xs
xsm
sm
md
lg

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 4 
ที่โต๊ะอาหาร อัมพรรับโทรศัพท์เอมิกาอยู่
“ต้องรีบกลับไปทำรายงาน”
อุทยานกับวเรศหันไปมอง
“รีบมากขนาดออกมาลาพ่อกับแม่ไม่ได้เลยเหรอ”
อัมพรนิ่งฟัง
“รายงานอยู่ที่เอม แล้วดร.จะขอดูเดี๋ยวนี้ โอเคๆ ถ้าถึงมหาลัยแล้วโทรหาแม่ด้วยก็แล้วกัน”
อัมพรวางสายแล้วหันมาทางวเรศ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เอมิกาในชุดช่าง สวมหมวกเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วแอบมองไปที่วเรศ อุทยานและอัมพร ก่อนจะรีบเดินออกมา แต่วเรศดันหันหน้ามาเห็นเอมิกาพอดี วเรศผงะ เอมิกาตกใจรีบผลุบลงที่พื้น วเรศรู้สึกเหมือนเห็นเอมิกา
“หันมาทางนี้ทำไมเนี่ย”
เอมิกาครุ่นคิดทำไงดีทำให้ลูกค้าที่นั่งกินอยู่มองเอมิกาอย่างงงๆ เอมิการู้ตัวว่ามีคนมองเลยเงยหน้ายิ้มแหยแล้วรีบคลานออกไป แต่กลับชนพนักงานที่เดินถือถาดอาหารเดินมา พนักงานตกใจ
“เฮ้ย”
เอมิกาตกใจมาก ถาดกำลังจะหล่น เอมิการีบลุกขึ้นแล้วก็รับถาดได้อย่างหวุดหวิด เอมิกาพ่นลมหายใจออกมาโล่งอก หันไปเห็นวเรศมองมาพอดี เอมิกาหน้าตื่น วเรศตกใจ เอมิการีบเอาถาดคืนให้พนักงานแล้วรีบจ้ำเดินออกไปทันที
วเรศหันมาทางอุทยานกับอัมพรบอก
“ขอตัวซักครู่นะครับ”
วเรศรีบลุกเดินออกไปทันที อัมพรกับอุทยานมองด้วยความแปลกใจ

วเรศพรวดออกมาหน้าร้าน หันไปมองรอบๆแต่ไม่เห็นเอมิกา เลยเดินไปอีกทาง
เอมิกาซ่อนอยู่หลังรถคันหนึ่ง หันไปมองตามวเรศแล้วก็รีบเดินไปอีกทาง จนทำให้สะดุดกระแทกกับรถคันหนึ่ง สัญญาณกันขโมยดังขึ้น เอมิกาตกใจ วเรศหันมาเห็นเอมิกาพอดี
“ชะเอม”
เอมิกาวิ่งหนี วเรศวิ่งไล่ขนานไปด้วยกันโดยมีรถที่จอดอยู่คั่นเอาไว้ ทั้งคู่วิ่งกันไปคุยกันไป
“หยุดนะชะเอม”
“ไม่หยุด”
“เธอวิ่งหนีฉันทำไม”
“แล้วคุณวิ่งตามฉันทำไม”
วเรศรีบวิ่งแซงหน้าเอมิกาแล้วแทรกตัวมาระหว่างรถที่จอดอยู่ ก่อนจะพุ่งออกมาขวางหน้าเอมิกาเอาไว้
เอมิกาเบรคเอี๊ยดแต่ไม่ทันเลยชนวเรศเข้าเต็มๆ ทำให้สองคนหงายหลังล้มไปบนพื้น เอมิกาทับตัววเรศเอาไว้ ทั้งสองคนชะงัก เอมิการีบลุกขึ้นยืนจะหนี วเรศรีบลุกขึ้นจับแขนเอมิกาเอาไว้
“หยุดวิ่งหนีฉันได้แล้ว ฉันเหนื่อย”
“ฉันก็เหนื่อยเหมือนกัน”
“เหนื่อยแล้ววิ่งหนีฉันทำไม หรือว่าเธอทำอะไรผิด”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ถ้างั้นเธอมาที่นี่ในชุดแบบนี้ทำไม”
เอมิกาเงียบหน้าถอดสี วเรศถามต่อ
“เธอกำลังทำอะไรกันแน่”
วเรศมองเอมิกาด้วยสายตาคาดคั้น เอมิกาเหงื่อตก

เอมิกาพยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุด … แล้วเล่าความเท็จ
“เธอรับจ้างล้างจานที่ร้านอาหารนี้”
เอมิกาพยักหน้า
“งานที่บ้านยังหนักไม่พอเหรอไง ถึงต้องออกมารับงานที่อื่น”
“ก็ มันไม่พอกิน ค่าใช้จ่ายฉันเยอะ”
“เธอจะใช้จ่ายอะไรมากมาย”
“มีก็แล้วกันค่ะ”
“หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องไม่ดี”
เอมิกาอึ้งแล้วก็รีบทำดราม่าใส่ทันที เอมิกาแกล้งร้องไห้ จนวเรศตกใจ
“เลิกมองฉันในแง่ร้ายซักที คุณไม่รู้หรอกว่าชีวิตฉันมันรันทดมากแค่ไหน ฉันมีพ่อเป็นอัมพาต”
ภายในร้านอาหาร จู่ๆ อุทยานสำลักข้าวพรวด
เอมิกายังฟูมฟายต่อ
“มีแม่ตาบอด”
บนโต๊ะอาหาร อัมพรสำลักน้ำ
เอมิกาแกล้งบีบน้ำตาอย่างหนัก
“แล้วไหนยังมีค่าเล่าเรียนน้อง บ้านก็ต้องซ่อมเพราะน้ำท่วม”
วเรศมองเอมิกาแบบจริงเหรอ!
“เธอพูดจริงรึเปล่า”
เอมิกาแกล้งทำโมโห
“นี่คุณคิดว่าฉันโกหกเหรอ ใช่สิ..คุณมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เคยพบกับความลำบาก คุณถึงไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น”
เอมิกาหันหลังแกล้งร้องไห้พลางเหล่มองวเรศอย่างลุ้นๆ วเรศครุ่นคิด ลังเล
“เอาล่ะๆ ฉันจะไม่บอกใครเรื่องที่เธอออกมารับงานนอก ส่วนเรื่องบ้านเธอ อาทิตย์หน้าฉันพอมีเวลาว่าง ฉันอยากไปดูบ้านเธอด้วยตาตัวเอง”
เอมิกาเหวอยังไม่ทันพูดอะไรต่อ วเรศเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เอมิกาแทบอยากจะแดดิ้นตายไปตรงนั้น
“อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้เนี่ย เฮ้อ หรือว่าเป็นเพราะเราแช่งพ่อแม่ตัวเองเมื่อกี้”
เอมิการีบมือขึ้นมาพนมแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า
“คุณพระคุณเจ้า หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ มันจำเป็นจริงๆค่ะ เฮ้อ”

นากเอาผ้าเช็ดรถจนเสร็จแล้วหันมาทางนงลักษณ์
“เรียบร้อย”
นงลักษณ์ดูนาฬิกาข้อมือบอก
“เสร็จก่อนบ่ายโมงอีกอ่ะ”
“แค่นี้ไม่คณามือพี่หรอกจ๊ะน้องนง ว่าแต่น้องชะเอมจะกลับมาเหรอยัง ถ้าเกิดคุณอรมาตรวจงาน พี่ล่ะหวั่นใจกลัวคุณอรรู้ว่าน้องนงไม่ใช่น้องชะเอม”
นงลักษณ์ครุ่นคิดแล้วก็กังวลใจ

บรรจงหยิบมือถือออกมาดูเวลา
“ใกล้จะบ่ายโมงแล้วเจ้าค่ะคุณอรเจ้าขา จงว่าเราไปดูยัยชะเอมกันดีกว่า”
อรวิลาสหันมาทางบรรจงอย่างเห็นด้วย

ปองเทพซุ่มมองอรวิลาสกับบรรจง พลันมีมือมาสะกิดที่ไหล่ ปองเทพหันไปก็ตกใจที่เห็นแป๊ะยืนอยู่
“คุณแป๊ะ”
“ป่องมาทำอะไรที่บ้านพี่ชื่น”
ปองเทพอึกอักแก้ตัวไม่ถูก
“อ่า คือ ผม ผม”
แป๊ะกอดอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อย่าบอกนะว่ามาหาคนใช้สาวๆที่นี่”
ปองเทพคิดๆมองๆรอบตัวก่อนบอก
“ไม่ใช่นะครับ ผมมาเก็บดอกไม้กะว่าจะเอาไปใส่แจกันประดับบ้านคุณแป๊ะน่ะครับ”
ปองเทพเด็ดดอกไม้จากต้นออกมา แป๊ะยิ้มหวานพลางจับคางปองเทพ
“แหม โรแมนติกจริงนะพ่อคุณ”
ปองเทพยิ้มแหยรีบผละออกห่าง
“ตรงนี้ไม่ค่อยมีดอกไม้หรอก ต้องทางโน้น มา ฉันจะพาไป”
แป๊ะควงแขนปองเทพลากออกไป ปองเทพหน้าเสีย ทันทีที่ปองเทพกับแป๊ะออกไป อรวิลาสกับบรรจงก็เดินออกมาจากอีกทางพอดี

นงลักษณ์ถอดหน้ากากอนามัยกำลังโทรศัพท์
“อยู่ไหนแล้วเอม...ใกล้ถึงแล้ว”
นงลักษณ์วางสาย นากที่ยืนอยู่ก็อึ้งตะลึงเพราะอรวิลาสกับบรรจงกำลังเดินมา
“ทำไมพี่นากมาอยู่กับนังชะเอม อย่าบอกนะว่าพี่ช่วยมัน”
นงลักษณ์ผงะที่ได้ยินเสียง ถึงกับหน้าซีด
“เปล่า ฉันมาให้กำลังใจน้องชะเอมต่างหาก”
“แน่ใจ๊ แล้วทำไมถึงมีผ้าเช็ดรถในมือ”
นากอึ้ ก้มมองดูผ้าแล้วชูขึ้นมา
“ใครว่าผ้าเช็ดรถ ผ้าเช็ดหน้าฉัน”
นากเอาผ้ามาถูๆๆๆหน้าแล้วก็รีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกง บรรจงกับอรวิลาสมองไปที่รถเห็นรถสะอาดเงาแว๊บก็ไม่พอใจ
“ชะเอม”
นงลักษณ์ไม่กล้าหันมา นากกลืนน้ำลายเอื๊อก
“นังชะเอม คุณอรเรียก ทำไมไม่หันมา”
อรวิลาสกับบรรจงมองสงสัย นากลุ้นระทึก
“ชะเอมหันหน้ามาหาฉันเดี๋ยวนี้”
อรวิลาสหัวเสีย นงลักษณ์ยังไม่ยอมหัน
“แกกล้าขัดคำสั่งคุณอรเหรอ” บรรจงว่า
นงลักษณ์ยังยืนนิ่งไม่รู้จะทำยังไง อรวิลาสสุดทนกำลังจะเดินมาหานงลักษณ์ แล้วนากก็นึกอะไรออก แกล้งเอามือกุมท้อง
“โอ๊ย”
อรวิลาสกับบรรจงหันไปมองนาก
“พี่นากเป็นอะไร” บรรจงถาม
“ฉันปวดท้อง โอ๊ย ปวดมาก ปวดที่สุด”
อรวิลาสกับบรรจงรีบเข้ามาดูนากที่ทรุดลงไปกุมท้องตัวงอ นงลักษณ์ได้โอกาสรีบย่องหนีออกไป นากเห็นก็โล่งอกแล้วก็ลุกขึ้นมายืน
“ฉันหายแล้ว”
อรวิลาสกับบรรจงรู้สึกงง
“หายแล้ว ทำไมเร็วจัง” อรวิลาสถาม
“ลมขึ้นน่ะฮะ พอตดก็เลยหายปวด”
อรวิลาสกับบรรจงรีบถอยออกห่างจากนากทำสีหน้ารังเกียจ แล้วทั้งคู่ก็หันไปทางนงลักษณ์ที่ไม่ยืนอยู่แล้ว
“ชะเอมหายไปไหนแล้ว”
บรรจงกับอรวิลาสมองหน้ากันด้วยความสงสัยสุดๆ
“จงว่ามันดูแปลกๆนะคะคุณอร”
“นั่นสิ”
บรรจงกับอรวิลาสครุ่นคิด นากลุ้นหวาดเสียว

นงลักษณ์ลนลานรีบเข้ามาในห้องปิดประตูแล้วล็อกพลางบ่นอุบ
“ไอ้เอมแกอยู่ไหนวะ ฉันจะบ้าแล้วเนี่ย”
อรวิลาสกับบรรจงจ้ำเดินมาตามทาง มีนากตามมาติดๆ สองคนมาถึงหน้าห้องนอนนาก นากรีบพุ่งมาขวาง
“พี่นากหลีกไป”
“ไม่หลีก คุณอรก็เห็นว่าน้องชะเอมทำงานตามที่คุณอรสั่งเสร็จทุกอย่าง แล้วคุณอรยังมีอะไรกับน้องชะเอมอีกเหรอฮะ”
“มีสิ ก็นังชะเอมท่าทางมีพิรุธ ไม่ยอมหันมาสบตาคุณอร จริงมั้ยเจ้าคะคุณอรเจ้าขา”
“จริง หลีกไป”
“ไม่หลีกฮะ”
“นาก ฉันบอกให้หลีก แกอยากเจอดีเหรอไง”
นากกลืนน้ำลายเอื๊อก
ภายในห้อง นงลักษณ์ได้ยินทุกอย่างกำลังจะแย่ ทันใดนั้นเสียงเรียกนงลักษณ์ดังขึ้น
“นง”
นงลักษณ์หันไปเห็นเอมิกาอยู่นอกหน้าต่างก็เหมือนสวรรค์ทรงโปรด
“ไอ้เอม”
ที่หน้าห้อง อรวิลาสมองนากอย่างไม่พอใจ บรรจงถลกแขนเสื้อ
“คุณอรหลบไปเจ้าค่ะ จงจัดการเอง”
อรวิลาสถอย บรรจงกระชากคอเสื้อนากจะดึงออกไป แต่นากไม่ยอม กระชากคอเสื้อบรรจงกลับ แล้วสองคนก็สู้กัน
“แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“เดี๋ยวก็รู้”
บรรจงปล่อยมือจากคอเสื้อนากแล้วจักจี้เอว นากบ้าจี้ ปล่อยมือจากบรรจงแล้วขำก๊าก
“ฮ่าๆๆ นังจง หยุด ฮ่าๆๆ”
“คุณอรเข้าไปในห้องมันเลยเจ้าค่ะ”
อรวิลาสจะเปิดประตูเข้าไป แต่เอมิกาเปิดประตูออกมาในชุดเดียวกับนงลักษณ์ อรวิลาส บรรจง นากผงะ นากดีใจสุดๆ เอมิกาทำหน้าซื่อ
“คุณอร...ฉันขอโทษนะคะที่ฉันรีบเข้ามาในห้อง พอดีว่าน้ำยาล้างรถกระเด็นเข้าปากฉัน ฉันก็เลยต้องรีบกลับมาบ้วนปาก”
อรวิลาสกับบรรจงมองเอมิกากันอย่างงงๆ นากยิ้มอย่างโล่งอก
“คุณอรมีอะไรจะให้ฉันทำอีกมั้ยคะ ฉันยังไม่หมดแรงเลย”
อรวิลาสหันไปมองบรรจง ต่างคนต่างพูดไม่ออก

นากนั่งลงข้างเอมิกา
“พี่นะหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม นึกว่าคุณอรจะรู้ซะแล้วว่าน้องนงไม่ใช่น้องชะเอม โชคดีที่น้องชะเอมกลับมาทัน”
“ฉันขอบคุณพี่มากนะที่ช่วย”
“พี่ว่าเรื่องไม่จบง่ายๆแน่ ท่าทางนังจงมันจะเป่าหูคุณอรให้แกล้งน้องชะเอม ไงน้องชะเอมก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดี”
“จ๊ะ”
เอมิกาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

บรรจงเดินไปเดินมาตรงหน้าอรวิลาส
“จงไม่เชื่อเด็ดขาดว่า นังชะเอมจะทำทุกอย่างเสร็จได้ด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่เราไม่มีหลักฐาน ครั้งนี้มันก็เลยรอดตัวไปได้อีก”
บรรจงเผลอนั่งข้างอรวิลาส อรวิลาสเหล่มอง บรรจงรู้ตัวรีบรูดลงไปนั่งบนพื้นพลางยิ้มแหย
“นี่ถ้าเกิดพี่ตั้มรู้ว่าฉันสมรู้ร่วมคิดกับแกล่ะก้อ พี่ตั้มจะต้องคิดว่าฉันเป็นนางมารร้ายแน่ๆ ฉันว่าฉันไม่เอาแล้วดีกว่า”
บรรจงลุกพรวดขึ้นมายืน
“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณอรห้ามท้อเด็ดขาด คุณอรลองคิดถึงวันที่คุณชื่นเดินมาหาคุณอรแล้วพูดว่า...ลูกทำให้แม่ผิดหวังมาก ลูกทำให้หลานตั้มเลือกนังชะเอม ลูกมันห่วย ไม่ได้เรื่อง อย่ามาเรียกฉันว่าแม่อีก”
อรวิลาสนึกกลัวขึ้นมาทันที บรรจงยิ้มที่มุมปาก
“หยุดพูดได้แล้ว ถ้างั้นแกก็รีบคิดมาว่าเราจะทำยังไงกันต่อไป”

