ชงกาแฟให้หน่อยสิ”
“ฉันเป็นฝ่ายคอสตูม ไม่ใช่แม่บ้าน”
จิรายุอึ้ง
“ก็ว่างอยู่ ไปชงให้เจ้านายหน่อย”
กุ้งนางถอนใจเซ็งแล้วเดินไปที่โต๊ะที่วางเครื่องดื่มด้านหลัง จิรายุรีบเดินตามไปยืนมองกุ้งนางชงกาแฟ...ชามาดาโพส์ท่าอย่างไม่มีสมาธิ ตาคอยมองจิรายุตลอด ช่างภาพต้องคอยบอก
“คุณชามาดา โฟกัสที่กล้องครับ เอียงหน้าชิด คุณนทีทองนิดนึง”
นทีทองกระซิบเตือน
“เวลาทำงานนะน้องดา ตั้งใจหน่อย”
โปรดติดตาม "ราชินีลูกทุ่ง" ตอนต่อไป