ที่มุมหนึ่ง ปองเทพยืนอยู่กับเอมิกา
“เราขอโทษนะเอมที่ไม่ได้อยู่ดูต้นทาง เกือบทำให้คุณอรกับบรรจงจับได้”
“ไม่เป็นไร ป่องก็ไม่รู้นี่ว่าคุณแป๊ะจะมา เออนี่ป่อง วันนี้ตอนเราไปกินข้าวกับแม่ เราเจออีตาคุณตั้ม กลายเป็นว่าอีตานี่กำลังทำงานกับพ่อเรา”
ปองเทพตกใจ
“ห๊า!! แล้วเค้าเห็นเอมรึเปล่า”
“ถ้าเห็น เราจะกลับมาที่นี่ได้เหรอ”
ปองเทพโล่งอก
“งั้นก็แล้วไป”
“มันจะไม่แล้วไปน่ะสิ เราดันไปโกหกเค้าไว้ว่า บ้านเราน่ะยากจนมาก เค้าก็เลยอยากมาบ้านเรา”
“ห๊า ก็ซวยอ่ะสิ”
“ก็เออสิ เรายังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี”
พลันสมพิศเดินออกมา
“นังชะเอม”
“เราไปก่อนนะป่อง”
ปองเทพพยักหน้า เอมิกากับปองเทพรีบเดินแยกกันไปคนละทาง
“ไปไหนมา รีบเข้ามาช่วยงานในครัว”
สมพิศจ้ำเดินเข้าไป เอมิการีบตามไป

ภายในครัว สมพิศกำลังทำอาหารมือเป็นระวิง โดยมีนากกับเอมิกาเป็นลูกมือ เอมิกาดูเงอะๆงะๆกำลังหั่นผัก
“เร็วเข้าเว๊ย วันนี้พวกคุณๆจะมาทานข้าวที่บ้าน ทำงานให้ไวกันหน่อย นังเอม ผักหั่นเสร็จเหรอยัง”
“เสร็จแล้วจ๊ะป้า”
เอมิกาเอาหมูสับไปให้ สมพิศหันมาเห็นก็ชะงัก
“หั่นผักชิ้นฝอยขนาดนี้ เอาลงกะทะหายหมด เอ็งนะเอ็งคนยิ่งรีบๆ ไปหั่นมาใหม่เลยไป”
เอมิกาหน้าจ๋อยๆ เดินออกไป นากหันมา
“พี่หั่นให้เอง น้องชะเอมคอยเอาจานให้ป้าแกใส่อาหารแล้วกัน”
เอมิกาพยักหน้า ระหว่างนั้นจุ่นเข้ามา
“อาหารเสร็จเหรอยังป้า คุณๆทั้งหลายมากันครบแล้วนะ”
“แทบจะใช้ตีนทำอยู่แล้วมึงเห็นมั้ย แล้วทำไมมึงไม่เข้ามาช่วย หะ”
“อ๊ะอ๊ะอ๊ะอ้าว ฉันเป็นคนสวน ไม่ใช่คนใช้นะป้า”
“คนสวนมันก็คนใช้เหมือนกันแหละวะ” นากว่า
“โว้ย หยุด คนยิ่งรีบๆ เอาจานมา”
เอมิการีบส่งจานให้สมพิศแต่พลาดทำหล่นแตกเพล้ง! ทุกคนตกใจ
“หยิบจับอะไรก็พังหมด อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“มาอยู่กับพี่จุ่นดีกว่าจ๊ะน้องชะเอ(ม)จ๋า มามะ”
จุ่นเข้ามาโอบ เอมิการีบผละออก
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่คนเดียวได้”
จุ่นส่งตาหวานให้ เอมิการีบเบือนหน้าไปทางอื่นพลางถอนหายใจ

เวลากลางคืน บนโต๊ะอาหาร ชื่นฤทัยนั่งหัวโต๊ะ พีรพล อรวิลาสนั่งด้านข้าง..ตรงข้ามกัน หนูอ้อยนั่งข้างอรวิลาส แป๊ะนั่งข้างหนูอ้อย อรทัยกับอเนกนั่งข้างพีรพล
บรรจง นาก สมพิศ จุ่น กำลังช่วยกันเสิร์ฟอาหาร เอมิกาตักข้าวให้ทีละคน เอมิกาตักข้าวให้อเนก อเนกหันไปกระพริบตาปิ๊งๆให้ เอมิกาสะดุ้ง แล้วก็รีบตักข้าวให้อเนกก่อนจะเดินออกไป อเนกยิ้มหวานหันมาเจออรทัยจ้องหน้าอยู่ก็รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน
เอมิกาตักข้าวให้แป๊ะซึ่งเป็นคนสุดท้ายแต่ข้าวเยอะมาก แป๊ะไม่พอใจ
“นี่หล่อน เห็นฉันเป็นหมูเหรอย่ะ ถึงตักข้าวซะเต็มจานขนาดนี้ เอาออกไปครึ่งนึง”
“ขอโทษค่ะ”
เอมิการีบตักข้าวออกแล้วออกไปยืนกับนาก ทุกคนลงมือกินข้าว อรวิลาสเหลือบมองบรรจงพยักหน้าอย่างมีเลศนัย อรวิลาสหันไปทางชื่นฤทัยทันที
“คุณแม่คะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดอายุครบ 20 ปีของอร ปีนี้อรอยากจัดงานเลี้ยงเล็กๆที่บ้านเฉพาะครอบครัวของเราแล้วก็เพื่อนสนิทอรอีกสี่ห้าคน คุณแม่เห็นว่ายังไงคะ”
“เอาสิลูก”
ชื่นฤทัยหันไปทางพีรพลบอก
“เชิญหลานตั้มมาด้วยนะคุณ”
พีรพลชะงักไปนิดนึงแล้วรับคำ
“จ๊ะ”
“แล้วลูกคิดเหรอยังว่าจะจัดงานรูปแบบไหน”
“คุณอรบอกป้ามาได้เลยค่ะ จะเอาอาหารอะไรบ้าง ป้าจะได้เตรียมซื้อได้ทัน” สมพิศว่า
อรวิลาสหันไปทางเอมิกา
“งานนี้อรอยากให้ชะเอมจัดค่ะ”
เอมิกาผงะและอึ้ง
“ฉันเหรอคะ”
สมพิศหันขวับไปมองเอมิกาอย่างไม่ค่อยพอใจ บรรจงลอบยิ้มพอใจ นากงง จุ่นไม่รู้เรื่อง
เอมิการู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที

ในเวลาต่อมา สมพิศกำลังหงุดหงิด เสียใจและน้อยใจอรวิลาสอยู่หลังบ้าน บรรจงเดินมาข้างๆ
“ข้าเป็นคนจัดงานวันเกิดให้คุณอรตั้งแต่คุณอรอายุ 10 ขวบ แล้วอยู่ดีดีหน้าที่นี้ก็ตกเป็นของนังชะเอม”
บรรจงรีบบิลด์ต่อ
“ฉันว่านังนั่นมันต้องกำลังคิดอยากขึ้นมาแทนป้าแน่ๆ”
สมพิศอึ้ง
“เอ็งคิดแบบนั้นเหรอ”
“ป้าสังเกตสิ ตั้งแต่มันเข้ามาทำงานที่นี่ มันชอบทำตัวเด่น แล้วอยู่ดีดีมันก็ได้เป็นคนใช้ส่วนตัวของคุณอร คุณชื่นเองก็ดูจะชื่นชมมัน อีกไม่นานตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านของป้าจะต้องตกเป็นของนังชะเอมแน่นอน แล้วเมื่อนั้นป้าก็จะถูกเฉดหัวออกจากที่นี่”
สมพิศฟังแล้วใจคอเริ่มไม่ดี
“ถ้าข้าโดนไล่ออก ข้าก็ไม่รู้จะไปทำอะไรกินแล้ว ข้าอยู่กับคุณชื่นมาสิบปี ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของข้า”
บรรจงทำเป็นเห็นใจ
“เฮ้อ ฉันล่ะเห็นใจป้าจริงจริ๊ง ฉันว่านะ ถ้าป้าไม่อยากซวยตอนแก่ ป้าต้อง พลิก วิกฤติให้เป็นโอกาส”
“โอกาสอะไรของแก”
สมพิศอยากรู้ บรรจงยิ้มมุมปากอย่างมีเลิศนัย

ภายในห้องครัว เวลากลางคืน สมพิศกับบรรจงเดินเข้ามาด้วยกัน เอมิกา นาก จุ่นกำลังจะล้างจาน ทำความสะอาดครัว ทันทีที่เอมิกาเห็นสมพิศก็รีบเข้าไปหาทันที
“ป้า ป้าช่วยฉันจัดงานวันเกิดคุณอรด้วยนะ ฉันไม่เคยทำมาก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอรชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”
สมพิศหันขวับมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ข้าไม่ช่วย คุณอรสั่งเอ็ง เอ็งก็ทำไปสิ”

ทุกคนชะงัก เอมิกาสะดุ้ง สมพิศเดินมาก็เจอจุ่นขวางทางไว้
“ไอ้จุ่น เอ็งนี่มันเกะกะขวางทางซะจริง เห็นหน้าเอ็งแล้วมันรกหูรกตา มายืนทำหน้าบ้องแบ๊ว ปั้นหน้าทำเป็นคนดีหมั่นไส้เว้ย น่ารำคาญ จะไปไหนก็ไปเลย”
สมพิศแขวะแดกเอมิกา จุ่นเหวอ เกาหัวด้วยความงงอย่างแรง
“แบ๊วตรงไหนวะเนี่ย”
เอมิกามองสมพิศอย่างไม่เข้าใจ แต่สังหรณ์ใจว่าอาจจะกระทบกระเทียบตัวเอง

ภายในห้องนอนนาก เอมิกาหันไปทางนากที่กำลังตบๆหมอนเตรียมนอน
“ฉันพูดอะไรผิดเหรอพี่นาก ทำไมป้าพิศต้องโกรธฉันด้วย”
“น้องชะเอมไม่ได้พูดอะไรผิดหรอก แต่ป้าพิศแกไม่พอใจที่คุณอรให้น้องชะเอมจัดงานวันเกิด เพราะปกติเวลาบ้านนี้มีงานอะไร คนที่เป็นแม่งานก็คือป้าพิศ”
“อ้าว แล้วฉันจะรู้มั้ยเนี่ย ก็คุณอรสั่งฉัน”
“ป้าพิศเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว น้องชะเอมอย่าคิดมาก นอนเถอะ”
นากล้มตัวลงนอน เอมิกาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้มใจ
“จะทำไงดีเนี่ย”
เอมิกาคิดแล้วก็นึกถึงตัวช่วยสุดท้าย !

หลายวันต่อมา นงลักษณ์มีสีหน้าเซ็งสุดขีด พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ฉันอีกตามเคย”
นงลักษณ์ เอมิกา ป่อง และแม่ครัวจากบ้านนงลักษณ์ยืนอยู่
“ก็แกไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังไง แล้วนี่.” เอมิกาบอกพลางมองที่ป้าสองคน
“แม่ครัวบ้านฉันเอง ป้าแกเคยทำงานในภัตตาคารมาก่อน ฝีมือเยี่ยม ฉันก็เลยขอให้ป้าเค้ามาช่วย ว่าแต่แกแน่ใจนะว่าจะไม่มีใครเห็นพวกฉัน”
“อือ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในครัว ทุกคนกำลังวุ่นวายจัดสถานที่กันอยู่ รีบไปเหอะ”
เอมิกา ปองเทพ ช่วยกันถือของแล้วรีบพานงลักษณ์กับคนอื่นๆ เดินเข้าไป

ภายในห้องจัดเลี้ยง บรรจงกำลังปูโต๊ะ มีสมพิศอยู่ข้างๆ ข้างหลังนากกับจุ่นกำลังยกโต๊ะยกเก้าอี้ บรรจงซุบซิบกับสมพิศ
“ป่านนี้นังชะเอมคงกำลังหัวหมุนหัวปั่นอยู่ในครัว มันไม่มีทางทำอาหารได้ออกมาอร่อยเท่ากับที่ป้าทำหรอก ฉันมั่นใจว่ามันโดนคุณอรด่าแน่”
สมพิศยิ้มอย่างเห็นด้วยกับบรรจง

บรรยากาศภายในครัวเต็มไปด้วยความรีบเร่ง ป้าสองคนกำลังทำอาหาร นงลักษณ์กับเอมิกาช่วยจัดจาน ปองเทพเฝ้าอยู่ต้นทางที่หน้าห้อง

ภายในห้องจัดเลี้ยง ชื่นฤทัยนั่งหัวโต๊ะ ด้านซ้ายเป็นพีรพล หนูอ้อย อรทัย อเนก ด้านขวาเป็นวเรศ อรวิลาส แป๊ะ บรรจง สมพิศ นาก จุ่นยืนอยู่ อรวิลาสเหลือบมองบรรจงอย่างมีเลศนัย
“จง”
“เจ้าขา”
“ไปดูสิว่าชะเอมทำอาหารเสร็จเหรอยัง”
“เจ้าค่ะ”
บรรจงรีบออกไป

ภายในครัว อาหารถูกทำจนเสร็จ เอมิกาหน้าบานด้วยความดีใจหันไปทางแม่ครัวและนงลักษณ์
“ขอบใจแกมากนะนง”
“แค่นี้จิ๊บๆ”
เอมิกาหันไปทางแม่ครัว
“ขอบคุณป้าด้วยนะคะ”
ที่ด้านนอก บรรจงเดินมา ปองเทพเห็นก็รีบเดินมาขวาง บรรจงชะงัก
“จ๊ะเอ๋ บรรจงจะไปไหนเอ่ย”
“ฉันจะเข้าไปดูว่าชะเอมทำอาหารเสร็จเหรอยัง”
“อย่าไปเลย มาคุยกับเค้าดีกว่า”
“ไม่ได้ คุณอรสั่งเอาไว้”
บรรจงจะเดินไป ปองเทพรีบจับมือบรรจง บรรจงผงะ..ขวยเขินทันที
“คุยกับเค้าแป๊บนึงนะนะนะ”
“ขอจงเข้าไปดูชะเอมก่อนนะ แล้วจงจะออกมาคุยด้วย”
บรรจงแกะมือปองเทพออกกำลังจะเดินเข้าไป ปองเทพตกใจ บรรจงเปิดประตูเข้าไป เจอเอมิกาหันมาพร้อมกับอาหารอย่างหรู บรรจงอึ้ง ในห้องครัวนงลักษณ์และแม่ครัวออกไปหมดแล้ว ปองเทพเห็นในห้องว่างเปล่าก็โล่งอก
“อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
บรรจงแปลกใจและงงมาก
นงลักษณ์และแม่ครัวรีบย่องออกจากบ้านมาอย่างปลอดภัย

วเรศเอาของขวัญยื่นให้อรวิลาสที่ยิ้มด้วยความดีใจ
“สุขสันต์วันเกิดนะอร”
อรวิลาสรับของขวัญมาแล้วบอก
“ขอบคุณค่ะพี่ตั้ม”
ชื่นฤทัยยิ้มชื่นใจ พีรพลยืนจับมือหนูอ้อยอยู่ข้างๆ
“แกะเลยสิจ๊ะน้องอร แม่อยากรู้ว่าหลานตั้มให้อะไร” ชื่นฤทัยบอก
อรวิลาสแหะของขวัญ หนูอ้อยอยากรู้อยากเห็น อรวิลาสหยิบผ้าพันคอสีดำออกมาแล้วก็ชะงักไปนิดนึงแบบไม่ถูกใจ
ชื่นฤทัยแสแสร้งแกล้งตอบ
“ตายแล้ว สวยงามมาก”
หนูอ้อยเบ้หน้าบอก
“ไม่เห็นจะสวยตรงไหน อาตั้มเลือกได้แก่มาก”
วเรศผงะ ชื่นฤทัยตกใจหันไปทางหนูอ้อย
“หนูอ้อย”
วเรศยิ้มเขินๆบอก
“หนูอ้อยพูดถูกแล้วล่ะครับ ผมเลือกอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็น”
“ไม่หรอกจ๊ะ หลานตั้มเลือกได้ถูกใจน้องอรมาก น้องอรชอบสีดำ”
อรวิลาสเหวอ
“หะ เออ อรไม่ได้ชอบสี...”
ชื่นฤทัยหันขวับจ้องหน้า อรวิลาสเปลี่ยนคำพูดทันที
“ค่ะ อรชอบสีดำม๊ากมาก”
“ใช้เลยสิจ๊ะลูกอร แหมดูดี เข้ากับน้องมาก”
อรวิลาสยิ้มแหยๆเอาผ้ามาพันคอ ชื่นฤทัยมองวเรศกับอรวิลาสสีหน้าพึงพอใจ พีรพลดูปลงๆ



ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 4 (ต่อ)
เอมิกาเดินเข้ามาพร้อมอาหาร บรรจงเดินตามมา ป่องตามมาด้วย
“อาหารมาแล้วค่า”
สมพิศหันไปมองด้วยความอิจฉา นากยิ้มโล่งใจ จุ่นหันไปมองด้วยความอยากรู้ คนที่เหลือก็หันไปดู แป๊ะแปลกใจที่เห็นปองเทพที่นี่ เอมิกากับปองเทพช่วยกันถืออาหารออกมาวางบนโต๊ะ
ทันทีที่เห็นหน้าตาของอาหารก็อึ้งไป ทั้งสมพิศ บรรจง อรวิลาสอ้าปากค้าง สมพิศกระซิบถามบรรจง “ทำไมมันทำได้”
“ฉันอยู่กับป้าตรงนี้ ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะ”
เอมิกายิ้มยืด ปองเทพยิ้มแฉ่ง ชื่นฤทัยพอใจมากหันไปทางเอมิกา
“อาหารดูดีมากชะเอม”
“แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะดีเหมือนหน้าตารึเปล่านะคะคุณแม่”
ชื่นฤทัยตักชิมทันที
“อื้ม อร่อยมาก”
อรวิลาสเหวอหันไปมองบรรจงที่ทำหน้าไม่รู้ ทุกคนลงมือกิน วเรศกินแล้วก็ผงะไปนิดนึง หันไปมองเอมิกาแบบไม่อยากจะเชื่อ ชื่นฤทัยหันไปทางสมพิศบอก
“ท่าทางป้าพิศจะเจอคู่แข่งแล้วนะ”
ชื่นฤทัยขำแซวๆแต่สมพิศหน้าเสีย เอมิกาหันไปมองสมพิศแบบเป็นห่วงความรู้สึก
“ฉันไม่กล้าเป็นคู่แข่งป้าพิศหรอกค่ะคุณชื่น เพราะป้าพิศเป็นครูของฉัน”
สมพิศหันไปมองเอมิกาแล้วอึ้ง บรรจงชะงัก นากกับจุ่นแปลกใจ เอมิกาพูดต่อ
“ถ้าไม่ได้ป้าพิศช่วยสอนทำอาหาร ฉันก็คงทำออกมาไม่ได้ ที่อาหารอร่อยก็ต้องยกความดีให้ป้าพิศด้วยค่ะ”
เอมิกาหันไปมองสมพิศ สมพิศรีบรับมุขเอาหน้าทันที
“ใช่ค่า ชะเอมหัวไวมาก สอนทีเดียวก็จำได้เลย”
บรรจงเหวอไป วเรศมองๆเอมิกาอย่างรู้สึกดีแล้วก็ยิ้มน้อยๆออกมา ชื่นฤทัยหันไปทางสมพิศ
“ดีแล้วป้าพิศ เรามีวิชาก็อย่าเก็บไว้คนเดียว”
สมพิศยิ้มรับหน้าชื่นตาบาน บรรจงหันไปมองเอมิกาอย่างไม่พอใจ นากมองประทับใจ แต่จุ่นมีสีหน้าครุ่นคิดแปลกใจหันไปทางนาก
“ป้าแกไปสอนน้องชะเอมทำอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แกจะไม่รู้อะไรซักเรื่องได้มั้ย” นากว่า
จุ่นยังพยายามนึก
อรทัย อเนก แป๊ะ พีรพล หนูอ้อย ชื่นฤทัยต่างทานด้วยความเอร็ดอร่อย ยกเว้นอรวิลาสที่กินอะไรไม่ลง
อเนกแอบเหลือบมองเอมิกาแล้วส่งตาหวานปิ๊งๆให้ ทำเอาเอมิกาขนลุกซู่ รีบมาหลบหลังปองเทพ
อเนกอมยิ้มกรุ่มกริ่มหันมาเจออรทัยถลึงตาใส่ก็รีบหันมาก้มหน้ากินข้าว อรทัยหันไปมองเอมิกาอย่างไม่พอใจ
แป๊ะหันไปมองปองเทพกับเอมิกา เห็นความใกล้ชิดก็รู้สึกไม่พอใจเอมิกาขึ้นมาเช่นกัน
อรวิลาสนั่งไม่เป็นสุข เพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
“อรขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
อรวิลาสลุกเดินออกไปพลางหันมาส่งซิกให้บรรจงตามมา วเรศเห็นอรวิลาสกับบรรจงท่าทางแปลกๆก็สงสัย

อรวิลาสหันมาแว๊ดใส่บรรจง
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ หะ นังชะเอมได้หน้าไปเฉย”
“จงจะไปรู้ได้ไงว่ามันทำได้”
“แกจะไม่รู้ได้ไง ก็แกเป็นคนบอกให้ฉันใช้แผนนี้”
“เรื่องนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของจงแล้วนี่เจ้าคะ”
อรวิลาสฮึดฮัดหงุดหงิด แล้วบรรจงก็นึกอะไรออก
“อุ๊ย..คุณอรลืมไปแล้วเหรอเจ้าคะว่าเรายังมีแผน 2 ที่ยังไม่ได้ใช้”
อรวิลาสนึกได้
“เออจริงด้วย ฉันก็มัวแต่โมโหจนลืม”
“งั้นเราก็เริ่มแผน 2 กันเลยเจ้าค่ะ”
อรวิลาสพยักหน้ารีบหยิบบีบีออกมากด

ทุกคนทานข้าวกันจนกับข้าวเกือบหมด ระหว่างนั้นบรรจงเดินพาเพื่อนอรวิลาสเข้ามา
“เพื่อนคุณอรมาแล้วค่ะ”
ทุกคนหันไปเห็นเพื่อนอรวิลาสประมาณเกือบ 10 คน เอมิกากับปองเทพแทบช็อกหันมามองหน้ากัน
อรวิลาสลุกไปต้อนรับ
“เฮลโลมายเฟรน”
เพื่อนๆเอาของขวัญให้อรวิลาสพร้อมกับ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์”
“ขอบใจมากจ๊ะ”
บรรจงกับจุ่นเข้ามาช่วยรับของขวัญไปวางบนโต๊ะ อรวิลาสหันมาทางนาก
“นาก จุ่นไปเอาเก้าอี้กับโต๊ะมาเพิ่ม”
นากกับจุ่นรับคำแล้วเดินออกไป อรวิลาสหันไปทางเอมิกา
“ส่วนเธอไปทำอาหารมาเพิ่มด้วย”
เอมิกาหน้าเสียหันไปมองปองเทพ บรรจงกับอรวิลาสลอบยิ้มร้ายให้กัน วเรศมองเอมิกาอย่างเป็นห่วง
“อาหารในครัวไม่มีอะไรเหลือแล้วนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณอรจะมีแขกมาเพิ่มมากขนาดนี้ เลยไม่ได้เตรียมอะไรเผื่อไว้”
เพื่อนอรวิลาสมองหน้ากันแบบรู้สึกไม่ดี
“หมายความว่าไม่มีอะไรให้พวกเราทาน” เพื่ออรวิลาสถาม
“ค่ะ” เอมิกาบอก
“ได้ไงอ่ะอร”
“ใจเย็นก่อนนะจ๊ะ”
ชื่นฤทัยรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง
“ใครว่าไม่มีจ๊ะ มีสิ รอเดี๋ยวนะ ชะเอม ตามฉันออกไป”
ชื่นฤทัยลุกเดินออกไปตามด้วยอรวิลาส เอมิกาถอนหายใจแล้วก็เดินตามออกไป ปองเทพหันไปมองเป็นห่วง วเรศเองก็เป็นห่วงเช่นกัน

ที่มุมหนึ่งของบ้าน ชื่นฤทัย เอมิกา อรวิลาสยืนคุยกัน
“เธอไม่สมควรที่จะพูดออกไปแบบนั้น คนอย่างชื่นฤทัยไม่เคยมีคำว่าขาด” ชื่นฤทัยว่า
“แต่มันไม่มีอาหารแล้วจริงๆ” เอมิกาบอก
“เธอก็โทรสั่งสิ ง่ายจะตาย”
“ไม่ได้นะคะคุณแม่ น้องอรไม่เอาอาหารดิลิเวอรี่มาเลี้ยงเพื่อนหรอกค่ะ ทำแบบนี้มันเสียศักดิ์ศรีคุณแม่หมดนะคะ”
ชื่นฤทัยคิดตามแล้วบอก
“เออมันก็จริง ถ้างั้นเธอก็ไปตลาด หาซื้อของมาเพิ่ม”
“กว่าจะไปตลาด กว่าจะกลับ กว่าจะทำเสร็จ เพื่อนอรโมโหหิวตาย ฉันไม่รู้ว่าเธอจะทำยังไง แต่ภายในยี่สิบนาทีนี้ เธอต้องเอาอาหารออกมาเสิร์ฟให้เพื่อนฉัน”
เอมิกาอึ้งมาก อรวิลาสยิ้มร้าย วเรศแอบมาได้ยิน หันไปมองเอมิกาด้วยความสงสารเพราะรู้ว่าอรวิลาสตั้งใจแกล้ง

เอมิกากับปองเทพยืนอยู่ในครัวที่ไม่มีอาหารหรือวัตถุดิบอะไรเหลือแล้ว
“ไหนคุณอรบอกว่าจะมีเพื่อนมาแค่ไม่กี่คน”
“คุณอรจงใจแกล้งฉันยังไงล่ะ”
“ทำไมเค้าใจร้ายแบบนี้”
เอมิกามีสีหน้าเครียดมาก
“ฉันซวยแน่ๆ รู้งี้ไม่น่าบอกให้นงกลับไปเลย ไม่เหลืออะไรซักอย่าง แล้วเราจะเอาอะไรทำให้พวกเค้ากิน”
ปองเทพจับบ่าเอมิกาปลอบใจ
“ใจเย็นเอม ทุกปัญหามีทางออก”
ทันใดนั้นแป๊ะเดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี
“ป่อง”
ปองเทพกับเอมิกาหันไปเห็นแป๊ะก็ชะงัก แป๊ะเดินเข้ามาจับแขนปองเทพดึงให้ออกห่างจากเอมิกา
“ไม่มีอะไรทำแล้วเหรอไง ถึงต้องเสนอหน้ามาช่วยคนอื่น” แป๊ะถาม
“เออ คือ พอดีชะเอมไม่มีคนช่วยน่ะครับคุณแป๊ะ”
“ไม่มีคนช่วยอะไร คนใช้ตั้งเยอะแยะ สำออยล่ะสิไม่ว่า”
เอมิกาอึ้งที่อยู่ดีดีก็โดนด่า ปองเทพหน้าเสีย
“กลับบ้าน”
ปองเทพอึ้งไป แป๊ะเท้าสะเอวพร้อมชี้นิ้วสั่ง
“ฉันบอกให้กลับบ้าน ไป”
ปองเทพยังอิดออดหันไปมองเอมิกาเป็นห่วง
“ไปเหอะป่อง”
แป๊ะกอดอกมองหน้าปองเทพด้วยสีหน้าหึงหวง ปองเทพถอนหายใจแล้วก็เดินออกไป แป๊ะตะโกนไล่หลัง
“อย่าให้ฉันเห็นเธอที่นี่อีกนะ”
แป๊ะหันมาค้อนเอมิกาแล้วก็เดินเชิดออกไป เอมิกาอยากจะบ้าตาย เครียดสุดๆ

เอมิกายืนเซ็งอยู่ในครัว
“แล้วจะไปหาอะไรมาทำเพิ่ม ฉันจะทำยังไงดี”
เอมิกาหันไปเห็นวเรศก็ผงะ
“เอ่อ ฉันกำลังรีบอยู่ค่ะ แป๊บนึงนะคะ”
วเรศไม่พูดเดินไปเปิดตู้เย็น เห็นผลไม้ก็หยิบๆๆออกมา พร้อมกับหยิบขวดน้ำสลัดมาวางบนโต๊ะตรงหน้า เอมิกามองหน้าวเรศไม่ไว้ใจ ระแวงว่ามาไม้ไหน
“รีบอะไร ไม่มีของจะทำไม่ใช่เหรอ”
เอมิกานิ่วหน้า วเรศหันไปหยิบมีดสองเล่มหันมาทางเอมิกา เอมิกาตกใจถอยห่างไปอย่างระวังตัว
“คุณจะทำอะไร”
วเรศไม่ตอบกลับส่งมีดให้เอมิกา เอมิกายังงงอยู่
“เร็วเข้า เราไม่มีเวลาแล้ว”
“คุณก็บอกฉันมาก่อนสิว่าจะให้ฉันทำอะไร”
“จัดการผลไม้พวกนี้ให้เป็นอาหารยังไงล่ะ”
เอมิกาเข้าใจทันที รับมีดมาจากวเรศ วเรศหยิบแอปเปิ้ลมาปอกเปลือกออกด้วยความชำนาญ เอมิกาอึ้งที่เห็นวเรศเข้ามาช่วย เอมิกาหยิบแอปเปิ้ลมาปอกเปลือกแต่ลีลายังไม่คล่องเท่าวเรศ
วเรศผ่าครึ่งสับปะรด คว้านเนื้อออกเพื่อทำเป็นชาม ก่อนจะหันไปหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ จัดเรียงใส่ลงในชามสับปะรด เอมิกาหันไปมองวเรศอย่างทึ่ง วเรศเอาช้อนคว้านเนื้อแตงโมเป็นลูกกลมๆใส่ลงในชามสับปะรด ก่อนจะหันไปปอกสตอเบอรี่ แล้วเอาใส่ลงไปในแก้วแชมเปญ เอมิกาอ้าปากค้าง

ภายในห้องจัดเลี้ยง ชื่นฤทัยไม่เห็นวเรศนั่งอยู่ที่โต๊ะก็แปลกใจ หันไปถามพีรพล
“หลานตั้มหายไปไหน”
“ผมไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง”
“ตัวผมไม่ได้ติดกับตั้มนี่คุณ”
ชื่นฤทัยถลึงตาใส่ พีรพลรู้ตัวว่าพูดไม่ดีเลยรีบหลุบตาต่ำ ชื่นฤทัยหันไปทางอรวิลาส
“น้องอร ไปดูสิว่าพี่ตั้มอยู่ไหน”

ภายในครัว วเรศจัดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย อาหารจากผลไม้ดูมีสีสันสวยงามน่ากิน เอมิกาตะลึง
“เสร็จแล้วเหรอคะ”
“ยัง เอาวิปครีมมาราดลงบนสตอเบอรี่”
“ค่ะ”
เอมิการีบเปิดตู้เย็นหยิบวิปครีมออกมา แล้วบีบราดบนสตอเบอรี่แต่บีบไม่ออก เอมิกาแปลกใจ
“ทำไมไม่ออก”
เอมิกาเขย่าๆๆ บีบเท่าไหร่ก็ไม่ออกเลยบีบอย่างแรง ทำให้วิปครีมกระเด็นเข้าหน้าวเรศเต็มๆ เอมิกาตกใจรีบวางวิปครีมลงบนโต๊ะ
“ขอโทษค่ะ”
เอมิกาเอามือปาดวิปครีมออกจากหน้าวเรศ เหลือวิปครีมอยู่เหนือริมฝีปากทำให้ดูเหมือนหนวด เอมิกาขำออกมา วเรศแปลกใจ
“หัวเราะฉันเหรอ”
“ปล่าค่ะ” แต่เอมิกายังขำอยู่
“เปล่าอะไร ก็เธอหัวเราะ”
“ก็หน้าคุณตลก”
วเรศแปลกใจหันไปหยิบถาดเหล็กขึ้นมาส่อง เห็นหน้าตัวเองก็ชะงัก เอมิกาหัวเราะไม่เลิก วเรศเอานิ้วปาดวิปครีมที่อยู่เหนือริมฝีปาก ป้ายจมูกเอมิกา เอมิกาชะงัก วเรศหัวเราะ
“คุณตั้ม”
“เธออยากหัวเราะฉันก่อน”
วเรศดึงกระดาษมาเช็ดหน้าตัวเองแล้วก็ยื่นกระดาษให้เอมิกา เอมิการับมาเช็ด แต่เช็ดไม่หมด
“ยังเช็ดไม่หมด”
เอมิกาเช็ดอีกแต่ก็ยังไม่โดน วเรศเลยดึงกระดาษแผ่นใหม่แล้วเช็ดจมูกให้เอมิกา เอมิกาชะงัก วเรศผงะที่อยู่ดีดีตัวเองก็ทำแบบนี้ออกไป สองคนมองหน้ากันซักพัก
แล้วทันใดนั้นอรวิลาสก็เข้ามาเห็น
“ทำอะไรกัน”
วเรศกับเอมิกาหันไปมองเห็นอรวิลาสก็รีบผละออกห่าง อรวิลาสจ้ำเดินมาแทรกตรงกลางระหว่างวเรศกับเอมิกาทันที
“ทำไมพี่ตั้มมาอยู่กับชะเอมคะ”
วเรศไม่ตอบแต่รีบเปลี่ยนเรื่อง
“อรมาก็ดีแล้ว ช่วยกันยกอาหารออกไปที”
อรวิลาสเหวอ เอมิกากับวเรศยกถาดอาหารขึ้นมา
“เร็วสิอร”
วเรศเอาถาดที่ตัวเองถือให้อรวิลาส อรวิลาสจำต้องรับถาดมา แล้ววเรศก็ถือถาดใหม่ เดินออกไปกับเอมิกา อรวิลาสงงมากแล้วก็รีบตามวเรศกับเอมิกาออกไป

วเรศ เอมิกา อรวิลาส เอาอาหารมาวางบนโต๊ะ สาวๆเห็นหน้าตาอาหารก็ตื่นเต้น
“เห็นว่ามีแต่สาวๆ ก็เลยทำเป็นเมนูผลไม้เพื่อสุขภาพ”
วเรศยกถ้วยสตอเบอรี่ที่มีวิปครีมขึ้นมา
“สำหรับคนใจกล้า ถ้าไม่แคร์กับความอ้วน ผมขอแนะนำ สตอเบอรี่ราดด้วยวีปครีมโรยน้ำตาลที่ผมตั้งใจทำขึ้นมาเป็นพิเศษ”
สาวๆ ถึงกับกรี๊ดกร๊าดในความน่ารักของวเรศ เอมิกาก็อึ้งไปด้วย ไม่เคยเห็นว่า วเรศจะมีมุมน่ารักๆกับเค้าเหมือนกัน สาวๆ รวมทั้งอรทัย แป๊ะ ชื่นฤทัย หนูอ้อย เข้ามารุมกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
อรวิลาสกับบรรจงถึงกับเครียด มองหน้ากันด้วยความไม่พอใจ
ขณะที่ทุกคนกำลังสนใจเมนูผลไม้ อเนกค่อยๆขยับมาใกล้เอมิกา
“แฮ่ม”

เอมิกาหันไปเห็นอเนกก็ตกใจมาก อเนกไม่พูดพล่ามทำเพลงเอากระดาษยัดใส่มือเอมิกาแล้วรีบเดินออกไป
เอมิกาเปิดกระดาษออกอ่าน - - เที่ยงคืนเจอกันในสวนนะจ๊ะจุ๊บจุ๊บ
เอมิกาขนลุกซู่มหันไปเห็นอเนกส่งจูบให้ก็ยิ่งสยอง

เค้กวันเกิดที่เหลือถูกวางบนโต๊ะ จุ่นกำลังจะใช้มือจิ้มครีมขึ้นมาดูด มีเอมิกา นาก บรรจง สมพิศ อยู่ด้วย สมพิศตีมือจุ่น เพี๊ยะ!! จุ่นสะดุ้ง
“โอ๊ยป้า..! ฉันเจะ(เจ็บ)นะ”
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีกก็ถอยไป”
จุ่นจับมือตัวเองด้วยความเจ็บพลางถอยออกไป สมพิศจัดการตัดแบ่งเค้ก เอาเค้กชิ้นโตใส่จาน
“ชิ้นใหญ่ไปป่าว แก่แล้วระวังคลอเรสเตอรอลนะป้า”
สมพิศไม่ตอบแต่เดินเอาเค้กมาให้เอมิกา
“อ่ะ”
เอมิกา นาก จุ่น บรรจงอึ้ง
“จะให้ข้าถืออีกนานมั้ย”
เอมิการีบรับจานเค้กมาแทบไม่ทัน มองสมพิศแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี สมพิศเดินมาตักเค้กต่อแบบไม่สนใจ นากกับจุ่นอ้าปากหวอ
“ป้าแกผีเข้าป่ะเนี่ย” นากว่า
“น่านดิ” จุ่นเสริม
บรรจงมองเอมิกาแล้วกำมือแน่นด้วยความโมโห

วเรศเดินออกมากำลังจะกลับบ้าน เอมิการีบตามออกมา
“คุณตั้ม ขอบคุณนะคะที่วันนี้คุณช่วยฉัน”
วเรศหยุดเดินหันไปมองแล้วบอก
“ไม่เป็นไร”
“ฉันนึกว่าคุณไม่ชอบฉันซักอีก”
“ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอ”
“แปลว่าคุณชอบฉัน”
วเรศรีบพูด
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอก็ไม่ได้หมายความว่าฉันชอบเธอ ฉันแค่ไม่ไว้ใจเธอ แต่ฉันเป็นคนที่แยกแยะ แล้วก็เป็นคนที่ไม่ชอบเห็นใครโดนเอาเปรียบหรือไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะฉะนั้นการที่ฉันช่วยเธอวันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไว้ใจเธอแล้ว...เข้าใจมั้ย”
เอมิกาอึ้งไปชั่วอึดใจ
“ฉันจะพยายามเข้าใจ แต่ฉันอยากให้คุณรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นคนไม่ดี ไงก็..ขอบคุณอีกครั้ง”
เอมิกายิ้มขอบคุณให้วเรศอย่างจริงใจจนวเรศรู้สึกได้ แล้วเอมิกาก็เดินกลับเข้าไป วเรศเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

ภายในห้องนอน อรวิลาสกำลังวีนใส่บรรจงที่นั่งก้มหน้างุดบนพื้น
“เพราะแกคนเดียว นังชะเอมเลยได้หน้าไปเต็มๆ ฉันไม่น่าเชื่อแกเลย”
“คุณอรจะมาโทษจงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะเจ้าคะ ก็คุณอรเห็นด้วยกับจงตั้งแต่แรก”
อรวิลาสตวาดถาม
“นี่แกว่าฉันผิดเหรอ”
บรรจงเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเถียง
“ฉันไม่เอาด้วยแล้ว เลิกเลิก เลิกทุกอย่าง”
บรรจงเงยหน้าบอก
“เลิกไม่ได้นะเจ้าคะ คุณอรก็เห็นว่าวันนี้คุณตั้มช่วยนังนั่น แสดงว่าคุณตั้มกำลังรู้สึกดีกับมันและถ้าคุณตั้มเลือกนังชะเอมที่เป็นคนใช้แทนที่จะเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างคุณอร ใครรู้เข้าคุณอรอายตายเลยนะคะ”
อรวิลาสคิดตามแล้วก็ใจเสีย
“จริงด้วย”
“เพราะฉะนั้นคุณอรห้ามท้อเด็ดขาด ยังไงตอนนี้เราหยุดไปก่อนให้นังชะเอมมันชะล่าใจ พอมันเผลอเราก็ค่อยเด็ดหัวมัน”
อรวิลาสหันไปพยักหน้าให้บรรจงอย่างเห็นด้วย

ภายในห้องน้ำเวลากลางคืน เอมิกานั่งบนส้วมกำลังคุยกับนงลักษณ์ผ่านเฟซไทม์บนไอโฟน
“หมายความว่าคุณเลขาเค้าช่วยแก”
“อือ”
“ทำไมคราวนี้เค้าช่วยแกอ่ะ”
“เค้าบอกว่าไม่ชอบเห็นใครโดนเอาเปรียบ”
“เค้าช่วยแกเพราะเหตุผลแค่นี้จริงเหรอ หรือว่า...”
“หรือว่าอะไร”
“ไม่มีอะไร เอาให้ชัวร์ก่อนแล้วฉันค่อยบอก แค่นี้นะ ฉันจะนอนแหละ พรุ่งนี้มีออกกองแต่เช้ามืด”
นงลักษณ์ตัดสายไปเลย เอมิกาถอนใจ
“อ้าวไอ้นง..พูดให้อยากแล้วจากไปแบบนี้เนี่ยนะ นั่นสิ เค้าช่วยเราเพราะเหตุผลแค่นี้จริงเหรอ”

นงลักษณ์วางสายจากเอมิกาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“อีตาคุณเลขานี่ชักจะไม่น่าไว้วางใจซะแล้ว”

ภายในห้องน้ำ เอมิกากำลังพิมพ์เก็บข้อมูล
“การตัดสินใครซักคน เราไม่ควรจะตัดสินเค้าจากภายนอก ถ้าเราไม่รู้จักภายในของเค้ามากพอ บางคนที่ต่อหน้าเหมือนจะเป็นคนดี แต่พอลับหลังก็พร้อมที่จะซ้ำเติม”
เอมิกาคิดถึงบรรจงเวลาอยู่กับเจ้านายก็จะยิ้มแย้ม แต่พอลับหลังก็ทำหน้าร้ายใส่เอมิกา
เอมิกาพิมพ์ต่อ
“บางคนที่เหมือนคอยจะจับผิดเรา แต่ลึกๆ แล้วก็มีน้ำใจกับเรา”
เอมิกาคิดถึงตอนที่สมพิศเอาเค้กมาให้
เอมิกายิ้ม แล้วก็พิมพ์ต่อ
“บางคนที่เรานึกว่าเค้าเกลียดเรา แต่เค้ากลับเป็นคนแรกที่ช่วยเรา”
เอมิกานึกถึงตอนที่วเรศช่วยทำอาหาร
เอมิกายิ้มอย่างรู้สึกดีกับวเรศมากๆ แล้วก็ปิดแทบเลต

เอมิกาเปลี่ยนเป็นชุดนอน เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับหอบเสื้อผ้าเดินกลับเข้าห้อง แต่เอมิกาไม่รู้เลยว่ามีบางอย่างร่วงอยู่หน้าห้องบรรจง
บรรจงเดินมากับจุ่น
“น้องจงจ๋า พี่จุ่นเห็นน้องจงไม่ได้กินเค้กก็เลยเอาเค้กมาให้”
“ฉันไม่กิน ฉันง่วงแล้ว”
บรรจงเดินออกไป จุ่นเดินไปอีกทางแล้วบรรจงก็เห็นกระดาษหล่นอยู่ บรรจงหยิบขึ้นมา คลี่กระดาษออกอ่าน
“เจอกันในสวน”
บรรจงคิด...ใคร...หรือว่าจะเป็นป่อง บรรจงยิ้มดีใจ
“อย่างน้อยในเรื่องซวยๆก็ยังมีเรื่องดีดีอยู่ เข้าไปทำสวยดีกว่าเรา”
บรรจงเข้าไปในห้อง


ภายในห้องนอน อรทัยนอนกรน อเนกนั่งมองใกล้ๆ แล้วเขย่าตัว
“คุณ คุณ”
อรทัยพลิกตัวเหวี่ยงแขนมาโดนหน้าอเนกอย่างแรง อเนกมึนและเจ็บ
“นังอ้วน”
อเนกรีบย่องออกไปจากห้องทันที อรทัยลืมตารู้ว่า อเนกแอบออกไปก็กำมือแน่นด้วยความโมโห

บรรจงดึงเสื้อเปิดไหล่ยืนรออยู่ในที่ที่แสงไฟสลัวๆพลางทาลิปสติกไปด้วย ด้านหลังอเนกย่องมา เห็นบรรจงจากด้านหลังยืนรออยู่ก็ยิ้มพร้อมลูบปากนึกว่าเอมิกา อเนกรีบย่องเข้ามาหา แล้วกอดบรรจงหมับ
บรรจงสะดุ้งไปนิดนึงแล้วก็ยิ้มชอบใจ อเนกกอดบรรจงแน่น
บรรจงเสียงกระเส่า
“ทำไมต้องกอดแน่นขนาดนี้ด้วย”
“ก็เพราะคิดถึงยังไงล่ะจ๊ะ”
“คนบ้า”
“บ้าแล้วรักป่ะล่ะ”
บรรจงกับอเนกหัวเราะคิกคัก

อรทัยที่แอบย่องตามมาเห็นอเนกกับบรรจงก็โมโหหึงสุดๆกำมือแน่น
อเนกจับตัวบรรจงให้หันมา บรรจงก้มหน้าเอียงอาย อเนกจับคางบรรจงที่หลับตาพริ้มช้อนขึ้นมาทำปากจู๋จะจูบ แสงไฟส่องเข้าหน้าบรรจงพอดี อเนกเห็นก็ถึงกับตกใจ
“เวย”
บรรจงลืมตาเห็นอเนกก็แทบช็อก
“อ๊าย”
อเนกกับบรรจงรีบผละออกห่าง
“เธอ ทำไมเป็นเธอ”
“ก็แล้วทำไมเป็นคุณ”
แล้วทันใดนั้นอเนกก็ถูกถีบเข้าที่บั้นท้ายเต็มๆจนถลามาตรงหน้าบรรจง บรรจงตกใจเงยหน้าเห็นอรทัยถลกชุดนอนอยู่ อเนกหันไปเห็นอรทัยก็ตกใจ
“คุณอรทัย”
บรรจงหน้าตาตื่นตระหนกจะวิ่งหนี แต่เจออรทัยจับไหล่ให้หันมาแล้วตบเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ซ้าย-ขวา
“คิดแย่งผัวฉันเหรอ”
“จงเปล่านะคะ จงไม่รู้ว่าเป็นคุณอเนก”
อเนกเห็นท่าไม่ดีรีบคลานหนี อรทัยหันไปเห็นก็ปล่อยมือจากบรรจง
“ไอ้อเนก แกจะหนีฉันไปไหน”
อรทัยรีบตามอเนกไปติดๆ บรรจงทรุดฮวบลงไปกองบนพื้นในสภาพย่ำแย่มาก

เช้าวันต่อมา ทุกคนกำลังกินข้าวเช้า บรรจงเดินเข้ามา หน้าบวมแดงเป็นรอยฝ่ามือ ทันทีที่ทุกคนเห็นหน้าบรรจงก็สำลักข้าว สำลักน้ำพรวดออกมาพร้อมกัน
“น้องจง...ทำไมหน้ามีรอยตีนเต็มไปหมด” จุ่นถาม
“มือ ไม่ใช่ตีน”
“แกไปโดนใครตบมา หะ”
บรรจงนั่งลงแล้วบอก
“ก็คุณอรทัยน่ะสิป้า”
เอมิกาชะงัก
“แกนึกว่าฉันไปอ่อยผัวแก มาถึงก็ตบเอาตบเอา”
เอมิกาคิดแล้วก็อึ้งไปนิดนึง ก่อนจะรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอะไรเป็นอะไร เอมิการีบดื่มน้ำอักๆ ไม่กล้าสบตาบรรจง
“แล้วแกไปทำอีท่าไหน คุณอรทัยถึงเข้าใจผิด” นากถาม
“ฉันไปที่สวน”
“น้องจงไปที่สวนดึกๆทำไม ไหนบอกว่าง่วง” จุ่นถาม
บรรจงรีบแก้ตัว
“เออ ก็ตอนแรกมันง่วง แต่พอเข้านอนมันก็นอนไม่กลับ ฉันก็เลยออกไปเดินเล่น แล้วก็เจอคุณอเนกกำลังหื่นพอดี โชคดีนะที่ฉันไม่โดนอะไร”
เอมิกาถอนหายใจอย่างโล่งอก
เอมิกาเดินเข้ามาในห้องแล้วพึมพำ
“กระดาษแผ่นนั้นต้องหล่นที่หน้าห้องบรรจงแน่ๆ”
เอมิกานั่งลงบนเตียงแล้วหยิบแทปเลตที่อยู่ในกระเป๋าใต้เตียงออกมากดเปิด แล้วอยู่ดีดีหน้าจอก็ดับคาตา เอมิกาตกใจ
“เฮ้ย เป็นไร สงสัยแบตหมด”
เอมิกาเอาปลั๊กมาเสียบแต่ก็ยังไม่ติด เอมิกาหน้าเสีย
“อย่าบอกนะว่าเสีย ข้อมูลฉันจะหายมั้ยเนี่ย”
เอมิกาครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี

ภายในบ้าน วเรศเปิดตู้เย็นกำลังจะหยิบขวดน้ำแต่เห็นขวดวิปครีมเข้าพอดีพลางนึกถึงตอนที่เช็ดจมูกให้เอมิกา เอมิกาชะงัก วเรศผงะ..
วเรศครุ่นคิด
“ชะเอม เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ”

ที่มุมหนึ่ง ภายในบ้านแป๊ะ ปองเทพเสียบปลั๊กกับแทบเลต เครื่องเปิด เอมิกาเหวอ
“อ้าว ทำไมติดอ่ะ”
“ปลั๊กน่าจะหลวม”
“ขอบใจมากนะป่อง นี่ถ้าเสียขึ้นมา เราจะเซ็งมากเพราะข้อมูลทุกอย่างอยู่ในนี้หมดเลย”
“ใจเย็นน่าเอม เรื่องแค่นี้เอง”
“ก็หมู่นี้มีเรื่องตื่นเต้นไม่เว้นแต่ละวัน ทำเอาเราหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง หวังว่าวันนี้คงจะไม่มีอะไรอีกแล้วนะ”

ภายในห้องรับแขก วเรศยื่นเอกสารให้พีรพล
“นี่เป็นรายงานการประชุมโปรเจกต์พืชสวนโลกเมืองหนาวครั้งล่าสุดครับ มีหลายอันที่ต้องให้คุณอาช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติม”
“ความจริงตั้มอีเมล์มาให้อาก็ได้ ตั้มจะได้ไม่ต้องมาด้วยตัวเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาด้วยตัวเอง”
วเรศมองหาเอมิกา พีรพลหันเห็นท่าทางของวเรศก็แปลกใจ
“ตั้มมองหาใคร”
วเรศชะงักหันมาแล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น
“เออ หนูอ้อยไม่อยู่เหรอครับ”
“ไม่อยู่ ออกไปเรียนพิเศษ ตั้มมีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีครับ ถ้าอย่างนั้นผมลากลับเลยนะครับ”
พีรพลพยักหน้า วเรศไหว้พีรพลแล้วเดินออกไป

วเรศเดินมาที่รถแล้วก็เห็นเอมิกาเดินมาจากบ้านแป๊ะพอดี แต่เอมิกาไม่เห็นวเรศ วเรศตาเป็นประกายเมื่อเห็น เอมิกาแล้วก็รีบทำหน้าโหดเดินเข้าไปหา
“ชะเอม”
เอมิกาหันขวับพอเห็นวเรศก็ตกใจมาก รีบเอาแทปเลตซ่อนข้างหลัง วเรศเห็นก็แปลกใจ
“เอาอะไรซ่อนไว้ข้างหลัง”
เอมิกาทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ไม่มีนี่คะ”
“ไม่ต้องโกหก ฉันเห็น เอาออกมาให้ฉันดู”
เอมิกายืนยันหนักแน่น
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องรีบไปช่วยป้าพิศ”
เอมิกาพยายามจะเดินเลี่ยงออกไป แต่วเรศไวกว่าพุ่งเข้ามาแย่งแทปเลตจากมือเอมิกา เอมิกาตกใจหันขวับไปมอง
“เฮ้ย”
วเรศมองแทปเลตในซองสีชมพูหวานแหววด้วยความแปลกใจมาก
“เธอมีแทปเลตได้ยังไงชะเอม”
เอมิกาหน้าซีดยืนข้างทางด้านหลังของวเรศพลางส่งซิกให้ปองเทพด้วยการพยักหน้าหงึกๆๆ ปองเทพชะงัก วเรศกำลังหันมาทางปองเทพ เอมิกาถลึงตาใส่ปองเทพแล้วพยักหน้าอีกครั้ง ปองเทพเข้าใจทันที
“ครับ ของผมเอง มันมาอยู่ที่คุณได้ไงครับเนี่ย”
วเรศชะงัก เอมิกาแทบจะตีอกชกหัวตัวเอง
“ก็คุณให้ชะเอมยืมไม่ใช่เหรอ” วเรศถาม
ปองเทพเงยหน้ามองเอมิกาที่พยักหน้า
“ใช่ครับใช่ ใช่เลย ผมให้ชะเอมยืม”
“ขี้ลืมจังนะ” วเรศว่า
“ครับ ผมเป็นคนขี้ลืมมาก บางครั้งเดินไปสองก้าวก็ลืมแล้วว่าจะทำอะไร”
“ขี้ลืมขนาดนี้จะลืมด้วยรึเปล่าว่า ใครเป็นคนให้ไอ้นี่กับคุณ”
ปองเทพตาเหลือกเหล่มองเอมิกาที่ขยับปากเป็นรูปปากว่า”คุณแป๊ะ”แต่ปองเทพอ่านปาก
“อาแปะ”
เอมิกาแทบคลั่งพูดแบบไม่ออกเสียงอีกครั้งแบบชัดๆว่า”คุณแป๊ะ”
“เอ้อ คุณแป๊ะครับ คุณแป๊ะซื้อให้ผม”

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 4 (ต่อ)
วเรศหันไปทางเอมิกา
“ฉันบอกคุณแล้ว เนี่ยของนายป่อง คุณแป๊ะซื้อให้ แล้วฉันยืมมาเล่นเกม เรื่องเล็กทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”
“ถ้าฉันไปถามอาแป๊ะแล้วคำตอบไม่ตรงกัน. รับรองว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่”
วเรศคืนแทบเลตให้ เอมิการีบรับมาแล้ววเรศก็หันไปมองปองเทพอีกครั้งอย่างจับผิด ปองเทพยิ้มแฉ่ง แต่เอมิกาหน้าเสีย

เอมิกาหลบตรงมุมหนึ่กำลังโทรศัพท์ พลางมองไปที่บ้านแป๊ะ..เห็นปองเทพโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อน โทรศัพท์อยู่เช่นกัน
ปองเทพมีสีหน้าตื่น
“นี่เราต้องบอกให้คุณแป๊ะซื้อแทปเลตให้เราจริงๆเหรอ”
“ใช่ ถ้าคุณตั้มเจอคุณแป๊ะ คุณตั้มต้องถามเรื่องแทบเลตอีกแน่ แล้วถ้าคำตอบมันไม่ตรงกัน ต้องเป็นเรื่องแน่”
ปองเทพหน้าเสีย
“แล้วคุณแป๊ะจะซื้อให้เราเหรอ”
ปองเทพหน้าแย่สุดๆ กลืนน้ำลายด้วยความเสียวสันหลัง

เวลาเย็น ปองเทพเอาสปาเก็ตตี้มาวางบนโต๊ะ แป๊ะสีหน้าชื่นชมมาก
“ป่องทำเองเหรอ”
“ใช่ครับ ผมทำครั้งแรก คุณแป๊ะลองทานดูนะครับ”
“จ๊ะ”
แป๊ะนั่งกิน เพียงแค่คำแรกก็แทบจะคายทิ้งออกมาแต่ไม่กล้าเลยดื่มน้ำอักๆๆจนหมดแก้วแทน ปองเทพตกใจ
“รสชาติมันแย่มากใช่มั้ยครับ”
“เออ..มันเค็มอ่ะ” แป๊ะว่า
ปองเทพทำเป็นรู้สึกผิดมาก
“ผมขอโทษครับ คือผมอยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนคุณแป๊ะบ้าง”
“โถๆๆ พ่อคุณพ่อทูนหัว ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ถ้าเธอชอบทำอาหาร ฉันส่งเธอไปเรียนก็ได้นะ”
“อุ่ย อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ ผมเปิดอินเตอร์เน็ตดูคลิปสอนทำอาหารก็ได้ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีคอมพิวเตอร์” ปองเทพพูดพลางตีหน้าเศร้า
“ถ้างั้นฉันซื้อให้”
ปองเทพแกล้งทำหน้าเศร้าต่อ
“แต่คอมฯ มันก็เครื่องใหญ่เกินไป”
“อืม ก็จริง ถ้างั้น..เป็นโน้ตบุ๊กดีมั้ย”
“มันก็เอาไปไหนมาไหนไม่สะดวก เกิดผมต้องเอาเข้าไปดูในห้องครัว”
“เธอพูดถูก”
ปองเทพเหล่มองแป๊ะว่า จะคิดออกหรือไม่
“ฉันรู้แล้วว่าฉันจะให้อะไรเธอที่สะดวกในการพกพา”
แป๊ะยิ้มแล้วก็เอื้อมมือไปเอากระเป๋าสะพายมาเปิดหยิบแทปเลตออกมา ปองเทพดีใจสุดๆ
“อ่ะ ฉันเพิ่งซื้อมาใช้ได้แค่สองสามวัน ฉันให้”
ปองเทพดีใจมากแต่ทำเป็นไม่สบายใจ
“โอ้ มันแพงเกินไปครับคุณแป๊ะ”
“คนอย่างฉัน ถ้าถูกใจใครล่ะก้อ ฉันทุ่มไม่อั้น”
ปองเทพนึกสยองขึ้นมาในบัดดลแต่จำต้องฝืนยิ้ม
“ถ้างั้นก็ขอบคุณนะครับ”
ระหว่างที่ปองเทพจะยื่นมือรับแทบเลต แป๊ะก็จับมือปองเทพแน่น
“แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“แลกกับอะไรครับ”
แป๊ะยิ้มกรุ่มกริ่ม ปองเทพแอบจับก้นตัวเองด้วยความหวาดระแวง

ในเวลากลางคืน ภายในห้องน้ำ เอมิกาปิดปากขำไม่กล้าออกเสียงมาก
“เต้นเพลงเกาหลี”
“มันไม่ตลกนะเอม เอมรู้มั้ยว่าเราต้องเสียสละมากมายขนาดไหน” ปองเทพบอก
เอมิการีบหยุดหัวเราะ
“เอาน่าป่อง คิดซะว่าแค่เต้น Cover บอยแบนด์เกาหลี ก็ยังดีกว่าต้องทำอะไรที่มันมากกว่านี้”
ปองเทพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วก็ส่งแทบเลตให้เอมิกา
“สรุปว่าเราก็ได้มาแล้ว ถ้าคุณวเรศไปถามก็น่าจะได้คำตอบตรงกัน เอม เราว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เมื่อไหร่เอมจะเลิกเป็นคนใช้สักที”
“จนกว่าเราจะเก็บข้อมูลครบ งานนี้เราต้องชนะและเอาทุนมาให้ได้”
สีหน้าเอมิกาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

วันต่อมาที่ร้านกาแฟ ดร.เพี้ยนที่นั่งคุยกับชื่นฤทัยยิ้มด้วยความเบิกบาน
“จะให้ผมทำมากกว่านี้ก็ได้นะครับคุณชื่น”
ชื่นฤทัยที่นั่งตรงข้ามพูดออกมา
“เดี๊ยนก็ไม่รู้จะให้ด๊อกเตอร์ทำอะไรแล้วล่ะค่ะ เดี๊ยนแค่ต้องการให้ด๊อกเตอร์ฝึกแอคติ้งกับการออกเสียงให้เดี๊ยนกับลูกอร เพื่อให้ทันวันงานกาลาดินเนอร์คืนวันศุกร์นี้”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมรับรองด้วยเกียรติว่าจะไม่ทำให้คุณชื่นผิดหวัง แต่ว่าผมจะขออนุญาตพาลูกศิษย์ของผมมาช่วยด้วยอีกคน”
ดร.เพี้ยนยิ้ม

แป๊ะอยู่กับวเรศ
“อาซื้อให้นายป่องเอง เห็นเค้าบอกว่าอยากฝึกทำอาหาร แล้วสมัยนี้คลิปสอนทำอาหารก็มีเยอะแยะ อาเห็นความตั้งใจของเค้าก็เลยอยากสนับสนุน ตั้มถามทำไม มีอะไรหรือเปล่า ?”
“ไม่มีครับ..แค่สงสัยเฉยๆ” วเรศบอก
“ป่องเค้าเป็นเด็กดีนะ ตั้มไม่ต้องห่วงหรอก ไว้ใจได้”
“ครับ ผมอาจจะคิดไปเอง ต้องขอโทษคุณอาด้วย ผมกลับนะครับ”
วเรศไหว้แป๊ะแล้วเดินออกไป

เอมิกากำลังถูพื้นแต่ก็ทำไม่ค่อยเป็น วเรศเดินมา เอมิกาหันไปเห็น พลันเสียงมือถือของเอมิกาก็ดังขึ้น เอมิกาสะดุ้งแล้วรีบหันหลังหยิบมือถือออกมจนาเห็นชื่อที่หน้าจอขึ้น ”ดร.เพี้ยน” เอมิกาตกใจ วเรศหรี่ตามอง เอมิการีบกดตัดสายทิ้ง
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?” วเรศถาม
เอมิกาหันมา “เบอร์ไม่คุ้นน่ะค่ะ ฉันขอตัวไปทำงานด้านโน้นก่อนนะคะ”
เอมิการีบเดินออกไป วเรศมองตาม
พอเดินไปถึงอีกมุมหนึ่งในตัวบ้าน เอมิกาก็รีบกดโทรกลับไปหาดร.เพี้ยน
ดร.เพี้ยนที่เดินอยู่ตามทางเดินในมหาวิทยาลัยกดรับสาย
“เธอตัดสายฉันทิ้งทำไมแม่ชะเอม”
“เอมไม่ได้ตัดสายทิ้งนะคะ มันไม่มีสัญญาณพอดี”
ดร.เพี้ยนถามทันที “นี่เธออยู่ที่ไหน?”
“อยู่บ้านค่ะด๊อกเตอร์ ด๊อกเตอร์มีอะไรให้เอมรับใช้คะ”
“มีแน่..ฉันอยากให้เธอมาช่วยฉันสอนแอคติ้ง”
“เอมไม่ว่างค่ะ”
ดร.เพี้ยนแปลกใจ
“ทำอะไร ทำไมถึงไม่ว่าง”
“เอมก็กำลังทำโปรเจคของด๊อกเตอร์อยู่ยังไงล่ะคะ”
“ตกลงเธอทำอะไร”
“บอกไม่ได้ค่ะ แต่รับรองว่าด๊อกเตอร์จะเซอร์ไพร์ส”

เอมิกายิ้มด้วยความมั่นใจมาก แล้วเธอก็ผงะเพราะเห็นวเรศแอบอยู่ วเรศไม่เห็นว่าเอมิกามองมาทางตัวเอง เอมิกาตกใจ
“ทำเป็นมีลับลมคมใน” ดร.เพี้ยนว่า เอมิกาเงียบ “แม่ชะเอม...ยังอยู่รึเปล่า”
เอมิกาคิดว่าจะทำยังไงดี แล้วเธอก็นึกออกจึงแกล้งร้องไห้เสียงดัง ดร.เพี้ยนตกใจ
“เธอร้องไห้ทำไม?”
วเรศเห็นเอมิการ้องไห้ก็ตกใจ
“ไม่จริงใช่มั๊ยคะหมอ...โฮๆๆ”
ดร.เพี้ยนอึ้ง
“แม่ชะเอม..เธอเป็นอะไร”
เอมิกายังคงแกล้งร้องไห้ฟูมฟาย
“ไม่จริง...โฮๆๆ”
แล้วเอมิกาก็กดปิดเครื่องไปเลย ดร.เพี้ยนผงะแล้วก็รีบต่อโทรศัพท์ไปอีกครั้ง แต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ดร.เพี้ยนงงมาก

เอมิกาแกล้งทรุดลงนั่งร้องไห้ วเรศเดินออกมาหาเพราะเป็นห่วง
“ชะเอม...? เกิดอะไรขึ้น”
เอมิกาเงยหน้าขึ้นมาด้วยน้ำตาไหลพราก “พ่อฉันเข้าโรงพยาบาล!”
เอมิกาแอบทำมืออุ๊บอิ๊บที่ตัวเองโกหกแล้วก็ก้มหน้าร้องไห้ วเรศอึ้งไปแล้วนั่งลงข้างๆ
“ฉันเป็นห่วงพ่อ...ไม่รู้ป่านนี้พ่อจะเป็นตายร้ายดียังไง ฮือๆๆ”
เอมิกาพลางเหลือบมองวเรศ
“พ่อเธอเข้าโรงพยาบาลที่ไหน” วเรศถาม
คำพูดของชัยพรตอนที่วเรศไปหาย้อนกลับมา
“...........อาชะเอมอีเป็นคนจังหวัดสุรินทร์”
เอมิการีบพูด
“ที่สุรินทร์ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาเธอไปเยี่ยมพ่อเธอเอง ฉันจะไปขออนุญาตคุณอาชื่นให้”
เอมิกาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ วเรศลุกแล้วเดินออกไป เอมิกาหน้าเสียรีบตามมาจับแขนวเรศ วเรศหันไป
“คุณตั้มคะ อย่าเลยค่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“พ่อเธอเข้าโรงพยาบาล ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก เธอไม่ต้องกลัว ฉันจะพูดกับคุณอาให้เอง”
วเรศแกะมือเอมิกาออกแล้วเดินไปทันที เอมิกาอยากจะลงไปแดดิ้นตรงนั้น
“แย่แล้ววววว ไอ้เอม” เอมิกาพนมมือ “เพี้ยยงงง ขอให้คุณนายไม่อนุญาตด้วยเถิดด”

ชื่นฤทัยกับพีรพลมองหน้าเอมิกาที่นั่งอยู่บนพื้นข้างๆวเรศ
“ไปได้เลย ฉันอนุญาต” ชื่นฤทัยบอก
เอมิกาหน้าแย่มาก
พีรพลเอ่ยออกมา “ท่าทางพ่อของเธอคงจะเป็นหนักมากใช่มั๊ย เธอถึงหน้าซีดอย่างนี้”
เอมิกาพูดอะไรไม่ออก
“ความจริง...ฉันไม่ต้องไปก็ได้นะคะ คือ...ฉันยังทำงานไม่เสร็จ” เอมิกาบอก
“งานพวกนี้ให้นากทำแทนเธอก็ได้ รีบไปเถอะ” ชื่นฤทัยพูดแล้วก็นึกได้ “อ้อ.” ชื่นฤทัยหยิบเงินในกระเป๋าออกมา “ฉันช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล” เอมิกาอึ้ง “ถ้าขาดเหลืออะไรก็ให้บอก แล้วที่ฉันให้ไปเพราะเห็นว่าเธอทำงานดี โดยเฉพาะงานสังคมช่วยฉันไว้หลายครั้งไปแล้วก็รีบกลับมาด้วยหล่ะ”
เอมิกาไม่กล้ารับเพราะรู้สึกผิดมาก
“รับไปสิ..”
เอมิกายกมือไหว้แล้วยื่นมือที่สั่นเทาออกไปรับ
“รีบไปกันเถอะชะเอม” วเรศบอก
วเรศหันไปไหว้พีรพลกับชื่นฤทัยแล้วลุกเดินออกไป เอมิกาจำต้องลุกเดินตามวเรศออกไป

เอมิกาหน้าซีดเผือด เธอเดินลิ่วๆตามวเรศมา
“คุณตั้มคะ” เอมิกาเรียก วเรศหยุดเดินแล้วหันไป “เออ คือว่า ฉันไปเองได้ ไม่ต้องรบกวนให้คุณพาไปหรอกค่ะ”
“เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาเกรงใจกัน ฉันเต็มใจพาเธอไป”
“ถ้างั้นคุณไปส่งฉันที่ท่ารถทัวร์ก็พอ”
“กว่าจะไปถึงท่ารถ กว่าจะได้ขึ้นรถ ต้องเสียเวลาหลายชั่วโมง”
“ไม่เป็นไร ฉันรอได้”
วเรศชะงักไป “ตกลงนี่เธอไม่ห่วงพ่อแล้วเหรอ เมื่อกี๊ฉันยังเห็นเธอร้องไห้แทบเป็นแทบตาย”
เอมิกาทำหน้าเหรอหรา “อ่า..พ่อฉัน ฉันก็ต้องห่วงสิคะ แต่ฉันไปเองได้จริงๆ”
“แต่ฉันไม่ให้เธอไป เพราะฉันเองก็อยากไปดูความเป็นอยู่ของบ้านเธอเหมือนกัน เผื่อขาดเหลืออะไรจะได้ช่วยกันได้” วเรศบอก เอมิกาเงียบ “ถ้าเธอยังปฏิเสธอีกล่ะก้อ ฉันจะคิดว่าเธอโกหกแล้วนะ”
เอมิกาหน้าถอดสี “ถ้างั้นขอฉันไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
เอมิการีบเดินออกไปตั้งหลัก วเรศมองตามและเริ่มสงสัย

นงลักษณ์ที่ฟังเรื่องจากเอมิกาทางเฟซไทม์ตกใจปนอึ้ง
“คุณเลขาจะตามไปส่งแกที่สุรินทร์... วายป่วงแล้วไอ้เอม”
เอมิกาอยู่ในห้องน้ำที่เรือนคนใช้ซึ่งล็อคประตูเรียบร้อย
“เออ ดิ ไม่งั้นไม่โทร.มาหรอก ฉันจะทำไงดี ? สุรินทร์ก็ไม่เคยไป พ่อก็ไม่ได้ป่วย ฉันนี่ปากพาซวยจริงๆ เอาไงดีๆ”
“ใจเย็นๆๆ ก่อน เอางี้..ฉันมีวิธี”

วเรศเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของเอมิกาก็แปลกใจ
“กระเป๋าใบขนาดนี้ จะไปอยู่นานแค่ไหน?”
เอมิกาอึกอัก “ก็...ไม่รู้ค่ะ ก็ต้องแล้วแต่อาการพ่อ เอาเป็นว่า .. คุณไปส่งฉันแถวๆ โรงพยาบาลแล้วกลับเลยนะคะ ที่เหลือฉันจัดการเอง ไปกันเถอะค่ะ ฉันเป็นห่วงพ่อจะแย่อยู่แล้ว”
เอมิกายังเล่นละครต่อ แล้วเธอก็รีบเดินชิ่งไปขึ้นรถ พอลับหลังวเรศเอมิกาก็ก็หน้าเสียเพราะลุ้นว่าจะรอดไหม เอมิกาขึ้นรถไปกับวเรศ วเรศขับออกไป บรรจงแอบได้ยินก็คิดริษยา บรรจงยิ้มร้ายนิดๆ เหมือนกำลังวางแผนอะไรซักอย่าง

รถของวเรศกำลังแล่นไปเรื่อยๆ เอมิกานั่งกอดกระเป๋าด้วยความอึดอัด เธอเหล่มองวเรศด้วยหางตา วเรศหันมาเห็นเอมิกาเหล่มองก็แปลกใจ
“เป็นอะไร?”
“เปล่าค่ะ” เอมิการีบหันหน้าไปทำเป็นมองวิวด้านข้าง
วเรศมองแล้วก็แอบสงสัยนิดๆ

บรรจงเข้ามาในบ้าน เธอชะเง้อหาอรวิลาสเพราะคันปากยิบๆอยากจะรายงานเรื่องเอมิกาใจจะขาด นากเดินเข้ามาทางด้านหลังเห็นบรรจงกำลังทำลับๆล่อๆอยู่
“จะมาสอดรู้เรื่องอะไรอีก?” นากถาม
บรรจงยังไม่รู้ตัว “จะมีอะร้ายยย ก็เรื่องนัง...” บรรจงนึกขึ้นได้ก็ชะงักรีบหันมาจึงเห็นนากลอยหน้าอยู่ บรรจงรีบตีสีหน้าปกติ “คุณอรอยู่ไหน?”
“เห็นเดินไปบ้านคุณแป๊ะโน่น...แกมีอะไร?” นากถามกลับ
“เรื่องของนาย...ขี้ข้าอย่าสอด”
บรรจงสะบัดหน้าใส่แล้วเดินหนีไป นากเหม็นหน้า

ปองเทพใส่เสื้อ ใส่ผ้ารัดข้อมือ สวมรองเท้า ดวงตาทั้งสองข้างมีแต่ความมุ่งมั่น ปองเทพอยู่ในชุดบอยแบนด์เกาหลีกำลังยืนอยู่หน้ากระจก เขาทำหน้าราวกับจะไปออกรบ
“ศึกครั้งนี้ ใหญ่หลวงนัก สู้เว๊ยยยย!”

แป๊ะ พายไก่ และบรรดาเพื่อนเก้งกวางนั่งหน้าสลอนอยู่ในบ้านของแป๊ะ ทุกคนปรบมือกรี๊ดกร๊าด เป่าปากปิ๊ดปิ้ว! ปองเทพยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนด้วยสีหน้าเหวอมาก แล้วเขาก็ตัดสินใจยกมือไหว้ทุกคน
“จบการแสดงครับ”
แล้วปองเทพก็รีบเดินออกไป ทุกคนเหวอ
“อ้าว??” ทุกคนหันไปมองแป๊ะ
พายไก่ถาม “ไงคะเนี่ยคุณแป๊ะ อารมณ์ค้างเลยอ่ะ”
“รอแป๊บนะ เด็กมันคงตื่น” แป๊ะบอก
แป๊ะรีบเดินตามไป

แป๊ะเดินตามปองเทพมา
“ป่อง..”ปองเทพหันไป “ป่องออกมาทำไม” แป๊ะถาม
“ผมไม่รู้ว่าจะมีคนดูเยอะขนาดนี้ ผมนึกว่ามีคุณแป๊ะคนเดียว”
แป๊ะเข้ามาควงแขน “ตอนแรกก็มีฉันคนเดียว แต่พอฉันไปบอกเพื่อน พวกเค้าสนใจกันใหญ่ เลยบอกต่อๆกัน”
“ผมเขินนะครับเนี่ย”
“จะเขินทำไมล่ะป่อง อย่าทำให้ฉันเสียหน้าสิ แทบเล็ตไม่ใช่ถูกๆบาทสองบาท ทำให้คุ้มหน่อย” แป๊ะขยับมาชิดติดตัว “ถ้าเธอไม่ยอมออกไป ฉันจูบนะ”
แป๊ะทำปากจู๋พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามา ปองเทพตกใจรีบเบี่ยงตัวหลบ ทำให้แป๊ะไปจูบกับกำแพงแทน แป๊ะชะงักแล้วหันมาทางปองเทพ
“ตกลงครับตกลง” ปองเทพบอก
แป๊ะยิ้มด้วยความพอใจ

เสียงเพลงเกาหลีดังขึ้น ปองเทพยืนหันหลังเตรียมตัว แป๊ะ พายไก่ และเพื่อนเก้งกวางปรบมือ แป๊ะชูป้ายไฟ “รักป่อง” ขึ้นมา
แป๊ะถามทุกคน “รักใคร..”
ทุกคนตอบพร้อมกัน “รักป่อง”
แป๊ะและคนอื่นร้องออกมา “แอร๊ยยยย!!!!”
ปองเทพชูมือขึ้นทั้งสองข้าง พายไก่ลุกขึ้นมากรี๊ดอย่างบ้าคลั่งจนแป๊ะต้องดึงให้นั่งลง ปองเทพหันขวับมาแล้วก็เต้น Cover บอยแบนด์เกาหลีแบบตั้งใจสุดฤทธิ์ ถึงจะคร่อมจังหวะเขาก็ไม่สน ทุกคนชอบกันมาก อรวิลาสยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงประตูหลังจากเห็นปองเทพกำลังเต้น ปองเทพหันมาเห็นอรวิลาสก็ทั้งตกใจทั้งอาย อรวิลาสถึงกับกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวจึงขำก๊ากออกมา ปองเทพยิ่งอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

ปองเทพถอดผ้าคาดหัวออกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“กรำของไอ้ป่องจริงจริ๊งง”
ปองเทพหันไปเห็นอรวิลาสเดินมาก็เข้าหน้าไม่ติด
“คุณอร!!”
อรวิลาสปรบมือ “สุดยอดนางโชว์บรรลือโลก”
“ห๊ะ!! นางโชว์!!! ผมไม่ใช่นางโชว์นะครับ”
อรวิลาสยกมือห้าม “ไม่ต้องปฏิเสธ ฉันเข้าใจคนแบบนายแบบน้าแป๊ะดี ทำแอ๊บแมนอยู่ได้ตั้งนาน ที่แท้” อรวิลาสหัวเราะร่วน
ปองเทพตกใจมาก “ผมแมนทั้งแท่งนะครับคุณอร ผมไม่ได้เป็นแบบคุณแป๊ะ”
“ภาพมันฟ้องหมดแล้ว ไม่ต้องเซย์โนให้เสียเวลา ฉันเห็นน้าแป๊ะกำลังปาร์ตี้ก็เลยไม่อยากเข้าไปกวน ฝากไปบอกน้าแป๊ะทีว่าฉันสนใจเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ของน้าแป๊ะ ถ้าไงให้คนเอาชุดมาให้ฉันดูที่บ้านด้วย ฉันไปล่ะนะฮ้า”
อรวิลาสทำท่าตุ๊ดใส่ปองเทพก่อนจะหัวเราะแล้วก็เดินออกไป ปองเทพสุดเซ็ง

รถของวเรศขับผ่านป้าย “ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดสุรินทร์” วเรศขับรถเข้ามาจอดในโรงพยาบาล เอมิการีบหันไป
“คุณกลับไปได้เลยนะคะ... ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ” เอมิการีบเผ่นแน่บลงจากรถอย่างไว
วเรศงง “เดี๋ยวๆ”
เอมิการีบเดินจ้ำหนีตายเข้าไปข้างในโรงพยาบาล วเรศมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิดเพราะอยากเข้าไปให้เห็นกับตาเหมือนกันว่าเอมิกาไม่ได้โกหก

เอมิกานั่งอยู่ในโรงพยาบาล เธอชะเง้อมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าวเรศกลับไปแล้ว เอมิกาได้ยินเสียงป้าคนหนึ่งกำลังโวยกับหมอก็หันไปมอง
“ค่ายาอะไรตั้งมากตั้งมาย ป้าจะไปมีปัญญาจ่ายที่ไหน ช่วยผัวป้าหน่อยนะหมอนะ”
“แล้วไม่ให้คู่กรณีมารับผิดชอบล่ะครับ” หมอถาม
“มันเคยมาดูดำดูดีป้าซะที่ไหน” ป้าร้องไห้โฮ “นี่ถ้าลุงมันเป็นอะไรไปแล้วป้าจะอยู่ยังไง”
เอมิกาฟังแล้วก็ถอนใจ ระหว่างนั้นเธอก็คว้ากระเป๋าจะเดินออกไปจากโรงพยาบาล ทันทีที่ลุกขึ้นก็เห็นวเรศเดินผ่านจากประตูด้านหลังที่มาจากลานจอดรถเข้าไปด้านใน เอมิการีบหลบพร้อมเอากระเป๋าเป้บังหน้า
เอมิกาตกใจ “ยังไม่ไปอีกเหรอเนี่ย !”
-
เอมิกาแอบย่องตามวเรศอยู่ห่างๆ จนเห็นวเรศไปติดต่อที่แผนกต้อนรับของโรงพยาบาล
“ตามมาทำไมเนี่ย?!! กัดไม่ปล่อยจริงๆ” เอมิกาบ่น
เอมิกาเครียด วเรศไปหยุดที่หน้าพยาบาลหลังเคาน์เตอร์ วเรศนิ่งคิดถึงตอนที่ชัยพรส่งสำเนาบัตรประชาชนของเอมิกาให้เขาดู
“สำเนาบัตรของอาชะเอม” เสียงชัยพรบอก
วเรศรับมาดู เขาเห็นชื่อและนามสกุลว่า “นางสาวชะเอม ศรีสะอาด”
เอมิกาแอบมองอย่างไม่เข้าใจไม่รู้ว่าวเรศกำลังจะทำอะไรกันแน่
“คุณเลขาคิดจะทำอะไร?”
เอมิการีบย่องเข้ามาแอบฟังใกล้ๆ
“ขอโทษนะครับ คือผมไม่ทราบชื่อคนไข้ ทราบแค่นามสกุล ไม่ทราบว่าเช็คได้รึเปล่าว่าคนไข้อยู่ห้องไหน”
“นามสกุลอะไรคะ” เจ้าหน้าที่ถาม
“ศรีสะอาดครับ”

เจ้าหน้าที่กดหาข้อมูล
“ไม่มีคนไข้นามสกุลนี้นะคะ”
วเรศแปลกใจ “เหรอครับ แต่เพื่อนของผมบอกว่าพ่อของเธอมาพักรักษาตัวที่นี่” วเรศคิด “พ่อเค้าเป็นอัมพาตด้วยน่ะครับ”
“อัมพาต??” เอมิกาได้ยินก็ตกใจและปิดปาก “เฮ้ย! นี่มาถามหาพ่อฉันเหรอเนี่ย”
เอมิกาหน้าเสีย เหงื่อของเธอแตกพลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดยังไง

วเรศเดินออกมาจากรีเซฟชั่นด้วยสีหน้าทำนองว่ากระหยิ่มที่ในที่สุดก็จับผิดเอมิกาได้ เอมิการีบออกจากหลังเสาแล้วเดินมาหาเขา
“คุณตั้ม!” เอมิกาทัก วเรศหน้าถอดสี “คุณตามฉันเข้ามาทำไม?”
วเรศหันมาเห็นเอมิกาอยู่แถวนั้นก็แปลกใจ เขาจึงรีบกลบเกลื่อน
“ฉันก็มาดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
“มาจับผิดมากกว่า”
“แล้วมี “ความผิด” ให้จับหรือเปล่าล่ะ ?” วเรศสวน
เอมิกาสะอึก วเรศจี้
“เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีคนนามสกุลเดียวกับเธอ ตกลง..พ่อเธอป่วยจริงหรือเปล่า?”
วเรศจ้องหน้าเอมิกา เอมิกาดึงแขนวเรศออกมาแล้วปล่อย
เอมิกาโกหกหน้าตาย “ฉันกับพ่อคนละนามสกุลกัน ฉันใช้นามสกุลแม่ ต่อให้คุณหาให้ตายก็หาไม่เจอหรอก”
“ไหนๆฉันก็เข้ามาแล้ว ให้ฉันไปหาพ่อเธอด้วยแล้วกัน”
เอมิการีบปฏิเสธเสียงดัง “ไม่ได้!!”
วเรศสะดุ้ง “ทำไม?”
“เออ..คือ..” เอมิกาคิดหาคำแก้ตัว “พ่อฉันเค้า..” แล้วเอมิกาก็นึกออก “หมดเวลาเยี่ยมแล้ว เค้าไม่ให้ใครขึ้นไปอีกแล้ว”
วเรศมองอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“ฉันพาคุณมาถึงที่นี่ คุณยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ เฮ้อ ทำไมฉันถึงได้น่าสงสารอย่างนี้นะ พูดเรื่องจริง ก็โดนหาว่าโกหก”
“ฉันยังไม่ได้พูดซักคำว่าเธอโกหก”
เอมิกาทำหน้าไม่ถูก
“เอาอย่างนี้..”
เอมิกาทำสีหน้ามีความหวัง “ถ้าไม่เชื่อ คุณรอฉันอยู่ที่นี่ !! เดี๋ยวฉันพาแม่มาหาคุณเอง”

เอมิกาจูงป้าที่อยู่หน้าห้องการเงินเดินเข้ามาหาวเรศที่ยืนรออยู่
“แม่จ๋า... นี่คุณตั้มจ้ะ”
วเรศรีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
ป้าคนนั้นรับไหว้ “สวัสดีลูก ไหว้พระนะ”
“คุณลุงอาการดีขึ้นบ้างรึยังครับ”
ป้าทำท่าจะร้องไห้เมื่อนึกถึงสามีตัวเอง “หมอว่าอาการมันช้ำใน แข้งขา ไหปลาร้าหักยับ”
วเรศงง “ก็ไหนว่าคุณลุงเป็นอัมพาตลุกไปไหนไม่ได้ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นครับ”
ป้าสะดุ้งเพราะนึกได้ว่าลืมตัว เอมิกาหน้าเสีย เธอจ้องป้าที่ทำเสียเรื่อง ป้าหน้าจ๋อยแล้วหันไปถามเพื่อความมั่นใจ
ป้าถามหน้าเจื่อนๆ “ยังไงนะ....ตกลงพ่อเอ็งเป็นอะไรนะนังหนู”
เอมิการีบบอก “ก็..ก็เป็นอัมพาต ตับไตข้างในก็ไม่ค่อยจะทำงาน..” เอมิกาหันไปกำชับกับป้า “แม่กำลังช็อค เลยฟังหมอพูดไม่ค่อยรู้เรื่องใช่มั้ยจ๊ะ”
ป้ารีบแถ “อ้อ...ใช่ ใครพูดอะไร ป้าฟังไม่ค่อยเข้าใจกะเค้าร้อก”
“แล้วให้เอมกลับไปแบบนี้จะดีเหรอครับ”
ป้ามองเอมิกาแบบงงๆ “เอมไหน?... ใครอีกล่ะ”
วเรศงง เอมิกาอึ้งกว่า
เอมิการีบพูดพร้อมกับชี้ที่ตัวเอง “เอม...เอมไงจ๊ะ? โธ่..แม่ มัวแต่ดูพ่อจนไม่ค่อยจะได้กินยาอีกแล้วใช่มั้ย” เอมิกาพูดกับวเรศ “หมอบอกว่าแม่เริ่มมีอาการอัลไซเมอร์ก็เลยเบลอๆจำอะไรไม่ค่อยจะได้”
วเรศมองทั้งคู่อย่างแปลกใจ เอมิการีบชิงเล่นละคร เธอโอบปลอบป้าแล้วทำดราม่าเพื่อตัดบท
“โธ่...แม่จ๋า งั้นเอมพาแม่ไปทานยาเองนะ ทานยาเยอะๆแม่จะได้หายไวๆ นี่ถ้าเอมอยู่กับแม่ แม่คงไม่เป็นอย่างนี้ใช่มั้ย” เอมิกาพูดกับวเรศ “ขอเวลาไปดูแม่แป๊บนะคุณ”
เอมิการีบประคองป้ากลับไปเหลือแต่วเรศที่มองตามทั้งสองไปอย่างงงๆ

ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล เอมิกาส่งเงินให้ป้าเพื่อเป็นสินน้ำใจ
“ขอบคุณมากนะคะป้าที่ช่วยหนู...เอาเงินนี่ไปจ่ายค่ารักษาให้ลุงนะ”
“ป้าต่างหากที่ต้องขอบใจ...แล้วนี่ไปโกหกเค้าทำไม? ไม่กลัวโดนเค้าจับได้เหรอ?” ป้าถาม
เอมิกาฟังแล้วก็หน้าเสียเพราะรู้สึกหนักใจ
“ป้ารีบไปจ่ายค่ายาเถอะนะจ๊ะ ป่านนี้ลุงเค้ารอแย่แล้ว”
ป้ากอดเอมิกา “ขอบใจมากนะลูก หนูเหมือนแม่พระมาโปรดป้าแท้ๆ”
ป้าดึงเอมิกามากอดอย่างซาบซึ้ง ระหว่างนั้นเอมิกาก็มองเห็นวเรศเดินตามมามองอยู่พอดี เอมิกาเซ็ง ป้าเดินจากไป วเรศเดินเข้ามาหาเอมิกาแบบยังไม่เชื่อเธอนัก

เอมิกาเดินออกมาจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าบูดบึ้งเพราะรำคาญที่สลัดวเรศไม่พ้นซะที
“ไหนเธอเคยบอกว่าแม่เธอตาบอด” วเรศถาม เอมิกาหน้าถอดสี “แต่เมื่อกี๊ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าแม่เธอมองฉัน”
“แม่ฉันตาบอดตาใส ถ้าดูเผินๆไม่รู้หรอกว่าตาบอด” เอมิกาบอก
“เหรอ?”
เอมิกาพูดเสียงหนักแน่น “ใช่ค่ะ ถ้าไงคุณกลับได้เลยนะคะ ฉันจะกลับไปดูน้องๆที่บ้าน”
“ได้สิ ฉันไปส่ง จะได้เห็นบ้านเธอด้วย”
เอมิกาผงะ “เออ..คือ..ทางไปบ้านฉัน รถวิ่งไม่ได้ ต้องเดินค่ะ”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน ฉันชอบเดินอยู่แล้ว สบายมาก”
เอมิกาเริ่มเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้างั้นฉันขอโทรหาน้องก่อนก็แล้วกัน”
วเรศพยักหน้า เอมิกาเดินเลี่ยงออกมาแล้วกดโทรไปหานงลักษณ์

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 4 (ต่อ)
นงลักษณ์กระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยความตกใจ
“นี่อีตาคุณเลขาของแกเป็นปลิงเหรอไง ถึงเกาะติดแกหนึบขนาดนี้”
เอมิกามีสีหน้ากังวลสุดๆ
“ฉันคิดมุขไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”
“อย่าเพิ่งสติแตก มันต้องมีทางออกสิ”
เอมิกาเหงื่อแตกซิก เธอหันไปเห็นวเรศมองอยู่ก็ยิ้มแหยๆให้เขา

เอมิกาเดินกลับมาหาวเรศ
“น้องฉันไม่อยู่บ้าน ป้าฉันมารับไปอยู่ด้วยช่วงที่พ่อเข้าโรงพยาบาล” เอมิกาบอก
“ถ้างั้นก็ไปบ้านป้าเธอ” วเรศเสนอ
“ป้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ ป้าฉันอยู่เชียงใหม่” เอมิกาบอก วเรศชะงัก “เพราะฉะนั้นเรากลับกันได้แล้วค่ะ”
เอมิการีบเดินออกไปพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก วเรศเดินตาม

วเรศขับรถกลับ เอมิกานั่งข้างๆ บรรยากาศภายในรถเงียบงัน ทันใดนั้นเสียงท้องร้องก็ดังขึ้น เอมิกาหันขวับไปทางวเรศที่หน้านิ่งดูมีสมาธิกับการขับรถ เธอก็นึกว่าตัวเองหูฝาดจึงหันไปมองนอกหน้าต่าง เสียงท้องร้องดังขึ้นอีกครั้งซึ่งดังกว่าครั้งแรกมาก เอมิกาหันขวับไปทางวเรศแล้วจ้องเขม็ง แล้วเสียงท้องร้องก็ดังออกมาอีกครั้ง วเรศยิ้มอาย
“เสียงท้องฉันเอง”
เอมิกาอดยิ้มออกมาไม่ได้
“นี่มันเย็นแล้ว” วเรศบอก
“เราแวะหาอะไรทานกันก่อนก็ได้ค่ะ”
“งั้นเธอต้องแนะนำร้านอาหารแล้วล่ะ”
เอมิกางง “ทำไมเป็นฉัน?”
“ก็นี่มันถิ่นของเธอ” วเรศบอก เอมิกานึกได้ว่าจริง “ร้านไหนอร่อย พาฉันไปเลย”
เอมิกานิ่งไปซักพัก เธอหันหน้าไปทางหน้าต่างพลางบ่นพึมพำ
“จะพาไปได้ไง ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก”
“เธอว่าอะไรนะ?” วเรศถาม
เอมิกาหันขวับมาทำหน้าเหรอหราแล้วก็เหลือบไปเห็นร้านอาหารริมทางพอดี เอมิกาดีใจมาก
“ร้านโน้นเลยค่ะ ฉันมาทานประจำ รับรองแซ่บอย่าบอกใคร”

เอมิกากับวเรศนั่งลงที่เก้าอี้ภายในร้านข้างทาง พนักงานเดินเข้ามาพร้อมกับเมนูเก่าๆ วเรศกับเอมิกามอง เอมิกาเห็นชื่ออาหารก็อึ้งแล้วทำหน้าสยองมาก แต่วเรศกลับชิลๆ
วเรศหันไปสั่ง “ปิ้งกบตำบักถั่ว” เอมิกาตาโต “ยำไข่มดแดง คั่วหนู อ่อมหอยจุ๊บ ส้มตำปลาร้า ซุบหน่อไม้ ข้าวเหนียว”
พนักงานจดรายการอาหารแล้วก็เดินออกไป เอมิกาหน้าแย่มากเพราะคิดว่าจะกินได้ไหมเนี่ย
เวลาผ่านไป อาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะ เอมิกาเห็นแล้วก็อยากจะขย้อนออกมา แต่วเรศตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เอมิกามองด้วยความแปลกใจ
“ไม่นึกว่าคุณจะทานของพวกนี้เป็น” เอมิกาบอก
“ฉันต้องตามคุณลุงไปต่างจังหวัดบ่อย บางทีต้องไปค้างกับพวกชาวบ้านเค้าก็ทำอาหารแบบนี้เลี้ยง” วเรศพูด เอมิกาพยักหน้าเข้าใจ “แล้วทำไมเธอไม่กิน?”
“อ่า..” เอมิกายิ้มแหย
“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกน่า”
เอมิกานิ่งไป ยังไม่ทันที่เธอจะตักอาหาร วเรศก็ตักคั่วหนูมาใส่จานเอมิกา เอมิกาไม่รู้ว่ามันคืออะไรเพราะลักษณะเหมือนเนื้อหมูจึงตักกินเข้าไป รสชาติเผ็ดแต่อร่อย เอมิการีบกินข้าวเหนียวตาม
“คั่วหมูร้านนี้เนื้อนุ่มดีเนอะ” เอมิกาว่า
“ไม่ใช่คั่วหมู..คั่วหนู..”
“อ๋อ คั่วหนู” เอมิกาผงะ “ห๊ะ! คั่วหนู!!”
“อือ..หนู!!”
เอมิกาจะอ้วก เธอรีบปิดปากแล้ววิ่งไปห้องน้ำ วเรศมองอย่างแปลกใจมาก

เอมิกากับวเรศเดินออกมาด้วยกัน เอมิกาหน้าแย่มากจนวเรศสงสัย
“น่าแปลก ทั้งๆที่เธอเป็นคนท้องถิ่น ทำไมถึงดูทานอะไรไม่เป็นเลย”
“ฉันก็เข้ามาอยู่กรุงเทพนานแล้ว ไม่ค่อยได้ทานของพวกนี้ รีบไปเถอะคุณ..ฉันไม่อยากกลับมืดมาก แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่” เอมิกาตัดบท
เอมิการีบชิ่งเดินกลับมาที่รถทันที

วเรศปิดประตูแล้วสตาร์ทรถแต่สตาร์ทไม่ติด วเรศชะงัก เอมิกาก็ผงะ วเรศลองสตาร์ทอีกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ติด
“รถเป็นอะไรคะ” เอมิกาถาม
วเรศเซ็งมาก

วเรศปิดฝากระโปรงรถแล้วยกมือปาดเหงื่อทำให้คราบดำที่มือไปติดที่หน้า เขาหันไปทางเอมิกา
“ไม่รู้เป็นอะไร คงต้องหาอู่แถวนี้”
“หน้าคุณเลอะ...” เอมิกาบอก
วเรศยกมือเช็ดแต่ก็ไม่โดน
วเรศหันมาถาม “ออกยัง”
“ยังค่ะ อยู่ตรงนี้” เอมิกาชี้ที่หน้าตัวเอง
วเรศก็ยังเช็ดไม่โดน เอมิกาตัดสินใจยกมือขึ้นไปเช็ดรอยดำที่หน้าวเรศให้ วเรศชะงักไปนิดนึง เขามองหน้าเอมิกา เอมิกาเอามือลงโดยไม่ได้สนใจอะไร
“หมดแหละ” เอมิกาบอก
วเรศรู้สึกแปลกๆ แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดจีพีเอสแก้เก้อ
“ฉันจะลองดูว่าแถวนี้มีอู่ที่ไหนบ้าง?” วเรศนิ่งไปซักพัก “แถวนี้ไม่มีคลื่นโทรศัพท์เลย ฉันจะเข้าไปถามคนในร้าน”
เอมิกาพยักหน้า วเรศเดินเข้าไปในร้าน

อรวิลาสชะเง้อรอวเรศ ส่วนบรรจงเห็นอรวิลาสนั่งไม่ติดก็รีบเข้ามายุ
“พี่ตั้มไปไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับ” อรวิลาสชะเง้อ
“คงจะกลับง่ายๆหรอกค่ะ เห็นหอบกระเป๋าออกไปส่งนังชะเอมที่บ้านนอกโน่น” บรรจงใส่ไฟ
“อะไรนะ!!! พี่ตั้มไปส่งนังชะเอม!!”
“ลองลงล็อคแบบนี้ นังเอมมันต้องออเซาะขออยู่ค้างๆ กับคุณตั้มแหงๆ เลยเจ้าค่ะ”
“ก็แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอก!!”
“ก็คุณอรอยู่ให้บอกที่ไหนล่ะคะ? จงงี้คันปากยิบๆ...ป่านนี้ไม่รู้ คุณตั้มจะโดนมันปู้ยี้ปู้ยำถึงไหน”
อรวิลาสฮึดฮัดเพราะหงุดหงิด แล้วเธอก็นึกอะไรออก

ปองเทพวางสายแล้วหันมาทางอรวิลาส
“ติดต่อชะเอมไม่ได้ครับ น่าจะแบตหมด” ปองเทพบอก
“แบตหมด หรือว่าจงใจปิดเครื่อง เพราะไม่อยากรับโทรศัพท์นายกันแน่” อรวิลาสสงสัย
“ชะเอมไม่มีทางไม่รับโทรศัพท์ผม แล้วตกลงคุณเล่าให้ผมฟังได้ยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ป่านนี้ชะเอมยังไม่กลับมาเลยน่ะสิ”
ปองเทพแปลกใจ “แล้วชะเอมไปไหน?”
“ไปสุรินทร์กับพี่ตั้ม”
ปองเทพนิ่วหน้า “แล้วชะเอมไปสุรินทร์ทำไม?”
“พ่อเค้าไม่สบาย” อรวิลาสบอก ปองเทพงง “เค้าก็เลยกลับไปเยี่ยมพ่อ” ปองเทพคิด “นายเป็นเพื่อนภาษาอะไรถึงไม่รู้”
ปองเทพนิ่งไปเพราะพอจะรู้ว่าเอมิกาโกหก
“....ก็เราไม่ได้คุยกันทุกเรื่องนี่ครับ”
“เห็นนายเป็นเพื่อนสาวชะเอม ฉันก็นึกว่าจะคุยกันทุกเรื่องซะอีก”
ปองเทพงง “เพื่อนสาว?? เฮ้ย!! คุณอร ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็น ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง”
“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาสนเรื่องของนาย เพราะฉันกังวลใจเรื่องเพื่อนของนายมากกว่า ฉันกลัวแม่นั่นจะพยายามจับพี่ตั้มของฉัน”
“ชะเอมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกครับ ชะเอมมีแฟนอยู่แล้ว”
อรวิลาสชะงัก “จริงเหรอ?”
“จริงสิครับ แฟนชะเอมผมก็รู้จัก หล่อกว่าคุณตั้มอีก และที่สำคัญชะเอมกับแฟนของเค้ารักกันมาก”
“หล่อกว่าแล้วไง? เพราะยังไงพี่ตั้มก็รวยกว่า ต้องน่าสนใจว่าแฟนของยัยนั่นอยู่แล้ว”
ปองเทพคันปากยิกๆ เพราะอยากจะบอกใจแทบขาดว่า “กูน่ะลูกนายพลตำรวจเชียวนะเว๊ย”
“ฉันไม่ไว้ใจเพื่อนนาย” อรวิลาสบอกแล้วคิดนิดนึง “ต่อจากนี้ไปนายต้องเป็นหูเป็นตาให้ฉัน ถ้าเห็นความผิดปกติของเพื่อนนายกับพี่ตั้มเมื่อไหร่ นายต้องรีบมารายงานฉันทันทีเข้าใจ๊?!”
อรวิลาสพูดจบก็เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ ปองเทพเริ่มหึง
“เอมนะเอม ทำไมถึงกล้าไปกับผู้ชายคนอื่นโดยไม่บอกเรา”

ช่างยืนอยู่หน้าเครื่องรถของวเรศ ก่อนจะหันมาทางเอมิกากับวเรศ
“พรุ่งนี้เช้าถึงจะซ่อมเสร็จ” ช่างบอก
เอมิกาตกใจมาก
“พรุ่งนี้?!”
ช่างพยักหน้า เอมิกาหันมาทางวเรศ
“ถ้างั้นฉันกลับก่อนก็แล้วกัน” เอมิกาบอก
“อ้าว?? ทำไมทิ้งกันงี้ล่ะ” วเรศถาม
“ขืนไม่กลับวันนี้ คุณชื่นดุฉันตายเลย”
เอมิกาไม่รอคำตอบ เธอเปิดประตูเอากระเป๋าลงมาสะพายแล้วหันไปทางวเรศ
“ฉันไปนะ”
เอมิการีบเดินออกไปเลยโดยไม่รอคำตอบ วเรศเหวอ

เอมิการีบเดินจ้ำออกมาตามถนนยามค่ำด้วยความดีใจ
“รอดแล้วเรา”
วเรศวิ่งออกมา เขาหันไปเห็นเอมิกากำลังเดินไปก็รีบวิ่งตาม
“ชะเอม..”
เอมิกาหยุดกึกเมื่อได้ยิน แล้วเธอก็รีบเดินต่อ
วเรศรีบเดินตาม “ชะเอม...”
เอมิการีบเดิน วเรศวิ่งตามมาจับไหล่ เอมิกาหันไป วเรศหอบเหนื่อย
“ฉันเรียกไม่ได้ยินเหรอ?”
เอมิกาทำเนียน “ไม่ได้ยินเลยค่ะ” เอมิกาพยายามฝืนยิ้ม “คุณตั้มมีไรคะ”
“ฉันจะกลับด้วย”
เอมิกาอึ้ง “แล้วรถคุณ?”
“พรุ่งนี้ฉันจะให้คนมารับ”
เอมิกาเหวอ
“เดี๋ยวฉันโทรบอกอาพีก่อนว่าเรากำลังจะกลับ”
วเรศหยิบมือถือออกมากดโทรออก เอมิการู้สึกอยากจะบ้า

วเรศกับเอมิกาเดินมายังที่นั่งในรถทัวร์ เอมิกาจะเอากระเป๋าวางข้างบน
วเรศอาสา “ฉันช่วย”
วเรศรับกระเป๋ามาเก็บขึ้นที่ชั้นบน พอเขาหันไปก็ผงะเพราะหน้าตัวเองใกล้กับเอมิกามาก เอมิการีบถอยออกมา วเรศเข้าไปนั่งชิดริมหน้าต่าง เอมิกากำลังจะเข้าไปนั่งแต่มีคนหอบของพะรุงพะรังเดินมากระแทกเอมิกาอย่างแรง เอมิกาตกใจและเซมานั่งตักวเรศ วเรศกับเอมิกาอึ้ง เอมิกากับวเรศรีบลุกขึ้นยืน
เอมิการีบบอก “มีคนเดินชนฉัน”
“ฉันเห็นแล้ว”
เอมิกากับวเรศมีท่าทางเก้อๆ แล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆนั่งลงก่อนจะหันหน้าไปคนละข้างเพราะทำหน้าไม่ถูก

รถทัวร์กำลังแล่นไปบนถนน เอมิกากับวเรศนั่งนิ่งกันมาก วเรศหันไปทางหน้าต่าง ส่วนเอมิกาหาว ตาของเธอค่อยๆปิด แล้วก็นั่งสัปหงก เอมิกาสะดุ้งตื่นแต่ก็ทนง่วงต่อไปไม่ไหว เธอจะปรับเบาะให้เอนลงแต่ก็ปรับไม่ได้ วเรศหันไปมองแล้วก็เอื้อมมือข้ามตัวเอมิกามาปรับเบาะให้โดยไม่พูดอะไร เอมิกาชะงักเพราะวเรศอยู่ใกล้ตัวเธอมาก
“ทำไมมันแข็งแบบนี้?” วเรศพูดโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเอมิกา “ผลักเบาะลงไปแรงๆสิชะเอม”
เอมิกาพิงเบาะแล้วดันเต็มแรง วเรศก็ออกแรงเต็มที่ทำให้เบาะเอนไปด้านหลัง วเรศทรงตัวไม่อยู่จึงเอนตามไปด้วย พอหันไปจมูกของเขาก็เกือบจะชนกับจมูกของเอมิกา ทั้งสองตกใจ วเรศรีบผละออกห่าง
เอมิกากล่าว “อ่า...ขอบคุณนะคะ”
วเรศพยักหน้าแล้วก็เอนเบาะตัวเองลงไปบ้าง

นงลักษณ์หัวยุ่งตอนรับโทรศัพท์จากปองเทพ
“ไอ้เอมมันไม่ได้เต็มใจไปกับเค้าซะหน่อย แกอย่านอยด์ให้มันมากได้มั้ย” นงลักษณ์ว่า
ปองเทพโวยวาย
“ก็แล้วทำไมถึงติดต่อเอมไม่ได้ โทรไปก็ไม่รับ”
“มันกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน แกจะไปกดดันอะไรมันนักหนา รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวมันก็กลับมา” นงลักษณ์วางสายใส่
ปองเทพนิ่วหน้าไม่พอใจเพราะยังไงก็ยังเป็นห่วงเอมิกาอยู่ดี


รถทัวร์วิ่งมาจอดให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน ขณะที่ผู้โดยสารทยอยลงไปยืดเส้นยืดสาย เอมิกายังนอนหลับปุ๋ย วเรศสะกิดเรียก เอมิกาสะบัดตัวด้วยความรำคาญ วเรศเหนื่อยใจกับความขี้เซาของเอมิกา
“เอม... ตื่นเถอะ”
เอมิกางัวเงียขึ้นมาแล้วก็เห็นว่ารถจอดอยู่
เอมิกาพูดน้ำเสียงงัวเงีย “ถึงแล้วเหรอ”
“ยัง แค่แวะพักรถ... ลงไปข้างล่างกัน”
“ไม่ไป ฉันจะนอน” เอมิกาหลับใส่
วเรศดึงเอมิกาไว้ “อย่ามาเอาเปรียบกันอย่างนี้ เพราะเธอคนเดียว ทำเอาฉันหลับไม่ได้”
เอมิกาเหนื่อยใจ “คุณจะนอนก็นอนไปซี่ ใครเค้าจะว่าอะไร”
“ก็ฉันหิวจนหลับไม่ลง เธอต้องลงไปกับฉัน”
“โอ๊ะ..”
วเรศลากเอมิกาที่สะลึมสะลือลงจากรถไปพร้อมกัน

เอมิกานั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะในร้านขายข้าวแกง วเรศยกจานข้าวราดแกงมาวางตรงหน้าเอมิกา
“กินซะ เมื่อเย็นกินไปนิดเดียว เดี๋ยวได้เป็นลมตาย”
เอมิกาสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมามอง วเรศยัดช้อนส้อมใส่มือให้แต่เอมิกายังไม่ได้สติ ตาของเธอค่อยๆปรือลงหัวก็เริ่มสั่นคลอนไปมา วเรศตั้งหน้าตั้งตากินจนไม่ได้มอง
“เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันหิวจนตาลาย แต่นี่เธอเล่นเอาแต่หลับใส่ไม่รู้เลยว่าใครเค้าทรมานยังไงแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน” วเรศว่า
เอมิกาสัปหงกจนหัวโขกโต๊ะหน้าทิ่มปักลงไปในจานข้าวเสียงดังลั่น
วเรศตกใจ “เอม!!!”
เอมิกาได้สติตื่นขึ้นมา มีข้าวติดที่ปลายจมูกและเส้นผมของเธอ
“อื๊อ..”.
“เป็นอะไรรึเปล่า” วเรศเอาทิชชู่มาเช็ดหน้าให้อย่างอึ้งๆปนขำ “นี่ฉันเองนะจำได้มั้ย”
เอมิกาดึงทิชชู่มาเช็ดหน้าตัวเองอย่างงอนๆ “ฉันแค่ง่วง ไม่ได้เป็นอะไร”
“เล่นนอนเป็นงูแมวเซาใครเข้าเห็นจะนึกว่าฉันวางยาในข้าวเธอรู้มั้ย?”
เอมิกามองตัวเองอย่างอายๆ “เลอะหมดเลย...” เอมิกาปัดเศษข้าวออกจากผม
วเรศขำกับท่าทางใสๆอย่างเป็นธรรมชาติของเอมิกา
“หัวเราะอะไร เพราะคุณคนเดียวเลยเห็นมั้ย” เอมิกาว่า
เอมิกางอนจึงรีบลุกไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ วเรศมองตามแล้วอดขำไม่ได้

รถทัวร์กำลังวิ่งมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เอมิกายังคงหลับอุตุ วเรศที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองเอมิกาที่หลับไปอย่างเอ็นดู วเรศเผลอยิ้มออกมาแล้วช่วยเขี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าของเอมิกาออกให้อย่างเคลิ้มๆพอรู้สึกตัวว่าแอบมองเอมิกาอยู่วเรศก็นึกอายตัวเอง เขารีบละสายตาแล้วหันมานั่งปกติ
ทันทีที่วเรศทำท่าจะข่มตาหลับ เอมิกาก็เอาหัวมาซบไหล่ของวเรศทำให้วเรศสะดุ้งตื่นแล้วหันไปมอง พอเห็นเอมิกากำลังเคลิ้มหลับ วเรศก็ขยับตัวให้เอมิกาค่อยๆ พิงซบมากับบ่าของเขาได้อย่างสบาย เอมิกาหลับซบวเรศอย่างลืมตัว วเรศลอบมองหน้าเอมิกาเพราะเขารู้สึกดีแบบแปลกๆ จนต้องยิ้มออกมา

พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้า วเรศนอนหลับ หัวของเขาเอนซบหัวเอมิกาอยู่ รถทัวร์จอด เสียงเด็กรถดังขึ้น
“ถึงกรุงเทพแล้วเพ่”
วเรศกับเอมิกาลืมตาตื่นแล้วต่างฝ่ายต่างก็ตกใจเพราะรู้ว่ากำลังนอนซบกัน ทั้งสองคนรีบผละออกห่างจากกันทันที
วเรศพูดแก้เขิน “เออ..ถึงแล้ว”
เอมิกาพยักหน้าแล้วหันไปทางอื่นก่อนจะทำหน้าแปลกใจตัวเอง แล้วก็รีบลุกขึ้นจะเอากระเป๋า วเรศรีบลุกขึ้นช่วย
“ฉันหยิบให้”
วเรศหยิบกระเป๋าให้เอมิกา เอมิการีบรับมา
“ฉันกลับเลยนะคะ” เอมิกยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
เอมิการีบเดินหนีออกไปจากรถทันทีด้วยความอาย วเรศมองตามแล้วอมยิ้ม วเรศลุกขึ้นจะเดินตามแต่ เขาเห็นมือถือของเอมิกาหล่นอยู่ที่เบาะ

วเรศรีบเดินตามเอมิกาในขณะที่เอมิกาเอาแต่เดินจ้ำหนี
“จะกลับยังไง” วเรศถาม
เอมิกาตอบแบบตัดรำคาญ “ขึ้นรถแถวนี้นี่แหละค่ะ”
“มีเงินรึเปล่า”
“มี”
วเรศจะหยิบมือถือคืนให้ “แน่ใจนะ...”
เอมิกาสวนทันที “พอแล้ว ฉันง่วง ไม่มีอะไรต้องตอบแล้ว ขออนุญาตไปก่อนนะคะ อ้อ...แล้วก็ขอบคุณมากนะคะที่ขับรถไปส่ง” เอมิกายกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
“อ้าว...เดี๋ยวสิเอม... เอม อย่าเพิ่งไป” วเรศพยายามจะคืนมือถือให้
เอมิกาทนไม่ไหวจึงรีบชิ่งหนีไปอย่างไว วเรศจึงจำต้องเก็บมือถือของเธอเอาไว้
-

เวลาผ่านไป เอมิกานั่งบนพื้นบ้านชื่นฤทัย ชื่นฤทัยกับอรวิลาสนั่งอยู่ด้วยกัน
“พ่อเธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปพักเถอะไป” ชื่นฤทัยบอก
“ขอบคุณค่ะ”
เอมิกายกมือไหว้ชื่นฤทัยแล้วก็เดินออกไป อรวิลาสมองตามด้วยความระแวงและสงสัย

เอมิกาเพิ่งกลับมาถึงเรือนคนใช้ เธอมีสีหน้าเหนื่อยมาก ปองเทพมาดักรอ เอมิกาชะงัก
“ป่อง...”
“เรื่องมันเป็นไงมาไง ทำไมเอมถึงต้องโกหกว่าพ่อไม่สบาย รู้มั๊ยว่าเมื่อคืนคุณอรมาซักเราไม่หยุด แล้วนี่คุณตั้มเค้าทำอะไรเอม รึเปล่า?แล้วทำไมเอมถึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ มันเกิดอะไรขึ้น??” ปองเทพถามเป็นชุด
เอมิการีบขัดขึ้น “โอ๊ย!! หยุด!! ตอบไม่ทันแล้ว”
ปองเทพยิ้มแหย “ขอโทษ...ก็เราเป็นห่วงเอม”
“ไปคุยกันที่อื่น ตรงนี้ไม่ปลอดภัย”
เอมิกาหันไปมองรอบๆ แล้วก็รีบพาปองเทพเดินออกไป

ปองเทพฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเอมิกาแล้วก็ทึ่งมาก
“เอมตีบทแตกกระจุยจนทำให้คุณตั้มเชื่อสนิทใจ ต่อไปนี้เค้าคงจะไม่สงสัยอะไรในตัวเอมอีกแล้ว”
“แต่เราโกหกเค้าไว้หลายเรื่อง เรากลัวจะหลุดเองน่ะสิ” เอมิกาบอก
“ก็จริงอ่ะนะ เอมต้องจดเอาไว้นะว่าโกหกเค้าไปเรื่องอะไรบ้าง” ปองเทพแนะนำ เอมิกาพยักหน้าแล้วปองเทพก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เออนี่เอม..เมื่อคืนคุณอรสั่งให้เราจับตาดูเอมกับคุณตั้ม” เอมิกาชะงัก “เค้ากลัวว่าเอมจะชอบคุณตั้ม” เอมิกาหน้าถอดสี “เรานะคันปากยิกๆ เกือบจะบอกออกไปแล้วว่าเรากับเอมเป็นอะไรกัน”
เอมิกานิ่งไปเพราะพูดอะไรไม่ออก

ปองเทพกำลังเดินกลับมาใบ้านแป๊ะ มีเสียงนกดังขึ้น “จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ” ปองเทพไม่สนใจ อรวิลาสที่แอบอยู่พยายามทำเสียงนกให้ดังมากขึ้น แต่ปองเทพก็ยังไม่สน อรวิลาสสุดทนจึงออกมาจากที่ซ่อน
“คนใช้น้าแป๊ะ!”
ปองเทพหันไปเห็นอรวิลาสยืนอยู่ก็แปลกใจ
“นายไม่ได้ยินที่ฉันเรียกเหรอไง” อรวิลาสถาม
ปองเทพชะงัก “เสียงนกนั่น?”
“ก็เออสิ..ร้องจนคอแทบแตก”
“คุณมีอะไร”
“ฉันเห็นนายกับชะเอมคุยกัน คุยกันเรื่องอะไร?”
ปองเทพอึกอัก “ผมถามชะเอมว่าทำไมเพิ่งกลับมา”
“แล้วเค้าว่าไง?”
“ชะเอมบอกว่ารถคุณตั้มเสีย เลยต้องนั่งรถทัวร์กลับมากับคุณตั้มครับ”
“แค่เนี้ยเหรอ?”
“แค่เนี้ยครับ”
“นายทำดีมาก มีอะไรก็รีบมารายงานฉันล่ะ”
อรวิลาสเดินออกไป ปองเทพเกาหัวด้วยความงง
“นี่เรากลายเป็นคนของคุณอรตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เอมิกานุ่งผ้าถุงโดยมีผ้าขนหนูคลุมไหล่นั่งอยู่บนโถส้วม แทปเล็ตวางอยู่บนตัก เอมิกานั่งพิมพ์อะไรไปด้วย ที่หน้าจอแทปเลตเอมิกาพิมพ์คำว่า “คุณตั้ม” แล้วต่อด้วยข้อความ
“คุณตั้ม...ผู้ชายปากร้าย ขี้สงสัย อยากรู้อะไรต้องรู้ให้ได้ แต่อีกด้านหนึ่งเค้าก็เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ถือตัว”
เอมิกาเผลอยิ้มปลื้มออกมและมีาแววตาเป็นประกาย เธอนึกย้อนไปถึงตอนที่วเรศช่วยเก็บกระเป๋า ตอนที่ตื่นมาเจอตัวเองซบไหล่วเรศ
“หล่อ ดูดี ยิ้มสวย น่ารัก ตาหวาน..”
แล้วเอมิกาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเพ้อ เอมิการีบหุบยิ้มแล้วก็ปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นเห็นตัวเองหน้าแดงในกระจก เอมิกาตกใจ
“ห้ามว่อกแว่กเด็ดขาดนะเอมิกา เรามาหาข้อมูลคนใช้นะ ไปยุ่งกับอีตาเลขาทำไม..” เอมิกานิ่งคิด “หรือว่า..เอามาเป็นพระเอกของเราซะเลย”
เอมิกาพยายามสงบสติและข่มใจที่จะไม่คิดถึงวเรศ

ในขณะเดียวกัน วเรศกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาดูโทรศัพท์มือถือของเอมิกาแล้วก็ยิ้ม เขานึกย้อนกลับไปตอนที่เห็นเอมิกาเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าว พอนึกถึงเหตุการณ์นั้น วเรศก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เอมิกากำลังตากผ้าโดยเธอเริ่มทำได้คล่องขึ้น ทันใดนั้นอเนกก็ย่องมากอดเอมิกา เอมิกาตกใจพอหันไปเห็นอเนกก็แทบช็อค
“คุณอเนก!!”
อเนกไม่ยอมปล่อย “วันนี้อีอ้วนเมียพี่ไม่อยู่ พี่ก็เลยมาหาน้องชะเอม”
เอมิการีบผลักอเนกออกห่างแล้วถอยไปตั้งหลัก
“แล้วคุณมาหาฉันทำไม?”
“ก็คืนนั้นน้องชะเอมไม่มาตามนัดพี่ แต่ดันส่งบรรจงมาแทน” อเนกว่า เอมิกาหน้าถอดสี “พี่ก็เลยต้องมาหาด้วยตัวเอง ทำไมน้องชะเอมถึงได้เล่นตัวแบบนี้ล่ะจ๊ะ”
“ฉันไม่ได้เล่นตัวนะคะ”
“ไม่ได้เล่นตัวก็ดี ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาหาไรหนุกๆ ทำดีกว่า เฮอะๆ”
อเนกยิ้มหื่น เอมิกามองแล้วก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“ฉันว่าคุณกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลยนะ”
อเนกขยับมาใกล้ เอมิการีบถอยหนี
“น้องชะเอมไม่คิด แต่พี่คิด..มามะ..มาให้หอมซะดีดี”
เอมิกาหันหลังจะวิ่งหนี แต่อเนกเข้ามาจับแขนเอมิกาเอาไว้ เอมิกาตกใจรีบสะบัดมือออก แต่อเนกกลับรวบตัวเอมิกาเข้ามา เอมิกาตกใจสุดขีด
“คุณจะทำอะไร?!! ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย...” อเนกยิ้มพร้อมยักคิ้ว
เอมิกาโมโห “ไม่ปล่อยใช่มั๊ย” อเนกลอยหน้าลอยตา “ได้..งั้นฉันจะจัดชุดใหญ่ให้คุณเอง”
อเนกดีใจมาก เอมิกากระทืบเท้าอเนก อเนกร้องลั่นและรีบปล่อยมือจากเอมิกา
“อ๊ากกก!!”
เอมิกาเห็นไม้กวาดทางมะพร้าวจึงคว้าขึ้นมาฟาดอเนกไม่หยั้ง อเนกร้องไม่หยุด
“เฮ้ย!! โอ๊ย! หยุด..อย่า...!”
เอมิกาไม่หยุด อเนกจับไม้กวาด เอมิกาตกใจ แล้วทั้งสองก็ยื้อยุดกัน อเนกออกแรงดึงไม้กวาดมาทำให้เอมิกาถลาเข้ามาหาอเนก อเนกรับเธอไว้ในอ้อมกอด เอมิกาตกใจ อเนกยื่นหน้าพยายามจะจูบเอมิกา ทันใดนั้นเสียงอรทัยก็ดังขึ้น
“ไอ้อเนก!!”
อเนกกับเอมิกาหันไปเห็นอรทัยยืนจังก้าอยู่ก็ตกใจ เอนกรีบปล่อยเอมิกาแล้วรีบแก้ตัวกับอรทัย
“ชะเอมพยายามจะเสนอตัวให้ผม” อเนกบอก เอมิกาตกใจ “พอผมปฏิเสธ เธอก็เลยจะปล้ำ”
เอมิกาฉุนมาก “โกหก!! คุณต่างหากที่พยายามจะทำอะไรฉัน!!”
อรทัยหันไปมองอเนก อเนกรีบส่ายหัว
“ผมเปล่านะ จะให้ผมสาบานก็ได้” อเนกทำมืออุ๊บอิ๊บไว้ข้างหลัง “ผมไม่กล้านอกใจคุณหรอก”
อรทัยหันขวับไปจ้องหน้าเอมิกา เอมิกาตกใจมาก
“มันไม่จริงเลยนะคะคุณอรทัย” เอมิกาบอก
อรทัยเดินมาประจันหน้ากับเอมิกา
“หุบปาก!! ผู้หญิงอย่างแกไม่มีปัญญาหาผัวเองรึไง ถึงต้องแย่งผัวคนอื่น”
เอมิกาหันไปมองอเนกที่ไม่กล้าสู้หน้าก็ยิ่งหัวเสีย
“แบบนี้มันต้องเจอตบ”
อรทัยกำลังจะเงื้อมือตบ เอมิกาหลับตาปี๋เพราะคิดว่าโดนแน่ แต่วเรศรีบเข้ามาขวาง เขาจับแขนอรทัยเอาไว้
อรทัยตกใจ “ตั้ม!!”
เอมิกาลืมตาเห็นวเรศมาช่วยเอาไว้ก็โล่งใจสุดๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย?” วเรศถาม
วเรศหันไปมองเอมิกาที่กำลังมองเขาด้วยสีหน้าขอความเห็นใจ

เอมิกานั่งอยู่บนพื้นข้างวเรศที่นั่งอยู่กับชื่นฤทัย โดยมีอรทัยและอเนกนั่งอยู่ด้วย
“พี่ชื่นต้องจัดการให้น้องนะคะ นังนี่มันมาอ่อยคุณอเนก” อรทัยฟ้อง
อเนกทำหน้าแบบว่าเขาเป็นฝ่ายเสียหาย เอมิกาไม่พอใจ
“ไม่จริงค่ะ คุณอเนกมาหาฉันเอง”
“แต่วันก่อนเธอแอบมาหาฉันในบ้าน “ อเนกรีบพูด
“ฉันไม่ได้ไปหาคุณ ฉันไปหาพวกคุณยายต่างหาก” เอมิกาบอก
วเรศหันไป “แล้วเธอไปหาคนของบ้านคุณอาอรทัยทำไม?”
“ฉันเอาส้มที่คุณชื่นให้..ไปแบ่งให้คุณยาย ฉันเห็นพวกคุณยายไม่ค่อยมีอะไรทาน ทั้งๆที่ทำงานหนัก”
อรทัยเดือด “นี่เธอหาว่าฉันใช้แรงงานคนแก่เหรอ?!!” เอมิกาเงียบ “พี่ชื่นต้องไล่มันออกนะคะ มันพูดจาสามหาวกับน้อง”
เอมิกาตกใจ วเรศรีบช่วยพูด
“อย่าให้ต้องถึงขนาดนั้นเลยครับ ผมว่าเราเรียกคุณยายมาถามดีกว่าว่าสิ่งที่ชะเอมพูดเป็นความจริงรึเปล่า”
“ฉันเห็นด้วยกันหลานตั้ม” ชื่นฤทัยหันไปทางอรทัย “ไปตามคนของเธอมา”
อเนกเริ่มหน้าเสีย


คุณยาย 3 คนมานั่งอยู่ข้างๆ อรทัยกับอเนก
“แม่หนูคนนี้เอาส้มมาให้พวกเราจริงๆค่ะ” ยายแจ่มบอก
อเนกตาโต อรทัยหันขวับไปมองอเนกที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆ
“จบเรื่องแล้วนะอรทัย” ชื่นฤทัยสรุป
อรทัยหันไปมองเอมิกาตาเขียวปั๊ด เอมิกาถึงกับสะดุ้ง แล้วอรทัยก็ลุกขึ้นยืน
อรทัยพูดกับอเนก “กลับบ้าน!!”
อรทัยเดินฉับๆออกไปแบบแทบจะเหยียบเอมิกา อเนกรีบตามอรทัยไปติดๆ ตามมาด้วยคุณยายทั้ง 3 คน เอมิกาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
กำลังโหลดความคิดเห็น